137 เล่ม ๑๓๓ ตอนท่ี ๑๑ ก หน้า ๖ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ราชกิจจานุเบกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชก้ ฎกระทรวงฉบับนี้ คอื โดยท่ีมาตรา ๖ วรรคหนง่ึ และมาตรา ๒๖/๑๓ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบญั ญตั สิ ง่ เสริมการพัฒนาฝมี อื แรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง แรงงานมีอํานาจออกกฎกระทรวงเพื่อกําหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัติ ดังน้ัน เพ่ือให้ ศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถกลางและศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถท่ีเป็นหน่วยงานของรัฐสามารถ เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการประเมินเพ่ือออกหนังสือรับรองความรู้ความสามารถและการออกใบแทนหนังสือรับรอง ความรู้ความสามารถได้ จงึ จําเป็นตอ้ งออกกฎกระทรวงน้ี
138 เลม่ ๑๓๒ ตอนพเิ ศษ ๑๑๓ ง หนา้ ๙ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ราชกจิ จานุเบกษา ประกาศกระทรวงแรงงาน เรือ่ ง อัตราค่าบรกิ ารของศูนย์ประเมนิ ความรู้ความสามารถตามมาตรา ๒๖/๔ (๒) ทเ่ี ปน็ องค์กรอาชีพ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๒๖/๑๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงกําหนดอัตราค่าบริการ ของศูนยป์ ระเมินความรู้ความสามารถตามมาตรา ๒๖/๔ (๒) ทเี่ ปน็ องคก์ รอาชีพไว้ ดังตอ่ ไปน้ี ใหก้ ําหนดอตั ราคา่ บรกิ าร ดงั ต่อไปน้ี (๑) การประเมินเพื่อออกหนงั สอื รับรองความรู้ความสามารถ ไม่เกินครงั้ ละ ๒,๐๐๐ บาท (๒) ใบแทนหนงั สอื รบั รองความรู้ความสามารถ ฉบบั ละ ๑๐๐ บาท ประกาศ ณ วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงแรงงาน
139 หน้า ๒๘ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๑๑๕ ง ราชกจิ จานุเบกษา ประกาศคณะกรรมการสง่ เสรมิ การพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบตั ิของผู้ประเมิน หลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเง่อื นไขในการยืน่ คาขอขนึ้ ทะเบียน การออกหนังสือรับรองการขึน้ ทะเบยี น การออกใบแทนหนงั สอื รบั รองการขน้ึ ทะเบยี น อายุหนงั สือรบั รองการขึ้นทะเบียนเป็นผูป้ ระเมนิ และแบบบตั รประจาตัวผปู้ ระเมนิ โดยท่ีเป็นการสมควรปรับปรุงประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้ประเมิน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขในการย่ืนคาขอข้ึนทะเบียน การออกหนังสอื รับรองการขนึ้ ทะเบียน การออกใบแทนหนังสือรับรองการข้ึนทะเบียน และอายุหนงั สือ รับรองการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประเมิน และประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรอื่ ง แบบบตั รประจาตัวผู้ประเมินใหเ้ หมาะสมมากขึ้น อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๒๖/๑๑ วรรคสองและวรรคสาม และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสรมิ การพัฒนาฝีมอื แรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนา ฝมี อื แรงงานจึงออกประกาศไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ข้อ ๑ ใหย้ กเลกิ (1) ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้ประเมิน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นคาขอขึ้นทะเบียน การออกหนังสือรับรองการข้ึนทะเบียน การออกใบแทนหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียน และอายุหนังสือรับรองการข้ึนทะเบียนเป็นผู้ประเมิน ลงวนั ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558 (2) ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง แบบบัตรประจาตัวผู้ประเมิน ลงวันท่ี 22 เมษายน พ.ศ. 2558 ขอ้ 2 ผปู้ ระเมินแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดงั นี้ (1) ผปู้ ระเมนิ ระดับ 1 ทาหน้าทป่ี ระเมินผขู้ อหนงั สอื รบั รองความรคู้ วามสามารถ ระดับ 1 (2) ผู้ประเมินระดบั 2 ทาหน้าท่ีประเมินผูข้ อหนงั สือรับรองความรู้ความสามารถ ระดับ 1 และระดบั 2 (3) ผูป้ ระเมนิ ระดบั 3 ทาหน้าที่ประเมนิ ผู้ขอหนงั สอื รับรองความรูค้ วามสามารถไดท้ ุกระดับ ขอ้ 3 ผูป้ ระเมนิ ตอ้ งมอี ายไุ ม่ตา่ กวา่ ย่สี บิ หา้ ปบี รบิ รู ณแ์ ละผา่ นการฝกึ อบรมหลักสูตรการเปน็ ผู้ประเมินตามท่ีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานกาหนด โดยต้องมีคุณสมบัติเกี่ยวกับสาขาท่ีจะเป็นผู้ประเมิน ดังน้ี ก. ผปู้ ระเมนิ ระดับ ๑ ต้องมคี ุณสมบัตอิ ย่างใดอยา่ งหนง่ึ ดังต่อไปน้ี
140 หน้า ๒๙ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑๕ ง ราชกิจจานุเบกษา (1) จบการศึกษาไม่ต่ากว่าระดับปริญญาตรีในสาขาที่เก่ียวข้องกับการประเมินหรือ ในสาขาอื่นที่มีการเรียนวิชาที่เก่ียวข้องกับการประเมินไม่น้อยกว่าหกหน่วยกิต และมีประสบการณ์ การทางานในสาขาทเี่ ก่ยี วข้องกบั การประเมนิ ไม่น้อยกว่าหา้ ปี (2) ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ 1 ในสาขาท่ีจะเป็น ผปู้ ระเมนิ (3) เปน็ ผู้ประกอบกจิ การในสาขาทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั สาขาท่ีจะเปน็ ผูป้ ระเมินไมน่ อ้ ยกว่าห้าปี (4) มปี ระสบการณ์การทางานในสาขาท่เี กย่ี วขอ้ งกับสาขาที่จะเปน็ ผูป้ ระเมินไม่นอ้ ยกวา่ สบิ ปี ข. ผูป้ ระเมินระดับ ๒ ต้องมีคุณสมบตั อิ ย่างใดอย่างหนง่ึ ดงั ต่อไปนี้ (1) จบการศึกษาไม่ต่ากว่าระดับปริญญาตรีในสาขาท่ีเก่ียวข้องกับการประเมินหรือ ในสาขาอื่นที่มีการเรียนวิชาท่ีเก่ียวข้องกับการประเมินไม่น้อยกว่าหกหน่วยกิต และมีประสบการณ์ การทางานในสาขาที่เก่ียวข้องกบั การประเมนิ ไม่นอ้ ยกวา่ เจด็ ปี (2) ผา่ นการทดสอบมาตรฐานฝมี ือแรงงานแหง่ ชาติ ระดับ 2 ในสาขาทจ่ี ะเป็นผ้ปู ระเมิน (3) เปน็ ผ้ปู ระกอบกิจการในสาขาที่เก่ียวขอ้ งกับสาขาทจ่ี ะเป็นผู้ประเมนิ ไมน่ อ้ ยกว่าสิบปี (4) มีประสบการณ์การทางานในสาขาที่เก่ียวข้องกับสาขาที่จะเป็นผู้ประเมินไม่น้อยกว่า สบิ หา้ ปี ค. ผู้ประเมนิ ระดบั ๓ ตอ้ งมีคุณสมบัติอยา่ งใดอย่างหน่งึ ดังตอ่ ไปน้ี (1) จบการศึกษาไม่ต่ากว่าระดับปริญญาตรีในสาขาที่เก่ียวข้องกับการประเมินหรือ ในสาขาอ่ืนท่ีมีการเรียนวิชาที่เก่ียวข้องกับการประเมินไม่น้อยกว่าหกหน่วยกิต และมีประสบการณ์ การทางานในสาขาทีเ่ กีย่ วข้องกับการประเมินไม่นอ้ ยกว่าสิบปี (2) ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ 3 ในสาขาที่จะเป็น ผ้ปู ระเมิน (3) เปน็ ผปู้ ระกอบกจิ การในสาขาทเี่ กีย่ วขอ้ งกับสาขาทจ่ี ะเปน็ ผปู้ ระเมินไมน่ ้อยกว่าสบิ หา้ ปี (4) มีประสบการณ์การทางานในสาขาท่ีเก่ียวข้องกับสาขาท่ีจะเป็นผู้ประเมินไม่น้อยกว่า ยีส่ ิบปี ข้อ 4 บุคคลท่ีประสงค์จะขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประเมินให้ยื่นคาขอต่อนายทะเบียน ตามแบบ คร. ๑๘ ท้ายประกาศน้ี พรอ้ มด้วยเอกสารหรือหลกั ฐานตามทรี่ ะบไุ วใ้ นคาขอนน้ั การย่ืนคาขอตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นด้วยตนเอง ณ หน่วยงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยในกรุงเทพมหานครให้ย่ืน ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร ในจังหวัดอ่ืนใ ห้ยื่น ณ หน่วยงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานท่ีตัง้ อยู่ในจังหวัดน้ัน หรือดว้ ยวธิ กี ารทางอิเล็กทรอนกิ ส์ ตามทกี่ รมพัฒนาฝมี อื แรงงานกาหนด
141 หน้า ๓๐ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๑๑๕ ง ราชกจิ จานเุ บกษา ขอ้ 5 เมื่อได้รับคาขอแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีตรวจสอบคาขอและเอกสารหรือหลักฐาน ท่ีย่ืนพร้อมคาขอให้ถูกต้องครบถ้วน หากเห็นว่าคาขอไม่ถูกต้องหรือยังขาดเอกสารหรือหลักฐานใด ให้คืนเร่ืองแก่ผู้ยื่นคาขอเพื่อไปดาเนินการแก้ไขคาขอให้ถูกต้องหรือนาเอกสารหรือหลักฐานมาย่ืน ใหค้ รบถ้วน เมื่อเห็นวา่ คาขอและเอกสารหรอื หลกั ฐานทีย่ ืน่ พร้อมคาขอถกู ต้องครบถ้วนแล้ว ใหแ้ จ้งผยู้ นื่ คาขอ ไปชาระค่าธรรมเนียมตามท่ีกาหนดไว้ในกฎกระทรวง และให้นายทะเบียนส่ังรับข้ึนทะเบียน และ ออกหนงั สือรับรองการข้ึนทะเบียนเปน็ ผ้ปู ระเมนิ พรอ้ มทงั้ ออกบัตรประจาตวั ผปู้ ระเมนิ ให้แก่ผยู้ ่ืนคาขอ ขอ้ 6 หนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประเมินให้เป็นไปตามแบบ คร. ๑๙ ทา้ ยประกาศน้ี และให้มีอายุห้าปนี ับแตว่ ันที่ออกหนังสอื รบั รอง ขอ้ 7 บัตรประจาตวั ผู้ประเมนิ ให้เปน็ ไปตามแบบ คร. 19/1 ทา้ ยประกาศน้ี และให้ใชไ้ ด้ ตามอายุหนงั สอื รับรองการขึน้ ทะเบียนเป็นผปู้ ระเมิน ข้อ 8 ในการปฏบิ ัติหนา้ ที่ของผปู้ ระเมินต้องแสดงบตั รประจาตวั ผู้ประเมินทกุ คร้งั ขอ้ 9 ในกรณีหนังสือรับรองการข้ึนทะเบียนเป็นผู้ประเมินหรือบัตรประจาตัวผู้ประเมิน ชารุดหรอื สูญหาย ให้ย่ืนคาขอต่อนายทะเบยี นตามแบบ คร. 20 ท้ายประกาศนี้ เพ่ือขอออกใบแทน หนังสือรบั รองการขึน้ ทะเบียนเป็นผูป้ ระเมินหรือขอรับบตั รประจาตัวผู้ประเมิน แล้วแต่กรณี และใหน้ าความ ในข้อ 4 วรรคสองและข้อ 5 มาใช้บงั คบั โดยอนุโลม ใบแทนหนังสือรับรองการข้ึนทะเบียนเป็นผู้ประเมินให้เป็นไปตามแบบ คร. 21 ท้ายประกาศนี้ และใหใ้ ชไ้ ดจ้ นถงึ วนั ที่หนังสอื รับรองการข้ึนทะเบียนเป็นผ้ปู ระเมินหมดอายุ ข้อ 10 หนังสือรับรองการข้ึนทะเบียนเป็นผู้ประเมินที่ได้ออกให้ตามประกาศคณะกรรมการ ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง คุณสมบัติของผู้ประเมิน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการย่ืนคาขอขึ้นทะเบียน การออกหนังสือรับรองการข้ึนทะเบียน การออกใบแทนหนังสือรับรอง การขึ้นทะเบียน และอายุหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประเมิน ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558 ให้ใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะหมดอายุและให้ถือว่าผู้ได้รับหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียน เปน็ ผู้ประเมินดังกลา่ วเป็นผูป้ ระเมิน ระดบั ๑ ตามประกาศน้ี ขอ้ 11 บรรดาคาขอทไ่ี ด้ยื่นไวก้ ่อนวนั ทีป่ ระกาศน้ใี ชบ้ งั คับ ให้ถือว่าเปน็ คาขอตามประกาศน้ี และใหพ้ จิ ารณาดาเนนิ การตามหลักเกณฑ์ที่กาหนดไวใ้ นประกาศน้ี ประกาศ ณ วนั ท่ี 31 มกราคม พ.ศ. ๒๕๖3 สุทธิ สโุ กศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน
142 แบบ คร. 18 คำขอขน้ึ ทะเบยี นเป็นผปู้ ระเมิน สำหรบั เจ้ำหน้ำท่ี เลขท่ี วันทร่ี ับ รปู ถา่ ย ขนาด 1 X 1.5 นิ้ว เขียนท่ี พ.ศ. วนั ท่ี เดอื น เรยี น นายทะเบยี น ข้าพเจ้า เลขประจาตัวประชาชน เกดิ วันท่ี เดอื น พ.ศ. อายุ ปี ถนน ท่อี ยปู่ จั จบุ ันทสี่ ามารถติดตอ่ ได้ เลขที่ หมทู่ ่ี ตรอก/ซอย แขวง/ตาบล เขต/อาเภอ จังหวัด รหสั ไปรษณยี ์ โทรศัพท์มือถือ E-mail มคี วามประสงค์จะขอขึน้ ทะเบยี นเป็นผู้ประเมินในสาขาอาชพี ระดบั สาขา โดยมีคณุ สมบัตใิ นการเป็นผปู้ ระเมิน ดังนี้ 1. มอี ายไุ มต่ ่ากวา่ ยสี่ บิ หา้ ปบี ริบรู ณ์ 2. ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการเปน็ ผปู้ ระเมินเม่ือวันที่ 3. คณุ สมบัติอืน่ (เลือกได้มากกว่า 1 อย่าง) จบการศึกษาไม่ต่ากว่าระดบั ปริญญาตรีในสาขาท่ีเก่ียวข้องกับการประเมินหรือในสาขาอ่ืนท่ีมีการเรียน วิชาท่ีเก่ียวข้องกับการประเมินไม่น้อยกว่าหกหน่วยกิต และมีประสบการณ์การทางานในสาขาที่เก่ียวข้องกับการประเมิน ไม่นอ้ ยกวา่ ปี ผา่ นการทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแหง่ ชาติในสาขาอาชพี สาขา ระดับ ตามหนังสอื รบั รองว่าเปน็ ผ้ผู า่ นการทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงานแห่งชาติ เลขท่ี ลงวนั ท่ี ออกโดย เปน็ ผู้ประกอบกิจการในสาขาท่เี ก่ียวข้องกับการประเมินไมน่ ้อยกว่า ปี มปี ระสบการณก์ ารทางานในสาขาซ่ึงเก่ียวข้องกบั การประเมินไมน่ ้อยกว่า ปี
2 143 ข้าพเจา้ ได้แนบเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณา ดงั นี้ (1) รปู ถา่ ยหน้าตรง ขนาด 1 X 1.5 นิว้ ซง่ึ ถ่ายมาแล้วไม่เกนิ หกเดือน จานวน 3 รูป (2) เอกสารเก่ยี วกับการศกึ ษา (3) เอกสารหรือหลกั ฐานทีแ่ สดงว่าเป็นผู้ประกอบกิจการในสาขาทเ่ี ก่ียวข้องกับสาขาท่ีจะเป็นผู้ประเมนิ (4) เอกสารหรอื หลกั ฐานทแ่ี สดงว่ามีประสบการณก์ ารทางานท่เี กี่ยวข้องกับสาขาทจี่ ะเปน็ ผปู้ ระเมิน (5) เอกสารอนื่ ๆ (โปรดระบุ) ข้าพเจา้ ขอรับรองว่าขอ้ ความดงั กล่าวขา้ งต้นและเอกสารหลกั ฐานทีแ่ นบคาขอถกู ต้องและเปน็ ความจริงทุกประการ ลงชือ่ ผยู้ ่นื คาขอ () สำหรบั เจำ้ หนำ้ ที่ กำรตรวจสอบของเจ้ำหนำ้ ท่ี บนั ทกึ กำรชำระเงิน ได้ตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน ผู้ย่นื คาขอได้ชาระเงินค่าธรรมเนียมแล้ว ตามคาขอ จึงเหน็ ควรขนึ้ ทะเบียนให้แก่ผูย้ ืน่ คาขอ จานวน บาท ( ) ไม่เหน็ ควรขึ้นทะเบียนให้แก่ผ้ยู ื่นคาขอ เนอื่ งจาก ตามใบเสร็จรบั เงนิ เล่มท่ี เลขท่ี ลงวันที่ เดือน พ.ศ. ลงช่อื ลงชือ่ ) () ( พนกั งานเจ้าหนา้ ทีผ่ ตู้ รวจสอบ เจ้าหนา้ ที่การเงิน วันท่ี วนั ท่ี คำสงั่ นำยทะเบยี น ให้ข้ึนทะเบียนเป็นผ้ปู ระเมนิ ให้แกผ่ ู้ยืน่ คาขอ ไมข่ ้ึนทะเบยี นเป็นผ้ปู ระเมินให้แกผ่ ้ยู ื่นคาขอ เนื่องจาก และใหพ้ นักงานเจ้าหน้าท่แี จง้ ผูย้ ่นื คาขอให้ทราบ ลงช่ือ ) ( นายทะเบยี น วนั ท่ี
144 แบบ คร. 19 หนังสอื รับรองกำรขน้ึ ทะเบียนเปน็ ผู้ประเมิน เลขท่ี / ให้ไวเ้ พอ่ื แสดงว่า (ระบชุ ่อื ผูไ้ ดร้ ับการข้นึ ทะเบียนเป็นผ้ปู ระเมิน) ได้ขึ้นทะเบยี นเปน็ ผู้ประเมนิ ตามพระราชบญั ญตั ิสง่ เสรมิ การพัฒนาฝมี อื แรงงาน พ.ศ. 2545 ในสาขาอาชพี สาขา ระดบั หนังสือรบั รองฉบับน้ี ให้ใชไ้ ดจ้ นถึงวันท่ี ให้ไว้ ณ วันที่ ( (ลงช่ือ) ) รปู ถ่าย นายทะเบียน ขนาด1 X 1.5 นิ้ว (ประทับตราช่ือส่วนราชการ กรมพัฒนาฝีมอื แรงงาน ตามขอ้ 72 ของระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรวี ่าดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และทีแ่ กไ้ ขเพม่ิ เติม) (ลงช่อื ) ) ( ผู้ขอขึ้นทะเบียน
แบบบัตรประจาตัวผปู้ ระเมิน 145แบบ คร. 19/1 (ดา้ นหนา้ ) บัตรประจำตวั ผู้ประเมนิ ตามพระราชบัญญัตสิ ่งเสริมการพัฒนาฝมี อื แรงงาน พ.ศ. 2545 5.4 ซม. เลขท่ี ใชไ้ ด้จนถงึ วนั ท่ี 8.4 ซม. (ดา้ นหลงั ) รูปถา่ ย เลขประจาตัวประชาชน 5.4 ซม. ขนาด1 X 1.5 นวิ้ ช่อื -สกลุ สาขาอาชพี สาขา ระดับ ลายมอื ชื่อผูถ้ ือบตั ร () นายทะเบยี น 8.4 ซม. (ประทบั ตราชอื่ สว่ นราชการ กรมพฒั นาฝีมือแรงงาน ตามขอ้ 72 ของระเบียบสานักนายกรฐั มนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และทแี่ กไ้ ขเพม่ิ เตมิ )
146 แบบ คร. 21 ใบแทน หนงั สือรับรองกำรข้ึนทะเบยี นเปน็ ผ้ปู ระเมิน เลขที่ / ให้ไวเ้ พือ่ แสดงวา่ (ระบุชื่อผ้ไู ด้รบั การขึน้ ทะเบยี นเป็นผูป้ ระเมิน) ไดข้ ้ึนทะเบยี นเปน็ ผู้ประเมนิ ตามพระราชบัญญตั สิ ง่ เสรมิ การพัฒนาฝมี อื แรงงาน พ.ศ. 2545 ในสาขาอาชพี สาขา ระดับ ใบแทนหนงั สือรับรองฉบับนี้ ใชไ้ ดจ้ นถึงวนั ที่ ใบแทนให้ไว้ ณ วนั ท่ี ( (ลงช่อื ) ) รูปถา่ ย นายทะเบียน ขนาด1 X 1.5 นิ้ว (ประทับตราช่ือส่วนราชการ กรมพัฒนาฝีมอื แรงงาน ตามขอ้ 72 ของระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรวี ่าดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และทแี่ ก้ไขเพม่ิ เตมิ ) (ลงช่อื ) ) ( ผู้ขอขึ้นทะเบียน หมายเหตุ : ออกแทนหนังสือรบั รอง เลขที่ ลงวันท่ี ซ่งึ มเี หตชุ ารุดหรือสญู หาย ตามคาขอเลขท่ี ลงวันท่ี
