Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การปฏิบัติต่อเด็ก เยาวชน สตรี และผู้มีความผิดปกติทางจิต

การปฏิบัติต่อเด็ก เยาวชน สตรี และผู้มีความผิดปกติทางจิต

Published by teaksupara, 2021-03-29 11:12:55

Description: การปฏิบัติต่อเด็ก เยาวชน สตรี และผู้มีความผิดปกติทางจิต

Search

Read the Text Version

วิชา ปป. (CP) ๒๑๔๐๕ แกลาะรผปู้มฏคี ิบวัตาติม่อผดิเดปก็ กเตยทิ าาวงชจนิตสตรี

ตําÃÒàÃÂÕ ¹ หลกั สตู ร นกั เรียนนายสบิ ตํารวจ วชิ า ปป. (CP) ๒๑๔๐๕ การปฏิบตั ติ อ เด็ก เยาวชน สตรี และผมู ีความผดิ ปกติทางจิต เอกสารนี้ “໚¹¤ÇÒÁÅѺ¢Í§·Ò§ÃÒª¡ÒÔ หามมิใหผูหน่ึงผูใดเผยแพร คัดลอก ถอดความ หรอื แปลสว นหนงึ่ สว นใด หรอื ทงั้ หมดของเอกสารนเี้ พอื่ การอยา งอนื่ นอกจาก “à¾Íè× ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒͺÃÁ” ของขาราชการตํารวจเทานั้น การเปดเผยขอความแกบุคคลอื่นท่ีไมมีอํานาจหนาที่จะมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา กองบัญชาการศกึ ษา สาํ นกั งานตํารวจแหง ชาติ พ.ศ.๒๕๖๔

1

คํานํา หลักสูตรนักเรียนนายสิบตํารวจ (นสต.) เปนหลักสูตรการศึกษาอบรมท่ีมีเปาหมาย เพื่อเสริมสรางใหบุคคลภายนอกผูมีวุฒิประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) หรือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเทา ที่เขารับการฝกอบรมมีความรู ความสามารถ และ ทักษะวิชาชีพตาํ รวจ รวมถึงพัฒนาบุคลิกภาพรางกายใหเหมาะสมสําหรับการปฏิบัติงานตํารวจ ในกลุมสายงานปองกันปราบปราม ตลอดจนเตรียมความพรอมทางดานจิตใจและวุฒิภาวะใหมี จติ สํานกึ ในการใหบ ริการเพอ่ื บําบัดทกุ ขบ ํารุงสขุ ของประชาชนเปน สาํ คญั กองบัญชาการศึกษา ไดรวมกับ ครู อาจารย และครูฝก ในสังกัดกองบังคับการ ฝกอบรมตาํ รวจกลาง และกลมุ งานอาจารย กองบัญชาการศึกษา ศูนยฝกอบรมตํารวจภูธรภาค ๑ - ๙ และกองบัญชาการตาํ รวจตระเวนชายแดน ตลอดจนผูทรงคุณวุฒิจากภายนอก จัดทําตาํ ราเรียน หลกั สตู รนกั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจชดุ นี้ ซงึ่ ประกอบดว ยองคค วามรตู า งๆ ทจ่ี ําเปน ตอ การพฒั นาศกั ยภาพ ของนกั เรยี นนายสบิ ตํารวจใหเ ปน ขา ราชการตาํ รวจทพี่ งึ ประสงคข องประชาชน เพอ่ื ใชส ําหรบั ประกอบ การเรียนการสอนนักเรียนนายสิบตํารวจใหมีความพรอมทั้งดานความรู ความสามารถ กําลังกาย และจติ ใจ จนสามารถเปน ขา ราชการตาํ รวจทป่ี ฏบิ ตั งิ านใหบ รกิ ารสงั คมและประชาชนไดอ ยา งตรงตาม ความตอ งการอยางแทจ รงิ และมคี วามพรอมในการเขาสปู ระชาคมอาเซยี น ขอขอบคุณครู อาจารย ครูฝก และผูทรงคุณวุฒิทุกทาน ที่ไดรวมกันระดมความคิด ใหคาํ ปรึกษา คาํ แนะนาํ ประสบการณที่เปนประโยชน รวมถึงการถายทอดองคความรู ที่เปนประโยชน จนทาํ ใหการจัดทําตาํ ราเรียนหลักสูตรนักเรียนนายสิบตาํ รวจสําเร็จลุลวงไดดวยดี ซ่ึงกองบัญชาการศึกษาหวังเปนอยางย่ิงวาตําราเรียนชุดน้ีคงเปนประโยชนตอการจัดการเรียน การสอนและการจัดการฝกอบรมของครู อาจารย และครูฝก รวมตลอดถึงใชเปนคูมือการปฏิบัติงาน ของขาราชการตํารวจ อันจะสงผลทาํ ใหสํานักงานตํารวจแหงชาติสามารถสรางความเชื่อมั่น ศรัทธา และความผาสุกใหแ กประชาชนไดอ ยา งแทจ ริง พลตํารวจโท ( อภิรตั นยิ มการ ) ผูบ ัญชาการศกึ ษา

1

ÊÒúÑÞ Ë¹ŒÒ ÇªÔ Ò ¡Òû¯ÔºμÑ μÔ Í‹ à´ç¡ àÂÒǪ¹ ÊμÃÕ áÅмŒÙÁÕ¤ÇÒÁ¼´Ô »¡μÔ·Ò§¨μÔ ñ ๑ ÊÇ‹ ¹·èÕ ñ Ç¸Ô Õ»¯ÔºÑμÔà¡èÕÂÇ¡ºÑ à´ç¡ ๑ ๑ º··èÕ ñ º··ÇÑè ä» ๔ - วตั ถปุ ระสงค ๕ - บทนํา ù - บทบาทของเจาพนกั งานตํารวจที่เกยี่ วขอ งกับเด็กหรอื เยาวชน ๙ - การสรางสัมพนั ธภาพกบั เด็กหรอื เยาวชน ๙ - สาเหตุแหงการกระทําความผดิ ของเดก็ ๑๐ ๑๒ º··èÕ ò ¡ÒäŒÁØ ¤ÃͧÊÔ·¸àÔ ´ç¡ ๑๒ - วัตถุประสงค ๑๔ - บทนํา ๑๖ - อนสุ ญั ญาวาดว ยสทิ ธเิ ดก็ ๒๖ - การคมุ ครองสิทธเิ ดก็ และเยาวชนในประเทศไทย ๒๗ - การคมุ ครองสิทธิเดก็ และเยาวชนตามประมวลกฎหมายอาญาฯ óñ - การคุมครองสิทธเิ ด็กและเยาวชนตามประมวลกฎหมาย ๓๑ วิธพี จิ ารณาความอาญาฯ ๓๑ - การคมุ ครองสิทธเิ ดก็ และเยาวชนตามพระราชบัญญตั คิ มุ ครองเด็กฯ ๓๑ - การคุมครองสิทธเิ ดก็ และเยาวชนตามพระราชบญั ญตั ศิ าลเยาวชน ๓๒ และครอบครัว และวิธพี จิ ารณาคดเี ยาวชนและครอบครัวฯ ๓๕ - การคุมครองสทิ ธิเดก็ และเยาวชนตามพระราชบญั ญตั คิ มุ ครองแรงงาน ๓๙ º··èÕ ó á¹Ç·Ò§¡Òû¯ºÔ μÑ Ô¢Í§à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹μÒí ÃǨ - วัตถปุ ระสงค - บทนํา - การออกหมายจับเด็กและเยาวชน - การจับกุมเด็กหรือเยาวชน - แนวทางการปฏบิ ตั ิของเจาพนักงานตํารวจในการจับกมุ เด็กและเยาวชน - การตรวจสอบการจบั

˹Ҍ - แนวทางการปฏบิ ัติของเจาพนักงานตาํ รวจในการคน ๔๑ - แนวทางปฏบิ ัติในการจดบนั ทกึ คํารอ งทุกขใ นคดที ีผ่ เู สียหายเปน เด็ก ๔๕ หรือเยาวชน º··èÕ ô à·¤¹¤Ô ¡Òëѡ¶ÒÁà´¡ç ¡Òû͇ §¡Ñ¹áÅСÒÃÃÑ¡ÉÒʶҹ·èàÕ ¡Ô´àËμØ ôù - วตั ถปุ ระสงค ๔๙ - บทนํา ๔๙ - เทคนคิ การซักถามเดก็ หรือเยาวชน ๔๙ - การสังเกตพฤติกรรมหรอื ภาษากายจากผูถ กู ซักถาม ๕๑ - การใชคาํ ถามในการซักถามเดก็ เพื่อแสวงหาขอ มลู ๕๒ - การปอ งกันและรักษาสถานท่ีเกดิ เหตุ ๕๓ ʋǹ·èÕ ò öñ º··èÕ ñ á¹Ç·Ò§»¯ºÔ Ñμ¢Ô ͧ¾¹¡Ñ §Ò¹à¨ÒŒ ˹Ҍ ·èËÕ Ã×Íà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨ ¡Ã³·Õ Õ¾è ººØ¤¤Å·ÕèÁÅÕ ¡Ñ ɳÐÁÀÕ ÒÇÐÍѹμÃÒÂáÅÐÁÕ¤ÇÒÁจํา໹š μŒÍ§ä´ÃŒ Ѻ¡ÒÃบาํ º´Ñ Ã¡Ñ ÉÒ μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμÔ梯 ÀÒ¾¨Ôμ ¾.È.òõõñ öó - วัตถุประสงค ๖๓ - บทนาํ ๖๓ - วธิ กี ารสงั เกตลักษณะของผูท ่มี อี าการทางจติ ๖๓ ÀÒ¤¼¹Ç¡ ÷ó àÍ¡ÊÒÃÍÒŒ §Í§Ô ñóñ

ʋǹ·Õè ñ ÇÔ¸»Õ ¯ºÔ μÑ Ôà¡ÂÕè Ç¡ºÑ à´¡ç

1

๑ º··èÕ ñ º··ÑÇè ä» ÇÑμ¶Ø»ÃÐʧ¤ ๑. เพื่อใหนักเรียนนายสิบตํารวจ มีความเขาใจบทบาทและอํานาจหนาที่ของ เจา พนักงานตาํ รวจท่คี วรปฏบิ ตั ิตอเด็กหรือเยาวชน ๑.๑ บทบาทของเจาพนักงานตํารวจเกี่ยวกับเด็กหรอื เยาวชน ๑.๒ สามารถสรางสมั พนั ธภาพกับเด็กหรอื เยาวชน ๑.๓ สามารถเขา ใจสาเหตแุ หง การกระทาํ ผิดของเด็ก ๑.๔ เขา ใจความหมายเด็กตามกฎหมายไทย เพื่อเปนแนวทางในการปฏิบัติหนาท่ีตามบทบาทหนาท่ีของเจาพนักงานตํารวจ ตอไป º·นํา เด็กคือทรัพยากรบุคคลท่ีมีความสําคัญเปนอยางยิ่ง เพราะประเทศชาติจะมีความ เจริญมั่นคงอยูไดมากนอยเพียงใดอยูท่ีเด็ก ซ่ึงเขาจะเจริญเติบโตมาเปนผูใหญท่ีมีคุณภาพหรือไม รัฐจึงมีหนาท่ีสําคัญในการปกปองคุมครองเด็ก ตลอดจนแสวงหาวิธีการชวยเหลือเยียวยาหากเด็ก เหลาน้ันหลงผิดไปกระทําการใดๆ ที่กอใหเกิดความเดือดรอนหรือกระทําความผิดตามกฎหมาย การปฏิบัติตอเด็กและเยาวชนเปนส่ิงสําคัญเปนอยางยิ่งในการปฏิบัติงานของเจาพนักงานตํารวจ ที่ตองมีความรอบรูและเชี่ยวชาญในแตพระราชบัญญัติที่เก่ียวของ เพ่ือใหเกิดความม่ันใจและถูกตอง และวธิ ปี ฏิบัตเิ กี่ยวกับเด็ก º·ºÒ·¢Í§à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨ·àÕè ¡èÂÕ Ç¢ÍŒ §¡ºÑ à´¡ç ËÃÍ× àÂÒǪ¹ เจาพนักงานตํารวจมีสวนเก่ียวของกับเด็กหรือเยาวชน ทั้งในดานการปองกันมิใหเด็ก หรอื เยาวชนกระทาํ ความผดิ ตลอดจนปอ งกนั มใิ หเ กดิ เหตรุ า ยทส่ี ง ผลกระทบตอ ชวี ติ รา งกาย และทรพั ยส นิ ของเดก็ และเยาวชน ขณะเดียวกันเมอ่ื เกิดเหตุรายแรงท่มี ีเด็กหรอื เยาวชนไปมีสว นเกยี่ วของ ไมวาจะ ในฐานะเปนผูกระทําความผิดหรือในฐานะของผูเสียหายก็ตาม เจาพนักงานตํารวจก็จะตองเปนผูท่ี เผชิญเหตุการณเหลานั้น ดังน้ันเพ่ือเปนการปองกันมิใหเกิดเหตุการณรายแรงขึ้นกับเด็กหรือเยาวชน ส่ิงท่ีเจาพนักงานตํารวจควรใหความสนใจกับเด็กหรือเยาวชนท่ีเด็กหรือเยาวชนท่ีเจาพนักงานตํารวจ ควรใหค วามสนใจ ๑. เดก็ ทขี่ าดการเอาใจใสด ูแลจากครอบครัว ผปู กครอง ถูกทอดท้ิง ๒. เดก็ ทอ่ี าศยั อยใู นสภาพแวดลอ มทไี่ มเ หมาะสม เสย่ี งตอ การถกู ละเมดิ หรอื ถกู ชกั จงู ใหกระทําความผิด

๒ ๓. เด็กท่ีมีรองรอยของการถูกทํารายตามเนื้อตัวรางกาย เชน มีรองรอยการถูกทุบตี หรอื บาดแผล เดก็ ที่พยายามทํารา ยตัวเอง หรอื มีประวตั พิ ยายามฆา ตวั ตาย ๔. เด็กท่ีมีความแปรปรวนทางอารมณหรือมีความกาวราว ซึมเศรา เพราะส่ิงเหลาน้ี อาจเกิดมาจากการถูกตําหนิ ถูกสบประมาท หรือถูกดูถูกดูแคลนเปนประจําจากบุคคลในครอบครัว หรือบคุ คลทีใ่ กลชดิ ๕. เด็กที่หนีออกจากบาน ไมเรียนหนังสือ ตอตานสังคม แสดงพฤติกรรมเรียกรอง ความสนใจที่ไมเหมาะสมเหลานี้ เจาพนักงานตํารวจควรจะใหความสนใจวาอะไรเปนสาเหตุที่ทําให เดก็ มพี ฤตกิ รรมเชน น้ัน เพือ่ ชว ยในการปกปองคมุ ครองเด็ก ๖. เด็กที่ชอบพูดเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธหรือการแสดงพฤติกรรมทางเพศกอนวัย อนั ควร เพราะเขาอาจเปน เด็กท่เี คยถกู ลวงละเมิดทางเพศมากอ น ๗. เด็กที่ไมมีปฏิกิริยาตอบโต เงียบขรึม แยกตัวออกจากสังคม หรือมีพฤติกรรม ท่ีเปล่ียนไปจากเดิม เชน อาบน้ําหรือชําระลางรางกายบอยคร้ังหรือใชเวลาในการชําระลางรางกาย นานผดิ ปกติไปจากเดมิ เพราะสิ่งเหลานี้อาจเปนเพราะเดก็ อาจถูกลวงละเมิดได นอกจากที่กลาวมาแลว เจาพนักงานตํารวจควรจะตองใหความสําคัญกับเด็กท่ีเปน เดก็ เรร อ น เดก็ กาํ พรา เดก็ พกิ าร เดก็ ทอี่ ยใู นสภาพลาํ บาก ตลอดจนเดก็ ทเ่ี สยี่ งตอ การกระทาํ ความผดิ ดว ย ซึ่งพระราชบัญญัติคมุ ครองเด็กฯ ไดใหคาํ นิยามของเด็กเหลา น้ไี ว คือ “เด็กเรรอน” หมายความวา เดก็ ท่ไี มมบี ิดามารดาหรอื ผูปกครองหรอื มีแตไมเล้ียงดู หรอื ไมสามารถเล้ียงดูได จนเปนเหตุใหเด็กตองเรรอนไปในท่ีตางๆ หรือเด็กที่มีพฤติกรรมใชชีวิตเรรอน จนนา จะเกิดอนั ตรายตอสวสั ดิภาพของตน “เดก็ กําพรา” หมายความวา เดก็ ทีบ่ ดิ าหรือมารดาเสยี ชีวิต เดก็ ที่ไมป รากฏบดิ ามารดา หรอื ไมส ามารถสืบหาบิดามารดาได “เด็กท่ีอยูในสภาพยากลําบาก” หมายความวา เด็กที่อยูในครอบครัวยากจนหรือบิดา มารดาหยาราง ทิ้งรา ง ถูกคุมขงั หรอื แยกกนั อยูแ ละไดรับความลําบาก หรือเดก็ ทต่ี อ งรบั ภาระหนา ที่ ในครอบครวั เกินวยั หรือกําลังความสามารถและสตปิ ญ ญา หรือเดก็ ทีไ่ มสามารถชว ยเหลอื ตวั เองได “เดก็ พกิ าร” หมายความวา เดก็ ทมี่ คี วามบกพรอ งทางรา งกาย สมอง สตปิ ญ ญาหรอื จติ ใจ ไมวา ความบกพรองนั้นจะมมี าแตก ําเนดิ หรอื เกดิ ขึน้ ภายหลัง “เดก็ ทเี่ สยี่ งตอ การกระทาํ ผดิ ” หมายความวา เดก็ ทป่ี ระพฤตติ นไมส มควร เดก็ ทป่ี ระกอบ อาชีพหรือคบหาสมาคมกับบุคคลที่นาจะชักนําไปในทางกระทําผิดกฎหมายหรือขัดตอศีลธรรมอันดี หรอื อยใู นสภาพแวดลอ มหรอื สถานทอ่ี นั อาจชกั นาํ ไปในทางเสยี หาย ทงั้ นี้ ตามทก่ี าํ หนดในกฎกระทรวง กาํ หนด กลา วคือ

๓ ๑) เดก็ ที่ประพฤตติ นไมสมควร ไดแ ก เดก็ ท่ีมพี ฤติกรรมอยา งหนง่ึ อยางใด ดังตอไปนี้ (๑) ประพฤตติ นเกเรหรือขม เหงรังแกผอู ืน่ (๒) ม่ัวสมุ ในลักษณะทกี่ อความเดือดรอ นราํ คาญแกผอู น่ื (๓) เลนการพนนั หรอื มวั่ สมุ ในวงการพนัน (๔) เสพสรุ า สบู บหุ ร่ี เสพยาเสพตดิ ใหโ ทษหรอื ของมนึ เมาอยา งอน่ื เขา ไปในสถานท่ี เฉพาะ เพื่อการจําหนา ยหรือดืม่ เคร่อื งดม่ื ท่ีมแี อลกอฮอล (๕) เขา ไปในสถานบรกิ ารตามกฎหมายวาดวยสถานบรกิ าร (๖) ซ้ือหรือขายบริการทางเพศ เขาไปในสถานการคาประเวณีหรือเกี่ยวของกับ การคา ประเวณี ตามกฎหมายวาดว ยการปองกันและปราบปรามการคาประเวณี (๗) ประพฤติตนไปในทางชสู าว หรอื สอ ไปในทางลามกอนาจารในทสี่ าธารณะ (๘) ตอ ตา นหรอื ทา ทายคาํ สงั่ สอนของผปู กครอง จนผปู กครองไมอ าจอบรมสงั่ สอนได (๙) ไมเขาเรียนในโรงเรียนหรือสถานศึกษาตามกฎหมายวาดวยการศึกษา ภาคบงั คบั ๒) เด็กที่ประกอบอาชีพที่นาจะชักนําไปในทางกระทําผิดกฎหมายหรือขัดตอศีลธรรม อนั ดี ไดแก เดก็ ท่ีประกอบอาชีพ ดังตอไปนี้ (๑) ขอทานหรือกระทําการสอไปในทางขอทาน โดยลําพังหรือโดยมีผูบังคับ ชกั นาํ ยยุ ง หรือสงเสรมิ หรอื (๒) ประกอบอาชีพหรือกระทําการใดอันเปนการแสวงหาประโยชนโดยมิชอบ ดวยกฎหมาย หรอื ขัดตอศีลธรรมอนั ดี ๓) เด็กที่คบหาสมาคมกับบุคคลท่ีนาจะชักนําไปในทางกระทําผิดกฎหมายหรือขัดตอ ศีลธรรมอันดี ไดแ ก เด็กท่ีคบหาสมาคมกบั บคุ คล ดงั ตอไปน้ี (๑) บุคคลหรือกลุมคนที่รวมตัวกันม่ัวสุม เพ่ือกอความเดือดรอนรําคาญแกผูอื่น หรือกระทําการอันขัดตอกฎหมายหรือศีลธรรมอนั ดี หรอื (๒) บคุ คลทปี่ ระกอบอาชพี ทขี่ ดั ตอกฎหมายหรือศลี ธรรมอันดี ๔) เด็กท่ีอยูในสภาพแวดลอ มหรือสถานทอ่ี ันอาจชักนาํ ไปในทางเสยี หาย ไดแ ก เด็กที่ อยใู นสภาพแวดลอมหรอื สถานที่ ดังตอไปน้ี (๑) อาศัยอยูกับบุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวของกับยาเสพติดใหโทษหรือใหบริการ ทางเพศ (๒) เรร อ นไปตามสถานทตี่ า ง ๆ โดยไมม ที พ่ี กั อาศยั เปน หลกั แหลง ทแี่ นน อน หรอื (๓) ถูกทอดทิ้งหรือถูกปลอยปละละเลยใหอยูในสภาพแวดลอมอันอาจชักนํา ไปในทางเสยี หาย (กฎกระทรวงกาํ หนดเด็กที่เสี่ยงตอการกระทําผดิ พ.ศ.๒๕๔๙)

