Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore monpiti

monpiti

Published by hua ron, 2021-09-09 10:48:25

Description: monpiti

Search

Read the Text Version

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ที่ 249 ยัสสายสั มะโต ขะมะติ เอตสิ สา สีมายะ สะมานะสังวาสายะ เอกุโปสะถา สะมุคฆาโต, โส ตณุ หสั สะ ยัสสะ นักขะมะติ โส ภาเสยยะ, สะมูหะตา สา สีมา สังเฆนะ สะมานะสังวาสา เอกุโกสะถา. ขะมะตี สังฆสั สะ, ตสั มา ตุณหี, เอวะเมตัง ธาระยาม.ิ คำสมมติสมำนสังวำสสีมำ สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ. ยาวะตา สะมันตา นมิ ติ ตา กติ ติตา ยะทิ สังฆสั สะ ปัตตะกลั ลงั . สังโฆ เอเตหิ นมิ ติ เตหิ สีมัง สัมมันเนยยะ สะมานะสังวาสัง เอกุโปสะถัง. เอสา ญตั ต.ิ สุณาตุ เม ภนั เต สังโฆ. ยาวะตา สะมันตา นมิ ิตตา กติ ติตา, สังโฆ เอเตหิ นมิ ิตเตหิ สีมงั สัมมันะติ สะมานะสังวาสัง เอกุโปสะถัง. ยสั สายัสมะโต ขะมะติ เอเตหิ นมิ ิตเตหิ สีมายะ สัมมะติ สะมานะสังวาสายะ เอกโุ ปสะถายะ, โส ตณุ หสั สะ, ยสั สะ นักขะมะติ โส ภาเสยยะ. สัมมะตา สีมา สังเฆนะ เอเตหิ นมิ ติ เตมิ สะมานะสังวาสา เอกโุ ปสะถา. ขะมะติ สังฆสั สะ, ตัสมา ตุณหี, เอวะเมตงั ธาระยามิ. คำสมมติติจีวรำวิปปวำส สุณาตุ เม ภนั เต สังโฆ. ยา สา สังเฆนะ สีมา สัมมะตา สะมานะสังวาสา เอกโุ ปสะถา ยะทิ สังฆสั สะ ปัตตะกลั ลงั , สังโฆ ตัง สีมงั ตจิ ีวะเรนะ อะวปิ ปะวาสัง สัมมันเนยยะ ฐะเปตวา คามัญจะ คามุปะจารัญจะ, เอสา ญตั ต.ิ

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ที่ 250 สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ. ยา สา สังเฆนะ สีมา สัมมะตา สะมานะสังวาสา เอกุโปสะถา, สังโฆ ตงั สีมงั ตจิ วี ะเรนะ อะวิปปะวาสัง สัมมนั นะติ ฐะเปตวา คามญั จะ คามปุ ะจารัญจะ ยสั สายสั มะโต ขะมะติ เอตสิ สา สีมายะ ติจวี ะเรนะ อะวปิ ปะวาสัสสะ สัมมะติ ฐะเปตวา คามัญจะ คามุปะจารัญจะ, โส ตณุ หสั สะ, ยัสสะ นกั ขะมะติ โส ภาเสยยะ. สัมมะตา สา สีมา สังเฆนะ ติจวี ะเรนะ อะวปิ ปะวาโส ฐะเปตวา คามญั จะ คามุปะจารัญจะ. ขะมะติ สังฆสั สะ, ตัสมา ตุณห,ี เอวะเมตงั ธาระยาม.ิ คำทกั นิมิต ในทิศตะวนั ออก วำ่ ปุรัตถมิ ายะ ทิสายะ กงิ นมิ ติ ตงั ในทิศตะวนั ออกเฉียงใต้ วำ่ ปุรัตถมิ ายะ อะนุทสิ ายะ กงิ นิมิตตัง ในทิศใต้ วำ่ ทกั ขณิ ายะ ทสิ ายะ กงิ นิมติ ตงั ในทิศตะวนั ตกเฉียงใต้ วำ่ ทกั ขิณายะ อะนุทสิ ายะ กงิ นิมิตตงั ในทิศตะวนั ตก วำ่ ปัจฉิมายะ ทสิ ายะ กงิ นมิ ติ ตงั ในทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือ วำ่ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ กงิ นมิ ิตตัง ในทิศเหนือ วำ่ อตุ ตะรายะ ทสิ ายะ กงิ นิมติ ตงั ในทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือ วำ่ อุตตะรายะ อะนุทสิ ายะ กงิ นิมิตตัง ซ้ำในทิศตะวนั ออกอีก วำ่ ปุรัตถมิ ายะ ทสิ ายะ กงิ นิมติ ตงั คำตอบ แสดงศิลำนิมิตเป็นตวั อยำ่ ง วำ่ ปาสาโณ ภันเต

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ท่ี 251 พระสะหัสสะนยั สุทธิกะปะฏิปะทำ (กสุ ะลา ธัมมา อะกสุ ะลา ธัมมา อพั ยากะตา ธัมมา) กะตะเม ธัมเม กสุ ะมา ยสั มิง สะมะเย โลกตุ ตะรัง ฌานัง ภาเวติ นยิ ยานิกงั อะปะจะยะคามิง ทฏิ ฐิคะตานงั ปะหานายะ ปะฐะมายะ ภูมิยา ปัตตยิ า วิวิจเจวะ กาเมหิ ปะฐะมงั ฌานงั อปุ ะสัมปัชชะ วหิ ะระติ ทกุ ขาปะฏิปะทัง ทันธาภญั ญงั ทกุ ขาปะฏปิ ะทงั ขิปปาภกิ ญญงั สุขาปะฏปิ ะทัง ทันธาภัญญงั สุขาปะฏิปะทงั ขปิ ปาภิญญัง ตัสมงิ สะมะเย ผสั โส โหติ อะวกิ เขโป โหติ อเิ ม ธัมมา กสุ ะลา กะตะเม ธัมมา กสุ ะลา ยสั มิง สะมะเย โลกุตตะรัง ฌานัง ภาเวติ นยิ ยานกิ งั อะปะจะยะคามิง ทิฏฐิคะตานงั ปะหานายะ ปะฐะมายะ ภูมิยา ปัตตยิ า วติ กั กะวจิ ารานงั วปู ะสะมา ทตุ ยิ งั ฌานัง ตะตยิ งั ฌานัง จะตตุ ถัง ฌานงั ปะฐะมงั ฌานัง ปัญจะมงั ฌานัง อปุ ะสัมปัชชะ วิหะระติ ทุกขาปะฏิปะทงั ทนั ธาภิญญัง ทุกขาปะฏิปะทงั ขปิ ปาภญิ ญัง สุขาปะฏปิ ะทงั ทนั ธาภิญญงั สุขาปะ- ฏิปะทัง ขิปปาภญิ ญัง ตสั มิง สะมะเย ผสั โส โหติ อะวกิ เขโป โหติ อเิ ม ธัมมา กสุ ะลา

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ที่ 252 สุญญะตะมลู ะกะปะฏิมำ กะตะเม ธัมมา กสุ ะลา ยัสมงิ สะมะเย โลกุตตะรัง ฌานัง ภาเวติ นยิ ยานกิ งั อะปะจะยะคามงิ ทฏิ ฐิคะตานัง ปะหานายะ ปะฐะมายะ ภูมยิ า ปัตตยิ า วิวจิ เจวะ กาเมหิ ปะฐะมัง ฌานงั อปุ ะสัมปัชชะ วิหะระติ ทุกขาปะฏปิ ะทงั ทันธาภญิ ญงั สุญญะตัง ทุกขาปะฏปิ ะทัง ขิปปาภญิ ญัง สุญญะตัง สุขาปะฏปิ ะทัง ทันธา- ภญิ ญงั สุญญะตงั สุขาปะฏปิ ะทัง ขิปปาภญั ญัง สุญญะตงั ตัสมงิ สะมะเย ผสั โส โหติ อะวกิ เขโป โหติ อเิ ม ธัมมา กสุ ะลา กะตะเม ธัมมา กสุ ะลา ยสั มงิ สะมะเย โลกตุ ตะรัง ฌานงั ภาเวติ นยิ ยานกิ งั อะปะจะยะคามงิ ทิฏฐิคะตานงั ปะหานายะ ปะฐะมายะ ภูมยิ า ปัตตยิ า วิตกั กะวิจารานงั วปู ะสะมา ทตุ ยิ งั ฌานัง ตะตยิ งั ฌานงั จะตุตถัง ฌานงั ปะฐะมงั ปัญจะมัง ฌานงั อุปะสัมปัชชะ วหิ ะระติ ทกุ ขาปะฏปิ ะทงั ทนั ธาภญิ ญงั สุญญะตงั ทกุ ขาปะฏิปะทัง ขปิ ปาภญิ ญงั สุญญะตัง สุขาปะฏิปะทงั ทันธาภญิ ญงั สุญญะตงั สุขาปะฏิปะทงั ขปิ ปาภญิ ญงั สุญญะตงั ตสั มิง สะมะเย ผสั โส โหติ อะวกิ เขโป โหติ อเิ ม ธัมมา กสุ ะลา อปั ปะณิหิตะปะฏิปะทำ กะตะเม ธัมมา กสุ ะลา ยัสมิง สะมะเย โลกตุ ตะรัง

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ท่ี 253 ฌานงั ภาเวติ นยิ ยานิกงั อะปะจะยะคามงิ ทิฏฐิคะตานงั ปะหานายะ ปะฐะมายะ ภูมิยา ปัตตยิ า ววิ จิ เจวะ กาเมหิ ปะฐะมงั ฌานงั อุปะสัมปัชชะ วิหะระติ ทกุ ขาปะฏิปะทงั ทนั ธาภญิ ญงั อปั ปะ- ณิหติ งั ทุกขาปะฏิปะทัง ขปิ ปาภิญญัง อปั ปะณหิ ติ ัง สุขาปะฏิปะทงั ทันธาภญิ ญงั อปั ปะณิหติ งั สุขาปะฏิปะทงั ขิปปาภญิ ญัง อปั ปะณิหติ ัง ตัสมิง สะมะเย ผสั โส โหติ อะวกิ เขโป โหติ อเิ ม ธัมมา กสุ ะลา กะตะเม ธัมมา กุสะลา ยัสมิง สะมะเย โลกตุ ตะรัง ฌานงั ภาเวติ นยิ ยานกิ งั อะปะจะยะคามิง ทฏิ ฐิคะตานงั ปะหายนายะ ปะฐะ- มายะ ภูมิยา ปัตตยิ า วิตกั กะวิจารานงั วปู ะสะมา ทุติยัง ฌานงั ตะตยิ ัง ฌานัง จะตตุ ถัง ฌานัง ปะฐะมงั ฌานงั ปัญจะมงั ฌานงั อปุ ะสัมปัชชะ วหิ ะระติ ทุกขาปะฏิปะทงั ทนั ธาภิญญงั อปั ปะณิหติ ัง ทุกขาปะฏปิ ะทงั ขิปปาภญิ ญัง อปั ปะณิหิตัง สุขาปะฏิ- ปะทัง ทนั ธาภญิ ญงั อปั ปะณหิ ติ ัง สุขาปะฏิปะทงั ขิปปาภญิ ญงั อปั ปะณหิ ติ งั ตสั มิง สะมะเย ผสั โส โหติ อะวกิ เขโป โหติ อเิ ม ธัมมา กสุ ะลา อะธิปะติ กะตะเม ธัมมา กุสะลา ยสั มิง สะมะเย โลกตุ ตะรัง ฌานัง ภาเวติ นยิ ยานกิ งั อะปะจะยะคามงิ ทิฏฐิคะตานงั ปะหา- นายะ ปะฐะมายะ ภูมยิ า ปัตตยิ า ววิ จิ เจวะ กาเมหิ ปะฐะหงั

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ท่ี 254 ฌานงั อุปะสัมปัชชะ วหิ ะระติ ทุกขาปะฏิปะทงั ทนั ธาภิญญัง ฉันทาธิปัตเตยยัง วริ ิยาธิปัตเตยยงั จิตตาธิปัตเตยยงั วมิ ังสาธิปัตเตยยงั ทกุ ขาปะฏิปะทัง ขปิ ปาภญิ ญัง ฉันทาธิปัตเตยยงั วริ ิยาธิปัตเตยยัง จติ ตาธิปัตเตยยงั วิมังสาธิปัตเตยยัง สุขาปะฏิปะทงั ทนั ธาภิญญงั ฉันทาธิปัตเตยยัง วริ ิยาธิปัตเตยยัง จติ ตาธิปัตเตยยัง วิมงั สาธิปัตเตยยงั สุขาปะฏิปะทัง ขปิ ปาภญิ ญัง ฉันทาธิปัตเตยยัง วิริยาธิปัตเตยยงั จติ ตาธิปัตเตยยงั วมิ ังสาธิตเตยยัง ตสั มงิ สะมะเย ผสั โส โหติ อะวิกเขโป โหติ อเิ ม ธัมมา กุสะลา กะตะเม ธัมมา กุสะลา ยัสมงิ สะมะเย โลกตุ ตะรัง ฌานัง ภาเวติ นยิ ยานิกงั อะปะจะยะคามงิ ทฏิ ฐิคะตานงั ปะหานายะ ปะฐะมายะ ภูมยิ า ปัตตยิ า วิตักกะวิจารนัง วปู ะสะมา ทุตยิ ัง ฌานัง ตะตยิ งั ฌานัง จะตตุ ถงั ฌานงั ปะฐะมงั ฌานัง ปัญจะมงั ฌานัง อุปะสัมปัชชะ วิหะระติ ทุกขาปะฏิปะทงั ทันธาภญิ ญัง ฉันทาธิปัตเตยยัง วริ ิยาธปิ ัตเตยยงั จิตตาธิปัตเตยยัง วิมงั สาธิปัตเตยยงั ทุกขาปะฏปิ ะทงั ขปิ ปาภญิ ญัง ฉันทาธิปัตเตยยงั วิริยาธิปัตเตยยัง จิตตาธิปัตเตยยงั วมิ ังสาธิปัตเตยยงั สุขาปะฏปิ ะทัง ทนั ธาภญิ ญัง ฉันทาธิปัตเตยยัง วิริยาธิปัตเตยยัง จติ ตาธิปัตเตยยงั วิมังสาธิปัตเตยยัง สุขาปะฏปิ ะทงั ขิปปาภญิ ญงั ฉันทาธิปัตเตยยงั วริ ิยาธิปัตเตยยงั จิตตาธิปัตเตยยงั วิมงั สาธิปัตเตยยงั (อะทุกขะมะสุขาปะฏิปะทัง ทันธาภญิ ญัง ฉันทาธิปัตเตยยงั วริ ิยาธิปัตเตยยัง จติ ตาธิปัตเตยยงั วมิ งั สาธิปัตเตยยงั อะทุกขะมะสุขาปะฏิปะทัง ขปิ ปาภญิ ญงั ฉันทาธิ- ปัตเตยยัง วริ ิยาธิปัตเตยยงั จิตตาธิปัตเตยยงั วมิ ังสาธิปัตเตยยัง) ตสั มงิ สะมะเย ผัสโส โหติ อะวกิ เขโป โหติ อเิ ม ธัมมา กสุ ะลา