คำขอออกใบแทนหนงั สือรบั รองกำรขึ้นทะเบยี นเปน็ ผปู้ ระเมนิ แบบ คร. 21047 หรือขอรบั บตั รประจำตวั ผปู้ ระเมิน กรณชี ำรุดหรือสญู หำย สำหรับเจำ้ หน้ำท่ี เลขที่ วันทีร่ ับ เขยี นที่ พ.ศ. วนั ที่ เดอื น เรยี น นายทะเบียน ข้าพเจา้ เลขประจาตัวประชาชน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประเมิน ในสาขาอาชพี สาขา ระดับ ตามหนงั สอื รบั รองการขึน้ ทะเบยี นเปน็ ผู้ประเมนิ เลขที่ ออกให้ ณ วนั ท่ี ออกโดย มีความประสงค์ ขอออกใบแทนหนงั สือรบั รองการข้นึ ทะเบยี นเป็นผู้ประเมิน ขอรบั บัตรประจาตวั ผู้ประเมิน เพือ่ ใชแ้ ทนหนังสือรับรองการขน้ึ ทะเบียนเป็นผปู้ ระเมิน/บัตรประจาตวั ผู้ประเมินดังกลา่ ว ซง่ึ มเี หตุ ชารดุ สญู หาย ขา้ พเจา้ ได้แนบรูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 1 X 1.5 นว้ิ ซึ่งถ่ายมาแล้วไมเ่ กินหกเดอื น จานวน 3 รูป มาพรอ้ มคาขอนี้ และขอรบั รองว่าข้อความดงั กล่าวขา้ งต้นถกู ต้องและเปน็ ความจริงทุกประการ ลงชื่อ ผยู้ ื่นคาขอ ()
148 2 สำหรบั เจ้ำหน้ำท่ี กำรตรวจสอบของเจำ้ หนำ้ ที่ บนั ทกึ กำรชำระเงนิ ได้ตรวจสอบแล้ว คาขอถูกต้องและได้รับการข้ึนทะเบียน ผู้ย่ืนคาขอไดช้ าระเงินค่าธรรมเนยี มแล้ว เป็นผู้ประเมินจริง จึงเห็นควรออกใบแทนหนังสือรับรอง จานวน บาท ( ) การขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประเมินหรือออกบัตรประจาตัว ตามใบเสรจ็ รบั เงิน เลม่ ที่ เลขที่ ผู้ประเมนิ ให้แกผ่ ู้ยนื่ คาขอ ลงวันที่ ไม่เห็นควรออกใบแทนหนังสอื รับรองการข้ึนทะเบยี น เป็นผู้ประเมินหรือออกบัตรประจาตัวผู้ประเมินให้ผู้ย่ืน คาขอ เน่อื งจาก ลงชื่อ () เจ้าหนา้ ทกี่ ารเงนิ ลงช่อื วนั ที่ () พนักงานเจ้าหนา้ ทผี่ ้ตู รวจสอบ วันท่ี คำสัง่ นำยทะเบียน ใหอ้ อกใบแทนหนังสือรบั รองการขน้ึ ทะเบียนเปน็ ผ้ปู ระเมินหรอื ออกบตั รประจาตวั ผปู้ ระเมนิ ใหแ้ กผ่ ยู้ ื่นคาขอ ไม่ออกใบแทนหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประเมินหรือไม่ออกบัตรประจาตัวผู้ประเมินให้แก่ ผูย้ ืน่ คาขอ เน่อื งจาก และให้พนกั งานเจ้าหน้าทแ่ี จง้ ผูย้ น่ื คาขอให้ทราบ ลงชอ่ื ) ( นายทะเบียน วันที่
149 เลม่ ๑๓๔ ตอนพิเศษ ๑๘๒ ง หน้า ๓ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ราชกจิ จานุเบกษา ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝมี ือแรงงาน วา่ ด้วยค่าตอบแทนและคา่ ใชจ้ า่ ยอนื่ ของผู้ประเมนิ ซงึ่ เป็นเจา้ หน้าที่ของกรมพฒั นาฝมี อื แรงงาน และปฏบิ ัตหิ น้าทใี่ นศนู ย์ประเมนิ ความรู้ความสามารถกลาง พ.ศ. ๒๕๖๐ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๖/๑๒ วรรคสองและมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานโดยความเห็นชอบของ กระทรวงการคลังออกระเบยี บไว้ ดงั ต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วย คา่ ตอบแทนและค่าใช้จ่ายอ่ืนของผู้ประเมินซ่ึงเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานและปฏิบัติหน้าท่ี ในศนู ยป์ ระเมินความรคู้ วามสามารถกลาง พ.ศ. ๒๕๖๐” ข้อ ๒ ค่าตอบแทนของผู้ประเมินซึ่งเป็นเจ้าหน้าท่ีของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานและปฏิบัติหน้าที่ ในศูนย์ประเมินความรคู้ วามสามารถกลาง ให้จ่ายในอัตราวันละหนงึ่ พนั บาท ข้อ ๓ การจ่ายค่าใช้จ่ายอ่ืนสําหรับผู้ประเมินซ่ึงเป็นเจ้าหน้าท่ีของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และปฏิบัติหน้าท่ีในศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถกลาง ให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ท่ีกําหนดใน พระราชกฤษฎกี าคา่ ใชจ้ ่ายในการเดนิ ทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๒๖ และท่แี กไ้ ขเพ่ิมเติม ขอ้ ๔ วิธีปฏิบัติในการเบิกจ่ายค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอ่ืนของผู้ประเมิน ให้ปฏิบัติตาม ระเบียบ ประกาศ ขอ้ บงั คับ คําสงั่ หรอื หนงั สือสงั่ การของทางราชการโดยอนุโลม ขอ้ ๕ ใหอ้ ธิบดกี รมพัฒนาฝมี ือแรงงานรกั ษาการตามระเบียบน้ี ประกาศ ณ วันท่ี ๙ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐ หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการสง่ เสริมการพัฒนาฝมี อื แรงงาน
150
151 หน้า ๓ ๓ สงิ หาคม ๒๕๖๔ เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑๗๕ ง ราชกิจจานุเบกษา ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝมี อื แรงงาน เรือ่ ง หลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารรายงานผลการดาเนนิ งานของศนู ย์ประเมนิ ความรู้ความสามารถ ตามมาตรา 26/4 (2) อาศัยอานาจตามความในมาตรา 26/15 และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติสง่ เสริม การพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานออกประกาศไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการรายงานผลการดาเนินงานของศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถตามมาตรา 26/4 (2) ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558 ข้อ 2 ให้ศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถตามมาตรา 26/4 (2) รายงานผลการดาเนินงาน ใหน้ ายทะเบยี นทราบตามแบบ คร. 22 ท้ายประกาศนี้ โดยใหร้ ายงานภายในวนั ท่ี 10 ของทุกเดือน การรายงานตามวรรคหนงึ่ ให้ดาเนนิ การโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนกิ ส์ของกรมพฒั นาฝมี อื แรงงาน เป็นหลัก ในกรณีที่ไม่สามารถดาเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ให้ดาเนินการต่อหน่วยงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในจังหวัดท่ีเป็นที่ต้ั งของศูนย์ประเมินความรู้ ความสามารถตามมาตรา 26/4 (2) ดงั ต่อไปน้ี (1) ในกรงุ เทพมหานคร ให้ดาเนนิ การ ณ สถาบันพฒั นาฝมี ือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร (2) ในจังหวดั อน่ื ให้ดาเนนิ การ ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานหรอื สานกั งานพฒั นาฝมี อื แรงงาน ทีต่ ง้ั อยใู่ นจังหวัดน้นั ประกาศ ณ วนั ที่ 22 มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๖4 สุทธิ สโุ กศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพฒั นาฝีมือแรงงาน
152 แบบรายงานผลการดาเนินงานของศนู ยป์ ระเม ศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถ ประจาเดอื น สาขาอาชพี ไม่มีผ้เู ข้ารบั การประเมนิ ความรูค้ วามสามารถ มกี ารประเมนิ ความรคู้ วามสามารถ ลาดบั ชอื่ -สกุล เลขประจาตวั ผลการประเมนิ ที่ ประชาชน ผ่าน ไมผ่ ่าน (ลงช ศูนยป์ ระเมนิ ความรู้ความสามารถ วนั ที่ เดอื น
แบบ คร. 22 มนิ ความรู้ความสามารถตามมาตรา ๒๖/๔ (๒) เลขทีห่ นงั สอื รับรอง สาขา น เลขที่หนงั สือ วนั ทอี่ อกหนงั สอื รับรองความรู้ น รบั รองความรู้ ความสามารถ รายชอื่ ผู้ประเมนิ หมายเหตุ ความสามารถ ชอ่ื ) พ.ศ.
153 เลม่ ๑๓๒ ตอนพเิ ศษ ๒๖๙ ง หนา้ ๖ ๒๗ ตลุ าคม ๒๕๕๘ ราชกจิ จานุเบกษา ประกาศกระทรวงแรงงาน เรอ่ื ง กําหนดสาขาอาชีพ ทอี่ าจเป็นอันตรายต่อสาธารณะ ซ่ึงต้องดําเนนิ การโดยผู้ได้รับหนงั สอื รับรองความรู้ความสามารถ โดยท่ีเปน็ การสมควรกาํ หนดสาขาอาชพี ที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะซ่ึงต้องดําเนินการโดย ผู้ได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ เพื่อคุ้มครองป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และประโยชน์สาธารณะ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๗ (๒) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมอื แรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน โดยความเห็นชอบของคณะรฐั มนตรีจึงออกประกาศไว้ ดงั ต่อไปน้ี ขอ้ ๑ ประกาศน้ีเรียกว่า “ประกาศกระทรวงแรงงาน เร่ือง กําหนดสาขาอาชีพที่อาจ เป็นอนั ตรายตอ่ สาธารณะซึง่ ตอ้ งดําเนนิ การโดยผไู้ ดร้ ับหนังสือรับรองความร้คู วามสามารถ” ขอ้ ๒ ประกาศน้ีให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดสามร้อยหกสิบห้าวันนับแต่วันประกาศ ในราชกิจจานเุ บกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ กําหนดใหส้ าขาอาชีพชา่ งไฟฟา้ อิเลก็ ทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ เฉพาะสาขาช่างไฟฟ้า ภายในอาคาร เป็นสาขาอาชีพที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะซ่ึงต้องดําเนินการโดยผู้ได้รับหนังสือรับรอง ความรคู้ วามสามารถตามกฎหมายว่าดว้ ยการส่งเสริมการพัฒนาฝมี อื แรงงาน ประกาศ ณ วันท่ี ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ พลเอก ศริ ชิ ัย ดษิ ฐกลุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
154 เล่ม ๑๓๘ ตอนพเิ ศษ ๑๑ ง หน้า ๓๖ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๔ ราชกจิ จานุเบกษา ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมอื แรงงาน เรื่อง จาแนกและกาหนดระดบั ความรคู้ วามสามารถ และกาหนดชว่ งอตั ราค่าจ้างท่เี หมาะสม กบั ระดับความรคู้ วามสามารถของผปู้ ระกอบอาชีพ สาขาอาชพี ชา่ งไฟฟ้า อเิ ลก็ ทรอนิกสแ์ ละคอมพวิ เตอร์ สาขาช่างไฟฟา้ ภายในอาคาร อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๓๙ (๓) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสรมิ การพฒั นา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญตั ิส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการสง่ เสรมิ การพฒั นาฝมี อื แรงงานออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง จาแนกและ กาหนดระดบั ความรคู้ วามสามารถ และกาหนดชว่ งอตั ราคา่ จ้างทีเ่ หมาะสมกับระดบั ความรู้ความสามารถ ของผู้ประกอบอาชีพ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ เฉพาะสาขาช่างไฟฟ้า ภายในอาคาร ลงวนั ที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๒ ในประกาศน้ี ผู้ประกอบอาชีพ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร หมายถึง ผู้ปฏิบัติงานติดต้ัง รื้อถอน ย้าย เปลี่ยน ตรวจสอบ แก้ไขปัญหาข้อขัดข้องเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์ตัดตอน เดินสายไฟฟ้าด้วยเข็มขัดรัดสาย เดินทอ่ ร้อยสาย เดินรางเคเบลิ การต่อตัวนา บารงุ รักษาอปุ กรณไ์ ฟฟา้ สายไฟฟา้ ประมาณราคา และ รา่ งแผนภาพทางไฟฟ้า สาหรับระบบไฟฟ้า ๑ เฟส หรือ 3 เฟส ซ่ึงมีแรงดันไฟฟา้ กระแสสลบั ไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐ โวลต์ หรือแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงไม่เกิน ๑,๕๐๐ โวลต์ ทั้งภายในอาคารและภายนอกอาคาร ซ่ึงต่อขยายจากหม้อแปลงไฟฟ้าแรงดันต่า หรือมิเตอร์วัดไฟฟ้าถึงจุดจ่ายไฟฟ้าไม่ว่าจะติดต้ังถาวร หรอื ชวั่ คราว ทงั้ นี้ ไมร่ วมถึงการตอ่ วงจรไฟฟา้ ภายในบริภณั ฑ์ไฟฟา้ ขอ้ ๓ จาแนกและกาหนดระดบั ความรคู้ วามสามารถของผู้ประกอบอาชพี สาขาอาชีพชา่ งไฟฟ้า อเิ ล็กทรอนิกส์และคอมพวิ เตอร์ สาขาชา่ งไฟฟ้าภายในอาคาร ออกเปน็ ๒ ระดบั ดังน้ี (1) ระดับ ๑ หมายถึง ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ๑ เฟส ทั้งน้ี ระดับความรู้ ความสามารถให้เป็นไปตามที่กาหนดไว้ในมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อเิ ล็กทรอนกิ ส์และคอมพวิ เตอร์ สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ ๑ (2) ระดับ ๒ หมายถึง ผู้ปฏิบัติงานเก่ียวกับระบบไฟฟ้า ๑ เฟส หรือ ๓ เฟส ท้ังน้ี ระดับความรู้ความสามารถให้เป็นไปตามท่ีกาหนดไว้ในมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกสแ์ ละคอมพวิ เตอร์ สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ ๒ ข้อ ๔ ช่วงอัตราค่าจ้างท่ีเหมาะสมกับระดับความรู้ความสามารถของผู้ประกอบอาชีพ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์และคอมพวิ เตอร์ สาขาช่างไฟฟา้ ภายในอาคาร เปน็ ดงั นี้ (๑) ระดับ ๑ วันละ ๔๕๐ บาท ถงึ ๕๕๐ บาท (๒) ระดบั ๒ วนั ละ ๕๕๐ บาทขนึ้ ไป
155 เล่ม ๑๓๘ ตอนพเิ ศษ ๑๑ ง หน้า ๓๗ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๔ ราชกิจจานเุ บกษา ทงั้ น้ี ในการจ้างงานนายจา้ งลกู จา้ งสามารถตกลงให้ค่าจา้ งสงู กวา่ ช่วงอตั ราคา่ จ้างตามทก่ี าหนด ไว้ใน (๑) ได้ ข้อ ๕ หนังสือรับรองความรู้ความสามารถท่ีออกให้แก่ผู้ผ่านการประเมินในสาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนกิ ส์และคอมพิวเตอร์ สาขาชา่ งไฟฟ้าภายในอาคาร กอ่ นวนั ทปี่ ระกาศนใี้ ชบ้ ังคบั ใหใ้ ช้ไดต้ อ่ ไป จนกว่าจะหมดอายุ และให้ถือว่าเป็นผู้ได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนกิ ส์และคอมพิวเตอร์ สาขาชา่ งไฟฟา้ ภายในอาคาร ระดับ ๑ หรือระดับ ๒ ตามประกาศนี้ แลว้ แต่กรณี ประกาศ ณ วนั ท่ี 26 ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖3 สทุ ธิ สโุ กศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการสง่ เสรมิ การพัฒนาฝมี ือแรงงาน
156 หน้า ๗ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๑๐ ง ราชกิจจานเุ บกษา ระเบียบคณะกรรมการสง่ เสริมการพัฒนาฝมี อื แรงงาน วา่ ดว้ ยการรับเงนิ การจา่ ยเงิน การเกบ็ รักษาเงิน และการบรหิ ารกองทนุ พฒั นาฝมี ือแรงงาน พ.ศ. 2562 โดยท่ีเป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการบริหารกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2547 ให้สอดคล้องกบั พระราชบญั ญตั กิ ารบรหิ ารทนุ หมุนเวยี น พ.ศ. ๒๕๕๘ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๒๗ วรรคส่ี แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง จงึ วางระเบียบไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ข้อ ๑ ระเบียบน้ีเรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าดว้ ยการรับเงิน การจา่ ยเงิน การเกบ็ รักษาเงิน และการบรหิ ารกองทุนพัฒนาฝมี อื แรงงาน พ.ศ. 2562” ข้อ ๒ ระเบียบนใี้ หใ้ ชบ้ ังคบั ต้ังแตว่ ันถัดจากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป ขอ้ ๓ ใหย้ กเลกิ (๑) ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรกั ษาเงิน และการบรหิ ารกองทุนพฒั นาฝมี ือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๗ (๒) ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงนิ และการบริหารกองทนุ พฒั นาฝมี ือแรงงาน (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ 4 ในระเบยี บนี้ “กองทนุ ” หมายความวา่ กองทนุ พฒั นาฝมี อื แรงงาน “เงินก้ยู ืม” หมายความวา่ เงนิ กู้ยมื กองทุนพฒั นาฝมี อื แรงงาน “เงนิ สมทบ” หมายความวา่ เงนิ สมทบกองทนุ พัฒนาฝีมอื แรงงาน “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการสง่ เสรมิ การพฒั นาฝีมือแรงงาน “หน่วยงาน” หมายความว่า สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน สานักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือหน่วยงานในสงั กดั กรมพัฒนาฝมี อื แรงงานทมี่ ีการรบั หรอื จา่ ยเงนิ กองทุนตามระเบยี บนี้ “หนว่ ยบริการ” หมายความวา่ ธนาคาร หรอื องค์กรบรกิ ารทงั้ ภาครฐั และเอกชนทีก่ รมพฒั นา ฝีมอื แรงงานไดต้ กลงรับเป็นหน่วยบรกิ าร เพือ่ ดาเนินการรบั หรือจา่ ยเงินกองทนุ ตามระเบยี บนี้
157 หน้า ๘ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๒๑๐ ง ราชกิจจานเุ บกษา ข้อ 5 วิธีปฏิบัติอ่ืนใดที่มิได้กาหนดไว้ในระเบียบน้ี ให้นาระเบียบของทางราชการ มาใช้บังคับ โดยอนุโลม หากไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการได้ ให้ขอทาความตกลงกบั กระทรวงการคลงั เปน็ กรณีไป ขอ้ 6 ให้ปลัดกระทรวงแรงงานรักษาการตามระเบยี บนี้ หมวด ๑ หลกั ท่วั ไป ขอ้ 7 กองทุนมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนสาหรับใช้จ่ายเก่ียวกับการส่งเสริม การพัฒนาฝีมอื แรงงาน ข้อ 8 กองทุนประกอบด้วย (๑) เงินที่โอนมาจากเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานท่ีจัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี และดาเนินการบริหารกองทุนตามระเบียบกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมว่าด้วยกองทุนพัฒนา ฝมี ือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๙ (๒) เงินอดุ หนุนท่รี ัฐบาลจัดสรรให้ (๓) เงนิ สมทบทผี่ ู้ประกอบกจิ การสง่ เข้ากองทุน (4) ค่าธรรมเนียมหรือค่าทดสอบที่จัดเก็บได้ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 (5) เงินและหรอื ทรัพย์สนิ ทม่ี ผี บู้ รจิ าคใหก้ องทนุ (6) ดอกผลหรือผลประโยชนท์ ี่เกดิ จากกองทนุ (7) เงินและหรอื ทรัพยส์ นิ ทีต่ กเป็นของกองทุนนอกจาก (๑) ถึง (6) ท่กี องทุนไดร้ ับไม่ว่ากรณีใด หมวด 2 การรบั เงนิ การจา่ ยเงนิ และการเก็บรกั ษาเงิน ข้อ 9 ให้กรมพฒั นาฝมี ือแรงงานนาเงินของกองทุนฝากกระทรวงการคลัง โดยใหเ้ ปิดบัญชเี งนิ ฝาก ไว้ท่ีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง หรือสานักงานคลังจังหวัด แล้วแต่กรณี ช่ือบัญชี “กองทุนพัฒนา ฝีมือแรงงาน” เพอ่ื ฝากเงนิ ของกองทุน และห้ามมใิ ห้นาเงินไปใชจ้ ่ายก่อนส่งเข้าบญั ชเี งนิ ฝาก ในกรณีท่ีมีความจาเป็น กรมพัฒนาฝีมือแรงงานอาจขอเปิดบัญชีเงินฝากไว้ ณ ธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารท่ีเป็นรฐั วสิ าหกิจ หรือธนาคารท่เี ปน็ สถาบนั การเงนิ เฉพาะกจิ ของรัฐ ในชื่อบัญชี “กองทนุ พฒั นา ฝีมือแรงงาน” เพื่อไว้ใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์หรือเพ่ือรับรายรับของกองทุนภายในวงเงินและเงื่อนไข ท่ีคณะกรรมการกาหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลงั ขอ้ 10 ให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานนาเงินที่กองทุนได้รับฝากกระทรวงการคลัง โดยส่งเข้า บัญชีเงินฝากตามขอ้ 9 วรรคหนึง่ ภายในสามวันทาการนับแต่วนั ท่ีไดร้ บั เงิน
158 หน้า ๙ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๑๐ ง ราชกจิ จานุเบกษา ข้อ 11 การรบั เงินของกองทุนใหร้ ับได้ ดงั นี้ (๑) กรณกี รมพัฒนาฝมี อื แรงงานหรือหน่วยงานเป็นผ้รู ับ ให้รับได้เปน็ เงินสด เชค็ หรือธนาณตั ิ (๒) กรณหี นว่ ยบริการเป็นผู้รับ ให้รับได้ตามเงื่อนไขทตี่ กลงไว้กับกรมพัฒนาฝมี อื แรงงาน ขอ้ 12 เช็คทจี่ ะรับตามขอ้ 11 ต้องมลี ักษณะและเงอื่ นไข ดงั นี้ (๑) เปน็ เชค็ ของธนาคารและตอ้ งมใิ ชเ่ ช็คโอนสลักหลงั (๒) เป็นเชค็ ทม่ี ีรายการครบถว้ นตามมาตรา ๙๘๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ (๓) เป็นเช็คที่ลงวันที่ในวันที่นาเช็คนั้นมาชาระหรือเป็นเช็คที่ลงวันที่ก่อนวันท่ีนาเช็คนั้นมาชาระ ไมเ่ กินเจด็ วนั (๔) เป็นเชค็ ขีดคร่อมสั่งจ่ายกองทนุ พัฒนาฝมี อื แรงงาน และขดี ฆา่ คาว่า “หรอื ผู้ถอื ” ออก ขอ้ 13 การจ่ายเงินกองทุนใหจ้ ่ายได้ ในกรณีดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) จา่ ยเป็นเงนิ กู้ยืมใหแ้ กผ่ รู้ บั การฝึก (๒) จ่ายเป็นเงินกู้ยืมให้แก่ผู้ดาเนินการฝึก หรือผู้ดาเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน หรือผปู้ ระกอบกจิ การ (๓) จ่ายเป็นเงินชว่ ยเหลอื หรืออดุ หนนุ ตามหลักเกณฑท์ ่ีคณะกรรมการประกาศกาหนด (๔) จ่ายเปน็ คา่ ใช้จ่ายในการบรหิ ารกองทนุ ข้อ 14 การจ่ายเงิน ให้จา่ ยโดยวธิ กี าร ดงั ต่อไปน้ี (๑) จา่ ยเป็นเชค็ (๒) จ่ายทางหน่วยบรกิ ารตามเง่อื นไขท่ตี กลงไวก้ ับกรมพฒั นาฝีมอื แรงงาน ขอ้ 15 การจา่ ยเงินตามข้อ 13 ใหบ้ ุคคลดงั ต่อไปน้ี เป็นผมู้ ีอานาจอนมุ ตั จิ า่ ยเงนิ (๑) อธิบดีหรือผู้ซ่ึงอธิบดีมอบหมายท่ีดารงตาแหน่งประเภทอานวยการระดับสูงหรืออานวยการ ระดบั ต้นหรอื ประเภทวิชาการระดับชานาญการพิเศษ สาหรับกรณีกรมพฒั นาฝมี อื แรงงานเป็นผ้จู ่าย (๒) ผู้อานวยการหน่วยงาน สาหรับกรณีหน่วยงานเป็นผู้จ่าย ข้อ 16 การออกเชค็ ใหก้ ระทา ดงั นี้ (๑) กรณีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นผู้สั่งจ่าย ต้องมีผู้ลงลายมือชื่อในเช็คร่วมกันสองฝ่าย ฝ่ายละหนึ่งคน ได้แก่ อธิบดีหรือรองอธิบดี ฝ่ายหนึ่ง กับผู้อานวยการกองส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งดารงตาแหน่งประเภทวิชาการไม่ต่ากว่าระดับชานาญการพิเศษ ท่ีปฏบิ ตั ริ าชการ ณ กองสง่ เสรมิ การพัฒนาฝีมือแรงงาน อีกฝา่ ยหนง่ึ (๒) กรณีหน่วยงานเป็นผู้สั่งจ่าย ต้องมีผู้ลงลายมือช่ือในเช็คร่วมกันสองฝ่าย ฝ่ายละหนึ่งคน ได้แก่ ผู้อานวยการหน่วยงานหรือข้าราชการพลเรือนสามัญซ่ึงดารงตาแหน่งประเภทวิชาการไม่ต่ากว่า ระดับชานาญการพิเศษท่ีปฏิบัติราชการ ณ หน่วยงานนั้น ฝ่ายหน่ึง กับข้าราชการพลเรือนสามัญ ซึ่งดารงตาแหน่งประเภทวิชาการไม่ต่ากว่าระดับปฏิ บัติการหรือประเภททั่วไประดับชานาญงาน ทีป่ ฏบิ ตั ริ าชการ ณ หนว่ ยงานนัน้ อีกฝา่ ยหนึง่
159 หน้า ๑๐ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๒๑๐ ง ราชกจิ จานเุ บกษา ข้อ 17 การรับหรือการจ่ายเงินทุกคร้ังให้มีหลักฐานการรับหรือการจ่ายเงิน และให้ กรมพัฒนาฝมี อื แรงงาน หรือหน่วยงานเก็บไว้ เพือ่ ใหส้ านกั งานการตรวจเงนิ แผน่ ดินตรวจสอบ หมวด 3 การบริหารกองทุน ขอ้ 18 ให้มีคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ประกอบด้วย อธิบดี กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นประธานอนุกรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนสานักงบประมาณ และผู้แทนกรมพัฒนาฝีมือแรงงานท่ีอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานมอบหมาย เป็นอนุกรรมการ และอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจานวนไม่เกินสามคนซึ่งประธานอนุกรรมการแต่งตั้งโดยความเห็นชอบ ของกระทรวงการคลัง จากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ด้านการเงิน เศรษฐศาสตร์ การลงทนุ กฎหมาย หรือดา้ นอ่นื ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง ให้ผู้บริหารกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานซ่ึงคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน แตง่ ต้ังเป็นอนุกรรมการและเลขานุการ ข้อ 19 อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ต้องไม่เป็นผู้ประกอบกิจการที่ขัดหรือแย้งกับวัตถุประสงค์ของกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ต้องมีคุณสมบัติ และไมม่ ีลกั ษณะตอ้ งหา้ ม ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) มีสัญชาตไิ ทย (๒) มีอายุไม่เกนิ หกสิบห้าปบี ริบรู ณ์ (3) ไมเ่ ป็นบุคคลลม้ ละลาย คนไร้ความสามารถ หรอื คนเสมือนไรค้ วามสามารถ (4) ไม่เคยได้รับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุก เว้นแต่เป็นโทษสาหรับความผิด ทีไ่ ดก้ ระทาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (5) ไม่เคยถูกลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากงาน เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือประพฤติชว่ั อย่างร้ายแรง (6) ไม่เป็นผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถ่ิน หรือกรรมการหรือผู้ดารงตาแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมือง ที่ปรึกษาพรรคการเมือง หรือเจา้ หน้าที่ของพรรคการเมือง (7) ไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการดาเนินงานของกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ไม่ว่าโดยตรง หรือโดยออ้ ม ข้อ 20 อนุกรรมการผทู้ รงคุณวฒุ มิ ีวาระการดารงตาแหน่งคราวละส่ปี ี ในกรณีท่ีอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตาแหน่งก่อนวาระ ให้ผู้ได้รับแต่งต้ังแทนตาแหน่ง ทวี่ า่ งอยใู่ นตาแหน่งเท่ากับวาระทเ่ี หลืออยขู่ องอนุกรรมการซง่ึ ไดแ้ ต่งตั้งไวแ้ ลว้
160 หน้า ๑๑ ๒๓ สงิ หาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๒๑๐ ง ราชกจิ จานุเบกษา เม่ือครบกาหนดตามวาระในวรรคหน่ึง หากยังมิได้มีการแต่งต้ังอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิข้ึนใหม่ ให้อนุกรรมการซ่ึงพ้นจากตาแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตาแหน่งเพื่อดาเนินงานต่อไปจนกว่าอนุกรรมการ ซึ่งไดร้ บั แตง่ ต้ังใหมเ่ ข้ารับหนา้ ที่ อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตาแหน่งตามวาระ อาจได้รับแต่งต้ังอีกได้แต่จะดารงตาแหน่ง ตดิ ตอ่ กันเกินสองวาระไมไ่ ด้ ข้อ 21 นอกจากการพ้นจากตาแหน่งตามวาระ อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการ บริหารกองทุนพัฒนาฝีมอื แรงงาน พ้นจากตาแหน่งเมื่อ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ประธานอนกุ รรมการใหอ้ อกโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลงั เพราะบกพร่องต่อหนา้ ที่ มคี วามประพฤตเิ ส่อื มเสยี หรอื หยอ่ นความสามารถ (๔) ขาดคณุ สมบัตหิ รอื มลี ักษณะต้องห้ามตามข้อ 19 ข้อ 22 คณะอนุกรรมการบรหิ ารกองทุนพัฒนาฝีมอื แรงงานมีอานาจหน้าท่ี ดังตอ่ ไปนี้ (๑) กาหนดนโยบาย กากับดูแลการบริหารจัดการ และติดตามการดาเนินงานให้เป็นไป ตามวัตถปุ ระสงค์ของกองทนุ พฒั นาฝีมือแรงงาน (๒) กาหนดข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานบุคคล การเงิน การพัสดุ ตลอดจนการกาหนด ค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์หรือสวัสดิการต่าง ๆ ของผู้บริหารกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน พนักงาน และลูกจ้าง ให้สอดคล้องกับมาตรฐานท่ีคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนตามกฎหมาย ว่าดว้ ยการบริหารทนุ หมุนเวยี นกาหนด (๓) พิจารณาอนมุ ัตแิ ผนการดาเนินงานประจาปี (๔) แต่งตงั้ ผ้บู รหิ ารกองทุนพฒั นาฝมี ือแรงงาน (5) ปฏิบัติการอื่นใดตามท่ีกฎหมายกาหนดให้เป็นอานาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร ทุนหมุนเวียนตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารทุนหมุนเวียนหรือตามท่ีคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนา ฝีมอื แรงงานมอบหมาย ข้อ 23 ให้ผู้บริหารทุนหมุนเวียนจัดทาแผนการดาเนินงานประจาปี ตามแบบท่ี กระทรวงการคลังกาหนด ซ่ึงอย่างน้อยต้องประกอบด้วย ผลการดาเนินงานของปีท่ีผ่านมา แผนการปฏิบัติงาน ประมาณการรายรับประจาปี ประมาณการรายจ่ายประจาปี และประมาณการ กระแสเงินสด เพื่อนาเสนอคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานพิจารณาอนุมัติ ก่อนเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการ อย่างน้อยหกสิบวัน ก่อนวันเร่ิมต้นปีงบประมาณของทกุ ปี และให้ส่งกระทรวงการคลังอย่างน้อยสามสิบวันก่อนวันเริ่มต้นปีงบประมาณของทุกปี เพ่ือใช้ ประกอบการกากบั ดูแล การบริหารทุนหมุนเวียนและติดตามการประเมนิ ผลการดาเนนิ งาน
หน้า ๑๒ 161 เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๒๑๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ๒๓ สงิ หาคม ๒๕๖๒ หมวด 4 การบญั ชแี ละตรวจสอบ ข้อ 24 ให้กรมพัฒนาฝีมอื แรงงานจดั ทาบัญชแี ละรายงานการเงินของกองทุน ใหส้ อดคล้องกับ มาตรฐานการจัดทาบัญชีภาครัฐท่ีกระทรวงการคลังกาหนด โดยสามารถพิจารณากาหนดให้หน่วยงาน จัดทาบัญชีและรายงานการเงนิ ให้สอดคล้องกับหลักการและนโยบายบัญชีที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานกาหนด และสง่ ใหส้ านักงานการตรวจเงินแผ่นดินภายในหกสบิ วันนับแตว่ ันส้นิ ปีบัญชี ให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานนาส่งรายงานทางการเงินพร้อมด้วยรายงานการสอบบัญชี ของสานักงานการตรวจเงินแผ่นดินต่อกระทรวงการคลังภายใน สามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับรายงาน จากสานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ข้อ 25 เพ่ือประโยชน์ในการจัดทารายงานการเงินในภาพรวมของแผ่นดิน ให้กรมพัฒนา ฝีมือแรงงานจัดส่งข้อมูลทางบัญชีของกองทุนเข้าสู่ระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ (GFMIS) ท่ีถกู ตอ้ งและเป็นปจั จบุ ัน ตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารที่กรมบัญชกี ลางกาหนด ข้อ 26 ให้มีระบบการตรวจสอบภายในเพื่อตรวจสอบการดาเนินงานต่าง ๆ ของกองทุน ตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการตรวจสอบภายในสาหรับหนว่ ยงานของรัฐ หรือมาตรฐานสากล การปฏิบัติงานวชิ าชพี การตรวจสอบภายใน และรายงานผลการตรวจสอบให้อธบิ ดีทราบอยา่ งนอ้ ยปลี ะคร้ัง บทเฉพาะกาล ข้อ 27 ในวาระเร่ิมแรก ให้ผู้อานวยการกองส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมพัฒนา ฝีมือแรงงาน ปฏิบัติหน้าที่ผู้บริหารกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานไปพลางก่อนจนกว่าคณะอนุกรรมการ บรหิ ารกองทนุ พฒั นาฝีมือแรงงานจะไดแ้ ตง่ ต้งั ผ้บู ริหารกองทนุ พฒั นาฝมี ือแรงงาน ข้อ 28 บรรดาประกาศ แนวปฏิบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ หรือคาส่ังท่ีออกตามระเบียบ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการบริหารกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2547 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวนั ท่ี ระเบียบนี้ใชบ้ ังคับ ให้ยงั คงใช้บงั คบั ไดต้ อ่ ไปเพียงเท่าท่ไี มข่ ัดหรือแยง้ กับระเบียบนี้ จนกว่าจะมีประกาศ แนวปฏิบัติ หลักเกณฑ์ วธิ กี าร หรือคาสัง่ ที่ออกตามระเบยี บนใี้ ช้บังคบั ประกาศ ณ วนั ท่ี 15 สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕62 สทุ ธิ สโุ กศล ปลดั กระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสรมิ การพัฒนาฝีมอื แรงงาน
162 สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ระเบยี บคณสะํากนรกั รงมานกคารณสะง่กเรสรรมมิ กกาารรกพฤษฒั ฎนกี าาฝีมอื แรงงาน สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า วา่ ด้วยการใหก้ ู้ยมื เงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกาพ.ศ. ๒๕๕๑สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๘ วรรคสอง และมาตรา ๓๙ (๓) แห่ง พระราชบัญญสัตําิสน่งกั เงสารนิมคกณาะรกพรรัฒมนกาารฝกีมฤือษแฎรีกงางาน พ.ศ. ๒๕สํา๔น๕ักงคานณคะณกะรกรรมรกมากรารสก่งฤเสษรฎิมกี กาารพัฒนาฝีมือ สาํ นักงานแครงณงะากนรโรดมยกคาวรกามฤษเหฎน็ ีกชาอบของกระทสรําวนงกั กงาานรคคลณังะกจรงึ รอมอกการรกะฤเบษยี ฎบีกไาว้ ดังต่อไปน้ี สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานขกั ้องาน๑คณระะกเบรรยี มบกนาีเ้รรกียฤกษวฎา่ กี “าระเบียบคณะสกํานรกัรงมากนาครณสะ่งกเสรรรมิมกกาารรกพฤัฒษฎนีกาาฝีมือแรงงานว่า ดว้ ยการใหก้ ้ยู ืมเงินกองทุนพฒั นาฝมี อื แรงงาน พ.ศ. ๒๕๕๑” สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ข้อ ๒๑ ระเบียบนี้ให้บังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็น ตน้ ไป สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษขฎ้อีก๓า ให้ยกเลิกรสะําเนบกั ียงาบนคคณณะะกกรรรรมมกกาารรกสฤ่งษเฎสกี ราิมการพัฒนาฝสีมาํ ือนแักงรางนงคาณนวะก่าดรร้วมยกกาารรกฤษฎกี า ให้ก้ยู มื เงนิ กองทุนพัฒนาฝมี ือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๗ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษขฎอ้ กี ๔า บรรดาระเสบําียนบกั งขา้อนบคณังคะับกรแรมลกะาครํากสฤั่งษอฎื่นกี ใาด ในส่วนท่ีกําสหาํ นนักดงไาวน้แคลณ้วะในกรรระมเบกาียรบกฤษฎีกา นี้ หรือซ่งึ ขัดหรือแยง้ กับระเบยี บนี้ ให้ใชร้ ะเบียบนีแ้ ทน สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ข้อ ๕ ให้ประธานกรรมการส่งเสริมการพฒั นาฝมี อื แรงงานรักษาการตามระเบียบน้ี สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หมวด ๑ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ความทวั่ ไป สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ขอ้ ๖ กองทนุ อาจใหก้ ยู้ มื เงินเพื่อใช้จา่ ยเกี่ยวกับการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน แกผ่ มู้ ีสิทธิกู้ยืมสเํางนินกั กงอานงทคณนุ ะดกงัรตรม่อกไปารนก้ี ฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษ(๑ฎ)ีกผา ูร้ ับการฝึก สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า (๒) ผดู้ ําเนนิ การฝกึ สําน(กั ๓ง)านผคดู้ ณาํ เะนกนิ รรกมากราทรดกสฤอษบฎมีกาาตรฐานฝีมอื แสรํางนงกั างนานคณะกรรมการกฤษฎีกา (๔) ผปู้ ระกอบกิจการ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ข้อ ๗๒ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการข้ึนคณะหนึ่งไม่น้อยกว่าห้าคน แตไ่ ม่เกนิ เกา้ คสนําเนพักื่องพานจิ คาณรณะการอรนมุมกาัตริกกาฤรษใฎหกีก้ ายู้ ืมเงนิ ตามขอ้ สํา๖นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๑ ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ ๑๒๕/ตอนพิเศษ ๘๗ ง/หน้า ๓/๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑
163- ๒ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกขฤ้อษ๘ฎีกาการพิจารณาสใําหน้กกั ู้ยงืมานเงคินณกะอกงรทรมุนกตา้อรกงฤคษําฎนีกึงถา ึงสถานะทางสกาํ านรักเงงาินนขคอณงะกกอรงรทมกุนารกฤษฎีกา ความจาํ เปน็ และเหมาะสมในการกยู้ มื เงนิ รวมท้งั ประโยชน์ในการพัฒนาฝีมอื แรงงาน สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา หมวด ๒ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หสําลนักกั เกงาณนคฑณก์ ะากรใรหรมก้ กู้ยาืมรเกงฤนิ ษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกขฤ้อษ๙ฎ๓กี าผทู้ ่ีจะขอกู้ยืมสําเงนนิ กั จงาานกคกณอะงกทรุนรตมอ้กงามรกีคฤณุ ษสฎมีกบา ัติ ดงั ตอ่ ไปนสี้ าํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีผ้รู ับการฝึก ส(๑าํ น)ักมงีสานัญคชณาะตกไิ รทรยมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (๒) มอี ายุตั้งแต่สบิ หา้ ปบี ริบูรณ์ แต่ไม่เกนิ ห้าสบิ หา้ ปี สํานักงานคณะกรรมการก(๓ฤ)ษไฎมีก่เาปน็ บุคคลล้มลสะําลนาักยงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (๔) มีรายไดไ้ ม่เกินเดอื นละหนง่ึ หมืน่ หา้ พันบาท ส(๕ําน)กั ไงมา่เนปค็นณละูกกหรรนมข้ี กอางรกกอฤงษทฎนุกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีผู้ดําเนินการฝึก ผู้ดําเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน หรือผู้ประกอบ สํานักกงิจานกคาณร ะตก้อรงรเมปก็นารบกุคฤคษลฎธีกรารมดาหรือเปส็นํานนิตักิบงาุคนคคลณทะ่ีมกีสรรัญมชกาารตกิไฤทษยฎไีกมา่เป็นบุคคลล้มสลาํ นะลักงาายนคแณละะกไมรร่เปมก็นารกฤษฎกี า ลูกหนีข้ องกองทนุ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกขฤอ้ ษ๑ฎ๐กี า ผู้กู้ยืมเงนิ ตอ้สงําปนักฏงบิ าัตนติคณามะเกงร่ือรนมไกขาใรนกกฤาษรฎกกี ู้ยาืมเงิน ดังตอ่ ไปสาํนน้ี ักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า (๑) ตอ้ งไมน่ ําเงินทไี่ ด้รับจากการกยู้ ืมเงินไปใชผ้ ิดวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในสัญญา กยู้ มื เงิน สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า (๒) กรณีเป็นผู้รับการฝึก หรือผู้ดําเนินการฝึก จะต้องเข้ารับการฝึกอบรมหรือ สาํ นกั ดงาําเนนคินณกะากรรฝรกึมอกาบรรกมฤใษหฎ้คกี ราบตามระยะเวสลําานทกั ีก่งาาํ นหคนณดะไกวรใ้ รนมหกลากัรกสฤตู ษรฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สขํา้อนัก๑งา๑น๔คณผะู้ปกรรระมสกงาครก์จฤะษขฎอีกกาู้ยืมเงินกองทสุํานนักใหงา้ยน่ืนคณคําะกขรอรกมู้ยกืมารเกงฤินษตฎาีกมาแบบที่กรม พฒั นาฝมี ือแรงงานกําหนดต่อหนว่ ยงานของกรมพัฒนาฝมี ือแรงงานทตี่ ั้งอยใู่ นจังหวัดที่สถานท่ีฝึกหรือ สํานักสงถานานคณประกะรกรอมบกการิจกกฤาษรฎทกี่ดี าําเนนิ การฝึกอสบํารนมกั งหานรคือณสถะการนรทมีท่ กดารสกอฤบษมฎากี ตารฐานฝีมือแรงสงาํ านนักตงา้ังนอคยณู่ ะกรรมการกฤษฎกี า สกาํ านรกั ยงื่นานคคําณขะอกตรารมมวกรารรกคฤหษนฎึ่งีกาในกรุงเทพมหสาํานนักคงรานใหคณ้ย่ืนะกณรรมกกรามรกพฤัฒษนฎาีกฝาีมือแรงงาน หรือหน่วยงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่ตั้งอยู่ในเขตต่าง ๆ ในจังหวัดอ่ืน ให้ยื่น ณ หน่วยงานของ สํานักกงรามนคพณฒั ะนการฝรมีมกอื าแรรกงฤงษาฎนกีทาตี่ ้ังอยู่ในจังหวสดั ํานนกัั้นงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ๒ ข้อ ๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการให้ สํานกั กง้ยู าืมนเคงนิณกะอกงรทรุนมพกัฒารนกาฤฝษีมฎือกีแารงงาน (ฉบบั ท่ี ส๔ํา)นพกั .ศงา. น๒ค๕ณ๕ะ๘กรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓ ข้อ ๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการให้ กยู้ ืมเงนิ กองทนุ พัฒนสาํานฝีมกั ืองาแนรคงงณานะก(รฉรบมบั กทาี่ ร๔ก)ฤพษ.ศฎ.ีก๒า๕๕๘ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๔ ข้อ ๑๑ แก้ไขเพิม่ เตมิ โดยระเบยี บคณะกรรมการสง่ เสริมการพฒั นาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการให้ สํานักกงยู้ ามืนเคงนิณกะอกงรทรนุมพกัฒารนกาฤฝษมี ฎือกีแารงงาน (ฉบับที่ ส๔ํา)นพัก.ศงา. น๒ค๕ณ๕ะ๘กรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
164 - ๓ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ข้อ ๑๒ ให้ผู้รับการฝึกกู้ยืมเงินเพื่อใช้จ่ายเกี่ยวกับการเข้ารับการฝึกอบรมฝีมือ สาํ นักแงรานงงคาณนะเกฉรพรามะกเาปร็นกฤคษ่าฎอกีาาหาร ค่าท่ีพักสแําลนะกั คงา่านเดคินณทะการงรไมดก้ไมาร่เกกฤินษวฎงเกี งาินและระยะเวสลาํ านทักี่คงาณนคะณกระรกมรรกมากรารกฤษฎีกา กําหนด สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ข้อ ๑๓ ให้ผู้ดําเนินการฝึก ผู้ดําเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน หรือผู้ สาํ นักปงรานะคกณอบะกกริจรกมการารกกู้ยฤืมษเฎงินกี าเพื่อเป็นค่าใชส้จํา่านยกั ใงนานกคาณรดะกํารเนรมินกกาารรกฝฤึกษอฎีกบารมฝีมือแรงงาสนาํ นหักรงาือนกคาณรทะกดรสรมอกบารกฤษฎกี า มาตรฐานฝมี อื แรสงงาํ นานักงแานลค้วณแตะก่กรรรณมีกโาดรยกใฤหษ้กฎูย้ ีกมื าได้ไมเ่ กินวงเงสินํานแักลงะารนะคยณะะเวกลรรามทก่คี าณรกะฤกษรฎรกีมาการกําหนด สํานกั งานคณะกรรมการกขฤอ้ ษ๑ฎ๔ีกา๕ การคดั เลอื สกําผน้มูักีสงาิทนธคิกณยู้ ะืมกเรงรนิ มจกาากรกกอฤษงทฎนุีกาให้อย่ภู ายใตเ้ สงาํื่อนนักไงขานดคงั ณตอ่ะกไปรรนมี้ การกฤษฎีกา (๑) สาขาอาชีพที่จะเข้ารับการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน หรือดําเนินการฝึกอบรมฝีมือ แรงงานต้องเป็นสสาาํ นขักางอาานชคีพณทะี่จกระรสม่งกเสารรกิมฤกษาฎรีกพาัฒนาฝีมือแรสงํงานานักงตาานมคทณี่ระัฐกมรรนมตกราีปรกรฤะษกฎากีศากําหนดตาม มาตรา ๗ (๑) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดย สํานกั พงรานะคราณชะบกัญรรญมกัตาสิ รง่กเฤสษรฎิมีกกาารพัฒนาฝมี ือสแํารนงักงงาานนค(ฉณบะบักรทร่ี ม๒ก)าพรก.ศฤ.ษ๒ฎ๕กี า๕๗ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (๒) มาตรฐานฝีมือแรงงานท่ีทดสอบต้องเป็นมาตรฐานฝีมือแรงงานตามมาตรา ๒๒ หรือมาตรา ๒๖ แสหํานง่ พกั งราะนรคาณชบะกญั รรญมตั กิสาร่งกเสฤรษิมฎกกี าารพฒั นาฝมี ือแสรํานงงกั างนานพค.ณศะ.ก๒ร๕รม๔ก๕ารกฤษฎกี า (๓) กรณีผู้รับการฝึกเป็นผู้กู้ยืมเงิน ให้พิจารณาจากรายได้และความจําเป็นท่ีต้อง สํานกั กงยู้านืมคเงณนิ ะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ส(๔าํ น)กั เงงา่ือนนคไณขะอกนื่ รตรามมกทารค่ี กณฤษะฎกกีรรามการกาํ หนดสํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกขฤอ้ ษ๑ฎ๕กี า๖ ผกู้ ู้ยืมเงินทสีเ่ ําปน็นักผงา้รู นับคกณาะรกฝรึกรตม้อกงาจรกดั ฤทษําฎหีกนางั สอื รับรองราสยาํ ไนดัก้แงลานะใคหณ้บะุคกครรลมใกดารกฤษฎีกา บคุ คลหนง่ึ ดังตอ่ ไปนี้ เปน็ ผู้รับรอง ส(าํ๑น)กั ขง้าานราคชณกะากรรรลมูกกจาร้ากงปฤษระฎจกี ําา พนักงานราสชํากนาักรงาพนนคักณงะากนรขรมอกงรารัฐกหฤษรือฎเีกจา้าหน้าท่ีของ รฐั ผรู้ บั บาํ นาญทมี่ ีเงินเดอื น ค่าจา้ ง หรือรายได้ประจําคงเหลือสทุ ธไิ ม่น้อยกวา่ หนง่ึ หมืน่ บาทขึ้นไป สาํ นกั งานคณะกรรมการก(๒ฤ)ษนฎาีกยาจา้ งของผูก้ ยู้ สืมําเนงนิกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า (๓) ผู้บริหารหรือสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือผู้ปกครองท้องท่ีระดับ กาํ นันหรือผใู้ หญ่บสา้าํ นนกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกขฤ้อษ๑ฎ๖กี า๗ ให้กรมพัฒสนําานฝกั ีมงาือนแครณงงะกานรรหมรกือาหรกนฤ่วษยฎงกีาานของกรมพัฒสนาํ านฝักีมงืาอนแครณงงะากนรรตมากมารกฤษฎกี า ข้อ ๑๑ ท่ีได้รับคสําขาํ นอักทงําากนาครณพะิจการรรมณกาาครํากขฤอษกฎู้ยีกืมา เงินพร้อมหลสักํานฐักานงาปนรคะณกะอกบรรใหมก้เราียรกบฤรษ้อฎยกี แาล้วนําเสนอ เข้าส่กู ารพจิ ารณาของคณะอนุกรรมการทีค่ ณะกรรมการแตง่ ต้งั สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๕ ข้อ ๑๔ แกไ้ ขเพิม่ เติมโดยระเบียบคณะกรรมการส่งเสรมิ การพฒั นาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการให้ สํานักกงยู้ ามืนเคงนิณกะอกงรทรนุมพกฒัารนกาฤฝษีมฎือีกแารงงาน (ฉบับท่ี ส๔ํา)นพัก.ศงา. น๒ค๕ณ๕ะ๘กรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๖ ข้อ ๑๕ แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ โดยระเบียบคณะกรรมการสง่ เสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการให้ กยู้ มื เงินกองทุนพัฒนสาํานฝมีักืองาแนรคงงณานะก(รฉรบมับกทา่ี ร๔ก)ฤพษ.ศฎ.ีก๒า๕๕๘ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๗ ข้อ ๑๖ แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ โดยระเบยี บคณะกรรมการสง่ เสรมิ การพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการให้ สํานกั กงยู้ ามืนเคงินณกะอกงรทรนุมพกฒัารนกาฤฝษมี ฎือีกแารงงาน (ฉบบั ที่ ส๔ํา)นพกั .ศงา. น๒ค๕ณ๕ะ๘กรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
165- ๔ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เม่ือคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุมัติคําขอกู้ยืมเงินแล้ว ให้แจ้งผลการพิจารณาและ สาํ นกั ใงหา้ผนู้ทคณี่ไดะ้รกับรรอมนกุมารัตกิเฤงินษฎกู้กียาืมทําสัญญากู้ยสําืมนตกั างมานแคบณบะทก่ีกรรรมมกพาัฒรกนฤาษฝฎีมีกือาแรงงานกําหสนาํ ดนักแงลานะคราณยะงการนรมผกลารกฤษฎกี า การพจิ ารณาอนุมัติตอ่ คณะกรรมการ สกําานรักจงา่ายนเคงณินะกกยู้ รืมรใมหกถ้ ารือกปฤฏษิบฎตั กี ิตาามระเบียบทสค่ี ําณนกัะงการนรคมณกะากรรกรํามหกนารดกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกขฤ้อษ๑ฎ๗กี า๘ ในการทําสสญั ํานญักางกานูย้ คมื ณเงะินกใรหร้ดมาํกเานรินกฤกษารฎีกดางั ตอ่ ไปน้ี สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ประกนั ตามแบบสส(ญัาํ๑นญ)ักกางาครนณํ้าคปีผณรู้ระะับกกรกันราทมรก่ีกฝารึกรมกพใฤหัฒษ้บฎนุคกีาคาฝลมี ทอื ี่แสรางมงาารนถกสเําปําหน็นนักผดงู้ราับนครอณงะรการยรมไดก้าตรากมฤขษ้อฎีก๑า๕ เป็นผู้ค้ํา สํานกั งานคณะกรรมการก(๒ฤ)ษกฎรกี ณา ผี ู้ดําเนนิ การสฝํากึนักผงู้ดานาํ คเนณนิ ะกการรรทมกดาสรอกบฤษมฎาตีกราฐานฝีมือแรงสงาํานนักหงารนือคผณู้ปะรกะรกรมอกบารกฤษฎีกา กจิ การใหม้ หี ลกั ประกันอย่างใดอย่างหนึง่ ดังน้ี สาํ นกั (งกา)นพคณันะธกบรตั รรมรกฐั าบรกาฤลษไทฎยีกาหรอื สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา (ข) หนงั สอื ค้ําประกันของธนาคาร ต้องมีจํานวนเงินคํ้าประกันไม่น้อยกว่าวงเงิน สํานกั กงูย้านมื คแณละะกตร้อรงมมกีราะรยกะฤเษวฎลีกาาคา้ํ ประกนั เกนิ สกํานว่ากั รงาะนยคะณเวะลการสร้ินมกสาดุ รสกญัฤษญฎากี ไาม่น้อยกว่าหน่งึสปาํ นี หักรงาือนคณะกรรมการกฤษฎกี า (ค) กรณีผู้กู้ยืมจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ให้บุคคลใดบุคคลหน่ึงเป็นผู้คํ้าประกัน ได้แกก่ รรมการบรสิหาํ นาักรงหานุ้นคสณ่วนะกผร้จู รดัมกกาารรกหฤรษือฎผีก้แูาทนอืน่ ของนสิตําิบนุคกั คงลานแคลณ้วะแกตรรก่ มรกณาีรกฤษฎีกา (๓) ระยะเวลาในการใหก้ ้ยู ืมเงินให้เป็นไปตามท่ีกําหนดไวใ้ นหมวดน้ี สํานกั งานคณะกรรมการกกฤาษรชฎําีกราะหน้ีเงินกู้ยืมสแําลนะกั ดงาอนกคเณบะ้ียกตรารมมวกรารรกคฤหษนฎึ่งกี ทา ่ีชําระด้วยธนสาาํ ณนักัตงิ าหนรคือณชะํากรระรเมงกินารกฤษฎีกา ผ่านธนาคารให้ผสู้กาํู้ยนืมกั เงงาินนสค่งณเอะกกรสรามรกหาลรกักฤฐษาฎนีกทาี่เกี่ยวข้องให้แสกํา่กนกัองงาทนุนคเณพะ่ือกใรชร้ใมนกกาารกรบฤษันฎทกี ึกาบัญชีลูกหนี้ ภายในสบิ ห้าวนั นบั แตว่ ันท่ไี ด้ชําระหน้ี สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า หมวด ๓ สาํ นักงานคณะกรรมกหาลรกักเฤกษณฎฑีกา์การจา่ ยเงินกสอํางนทกั ุนงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ข้อ ๑๘ ให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือหน่วยงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานตาม ข้อ ๑๑ ที่ได้รับคสําําขนอักงจาัดนทคําณแะลกระรบมันกทารึกกรฤาษยฎลีกะาเอียดต่าง ๆสลํานงใกั นงาทนะคเณบะียกนรลรมูกกหานรกี้สฤําษหฎรกี ับาผู้ได้รับการ อนุมตั เิ งินกูย้ ืมตามแบบทีก่ รมพฒั นาฝีมือแรงงานกาํ หนด สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สขาํ อ้นกั ๑ง๙าน๙คณ(ยะกกเรลรกิม)การกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกขฤ้อษฎ๒ีก๐า เงินกู้ยืมทสี่จํา่นายักงใาหน้ผคู้รณับะกกรารรมฝกึการกผฤู้ดษําฎเกีนาินการฝึก ผู้ดสําํานเนักินงากนาครณทะกดรสรอมกบารกฤษฎีกา มาตรฐานฝีมือแรงงาน หรือผู้ประกอบกิจการ ให้จ่ายเป็นเช็คขีดคร่อมสั่งจ่ายชื่อผู้กู้ยืมเงิน และให้ขีด ฆา่ คําวา่ “หรือผถู้ สอื าํ ”นกั องอานกคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ๘ ข้อ ๑๗ แกไ้ ขเพ่ิมเติมโดยระเบยี บคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการให้ กู้ยมื เงินกองทุนพฒั นสาํานฝีมักืองาแนรคงงณานะก(รฉรบมับกทาี่ ร๔ก)ฤพษ.ศฎ.กี ๒า๕๕๘ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ๙ ข้อ ๑๙ ยกเลิกโดยระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการให้กู้ยืม สํานักเงงินานกคอณงทะนุ กพรัฒรมนกาาฝรีมกอื ฤแษรฎงงีกาาน (ฉบบั ที่ ๔) พส.ศําน. ๒กั ง๕า๕น๘คณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
166 - ๕ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หมวด ๔ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า หลักเกสณําฑนักก์ งาารนชคําณระะเกงรนิ รกมยู้กาืมรคกืนฤกษอฎงีกทานุ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ข้อ ๒๑๑๐ ให้ผู้กู้ยืมเงินชําระหน้ีเงินกู้ยืมคืนกองทุนพร้อมดอกเบ้ียตามอัตราที่ สาํ นกั คงณานะคกณระรกมรกรมารกการํากหฤนษดฎนกี ัาบตั้งแต่วันลงสนําานมกั ใงนานสคัญณญะากตรรามมกแาบรกบฤทษี่กฎรีกมาพัฒนาฝีมือแสราํงนงักางนากนําคหณนะดกรแรมลกะารกฤษฎีกา ไดร้ บั เช็คแลว้ โดยสกใาํ าหนรัก้ชคงาํ าิดรนะดคคอณนื กะใเกหบรเ้ ้ียรสมใรหก็จ้าเสรริน้ ่ิกมภฤนษาับยฎตใกี น้ังาแระตย่วะันเถวลัดาจทาก่ีกสําวําหนันนักทงด่ีผาไนู้กวคู้ใ้ยนณืมสะเกัญงินรญรรมาับกเางรินกกฤษู้จฎนีกถาึงวันที่ผู้ให้กู้ สํานักไงดา้รนับคชณําะรกะรหรมนก้เี สารรกจ็ ฤสษ้ินฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า กรณีผู้กู้ยืมเงินเป็นผู้รับการฝึก ให้นับเวลาเริ่มต้นในการชําระคืนเงินกู้และการคิด ดอกเบย้ี หลังจากเสสาํ รน็จักสงา้ินนกคาณรฝะกึกรแรลม้วกสาารกมฤสษบิ ฎวกีนั า ท้ังน้ี โดยใหส้รําะนบกั ุไงวา้ในนคสณญั ะกญรารใมหกช้ าดัรกเจฤนษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกขฤ้อษ๒ฎกี๒า ให้ผู้กู้ยืมเงินสําชนําักรงะาหนนคณ้ีเงะินกกรู้ยรมืมกแารลกะฤดษอฎกีกเาบ้ีย ด้วยวิธีกาสราํ ผน่อักงนาชนําครณะะหกนรรี้เปมก็นารกฤษฎกี า ประจําทกุ เดอื น โดย ส(๑าํ น)กั เงงาินนสคดณหะกรรือรเมชก็คาทรก่ีธนฤษาคฎากี รารับรอง หรือตสัว๋ํานแกัลงกาเนงคนิ ณหะรกอืรรธมนกาาณรกัตฤิ หษรฎือีกา (๒) ชําระเงนิ ผ่านธนาคาร หรือ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการก(๓ฤ)ษวฎธิกี กี าารอ่ืนตามที่คสณํานะักกงรารนมคกณาะรกกรํารหมนกาดรกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ข้อ ๒๓ ผู้ก้ยู ืมเงินอาจขออนญุ าตผอ่ นผนั เปน็ หนังสือต่อคณะกรรมการ เพื่อผ่อนผัน สาํ นกั รงะายนะคเณวะลการกรามรกชารํากรฤะษหฎนกี ี้เงาินกู้ยืม หากไสดํา้รนับกั องานนุญคณาตะกใหรร้ถมือกวา่ารผกู้กฤษู้ยฎืมีกเงาินไม่เป็นผู้ผิดสนาํ ัดนกักางรานชคําณระะหกรนรี้เมงกินารกฤษฎกี า กู้ยืม สใาํนนกกั รงณานีทค่ีผณู้กะกู้ยรืมรเมงกินาผริดกฤนษัดฎชกี ําาระหน้ี ก่อนทสี่จํานะักมงีกาานรคบณอะกกรเลรมิกกสาัญรกญฤาษฎใีกหา้คิดดอกเบ้ีย ใหแ้ ก่ผูก้ ้ยู ืมเงินในอัตรารอ้ ยละสิบห้าตอ่ ปี สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ข้อ ๒๔ การคิดดอกเบี้ยตามข้อ ๒๓ ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร คณะกรรมการอาจ พิจารณาให้ระงับสกาํ านรกั คงิดานดคอณกเะบกี้ยรรใมนกราะรยกะฤเษวฎลาีกใาดเวลาหน่ึงก็ไสดํา้นกัทงั้งานนี้คยณกะเกว้นรรดมอกการเบกี้ยฤษซฎึ่งเีกกาิดจากผู้กู้ยืม เงินนําเงินที่ได้รับจากการกู้ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ตามท่ีระบุในสัญญา และกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ สํานกั บงอานกคเลณกิ ะสกญัรรญมกาแารลกะฤเษรยีฎกกี เางินกูค้ นื สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ข้อ ๒๕ การคิดดอกเบ้ียเงินกู้ยืมให้ใช้ระบบบัญชีเกณฑ์คงค้าง โดยให้ทําการคิด สํานักดงอานกคเบณ้ียะจการกรมเงกนิ าตรกน้ ฤคษงฎเหกี ลาอื ทกุ วนั สนิ้ เดสือํานนกัแงลาว้นตคัง้ณเปะก็นรดรอมกกเาบรกย้ี ฤคษา้ ฎงรกี บั า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สขาํ ้อนัก๒งา๖นคกณาะรกรรับรมชกําารระกคฤืนษเฎงกีินากู้ยืมแต่ละเดสือํานนักใงหา้นนําคไณปะชกํารรระมดกาอรกกเฤบษ้ียฎคกี ้าางรับตามข้อ ๒๕ ก่อนส่วนท่ีเหลือให้นําไปชําระดอกเบ้ียนับถึงวันท่ีชําระหนี้แต่ละคร้ัง และเงินต้นคงเหลือ สาํ นักตงาามนคลณาํ ดะบักรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ๑๐ ข้อ ๒๑ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการ สํานกั ใงหา้กนยู้ คืมณเงะนิ กกรอรงมทกนุ าพรัฒกฤนษาฎฝมีกี อืาแรงงาน (ฉบับสทําี่ ๔นกั) งพา.นศ.ค๒ณ๕ะ๕ก๘รรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
167- ๖ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ข้อ ๒๗๑๑ ภายใต้บังคับของข้อ ๒๑ ข้อ ๒๒ หรือข้อ ๒๓ หากผู้กู้ยืมเงินไม่ชําระหน้ี สํานกั เงงาินนกคูย้ ณมื ะแกลระรมดกอากรเกบฤยี้ ษใฎหกีเ้ สารจ็ สิน้ ภายในสรําะนยกั ะงเาวนลคาณทะ่กี กาํ รหรนมกดาไรวก้ในฤษสฎัญกี ญา า หรือตามระสยาํ นะักเวงลานาคทณ่ีไดะ้รกับรรกมากรารกฤษฎกี า ผ่อนผันของคณะกรรมการ หรือไม่ชําระหนี้เงินกู้ยืมและดอกเบ้ียติดต่อกันเกินสามเดือน รวมทั้งกรณี เม่ือปรากฏในภาสยําหนลักงังาวน่าคผณู้กะู้ยกืมรเรงมินกไามรก่มฤีสษิทฎธกี ิกาู้ยืมเงินหรือไสดํา้แนจัก้งงขาน้อคคณวาะกมรอรันมเกปาร็นกเฤทษ็จฎในีกาสาระสําคัญ เก่ียวกับการให้กู้ยืมเงินให้ผู้ให้กู้ยืมเงินมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและดําเนินการตามกฎหมายเพ่ือบังคับ สาํ นกั ชงาํารนะคหณนะี้ตกรอ่ รไมปการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ปีนบั แต่วนั ผิดสญั สญกาํ านารจักคนงิดาถนดึงคอวณนักะเทบกผ่ี ร้ียู้กรภมยู้ ากืมยาเหรงกนิลฤชังษกาํ ฎราะรกี หบา นอก้เี งเนิลกิกู้ยสมืัญเสญสราํจ็านใสหักนิ้ ง้คาิดนดคอณกะเกบร้ียรมในกอารัตกรฤาษรฎ้อกียาละสิบห้าต่อ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หมวด ๕ สาํ นักงานคณะกรรกมากราปรรกะฤนษอฎมกี หา น้ี และการตสดั ําหนนกั สี้งาูญนคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ข้อ ๒๘๑๒ ในกรณีท่ีผู้ให้กู้ยืมเงินบอกเลิกสัญญาแล้ว และยังไม่ได้ส่งเร่ืองให้ พนักงานอัยการดสําําเนนกั ินงกานารคณหะากกรผรู้กมู้ยกาืมรเกงฤินษไดฎ้มกี ีาคําขอประนอมสําหนนัก้ีงใาหน้อคธณิบะดกีหรรรมือกผาู้ซรก่ึงอฤษธิบฎดกี าีมอบหมายมี อาํ นาจประนอมหนี้กบั ผกู้ ยู้ มื เงินได้ สํานกั งานคณะกรรมการกในฤษกฎรณีกาีมีคําขอประนสอํานมักหงนาน้ีใคนณระะกหรวร่ามงกกาารกรฤดษําฎเนีกินา การในช้ันพนสาํักนงักางนาอนัคยณกาะกรรหรมรกือารกฤษฎกี า ประนีประนอมยสอาํ มนคกั วงาานมคใณนระกะรหรวม่ากงากรกาฤรษพฎิจีกาารณาคดีในช้ันสศํานาลกั งใาหนค้อณธิบะกดรีหรมรือกาผรู้ซกึ่งฤอษธฎิบกี ดาีมอบหมาย สามารถพิจารณาให้มีการประนอมหนี้หรือประนีประนอมยอมความได้ โดยให้พิจารณาร่วมกับ สาํ นักพงนานกั คงณานะกอรยั รกมากรารกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า การทาํ สญั ญาประนอมหนหี้ รือประนีประนอมยอมความตามวรรคหนงึ่ และวรรคสอง ต้องคํานวณจํานวสนาํ นหักนงี้ทานี่จคะณปะรกะรนรมอกมาหรนกฤ้ีหษรฎือีกปาระนีประนอมสยํานอักมงคาวนาคมณะเตกร็มรจมํากนาวรกนฤทษ่ีคฎ้าีกงาชําระทั้งเงิน ต้นคงเหลอื และดอกเบยี้ ทคี่ า้ งชาํ ระ นับจนถึงวนั ทที่ ําสญั ญาประนอมหนห้ี รอื ประนปี ระนอมยอมความ สาํ นกั แงลานะคใณห้ะตกกรลรมงกผา่อรนกฤชษําฎรีกะาหน้ีตามสัญญสําานปักรงะานนคอณมะหกนรร้ีหมรกือารปกรฤะษนฎีปีการะนอมยอมคสวาํ นาักมงาโนดคยณคะํากนรรึงมถกึงารกฤษฎีกา ความสามารถในการชาํ ระหนี้ของลูกหนี้และการบรหิ ารจดั การของกองทุนประกอบกนั ดว้ ย ดังนี้ ส(าํ๑น)ักหงาานกคเณงินะกตร้นรคมงกเาหรกลฤือษแฎลกี ะาดอกเบ้ียค้างสชําํานรักะงรานวมคณกันะกแรลร้วมไกมาร่เกกิฤนษหฎ้าีกหาม่ืนบาท ให้ ผ่อนชาํ ระหน้ีไดไ้ ม่เกนิ สบิ สองเดือน สาํ นักงานคณะกรรมการก(๒ฤ)ษหฎกีากาเงนิ ต้นคงเหลสือํานแกั ลงะาดนอคกณเะบกีย้ รครมา้ งกชารํากรฤะษรวฎมีกกานั แลว้ เกินกวส่าําหนา้ ักหงมาน่ืนคบณาทะกแรรตม่ไกมา่ รกฤษฎีกา เกนิ หน่ึงแสนบาทสใาํหน้ผัก่องนานชคาํ ณระะหกรนร้ไี มดก้ไามร่เกกฤนิ ษยฎี่สีกิบาสเี่ ดอื น สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า (๓) หากเงินต้นคงเหลือและดอกเบ้ียค้างชําระรวมกันแล้วเกินกว่าหน่ึงแสนบาทให้ สํานักผง่อานนคชณําระะกหรรนมไี้ กดาไ้ รมก่เฤกษนิ ฎสีกาามสิบหกเดือนสํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ในกรณีผู้กู้ยืมเงินไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนอมหนี้หรือประนีประนอมยอมความให้ คดิ ดอกเบ้ยี ในอัตสราํานรัก้องยาลนะคสณบิ ะหกา้รรตม่อกปาีรนกบัฤแษตฎ่วีกันาที่ไมป่ ฏบิ ัติตสาํามนสักญั งาญนาคปณระะกนรอรมมกหานรกีห้ ฤรษอื ฎปกี ราะนีประนอม ยอมความ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๑๑ ข้อ ๒๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการ ให้กู้ยืมเงนิ กองทุนพสัฒาํ นนาักฝงีมานอื แครณงงะากนรร(มฉบกบัารทก่ี ฤ๔ษ) ฎพกี.ศา. ๒๕๕๘ สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๑๒ ข้อ ๒๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการ สํานักใงหาก้ นยู้ คมื ณเงะนิ กกรอรงมทกุนาพรฒักฤนษาฎฝีมกี อืาแรงงาน (ฉบบั สทํา่ี ๒นกั) งพา.นศ.ค๒ณ๕ะ๕ก๕รรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
168 - ๗ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกขฤ้อษ๒ฎ๘กี า/๑๑๓ ในกรณสผีํานู้กกัู้ยงมื าเนงคนิ ณตะากมรรระมเกบาียรบกกฤษระฎทีกราวงแรงงานแลสะาํ สนวักัสงาดนกิ คาณรสะกงั ครรมมวก่าารกฤษฎีกา ด้วยกองทนุ พฒั นาฝีมอื แรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๙ ประสงคจ์ ะขอประนอมหนี้หรอื ประนปี ระนอมยอมความ ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งสอําธนิบกั ดงาีมนอคบณหะมกรารยมมกีอาํารนกฤาจษปฎีกระานอมหน้ีหรือสปํารนะักนงาีปนรคะณนะอกมรรยมอกมาครกวาฤมษกฎับกี าผู้กู้ยืมเงินได้ โดยใหป้ ฏิบตั ดิ งั น้ี สาํ นักงานคณะกรรมการก(๑ฤ)ษฎกกีราณีผู้กู้ยืมเงินปสรําะนสกั งงคาน์จคะณชําะรกะรรหมนก้ีคารืนกทฤั้งษหฎมีกดาในคราวเดียวสาํ ในหัก้ชงําานระคคณืนะกเฉรพรมากะารกฤษฎีกา วเงนั นิ นตบั ้นแทตคี่ ่ว้านั งทชําท่ี รําะสสัญาํโนดญักยงาใาหปนง้รคดะณเนวะอ้นกมดรหรอมนกกี้หเาบรร้ียือกแฤปลษระฎะเนีกบาปี ้ียรปะรนับอมทย้ังอนม้ีสคจําวะนาตักม้องางนชคําณระะหกรนรี้ใมหก้เสารรก็จฤสษ้ินฎภกี าายในสามสิบ สํานักงานคณะกรรมการก(๒ฤ)ษฎกีกราณีท่ีผู้กู้ยืมเงินสไํามน่สักางมานาครณถชะกํารรระมเงกินารตก้นฤทษี่คฎ้ากี งาชําระคืนท้ังหสมาํ นดักไดงา้ในนคคณระากวรเดรมียกวารกฤษฎกี า ให้ทําสัญญาประนอมหนี้หรือประนีประนอมยอมความ โดยให้ผู้กู้ยืมเงินชําระคืนเงินต้นที่ค้างชําระ พร้อมดอกเบ้ียในสอาํ นัตักรงาารน้อคยณละะกหรรนม่ึงกตา่รอกปฤีนษับฎแกี าต่วันที่ค้างชําสรําะนจกั นงถานึงควณันทะก่ีทรํารมสกัญาญรกาฤปษรฎะีกนาอมหนี้หรือ ประนีประนอมยอมความและให้งดเว้นเบี้ยปรับท่ีค้างชําระท้ังหมด ท้ังนี้ จะต้องชําระหนี้ให้เสร็จสิ้น สํานักภงาานยคในณสะากมรปรมี การกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สขํา้อนกั ๒งา๘น/ค๒ณ๑ะ๔กรรใมนกการรณกฤีลษูกฎหกี าน้ีตามคําพิพสาํากนษกั างใานนคคณดะีกกู้ยรืมรมเงกินารกกอฤงษทฎุนกี าพัฒนาฝีมือ แรงงานตามระเบียบกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมว่าด้วยกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. สํานกั ๒งา๕น๓ค๙ณะปกรระรมสกงาคร์จกะฤขษอฎปกี าระนอมหนี้ภาสยํานหกัลงังาศนาคลณมะีคกํารรพมิพกาากรกษฤาษฎใหีก้อา ธิบดีหรือผู้ซส่ึงอาํ นธักิบงดานีมคอณบะหกมรรามยกมาี รกฤษฎีกา อํานาจประนอมหสนาํ น้ีกักับงลานูกคหณนะ้ีตการมรมคกําาพริพกฤาษกฎษีกาาน้ันได้ โดยใหส้ยํา่ืนนคกั ํางขานอคปณระะกนรอรมมกหานรี้กพฤรษ้อฎมกี ชาําระหนี้เงิน ต้นที่ค้างชําระตามสัญญากู้ยืมเงินค่าฤชาธรรมเนียม ค่าทนายความและค่าใช้จ่ายในการดําเนินคดีท่ี สํานักเงกาิดนขคนึ้ ณทะง้ักหรรมมดกใาหร้เกสฤรษจ็ ฎสีกน้ิ าภายในวนั ที่ยส่ืนําคนาํ ักขงอานปครณะนะกอรมรหมนกาี้ โรดกยฤใษหฎง้ ีกดาเวน้ ดอกเบยี้ แสลาํ ะนเักบงยี้านปครณับะกรรมการกฤษฎีกา ในกรณีบุคคลอ่ืนประสงค์จะขอชําระหนี้แทนลูกหนี้ตามคําพิพากษา โดยของดเว้น ดอกเบีย้ และเบย้ี ปสาํรนบั ักใงหา้อนธคบิ ณดะหีกรรรอื มผกู้ซางึ่ รอกธฤิบษดฎีมีกอา บหมายมีอาํ นสําานจกัทงําาสนัญคณญะากกรับรมบกุคาครลกฤดษังกฎลกี ่าาวได้ โดยให้ ชําระหน้ีเงินต้นที่ค้างชําระตามสัญญากู้ยืมเงิน ค่าฤชาธรรมเนียม ค่าทนายความและค่าใช้จ่ายในการ สาํ นักดงาําเนนคินณคะดกีทรร่เี กมดิกาขรึน้ กทฤ้งัษหฎมกี ดา ใหเ้ สร็จสนิ้ ภสาํายนใักนงวาันนทคี่ทณําะสกรัญรญมกาารกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ความในข้อนี้ไม่ใช้บังคับแก่ลูกหนี้ตามคําพิพากษาในคดีกู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือ แรงงานท่ีได้ใช้สทิ สธาํ ติ นาักมงขาน้อค๒ณ๘ะก/ร๑รมแกลา้วรกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกขฤ้อษ๒ฎกี๙า๑๕ ในการทําสสํานัญักญงาานปครณะะนกอรมรมหกนา้ีหรกรฤือษปฎรกี ะานีประนอมยอสมํานคักวงาามนตคาณมะขก้อรร๒มก๘ารกฤษฎีกา และข้อ ๒๘/๑ ใหส้ผาํ นู้กักู้ยงืมาเนงคินณจะัดกทรํารสมัญกาญรกาฤคษํ้าฎปกีราะกันหรือจัดหสาําหนลักักงาปนรคะณกะันกใรหร้ไมวก้แากร่ผกฤู้ใหษ้กฎู้ยีกืมาเงิน โดยให้ นาํ ความในข้อ ๑๗ มาใช้บงั คบั โดยอนุโลม สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๑๓ ข้อ ๒๘/๑ เพ่ิมโดยระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการให้กู้ยืม สํานักเงงนิานกคอณงทะุนกพรฒัรมนกาาฝรีมกือฤแษรฎงงีกาาน (ฉบบั ที่ ๒) พส.ศําน. ๒กั ง๕า๕น๕คณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๑๔ ข้อ ๒๘/๒ เพ่ิมโดยระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการให้กู้ยืม เงนิ กองทุนพัฒนาฝีมสอืาํ นแรักงงงาานนค(ณฉบะกับรทรี่ ม๔ก) าพร.กศฤ. ษ๒ฎ๕กี๕า๘ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๑๕ ข้อ ๒๙ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการ สํานักใงหาก้ นู้ยคืมณเงะนิ กกรอรงมทกุนาพรัฒกฤนษาฎฝมีกี ือาแรงงาน (ฉบับสทํา่ี ๔นกั) งพา.นศ.ค๒ณ๕ะ๕ก๘รรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
169- ๘ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ข้อ ๒๙/๑๑๖ ในกรณีผู้คํ้าประกันสัญญากู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานตาม สํานกั รงะาเนบคียณบะกกรรระมทกราวรงกแฤรษงฎงีกาานและสวัสดิกสาํารนสักังงคานมควณ่าะดก้วรยรกมอกางรทกุนฤพษฎัฒกี นาาฝีมือแรงงานสาํ พนัก.ศง.าน๒ค๕ณ๓ะ๙กรรตมากยารกฤษฎีกา ให้อธิบดีหรือผู้ซ่ึงอธิบดีมอบหมายมีอํานาจงดการดําเนินคดีกับทายาทของผู้คํ้าประกัน โดยให้ ดําเนินคดีกับผู้กู้ยสืมําฝนา่กั ยงเาดนียควณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกขฤ้อษ๓ฎกี๐า๑๗ ในกรณีทสี่ผําู้กนู้ยกั ืงมาเนงคินณทะ่ีเปกร็นรผมู้รกับารกกาฤรษฝฎึกีกาตาย ถูกศาลสส่ังาํ ในหัก้เงปา็นนคคณนสะการบรสมูญการกฤษฎกี า เหงรินือหเจรือ็บใปน่วรยะเหรวื้อ่ารสงังาํผวนิดิกักนลงจัดานรชคิตําณหระะรหกือรนทรีุ้พมหพกราลือรภใกนาฤรพษะฎจหนกี วาไ่ามง่สถาูกมดาํารเถนปินรกสะําากนรอักตบงาามอนกาคชฎณีพหะไมกดรา้ใรยนมเรพกะาื่อหรบกวังฤ่าคษงับอฎาชีกยําาุสระัญหญนาี้ กหู้ยรืมือ สํานักใงนารนะคหณวะ่ากงรสรัญมกญาารปกฤรษะนฎีกอามหน้หี รือสญั ญสําานปักรงะานนปีคณระะนกรอรมมยกอารมกคฤวษาฎมีกใาห้อธิบดีหรือผสู้ซาํ ึ่งนอักธงิบานดคีมณอะบกหรรมมากยารกฤษฎกี า เสนอรายละเอียดของผู้กู้ยืมเงินแต่ละกรณี ต่อคณะกรรมการเพื่อขออนุมัติตัดหน้ีสูญ โดยความ เห็นชอบของกระสทาํรนวักงงกาานรคคณละังกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ในกรณีที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานพิจารณาแล้วเห็นว่าหน้ีของลูกหน้ีรายใดมีลักษณะ สํานักดงังานนค้ี ณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า (๑) การดําเนินคดกี ับลกู หนจี้ ะไมค่ ุ้มกบั คา่ ใช้จ่ายทเ่ี กดิ ข้นึ หรอื ส(๒าํ น)กั ลงูกานหคนณไี้ มะก่มรีทรรมัพกยาร์สกินฤหษรฎือกี กาารสืบทรพั ย์ไสมํา่พนบกั งทารนัพคยณอ์ ะนื่กรใดรมทกจ่ี าะรนกาํฤยษึดฎมีกาาบังคับชําระ หนี้ได้ ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายจัดทําบัญชีรายละเอียดเกี่ยวกับความสามารถชําระหน้ีของ สํานักลงูกานหคนณี้แะกตร่ลรมะกราารยกฤนษําฎเีกสานอคณะกรสรํามนกักงาารนเคพณ่ือะขกรอรอมกนาุมรักตฤิตษัดฎหกี านี้สูญ โดยคสวาํ านมักเงหาน็นคชณอะกบรขรมอกงารกฤษฎีกา กระทรวงการคลังสาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกขฤ้อษ๓ฎีก๐า/๑๑๘ ในกรณสําีทนี่กักงรามนพคัฒณะนการฝรีมมือกาแรรกงฤงษาฎนกีพาิจารณาแล้วเหสาํ็นนวัก่างหานนค้ีขณอะงกลรูกรหมกนาี้ รกฤษฎกี า กู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานตามระเบียบกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ว่าด้วยกองทุน พฒั นาฝมี ือแรงงาสนาํ นพัก.งศา.น๒ค๕ณ๓ะก๙รรรมากยาใรดกมฤีลษักฎษีกณา ะ ดงั ตอ่ ไปนส้ี ํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า (๑) ลกู หนีท้ ่ีได้ชาํ ระหน้ีคืน ซง่ึ มีจํานวนเงินเท่ากบั หรือมากกว่าวงเงนิ กู้ยืมตามสัญญา สาํ นกั หงรานอื คณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า (๒) ลูกหนีถ้ กู ศาลพพิ ากษาให้ล้มละลาย สใําหน้อักธงิบานดคีหณระือกผรู้รซม่ึงกอาธริบกดฤษีมฎอีกบาหมายจัดทํารสาํายนลักงะาเนอคียณดะเกกร่ียรวมกกับารกกาฤรษตฎิดกี ตาามและการ ชําระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย หรือคําพิพากษาให้ล้มละลาย เสนอคณะกรรมการเพื่อขออนุมัติตัดหนี้ สาํ นกั สงญูานโคดณยคะกวรารมมเหกาน็ รชกอฤบษฎขอีกางกระทรวงกาสรําคนลักังงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ขอ้ ๓๑ ความในหมวดน้ี ใหใ้ ช้บังคบั แกผ่ ูก้ ู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานที่จัดต้ัง สํานกั ขงึ้นานตคาณมะมกตริครมณกะารรัฐกมฤษนฎตีกราีและดําเนินกาสรํานบกั รงิหาานรคกณอะงกทรรุนมตกาามรกระฤษเบฎียกี บากระทรวงแรสงํางนาักนงแาลนะคสณวะัสกดรริกมากรารกฤษฎีกา สังคมวา่ ด้วยกองทุนพัฒนาฝีมอื แรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยอนุโลม สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ๑๖ ข้อ ๒๙/๑ เพิ่มโดยระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการให้กู้ยืม สาํ นกั เงงนิานกคอณงทะุนกพรฒัรมนกาาฝรีมกือฤแษรฎงงีกาาน (ฉบบั ท่ี ๔) พส.ศําน. ๒ักง๕า๕น๘คณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ๑๗ ข้อ ๓๐ แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการ ใหก้ ยู้ มื เงินกองทนุ พสฒั าํ นนาักฝงีมานอื แครณงงะากนรร(มฉบกับารทกี่ ฤ๔ษ) ฎพกี.ศา. ๒๕๕๘ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๑๘ ข้อ ๓๐/๑ เพ่ิมโดยระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการให้กู้ยืม สํานักเงงินานกคอณงทะนุ กพรัฒรมนกาาฝรีมกอื ฤแษรฎงงีกาาน (ฉบบั ที่ ๔) พส.ศําน. ๒กั ง๕า๕น๘คณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
170 - ๙ - สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ประกาศ ณ วนั ท่ี ๒๔ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๑ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จฑุ าธวสัชํานอกั นิงาทนรคสณขุ ะศกรรี รมการกฤษฎกี า ประธานคณะกรรมการส่งเสรมิ การพัฒนาฝมี ือแรงงาน สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
171 เลม่ ๑๓๓ ตอนพเิ ศษ ๑๙๒ ง หนา้ ๑๘ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ ราชกจิ จานุเบกษา ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพฒั นาฝมี อื แรงงาน เร่ือง กําหนดวงเงินกู้ยืมและการชาํ ระเงินคนื กองทนุ พัฒนาฝมี ือแรงงาน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๘ และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริม การพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ ประกอบกับข้อ ๑๒ ข้อ ๑๓ ข้อ ๑๗ (๓) ข้อ ๒๑ และข้อ ๒๒ แห่งระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ว่าด้วยการให้กู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปน้ี ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง กําหนด วงเงนิ ก้ยู ืมและการชําระเงินคนื กองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ลงวนั ที่ ๒๕ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๒ การใหก้ ยู้ ืมเงินกองทนุ พัฒนาฝีมือแรงงาน ๒.๑ กรณผี รู้ ับการฝกึ วงเงนิ ก้ยู ืมให้อยู่ภายใต้หลกั เกณฑแ์ ละเง่ือนไข ดังน้ี ๒.๑.๑ การฝึกอบรมฝีมือแรงงานท่ีมีระยะเวลา ไม่เกินสามเดือน วงเงินกู้ยืม คา่ ใช้จา่ ยทีจ่ าํ เปน็ ในการครองชพี ระหว่างการฝึกอบรม ไมเ่ กินสห่ี มน่ื หา้ ร้อยบาท ๒.๑.๒ การฝึกอบรมฝีมือแรงงานท่มี รี ะยะเวลา มากกว่าสามเดือน แต่ไม่เกิน หกเดือน วงเงินกู้ยมื ค่าใชจ้ า่ ยที่จาํ เปน็ ในการครองชีพระหวา่ งการฝกึ อบรม ไมเ่ กนิ แปดหม่นื หนึ่งพันบาท ๒.๑.๓ การฝึกอบรมฝีมือแรงงานที่มีระยะเวลามากกว่าหกเดือน แต่ไม่เกิน เก้าเดือน วงเงินกู้ยืมค่าใช้จ่ายท่ีจําเป็นในการครองชีพระหว่างการฝึกอบรม ไม่เกินหนึ่งแสนสองหม่ืน หนึง่ พันหา้ ร้อยบาท ๒.๑.๔ การฝึกอบรมฝีมือแรงงานท่ีมีระยะเวลา มากกว่าเก้าเดือนขึ้นไป วงเงินกู้ยืมค่าใชจ้ ่ายทีจ่ าํ เปน็ ในการครองชพี ระหวา่ งการฝึกอบรม ไมเ่ กนิ หน่งึ แสนหกหมื่นสองพันบาท ค่าใชจ้ ่ายทจ่ี าํ เปน็ ในการครองชพี ระหว่างการฝกึ อบรม ประกอบด้วย (๑) ค่าอาหาร และค่าเดินทาง ให้กู้เท่าท่ีจ่ายจริงแต่ไม่เกิน เก้าพันบาทต่อเดอื น (๒) คา่ ทีพ่ กั ใหก้ เู้ ทา่ ทจ่ี ่ายจริงแตไ่ มเ่ กนิ สพ่ี ันหา้ รอ้ ยบาทตอ่ เดอื น ๒.๒ กรณีผู้ดําเนินการฝึก กู้ยืมเพ่ือเป็นค่าใช้จ่ายในการดําเนินการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ให้กู้ยืมได้ไม่เกินวงเงินหน่ึงล้านบาทต่อคร้ัง โดยพิจารณาจากหลักสูตร ระยะเวลาการฝึก จํานวนผู้เข้ารับการฝึก และค่าใช้จ่ายที่จําเป็นในการฝึกอบรม เปน็ ต้น
172 เลม่ ๑๓๓ ตอนพเิ ศษ ๑๙๒ ง หน้า ๑๙ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ ราชกิจจานุเบกษา ๒.๓ กรณีผู้ดําเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน กู้ยืมเพ่ือเป็นค่าใช้จ่าย ในการดําเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ใหก้ ยู้ มื ได้ไม่เกนิ วงเงินหนึ่งล้านบาทต่อครั้ง โดยพิจารณาจากสาขาอาชีพ จํานวนผู้เข้ารับ การทดสอบ คา่ ตอบแทนผทู้ ดสอบ คา่ วัสดุ และค่าใชจ้ ่ายทจ่ี าํ เป็นในการทดสอบ เป็นตน้ ๒.๔ กรณีผปู้ ระกอบกจิ การ วงเงินก้ยู มื ให้อยภู่ ายใต้หลกั เกณฑแ์ ละเงอื่ นไข ดงั นี้ ๒.๔.๑ กรณีเป็นผู้ดําเนินการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน วงเงินกู้ยืม ให้ใช้เงื่อนไข เช่นเดยี วกับกรณีผ้ดู ําเนนิ การฝึก ๒.๔.๒ การส่งลูกจ้างเข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน วงเงินกู้ยืม ใหใ้ ชเ้ งือ่ นไขเช่นเดียวกับกรณผี ดู้ าํ เนนิ การทดสอบมาตรฐานฝีมอื แรงงาน ข้อ ๓ ให้ผู้กู้ยืมกรณีผู้รับการฝึกต้องชําระหน้ีเงินกู้ยืมพร้อมดอกเบ้ียร้อยละหน่ึงต่อปี คืนกองทุนภายหลังจากเสร็จส้ินการฝึกแล้วสามสิบวัน โดยชําระเงินกู้ยืมคืนกองทุนเป็นรายเดือน ไม่เกนิ วนั ท่ีหา้ ของเดอื นถัดไป ดงั นี้ ๓.๑ การฝึกอบรมฝีมือแรงงานที่มีระยะเวลา ไม่เกินสามเดือน วงเงินกู้ยืมไม่เกิน สี่หมื่นห้าร้อยบาท ให้ชําระหน้ีเงินกู้ยืมพร้อมดอกเบ้ียร้อยละหน่ึงต่อปี ให้เสร็จส้ินภายในระยะเวลา ไม่เกนิ สิบสองเดอื น ๓.๒ การฝึกอบรมฝีมือแรงงานท่ีมีระยะเวลา มากกว่าสามเดือน แต่ไม่เกินหกเดือน วงเงินกู้ยืมไม่เกินแปดหม่ืนหน่ึงพันบาท ให้ชําระหนี้เงินกู้ยืมพร้อมดอกเบ้ียร้อยละหนึ่งต่อปี ให้เสร็จส้ิน ภายในระยะเวลาไม่เกินยสี่ ิบส่ีเดอื น ๓.๓ การฝึกอบรมฝีมือแรงงานที่มีระยะเวลา มากกว่าหกเดือน แต่ไม่เกินเก้าเดือน วงเงินกู้ยืมไม่เกนิ หนึ่งแสนสองหม่นื หนึ่งพันห้าร้อยบาท ให้ชําระหน้ีเงินกู้ยืมพร้อมดอกเบ้ียร้อยละหน่ึงต่อปี ให้เสร็จสนิ้ ภายในระยะเวลาไม่เกินสามสบิ หกเดอื น ๓.๔ การฝึกอบรมฝีมือแรงงานที่มีระยะเวลา มากกว่าเก้าเดือนขึ้นไป วงเงินกู้ยืม ไม่เกินหนึ่งแสนหกหมื่นสองพันบาท ให้ชําระหนี้เงินกู้ยืมพร้อมดอกเบ้ียร้อยละหนึ่งต่อปี ให้เสร็จส้ิน ภายในระยะเวลาไมเ่ กินสี่สบิ แปดเดือน ขอ้ ๔ ให้ผู้กู้ยืมกรณีผู้ดําเนินการฝึก ผู้ดําเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และผู้ประกอบกิจการ ต้องชําระหนี้เงินกู้ยืมพร้อมดอกเบี้ยร้อยละสามต่อปี คืนกองทุนนับแต่วันลงนาม ในสัญญาตามแบบท่ีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานกําหนด และได้รับเช็คแล้ว โดยชําระเงินกู้ยืมคืนกองทุน เป็นรายเดือน ไม่เกินวันท่หี ้าของเดอื นถัดไป และชาํ ระให้เสรจ็ ส้นิ ภายในระยะเวลาไมเ่ กินสิบสองเดือน ประกาศ ณ วนั ที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ หมอ่ มหลวงปุณฑรกิ สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการสง่ เสริมการพัฒนาฝมี อื แรงงาน
173 หน้า ๑๙ ๑๘ กนั ยายน ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๑๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพฒั นาฝีมือแรงงาน เรอ่ื ง หลกั เกณฑก์ ารใชจ้ ่ายเงนิ เพื่อชว่ ยเหลือหรืออดุ หนนุ จากกองทนุ พฒั นาฝมี อื แรงงาน อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๒๘ วรรคหนึง่ (๓) แห่งพระราชบัญญตั ิส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา 28 วรรคหนึ่ง (๓/๒) และมาตรา ๓๙ (๓) แห่งพระราชบญั ญตั ิ ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝมี ือแรงงานออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ขอ้ ๑ ประกาศนีใ้ ห้ใช้บงั คบั ตั้งแตว่ ันท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2564 เป็นตน้ ไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เร่ือง หลักเกณฑ์ การใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อช่วยเหลือหรืออุดหนุนกิจการใด ๆ ที่เกี่ยวกับการส่งเสริม การพัฒนาฝมี ือแรงงาน และช่วยเหลือหรอื อุดหนุนการดาเนนิ การของศนู ยป์ ระเมินความรู้ความสามารถกลาง ลงวันที่ ๙ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๓ ในประกาศน้ี “กองทนุ ” หมายความวา่ กองทนุ พฒั นาฝมี ือแรงงาน “คณะกรรมการ” หมายความวา่ คณะกรรมการสง่ เสริมการพฒั นาฝีมือแรงงาน “ป”ี หมายความว่า ปปี ฏิทิน ขอ้ 4 ให้ช่วยเหลือหรืออุดหนุนแกผ่ ู้ดาเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานที่ไดร้ ับอนญุ าต ตามมาตรา ๒๔ ซึ่งดาเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานและมีผู้ผ่านการทดสอบในปีที่ผ่านมา จานวนต้ังแต่หน่ึงร้อยคนขึ้นไป โดยมีสิทธิขอรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุนจานวนสองหม่ืนบาท และในส่วนที่เกินกว่าหนึ่งร้อยคน มีสิทธิขอรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุนจานวนสองร้อยบาทต่อผู้ผ่าน การทดสอบหน่ึงคน ขอ้ 5 ให้ช่วยเหลือหรืออุดหนนุ แก่ผู้ดาเนนิ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานท่ีได้รับอนุญาต ตามมาตรา ๒๔ ซึ่งดาเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานให้แก่ผู้เข้ารับการทดสอบท่ีกรมพัฒนา ฝมี อื แรงงานสง่ ไปทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานแหง่ ชาติ ในสาขาอาชพี ที่กรมพฒั นาฝมี อื แรงงานกาหนด โดยมีสทิ ธไิ ด้รบั เงินชว่ ยเหลอื หรืออดุ หนนุ เปน็ คา่ ใช้จ่ายในการทดสอบตามทผี่ ู้ดาเนินการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานกาหนด ท้ังนี้ ไม่เกินอัตราค่าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานท่ีคณะกรรมการประกาศกาหนด ตามมาตรา 25 ขอ้ 6 ให้ช่วยเหลือหรืออุดหนนุ แก่ผู้ประกอบกิจการท่ีมีหน้าท่ีส่งเงินสมทบซึง่ ได้ส่งเงินสมทบ เขา้ กองทุนภายในเวลาท่ีกฎหมายกาหนด และได้ดาเนนิ การพัฒนาฝมี ือแรงงานตามมาตรา ๒๙ วรรคสอง ครบตามสัดส่วนท่ีกฎหมายกาหนดในปีถัดจากปีท่ีมีหน้าท่ีส่งเงินสมทบ โดยมีสิทธิขอรับเงินช่วยเหลือ หรืออุดหนนุ ในอตั รารอ้ ยละยีส่ ิบห้าของเงินสมทบท่ีนาสง่
174 หน้า ๒๐ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๑๖ ง ราชกจิ จานเุ บกษา ข้อ 7 ให้ช่วยเหลือหรืออุดหนุนแก่ผู้ประกอบกิจการท่ีดาเนินการพัฒนาฝีมือแรงงาน ตามมาตรา ๒๙ วรรคสอง ในส่วนที่มีการพัฒนาฝีมอื แรงงานเกนิ กว่าร้อยละเจ็ดสิบของลูกจ้างทง้ั หมด ซึ่งได้รับการพัฒนาฝีมือแรงงานในปีทีผ่ ่านมา โดยมสี ทิ ธขิ อรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนนุ จานวนสองร้อยบาท ตอ่ ลูกจา้ งหน่ึงคน ขอ้ 8 ให้ช่วยเหลือหรืออุดหนุนแก่ผู้ประกอบอาชีพ ผู้ประกอบกิจการ หรือกลุ่มผู้ประกอบกิจการ ท่ีได้รับการรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานของตนตามมาตรา ๒๖ และได้นามาตรฐานฝีมือแรงงาน ดังกล่าวไปใช้ในการทดสอบให้แก่ลูกจ้างภายในหนึ่งปีนับแต่วันท่ีได้รับการรับรอง โดยมีสิทธิขอรับเงิน ช่วยเหลือหรืออดุ หนนุ ในแตล่ ะสาขา ระดับละหนึ่งหมืน่ บาท ข้อ 9 ให้ช่วยเหลือหรืออุดหนุนแก่ผู้ประกอบกิจการท่ีส่งลูกจ้างเข้ารับการทดสอบและ ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และได้จ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างดังกล่าวตามประกาศ คณะกรรมการค่าจ้าง เร่ือง อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวัน ก่อนวันย่ืนขอรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุน โดยมีสิทธิขอรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุนจานวนหน่ึงพันบาท ตอ่ ลูกจา้ งหนึง่ คน ทง้ั น้ี ไมเ่ กนิ ปลี ะหน่งึ แสนบาท ขอ้ 10 ให้ช่วยเหลือหรืออุดหนุนแก่ผู้ประกอบกิจการเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม ฝมี อื แรงงานเพ่ือพัฒนาทักษะความรู้ใหแ้ ก่ลูกจา้ งเพอื่ เป็นการสร้างสรรคน์ วัตกรรมหรอื นาเทคโนโลยีมาใช้ ในการผลิตสินค้าหรือบริการ โดยมีสิทธิขอรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุน เท่าท่ีจ่ายจริงแต่ไม่เกินปีละ หน่ึงแสนบาท ทั้งน้ี หลักสูตรการฝึกอบรมให้เปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ทีค่ ณะกรรมการประกาศกาหนด ข้อ 11 ให้ช่วยเหลือหรืออุดหนุนแก่ผู้ดาเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานตามมาตรา ๒๔ หรือศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถตามมาตรา ๒๖/๔ (๒) ท่ีเป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่งส่งเงิน ค่าทดสอบหรือค่าธรรมเนียมเข้ากองทุนตามมาตรา ๒๗ วรรคสอง (๓/๑) แล้วแต่กรณี โดยมีสิทธิ ขอรับเงนิ ช่วยเหลอื หรอื อดุ หนนุ เป็นจานวนเท่ากับจานวนเงินท่ีส่งเขา้ กองทุน ข้อ 12 ให้ช่วยเหลือหรืออดุ หนนุ แก่ศนู ย์ประเมินความรคู้ วามสามารถกลาง เป็นค่าตอบแทน และค่าใช้จ่ายอ่ืนของผู้ประเมิน และค่าใช้จ่ายในการดาเนินการรับรองความรู้ความสามารถ ทั้งนี้ ตามระเบียบของทางราชการ เพ่ือประโยชน์ในการพัฒนาฝีมือแรงงานในกรณีท่ีศูนย์ประเมินความรู้ ความสามารถตามมาตรา ๒๖/๔ (๒) มีจานวนไม่เพียงพอต่อการรับรองความรู้ความสามารถ โดยให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจัดทาประมาณการค่าใช้จ่ายประจาปีงบประมาณเสนอคณะกรรมการ พิจารณาให้ความเห็นชอบ การช่วยเหลือหรืออุดหนุนตามวรรคหนึ่ง หากเป็นกรณีจาเป็นเร่งด่วน ให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จดั ทาประมาณการค่าใช้จ่ายเสนอใหค้ ณะกรรมการพจิ ารณาใหค้ วามเหน็ ชอบเป็นกรณีไป
175 หน้า ๒๑ ๑๘ กนั ยายน ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๑๖ ง ราชกิจจานเุ บกษา ขอ้ 13 ให้ช่วยเหลือหรืออุดหนุนแก่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นค่าใช้จ่ายในการดาเนินการ ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ในสาขาอาชีพ ตาแหน่งงาน หรือลักษณะงาน ท่ีอาจเป็น อันตรายต่อสาธารณะหรือต้องใช้ผู้มีความรู้ความสามารถ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาฝีมือแรงงาน ในกรณีท่ีงบประมาณมีจานวนไม่เพียงพอและจาเป็นต้องดาเนินการเพิ่มเติมจากเป้าหมายท่ีได้รับ งบประมาณรายจ่ายประจาปี โดยให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจัดทาประมาณการค่าใช้จ่ายประจาปีเสนอ คณะกรรมการพิจารณาใหค้ วามเหน็ ชอบ การช่วยเหลือหรืออุดหนุนตามวรรคหนึ่ง หากเป็นกรณีจาเป็นเร่งด่วน ให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดทาประมาณการคา่ ใช้จ่ายเสนอใหค้ ณะกรรมการพิจารณาให้ความเหน็ ชอบเปน็ กรณีไป ขอ้ 14 ให้ผู้ท่ีประสงค์จะขอรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุนจากกองทุนตามข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 หรือข้อ 11 ย่ืนคาขอรบั เงินช่วยเหลือหรอื อดุ หนนุ ตามแบบ ทกี่ รมพฒั นาฝีมือแรงงานกาหนดภายในกาหนดเวลา ดังน้ี (1) ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันท่ีมีสิทธิขอรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุน สาหรับผู้มีสิทธิ ตามขอ้ 4 ข้อ 5 ขอ้ 8 ขอ้ 9 ขอ้ 10 หรือข้อ 11 (2) ภายในเกา้ สบิ วันนับแต่วนั ถดั จากวนั สดุ ทา้ ยท่กี ฎหมายกาหนดใหย้ ื่นแบบแสดงการส่งเงนิ สมทบ เข้ากองทนุ สาหรบั ผมู้ ีสิทธิตามข้อ 6 หรอื ข้อ 7 การย่ืนคาขอตามวรรคหน่ึง ให้ยื่นตามจังหวัดท่ีสถานประกอบกิจการ ศูนย์ทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงาน หรือศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถตั้งอยู่ แล้วแต่กรณี โดยในกรุงเทพมหานคร ให้ย่ืน ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานครหรือสานักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน กรงุ เทพมหานครพืน้ ที่ ในจังหวดั อ่ืน ใหย้ น่ื ณ หน่วยงานของกรมพัฒนาฝมี อื แรงงานทีต่ ั้งอยู่ในจังหวัดนนั้ ขอ้ 15 เม่ือกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้รับคาขอรับเงินช่วยเหลอื หรืออุดหนุนแล้ว ให้พิจารณา คาขอพร้อมเอกสารหลักฐานประกอบ หากเห็นว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ท่ีกาหนด ให้อนุมัติคาขอ และจา่ ยเงนิ ชว่ ยเหลอื หรอื อุดหนนุ แกผ่ ู้ยืน่ คาขอ ขอ้ 16 การจ่ายเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุน ให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการส่งเสริม การพัฒนาฝมี อื แรงงานว่าดว้ ยการรับเงนิ การจา่ ยเงนิ การเกบ็ รกั ษาเงิน และการบริหารกองทนุ พฒั นา ฝมี อื แรงงาน ขอ้ 17 ผู้ทีไ่ ดร้ บั เงินช่วยเหลอื หรืออดุ หนนุ ใหป้ ฏิบตั ติ ามเง่อื นไข ดังตอ่ ไปน้ี (๑) รายงานการดาเนินการพัฒนาฝีมือแรงงานให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานทราบตามแบบ ท่ีกรมพัฒนาฝีมอื แรงงานกาหนด ภายในสามสิบวันนบั แตว่ นั ทไ่ี ด้รบั เงินชว่ ยเหลือหรอื อุดหนุน (๒) ยินยอมให้นายทะเบียน พนักงานเจ้าหน้าท่ี หรือคณะกรรมการ ติดตาม ตรวจตรา และใหค้ าแนะนาเกยี่ วกับการพฒั นาฝมี ือแรงงานตามท่ไี ดร้ ับเงินช่วยเหลือหรอื อดุ หนุน ข้อ 18 ใหก้ รมพฒั นาฝมี อื แรงงานรายงานผลการพิจารณาตอ่ คณะกรรมการ ข้อ 19 ให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจัดทาทะเบียนคุมผู้ท่ีได้รับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุน เพือ่ ติดตามและประเมนิ ผลการใชจ้ า่ ยเงนิ เพ่อื ชว่ ยเหลือหรอื อดุ หนนุ จากกองทุน
176 หน้า ๒๒ ๑๘ กนั ยายน ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๑๖ ง ราชกิจจานุเบกษา ข้อ 20 ผู้ท่ีมีสิทธิขอรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุนจากกองทุนตามประกาศคณะกรรมการ สง่ เสรมิ การพฒั นาฝีมอื แรงงาน เรอ่ื ง หลักเกณฑ์การใชจ้ า่ ยเงินกองทุนพัฒนาฝมี ือแรงงานเพอ่ื ช่วยเหลือ หรืออุดหนุนกิจการใด ๆ ที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน และช่วยเหลือหรืออุดหนุน การดาเนินการของศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถกลาง ลงวันท่ี ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๐ และประสงค์จะขอรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุนดังกล่าว ต้องยื่นคาขอรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุน ใหเ้ สร็จสน้ิ ภายในวนั ท่ี 31 มนี าคม 2564 และให้นาความในขอ้ 14 วรรคสอง ขอ้ 15 ข้อ 16 ข้อ 17 ขอ้ 18 และขอ้ 19 มาใชบ้ งั คับโดยอนโุ ลม ประกาศ ณ วนั ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖3 สุทธิ สโุ กศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสรมิ การพัฒนาฝมี อื แรงงาน
177 เล่ม ๑๓๔ ตอนพิเศษ ๓๐๒ ง หน้า ๔ ๗ ธนั วาคม ๒๕๖๐ ราชกจิ จานุเบกษา ประกาศคณะกรรมการสง่ เสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เร่อื ง หลกั เกณฑก์ ารพจิ ารณาหลักสูตรการฝกึ อบรมฝีมือแรงงานเพื่อพัฒนาทกั ษะความรู้ใหแ้ ก่ลกู จา้ ง เพ่อื เปน็ การสรา้ งสรรคน์ วตั กรรมหรือนําเทคโนโลยีมาใช้ในการผลติ สินค้าหรือบริการ โดยท่ีประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์การใช้จ่าย เงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานเพ่ือช่วยเหลือหรืออุดหนุนกิจการใด ๆ ท่ีเก่ียวกับการส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน และช่วยเหลือหรืออุดหนุนการดําเนินการของศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถกลาง กําหนดให้ช่วยเหลือหรืออุดหนุนแก่ผู้ประกอบกิจการเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมฝีมือแรงงานเพื่อพัฒนา ทักษะความรู้ให้แก่ลูกจ้างเพ่ือเป็นการสร้างสรรค์นวัตกรรมหรือนําเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตสินค้าหรือบริการ โดยมีสิทธิขอรบั เงนิ ช่วยเหลอื หรืออดุ หนนุ เท่าทีจ่ ่ายจรงิ แตไ่ มเ่ กนิ ปีละหน่ึงแสนบาท ท้ังน้ี หลักสูตรการฝึกอบรม ให้เป็นไปตามหลกั เกณฑ์ทคี่ ณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝมี ือแรงงานประกาศกําหนด อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 28 (3) และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริม การพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ซ่ึงแกไ้ ขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบัญญตั ิสง่ เสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 และข้อ 10 ของประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เร่ือง หลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อช่วยเหลือหรืออุดหนุนกิจการใด ๆ ท่ีเกี่ยวกับการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน และช่วยเหลือหรืออุดหนุนการดําเนินการของศูนย์ประเมิน ความรู้ความสามารถกลาง ลงวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2560 คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือ แรงงานจึงออกประกาศไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ข้อ 1 ในประกาศน้ี “ผู้ประกอบกิจการ” หมายความว่า ผู้ประกอบกิจการท่ีฝึกอบรมฝีมือแรงงานเพ่ือพัฒนาทักษะ ความรูใ้ ห้แก่ลกู จา้ งเพือ่ เป็นการสร้างสรรค์นวัตกรรมหรอื นําเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตสนิ คา้ หรอื บริการ “หลักสูตรการฝึกอบรม” หมายความว่า หลักสูตรท่ีจะใช้ในการฝึกอบรม รายละเอียดท่ีเกี่ยวข้อง และรายการคา่ ใชจ้ า่ ยที่ใชใ้ นการฝึกอบรม “หลักสูตรการฝึกอบรมเพ่ือสร้างสรรค์นวัตกรรม” หมายความว่า หลักสูตรการฝึกอบรมฝีมือ แรงงานท่ีมีเน้ือหาเก่ียวกับการสร้างสรรค์ ประดิษฐ์เคร่ืองจักร เคร่ืองมือ หรืออุปกรณ์ขึ้นใหม่ หรือพัฒนา ดัดแปลงจากของเดิมที่มีอยู่แล้วให้ทันสมัยและใช้ได้ผลดีย่ิงขึ้นเพื่อให้การทํางานได้ผลดี มีประสิทธิภาพ และประสิทธผิ ลสงู กวา่ เดมิ “หลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อนําเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตสินค้าหรือบริการ” หมายความว่า หลักสูตร การฝกึ อบรมฝีมือแรงงานทมี่ ีเนอ้ื หาเก่ยี วกับการนําเทคโนโลยีระบบก่ึงอัตโนมัติ ระบบอัตโนมัติ หรือการควบคุม โดยระบบไร้สาย มาใช้ในการผลติ สนิ คา้ หรือบรกิ าร เพื่อช่วยให้เกดิ การเปล่ยี นแปลงในการผลิตสินค้าหรือ ให้บริการได้ดีย่ิงขึ้น สามารถผลิตสินค้ามีคุณภาพได้ปริมาณมากข้ึน ทํางานได้รวดเร็วขึ้น เพ่ิมผลผลิต หรือลดการสูญเสยี
178 เล่ม ๑๓๔ ตอนพิเศษ ๓๐๒ ง หน้า ๕ ๗ ธนั วาคม ๒๕๖๐ ราชกจิ จานุเบกษา “อุตสาหกรรมเป้าหมาย” หมายความว่า อุตสาหกรรมเป้าหมายตามกฎหมายว่าด้วยการเพ่ิม ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสําหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย รองรับนโยบายประเทศไทย 4.0 ดังนี้ (1) อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (2) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนกิ สอ์ จั ฉริยะ (3) อุตสาหกรรมการท่องเทย่ี วระดับคณุ ภาพ (4) อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ (5) อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารท่ีมีมูลค่าเพิม่ สูง (6) อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (7) อุตสาหกรรมการบิน (8) อุตสาหกรรมเช้อื เพลิงชีวภาพและเคมชี วี ภาพ (9) อุตสาหกรรมดิจทิ ลั (10) อตุ สาหกรรมการแพทย์ครบวงจร ขอ้ 2 หลกั สูตรทจ่ี ะใช้ในการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน เพื่อพัฒนาทักษะความรู้ให้แก่ลูกจ้างของ ผู้ประกอบกจิ การทจี่ ะขอรับเงินชว่ ยเหลือหรืออุดหนุนจากกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน จะต้องเป็นหลักสูตร ดงั ต่อไปน้ี (1) กรณีการฝึกอบรมเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม ต้องเป็นหลักสูตรการฝึกอบรมเพ่ือสร้างสรรค์ นวัตกรรมตามบัญชที ้ายประกาศน้ี (2) กรณีการฝึกอบรมเพื่อนําเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตสินค้าหรือบริการ ต้องเป็นหลักสูตร การฝึกอบรมสอดคล้องกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย มีระยะเวลาการฝึกไม่น้อยกว่าสิบสองช่ัวโมง และต้อง ไดร้ ับความเหน็ ชอบจากกรมพัฒนาฝมี ือแรงงาน ขอ้ 3 ผู้ประกอบกิจการมีสิทธิขอรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม ฝีมือแรงงาน ดงั ต่อไปน้ี (1) กรณจี ดั ฝึกอบรมเอง มสี ทิ ธิขอรับเงนิ ช่วยเหลือหรอื อดุ หนนุ ตามรายการ ดังตอ่ ไปน้ี ก. ค่าตอบแทนวิทยากร เท่าท่จี า่ ยจริง ไม่เกินชั่วโมงละห้าพนั บาท ข. ค่าวัสดุท่ีจะใช้ในการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน โดยจะต้องมีลักษณะการใช้สอดคล้องกับ เนื้อหาวิชาในหลักสูตรน้ัน ๆ และไม่ปะปนกับท่ีใช้ในการประกอบกิจการ ท้ังนี้ เท่าท่ีจ่ายจริง เฉลี่ยจาก ผเู้ ขา้ รบั การฝึกแตล่ ะคน ไมเ่ กนิ คนละสพ่ี ันบาท (2) กรณีส่งลูกจ้างไปเข้ารับการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน มีสิทธิขอรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุน เป็นคา่ ลงทะเบียนเทา่ ท่ีจ่ายจริง ไม่เกนิ คนละหนึง่ หมื่นบาท ขอ้ 4 ผู้เข้ารับการฝึกอบรมต้องเป็นลูกจ้างของผู้ประกอบกิจการท่ีจะขอรับเงินช่วยเหลือหรือ อุดหนุน และปฏบิ ัติงานในหนา้ ที่รับผดิ ชอบทเ่ี ก่ียวข้องกับหลักสตู รทจี่ ะฝกึ อบรม
179 เล่ม ๑๓๔ ตอนพเิ ศษ ๓๐๒ ง หน้า ๖ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๐ ราชกิจจานุเบกษา ข้อ 5 ผู้ประกอบกิจการท่ีประสงค์จะขอรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุน ต้องยื่นหลักสูตร การฝึกอบรมที่จะขอรับเงินอุดหนุน ให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน การฝกึ อบรมไมน่ ้อยกว่าสามสบิ วนั ตามแบบ ขร.1 ทา้ ยประกาศน้ี หลักสูตรการฝึกอบรมที่ได้รับความเห็นชอบแล้ว ให้ผู้ประกอบกิจการนําไปใช้ในการฝึกอบรม ฝีมือแรงงานได้ หากจําเป็นต้องเปล่ียนแปลงกําหนดการฝึกอบรม สถานท่ีฝึกอบรม หรือผู้เข้ารับการฝึกอบรม ใหแ้ จ้งกรมพฒั นาฝีมอื แรงงานทราบเป็นหนงั สอื ก่อนดาํ เนนิ การฝกึ อบรมไมน่ ้อยกว่าเจ็ดวัน การดําเนินการตามวรรคหน่ึงและวรรคสอง ให้ยื่น ณ ท้องที่ท่ีสถานประกอบกิจการต้ังอยู่ ในกรุงเทพมหานครให้ยื่น ณ หน่วยงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานท่ีต้ังอยู่ในกรุงเทพมหานคร ในจังหวดั อนื่ ใหย้ ่ืน ณ หน่วยงานของกรมพฒั นาฝีมือแรงงานท่ีตั้งอยใู่ นจังหวดั นน้ั ขอ้ 6 เม่ือดําเนินการฝึกอบรมเสร็จสิ้น ให้ผู้ประกอบกิจการยื่นคําขอรับเงินช่วยเหลือหรือ อุดหนุน พร้อมเอกสารหลักฐานท่ีเก่ียวข้อง ภายในหกสิบวันนับแต่วันเสร็จส้ินการฝึกอบรม แต่ไม่เกิน วนั ท่ี 31 มนี าคมของปีถัดไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๐ หมอ่ มหลวงปุณฑรกิ สมติ ิ ปลดั กระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการสง่ เสรมิ การพัฒนาฝีมือแรงงาน
180 บัญชรี ายช่ือหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อสรา้ งสรรค์นวัตกรรม แนบท้ายประกาศคณะกรรมการสง่ เสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรอ่ื ง หลักเกณฑ์การพิจารณาหลักสูตรการฝกึ อบรมฝีมือแรงงานเพอื่ พัฒนาทกั ษะความรใู้ หแ้ ก่ลูกจ้าง เพื่อเป็นการสร้างสรรค์นวัตกรรมหรอื นาเทคโนโลยมี าใช้ในการผลิตสนิ คา้ หรือบริการ ลาดับท่ี ชื่อหลักสูตร ระยะเวลา หัวข้อวิชา การฝึก 1 สาขา การออกแบบสมองกลฝังตวั (ชว่ั โมง) 1. ความปลอดภัยในการปฏบิ ัตงิ าน ในโรงงานอตุ สาหกรรม 2. การใช้เคร่ืองมือวัดค่าทางไฟฟา้ 30 และอิเล็กทรอนกิ ส์ 3. การอ่านแบบวงจร การเลือก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และการเลือก Footprint สาหรบั ระบบสมองกลฝังตัว 4. การออกแบบลายวงจรพิมพ์ และสร้างแผ่นวงจรพิมพต์ ามแบบ ทก่ี าหนด 5. การประกอบช้นิ ส่วนและทดสอบ วงจรอเิ ล็กทรอนิกส์ 6. การเขียนโปรแกรมควบคุมสาหรบั ระบบสมองกลฝงั ตวั 7. ปฏิบตั กิ ารใชเ้ คร่ืองมือในการสร้าง ซอฟต์แวร์และติดตั้งลงบอรด์ 8. การวัดและประเมนิ ผล 2 สาขา การควบคุมหุ่นยนต์ในระบบงาน 18 1. ความปลอดภัยในการปฏิบัตงิ าน อตุ สาหกรรม 2. กลไกและหลักการทางานพ้ืนฐาน ของหุ่นยนต์ 3. การใช้คาส่ังควบคุมการเคล่ือนท่ี ของหุน่ ยนต์อุตสาหกรรม 4. การใช้คาสั่งกาหนดเงื่อนไข การทางานของหุน่ ยนต์ อุตสาหกรรม 5. การติดต่อส่ือสารระหวา่ งหุน่ ยนต์ อุตสาหกรรมกับระบบอัตโนมัติ 6. การวดั และประเมินผล
2 181 ลาดบั ท่ี ชือ่ หลักสูตร ระยะเวลา หวั ข้อวิชา การฝกึ 3 สาขา การใชโ้ ปรแกรมเมเปล้ิ ลอจกิ (ชัว่ โมง) 1. ทบทวนความรทู้ างฟังกช์ ัน คอนโทรลเลอร์ขน้ั สงู พน้ื ฐานตา่ ง ๆ 30 2. การสรา้ ง Function และ Function Block 3. การใช้ Function พิเศษชนดิ ต่างๆ เช่น OB100 OB101 OB102 ฯลฯ 4. การสรา้ ง Library 5. การเขยี นโปรแกรมแบบ SFC (Sequential Function Chart) 6. การวดั และประเมินผล 4 สาขา การสร้างภาพเคล่อื นไหว 36 1. ขน้ั ตอนและกระบวนการสร้าง แบบ 3 มิติ (3D Animation) งาน 3D Animation 2. การพัฒนาบท Storyboard และการออกแบบตัวละคร/ฉาก 3. การขน้ึ Model 4. การลงสตี ัวละครและฉาก และการจดั แสง Render 5. การทา Animation 6. การจดั องคป์ ระกอบ Composite และ Effect 7. การวัดและประเมินผล 5 สาขา การจาลองโมเดลสายการผลติ 24 1. พน้ื ฐานทจี่ าเป็นสาหรับ เพอ่ื เพ่มิ ประสิทธิภาพดว้ ยโปรแกรม สายการผลิต Automation Plant Simulation 2. การสรา้ ง Model 7 Waste โดยใช้ Software Simulation 3. จาลองโมเดล การผลติ มากเกนิ ไป (Over production) 4. จาลองโมเดลคลงั สนิ คา้ (Inventory)
182 3 ลาดับท่ี ช่ือหลักสตู ร ระยะเวลา หวั ข้อวิชา การฝึก (ชั่วโมง) 5. จาลองโมเดลการลาเลียง (Transport) 6. จาลองขอ้ บกพร่องในการผลิต (Defect) เพื่อศกึ ษาผลกระทบ ตอ่ การผลิต 7. จาลองโมเดลประสทิ ธิภาพ การทางานของคน (Idle Time) 8. จาลองการเคล่ือนไหว (Movement) 9. จาลองข้ันตอนการผลิตที่มาก เกนิ ความจาเป็น (Over Processing) เพ่ือศึกษาผลกระทบ 10. วิเคราะหป์ ญั หาเพ่ือปรบั ปรุง ในแตล่ ะ Model โดยใช้ เคร่อื งมอื ใน Simulation 11. การเลอื กแนวทางการปรับปรงุ ท่ีดที ส่ี ดุ 12. การจดั ทาเอกสารเพ่ือเสนอ แนวทางการปรบั ปรงุ 13. การวดั และประเมินผล
183 แบบ ขร. 1 สําหรับเจา้ หน้าท่ี เลขที่ - - วันทร่ี ับ........................................................................ แบบขอรบั ความเห็นชอบ หลกั สตู รการฝกึ อบรมฝมี ือแรงงานเพอื่ พฒั นาทกั ษะความรใู้ หแ้ กล่ กู จา้ ง เพื่อเปน็ การสรา้ งสรรค์นวตั กรรมหรือนาํ เทคโนโลยมี าใชใ้ นการผลติ สนิ ค้าหรือบริการ เขยี นที่............................................................. วันที่.................เดือน...................พ.ศ ............. เรียน................................................................................... 1. รายละเอยี ดเกยี่ วกบั ผขู้ อรับความเหน็ ชอบหลกั สูตรการฝกึ อบรม ช่ือ.......................................................................................................................................................................... เลขทีบ่ ญั ชีผปู้ ระกอบกจิ การ - - โดย (นาย/นาง/นางสาว)...........................................................................ผู้มีอํานาจทาํ การแทน/ผู้รบั มอบอาํ นาจ ตงั้ อยเู่ ลขท.่ี ......................................... หมทู่ .ี่ .........................ตรอก/ซอย................................................................. ถนน.....................................................แขวง/ตําบล........................................เขต/อาํ เภอ...................................... จงั หวดั .................................................รหสั ไปรษณีย์......................................โทรศพั ท.์ ........................................... โทรศพั ทม์ ือถอื .....................................โทรสาร........................................................................................................ E-mail..................................................................................................................................................................... ประกอบกจิ การประเภท...........................................................................จํานวนลูกจ้าง....................................คน ชือ่ ผ้ปู ระสานงาน.....................................................................................โทรศัพท์................................................. โทรสาร................................................E-mail......................................................................................................... 2. ขอรับความเหน็ ชอบหลกั สูตรการฝึกอบรม หลกั สตู รการฝกึ อบรมเพอื่ สรา้ งสรรค์นวตั กรรม ชอ่ื หลักสูตร สาขา การออกแบบสมองกลฝังตวั ในโรงงานอตุ สาหกรรม จํานวน................รุน่ ช่ือหลักสูตร สาขา การควบคมุ ห่นุ ยนตใ์ นระบบงานอุตสาหกรรม จํานวน................รุ่น ชื่อหลักสูตร สาขา การใช้โปรแกรมเมเปลิ้ ลอจกิ คอนโทรลเลอรช์ น้ั สูง จาํ นวน................รนุ่ ช่ือหลักสูตร สาขา การสรา้ งภาพเคลอ่ื นไหวแบบ 3 มิติ (3D Animation) จาํ นวน................ร่นุ ชื่อหลกั สูตร สาขา การจําลองโมเดลสายการผลิตเพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพ จาํ นวน................ร่นุ ดว้ ยโปรแกรม Automation Plant Simulation หลักสตู รการฝกึ อบรมเพ่อื นาํ เทคโนโลยมี าใชใ้ นการผลิตสนิ คา้ หรือบริการ (1) หลักสตู ร....................................................................................................................จํานวน................รุ่น (2) หลกั สตู ร....................................................................................................................จํานวน................รนุ่ (3) หลักสตู ร....................................................................................................................จํานวน................รนุ่
184 -2- 3. รายละเอยี ดเก่ยี วกบั การฝึกอบรม 3.1 ช่ือหลักสตู ร...................................................................................................................................รุ่นท่.ี .......... (1) ผู้เขา้ รับการฝึกอบรม จํานวน ...................................คน (2) ระยะเวลาในการฝึกอบรม จาํ นวน....................................ช่ัวโมง วันท.่ี .....................................................ถึง................................................................จาํ นวน ............... คน (3) ชอื่ สถานท่ีฝึกอบรม.................................................................................................................................... ต้ังอยู่เลขท.่ี .....................หมทู่ ่ี.............ตรอก/ซอย................................ถนน............................................. แขวง/ตาํ บล....................................เขต/อําเภอ....................................จังหวัด......................................... รหัสไปรษณีย.์ ................................โทรศัพท์.........................................โทรศัพท์มือถือ............................. โทรสาร..........................................Email………................……....…………………………………………………….... (4) คา่ ใชจ้ า่ ยในการฝึกอบรม (4.1) กรณีจดั ฝกึ อบรมเอง (4.1.1) คา่ ตอบแทนวทิ ยากร จาํ นวน..........ชว่ั โมง ชั่วโมงละ..........................บาท จาํ นวนเงิน................................บาท (4.1.2) ค่าวสั ดุตา่ ง ๆ ท่ีจะใชใ้ นการฝกึ อบรมฝมี อื แรงงาน จะตอ้ งมีลกั ษณะการใชส้ อดคล้องกบั เน้อื หาวิชาในหลกั สูตรน้ัน ๆ และไม่ปะปนกบั ทใ่ี ช้ในการประกอบกจิ การ จาํ นวนเงิน........................บาท ผรู้ ับการฝกึ ............คน เฉลย่ี ต่อคนเปน็ เงิน...............บาท (4.2) กรณสี ง่ ลูกจา้ งไปเขา้ รับการฝึกอบรมฝมี อื แรงงาน จํานวน............................คน จํานวนเงิน................................บาท รวมคา่ ใชจ้ า่ ยในการฝกึ อบรม จาํ นวนเงนิ .........................................บาท เฉล่ียตอ่ คนเปน็ เงนิ .........................................บาท 3.2 ช่ือหลักสูตร...................................................................................................................................รุ่นที.่ .......... (1) ผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรม จาํ นวน ...................................คน (2) ระยะเวลาในการฝกึ อบรม จํานวน....................................ช่วั โมง วันที.่ .....................................................ถงึ ................................................................จาํ นวน ............... คน (3) ชอื่ สถานท่ีฝกึ อบรม.................................................................................................................................... ต้ังอยเู่ ลขที่......................หม่ทู ี่.............ตรอก/ซอย................................ถนน............................................. แขวง/ตาํ บล....................................เขต/อาํ เภอ....................................จังหวัด......................................... รหัสไปรษณยี ์.................................โทรศัพท.์ ........................................โทรศัพท์มือถือ............................. โทรสาร..........................................Email………................……....…………………………………………………….... (4) คา่ ใชจ้ ่ายในการฝกึ อบรม (4.1) กรณีจดั ฝกึ อบรมเอง (4.1.1) คา่ ตอบแทนวิทยากร จาํ นวน...........ชัว่ โมง ช่ัวโมงละ..........................บาท จํานวนเงิน................................บาท
185 -3- (4.1.2) คา่ วัสดุตา่ ง ๆ ที่จะใช้ในการฝึกอบรมฝมี ือแรงงาน จะต้องมลี ักษณะการใช้สอดคลอ้ งกับ เนอื้ หาวิชาในหลกั สตู รน้ัน ๆ และไม่ปะปนกับที่ใช้ในการประกอบกิจการ จาํ นวนเงนิ ........................บาท ผรู้ ับการฝกึ ............คน เฉล่ยี ตอ่ คนเป็นเงิน...............บาท (4.2) กรณสี ง่ ลูกจ้างไปเขา้ รับการฝกึ อบรมฝีมอื แรงงาน จาํ นวน............................คน จาํ นวนเงนิ ................................บาท รวมคา่ ใช้จา่ ยในการฝกึ อบรม จาํ นวนเงิน.........................................บาท เฉลย่ี ต่อคนเปน็ เงิน.........................................บาท 3.3 ชือ่ หลักสตู ร...................................................................................................................................รุ่นท่ี........... (1) ผเู้ ขา้ รบั การฝกึ อบรม จํานวน ...................................คน (2) ระยะเวลาในการฝึกอบรม จํานวน....................................ชัว่ โมง วันที่......................................................ถึง................................................................จํานวน ............... คน (3) ชือ่ สถานทฝี่ ึกอบรม.................................................................................................................................... ตัง้ อยู่เลขที่......................หมูท่ ่ี.............ตรอก/ซอย................................ถนน............................................. แขวง/ตําบล....................................เขต/อาํ เภอ....................................จังหวัด......................................... รหัสไปรษณีย.์ ................................โทรศัพท์.........................................โทรศัพท์มอื ถอื ............................. โทรสาร..........................................Email………................……....…………………………………………………….... (4) คา่ ใช้จ่ายในการฝึกอบรม (4.1) กรณจี ดั ฝกึ อบรมเอง (4.1.1) คา่ ตอบแทนวทิ ยากร จํานวน...........ชว่ั โมง ชั่วโมงละ..........................บาท จํานวนเงนิ ................................บาท (4.1.2) ค่าวัสดุตา่ ง ๆ ท่ีจะใชใ้ นการฝึกอบรมฝีมอื แรงงาน จะตอ้ งมีลกั ษณะการใชส้ อดคล้องกบั เน้อื หาวชิ าในหลกั สตู รนนั้ ๆ และไมป่ ะปนกบั ทใ่ี ช้ในการประกอบกิจการ จาํ นวนเงนิ ........................บาท ผ้รู ับการฝกึ ............คน เฉลยี่ ตอ่ คนเปน็ เงนิ ...............บาท (4.2) กรณสี ง่ ลูกจา้ งไปเข้ารับการฝึกอบรมฝมี อื แรงงาน จาํ นวน............................คน จํานวนเงนิ ................................บาท รวมค่าใช้จา่ ยในการฝกึ อบรม จํานวนเงิน........................................บาท เฉล่ยี ตอ่ คนเป็นเงนิ .........................................บาท 4. รวมคา่ ใช้จา่ ยในการฝกึ อบรมท้งั หมด จํานวนเงิน...................................................บาท เฉลยี่ ตอ่ คนเป็นเงนิ ............................................บาท 5. ผลทค่ี าดวา่ จะได้รบั จากการฝกึ อบรม 5.1 ลดตน้ ทนุ ลดขั้นตอนการผลิตสินค้าหรือบริการ ลดเวลาในการทาํ งาน ลดการสญู เสยี ลดอุบตั เิ หตุหรือโรคที่เกิดจากการทํางาน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332