147 เสรมิ ประสบการณพ รอ มกนั ไดท ง้ั ชน้ั นอกจากนคี้ วรนาํ นทิ านมาอา นใหเ ดก็ ชว ยกนั คดิ วา เหตกุ ารณใ ดเปน สาเหตุ และเหตกุ ารณใ ดเปน ผลทเ่ี กดิ ขนึ้ โดยเนน ทโ่ี ครงเรอ่ื งเปน สาํ คญั ทาํ กรอบสเี่ หลย่ี มไวเ ปน กลอ งสาํ หรบั เปน ทสี่ งั เกต 2 ใบ ใบหนึ่งใสเหตุการณท่ีเปนสาเหตุ ใบหน่ึงใสเหตุการณท่ีเปนผล (ครูเขียนตามท่ีเด็กชวยกันบอกและ แบง เหตกุ ารณเ ปน 2 กลมุ ) ขน้ั ตอ ไป ครถู ามเดก็ ๆ ใหล องคดิ ดวู า เคยฟง นทิ านเรอื่ งใดบา ง ทมี่ เี นอื้ เรอื่ งแสดงถงึ ความเปน เหตผุ ล และนกั เรยี นนาํ วธิ คี ดิ นไ้ี ปใชก บั เรอื่ งไดอ ยา งไร ลองใหเ ดก็ เลา หรอื ยกตวั อยา งจากเรอ่ื งทแ่ี สดงถงึ ความเปน เหตผุ ล ดงั กลา ว ถา นทิ านทเี่ ดก็ ยกมานน้ั มอี ยใู นหอ งเรยี นครกู ส็ ามารถนาํ นทิ านเลา นน้ั มาอา นใหเ ดก็ ฟง ได ซงึ่ จะเปน ประโยชนมาก กิจกรรมทคี่ รูจัดเพ่อื สงเสริมกระบวนการคิด นอกเหนอื จากการใหเด็กสงั เกตโครงเร่ืองทีเ่ ปนเหตุ-ผล แลว ลองฝก ใหเ ดก็ เขยี นเรอ่ื งเอง (เดก็ แตง เรอ่ื งปากเปลา เลา ใหค รเู ขยี น) โดยเนน จดุ ทวี่ า เดก็ ๆ จะถา ยทอด เหตุการณท่ีเปนเหตุผลใหคนอานเขาใจไดอยางไรกิจกรรมท่ีนาสนใจ คือ การเชิญวิทยากรมาคุยกับเด็กวา วทิ ยากรทา นนน้ั เชน คณุ ครใู หญ สมาชกิ ในชมุ ชนทเี่ ชญิ มานน้ั ไดร บั ตาํ แหนง นน้ั เพราะ สาเหตใุ ด : ทาํ ไม จงึ ไดเ ปน ครใู หญ ทาํ ไมจงึ ไดเ ปน กาํ นนั ผใู หญบ า น ฯลฯ เด็กวัยน้ีชอบใชคําถาม “ทําไม” ครูควรใชจิตวิทยาที่ตรงกับพัฒนาการของเด็กวัยนี้ ซ่ึงมีความสนใจ ใฝรูเหตุการณรอบตัวมากท่ีสุด โดยครูเลือกเหตุการณท่ีเปนผลมาใหเด็กดู (อาจใชภาพประกอบขอความ) แลว ถามเดก็ วา เหตกุ ารณน น้ี า จะมสี าเหตมุ าจากอะไรยกตวั อยา งเชน ครวู าดภาพแจกนั แตกบนกระดาน หรอื นาํ ภาพแจกนั แตกมาใหเ ดก็ ดถู ามเดก็ ใหล องคาดเดาเหตกุ ารณว า อะไรเปน สาเหตขุ องแจกนั แตก จากนน้ั วาดภาพ โตะ สาํ หรบั วางแจกนั และมแี มวอยขู า ง ๆ (ใชร ปู ภาพแทนกไ็ ด) และถามสาเหตทุ แ่ี จกนั แตกอกี ครง้ั หนง่ึ เขยี น คาํ วา สาเหตุ และผล ไวข า งคาํ ทเ่ี ปน คาํ สาํ คญั เด็กบางคนอาจชอบวาดภาพที่เปนสาเหตุ/ผล คูกัน ครูอาจถามหรือเสนอแนะเหตุการณที่เปน ชวี ติ ประจาํ วนั ของเดก็ หรอื เปน สถานการณท เ่ี ดก็ คนุ เคย เชน ☺ จะเกดิ อะไรขน้ึ ถา เดก็ ลมื นาํ เอาขา วกลางวนั มาทาน ☺ จะเกดิ อะไรขนึ้ ถา ฝนตกตอนโรงเรยี นเลกิ เวลาทเี่ ดก็ ๆ จะกลบั บา น ☺ จะเกดิ อะไรขนึ้ ถา ทาํ หนงั สอื ตกลงไปในโคลนรมิ ถนน ครอู าจใหเ ดก็ ลองทาํ รายงาน (ปากเปลา ) เลา ใหเ พอ่ื นฟง โดยใหค าํ ถามกลบั ไปถามผปู กครองทบ่ี า นวา มอี ะไรบา งทเ่ี ดก็ ๆ เคยทาํ แลว ผปู กครองรสู กึ มคี วามสขุ มาก กรณีตัวอยางประการหนึ่ง คือ กอนท่ีเด็กจะเขามาในหองตอนเชา ใหคุณครูลองควํ่าเกาอ้ีท่ีเด็ก ทํากิจกรรมแลวลองถามเด็กใหเด็กจินตนาการวามีเหตุการณอะไรแปลกประหลาดท่ีสุดท่ีทําใหเกาอี้ควํ่า อาจจะเปน ไดโนเสาร ตวั ตลก นาํ้ ทว มตอนกลางคนื กองทพั มดยกั ษ ฯลฯ แบง เดก็ เปน กลมุ ใหล องแตง เรอื่ ง ตามจนิ ตนาการสรา งสรรคใ หส นกุ ทส่ี ดุ (เดก็ วาดภาพเปน กลมุ แลว มานาํ เสนอ)
148 โครงเรื่องท่ีเปนปญหาและวิธีแกไข เดก็ อนบุ าลเรม่ิ รจู กั สง่ิ ทเี่ ปน ปญ หา หรอื เหตกุ ารณท เี่ ปน ปญ หาพอสมควร ครอู าจทดสอบความเขา ใจ เกย่ี วกบั ปญ หาของเดก็ โดยใหเ ดก็ คดิ ยอ นไปวา เมอื่ 2 วนั ทผ่ี า นมาเดก็ มปี ญ หาอะไรบา ง ลองใหเ ดก็ พดู คยุ กนั เกยี่ วกบั ปญ หาของตนและวธิ แี กป ญ หาของเดก็ ครวู าดรปู กลอ งบนกระดาน 2 กลอ ง แบง เปน กลอ งใสปญ หา และกลอ งใส วธิ แี กไ ข ครุจะจดตามคําแนะนําของเด็ก โดยชวยกันคิดวิเคราะหกอนวาอะไรคือ ปญหา และ พจิ ารณาวธิ แี กไ้ ขซง่ึ นา่ จะเปน็ ทางแกท้ ไ่ี ดผ้ ล ลองถามเด็กวาเคยฟงเร่ืองหรือนิทานท่ีตัวเอกของเร่ืองมีปญหาหรือไม ใหเด็กท่ีจําไดเลาใหเพื่อน ๆ ฟง และครสู ามารถเสรมิ ประสบการณโ ดยนาํ หนงั สอื ทม่ี เี นอ้ื เรอื่ งเปน ปญ หามาใหเ ดก็ วเิ คราะหป ญ หา และวเิ คราะห การแกไ ขของตวั ละคร เดก็ ระดบั อนบุ าลสามารถคดิ วเิ คราะหแ ละจาํ แนกไดพ อสมควร ครแู ละผปู กครองหากได ฝก ฝนเดก็ อยา งสมา่ํ เสมอจะทาํ ใหเ ดก็ เกดิ ความชาํ นาญ แตม ไิ ดห มายความวา กระทาํ ในสงิ่ ทเ่ี กดิ ความสามารถ และพฒั นาการของเดก็ วยั นี้ แตเ ปน การจดั กจิ กรรมทเ่ี ดก็ ไดส นกุ สนานและใชก ระบวนการคดิ โดยใชน ทิ าน และ เรอื่ งเลา ทเี่ ดก็ ชอบเปน สอ่ื การสอนหลกั กิจกรรมในวันตอมา คือ ครูใหเด็กชวยกันคิดวาโรงเรียนของเรามีปญหาอะไรบาง และใหเวลาเด็ก กลับไปคิด 1 วัน เม่ือเด็กกลับมาแลวใหเด็กพูดคุยกับเพ่ือนถามวาอะไรคือปญหาสําคัญท่ีสุดในโรงเรียน แลว นาํ มาบอกใหค รเู ขยี นบนกระดาน และใหก ลมุ ชว ยกนั คดิ วา ปญ หาใดนา จะเปน ปญ หาเรง ดว นทส่ี ดุ เลอื กมา เพยี ง 2 ปญ หานาํ มาพดู คยุ หาวธิ แี กไ ขทเี่ ปน ไปได (หากเดก็ ยงั ไมค นุ เคยกบั โรงเรยี นมากพอ อาจเลอื กปญ หา ของหองเรียนแทนได) เม่ือเด็ก ๆ คุยกันและหาทางแกไขที่นาจะเปนไปไดมากที่สุดแลว จึงนําเสนอเปน ทางแกข องหอ งเรยี นนนั้ ครอู าจใหเ ดก็ จดบนั ทกึ เองโดยวาดเปน ภาพ การฝก ใหเ ดก็ คดิ แกป ญ หาดว ยตนเองนตี้ อ งฝก อยา งสมาํ่ เสมอ วธิ ฝี ก ทเี่ ดก็ รสู กึ สนกุ สนาน คอื ฝก จาก หนงั สอื นทิ านหรอื เรอ่ื งเลา สาํ หรบั เดก็ โดยครถู ามคาํ ถามใหเ ดก็ รจู กั จาํ แนกวา ตวั ละครในเรอ่ื งมปี ญ หาอยา งไร และใชวิธีการใดแกไขปญหา ในขณะเดียวกันก็ใหเด็กนึกเทียบเคียงปญหาน้ันกับประสบการณของเด็กเอง