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ท่ี 255 พธิ ีการทาบุญ ตามประเพณีของชาติที่เจริญแล้ว ย่อมมีพิธีการทาบุญต่าง ๆ กนั ตาม คตินิยมของชนหม่นู ัน้ ๆ ชาตินัน้ ๆ ภาษาน้ัน ๆ โดยเฉพาะพิธีการทางพระ พทุ ธศาสนา เม่ือกล่าวโดยปริยายแล้วมมี ากด้วยกนั แต่ถ้าจะกล่าวโดยสรุป กค็ งมีเพียง ๒ ประการเท่านนั้ คือ ๑. ทำบุญในงำนมงคล ๒. ทำบุญในงำนอวมงคล การทาบุญในงานมงคลน้นั ไดแ้ ก่กำรทำบุญเพื่อควำมสุข ควำม เจริญ โดยปรำรภเหตทุ ี่ดี ท่ีเป็นมงคล เช่น ทำบญุ ฉลองอำยคุ รบ ๓ รอบ ๕ รอบ ๗ รอบ หรือทำบุญวนั เกิด ทำบุญข้ึนบำ้ นใหม่ ทำบญุ ฉลองพระ พุทธรูป ทำบุญฉลองพระธรรมที่สร้ำงข้ึน และฉลองพระสงฆท์ ี่อุปสมบท ข้ึนใหม่ หรือทำบุญในงำนมงคลโกนผมไฟ โกนจุก มงคลสมรส เป็นตน้ เรียกวำ่ ทำบญุ ในงำนมงคล การทาบุญในงานอวมงคลน้ัน ไดแ้ ก่กำรทำบญุ เพื่อควำมสุข ควำมเจริญ โดยปรำรภเหตทุ ่ีไมส่ ู้ดี แลว้ จดั กำรทำบุญเพื่อกลบั ร้ำยให้ กลำยเป็นดี เช่นปรำรภกำรมรณกรรมของญำติมิตร หรือทำบุญ ๗ วนั ๕๐ วนั ๑๐๐ วนั หรือทำบญุ เพื่ออทุ ิศกุศลตำมธรรมเนียม หรือมีลำง นิมิตร้ำยอยำ่ งใดอยำ่ งหน่ึงเกิดข้ึน เช่น อสนีบำตตกตอ้ งเคหสถำน

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ท่ี 256 แร้งจบั หลงั คำบำ้ นเรือน สัตวท์ ี่ถือวำ่ ไมเ่ ป็นมงคลข้ึนบำ้ นเป็นตน้ แลว้ จดั กำรทำบุญเพ่อื ปัดเป่ ำอบุ ำทว์ หรือลำงนิมิตร้ำยเหล่ำน้นั ใหก้ ลบั เป็นดี อยำ่ งน้ีเรียกวำ่ ทำบุญในงำนอวมงคล การทาบญุ ท้ัง ๒ อย่างดงั กล่างนี้ ตำมประเพณีนิยมในพระพุทธ- ศำสนำ มีวธิ ีกำรท่ีจะตอ้ งจดั เตรียมกำรอีกหลำยอยำ่ ง ดงั จะกล่ำวเป็น ขอ้ ยอ่ ๆ ดงั ต่อไปน้ี กำรทำบุญเล้ียงพระ ๑. นิมนตพ์ ระก่อน เม่ือกำหนดแน่นอนแลว้ วำ่ จะทำบุญในวนั น้นั เดือนน้นั ปี น้นั เวลำน้นั กิจเบ้ืองตน้ ควรนิมนตพ์ ระก่อน ดว้ กำรเขียนฎีกำนิมนตพ์ ระ ลว่ งหนำ้ อยำ่ งนอ้ ย ๓ วนั ๗ วนั ฎีกำสำหรับนิมนตพ์ ระน้นั มีตวั อยำ่ งดงั น้ี ขออำรำธนำพระคุณเจำ้ (พร้อมดว้ ยพระสงฆใ์ นวดั น้ีอีก...รูป เจริญพระพุทธมนต์ หรือสวดมนต์ หรือรับบิณฑบำต หรือแสดงธรรม เทศนำแลว้ แต่กรณีย)์ ในงำน......................ท่ี.................ถนน............... ตำบล...................อำเภอ.............................จงั หวดั .......................กำหนด วนั ที่...............เดือน...................พ.ศ........................เวลำ.........................น. รุ่งข้ึน.............เวลำ....................น. รับภตั ตำหำร.......................(เชำ้ หรือเพล) ถำ้ สวดมนตแ์ ละฉนั วนั เดียว หรือเวลำเดียวกนั ไม่ตอ้ งใชค้ ำวำ่ รุ่งข้ึน เพียงแต่บอกวำ่ เจริญพระพุทธมนต์ แลว้ รับบิณฑบำตเชำ้ หรือเพล ถ้าจะต้องใช้บาตรปิ่ นโต ให้เขยี นในท้ายฎีกา ว่ามบี าตรปิ่ นโตด้วย หากจะ

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ท่ี 257 มรี ถหรือเรือรับส่ง กล็ งหมายเหตุในท้ายฎีกา กาหนดเวลาให้พระได้ทราบ ล่วงหน้า ถำ้ รู้จกั มกั คุน้ กบั พระสงฆ์ จะนิมนตโ์ ดยไมต่ อ้ งเขียนฎีกำก็ใชไ้ ด้ แตข่ อเตือนวำ่ กำรนิมนตพ์ ระสงฆม์ ำฉนั อำหำรน้นั จงอย่างระบุชื่ออาหาร เช่น ข้าวสุก ขนมสด ขนมแห้ง ปลา เนือ้ ถำ้ ระบแุ ลว้ จะขดั กบั ทำงพระ วินยั ของสงฆ์ จึงมีสมณโวหำรสำหรับนิมนตพ์ ระมำฉนั วำ่ นิมนต์รับ บิณฑบาตเช้า หรือเพล ดงั น้ี หรือจะพูดวำ่ นิมนต์พระคณุ เจา ฉันเชาหรือ ฉันเพล ดงั น้ีก็ใชไ้ ด้ งานมงคลสมรส นิยมนิมนตพ์ ระคู่ คือ ๖ รูป ๘ รูป ๑๐ รูป เพรำะคติโบรำณเพ่ือจะใหค้ ูบ่ ำ่ วสำวนิมนตฝ์ ่ำยละจำนวนเทำ่ ๆ กนั หรือ รับเป็นเจำ้ ภำพฝ่ ำยละเท่ำ ๆ กนั ส่วนงานมงคลอื่น ๆ นิมนตพ์ ระ ๕ รูป ๗ รูป ๙ รูป คือนิมนตพ์ ระค่ี ถาเป็ นงานทาบุญอายุ นิยมนิมนตใ์ หเ้ กิน กวำ่ อำยขุ ้ึนไป ถำ้ วำ่ เป็นกำรเพม่ิ อำยุ ๒. เตรียมสถำนท่ีและจดั อำสนะ สถำนที่ท่ีจะบำเพญ็ กุศลน้นั ๆ จะเป็นบำ้ นใหญ่ บำ้ นเลก็ บำ้ นใหม่ หรือ บำ้ นเก่ำก็ตำม ถำ้ ไดจ้ ดั ทำใหถ้ ูกสุขลกั ษณะแลว้ ก็ จะทำใหเ้ จริญตำ เจริญใจได้ กำรจดั อำสนสงฆน์ ้นั ตอ้ งจดั ใหส้ ูงกวำ่ คฤหสั ถ์ จดั ใหน้ งั่ ห่ำงกนั พอควร ใชพ้ รมหรือผำ้ ปนู งั่ เฉพำะองค์ ๆ ถำ้ ไม่ สำมำรถจะจดั ที่เฉพำะองค์ ๆ ได้ กใ็ ชผ้ ำ้ ขำวปบู นพรมรองนง่ั อีกช้นั หน่ึง ก็ยง่ิ ดี เพรำะผำ้ ขำวเป็นของสูง เป็นกำรแสดงควำมเคำรพอยำ่ งสูงอีกดว้ ย

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ท่ี 258 จัดสถานท่ีพระน่ังเจริญพระพุทธมนต์ให้อย่เู บือ้ งซ้ายของพระพทุ ธรูป ถ้าสถาน ท่ีไม่อานวยหรือจาเป็นจะต้องจัดให้พระสงฆ์นั่งทางขวาของพระพุทธ กค็ วรจัด พระพุทธให้หันพระพกั ตร์มาทางพระสงฆ์ โดยไม่ต้องเข้าแถวกบั พระสงฆ์ ๓. จดั ภำชนะเคร่ืองใชส้ ำหรับพระ ถำ้ มีของมำกก็จดั ถวำยองคล์ ะท่ี โดยต้งั ทำงขวำมือของพระ หำก มีของนอ้ ยจะจดั เพยี ง ๒ องคต์ อ่ ๑ ท่ีกใ็ ชไ้ ด้ ส่วนถว้ ยน้ำร้อน แกว้ น้ำเยน็ ตอ้ งใชอ้ งคล์ ะที่ ต้งั ใจระหวำ่ ง ๆของที่จำเป็นตอ้ งใชค้ ือ กระโถน ภำชนะ น้ำเยน็ พำนหมำกพลูบุหรี่ จดั ต้งั กระโถนอยขู่ ำ้ งใน ถดั ออกมำภำชนะ น้ำเยน็ แลว้ ถึงหมำกพลูบุหรี่ เป็นที่สุด ส่วนน้ำร้อนประเคนภำยหลงั ๔. จดั เคร่ืองต้งั สกั กำรบชู ำ อญั เชิญ พระพุทธรูปมำต้งั บนโต๊ะบูชำท่ีเตรียมไวอ้ ยำ่ งสะอำด และสวยงำม ทำงขวำมือของอำสนพระสงฆ์ ดงั กล่ำวแลว้ ถำ้ เป็นโต๊ะ หมูต่ อ้ งจดั ใหถ้ ูกตอ้ งตำมระเบียบ ถำ้ ไมม่ ีโต๊ะหม่แู ต่ใชโ้ ตะ๊ อื่นแทนตอ้ ง หำสิ่งประกอบตำมสมควร เช่น แจกนั เชิงเทียน กระถำงธูป สำหรับกระถำง ธูปหรือเคร่ืองใชอ้ ่ืนใดท่ีจะประกอบกบั โต๊ะบชู ำ พึงระวงั ใหด้ ี ไม่ควรใช้ ภำชนะอนั น่ำรังเกียจ เช่น กระโถน เป็นตน้ ๕. ภำชนะสำหรับใส่น้ำมนต์ จะใชบ้ ำตรหรือหมอ้ น้ำมนต์ หรือขนั น้ำพำนรองทองเหลือง หรือ ขนั มีเชิงรองอยำ่ งใดอยำ่ งหน่ึงกไ็ ด้ ใส่น้ำประมำณคร่ึงหน่ึง แต่ขนั เงิน

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ที่ 259 ขนั ทองไมค่ วรใช้ เพรำะไม่สะดวกแก่กำรที่พระจะจบั ตอ้ ง เนื่องจำกของ เหลำ่ น้นั เป็นวตั ถุอนำมำส ขดั กบั พระวนิ ยั สงฆ์ ๖. เครื่องประกอบน้ำพระพทุ ธมนต์ เตรียมเทียนทำน้ำมนตไ์ ว้ ๑ เล่ม ควรใช่เทียนข้ีผ้ึงอยำ่ งดี หนกั ๑ บำท ไสเ้ ทียนใหญ่พอควร ติดไวท้ ี่ขอบขนั น้ำมนตใ์ หแ้ น่น เตรียมใบ เงินใบทองใส่ลงในขนั น้ำมนตพ์ อควร ถำ้ หำไมไ่ ดจ้ ะใชด้ อกบวั แทนก็ได้ แตไ่ มค่ วรจะใชด้ อกไมอ้ ื่นแทน ส่วนเครื่องประพรมน้ำพระพทุ ธมนต์ ควรจะใชห้ ญำ้ คำมดั เป็นกำแลว้ ตดั ปลำยและรำกทิง้ กะยำวประมำณ ๑ ศอก เพรำะถือกนั วำ่ หญำ้ คำเป็นหญำ้ มงคล พระสมั มำสมั พทุ ธเจำ้ เมื่อจะ ไดต้ รัสรู้พระอนุตตรสมั มำสัมโพธิญำณ ก็ทรงประทบั นงั่ บนมดั หญำ้ คำ ซ่ึงโสตถิยพรำหมณ์ถวำยในวนั ท่ีพระองคจ์ ะไดต้ รัสรู้ อนั เรียกวำ่ รัตน- บงั ลงั ก์ แมใ้ นศำสนำพรำหมณ์ ก็ถือกนั วำ่ เป็นหญำ้ มงคลเหมือนกนั เกิด ข้ึนเมื่อคร้ังเทวดำแยง่ น้ำอมฤตกบั อสูร หกตกลงมำในมนุษยโ์ ลกจึงเกิด เป็นหญำ้ คำข้ึน เพรำะฉะน้นั จึงใชห้ ญำ้ คำ ถำ้ สุดควำมสำมำรถท่ีจะ หำไดจ้ ริง ๆ จึงค่อยใชอ้ ยำ่ งอื่นแทน. ๗. กำรโยงดำ้ ยสำยสิญจน์ โยงเป็นทกั ษิณำวฏั คือเวยี นจำกซำ้ ยไปขวำอยำ่ งเขม็ นำฬิกำ รอบเคหสถำน หรือบริเวณบำ้ นเรือน แลว้ นำเขำ้ มำโยงที่โต๊ะพระ- พุทธรูปวงฐำนพระพุทธรูปดว้ ย ตอ่ ลงมำกล็ งภำชนะน้ำมนต์ โดยทกั ษิ- ณำวฏั เช่นกนั เสร็จแลว้ มว้ นสำยสิญจน์วำงไวบ้ นพำนที่บชู ำ หรือที่ พระสงฆ์