๔ เนื่องจากเด็กเหลาน้ี มีความเส่ียงตอการกระทําความผิด หรืออาจถูกชักนําไปกระทํา ความผดิ ไดงาย ขณะเดยี วกันเด็กเหลานก้ี ็อาจถกู ลวงละเมดิ จากบุคคลอ่ืนไดง ายเชน กนั เจา พนักงาน ตํารวจซ่ึงปฏิบัติงานและพบเห็นเด็กเหลาน้ี ควรจะใหความสําคัญในการสรางสัมพันธภาพกับเด็ก เหลาน้ี เพื่อเปน การปอ งกันมิใหเ ด็กเหลา นถี้ ูกลว งละเมิดหรอื ตกเปนผูกระทําความผิดในอนาคต ¡ÒÃÊÌҧÊÁÑ ¾¹Ñ ¸ÀÒ¾¡ºÑ à´ç¡ËÃÍ× àÂÒǪ¹ การสรางความสัมพันธภาพกับเดก็ เปน สงิ่ สาํ คัญมาก เพราะเจา พนกั งานตํารวจจะไดร ับ ความรวมมอื จากเด็กหรือไม อยทู สี่ ัมพนั ธภาพที่มตี อกนั ในการสรางสมั พนั ธภาพควรจะตองเรมิ่ จาก ๑. เจาพนักงานตํารวจจะตองเขาใจสภาพของเด็กเหลานด้ี ว ย อยาปลอ ยใหความรสู ึก หรืออคติสวนตวั มามีผลตอการปฏบิ ัติงาน เนอ่ื งจากเหตุผลดานเช้อื ชาติ สัญชาติ ศาสนา เพศ อายุ หรือทัศนคติของเด็ก เพราะเด็กเหลานี้เปนกลุมที่มีความออนแอเพราะเหตุสภาพรางกาย สุขภาพ ความเจ็บปวย ความพิการ สติปญญา ตลอดจนภูมิหลังทางสังคมท่ีเลวรายที่เขาประสบมา ซึ่งทําให การสรางความสัมพันธภาพอาจจะตอ งใชเวลาจนกวาเดก็ ๆ เหลานจี้ ะใหความไววางใจ ๒. สิ่งที่ตองตระหนกั คือ ขอมูลท่ีไดจ ากเด็กๆ เหลานี้ อาจไมถกู ตองท้งั หมด เดก็ จะมี พฤติกรรมในการกาวราว ตอ ตาน เพอ่ื ความจําเปน ในการอยูร อดของเขา อยา พิจารณาเดก็ ในดานลบ เพียงอยางเดียว จะตองพิจารณาในดานบวกดวย เพื่อจะไดเขาใจในวิถีชีวิตของเขาและจะทําให สัมพนั ธภาพน้ันนานขึ้น ๓. ควรจะตองเร่มิ ตนการสรางสัมพนั ธภาพในเร่อื งที่เดก็ สนใจ เชน เรื่องกีฬากับท่ีเด็ก เลน กฬี าอยเู ปน ประจาํ เปด ใจในการรบั ฟง สงิ่ ทเี่ ดก็ พดู หรอื เลา ดว ยความอดทนอยา เรง รบี ใชศ พั ทท วั่ ๆ ไป ที่เด็กเขาใจหรือใชศัพทที่เด็กๆ ใชพูดคุยกัน อยาใชศัพทท่ีเก่ียวกับอาชีพตํารวจซึ่งเด็กอาจไมเขาใจ หาขอ มลู ของเดก็ จากสภาพแวดลอ ม คนรอบขา ง เพอ่ื ใหท ราบถงึ ภมู หิ ลงั ของเดก็ กอ นทจ่ี ะเขา ถงึ ตวั เดก็ เพราะหากเขา ถึงตัวเดก็ เลย เขาอาจปฏเิ สธในการสรา งความสัมพนั ธก บั เขาได ๔. แสดงความขอบคุณเด็กที่ใหความรวมมือ และแสดงความชื่นชมเด็กวาทําไดดี ในการใหข อ มูลท่ีเปนประโยชน ๕. การวางตัวและการแสดงทาทางขณะที่ทําการพูดคุยกับเด็กมีความสําคัญมาก ตอการยอมรับหรือเปดใจของเด็ก ควรจะตองแสดงความเปนกันเอง อยาแสดงอาการของการ มอี าํ นาจเหนอื ตวั เดก็ เชน การยนื กอดอกพดู กบั เดก็ ทน่ี งั่ อยทู พ่ี นื้ โดยใชค าํ พดู ในลกั ษณะของการสง่ั การ ใหเ ดก็ ทาํ หรอื พดู แตค วรจะพดู ดว ยนา้ํ เสยี งทเี่ ปน กนั เอง แนะนาํ และอธบิ ายเกย่ี วกบั ตนเอง ดว ยภาษา งายๆ น่ังอยูในระดบั เดยี วกบั เด็กท่ีจะพูดคยุ ดว ย ๖. จะตองตระหนักวา เด็กๆ เหลานี้เติบโตมาอยางโดดเด่ียว ขาดการเอาใจใส การพฒั นาดา นอารมณแ ละศลี ธรรมของพวกเขาจะไมส มดลุ ซงึ่ อาจทาํ ใหเ ดก็ เหลา นไ้ี มเ ขา ใจวา สง่ิ ใดผดิ ส่ิงใดถูก ไมเขาใจกลไกของความยุติธรรม ไมเขาใจถึงความเก่ียวพันในส่ิงที่ไดกระทําลงไปวาสงผล กระทบตอตนเองหรือผูอื่นอยางไร ดังนั้น จึงตองอาศัยความอดทนและความสม่ําเสมอในการสราง ความสัมพนั ธก บั เดก็ ๆ

๕ ๗. เขาใจในเรื่องพัฒนาการของเด็กในดานตางๆ ท้ังดานรางกาย ความคิด อารมณ และศีลธรรม วาเด็กในกลุมน้ีจะมีการพัฒนาการในดานตางๆ ไมเหมือนกับเด็กท่ัวๆ ไปท่ีไดรับ การเล้ียงดูเอาใจใสจากครอบครัว ซ่ึงเด็กเหลานี้ อาจมีรางกายไมสมบูรณ กระบวนการการรับรู ความเขา ใจ การมเี หตผุ ล การแกป ญ หาและการตดั สนิ ใจทแ่ี ตกตา งกบั เดก็ ทว่ั ไปทอี่ ยใู นวยั เดยี วกนั การเรยี นรู ทจี่ ะควบคมุ อารมณข องตนมนี อ ย และจากสภาพแวดลอ มทเี่ ดก็ เปน อยู ทาํ ใหก ระบวนการรบั รอู ะไรถกู อะไรผดิ ทางดานศีลธรรมมีนอยกวา ปกติ เปนตน ๘. เก็บขอมูลของเด็กๆ ที่เจาพนักงานตํารวจไปสรางสัมพันธภาพน้ันไว เชน รูปราง ลกั ษณะ และขอ สงั เกตในระหวา งการพดู คยุ วา เดก็ นน้ั มคี วามสนใจในเรอื่ งอะไร มคี วามสามารถพเิ ศษ อะไรบาง กิจกรรมท่ีเด็กชอบ เหลานี้จะไดนําไปเปนขอมูลในการปกปองและคุมครองเด็กกลุมเสี่ยง เหลา นไี้ ดต อ ไป ÊÒàËμØá˧‹ ¡ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´¢Í§à´ç¡ ในกรณีที่เด็กหรือเยาวชนกระทําความผิดเชนนั้น เจาพนักงานตํารวจจะตัดสินเด็ก หรอื เยาวชนทตี่ อ งหาวา กระทาํ ผดิ จากเหตกุ ารณท เ่ี กดิ ขนึ้ นน้ั เพยี งอยา งเดยี วไมไ ด เจา พนกั งานตาํ รวจ ควรจะตอ งใหความสําคัญของภมู ิหลงั และสภาพสงั คมแวดลอ มของเด็กดวยวา ทําไมเดก็ หรือเยาวชน ไดก ระทําความผดิ โดยแยกเปน ÊÒàËμ¨Ø Ò¡ÊÀÒ¾áÇ´ÅÍŒ ÁÀÒ¹͡μÑÇà´ç¡ ๑. ครอบครัว หรือชุมชน จากการศึกษาวิจัยพบวา ประวัติการกระทําผิดของพอ จะทําใหบุตรมีโอกาสกระทําผิดรายแรงได เม่ือเปรียบเทียบกับครอบครัวที่ไมมีการกระทําผิดของพอ การทารุณกรรมและละเลยเด็ก จะสัมพันธกับการมีพฤติกรรมรุนแรงตอมา แตระดับของความรุนแรง ขึ้นอยูกับลักษณะของการทารุณกรรม เชน เด็กที่ถูกทํารายทางรางกายจะมีการกระทําผิดรุนแรงบาง เล็กนอย ในขณะที่เด็กที่ถูกละเลยทอดท้ิงจะกระทําผิดรุนแรงมากกวา การจัดการที่ไมเหมาะสมของ ครอบครัว ครอบครัวที่ขาดการต้ังเปาหมายพฤติกรรมที่ชัดเจน ขาดการควบคุมดูแล มีระเบียบวินัย ท่ีเขมงวดหรือไมแนนอน และขาดทักษะการเปนพอแม เปนปจจัยที่กอใหเกิดความรุนแรงในเด็กได การขาดการมสี ว นรว มของเดก็ และพอ แมท าํ ใหเ ดก็ มพี ฤตกิ รรมรนุ แรง เชน พอ แมท ไ่ี มเ ขา ไปมสี ว นรว ม ในการศึกษาของลูก พอท่ีไมเขารวมในกิจกรรมยามวางของบุตรชาย และการไมส่ือสารกันระหวาง พอ แมก บั ลกู ในวยั รนุ ความขดั แยง ในครอบครวั การแสดงออกซง่ึ ความขดั แยง อยา งรนุ แรงในชวี ติ ครอบครวั จะเพ่ิมความเสี่ยงตอการมีพฤติกรรมรุนแรงของบุตร โดยเฉพาะหากแสดงความขัดแยงใหบุตรท่ีอยู ในชวงอายุ ๑๔ ถึง ๑๖ ป เห็นจะทาํ ใหเพ่ิมพฤติกรรมรุนแรงเมอ่ื อายุ ๑๘ ป การถูกแยกจากพอ แม ความสัมพันธที่ไมดีระหวางบุตรกับพอแมจะทําใหพฤติกรรมรุนแรงมากข้ึน โดยพบวาเม่ือเด็กชาย มีปญหากับพอแมต้ังแตอายุกอน ๑๐ ขวบ หรือลูกออกจากบานกอนอายุ ๑๖ ป จะมีโอกาสเส่ียง ยงิ่ ขน้ึ การมพี นี่ อ งทก่ี ระทาํ ความผดิ จะเพมิ่ ความเสย่ี งตอ การมพี ฤตกิ รรมรนุ แรง พบวา เดก็ อายุ ๑๐ ขวบ ท่ีมีพี่นองกระทําผิดจะเพ่ิมความเส่ียงตอพฤติกรรมรุนแรง เพราะพ่ีนองที่กระทําความผิดจะมี ความสมั พนั ธอ ยา งมากกบั การมพี ฤตกิ รรมรนุ แรงในวยั รนุ โดยเฉพาะจะมอี ทิ ธพิ ลสงู ตอ หญงิ มากกวา ชาย

๖ อยางไรก็ตามสาเหตุการกระทําความผิดของเด็กและเยาวชน มิใชมีแตเฉพาะ ครอบครวั ทม่ี ีความบกพรองดังเชนทก่ี ลา วขา งตน เพียงอยางเดียว แตส ามารถเกิดขึน้ กับครอบครวั ทม่ี ี ความสมบูรณก็เปนได ซึ่งกรณีนี้อาจเกิดจากครอบครัวที่บิดามารดาต้ังความหวังกับเด็กและเยาวชน สงู เกนิ ไป จงึ เขม งวดกวดขนั เปน ผลใหเ กดิ ความกดดนั กบั เดก็ และเยาวชน เมอ่ื เดก็ และเยาวชนไมไ ดเ ปน ไป ตามท่ีคาดหวังไวก็จะระบายออกมาโดยไมรูตัว ซึ่งมีผลกระทบตอจิตใจเด็กและเยาวชน จนอาจ ทําใหเด็กและเยาวชนรูสึกวาตนเองไมมีคุณคา จึงปลอยตัวประพฤติตนไปตามสภาพแวดลอมที่ไมดี หรอื ทเ่ี รยี กวา เปน การประชดชวี ิต ๒. สถานทอี่ ยอู าศยั เชน สถานทอ่ี ยอู าศยั ของเดก็ อยใู กลบ อ นการพนนั หรอื สถาน บันเทงิ จากการศกึ ษาพบวาการทเ่ี ด็กเตบิ โตทามกลางความยากจน มโี อกาสเสย่ี งตอ การมพี ฤตกิ รรม รนุ แรง การเติบโตในครอบครวั ท่มี ีรายไดต ํา่ จะเพ่มิ โอกาสเปน วัยรุน ที่ใชความรุนแรง ความไรร ะเบียบ ในชมุ ชน การขาดความผกู พนั กบั เพอื่ นบา น การมเี พอื่ นบา นผใู หญท กี่ ระทาํ ความผดิ และมคี วามสะดวก ในการไดยาเสพตดิ มาใช จะเพิ่มความเส่ียงตอ การกระทําผดิ และรนุ แรง ๓. สถานะทางเศรษฐกิจ การขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภคท่ีจําเปน จากการ ศึกษาพบวา ครอบครวั ของชนชนั้ ลางท่มี ีความยากจนและผใู ชแ รงงานชนชนั้ ลางทม่ี ีความยากไร และ ผใู ชแรงงานซ่ึงมรี ายไดไ มเพียงพอทีจ่ ะใชจ า ยในการดาํ เนนิ ชีวิต ทาํ ใหเ กิดการขาดแคลนเครอื่ งอุปโภค บรโิ ภคทีจ่ ําเปน ซ่ึงจะพบวาเด็กและเยาวชนมกั จะกระทําความผดิ ในขอ หาลักทรัพยจํานวนมาก หรือ พบวา มผี ใู หญช กั จงู ใหเ ดก็ และเยาวชนกระทาํ ความผดิ โดยเดก็ และเยาวชนหวงั เพยี งคา ตอบแทน เชน ชกั จงู ใหน ํายาเสพติดไปสงตอหรอื จําหนาย โดยใหเ งนิ เปนคา ตอบแทน ๔. การดอยโอกาสทางการศึกษา ความออนดอยสติปญญาหรือประสบการณ เน่ืองดวยเด็กและเยาวชนยังมีสติปญญาและประสบการณนอย จึงมักถูกชักจูงไปในทางที่ผิด ไดโดยงาย หรืออาจกระทําไปดวยความรูเทาไมถึงการณ โดยยังไมมีความคิดท่ีรอบคอบ หรือยัง ไมส ามารถแยกแยะวา สง่ิ ใดควรหรอื ไมค วรทาํ เชน ถกู ชกั นาํ ใหไ ปยงุ เกย่ี วกบั ยาเสพตดิ หรอื ถกู ชกั จงู ให ประกอบอาชพี ทไ่ี มเ หมาะสมแตม รี ายไดด ี เดก็ และเยาวชนทม่ี รี ะดบั การศกึ ษาตา่ํ จะไมแ สวงหาความรู เพอื่ พฒั นาตนเอง หรอื ไมม คี วามกระตอื รอื รน ทจี่ ะเตบิ โตเปน ผใู หญท แ่ี กป ญ หาของตนเองดว ยเหตผุ ล เพ่ือเลี้ยงตนเองได ทําใหเด็กและเยาวชนกลุมน้ีอยูในกลุมเสี่ยงท่ีจะกอใหเกิดการกระทําความผิด ไดโ ดยงาย สาเหตภุ ายในตัวของเดก็ ๑. สภาพความผิดปกติของรางกาย เด็กและเยาวชนไดรับการถายทอดพันธุกรรม มาจากบดิ ามารดา เชน โรคปญ ญาออน หรือระดบั สติปญ ญาต่าํ กวา เกณฑป กติ หรอื มรี างกายพิการ ส่ิงเหลานี้จะทําใหเด็กและเยาวชนรูสึกวาตนเองมีปมดอย เกิดความนอยเน้ือตํ่าใจ และอาจถูกเด็ก และเยาวชนวัยเดียวกันลอเลียน จนทําใหเด็กและเยาวชนรูสึกวาตนเองถูกซํ้าเติม และเกิดอารมณ

๗ คอนขางรุนแรง จึงแสดงออกในทางกาวราว เชน ทํารายรางกายผูลอเลียนหรือเด็กและเยาวชน ที่ออนแอกวา หรือหากไมสามารถตอบโตไดก็จะเกิดการเก็บกดสะสมไปเร่ือยๆ และแสดงออก เมื่อมโี อกาส ๒. สภาพความผิดปกติทางจิตใจ เด็กและเยาวชนจะมีวุฒิภาวะทางดานจิตใจ และอารมณแ ตกตา งจากผใู หญ ทงั้ เดก็ และเยาวชนแตล ะคนจะมวี ฒุ ภิ าวะของจติ ใจและอารมณไ มเ ทา กนั เด็กและเยาวชนบางกลุมมีวุฒิภาวะทางจิตใจและอารมณไมปกติ ซ่ึงอาจเกิดจากประสบการณ และการเล้ียงดูที่แตกตางกัน ในวัยรุน เด็กและเยาวชนมักจะมีอารมณคึกคะนอง ขาดความอดทน ตอ สงิ่ เรา หรอื สภาพแวดลอ ม บางคนไมช อบถกู บงั คบั และมกั แสดงออกกบั การถกู บงั คบั อยา งไมถ กู ตอ ง โดยเฉพาะในวัยนี้มีการเปล่ียนแปลงทางดานรางกายและจิตใจ รวมถึงฮอรโมนทางเพศที่เพ่ิมขึ้น หลายคนมกี ารแสดงออกในทางรนุ แรง กา วรา ว และใชว ธิ รี นุ แรงในการแกป ญ หา (อรอมุ า วชริ ประดษิ ฐพ ร, ๒๕๕๕) ÊÇ‹ ¹ÊÃØ» เดก็ และเยาวชนมวี ฒุ ภิ าวะทางดา นจติ ใจและอารมณแ ตกตา งจากผใู หญ รวมทงั้ เดก็ และ เยาวชนแตล ะคนจะมวี ฒุ ภิ าวะของจติ ใจและอารมณไ มป กตแิ ละไมเ ทา กนั ซงึ่ อาจเกดิ จากประสบการณ และการเลีย้ งดทู ่แี ตกตางกัน โดยเฉพาะในวัยนม้ี กี ารเปล่ยี นแปลงทางดา นรางกาย และจิตใจ รวมท้งั ฮอรโมนทางเพศที่เพมิ่ ข้ึน หลายคนมีการแสดงออกในทางรนุ แรง กา วราว และใชว ธิ ีรนุ แรงแกปญหา ในกรณีเดก็ หรอื เยาวชนกระทาํ ความผิดเชน น้นั เจา พนักงานตาํ รวจจะตัดสินเดก็ หรอื เยาวชนท่ีตอ งหา วากระทําความผิดจากเหตุการณท่ีเกิดขึ้นน้ันเพียงอยางเดียวไมได เจาพนักงานตํารวจควรจะตองให ความสําคญั ของภมู ิหลัง และสภาพสังคมและแวดลอ มของเดก็ และเยาวชน รวมท้ังปฏิบัตติ อเดก็ และ เยาวชน ตามกฎหมายท่เี กย่ี วของตามบทบาทและอาํ นาจหนา ทใี่ หถ กู ตองเหมาะสม



๙ º··Õè ò ¡ÒäÁŒØ ¤ÃͧÊÔ·¸àÔ ´¡ç ÇÑμ¶Ø»ÃÐʧ¤ ๑. เพอ่ื ใหนักเรียนนายสิบตํารวจ มีความเขาใจในการคุมครองสทิ ธเิ ด็กตามอนุสญั ญา วา ดว ยสิทธเิ ด็ก ๒. เพอ่ื ใหน กั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจ มคี วามเขา ใจ กฎหมายตา งๆ ทเ่ี กยี่ วขอ งกบั การคมุ ครอง สทิ ธิเดก็ ในประเทศไทย ๒.๑ การคุมครองสิทธิเด็กตามประมวลกฎหมายอาญา ๒.๒ การคุมครองสิทธิเดก็ ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา ๒.๓ พระราชบญั ญตั คิ ุมครองเดก็ ฯ ๒.๔ พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน และครอบครวั ฯ ๒.๕ การคมุ ครองสิทธเิ ด็กและเยาวชนตามพระราชบญั ญตั คิ ุมครองแรงงาน เพอ่ื ใหก ารปฏบิ ตั งิ านตามบทบาทและอาํ นาจหนา ทขี่ องเจา พนกั งานตาํ รวจไดอ ยา ง ถกู ตอ งเหมาะสมตอไป º·นาํ จากอนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็กฯ “เด็กโดยเหตุท่ียังไมเติบโตเต็มท่ีทั้งรางกายและจิตใจ จึงตองการพิทักษและดูแลเปนพิเศษ รวมถึงตองการการคุมครองทางกฎหมายท่ีเหมาะสมทั้งกอน และหลังเกิด” และสหประชาชาติไดประกาศในปฏิญญาสากลดวยวา เด็กมีสิทธิที่จะไดรับการดูแล และการชวยเหลือเปนพิเศษ ประเทศไทยไดเขาเปนภาคี ในอนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็ก เม่ือวันท่ี ๒๗ มีนาคม ๒๕๓๕ และมีผลบังคับกับประเทศไทย เมื่อวันท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๓๕ ประเทศไทย จงึ ตอ งนาํ หลกั เกณฑ ซง่ึ อนสุ ญั ญาฉบบั นมี้ าปรบั กฎหมายภายในประเทศทเ่ี กย่ี วกบั เดก็ เพอื่ ใหส อดคลอ ง กบั สาระสําคัญในอนสุ ญั ญาวาดว ยสิทธเิ ดก็ จากอนุสัญญาวา ดว ยสทิ ธเิ ด็กฯ ในสวนอารมั ภบทท่กี ลา ววา “เดก็ โดยเหตุทีย่ งั ไมเ ติบโต เต็มที่ทั้งรางกายและจิตใจ จึงตองการการพิทักษและดูแลเปนพิเศษ รวมถึงตองการการคุมครอง ทางกฎหมายที่เหมาะสมทั้งกอนและหลังการเกิด” และสหประชาชาติไดประกาศในปฏิญญาสากล ดว ยวา เดก็ มสี ิทธทิ ี่จะไดร บั การดูแลและการชว ยเหลอื เปน พเิ ศษ สาํ หรบั ประเทศไทยไดเ ขา เปน ภาคอี นสุ ญั ญาวา ดว ยสทิ ธเิ ดก็ โดยการภาคอนวุ ตั ิ (คอื การ ใหค วามยนิ ยอมของรฐั เพอื่ เขา ผกู พนั ตามสนธสิ ญั ญา ซง่ึ จะใชใ นกรณที ร่ี ฐั นน้ั มไิ ดเ ขา รว มในการเจรจา ทําสนธสิ ญั ญาและมไิ ดล งนามในสนธสิ ญั ญานนั้ มากอ น) เมื่อวนั ที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๕ และมีผล บงั คบั กบั ประเทศไทย เมือ่ วนั ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๕

๑๐ และจากทปี่ ระเทศไทยเขา เปน ภาคี ในอนสุ ญั ญาวา ดว ยสทิ ธเิ ดก็ ฯ น้ี จงึ ทาํ ใหป ระเทศไทย จะตองนําหลักเกณฑซึ่งอนุสัญญาฉบับน้ีมาปรับกฎหมายภายในประเทศท่ีเกี่ยวกับเด็ก เพื่อให สอดคลองกบั สาระสาํ คญั ในอนสุ ัญญาวาดวยสิทธิเด็ก Í¹ÊØ ÑÞÞÒÇÒ‹ ´ÇŒ ÂÊ·Ô ¸Ôà´¡ç อนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็ก๑ คือ ขอตกลงที่ระหวางประเทศจัดทําข้ึนโดยสหประชาชาติ โดยไดรับการรับรองจากที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly) ในป ๒๕๓๒ โดยประเทศไทยไดลงนามเปนภาคอี นสุ ญั ญาวาดวยสทิ ธเิ ด็กเมอ่ื ๑๒ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๓๕ ในอนสุ ญั ญาวาดว ยสิทธเิ ดก็ ไดนยิ ามความหมายคาํ วา “เดก็ ” ไวว า “เดก็ ” หมายถงึ มนษุ ยท ุกคนท่อี ายุต่าํ กวา ๑๘ ป เวนแตจ ะบรรลนุ ิตภิ าวะกอนหนา นนั้ ตามกฎหมายทใ่ี ชบ ังคับแกเ ด็กนั้น (อนุสัญญาวา ดวยสทิ ธเิ ด็กขอ ๑) อนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child 1989) ไดก าํ หนดในภาครฐั และภาคสงั คมไดต ระหนกั ถงึ ความสําคญั ของเดก็ เพอื่ จะนําไปสกู ารปฏบิ ตั มิ จี ํานวน ท้งั หมด ๕๔ ขอ ซึ่งแบง เปน ๓ สว นคือ สวนท่ี ๑ เริ่มจากขอ ๑ ถึงขอ ๔๑ วา ดว ยหลักการและเน้ือหาเกี่ยวกับสทิ ธิทเ่ี ด็กพึงจะ ไดร บั โดยเนน หลักพนื้ ฐาน ๔ ประการ กลา วคอื ๑) หามเลือกปฏิบัติตอเด็กและการใหความสําคัญแกเด็กทุกคนอยางเทาเทียมกัน โดยไมค ํานงึ ถงึ ความแตกตา งของเดก็ ในเรอ่ื งเชอื้ ชาติ สผี วิ เพศ ภาษา ศาสนา ความคดิ เหน็ ทางการเมอื ง ชาติพันธุหรือสังคมทรัพยสิน ความทุพพลภาพ การเกิดหรือสถานะอื่นๆ ของเด็กหรือบิดามารดา หรือผปู กครองทางกฎหมาย ทั้งนี้เพ่อื ใหเ ดก็ มโี อกาสที่เทา เทียมกนั ๒) การกระทําหรือการดําเนินการทงั้ หลายตองคํานงึ ถึงประโยชนสงู สุดเปน อนั ดับแรก ๓) สทิ ธิในการมีชวี ิตการอยรู อดและการพัฒนาทางดา นจติ ใจอารมณส ังคม ๔) สทิ ธใิ นการแสดงความคดิ เหน็ ของเดก็ และการใหค วามสาํ คญั กบั ความคดิ เหน็ เหลา นนั้ สวนที่ ๒ เร่ิมจากขอที่ ๔๒ ถึงขอท่ี ๔๕ เปนขอกาํ หนดเปนหลักเกณฑและแบบพิธี ซึ่งประเทศใหส ตั ยาบนั แกอ นุสัญญานต้ี องปฏบิ ตั ติ าม สว นท่ี ๓ เริ่มจากขอท่ี ๔๖ ถงึ ขอ ที่ ๕๔ เปน ขอ กาํ หนดวิธีการสอดสองดแู ลการปฏบิ ัติ ตามอนุสญั ญาและกําหนดเงื่อนไขตา งๆ ในการบังคบั ใช สาํ หรับสาระสําคัญท่ีเด็กพึงจะไดรับตามอนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็กน้ันพอสรุปไดเปน ๖ หลักการดังน้ี ๑ สืบคน จาก http://humanrights.mfa.go.th/th/kids/72/ (วันทีค่ นขอ มลู : ๑๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๒)