โดยวธิ นี ค้ี รจุ ะเปน ผสู รา งบรรยากาศของการแลกเปลย่ี นปญ หาและประสบการณใ นวยั เยาวข องเดก็ ทาํ ใหเ ดก็ รสู กึ ผอ นคลายเกดิ ความไวว างใจทจี่ ะเลา ปญ หาความยงุ ยากของตนใหค รแู ละเพอ่ื นรบั ฟง รวมทงั้ เหน็ แนวทาง ในการแกป ญ หาทหี่ ลากหลาย และรจู กั คาํ ศพั ทเ พมิ่ เตมิ มากขนึ้ การเรียงลําดับเหตุการณ รปู แบบการเขยี นและการพดู ทเี่ ดก็ ๆ คนุ เคยมากทสี่ ดุ คอื การใชค าํ วา “และ” เชอื่ มประโยค เวลา พดู คยุ เดก็ จะพดู อยา งเรยี งลาํ ดบั โดยเอาเหตกุ ารณต า ง ๆ ทเี่ กดิ ขนึ้ มาเรยี งรอ ยเขา ดว ยกนั ใชค าํ “และ” เชอ่ื ม ประโยค เดก็ ๆ จะชอบหนงั สอื นทิ านสาํ หรบั เดก็ ทส่ี งิ่ ตา ง ๆ หรอื เหตกุ ารณต า ง ๆ เกดิ ขน้ึ อยา งเรยี งลาํ ดบั เพราะเดก็ จะทายไดว า ตอ ไปจะเกดิ อะไรขน้ึ นอกจากนรี้ ปู ประโยคแบบนยี้ งั จาํ ไดง า ย ความเรยี บงา ย คาดเดา ไดท าํ ใหเ ดก็ ๆ ชนื่ ชอบนทิ านลกั ษณะนี้ โดยเฉพาะอยา งยง่ิ ถา เนอื้ เรอ่ื งมลี กั ษณะเปน คาํ คลอ งจองจะทาํ ใหจ าํ งา ย ยิ่งขึ้น
149 วธิ ฝี ก ใหเ ดก็ สงั เกตการณเ รยี งลาํ ดบั เหตกุ ารณน ้ี ครใู ชว ธิ ฝี ก โดยตง้ั คาํ ถาม เชน ใหเ ดก็ เลา วา เดก็ ๆ ทําอะไรในตอนเชา หลังจากแตงชุดนักเรียนเสร็จแลว และกอนที่จะออกจากบาน การกําหนดกรอบเวลา เปน ชว งสนั้ ๆ นที้ าํ ใหเ ดก็ ทบทวนเหตกุ ารณท เี่ กดิ ไดง า ยขน้ึ และสามารถจดั กจิ กรรมใหเ รยี งลาํ ดบั เหตกุ ารณ กอน-หลังได ครูเขียนกิจกรรมท่ีเด็กบอกไวบนกระดาน และถามคําถามอ่ืนอีกท่ีมีลักษณะการเรียงลําดับ ทค่ี ลา ยคลงึ กนั ใหเ ดก็ สงั เกตคาํ ตอบของเพอ่ื น ๆ เพอ่ื เปรยี บเทยี บความคลา ยคลงึ กนั เดก็ บางคนอาจมหี นา ท่ี ใหอ าหารสตั วเ ลย้ี งกอ นไปโรงเรยี น เดก็ บางคนอาจชว ยแตง ตวั ใหน อ งทเ่ี ลก็ กวา หรอื ปอ นขา วนอ ง การทเ่ี ดก็ เปรยี บเทยี บเหตกุ ารณจ ดั กจิ กรรมเรยี งลาํ ดบั ตามเวลากอ น-หลงั ทเี่ หตกุ ารณน นั้ เกดิ จะทาํ ใหเ ดก็ เขา ใจเรอื่ ง การลาํ ดบั เหตกุ ารณม ากขน้ึ วนั ตอ มาครอู าจฝก ใหเ ดก็ ทาํ รายการ โดยใชค าํ ถามกระตนุ วา เดก็ ๆ เคยเหน็ ผใู หญเ ขยี นหรอื จดรายการ อะไรบา ง เดก็ บางคนอาจนกึ ออกวา เคยเหน็ คณุ แมจ ดรายการของทจี่ ะซอ้ื รายการของทจี่ ะตอ งนาํ ไปเวลาปก นกิ ในวนั หยดุ รายการ “สงิ่ ทจ่ี ะตอ งทาํ ” ซง่ึ เปน รายการทผ่ี ใู หญจ ดไวก นั ลมื หรอื รายการแขกทจี่ ะเชญิ มาในงาน ตา ง ๆ ครเู ลา ใหเ ดก็ ฟง วา การจดรายการหรอื เรยี งลาํ ดบั เหตกุ ารณเ ปน สง่ิ ทมี่ ปี ระโยชน ในหนงั สอื นทิ านกใ็ ช การเรยี งลาํ ดบั เหตกุ ารณเ หมอื นกนั โดยจะมตี อนขน้ึ ตน เรอ่ื ง และตอนจบ ครคู วรใชค าํ แสดงลาํ ดบั เหตกุ ารณน ี้ เพอื่ ทบทวนความจาํ ของเดก็ เชน ถามเดก็ วา จาํ ไดไ หมวา เกดิ เหตกุ ารณอ ะไรตอนเรมิ่ ตน เรอ่ื ง และตอนจบจบ อยา งไร คาํ ทเี่ ดก็ ควรรจู กั คอื คาํ วา ตอนเรมิ่ ตน ตอนตอ ไป และตอนจบ (นทิ านพน้ื บา นสาํ หรบั เดก็ มกั จะมเี หตกุ ารณห ลกั 3 เหตกุ ารณ คอื ในชว งเรมิ่ ตน ระหวา งดาํ เนนิ เรอ่ื ง และตอนจบเพราะเดก็ เลก็ ๆ จะจาํ เหตกุ ารณไ ดไ มม าก โดยมากจะจาํ ไดไ มเ กนิ 3 เหตกุ ารณ) ครคู วรเขยี นคาํ แสดงลาํ ดบั เหตกุ ารณท งั้ 3 คาํ นไ้ี วบ นกระดาน เมอื่ เดก็ พดู ถงึ คาํ ใดกจ็ ะไดม องเหน็ คาํ นนั้ ดว ย ครคู วรจดั หาหนงั สอื นิทาน หรือเรื่องเลาสําหรับเด็กท่ีมีเหตุการณเกิดขึ้นเรียงลําดับมาอานใหเด็กฟง และใหเด็กสังเกตวา ตอนเรมิ่ ตน เรอื่ งมเี หตกุ ารณอ ะไรบา ง ตอ ไปเกดิ อะไรขน้ึ และตอนจบเปน อยา งไร นอกจากหนงั สอื นทิ านแลว ยงั มหี นงั สอื ประเภทอนื่ ทแี่ สดงถงึ การเรยี งลาํ ดบั เชน หนงั สอื สอนพยญั ชนะ ก-ฮ เรยี งลาํ ดบั วนั เรยี งลาํ ดบั เดอื น เรยี งลาํ ดบั เลก็ -ใหญ ฯลฯ การทค่ี รนู าํ หนงั สอื เรยี งลาํ ดบั ตา ง ๆ มาใหเ ดก็ ดจู ะเปน การเพม่ิ ประสบการณใ หเ ดก็ ทําใหเด็กรูวาการเรียงลําดับมีหลายอยาง หนังสือท่ีเหมาะจะใหเด็กเรียนรูเรื่องการเรียงลําดับเหตุการณ ควรเปนหนังสือท่ีมีขอความซํ้า เหตกุ ารณเ ดมิ และเพม่ิ เหตกุ ารณใ หมบ างสว น เชน นทิ านเรอื่ งยายกะตา ปลกู ถว่ั ปลกู งาใหห ลานเฝา เปน ตน กจิ กรรมปรงุ อาหารสาํ หรบั เดก็ อนบุ าลทเ่ี ปน การทาํ กบั ขา ว หรอื ขนมงา ย ๆ กน็ าํ มาใชส อนเรอ่ื งการเรยี งลาํ ดบั ได ทาํ ใหเ ดก็ ไดท งั้ ความรู และสนกุ สนาน กิจกรรมขั้นตอไปที่ฝกใหเด็กเรียงลําดับอยางสนุกสนาน คือ ใหเด็กคิดทบทวนวาเด็ก ๆ มีวันไหน ทช่ี อบมากทส่ี ดุ ใหเ วลาเดก็ คดิ และจบั คผู ลดั กนั เลา ใหเ พอื่ นฟง วา วนั ทเ่ี ดก็ ๆ ชอบทสี่ ดุ นน้ั เปน วนั อะไร และ เด็ก ๆ ทําอะไรบางในวันน้ัน ครูจดบันทึกรายการสิ่งท่ีเด็กทําลงบนกระดานแตอาจจดใหเพียง 2-3 คน เขยี นชอ่ื เดก็ ไวใ ตร ายการ เดก็ ๆ จะไดจ าํ ไดว า รายการของตนอยตู รงไหน การจดบนั ทกึ รายการกจิ กรรมของเดก็ นไี้ มจ าํ เปน จอ งบนั ทกึ พรอ มกนั ทงั้ หอ งทกุ คนแตใ หเ ดก็ ผลดั กนั บอกวนั ละ 2-3 คน เดก็ ทบ่ี อกคณุ ครแู ลว และคณุ ครจู ดรายการไวบ นกระดานสามารถลอกขอ ความกจิ กรรม ลงในกระดาษเพอ่ื นาํ ไปใหค ณุ พอ คณุ แม หรอื ผปู กครองดู เปน การสอ่ื สารความตอ งการทดี่ วี ธิ หี นงึ่ นอกจากนี้ ครอู าจเชญิ ผปู กครอง หรอื บคุ ลากรในโรงเรยี นทส่ี นใจจะมาพดู คยุ กบั เดก็ มาเลา ใหเ ดก็ ฟง ถงึ วนั พเิ ศษของตน และสงิ่ ทที่ าํ ในวนั พเิ ศษนน้ั
150 หนงั สอื สาํ หรบั เดก็ อาจมรี ปู แบบหลายอยา ง แตท พี่ บเหน็ มากทสี่ ดุ คอื 3 รปู แบบทกี่ ลา วมาแลว คอื หนังสือท่ีมีเน้ือเรื่องแสดงความสัมพันธแบบเปนเหตุผล แสดงถึงปญหาและการแกปญหา แสดงลําดับ ความตอ เนอื่ งของเหตกุ ารณ สงิ่ เหลา นเี้ ปน สง่ิ ทเี่ ดก็ เลก็ ๆ เขา ใจไดไ มย าก สามารถจดั กจิ กรรมฝก ฝนไดง า ย และเปน ประโยชนส าํ หรบั การสอื่ สารของเดก็ บทสรุป การสอนโดยใชหนังสือเลมใหญ และหนังสือนิทานพ้ืนบานที่มีเหตุการณแบบคาดคะเนจะทําใหเด็ก เกดิ ความมน่ั ใจ และมแี รงจงู ใจใฝส มั ฤทธสิ์ งู เดก็ ๆ อยากจะเรยี นรเู พราะรวู า ตนเองเรยี นได เดก็ ๆ อยากจะ อานเพราะเช่ือวาตนเอง อา นออก และการอานหนังสือนิทานโดยครูใชขั้นตอนและกิจกรรมดังกลาวขางตน กส็ ามารถชว ยใหเ ดก็ อา นไดจ รงิ ๆ นอกจากนี้เด็กยังไดเรียนรูตัวหนังสือ ไดเห็นและฟงประโยคท่ีถูกตองพรอมทั้งอานออกเสียงตาม ไดม โี อกาสคาดเดาสง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ และเกดิ ความมน่ั ใจเพราะทายถกู สามารถแกไ ขปรบั ปรงุ ตนเองได กลา เสย่ี ง กลาคาดคะเน และพรอมท่ีจะหัดอานหนังสือเลมใหม ๆ โดยไมลังเล ความม่ันใจและภาคภูมิใจน้ีจะชวย เสรมิ สรา งรากฐานแหง ความเชอ่ื มนั่ ในตนเองและการรกั การอา น ชว ยใหเ ดก็ พรอ มทจ่ี ะเรยี นรู ยนิ ดใี หค วามรว มมอื และสรางชุมชนแหงการเรียนรูอยางแทจริงขึ้นในหองเรียนปฐมวัย ซึ่งเปนรากฐานสําคัญท่ีสุดของการเรียนรู ในระดบั สงู ขนึ้ ตอ ไป ขอใหค ณุ ครปู ฐมวยั ทกุ คน มคี วามเชอ่ื มน่ั ในลกู ศษิ ยต วั นอ ย ๆ ของทา น และภาคภมู ใิ จ ในภารกจิ ของครปู ฐมวยั ซงึ่ เปน ภารกจิ สาํ คญั ทส่ี ดุ ทจี่ ะสรา งเดก็ ไทยใหม คี ณุ สมบตั ทิ ด่ี ี คอื นสิ ยั รกั การอา น และ คิดวิเคราะหดวยตนเองได หนังสือเลมใหญ สามารถนําไปจัดกิจกรรมสําหรับเด็กปฐมวัยไดหลายอยาง เชน สงเสริมภาษา สง เสรมิ การคดิ สง เสรมิ นสิ ยั รกั การอา น จากการทดลองใชใ นโรงเรยี นสาํ หรบั การสอนหนงั สอื เลม ใหญ 1 เลม จะใชเ วลา 5 วนั หรอื 7 วนั อยทู วี่ ยั และความพรอ มของเดก็ เมอ่ื เราจะเรมิ่ สอน เดก็ 4 ขวบจะใชเ วลา 7 วนั เด็ก 5 ขวบจะใชเวลา 5 วัน ซ่ึงอธิบายไวในคูมือการใชหนังสือเลมใหญ ดังน้ันจึงจะนําเสนอแผนการจัด ประสบการณก ารสอนภาษาโดยใชห นงั สอื เลม ใหญใ น 1 วนั ทนี่ าํ ไปจดั ประสบการณใ น 6 กจิ กรรม หลกั ของ การจดั ทาํ แผนการจดั ประสบการณร ะดบั ปฐมวยั ดงั นี้
151 (ตวั อยา ง) กําหนดการจัดประสบการณรายสัปดาห สปั ดาห สาระการเรยี นรู จดุ ประสงค พฒั นาการตามวยั 5-6 สาระท่ีควรเรียนรู 1. สังเกตและจําแนกความ พฒั นาการดา นรา งกาย โรงเรียน ของเรา - โรงเรยี นของฉนั มชี อื่ ทกุ คน เหมอื น ความตา ง ตามลกั ษณะ 1. เคลอื่ นไหวสว นตา งๆ มชี อื่ รปู รา ง (ไมเ กนิ 5 ค)ู ของรา งกายได - บคุ คลตา งๆในโรงเรยี น 2. เคลอื่ นไหวสว นตา งๆ 2. เดนิ สลบั เทา ขนึ้ ลงบนั ได - ครู ของรา งกายตามจงั หวะ และ 3. พัฒนากลามเนื้อเล็กและ - นกั เรยี น ทิศทางและระดับที่แตกตาง ประสาทสมั พนั ธ - ภารโรง 3. พัฒนากลามเนื้อเล็กและ 4. เคลอื่ นไหวสว นตา งๆ - แมค รวั ประสาทประสมั พนั ธ ของรา งกายได - พเ่ี ลย้ี ง 4. เดนิ สลบั เทา ขนึ้ ลงบนั ได 5. เดนิ สลบั เทา ขน้ึ ลงบนั ได - หนา ทขี่ องแตล ะคนใน 5. ปฏบิ ตั ติ นในการเขา แถวได 6. พัฒนากลามเนื้อเล็กและ โรงเรียน 6. มปี ฏสิ มั พนั ธก บั เพอื่ น ประสาทสมั พนั ธ - โรงเรยี นเปน สถานที่ 7. ปฏบิ ตั ติ ามคาํ สงั่ งา ยๆได พฒั นาการดา น ทเ่ี ดก็ ๆ มาทาํ กจิ กรรม 8. รูจักช่ือโรงเรียน อารมณ- จติ ใจ รว มกนั และทาํ ใหไ ดเ รยี นรู 9. รจู กั ชอื่ บคุ คลตา งๆ 1. บอกความรสู กึ และ สงิ่ ตา ง ๆ มากมายใน ในโรงเรยี น ความตอ งการได โรงเรียน 10. บอกหนา ทข่ี องแตล ะคน 2. มคี วามรสู กึ ทด่ี ตี อ ตนเอง - การทกั ทายเมอ่ื เวลาพบกนั ในโรงเรยี น 11. บอกความสาํ คญั ของ โรงเรยี นได
สปั ดาห สาระการเรยี นรู 152 พฒั นาการตามวยั จดุ ประสงค 5-6 ประสบการณส าํ คญั พฒั นาการดา นสงั คม โรงเรียน 1. การสงั เกต การจาํ แนก ของเรา และการเปรียบเทียบ 1. ปฏบิ ตั ติ นในการเขา แถว 2. การเคลอื่ นไหวสว นตา ง ๆ 2. มปี ฏสิ มั พนั ธก บั เพอ่ื น ของรา งกาย ตามจงั หวะ พฒั นาการดา นสตปิ ญ ญา ทิศทางและระดับที่แตกตาง 3. การพัฒนากลามเน้ือเล็ก 1. รจู กั ชอื่ โรงเรยี นของตน และประสาทสมั พนั ธ 2. รูจักบุคคลตางๆ 4. การเดนิ สลบั เทา ขน้ึ ลง ในโรงเรยี น บนั ได 3. บอกหนาที่ของแตละคน 5. การปฏบิ ตั ติ นในการ ในโรงเรยี น เขา แถวได 4. บอกความสาํ คญั ของ 6. การอธิบายเกี่ยวกับ โรงเรียน สง่ิ ของเหตกุ ารณแ ละ พฒั นาการดา น ความสมั พนั ธข องสง่ิ ตา งๆ การรหู นงั สอื 7. การฟง เรอื่ งราวนทิ าน คาํ คลอ งจอง คาํ กลอน 1. เปด และทาํ ทา ทางอา น 8. การอา นในหลายรปู แบบ หนงั สอื ผา นประสบการณท สี่ อื่ 2. อา นภาพ / สญั ลกั ษณจ าก ความหมายตอ เดก็ อา นภาพ นทิ าน / เกมการศกึ ษา หรอื สญั ลกั ษณจ ากนทิ าน/ 3. สนทนา / โตต อบ / เรอ่ื งราวทส่ี นใจ เลา เรอื่ ง ดว ยประโยคสนั้ ๆ ใหผ อู น่ื เขา ใจ 4. เขา ใจสงิ่ ทฟี่ ง และ ตอบสนองได 5. ขดี เขยี นเสน ตา ง ๆ ทง้ั ทมี่ คี วามหมายและ ไมม คี วามหมาย