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ท่ี 260 ๘. เมื่อพระสงฆม์ ำถึงบำ้ น ฝ่ำยเจำ้ ภำพตอ้ จดั กำรตอ้ นรับใหด้ ี ถำ้ ท่ำนไม่ไดส้ วมรองเทำ้ ตอ้ งคอยตกั น้ำลำ้ งเทำ้ ให้ทำ่ น และหำผำ้ เช็ดเทำ้ เตรียมไวด้ ว้ ย เมื่อพระ นง่ั บนอำสนะแลว้ ประเคนขนั น้ำ หมำกพลู บหุ ร่ีท่ีเตรียมไว้ เมื่อถึง เวลำท่ีพระจะเจริญพระพุทธมนตห์ รือฉนั หรือเทศนต์ ่อไป ถำ้ เป็นงำน มงคลสมรส ใหค้ ูบ่ ่ำวสำวจุดเทียนธูปคนละชุด บชู ำพระรัตนตรัย ถำ้ ไม่ ใช่งำนสมรสใหเ้ จำ้ ภำพเป็นผจู้ ุด เม่ือจุดเทียนธูปเสร็จแลว้ นำพำนดำ้ ย สำยสิญจน์ถวำยพระเถระผเู้ ป็นประธำน กลำ่ วคำอำรำธนำศีล รับศีล จบแลว้ อำรำธนำพระปริตร พระขดั สัคเค หรือชุมนุมเทวดำ พอพระสงฆ์ สวดมนตถ์ ึงบท อะเสวะนา จะ พาลานัง เจำ้ ภำพพึงจุดเทียนน้ำมนต์ นอ้ มเขำ้ ไปถวำยพระเถระผเู้ ป็นประธำน คร้ันประสงฆส์ วดมนตจ์ วน จะจบพงึ เตรียมน้ำร้อน น้ำเยน็ หรือเคร่ืองดื่มเท่ำท่ีจดั ไวค้ อยถวำยทำ่ น พอพระสวดมนตจ์ บจะไดถ้ วำยไดท้ นั ที ๙. กำรถวำยภตั ตำหำร ถำ้ ถวำยภตั ตำหำรพระสงฆใ์ นวนั รุ่งข้ึน จะเป็นเชำ้ ก็ตำม เพล กต็ ำม กำรเตรียมเคร่ืองรับรองเมื่อพระสงฆม์ ำถึง พงึ จดั อยำ่ งวนั สวดมนตเ์ ยน็ เม่ือพระสงฆม์ ำพร้อมแลว้ เจำ้ ภำพจุดเทียนธูปบชู ำพระ รัตนตรัย อำรำธนำศีล รับศีลเหมือนตอนเยน็ เสร็จแลว้ ไมต่ อ้ ง อำรำธนำพระปริตร พระสงฆเ์ ริ่มสวดถวำยพรพระเอง ถำ้ มีกำร

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ท่ี 261 ตกั บำตรดว้ ย เม่ือพระสงฆส์ วดมนตถ์ ึงบท พาหุง พึงเร่ิมลงมือ ตกั บำตร เสร็จแลว้ เตรียมไวใ้ หพ้ ร้อมท้งั ขำ้ วท้งั กบั ท้งั ท่ีพระพุทธและท่ี พระสงฆ์ เมื่อพระสวดมนตจ์ บแลว้ กจ็ ดั ถวำยไดท้ นั ที ท้งั ที่พระพุทธ และท่ีพระสงฆ์ ๑๐. งำนวนั เดียว ถำ้ เป็นงำนวนั เดียว คือสวดมนตก์ ่อนฉนั จะเป็นฉนั เชำ้ ก็ตำม ฉนั เพลำกต็ ำม กำรตระเตรียมต่ำง ๆ กค็ งจดั คร้ังเดียว พระสงฆเ์ จริญพระ พทุ ธมนตก์ ่อน แลว้ สวดถวำยพรพระตอนทำ้ ย เจำ้ ภำพพงึ นง่ั ประนม มือฟัง เม่ือพระสงฆส์ วดมนตถ์ ึงบท พาหุง หรือถวำยพรพระ พึงเตรียม อำหำรไวใ้ หพ้ ร้อม พอพระสวดจบก็ยกประเคนไดด้ งั กลำ่ ว และ ถ้ามี ศิษย์วัดมาด้วยกใ็ ห้จัดเลยี้ งเสียในระยะนี้ เพราะจะได้เสร็จและเดินทางกลับ พร้อมกับพระไม่ต้องเสียเวลาให้พระนัง่ คอยรอ ถ้ามพี าหนะรับส่ง กเ็ ตรียม ไว้ให้พร้อม ตอนนีเ้ ช่นกนั เม่ือพระเสร็จจากอนโุ มทนา แล้วจะได้จัดส่งท่าน สุดทายพธิ ี เมื่อพระสงฆฉ์ นั เสร็จแลว้ ถวำยเครื่องไทยธรรม ตอ่ จำกน้นั พระองคอ์ นุโมทนำ ขณะพระวำ่ บท ยะถา ใหเ้ ริมกรวดน้ำ พอพระวำ่ บท สัพพี พึงประนมมือรับพรไปจนจบ ถำ้ มีกำรจะใหพ้ ระ สงฆป์ ระพรมน้ำพระพทุ ธมนตห์ รือเจิม (โดยเจำ้ ภำพเตรียม แป้ง น้ำหอม หรือ เคร่ืองเจิมไวแ้ ลว้ ) กก็ รำบเรียนใหท้ ำ่ นทรำบในระยะน้ีเสร็จแลว้ ส่งพระกลบั

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ที่ 262 กำรทำบุญเก่ียวกบั ศพ ซึ่งจัดว่าเป็นการทาบุญในงานอวมงคล มกี ิจกรรมที่ควรตระเตรียมไว้ เป็นเบือ้ งต้น ส่วนใหญ่คล้ายกบั ทาบญุ งานมงคลดังกล่าวแล้ว มขี ้อแตกต่าง กันอย่บู ้างประการเท่าน้ัน คือ ๑. นิมนตพ์ ระ กำรนิมนตพ์ ระมำสวดมนตใ์ นงำนอวมงคลน้ีมีนิยมจำนวน ๘ รูป ๑๐ รูป หรือกวำ่ น้นั ข้ึนไปแลว้ แตก่ รณีย์ ในเรื่องอำรำธนำพระสงฆท์ ำ บญุ งำนอวมงคลน้นั ใชค้ ำอำรำธนำวำ่ \"ขออำรำธนำ สวด พระพทุ ธ- มนตไ์ มใ่ ชค้ ำอำรำธนำวำ่ \" \"ขออำรำธนำ เจริญ พระพทุ ธมนต\"์ อยำ่ ง ทำบญุ งำนมงคล มีขอ้ แตกตำ่ งกนั อยตู่ รงท่ี สวด กบั เจริญ เทำ่ น้นั เป็ นเรื่ องท่ีควรกำหนด ๒. ไม่ต้งั ขนั น้ำมนตไ์ มโ่ ยงดำ้ ยสำยสิญจน์ กำรทำบุญในงำนอยำ่ งน้ี ไมต่ อ้ งต้งั ภำชนะสำหรับทำน้ำพระ พทุ ธมนตแ์ ละไม่ตอ้ งโยงดำ้ ยสำยสิญจน์ ๓. เตรียมสำยโยงหรือภูษำโยง สำยโยงน้นั คือสำยสิญจน์นน่ั เอง ถำ้ ใชใ้ นงำนมงคลเรียกวำ่ สำยสิญจน์ แตเ่ วลำใชก้ บั ศพเช่นน้ีเรียกวำ่ สำยโยง ถำ้ เป็นแผน่ ผำ้

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ที่ 263 เรียกวำ่ ภษู ำโยง ใชโ้ ยงต่อจำกศพไว้ เพอื่ ใชบ้ งั สุกุล กำรเดินสำยโยง ภูษำโยงน้นั ตอ้ งระวงั อยำ่ งหน่ึง คือจะโยงในท่ีที่สูงกวำ่ พระพทุ ธรูปท่ีต้งั ในพิธีไม่ได้ และจะปล่อยใหล้ ำดมำกบั พ้ืนท่ีเดินหรือนงั่ ก็ได้ เพรำะ สำยโยงน้ีเป็นสำยที่โยงลำ่ มออกมำจำกกระหมอ่ มศพ เป็นสิ่งเนื่องดว้ ย ศพ จึงตอ้ งล่ำมหรือโยงใหส้ มควร ส่วนการปฏิบตั ิกิจอ่ืน ๆ เม่ือพระมาถึงสถานที่ท่ีประกอบพิธีแล้ว ก็ เหมือน ๆ กันกบั งานมงคล ๔. กำรทอดผำ้ กำรทอดผำ้ บงั สุกลุ ท่ีภษู ำโยงหรือสำยโยงน้นั มีไตร จีวร สบง ยำ่ ม ผำ้ เช็ดหนำ้ ผำ้ เช็ดตวั เป็นตน้ กำรทอดผำ้ ตอ้ งทอดตำมขวำงสำยโยง หรือภษู ำโยง อยำ่ ทอดตำมยำวขนำนไปกบั สำยโยง ถำ้ ไม่มีผำ้ พระทำ่ น ก็จะจบั สำยโยง หรือภษู ำโยงบงั สุกลุ เอง สำยโยงหรือภษู ำโยงน้ีถือกนั มำก หำ้ มขำ้ มเป็นเดด็ ขำด ถำ้ ขำ้ มถือเป็นกำรหมิ่นประมำทผตู้ ำย ขำด ครำวะ ควรระวงั ใหม้ ำก. ๕. กำรจบั พดั จบั สำยโยงของพระ ถำ้ เป็นกำรอนุโมทนำเวลำปกติ ใชจ้ บั พดั ดว้ ยมือขำ้ งขวำ จบั ดำ้ มพดั ต่ำจำกใบพดั ประมำณ ๕ นิ้วมือ ใชม้ ือกำดำ้ มนิ้วท้งั ๔ เวน้ หวั แมม่ ือใหย้ กข้ึนแตะทำบข้ึนไปตำมดำ้ มพดั ถำ้ จบั พดั เวลำชกั บงั สุกลุ

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ที่ 264 ใหจ้ ดั พดั ดว้ ยมือขำ้ งซำ้ ย ต่ำจำกใบพดั ประมำณ ๕ นิ้วมือ กำดำ้ มดว้ ย นิ้วท้งั ๔ ยกหวั แม่มือทำบข้ึนไปตำมดำ้ มพดั เหมือนกบั มือขวำดงั กล่ำว แลว้ ใชม้ ือขวำจบั สำยโยงหรือภษู ำโยง หงำยมือใชน้ ิ้วท้งั ๔ เวน้ หวั แมม่ ือสวดเขำ้ ไปใตผ้ ำ้ ท่ีชกั แลว้ ใชน้ ิ้วหวั แมม่ ือจบั บนผำ้ อยำ่ คว่ำมือ หรือทำอำกำรเพียงใชน้ ิ้วแตะ ๆ ท่ีผำ้ เป็นอนั ขำด ระวงั อยำ่ จบั พดั จบั ผำ้ ใชผ้ ิดระเบียบ ผรู้ ู้เขำจะแยม้ สรวลเอำได้ เม่ือจบั พร้อมกนั แลว้ เริ่มวำ่ บทชกั บงั สุกุล (อะนจิ จา) พร้อมกนั จบแลว้ ชกั ผำ้ ออกจำก สำยโยงหรือภูษำโยง วำงไวต้ รงหนำ้ ผำ้ ที่เจำ้ ภำพทอดน้นั ถำ้ เป็นผำ้ ที่ พอจะใส่ยำ่ มได้ กใ็ หใ้ ส่ยำ่ มมำเวลำกลบั หำกเป็นผำ้ ท่ีใส่ยำ่ มไม่ได้ เช่นผำ้ ไตร หรือไมม่ ียำ่ ม พึงถือกอดมำดว้ ยมือขำ้ งซ้ำย. การประเคนของพระ กำรประเคนของพระ คือ กำรถวำยของใหพ้ ระไดร้ ับถึงมือ ของ ที่ประเคนน้นั ตอ้ งเป็นของที่ไม่ขดั กบั พระวินยั พอคนคนเดียวยกได้ อยำ่ งธรรมดำ ๆ ไม่ใช่ของหนกั หรือใหญ่โตจนเกินไป ไมม่ ีวตั ถอุ นำ- มำสอยดู่ ว้ ย พงึ นำของที่จะประเคนเขำ้ ไปใหใ้ กลพ้ ระผรู้ ับประมำณ ๑ ศอก จะนงั่ หรือยนื แลว้ แต่สถำนท่ีที่พระนง่ั อยนู่ ้นั จะอำนวย จบั ของที่จะประเคนดว้ ยมือท้งั สอง ยกใหส้ ูงข้ึนเลก็ นอ้ ย แลว้ นอ้ มถวำยพระซ่ึงทำ่ นจะยืน่ มือท้งั สองออกรับ ถำ้ ผปู้ ระเคนเป็นหญิง พึงวำงลงบนผำ้ ที่พระปรู ับอยขู่ ำ้ งหนำ้ เสร็จแลว้ พึงไหวห้ รือกรำบหนหน่ึง แลว้ แต่กรณี