๑๑ ñ. ËÅÑ¡·èÑÇä» เปน การคมุ ครองสทิ ธเิ สรภี าพทว่ั ๆ ไปในแงท งั้ สว นบคุ คล การแสดงความเหน็ ศาสนา วฒั นธรรม ความเสมอภาคภายใตก ฎหมายเดยี วกนั การศกึ ษาและอน่ื ๆ นอกจากนนั้ เปน สว นทเ่ี กยี่ วกบั การคมุ ครองดแู ลเดก็ โดยทวั่ ไป โดยกาํ หนดไวใ นรปู หลกั พงึ ปฏบิ ตั ขิ องรฐั ภาคี อยา งไรกต็ ามมบี ทบญั ญตั ิ ทต่ี ดั ปญ หาผลกระทบทางลบในการบงั คบั ในอนสุ ญั ญานป้ี ด ทา ยไวว า อนสุ ญั ญานไี้ มม ผี ลทําใหเ ดก็ ไดร บั ความคมุ ครองนอ ยไปกวา ทเี่ ขามอี ยตู ามกฎหมายอนื่ ๆ สาระสําคญั ของหลกั นอ้ี ยใู นขอ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๑๑, ๑๒, ๑๓, ๑๔, ๑๕, ๑๖, ๒๕, ๓๐, ๓๘ และขอ ๔๑ ò. ËÅ¡Ñ ¡ÒäÁŒØ ¤ÃͧÃÒ‹ §¡Ò ªÇÕ μÔ àÊÃÀÕ Ò¾ áÅÐÊÇÊÑ ´ÀÔ Ò¾¢Í§à´¡ç มงุ คมุ ครองมใิ หเ ดก็ ถูกละเมดิ สทิ ธเิ หนือรา งกาย ชีวติ และเสรีภาพ ไมว าจะทาํ ราย ฆา ลวงเกินทางเพศ ขูดรดี หากําไร ทางเพศ หรือคากําไรทางเศรษฐกิจหรือนําเด็กไปเปนวัตถุซื้อขายหรือปฏิบัติตอเด็กที่ไมเหมาะสม จนเปนผลเสียตอสวัสดิภาพของเด็ก รวมท้ังคุมครองใหมีการเยียวยา ฟนฟู เด็กท่ีถูกละเมิดดังกลาว ใหกลับคนื สสู ภาพปกติได สาระสําคญั ของหลกั นี้อยใู นขอ ๑๙ ๓๒ ๓๓ ๓๔ ๓๕ ๓๖ และ ขอ ๓๙ ó. ËÅ¡Ñ ¡ÒÃãËÊŒ ÇÊÑ ´¡Ô ÒÃ椄 ¤Áá¡à‹ ´¡ç มงุ คมุ ครองการใหเ ดก็ ไดร บั ขา วสารขอ มลู ทเ่ี ปน ประโยชนตอพัฒนาการของเด็ก ใหไดรับการดูแลดานสุขภาพอนามัย ไดรับการประกันสังคม ไดรับ การศึกษาท้ังในแงของการเลาเรียนและโอกาสที่จะศึกษาเลาเรียนเพื่อพัฒนาทางดานบุคลิกภาพ การมมี นษุ ยสัมพันธอ ันดี มคี วามรับผดิ ชอบตอตนเอง สังคม และสภาพแวดลอมทางธรรมชาติ ไดร ับ การพกั ผอนหยอ นใจและสง เสริมชวี ติ ดานศิลปวัฒนธรรม มสี าระสําคัญในขอ ๑๗ ๒๔ ๒๖ ๒๘ ๒๙ และขอ ๓๐ ô. ËÅ¡Ñ ¡ÒäÁŒØ ¤ÃÍ§Ê·Ô ¸·Ô Ò§á¾§‹ มงุ คมุ ครองใหเ ดก็ ไดร บั สทิ ธใิ นฐานะพลเมอื งของรฐั ทมี่ ชี อื่ มสี ญั ชาติ สามารถตดิ ตอ กบั ครอบครวั มภี มู ลิ าํ เนาหรอื ทอ่ี ยอู าศยั รว มกบั บดิ ามารดา ไดร บั อปุ การะ เล้ียงดูจากบิดามารดาหรือผูปกครอง โดยมีรัฐชวยสนับสนุนและใหหลักประกัน มีสาระสําคัญอยูใน ขอ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๘ และ ๒๗ õ. ËÅÑ¡¡ÒäŒØÁ¤Ãͧà´ç¡·èÕÁÕ»˜ÞËÒ¤ÇÒÁ»ÃоÄμÔËÃ×Í¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´·Ò§ÍÒÞÒ มงุ คมุ ครอง ใหเ ดก็ ทถ่ี กู กลา วหาวา กระทาํ ความผดิ ทางอาญาไดร บั การปฏบิ ตั ทิ แี่ ตกตา งไปจากผตู อ งหาที่ เปน ผใู หญ โดยใหไ ดร บั ผลกระทบจากการตอ งถกู ดาํ เนนิ คดแี ละควบคมุ ตวั นอ ยทส่ี ดุ สาํ หรบั เดก็ ทม่ี ปี ญ หา ความประพฤติ หรอื กระทาํ ความผิดทางอาญา คมุ ครองใหไดรับโอกาสแกไ ขเยียวยาใหสามารถเติบโต เปน พลเมอื งดขี องสงั คม โดยมสี มมตฐิ านวา เดก็ กระทาํ การใด ๆ เพราะขาดวฒุ ภิ าวะทาํ ใหส งิ่ แวดลอ ม มีอิทธิพลผลักดันตอความประพฤติของเด็ก นอกจากนั้นยังมีหลักประกันมิใหเด็กตองรับโทษจําคุก ตลอดชีวติ หรอื ประหารชีวติ มีสาระสาํ คัญอยใู นขอ ๓๗ และขอ ๔๐ ö. ËÅÑ¡¡Òä،Á¤Ãͧà´ç¡¼ÙŒ´ŒÍÂâÍ¡ÒÊ มุงคุมครองใหเด็กดอยโอกาส เด็กผูขาดไร ผอู ปุ การะ เดก็ ผตู กอยใู นเภทภยั และเดก็ พกิ ารไดร บั การดแู ลและอปุ การะเลยี้ งดใู หเ ทา เทยี มกบั เดก็ ทวั่ ไป มสี าระสาํ คัญอยูในขอ ๒๐ ๒๑ ๒๒ และขอ ๒๓ (นคนิ ทร เมฆไตรรตั น และคณะ, ๒๕๕๓)

๑๒ ¡Òä،Á¤ÃͧÊÔ·¸Ôà´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹ã¹»ÃÐà·Èä·Â ประเทศไทยไดบัญญัติกฎหมายหลายฉบับเพ่ือคุมครองสิทธิเด็กที่เขาสูกระบวนการ ยตุ ธิ รรมทางอาญา โดยการปรบั ปรงุ แกไ ขกฎหมายทม่ี อี ยเู ดมิ และบญั ญตั กิ ฎหมายใหมเ พอ่ื ใหส อดคลอ ง กบั อนุสัญญาวาดวยสิทธเิ ดก็ (Convention on the Rights of the Child) และกฎอนั เปนมาตรฐาน ขั้นตา่ํ ของสหประชาชาติวา ดวยการบรหิ ารงานยุติธรรมเกยี่ วกบั คดีเดก็ และเยาวชน (United Nations Standard Minimum Rules for the Administration of Juvenile Justice) หรอื กฎแหง กรุงปกกงิ่ (The Beijing Rules) ซ่ึงพอจะสรปุ ไดดังน้ี ñ. ¡ÒäØÁŒ ¤ÃͧÊÔ·¸Ôà´ç¡áÅÐàÂÒǪ¹μÒÁ»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÍÒÞÒ (๑) หา มมใิ หล งโทษประหารชวี ติ และจําคกุ ตลอดชวี ติ แกเ ดก็ หรอื เยาวชนซง่ึ กระทํา ความผดิ ในขณะท่ีมีอายุตา่ํ กวา ๑๘ ป โดยใหเปลี่ยนระวางโทษจากประหารชวี ิตหรอื จําคกุ ตลอดชวี ติ น้นั มาเปน ระวางโทษจาํ คุก ๕๐ ป (มาตรา ๑๘) (คาํ พพิ ากษาฎกี าที่ ๕๒๖/๒๕๔๘) - คําพพิ ากษาฎีกาท่ี ๕๒๖/๒๕๔๘ จาํ เลยท่ี ๒ อายุ ๑๖ ป กระทาํ ความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดใหโทษฯ มาตรา ๑๕ วรรคหนง่ึ วรรคสอง (เดมิ ), ๖๖ วรรคสอง (เดมิ ) ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๓ มีระวางโทษจําคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต ระหวางพิจารณาของศาลฎีกามี พ.ร.บ.แกไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบบั ท่ี ๑๖) ฯ มาตรา ๓ ใหเ พมิ่ ความขน้ึ เปน วรรคสองและวรรคสามของมาตรา ๑๘ แหงประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งในวรรคสามที่เพิ่มมีขอความวา ในกรณีผูซึ่งกระทาํ ความผิด ในขณะที่มีอายุต่ํากวาสิบแปดปไดกระทําความผิดท่ีมีระวางโทษประหารชีวิตหรือจําคุกตลอดชีวิต ใหถ อื วา ระวางโทษดงั กลา วไดเ ปลย่ี นเปน ระวางโทษหา สบิ ป ระวางโทษตามกฎหมายทแ่ี กไ ขใหมจ งึ เปน คุณมากกวาระวางโทษตามกฎหมายที่ใชในขณะกระทาํ ความผิดจึงตองใชกฎหมายที่แกไขใหมบังคับ แกจําเลยท่ี ๒ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓ (๒) เด็กอายุไมเกิน ๑๐ ป กระทาํ การอันกฎหมายบัญญัติเปนความผิดเด็กนั้น ไมตองรับโทษ แตใหพนักงานสอบสวนสงตอเด็กน้ันใหแกพนักงานเจาหนาท่ีตามกฎหมายวาดวยการ คมุ ครองเดก็ เพอ่ื ดาํ เนินการคมุ ครองสวสั ดภิ าพตามกฎหมาย (มาตรา ๗๓) (๓) เด็กอายกุ วา ๑๐ ป แตย งั ไมเ กิน ๑๕ ป กระทําการอนั กฎหมายบญั ญัตเิ ปน ความผิดเด็กนน้ั ไมต องรับโทษแตศาลมอี ํานาจทีจ่ ะดาํ เนนิ การ - วากลาวตักเตือนเด็กแลวปลอยตัวไปและถาศาลเห็นสมควรศาลจะเรียก บิดามารดาผูป กครองหรือผูทีเ่ ดก็ อาศยั อยูด ว ยมาตักเตือนดว ยก็ได - ถา ศาลเหน็ วา บดิ ามารดาหรอื ผปู กครองสามารถดแู ลเดก็ ได ศาลจะมคี าํ สง่ั ใหมอบตัวเด็กใหแกบุคคลดังกลาวโดยวางขอกาํ หนดใหบุคคลนั้นๆ ระวังเด็กไมใหไปกอเหตุราย ตลอดเวลาทศี่ าลกําหนด ซงึ่ ขอ กาํ หนดของศาลนนั้ ตอ งไมเ กนิ ๓ ป และกําหนดจาํ นวนเงนิ ตามทเ่ี หน็ สมควร ซง่ึ บดิ ามารดาหรอื ผปู กครองจะตอ งชําระตอ ศาลไมเ กนิ ครง้ั ละ ๑๐,๐๐๐ บาท หากเดก็ นนั้ กอ เหตรุ า ยขน้ึ

๑๓ แตถาเด็กอาศัยอยูกับบุคคลอ่ืนและศาลเห็นวาไมสมควรจะเรียกบิดามารดา หรอื ผปู กครองมาวางขอ กาํ หนด ศาลจะเรยี กตวั บคุ คลทเี่ ดก็ อาศยั อยมู าสอบถามวา จะยอมรบั ขอ กาํ หนด ของศาลที่กาํ หนดไวทาํ นองเดียวกับกรณีวางขอกําหนดใหแกบิดามารดาหรือผูปกครองน้ันหรือไม และถา บคุ คลทเ่ี ดก็ อาศยั อยดู ว ยนนั้ ยอมรบั ขอ กําหนดดงั กลา ว ศาลกจ็ ะมคี ําสงั่ มอบตวั เดก็ ใหแ กบ คุ คล นน้ั โดยวางขอ กาํ หนด - ในกรณที ศี่ าลมอบตวั เดก็ ใหแ กบ ดิ ามารดา ผปู กครองหรอื บคุ คลทเ่ี ดก็ อาศยั อยดู ว ยนน้ั ศาลจะกําหนดเงอ่ื นไขเพอ่ื คมุ ความประพฤตเิ ดก็ ตามวธิ กี ารทก่ี ําหนดไวใ นประมวลกฎหมาย อาญามาตรา ๕๖ กลาวคือใหไปรายงานตัวตอเจาพนักงานท่ีศาลระบุไวเปนคร้ังคราว ใหฝกหัดหรือ ทาํ งานอาชีพอันเปนกิจจะลักษณะ ใหละเวนการคบหาสมาคมหรือการประพฤติใดอันอาจนําไปสู การกระทําความผดิ หรอื ไปรบั การบาํ บดั รกั ษาการตดิ สารเสพตดิ ความบกพรอ งทางรา งกายจติ ใจหรอื เจ็บปว ย เปน ตน - ในกรณีเด็กไมมีบิดามารดา ผปู กครองหรือมแี ตศ าลเห็นวาไมส ามารถดแู ล เด็กไดหรือกรณีบุคคลที่เด็กอาศัยอยูดวยน้ัน ไมยอมรับขอกาํ หนดของศาลในการคุมประพฤติเด็ก ศาลอาจมคี ําสง่ั มอบตวั เดก็ นนั้ ใหอ ยกู บั บคุ คลหรอื องคก ารทศี่ าลเหน็ สมควรเพอื่ อบรมดแู ลและสงั่ สอน ตามระยะเวลาทศ่ี าลกาํ หนดก็ได เมอ่ื บุคคลหรือองคก ารน้ันยนิ ยอม - สงตัวเด็กไปยังโรงเรียนหรือสถานฝกอบรมตามระยะเวลาที่ศาลกาํ หนด แตอยาใหเกินกวาทเี่ ด็กน้นั จะมอี ายคุ รบ ๑๘ ป อยางไรก็ตามคาํ สั่งของศาลนั้นศาลอาจมีอํานาจเปลี่ยนแปลงแกไขคาํ ส่ังหรือ มีคําสงั่ ใหมไ ด หากพฤติกรรมแหง คาํ สง่ั ไดเปลีย่ นแปลงไป (มาตรา ๗๔) (๔) หากศาลพิจารณาจากความรูสึกผิดชอบและสิ่งอื่นทั้งปวงเก่ียวกับผูกระทํา ความผดิ ซง่ึ เปน เดก็ หรอื เยาวชนทอี่ ายกุ วา ๑๕ ป แตต ่ํากวา ๑๘ ป แลว เหน็ วา ยงั ไมส มควรพพิ ากษาลงโทษ ในความผดิ ทกี่ ฎหมายบญั ญตั ไิ วส าํ หรบั ความผดิ ทเ่ี ดก็ หรอื เยาวชนไดก ระทาํ นน้ั ศาลกจ็ ะใหด ําเนนิ การ โดยการวางขอ กาํ หนดดังทีบ่ ญั ญตั ไิ วในมาตรา ๗๔ แตห ากศาลเห็นวาสมควรพพิ ากษาลงโทษ กใ็ หล ด มาตราสวนลงกึ่งหน่งึ (มาตรา ๗๕) คําอธบิ าย การลดมาตราสว นโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๕ คอื การลดอตั ราโทษขน้ั สงู สดุ และขน้ั ต่าํ ตามทกี่ ฎหมายกําหนดไวส ําหรบั ความผดิ ทจ่ี าํ เลยกระทํา โดยลดลง กึ่งหน่ึงแลวจึงกาํ หนดโทษท่ีจะลงในระหวางนั้น มิใชศาลกาํ หนดโทษท่ีจะลงไวกอนแลวจึงลดโทษ ที่ไดก ําหนดไว๒ (คาํ พิพากษาฎีกา ที่ ๖๘๑๕/๒๕๔๘) - คาํ พิพากษาฎกี าที่ ๖๘๑๕/๒๕๔๘ การลดมาตราสวนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๕ คือ การลดอัตราโทษตามท่ีกฎหมายกําหนดไวสําหรับความผิดน้ันๆ ลงกึ่งหนึ่งแลวจึงลงโทษ มิใชศาล ๒ เกียรติขจร วจั นะสวสั ด.ิ์ (๒๕๖๒). คาํ อธบิ ายกฎหมายอาญา ภาค ๑ เลม ๑. กรงุ สยามพับลชิ ชง่ิ . หนา ๖๗๕.

๑๔ กาํ หนดโทษลงไวก อ นแลว จงึ ลดมาตราสว นโทษจากโทษทลี่ งไว และความผดิ ตามพระราชบญั ญตั ศิ ลุ กากร พ.ศ.๒๔๖๙ มาตรา ๒๗ ทวิ บญั ญตั ใิ หล งโทษปรบั สําหรบั ความผดิ ครง้ั หนง่ึ ๆ เปน เงนิ สเ่ี ทา ของราคาของ ซ่ึงไดรวมอากรเขาดวยแลว มิใชใหปรับสาํ หรับความผิดคร้ังหนึ่งๆ แลวแบงปรับเปนรายบุคคล คนละเทาๆ กัน เม่ือจาํ เลยถูกฟอง จาํ เลยจึงเปนบุคคลเดียวที่ถูกพิพากษาวากระทาํ ความผิดและ ตองถูกลงโทษตามคําพิพากษา บุคคลอื่นท่ีรวมกระทําความผิดเมื่อยังไมถูกฟองยอมไมอาจถือเปน ผูกระทําความผดิ อันจะถกู ลงโทษตามคําพพิ ากษาคดนี ี้ได กรณีไมอาจแบง แยก ลดจาํ นวนความรบั ผิด สําหรับโทษปรบั ครัง้ นี้แกจําเลย ò. ¡ÒäÁØŒ ¤ÃÍ§Ê·Ô ¸àÔ ´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹μÒÁ»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸Õ¾¨Ô ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ (๑) กรณีท่ีเด็กหรือเยาวชนเปนผูเสียหายอายุไมเกิน ๑๘ ป มารองทุกขในการ จดบนั ทกึ คํารอ งทกุ ขใ นคดบี างประเภททก่ี ฎหมายกําหนด เชน ความผดิ เกยี่ วกบั เพศ ความผดิ เกยี่ วกบั ชีวิตรางกาย ซึ่งมิใชเกิดจากการชุลมุนตอสู ความผิดเก่ียวกับเสรีภาพ กรรโชกทรัพย ชิงทรัพย ปลนทรัพย ความผิดวาดวยการปองกันและปราบปรามการคาประเวณี เหลานี้เปนตนจะตองมี ทีมสหวิชาชพี อันไดแก นกั จิตวทิ ยาหรือนักสงั คมสงเคราะห บคุ คลทเ่ี ด็กรองขอ และพนกั งานอัยการ รวมอยูด วย (มาตรา ๑๒๔/๑) คาํ อธิบาย ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญามาตรา ๑๒๔/๑ กาํ หนด ใหพนักงานสอบสวนและพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ ผูรับคาํ รองทุกขตามประมวลกฎหมาย วธิ พี จิ ารณาความอาญามาตรา ๑๒๓ และ มาตรา ๑๒๔ แลว แตก รณี ตอ งปฏบิ ตั ใิ นการจดบนั ทกึ คาํ รอ งทกุ ข ของผูเสียหายท่ีเปนเด็กอายุไมเกิน ๑๘ ป จะตองใชวิธีการสาํ หรับเด็กมาตรา ๑๓๓ ทวิ วรรคสอง มาบังคับใชโดยอนุโลม คือเจาพนักงานผูรับคาํ รองทุกขมีหนาที่ท่ีจะตองแจงนักจิตวิทยาหรือ นกั สงั คมสงเคราะห บคุ คลทเ่ี ดก็ รอ งขอและพนกั งานอยั การทราบ รวมทง้ั ตอ งแจง ใหผ เู สยี หายทเ่ี ปน เดก็ ทราบถงึ สทิ ธิตามมาตรา ๑๓๓ ทวิ ดว ย๓ (๒) การถามปากคําเด็กหรือเยาวชนในฐานะเปนผูเสียหายหรือพยานในคดี บางประเภททกี่ ฎหมายกําหนดใหพ นกั งานสอบสวนแยกการถามปากคาํ ไปในทที่ เ่ี หมาะสม เปน สดั สว น และใหมีทมี สหวชิ าชีพรว มในการถามปากคาํ (มาตรา ๑๓๓ ทวิ) คําอธิบาย ในการถามปากคาํ ผูเสยี หายหรอื พยานที่เปน เดก็ อายไุ มเกนิ ๑๘ ป ใหถือเอาอายุของผูเสียหายหรือพยานในวันท่ีถามปากคํามิใชวันท่ีเกิดเหตุ และใหถือเอาเกณฑอายุ เปนสําคัญ แมจ ะบรรลุนิติภาวะโดยการสมรสหากอายุยงั ไมเ กิน ๑๘ ป การถามปากคาํ ก็ตอ งปฏบิ ัติ ตามมาตราน๔้ี โดยใหพ นกั งานสอบสวนแยกกระทาํ เปน สดั สวนในสถานท่ที เี่ หมาะสมสาํ หรับเด็ก เชน มีการแยกหอ งสอบพยานเดก็ ๕ ๓ ธานิศ เกศวพทิ กั ษ. (๒๕๖๑). คําอธบิ ายประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา ภาค ๑ - ๒ (มาตรา ๑ – ๑๕๖) เลม ๑. เนตบิ ณั ฑิตยสภา. หนา ๒๘๗. ๔ สหรัฐ กิติ ศภุ การ. (๒๕๖๒). หลกั และคาํ พิพากษากฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา. อมรินทรพริ้นตงิ้ แอนดพ ับลชิ ชิ่ง. หนา ๓๗๓. ๕ สหรฐั กิติ ศภุ การ. เร่ืองเดียวกัน. หนา ๓๗๔.

๑๕ และตอ งจดั ใหม สี หวชิ าชพี คอื นกั จติ วทิ ยาหรอื นกั สงั คมสงเคราะห บคุ คลทเี่ ดก็ รอ งขอและพนกั งานอยั การ รว มอยดู ว ยในการถามปากคําเดก็ นน้ั ซงึ่ นกั จติ วทิ ยาหรอื นกั สงั คมสงเคราะหน น้ั จะเปนคนหน่งึ คนใดก็ได สว นบคุ คลที่เด็กรอ งขอน้ันอาจเปนบิดามารดา ผูปกครอง หรือเพ่อื นก็ได๖ (๓) การช้ีตัวบุคคลกรณีที่ผูเสียหายซึ่งเปนเด็กหรือเยาวชนอายุไมเกิน ๑๘ ป จะตอ งทําการชต้ี ัวบคุ คลใหพ นกั งานสอบสวนจัดใหมกี ารช้ตี ัวบุคคลในสถานท่ที ีเ่ หมาะสม และจะตอง ไมใ หผ ถู ูกชี้ตวั มองเห็นเดก็ หรอื เยาวชนนนั้ และในการชีต้ วั น้ีจะตอ งมีทีมสหวชิ าชีพรว มอยูด ว ย และในกรณีท่ีเด็กหรือเยาวชนอายุไมเกิน ๑๕ ป เปนผูตองหาหากตองมีการ ชี้ตัวบุคคลใหพนักงานสอบสวนจัดใหมีการชี้ตัวในสถานท่ีที่เหมาะสมและปองกันมิใหผูตองหาเห็นตัว บคุ คลทีจ่ ะตอ งชต้ี วั น้ัน (มาตรา ๑๓๓ ตรี) คาํ อธบิ าย การชตี้ วั ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญามาตรา ๑๓๓ ตรี วรรคหน่ึง หมายถึง ผูชี้มีอายุไมเกิน ๑๘ ป สวนผูถูกชี้จะมีอายุเทาใดก็ได๗ สวนการชี้ตัวตาม มาตรา ๑๓๓ ตรี วรรคสอง นั้นหมายถึง ผูถูกช้ีมีอายุไมเกิน ๑๘ ป สวนผูช้ีจะมีอายุเทาใดก็ได ซ่งึ หากผูชี้และผูถูกชีม้ อี ายไุ มเ กนิ ๑๘ ปเหมือนกันก็ตอ งปฏบิ ตั ติ ามมาตรา ๑๓๓ ตรี ทัง้ วรรคหนง่ึ และ วรรคสอง๘ (๔) ในคดีที่ผูตองหาเปนเด็กหรือเยาวชนมีอายุไมเกิน ๑๘ ป ในวันท่ีพนักงาน สอบสวนแจง ขอ หากอ นตามคาํ ใหก ารใหพ นกั งานสอบสวนสอบถามวา ผตู อ งหานนั้ มที นายความหรอื ไม หากไมม ีทนายความใหจ ัดหาทนายความให (มาตรา ๑๓๔/๑) คําอธิบาย ไมวาจะเปนคดีท่ีมีโทษเบาเพียงใด เชน คดีความผิดลหุโทษ หรือคดปี รับสถานเดียว ถา ในวันท่พี นักงานสอบสวนแจงขอหา ผตู องหามีอายไุ มเกนิ ๑๘ ป พนกั งาน สอบสวนตอ งจัดหาทนายความใหเสมอโดยไมตองคํานงึ วา ผตู องหาจะตองการทนายความหรือไม๙ (๕) ในการสอบสวนผตู อ งหาซงึ่ เปน เดก็ ทมี่ อี ายไุ มเ กนิ ๑๘ ป ใหใ ชห ลกั เกณฑเ ดยี วกบั การถามปากคาํ กลาวคือจะตองสอบสวนในสถานท่ีที่เหมาะสมเปนสัดสวน และมีทีมสหวิชาชีพ เขารวมการสอบสวน (มาตรา ๑๓๔/๒) คาํ อธิบาย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๓๔/๒ ไดวาง หลักวาใหนาํ บทบัญญัติในมาตรา ๑๓๓ ทวิ มาบังคับใชโดยอนุโลม ในเร่ืองการสอบสวนผูตองหาที่ เปน เดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๘ ป ซงึ่ หมายถงึ ใหน าํ วธิ กี ารสอบปากคาํ ผเู สยี หายหรอื พยานเดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๘ ป มาใชกับการสอบปากผูตองหาอายุไมเกิน ๑๘ ป โดยอนุโลม ซึ่งใชเฉพาะประเภทคดีที่ระบุไวใน มาตรา ๑๓๓ ทวิ ไมไดใชทุกคด๑ี ๐ ๖ สหรฐั กิติ ศภุ การ. เรอ่ื งเดยี วกนั . หนา เดยี วกัน. ๗ สหรัฐ กติ ิ ศุภการ. เรื่องเดียวกัน. หนา ๓๗๙. ๘ สหรัฐ กิติ ศุภการ. เรอื่ งเดยี วกนั . หนาเดียวกนั . ๙ สหรัฐ กิติ ศุภการ. เร่อื งเดียวกนั . หนา ๓๘๙. ๑๐ สหรัฐ กิติ ศุภการ. (๒๕๖๒). หลักและคําพิพากษากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา. อมรินทรพริ้นติ้งแอนดพับลิชช่ิง หนา ๓๙๑

๑๖ (๖) ในการสบื พยานทเี่ ปน เดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๘ ป ใหศ าลจดั พยานใหอ ยใู นทท่ี เ่ี หมาะสม สําหรับเด็กและศาลอาจเปนผูถามพยานเอง หรือถามผานนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห หรือ ใหคคู วามถามผานนักจติ วิทยาหรอื นักสังคมสงเคราะห โดยถา ยทอดภาพและเสยี งไปยังหองพิจารณา (มาตรา ๑๗๒ ตรี) (๗) ในคดีท่ีจําเลยเปนเด็กหรือเยาวชนอายุไมเกิน ๑๘ ป ในวันที่ถูกฟองตอศาล หากจําเลยไมมที นายความ ใหศ าลต้ังทนายความให (มาตรา ๑๗๓) ó. ¡ÒäŒÁØ ¤ÃÍ§Ê·Ô ¸àÔ ´ç¡áÅÐàÂÒǪ¹μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞÑμ¤Ô ÁØŒ ¤ÃÍ§à´¡ç ¾.È. òõôö พระราชบัญญัติคุมครองเด็กฯ มุงเนนการสงเคราะหชวยเหลือเด็กและลงโทษ ผทู ่เี กี่ยวของท่ีกระทาํ ละเมดิ ตอเด็ก มิใชลงโทษเดก็ แตอ ยางไร “เดก็ ” ในความหมายทปี่ รากฏในนยิ ามของพระราชบญั ญตั คิ มุ ครองเดก็ ฯ มาตรา ๔ บญั ญตั วิ า “เดก็ ” หมายความวา บคุ คลซงึ่ มอี ายตุ ่าํ กวา สบิ แปดปบ รบิ รู ณ แตไ มร วมถงึ ผทู บี่ รรลุ นติ ภิ าวะกอ นการสมรส จากพระราชบัญญัติดังกลาวไดกาํ หนดใหการปฏิบัติตอเด็กไมวากรณีใดใหคาํ นึงถึง ประโยชนสูงสดุ ของเด็กเปน สําคัญ และไมใหม ีการเลือกปฏิบตั ิโดยไมเปนธรรม (มาตรา ๒๒) ขอ กาํ หนดสาํ หรับผปู กครอง (๑) ใหก ารอปุ การะเลย้ี งดอู บรมสงั่ สอนและพฒั นาการเดก็ ทอ่ี ยใู นความปกครองดแู ล ของตนตามสมควรแกข นบธรรมเนยี มประเพณแี ละวฒั นธรรมแหง ทอ งถนิ่ และตอ งคมุ ครองสวสั ดภิ าพ เดก็ ที่อยใู นความปกครองดแู ลของตน มใิ หต กอยใู นภาวะอนั นาจะเกดิ อนั ตรายหรอื จิตใจ (มาตรา ๒๓) (๒) ตอ งไมท อดทงิ้ หรอื ละทงิ้ เดก็ หรอื ละเลยไมด แู ล ไมใ หส ง่ิ จําเปน ในการดํารงชพี จนนา จะเกดิ อนั ตราย ปฏบิ ตั ติ อ เดก็ ในลกั ษณะทเ่ี ปน การขดั ขวางการพฒั นาการของเดก็ ปฏบิ ตั ติ อ เดก็ ในลักษณะที่เปน การเลย้ี งดูโดยมิชอบ (มาตรา ๒๕) ขอหา มมใิ หบ คุ คลใดบุคคลหนึง่ กระทาํ ตอ เดก็ แมวา เดก็ จะยนิ ยอมหรอื ไมกต็ าม (๑) กระทําหรอื ละเวน การกระทาํ อนั เปน การทารณุ กรรมตอ รา งกายหรอื จติ ใจของเดก็ (๒) จงใจหรอื ละเลยไมใ หส ง่ิ จาํ เปน แกก ารดํารงชวี ติ หรอื การรกั ษาพยาบาลแกเ ดก็ ท่ีอยใู นความดแู ลของตนจนนา จะเกดิ อนั ตรายแกร า งกายหรือจติ ใจของเดก็ (๓) บังคับขเู ข็ญ ชักจงู สง เสรมิ หรือยินยอมใหเด็กประพฤตติ นไมส มควร หรอื นา จะทาํ ใหเ ดก็ มคี วามประพฤติเสย่ี งตอการกระทาํ ผดิ (๔) โฆษณาทางสอ่ื มวลชนหรอื เผยแพรด ว ยประการใดเพอ่ื รบั เดก็ หรอื ยกเดก็ ใหแ ก บคุ คลอน่ื ทมี่ ใิ ชญ าตขิ องเดก็ เวน แตเ ปน การกระทาํ ของทางราชการ หรอื ไดร บั อนญุ าตจากทางราชการแลว (๕) บังคับขูเข็ญ ชักจูง สงเสริม ยินยอมหรือกระทําดวยประการใดใหเด็กไปเปน ขอทาน เดก็ เรร อ น หรอื ใชเ ดก็ เปน เครอื่ งมอื ในการขอทานหรอื การกระทําผดิ หรอื กระทําดว ยประการใด อันเปนการแสวงหาประโยชนโดยมิชอบจากเด็ก

๑๗ (๖) ใช จางหรือวานเดก็ ใหทาํ งาน หรือกระทําการอนั อาจเปน อันตรายแกรา งกาย หรือจติ ใจ มีผลกระทบตอการเจรญิ เติบโต หรือขัดขวางตอพัฒนาการของเดก็ (๗) บังคับขูเขญ็ ใช ชกั จงู ยยุ ง สง เสรมิ หรอื ยินยอมใหเดก็ เลน กฬี าหรอื ใหกระทาํ การใดเพอื่ แสวงหาประโยชนท างการคา อนั มลี กั ษณะเปน การขดั ขวางตอ การเจรญิ เตบิ โต หรอื พฒั นาการ ของเดก็ หรือมลี กั ษณะเปนการทารุณกรรมตอเด็ก (๘) ใชหรือยินยอมใหเด็กเลนการพนันไมวาชนิดใดหรือเขาไปในสถานท่ีเลน การพนัน สถานคาประเวณหี รอื สถานทที่ ่ีหา มมิใหเ ดก็ เขา (๙) บังคับขูเข็ญ ใช ชักจูง ยุยง สงเสริมหรือยินยอมใหเด็กแสดงหรือกระทาํ การ อันมีลกั ษณะลามกอนาจารไมวา จะเปน ไปเพ่อื ใหไ ดมาซ่ึงคาตอบแทนหรอื เพอ่ื การใด (๑๐)จําหนา ย แลกเปลย่ี น หรอื ใหส รุ าหรอื บหุ รแี่ กเ ดก็ เวน แตก ารปฏบิ ตั ทิ างการแพทย (มาตรา ๒๖) หากผูใดฝาฝน กระทําการดงั กลาวจะตอ งระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ ๓ เดอื นหรอื ปรับ ไมเ กิน ๓๐,๐๐๐ บาท หรอื ทง้ั จาํ ทั้งปรับ (มาตรา ๗๘) และเพอ่ื เปน การปกปอ งชอ่ื เสยี งเกยี รตคิ ณุ สทิ ธขิ องเดก็ พระราชบญั ญตั คิ มุ ครองเดก็ ฯ ยังกําหนดหามมิใหผูใดโฆษณาหรือเผยแพรทางสื่อมวลชนหรือสื่อสารลักษณะประเภทใด ซ่ึงขอมูล เก่ียวกับเด็กหรือผูปกครองโดยเจตนาที่จะทําใหเกิดความเสียหายแกจิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณหรือ สทิ ธปิ ระโยชนอ น่ื ใดของเดก็ หรอื เพอ่ื แสวงหาประโยชนส าํ หรบั ตนเองหรอื ผอู นื่ โดยมชิ อบ (มาตรา ๒๗) หากผใู ดฝาฝน ตองระวางโทษจําคุกไมเ กนิ ๖ เดอื นหรอื ปรับไมเ กิน ๖๐,๐๐๐ บาท หรือท้ังจาํ ทั้งปรบั (มาตรา ๗๙) เด็กทพี่ งึ ไดร ับการคุมครองสวัสดภิ าพ พระราชบัญญัติคุมครองเด็กฯ ไดกําหนดประเภทของเด็กท่ีพึงไดรับการคุมครอง สวสั ดิภาพไวใ นมาตรา ๔๐ กลาวคือ ๑) เดก็ ทถ่ี กู ทารณุ กรรมซง่ึ หมายถงึ เดก็ ทก่ี ระทําหรอื ละเวน การกระทําดว ยประการใดๆ จนเปนเหตุใหเด็กเส่ือมเสียเสรีภาพหรือเกิดอันตรายแกทั้งกายหรือจิตใจ เด็กท่ีถูกกระทาํ ผิดทางเพศ หรอื เดก็ ทถี่ กู ใชใ หก ระทาํ หรอื ประพฤตใิ นลกั ษณะทนี่ า จะเปน อนั ตรายแกร า งกายหรอื จติ ใจ หรอื ขดั ตอ กฎหมายศลี ธรรมอนั ดไี มว าเดก็ จะยินยอมหรอื ไมก็ตาม ๒) เดก็ ทเ่ี สยี่ งตอการกระทําผดิ ซง่ึ ไดมกี ฎกระทรวงกาํ หนดเดก็ ทเี่ สี่ยงตอ การ กระทาํ ผิด พ.ศ.๒๕๔๙ กําหนดไวค อื ขอ ๑ เด็กทป่ี ระพฤติตนไมส มควร ไดแก เด็กท่ีมีพฤติกรรมอยางหนึง่ อยางใด ดงั ตอไปน้ี (๑) ประพฤตติ นเกเรหรอื ขม เหงรงั แกผูอ่นื (๒) มัว่ สมุ ในลักษณะทีก่ อความเดือดรอ นรําคาญแกผูอ่นื (๓) เลนการพนันหรอื มว่ั สมุ ในวงการพนัน

๑๘ (๔) เสพสุรา สูบบหุ ร่ี เสพยาเสพติดใหโทษ หรอื ของมึนเมาอยา งอืน่ เขาไปใน สถานทเ่ี ฉพาะเพ่ือการจาํ หนายหรือด่มื เครือ่ งดืม่ ท่ีมีแอลกอฮอล (๕) เขาไปในสถานบริการตามกฎหมายวาดว ยสถานบริการ (๖) ซอื้ หรอื ขายบรกิ ารทางเพศ เขา ไปในสถานการคา ประเวณหี รอื เกยี่ วขอ งกบั การคาประเวณตี ามกฎหมายวาดว ยการปอ งกันและปราบปรามการคาประเวณี (๗) ประพฤตติ นไปในทางชสู าวหรือสอ ไปในทางลามกอนาจารในทีส่ าธารณะ (๘) ตอ ตา นหรอื ทา ทายคาํ สง่ั สอนของผปู กครองจนผปู กครองไมอ าจอบรมสง่ั สอนได (๙) ไมเขาเรียนในโรงเรียนหรือสถานศึกษาตามกฎหมายวาดวยการศึกษา ภาคบงั คับ ขอ ๒ เด็กที่ประกอบอาชีพที่นาจะชักนําไปในทางกระทาํ ผิดกฎหมายหรือ ขดั ตอ ศลี ธรรมอันดี ไดแก เดก็ ท่ปี ระกอบอาชีพ ดังตอ ไปน้ี (๑) ขอทานหรือกระทาํ การสอไปในทางขอทานโดยลําพังหรือโดยมีผูบังคับ ชกั นํา ยุยงหรือสงเสริม หรอื (๒) ประกอบอาชพี หรอื กระทําการใดอนั เปน การแสวงหาประโยชนโ ดยมชิ อบ ดว ยกฎหมาย หรอื ขดั ตอ ศีลธรรมอนั ดี ขอ ๓ เดก็ ทค่ี บหาสมาคมกบั บคุ คลทน่ี า จะชกั นาํ ไปในทางกระทําผดิ กฎหมาย หรอื ขัดตอศลี ธรรมอันดี ไดแก เด็กท่คี บหาสมาคมกบั บคุ คล ดังตอไปน้ี (๑) บุคคลหรือกลุมคนที่รวมตัวกันม่ัวสุมเพ่ือกอความเดือดรอนรําคาญแก ผอู น่ื หรือกระทําการ อนั ขดั ตอกฎหมายหรอื ศีลธรรมอนั ดหี รือ (๒) บุคคลที่ประกอบอาชีพทขี่ ัดตอกฎหมายหรือศีลธรรมอนั ดี ขอ ๔ เด็กท่ีอยูในสภาพแวดลอมหรือสถานท่ีอันอาจชักนําไปในทางเสียหาย ไดแก เดก็ ทีอ่ ยใู นสภาพแวดลอ มหรือสถานที่ ดงั ตอไปน้ี (๑) อาศยั อยกู บั บคุ คลทมี่ พี ฤตกิ รรมเกย่ี วขอ งกบั ยาเสพตดิ ใหโ ทษหรอื ใหบ รกิ าร ทางเพศ (๒) เรร อ นไปตามสถานทต่ี า งๆ โดยไมม ที พี่ กั อาศยั เปน หลกั แหลง ทแ่ี นน อน หรอื (๓) ถูกทอดทิ้งหรือถูกปลอยปละละเลยใหอยูในสภาพแวดลอมอันอาจชักนาํ ไปในทางเสียหาย ขอ ๕ เดก็ ทอ่ี ยใู นสภาพทจี่ าํ ตอ งไดร บั การคมุ ครองสวสั ดภิ าพตามทกี่ ําหนดใน กฎกระทรวง เรอ่ื งกาํ หนดเดก็ ทอ่ี ยใู นสภาพทจ่ี าํ เปน ตอ งไดร บั การคมุ ครองสวสั ดภิ าพ พ.ศ.๒๕๔๙ ไดแ ก (๑) เด็กที่ตองหาวากระทําการอันกฎหมายบัญญัติเปนความผิดแตอายุยังไม ถงึ เกณฑต อ งรบั โทษทางอาญา (๒) เด็กท่ีศาลหรือผูอํานวยการสถานพินิจและคุมครองเด็กและเยาวชนสงมา รบั การคมุ ครองสวัสดิภาพและไมม ีผูปกครองหรอื ผูใหการอปุ การะเล้ียงดู หรือมีแตไ มอยูในสภาพทีจ่ ะ ใหการดแู ลเอาใจใสต อ เดก็ ได

๑๙ (๓) เดก็ ทป่ี ระกอบอาชพี ทน่ี า จะเกดิ อนั ตรายแกร า งกายหรอื จติ ใจ หรอื ประกอบ อาชีพในบรเิ วณทเี่ สี่ยงอันตรายแกรางกายหรือจิตใจ (๔) เดก็ ทอ่ี าศยั อยกู บั บคุ คลทมี่ พี ฤตกิ รรมทน่ี า สงสยั วา ประกอบอาชพี ไมส จุ รติ หรอื หลอกลวงประชาชน ¡ÒäØÁŒ ¤ÃͧÊÇÑÊ´ÔÀÒ¾à´ç¡ การคมุ ครองสวสั ดภิ าพเดก็ ไดกําหนดไวในหมวด ๔ ของพระราชบัญญัตคิ ุมครอง เดก็ ฯ ซ่ึงมสี าระสาํ คัญ ดงั น้ี ๑) เมอื่ มผี พู บเหน็ หรอื ประสบพฤตกิ ารณท น่ี า เชอ่ื วา มกี ารกระทาํ ทารณุ กรรมตอ เดก็ ใหร ีบแจงหรอื รายงานตอ พนกั งานเจา หนาท่ี พนักงานฝายปกครองหรอื ตาํ รวจหรือผมู หี นาทีค่ ุมครอง สวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๒๔ อันไดแก ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย ผูวาราชการจังหวัด ผูอํานวยการเขต นายอําเภอ ปลัดอําเภอ ผูเปนหัวหนาประจําก่ิงอําเภอ หรือ ผบู รหิ ารองคการปกครองสว นทอ งถิ่น (มาตรา ๔๑ วรรคหนง่ึ ) ๒) เมื่อพนักงานเจาหนาท่ี พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ หรือผูที่มีหนาท่ี คุมครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๒๔ ไดรับแจงเหตุ หรือเปนผูพบเห็นหรือประสบพฤติการณ ทนี่ า เชอ่ื วา มกี ารกระทาํ ทารณุ กรรมตอ เดก็ ในสถานทใ่ี ด ใหม อี าํ นาจเขา ตรวจจบั และมอี าํ นาจแยกตวั เดก็ จากครอบครัวของเดก็ เพ่อื คมุ ครองสวัสดภิ าพเด็กโดยเรว็ ท่ีสดุ (มาตรา ๔๑ วรรคสอง) การแจงหรือรายงานตามมาตรา ๔๑ นี้หากไดกระทําโดยสุจริตยอมไดรับ ความคมุ ครองและไมตองรับผดิ ทั้งทางแพง อาญา หรือทางปกครอง (มาตรา ๔๑ วรรคทาย) ๓) ในการดําเนินการคุมครองสวัสดิภาพเด็กตองรีบจัดใหมีการตรวจรักษา ทางรางกายและจติ ใจทันที อาํ นาจหนา ทขี่ องพนกั งานเจา หนา ทใี่ นการปฏบิ ตั งิ านตามพระราชบญั ญตั คิ มุ ครองเดก็ ฯ พนักงานเจาหนาท่ี หมายความวา ผูซ่ึงรัฐมนตรีแตงต้ังใหปฏิบัติการตาม พระราชบญั ญตั นิ ี้ ในกรณขี องà¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ¨Ðà»¹š ¾¹¡Ñ §Ò¹à¨ÒŒ ˹Ҍ ·μèÕ ÒÁ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞμÑ ¤Ô ÁŒØ ¤Ãͧഡç Ï μ‹ÍàÁè×Íä´ŒÃѺ¡ÒÃáμ‹§μÑ駨ҡÃѰÁ¹μÃÕNjҡÒáÃзÃǧ¡ÒþѲ¹ÒÊѧ¤ÁáÅФÇÒÁÁèѹ¤§¢Í§Á¹ØÉ โดยการย่ืนคํารองขอเปนพนักงานเจา หนา ท่นี ้ัน หากรับราชการหรือมถี ิน่ ทอ่ี ยูในเขตกรงุ เทพมหานคร ใหย่ืนที่สํานักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย สําหรับในจังหวัดอื่น ใหย่ืนที่สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษยจังหวัด (ระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย วาดวยการกําหนดแบบมีการประจําตัวพนักงานเจาหนาท่ี ตามพระราชบญั ญตั คิ มุ ครองเดก็ พ.ศ.๒๕๔๖, พ.ศ.๒๕๔๗ ขอ ๔)

๒๐ พระราชบญั ญตั คิ มุ ครองเดก็ ฯ ไดก าํ หนดอาํ นาจและหนา ทใ่ี หแ กพ นกั งานเจา หนา ท่ี เพอื่ ประโยชนในการปฏบิ ัติตามพระราชบัญญตั ิ ไวเ ปน พิเศษในมาตรา ๓๐ กลาวคือ พนกั งานเจาหนา ท่ีตามพระราชบัญญตั ิคุมครองเด็ก มอี าํ นาจหนา ทดี่ ังนี้ (๑) เขา ไปในเคหสถาน สถานทใี่ ดๆ หรอื ยานพาหนะใดๆ ในระหวา งเวลาพระอาทติ ยข น้ึ ถึงพระอาทิตยตกเพื่อตรวจคน ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยวามีการกระทําทารุณกรรมเด็ก มีการ กักขังหรือเล้ียงดูโดยมิชอบ แตในกรณีมีเหตุอันควรเช่ือวาหากไมดําเนินการในทันที เด็กอาจไดรับ อนั ตรายแกร า งกายหรอื จติ ใจ หรอื ถกู นาํ พาไปสถานทอี่ นื่ ซงึ่ ยากแกก ารตดิ ตามชว ยเหลอื กใ็ หม อี าํ นาจ เขาไปในเวลาภายหลงั พระอาทิตยต กได (๒) ซักถามเด็กเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยวาเด็กจําตองไดรับการสงเคราะหหรือ คุม ครองสวสั ดภิ าพ ในกรณจี ําเปน เพื่อประโยชนแ กก ารสงเคราะหและคมุ ครองสวสั ดภิ าพเดก็ อาจนาํ ตวั เดก็ ไปยงั ทท่ี าํ การของพนกั งานเจา หนา ท่ี เพอื่ ทราบขอ มลู เกยี่ วกบั เดก็ และครอบครวั รวมทง้ั บคุ คลท่ี เด็กอาศัยอยู ทงั้ นจี้ ะตองกระทาํ โดยมิชกั ชา แตไ มว า กรณใี ดจะกกั ตวั เดก็ ไวนานเกนิ กวาสิบสองช่วั โมง ไมไ ด เมอ่ื พน ระยะเวลาดงั กลา วใหป ฏบิ ตั ติ าม (๖) ระหวา งทเ่ี ดก็ อยใู นความดแู ลจะตอ งใหก ารอปุ การะ เล้ยี งดู และหากเจบ็ ปวยจะตอ งใหการรักษาพยาบาล (๓) มหี นงั สอื เรยี กผปู กครอง หรอื บคุ คลอน่ื ใดมาใหถ อ ยคาํ หรอื ขอ เทจ็ จรงิ เกย่ี วกบั สภาพความเปน อยู ความประพฤติ สขุ ภาพ และความสมั พนั ธในครอบครัวของเดก็ (๔) ออกคาํ สงั่ เปน หนงั สอื ใหผ ปู กครองของเดก็ นายจา งหรอื ผปู ระกอบการ เจา ของ หรอื ผคู รอบครองสถานทที่ เี่ ดก็ ทาํ งานหรอื เคยทาํ งาน อาศยั หรอื เคยอาศยั อยู เจา ของหรอื ผคู รอบครอง หรือผูดูแลสถานศึกษาที่เด็กกําลังศึกษาหรือเคยศึกษา หรือผูปกครองสวัสดิภาพ สงเอกสาร หรือหลกั ฐานเกยี่ วกับสภาพความเปนอยู การศกึ ษา การทํางาน หรือความประพฤติของเด็กมาให (๕) เขาไปในสถานที่อยูอาศัยของผูปกครอง สถานที่ประกอบการของนายจาง ของเดก็ สถานศกึ ษาของเดก็ หรือสถานทท่ี ่เี ดก็ มีความเกีย่ วขอ งดวย ในระหวา งเวลาพระอาทิตยข ้ึน ถึงพระอาทติ ยตกเพ่อื สอบถามบคุ คลท่อี ยใู นท่ีน้ัน ๆ และรวบรวมขอมูลหรอื หลกั ฐานเก่ียวกบั สภาพ ความเปนอยู ความสมั พนั ธในครอบครวั การเลยี้ งดู อปุ นสิ ยั และความประพฤติของเด็ก (๖) มอบตัวเด็กใหแกผูปกครองพรอมกับแนะนําหรือตักเตือนผูปกครองใหดูแล และอุปการะเลยี้ งดเู ดก็ ในทางทีถ่ ูกตอง เพื่อใหเด็กไดร ับการพฒั นาในทางที่เหมาะสม (๗) ทํารายงานเกี่ยวกับตัวเด็กเพ่ือมอบใหแกสถานแรกรับในกรณีมีการสงเด็ก ไปยังสถานแรกรบั หรอื หนว ยงานทเ่ี ก่ียวของเมอื่ มีการรองขอ อยา งไรกต็ าม กรณที พ่ี นกั งานเจา หนา ทจ่ี ะเขา ไปในเคหสถานใดๆ หรอื ยานพาหนะ ใดๆ ตาม (๑) ซกั ถามเดก็ เมือ่ มีเหตุอันควรสงสัยตาม (๒) และเขาไปในสถานที่อยูอาศยั ของผปู กครอง ตาม (๕) พนักงานเจาหนาทต่ี องแสดงบตั รประจําตวั กอนและใหบ ุคคลทเี่ ก่ียวของอาํ นวยความสะดวก ตามสมควร (มาตรา ๓๐ วรรคสาม) หากผใู ดขดั ขวางไมใ หพ นกั งานเจา หนา ทป่ี ฏบิ ตั งิ านตอ งไดร ะวางโทษ จาํ คุกไมเกิน ๑ เดือน หรอื ปรบั ไมเ กนิ ๑๐,๐๐๐ บาท หรือท้งั จําท้งั ปรบั (มาตรา ๘๐)

๒๑ °Ò¹¤ÇÒÁ¼´Ô áÅк·กาํ ˹´â·É μÒÁ ¾.Ã.º.¤ÁŒØ ¤ÃÍ§à´¡ç ¾.È.òõôö วา ดว ย มาตรา บทกําหนดโทษ ËÁÇ´ ñ ๗ - ๒๑ ¤³Ð¡ÃÃÁ¡ÒäÁØŒ ¤Ãͧഡç - ระงับการดาํ เนนิ คดอี าญา ---------------- ๒๒ - ๓๑ ม.๘๓ ว.๑ ดูหมวด ๙ ใน ËÁÇ´ ò ม.๒๔ “ฐาน ๒๘” ¡Òû¯ºÔ μÑ μÔ Í‹ à´ç¡ เวน โทษ ---------------- ๑. ¼Ù½Œ †Ò½¹„ º·ºÑÞÞÑμÔ ม.๘๓ ว.๑ ม.๘๓ ว.๒ - ดาํ เนินการแกไข หรอื - ปฏิบัติตามคําแนะนํา ของพนักงานเจาหนาท่ีหรือผูมีหนาท่ีคุมครอง สวัสดภิ าพเด็กตาม ม.๒๔ แลว ๒. กระทาํ หรอื ละเวน การกระทาํ อนั เปน การทารณุ กรรม ม.๒๖(๑) - จาํ คุกไมเกิน ๓ เดือน หรือ ตอรางกายหรือจิตใจของเด็ก ความผิดภายใต ตองโทษ - ปรบั ไมเกิน ๓๐,๐๐๐.-หรือ º·ºÑÞÞÑμÔáË‹§¡®ËÁÒÂÍè×¹ ไมวาเด็กจะยินยอม ม.๗๘ - ท้งั จําทง้ั ปรับ หรือไม ถา ความผดิ นโ้ี ทษตามกฎหมายอืน่ หนักกวา ใหต อ งโทษตามกฎหมายน้ี (ม.๒๖) ๓. จงใจหรือละเลยไมใหส่ิงจําเปนแกการดําçªÕÇÔμ ม.๒๖(๒) - จาํ คุกไมเ กนิ ๓ เดือน หรือ หรือการÃÑ¡ÉÒ¾ÂÒºÒÅแกเด็กท่ีอยูในความดูแล ตองโทษ - ปรบั ไมเกิน ๓๐,๐๐๐.-หรือ ของตนจน¹‹Ò¨Ðà¡Ô´ÍѹμÃÒÂแกรางกายหรือจิตใจ ม.๗๘ - ทั้งจาํ ทั้งปรับ ของเด็ก ๔. บังคับ ขูเข็ญ ชักจูง สงเสริม หรือยินยอมใหเด็ก ม.๒๖(๓) - จําคุกไมเ กิน ๓ เดอื น หรอื ประพฤติตนไมสมควรหรือนาจะทําใหเด็ก ตองโทษ - ปรบั ไมเ กนิ ๓๐,๐๐๐.- หรอื มคี วาม»ÃоÄμÔàÊèÕ§μ‹Í¡ÒáÃÐทาํ ¼Ô´ ม.๗๘ - ท้ังจําท้งั ปรับ ม.๒๖ (๔) - จําคกุ ไมเกนิ ๓ เดอื น หรอื ๕. â¦É³Ò·Ò§Êè×ÍÁÇŪ¹หรือเผยแพรดวยประการใด ตองโทษ - ปรับไมเ กนิ ๓๐,๐๐๐.-หรือ เพื่อรับà´ç¡ËÃ×Í¡à´ç¡ãËŒแกบุคคลอ่ืนท่ีมิใชญาติ ม.๗๘ - ท้งั จําทัง้ ปรับ ของเด็ก (àÇŒ¹áμ‹เปนการกระทําของทางราชการ หรอื ไดรับอนญุ าตจากทางราชการแลว)

๒๒ วา ดว ย มาตรา บทกําหนดโทษ ๖. บังคับ ขเู ขญ็ ชกั จงู สงเสรมิ ยินยอม หรือกระทํา ม.๒๖ (๕) - จําคกุ ไมเ กนิ ๓ เดือน หรอื ตอ งโทษ - ปรับไมเกิน ๓๐,๐๐๐.-หรือ ดวยประการใดใหเด็กไปเปน¢Í·Ò¹ เด็กเรรอน ม.๗๘ - ท้ังจาํ ทั้งปรับ หรือใชเด็กเปนเครื่องมือในการขอทานหรือการ กระทําผิดหรือกระทําดวยประการใดอันเปนการ áÊǧËÒ»ÃÐ⪹⏠´ÂÁԪͺจากเด็ก ๗. ใช จาง หรือวานเด็กใหทํางานหรือกระทําการ ม.๒๖ (๖) - จําคกุ ไมเกนิ ๓ เดอื น หรอื อั น อ า จ à » š ¹ ÍÑ ¹ μ Ã Ò Â แ ก  ร  า ง ก า ย ห รื อ จิ ต ใจ ตอ งโทษ - ปรบั ไมเกนิ ๓๐,๐๐๐.-หรอื มีผลกระทบตอการเจริญเติบโต หรือขัดขวาง ม.๗๘ - ทั้งจาํ ทัง้ ปรบั ตอพฒั นาการของเด็ก ๘. บังคบั ขเู ขญ็ ใช ชักจงู ยยุ ง สง เสรมิ หรือยินยอม ม.๒๖ (๗) - จาํ คุกไมเ กิน ๓ เดอื น หรือ ãËŒà´ç¡àÅ‹¹¡ÕÌÒหรือใหกระทําการใดเพื่อแสวงหา ตองโทษ - ปรับไมเกนิ ๓๐,๐๐๐.-หรอื ประโยชนทางการคา อันมีลักษณะเปนการ ม.๗๘ - ทัง้ จาํ ทงั้ ปรับ ขัดขวางตอการเจริญเติบโตหรือพัฒนาการ ของเด็กหรือมีลักษณะเปนการทารุณกรรม ตอเด็ก ๙. ใชหรือยินยอมใหเด็กàÅ‹¹¡Òþ¹Ñ¹ไมวาชนิดใด ม.๒๖ (๘) - จาํ คุกไมเกนิ ๓ เดอื น หรอื หรือเขาไปในสถานท่ีเลนการพนัน สถาน¤ŒÒ ตองโทษ - ปรับไมเกิน ๓๐,๐๐๐.-หรอื »ÃÐàdzหÕ รือสถานทที่ ่ีหา มมใิ หเ ด็กเขา ม.๗๘ - ทง้ั จาํ ทั้งปรับ ๑๐. บังคับ ขูเข็ญ ใช ชักจูง ยุยง สงเสริม หรือ ม.๒๖ (๙) - จาํ คกุ ไมเ กิน ๓ เดอื น หรอื ยินยอมใหเด็กแสดงหรือกระทําการอันมีลักษณะ ตองโทษ - ปรบั ไมเกนิ ๓๐,๐๐๐.-หรือ Å Ò Á ¡ Í ¹ Ò ¨ Ò Ã ไ ม  ว  า จ ะ เ ป  น ไ ป เ พื่ อ ใ ห  ไ ด  ม า ม.๗๘ - ทง้ั จําทง้ั ปรบั ซง่ึ คา ตอบแทนหรอื เพื่อการใด ๑๑. จําหนาย แลกเปลี่ยน หรือãËŒÊØÃÒËÃ×ͺØËÃÕèá¡‹à´ç¡ ม.๒๖ (๑๐) - จําคกุ ไมเกิน ๓ เดอื น หรอื (àÇŒ¹áμ‹ การปฏบิ ัตทิ างการแพทย) ตองโทษ - ปรบั ไมเ กนิ ๓๐,๐๐๐.-หรือ ม.๗๘ - ท้งั จําท้งั ปรับ ๑๒. โฆษณาหรือเผยแพรทางสื่อมวลชนหรือส่ือสาร ม.๒๗ - จําคุกไมเ กิน ๖ เดือน หรอื สนเทศประเภทใด ซ่ึงขอมูลเก่ียวกับตัวเด็กหรือ ตอ งโทษ - ปรบั ไมเ กิน ๖๐,๐๐๐.-หรือ ผูปกครองโดยเจตนาที่จะทําãËŒà¡Ô´¤ÇÒÁàÊÕÂËÒ ม.๗๙ - ท้งั จาํ ท้ังปรบั แกจิตใจ ช่ือเสียง เกียรติคุณหรือสิทธิประโยชน อ่นื ใดของเดก็

๒๓ วาดว ย มาตรา บทกําหนดโทษ ๑๓. à¼Âá¾Ã‹·Ò§Êè×ÍÁÇŪ¹หรือส่ือสารสนเทศ ม.๒๗ - จาํ คกุ ไมเ กิน ๖ เดอื น หรอื ตองโทษ - ปรบั ไมเกนิ ๖๐,๐๐๐.-หรอื ประเภทใดซ่ึงขอมูลเก่ียวกับตัวเด็กหรือผูปกครอง ม.๗๙ - ทัง้ จําท้ังปรับ โดยเจตนาที่จะทําใหเกิดความเสียหายแกจิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณหรือสิทธิประโยชนอ่ืนใด ม.๓๐ (๑) - จาํ คกุ ไมเ กิน ๑ เดอื น หรอื ของเด็กหรือเพื่อแสวงหาประโยชน สําหรับตนเอง ตอ งโทษ - ปรับไมเ กนิ ๑๐,๐๐๐.-หรือ หรอื ผูอน่ื â´ÂÁªÔ ͺ ม.๘๐ ว.๑ - ทั้งจําทัง้ ปรบั ๑๔. ¢Ñ´¢ÇÒ§ไมใหพนักงานเจาหนาที่เขาไปในเคหสถาน สถานที่ ยานพาหนะ ในระหวา งเวลาพระอาทติ ยข น้ึ ม.๓๐ (๑) - จาํ คุกไมเ กิน ๑ เดือน หรือ ถึงพระอาทิตยตกเพ่ือตรวจคน ในกรณีÁÕàËμØ ตองโทษ - ปรบั ไมเ กิน ๑๐,๐๐๐.-หรอื อันควรสงสัยวามีการกระทําทารุณกรรมเด็ก ม.๘๐ ว.๑ - ทัง้ จาํ ท้ังปรับ มีการกักขังหรอื เลี้ยงดูโดยมชิ อบ ๑๕. ¢Ñ´¢ÇÒ§ไมใหพนักงาน਌Ò˹ŒÒ·èÕࢌÒä»ã¹àÇÅÒ ม.๓๐ (๓) - จาํ คุกไมเกนิ ๑ เดือน หรือ ËÅѧ¾ÃÐÍÒ·ÔμÂμ¡ เม่ือมีเหตุอันควรเชื่อวาหาก ตอ งโทษ - ปรับไมเ กนิ ๑๐,๐๐๐.-หรือ ไมด าํ เนนิ การในทนั ทเี ดก็ อาจไดร บั อนั ตรายแกร า งกาย ม.๘๐ ว.๒ - ท้งั จําทงั้ ปรบั หรือจิตใจ หรือถูกนําพาไปสถานที่อ่ืนซึ่งยากแก ม.๓๐ (๔) - จาํ คกุ ไมเกิน ๑ เดอื น หรือ การตดิ ตาม ชวยเหลอื ตองโทษ - ปรับไมเกนิ ๑๐,๐๐๐.-หรอื ๑๖. ã˶Œ ÍŒ ÂคําÍ¹Ñ à»¹š à·ç¨ ไมย อมมาใหถอ ยคาํ ไมย อม ม.๘๐ ว.๑ - ท้งั จาํ ท้ังปรับ ใหถอยคําโดยไมมีเหตุอันสมควรหรือตอพนักงาน ม.๓๐ (๕) - จาํ คกุ ไมเ กนิ ๑ เดือน หรอื เจา หนาทีซ่ ง่ึ ปฏิบตั ิหนา ที่ ตอ งโทษ - ปรบั ไมเกนิ ๑๐,๐๐๐.-หรอื ๑๗.äÁ‹ÂÍÁÊ‹§àÍ¡ÊÒÃหรือหลักฐานเกี่ยวกับสภาพ ม.๘๐ ว.๑ - ท้ังจาํ ทัง้ ปรับ ความเปน อยู การศกึ ษา การทาํ งาน หรอื ความประพฤติ ของเด็กมาให ๑๘. ¢Ñ´¢ÇÒ§äÁ‹ãËŒ¾¹Ñ¡§Ò¹à¨ŒÒ˹ŒÒ·ÕèࢌÒä»สถานที่อยู อาศยั ของผปู กครอง ของนายจา งของเดก็ สถานศกึ ษา ของเด็กหรือสถานท่ีที่เด็กมีความเกี่ยวของดวย ในระหวา งเวลาพระอาทติ ยขึน้ ถึงพระอาทิตยต ก

๒๔ วา ดวย มาตรา บทกาํ หนดโทษ ËÁÇ´ ó ๓๒ - ๓๙ ¡ÒÃʧà¤ÃÒÐËà ´ç¡ - จาํ คกุ ไมเกิน ๖ เดอื น หรือ ---------------- ๔๐ - ๔๗ - ปรับไมเกนิ ๖๐,๐๐๐.-หรือ ËÁÇ´ ô ม.๔๓ - ทง้ั จําท้งั ปรับ ¡ÒäØÁŒ ¤ÃͧÊÇÑÊ´ÀÔ Ò¾à´¡ç ตอ งโทษ - จาํ คกุ ไมเกิน ๖ เดือน หรือ ---------------- ม.๘๑ - ปรับไมเกนิ ๖๐,๐๐๐.-หรือ ๑๙. ผปู กครองหรอื ญาตขิ องเดก็ ฝา ฝน ขอ กาํ หนดของศาล - ท้งั จาํ ท้งั ปรับ ในการคุมความประพฤติ หามเขาเขตกําหนดหรือ ๔๘ - ๕๐ หามเขา ใกลตวั เดก็ ผถู ูกกระทําทารณุ กรรม ม.๕๐ ตอ งโทษ ËÁÇ´ õ ม.๗๔ ¼Ù¤Œ ŒØÁ¤ÃͧÊÇÑÊ´ÔÀÒ¾à´ç¡ ---------------- ๒๐. ผูปกครองสวัสดิภาพหรือผูคุมครองสวัสดิภาพเด็ก ແ´à¼Âªè×ÍμÑÇ ªèÍ× Ê¡ØÅ ÀÒ¾ËÃ×͌͢ ÁÙÅเก่ยี วกับเด็ก ผูปกครอง ในลักษณะท่ีนาจะเกิดความเสียหายแก ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชนของเด็ก หรอื ผูปกครอง ๒๑. ¾¹¡Ñ §Ò¹à¨ÒŒ ˹Ҍ ·Õè นกั สงั คมสงเคราะห นกั จติ วทิ ยา ม.๕๐ ว.๒ - จาํ คุกไมเ กนิ ๖ เดือน หรอื และผูมีหนาท่ีคุมครองสวัสดิภาพเด็ก ตาม ม.๒๔ ตองโทษ - ปรับไมเกิน ๖๐,๐๐๐.-หรือ ซึ่งลวงรูขอมูลในการปฏิบัติหนาท่ีของตน เปดเผย ม.๗๔ - ทัง้ จาํ ทั้งปรับ ใหเ กิดความเสยี หาย ๒๒. â¦É³ÒËÃÍ× à¼Âá¾Ã·‹ Ò§ÊÍè× ÁÇŪ¹หรอื สอื่ สารสนเทศ ม.๕๐ ว.๓ - จาํ คกุ ไมเ กนิ ๑ เดอื น หรอื ซงึ่ ขอ มลู ทเ่ี ปด เผยโดยฝา ฝน บทบญั ญตั ใิ นวรรคหนงึ่ ตอ งโทษ - ปรบั ไมเกนิ ๑๐,๐๐๐.-หรอื หรอื วรรคสอง ม.๗๔ - ทง้ั จาํ ทั้งปรบั ËÁÇ´ ö - จาํ คุกไมเ กนิ ๑ เดอื น หรอื ๕๑ - ๖๒ - ปรับไมเ กนิ ๑๐,๐๐๐.-หรือ ʶҹÃѺàÅÂÕé §à´¡ç ʶҹááÃѺ ʶҹʧà¤ÃÒÐˏ ม.๕๒ - ทัง้ จําทั้งปรับ ʶҹ¤ÁŒØ ¤ÃͧÊÇÑÊ´ÔÀÒ¾ áÅÐʶҹ¾²Ñ ¹ÒáÅп¹œ„ ¿Ù ตองโทษ ---------------- ม.๘๒ ว.๑ ๒๓. ¨´Ñ μ§éÑ ËÃÍ× ดาํ à¹¹Ô ¡¨Ô ¡ÒÃสถานรบั เลย้ี งเดก็ สถานแรกรบั สถานสงเคราะห สถานคมุ ครองสวสั ดภิ าพหรอื สถาน พฒั นาและฟน ฟตู าม ม.๕๒ â´ÂÁäÔ ´ÃŒ ºÑ ãºÍ¹ÞØ Òμ หรือใบอนญุ าตถูกเพิกถอน หรือหมดอายุ

๒๕ วาดวย มาตรา บทกาํ หนดโทษ ๒๔. กระทําการเปนผูปกครองสวัสดิภาพของสถานแรกรับ ม.๕๕ - จาํ คกุ ไมเ กนิ ๑ เดือน หรอื ตอ งโทษ - ปรับไมเ กนิ ๑๐,๐๐๐.-หรือ สถานสงเคราะห สถานคุมครองสวัสดิภาพและ ม.๘๔ - ทง้ั จําทัง้ ปรบั สถานพัฒนาและ¿¹„œ ¿Ùâ´ÂÁÔä´ŒÃºÑ áμ‹§μ§éÑ ๒๕. เจาของ ผูปกครองสวัสดิภาพ และผูปฏิบัติงานใน ม.๖๑ - จําคกุ ไมเ กนิ ๖ เดือน หรอื สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห ตองโทษ - ปรบั ไมเกิน ๖๐,๐๐๐.-หรอื สถานคมุ ครองสวสั ดภิ าพ และสถานพฒั นาและฟน ฟู ม.๗๙ - ทงั้ จําทั้งปรับ ทาํ รา ยรา งกายหรอื จติ ใจ กกั ขงั ทอดทง้ิ หรอื ลงโทษ เด็กที่อยูในความ»¡¤Ãͧ´ÙáÅâ´ÂÇÔ¸Õ¡ÒÃÃØ¹áç ประการอ่ืน ËÁÇ´ ÷ ๖๓ - ๖๗ - จําคกุ ไมเกิน ๓ เดอื น หรอื ¡ÒÃʧ‹ àÊÃÔÁ¤ÇÒÁ»ÃоÄμ¹Ô ¡Ñ àÃÕ¹áÅй¡Ñ È¡Ö ÉÒ ม.๖๔ - ปรับไมเ กนิ ๓๐,๐๐๐.-หรอื ตอ งโทษ - ทง้ั จาํ ทั้งปรับ ---------------- ม.๘๕ ๒๖. กระทําการเปนการยุยง สงเสริม ชวยเหลือ หรือ สนับสนนุ ã˹Œ Ñ¡àÃÂÕ ¹ËÃ×͹¡Ñ ÈÖ¡ÉÒ½†Ò½„¹ ไมปฏบิ ตั ิ ตามกฎเกณฑท สี่ ถานศกึ ษาหรอื กฎกระทรวงกาํ หนด ๒๗. ไมอํานวยความสะดวกแกพนักงานเจาหนาที่ ม.๖๗ - จําคกุ ไมเ กนิ ๑ เดือน หรือ ท่ีปฏิบัติหนาท่ี เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยวามีการ ตองโทษ - ปรบั ไมเกิน ๑๐,๐๐๐.-หรอื ฝาฝนกฎหมายหรือระเบียบเก่ียวกับความประพฤติ ม.๘๖ - ทัง้ จําทัง้ ปรบั ของนักเรียนหรือนักศึกษาใหพนักงานเจาหนาที่ - จําคกุ ไมเกิน ๑ เดือน หรอื มีอํานาจเขาไปในเคหสถาน สถานท่ีหรือ ๖๘ - ๗๗ - ปรับไมเกิน ๑๐,๐๐๐.-หรือ ยานพาหนะใดๆ ในระหวางเวลาพระอาทิตยขึ้น ๗๘ - ๘๖ - ทัง้ จาํ ท้ังปรับ ถึงพระอาทิตยตก หรือในระหวางเวลาทําการ ม.๘๓ ว.๑ เพ่ือทําการตรวจสอบการฝา ฝน ËÁÇ´ ø ¡Í§·¹Ø ¤ØŒÁ¤Ãͧഡç ---------------- ËÁÇ´ ù º·¡íÒ˹´â·É ---------------- ๒๘.เจา ของหรอื ผปู กครองสวสั ดภิ าพของสถานรบั เลย้ี งเดก็ สถานแรกรับ สถานสงเคราะห สถานคุมครอง สวสั ดภิ าพ หรอื สถานพฒั นาและฟน ฟผู ใู ดäÁ»‹ ¯ºÔ μÑ Ô μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞμÑ ¹Ô éÕ

๒๖ ô. ¡ÒäØÁŒ ¤ÃͧÊÔ·¸àÔ ´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμÔÈÒÅàÂÒǪ¹áÅФÃͺ¤ÃÇÑ áÅÐÇ¸Ô ¾Õ Ô¨ÒóҤ´ÕàÂÒǪ¹áÅФÃͺ¤ÃÇÑ Ï (๑) การพิจารณาออกหมายจับ หากการออกหมายจับมีผลกระทบกระเทือน ตอ จติ ใจของเดก็ หรอื เยาวชนนน้ั อยา งรนุ แรงโดยไมจ าํ เปน ใหศ าลพยายามหลกี เลย่ี งการออกหมายจบั โดยใชวิธกี ารติดตามตัวเดก็ หรือเยาวชนนน้ั ดวยวิธอี ่นื กอน (มาตรา ๖๗) (๒) การจับและควบคุมตัวเด็กหรือเยาวชน ตองกระทําดวยความละมุนละมอม โดยคาํ นึงถงึ ศกั ดิศ์ รีความเปน มนุษยแ ละไมเ ปน การประจานเด็กหรือเยาวชน (มาตรา ๖๙ วรรค ๓) (๓) หา มมใิ หค วบคมุ คมุ ขงั กกั ขงั คมุ ความประพฤตหิ รอื ใชม าตรการอนั มลี กั ษณะ เปน การจาํ กดั สทิ ธเิ สรภี าพเดก็ หรอื เยาวชน ซงึ่ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ หรอื เปน จาํ เลย เวน แตม หี มาย หรอื คําส่งั ศาลหรือเปน กรณีการควบคุมเทาทีจ่ าํ เปน เพื่อดาํ เนนิ การซักถาม แจงขอ กลาวหา แจง สิทธิ ตามกฎหมายหรือตรวจสอบการจับกุมตามมาตรา ๖๙ ๗๐ ๗๒ (มาตรา ๖๘) หามควบคุม เด็กหรือเยาวชนที่ถูกกลาวหา ปะปนกับผูใหญ และหามควบคุมตัวเด็กหรือเยาวชนนั้นไวในหองขัง ที่จัดไวสําหรับผตู อ งหาทเี่ ปนผูใหญ (มาตรา ๑๒๙) (๔) หา มมใิ หใชว ธิ กี ารควบคมุ เกินกวาท่ีจําเปนเพ่อื ปองกันการหลบหนี เพอื่ ความ ปลอดภยั ของเดก็ หรอื เยาวชนนน้ั ผถู กู จบั หรอื บคุ คลอน่ื และมใิ หใ ชเ ครอ่ื งพนั ธนาการแกเ ดก็ ไมว า กรณี ใดๆ เวน แตม คี วามจาํ เปน อยา งยงิ่ อนั มอิ าจหลกี เลย่ี งได เพอ่ื ปอ งกนั การหลบหนหี รอื เพอ่ื ความปลอดภยั ของเด็กผูถูกจบั หรือบุคคลอ่นื (มาตรา ๖๙ วรรคสาม และมาตรา ๑๐๓) (๕) ใหศาลแตงต้ังท่ีปรึกษากฎหมาย หากเด็กหรือเยาวชนไมมีท่ีปรึกษากฎหมาย (มาตรา ๗๓ และมาตรา ๑๒๐) (๖) การพิจารณาคดีอาญาท่ีเด็กหรือเยาวชนเปนจําเลย ตองกระทําในหองท่ี มิใชหองพิจารณาคดีธรรมดา แตถาไมอยูในวิสัยที่จะกระทําได จะตองไมปะปนกับการพิจารณาคดี ธรรมดา และเฉพาะบุคคลท่เี กย่ี วของกับกรณเี ทา นั้นท่ีจะมีสทิ ธเิ ขา ฟง การพิจารณา (มาตรา ๑๐๗ และ มาตรา ๑๐๘) (๗) การพิจารณาคดีอาญาท่ีเด็กหรือเยาวชนเปนจําเลย ใหใชถอยคําท่ีจําเลย สามารถเขาใจงาย กับตองใหโอกาสจําเลย บิดา มารดา ผูปกครองหรือบุคคลที่จําเลยอาศัยอยูดวย หรอื บคุ คลทเ่ี กี่ยวของ แถลงขอ เทจ็ จรงิ ความรูสกึ และแสดงความคดิ เห็น ตลอดจนระบุและซักถาม พยานได ไมว า ในเวลาใดๆ ระหวา งทมี่ กี ารพจิ ารณาคดนี น้ั การพจิ ารณาคดอี าญานไี้ มจ าํ ตอ งดาํ เนนิ การ ตามกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญาโดยเครง ครัด (มาตรา ๑๑๔) (๘) แมวามีคําพิพากษาหรือคําสั่งลงโทษหรือใชวิธีการสําหรับเด็กและเยาวชน แลว ก็ตาม หากตอ มาขอ เทจ็ จริงหรือพฤตกิ ารณทีศ่ าลใชใ นการพจิ ารณาคดีเปล่ยี นแปลงไป เมอ่ื มเี หตุ อนั สมควร ศาลทพี่ จิ ารณาคดนี นั้ กม็ อี าํ นาจแกไ ขเปลย่ี นแปลงคาํ พพิ ากษา หรอื คาํ สง่ั หรอื วธิ กี ารสาํ หรบั เด็กและเยาวชนได

๒๗ ในกรณีศาลท่ีแกไขเปลี่ยนแปลงคําพิพากษา หรือคําส่ัง หรือวิธีการสําหรับเด็ก หรอื เยาวชน ไมใ ชศ าลทพี่ พิ ากษาคดหี รอื ออกคาํ สง่ั ลงโทษเดก็ หรอื เยาวชนนน้ั ใหศ าลทส่ี งั่ เปลย่ี นแปลง แกไ ขคําพิพากษาหรือคําส่ังนั้น แจง ใหศ าลทเี่ ปน ผูพิพากษาตดั สินคดที ราบ (มาตรา ๑๓๗) õ. ¡ÒäØÁŒ ¤ÃÍ§Ê·Ô ¸àÔ ´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹μÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞμÑ ¤Ô ÁØŒ ¤Ãͧáç§Ò¹ เนอื่ งจากเด็กมีสภาพรางกาย ตลอดจนสติปญ ญายงั มคี วามพรอ มไมเพียงพอทจ่ี ะ ทํางานเชนเดียวกบั ผใู หญ จงึ ตอ งมกี ฎหมายคมุ ครองเปนพิเศษ áç§Ò¹à´ç¡ หมายถึง แรงงานจากลกู จางซึ่งเปนเดก็ อายุต้งั แต ๑๕ ปข น้ึ ไป แตย งั ไมถ งึ ๑๘ ป พระราชบัญญัติคุมครองแรงงานฯ มาตรา ๔๔ กําหนดหามนายจางจางเด็กอายุ ตํ่ากวา ๑๕ ป เปนลูกจาง หากนายจางฝาฝนระวางโทษปรับตั้งแตสี่แสนบาทถึงแปดแสนบาท ตอลูกจางหนงึ่ คนหรือจําคุกไมเกินสองป หรอื ท้ังจําทง้ั ปรับ (มาตรา ๑๔๘/๑) พระราชบัญญัติคุมครองแรงงานฯ มาตรา ๔๙ ไดกําหนดงานท่ีหามมิใหนายจาง ใหล กู จา งซึง่ เปน เดก็ อายตุ าํ่ กวา ๑๘ ปทํางาน ดังนี้ (๑) งานหลอม เปา หลอ หรอื รดี โลหะ (๒) งานปม โลหะ (๓) งานเกี่ยวกับความรอ น ความเยน็ ความสั่นสะเทอื น เสยี ง และแสงทีม่ รี ะดับ แตกตางจากปกติ อนั อาจเปน อนั ตรายตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง (๔) งานเกยี่ วกับสารเคมที ี่เปนอนั ตรายตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวง (๕) งานเก่ียวกับจุลชีวันเปนพิษ ซ่ึงอาจเปนเชื้อไวรัส แบคทีเรีย รา หรือเชื้ออื่น ตามทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง (๖) งานเกยี่ วกับวตั ถมุ ีพิษ วตั ถุระเบิด หรือวตั ถุไวไฟ เวน แตง านในสถานีบริการ น้าํ มันเชอื้ เพลิงตามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง (๗) งานขบั หรือบังคบั รถยกหรือปนจั่นตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง (๘) งานใชเลือ่ ยเดนิ ดว ยพลงั ไฟฟา หรือเครอ่ื งยนต (๙) งานที่ตองทาํ ใตดิน ใตน ํา้ ในถํา้ อุโมงค หรือปลองในภเู ขา (๑๐) งานเก่ียวกบั กัมมันตภาพรังสตี ามท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง (๑๑) งานทาํ ความสะอาดเครอื่ งจกั รหรอื เครอ่ื งยนตข ณะทเี่ ครอื่ งจกั รหรอื เครอ่ื งยนต กาํ ลงั ทาํ งาน (๑๒) งานทีต่ องทาํ บนนง่ั รา นท่สี งู กวาพ้นื ดนิ ต้งั แตส บิ เมตรข้ึนไป (๑๓) งานอ่ืนตามทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง

๒๘ ซงึ่ งานทร่ี ัฐมนตรวี าการกระทรวงแรงงานฯ ไดออกกฎกระทรวงฉบับที่ ๖ (พ.ศ.๒๕๔๑) หามมิใหนายจางใหล กู จา งซ่งึ เปน เดก็ อายุตํา่ กวา ๑๘ ปทํา ไดแก (๑) งานเกี่ยวกบั ความรอน ความเย็น ความสน่ั สะเทอื น และเสียงอนั อาจเปน อนั ตราย ดงั ตอ ไปน้ี (ก) งานซ่ึงทําในท่ีท่ีมีอุณหภูมิในสภาวะแวดลอมในการทํางานสูงกวาส่ีสิบหา องศาเซลเซยี ส (ข) งานซ่ึงทําในหองเย็นในอุตสาหกรรมการผลิตหรือการถนอมอาหารโดยการ ทาํ เยือกแขง็ (ค) งานทใ่ี ชเ ครือ่ งเจาะกระแทก (ง) งานทมี่ ีระดับเสยี งท่ีลูกจางไดร ับตดิ ตอกันเกินแปดสิบหา เดซิเบล (เอ) ในการ ทาํ งานวันละแปดช่วั โมง (๒) งานเกี่ยวกับสารเคมีที่เปนอันตราย วัตถุมีพิษ วัตถุระเบิด หรือวัตถุไวไฟ ดงั ตอไปน้ี (ก) งานผลิตหรือขนสง สารกอ มะเรง็ ตามรายชือ่ ในบัญชีทา ยกฎกระทรวงนี้ (ข) งานทเี่ กี่ยวขอ งกับสารไซยาไนด (ค) งานผลิตหรือขนสง พลุ ดอกไมเพลงิ หรอื วัตถรุ ะเบิดอื่น ๆ (ง) งานสํารวจ ขดุ เจาะ กลั่น บรรจุ หรือขนถา ยน้าํ มันเชื้อเพลิงหรือกา ซ เวน แต งานในสถานบี รกิ ารน้าํ มนั เชื้อเพลิง (๓) งานเกี่ยวกับจุลชีวันเปนพิษซ่ึงอาจเปนเช้ือไวรัส แบคทีเรีย รา หรือเช้ืออื่น ดังตอ ไปนี้ (ก) งานที่ทําในหองปฏบิ ตั กิ ารชนั สูตรโรค (ข) งานดูแลผูปว ยดว ยโรคตดิ ตอ ตามกฎหมายวา ดวยโรคติดตอ (ค) งานทาํ ความสะอาดเครื่องใชแ ละเครื่องนงุ หม ผูปว ยในสถานพยาบาล (ง) งานเก็บ ขน กําจัดมลู ฝอยหรือส่ิงปฏกิ ูลในสถานพยาบาล (๔) งานขับหรือบังคับรถยกหรือปนจั่นที่ใชพลังงานเครื่องยนตหรือไฟฟาไมวาการขับ หรือบังคบั จะกระทําในลักษณะใด (๕) งานเกี่ยวกับกมั มันตภาพรังสีทุกชนดิ นอกจากจะกําหนดประเภทงานที่หามจางเด็กอายุตํ่ากวา ๑๘ ป ทํางานแลว พระราชบัญญัติคุมครองแรงงานฯ มาตรา ๕๐ กําหนด หามมิใหนายจางจางลูกจางซึ่งเปนเด็กอายุ ตํ่ากวา ๑๘ ป ทาํ งานในสถานทดี่ งั ตอไปนี้

๒๙ มาตรา ๕๐ หา มมใิ หน ายจา งใหล กู จา งซง่ึ เปน เดก็ อายตุ ํา่ กวา สบิ แปดปท ํางานในสถานที่ ดงั ตอไปนี้ (๑) โรงฆาสตั ว (๒) สถานท่ีเลนการพนัน (๓) สถานบรกิ ารตามกฎหมายวา ดว ยสถานบรกิ าร (๔) สถานท่ีอ่ืนตามท่ีกําหนดในกฎกระทรวง เชน กฎกระทรวงกาํ หนดสถานที่ที่หาม นายจางใหล กู จางซึ่งเปน เดก็ อายุต่ํากวา ๑๘ ปท ํางาน พ.ศ.๒๕๕๙ ไดแก - โรงงานประกอบกิจการเก่ียวกบั สัตวนาํ้ ตามกฎหมายวา ดว ยโรงงาน - สถานประกอบกจิ การทปี่ ระกอบกจิ การเกย่ี วกบั การแปรรปู สตั วน า้ํ ตามพระราช บญั ญตั ิกาํ หนดการประมง พ.ศ.๒๕๕๘ หากนายจา งฝาฝน มาตรา ๔๙ หรอื มาตรา ๕๐ หรือกฎกระทรวงท่ีออกตามมาตรา ๒๒ (ซงึ่ เกย่ี วกบั งานเกษตรกรรม งานประมงทะเล งานบรรทกุ หรอื ขนถา ยสนิ คา เปน ตน ) ในสว นทเี่ กย่ี วกบั การหา มมใิ หน ายจา งจา งลกู จา ง ซงึ่ เปน เดก็ อายตุ ่ํากวา ๑๘ ป ทํางานตามประเภทของงาน และสถานที่ ทกี่ าํ หนด ตอ งระวางโทษปรบั ตงั้ แตส แี่ สนบาทถงึ แปดแสนบาทตอ ลกู จา งหนง่ึ คน หรอื จําคกุ ไมเ กนิ สองป หรอื ทงั้ จาํ ทงั้ ปรบั (มาตรา ๑๔๘/๒) และหากการกระทาํ ความผดิ ดงั กลา วเปน เหตใุ หล กู จา งไดร บั อนั ตราย แกกายหรือจิตใจหรือถึงแกความตาย ตองระวางโทษปรับต้ังแตแปดแสนถึงสองลานบาทตอลูกจาง หน่ึงคน หรือจําคกุ ไมเ กินส่ีปห รอื ทั้งปรบั ทง้ั จํา (มาตรา ๑๔๘/๒ วรรคทาย) º·ÊÃØ» ประเทศไทยไดบ ญั ญตั กิ ฎหมายหลายฉบบั เพอื่ คมุ ครองสทิ ธเิ ดก็ ทเ่ี ขา สกู ระบวนยตุ ธิ รรม ทางอาญา โดยการปรับปรุงแกไขกฎหมายที่มีอยูเดิมและบัญญัติกฎหมายใหมเพ่ือใหสอดคลองกับ อนุสัญญาวาดวยสิทธิเด็ก และกฎอันเปนมาตรฐานขั้นตํา่ ของสหประชาชาติวาดวยการบริหารงาน ยตุ ธิ รรมเก่ียวกบั คดีเดก็ และเยาวชน หรอื กฎแหงกรงุ ปก กิ่ง

๓๐

๓๑ º··Õè ó á¹Ç·Ò§¡Òû¯ÔºÑμ¢Ô ͧ਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ ÇμÑ ¶»Ø ÃÐʧ¤ ๑. เพ่ือใหผูเรียนทราบถึงแนวทางการปฏิบัติหนาที่ตามกฎหมายและอาํ นาจหนาท่ีของ เจา พนกั งานตาํ รวจ ๑.๑ การออกหมายจับเด็กหรือเยาวชน ๑.๒ การจับกมุ เดก็ หรอื เยาวชน ๑.๓ การเขยี นบนั ทกึ การจบั กมุ เดก็ หรือเยาวชน ๑.๔ การตรวจสอบการจับเด็กหรือเยาวชนตามจุดประสงคที่พระราชบัญญัติ ศาลเยาวชนและครอบครวั ฯ กําหนดศาลทาํ การตรวจสอบการจับ ๑.๕ การปฏบิ ตั ขิ องเจาพนกั งานตํารวจในการคน ๑.๖ การปฏิบัติในการจดบนั ทกึ คาํ รองทุกขใ นคดที ่ีผเู สยี หายเปน เดก็ หรอื เยาวชน º·นํา เจาพนักงานตาํ รวจตองสรางความเขาใจในการปฏิบัติงาน วาเด็กมีความสาํ คัญตอ การพฒั นาประเทศ รฐั จงึ จาํ เปน ตอ งคมุ ครองดแู ลเดก็ ขณะเดยี วกนั หากเดก็ พลาดพลงั้ ไปกระทาํ ความผดิ ดวยเพราะเหตุท่ีออนดอยประสบการณ ขาดความย้ังคิด หรือดวยเหตุใดก็ตามเพื่อใหเด็กเหลาน้ัน ไดม โี อกาสกลบั ตวั เปน คนดขี องสงั คมในอนาคตซงึ่ จาํ เปน ทจ่ี ะตอ งมวี ธิ ดี ําเนนิ การเกย่ี วกบั เดก็ เปน การเฉพาะ เพ่ือใหส อดคลอ งกับหลักสากล ¡ÒÃÍÍ¡ËÁÒ¨Ѻà´ç¡áÅÐàÂÒǪ¹ การพิจารณาออกหมายจับเด็กหรือเยาวชนซ่ึงตองหาวากระทาํ ความผิดน้ันจะตองอยู ภายใตหลกั เกณฑดังน้ี ๑) จะตองอยูภายใตหลักเกณฑของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๖๖ กลาวคอื (๑) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรวาบุคคลใดนาจะไดกระทําความผิดอาญาซึ่งมี อตั ราโทษจําคกุ อยา งสูงเกนิ ๓ ป หรอื (๒) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรวาบุคคลใดนาจะไดกระทาํ ความผิดอาญาและมีเหตุ อันควรเช่ือวาจะหลบหนี หรอื จะไปยงุ เหยิงกบั พยานหลกั ฐาน หรอื กอเหตุอนั ตรายประการนนั้ ถาบุคคลน้ันไมมีท่ีอยูเปนหลักแหลงหรือไมมาตามหมายเรียกหรือตามนัดโดยไมมี ขอแกตัว อันควรใหส นั นษิ ฐานวา บคุ คลนน้ั จะหลบหนี

๓๒ ๒) ในการพจิ ารณาออกหมายจบั เดก็ หรอื เยาวชนซงึ่ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ นน้ั นอกจากศาล จะพิจารณาถึงเหตุท่ีจะออกหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๖๖ แลว พระราชบญั ญัตศิ าลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา ๖๗ ยงั กาํ หนดหลักเกณฑดังน้ี (๑) ใหศาลคาํ นึงถึงการคุมครองสิทธิเด็กหรือเยาวชนเปนสาํ คัญโดยเฉพาะในเรื่อง อายุ เพศ และอนาคตของเดก็ หรอื เยาวชนทีพ่ งึ ไดร ับการพัฒนาและปกปองคมุ ครอง คําอธิบาย ในการพิจารณาออกหมายจับของศาล แมจะเขาหลักเกณฑออก หมายจบั ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา มาตรา ๖๖ และผูก ระทาํ ผดิ จะหลบหนกี ็ตาม ศาลก็อาจไมออกหมายจับใหทันทีก็ได ศาลตองใชดุลพินิจสูงข้ึนไปอีกหนึ่งช้ันมากกวากรณีปกติท่ัวไป อาจจะใหพ ยายามตดิ ตอ ดสู กั ระยะหนงึ่ กอ น เพราะการทเี่ ดก็ หรอื เยาวชนหลบหนไี ปอาจมหี ลายสาเหตุ เชน กลัว ตกใจ ถาออกหมายจับไปแลว ก็อาจจะไมเจอตัวเด็กหรือเยาวชนอีกเลย เด็กอาจกลายเปน เด็กจรจัด ไมกลาเรียนหนังสือ ไมกลาประกอบอาชีพสุจริต และสุดทายก็อาจเปนคนนอกกฎหมาย หลบหนคี ดีไปตลอดชวี ติ ๑๑ (๒) หากการออกหมายจับจะมีผลกระทบกระเทือนตอจิตใจของเด็กหรือเยาวชน อยา งรนุ แรงโดยไมจ ําเปน ใหพ ยายามหลกี เลยี่ งการออกหมายจบั โดยใชว ธิ ตี ดิ ตามตวั เดก็ หรอื เยาวชน น้ันดว ยวิธีอ่ืนกอน คําอธิบาย หากมีการออกหมายจับเด็กหรือเยาวชนที่กาํ ลังศึกษาอยูและอยู ระหวางสอบปลายภาคอาจมีผลกระทบกระเทือนตอจิตใจได อาจจะใหรอไปกอน แตถาเลี่ยงไมได กต็ อ งออกหมายจบั เชน กรณเี ดก็ ฆา คนตายโดยไตรต รองไวก อ น ชงิ ทรพั ย ปลน ทรพั ย ประกอบกบั เดก็ หรอื เยาวชนนนั้ ไมม ผี ปู กครอง หรอื ผปู กครองไมส ามารถดแู ลไดอ กี ตอ ไปศาลกต็ อ งออกหมายจบั ให๑๒ ¡ÒèѺ¡ÁØ à´¡ç ËÃÍ× àÂÒǪ¹ เนื่องจากเด็กมีความสาํ คัญตอการพัฒนาประเทศ รัฐจึงจาํ เปนตองคุมครองดูแลเด็ก ขณะเดยี วกนั หากเดก็ พลาดพลงั้ ไปกระทําความผดิ ดว ยเพราะเหตทุ อ่ี อ นดอ ยประสบการณ ขาดความยงั้ คดิ หรือดวยเหตุใดก็ตามเพ่ือใหเด็กเหลานั้นไดมีโอกาสกลับตัวเปนคนดีของสังคมในอนาคต ซ่ึงจําเปนที่ จะตอ งมีวิธกี ารดาํ เนนิ การเกยี่ วกับเด็กเปนการเฉพาะเพ่อื ใหสอดคลอ งกบั หลกั สากล พระราชบัญญตั ศิ าลเยาวชนและครอบครัวฯ ไดก าํ หนดหลักเกณฑใ นการจบั กุมเดก็ หรอื เยาวชนนน้ั ซึง่ ตองหาวา กระทําความผดิ ไวใ นมาตรา ๖๖ กลาวคือ ¡Ã³Õà´ç¡ ซง่ึ หมายถึง บคุ คลทมี่ ีอายุไมเ กนิ ๑๕ ปบ รบิ ูรณ๑๓ โดย “ËÒŒ ÁÁãÔ ËŒ¨Ñº¡ØÁà´¡ç ” ซึ่งตอ งหาวากระทําความผดิ ๑๑ สหรัฐ กิติ ศุภการ. (๒๕๖๒). คําอธิบายพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน และครอบครวั พ.ศ. ๒๕๕๓. อมรนิ ทรพร้นิ ตง้ิ แอนดพ ับลชิ ช่งิ . หนา ๑๒๔. ๑๒ สหรฐั กติ ิ ศภุ การ. เร่ืองเดียวกนั . หนา เดยี วกนั . ๑๓ สหรัฐ กิติ ศภุ การ. เร่ืองเดยี วกัน. หนา ๑๑๓.

๓๓ àÇŒ¹áμ‹ (๑) เดก็ กระทาํ ความผดิ ซ่ึงหนา (๒) มหี มายจับหรือมคี ําสง่ั ของศาล กรณเี ยาวชนซงึ่ หมายถงึ บคุ คลอายเุ กนิ ๑๕ ปบ รบิ รู ณแ ตย งั ไมถ งึ ๑๘ ปบ รบิ รู ณ ซง่ึ ตอ งหา วา กระทาํ ความผดิ ใหป ฏบิ ตั ติ ามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา กลา วคอื เจา พนกั งานตํารวจ จะจบั ผูใดโดยไมม ีหมายจบั หรือคําสง่ั ศาลไมไดเ วนแต (๑) เมอื่ บคุ คลนัน้ ไดกระทําความผดิ ซง่ึ หนา คาํ อธิบาย ความผิดซึ่งหนา๑๔ หมายถึง ความผิดซ่ึงเห็นกําลังกระทาํ ตามประมวล กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญามาตรา ๘๐ ซงึ่ ผจู บั จะตอ งเหน็ เองและไมจ าํ เปน ตอ งพบเหน็ โดยบงั เอญิ (คําพิพากษา ๒๘๖๓/๒๕๒๒) เชน เจาพนักงานตาํ รวจแอบซุมดูเหตุการณลอซ้ือยาเสพติด ถือเปน ความผดิ ซึง่ เหน็ กาํ ลงั กระทํา (คาํ พิพากษาฎกี าท่ี ๔๙๕๘/๒๕๕๑) - คาํ พพิ ากษาฎกี าท่ี ๒๖๘๓/๒๕๕๒ ตาํ รวจไปกบั ผทู นี่ าํ ไปซอ้ื น้าํ มนั ทป่ี ม เชลลโ ดยขอ หาวา เอาน้ํามนั อนื่ มาขาย ไดเ หน็ การขายน้ํามันน้ันตอหนาตํารวจจับไดโดยไมตองมีหมายจับ การกระทําผิดซึ่งหนาไมจําตองเปน ความผิดทีต่ ํารวจไปพบโดยบงั เอิญ - คําพพิ ากษาฎีกาที่ ๔๙๕๘/๒๕๕๑ แมเจาพนักงานตํารวจจะมิไดดําเนินการขอหมายคนจากศาลชั้นตนกอนเขา ตรวจคน บา นจาํ เลยกต็ าม แตข อ เทจ็ จรงิ ฟง ไดว า สายลบั ลอ ซอื้ เมทแอมเฟตามนี ทหี่ นา บา นจาํ เลย และ เจา พนกั งานตาํ รวจผจู บั กมุ ไดแ อบซมุ ดแู ละเหน็ เหตกุ ารณก ารลอ ซอ้ื ดงั กลา ว จงึ เขา ตรวจคน และจบั กมุ จาํ เลย เปน กรณที เ่ี จา พนกั งานตํารวจพบเหน็ การกระทําความผดิ ฐานจาํ หนา ยเมทแอมเฟตามนี และมี เมทแอมเฟตามนี ไวใ นครอบครองเพอื่ จาํ หนา ยอนั เปน ความผดิ ซงึ่ หนา และการตรวจคน จบั กมุ ไดก ระทํา ตอเน่ืองกัน เจาพนักงานตํารวจจึงเขาตรวจคนบานจําเลยไดโดยไมจําตองมีหมายคน ตามประมวล กฎหมายวธิ พี ิจารณาความมาตรา ๙๒ (๒) (เดิม) ซง่ึ เปนกฎหมายทใี่ ชบังคับในขณะกระทําความผิด (๒) เมอ่ื พบบคุ คลโดยมพี ฤตกิ ารณอ นั ควรสงสยั วา ผนู นั้ นา จะกอ เหตรุ า ยใหเ กดิ ภยนั ตราย แกบ คุ คล หรอื ทรพั ยส นิ ของบคุ คลอนื่ โดยมเี ครอ่ื งมอื อาวธุ หรอื วตั ถอุ ยา งอน่ื อนั สามารถอาจใชใ นการ กระทําความผิด คาํ อธบิ าย กรณนี เ้ี ปนพฤติการณก อ นที่จะเปน ความผดิ ซ่ึงหนา๑๕ เชน เจาพนกั งาน พบกลุมนักเรียนวัยรุนรวมตัวกันหนาบริเวณวิทยาลัยคูอริโดยมีเครื่องมือหรือวัตถุหลากหลายชนิดที่ สามารถใชในการกระทําความผิด ๑๔ สหรัฐ กิติ ศุภการ. (๒๕๖๒). คําอธิบายพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓. อมรนิ ทรพร้ินต้ิงแอนดพับลชิ ชิ่ง. หนา ๑๑๘ ๑๕ สหรัฐ กิติ ศภุ การ. เรื่องเดียวกนั . หนา ๑๑๙.

๓๔ (๓) เมื่อมีเหตุท่ีจะออกหมายจับบุคคลน้ันเน่ืองจากมีหลักฐานตามสมควรวาบุคคลนั้น นา จะไดก ระทําความผดิ อาญา และมเี หตอุ นั ควรเชอ่ื วา จะหลบหนี หรอื จะไปยงุ เหยงิ กบั พยานหลกั ฐาน หรอื กอ เหตอุ นั ตรายประการอนื่ แตม คี วามจาํ เปน เรง ดว นทไ่ี มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั บคุ คลนน้ั ได คําอธบิ าย เชน นําคนรา ยทจี่ บั กมุ ไดก อ นไปสบื สวนขยายผลจบั กมุ ผรู ว มกระทาํ ความผดิ ในทนั ที ถือเปนความจาํ เปนเรงดว นท่ีไมอ าจขอใหศาลออกหมายจับบคุ คลน้นั ได๑๖ (คําพิพากษาฎกี า ท่ี ๑๒๐๙๑/๒๕๕๘) áμ¡‹ ÒÃÊº× Êǹ¢ÂÒ¼Å仨Ѻ¡ÁØ ä´àŒ ©¾ÒÐàÂÒǪ¹à·Ò‹ ¹Ñé¹äÁ‹ÃÇÁ¶Ö§à´¡ç เพราะ การจับกุมเดก็ จะใชข อ ยกเวน ตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญามาตรา ๗๘ (๓) ไมไ ด (๔) เปน การจบั กมุ ผตู อ งหาหรอื จําเลย ทห่ี นี หรอื จะหลบหนี ในระหวา งถกู ปลอ ยชว่ั คราว ตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญามาตรา ๑๑๗ คาํ อธิบาย บทบัญญัติน้ี ใหอํานาจพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจที่พบเห็น การกระทําดงั กลา วมอี ํานาจจบั กมุ เยาวชนไดท นั ที ถา ราษฎรซงึ่ เปน ผทู าํ สญั ญาประกนั หรอื เปน หลกั ประกนั เปน ผพู บเหน็ การกระทาํ ดังกลา ว เชน ศาลปลอยตวั ชัว่ คราวเยาวชนโดยใชอ ปุ กรณอ เิ ล็กทรอนิกส เชน กาํ ไลขอ มอื ขอ เทา (จะใชต อ เมอื่ บคุ คลนนั้ มพี ฤตกิ ารณท อี่ าจเปน ภยั ตอ คนอน่ื อยา งรา ยแรง หรอื มเี หตุ สมควรประการอนื่ ) นายประกนั พบเหน็ ขณะเยาวชนทําลายอปุ กรณด งั กลา ว กฎหมายใหส นั นษิ ฐานวา ผูตองหาหรือจาํ เลยนั้นหนีหรือจะหลบหนี (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๑๗ วรรคสอง ทแี่ กไ ขเพม่ิ เตมิ ใหม) นายประกนั กอ็ าจขอใหพ นกั งานฝา ยปกครองหรอื ตํารวจทใ่ี กลท สี่ ดุ จบั กมุ ผตู อ งหาหรอื จําเลยได ถา ไมส ามารถขอความชว ยเหลอื ไดท นั ทว งที กใ็ หน ายประกนั มอี ํานาจจบั ไดเ อง๑๗ อนง่ึ ถาเด็กหลบหนีไประหวางการปลอยตวั ชัว่ คราว เจาพนักงานหรือนายประกัน ไมอาจติดตามจับกุมเองไดเพราะ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗๘ (๔) เปน ขอ ยกเวน การจบั กมุ เยาวชนเทา นนั้ เจา พนกั งานหรอื นายประกนั จะตอ งแจง ตอ ศาลเพอื่ ออกหมายจบั มา เทานั้น และถาเปนกรณีเรงดวนศาลอาจสั่งจับกุมโดยไมตองออกหมายก็ได เชน หลบหนีระหวางท่ี มกี ารสบื พยานในศาล แตผ มู ีอาํ นาจจับกมุ ตามคาํ ส่ังศาลจะตอ งเปนพนกั งานฝา ยปกครองหรือตํารวจ เทา นน้ั ศาลจะสง่ั ใหน ายประกนั หรอื พนกั งานรกั ษาความปลอดภยั ของศาลหรอื เจา หนา ทศ่ี าลไปจบั กมุ ได๑ ๘ ขอ สงั เกต ๑. การจับเด็กหรอื เยาวชน เจาพนกั งานจบั กุมไดต ามหมายจับหรือคําสงั่ ของศาล๑๙ ๒. ถา ไมม หี มายจบั หรอื คาํ สง่ั ของศาล ¡ÒèºÑ à´¡ç ¨ÐμÍŒ §à»¹š ¡Ã³àÕ ´¡ç ทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô «§èÖ Ë¹ÒŒ à·Ò‹ ¹¹éÑ สว นการจบั กมุ เยาวชน นอกจากจับกุมในความผิดซ่ึงหนาแลว เจาพนักงานยังสามารถจับกุมไดตามขอยกเวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญามาตรา ๗๘ เหมอื นเชน การจบั กุมทว่ั ไป๒๐ ๑๖ สหรัฐ กิติ ศภุ การ. เรื่องเดยี วกัน. หนา ๑๒๐. ๑๗ สหรัฐ กิติ ศุภการ. (๒๕๖๒). คาํ อธิบายพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน และครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๓. อมรินทรพ รน้ิ ตง้ิ แอนดพบั ลิชชิ่ง. ๑๒๐. ๑๘ สหรัฐ กิติ ศุภการ. เรือ่ งเดยี วกัน. หนา ๑๒๑. ๑๙ สหรัฐ กติ ิ ศภุ การ. เรือ่ งเดียวกัน. หนาเดยี วกนั . ๒๐ สหรัฐ กติ ิ ศภุ การ. เร่ืองเดียวกนั . หนาเดียวกนั .

๓๕ á¹Ç·Ò§¡Òû¯ºÔ ÑμԢͧà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨ㹡ÒèѺ¡ÁØ à´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹ เพอื่ สรา งความเขา ใจในการปฏบิ ตั งิ านของเจา พนกั งานตํารวจในการจบั กมุ เดก็ หรอื เยาวชนนน้ั จึงขอสรุปสาระสําคญั ทกี่ ําหนดไวใ นกฎหมายเปน ขอ ๆ ดังตอ ไปน้ี ๑. ในการจับกมุ เดก็ หรอื เยาวชนนนั้ เจา พนักงานตาํ รวจผทู าํ การจบั กุมจะตอง ๑.๑) แจง ใหเ ด็กหรอื เยาวชนนนั้ วาเขาถูกจับ คําอธิบาย การแจงวาเขาตองถูกจับ อาจใชคําพูดในทํานองเดียวกันก็ได๒๑ เชน นอ งถกู จบั แลว นะ หนถู กู จบั ตวั แลว แตม ขี อ ยกเวน คอื กรณคี วามผดิ ซงึ่ หนา และมกี ารตอ สขู ดั ขวาง การจบั กุม เชน เจา พนักงานตํารวจพบเหน็ การกระทาํ ความผิดซ่งึ หนา เมอ่ื เขาจับกุมผกู ระทําความผดิ ตอสูขัดขวางการจับกุม กรณีเชนนี้เจาพนักงานตํารวจมีอาํ นาจจับกุม โดยไมจาํ เปนตองแจงแก ผูที่จะถูกจับวาเขาตองถูกจับตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา ๘๓ วรรคแรก (คาํ พิพากษาฎกี าท่ี ๑๖๘๓/๒๕๒๓) ๑.๒) แจง ขอ กลาวหา คาํ อธิบาย การแจงขอกลาวหา อาจเปนขอกลาวหาท่ีเด็กหรือเยาวชน กระทําความผิดซ่ึงหนาหรือขอกลาวหาท่ีเยาวชนกระทําความผิดตามขอยกเวนตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗๘ หรือขอกลาวหาท่ีระบุไวในหมายจับ๒๒ ซ่ึงขอกลาวหาที่แจงน้ี จะตรงกับพนกั งานสอบสวนแจงตอไปในช้นั สอบสวนหรือไม และจะตรงกับทอ่ี ยั การโจทกฟองหรือไม ไมสําคญั เพราะคดยี ังตอ งมีการสอบสวนตอ ไปวา กระทาํ ความผดิ ขอหาใด (ฎกี าที่ ๑๓๙๘๕/๒๕๕๓) คําพิพากษาฎกี าท่ี ๑๓๙๘๕/๒๕๕๓ - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๓ วรรคสอง เปน บทบญั ญตั กิ าํ หนดใหเ จา พนกั งานผจู บั ตอ งแจง ขอ กลา วหาใหผ ถู กู จบั ทราบ กเ็ พอ่ื ใหผ ถู กู จบั ทราบวา การกระทําของผูถูกจับเปนความผิด และเพ่ือใหผูถูกจับเขาใจถึงการกระทาํ ของผูถูกจับซ่ึงเปน ความผดิ นั้น เพือ่ ประโยชนใ นการใหการ ใหถ อ ยคาํ หรอื ตอ สคู ดี โดยเจา พนกั งานผจู บั ไมจาํ ตอ งแจง ขอ หาความผดิ ใหต รงกบั ทพี่ นกั งานอยั การโจทกจ ะฟอ งผถู กู จบั เพราะคดยี งั ตอ งมกี ารสอบสวนตอ ไปวา ผถู กู จบั กระทาํ ความผดิ หรอื ไม และกระทาํ ความผดิ ฐานใดคดนี แ้ี มบ นั ทกึ การจบั กมุ แจง ขอ หาวา จาํ เลย มเี มทแอมเฟตามนี ไวใ นครอบครอง เมอ่ื พนกั งานสอบสวนแจง ขอ หาแกจ าํ เลยวา มเี มทแอมเฟตามนี ไว ในครอบครองเพื่อจําหนาย ถือวามีการสอบสวนในความผิดฐานดังกลาวแลว โจทกจึงมีอํานาจฟอง เมอ่ื โจทกบ รรยายฟอ งวา จาํ เลยกระทําความผดิ ฐานมเี มทแอมเฟตามนี ไวใ นครอบครองเพอ่ื จําหนา ยและ ขอ เทจ็ จรงิ ฟง เปน ยตุ ขิ า งตน ศาลยอ มลงโทษจาํ เลยในความผดิ ฐานมเี มทแอมเฟตามนี ไวใ นครอบครอง เพือ่ จําหนา ยตามฟอ งได ๒๑ สหรฐั กิติ ศภุ การ. เร่ืองเดยี วกัน. หนา ๑๒๗. ๒๒ สหรัฐ กิติ ศุภการ. (๒๕๖๒). คาํ อธิบายพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน และครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๓. อมรนิ ทรพร้ินติง้ แอนดพ บั ลชิ ชิง่ . ๑๒๗.

๓๖ ๑.๓) แจงสทิ ธใิ หท ราบ คาํ อธบิ าย การแจงสทิ ธใิ นชนั้ จับกมุ ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความ อาญา มาตรา ๘๓ วรรคสอง เจาพนกั งานผจู บั จะตอ งแจง วา๒๓ - ผูถ กู จับมีสทิ ธิที่จะไมใ หก ารหรอื ใหการก็ได - ถอ ยคาํ ของผถู กู จับนน้ั อาจใชเปน พยานหลกั ฐานในการพิจารณาคดี - ผถู กู จบั มสี ทิ ธทิ จี่ ะพบและปรกึ ษาทนายความ หรอื ผซู งึ่ จะเปน ทนายความ สว นการแจง สทิ ธใิ นชนั้ สอบสวน ตามพระราชบญั ญตั ศิ าลเยาวชนและครอบครวั ฯ มาตรา ๗๕ วรรคสอง วางหลักวา พนักงานสอบสวนมหี นาทตี่ อ งแจง สิทธกิ อ นการแจง ขอกลา วหาและ สอบปากคํา โดยตองแจงวาเด็กหรือเยาวชนมีสิทธิที่จะไมใหการหรือใหการก็ได และถอยคาํ ของเด็ก และเยาวชนอาจใชเ ปนพยานหลักฐานในการพจิ ารณาคดีได ๑.๔) แสดงหมายจบั ใหดู คําอธิบาย หากมีหมายจับจะตองแสดงหมายจับใหกับเด็กหรือเยาวชนผูน้ัน รบั รดู ว ย จากนน้ั จะตอ งนาํ ตวั เดก็ หรอื เยาวชนผถู กู จบั ไปยงั ทท่ี าํ การของพนกั งานสอบสวนทอ งทท่ี ถี่ กู จบั ทนั ที ซงึ่ กฎหมายตอ งการใหแ สดงทนั ทเี พอื่ ใหร วู า เปน การตามหมายจบั ไมใ ชจ บั กมุ มาแลว ขอหมายจบั ตามหลงั ๒๔ ๑.๕) เสรจ็ แลว นาํ ตวั ผถู กู จบั ไปยงั ทท่ี ําการของพนกั งานสอบสวนแหง ทอ งทที่ ถ่ี กู จบั ทันที เพื่อใหพนักงานสอบสวนของทองที่ดังกลาวสงตัวผูถูกจับไปยังท่ีทาํ การของพนักงานสอบสวน ผรู ับผิดชอบโดยเรว็ ๒๕ คาํ อธิบาย ถาทองที่ที่ถูกจับกุมกับทองท่ีเกิดเหตุเปนคนละทองท่ีกัน ก็ตอง นาํ ตัวไปยังท่ีทําการของพนักงานสอบสวนแหงทองท่ีท่ีถูกจับกอน จากนั้นพนักงานสอบสวนจะสอบ ปากคําเจา พนักงานผถู กู จับกุม เสร็จแลวใหพ นกั งานสอบสวนสง ตัวเดก็ หรือเยาวชนไปยังท่ีทาํ การของ พนกั งานสอบสวนผูรับผดิ ชอบโดยเรว็ ๒. แจง ใหผูปกครองทราบถึงการจับเดก็ หรอื เยาวชน ๒.๑) ขณะเจาพนักงานตํารวจจับกุมเด็กหรือเยาวชนซึ่งตองหาวากระทาํ ความผิด นั้น มีผูปกครองซึ่งไดแก บิดามารดา ผูปกครอง บุคคลหรือผูแทนองคกรซึ่งเด็กหรือเยาวชนอาศัย อยดู ว ย อยดู ว ยในขณะที่ทาํ การจับกุมนั้นใหเ จา พนกั งานตาํ รวจผจู ับกมุ - แจง เหตุแหง การจบั ใหบ คุ คลดังกลา วทราบ และ - ในกรณที เ่ี ปน ความผดิ อาญาซงึ่ มอี ตั ราโทษอยา งสงู ตามทก่ี ฎหมายกําหนดไว จาํ คกุ ไมเ กนิ ๕ ป เจา พนกั งานตาํ รวจจบั กมุ จะสงั่ ใหบ คุ คลดงั กลา วเปน ผนู าํ ตวั เดก็ หรอื เยาวชนนนั้ ไปยงั ที่ทําการของพนักงานสอบสวนแหงทองที่ทีถ่ กู จบั ก็ได ๒๓ สหรัฐ กิติ ศุภการ. เร่อื งเดยี วกนั . ๑๒๘. ๒๔ สหรัฐ กิติ ศุภการ. เรอ่ื งเดียวกัน. ๑๒๙. ๒๕ สหรัฐ กติ ิ ศภุ การ. เรอื่ งเดยี วกัน. หนา เดียวกนั .

๓๗ ๒.๒) ขณะเจา พนกั งานตํารวจจบั กมุ เดก็ หรอื เยาวชนซงึ่ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ นน้ั ไมม ีผูปกครองดงั กลาวอยกู บั ผถู กู จบั ใหเ จา พนกั งานตํารวจผจู บั กมุ - แจงใหบุคคลดังกลาวคนใดคนหนึ่งทราบถึงการจับกุมในโอกาสแรกเทาท่ี สามารถกระทําได - หากผูถูกจับประสงคจะติดตอสื่อสาร หรือปรึกษาหารือกับบุคคลเหลาน้ัน ซง่ึ ไมเ ปน อปุ สรรคตอ การจบั กมุ และอยใู นวสิ ยั ทจี่ ะดําเนนิ การได ใหเ จา พนกั งานตํารวจผจู บั ดาํ เนนิ การให ตามสมควรแกกรณีโดยไมช กั ชา (มาตรา ๖๙ วรรคสอง) ๓. วธิ กี ารจบั กมุ และควบคมุ ตวั เดก็ หรอื เยาวชนซง่ึ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ เจา พนกั งาน ตาํ รวจผูจับกมุ จะตองกระทาํ การจบั กุม - ดว ยความละมุนละมอม๒๖ คือ ไมใชความรุนแรงในการจับกมุ คอ ยๆ พดู จากัน - คํานึงถึงศักดิ์ศรีความเปนมนุษย๒๗ คือ ตองปฏิบัติในลักษณะใหความเคารพใน ความแตกตา งทางเพศ เชอ้ื ชาติ ศาสนา ความเชอ่ื และวยั วุฒิ - ไมเ ปน การประจานเดก็ หรอื เยาวชน๒๘ คอื ไมก ระทาํ ในลกั ษณะใหเ ดก็ หรอื เยาวชน ไดร บั ความอบั อาย - หา มมใิ หใ ชว ธิ กี ารควบคมุ เกนิ กวา ทจี่ าํ เปน เพอ่ื ปอ งกนั การหลบหนี หรอื เพอื่ ความ ปลอดภัยของเด็กหรือเยาวชนผูถูกจับหรือบุคคลอ่ืน๒๙ คือ จะควบคุมเกินกวาท่ีจําเปนไมได และจะ ควบคุมนอกเหนือวัตถุประสงคเพ่ือปองกันการหลบหนี หรือเพื่อความปลอดภัยของเด็กหรือเยาวชน หรอื บคุ คลอนื่ ไมไ ด - ไมใ หใ ชเ ครื่องพันธนาการไมว ากรณีใดๆ เวน แตม คี วามจําเปน อยางอืน่ อันมอิ าจ หลีกเล่ียงไดเ พ่อื ปองกนั การหลบหนี หรือเพอื่ ความปลอดภยั ของผูถูกจบั หรอื บคุ คลอนื่ ๓๐ คือ หามใช เครื่องพันธนาการ เชน กุญแจมือ เชือก สายรัด กับเด็กเทาน้ัน สวนเยาวชนไมไดหาม แตถาเด็ก จะหลบหนีหรอื อาจมกี ารตอ สขู ัดขวางเจาพนักงาน กส็ ามารถใชเคร่ืองพันธนาการกบั เดก็ ได ๔. บันทึกการจบั กมุ กอนสงตวั เด็กหรือเยาวชนผูถ กู จบั ไปใหก บั พนักงานสอบสวนแหง ทอ งที่ที่ถูกจับนั้นใหเจา พนกั งานตาํ รวจผจู บั กมุ - ทาํ บันทกึ การจับกุม โดยแจงขอกลา วหาและรายละเอยี ดเก่ยี วกับเหตุแหงการจบั ใหผ ูถูกจับทราบ - หา มมใิ หถ ามคาํ ใหก ารผูถกู จบั ๒๖ สหรัฐ กิติ ศุภการ. (๒๕๖๒). คาํ อธิบายพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓. อมรินทรพร้ินต้งิ แอนดพบั ลชิ ชิง่ . หนา ๑๓๑. ๒๗ สหรัฐ กติ ิ ศภุ การ. เรอื่ งเดยี วกนั . หนาเดยี วกนั . ๒๘ สหรัฐ กิติ ศุภการ. เรอื่ งเดยี วกัน. หนาเดยี วกัน. ๒๙ สหรฐั กิติ ศุภการ. เร่ืองเดยี วกนั . หนา เดียวกนั . ๓๐ สหรัฐ กติ ิ ศุภการ. เรอ่ื งเดยี วกนั . หนา เดียวกัน.

๓๘ - ถา ขณะทําบนั ทกึ ดงั กลา วมบี ดิ ามารดา ผปู กครอง หรอื บคุ คล หรอื ผแู ทนองคก าร ซ่ึงเด็กหรือเยาวชนอาศัยอยูดวยอยูในขณะน้ันดวย เจาพนักงานตาํ รวจตองทาํ บันทึกตอหนาบุคคล ดังกลาว และจะใหลงลายมอื ช่ือเปน พยานดว ยกไ็ ด - ถอ ยคาํ ของเดก็ หรอื เยาวชนในชนั้ จบั กมุ มใิ หศ าลรบั ฟง เปน พยานเพอื่ พสิ จู นค วามผดิ ของเด็กหรือเยาวชน แตศ าลอาจนํามาฟงเปน คณุ แกเ ดก็ หรอื เยาวชนได๓ ๑ คาํ อธิบาย ถอยคําของเด็กหรือเยาวชนในชั้นจับกุม หามรับฟงโดยเด็ดขาด ไมมี การแยกวา เปนถอยคําอ่ืนหรือถอยคํารับสารภาพเหมือนเชนคดีอาญาท่ัวไป ตามประมวลกฎหมาย วิธพี จิ ารณาความอาญามาตรา ๘๔ วรรคทาย การหา มรบั ฟง โดยเดด็ ขาด๓๒ หมายถงึ รบั ฟง เพอ่ื พสิ จู นค วามผดิ ของเดก็ หรอื เยาวชน เทา นน้ั ไมห า มรบั ฟง เพอ่ื พสิ จู นค วามผดิ ของผอู นื่ และไมห า มหากจะรบั ฟง เปน คณุ แกเ ดก็ หรอื เยาวชน เชน รบั ฟง เพื่อหกั ลา งพยานโจทก รับฟงเพอ่ื นาํ มาเปน ดลุ พนิ ิจในการกาํ หนดโทษใหเ บาลง ๕. หา มบนั ทกึ ภาพ เพอ่ื เปน การคมุ ครองสทิ ธเิ ดก็ หรอื เยาวชน ซงึ่ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ หามมิใหเจาพนักงานผูจับกุมเด็กหรือเยาวชน หรือพนักงานสอบสวน จัดใหมีหรืออนุญาตใหมี หรือยินยอมใหมีการถายภาพหรือบันทึกภาพเด็กหรือเยาวชนซึ่งตองหาวากระทําความผิด เวนแต เพ่ือประโยชนใ นการสอบสวน คําอธบิ าย พระราชบญั ญตั ศิ าลเยาวชนและครอบครวั ฯ มาตรา ๗๖ ไดว างหลกั เกย่ี วกบั การคมุ ครองสทิ ธิเดก็ และเยาวชนในเร่ืองการถายภาพหรอื บันทึกภาพเดก็ หรอื เยาวชนไวว า๓๓ - จะจดั ใหม กี ารถา ยภาพหรอื บนั ทกึ ภาพไมไ ด เชน จดั ใหม กี ารตง้ั โตะ แถลงขา วแลว นาํ เด็กหรอื เยาวชนมาน่งั รว มดว ย - อนญุ าตใหม ีการถา ยหรือบันทึกภาพไมไ ด - ยนิ ยอมใหมีการถา ยภาพหรือบนั ทกึ ภาพไมไ ด ขอสังเกต การถายภาพ หรือบันทึกภาพเด็ก แมเพียงคร่ึงตัวไมเห็นใบหนาก็ทาํ ไมได ถือเปนการถายภาพหรือบันทึกภาพ อยนู ั่นเอง๓๔ ๓๑ สหรัฐ กิติ ศุภการ. (๒๕๖๒). คําอธิบายพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและ ครอบครวั พ.ศ. ๒๕๕๓. อมรนิ ทรพ รน้ิ ตงิ้ แอนดพ บั ลชิ ชง่ิ . หนา ๑๓๒. ๓๒ สหรัฐ กติ ิ ศภุ การ. เรอื่ งเดียวกนั . หนาเดยี วกนั . ๓๓ สหรัฐ กิติ ศภุ การ. เรื่องเดยี วกนั . หนา ๑๗๘. ๓๔ สหรฐั กติ ิ ศภุ การ. เร่อื งดยี วกัน. หนา เดียวกัน.

๓๙ ๖. ไมว า กรณใี ดๆ กต็ ามหา มมใิ หผ ตู อ งหาทเี่ ปน เดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๘ ปบ รบิ รู ณไ ปชท้ี เ่ี กดิ เหตุ ประกอบคาํ รับสารภาพ เพราะจะเปนการประจานเด็กและอาจเปนการกระทําผิดตามกฎหมายเด็ก รวมท้ังหา มมใิ หน ําผตู องหาไปขอขมาศพ หรือบดิ ามารดา สามภี รรยา มิตรสหาย หรอื ผปู กครองของ ผตู าย นอกจากน้ี หา มนําผเู สยี หาย พยาน เขา รว มในการชท้ี เ่ี กดิ เหตปุ ระกอบคํารบั สารภาพของผตู อ งหา เปนอนั ขาด โดยเฉพาะผูเสียหายทเ่ี ปนเดก็ สตรี พระภกิ ษุ สามเณร นักพรต นกั บวช (คาํ ส่ังสํานกั งาน ตาํ รวจแหงชาติ ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ เรื่องการอํานวยความยุติธรรมในทางอาญาขอ ๖.๑๐.๒) ¡ÒÃμÃǨÊͺ¡ÒèºÑ การตรวจสอบการจบั เปน วธิ กี ารพทิ กั ษส ทิ ธเิ ดก็ และเยาวชนในเบอ้ื งตน เพราะเมอ่ื พนกั งาน สอบสวนไดรับตัวเด็กหรือเยาวชนซึ่งถูกจับแลว พนักงานสอบสวนตองนําตัวเด็กหรือเยาวชนไปศาล เพ่ือตรวจสอบการจบั กมุ ทนั ที ท้งั น้ภี ายใน ๒๔ ชวั่ โมงนบั แตเ วลาทเี่ ด็กหรือเยาวชนไปถึงทที่ ําการของ พนักงานสอบสวนผูรับผิดชอบ แตมิใหนับเวลาเดินทางตามปกติท่ีนําตัวเด็กหรือเยาวชนผูถูกจับจาก ท่ีทําการของพนักงานสอบสวนมาศาลเขาในกําหนดเวลา ๒๔ ชั่วโมงนั้นดวย (พระราชบัญญัติ ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา ๗๒) จดุ ประสงคท พ่ี ระราชบญั ญตั ศิ าลเยาวชนและครอบครวั ฯ กําหนดใหศ าลทําการตรวจสอบ การจบั คือ ๑. ตรวจสอบวา ผถู กู จบั นนั้ เปน บคุ คลซงึ่ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ หรอื ไม หมายถงึ เดก็ หรอื เยาวชนทีถ่ กู จบั มานัน้ ใชค นท่ีตองการจบั จรงิ หรือไม ๒. ตรวจสอบวา การจับน้นั เปนไปโดยชอบดว ยกฎหมายหรอื ไม หมายถึง ผูจบั มีอาํ นาจ ที่จะจับหรือไมมี เหตุที่จะจับหรือไม โดยแยกวาเปนการจับเด็กหรือเยาวชนตามพระราชบัญญัติ ศาลเยาวชนและครอบครวั ฯ มาตรา ๖๖ เชน หากเปน เดก็ จะจบั ไดต อ เมอื่ มหี มายจบั หรอื คําสง่ั ของศาล ใหจ บั หรอื เปนการกระทาํ ความผดิ ซึ่งหนา เปนตน ๓. ตรวจสอบวาการปฏิบัติของเจาพนักงานชอบดวยกฎหมายหรือไม เชน ไดแจงบิดา มารดาหรอื ผปู กครองหรอื ไม ใชเ ครอ่ื งพันธนาการในกรณที ี่กฎหมายไมอนญุ าตหรอื ไม เปน ตน การตรวจสอบการจบั ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา ๗๓ เปน บทกฎหมายทบี่ ญั ญตั ขิ น้ึ ใหมเ ปน ครงั้ แรกในประเทศไทย ซงึ่ เมอ่ื มผี ลใชบ งั คบั มาแลว ระยะหนงึ่ องคก รตา งๆ ในกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะสาํ นักงานตาํ รวจแหงชาติ กรมพินิจและคุมครองเด็กและเยาวชน รวมถึงศาลเยาวชนและครอบครัว ตางมีความเห็นที่ตรงกันวาการตรวจสอบการจับมีประโยชนตอ กระบวนการสอบสวนของเจา พนกั งานตํารวจ การสอบขอ เทจ็ จรงิ ของสถานพนิ จิ และคมุ ครองเดก็ และ เยาวชน และการพจิ ารณาพิพากษาคดีของศาลเยาวชนและครอบครวั นอกจากนี้ยังชวยแกไ ขเยียวยา ปญ หาและพฤตกิ รรมของเดก็ และเยาวชนทก่ี ระทําความผดิ ไดม ากทเี ดยี วดงั เหตผุ ลทพี่ อจะประมวลไดด งั น้ี

๔๐ ๑) การตรวจสอบการจับเปนวิธีการพิทักษสิทธิเด็กและเยาวชนในเบื้องตนวาจะไม ถูกจับผดิ คน การจบั กุมและปฏบิ ตั ิของเจาพนกั งานตอ งเปน ไปโดยชอบดว ยกฎหมาย โดยที่ผูพพิ ากษา เปนผตู รวจสอบภายใน ๒๔ ชั่วโมง นบั แตเ วลาทเี่ ด็กหรอื เยาวชนไปถงึ ทที่ ําการของพนักงานสอบสวน ผรู บั ผิดชอบ ๒) เปนการสรา งความเขาใจแกบดิ ามารดา หรือผูปกครองของเดก็ และเยาวชนหลังจาก ถกู จบั มาแทบจะในทนั ที ทาํ ใหบ ดิ ามารดา หรอื ผปู กครองสามารถเขา ไปดแู ลบตุ รหลาน หรอื บคุ คลทอี่ ยู ในความปกครองของตนไดอ ยางรวดเรว็ ๓) เด็กหรือเยาวชนและผูปกครองมีโอกาสพบและปรึกษาท่ีปรึกษากฎหมาย ตั้งแตช้ัน ตรวจสอบการจบั ซงึ่ สามารถชว ยเหลอื ใหค าํ แนะนําใหค ําปรกึ ษาเพอื่ คลค่ี ลายปญ หาและความกงั วลใจ ตา งๆ ได อีกท้งั ยงั สามารถชว ยเหลอื ในชั้นผัดฟองตามมาตรา ๗๕ ในชน้ั พจิ ารณาตามมาตรา ๑๒๐ และหากเปน การจบั กมุ โดยมชิ อบดว ยกฎหมายจรงิ ศาลจะมคี าํ สงั่ ใหป ลอ ยตวั เดก็ หรอื เยาวชนไปในทนั ที ๔) การท่ีเด็กหรือเยาวชนไดมาอยูในอาํ นาจศาลเยาวชนและครอบครัวทันทีท่ีพนักงาน สอบสวนสงตัวมานั้น ทาํ ใหพวกเขามีโอกาสที่จะไดรับการมอบตัวใหแกผูปกครองไปดูแลระหวางการ สอบสวนตามทศ่ี าลเหน็ สมควร หรอื ไดร บั การพจิ ารณาคํารอ งขอปลอ ยตวั ชวั่ คราวระหวา งการสอบสวน ไดใ นเวลาอันรวดเร็ว และไมม ขี นั้ ตอนยุงยาก ๕) เจา พนกั งานตาํ รวจผจู บั กมุ ไดร บั การดแู ลปกปอ งคมุ ครองจากขอ กลา วหาวา กลน่ั แกลง หรอื ปฏบิ ตั โิ ดยมชิ อบดว ยกฎหมายในการจบั กมุ หรอื ไม แจง การจบั กมุ ใหบ ดิ ามารดาหรอื ผปู กครองทราบ เพราะหากเกิดกรณเี ชนน้จี ริง เด็กหรอื เยาวชนและผปู กครองรวมถงึ ทปี่ รึกษากฎหมายกส็ ามารถแถลง ตอศาลเพ่อื คดั คานการจบั กุมและการปฏบิ ตั ิโดยมิชอบดังกลาวไดในทันที ขอสังเกต ๑. กรณมี ขี อ สงสยั เกย่ี วกบั อายเุ ดก็ พระราชบญั ญตั ศิ าลเยาวชนและครอบครวั ฯ มาตรา ๗๗ กําหนดวา ในระหวา งการ สอบสวนหากมขี อ สงสยั เกยี่ วกบั อายเุ ดก็ ทถี่ กู จบั กมุ หรอื ควบคมุ ใหพ นกั งานสอบสวนมอี ํานาจดําเนนิ การสอบสวนตามประมวล กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาและกฎหมายอน่ื ทเี่ กย่ี วขอ ง แตห ากปรากฏภายหลงั วา บคุ คลนนั้ มอี ายไุ มเ กนิ กวา อายทุ ก่ี ําหนดไว ตามมาตรา ๗๓ แหง ประมวลกฎหมายอาญา ในขณะกระทําความผดิ (ซง่ึ หมายความวาขณะกระทําความผดิ นน้ั อายุไมเ กิน ๑๐ ป) และอยใู นความควบคมุ ของสถานพนิ จิ หรอื องคก รอนื่ ใด ใหส ถานพนิ จิ หรอื องคก ารดงั กลา วรายงานใหศ าลทราบเพอ่ื มี คําสงั่ ปลอ ยตวั และใหพ นกั งานสอบสวนดาํ เนนิ การตามมาตรา ๖๙/๑ วรรคหนง่ึ กลา วคอื ถา ความผดิ ทเี่ ดก็ กระทํานนั้ เปน ความผดิ ทกี่ ฎหมายบญั ญตั ใิ หอ ยใู นอาํ นาจของพนกั งานสอบสวนหรอื เจา พนกั งานอนื่ ทจ่ี ะเปรยี บเทยี บไดห ากเปน การกระทาํ ครงั้ แรก ใหพนักงานสอบสวนหรือเจาพนักงานน้ันเรียกเด็ก บิดามารดา ผูปกครองหรือบุคคลหรือผูแทนองคการซ่ึงเด็กนั้นอาศัย อยูดวย มาวากลาวตักเตือน ถาเด็กสํานึกในการกระทําและบิดามารดา ผูปกครอง หรือบุคคลหรือองคการซ่ึงเด็กน้ันอาศัย อยดู วยสามารถดูแลเดก็ ได กใ็ หงดการสอบสวนและปลอยตัวไป นอกจากนใ้ี นกรณเี ดก็ อายไุ มเ กนิ ๑๐ ป กระทําความผดิ โดยความผดิ นนั้ กฎหมายบญั ญตั ใิ หอ ยใู นอาํ นาจเปรยี บเทยี บของ พนักงานสอบสวนหรอื เจา พนกั งานอ่ืน หากเปน การกระทาํ ครั้งแรกมาตรา ๖๙/๑ วรรคสอง ใหอาํ นาจพนักงานสอบสวนหรอื เจาพนักงานนัน้ เรียกเดก็ บิดามารดา ผูปกครองหรือบุคคลหรอื ผแู ทนองคการซ่ึงเดก็ อาศัยอยูดวยมาวา กลาวตกั เตือน ถา เด็ก สาํ นึกในการกระทาํ และบิดามารดา ผูปกครองหรือบุคคลหรือองคการซ่ึงเด็กน้ันอาศัยอยูดวยสามารถดูแลเด็กได ก็ใหงด การสอบสวนและปลอ ยตวั ไป เวน แตเ ดก็ นนั้ กระทําความผดิ อนื่ ซงึ่ มใิ ชค วามผดิ ทส่ี ามารถเปรยี บเทยี บได เชน นพ้ี นกั งานสอบสวน

๔๑ ตองสงตัวเด็กที่อายุไมเกิน ๑๐ ป น้ันใหพนักงานเจาหนาที่ตามกฎหมายวาดวยการคุมครองเด็กเพ่ือใหดาํ เนินการคุมครอง สวัสดภิ าพตามกฎหมายนัน้ ในโอกาสแรกท่ีกระทําได แตต อ งภายในเวลาไมเ กิน ๒๔ ชั่วโมง นบั แตเ วลาท่ีเด็กน้ันมาถงึ สถานท่ี ทําการของพนักงานสอบสวนผูรับผิดชอบ และจากมาตรา ๖๙/๑ วรรคทาย ยังกาํ หนดหามมิใหผูเสียหายฟองเด็กอายุ ไมเ กนิ ๑๐ ป เปน คดอี าญาตอศาลใดดวย ๒. ในกรณีเด็กหรือเยาวชนอยูในเกณฑตองดาํ เนินการตามกฎหมายวาดวยการฟนฟูสมรรถภาพผูติดยาเสพติด ใหดําเนินการฟนฟูตามกฎหมายกอน แตหากไมอาจดาํ เนินการฟนฟูไดหรือทาํ การฟนฟูไมสาํ เร็จใหพนักงานสอบสวนหรือ พนกั งานอยั การ นําตวั เดก็ หรอื เยาวชนไปศาลเพอื่ ใหศ าลมคี ําสงั่ เกยี่ วกบั การควบคมุ ตวั และพนกั งานอยั การอาจฟอ งคดภี ายใน ระยะเวลาทกี่ ฎหมายกาํ หนดหรือภายใน ๓๐ วัน นับแตศาลมีคาํ สั่ง (มาตรา ๖๙/๒) á¹Ç·Ò§¡Òû¯ºÔ μÑ ¢Ô ͧà¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตําÃǨ㹡Ò乌 ในเรื่องของหลักเกณฑการคนกรณีที่เด็กหรือเยาวชนผูถูกตองหาวากระทําความผิดนั้น จะใชห ลกั เกณฑท ป่ี ระมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญากําหนดไว เพราะพระราชบญั ญตั ศิ าลเยาวชน และครอบครวั ฯ ไมไ ดบ ัญญตั ิไวเปน พิเศษอยางเชน การจับกมุ ดงั น้ันจงึ ใหนําบทบญั ญตั แิ หงประมวล กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญามาใชบ งั คบั ได เทา ทไ่ี มข ดั หรอื แยง กบั บทบญั ญตั แิ หง พระราชบญั ญตั ิ ศาลเยาวชนและครอบครัว (มาตรา ๖) การคน แยกเปน ๓ ประเภทคอื ๑. การคน ตวั บุคคล ๒. การคนสถานที่ ๓. การคนยานพาหนะ ๑) ¡Ò乌 μÑǺؤ¤Å (๑) การคนตวั บคุ คลผตู อ งสงสัย ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญามาตรา ๙๓ “หา มมใิ หท ําการคน บคุ คลใด ในทสี่ าธารณะเวน แตเ จา พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตํารวจเปน ผคู น ในเมอ่ื มเี หตอุ นั ควรสงสยั วา บคุ คลนนั้ มีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใชในการกระทาํ ความผิด หรือซึ่งไดมาโดยการกระทําความผิด หรอื ซง่ึ มไี วเ ปนความผิด” จากบทบัญญัติดังกลาวเห็นไดวา การคนตัวบุคคลในท่ีสาธารณะเจาพนักงาน ตาํ รวจจะทําการคน ตัวบคุ คลผูตอ งสงสัยไดตอเม่ือ ÁàÕ ËμÍØ ¹Ñ ¤ÇÃʧÊÂÑ วา - บุคคลนัน้ มีสิ่งของในครอบครองเพื่อจะใชใ นการกระทาํ ความผดิ - สงิ่ ของทบ่ี คุ คลนน้ั ครอบครองนนั้ เปน สงิ่ ทไี่ ดม าจากการกระทําความผดิ หรอื มีไวเ ปนความผดิ ขอ สงั เกต ๑. มเี หตอุ นั ควรสงสยั “ตอ งเปน เหตอุ นั ควรสงสยั ” ทมี่ อี ยกู อ นการคน และตอ งมใิ ชข อ สงสยั ทอี่ ยบู นพน้ื ฐานของความรสู กึ ของเจา หนา ทีเ่ พยี งอยางเดยี ว (คําพพิ ากษาฎกี าท่ี ๘๗๒๒/๒๕๕๕)