153 กจิ กรรมสง เสรมิ พฒั นาการดา นการรหู นงั สอื พฒั นาการดา นการรหู นงั สอื 1. การสอนภาษาสาํ หรบั เดก็ ปฐมวยั โดยใชห นงั สอื 1. เปด และทาํ ทา ทางอา นหนงั สอื เลม ใหญ 2. อา นภาพสญั ลกั ษณจ ากนทิ านหรอื เกมการศกึ ษา 3. สนทนา โตต อบ เลา เรอื่ งดว ยประโยคสน้ั ๆ 2. การเลน บทบาทสมมติ สถานการณจ ากหนงั สอื เลม ใหญ ใหผ อู นื่ เขา ใจ 4. ขดี เขยี น เสน ตา ง ๆ ทงั้ ทมี่ คี วามหมายและ 3. การทาํ ทค่ี าดศรี ษะและเขยี นชอื่ ตวั ละครจาก นทิ าน ไมม คี วามหมาย 5. เขา ใจสงิ่ ทฟ่ี ง และตอบสนองได 4. การสาํ รวจบรเิ วณโรงเรยี นและสถานทต่ี า ง ๆ ในโรงเรยี น 5. กจิ กรรมสง เสรมิ การอา น การอา นแบบชแ้ี นะและ อา นอสิ ระ 6. เกมเรยี งลาํ ดบั เหตกุ ารณเ รอื่ งราวจากนทิ าน 7. เกมภาพตดั ตอ หมนี อ ยจะไปโรงเรยี น 8. เกมจบั คภู าพกบั สญั ลกั ษณต วั ละครจากนทิ าน
154 เกมการศึกษา กจิ กรรมเคลอื่ นไหวและจงั หวะ กจิ กรรมสรางสรรค - เกมภาพตัดตอหมีนอยจะไป - การเคลอ่ื นไหวโดยใชบ รเิ วณ - การปน ดนิ นาํ้ มนั โรงเรียน พนื้ ทแี่ ละทศิ ทาง - การวาดภาพดว ยสเี ทยี น - เกมเรียงลําดับเหตุการณ - การเคลอื่ นไหวตามสญั ญาณ - การวาดภาพดว ยสนี าํ้ เรอ่ื งราวจากนทิ าน - การเคลอ่ื นไหวดว ยสว นตา งๆ - การวาดภาพดว ยนว้ิ จากกาว - เกมจับคูภาพเหมือนดอกไม ของรางกาย และโรยทรายสี ในโรงเรยี น - การเคล่ือนไหวประกอบเพลง - การทาํ ท่ีคาดศีรษะ - เกมเรียงลําดับเหตุการณ สวสั ดี - การพมิ พภ าพจากวสั ดทุ เ่ี กบ็ มา การแตง ตวั - เกมจับคูภาพกับสัญลักษณ ตวั ละครจากนทิ าน โรงเรยี นของเรา กิจกรรมเสรี กิจกรรมกลางแจง กิจกรรมเสริมประสบการณ - มมุ บา น, มมุ ดนตรี - การเลน อสิ ระในสนามเดก็ เลน - การสงเสริมความพรอมในการ - มมุ หนงั สอื - เลน อสิ ระทบ่ี อ นา้ํ – บอ ทราย อา นโดยใชห นงั สอื เลม ใหญ - มมุ สรา งสรรค, - การจดั แถวตอน - การศกึ ษานอกสถานท่ี - มมุ บลอ็ ก, มมุ หมอ - การสาํ รวจดอกไมส ถานที่ - การเชิญวิทยากรบุคคล - มมุ เกมการศกึ ษา รอบ ๆ โรงเรยี น ในโรงเรยี น - มมุ ธรรมชาติ - เกมวงิ่ ผลดั ลกู บอล - การเลน บทบาทสมมติ - มมุ เขยี นอสิ ระ - การทดลองปฏิบัติจริง
155 แผนการจัดประสบการณ การสอนภาษาระดับปฐมวัย โดยใชหนังสือเลมใหญ สาระการเรียนรู เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดลอมเด็ก หนว ย โรงเรยี นของเรา 1. จดุ ประสงคก ารเรยี นรู 1. รูจักช่ือโรงเรียน 2. เคลอ่ื นไหวสว นตา งๆของรา งกายได 3. ปฏบิ ตั ติ นในการเขา แถวได 4. มคี วามรสู กึ ทด่ี ตี อ ตนเอง 5. สงั เกตและจาํ แนกความเหมอื น ความตา งตามลกั ษณะและรปู รา งไมเ กนิ 5 คู 6. มพี ฒั นาการความสามารถดา นภาษา ฟง พดู อา น เขยี น 2. สาระการเรยี นรู สาระทค่ี วรเรยี นรู โรงเรียนคือสถานท่ีใหความรู เปนสถานที่ใหมสําหรับนักเรียนที่ยังไมคุนเคยโรงเรียนมีคุณครูใจดี มากมาย และมเี พอ่ื นทแี่ สนดี ประสบการณส าํ คญั 1. รจู กั ชอ่ื โรงเรยี นอนบุ าลเมอื งนครสวรรค (เขากบ – ววิ รณส ขุ วทิ ยา) 2. การเคลอื่ นไหวรา งกาย 3. ความรสู กึ ทด่ี ตี อ ตนเอง 4. การเขาแถว 5. การพฒั นาความสามารถดา นความพรอ มในการอา น การพดู การฟง การเขยี น 6. การสงั เกตและการจาํ แนกความเหมอื นความตา งตามลกั ษณะรปู รา ง 3. กจิ กรรมการเรยี นรู 3.1 กจิ กรรมเคลอ่ื นไหวและจงั หวะ 1. ครูทักทายเด็กดวยคําวา “สวัสดีคะ” และรวมรองเพลง “สวัสดี”2. เม่ือรองเพลงไดแลว ชว ยกนั คดิ ทา ทางประกอบเพลง และรว มกนั เคลอื่ นไหว เชน ไปขา งหนา ไปขา งหลงั 2. เมอื่ ไดย นิ สญั ญาณหยดุ ใหห นั หนา จบั คแู ลว กลา ว คาํ วา “สวสั ดคี รบั “ สวสั ดคี ะ ” 3. เคลอื่ นไหวซาํ้ ในขอ 2 ไป 2 – 3 รอบ ใหน กั เรยี นนงั่ พกั เพอ่ื ผอ นคลาย
156 กจิ กรรมเคลอื่ นไหวและจงั หวะ ในวนั ที่ 2 ถงึ วนั ท่ี 5 ครสู ามารถเปลย่ี นกจิ กรรมไปทกุ วนั ตามประสบการณส าํ คญั ทจ่ี ะใหเ กดิ คอื การเคลอื่ นไหวอยกู บั ที่ เชน ตบมอื ทาํ ทา ทางประกอบเพลง การเคลอื่ นไหวเคลอ่ื นท่ี เชน การเคลอ่ื นทไ่ี ปขา งหนา – ขา งหลงั , ซา ย, ขวา ฯลฯ การเคลอ่ื นที่ ตามคําบรรยาย,การเคลื่อนที่ตามผูนํา การเคล่ือนไหวพรอมวัสดุอุปกรณ เชน การเคลื่อนท่ี พรอมอุปกรณในหองเรียนท่ีเราชอบไปรอบๆ หองในลักษณะตาง ๆ เชน ทักทายกับเพื่อนเปนคู เปน กลมุ ฯลฯ 3.2 กิจกรรมเสริมประสบการณ ครูนําหนังสือเลมใหญ เรื่อง “หมีนอยจะไปโรงเรียน” มาใหเด็ก ดูหนาปกหนังสือภาพ ถามเด็กวา “หนูเห็นอะไรบาง”และ “หนูคิดวาเรื่องที่เราจะอานตอไปนี้เปนเรื่องเก่ียวกับอะไร” ครูใหเวลากับเด็กในการ คาดคะเนวา จะเกดิ อะไรขน้ึ บา ง ครจู ดบนั ทกึ คาํ ตอบของเดก็ ไวค กู บั อกั ษรตวั แรกของชอื่ เดก็ ในกระดาษหรอื ทคี่ รเู ตรยี มไว และใหเ ดก็ คาดคะเนชอื่ เรอื่ งหนงั สอื เลม น”ี้ ครเู รม่ิ อา นหนงั สอื ไปทลี ะหนา เวลาอา นครคู วรจะอา นอยา งกระตอื รอื รน ใชน า้ํ เสยี งลลี าสนกุ สนาน เปน นาํ้ เสยี งทจ่ี ะใหเ ดก็ คาดเดาเรอ่ื งตอ ไป หรอื เนน เสยี งตรงคาํ ซาํ้ เชน ประโยควา “สวสั ดคี รบั คณุ แมห มนี อ ย จะไปโรงเรยี น” ครจู ะหยดุ ทคี่ าํ วา หมนี อ ย อานหนังสือจบเรื่องแลว ครูและเด็กยอนกลับมาดูส่ิงท่ีเด็กไดเสนอแนะหรือคาดคะเนไวต้ังแตตน ครกู บั เดก็ ชว ยกนั อา น และชว ยกนั ตง้ั ชอ่ื หนงั สอื เรอ่ื งนี้ แลว ครอู า นชอ่ื เรอื่ งหนงั สอื ชอ่ื ผแู ตง และผวู าดภาพ ใหเ ดก็ ฟง เดก็ จะรวู า หนงั สอื มผี สู รา งขน้ึ มา กิจกรรมเสริมประสบการณ การอา นในวนั ท่ี 2 – 7 นจี้ ะเปน การอา นในแตล ะวนั ซง่ึ ไมเ หมอื นกนั (ศกึ ษาจากคมู อื การใชห นงั สอื เลมใหญ) การอานหนังสือเลมใหญ กอนจะอานหนังสือ สามารถทํากิจกรรมมาใหเด็กกอนอานหรือ ทาํ กจิ กรรมตอ เนอื่ งหลงั จากอา นแลว กไ็ ด เชน กอ นการอา นหนงั สอื ทบทวนโดยแจกบตั รภาพรปู สตั ว ตา ง ๆ ในเลม และบตั รคาํ ตวั อกั ษร โดยครชู ร้ี ปู ภาพใหเ ดก็ ยกภาพและบตั รคาํ คกู นั หรอื เมอื่ อา นจบแลว แจกบัตรคําและบัตรภาพใหเด็กหรือใหเด็กอาสาสมัครออกมาเลือก และใหเรียงลําดับรูปไหนมากอน เปนตน การจัดกิจกรรมเลือกใหสอดคลองกับหนวยการจัดประสบการณเด็กจะใชหนังสือเลมใหญ เปน แหลง เรยี นรู เชน ในการนาํ ไปแตง หนงั สอื ของตนซง่ึ จะเปน พนื้ ฐานของการเขยี นตอ ไป เชน วาดภาพ ทาํ จดหมายขอบคณุ ฯลฯ
157 3.3 กิจกรรมกลางแจง 1. สนทนาตอ เนอื่ งจากหนงั สอื โรงเรยี นของเราชอ่ื อะไร 2. เราจะไปหนา โรงเรยี นเพอ่ื ดชู อ่ื ของโรงเรยี น 3. วธิ ที จี่ ะเดนิ ไปหนา โรงเรยี นใหส ะดวก โดยการเขา แถวตอน 2 แถว แยกชาย – หญงิ และ เรยี งลาํ ดบั สงู – ตาํ่ แลว จบั คกู นั เดนิ ไปหนา โรงเรยี น 4. ครอู า นชอ่ื โรงเรยี นพรอ มชอี้ กั ษรชอื่ โรงเรยี น เดก็ อา นตามครู 5. ครอู า นซาํ้ อกี 2 – 3 ครงั้ โดยใหเ ดก็ อา นพรอ มกนั กบั ครู ลกั ษณะเปน การอา นรว มกนั 6. ครแู ละเดก็ กลบั หอ งเรยี น ขณะเดนิ กลบั ใหเ ดก็ สงั เกตสง่ิ แวดลอ มรอบตวั ดว ย กิจกรรมกลางแจง วนั ที่ 2 ใหเ ดก็ สาํ รวจรอบ ๆ บรเิ วณโรงเรยี นแลว มาเลน ทส่ี นามเดก็ เลน วนั ท่ี 3 ใหเ ดก็ ไปสาํ รวจดอกไมใ นบรเิ วณโรงเรยี น แลว นาํ มาวาดภาพทพี่ นื้ ทราย วนั ที่ 4 เดก็ เลน อสิ ระทบี่ อ นาํ้ - บอ ทราย วนั ท่ี 5 พาเดก็ เลน เกมวง่ิ ผลดั ลกู บอล แลว เลน เครอ่ื งเลน สนามอยา งอสิ ระ 3.4 กจิ กรรมสรางสรรค 1. เดก็ เลอื กกจิ กรรมตามความสมคั รใจตามฐานทค่ี รเู ตรยี มไวใ ห เชน ☺ วาดภาพดว ยสเี ทยี น ☺ วาดภาพดว ยสนี า้ํ ☺ การปน ดนิ นาํ้ มนั ☺ วาดภาพดว ยนวิ้ จากกาวและโรยทรายสี 2. สาํ หรบั เดก็ ทเ่ี ลอื กสนี าํ้ ครสู าธติ การวาดภาพดว ยสนี า้ํ เชน การใชพ กู นั การลา งพกู นั เพราะ หนว ยโรงเรยี นจะสอนประมาณสปั ดาหท ่ี 5 เดก็ ๆจะยงั ใชส นี า้ํ และพกู นั ไมค ลอ ง 3. การวาดภาพดว ยนวิ้ จากกาวและโรยทรายสี เปน กจิ กรรมใหม ครจู ะตอ งสาธติ การใชก าว ภาชนะท่ีใสกาวควรทําความสะอาด การโรยทรายสีจากถาดสีท่ีครูเตรียมไวใหและการนําภาชนะไปตากให กาวแหง
158 กจิ กรรมสรางสรรค กิจกรรมสรางสรรคควรจัดใหเด็กเลือก 4 ฐาน ครูจะตองดูแลและเสนอแนะในหน่ึงสัปดาห ควรใหเ ดก็ เลอื กทาํ ใหค รบทกุ ฐาน ถา เดก็ ไมเ ลอื ก ไมค วรบงั คบั การทาํ กจิ กรรมสรา งสรรคต อ งให อสิ ระในการเลอื กตามความสนใจหรอื ความตอ งการ 3.5 กิจกรรมเสรี นกั เรยี นเลอื กทาํ กจิ กรรมเสรตี ามมมุ ประสบการณต ามความสนใจ เชน - มมุ บา น - มมุ บลอ็ ก - มมุ ดนตรี - มมุ เขยี นอสิ ระ - มมุ หนงั สอื - มมุ เกมการศกึ ษา - มมุ สรา งสรรค ฯลฯ ในการเลอื กเขา มมุ ประสบการณ แตล ะมมุ ควรเชญิ ชวนและแนะนาํ ใหเ ดก็ กระจายใหค รบทกุ มมุ กิจกรรมเสรี กิจกรรมเสรีเด็กเลือกเลนตามมุมประสบการณตามความสนใจ ซ่ึงในหองเรียนจะจัด มมุ ประสบการณไ วห ลายมมุ แตล ะมมุ จะมสี อ่ื อปุ กรณ เชน - มมุ บา น มสี ง่ิ ทเี่ ดก็ ใชใ นบา นเปน อปุ กรณจ รงิ เชน จาน ปน โต แกว ชอ น ฯลฯ - มมุ บลอ็ ก มที งั้ บลอ็ กใหญ และบลอ็ กเลก็ รปู ทรงตา ง ๆ ฯลฯ - มมุ ดนตรี มกี ลองสองหนา กลองยาว เครอื่ งเคาะจงั หวะ ระนาด ป แคน ฯลฯ - มมุ เขยี น มสี เี ทยี น ,กระดาษ, ดนิ สอแทง ใหญ - มมุ หนงั สอื มอี ปุ กรณ เชน หนงั สอื นทิ านทเี่ กยี่ วกบั โรงเรยี น หรอื ทเี่ กย่ี วขอ งกบั ตวั เดก็ เชน กงุ กง๋ิ ไปโรงเรยี น คณุ ฟองแปรงฟน อเี ลง เคง โคง นอ งหมขี เ่ี ปน นะ ควรมหี นงั สอื ใหพ อกบั เดก็ ไดเ ลอื กตามความตอ งการ - มุมเกมการศึกษา มีเกมจับคูความเหมือน –ความตาง, เกมภาพตัดตอเกมเรียงลําดับ เหตกุ ารณ ฯลฯ - มมุ สรา งสรรค มพี ลาสตกิ รปู ทรงอสิ ระ , อกั ษรสรา งสรรค
159 เกมการศึกษา เกมจบั คภู าพเหมอื นของใชใ นหอ งเรยี น และเกมทเ่ี คยเลน มาแลว มขี นั้ ตอนการจดั ประสบการณ ดงั น้ี 1. แนะนาํ วธิ เี ลน 2. ใหน กั เรยี นเลน เกมใหมแ ละสลบั กบั เกมทเ่ี คยเลน มาแลว 3. เลนเสร็จแลวเก็บของเขาท่ี เกมการศึกษา เกมการศกึ ษาในแตล ะวนั จะตอ งมเี กมใหมว นั ละ 1 เกม ครสู าธติ เกมใหมแ ละใหเ ดก็ เลอื กเกม ทคี่ รเู คยสาธติ หรอื เดก็ เคยเลน แลว มาเลน อกี ครง้ั และรจู กั การเกบ็ เขา ทใ่ี หเ รยี บรอ ย รจู กั การรอคอย รจู กั ใจเขาใจเรา รจู กั เออ้ื เฟอ แบง ปน เกมทง้ั 5 วนั ไมค วรซา้ํ กนั เชน เกมจบั คู , เกมภาพตดั ตอ , เกมเรยี งลาํ ดบั เหตกุ ารณ เกมมติ สิ มั พนั ธ, เกมอนกุ รม ฯลฯ เปน ตน เลอื กใหเ หมาะสมในแตล ะหนว ย ภาพตดั ตอ สปั ดาหน เี้ ปน ภาพในนทิ านหมนี อ ยจะไปโรงเรยี น สว นเกมอน่ื อาจเชอื่ มโยงหรอื แตกตา ง กไ็ ด กิจกรรมสงเสริมพัฒนาการดานการรูหนังสือ กจิ กรรมนเ้ี ปน กจิ กรรมหลกั ในการสอนภาษานาํ มาเสรมิ ในชว งบา ยเมอ่ื เดก็ ตนื่ นอนและเลน เกมการศกึ ษาแลว คอื 1. กจิ กรรมการอา นแบบชแี้ นะ 2. กจิ กรรมการเลน เกมภาษา 3. กจิ กรรมการอา นอสิ ระ 4. กจิ กรรมการอา นหนงั สอื ทบี่ า น ทงั้ 4 กจิ กรรมน้ี มรี ายละเอยี ดในคมู อื ขั้นสรุป สนทนาและสรปุ รว มกนั “วนั นเี้ ราทาํ อะไรบา ง ” และปฏบิ ตั ทิ บทวน 1. การกลา วคาํ สวสั ดี 2. ชื่อโรงเรียนของเรา 3. การไปศกึ ษานอกสถานท่ี 4. การเลน ของเลน ฯลฯ
160 4. สอื่ และแหลง เรยี นรู 1. หนงั สอื เลม ใหญ เรอ่ื ง หมนี อ ยจะไปโรงเรยี น 2. เพลงสวสั ดี 3. เครื่องเคาะจังหวะ 4. บรเิ วณโรงเรยี นดา นหนา โรงเรยี น 5. กระดาษวาดภาพ 6. สเี ทยี น, สนี าํ้ 7. สอ่ื ประจาํ มมุ ประสบการณ 8. เกมการศกึ ษา เกมจบั คภู าพเหมอื น ของใชใ นโรงเรยี นและภาพผลไม 5. การวดั และประเมนิ พฒั นาการ 1. การสงั เกตพฤตกิ รรม 2. การตอบคาํ ถามและแสดงความคดิ เหน็ 3. ผลงานนกั เรยี น 6. เครอื่ งมอื ทใี่ ชว ดั 1. แบบบนั ทกึ การสงั เกตความสนใจในการรว มกจิ กรรม 2. แบบบนั ทกึ การตอบคาํ ถามและแสดงความคดิ เหน็ 3. แบบประเมนิ ผลงาน 4. แบบประเมนิ พฒั นาการทางภาษา การวดั และประเมนิ พฒั นาการ ตวั อยา งแบบประเมนิ พฒั นาการทางภาษาโดยใชห นงั สอื เลม ใหญ 1. เขา ใจสงิ่ ทฟ่ี ง และตอบสนองไดถ กู ตอ ง ระดบั 3 เมอื่ ฟง นทิ านหรอื มผี พู ดู ดว ย สามารถพดู โตต อบ หรอื ตอบคาํ ถามในการสนทนา ระดบั 2 เรอื่ งราวกบั ผอู น่ื ไดเ ขา ใจถกู ตอ งไดด ว ยตนเองทนั ทที พ่ี ดู จบหรอื ทนั ทที ไ่ี ดฟ ง ระดบั 1 เมอื่ ฟง นทิ านหรอื มผี พู ดู ดว ย สามารถพดู โตต อบหรอื ตอบคาํ ถามในการสนทนา เรอ่ื งราวกบั ผอู น่ื ไดด ว ยตนเองแตต อ งกระตนุ เตอื นหรอื ตอ งพดู หรอื ถามซา้ํ เม่ือฟงนิทานหรือมีผูพูดดวย ยังไมสามารถพูดโตตอบหรือตอบคําถามใหผูอื่น เขา ใจได
161 2. สนทนาโตต อบและเลา เรอื่ งใหผ อู นื่ เขา ใจ ระดบั 3 รว มสนทนา โตต อบ ตอบคาํ ถามเปน ประโยคสนั้ ๆ ได ระดบั 2 รว มสนทนา โตต อบ ตอบคาํ ถามเปน คาํ หรอื วลี ระดบั 1 ไมร ว มสนทนา ไมโ ตต อบ 3. อา นภาพหรอื สญั ลกั ษณจ ากหนงั สอื นทิ านหรอื เรอ่ื งราวทส่ี นใจ ระดบั 3 อา นนทิ าน อา นปา ย อา นสญั ลกั ษณท ตี่ นสนใจหรอื นทิ านใหเ พอ่ื นฟง ระดบั 2 อา นนทิ าน อา นปา ย และสญั ลกั ษณท ตี่ นสนใจแตต อ งกระตนุ เตอื นหรอื ชแ้ี นะ ระดบั 1 ไมร ว มในการอา น ไมส นใจหยบิ หนงั สอื 4. ขดี เขยี น เสน ตา ง ๆ ทง้ั ทม่ี คี วามหมายและไมม คี วามหมาย ระดบั 3 ขดี เขยี นเสน ตา ง ๆ เปน ลกั ษณะการขดี เขย่ี จากซา ยไปขวาสามารถเลา ถงึ ระดบั 2 สงิ่ ทข่ี ดี เขยี นได ระดบั 1 ขดี เขยี นเสน ตา ง ๆ เปน ลกั ษณะรวม ๆ แยกเสน ไมไ ดส ามารถเลา ถงึ สง่ิ ทข่ี ดี เขยี นได เมอื่ มกี ารกระตนุ ซกั ถาม ขดี เขยี นในลกั ษณะขดี เขย่ี ไมม คี วามหมาย และไมส ามารถเลา ได 5. ชแ้ี ละบอกชอ่ื ของตวั อกั ษรจากชอ่ื ตนเองและจากชอ่ื นทิ าน ระดบั 3 ชแี้ ละบอกชอื่ ของตวั อกั ษร ตวั แรกจากชอื่ ตนเองและจากชอื่ นทิ านทต่ี นเองตงั้ ชอื่ ระดบั 2 เรอ่ื งได ระดบั 1 ช้ีหรือบอกช่ือของตัวอักษรตัวแรกจากช่ือตัวเอง หรือจากชื่อนิทานอยางใด อยา งหนงึ่ ชบ้ี อกตวั อกั ษรไมไ ด บอกชอื่ เรอ่ื งนทิ านไมไ ด 6. เขยี นภาพตามความคดิ และจนิ ตนาการ ระดบั 3 เขยี นภาพตามความคดิ และจนิ ตนาการของตนเองและบอกความหมาย ระดบั 2 ของสงิ่ ทวี่ าดได ระดบั 1 เขยี นภาพตามความคดิ และจนิ ตนาการของตนเอง แตบ อกความหมาย สงิ่ ทว่ี าดไมไ ดต อ งชนี้ าํ ขดี เขยี นภาพเปน เสน ตา ง ๆ แตบ อกความหมาย สง่ิ ทขี่ ดี เขยี่ ไมไ ด
162 7. บอกชอ่ื โรงเรยี นของตนเอง ระดบั 3 พดู ชอ่ื โรงเรยี นกบั ผอู นื่ ได ระดบั 2 พดู ชอ่ื โรงเรยี นกบั ผอู น่ื ได เมอ่ื ไดร บั การกระตนุ หรอื ใชค าํ ถาม ระดบั 1 ไมส ามารถบอกชอื่ โรงเรยี นได 8. การปฏบิ ตั ติ นในการทาํ ตามคาํ สงั่ หรอื คาํ ตอบได ระดบั 3 ทาํ ตามคาํ สงั่ หรอื คาํ บอกทมี่ ลี กั ษณะเปน ขนั้ ตอนตอ เนอื่ งได เชน การเขา แถว ระดบั 2 ทาํ ตามคาํ สงั่ หรอื คาํ บอกทมี่ ลี กั ษณะเปน ขนั้ ตอนไดต อ งมกี ารซกั ถามหรอื ชแ้ี นะ ระดบั 1 ทาํ ตามคาํ สง่ั ไมไ ด ตอ งบอกทกุ ขนั้ ตอน แบบตรวจสอบรายการสาํ หรบั ประเมนิ พฒั นาการเกย่ี วกบั การรหู นงั สอื ช่ือนักเรียน.............................................................................................. วันที่สังเกต.............................................................................................. พฒั นาการทางภาษา ฟง พดู อา น เขยี น พบสมาํ่ เสมอ พบเปน บางครงั้ ไมพ บเลย 1. พดู สอื่ สารใหผ อู น่ื เขา ใจได 2. ฟง อยา งตงั้ ใจเมอื่ ครอู า นหนงั สอื ใหฟ ง 3. ถามคาํ ถามและพดู แสดงความเหน็ เกย่ี วกบั เรอื่ งทคี่ รอู า นใหฟ ง 4. พลกิ หนา หนงั สอื ไดถ กู ตอ ง 5. รชู อ่ื เรอ่ื งหนงั สอื 6. มสี ว นรว มในการอา นโดยอา นตามหรอื อา น พรอ มครู เมอื่ ครอู า นใหฟ ง 7. หยบิ หนงั สอื มาอา นเอง 8. รวู า ตอ งอา นหนงั สอื จากซา ยไปขวา 9. ใชภ าพวาดแทนการเขยี นและการวาด 10. พยายามเขยี นเพอ่ื สอื่ สารความหมาย โดยไมค าํ นงึ ถงึ การเขยี นทถี่ กู ตอ ง
163 (คณะอาจารยจ ติ รลดา) เพลงสวัสดี สวสั ดวี นั นพี้ บกนั สขุ ใจพลนั ฉนั ไดพ บเธอ โอ ลน่ั ลนั ลา ลนั ลา ลนั ลา (ซา้ํ ) เพลงมาโรงเรียน (ลว น ควนั ธรรม) มาโรงเรยี นมเี พอื่ นมากมาย เหงาจะตายอยูบานคนเดียว ทโี่ รงเรยี นมเี พอ่ื นกรเู กรยี ว อยบู า นคนเดยี วมาโรงเรยี นดกี วา
164
165 บรรณานุกรม นฤมล เนยี มหอม. (2540). การศกึ ษาสภาพและปญ หาการสอนภาษาแบบธรรมชาตใิ นโรงเรยี น อนบุ าล กรงุ เทพมหานคร. วทิ ยานพิ นธป รญิ ญาครศุ าสตรม หาบณั ฑติ สาขาวชิ าการศกึ ษา ปฐมวยั คณะครศุ าสตร จฬุ าลงกรณม หาวทิ ยาลยั . นติ ยา ประพฤตกิ จิ . (2539). การพฒั นาเดก็ ปฐมวยั . กรงุ เทพมหานคร: โอเดยี นสโตร. เบญจา แสงมล.ิ (2545). การพฒั นาเดก็ ปฐมวยั . กรงุ เทพมหานคร: ศนู ยส ง เสรมิ วชิ าการ. บษุ บง ตนั ตวิ งศ. (2536). นวตั กรรมการสอนภาษาแบบธรรมชาตใิ นการอา นเขยี นของเดก็ ปฐมวยั . ใน แรมสมร อยสู ถาพร (บรรณาธกิ าร), เทคนคิ และวธิ กี ารสอนในระดบั ประถมศกึ ษา ชดุ เสรมิ ประสทิ ธภิ าพคร.ู หนา 141 – 152. กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พจ ฬุ าลงกรณ มหาวิทยาลัย. ภทั รดา พนั ธสุ ดี า. (2551). การพฒั นารปู แบบการเรยี นการสอนแบบ SPARPS เพอื่ เสรมิ สรา งทกั ษะ ทางภาษาของเดก็ ปฐมวยั . ปรญิ ญานพิ นธก ารศกึ ษาดษุ ฎบี ณั ฑติ สาขาการศกึ ษาปฐมวยั มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร. วรนาท รกั สกลไุ ทย และนฤมล เนยี มหอม. (2549). การจดั ประสบการณเ พอ่ื พฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา นภาษา. ใน พชั รี ผลโยธนิ และคณะ (คณะกรรมการผลติ ), ประมวลสาระชดุ วชิ า การจดั ประสบการณส าํ หรบั เดก็ ปฐมวยั หนว ยท่ี 7 – 11, หนา [10-1] – [10-50]. นนทบรุ :ี มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. วชิ าการ, กรม. (2547). คมู อื หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2546 (สาํ หรบั เดก็ อายุ 3-5 ป) . กรงุ เทพมหานคร: ครุ สุ ภาลาดพรา ว. วชิ าการ, กรม. (2546). หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2546. กรงุ เทพมหานคร: ครุ สุ ภาลาดพรา ว วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา, สาํ นกั . (2551). การจดั การศกึ ษาปฐมวยั ตามหลกั สตู รและการเรยี นรู ทสี่ อดคลอ งกบั พฒั นาการทางสมอง. กรงุ เทพมหานคร: ชมุ นมุ สหกรณก ารเกษตร แหงประเทศไทย. วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา, สาํ นกั . (2552). คมู อื สง เสรมิ การรหู นงั สอื (Literacy) สาํ หรบั เดก็ ปฐมวยั โดยใชห นงั สอื เลม ใหญ (Big Book). นครสวรรค: รมิ ปง การพมิ พ. สภุ ทั รา คงเรอื ง. (2539). ผลการใชก จิ กรรมการอา นตามแนวการสอนภาษาแบบธรรมชาติ ทม่ี ตี อ ความคดิ รวบยอดเกย่ี วกบั ตวั หนงั สอื และหนงั สอื ของเดก็ วยั อนบุ าล. วทิ ยานพิ นธ ปรญิ ญาครศุ าสตรม หาบณั ฑติ สาขาวชิ าการศกึ ษาปฐมวยั คณะครศุ าสตร จฬุ าลงกรณ มหาวิทยาลัย.
166 อารี สณั หฉว.ี (2535). นวตั กรรมปฐมวยั ศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร: สมาคมเพอื่ การศกึ ษาเดก็ . อารี สณั หฉว.ี (2550). สอนภาษาไทยแนวสมดลุ ภาษา. กรงุ เทพมหานคร: สมาคมเพอ่ื การศกึ ษาเดก็ . Eggleton, J. and Windsor, J. (1999). Sails Teacher’s Resource Book. Singapore: Pearson Education Asia. Jensen, Eric. (1998). Teaching with the Brain in Mind. Virginia: Association for Supervision and Curriculum Development. Marzono, R. J. and Paynter, D. E. (1994). New Approaches to Literacy. Washington: American Psychological Association. Sausa, D. A. (2001). How the Special Needs Brain Learns. (2nded.). California: Corwin Press. Sowers, J. (2000). Language arts in early education. New York: Delma Thomson Learning.
167 แนวทางการใชสื่อเสริมหลักสูตร คณิตศาสตร
168 แนวทางการใชส่ือเสริมหลักสูตรคณิตศาสตร (Mathematics Curriculum Support) แนวคดิ การพฒั นาความสามารถพน้ื ฐานดา นการคดิ และคณติ ศาสตรร ะดบั ปฐมวยั การพฒั นาความสามารถพนื้ ฐานดา นการคดิ และคณติ ศาสตรร ะดบั ปฐมวยั ครผู สู อนสามารถใชก จิ กรรม ตามขอ เสนอแนะสาํ หรบั ครทู อ่ี ยทู า ยเลม หนงั สอื ชดุ การอา นตามระดบั ความสามารถซงึ่ บรู ณาการทกั ษะการคดิ ไวท กุ เลม โดยเนน ทกั ษะพน้ื ฐาน 3 ประการ คอื 1. การอธบิ ายและใหเ หตผุ ลประกอบ 2. การคาดคะเนโดยใชข อ มลู แวดลอ มจากเรอื่ งราวทอี่ า น 3. การเรยี งลาํ ดบั เหตกุ ารณ และจบั ประเดน็ หลกั ทห่ี นงั สอื ตอ งการสอ่ื สาร สาํ หรบั ทกั ษะพนื้ ฐานคณติ ศาสตร มอี ยใู นชดุ การอา นทกุ เลม โดยมที กั ษะพนื้ ฐานคณติ ศาสตรร ว มกนั คอื 1. การสงั เกต 2. การจาํ แนก 3. การเปรียบเทียบ 4. การจดั กลมุ หนงั สอื ในชดุ การอา นตามระดบั ความสามารถระดบั ปฐมวยั ทส่ี ง เสรมิ ทกั ษะคณติ ศาสตรโ ดยตรง ไดแ ก 1. รถไฟ สอนเรอื่ ง ทิศทาง 2. ลกู กระตา ยแสนซน สอนเรอื่ ง เวลา, การลาํ ดบั เหตกุ ารณ 3. รองเทา สอนเรอื่ ง จาํ นวน 4. อะไรอยใู นนา้ํ สอนเรอ่ื ง จาํ นวน 5. ไขเ จยี ว 7 สี สอนเรอื่ ง ส,ี การทดลอง 6. แมวขเ้ี ซา สอนเรอ่ื ง นาํ้ หนกั (หนกั -เบา) 7. ยรี าฟกบั กระรอก สอนเรอ่ื ง สงู – ตาํ่ 8. โลกของเรา สอนเรอ่ื ง แนวคดิ เรอื่ งแผนท่ี 9. เวลารอบโลก สอนเรอื่ ง เวลา 10. ลอ งลาํ โขง สอนเรอื่ ง ระยะทาง-ทศิ ทางการเคลอ่ื นที่
169 ลกั ษณะของชดุ สอ่ื เสรมิ หลกั สตู รคณติ ศาสตร (Mathematics Curriculum Support) ระดบั ประถมศกึ ษาปท ่ี 1-3 ส่ือเสริมหลักสูตรคณิตศาสตร (Mathematics Curriculum Support) ระดับประถมศึกษาปที่ 1 – 3 จดั ทาํ สอดคลอ งกบั หนว ยการเรยี นรู กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร แผนการจดั การเรยี นรคู ละชนั้ ในโรงเรยี น ขนาดเล็ก ดังน้ันครูผูสอนสามารถใชส่ือเสริมหลักสูตรคณิตศาสตรเปนสวนหนึ่งของกิจกรรมที่ใหนักเรียน ทําระหวางแบงกลุมยอยนักเรียน กลุมยอยพบครู กิจกรรมจับคู หรือกิจกรรมเดี่ยว-อิสระได ทําใหมีส่ือเสริม หนว ยการเรยี นรแู ตล ะหนว ยใหน า สนใจ และเกดิ ประสทิ ธผิ ลในการเรยี นคณติ ศาสตรม ากขนึ้ สาํ หรบั ภาคเรยี นท่ี 1 มหี นว ยการเรยี นรู จาํ นวน 6 หนว ย ดงั น้ี 1. จาํ นวนหรรษา 2. เวลา ชงั่ วดั 3. สารพดั เราขาคณติ 4. พิชิตแบบรูป 5. การบรหิ ารจาํ นวน 6. ชวนใชเ รอ่ื งเงนิ ชดุ สอ่ื เสรมิ หลกั สตู รคณติ ศาสตร (Mathematics Curriculum Support) จะประกอบดว ย ผงั ความคดิ ซง่ึ แสดงสาระการเรยี นรแู ละตวั ชว้ี ดั เนอ้ื หาในสอ่ื เสรมิ หลกั สตู รคณติ ศาสตร (Mathematics Curriculum Support) มีลักษณะบูรณาการโดยเตงเปนเรื่องราวสอดแทรกแนวคิดดานอนุรักษส่ิงแวดลอม เร่ืองราวของทองถ่ิน การทอ งเทยี่ ว วฒั นธรรม ประเพณี สงั คมศกึ ษา เศรษฐกจิ พอเพยี ง และคณุ ธรรม โดยใชค ณติ ศาสตรเ ปน แกนเดนิ เรอื่ ง สาํ หรบั ภาคเรยี นที่ 1 มจี าํ นวน 18 เลม ประกอบดว ย ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี 1 จาํ นวน 6 เลม คอื 1. บวกลบกบั โลมา 2. โรงเรียนของเรา 3. เฮฮาเรขาคณิต 4. กบชางคิด 5. ตามลา หาจาํ นวน 6. เพลดิ เพลนิ กบั เงนิ ทอง
170 ชนั้ ประถมศกึ ษาปท ่ี 2 จาํ นวน 6 เลม คอื 1. ผง้ึ นอ ยแสนขยนั 2. ไปเท่ียวทะเล 3. นอ งอบอนุ สนกุ กบั เรขาคณติ 4. กระตายรักเรียน 5. สนกุ คดิ พชิ ติ ปญ ญา 6. หนูนอยชางประหยัด ชนั้ ประถมศกึ ษาปท ่ี 3 จาํ นวน 6 เลม คอื 1. ตะลุยทองเท่ียว 2. สวนยางพาราของลงุ มงั่ 3. ทองเที่ยวไปกับเรขาคณิต 4. ช.ชา ง ชา งสงั เกต 5. หลนิ ปง ชวนคดิ 6. ใชจายอยางประหยัด
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189 แนวทางการประเมนิ ความสามารถดา นคณติ ศาสตร การประเมินความสามารถดานคณิตศาสตร โดยใชแบบบันทึกความสามารถของนักเรียนรายบุคคล เปน การบนั ทกึ ความกา วหนา ตอ เนอื่ ง แบง เปน 2 ชว ง คอื ชนั้ ประถมศกึ ษาปท ่ี 1 – 3 และประถมศกึ ษาปท ่ี 4 – 6 ในแบบบนั ทกึ ความสามารถของนกั เรยี นทเ่ี รมิ่ เขา เรยี นชน้ั ป.1 ครจู ะสาํ รวจความรพู นื้ ฐานดา นตวั เลข 1 – 100 โดยใหน กั เรยี นนบั ปากเปลา (นบั เปน บางชว งไมต อ งนบั จนครบ 1 – 100) ตอบคาํ ถาม หรอื ชต้ี วั เลขทคี่ รอู า น จากโปสเตอร เพอ่ื บนั ทกึ ความสามารถพนื้ ฐานคณติ ศาสตร จากนน้ั จงึ สอนและจดั กจิ กรรมการเรยี นรคู ละชน้ั ตามแผนการจัดการเรียนรู โดยใชสื่อเสริมหลักสูตรคณิตศาสตรเปนสวนหน่ึงของการจัดกิจกรรมประเมินผล พรอ มทง้ั ตรวจสอบและบนั ทกึ ความกา วหนา ของนกั เรยี นลงในตาราง ซง่ึ สมดุ เลม นจ้ี ะสง ตอ จากชน้ั ป.1 ไปถงึ ช้ัน ป.3 ทําใหครูแตละคนมีขอมูลนักเรียนรายบุคคลและทราบความกาวหนาของนักเรียนสามารถออกแบบ การเรยี นรเู พอื่ พฒั นาหรอื ซอ มเสรมิ ไดถ กู ตอ ง แบบบนั ทกึ ความสามารถของนกั เรยี นรายบคุ คลมลี กั ษณะ ดงั นี้
190 แบบบนั ทกึ ความสามารถของนกั เรยี นรายบคุ คล โครงการพัฒนาคุณภาพในโรงเรียนขนาดเล็ก โดยใชช ดุ การอา นตามระดบั ความสามารถ และสอื่ เสรมิ หลกั สตู รคณติ ศาสตร ระดบั ประถมศกึ ษา โรงเรยี น........................................... สพป. ......................................................... อาํ เภอ............................................................จงั หวดั .............................................. เดก็ ชาย/เดก็ หญงิ .........................................นามสกลุ ............................................
191 การประเมนิ ความสามารถระดบั ชนั้ ป.1 .................................................... วนั ท.ี่ .................................. การรจู กั พยญั ชนะ ก-ฮ............................................................................................................................. ความรเู กยี่ วกบั พยญั ชนะและสระพนื้ ฐาน ( ⌫ ⌦ )........................................................ ความรเู กย่ี วกบั ตวั เลข 1-100................................................................................................................. ความรดู า นสงั คม ............................................................................................................................... ความคดิ เหน็ : ..................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ตารางเปรียบเทียบสมรรถนะในการอาน ประถมศึกษาปท่ี 1 อายุ ระดับ ชอ่ื หนงั สอื วนั ท่ี วนั ท่ี วนั ที่ วนั ท่ี การ หนงั สอื ประเมนิ ประเมนิ ประเมนิ ประเมนิ อา น ทอี่ า น 7 ป 1 มติ รภาพตา งสายพนั ธุ 2 เจา ปาน 3 ตวั นอ ยรอ ยขา 4 หวั ใจแหง มหาสมทุ ร 5 เพอ่ื นของปา แฉง 6 ไขเ คม็ 7 มะลเิ ดก็ ดี 8 นา้ํ มอื สะอาด 9 เดก็ หญงิ พอใจ 10 มะลไิ ปทะเล 11 วัวของใบบัว 12 สวนของนางฟา 13 งนู อ ยตกใจ 14 ครอบครัวของลูกหมี 15 กระถนิ ชวนไปวดั 16 ชวนนอ งอา นคาํ คลอ งจอง การประวิสรรชนีย 17 แมไ กก บั ใบกะเพรา 18 กระตา ยแสนซน 19 ฟน สวยดว ย..ผกั
192 ประถมศึกษาปที่ 2 อายุ ระดับ ชอื่ หนงั สอื วนั ที่ วนั ท่ี วนั ที่ วนั ที่ การ หนงั สอื ประเมนิ ประเมนิ ประเมนิ ประเมนิ อา น ทอี่ า น 8 ป 1 อบุ าสกสรา งถนน 2 ชา งนอ ย 3 หมาปา ผใู จบญุ 4 มดยอดกตัญู 5 สระ ไอ ใอ 6 แมม ดจอมซน 7 เลขคูเลขค่ี 8 หมบู า นแสนสขุ 9 ลูกเปดเปนหวัด 10 นกกระจาบ 11 เตากับปูมา 12 สตั วเ ลย้ี งบา นลงุ ชยั 13 กรยิ าพาเพลนิ 14 การใชบ รรณและบนั 15 คดิ เลน ๆ เปน คาํ ๆ 16 ฝก สมอง ลองปญ ญา 17 ลกู ไกไ มเ ชอ่ื พอ 18 วนั หยดุ สดุ แสนสนกุ 19 กระตา ยอยากมเี พอ่ื น 20 ฉนั เปน แม ก.กา 21 สระแปลงกาย 22 อยา แซงฉนั นะ 23 เสยี งอะไรเอย 24 ฉนั คอื อะไร 25 นางฟา ใจดี
193 ประถมศึกษาปที่ 3 อายุ ระดับ ชอื่ หนงั สอื วนั ที่ วนั ที่ วนั ท่ี วนั ที่ การ หนงั สอื ประเมนิ ประเมนิ ประเมนิ ประเมนิ อา น ทอี่ า น 9 ป 1 ครองแครงเที่ยวปา 2 ชีวิตปกและปอง 3 คาํ ราชาศพั ทก บั หนยู มิ้ 4 เทีย่ วไปกับพญาวานร 5 สตั วป า พาสขุ 6 ขาวเหนียวกับขาวเจา 7 เทย่ี วตลาดนา้ํ 8 เพชรพลอยไปวดั 9 เพอื่ นรกั สขี่ า 10 การพจญภยั ของปนู อ ย
194
195
196
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206