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ท่ี 265 ฝ่ ายพระสงฆ์ เม่ือทอดผำ้ รับประเคน พึงคล่ีผำ้ ใหเ้ รียบร้อยจบั ผำ้ หงำยมือ เหมือนจบั ภษู ำโยง ดงั กล่ำวแลว้ คือหงำยมือใชน้ ิ้วท้งั สี่ เวน้ หวั แมม่ ือสอดเขำ้ ไปใตผ้ ำ้ ที่ทอดรับของพร้อมกนั ท้งั สองมือ แลว้ ใช้ นิ้วหวั แม่มือจบั บนผำ้ อย่าคว่ามือหรือทาอาการเพยี งใชนวิ้ แตะ ๆ ท่ผี า เป็ นอนั ขาด การแสดงความเคารพพระ ปะนมมือ คือกระพุ่มมือท้งั สองประนมมีลกั ษณะคลำ้ ยดอก บวั ตูมต้งั ไวร้ ะหวำ่ งอก เป็ นกำรแสดงควำมเคำรพ เวลำสวดมนต์ หรือฟังพระสวดพระเทศน์ เป็นตน้ ไหว คือกำรยกมือท่ีประนมแลว้ ดงั กล่ำวข้ึน พร้อมกบั กม้ ศีรษะลงเลก็ นอ้ ย ใหม้ ือประนมจดหนำ้ ผำก นิ้วหวั แม่มือท้งั สองอยู่ ระหวำ่ วคิว้ ใชแ้ สดงควำมเคำรพในขณะนง่ั เกำ้ อ้ีหรือยนิ อยู่ กราบ คือกรำบลงกบั พ้ืน ดว้ ยเบญจำงคประดิษฐ์ ไดแ้ ก่กรำบ ดว้ ยองคท์ ้งั ๕ คือเขำ้ ท้งั สอง ฝ่ ำมือท้งั สอง หนำ้ ผำกหน่ึง ใชก้ รำบเมื่อ นง่ั อยใู่ นสถำนที่ท่ีจะกรำบได้ เป็นกำรแสดงควำมเคำรพอยำ่ งสูง

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ที่ 266 วธิ ีไหว ๕ คร้ัง คนเรำทุกคน ในวนั หน่ึง ๆ จะตอ้ งไหวใ้ หไ้ ด้ ๕ คร้ัง เป็นอยำ่ งนอ้ ย คือ ในเวลำค่ำใกลจ้ ะนอน ต้งั ใจระลึกถึงพระรัตนตรัยอนั เป็นสรณะอนั สูงสุด และทำ่ นผมู้ ีพระคุณแก่ตน คือ มำรดำบิดำ และครูอำจำรย์ โดยประนมมือ (๑) นมสั กำรพระอรหนั ตสัมมำสมั พทุ ธเจำ้ กล่ำววำ่ อะระหงั สัมมา สัมพทุ โธ ภะคะวา พทุ ธัง ภะคะวันตงั อะภวิ าเทมิ กรำบลงหนหน่ึง (๒) ไหวพ้ ระธรรมคำสอนของพระพทุ ธเจำ้ วำ่ สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ กรำบลงหนหน่ึง (๓) ไหวพ้ ระสงฆส์ ำวกของพระพุทธเจำ้ วำ่ สุปะฏปิ ันโน ภะคะ- วะโต สาวะกะสังโฆ สังฆงั นะมามิ กรำบลงหนหน่ึง (๔) ไหวค้ ุณมำรดำบิดำ วำ่ มัยหัง มาตาปิ ตูนงั วะปาเท วันทามิ สาทะรัง กรำบลงหนหน่ึง (๕) ไหวค้ รูอำจำรย์ วำ่ ปัญญาวุฑฒิกะเร เต เต ทินโน วาเท นะมามหิ งั กรำบลงหนหน่ึง ต่อจำกน้นั พงึ ต้งั ใจแผเ่ มตตำจิตไปในเพอื่ มนุษย์ และสัตวท์ ้งั หลำย ท้งั ปวง วำ่ ขอท่านท้ังหลายอย่าไดมเี วรแก่กนั และกันเลย อย่าไดเบียด เบยี นซ่ึงกนั เลย อย่าไดมคี วามทกุ ข์กายทุกข์ใจเลย จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนใหพนจากทกุ ข์ภัยดวยกนั หมดท้งั สิ้น เทอญ. (เสร็จแลว้ หลบั นอนควำมสบำย)

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ที่ 267 พธิ ีรักษาอุโบสถศีล เมื่อพระสงฆส์ ำมเณรทำวตั รเชำ้ เสร็จแลว้ อบุ ำสกอบุ ำสิกพึงทำวตั ร เชำ้ โดยเร่ิมคำบชู ำพระ วำ่ ยะมะหงั สัมมาสัมพทุ ธัง ภะคะวันตงั สะระณงั คะโต, (หญิงวำ่ คะตา) พระผมู้ ีพระภำค, พระองคต์ รัสรู้ดีแลว้ โดยชอบพระองคใ์ ด, ขำ้ พเจำ้ ถึงแลว้ วำ่ เป็นท่ีพ่ึงกำจดั ภยั จริง, อมิ นิ า สักกาเรนะ, ตงั ภะคะวันตัง, อะภปิ ชู ะยาม,ิ ขำ้ พเจำ้ บชู ำ, ซ่ึงพระผมู้ พี ระภำคน้นั , ดว้ ยเครื่องสกั กำระอนั น้ี. ยะมะหงั สวากขาตงั , ธัมมงั สะระณัง คะโต (หญิงวำ่ คะตา) พระธรรมท่ีพระผมู้ ีพระภำค, พระองคต์ รัสไวด้ ีแลว้ สิ่งใด, ขำ้ พเจำ้ ถึงแลว้ วำ่ เป็นท่ีพ่งึ กำจดั ภยั จริง, อมิ ินา สักกาเรนะ, ตงั ธัมมงั , อะภปิ ชู ะยามิ, ขำ้ พเจำ้ บชู ำ, ซ่ึงพระธรรมน้นั , ดว้ ยเครื่องสักกำระอนั น้ี. ยะมะหงั สุปะฏปิ ันนงั , สังฆงั สะระณงั คะโต (หญิงวำ่ คะตา) พระสงฆท์ ี่ทำ่ นเป็นผปู้ ฏิบตั ิดีแลว้ หมใู่ ด, ขำ้ พเจำ้ ถงึ แลว้ วำ่ เป็นที่พ่ึงกำจดั ภยั จริง, อมิ ินา สักกาเรนะ, ตงั สังฆงั , อะภปิ ชู ะยามิ, ขำ้ พเจำ้ บชู ำ, ซ่ึง พระสงฆห์ มู่น้นั , ดว้ ยเคร่ืองสกั กำระอนั น้ี. อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พทุ ธัง ภะคะวนั ตงั อะภวิ าเทมิ (กรำบ)

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ท่ี 268 สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ (กรำบ) สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ (กรำบ) (ต่อจำกน้ี ทำวตั รเชำ้ จบแลว้ หวั หนำ้ อุบำสกหรืออบุ ำสิกำพึงคุกเข่ำ ปะนมมือประกำศองคอ์ ุโบสถ ท้งั คำบำลีและคำไทย ดงั น้ี) อชั ชะ โภนโต ปักขสั สะ อฏั ฐะมที วิ ะโส (ถำ้ วนั พระ ๑๕ คำ่ วำ่ ปัณณะระสีทิวะโส ๑๕ ค่ำวำ่ จำตุททะสีทิวะโส) เอวะรูโป โข โภนโต ทิวะโส พุทเธนะ ภะคะวะตำ ปัญญตั ตสั สะ ธมั มสั สะวะนสั สะ เจวะ ตะทตั ถำยะ อุปำสะกะอปุ ำสิกำนงั อโุ ปสถสั สะ จะ กำโล โหติ หนั ทะ มะยงั โภนโต สัพเพ อิธะ สะมำคะตำ ตสั สะ ภะคะวะโต ธมั มำนุ- ธมั มะปะฏิปัตติยำ ปูชะนยั ถำยะ อิมญั จะ รัตติง อิมญั จะ ทิวะสงั อฏั ฐงั คะสะมนั นำคะตงั อุโปสะถงั อุปะวะสิสสำมำติ กำละปะริจเฉหงั กตั วำ ตงั ตงั เวระมะณิง อำรัมมะณงั กะริตวำ อะวกิ ขิตตะจิตตำ หุตวำ สกั กจั จงั อโุ ปสะถงั สะมำทิเยยยำมะ อีทิสัง หิ อโุ ปสะถงั สัมปัตตำนงั อมั หำกงั ชีวติ งั มำ นิรัตถะกงั โหตุ คำแปล ขอประกำศเร่ิมเร่ืองควำมที่จะสมำทำนรักษำอุโบสถ อนั พร้อมไปดว้ ย องคแ์ ปดประกำร ใหส้ ำธุชนที่ไดต้ ้งั จิตสมำทำนทรำบทวั่ กนั ก่อน แตส่ มำทำน ณ บดั น้ี ดว้ ยวนั น้ี เป็น วันอฏั ฐะมดี ิถีทีแ่ ปด (ถำ้ วนั พระ ๑๕ คำ่ วำ่ วันปัณ- ณะระสีดิถีทีส่ ิบหา ๑๔ คา่ ว่า วันจาตทุ ทะสีดิถที ่สี ิบสี่) แห่งปักษม์ ำถึงแลว้

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ที่ 269 กแ็ หละวนั เช่นน้ี เป็นกำลที่สมเด็จพระผมู้ ีพระภำคเจำ้ ทรงบญั ญตั ิแตง่ ต้งั ไวใ้ ห้ ประชุมกนั ฟังธรรมและเป็นกำลท่ีจะรักษำอโุ บสถของ อุบำสกอบุ ำสิกำ ท้งั หลำย เพอ่ื ประโยชน์แก่กำรฟังธรรมน้นั ดว้ ย เชิญเถิดเรำท้งั หลำยท้งั ปวงท่ีไดม้ ำ ประชุมพร้อมกนั ณ ท่ีน้ี พงึ กำหนดกำลวำ่ จะรักษำอโุ บสถตลอดวนั หน่ึงกบั คืน หน่ึงน้ี แลว้ พึงทำควำมเวน้ โทษน้นั ๆ เป็นอำรมณ์ คือ - เวนจากฆ่าสัตว์ ๑ - เวนจากลกั ฉอส่ิงที่เจาของเขาไม่ให ๑ - เวนจากประพฤติกรรมท่ีเป็ นขาศึกแก่พรหมจรรย์ ๑ - เวนจากเจรจาคาเทจ็ ล่อลวงผูอ่ืน ๑ - เวนจากด่ืมสุราเมรัยอนั เป็ นเหตุทตี่ ้ังแห่งความประมาท ๑ - เวนจากบริโภคอาหาร ต้งั แต่เวลาพระอาทติ ย์เท่ียงแลวไปจน ถึงเวลาอรุณขนึ้ มาใหม่ ๑ - เวนจากฟอนราขบั รองและประโคมเคร่ืองดนตรีต่าง ๆ แต่ บรรดาท่เี ป็ นขาศึกแก่บุญกุศลท้ังสิ้น และทัดทรงประดับตก แต่งร่างกายดวยดอกไมของหอม เครื่องประดับเครื่องทา เครื่องยอม ผดั ผิด ทากายใหวจิ ิตรงดงามต่างๆ อนั เป็ นเหตุ ที่ต้ังแห่งความกาหนัดยินดี ๑ - เวนจากนั่งนอนเหนือเตียงตั่งมาที่มีเทาสูงเกนิ ประมาณ และ ท่ีนง่ั ที่นอนใหญ่ ภายในมีนุ่มและสาสี และเครื่องปลู าดที่ วจิ ติ รดวยเงินและทองต่าง ๆ ๑

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ที่ 270 อยำ่ ใหม้ ีจิตฟ้งุ ซ่ำนส่งไปอ่ืน พึงสมำทำนเอำองคอ์ ุโบสถท้งั แปดประกำรโดย เคำรพ เพื่อจะบชู ำสมเด็จ พระผมู้ ีพระภำค พระพทุ ธเจำ้ น้นั ดว้ ยธรรมมำนุธรรม ปฏิบตั ิ อน่ึง ชีวิตของเรำท้งั หลำยท่ีไดเ้ ป็นอยรู่ อดมำถึงวนั อุโบสถเช่นน้ี จงอยำ่ ไดล้ ว่ งไปเสียเปลำ่ จำกประโยชน์เลย (เม่ือหวั หนำ้ ประกำศจบแลว้ พระสงฆผ์ แู้ สดงธรรมข้ึนนงั่ บนธรรมำสน์ อุบำสกอุบำสิกพงึ นงั่ คุกเขำ่ กรำบพร้อมกนั ๓ คร้ัง แลว้ กล่ำวคำอำรำธนำ อโุ บสถศีลพร้อมกนั วำ่ ดงั น้ี) มะยัง ภนั เต ติสะระเณนะ สะหะ อฏั ฐังคะสะมันนาคะตงั อุโปสะถัง ยาจามะ (วำ่ ๓ จบ) ต่อน้ี คอยต้งั ใจรับสรณคมนแ์ ละศีลโดยเคำรพ คือประนมมือ วำ่ ตำม คำท่ีพระสงฆบ์ อกเป็นตอน ๆ วำ่ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ) พุทธัง สะระณงั คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คจั ฉามิ ทตุ ยิ ัมปิ พทุ ธัง สะระณงั คัจฉามิ ทตุ ยิ ัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ทตุ ยิ ัมปิ สังฆัง สะระณงั คจั ฉามิ ตะติยมั ปิ พทุ ธัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ ธัมมงั สะระณงั คัจฉามิ ตะติยมั ปิ สังฆัง สะระณัง คจั ฉามิ

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ที่ 271 เม่ือพระสงฆว์ ำ่ ติสะระณะคะมะนงั นฏิ ฐิตงั พงึ รับพร้อมกนั วำ่ อามะ ภันเต ๑. ปาณาตปิ าตา เวระมะณี สิกขาประทัง สะมาทยิ ามิ ๒. อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทิยามิ ๓. อะพรัหมะจริยา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทิยามิ ๔. มสุ าวาทา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทิยามิ ๕. สุราเมระยะมชั ชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทยิ ามิ ๖. วกิ าละโภชะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ๗. นัจจะคตี ะวาทติ ะ้ึวสิ ูกะทสั สะนา มาลาคนั ธะวเิ ลปะนะ- ธาระณะ มัณฑะนะวภิ ูสะนัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทยิ ามิ ๘. อจุ จาสะยะนะมะสะยะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทยิ ามิ อมิ ัง อฏั ฐังคะสะมนั นาคะตงั , พทุ ธะปัญญตั ตงั อุโปสะถัง, อมิ ญั จะ รัตติง อมิ ญั จะ ทิวะสัง, สัมมะเทวะ อะภิรักขิตุง สะมาทยิ ามิ (หยดุ รับ เพยี งเท่ำน้ี) ตอนน้ี พระสงฆจ์ ะวำ่ อมิ านิ อฏั ฐะ สิกขาปะทานิ อุโปสะถะ- วะเสนะ มะนะสิกะริตวา สาธุกงั อปั ปะมาเทนะ รักขิตัพพานิ (พึงรับ พร้อมกนั วำ่ ) อามะ ภันเต (พระสงฆว์ ำ่ ต่อ) สีเลนะ สุคะติง ยนั ติ สีเลนะ โภคะสัมปะทา สีเลนะ นพิ พุตงิ ยันติ ตัสมา สีลงั วโิ สธะเย

