สาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ แนวทางการนเิ ทศ เพือ่ พัฒนาและส่งเสริม การจดั การเรียนรู้เชิงรกุ (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้ หน่วยศึกษานเิ ทศก์ สาํ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน f esdc.go.th เอกสารหมายเลข 1/2562 http://www.esdc.go.th (+66) 02 628 5324, 02 288 5896 [email protected]
34 Outcome อง ผลลพั ธ์ที่เกิดขนึ ้ กบั ผ้เู รียน รม - มคี วำมสขุ -มีทกั ษะกำรเรียนรู้ทห่ี ลกั สตู รกำหนด -มีทักษะกำรเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ รม -มที ักษะกำรคดิ ขนึ้ สูง -มคี ุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ -มีทักษะชีวติ และกำรทำงำน -มสี ุขนิสยั และสุขภำพทีพ่ ึงประสงค์ นผล -มคี วำมสำมำรถในกำรแขง่ ขนั นำนำชำติ รยี นรูเ้ ชงิ รกุ ( Active Learning) รกุ (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้
35 การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรูเ้ ชิงรกุ (Active Learning) การออกแบบการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ต้องพิจารณาว่ากิจกรรมท่ีออกแบบเป็นกิจกรรม ลักษณะใด อาจะเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ตามมาตรฐานและตัวช้ีวัดของแต่ละวิชาหรือกลุ่มสาระการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน หรือกิจกรรมเสริมทักษะอ่ืน ๆ โดยผู้ออกแบบพิจารณาแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง อัน ประกอบดว้ ย แนวคิดของ บลูม (Bloom’s Taxonomy) สี่เสาหลักทางการศึกษา (Four Pillars of Education) หลกั การพฒั นาทักษะ 4 H (Head Heart Hand และ Health) และพระบรมราโชบายด้าน การศกึ ษา ของสมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั วชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยมกี ระบวนการ ดงั นี้ 1. การกาหนดหัวขอ้ เร่ือง (Theme) หัวข้อเรื่อง (Theme) เป็นข้อความที่เป็นประเด็นของเรือ่ ง ท่ีผู้เรียนจะทาการศึกษา โดยเปน็ มโนทัศน์กวา้ ง ๆ ทีเ่ อื้อต่อการใช้ความรู้ และมุมมองหลายวชิ ารวมกัน สอ่ื ความหมายเป็นแนวคิดหรือความคิด รวบยอด (Concept) แก่ผู้เรียน ควรเป็นหัวข้อเร่ืองท่ีทันสมัย น่าสนใจ และมีความหมายสาหรับผู้เรียน ทาให้ เกดิ ความกระหาย อยากจะเรยี นรู้ และพรอ้ มท่ีจะสืบสวน (Inquiry) แสวงหาคาตอบด้วยตนเอง ซึ่งผูอ้ อกแบบ กิจกรรมควรพจิ ารณาในประเด็น ตอ่ ไปน้ี 1) หัวขอ้ เรื่อง มีความยากงา่ ย เหมาะสมกับระดับความรคู้ วามสามารถของผ้เู รยี น ไม่ยงุ่ ยากหรอื ซบั ซ้อนจนเกนิ ไป และท่สี าคญั ต้องมีความเปน็ ไปได้ 2) หวั ข้อเรือ่ ง มีแหล่งความรู้ทจี่ ะศกึ ษาคน้ คว้า 3) หัวขอ้ เรอื่ ง สอดคลอ้ งกับความถนดั ความสนใจ และความพรอ้ มของผเู้ รียน 2. การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้เชงิ รกุ (Active Learning) การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรกุ (Active Learning) เปน็ กระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ ผ้เู รียนได้ลงมือกระทา และได้ใช้กระบวนการคิดเกี่ยวกับสิ่งท่ีเขาได้กระทาลงไป (Bonwell, 1991) โดยผู้เรียน จะเปล่ียนบทบาทจากผู้รับความรู้ (receive) ไปสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ (Co-Creators) ความรู้ที่ เกิดขึ้นเป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ ดังนั้น กระบวนการในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ผู้เรียนต้องมีโอกาส ลงมือกระทามากกว่าการฟังเพียงอย่างเดียว การจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยการอ่าน การเขียน การ อภิปรายกับเพื่อน การวิเคราะห์ปัญหา และใช้กระบวนการคิดข้ันสูง ได้แก่ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การ ประเมินคา่ และการสร้างสรรค์ เป็นกระบวนการเรยี นรูท้ ่ีใหผ้ ู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย โดยการร่วมมือ ระหว่างผู้เรียนด้วยกัน กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ทาให้ผู้เรียนสามารถรักษาผลการเรียนรู้ ให้อยู่คงทนได้นาน กระบวนการเรียนรู้เชิงรุก จะสอดคล้องกับการทางานของสมองและความจา โดยผู้เรียน สามารถเก็บข้อมูล และจาส่ิงท่ีเรียนรู้โดยมีส่วนร่วม มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ผู้สอน สิ่งแวดล้อม ผ่านการปฏิบัติ จรงิ สามารถเก็บความจาในระบบความจาระยะยาว (Long Term Memory) การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก อาจแยกการออกแบบกิจกรรมได้ 2 ลักษณะ คือ 1) การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก ในหน่วยการเรียนรู้หรือแผนการจัดการเรียนรู้ 2) การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก ในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนหรือกิจกรรมเสริมทักษะ อื่น ๆ แนวทางการนิเทศเพ่ือพัฒนาและส่งเสรมิ การเรยี นรู้เชิงรุก (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรยี น เพ่มิ เวลารู้
36 3. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้เชิงรุก (Active Learning) กิจกรรมการเรยี นรู้ เป็นกระบวนการปฏบิ ตั ติ า่ ง ๆ ของผูเ้ รียนทีก่ ่อใหเ้ กิดการเรยี นร้อู ยา่ งมี ประสิทธิภาพ ได้แก่ วิธีการ/กิจกรรมที่ครูหรือผู้เก่ียวข้อง นามาใช้เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ตามเป้าหมาย วัตถุประสงค์ สอดคลอ้ งเชื่อมโยงกับมาตรฐานตัวชวี้ ดั ทีก่ าหนดไว้ในหลักสูตรสถานศึกษา โดยมอี งค์ประกอบท่ี สาคัญของการจดั การเรยี นรู้ คอื กระบวนการ/วิธกี ารจดั กิจกรรมการเรียนรู้ท่เี หมาะสม ซึ่งจะมีผลต่อการเรียนรู้ ของผู้เรียนอย่างแท้จริง โดยกิจกรรมการเรียนรู้ มีผลต่อผู้เรียน ในการกระตุ้นความสนใจ สนุกสนาน ตื่นตัวใน การเรียน มีการเคลื่อนไหว เปิดโอกาสให้ผู้เรียนประสบความสาเร็จในการเรียนรู้ ปลูกฝังความเป็น ประชาธิปไตย การใช้ทักษะชีวิต ฝึกความรับผิดชอบ การทางานร่วมกัน ช่วยเหลือเก้ือกูลตามศักยภาพ และ คุณลักษณะที่ดี นอกจากน้ี กิจกรรมการเรียนร้ ยังต้อง ส่งเสริมทักษะกระบวนการต่าง ๆ เช่น การคิด สร้างสรรค์ การส่ือสาร การแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม การบริหารจัดการ ฝึกการใช้เทคโนโลยีให้เกิด ประโยชน์ เปน็ เครื่องมอื การเรียนรู้ตลอดชวี ิต สร้างปฏสิ ัมพันธ์ทีด่ รี ะหว่างผู้เรียนกบั ผูเ้ รียน กบั ครู และบคุ คลที่ เกีย่ วข้องอื่น ๆ สร้างความเขา้ ใจบทเรยี นและส่งเสริมพฒั นาการผ้เู รียนในทกุ ๆ ด้าน หลกั การจดั ประสบการณ์หรอื กจิ กรรมการเรียนรู้ 1) เลือกกิจกรรมทส่ี อดคล้องกับวัตถปุ ระสงค์ของการจดั การเรียนรู้ สอดคล้อง เชื่อมโยงกับมาตรฐานหรือตัวช้ีวัด หากเป็นทักษะ ควรเป็นทักษะท่ีปฏิบัติแล้วผู้เรียนเปล่ียนแปลงพฤติกรรม ไดต้ ามวัตถปุ ระสงค์ 2) เลอื กกิจกรรมทผ่ี เู้ รยี นพงึ พอใจ สนกุ น่าสนใจ ไม่ซ้าซาก มปี ระโยชน์ต่อการนาไปใช้ ในชีวติ ประจาวนั และทาให้ผเู้ รียนมีเจตคติทด่ี ีตอ่ การเรยี น 3) เลือกกิจกรรมท่ีเหมาะสมกับความสามารถ ด้านร่างกายของผู้เรียนท่ีจะปฏิบัติได้ และ ควรคานงึ ถงึ ประสบการณเ์ ดมิ เพ่อื จดั กจิ กรรมใหมไ่ ด้อยา่ งตอ่ เน่ือง 4) เลือกกจิ กรรมท่ีส่งเสริมจุดมงุ่ หมายในการจัดการเรยี นร้หู ลาย ๆ ด้าน 5) เลือกกิจกรรมให้หลากหลาย คานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล เหมาะสมกับวัย ความสามารถและความสนใจของผู้เรยี น ให้ผ้เู รยี นได้ใชป้ ระสาทสมั ผสั ในการเรียนรู้มากทีส่ ุด 6) ใช้สอื่ /แหลง่ เรียนรทู้ ่ีหลากหลายและเหมาะสม 7) ใชเ้ ทคนคิ วิธกี ารเรียนร้ทู ี่หลากหลาย สง่ เสรมิ กระบวนการคดิ และทักษะต่าง ๆ 8) ผเู้ รียนมีสว่ นรว่ มในการทากจิ กรรมและการประเมินผล มกี ารวดั และประเมนิ ผล ทห่ี ลากหลายและสอดคล้องกับกิจกรรม 4. การวัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้เชิงรกุ (Active Learning) การวัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้ เป็นกระบวนการในการตรวจสอบผลการดาเนิน กจิ กรรมวา่ บรรลุตามเป้าหมาย ทกี่ าหนดไว้หรือไม่ มสี ว่ นใดต้องปรบั ปรุงแก้ไขเพื่อพัฒนาต่อไป โดยประเมนิ ท้ัง กระบวนการในการจัดกิจกรรม และประเมินคุณภาพของผู้เรียน ใช้การประเมินหลากหลายวิธี ให้ทุกฝ่ายได้มี โอกาสในการประเมิน เช่น ครูประเมินผู้เรียน ผู้เรียนประเมินเพื่อน ผู้เรียนประเมินตนเอง วิธีการในการ ประเมินควรถูกต้องเหมาะสมกับความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะของผู้เรียนท่ีกาหนดไว้ในเป้าหมายของการจัด กิจกรรมน้ัน ๆ แนวทางการนเิ ทศเพื่อพฒั นาและสง่ เสริมการจดั การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้
37 การประเมินผลการเรียนรู้เชิงรุก ควรใช้หลักการประเมินตามสภาพจริงและนาผลการ ประเมินมาพัฒนาผู้เรียนอย่างต่อเน่ือง โดยมีลักษณะ ดังนี้ 1) ใช้ผู้ประเมินจาก หลายฝ่าย เช่น ผู้เรียน เพ่ือน ผสู้ อน ผ้เู ก่ียวขอ้ ง 2) ใช้วธิ กี ารหลากหลายวธิ ี/ชนิด เชน่ การสงั เกต การปฏิบัติ การทดสอบ การรายงานตนเอง 3) ประเมินหลายๆ ครงั้ ในแตล่ ะช่วงเวลาของการเรียนรู้ เช่น ก่อนเรยี น ระหวา่ งเรียน ส้ินสุดการเรยี น ตดิ ตาม ผล และ 4) สะท้อนผลการประเมินแก่ผู้เรียนและผ้เู กย่ี วข้อง เพ่ือนาไปสกู่ ารพัฒนาผู้เรียน การประเมินผลกิจกรรมการเรยี นรู้เชงิ รกุ (Active learning) การประเมินผลกิจกรรมการเรียนรเู้ ชิงรกุ (Active learning) การประเมนิ ผลกิจกรรมการเรยี นรู้เชิงรุก (Active learning) การเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) ในการจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ เป็นกิจกรรมทตี่ อ้ งการพฒั นาผ้เู รียนรอบดา้ น ผ้สู อนสามารถใช้วิธีการประเมินผล ดงั น้ี 1. การประเมินตามสภาพจรงิ (Authentic Assessment) เปน็ การประเมินด้วยวธิ กี ารที่ หลากหลายเพื่อให้ได้ผลการประเมินที่สะท้อนความสามารถท่ีแท้จริงของผู้เรียน จึงควรใช้การประเมินการ ปฏิบัติ (Performance Assessment) ร่วมกับการประเมินด้วยวิธีการอ่ืน และกาหนดเกณฑ์ในการประเมิน (Rrubrics) ใหส้ อดคลอ้ งหรอื ใกลเ้ คยี งกับชีวติ จรงิ 2. การประเมินการปฏิบัติ (Performance Assessment) เป็นวิธีการประเมินงานหรือ กจิ กรรมท่ีผสู้ อนมอบหมายให้ผเู้ รยี นปฏบิ ัติงานเพ่ือให้ทราบถงึ ผลการพฒั นาของผู้เรียน การประเมนิ ลักษณะน้ี ผู้สอนต้องเตรียมส่ิงสาคัญ 2 ประการ คือ ภาระงาน (Tasks) หรือเกณฑ์การประเมินกิจกรรมที่จะให้ผู้เรียน ปฏิบัติ (Scoring Rubrics) การประเมินการปฏิบัติ จะช่วยตอบคาถามท่ีทาให้เรารู้ว่า “ผู้เรียนสามารถนาส่ิง ทเี่ รยี นรู้ไปใช้ไดด้ เี พยี งใด” ดงั นนั้ เพ่ือให้การปฏบิ ตั ิในระดับชัน้ เรียนเป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ผ้สู อนตอ้ งทา ความเขา้ ใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นต่อไปนี้ แนวทางการนเิ ทศเพือ่ พฒั นาและส่งเสรมิ การจัดการเรยี นรู้เชงิ รกุ (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้
38 1) ส่ิงท่ีเราตอ้ งการจะวดั (พิจารณาจากมาตรฐาน/ตวั ชี้วดั หรือผลลพั ธท์ ี่เราตอ้ งการ) 2) การจัดการเรยี นรู้ทเ่ี อ้ือตอ่ การประเมนิ การปฏบิ ตั ิ 3) รปู แบบหรือวิธีการประเมนิ การปฏิบตั ิ 4) การสร้างเครอ่ื งมือประเมนิ การปฏิบตั ิ 5) การกาหนดเกณฑ์ในการประเมิน (Rubrics) 3. การประเมนิ โดยการใช้คาถาม (Questioning) คาถามเปน็ วธิ หี น่งึ ในการกระต้นุ /ชแ้ี นะให้ ผู้เรียนแสดงออกถึงพัฒนาการการเรียนรู้ของตนเอง รวมถึงเป็นเครื่องมือวดั และประเมินเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ ดังน้ัน เทคนิคการต้ังคาถามเพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน จึงเป็นเร่ืองสาคัญยิ่งท่ีผู้สอนต้องเรียนรู้และ นาไปใช้ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตั้งคาถามเพื่อพัฒนาผู้เรียนจึงเป็นกลวิธีสาคัญที่ผู้สอนใช้ประเมินการ เรยี นรู้ของผูเ้ รียนรวมทงั้ เป็นเครอ่ื งสะทอ้ นให้ผู้สอนสามารถชว่ ยเหลือผูเ้ รยี นให้บรรลจุ ดุ มุ่งหมายของการเรียนรู้ 4. การประเมนิ โดยการการสนทนา( Communication) เป็นการส่ือสาร 2 ทางอกี ประเภทหนง่ึ ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน สามารถดาเนินการเป็นกลุ่มหรือรายบุคคลก็ได้ โดยท่ัวไปมักใช้อย่างไม่เป็นทางการ เพื่อติดตามตรวจสอบว่า ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้เพียงใด เป็นข้อมูลสาหรับพัฒนา วิธีการนี้อาจใช้เวลา แต่มี ประโยชน์ต่อการค้นหา วินิจฉัย ข้อปัญหา ตลอดจนเรื่องอื่นๆ ที่อาจเป็นปัญหา อุปสรรคต่อการเรียนรู้ เช่น วิธีการเรียนร้ทู ่แี ตกต่างกนั เป็นตน้ 5. การประเมนิ การสงั เกตพฤตกิ รรม (Behavioral Observation) เป็นการเกบ็ ขอ้ มูลจากการดู การปฏบิ ัติกิจกรรมของผู้เรียนโดยไม่ขัดจังหวะการทางานหรือการคิดของผู้เรียน การสงั เกตพฤติกรรมเป็นส่ิงท่ี ทาได้ตลอดเวลา แต่ควรมีกระบวนการและจุดประสงค์ที่ชัดเจนว่าต้องการประเมินอะไร โดยอาจใช้เคร่ืองมือ เช่น แบบมาตรประมาณค่า แบบตรวจสอบรายการ สมุดจดบันทึก เพ่ือประเมินผู้เรียนตามตัวช้ีวัด และควร สังเกตหลายคร้ัง หลายสถานการณ์ และหลายช่วงเวลา เพ่ือขจดั ความลาเอยี ง 6. การประเมินตนเองของผเู้ รียน (Student Self-assessment) การประเมินตนเอง นบั เป็นทั้ง เคร่ืองมือประเมินและเครื่องมือพัฒนาการเรียนรู้ เพราะทาให้ผู้เรียนได้คิดใคร่ครวญว่า ได้เรียนรู้อะไร เรียนรู้ อย่างไร และผลงานท่ีทาน้ันดแี ล้วหรือยัง การประเมนิ ตนเองจงึ เปน็ วิธีหนึง่ ทีจ่ ะช่วยพัฒนาผเู้ รียนใหเ้ ป็นผู้เรียน ทส่ี ามารถเรียนร้ดู ้วยตนเอง 7. การประเมินโดยเพื่อน (Peer Assessment) เป็นเทคนิคการประเมินอีกรูปแบบหนึ่งท่ีน่าจะ นาใช้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เข้าถึงคุณลักษณะของงานที่มีคุณภาพ เพราะการท่ีผู้เรียนจะบอกได้ว่าช้ินงานน้ัน เป็นเช่นไร ผู้เรียนต้องมีความเข้าใจอย่างชัดเจนก่อนว่าเขากาลังตรวจสอบอะไรในงานของเพ่ือน ฉะนั้นผู้สอน ต้องอธิบายผลที่คาดหวังให้ผู้เรียนทราบก่อนท่ีจะลงมือประเมิน การที่จะสร้างความมั่นใจว่าผู้เรียนเข้าใจการ ประเมนิ รูปแบบนี้ ควรมกี ารฝกึ ผู้เรียน แนวทางการนิเทศเพอื่ พัฒนาและส่งเสรมิ การจดั การเรยี นรู้เชงิ รกุ (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้
39 การออกแบบหน่วยการเรียนรู้และแผนการจดั การเรยี นรู้ ทเี่ น้นการจัดการเรยี นรเู้ ชิงรกุ (Active Learning) การออกแบบหน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการจัดการเรียนเชิงรุก (Active Learning) ครูผสู้ อนจะมกี ารพจิ ารณาตรวจสอบโครงสรา้ งรายวิชาท่สี อนก่อน จงึ ดาเนนิ การออกแบบ หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการจัดการเรียนเชิงรุก (Active Learning) ให้สอดคล้องกับ หลักสูตรในแตล่ ะกลมุ่ สาระการเรยี นรู/้ รายวชิ า โครงสร้างรายวชิ า โครงสร้างรายวิชา เป็นการกาหนดขอบข่ายของรายวิชาท่ีจะจัดสอนเพ่ือช่วยให้ผู้สอนและ ผู้เก่ียวข้อง เห็นภาพรวมของแต่ละรายวิชาว่า ประกอบด้วย หน่วยการเรียนรู้ จานวนเท่าใด เร่ืองใดบ้าง แต่ละหน่วยพัฒนาให้ผู้เรียนบรรลุตัวช้ีวัดใด เวลาที่ใช้จัดการเรียนการสอน และสัดส่วนการเก็บคะแนนของ รายวิชานั้นเป็นอย่างไร กระบวนการจัดทาโครงสร้างรายวิชา และหน่วยการเรียนรู้ อาจดาเนินการ โดยมี ข้ันตอนเรม่ิ ตน้ หรือลงทา้ ยท่ีแตกตา่ งกันไดห้ ลายวธิ ี เช่น วิธีท่ี 1 โครงสร้างรายวชิ า หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 วธิ ที ่ี 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 โครงสร้างรายวชิ า การจัดทาโครงสร้างรายวิชาจะชว่ ยใหค้ รูผสู้ อนเหน็ ความสอดคลอ้ งเชอ่ื มโยงของลาดับการ เรยี นรูข้ องรายวิชาหนึ่ง ๆ ว่าครจู ะสอนอะไร ใช้เวลาสอนเร่ืองนน้ั เท่าไร และจัดเรยี งลาดับสาระการเรียนรู้ ตา่ ง ๆ อยา่ งไร ทาใหม้ องเห็นภาพรวมของรายวิชาอยา่ งชัดเจน แนวทางการนิเทศเพ่ือพัฒนาและสง่ เสรมิ การจดั การเรียนรู้เชงิ รุก (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้
40 โครงสร้างรายวิชา มอี งค์ประกอบหลัก ๆ ดังน้ี - มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวช้ีวัด ท่ีเปน็ เป้าหมายในการพฒั นาผู้เรียนสาหรับหน่วยน้ัน ๆ ซ่ึงอาจมาจากกลุ่มสาระการเรียนรู้เดียวกันหรือต่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สอดคล้องกัน มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด อาจมีการสอนหรือฝึกซ้าให้เกิดความชานาญ และมีความรู้กว้างขวางขึ้น ในหน่วยการเรียนรู้มากกว่า 1 หนว่ ยได้ - สาระสาคัญ เป็นความรคู้ วามคดิ ความเขา้ ใจทลี่ ึกซึ้ง หรอื ความรูท้ ่ีเป็นแก่น เปน็ หลกั การ ของเร่อื งใดเรื่องหนึ่ง ท่เี กดิ จากการหลอมรวมของมาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวช้วี ัดในหนว่ ยการเรียนรู้ - ชื่อหน่วยการเรียนรู้ จะต้องสะท้อนให้เห็นสาระสาคัญของหน่วยการเรียนรู้ น่าสนใจ เหมาะสมกบั วยั มีความหมายและสอดคล้องกบั ชวี ติ จริงของผูเ้ รยี น - เวลา การกาหนดเวลาเรียนควรมีความเหมาะสมและเพียงพอกับการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ เพ่ือพัฒนาให้นักเรียนมีความสามารถตามท่ีระบุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด และ ควรพิจารณาในภาพรวมของทกุ หน่วยการเรยี นรใู้ นรายวิชานนั้ ๆ อยา่ งเหมาะสม - นา้ หนกั คะแนน การกาหนดนา้ หนักคะแนนเปน็ ส่วนช่วยให้เห็นทศิ ทาง การจดั เวลา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และการประเมนิ ผล ใหส้ อดคล้องกบั ความสาคัญของมาตรฐาน/ตวั ชว้ี ดั ในหน่วย การเรียนรูน้ ั้นวา่ เป็นมาตรฐานและตวั ชี้วดั ที่เป็นความรู้ ประสบการณ์พ้ืนฐานในการต่อยอดความรหู้ รือ พฒั นาการเรยี นรใู้ นเรอ่ื งอน่ื ๆ หรือพิจารณาจากศักยภาพผูเ้ รยี น ธรรมชาตวิ ิชา ฯลฯ การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ องิ มาตรฐาน หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน คือ หน่วยการเรียนรู้ท่ีมีมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด เป็น เป้าหมายของหน่วย และองค์ประกอบภายในหน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด สาระสาคัญ สาระการเรยี นรู้ ชน้ิ งานหรือภาระงานที่กาหนดให้ผู้เรียนปฏิบัติ กจิ กรรมการเรียนการสอนและ เกณฑ์การประเมินผล ทุกองค์ประกอบของหน่วยการเรียนรู้ จะต้องเช่ือมโยงกับมาตรฐานและตัวช้ีวัดที่เป็น เปา้ หมายของหน่วย การออกแบบหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน เป็นข้ันตอนสาคัญที่สุดของการจัดทาหลักสูตร สถานศึกษา เพราะเป็นส่วนท่ีนามาตรฐานการเรียนรู้ไปสู่การปฏิบัติในการเรียนการสอนอย่างแท้จริง นกั เรยี นจะบรรลมุ าตรฐานหรอื ไม่ อย่างไร ขนึ้ อยูก่ บั ขัน้ ตอนน้ี การออกแบบหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานโดยใช้ Backward Design เป็นการออกแบบท่ี ยึดเป้าหมายการเรียนรู้แบบย้อนกลับโดยเร่ิมจากการกาหนดเป้าหมายปลายทางที่เป็นคุณภาพผู้เรียนที่ คาดหวังเป็นจุดเร่ิมต้นแล้วจึงคิดออกแบบองค์ประกอบอื่น เพื่อนาไปสู่ปลายทาง และทุกขั้นตอนของ กระบวนการออกแบบต้องเชื่อมโยงสัมพันธ์กนั อยา่ งเปน็ เหตเุ ป็นผล ในการนา Backward Design มาใชใ้ นการ ออกแบบหน่วยการเรียนรู้องิ มาตรฐาน มขี ัน้ ตอนทสี่ าคัญ 3 ข้นั ตอน ดังน้ี ข้นั ตอนที่ 1 กาหนดเปา้ หมายการเรยี นรู้ทีส่ ะท้อนมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชว้ี ดั หรือผล การเรยี นรู้ ซึ่งบอกใหท้ ราบว่าตอ้ งการใหน้ ักเรียนรูอ้ ะไร และสามารถทาอะไรได้ เมื่อจบหนว่ ยการเรียนรู้ แนวทางการนเิ ทศเพอื่ พัฒนาและสง่ เสริมการจัดการเรียนรู้เชงิ รุก (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้
41 ข้ันตอนท่ี 2 กาหนดหลักฐาน ร่องรอยการเรียนรู้ที่ชัดเจนและแสดงให้เห็นว่าผู้เรียนเกิดผล การเรียนรู้ตามเป้าหมายการเรียนรู้ มีการกาหนดให้ผู้เรียนมีการทดสอบก่อนและหลังการเรียนรู้ประจาหน่วย การเรียนรู้ ทเ่ี ป็นขอ้ สอบได้มาตรฐานสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ช้วี ดั และสมั พนั ธก์ บั ข้อสอบ O- NET มีการกาหนดเกณฑ์การผ่านการสอบและเกณฑ์การผ่านของผู้เรียนที่รองรับข้อมูลจากผลการวิเคราะห์ ผ้เู รียนเปน็ รายบคุ คล ขน้ั ตอนท่ี 3 ออกแบบกระบวนการ กจิ กรรมการเรยี นรู้ทชี่ ่วยพัฒนาผู้เรยี นใหม้ ีคุณภาพตาม เป้าหมายการเรียนรู้ ที่มุ่งคานึงถึงการออกแบบ กิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) การจดั ทาหน่วยการเรียนรู้ สามารถทาได้ 2 วธิ ี คอื วิธีท่ี 1 กาหนดประเด็นหรือหัวเร่ือง แล้วจึงวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด แนวคิดหน่ึงของการกาหนดหน่วยการเรียนรู้ คือ การกาหนดประเด็นหรือหัวเร่ือง(theme) ซ่ึงสามารถเชอ่ื มโยงการเรียนรู้ต่าง ๆ เข้ากับชีวิตจรงิ ของผู้เรยี น ประเด็นท่ีจะนามาใช้เป็นกรอบในการกาหนด หน่วยการเรยี นรู้ ควรมีลกั ษณะดงั นี้ - ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับองค์ความรู้ ความคิดรวบยอด หลักการของศาสตร์ในกลุ่มสาระ การเรียนรทู้ เ่ี รียน - ประเด็นท่ีเกี่ยวข้องกับปัญหาท่ัวไป ท่ีอาจเชื่อมโยงไปสู่ผลท่ีเกิดข้ึนท้ังทางบวกและ ทางลบจากประเด็นปญั หาน้นั ท้งั นี้ การกาหนดประเดน็ อาจพิจารณาจากคาถาม ต่อไปนี้ 1) ผูเ้ รียนสนใจอะไร/ ปัญหาทีส่ นใจศึกษา 2) ผูเ้ รยี นมคี วามสนใจ ประสบการณ์ และความสามารถในเรื่องอะไร 3) หัวเรือ่ งสอดคล้องกับหลักสตู รสถานศึกษาและความต้องการของชุมชนหรอื ไม่ 4) ผู้เรียนควรไดร้ ับการพฒั นาที่เหมาะสมในด้านใดบ้าง 5) มสี ่ือ/แหล่งการเรียนรเู้ พียงพอหรอื ไม่ 6) หัวเรื่องที่เลือก เหมาะสมและสามารถเชื่อมโยงประสบการณ์การเรียนรู้ในกลุ่มสาระ การเรยี นรู้ต่าง ๆ ไดห้ ลากหลายหรอื ไม่ โดยสรุปหน่วยการเรียนรู้ท่ีมีคุณภาพ คือ หน่วยการเรียนรู้ที่ทาให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ในความรู้ที่ลึกซ้ึงมีความหมายสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ และที่สาคัญจะต้องตอบสนองมาตรฐาน และตัวชวี้ ัดด้วย แนวทางการนเิ ทศเพ่อื พฒั นาและส่งเสริมการจดั การเรียนรู้เชิงรกุ (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้
42 แผนภมู แิ สดงการจดั ทาหน่วยการเรยี นรู้ วิธที ่ี 1 กาหนดประเดน็ ปัญหา / สง่ิ ที่นกั เรียนสนใจ วิเคราะหแ์ ละระบมุ าตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้วี ัด กาหนดสาระสาคัญ กาหนดสาระการเรยี นรู้ ความรู้ ทักษะ/กระบวนการ คุณลักษณะ * กาหนดช้นิ งาน หรือ ภาระงานทน่ี ักเรียนปฏบิ ัติ กาหนดประเด็นและเกณฑก์ ารประเมนิ วางแผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ กาหนดช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ กาหนดเวลาเรยี น * คณุ ลกั ษณะหมายรวมถงึ คุณลักษณะท่ีปรากฏอยใู่ นมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ช้ีวัด และคณุ ลักษณะ อันพึงประสงค์ แนวทางการนิเทศเพือ่ พัฒนาและส่งเสริมการจดั การเรียนรู้เชงิ รุก (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้
43 วิธีท่ี 2 กาหนดมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชวี้ ดั การสร้างหน่วยการเรียนรู้วิธีน้ี ใช้วิธีการหลอมรวมตัวช้ีวัดต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในคาอธิบาย รายวชิ า แผนภูมิ แสดงการจดั ทาหนว่ ยการเรียนรู้ วิธีท่ี 2 วิเคราะห์และระบมุ าตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชวี้ ดั กาหนดสาระสาคญั กาหนดสาระการเรียนรู้ ความรู้ ทักษะ/กระบวนการ คุณลกั ษณะ* กาหนดชิ้นงาน หรอื ภาระงานท่นี ักเรียนปฏบิ ัติ กาหนดประเด็นและเกณฑก์ ารประเมนิ วางแผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ กาหนดชือ่ หน่วยการเรียนรู้ กาหนดเวลาเรยี น * คุณลักษณะหมายรวมถึงคุณลกั ษณะท่ปี รากฏอยใู่ นมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชว้ี ดั และคุณลกั ษณะ อนั พงึ ประสงค์ เป้าหมายของหน่วยการเรียนรู้ คือ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ซึ่งแต่ละหน่วยการ เรียนรู้ อาจระบุมากกว่าหนึ่งมาตรฐานและตัวช้ีวัด แต่ไม่ควรมากเกินไป และควรมีมาตรฐานและตัวชี้วัดที่ หลากหลายลักษณะ เช่น มาตรฐานทีเ่ ป็นเนื้อหา มาตรฐานทีเ่ ปน็ กระบวนการ เพ่อื ช่วยให้การจัดกิจกรรมการ เรยี นรู้มีความหมายต่อผเู้ รียน สามารถสรา้ งเปน็ แก่นความรู้ไดช้ ัดเจนขน้ึ และนาไปปรับใช้กับสถานการณ์จริง ได้ ทง้ั น้ขี ึน้ อยู่กับความเหมาะสมของธรรมชาตกิ ลุ่มสาระการเรียนรู้ เน่ืองจาก หน่วยการเรียนรู้หนึ่งอาจมีมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดมากกว่า 1 มาตรฐาน การเรียนรู้และตัวช้ีวัด จึงควรหลอมรวมแล้วเขียนเป็นสาระสาคัญที่จะพัฒนาให้เกิดคุณภาพเป็นองค์รวม แก่ผู้เรยี น และเพอ่ื ใหก้ ารวางแผนจัดกิจกรรมการเรียนร้สู อดคล้องกับแต่ละมาตรฐานและตัวชี้วดั จึงควร แนวทางการนิเทศเพอ่ื พฒั นาและสง่ เสรมิ การจดั การเรียนรู้เชงิ รกุ (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้
44 วิเคราะห์และแยกแยะเป็น 3 ส่วน คือ ความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะ ทั้งนี้ มาตรฐาน การเรยี นรแู้ ละตัวช้วี ดั บางตัวอาจมีไม่ครบทัง้ 3 สว่ น ผู้สอนสามารถนาเนื้อหาจากแหล่งอ่นื เช่น สาระทอ้ งถ่ิน และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ท่ีกาหนดไวใ้ นหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน มาเพมิ่ เติม เสรมิ ได้ ช้ินงาน หรือภาระงานทน่ี ักเรยี นปฏบิ ัติ ช้ินงานและหรือภาระงาน หมายถงึ สิ่งต่อไปน้ี ช้ินงาน ไดแ้ ก่ 1. งานเขียน เชน่ เรยี งความ จดหมาย โคลงกลอน การบรรยาย การเขยี นตอบ ฯลฯ 2. ภาพ / แผนภมู ิ เช่น แผนผัง แผนภูมิ ภาพวาด กราฟ ตาราง ฯลฯ 3. สงิ่ ประดษิ ฐ์ เช่น งานประดษิ ฐ์ งานแสดงนิทรรศการ หนุ่ จาลอง ฯลฯ ภาระงาน ไดแ้ ก่ การพดู /รายงานปากเปล่า เช่น การอ่าน กล่าวรายงาน โตว้ าที รอ้ งเพลง สัมภาษณ์ บทบาทสมมติ เล่นดนตรี การเคล่อื นไหวร่างกาย ฯลฯ งานทม่ี ีลกั ษณะผสมผสานกันระหวา่ งชิ้นงาน ภาระงาน ได้แก่ การทดลอง การสาธิต ละคร วีดิทัศน์ ฯลฯ ชน้ิ งานและหรอื ภาระงานเป็นหลักฐาน/รอ่ งรอย ว่านักเรียนบรรลมุ าตรฐานการเรียนรูแ้ ละ ตัวชีว้ ัดในหน่วยการเรียนรู้น้ัน ๆ อาจเกดิ จากผสู้ อนกาหนดให้ หรอื อาจให้ผเู้ รยี นรว่ มกันกาหนดขึน้ จากการ วิเคราะห์ตัวช้ีวดั ในหนว่ ยการเรียนรู้ หลกั การกาหนดชิ้นงานและหรือภาระงาน มีดงั น้ี 1. ดูจากมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวดั ในหนว่ ยการเรยี นรู้ ระบไุ วช้ ดั เจนหรอื ไม่ 2. ภาระงานหรอื ชน้ิ งานครอบคลุมตวั ช้วี ัดทร่ี ะบไุ ว้หรอื ไม่ อาจระดมความคิดจากเพ่ือนครู หรอื ผู้เรียน หรืออาจปรบั เพ่ิมกจิ กรรมให้เกดิ ชิ้นงานหรือภาระงานท่ีครอบคลมุ 3. ชิ้นงานช้ินหนง่ึ หรือภาระงาน 1 อยา่ ง อาจเชอื่ มโยงกับมาตรฐานการเรยี นรเู้ ดยี วกนั และ/หรือตัวชี้วัดตา่ งมาตรฐานการเรยี นรู้กันได้ 4. ควรเลือกตวั ชี้วดั ท่ีจะให้เกิดงานทจี่ ะสง่ เสรมิ ให้ผเู้ รยี นไดพ้ ัฒนาสตปิ ัญญาหลาย ๆ ดา้ นไป พรอ้ มกัน เช่น การแสดงละคร บทบาทสมมติ เคล่ือนไหวร่างกาย ดนตรี เปน็ ตน้ 5. เลอื กงานท่ผี เู้ รยี นมโี อกาสเรยี นรแู้ ละทางานท่ชี อบใชว้ ธิ ีทาทหี่ ลากหลาย 6. เป็นงานทใี่ ห้ทางเลอื กในการประเมนิ ผลท่ีหลากหลาย โดยบุคคลต่าง ๆ เชน่ ผู้ปกครอง ผ้สู อน ตนเอง เปน็ ต้น ชิ้นงานและหรือภาระงานท่ีแสดงใหเ้ ห็นถึงพัฒนาการของผเู้ รยี นท่ีได้รับการพัฒนาการเรียนรู้ ของแต่ละเรอ่ื ง หรือแต่ละขน้ั ตอนของการจัดกิจกรรมการเรียนรนู้ าสู่การประเมนิ เพ่ือปรับปรงุ เพิ่มพูนคุณภาพ ผ้เู รียน/วธิ สี อนสงู ขนึ้ อยา่ งต่อเนอื่ ง การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การประเมินโดยใช้รบู ริค (rubric) เปน็ การประเมินทเ่ี นน้ คณุ ภาพของชน้ิ งานหรอื ภาระงานท่ี ช้ีให้เห็นระดับความรู้ ความสามารถของผู้เรียน การประเมินโดยใช้รูบริค (rubric) ช่วยในการส่ือสารอีกทาง หน่ึง ให้ผู้เรียนมองเห็นเป้าหมายของการทาชิ้นงานหรือภาระงานของตนเอง และได้รับความยุติธรรมในการ แนวทางการนเิ ทศเพ่อื พัฒนาและสง่ เสรมิ การจัดการเรียนรู้เชิงรกุ (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้
45 ใหค้ ะแนนของผู้สอน ตามคุณภาพของงาน อยา่ งไรก็ตามการประเมนิ ชิ้นงานหรือภาระงานอาจใชว้ ิธีการอ่ืนได้ ตามความเหมาะสมกับธรรมชาติของชิน้ งานหรือภาระงาน เชน่ การทาแบบ check list การทดสอบ เป็นตน้ การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรู้ การเรียนรู้เปน็ หวั ใจสาคญั ทีจ่ ะช่วยใหน้ ักเรยี นเกิดการพัฒนา ทาให้นักเรียนมีความรูแ้ ละ ทักษะตามมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชีว้ ัดชนั้ ปที ีก่ าหนดไว้ในแต่ละหน่วยการเรยี นรู้ รวมทงั้ ช่วยในการปลกู ฝงั คณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมทพี่ งึ ประสงค์ให้เกดิ แก่ผ้เู รียน ดงั นัน้ ผู้สอนจึงควรทราบหลกั การและขัน้ ตอนใน การจดั กจิ กรรม ดังน้ี 1. หลักในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1.1 เปน็ กิจกรรมทพี่ ัฒนานักเรียนไปสูม่ าตรฐานการเรียนรู้ และตวั ชวี้ ัดช้นั ปที ีก่ าหนดไวใ้ น หน่วยการเรยี นรู้ 1.2 นาไปสู่การเกิดหลักฐานการเรียนรู้ ช้ินงานหรือภาระงานที่แสดงถึงการบรรลุมาตรฐาน การเรยี นรูแ้ ละตวั ช้ีวดั ชั้นปขี องนักเรยี น 1.3 นกั เรยี นมสี ว่ นร่วมในการออกแบบและจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1.4 เป็นกิจกรรมที่เนน้ นักเรยี นเป็นสาคัญ 1.5 มีความหลากหลายและเหมาะสมกบั นักเรยี นและเน้ือหาสาระ 1.6 สอดแทรกคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมทีพ่ ึงประสงค์ 1.7 ช่วยใหน้ ักเรยี นเขา้ สแู่ หล่งการเรียนรู้และเครอื ข่ายการเรียนรทู้ ีห่ ลากหลาย 1.8 เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนไดล้ งมือปฏบิ ตั ิจริง 2. ขั้นตอนในการจดั กจิ กรรม การจัดกจิ กรรมการเรียนรูเ้ พื่อพัฒนานักเรยี นใหม้ ีศักยภาพ ตามมาตรฐานการเรียนรู้/ ตวั ชว้ี ัดท่ีกาหนดเป้าหมายการเรยี นร้ทู พี่ ึงประสงค์ไว้แล้วน้ัน ครผู ู้สอนต้องคดิ ทบทวนย้อนกลับวา่ มี กระบวนการ หรือขน้ั ตอนกิจกรรม ตั้งแต่ตน้ จนจบอยา่ งไร จึงจะทาใหผ้ เู้ รยี นมีขัน้ ตอนการพฒั นาความรู้ความ เขา้ ใจ ทักษะ ความสามารถต่าง ๆ รวมถงึ คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ จนบรรลเุ ป้าหมายการเรียนรู้ และเกดิ หลักฐานของการเรียนรทู้ ี่กาหนด ดังแผนภาพตอ่ ไปนี้ จากเป้าหมายและ เป้าหมายการเรียนรู้ หลักฐานคิด ย้อนกลับส่จู ุดเร่ิมต้น ของกจิ กรรม หลกั ฐานของการเรียนรู้ 4 กจิ กรรม จากกิจกรรมทีละขนั้ 3 กิจกรรม เป็นบนั ไดสู่หลกั ฐานและ 2 กจิ กรรม เปา้ หมายการเรยี นรู้ 1 กจิ กรรม แนวทางการนิเทศเพ่ือพฒั นาและสง่ เสรมิ การจดั การเรยี นรู้เชงิ รกุ (Active Learning) ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114