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ท่ี 272 พงึ กรำบพร้อมกนั ๓ คร้ัง ตอ่ น้ีนงั่ รอบพบั เพยี บประนมมือฟังธรรม เม่ือจบแลว้ พึงใหส้ ำธุกำรและสวดประกำศตนพร้อมกนั ดงั น้ี สาธุ สาธุ สาธุ อะหัง พทุ ธัญจะ ธัมมญั จะ สังฆัญจะ สะระณงั คะโต (หญิงวำ่ คะตา) อุปาสะกตั ตงั (หญิงวำ่ อุปาสิกตั ตัง) เทเสสิง ภิกขุสังฆัสสะ สัมมุขา เอตงั เม สะระณัง เขมัง เอตงั สะระณะมตุ ตะมัง เอตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทกุ ขา ปะมจุ จะเย ยะถาพะลงั จะเรยยาหัง สัมมาสัมพุทธะสาสะนงั ทกุ ขะนสิ สะระณสั เสวะ ภาคี อสั สัง (หญิงวำ่ ภาคนิ สิ สัง) อะนาคะเต ฯ กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา พุทเธ กุกมั มงั ปะกะตงั มะยา ยัง พุทโธ ปะฏคิ คณั หะตุ อจั จะยันตงั กาลนั ตะเร สังวะริตงุ วะ พทุ เธ กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะวา วา ธัมเม กุกมั มงั ปะกะตงั มะยา ยัง ธัมโม ปะฏิคคณั หะตุ อจั จะยนั ตงั กาลนั ตะเร สังวะริตงุ วะ ธัมเม กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา สังเฆ กุกมั มงั ปะกะตงั มะยา ยัง สังโฆ ปะฏคิ คณั หะตุ อจั จะยันตงั กาลนั ตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ ฯ

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ที่ 273 คำอำรำธนำธรรมพเิ ศษ จาตทุ ทะสี ปัณณะระสี ยา จะ ปักขสั สะ อฏั ฐะมี กาลา พทุ เธนะ ปัญญตั ตา สัทธัมมัสสะวะนัสสิเม อฏั ฐะมี โข อะยันทานิ สัมปัตตา อะภลิ กั ขิตา เตนายัง ปะริสา ธัมมงั โสตุง อธิ ะ สะมาคะตา สาธุ อยั โย ภกิ ขสุ ังโฆ กะโรตุ ธัมมะเทสะนงั อะยัญจะ ปะริสา สัพพา อฏั ฐิกตั วา สุณาตุ ตันติ ฯ หมายเหตุ ถำ้ วนั พระ ๑๕ ค่ำ วำ่ ปัณณะระสี ถำ้ ๑๔ ค่ำ วำ่ จาตุททะสี คำแผเ่ มตตำ สัพเพ สัตตา สตั วท์ ้งั หลำย ที่เป็นเพ่ือนทุกขเ์ กิดแก่เจ็บตำยดว้ ยกนั หมดท้งั ส้ิน อะเวรา จงเป็นสุข ๆ เถิด อยำ่ ไดม้ ีเวรแก่กนั และกนั เลย สัพเพ สัตตา สัตวท์ ้งั หลำยที่เป็นเพ่อื นทุกขเ์ กิดแก่เจบ็ ตำยดว้ ยกนั หมดท้งั สิ้น อพั ยา ปัชฌา จงเป็นสุข ๆ เถิด อยำ่ ไดเ้ บียดเบียนซ่ึงกนั และกนั เลย สัพเพ สัตตา สตั วท์ ้งั หลำย ท่ีเป็นเพ่ือนทุกขเ์ กิดแก่เจ็บตำยดว้ ยกนั หมดท้งั ส้ิน อะนฆี า จงเป็นสุข ๆ เถิด อยำ่ ไดม้ ีควำมทุกขก์ ำยทุกขใ์ จเลย

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ท่ี 274 สัพเพ สัตตา สตั วท์ ้งั หลำยท่ีเป็นเพ่ือนทุกขเ์ กิดแก่เจ็บตำยดว้ ยกนั หมดท้งั สิ้น สุขี อตั ตานงั ปะริหะรันตุ จงมีควำมสุขกำยสุขใจ รักษำตนใหพ้ น้ จำกทุกขภ์ ยั ท้งั ส้ินเถิด ท่ำนท้งั หลำย ท่ีทำ่ นไดท้ กุ ขข์ อใหท้ ำ่ นมีควำมสุข ทำ่ น ท้งั หลำยท่ีทำ่ นไดส้ ุข ขอใหส้ ุขยงิ่ ๆ สัพเพ สัตตา สัตวท์ ้งั หลำยที่เกิดเป็นชะลำพชุ ะ ที่เกิดเป็นอณั ฑะชะ ที่เกิดเป็นสังเสทะชะ ที่เกิดเป็นโอปปำติกะ จงมำรับกศุ ลผลบญุ ใหถ้ ว้ นทว่ั ทกุ ตวั สตั ว์ อะภิณหะปัจจะเวกขะณะ ชะรา ธัมโมมหิ ชะรัง อะนะตโี ต (หญิงวำ่ อะนะตตี า) เรำมี ควำมแก่ชรำเป็นธรรมดำ เรำไม่ลว่ งพน้ ควำมแก่ชรำไปได้ พยาธิ ธัมโมมหิ พยาธิง อะนะตโี ต (หญิงวำ่ อะนะตตี า) เรำมี ควำมไขเ้ จบ็ เป็นธรรมดำ เรำไม่ลว่ งพน้ ควำมไขเ้ จ็บไปได้ มะระณะ ธัมโมมหิ มะระณงั อะนะตโี ต (หญิงวำ่ อะนะตีตา) เรำมีควำมตำยเป็นธรรมดำ เรำไมล่ ว่ งพน้ ควำมตำยไปได้ สัพเพหิ เม ปิ เยหิ มะนา เปหิ นานาภาโว วินาภาโว คงมีแก่เรำ ควำมเป็นต่ำง และควำมพลดั พรำกจำกสตั วแ์ ละสังขำร และควำมพลดั พรำก จำกของท่ีน่ำรักน่ำชอบใจของเรำท้งั หลำย กมั มสั สะโกมหิ เรำมีกรรมเป็นกรรมของตวั กมั มะทายาโท เรำมกี รรมเป็นผนู้ ำมำมอบให้

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ท่ี 275 กมั มะโยนิ เรำมีกรรมเป็นผนู้ ำไปเกิด กมั มะพนั ธุ เรำมีกรรมเป็นเผำ่ พนั ธุ์ และพวกพอ้ ง กมั มะปะฏสิ ะระโณ เรำมีกรรมเป็นเคร่ืองยยุ งเป็นเคร่ืองระลึก ยงั กมั มงั กะริสสามิ กลั ยาณงั วา ปาปะกงั วา เรำจะทำ กรรมอนั ใด ๆ ไว้ จะเป็นกรรมงำมกรรมดีท่ีเป็นกุศลหรือ หรือจะเป็นกรรมชวั่ กรรมลำมกที่เป็ นบำป ตัสสะ ทายาโท ภะวสิ สามิ เรำจะตอ้ งเป็นผรู้ ับผลของกรรมน้นั บงั สุกลุ อะจิรัง วะตะยงั กาโย ปะฐะวงิ อะธิเสสสะติ ฉุฑโฑ อะเปตะวญิ ญาโณ นิรัตถังวะ กะลงิ คะรัง อะนิจจา วะตะ สังขารา อปุ ปาทะวะยะธัมมิโน อุปปัชชิตวา นริ ุชฌนั ติ เตสัง วปู ะสะโม สุโข คำลำกลบั บำ้ น หนั ทะทานิ มะยัง ภนั เต อาปจุ ฉามะ พะหุ กจิ จา มะยัง พะหุกะระณียา พระสงฆผ์ รู้ ับลำกลำ่ วคำวำ่ ยสั สะทานิ ตมุ เห กาลงั มญั ญะถะ ผลู้ ำพงึ รับพร้อมกนั วำ่ สาธุ ภันเต แลว้ กรำบ ๓ คร้ัง

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ที่ 276 คำอำรำธนำ บชู ำ ภำวนำ ถวำย (ก่อนอาราธนา บชู า ภาวนา ถวาย ต้องภาวนาด้วย นะโม ๓ จบก่อนเสมอ) คาบูชาพระรัตนตรัย อมิ นิ า สักกาเรนะ พทุ ธัง ปูเชมิ อมิ นิ า สักกาเรนะ ธัมมัง ปูเชมิ อมิ นิ า สักกาเรนะ สังฆงั ปูเชมิ คาอาราธนาศีล ๕ มะยงั ภนั เต วิสุง วสิ ุง รักขะณตั ถายะ ตสิ ะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ ทุตยิ มั ปิ มะยงั ภันเต วิสุง วสิ ุง รักขะณตั ถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ ตะติยมั ปิ มะยงั ภันเต วสิ ุง วสิ ุง รักขะณตั ถายะ ตสิ ะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ หมายเหตุ ถำ้ ศีล ๘ เปล่ียน ปัญจะ เป็น อฏั ฐะ คาอาราธนาพระปริตร วปิ ัตติปะฏิพำหำยะ สพั พะสัมปัตติสทั ธิยำ สพั พะ ทกุ ขะ วินำสำยะ ปะริตตงั พรูถะ มงั คะลงั วปิ ัตติปะฏิพำหำยะ สพั พะสมั ปัตติสิทธิยำ สัพพะ ภะยะ วนิ ำสำยะ ปะริตตงั พรูถะ มงั คะลงั วิปัตติปะฏิพำหำยะ สัพพะสมั ปัตติสิทธิยำ สัพพะ โรคะ วนิ ำสำยะ ปะริตตงั พรูถะ มงั คะลงั

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ท่ี 277 คาอาราธานาธรรม พรัหมา จะ โลกาธิปะตี สะหัมปะติ กตั อญั ชะลี อนั ธิวะรัง อะยาจะถะ สันตธี ะ สัตตาปปะระชักขะชาตกิ า เทเสตุ ธัมมงั อะนุกมั ปิ มงั ปะชัง คาถวายขาวพระพทุ ธ อมิ งั สูปะพยญั ชะนะสัมปันนัง สาลนี ัง โอทะนัง อทุ ะกงั วะรัง พุทธัสสะ ปูเชมิ คาลาขาวพระพุทธ เสสัง มงั คะลา ยาจามิ คาถวายสังฆทาน (สำมญั ) อมิ านิ มะนงั ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภกิ ขสุ ังฆสั สะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภนั เต ภกิ ขุสังโฆ อมิ านิ ภตั ตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคณั หาตุ อมั หากงั ทีฆะรัตตงั หิตายะ สุขายะ คำแปล ขำ้ แตพ่ ระสงฆผ์ เู้ จริญ ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย ขอนอ้ มถวำย ภตั ตำหำร กบั ท้งั บริวำรเหล่ำน้ี แก่พระภิกษสุ งฆ์ ขอพระภิกษุสงฆจ์ งรับ ภตั ตำหำรกบั ท้งั บริวำรเหลำ่ น้ี ขอขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย เพอื่ ประโยชน์และควำมสุข แก่ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย สิ้นกำลนำน เทอญ ฯ

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ที่ 278 คาอปโลกน์สังฆทาน ยคั เฆ ภันเต สังโฆ ชานาตุ ขอพระสงฆท์ ้งั ปวงจงฟังคำ ขำ้ พเจำ้ บดั น้ี ทำยก ทำยกิ ำ ผมู้ ีจิตศรัทธำ ไดน้ อ้ มยนำมำซ่ึงภตั ตำหำร มำถวำยเป็นสงั ฆทำนแก่พระภิกษสุ งฆ์ อนั วำ่ สงั ฆทำน้ี ยอ่ มมีอำนิสงส์ อนั ยงิ่ ใหญ่ สมเด็จพระพุทธองคจ์ ะไดจ้ ำเพำะเจำะจงวำ่ เป็นของภิกษุรูปหน่ึง รูปใดกห็ ำมิได้ เพรำะเป็นของไดแ้ ก่สงฆท์ ว่ั สังฆมณฑล พระพุทธองค์ ตรัสวำ่ ใหแ้ จกกนั ตำมบรรดำที่มำถึง ฉะน้นั บดั น้ีขำ้ พเจำ้ จะสมมติตนเป็นผแู้ จกของสงฆ์ พระสงฆ์ ท้งั ปวงจะเห็นสมควรหรือไม่เห็นสมควร ถำ้ เห็นวำ่ ไมเ่ ป็นกำรสมควรแลว้ ไซร้ ขอจงไดท้ กั ทว้ งข้ึนในทำ่ มกลำงสงฆอ์ ยำ่ ไดเ้ กรงใจ ถำ้ เห็นวำ่ เป็นสมควร แลว้ กจ็ งเป็นผนู้ ่ิงอยู่ (หยดุ นิดหน่ึง) บดั น้ี พระสงฆท์ ้งั ปวงนิ่งอยู่ ขำ้ พเจำ้ จกั รู้ไดว้ ำ่ เป็นกำรสมควรแลว้ จะไดท้ ำกำรแจกของสงฆต์ อ่ ไป ณ กำลบดั น้ี อะยงั ปะฐะมะ ภาโค มะหาเถรัสสะ ปาปุณาติ ส่วนที่ ๑ ยอ่ มถึงแก่พระเถระผใู้ หญ่ผอู้ ยเู่ หนือขำ้ พเจำ้ อะวะเสสา ภาคา อมั หากงั ปาปณุ าติ ส่วนที่เหลือจำกพระเถระ ผใู้ หญ่แลว้ ยอ่ มถึงแก่ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย ตำมบรรดำท่ีมำถึงพร้อมกนั ทุก ๆ รูป (ตลอดถึงสำมเณรดว้ ย) เทอญ สำธุ หมำยเหตุ มะหาเถรัสสะ น้นั เปลี่ยนเป็น เถรัสสะ บำ้ ง มัชฌมิ ะ บำ้ ง ตำมฐำนะของหวั หนำ้ ในท่ีน้นั ถำ้ ไมม่ ีสำมเณรอยดู่ ว้ ย กไ็ มต่ อ้ งวำ่ ตลอดถงึ สามเณรดวย คำอปโลกนน์ ้ีเป็นหนำ้ ที่ของรูปท่ี ๒ หรือที่ ๓ กไ็ ด้

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ที่ 279 คาถวายสลากภตั ต์ เอตานิ มะยงั ภันเต สะลากะภัตตานิ สะปะริวารานิ อะสุกฏั ฐาเน ้ิฐะปิ ตานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภกิ ขสุ ังโฆ เอตานิ สะลากะภตั ตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อมั หากงั ทฆี ะรัตตัง หติ ายะ สุขายะ คำแปล ขำ้ แต่พระสงฆผ์ เู้ จริญ สลำกภตั ตำหำรกบั ท้งั บริวำรท้งั หลำย ซ่ึงต้วั ไว้ ณ ท่ีโนน้ น้นั ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย ขอนอ้ มถวำยแก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษสุ งฆ์ จงรับ ซ่ึงสลำกภตั ตำหำร กบั ท้งั บริวำรเหลำ่ น้นั ของขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย เพือ่ ประโยชนแ์ ละควำมสุข แก่ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย สิ้นกำลนำนเทอญ ฯ คาถวายขาวสาร อมิ านิ มะยัง ภันเต ตัณฑลุ านิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภนั เต ภกิ ขุสังโฆ อมิ านิ ตณั ฑลุ านิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อมั หากงั ทีฆะรัตตงั หิตายะ สุขายะ คำแปล ขำ้ แต่พระสงฆผ์ เู้ จริญ ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย ขอนอ้ มถวำยขำ้ วสำรกบั ท้งั บริวำรเหล่ำน้ี แก่พระภิกษสุ งฆ์ ขอพระภิกษุสงฆจ์ งรับ ขำ้ วสำรกบั ท้งั บริวำรเหล่ำน้ี ของขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย เพือ่ ประโยชนแ์ ละควำมสุข แก่ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย สิ้นกำลนำน เทอญ ฯ

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ท่ี 280 คาถวายผาวสั สิกสาฎก (ผำ้ อำบน้ำฝน) อมิ านิ มะยงั ภนั เต วัสสิกะสาฏกิ านิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆสั สะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภนั เต ภิกขุสังโฆ อมิ านิ วสั สิกะสาฏิกานิ สะปะริวารานิ ปะฏคิ คัณหาตุ อมั หากงั ทีฆะรัตตงั หติ ายะ สุขายะ คำแปล ขำ้ แตพ่ ระสงฆผ์ เู้ จริญ ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย ขอนอ้ มถวำย ผำ้ อำบน้ำฝน กบั ท้งั บริวำรเหลำ่ น้ี แก่พระภิกษสุ งฆ์ ขอพระภิกษสุ งฆข์ อรับ ผำ้ อำบน้ำฝน กบั ท้งั บริวำรเหลำ่ น้ี ของขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย เพื่อประโยชนแ์ ละควำมสุข แก่ ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย ส้ินกำลนำน เทอญ ฯ คาถวายผาป่ า อมิ านิ มะยงั ภนั เต ปังสุกูละจีวะรานิ สะปะริวารามิ ภิกขุ- สังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภกิ ขสุ ังโฆ อมิ านิ ปังสุกูละ- จวี ะรานิ สะปะริวารานิ ปะฏคิ คณั หาตุ อมั หากงั ทีฆะรัตตงั หิตายะ สุขายะ คำแปล ขำ้ แต่พระสงฆผ์ เู้ จริญ ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย ขอนอ้ มถวำย ผำ้ บงั สุกุลจีวร กบั ท้งั บริวำรเหล่ำน้ี แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆจ์ งรับ ผำ้ บงั สุกุลจีวร กบั ท้งั บริวำรเหล่ำน้ี ของขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย เพ่อื ประโยชน์และควำมสุข แก่ ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย สิ้นกำลนำน เทอญ ฯ คำชกั ผำ้ ป่ ำ อมิ งั ปังสุกลู ะจีวะรัง อสั สามิกงั มยั หงั ปาปณุ าติ

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ท่ี 281 คาถวายดอกไมธูปเทียนเพ่ือบูชา อมิ านิ มะยัง ภันเต ทีปะธูปะปปุ ผะวะรานิ ระตะนตั ตะยสั เสวะ อะภิปเู ชมะ อมั หากง ระตะนตั ตะยัสสะ ปชู า ทีฆะรัตตงั หติ ะสุขาวะหา โหตุ อาสะวักขะยปั ปัตตยิ า คำแปล ขำ้ แตพ่ ระคุณเจำ้ ท้งั หลำยผเู้ จริญ ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำยขอบชู ำธูปเทียนและ ดอกไมอ้ นั ประเสริฐเหล่ำน้ี แก่พระรัตนตรัย กิริยำท่ีบูชำแก่พระรัตนตรัยน้ี จงเป็นผลนำมำซ่ึงประโยชน์และควำมสุข แก่ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย สิ้นกำลนำน จง เป็นไปเพือ่ ใหถ้ ึงซ่ึงพระนิพพำน เป็นท่ีสิ้นไปแห่งอำสวะกิเลส เทอญ ฯ คาถวายกระทงสาหรับลอยประทีป มะยงั อมิ นิ า ปะทเี ปนะ อะสุกายะ นัมมะทายะ นะทยิ า ปลุ เิ น ฐิตงั มนุ ิโน ปาทะวะลญั ชัง อะภิปูเชมะ อะยงั ปะทเี ปนะ มุนิโน ปาทะวะลญั ชัสสะ ปูชา อมั หากงั ทีฆะรัตตัง หติ ายะ สุขายะ สังวตั ตะตุ. คำแปล ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย ขอบูชำ ซ่ึงรอยพระพุทธบำท ท่ีต้งั อยเู่ หนือหำดทรำย ในแม่น้ำชื่อนมั มทำนทีโนน้ ดว้ ยประทีปน้ี กิริยำที่บชู ำรอยพระพุทธบำท ดว้ ยประทีปน้ี ขอจงเป็นไปเพ่อื ประโยชน์ และควำมสุข แก่ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย สิ้นกำลนำน เทอญ ฯ

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ที่ 282 คาภาวนาเม่ือยกมือไหวพระ (ยกมือไหวพ้ ระพทุ ธวำ่ ) สาธุ พุทธัง วันทามิ (ยกมือไหวพ้ ระธรรมวำ่ ) สาธุ ธัมมัง วนั ทามิ (ยกมือไหวพ้ ระสงฆว์ ำ่ ) สาธุ สังฆงั วนั ทามิ คาอธิษฐานเมื่อจบของต่าง ๆ ถวายพระ สุทนิ นงั วะตะ เม ทานงั อาสะวกั ขะยาวะหงั นิพพานัง โหตุ เม อะนาคะเต กาเล คาอาราธนาพระเคร่ือง พทุ ธัง อาราธะนานัง ธัมมัง อาราธะนานัง สังฆงั อาราธะนานงั พุทธัง ปะสิทธิ เม ธัมมงั ปะสิทธิ เม สังฆัง ปะสิทธิ เม คาภาวนาเวลาก่อพระเจดยี ์ทราย อมิ งั วาลกุ งั เจติยงั อะธิฏฐามิ

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ที่ 283 คาภาวนาเวลาไปเย่ียมศพ อะวัสสัง มะยา มะริตัพพงั คาภาวนาเวลารดน้าศพ (แบบที่ ๑) กายะกมั มัง วะจกี มั มงั มะโนกมั มงั อะโหสิกมั มัง สัมพะปาปัง วินสั สะตุ (แบบที่ ๒) อทิ งั มะตะกะสะรีรัง อุทะกงั วยิ ะ สิญจิตัง อะโหสิ- กมั มัง คาถวายผาไตรอุทศิ แก่ผตู าย อมิ านิ มะยัง ภนั เต ตีจวี ะรานิ อยั ยสั สะ เทมะ สาธุ โน ภันเต อะยงั ติจีวะระปชู าวปิ าโก อมั หากงั มาตาปิ ตอุ าทนี งั ญาตีนงั กาละกะตานัง สังวตั ตะตุ อมั หากงั มาตาปิ ตอุ าทะโย ญาตะกา ทานะ ปัตตงั ละภนั ตุ อมั หากงั เจตะสา ฯ คำแปล ขำ้ แตพ่ ระผเู้ ป็นเจำ้ ผเู้ จริญ ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย ขอถวำยไตรจีวรน้ีแก่พระ ผเู้ ป็นเจำ้ ขำ้ แตพ่ ระผเู้ ป็นเจำ้ ผเู้ จริญ อนั วำ่ ผลวิบำกของกำรบชู ำดว้ ยไตรจีวร น้ี จงเป็นไปเพ่อื ญำติท้งั หลำย มีมำรดำบิดำของขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำยเป็นตน้ จง ไดส้ ่วนแห่งทำนน้ี ตำมควำมประสงค์ ของพวกขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย เทอญ ฯ คาภาวนาเวลาทอดผาหนาศพ นามะรูปัง อะนจิ จงั นามะรูปัง ทกุ ขัง นามะรูปัง อะนตั ตา

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ท่ี 284 คาภาวนาเวลาจดุ ศพ (แบบท่ี ๑) อะสุจิ อะสุภงั กมั มฏั ฐานงั ภาเวติ (แบบท่ี ๒) จุติ จุตงั อะระหงั จตุ ิ (แบบที่ ๓) อะยมั ปิ โข เม กาโย เอวัง ภาวี ธัมโม เอวงั อะนะตโี ต คากรวดนา้ แบบส้ัน อทิ งั เม ญาตีนงั โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ขอบญุ น้ีจงสำเร็จ แก่ญำติท้งั หลำย ของขำ้ พเจำ้ เถิด ขอญำติท้งั หลำยจงเป็นสุข ๆ เถิด คาบูชาพระพทุ ธเจา ขำ้ พระพทุ ธเจำ้ ขอบูชำพระพทุ ธเจำ้ ดว้ ยดอกไม้ ธูปเทียน เหล่ำน้ี ขอพระพทุ ธองคจ์ งทรงรับ ซ่ึงดอกไมธ้ ูปเทียนเหล่ำน้ี เพอื่ ประโยชน์สุขแก่ขำ้ พระพทุ ธเจำ้ ส้ินกำลนำน เทอญ (หมายเหตุ ถำ้ มีเพียงดอกไม้ ก็ควรจะวำ่ เฉพำะดอกไม้ หรือถำ้ มีส่ิงใด กว็ ำ่ เฉพำะสิ่งน้นั ) ปวารณาบัตร ขำ้ พเจำ้ ขอถวำยจตปุ ัจจยั แด่พระคุณท่ำนเป็นมลู ค่ำ.............บำท หำกพระคุณท่ำนประสงคส์ ่ิงใดขอไดโ้ ปรดเรียกจำกไวยำวจั กร ดว้ ยเทอญ.

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ท่ี 285 คาจบขนั ขาวใส่บาตร ขาวของขาพเจา ขาวดงั ดอกบงั ยกขนึ้ เหนือหัว ถวายแด่ พระสงฆ์ จติ ใจจานง ตรงต่อพระนพิ พาน คาจบเงินทาบุญ ทรัพย์ของขาพเจา ไดมาโดยบริสุทธ์ิ ขอบูชาพระพทุ ธ บูชา พระธรรม บูชาพระสงฆ์ จติ ใจจานง ตรงต่อพระนพิ พาน ขอใหถงึ เมืองแกว ขอใหแคลวบ่วงมาร ขอใหพบพระศรีอาริย์ ในอนาคตกาล น้นั เทอญ. คาถวายเคร่ืองสังเวยพระภูมิ นะโม เม พระภูมเิ ทวานงั ธูปะทปี ะ จะ ปปุ ผงั สักการะ- วนั ทะนัง สูปะพะยญั ชะนะสัมปันนงั โภชะนานงั สาลนี งั สะปะริวารัง อทุ ะกงั วะรัง อาคจั ฉันตุ ปะริภญุ ชันตุ สัพพะทา หิตายะ สุขายะ สันตเิ ทวา มะหิทธิกา เตปิ อมั เห อะนุรักขนั ตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ. คาลาเครื่องสังเวยพระภูมิ อายันตุ โภนโต อธิ ะ ทานะสีละ เนกขัมมะปัญญา สะหะ วริ ิยะ ขันตี สัจจาธิฏฐานะ เมตตเุ ปกขายทุ ธายะโว ทิสสาวินะติ อะเสสะโต. คาบูชาพระภูมิดวยดอกไมธูปเทยี นหรือพวงมาลยั ภุมมสั มงิ ทิสาภาเค สันติ ภมุ มา มะหทิ ธิกา เตปิ อมั เห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ ฯ

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ท่ี 286 คาอธิษฐานปิ ดทองลูกนิมิต ขอเดชะ บุญทาน การกศุ ล ปิ ดนมิ ิต อุโบสถ ทศพล เริ่มลูกตน กลางโบสถ์ โชติตระการ เป็ นนมิ ิต ลูกเอก เสกประสาท งามโอภาส มาศเฉลมิ เสริมสัณฐาน เป็ นนิมติ เตือนตา สาธุการ ท่ามกลางงาน บุญพธิ ี ผูกสีมา เกดิ ชาติหนา อย่ารูเข็ญ ไดเป็ นใหญ่ รูปวไิ ล เป็ นเสน่ห์ ดังเลขา ปิ ดนิมติ ลกู ทศิ บูรพา ใหกาวหนา เกยี รตยิ ศ ปรากฏไกล ปิ ดนมิ ติ ลกู ทศิ อาคเนย์ ขอใหเท- วาประสิทธ์ิ พสิ มัย ปิ ดนิมิต ทศิ ทัก- ษณิ ศักดชิ ัย ใหสมใจ สมบตั ิ วฒั นา ปิ ดนมิ ติ ลกู ทิศ หรดี ขอใหชี- วติ มน่ั ชันษา ปิ ดนมิ ติ ทศิ ประจมิ อมิ่ อรุ า ปรารถนา ใดได ดงั่ ใจปอง ปิ ดนมิ ติ ทศิ พายัพ ดับทกุ ข์โศก นริ าศโรค นริ าศภยั รายท้งั ผอง ปิ ดนมิ ิต ทศิ อดุ ร กรประคอง ไดเงินทอง สมหมาย ทุกรายการ

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ท่ี 287 ปิ ดนิมติ ทศิ อสี าน ประการทาย ใหสมหมาย ไดสุข ทุกสถาน รวมเกาลูก สุกใส ใจเบกิ บาน กว่าจะถึง ซึ่งนิพพาน เมื่อน้นั เทอญ. ธรรมสำธก คาถวายคมั ภีร์พระธรรม มะยงั ภันเต อมิ ัง สะปะริวารัง โปฏฐะกะคันถัง พะหุชชะนะหิ- ตายะ พะหุชชะนะสุขายะ มะหาเถเรหิ ยตุ ตปั ปะยุตตงั ธัมมิกงั ธัมมะลทั ธัง จาตุททิสัสสะ ภกิ ขุสังฆสั สะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภนั เต ภกิ ขสุ ังโฆ อมิ งั สะปะริวารัง โปฏฐะกะคนั ถงั พะหุชชะ- นะหิตายะ พะหุชชะนะสุขายะ มะหาเถเรหิ ยตุ ตัปปะยตุ ตงั ธัมมิกงั ธัมมะลทั ธัง ปะฏิคคณั หาตุ อมั หากงั ทีฆะรัตตงั หติ ายะ สุขายะ คำแปล ขำ้ แตพ่ ระสงฆผ์ เู้ จริญ ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย ขอนอ้ มถวำย ซ่ึงคมั ภีร์พระ ธรรม อนั พระมหำเถระท้งั หลำย ชำระสอบทำนแลว้ อนั เกิดข้ึนโดยชอบธรรม อนั ไดม้ ำโดยชอบธรรม กบั ท้งั บริวำรน้ี แก่พระภิกษุสงฆ์ ผมู้ ีในทิศท้งั ๔ ขอ พระภิกษุสงฆจ์ ะรับ ซ่ึงคมั ภีร์พระธรรม อนั พระมหำเถระท้งั หลำย ชำระ สอบทำนแลว้ อนั เกิดข้ึนแลว้ โดยชอบธรรม อนั ไดม้ ำโดยธรรม กบั ท้งั บริวำรน้ี ของขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย เพอื่ ประโยชน์และควำมสุข แก่ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย ส้ินกำลนำน เทอญ.

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ท่ี 288 คาถวายเวจกุฎี มะยงั ภนั เต, อมิ งั , วจั จะกุฏิง, อาคะตานาคะตัสสะ, จาตทุ - ทสิ ัสสะ ภิกขสุ ังฆสั สะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต, ภกิ ขสุ ังโฆ, อมิ งั , วจั จะกฏุ งิ , ปะฏิคคณั หาตุ, อมั หากงั , ทฆี ะรัตตงั , หิตายะ, สุขายะ คำแปล ขำ้ แตพ่ ระสงฆผ์ เู้ จริญ ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย ขอนอ้ มถวำย เวจกฎุ ีหลงั น้ี แก่พระภิกษุสงฆ์ ผมู้ ีในทิศท้งั ๔ ท่ีมำแลว้ กด็ ี ยงั ไมม่ ำก็ดี ขอพระภิกษุ สงฆจ์ งรับ เวจกฎุ ีหลงั น้ี ของขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย เพ่ือประโยชน์และควำมสุข แก่ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย ส้ินกำลนำน เทอญ ฯ คาถวายยาบาบัดความป่ วยไข อมิ านิ มะยงั ภันเต, คลิ านะเภสัชชานิ สะปะริวารานิ, สังฆสั สะ โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต, สังโฆ, อมิ านิ, คลิ านะเภสัชชานิ, สะปะริวาราน,ิ ปะฏิคคณั หาตุ, อมั หากญั จะ, มาตาปิ ตอุ าทนี ญั จะ, ญาตะกานงั , ทีฆะรัตตงั , หิตายะ สุขายะ. คำแปล ขำ้ แตพ่ ระสงฆผ์ เู้ จริญ ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย ขอนอ้ มถวำย ยำบำบดั ควำม ป่ วยไข้ กบั ท้งั เวชภณั ฑท์ ้งั หลำยเหลำ่ น้ี แก่พระสงฆ์ ขอพระสงฆจ์ งรับยำ บำบดั ควำมป่ วยไข้ และเวชภณั ฑท์ ้งั หลำยเหล่ำน้ี ของขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำยเพ่ือ ประโยชน์และควำมสุข แก่ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำยดว้ ย แก่ญำติท้งั หลำย มีมำรดำ บิดำเป็นตน้ ดว้ ย สิ้นกำลนำน เทอญ.

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ท่ี 289 ืิ คาถวายพระพทุ ธรูป อมิ งั ภนั เต พุทธะรูปัง สังฆสั สะ โอโณชะยามะ อายะตงิ สาสะนัสสะ อะตโิ รจะนายะ จะ ถาวะรายะ จะ สาธุ โน ภันเต สังโฆ อมิ งั พทุ ธะรูปัง ปะฏคิ คณั หาตุ อมั หากงั ทีฆะรัตตงั หิตายะ. สุขายะ คำแปล ขำ้ แตท่ ่ำนท้งั หลำยผเู้ จริญ ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย ขอนอ้ มถวำย ซ่ึงพระ พทุ ธรูปน้ี แก่พระสงฆ์ เพื่อควำมรุ่งเรือง และเพ่ือควำมถำวร แห่งพระ- ศำสนำตอ่ ไป ขำ้ แตท่ ำ่ นท้งั หลำยผเู้ จริญ ขอพระสงฆจ์ งรับ ซ่ึงพระพทุ ธรูป น้ี ของขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย เพ่อื ประโยชน์และควำมสุข แกข้ ำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย สิ้นกำลนำน เทอญ ฯ คาถวายเสนาสนะ กฏุ ิ วหิ าร อมิ านิ มะยงั ภนั เต, เสนาสะนาน,ิ อาคะตานาคะตสั สะ, จาตทุ ทิสัสสะ ภกิ ขุสังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต ภกิ ขสุ ังโฆ อมิ าน,ิ เสนาสะนามิ, ปะฏคิ คณั หาต,ุ อมั หากงั ทีฆะรัตตัง, หิตายะ, สุขายะ, คำแปล ขำ้ แตพ่ ระสงฆผ์ เู้ จริญ ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย ขอนอ้ มถวำยเสนำสนะเหล่ำ น้ี แก่พระภิกษสุ งฆ์ ผมู้ ีในทิศท้งั ๔ ท่ีมำแลว้ กด็ ี ยงั ไมม่ ำกด็ ี ขอพระภิกษุ สงฆจ์ งรับเสนำสนะเหล่ำน้ี ของขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย เพ่ือประโยชน์และควำมสุข, แก่ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำย สิ้นกำลนำน เทอญ.

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ท่ี 290 พระอภิธัมมตั ถสังคหะ (ยอ่ ) ปณำมคำถำ (นะ โม ตัส สา ระ หัน ตสั สะ ภะ คะ วนั ตสั สะ สัต ถุ โน สัม มา สัม พุท ธัส สะ มะ ยตั โถ โล กะ เชฏ ฐัส สะ ตา ทิ โน) นะ โม ตสั สำ ระ หนั ตสั สะ ภะ คะ วนั ตสั สะ ตำ ทิ โน สมั มำ สำ มงั วะ พุท ธสั สะ ธมั เม วิ ภชั ชะ วำ ทิ โน นะ โม ตสั เส วะ ธมั มสั สะ นิย ยำ นิ กสั สะ วฏั ฏะ โต ปะ เภ ทำ นะ วะ วี ทสั สะ สุ อำก ขำ ตสั สะ สจั จะ โต นะ โม อะ ริ ยะ สัง ฆสั สะ สัก ขิ ภู ตสั สะ สตั ถุ โน กิ เล สำ นุ สะ เย สพั เพ ปะ หำ นะ ปะ ฏิ ปัต ติ ยำ มะ ยงั พทุ ธญั จะ ธมั มญั จะ สงั ฆญั จะ สะ ระ ณงั คะ โต สจั จะ กิ ริ ยงั กะ ริส สำ มะ อำ ทิส สะ ระ ตะ นตั ตะ ยงั .

ปริจเฉทท่ี ๑ มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ที่ 291 สัม มา สัม พุท ธะ มะ ตุ ลงั อะ ภิ วา ทิ ยะ ภา สิส สัง สะ สัท ธัม มะ คะ ณตุ ตะ มงั ตัต ถะ วตุ ตา ภิ ธัม มัต ถา อะ ภิ ธัม มัต ถะ สัง คะ หัง จิต ตัง เจ ตะ สิ กงั รูป ปัง จะ ตุ ธา ปะ ระ มตั ถะ โต อฏั ฐะ ธา โล ภะ มู ลา นิ นพิ พา นะ มี ติ สัพ พะ ถา โม หะ มู ลา นิ จะ เทว ติ โท สะ มู ลา นิ จะ ท วิ ธา สัต ตา กุ สะ ละ ปา กา นิ ทวา ทะ สา กุ สะ ลา สิ ยุง กริ ยา จติ ตา นิ ตี ณี ติ ปญุ ญะ ปา กา นิ อฏั ฐะ ธา ปา ปา เห ตุ กะ มุต ตา นิ อฏั ฐา ระ สะ อะ เห ตุ กา เอ กู นะ สัฏ ฐี จิต ตา นิ โส ภะ ณา นี ติ วจุ จะ เร เว ทะ นา ญา ณะ สัง ขา ระ สะ เห ตุ กา มา วะ จะ ระ อะ เถ กะ นะ วุ ตี ปิ วา กา เม เต วี สะ ปา กา นิ เภ เท นะ จะ ตุ วี สะ ติ เอ กา ทะ สะ ก ริ ยา เจ ติ ปุญ ญะ ปา กะ ก ริ ยา มะ ตา ปัญ จะ ธา ฌา นะ เภ เท นะ ปุญ ญา ปุญ ญา นิ วี สะ ติ ปญุ ญะ ปา กะ ก ริ ยา เภ ทา จะ ตุ ปัญ ญา สะ สัพ พะ ถา อา ลมั พะ นปั ปะ เภ เท นะ รู ปา วะ จะ ระ มา นะ สัง ปญุ ญะ ปา กะ ก ริ ยา เภ ทา ตงั ปัญ จะ ทะ สะ ธา ภะ เว จะ ตุ มคั คปั ปะ เภ เท นะ จะ ตุ ธา รุป ปะ มา นะ สัง อจิ จา นุ รุท ธะ ระ จิ เต ปุ นะ ท วา ทะ สะ ธา ฐิ ตัง ปะ ฐะ โม ปะ ริจ เจ โท ยัง จะ ตุ ธา กุ สะ ลนั ตะ ถา, อะ ภิ ธัม มตั ถะ สัง คะ เห สะ มา เส เน วะ นฏิ ฐิ โต.

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ที่ 292 ปริจเฉทที่ ๒ เอ กุป ปา ทะ นิ โร ธา จะ เอ กา ลมั พะ นะ วัต ถุ กา เจ โต ยตุ ตา ท วิ ปัญ ญา สะ ธัม มา เจ ตะ สิ กา มะ ตา เต ระ สัญ ญะ สะ มา นา จะ จทุ ทะ สา กุ สะ ลา ตะ ถา โส ภะ ณา ปัญ จะ วี สา ติ ท วิ ปัญ ญา สะ ปะ วุจ จะ เร เต สัง จิต ตา วิ ยตุ ตา นงั ยะ ถา โย คะ มิ โต ปะ รัง จติ ตปุ ปา เท สุ ปัจ เจ กงั สัม ปะ โย โค ปะ วุจ จะ ติ สัต ตะ สัพ พตั ถะ ยุช ชัน ติ ยะ ถา โย คงั ปะ กณิ ณะ กา จทุ ทะ สา กุ สะ เล เสว วะ โส ภะ เณ เสว วะโส ภะ ณา ฉะ สัฏ ฐี ปัญ จะ ปัญ ญา สะ เอ กา ทะ สะ จะ โส ฬะ สะ สัต ตะ ติ วี สะ ติ เจ วะ ปะ กณิ ณะ กะ วิ วัช ชิ ตา ปัญ จะ ปัญ ญา สะ ฉะ สัฎ ฐยฏั ฐะ สัต ตะ ติ ติ สัต ตะ ติ เอ กะ ปัญ ญา สะ เจ กู นะ สัต ตะ ติ สัป ปะ กณิ ณะ กา สัพ พา ปญุ เญ สุ จตั ตา โร โล ภะ มู เล ตะ โย กะ ตา โท สะ มู เล สุ จตั ตา โร สะ สัง ขา เร ทวะ ยนั ตะ ถา วิ จิ กจิ ฉา วิ จิ กจิ ฉา จติ เต จา ติ จะ ตุท ทะ สะ ทวา ทะ สา กุ สะ เล เสว วะ สัม ปะ ยชุ ชัน ติ ปัญ จะ ธา เอ กู นะ วี สะ ติ ธัม มา ชา ยนั เต กู นะ สัฏ ฐิ ยงั ตะ โย โส ฬะ สะ จติ เต สุ อฏั ฐะ วี สะ ติ ยัง ทวะ ยงั ปัญ ญา ปะ กา สิ ตา สัต ตะ จตั ตา ฬี สะ วิ เธ สุ ปิ สัม ปะ ยุต ตา จะ ตุ เธ วงั โส ภะ เร เสว วะ โส ภะ ณา. อจิ จา นุ รุท ธะ ระ จิ เต อะ ภิ ธัม มัต ถะ สัง คะ เห ทุ ติ โย ปะ ริจ เฉ โท ยัง สะ มา เส เน วะ นฏิ ฐิ โต.

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ที่ 293 ปริเฉทท่ี ๓ สัม ปะ ยุต ตา ยะ ถา โย คงั เต ปัญ ญา สะ สะ ภา วะ โต จิต ตะ เจ ตะ สิ กา ธัม มา เต สัน ทา นิ ยะ ถา ระ หงั เว ทะ นา เห ตุ โต กจิ จะ ทวา รา ลมั พะ นะ วัต ถุ โต จิต ตปุ ปา ทะ วะ เส เน วะ สัง คะ โห นา มะ นี ยะ เต สุ ขัง ทุก ขะ มุ เปก ขา ติ ติ วิ ธา ตตั ถะ เว ทะ นา โส นะ นัส สัง โท มะ นสั สัง อิ ติ เภ เท นะ ปัญ จะ ธา สุ ขะ เม กตั ถะ ทกุ ขญั จะ โท มะ นสั สัง ทวะ เย ฐิ ตงั ทวา สัฏ ฐี สุ โส มะ นสั สัง ปัญ จะ ปัญ ญา สะ เก ตะ รา โล โภ โท โส จะ โม โห จะ เห ตู อะ กุ สะ ลา ตะ โย อะ โล ภา โท สา โม หา จะ กุ สะ ลา พยา กะ ตา ตะ ถา อะ เห ตุ กฏั ฐา ระ เส กะ เห ตุ กา เทว ท วิ วี สะ ติ ทุ เห ตุ กา มะ ตา สัต ตะ จตั ตา ฬี สะ ติ เห ตุ กา ปะ ฏิ สัน ธา ทะ โย นา มะ กจิ จะ เภ เท นะ จทุ ทะ สะ ทะ สะ ธา ฐา นะ เภ เท นะ จิต ตุป ปา ทา ปะ กา สิ ตา อฏั ฐะ สัฏ ฐี ตะ ถา เทว จะ นะ วฏั ฐะ เทว ยะ ถาก กะ มัง เอ กะ ท วิ ติ จะ ตุ ปัญ จะ กจิ จัฏ ฐา นา นิ นิท ทิ เส เอ กะ ทวา ริ กะ จิต ตา นิ ปัญ จะ ฉะ ทวา ริ กา นิ จะ ฉะ ทวา ริ กะ วิ มตุ ตา นิ วิ มตุ ตา นิ จะ สัพ พะ ถา ฉัต ตงิ สะ ติ ตะ ถา ตี ณิ เอ กตั ติง สะ ยะ ถาก กะ มัง ทะ สะ ธา นะ วะ ธา เจ ติ ปัญ จะ ธา ปะ ริ ที ปะ เย. อจิ จา นุ รุท ธะ ระ จิ เต อะ ภิ ธัม มตั ถะ สัง คะ เห ตะ ติ โย ปะ ริจ เฉ โท ยงั สะ มา เส เน วะ นฏิ ฐิ โต.

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ท่ี 294 ปริจเฉทที่ ๔ จิต ตปุ ปำ ทำ นะ มิจ เจ วงั กตั วำ สงั คะ หะ มุต ตะ รัง ภู มิ ปคุ คะ ละ เภ เท นะ ปพุ พำ ปะ ระ นิ ยำ มิ ตงั ปะ วตั ติ สัง คะ หงั นำ มะ ปะ ฏิ สัน ธิ ปะ วตั ติ ยงั ปะ วกั ขำ มิ สะ มำ เส นะ ยะ ถำ สมั ภะ วะ โต กะ ถงั วี ถิ จิต ตำ นิ สตั เต วะ จิต ตุป ปำ ทำ จะ ตุท ทะ สะ จะ ตุ ปัญ ญำ สะ วิต ถำ รำ ปัญ จะ ทวำ เร ยะ ถำ ระ หงั วี ถิ จิต ตำ นิ ตี เณ วะ จิต ตุป ปำ ทำ ทะ เส ริ ตำ วิต ถำ เร นะ ปะ เนต เถ กะ จตั ตำ ฬี สะ วิ ภำ วะ เย ทวตั ติง สะ สุ ขะ ปญุ ญมั หำ ทวำ ทะ โส เปก ขะ กำ ปะ รัง สุ ขิ ตะ กริ ยำ โต อฏั ฐะ ฉะ สมั โภน ติ อุ เปก ขะ กำ ปุ ถชุ ชะ นำ นงั เส ขำ นงั กำ มะ ปุญ ญะ ติ เห ตุ โต ติ เห ตุ กำ มะ ก ริ ยำ โต วี ตะ รำ คำ นะ มปั ปะ นำ กำ เม ชะ วะ นะ สัต ตำ ลมั พะ นำ นงั นิ ยะ เม สะ ติ วิ ภู เต ติ มะ หนั เต จะ ตะ ทำ รัม มะ ณะ มี ริ ตงั สตั ตกั ขตั ตุง ปะ ริต ตำ นิ มคั คำ ภิญ ญำ สะ กิจ มะ ตำ อะ วะ เส สำ นิ ลพั ภนั ติ ชะ วะ นำ นิ พะ หู นิ ปิ อะ เสก ขำ นงั จะ ตุ จตั ตำ ฬี สะ เสก ขำ นะ มุท ทิ เส ฉะ ปัญ ญำ สำ วะ เส สำ นงั จะ ตุ ปัญ ญำ สะ สัม ภะ วำ อะ สี ติ วี ถิ จิต ตำ นิ กำ เม รู เป ยะ ถำ ระ หงั จะ ตุ สฏั ฐี ตะ ถำ รูป เป เทว จตั ตำ ฬี สะ ลพั ภะ เร. อิจ จำ นุ รุท ธะ ระ จิ เต อะ ภิ ธมั มตั ถะ สงั คะ เห จะ ตตุ โถ ปะ ริจ เฉ โท ยงั สะ มำ เส เน วะ นิฏ ฐิ โต.

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ที่ 295 พระภิขปุ าฏโิ มกข์ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธัสสะ (๓ จบ) สุณาตุ เม ภนั เต สังโฆ, อชั ชุโปสะโถ ปัณณะระโส ๑, ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกลั ลงั , สังโฆ อโุ ปสะถงั กะเรยยะ, ปาฏิ โมกขงั อุททิเสยยะ. กงิ สังฆสั สะ ปพุ พะกจิ จัง, ปาริสุทธิง อายัสมนั โต อาโรเจถะ, ปาฏโิ มกขัง อทุ ทิสิสสามิ. ตงั สัพเพวะ สันตา สาธุกงั สุโณมะ มะนะสิกะโรมะ. ยสั สะ สิยา อาปัตติ, โส อาวกิ ะเรยยะ, อะสันติยา อาปัตตยิ า ตณุ หี ภะวติ พั พงั . ตุณหี ภาเวนะ โข ปะนายัสมนั เต ปะริสุทธาติ เวทสิ สาม.ิ ยะถา โข ปะนะ ปัจเจกปุฏฐัสสะ เวยยากะระณัง โหต,ิ เอวะเมวงั เอวะ รูปายะ ปะริสายะ ยาวะตะตยิ งั อะนุสสาววิตัง โหติ. โย ปะนะ ภิกขุ ยาวะตะตยิ งั อะนุสสาวิยะมาเน สะระมาโฯ สันติง อาปัตตงิ นาวกิ ะเรยยะ, สัมปะชานะมุสาวาทสั สะ โหติ, สัมปะชานะ มุสาวาโท โข ปะนายัสมันโต อนั ตะรายโิ ก ธัมโม วุตโต ภะ คะวะตา, ตัสมา สะระมาเนนะ ภิกขุนา อาปันเนนะ วิสุทธา เปกเขนะ สันตี อาปัตติ อาวกิ าตัพพา. อาวิกะตา หิสสะ ผาสุ โหติ. นทิ านัง นฏิ ฐิตัง ๑. ถำ้ ๑๔ ค่ำ พึงวำ่ จำตทุ ทะโส

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ท่ี 296 ตตั ริเม จตั ตาโร ปาราชิกา ธัมมา อุทเทสัง อาคจั ฉันติ. ๑. โย ปะนะ ภิกขุ ภิกขนู ัง สิกขาสาชีวะสะมาปันโน สิกขงั อปั ปัจจักขายะ ทพุ พลั ยงั อะนาวกิ ตั วา เมถุนัง ธัมมงั ปะฏเิ สเวยยะ อนั ตะมะโส ตริ ัจฉานะคะตายะปิ , ปาราชิโก โหติ อะสังวาโส. ๒. โย ปะนะ ภิกขุ คามา วา อะรัญญา วา อะทินนงั เถยยะสังขาตงั อาทิเยยะ, ยะถารูเป อะทินนาทาเน ราชาโน โจรัง คะเหตวา หะเนยยงุ วา พนั เธยยงุ วา ปัพพาเชยยุง วา \"โจโรสิ พาโลสิ มุฬโหสิ เถโนสีต.ิ \" ตะถารูปัง ภกิ ขุ อะทินนัง อาทิยะมาโน, อะยัมปิ ปาราชิโก โหติ อะสังวาโส. ๓. โย ปะนะ ภกิ ขุ สัญจิจจะ มะนุสสะวคิ คะหัง ชีวติ า โวโรเปยยะ, สัตถะหาระกงั วาสสะ ปะริเยเสยยะ, มะระณะ วณั ณัง วา สังวณั เณยยะ, มะระณายะ วา สะมาทะเปยยะ \"อมั โภ ปุริสะ กงิ ตยุ หมิ นิ า ปาปะเกนะ ทุชชีวเิ ตนะ, มะตันเต ชีวิตา เสยโยติ,\" อติ ิ จติ ตะมะโน จติ ตะสังกปั โป อะเนกะปะริยาเยนะ มะระณะวัณณงั วา สังวณั เณยยะ, มะระณายะ วา สะมาทะเปยยะ, อะยัมปิ ปาราชิโก โหติ อะสังวาโส. ๔. โย ปะนะ ภกิ ขุ อะนะภชิ านงั อตุ ตะริมะนุสสะธัมมงั อตั ตูปะนายกิ งั อะละมะริยะญาณะทสั สะนัง สะมุทาจะเรยยะ \"อติ ิ ชานามิ, อติ ิ ปัสสามีติ, ตะโต อะปะเรนะ สะมะเยนะ สะมะนุคคาหยิ ะมาโน วา อะสะมะนุคคาหิยะมาโน วา อาปันโน วิสุทธาเปกโข เอวงั วะเทยยะ \" อะชานะเมวงั อาวุโส อะวะจงั \"ชานามิ\" อะปัสสัง \"ปัสสามิ \" ตจุ ฉัง มุสา วลิ ะปิ นติ, อญั ญตั ระ

มนตพ์ ิธี - หนำ้ ท่ี 297 อะธิมานา, อะยมั ปิ ปาราชิโก โหติ อะสังวาโส. อทุ ทฏิ ฐา โข อายสั มันโต จัตตาโร ปาราชิกา ธัมมา, เยสัง ภกิ ขุ อญั ญะตะรัง วา อญั ญะตะรัง วา อาปัชชิตวา นะ ละภะติ ภิกขูหิ สัทธิง สังวาสัง, ยะถา ปุเร, ตะถา ปัจฉา, ปาราชิโก โหติ อะสังวาโส. ตตั ถายัส มนั เต ปุจฉามิ. กจั จติ ถะ ปะริสุทธา ? ทุตยิ มั ปิ ปจุ ฉาม.ิ กจั จิตถะ ปะริสุทธา ? ตะติยมั ปิ ปุจฉามิ. กจั จิตถะ ปะริสุทธา ? ปะริสุทเธตถายัสมันโต, ตัสมา ตุณหี, เอวะเมตงั ธาระยามิ. ปาราชิกุทเทโส นฏิ ฐิโต. อเิ ม โข ปะนายสั มนั โต เตระสะสังฆาทเิ สสา ธัมมา อทุ เทสัง อาคจั ฉันติ. ๑. สัญเจตะนิกา สุกกะวิสัฏฐิ, อญั ญัตระ สุปิ นันตา สังฆาทเิ สโส. ๒. โย ปะนะ ภิกขุ โอติณโณ วปิ ะริณะเตนะ จติ เตนะ มาตุคาเมนะ สัทธิง กายะสังสัคคัง สะมาปัชเชยยะ, หัตถะคาหัง วา เวณคิ าหงั วา อญั ญะตะรัสสะ วา อญั ญะตะรัสสะ วา องั คสั สะ ปะรามะสะนงั , สังฆาทิเสโส. ๓. โย ปะนะ ภกิ ขุ โอติณโณ วปิ ะริณะเตนะ จติ เตนะ มาตุคามงั ทฏุ ฐุลลาหิ วาจาหิ โอภาเสยยะ, ยะถาตงั ยวุ า ยุวะตงิ เมถนุ ูปะสัญหิตาห,ิ สังฆาทิเสโส.

มนตพ์ ธิ ี - หนำ้ ที่ 298 ๔. โย ปะนะ ภกิ ขุ โอตณิ โณ วิปะริณะเตนะ จิตเตนะ มาตุคามสั สะ สันตเิ ก อตั ตะกามะปาริจะริยายะ วณั ณัง ภาเสยยะ \"เอตะทคั คัง ภะคินิ ปาริจะริยานงั , ยา มาทสิ ัง สีละวนั ตงั กลั ยาณะธัมมัง พรัหมะจาริง เอเตนะ ธัมเมนะ ปะริจะเรยยาติ เมถนุ ูปะสัญหิเตนะ, สังฆาทิเสโส. ๕. โย ปะนะ ภกิ ขุ สัญจะริตตงั สะมาปัชเชยยะ อติ ถยิ า วา ปุริสะมะตงิ ปรุ ิสัสสะ วา อติ ถีมะตงิ ชายัตตะเน วา ชารัตตะเน วา อนั ตะมะโส ตงั ขะณกิ ายะปิ , สังฆาทเิ สโส. ๖ง สัญญาจิกายะ ปะนะ ภกิ ขุนา กุฏิง การะยะมาเนนะ อสั สามิกงั อตั ตุทเทสัง ปะมาณิกา กาเรตพั พา, ตัตริทงั ปะมาณงั . ทีฆะโส ทะวาทะสะ วทิ ัตถโิ ย สุคะตะวทิ ัตถยิ า, ตริ ิยัง สัตตันตะรา. ภิกขู อะภิเนตพั พา วตั ถุเทสะนาย, เตหิ ภกิ ขหู ิ วตั ถุง เทสเสตพั พงั อะนารัมภัง สะปะริกกะมะนงั . สารัมเภ เจ ภิกขุ วตั ถุสมงิ อะปะริกกะมะเน สัญญาจิกายะ กุฏิง กาเรยะ, ภิกขู วา อะนะ ภิเนยยะ วตั ถเุ ทสะนายะ, ปะมาณัง วา อะติกกาเมยยะ, สังฆา ทิเสโส. ๗. มะหลั ละกมั ปะนะ ภกิ ขนุ า วหิ ารัง การะยะมาเนนะ สัสสามิกงั อตั ตทุ เทสัง ภกิ ขู อะภิเนตัพพา วตั ถุเทสะนายะ, เตหิ ภกิ ขหู ิ วัตถุง เทเสตพั พงั อะนารัมภงั สะปะริกกะมะนงั . สารัมเภ เจ ภิกขุ วตั ถุสมิง อะปะริกกะมะเม มะหัลละกงั วหิ ารัง กาเรยยะ, ภิกขู วา อะนะภิเนยยะ วัตถุเทสะนายะ, สังฆาทิเสโส.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook