คมู ือการจดั การเรียนรสู ิทธิมนุษยชนศกึ ษา ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน
คูม ือการจดั การเรียนรสู ิทธมิ นษุ ยชนศกึ ษา • ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน ชือ่ หนงั สอื คูมือการจัดการเรยี นรูสิทธมิ นุษยชนศกึ ษา ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน ISBN 978-616-8274-02-6 พิมพค รงั้ ท่ี 1 มกราคม 2563 จํานวนพิมพ 1,000 เลม จดั พมิ พโดย สํานกั งานคณะกรรมการสิทธิมนษุ ยชนแหงชาติ ศนู ยราชการเฉลิมพระเกยี รติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) ฝง ทิศใต ช้นั 6 และ 7 120 หมูท่ี 3 ถนนแจงวฒั นะ แขวงทุงสองหอง เขตหลกั สี่ กรงุ เทพฯ 10210 โทรศัพท 0 2141 3800 โทรสาร 0 2143 9574 สายดว นรองเรยี น 1377 อเี มล: [email protected] ขอมลู เพ่มิ เตมิ www.nhrc.or.th 2
คมู ือการจัดการเรยี นรูสิทธมิ นุษยชนศกึ ษา • ระดับมัธยมศึกษาตอนตน บทนําและความเปนมา “ในสถานที่เล็ก ๆ ใกลบานเล็กและใกลมากจนไมสามารถมองเห็นได ในแผนที่โลก สถานทเ่ี ลก็ ๆ แหงน้นั เปน โลกของปจ เจกบุคคล เปน ละแวกบานท่ี บุคคลอยูอาศัย เปนโรงเรียน หรือวิทยาลัยที่บุคคลไดเขาเรียน เปนโรงงาน ไรนา หรือสํานักงานท่ีบุคคลทํางาน สถานท่ีเหลานี้เปนท่ีซ่ึงบุรุษ สตรี และเด็กทุกคน ตา งมองหาความยตุ ธิ รรมทเ่ี ทา เทยี มกนั โอกาสทเ่ี ทา เทยี มกนั ศกั ดศ์ิ รที เ่ี ทา เทยี มกนั โดยปราศจากการแบง แยก ถาสทิ ธเิ หลา นี้ไมมีความหมายอยู ณ สถานที่นน้ั ๆ สทิ ธเิ หลา นกี้ จ็ ะมคี วามหมายเพยี งนอ ยนดิ ในทกุ แหง ถา พลเมอื งไมช ว ยกนั ยนื หยดั ปกปอ งสทิ ธเิ หลา นใ้ี หอ ยใู กลบ า นกเ็ ปลา ประโยชนท จ่ี ะใหเ กดิ ความกา วหนา ในโลกที่กวา งใหญข ึ้น” คํากลาวขางตนเปนของ นางเอลีนอร รูสเวลท ภริยาอดีตประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี รูสเวลท ของสหรัฐอเมริกา ท่ีกลาวไวเม่ือคร้ังมีการยกรางปฏิญญาสากลวาดวยสิทธิมนุษยชน ซึ่งตอมาท่ีประชุม สมชั ชาสหประชาชาติอันประกอบดว ย ประเทศสมาชิกท่วั โลกจํานวน 48 ประเทศ รวมถงึ ประเทศไทยไดมี ขอ มตริ บั รองปฏิญญาวา ดว ยสทิ ธิมนุษยชน เม่อื วนั ท่ี 10 ธันวาคม พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) ถือเปนจดุ เริม่ ตน ภายหลังสงครามโลกคร้ังที่ 2 ส้ินสุดลง ที่บรรดาเหลาสมาชิกประเทศในโลกไดสรางเอกสารประวัติศาสตร รวมกัน เพ่ือมงุ หวงั ใหเกิดหลกั การคุมครองสทิ ธิมนษุ ยชนแกพ ลเมืองทวั่ โลก ในโลกใบนี้ เราทุกคนลวนเติบโตมาบนพ้ืนฐานของความแตกตางหลากหลาย ท้ังเช้ือชาติ ศาสนา ภาษา วัฒนธรรม เราอาจมีแนวความคดิ ความเช่ือ ฐานะ รูปลักษณ รางกายท่ีแตกตา งกัน ส่งิ เหลา นไ้ี มใ ช สิ่งที่ผิดปกติ ไมใชความนากลัวท่ีเราจะตองแบงแยก กีดกั้น แบงพรรคแบงพวก หากแตเปนธรรมชาติของ ความหลากหลาย ซง่ึ เราทกุ คนสามารถอยรู ว มกนั ไดอ ยา งสนั ตสิ ขุ หากเรายดึ มน่ั ในคณุ คา ของ “สทิ ธมิ นษุ ยชน” อนั เปน คณุ ธรรมสากล ซงึ่ ประกอบดว ย หลกั การพนื้ ฐานอนั มงุ หวงั ใหเ พอื่ นมนษุ ยพ งึ กระทาํ ตอ กนั 4 ประการ ไดแ ก 3
คูมือการจัดการเรยี นรสู ทิ ธมิ นษุ ยชนศกึ ษา • ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน 1. การเคารพในศกั ดิศ์ รีความเปนมนุษย 2. การเช่ือมั่นในความเทาเทยี มของบคุ คล โดยปราศจากการแบง แยก 3. การศรัทธาในสทิ ธิและเสรภี าพของบุคคล 4. การปฏิบตั ติ อผูอ ่ืนในฐานะทเี่ ปน เพ่ือนมนษุ ยเ ชนเดยี วกนั หลกั การสทิ ธมิ นษุ ยชนพน้ื ฐาน 4 ประการดงั กลา ว ยงั ถอื เปน หลกั การสาํ คญั ในปฏญิ ญาสากลวา ดว ย สทิ ธมิ นษุ ยชนซงึ่ ถอื กาํ เนดิ ขนึ้ เพอ่ื ใหท กุ คนไดเ รยี นรแู ละเขา ใจรว มกนั ในหลกั การสทิ ธมิ นษุ ยชนจนนาํ ไปสกู าร ยอมรบั และเกดิ เปน วฒั นธรรมการเคารพสทิ ธมิ นษุ ยชนขนึ้ ในทสี่ ดุ และเปน หวั ใจสาํ คญั ยง่ิ ทเ่ี ราทกุ คนควรจะ ไดต ระหนกั และนาํ มาปรบั ใชใ นบรบิ ทของตนเอง โดยเฉพาะครบู าอาจารย ซง่ึ เปน ผมู บี ทบาทสาํ คญั ยงิ่ ตอ การ กอรางสรางฐานอันมั่นคงใหแกสังคมโดยการปลูกฝงใหเด็กและเยาวชนไดเรียนรูและตระหนักถึงคุณคาของ สิทธมิ นุษยชนผา นการประยุกตใ ชใ นบทเรยี น กิจกรรมการเรียนการสอน และวถิ ีชวี ิตประจาํ วนั และเนื่องดวยความสําคัญในการสงเสริมสิทธิมนุษยชนตามหลักการสากล รัฐธรรมนูญ แหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จึงไดบัญญัติใหมีองคกรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ไดแก คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ โดยมีหนาที่และอํานาจสําคัญประการหน่ึงตามมาตรา 247 (5) ในการสรางเสริมทุกภาคสวนของสังคมใหตระหนักถึงความสําคัญของสิทธิมนุษยชน มีหนาท่ีและอํานาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาดวยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ พ.ศ. 2560 มาตรา 27 (1) (2) และ (3) ในการสงเสริม สนับสนุน ใหความรวมมือแกบุคคล หนวยงานของรัฐ และภาคเอกชนในการศึกษา วิจัย เผยแพรความรูและพัฒนาความเขมแข็งดานสิทธิมนุษยชน สงเสริมเผยแพรใหเด็ก เยาวชน รวมท้ังประชาชนทั่วไปตระหนักถึงสิทธิมนุษยชนของแตละบุคคล ท่ีทัดเทียมกัน และการเคารพในสิทธิมนุษยชนของบุคคลอ่ืน ซ่ึงอาจแตกตางกันในทางวัฒนธรรม ประเพณี วถิ ชี วี ติ และศาสนา ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติในฐานะสถาบันดานสิทธิมนุษยชนระดับชาติตามท่ี กลาวมาไดเล็งเห็นวา การจะสงเสริมสิทธิมนุษยชนศึกษาใหงอกงามย่ังยืนนั้น จะตองเรงใหเกิดแนวทาง อยางเปนระบบในการสรางเสริมสิทธิมนุษยชนในสถานศึกษาท่ัวประเทศ โดยการรวมมือกับกระทรวง ศกึ ษาธกิ ารซ่ึงกาํ กับดูแลสถานศึกษาในสังกัดกวา 30,000 แหง มีบคุ ลากรทางการศกึ ษา กวา 400,000 คน 4
คูมอื การจดั การเรียนรูสิทธิมนษุ ยชนศึกษา • ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน ซึ่งทําหนาที่สนับสนุนและใหการศึกษาขั้นพื้นฐานแกเด็กนักเรียนในประเทศ กวา 7,000,000 คน ดังน้ัน คณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง ชาติ โดยสาํ นกั งานคณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง ชาตจิ งึ ไดจ ดั ทาํ บนั ทกึ ขอตกลงความรวมมือการสงเสริมดานสิทธิมนุษยชนกับกระทรวงศึกษาธิการ เพ่ือรวมกันพัฒนาคูมือ การจัดการเรียนรสู ิทธิมนุษยชนศกึ ษา เพื่อใชเปนแนวทางในการจัดการเรยี นรเู พอ่ื พฒั นาคุณภาพผเู รียน จากความมงุ หมายดงั กลา ว ทาํ ใหเ กดิ การรว มมอื กนั ของภาคเี ครอื ขา ยอนั ประกอบดว ย คณะทาํ งาน ดานสงเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชน ผูชํานาญการตลอดท้ังผูทรงคุณวุฒิดานสิทธิมนุษยชนศึกษา ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน คณะครู อาจารย และบุคลากรทางการศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการ อาจารยจ ากสถาบนั สทิ ธมิ นษุ ยชนและสนั ตศิ กึ ษา มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล และบคุ ลากรจากมลู นธิ ฟิ รดี รชิ เนามนั ประเทศไทยรวมกันดําเนินการจัดทําคูมือการจัดการเรียนรูสิทธิมนุษยชนศึกษา ไดใชเปนแนวทาง ในการจัดการเรียนรูเพื่อพัฒนาคุณภาพผูเรียนดานสิทธิมนุษยชน โดยยึดโยงกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ในระดับประถมศึกษาตอนตนและตอนปลาย ไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนตนและตอนปลาย รวมถึง การปลูกฝงเก่ียวกับสิทธิมนุษยชนแทรกไปในการจัดกิจกรรมการเรียนรูในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุธศักราช 2560 โดยกระบวนการจัดทําประกอบดวยการประชุมรวมกันเพ่ือระดมความคิดเห็น การจัดทํา ตลอดจนการนําเสนอมีการนําไปปรับปรุงแกไขในภายหลัง อีกทั้งยังมีการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อรับฟงขอคิดเห็นขอเสนอแนะตอรางเอกสารดังกลาว จากคณะครู อาจารย ท้ังในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เพอื่ ใหเอกสารผา นการมสี ว นรวมจากทุกฝา ยท่เี กยี่ วของและเกิดความสมบูรณม ากทส่ี ุด โดยหวังวาจะทําใหเด็กเยาวชนซ่ึงเปนอนาคตและพลังที่จะขับเคล่ือนประเทศในภายภาคหนา ไดเ กดิ การเรยี นรสู ทิ ธมิ นษุ ยชนอยา งมสี ว นรว ม มคี วามรู ความเขา ใจและตระหนกั วา หลกั การสทิ ธมิ นษุ ยชน ทั้งการเคารพในศกั ด์ิศรคี วามเปนมนุษย การเชอื่ มัน่ ในความเทาเทยี มของบุคคล โดยปราศจากการแบงแยก การศรัทธาในสิทธิและเสรีภาพของบุคคล และการปฏิบัติตอผูอ่ืนในฐานะท่ีเปนเพ่ือนมนุษยเชนเดียวกัน โดยยืนอยูบนธรรมชาติของความแตกตางหลากหลายนั้นแทจริงไมใชแนวคิดตะวันตกท่ีไกลตัว หากแต หลักการตาง ๆ ท่ีปรากฏในปฏิญญาสากลวาดวยสิทธิมนุษยชน ลวนแตสอดคลองกับคานิยมอันดีงาม ของสังคมไทย อาทิ ความเมตตา กรุณา ความมีน้ําใจ การแบงปน ความปรองดอง เหลานี้เปนสวนหน่ึง ที่เราพบเจอในวถิ ีชวี ิตประจาํ วนั ทง้ั สิ้น 5
คมู อื การจัดการเรยี นรสู ทิ ธิมนษุ ยชนศกึ ษา • ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน โดยทา ยทส่ี ดุ คณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง ชาตแิ ละภาคเี ครอื ขา ยมงุ หวงั วา คมู อื การจดั การเรยี นรู สิทธิมนุษยชนศึกษาเลมน้ี จะทําใหผูเกี่ยวของท้ังครูผูสอนและผูเรียนเกิดความรู ความเขาใจ ทักษะ ทัศนคติดานสิทธิมนุษยชนติดตัว สามารถบูรณาการสิทธิมนุษยชนใหเขาไปปรากฏอยูในวิถีปฏิบัติ ประจําวันทั้งภายในหองเรียนและนอกหองเรียน นําไปปรับประยุกตใหเหมาะสมกับบริบทในครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และสังคม เพ่ือนําไปสูการสรางวัฒนธรรมการเคารพสิทธิมนุษยชนในสังคมไทย ไดอ ยา งมัน่ คงยงั่ ยืนสบื ไป 6
คูม อื การจดั การเรยี นรูสิทธมิ นษุ ยชนศึกษา • ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน สารบญั หนา เรอื่ ง 9 แนวทางการนําคมู ือการจัดการเรียนรูเรือ่ งสทิ ธมิ นุษยชนศกึ ษาไปใช 16 โครงสรา งและองคประกอบของคมู ือการจดั การเรยี นรูเร่อื งสิทธิมนษุ ยชนศกึ ษา 20 หนว ยการเรยี นรูที่ 1 ความหมายและหลักการสาํ คัญของสทิ ธิมนุษยชน 20 - ชดุ กจิ กรรมที่ 1 เธอผานอะไรมาบาง 29 หนวยการเรยี นรทู ี่ 2 สทิ ธมิ นุษยชนท่ีเกย่ี วของกบั พลเมือง 29 - ชดุ กิจกรรมที่ 2 แผน ดนิ เดียวกัน 37 - ชดุ กิจกรรมท่ี 3 ใครฆาแนนโนะ 43 หนวยการเรียนรูท ี่ 3 สทิ ธมิ นุษยชนท่เี กี่ยวขอ งกบั การเมอื งการปกครอง 43 - ชุดกิจกรรมท่ี 4 ใครไดใ ครเสีย 51 - ชดุ กจิ กรรมท่ี 5 Voice Kids 60 หนวยการเรียนรทู ่ี 4 สทิ ธมิ นุษยชนทเ่ี กีย่ วขอ งกับเศรษฐกจิ 60 - ชดุ กิจกรรมท่ี 6 ของของใคร ใครกห็ วง 67 - ชดุ กิจกรรมท่ี 7 คนคน แรงงาน 7
คูมือการจัดการเรยี นรูสทิ ธิมนษุ ยชนศกึ ษา • ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน หนา 74 สารบัญ (ตอ) 74 84 หนวยการเรยี นรทู ่ี 5 สทิ ธมิ นุษยชนที่เกย่ี วของกบั สงั คมและวฒั นธรรม - ชุดกิจกรรมที่ 8 โรงเรียนในฝน 99 - ชดุ กจิ กรรมท่ี 9 แตงงานกนั ไหม 99 107 หนว ยการเรยี นรูท ี่ 6 สรปุ ประเดน็ และอภปิ รายเก่ยี วกบั สทิ ธมิ นษุ ยชน - ชุดกจิ กรรมที่ 10 เสยี งทีไ่ มไดยิน 109 110 ตวั อยา งพฤตกิ รรมของนักเรียนทม่ี ีความตระหนกั ในสิทธิมนษุ ยชน 113 ภาคผนวก รายชอ่ื คณะผูจ ดั ทํา รายช่อื คณะท่ปี รึกษาและกองบรรณาธิการ 8
คมู ือการจัดการเรียนรูส ทิ ธมิ นุษยชนศกึ ษา • ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน แนวทางการนําคูมือ การจัดการเรยี นรเู รื่องสทิ ธิมนษุ ยชนศกึ ษาไปใช คูมือการจัดการเรียนรูสิทธิมนุษยชนศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนตน (ม.1 - 3) เลมน้ีจัดทํา ขึ้นเพื่อเปนแนวทางสําหรับครูผูสอนกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รวมท้ัง ครูผูสอนท่ัวไปท่ีใชมาตรฐานการเรียนรูและตัวช้ีวัด หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 เปน แกนในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู เพอื่ ใหผ เู รยี นมปี ระสบการณแ ละความรคู วามเขา ใจ เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ทั้งน้ีชุดกิจกรรมในคูมือการเรียนการสอนดานสิทธิมนุษยชน ระดับชั้นมัธยมศึกษา ตอนปลาย เปน การหยบิ ยกประเดน็ ตวั อยา งนา สนใจทสี่ อดคลอ งกบั สถานการณด า นสทิ ธมิ นษุ ยชนในปจ จบุ นั อันเปนสิทธิขั้นพ้ืนฐานท่ีมนุษยทุกคนไดรับอยางเสมอภาคกันเพ่ือใหสามารถดํารงชีวิตไดอยางสันติสุข มีศักดิ์ศรี มีเสรีภาพ มีไมตรีจิต และมีความเมตตาตอกัน โดยไมคํานึงถึงความแตกตางในเร่ืองเชื้อชาติ สีผิว เพศ อายุ ภาษา ศาสนา สถานภาพทางกาย หรือสุขภาพ สิทธิมนุษยชนยังมีความสําคัญในแง ของการเปน หลกั ประกนั ของความเปน มนษุ ยส ทิ ธิและเสรภี าพ สําหรับการจดั การเรยี นรเู รื่องสทิ ธมิ นษุ ยชน นัน้ จะตอ งเปนการเอื้อใหผ เู รียนไดพัฒนาความรู ทศั นคติ มมุ มอง รวมถึงการพฒั นาทักษะในการอยรู วมกัน ทามกลางความหลากหลายและเคารพสิทธิของผูอ่ืน จึงเปนการจัดการเรียนรูเก่ียวกับ (About) สิทธิมนุษยชน ในบรรยากาศการเรียนรูและกระบวนการ (Through) ท่ีสรางวัฒนธรรมสิทธิมนุษยชน เชน การท่ีทุกคนไดแสดงความคิดเห็นและฟงความคิดเห็นท่ีแตกตางมีสวนรวมในกระบวนการตัดสินใจ และนําไปสู (For) การใชสิทธิและเรียกรองสิทธิเพ่ือตนเองและคนในสังคมโลกไดมาตรฐานการเรียนรู และตวั ช้วี ดั ที่เกย่ี วของกับสทิ ธมิ นุษยชนและใชเ ปนแกนในการออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู มดี งั นี้ 9
คูม ือการจัดการเรยี นรสู ทิ ธมิ นุษยชนศึกษา • ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน ส 1.2 ม.3/4 วเิ คราะหปจ จัยท่กี อใหเ กิดความขัดแยง ในประเทศ และเสนอแนวคดิ ในการลด ความขดั แยง ส 2.1 ม.1/1 ปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายในการคุม ครองสิทธขิ องบคุ คล ส 2.1 ม.2/1 อธิบายและปฏิบัติตามกฎหมายท่ีเก่ียวของกับตนเอง ครอบครัว ชุมชน และประเทศ ส 2.1 ม.1/4 การแสดงออกถงึ การเคารพสิทธิของตนเองและผูอ่นื ส.2.1 ม.2/1 อธิบายและปฏิบัติตนตามกฎหมายท่ีเกี่ยวของกับตนเอง ครอบครัว ชุมชน และประเทศ ส.2.1 ม.3/2 มีสวนรวมในการปกปอ งคุมครองผูอ่นื ตามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน ส 2.2 ม.3/3 วิเคราะหรัฐธรรมนูญฉบับปจจุบันในมาตราตาง ๆ ท่ีเก่ียวของกับการเลือกต้ัง การมีสวนรว มและการตรวจสอบการใชอ าํ นาจรัฐ 1. วตั ถปุ ระสงคข องคูมอื 1.1 เพื่อเปนแนวทางใหครูผูสอนกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ใชในการจัดกิจกรรมการเรียนรูที่พัฒนาผูเรียนใหมีความรูความเขาใจ ตระหนักถึงความสําคัญ ของสิทธิมนุษยชน สถานการณสิทธิมนุษยชนในบริบทตาง ๆ ไดแก เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม แนวทางการนําความรแู ละประสบการณไปปรบั ใชกับชวี ติ ตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสงั คม 1.2 เพ่อื ใหผูสอนและผอู อกแบบการจัดการเรยี นรูแกผ เู รียนในลักษณะอื่น ๆ ที่ไมไดจ ัดการเรยี นรู อยางเปน ระบบตามระดับคณุ วุฒิ การศกึ ษาทางเลือก และการศึกษาตามอธั ยาศัย ในลกั ษณะของกจิ กรรม หรอื คายการเรยี นรู ทีม่ เี ปาหมายท่ใี หมีความรู ความเขาใจเกีย่ วกบั สิทธมิ นษุ ยชน 10
คมู อื การจดั การเรียนรูสทิ ธมิ นษุ ยชนศกึ ษา • ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน 2. แนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นรู 2.1 การจัดบรรยากาศการเรยี นรู 2.1.1 การจัดบรรยากาศเชิงกายภาพ ออกแบบใหมีบรรยากาศที่เคารพสิทธิ การใหความ สําคัญกับความแตกตางหลากหลายของผูเรียน การออกแบบเคร่ืองใชตาง ๆ โดยคํานึงถึงประโยชนสูงสุด ของผูเรียนทุกคน ลดอุปสรรคในการเรียนรูของผูเรียน มีความยืดหยุนเพ่ือใหผูเรียนท่ีมีความแตกตางกัน สามารถทํากิจกรรมหรือเรียนรูไดมากท่ีสุด เชน อุปกรณท่ีเอื้อตอผูเรียนท่ีถนัดซาย การทําทางลาด สําหรับผูเรียนท่ีตาบอดหรือนั่งรถเข็น รวมไปถึงการออกแบบบรรยากาศที่เอื้อตอรูปแบบการเรียนรู ของผูเรียนที่แตกตางกัน เชน การจัดปายนิเทศ การใหสารสนเทศที่ชวยใหผูเรียนที่เรียนรูผานการอาน หรอื มองเห็น (Visual Learner) ไดศ ึกษาเพม่ิ เตมิ 2.1.2 การจัดบรรยากาศการเรียนรูเชิงจิตวิทยา ท่ีเปนแบบอยางของผูเคารพสิทธิมนุษยชน ของผูสอน การมีปฏิสัมพันธของผูสอนกับผูเรียน หรือระหวางผูเรียนดวยกันเอง ไดมีโอกาสไดคิด สังเกต และลงมอื ปฏบิ ัตจิ ากการทาํ งานรว มรว มกนั ดงั นี้ 2.1.2.1 ใหม กี จิ กรรมการแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ ระหวา งผเู รยี นกบั ผสู อน และในกลมุ ของผูเรียน หรอื ออกแบบงานกลุมใหผ ูเรยี นไดช วยเหลอื ผอู นื่ ไดเปลย่ี นบทบาทการทาํ งานกลมุ 2.1.2.2 ออกแบบกิจกรรมใหหลากหลายรูปแบบ เพ่ือใหผูเรียนสามารถเลือกได ตามความถนัดและความสามารถ 2.1.2.3 มกี ารสะทอ นกิจกรรมและการเรยี นรูเ ปน ระยะ เพอ่ื ใชเ ปนขอ มูลในการปรบั กิจกรรมใหเ หมาะสมมากขน้ึ 2.2 บทบาทของครผู ูสอน เพอ่ื ใหก ารเรยี นรสู ทิ ธมิ นษุ ยชนของผเู รยี นอยา งมคี ณุ ภาพ ครผู สู อนควรมบี ทบาทในการจดั การ ในประเดน็ ตา ง ๆ ดงั น้ี 2.2.1 เวลาในการดําเนินกิจกรรม ในแตละชุดกิจกรรมนั้นมีวัตถุประสงคท่ีแตกตางกัน สง ผลตอ การออกแบบกระบวนการจดั การเรยี นรซู ง่ึ บางกจิ กรรมอาจใชเ วลามากกวา กจิ กรรมอน่ื อยา งไรกต็ าม ผูสอนสามารถปรับกจิ กรรมใหเ กดิ ความยดื หยนุ เหมาะสมกับเวลาทม่ี ีในการจดั การเรยี นรู 11
คูม ือการจดั การเรยี นรสู ิทธิมนุษยชนศกึ ษา • ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน 2.2.2 จํานวนผูเรียน ชุดกิจกรรมสวนหนึ่งถูกออกแบบมาโดยใชกระบวนการกลุมจึงมีการ กําหนดจํานวนคนในแตละกลุม แตหากจํานวนนักเรียนในชั้นเรียนของผูสอนไมเปนไปตามชุดกิจกรรม ทกี่ ําหนดไวก ็สามารถปรับเปล่ียนไดต ามความเหมาะสมแตอ ยูในสดั สวนที่ไมเ ปลี่ยนไปมาก 2.2.3 สภาพแวดลอมในชั้นเรียนสอดคลองกับสิทธิมนุษยชน หากผูสอนนํากิจกรรม ไปเพ่ือปรับเปล่ียนใหเกิดความเหมาะสมกับบริบทช้ันเรียนควรคํานึงถึงบริบทดานสิทธิมนุษยชน เพ่ือใหผูเรียนเกิดการเรยี นรแู ละความเขาใจท่ีสอดคลอ งกนั 2.2.4 สอื่ ทใี่ ชป ระกอบเพอื่ ทาํ กจิ กรรม ผสู อนสามารถเปลยี่ นแปลงอปุ กรณ หรอื สถานการณ ตัวอยางที่นํามาใชในการจัดการเรียนการสอนใหสอดคลองกับบริบทของโรงเรียน หรือสถานการณ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในชวงน้นั เพอื่ ใหเ กดิ ความทนั สมัยของขอมูลได 2.2.5 การใชขอเสนอแนะที่ระบุในหนวยการเรียนรู ในแตละชุดกิจกรรมจะมีสวนขอเสนอ แนะเพอ่ื แนะนาํ ผสู อนหากมคี วามประสงคจ ะนาํ ชดุ กจิ กรรมนนั้ ไปใชเ พอื่ ใหเ กดิ ความคลาดเคลอ่ื นในมโนทศั น นอ ยที่สุดและเปน ไปตามวตั ถปุ ระสงคข องกจิ กรรมมากทีส่ ุด 2.2.6 การปรบั กจิ กรรมการเรยี นรใู นสถานการณต า ง ๆ ทผ่ี สู อนสามารถนาํ ไปใชไ ด 2 รปู แบบ ประกอบดว ย 2.2.6.1 การนําคูมือไปใชในการจัดการเรียนรูตามหลักสูตร : ผูสอนสามารถ นําชุดกิจกรรมทั้ง 10 ชุดกิจกรรม ไปใชในการจัดการเรียนรูในชั้นเรียนไดทั้งในสวนของรายวิชาพ้ืนฐาน ท่ีแตละกิจกรรมมีความสอดคลองเช่ือมโยงกับตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรูแกนกลางในกลุมสาระ การเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และรายวิชาเพิ่มเติมหากมีผลการเรียนรูท่ีสอดคลองกับ จดุ ประสงคการเรยี นรูข องกิจกรรม 2.2.6.2 การนําคูมือไปใชในการจัดการเรียนรูเสริมหลักสูตร : ผูสอนสามารถนํา ชุดกิจกรรมดังกลาวไปใชจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรได เชน กิจกรรมสงเสริมคุณธรรม กิจกรรมชุมนุม การประชุมระดับช้ัน ตลอดจนกระบวนการจัดกิจกรรมคายตาง ๆ โดยสามารถเลือกบางชุดกิจกรรม ที่สอดคลอ งกบั จดุ ประสงคข องการจดั การเรียนรูเสริมหลกั สตู ร 12
คมู ือการจัดการเรียนรูส ิทธิมนษุ ยชนศกึ ษา • ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน 2.3 ลักษณะของกิจกรรม กิจกรรมการเรียนรูในคูมือนี้ เปนการออกแบบกิจกรรมใหผูเรียนไดประสบการณหรือเช่ือม โยงประสบการณก บั หลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน เพอื่ ใหส ามารถประยกุ ตใ ชใ นชวี ติ ประจาํ วนั ใหเ กดิ การเปลย่ี นแปลง ดานการกระทาํ เจตคติ คา นิยม มวี ฒั นธรรมแหง การเคารพสทิ ธิมนษุ ยชน กิจกรรมทใ่ี ชม ลี กั ษณะสาํ คัญดังน้ี 2.3.1 การใหประสบการณหรือเชื่อมโยงกับประสบการณของผูเรียนแตละคน ซ่ึงชวยให การเรียนรูม ีความหมายสําหรับผูเ รยี น 2.3.2 การใหผูเรียนไดคิด และแลกเปล่ียนเรียนรูกับผูอ่ืน ชวยใหผูเรียนไดแงคิดมุมมอง ของผูอ น่ื และสรา งความรูของตนเอง 2.3.3 การมโี อกาสในการสานเสวนา (Dialogue) ทีเ่ ปดโอกาสใหผเู รยี นไดสรา งความเขาใจ กนั ผานการพูดคุย การฟง กนั อยางมีสติ การไมตัดสนิ โดยใชท ัศนคตหิ รือความเชอ่ื ของตนเองเปน หลกั 2.3.4 การใหโอกาสในการสะทอนและสรุปการเรียนรูที่ไดรับ โดยใชหลักการ RCA คือ การสะทอนประสบการณที่ไดรับ (Reflection: R) การเชื่อมโยงส่ิงที่ไดเรียนรูกับประสบการณเดิม (Connect: C) และการนาํ ความรูไปประยุกตใ ช (Apply: A) 2.4 การวดั และประเมินผลการเรยี นรู การประเมินเนนการประเมินตามสภาพจริง ดวยการสังเกตพฤติกรรมที่เกิดการออกแบบ กิจกรรมใหผูเรียนไดลงมือปฏิบัติ ไดแก การแสดงความคิดเห็น การรวมกิจกรรมกลุม การลงมือทํางาน การประเมนิ จากช้นิ งาน ไดแก การบันทึกการเรียนรู การสรางชิ้นงานเพื่อนาํ เสนอผลการเรียนรู นอกจากน้ี เปนการประเมินจากผูเ ก่ียวขอ ง เชน เพอื่ นประเมนิ เพือ่ น (Peer assessment) การประเมนิ โดยผปู กครอง การประเมินการเรยี นรมู ี 3 ลกั ษณะ ดังนี้ 2.4.1 การประเมินผลการเรียนรู (Assessment of Learning) เปนการประเมินผลรวบยอด เพื่อประเมินวาผูเรียนผานหรือบรรลุตามจุดประสงคการเรียนรู มาตรฐานการเรียนรูและตัวท่ีช้ีวัดที่กําหนด ไวใ นระดบั ใด 13
คมู ือการจัดการเรียนรสู ิทธิมนุษยชนศกึ ษา • ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน 2.4.2 การประเมนิ เพอ่ื การพฒั นาการเรยี นรู (Assessment for Learning) เปน การประเมนิ ระหวา งเรยี น โดยการสงั เกต ซกั ถาม หรอื พจิ ารณาจากรอ งรอยหลกั ฐาน เพอื่ ใชเ ปน ขอ มลู ในการปรบั กจิ กรรม การเรยี นรใู หเ หมาะสมกับผเู รยี น 2.4.3 การประเมินเปนสวนหน่ึงของกระบวนการเรียนรู (Assessment as Learning) เปน การใหผ เู รยี นไดป ระเมนิ การเรยี นรขู องตนเอง ใหส ามารถคดิ อยา งมวี จิ ารณญาณกบั การเรยี นรขู องตนเอง เพ่ือใหผูเรียนสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนรูของตนเองได โดยใชการใหบันทึกการเรียนเรียนรู การทบทวนและสะทอ นบทเรยี น 2.5 แนวคดิ สาํ คัญของหนว ยการเรียนรูและกจิ กรรม คมู อื เลม นป้ี ระกอบดว ย 6 หนว ยการเรยี นรู รวมทง้ั หมด 10 ชดุ กจิ กรรม โดยแบง ตามประเดน็ ของสิทธิมนุษยชน 4 ดา น ดงั น้ี หนวยการเรียนรูท่ี 1 ความหมายและหลักการสําคัญของสิทธิมนุษยชน มีเนื้อหาสาระ เกยี่ วกบั ความหมายและหลกั การพน้ื ฐานของสทิ ธมิ นษุ ยชน ปฏญิ ญาสากลวา ดว ยสทิ ธมิ นษุ ยชน (Universal Declaration of Human Rights) ซึ่งชดุ กิจกรรมการเรียนการสอนดา นสทิ ธิมนุษยชน ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษา ตอนตนฉบับนีจ้ ะเรยี นรูเรื่องความรูพ นื้ ฐานเกย่ี วกับสทิ ธมิ นษุ ยชนผา น 1 ชดุ กจิ กรรม ไดแก ชดุ กจิ กรรมท่ี 1 เธอผานอะไรมาบาง หนวยการเรียนรูท่ี 2 สิทธิมนุษยชนท่ีเกี่ยวของกับพลเมือง มีเน้ือหาสาระเกี่ยวกับศักด์ิศรี ความเปนมนุษย สิทธิในชีวิต สิทธิท่ีจะไมถูกทรมานหรือการทํารายรางกาย สิทธิในกระบวนการยุติธรรม ซ่ึงชุดกิจกรรมการเรียนการสอนดานสิทธิมนุษยชน ระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนตนฉบับน้ีเรียนรูเร่ือง สทิ ธิมนุษยชนที่เกย่ี วขอ งกับพลเมืองผา น 2 ชดุ กิจกรรม ไดแ ก ชุดกิจกรรมท่ี 2 แผนดนิ เดยี วกัน ชดุ กจิ กรรมที่ 3 ใครฆาแนนโนะ หนวยการเรียนรูที่ 3 สิทธิมนุษยชนท่ีเกี่ยวของกับการเมืองการปกครอง มีเน้ือหาสาระ เกี่ยวกับความเสมอภาคและเขาถึงบริการสาธารณะ การมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการมีสวนรวม ซ่ึงชุดกจิ กรรมการเรียนการสอนดา นสทิ ธิมนษุ ยชน ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาตอนตน ฉบับน้ี จะเรียนรูเร่ืองสิทธมิ นษุ ยชนท่ีเก่ียวของกบั การเมอื งการปกครองผาน 2 ชดุ กจิ กรรม ดงั น้ี 14
คมู ือการจัดการเรียนรสู ิทธมิ นษุ ยชนศึกษา • ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน ชดุ กิจกรรมที่ 4 ใครไดใครเสีย ชดุ กจิ กรรมท่ี 5 Voice Kids หนวยการเรียนรูที่ 4 สิทธิมนุษยชนท่ีเกี่ยวของกับเศรษฐกิจ มีเน้ือหาสาระเกี่ยวกับ ความหมายและลักษณะของทรัพยสินสวนบุคคลและทรัพยสินสาธารณะ แนวทางในการปกปองทรัพยสิน สวนบุคคลและทรัพยสินสาธารณะ สิทธิแรงงาน สิทธิการประกอบอาชีพ และสิทธิในการไดรับคาจาง อยางเปนธรรม ซึ่งชุดกิจกรรมการเรียนการสอนดานสิทธิมนุษยชน ระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนตนฉบับน้ี จะเรยี นรเู ร่ืองสิทธิมนุษยชนท่ีเก่ยี วขอ งกับเศรษฐกิจผา น 2 ชดุ กจิ กรรม ดังนี้ ชดุ กิจกรรมที่ 6 ของของใคร ใครก็หวง ชุดกจิ กรรมที่ 7 คนคนแรงงาน หนวยการเรียนรูท่ี 5 สิทธิมนุษยชนท่ีเก่ียวของกับสังคมและวัฒนธรรม มีเนื้อหาสาระ เก่ียวกับสิทธิในการไดรับการศึกษา ความเสมอภาคและคุณภาพของการศึกษา และสิทธิในการสมรส โดยมีกรอบบรรทัดฐานในสังคม ซ่ึงประกอบดวย วิถีประชา จารีต และกฎหมาย ซ่ึงชุดกิจกรรม การเรียนการสอนดานสิทธิมนุษยชน ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนตนฉบับน้ี จะเรียนรูเร่ืองสิทธิมนุษยชน ทเี่ กยี่ วขอ งกบั สังคมและวัฒนธรรมผาน 2 ชดุ กิจกรรม ดังน้ี ชดุ กิจกรรมท่ี 8 โรงเรยี นในฝน ชดุ กจิ กรรมที่ 9 แตงงานกนั ไหม หนวยการเรียนรูที่ 6 สรุปประเด็นและอภิปรายเก่ียวกับสิทธิมนุษยชน มีเนื้อหาสาระท่ี สรุปภาพรวมของ สิทธิมนุษยชนในหนวยการเรียนรูที่ 1 - 5 เพื่อนําไปสูการกําหนดแนวทางในการเสริม สรางสันตภิ าพและสิทธมิ นษุ ยชน ซึง่ ชุดกิจกรรมการเรียนการสอนดา นสิทธมิ นษุ ยชน ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษา ตอนตน ฉบบั น้ี จะเรียนรเู พ่ือสรปุ ประเดน็ และอภปิ รายเก่ยี วกบั สิทธมิ นุษยชนผา น 1 ชุดกิจกรรม ไดแ ก ชดุ กิจกรรมท่ี 10 เสยี งท่ไี มไดย ิน 15
โครงสรางหนวยการเรียนรู แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู เรื่องสิทธมิ นุษยชน ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน คมู อื การจดั การเรยี นรสู ิทธิมนุษยชนศกึ ษา • ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน หนวย กจิ กรรม มาตรฐาน จดุ ประสงค แนวคดิ สาํ คญั (Concept) จาํ นวน 16ท่ี การเรยี นรู/ ชัว่ โมง 1. นกั เรียนสามารถอธิบาย มนุษยทกุ คนมีสิทธขิ น้ั พน้ื ฐาน ตั้งแตเ กดิ จนตาย ไมว าจะเปนสิทธิ การเรยี นรู ตวั ชวี้ ดั ความหมายและหลักการ บนรางกาย ผม หนา ตา เนอื้ ตวั รวมไปถึงการแตงกาย เส้ือผา 2 ส 2.1 ม.3/2 สําคัญของสิทธิมนษุ ยชนได รองเทา การตัดสนิ ใจ ทส่ี ง ผลตอชวี ติ ของตนเอง ทั้งการดําเนนิ 1 ความหมายและ ชดุ กจิ กรรมท่ี 1 2. นกั เรยี นสามารถเช่อื มโยง ชีวติ ในอาชพี การดแู ลสุขภาพ การศกึ ษา และการมชี ีวิตของ 1 หลักการสําคญั เธอผา นอะไรมาบา ง ส 2.1 ม.1/4 ประสบการณเ ดิมกับความรู ตนเอง เปน ความจําเปนท่ีมนษุ ยแตละคนตองเขาใจความหมาย ของสิทธิมนษุ ยชน เร่อื งสิทธมิ นษุ ยชนได และความสําคัญของสทิ ธมิ นุษยชน ส 2.2 ม.3/3 1. นักเรยี นสามารถอธบิ าย มนุษยท ุกคนมศี ักดแิ์ ละสทิ ธิที่จะไดรบั การคมุ ครอง และปกปอง 2 สิทธิมนษุ ยชน ชดุ กจิ กรรมท่ี 2 ถึงศกั ด์ศิ รคี วามเปน อยา งเทา เทียมกัน ในการดาํ รงชวี ิตและอาศยั อยบู นโลกใบนี้ ทเ่ี ก่ยี วของ แผน ดินเดียวกัน มนุษยไ ด อยางมคี วามสุข โดยไมมขี อจํากัดทางเพศ เชอ้ื ชาติ การนบั ถือ กบั พลเมือง 2. นักเรียนสามารถบอกถึง ศาสนา หรือการประกอบอาชพี ความสําคัญของความ ชุดกิจกรรมท่ี 3 เทาเทยี มกันได มนษุ ยทุกคนไมวา จะมีความแตกตา งทางเช้อื ชาติ ศาสนา เพศ ใครฆา แนนโนะ 1. นักเรียนสามารถบอก วถิ ชี วี ิต ความเปนอยูหรือการประกอบอาชพี ยอ มมสี ิทธิที่จะได แนวทางของกระบวนการ นบั ความยุติธรรมและเสมอภาคในการพจิ ารณาคดี ยุติธรรมที่ควรจะเปนได หรอื ตดั สินคดีความในกระบวนการยตุ ิธรรม 2. นกั เรยี นสามารถอธิบาย ถงึ ความสาํ คญั ของ กระบวนการยตุ ธิ รรมได
ที่ หนวย กิจกรรม มาตรฐาน จดุ ประสงค แนวคดิ สําคญั (Concept) จาํ นวน การเรยี นรู การเรยี นร/ู ชั่วโมง ตัวชี้วัด 3 สิทธิมนษุ ยชน ชดุ กจิ กรรมที่ 4 ส 2.1 ม.3/4 1. นกั เรยี นสามารถ นโยบายสาธารณะเปน แนวทางปฏิบัตทิ ี่รัฐบาลตดั สนิ ใจเลอื กวา 1 ทเ่ี ก่ยี วของกบั ใครไดใ ครเสีย ส 2.1 ม.1/1 อภิปรายเรอื่ ง นโยบาย จะกระทํา หรอื ไมกระทาํ อันสง ผลใหบ รรลผุ ลตามวัตถุประสงค 1 การเมือง ส 2.1 ม.1/1 สาธารณะได ท่วี างไว โดยคาํ นึงถึงความตองการของประชาชนโดยสว นรวมเปน หลัก การปกครอง 2. นักเรยี นสามารถเสนอ ซึ่งตามหลกั สิทธมิ นษุ ยชน มนษุ ยท ุกคนมีสิทธทิ จ่ี ะเขาถงึ บรกิ าร แนวทางการเปล่ยี นแปลง สาธารณะในประเทศโดยเสมอภาคกนั แตปจจุบนั ในไทยยงั พบ คมู อื การจดั การเรยี นรสู ิทธมิ นษุ ยชนศกึ ษา • ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตนชุดกิจกรรมท่ี 5พ้นื ท่ีสาธารณะในประเทศปญหาความเหล่ือมล้าํ ของการเขาถงึ บริการสาธารณะพนื้ ฐานใน Voice Kids ไทยและชมุ ชนได การดาํ เนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั 17 1. นกั เรียนสามารถอธบิ าย สทิ ธิมนุษยชนเปน สิทธขิ ั้นพ้ืนฐานทมี่ นุษยท ุกคนมเี สรภี าพในการ 4 สิทธิมนุษยชน ชดุ กิจกรรมท่ี 6 ความสาํ คัญของสทิ ธิและ แสดงออก แลกเปลย่ี นขอ มูลขาวสาร และการแสดงความคิดเห็น ที่เกีย่ วขอ งกบั ของของใคร เสรภี าพในการแสดงความ เสรีภาพในการแสดงออกเปน พ้ืนฐานของความเจริญของสงั คม เศรษฐกิจ ใครกห็ วง คิดเหน็ และการมีสวนรว มได และความงอกงามของปจ เจกบคุ คล คุณภาพการศกึ ษา และการ 2. นกั เรียนสามารถวเิ คราะห เขาถงึ ความยุตธิ รรม ลว นมีพ้ืนฐานจากการทบ่ี คุ คลทกุ คนใน สถานการณหรือประเด็น สังคมมเี สรภี าพทจี่ ะพูด เขยี น แลกเปลย่ี น หรือถกเถยี งความคิด ตาง ๆ ของปญหาท่ีเกดิ ขนึ้ ได ความเหน็ ตาง ๆ 3. นักเรียนสามารถเสนอ ในพนื้ ทสี่ าธารณะ เพอ่ื ใหความคิดเหลา นนั้ พฒั นาตอ ยอดนําไปสู แนวทางในการแกไ ขปญหา การแกป ญ หาและความเจรญิ รุงเรืองของชุมชน สังคม ท่เี กิดขึ้นภายในโรงเรียนได และประเทศชาติ 1. นักเรียนสามารถอธบิ าย มนษุ ยทกุ คนมสี ทิ ธใิ นการครอบครองทรพั ยส นิ สว นบคุ คล รวมไปถงึ ความหมายของทรพั ยสนิ การครอบครองสาธารณะสมบตั ิรวมกับผอู ืน่ ในสงั คม ทุกคน สว นบุคคลและทรัพยสนิ จงึ ตองเรียนรูท่จี ะปกปองทรัพยส ินของตนเองและทรพั ยสนิ สาธารณะได สว นรวม โดยไมไ ปละเมิดทรพั ยสนิ ของผอู ่นื และสวนรวมอันจะ 2. นักเรียนสามารถ นาํ ไปสูการสรา งความเสยี หายใหแกบ ุคคลอ่นื วเิ คราะหผลกระทบจาก การละเมดิ ทรัพยส นิ สวนบคุ คลของผอู ่นื และ ทรัพยส นิ สว นรวมได
หนวย คมู อื การจดั การเรยี นรสู ิทธิมนุษยชนศกึ ษา • ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตนกจิ กรรมมาตรฐานจดุ ประสงคแนวคดิ สาํ คญั (Concept) จาํ นวน ท่ี การเรยี นรู การเรยี นรู/ ชั่วโมง 18 3. นกั เรียนเสนอแนวทาง มนุษยม ีสทิ ธไิ ดรับความเปน ธรรมในการทาํ งาน ท้ังในเร่อื งคา จาง ชุดกิจกรรมท่ี 7 ตวั ชว้ี ดั ในการปกปอ งทรพั ยส ิน ชว่ั โมงการทํางาน ความปลอดภยั คณุ ภาพชวี ิต และสิทธใิ นการ 2 คนคนแรงงาน สว นตวั และทรัพยส ิน เรยี กรองหากไมไดร บั ความเปน ธรรม เพอ่ื ใหมนุษยไ ดรับศักดิศ์ รี ส 2.1 ม.2/1 สาธารณะ เพื่อการอยู ความเปนมนษุ ยอยางเสมอภาค ไมถ ูกเอาเปรยี บ ไมถกู เลือก 5 สทิ ธมิ นุษยชน ชุดกจิ กรรมท่ี 8 ส2.1 ม.3/2 รว มกันกับผูอน่ื ได ปฏบิ ัติ และเกิดการเคารพอยา งเทา เทียมกนั ที่เกีย่ วขอ งกับ โรงเรียนในฝน 1. นักเรียนสามารถเสนอ การศกึ ษาเปน รากฐานสาํ คญั ในการพฒั นาคณุ ภาพชีวิต โดยสทิ ธิ สังคมและ ส 2.1 ม.1/1 แนวทางในการอยรู ว มกนั และความเสมอภาคทางการศึกษาเปนสิทธขิ ัน้ พืน้ ฐานตามหลัก วัฒนธรรม อยา งสนั ติสขุ ภายใต สทิ ธิมนุษยชนทจ่ี าํ เปน ตอ งจัดการศึกษาใหกับสมาชิกทกุ คน หลักการของสทิ ธิ ในสังคมอยางเทาเทียมในการเรียนรแู ละพัฒนาศักยภาพของ มนษุ ยชน ตนเองอยางเตม็ ทีแ่ ละมคี ณุ ภาพ โดยไมถูกเลือกปฏิบัติ 1. นกั เรยี นสามารถอธิบาย เพราะความแตกตาง ความสําคญั ของสทิ ธแิ ละ ความเสมอภาคทาง การศึกษาได 2. นักเรยี นสามารถ วเิ คราะหก ลุม คนและ ประเด็นตา ง ๆ ที่เกย่ี วของกบั สิทธแิ ละ ความเสมอภาคทาง การศกึ ษาได 3. นักเรยี นสามารถเสนอ แนวทางในการเขา ถงึ การศกึ ษาไดอ ยา งมี คุณภาพ
หนว ย มาตรฐาน จาํ นวน ท่ี การเรยี นรู ชวั่ โมง กจิ กรรม การเรียนร/ู จดุ ประสงค แนวคดิ สาํ คัญ (Concept) 6 สรปุ ประเด็น ชุดกจิ กรรมท่ี 9 2 และอภิปราย แตงงานกนั ไหม ตัวช้วี ัด การสมรสเปน สิทธิท่กี ระทาํ ไดโดยปราศจากขอจาํ กัด เกย่ี วกบั สิทธิ อันเนอื่ งจาก เชื้อชาติ สญั ชาติหรอื ศาสนา ตางยอ มมสี ทิ ธิ มนุษยชน ชุดกจิ กรรมที่ 10 ส 2.1 ม.2/1 1. นักเรียนสามารถ เทาเทียมกันในการสมรส ระหวางการสมรสและขาดจาก เสียงท่ไี มไ ดยิน การสมรสตามแนวคิดพน้ื ฐานของหลักสทิ ธมิ นษุ ยชน วิเคราะหอ งคประกอบของ สวนการสมรสในไทยยงั มขี อจํากดั ของการสมรสจาก วถิ ปี ระชา จารตี และกฎหมาย การสมรสผานประเดน็ สิทธิมนษุ ยชนเปน เรอื่ งท่ใี กลตวั และเกย่ี วขอ งกับทกุ คน บรรทดั ฐานในสังคมได ในปจจบุ ันพบวา ประเทศไทยมีเหตุการณแ ละประเด็น ท่เี กี่ยวกับการละเมดิ สทิ ธิมนษุ ยชนอยูเปนจาํ นวนมาก 2. นักเรียนสามารถเสนอ เราทุกคนจงึ ควรศกึ ษาและทําความเขา ใจในปญ หาในมติ ิตาง ๆ เพ่อื รว มเปน สว นหนงึ่ ในการผลักดันใหเกิดการเปลย่ี นแปลง กฎหมายการสมรสภายใต หลักสทิ ธมิ นุษยชนได คมู อื การจดั การเรยี นรสู ิทธมิ นษุ ยชนศกึ ษา • ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน 1. นกั เรียนสามารถ 19 วิเคราะหสาเหตุ ผลกระทบ และแนวทาง การแกไขปญ หาประเดน็ ทางสิทธมิ นษุ ยชน 2. เสนอแนวทางในการ ผลกั ดันและตอสู เพ่ือสงเสริมและปกปอ ง สิทธิมนุษยชน
คมู อื การจดั การเรยี นรูสทิ ธมิ นุษยชนศกึ ษา • ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน หนว ยการเรียนรทู ่ี 1 ความหมายและหลักการสําคญั ของสทิ ธิมนษุ ยชน กิจกรรมการเรียนรทู ่ี 1 เร่ือง “เธอผานอะไรมาบา ง” จาํ นวน 2 ชั่วโมง แนวคิดสาํ คัญ มนษุ ยท ุกคนมสี ทิ ธิข้ันพน้ื ฐานมาตง้ั แตเกดิ จนตาย ไมวาจะเปนสิทธบิ นรางกาย ผม หนา ตา เนอ้ื ตวั รวมไปถึงการแตงกาย เสื้อผา รองเทา การตัดสินใจ ซ่ึงสงผลตอชีวิตของตนเอง ทั้งการดําเนินชีวิต ในอาชีพ การดูแลสุขภาพ การศึกษา และการมีชีวิตของตนเอง เปนความจําเปนท่ีมนุษยแตละคน ตองเขาใจความหมายและความสําคัญของสิทธิมนุษยชนตามปฏิญญาสากลวาดวยสิทธิมนุษยชน เพ่ือใหส ามารถอยูร ว มกบั ผอู ่ืนอยางเคารพและใหเ กียรติกัน ปฏญิ ญาสากลวาดวยสิทธมิ นษุ ยชนท่เี กย่ี วขอ ง ขอท่ี 1 มนุษยท้ังหลายเกิดมามีอิสระและเสมอภาคกันในเกียรติศักดิ์และสิทธิ ตางมีเหตุผล และมโนธรรม และควรปฏิบตั ิตอกันดว ยเจตนารมณแหงภารดรภาพ ขอ ท่ี 2 (1) ทุกคนยอมมีสิทธิและอิสรภาพบรรดาที่กําหนดไวในปฏิญญานี้ โดยปราศจาก ความแตกตา งไมวาชนิดใด ๆ ดังเชน เช้ือชาติ ผวิ เพศ ภาษา ศาสนา การคิดเหน็ ทางการเมอื งหรอื ทางอ่ืน เผาพนั ธุแ หงชาติ หรือสังคม ทรัพยสิน กาํ เนดิ หรือสถานะอ่นื ๆ (2) อน่ึงจะไมมีความแตกตางใด ๆ ตามมูลฐานแหงสถานะทางการเมือง ทางการศาล หรือทางการระหวางประเทศของประเทศหรือดินแดนของบุคคลสังกัด ไมวาดินแดนนี้เปนเอกราช อยูในความพิทักษไ มไดป กครองตนเอง หรืออยภู ายใตก ารจํากัดอธิปไตยใด ๆ ทั้งสน้ิ มาตรฐานการเรยี นร/ู ตัวช้ีวดั มาตรฐาน ส 2.1 เขาใจและปฏิบัติตนตามหนาที่ของการเปนพลเมืองดี มีคานิยมท่ีดีงาม และธาํ รงรกั ษาประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย ดาํ รงชวี ิตอยูรวมกันในสงั คมไทยและสงั คมโลกอยางสนั ตสิ ุข ตวั ชี้วัด ม.3/2 มสี วนรว มในการปกปอ งคมุ ครองผูอื่นตามหลกั สทิ ธมิ นุษยชน 20
คมู อื การจัดการเรยี นรูสทิ ธิมนษุ ยชนศึกษา • ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน จดุ ประสงค ผเู รยี นสามารถ 1. อธบิ ายความหมายและหลักการสําคัญของสิทธมิ นษุ ยชนได 2. เชื่อมโยงประสบการณเ ดมิ กับความรูเรือ่ งสทิ ธิมนษุ ยชนได ขน้ั ตอนการดาํ เนนิ กิจกรรม ขนั้ นาํ เขา สูกจิ กรรม 1. ผเู รยี นศกึ ษาขา วทเี่ กยี่ วขอ งกบั สทิ ธมิ นษุ ยชนทผี่ สู อนเตรยี มไวใ ห เชน การทาํ รา ยรา งกาย การถูกลวงละเมดิ ทางเพศ เปน ตน พรอมถามความคดิ เหน็ 2. ผูสอนต้ังคําถามเพอื่ นาํ เขาสขู ั้นดําเนนิ กิจกรรม ดังน้ี 2.1 จากเหตุการณดังกลาว นักเรียนเคยกระทํา ถูกกระทํา หรือเคยพบเห็นเหตุการณ ดงั กลาว หรือไม อยางไร 2.2 เหตุการณด งั กลา ว ถอื เปนการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม เพราะเหตใุ ด 2.3 สิทธิมนษุ ยชนตามความเขา ใจของผูเรยี น คอื อะไร (แนวคําตอบ: สิทธิที่มนุษยทุกคนมีความเทาเทียมกัน มีศักดิ์ศรีของความเปนมนุษย สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลท่ีไดรับการรับรอง ท้ังความคิดและการกระทําท่ีไมมี การลว งละเมดิ ได) ขัน้ ดําเนินกิจกรรม 1. ผเู รยี นแตละคนจะไดร บั ใบกจิ กรรมท่ี 1.1 ซง่ึ เปน “ตารางประสบการณ (เธอผา นอะไร มาบา ง)” โดยในแตล ะชอ งของตาราง จะมีลกั ษณะของประสบการณท แี่ ตล ะคนอาจเคยพบเจอ 2. ผูเรียนแตละคนจะตองเดินไปหาเพื่อนคนใดก็ได แลวผลัดกันถามเพ่ือนวา “เธอเคยเจออะไรมา” ซึ่งเพ่ือนที่ถูกถามจะตองเลาเรื่องราวจากหัวขอจากในตารางที่ยังวางอยู โดยใชเ วลา 1 นาทีตอ หนง่ึ คู พรอมจดช่อื เพ่ือนลงในชองของประสบการณท่ีเพอ่ื นเลา ลงในตาราง 3. ทําซาํ้ ตามกจิ กรรมท่ี 2 จนครบ 10 - 12 รอบ 21
คมู อื การจัดการเรียนรูสทิ ธิมนษุ ยชนศึกษา • ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน 4. ผูสอนชวนผูเรียนอภิปรายดวยวิธีการสุมโดยอาศัยความนาจะเปน เมื่อไดคนแรกขึ้นมา จะใหเลาเร่ือง ของตนเอง (เร่ืองที่พรอมเปดเผย) จากน้ันใหเพื่อนเลือกคนถัดไปจากในใบท่ีตัวเอง มจี าํ นวน 1 คน แลว ทําซํา้ จนครบทกุ สถานการณ 5. ผูเรียนแตละคน ใชดานหลังของใบกิจกรรมที่ 1.1 เพื่อบันทึกส่ิงท่ีตนเองไดเรียนรู จากประสบการณของตนเองและเพื่อน โดยมีคําถามชวนคิดวา “ผูเรียนคิดวาสิทธิมนุษยชนคืออะไร และจากกจิ กรรมที่ผานมา มคี วามเก่ียวขอ งกับคาํ วา สิทธมิ นุษยชนอยางไร พรอ มอธิบาย” โดยใหเ วลาคิด และสะทอ นการเรยี นรู 8 - 10 นาที 6. ผูสอนเสริมและเติมเต็ม พรอมยกตัวอยางที่หลากหลายเกี่ยวกับเร่ืองสิทธิมนุษยชน ใหผเู รยี นมีความเขา ใจในหลกั การและความสาํ คญั มากยง่ิ ข้ึน ขั้นสรุปกิจกรรม 1. ผูสอนนําผูเรียนสะทอนบทเรียนโดยน่ังลอมวง และใหเลาอยางสั้น คนละ 1 นาที มีกติกาวา หากมีผูพูดตองมีผูฟง และผูฟงตองจดประเด็นสําคัญที่ไดเรียนรูจากเพื่อนลงในกระดาษ ของตนเอง และทําจนครบทง้ั วง 2. ผูเรียนและผูสอนรวมกันสรุปบทเรียน ซ่ึงเก่ียวกับความหมายและหลักการสําคัญ ของสิทธิมนุษยชน วามีอะไรบาง รวมท้ังนําเสนอแนวทางในการนําไปปฏิบัติตอผูอื่นหรือยกตัวอยาง สถานการณเพอ่ื เปนการสรุป 3. ผูสอนใหผูเรียนคิดวางแผนนําหลักการของสิทธิมนุษยชนท่ีไดเรียนรูไปแลวนั้น ไปทดลองใชใ นชวี ิตประจําวนั โดยระบุกจิ กรรมทจ่ี ะนําไปปรบั ใช สอื่ /แหลง การเรียนรู 1. ใบกิจกรรมที่ 1.1 ตารางประสบการณเปน ตาราง 4 x 7 (เธอผานอะไรมาบา ง) 2. ดนิ สอหรอื ปากกาสําหรบั ใชใ นการบันทึกของผเู รยี นแตละคน 3. นาฬก าจบั เวลา 4. อุปกรณสงเสยี งสาํ หรับเปลย่ี นคู เชน ระฆงั นกหวดี (ถาม)ี 22
คมู ือการจัดการเรียนรสู ทิ ธิมนษุ ยชนศกึ ษา • ระดับมัธยมศึกษาตอนตน การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑก ารประเมิน จดุ ประสงค 1. ผูเรียนสามารถอธิบาย การเขยี นบนั ทกึ สงิ่ ที่ บันทึกสิ่งที่ตนเองได ดี : อธิบาย พรอมยกตัวอยาง ความหมายและหลักการ ตนเองไดเรียนรูจาก เรยี นรจู ากประสบการณ ประเดน็ ตา ง ๆ ทแี่ สดงใหเ หน็ ถงึ สาํ คญั ของสทิ ธมิ นษุ ยชนได ประสบการณของ ของตนเองและเพื่อน ความหมายและหลักการสําคัญ ตนเองและเพ่อื น ของสิทธิมนุษยชนไดชัดเจน สัมพนั ธกนั พอใช: อธบิ าย พรอ มยกตวั อยา ง ประเดน็ ตา ง ๆ ทแ่ี สดงใหเ หน็ ถงึ ความหมายและหลักการสําคัญ ของสิทธิมนุษยชนไดบางสวน และอธิบายเหตุผลไดชัดเจน สัมพันธกันสวนใหญ ปรับปรุง : อธิบาย พรอมยก ตวั อยาง ประเด็นตาง ๆ ท่ีแสดง ใหเห็นถึงความหมายและหลัก การสําคัญของสิทธิมนุษยชน ไมถูกตอง และอธิบายเหตุผล ไมชัดเจนและ/หรือไมสัมพันธ กนั 23
คูม ือการจัดการเรียนรสู ทิ ธิมนษุ ยชนศึกษา • ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน จุดประสงค วธิ ีการ เครอ่ื งมอื เกณฑการประเมิน 2. ผูเรียนสามารถเชื่อมโยง การเขยี นบนั ทกึ สง่ิ ท่ี บันทึกส่ิงท่ีตนเองได ดี : อธิบาย พรอมยกตัวอยา ง ประสบการณเ ดมิ กบั ความรู ตนเองไดเรียนรูจาก เรยี นรจู ากประสบการณ ประเด็นตาง ๆ ท่แี สดงใหเหน็ เรอ่ื งสทิ ธิมนษุ ยชนได ประสบการณของ ของตนเองและเพ่ือน ถึงความหมายและหลักการ ตนเองและเพือ่ น สําคัญของสิทธิมนุษยชนได ชัดเจน สัมพนั ธกัน พอใช: อธบิ ายพรอ มยกตวั อยา ง ประเดน็ ตา ง ๆ ทแี่ สดงใหเ หน็ ถงึ ความหมายและหลกั การสาํ คญั ของสิทธิมนุษยชนไดบางสวน และอธิบายเหตุผลไดชัดเจน สัมพนั ธก นั สว นใหญ ปรับปรุง : อธิบาย พรอมยก ตวั อยา ง ประเดน็ ตา ง ๆ ทแ่ี สดง ใหเห็นถึงความหมายและหลัก การสําคัญของสิทธิมนุษยชน ไมถูกตอง และอธิบายเหตุผล ไมชัดเจนและ/หรือไมสัมพันธ กัน 24
คมู ือการจัดการเรียนรูส ิทธิมนษุ ยชนศึกษา • ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน ขอเสนอแนะ 1. ในขั้นสะทอนตนเองผูสอนอาจใหเวลาผูเรียนสําหรับ คิดและสะทอนตนเองเพิ่มขึ้น หากเวลาไมเปนไป ตามที่กําหนด 2. ในขั้นสรุปหลักการนามธรรม ผูสอนจะทําหนาที่เปนผูอํานวยความสะดวกแกวงสนทนา พรอ มจบั ใจความ 3. ผสู อนสรา งเงื่อนไขใหผ ูเรียนเลา เรื่องเฉพาะสถานการณท ่สี ามารถเลา ได 4. เรื่องท่เี ลือกมาเลาตอ งปลอดภยั ตอ ตวั ผเู ลา อภิธานศัพท 1. ความเปน มาและพฒั นาการสิทธิมนษุ ยชน สิทธิมนุษยชนเปนสิทธิของมนุษยทุกคนบนโลกท่ีติดตัวมาตั้งแตเกิดและเปนสากล ไมแบง แยกเช้ือชาติ ชนชาติ ประเทศ เพศ ผิวพรรณ ภาษา ศาสนา วัฒนธรรม สติ ปญญา ความสามารถ ฐานะทางเศรษฐกิจ ท่ีจะดําเนินชีวิตอยางมีศักด์ิศรี มีอิสระ เสรีภาพ เสมอภาค มีชีวิตที่ดี มีสิทธิแสวงหา วัตถุปจจัยมาดํารงชีพ ไดรบั การยอมรบั จากสงั คมและการปฏิบตั ิจากรฐั อยา งเหมาะสม นับต้ังแตป พ.ศ. 2535 เปนตนมา การเคลื่อนไหวปกปอง คุมครองและเผยแพรแนวคิด สิทธิมนุษยชน คอย ๆ ขยายตัวมากขึ้น จนถึงในป 2540 จึงเกิดรัฐธรรมนูญที่ประชาชนมีสวนรวม อยา งกวา งขวางและยงั มี บทบญั ญตั วิ า ดว ยสทิ ธมิ นษุ ยชนอยา งเดน ชดั รวมไปถงึ การกอ ใหเ กดิ คณะกรรมการ สิทธมิ นษุ ยชนแหง ชาติดว ย ความหมายของสิทธิมนุษยชน หรือ Human Rights คือ สิทธิความเปนมนุษยหรือสิทธิ ในความเปนคนเปนของทุกคนไมวาจะมีเชื้อชาติ แหลงกําเนิด เพศ อายุ สีผิว ความคิดเห็นที่แตกตางกัน หรือจะยากดีมีจน ซึ่งเปนสิทธิตามธรรมชาติของมนุษยทุกคนที่ติดตัวมาตั้งแตเกิด สิทธิมนุษยชน จึงเปนส่ิงที่ไมสามารถถายโอนใหแกกันได และไรซึ่งพรมแดน ดังน้ัน จึงไมมีบุคคล องคกร หรือแมแตรัฐ ที่จะมาลวงละเมิดความเปนมนุษยได นอกจากน้ี ยังมีสิ่งจําเปนที่ทําใหเรามีชีวิตอยูรอดนอกจากปจจัยท่ีส่ี ไดแก อาหาร เสื้อผา ยารักษาโรค และท่ีอยูอาศัยแลว คือ การศึกษา การมีงานทํา การไมถูกทรมาน 25
คมู ือการจดั การเรยี นรสู ทิ ธมิ นษุ ยชนศกึ ษา • ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน และไดรับความเปนธรรม เม่ือถูกกลาวหาวาทําผิดกฎหมาย เราเรียกวา สิ่งจําเปนสําหรับมนุษยทุกคน ท่ีตองไดรับในฐานะที่เปนมนุษย ซึ่งจะทําใหมนุษย อยูรอดและสามารถพัฒนาตนเองไดวาเปน “สิทธิมนุษยชน” ซ่ึงเปนส่ิงท่ีติดตัวมาแตกําเนิด และอยูเหนือกฎหมาย และอํานาจใด ๆ ของรัฐทุกรัฐ สิทธิเหลานี้ ไดแก สิทธิในชีวิต หามฆาหรือทํารายตอชีวิต หามการคามนุษย หามทรมานอยางโหดราย คนทุกคนมีสิทธิในความเชื่อ มโนธรรมหรือลัทธิทางศาสนา มีเสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็น และแสดงออก สิทธิมนุษยชนเหลานี้ไมตองมีกฎหมายมารองรับ สิทธิเหลานี้ก็ดํารงอยู เชน แมไมมีกฎหมายบัญญัติวาการฆาคนเปนความผิดตามกฎหมาย แตคนทุกคนสํานึกรูไดเองวา การฆาคน น้ันเปนสิ่งตองหาม เปนบาปในทางศาสนา หรือการที่คนในชาติไมไดรับอาหารท่ีเพียงพอ แกการยังชีพ ซ่ึงไมถือวามีใครทําผิดกฎหมายแตเปนการละเมิดสิทธิมนุษยชนท่ีรัฐบาลมีหนาท่ีตองจัดการใหคนใน ชาติไดรับอาหารอยางเพียงพอแกการมีชีวิตรอด นอกจากน้ี สิทธิมนุษยชนตองไดรับรองในรูปแบบ ของกฎหมาย หรือตองไดรับการคุมครองโดยรัฐบาล ไดแก ไดรับสัญชาติ การมีงานทํา การไดรับ ความคุมครองแรงงาน ความเสมอภาคของหญิงชาย สิทธิของเด็ก เยาวชน ผูสูงอายุ คนพิการ การไดรับ การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน การประกันการวางงาน การไดรับบริการสาธารณสุข การสามารถแสดงออก ทางดานวัฒนธรรมอยางอิสระ สามารถไดรับความเพลิดเพลินจากศิลปวัฒนธรรมในกลุมของตน เปนตน สิทธิมนุษยชนเหลาน้ีตองเขียนรับรองไวในกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญหรือแนวนโยบายพ้ืนฐาน ของรัฐของแตละประเทศ เพ่ือเปนหลักประกัน วาคนทุกคนที่อยูในรัฐนั้นจะไดรับความคุมครองชีวิต ความเปนอยู ใหมีความเหมาะสมแกความเปนมนุษย ซึ่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แหงชาติ พุทธศักราช 2542 ไดนิยามความหมายสิทธิมนุษยชนไววา คือ ศักด์ิศรีความเปนมนุษย สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคของบุคคลที่ไดรับการรับรอง หรือคุมครองตามรัฐธรรมนูญ แหงราชอาณาจักรไทย หรือตามกฎหมายไทย หรือตามสนธิสัญญาที่ประเทศไทย มีพันธกรณี ที่ตองปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชนที่ไดรับการรับรองทั่วโลก วาเปนมาตรฐานข้ันตํ่าของการปฏิบัติ ตอมนุษยน้ัน 26
คูมอื การจดั การเรยี นรูสทิ ธมิ นุษยชนศกึ ษา • ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน 2. หลกั การพืน้ ฐานของสิทธิมนุษยชน 6 ประการ 2.1 ทุกคนมีศักด์ิศรีความเปนมนุษย (Human Dignity) เปนสิทธิติดตัวทุกคนตามธรรมชาติ ต้งั แตเกดิ (National Rights) 2.2 คนทกุ คนมคี วามเสมอภาคและหา มการเลอื กปฏบิ ตั ิ (Equality and non-discrimination) 2.3 สิทธิมนุษยชนเปนของคนทุกคนโดยไมเลือกเช้ือชาติ ศาสนา เพศ อายุ อาชีพ สถานะทางเศรษฐกจิ หรือสังคม สุขภาพ และความคดิ เหน็ ดานตา ง ๆ (Universality) 2.4 สิทธิมนุษยชนเปนองครวมแยกเปนสวน ๆ ไมไดและพึ่งพิงกัน (Indivisibility & Interdependently) 2.5 การมีสวนรวมและการเปนสวนหนึ่งของสิทธิน้ัน (Participation & Inclusion) หมายความวา ประชาชนแตละคน หรือกลุมประชาชนหรือประชาสังคมยอมมีสวนรวมอยางแข็งขัน ในการเขาถึงและไดรับ ประโยชนจากสิทธิพลเมืองและการเมือง และสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม 2.6 ตรวจสอบไดและใชหลักนิติธรรม (Accountability & the Rule of Law) ดังนั้น การจะเขาใจความหมายสิทธิมนุษยชนน้ัน จําเปนตองเขาใจหลักการตาง ๆ ที่ถือเปนองครวม ของสทิ ธิมนุษยชนดว ย 27
คมู ือการจดั การเรยี นรูส ิทธมิ นษุ ยชนศกึ ษา • ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน ใบกจิ กรรมที่ 1.1 เธอผา น อะไรมาบา ง “เคยถูกตหี รอื ลงโทษ “ถกู ดุ ดา วากลาว ทางกาย” ดว ยถอยคํารุนแรง” ช่อื ชือ่ ชอื่ ............................................. ชอ่ื ............................................. ........................................ ........................................ .................................................. .................................................. “อาศยั อยูในพ้ืนที่ “ถูกริบใชข องสวนตัว ท่ีอันตรายตอ ชีวิต” เชน โทรศพั ทมือถอื ” ชื่อ ชอื่ ชอ่ื ............................................. ชอื่ ............................................. ........................................ ........................................ ................................................... ................................................... “ถกู ลอเรือ่ งผิวสี และรูป “เคยแกลง /ถกู แกลง รา งจากคนอ่ืน” เรอ่ื ง ศาสนา” ชื่อ ช่อื ชอ่ื .............................................. ชอื่ .............................................. ........................................ ........................................ ................................................... ................................................... “เคยถูกตัดสนิ วาผิด “ถูกคกุ คามจากคนอ่นื ใน จากคนอืน่ ” facebook” ชอ่ื ชื่อ ชอ่ื ............................................. ชอ่ื ............................................. ........................................ ........................................ ................................................... ................................................... “เคยถกู คณุ ผสู อนตดั ผม “ไดรับเกยี รติและ เพราะผิดระเบยี บ” การยอมรับจากผใู หญ” ชื่อ ช่อื ชอื่ .............................................. ชอื่ .............................................. ........................................ ........................................ .................................................. .................................................. สิทธมิ นษุ ยชน มีความหมายและหลักการสาํ คัญอยา งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………......................................................................... หมายเหตุ : ชองดานซา ยมอื เปนเหตุการณต ามที่ใบงานระบุไว สว นชองดา นขวามอื ผูเรียนสามารถเติม เหตกุ ารณไ ดเองตามประสบการณช วี ติ ของแตละคน 28
คูม อื การจัดการเรยี นรสู ทิ ธมิ นษุ ยชนศึกษา • ระดับมัธยมศึกษาตอนตน หนว ยการเรียนรูที่ 2 สทิ ธมิ นษุ ยชนท่เี กี่ยวของกับพลเมือง กิจกรรมการเรียนรูท่ี 2 เรื่อง แผน ดนิ เดียวกนั จํานวน 1 ชั่วโมง แนวคิดสาํ คญั มนษุ ยท กุ คนมศี กั ดแ์ิ ละสทิ ธทิ จี่ ะไดร บั การคมุ ครอง และปกปอ งอยา งเทา เทยี มกนั ในการดาํ รงชวี ติ และอาศัยอยูบนโลกใบน้ีอยางมีความสุข โดยไมมีขอจํากัดทางเพศ เช้ือชาติ การนับถือศาสนา หรอื การประกอบอาชพี ปฏิญญาสากลวาดวยสิทธิมนุษยชนทเี่ ก่ียวของ ขอ 3 คนทกุ คนมสี ทิ ธิในการดาํ รงชีวติ เสรีภาพ และความม่นั คงแหง ตวั ตน ขอ 4 บุคคลใด ๆ จะถูกยึดเปนทาส หรือตองภาระความจํายอมไมได ความเปนทาส และการคา ทาส เปน หา มขาดทุกรูป ขอ 5 บุคคลใด ๆ จะถูกทรมาน หรือไดรับผลปฏิบัติ หรือการลงโทษที่โหดรายผิดมนุษยธรรม หรือตา่ํ ชาไมไ ด ขอ 6 ทกุ คนมสี ิทธิที่จะไดรบั การยอมรบั นับถอื วา เปน บคุ คลตามกฎหมายทกุ แหงทกุ หน ขอ 7 ทุกคนเสมอกันตามกฎหมายและมีสิทธิที่จะไดรับความคุมครองของกฎหมายเทาเทียมกัน โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติใด ๆ ทุกคนมีสิทธิท่ีจะไดรับความคุมครองเทาเทียมกันจากการเลือกปฏิบัติ ใด ๆ อันเปน การลว งละเมดิ ปฏิญญา และจากการยยุ งใหเ ลอื กปฏิบัติดงั กลาว มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ช้ีวัด มาตรฐาน ส 2.1 เขาใจและปฏิบัติตนตามหนาที่ของการเปนพลเมืองดี มีคานิยมที่ดีงาม และธํารงรักษาประเพณแี ละวัฒนธรรมไทย ดาํ รงชีวติ อยูรวมกันในสังคมไทย และสังคมโลกอยางสนั ติสุข ตวั ช้วี ัด ม.1/4 แสดงออกถึงการเคารพสิทธขิ องตนเองและผูอื่น 29
คมู อื การจัดการเรียนรสู ทิ ธมิ นุษยชนศึกษา • ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน จุดประสงคก ารเรียนรู ผเู รียนสามารถ 1. อธบิ ายความหมายและลกั ษณะสาํ คัญของศกั ดศ์ิ รีความเปน มนษุ ยไ ด 2. บอกถึงความสําคญั ของความเทา เทยี มกันได ขนั้ ตอนการดาํ เนนิ กจิ กรรม ขั้นนําเขาสูกจิ กรรม 1. ผเู รยี นรว มกนั บอกถงึ รปู รา งลกั ษณะของประชากร สถานภาพ บทบาท อาชพี ของพลเมอื งโลก (ผูส อนพจิ ารณาตามคําตอบของผเู รียน) 2. ผเู รยี นรว มกนั อภปิ รายประเดน็ ดงั น้ี “ทกุ คน มคี วามคลา ยคลงึ เหมอื น หรอื แตกตา งกนั อยา งไร” จากนัน้ ผูสอนเช่อื มโยงคาํ ตอบของผูเ รียนเขาสกู จิ กรรม แผนดนิ เดียวกนั ขัน้ ดําเนนิ กิจกรรม 1. ผูเรียนรวมกิจกรรม “ส่ิงท่ีฉันเปน” โดยผูเรียนออกมาสุมจับบัตรภาพตามใบกิจกรรมท่ี 2.1 อาชีพท่ีตนเองไดร ับ เชน นักการเมือง แพทย พยาบาล ทหาร ตาํ รวจ พอคา นักธรุ กิจ ครู นกั เรียน พระสงฆ กรรมกร เปนตน 30
คมู ือการจัดการเรยี นรสู ิทธมิ นษุ ยชนศึกษา • ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน 2. ผูเรียนแสดงบทบาทสมมติตามบัตรที่ตนไดรับ จากนั้นผูสอนสุมผูเรียนบอกเหตุผล และความรูส ึกทต่ี นเองแสดงในบทบาทนน้ั 3. ผูเรียนรวมกิจกรรมที่ 2 “แผนดินเดียวกัน” โดยใชบทบาทที่ผูเรียนไดรับจากการทํากิจกรรม “สง่ิ ทฉ่ี นั เปน ” โดยในกจิ กรรมนที้ กุ คนจะไดก ระดาษเพม่ิ เตมิ คละขนาดและจาํ นวนตามอาชพี ทตี่ นไดร บั ดงั น้ี 1. นักการเมือง ไดร บั กระดาษหนงั สอื พมิ พ 3 แผน 2. แพทย ไดร บั กระดาษหนังสอื พมิ พ 1 แผน 3. พยาบาล ไดร ับกระดาษหนังสอื พมิ พ ½ แผน 4. ทหาร, ตาํ รวจ ไดรบั กระดาษหนงั สอื พมิ พ 2 แผน 5. พอคา นักธุรกิจ ไดรับกระดาษหนังสอื พมิ พ 1 แผน 6. ครู ไดร บั กระดาษ A4 3 แผน 7. นกั เรียน ไดรบั กระดาษ A4 1 แผน 8. พระสงฆ ไดร บั กระดาษ A4 1 แผน 9. กรรมกร ไดรับกระดาษ A4 ½ แผน 3.1 ผูสอนกําหนดอาณาเขตโดยสมมติใหเปนประเทศ 1 ประเทศ จากนั้นใหผูเรียนยืนบน กระดาษทต่ี นเองไดรบั โดยจะทาํ กจิ กรรมทงั้ หมดประมาณ 3 - 5 รอบ โดยแบง ตามสถานการณด ังนี้ แพทย ครู นักการเมอื ง 31
คมู ือการจดั การเรียนรสู ิทธมิ นุษยชนศึกษา • ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน 3.2 รอบที่ 2 – 5 ผสู อนสรา งสถานการณเพิ่มเตมิ ดังน้ี รอบที่ 2 เกิดภัยธรรมชาติ (จาํ นวนผูเ ลน ท่ตี อ งถกู โหวตออก 3 คน) รอบที่ 3 เกดิ ปญ หาเศรษฐกจิ (จาํ นวนผูเลนทีต่ องถกู โหวตออก 5 คน) รอบท่ี 4 เกดิ ปญหาอาชญากรรม (จํานวนผูเลน ที่ตอ งถกู โหวตออก 3 คน) รอบท่ี 5 เกิดภัยสงคราม (จาํ นวนผเู ลน ทตี่ อ งถกู โหวตออก 9 คน) โดยในแตละรอบผูสอนจะลดขนาดของประเทศลง พรอมทั้งมีการโหวตผูเลนออกจาก กิจกรรม และในรอบท่ี 3 และ 5 จะมีการลดจํานวนหรือขนาดกระดาษของผูเลน โดยถาผูเลนคนใด ไมมีกระดาษ หมายถึงตองออกจากกิจกรรม (การลดจํานวนจํานวนหรือขนาดของกระดาษพิจารณา ตามสถานการณของผสู อน) แพทย์ ภาพตัวอยาง ครู 3.3 ใหผ เู รยี นทงั้ หมดโหวตออกพรอ มบอกเหตผุ ล ในการโหวตเพอ่ื ออกจากเกมจากนนั้ ผสู อน สอบถามความรูสกึ ของผูเรยี น ดงั น้ี 3.3.1 เพราะเหตุใดถึงโหวตผเู ลน ดงั กลา วออก 3.3.2 ผูเ ลน ทถ่ี กู โหวตออกมคี วามรูสึกอยา งไร 3.3.3 ถา ใหโหวตผเู ลน กบั เขามาในประเทศ 1 คน จะเลอื กใคร เพราะเหตุใด 4. ผเู รยี นรว มกันอภปิ รายในประเดน็ ดงั นี้ 4.1 ผูเรียนคิดวาเขาเปนเหมือนกับพวกเราหรือไม และมีสิทธ์ิท่ีจะไดอยูในแผนดินเดียวกัน กบั เราไหม เพราะเหตุใด” 4.2 ผเู รยี นเหน็ ดวยกบั กติกาการเลนเกมแบบน้ีหรือไม เพราะเหตใุ ด 32
คูม ือการจดั การเรยี นรูสิทธิมนุษยชนศกึ ษา • ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน 5. ผูเรียนสรางแผนผังมโนทัศน หัวขอศักด์ิศรี และความเทาเทียมกันของมนุษย นํามาสง ในครง้ั ถัดไป ข้ันสรปุ กิจกรรม 1. ผเู รยี นรว มอภปิ รายตามประเดน็ ดงั นี้ “นกั เรยี นคดิ วา มนษุ ยท กุ คนควรมคี วามเทา เทยี มใชห รอื ไม เพราะเหตใุ ด” “นักเรียนคิดวาความเปน มนษุ ยสาํ คญั กับพวกเราอยา งไร” 2. ผูเรียนเขียนอธิบายความหมายของคําสําคัญ 2 คํา คือ “ศักดิ์ศรีความเปนมนุษย” และ “ความเทาเทียม” ตามความเขาใจและใชภาษาของนกั เรียนเอง สื่อ/แหลง การเรียนรู 1. ใบกิจกรรมที่ 2.1 บัตรภาพ “สิ่งทฉี่ นั เปน” 2. กระดาษและอุปกรณเ ครอ่ื งเขยี น 33
คมู ือการจัดการเรียนรสู ิทธิมนษุ ยชนศึกษา • ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน การวัดและประเมนิ ผล เกณฑก ารประเมนิ จุดประสงค วิธีการ เครอื่ งมือ ดี : เขียน เรียบเรียงความคิดไดตรงประเด็น 1. ผูเรียนสามารถ แผนผงั มโนทศั น แผนผงั มโนทัศน ชดั เจน จดั เรยี งขอ มลู ของผงั ความคดิ ไดค รบถว น อธิบายความหมาย ทุกประเด็น และจัดวางเปนระเบียบเรียบรอย และลักษณะสําคัญ ดมี าก ของศักดิ์ศรีความ พอใช : เขียน เรียบเรียงความคิดได และถูกตอง เปน มนษุ ยได จดั เรยี งขอ มลู ของผงั ความคดิ ได แมจ ะขาดในบาง ประเดน็ หลัก และประเดน็ รองในบางสว นบาง 2. ผูเรียนสามารถ แผนผงั มโนทศั น แผนผังมโนทัศน ปรับปรุง : เขียน และเรียบเรียงความคิด บอกถึงความสําคัญ สอดคลองกับประเด็น จัดเรียงขอมูลของผัง ของความเทาเทียม ความคิดไมครบถวน กนั ได ดี : เขียน เรียบเรียงความคิดไดตรงประเด็น ชดั เจน จดั เรยี งขอ มลู ของผงั ความคดิ ไดค รบถว น ทุกประเด็น และจัดวางเปนระเบียบเรียบรอย ดมี าก พอใช : เขียน เรียบเรียงความคดิ ได และถูกตอ ง จดั เรยี งขอ มลู ของผงั ความคดิ ได แมจ ะขาดในบาง ประเดน็ หลกั และประเดน็ รองในบางสวนบา ง ปรับปรุง : เขียน และเรียบเรียงความคิด สอดคลองกับประเด็น จัดเรียงขอมูลของผัง ความคิดไมค รบถว น 34
คมู อื การจัดการเรยี นรูสิทธิมนุษยชนศึกษา • ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน ขอ เสนอแนะ 1. บัตรคําอาชีพผูสอนสามารถกําหนดเปนอาชีพอื่น ๆ ไดตามอัธยาศัย แตการมีความรูวาดวยสิทธิ ความเทาเทยี ม เปนธรรมเก่ียวกับอาชพี นัน้ ๆ พอควร เพื่อชวยในการอภิปรายและสรุปความหมายของศกั ด์ศิ รี ความเปนมนษุ ยแ ละความเทา เทียม 2. กจิ กรรมอาจปรบั ใหผ เู รยี นมายนื ในการดาษแผน เดยี วไดใ นกรณที ใี่ นชนั้ เรยี นมนี กั เรยี นจาํ นวนมาก กิจกรรมที่ 2.1 บัตรภาพ “สิ่งท่ีฉนั เปน ” นักการเมอื ง 35
คมู อื การจัดการเรยี นรูสิทธมิ นษุ ยชนศกึ ษา • ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน กิจกรรมท่ี 2.1 บัตรภาพ “ส่งิ ทฉี่ นั เปน ” นกั การเมอื ง แพทย ทหาร ตาํ รวจ พอคา นักธรุ กิจ 36
คมู ือการจัดการเรียนรสู ิทธมิ นุษยชนศึกษา • ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน หนวยการเรียนรทู ่ี 2 สทิ ธิมนุษยชนท่ีเก่ียวขอ งกับพลเมือง กิจกรรมการเรียนรทู ี่ 3 เรอ่ื ง ใครฆา แนนโนะ จํานวน 1 ช่วั โมง แนวคิดสําคญั มนุษยทุกคนไมวาจะมีความแตกตางทางเชื้อชาติ ศาสนา เพศ วิถีชีวิต ความเปนอยู หรือ การประกอบอาชพี ยอ มมสี ทิ ธทิ จี่ ะไดร บั ความยตุ ธิ รรมและเสมอภาคในการพจิ ารณาคดหี รอื ตดั สนิ คดคี วาม ในกระบวนการยุติธรรม ปฏญิ ญาสากลวาดวยสทิ ธิมนษุ ยชนทเี่ กยี่ วของ ขอ 8 ทุกคนมีสิทธิท่ีจะไดรับบําบัดอันเปนผลจริงจังจากศาลที่มีอํานาจแหงชาติตอการกระทํา อนั ละเมดิ สทิ ธหิ ลักมูล ซึง่ ตนไดรับตามรัฐธรรมนญู หรอื กฎหมาย ขอ 9 บคุ คลใดจะถกู จบั กุม กักขงั หรือเนรเทศไปตางถน่ิ โดยพลการไมไ ด ขอ 10 ทกุ คนมสี ทิ ธโิ ดยเสมอภาคเตม็ ทใ่ี นอนั ทจี่ ะไดร บั การพจิ ารณาทเ่ี ปน ธรรมและเปด เผยจากศาล ที่อิสระและเที่ยงธรรมในการกําหนดสิทธิและหนา ท่ขี องตนและการกระทาํ ผิดอาชญาใด ๆ ทต่ี นถกู กลา วหา ขอ 11 (1) ทุกคนท่ีถูกกลาวหาวาทําผิดทางอาชญา มีสิทธิท่ีจะไดรับการสันนิษฐานไวกอนวา บริสุทธิ์จนกวาจะพิสูจน ไดวามีผิดตามกฎหมายในการพิจารณาเปดเผย ซึ่งตนไดรับหลักประกันบรรดา ทจ่ี าํ เปนสาํ หรบั การตอ สูคดี (2) จะถือบุคคลใด ๆ วามีความผิดทางอาญาเนอื่ งดว ยการกระทาํ หรอื ละเวน ใด ๆ อนั มิได จัดเปนความผิดทางอาชญาตามกฎหมายแหงชาติหรือกฎหมายระหวางประเทศในขณะไดกระทําการน้ัน ขน้ึ ไมไ ด และจะลงโทษอนั หนักกวา ทใี่ ชอ ยใู นขณะท่ีไดก ระทําความผดิ ทางอาชญานัน้ ไมไ ด มาตรฐานการเรยี นร/ู ตัวช้วี ดั มาตรฐาน ส 2.1 เขาใจและปฏิบัติตนตามหนาที่ของการเปนพลเมืองดี มีคานิยมท่ีดีงาม และธาํ รงรักษาประเพณแี ละวัฒนธรรมไทย ดาํ รงชวี ิตอยูรว มกนั ในสังคมไทย และสังคมโลกอยางสันติสุข 37
คูมือการจดั การเรยี นรสู ิทธมิ นุษยชนศึกษา • ระดับมัธยมศึกษาตอนตน ตวั ช้ีวดั ม.1/4 แสดงออกถึงการเคารพสิทธขิ องตนเองและผูอน่ื มาตรฐาน ส 2.2 เขาใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปจจุบัน ยึดมั่น ศรัทธา และธํารงรักษาไวซ ึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ทรงเปน ประมขุ ตัวชี้วัด ม. 3/3 วิเคราะหรัฐธรรมนูญฉบับปจจุบันในมาตราตาง ๆ ท่ีเก่ียวของกับการเลือกต้ัง การมีสว นรว มและการตรวจสอบการใชอ าํ นาจรฐั จดุ ประสงค ผเู รียนสามารถ 1. บอกแนวทางของกระบวนการยตุ ิธรรมท่คี วรจะเปน ได 2. อธบิ ายถึงความสาํ คัญของกระบวนการยุตธิ รรมได ขั้นตอนการดาํ เนินกจิ กรรม ขนั้ นาํ เขา สกู ิจกรรม 1. ผสู อนแสดงภาพขาว เร่อื ง คดเี สอื ดํา แลวถามผเู รียนดงั น้ี 1.1 ผูเรียนมีความคิดเห็นอยางไรเก่ียวกับคดีฆาเสือดํา (แนวคําตอบ: พิจารณาตามคําตอบ ของผเู รยี น) 1.2 ปจ จุบันประเทศไทยมกี ารตัดสนิ คดคี วามทีไ่ หน (แนวคําตอบ: ศาล) 1.3 และถา ผเู รยี นตอ งการพจิ ารณาและตดั สนิ คดตี ามทก่ี ฎหมายกาํ หนดจะตอ งอาศยั อาํ นาจใด (แนวคาํ ตอบ : อาํ นาจตุลาการ) 2. ผูสอนกลาววา “การตัดสินคดีความเพื่อใหความเปนธรรมแกผูเดือดรอนเปนอํานาจหนาท่ี ของอํานาจตุลาการ ดังนั้น วันน้ีเราจะมาเรียน เรื่อง กระบวนการยุติธรรม” จากนั้นผูสอนเขียนช่ือเร่ือง บนกระดาน 38
คูมอื การจัดการเรยี นรสู ิทธมิ นษุ ยชนศกึ ษา • ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน ขัน้ ดําเนนิ กิจกรรม 1. ผูเรียนรวมกิจกรรม “ใครฆาแนนโนะ” โดยสมมติใหผูเรียนทุกคนเปนผูพิพากษา มีอํานาจ ในการตดั สินคนผดิ มาลงโทษ โดยนกั เรยี นจะมสี ทิ ธิในการเลือกตดั สินคนที่กระทําความผดิ ไดเ พียงครัง้ เดยี ว เทา นัน้ 2. ผูสอนใหนักเรียนศึกษาสถานการณจําลอง “ใครฆาแนนโนะ” จากใบกิจกรรมที่ 3.1 ผูสอนตงั้ ประเดน็ คําถามเพ่อื ใหผเู รียนตัดสินใจ ดงั น้ี “ผเู รยี นคิดวาใครฆา แนนโนะ ใครคือ ฆาตกร” 3. ผเู รยี นรวมตัดสินวาใครเปนฆาตกร จากน้นั ผสู อนถามเหตุผลในการตัดสินของผเู รียน 4. ผูสอนเฉลยวา ใครคือฆาตกรตัวจริงพรอ มสรางขอ สรุปจากเหตกุ ารณ โดยการตงั้ คําถาม ดังนี้ 4.1 ผูเรียนมีความคิดเห็นอยางไรกับการตัดสินคนรายผิดคน (แนวคําตอบ: พิจารณา ตามคําตอบของผเู รียน) 4.2 ผูเรียนรวมกันคิดวากระบวนการยุติธรรมจริง ๆ ควรเปนเชนใด (แนวคําตอบ: ใหความ เปนธรรมในทางกฎหมายแกท กุ คนโดยเทา เทียมกัน) 5. ผเู รียนแบง กลุมออกเปน 4-5 กลุม ทบทวนกระบวนการสืบสวนคดฆี าตกรรมจากสถานการณ จาํ ลอง “ใครฆาแนนโนะ ” เขียนแผนผงั มโนทัศนนําเสนอกระบวนการยตุ ธิ รรมทคี่ วรจะเปน 6. ผเู รยี นสง ตวั แทนออกมานาํ เสนอแผนผงั มโนทศั น กลมุ ละไมเ กนิ 5 นาที ผสู อนเพมิ่ เตมิ ใหส มบรู ณ ข้ันสรุปกิจกรรม 1. ผเู รยี นรวมอภปิ รายตามประเดน็ ดงั นี้ 1.1 “แพะรบั บาป” เกี่ยวของกับกระบวนการยุติธรรมหรอื ไม อยางไร 1.2 “กระบวนการยตุ ิธรรมมีความสาํ คัญพลเมืองทุกคนอยา งไร” 2. ผูสอนเชือ่ มโยงคาํ ตอบของผเู รียนและอธิบายใหสมบรู ณ 3. ผูเรียนสรปุ การเรียนรขู องตนเองในบนั ทกึ การเรยี นรู (Learning Journal) 39
คูมอื การจัดการเรยี นรูสิทธมิ นษุ ยชนศึกษา • ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน สอ่ื /แหลง การเรยี นรู 1. ภาพขาว คดีฆาเสือดาํ 2. ใบกจิ กรรมท่ี 3.1 สถานการณจาํ ลอง เร่อื ง ใครฆาแนนโนะ 3. กระดาษและอปุ กรณเคร่อื งเขยี น การวดั และประเมินผล จดุ ประสงค วธิ กี าร เครอ่ื งมอื เกณฑก ารประเมนิ 1. นักเรียนสามารถ การทําแผนผงั แผนผงั มโนทัศน ดี : เขยี น เรยี บเรยี งความคดิ ไดต รงประเดน็ ชดั เจน บอกแนวทางของ มโนทัศน จัดเรียงขอมูลของผังความคิดไดครบถวน ทุก กระบวนการยตุ ธิ รรม ประเด็น และจัดวางเปนระเบยี บเรียบรอ ยดีมาก ท่คี วรจะเปนได พอใช : เขียน เรยี บเรียงความคิดได และถกู ตอ ง จัดเรยี งขอมูลของผังความคิดได แมจ ะขาดในบาง ประเดน็ หลกั และประเด็นรองในบางสวนบาง ปรบั ปรงุ : เขยี น และเรยี บเรยี งความคดิ สอดคลอ ง กับประเด็น จัดเรียงขอมูลของผังความคิด ไมครบถว น 2. นักเรียนสามารถ การทาํ แผนผัง แผนผังมโนทศั น ดี : เขียน เรียบเรียงความคิดไดตรงประเด็น อธบิ ายถงึ ความสาํ คญั มโนทัศน ชัดเจน จัดเรียงขอมูลของผงั ความคดิ ไดค รบถวน ของกระบวนการ ทุกประเด็น และจัดวางเปนระเบียบเรียบรอย ยตุ ิธรรมได ดีมาก พอใช : เขียน เรียบเรียงความคดิ ได และถกู ตอ ง จัดเรยี งขอ มลู ของผงั ความคิดได แมจ ะขาดในบาง ประเด็นหลัก และประเด็นรองในบางสว นบา ง ปรบั ปรงุ : เขยี น และเรยี บเรยี งความคดิ สอดคลอ ง กับประเด็น จัดเรียงขอมูลของผังความคิด ไมค รบถว น 40
คมู ือการจัดการเรยี นรสู ทิ ธมิ นษุ ยชนศกึ ษา • ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน ขอเสนอแนะ 1. ในสว นของขนั้ นาํ เขา สบู ทเรยี นครผู สู อนสามารถปรบั ใชภ าพของเหตกุ ารณท เี่ กดิ ในปจ จบุ นั ได (แทนภาพขา วกรณเี สือดาํ ) 2. ผูสอนสามารถหาปรับเปลี่ยนสถานการณจําลองและคนควาจากส่ือทั่วไปมาเพิ่มเติมได เชน กรณแี พะรับบาป อภธิ านศัพท กระบวนการยตุ ธิ รรม ตามความหมายของพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถานวา วธิ กี ารดาํ เนนิ การ ใหความคุมครองและสิทธิเสรีภาพและใหความเปนธรรมในทางกฎหมายแกบุคคล โดยบุคลากร และองคกรหรือสถาบันตาง ๆ ซึ่งมีหนาท่ีบริหารงานยุติธรรม ไดแก พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ พนกั งานสอบสวน พนกั งานอัยการ ทนายความ ศาลกระทรวงยุตธิ รรม และกรม 41
คูม อื การจัดการเรียนรูสทิ ธมิ นุษยชนศกึ ษา • ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน ใบกิจกรรมที่ 3.1 สถานการณจาํ ลอง “ใครฆาแนนโนะ ” แนนโนะ ไฮโซสุดสวยผูมั่งคั่ง เศรษฐี 1,000 ลาน เมื่อเธออายุเพียง 10 ขวบ แมของเธอไดเสียชีวิตลงทิ้งใหเธออยูกับพอ พี่ชาย ซึ่งทํางานอยูตางประเทศ พี่สะใภ และคนงานในบาน ดวยความที่เธอเปนลูกสาวคนเดียวจึงไดรับการเอาใจเปนพิเศษ จึงทําใหเธอโตมามีนิสัยข้ีนอยใจ ทุกคนตองตามใจเธอ ถาไมทําตามความตองการ ของเธอ เธอจะอาละวาดและทํารายบุคคลผูนั้นไมเวนแมแตผูเปนพอ แตคนที่จะโดน บอยท่ีสุดก็คือนางแขไข จนถึงเมื่อเย็นวันจันทรที่ผานมาเธอไดถูกฆาตกรรม ซึ่งภายในบาน ของแนนโนะ มีคนอน่ื ๆ อาศัยอยูอกี 5 คน ไดแ ก นายประยกุ ต ผเู ปนพอ, นายประเสริฐ พอ ครัว, นางแขไข แมบ าน, นายเปรมชยั คนสวน, นางซารา พีส่ ะใภ ตํารวจไดส อบปากคาํ ผตู องสงสัยท้ัง 5 คน ดังนี้ 1. นายประยุกต กําลงั อานหนงั สอื อยูในหอ งนอน 2. นายประเสรฐิ กาํ ลงั ทาํ อาหารเชาอยใู นครัว 3. นางแขไข กาํ ลงั แนะนําคนทาํ งานในหองนงั่ เลน 4. นายเปรมชัย กําลงั รดนา้ํ ตน ไมท ส่ี วนหลงั บา น 5. นางซารา กาํ ลังแตงตัวออกไปงานเลย้ี ง หมายเหตุ ฆาตกร ตัวจรงิ คอื นายประเสริฐ เน่อื งจากแนนโนะ ไฮโซสุดสวยผูม่ังคง่ั ไดถูกฆาตกรรมเมื่อเย็นวันจันทร แตนายประเสริฐ ใหการวา กําลังทําอาหารเชาอยูในครัว ซึง่ ไมส อดคลอ งกบั เหตกุ ารณ 42
คูมอื การจัดการเรียนรสู ทิ ธิมนษุ ยชนศกึ ษา • ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน หนวยการเรยี นรูที่ 3 สิทธมิ นุษยชนทีเ่ ก่ียวของกับการเมืองการปกครอง กิจกรรมการเรยี นรทู ่ี 4 เรอ่ื ง ใครไดใครเสีย จํานวน 2 ช่วั โมง แนวคิดสาํ คัญ พื้นที่สาธารณะเปนบริเวณที่เก่ียวของกับผลประโยชนของสวนรวม ประชาชนทุกคนสามารถ ใชประโยชนและเขาถึงได พื้นที่สาธารณะเปนไดทั้งรูปธรรมและนามธรรม กลาวคือ รูปธรรมของพื้นที่ สาธารณะคือพื้นที่ทางกายภาพท่ีกําหนดขอบเขตไวแนนอนเปนพื้นที่ของรัฐหรือเอกชนจัดสรรให เชน สวนสาธารณะ โรงเรียน โรงพยาบาล เปนตน สวนพ้ืนท่ีนามธรรม เชน ส่ือสังคมออนไลน กลุมทางสังคม หรือพื้นท่ีทางวัฒนธรรม เปนตน เน่ืองจากในพ้ืนที่สวนรวม ทุกคนควรไดรับประโยชนและเขาถึงไดอยาง เทาเทียมเปน ธรรม และพนื้ ท่ีควรไดรบั การดูแลใหทุกคนไดใ ชอ ยางมปี ระสทิ ธภิ าพ ปฏญิ ญาสากลวา ดวยสทิ ธิมนุษยชนทีเ่ กยี่ วขอ ง ขอ 21 (1) ทุกคนมีสิทธิที่จะมีสวนในรัฐบาลของประเทศตน จะเปนโดยตรงหรือโดยการผานทาง ผแู ทนซ่งึ ไดเลอื กตง้ั โดยอสิ ระ (2) บุคคลมีสิทธิท่เี ขาถงึ บริการสาธารณะในประเทศของตนโดยเสมอภาค (3) เจตจํานงของประชาชนจะตองเปนมูลฐานแหงอํานาจของรัฐบาล เจตจํานงน้ีจะตอง แสดงออกทางการเลือกตั้งตามกําหนดเวลา และอยางแทจริง ซ่ึงอาศัยการออกเสียงกันอยางท่ัวไป และเสมอภาค และการลงคะแนนลับ หรือวิธีการลงคะแนนโดยอสิ ระอยางอืน่ ทาํ นองเดียวกนั มาตรฐานการเรยี นร/ู ตัวช้วี ดั มาตรฐาน ส 1.2 เขาใจและปฏิบัติตนตามหนาที่ของการเปนพลเมืองดี มีคานิยมที่ดีงาม และธาํ รงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดาํ รงชีวิตอยูรวมกนั ในสังคมไทยและสงั คมโลกอยางสนั ตสิ ขุ ตัวชี้วัด ม.3/4 วิเคราะหปจจัยที่กอใหเกิดปญหาความขัดแยงในประเทศ และเสนอแนวคิด ในการลดความขดั แยง 43
คมู ือการจดั การเรยี นรูสิทธมิ นุษยชนศึกษา • ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน จดุ ประสงค ผูเรยี นสามารถ 1. อภปิ รายเกย่ี วกบั สภาพการใชพืน้ ทส่ี าธารณะได 2. เสนอแนวทางการใชพน้ื ทส่ี าธารณะในประเทศไทยและชุมชนได ขั้นตอนการดาํ เนินกิจกรรม ข้นั นาํ เขา สูกจิ กรรม 1. ผูเรียนอา นสถานการณทผี่ สู อนกําหนดให จากนัน้ รวมกนั สนทนาในประเดน็ คาํ ถาม ดังนี้ 2. ผูเรียนเขียนคําตอบลงในกระดาษ จากนั้นผูสอนสุมผูเรียน 2-3 คน ใหแสดงความคิดเห็น ใหเ พ่ือนฟง ขั้นดําเนนิ กจิ กรรม 1. ผูเรียนรวมกันปฏิบัติกิจกรรม “ใครไดใครเสีย” โดยผูสอนกําหนดบทบาทของผูเรียน โดยการแจกบัตรสถานภาพใหผ เู รยี นซึง่ แบงเปน 6 สถานภาพ ดังน้ี 1.1 เดก็ 1.2 ผสู งู อายุ 1.3 คนพิการ 1.4 พระสงฆ/นกั บวช 1.5 เพศทีส่ าม 1.6 แรงงานตา งดาว 2. จากน้นั ผูสอนติดจาํ นวนรอ ยละ 5 ระดับ ลงบนกระดานหนาชั้นเรียน ตามภาพ 0 25 50 75 100 44
คมู ือการจดั การเรยี นรูส ทิ ธิมนษุ ยชนศึกษา • ระดับมัธยมศึกษาตอนตน 3. ผสู อนกาํ หนดรอบสถานการณแ บงเปน 5 รอบ ดังนี้ รอบที่ 1 โรงพยาบาล รอบที่ 2 โรงเรียน รอบท่ี 3 สะพานลอย รอบที่ 4 รถโดยสารประจําทาง รอบที่ 5 สวนสาธารณะ 45
คูม ือการจดั การเรียนรสู ิทธมิ นษุ ยชนศึกษา • ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน 4. จากน้นั ใหผเู รียนแตละคนประเมินตนเองวา สถานทีแ่ ตละแหง ผูเรยี นคดิ วา สถานภาพทีต่ นเอง ไดร ับนนั้ ไดประโยชนร อ ยละเทาใด (0, 25, 50, 75, 100) 5. เมื่อผูเรียนประเมินตนเองตามระดับที่ผูสอนกําหนดให ผูเรียนจะตองเคล่ือนยายตนเอง ไปยังกลมุ ท่ตี นเองเลอื กในแตละรอบ ข้นั สรปุ กจิ กรรม 1. ผเู รยี นและผูส อนรวมกนั อภิปรายประเด็นคําถามจากการทํากจิ กรรม ดงั ตอ ไปน้ี 1.1 “เม่ือผูเรียนไดรับฟงความคิดเห็นของบุคคลอ่ืน ผูเรียนจะเปลี่ยนแปลง การเลือกระดบั การไดป ระโยชนของตนเองหรอื ไม เพราะเหตใุ ด” 1.2 “ในสงั คมไทยของเรา ผเู รยี นมคี วามคดิ เหน็ อยา งไรในเรอ่ื งความเทา เทยี ม ตามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชนทท่ี กุ คนควรมสี ทิ ธเิ ขา ถงึ พน้ื ท่ี สาธารณะ 100% เทา กนั ทกุ คน” 2. ผูเรียนเสนอความคิดเห็นโดยการเสนอแนวทางการใชพื้นที่สาธารณะในประเด็น “สิ่งที่ผูเรียน อยากเปลีย่ นแปลงพน้ื ทีส่ าธารณะในประเทศไทย” สื่อ/แหลง การเรียนรู 1. ใบกจิ กรรมท่ี 4.1 สถานการณก ารใชพืน้ ท่สี าธารณะ 2. ใบกจิ กรรมท่ี 4.2 การดสถานภาพกิจกรรม “ใครไดใครเสยี ” 3. ขอความจาํ นวนรอยละ 5 ระดับ 4. ภาพพ้ืนที่สาธารณะ 5 แหง ประกอบดวย โรงพยาบาล โรงเรียน สะพานลอย รถโดยสาร ประจําทาง และสวนสาธารณะ 5. การใชพ นื้ ท่สี าธารณะ 46
คมู อื การจดั การเรียนรสู ทิ ธมิ นษุ ยชนศกึ ษา • ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน การวดั และประเมินผล จดุ ประสงค วิธีการ เครื่องมอื เกณฑก ารประเมนิ 1. ผูเรียนสามารถ ประเมินจากการ แ บ บ บั น ทึ ก ก า ร ดี : อภิปราย ประเดน็ ตาง ๆ ทแ่ี สดงให อภิปรายเกี่ยวกับสภาพ อภิปรายในช้ัน ตอบคําถามจากการ เห็นถึงการใชพ้นื ทสี่ าธารณะ และอธบิ าย การใชพ้ืนทีส่ าธารณะ เรยี น อภปิ ราย เหตผุ ลไดช ัดเจน สมั พนั ธกนั มากกวา 2 ประเด็นขนึ้ ไป พอใช : อภปิ ราย ประเดน็ ตาง ๆ ทีแ่ สดง ใ ห เ ห็ น ถึ ง ก า ร ใ ช พื้ น ที่ ส า ธ า ร ณ ะ ไ ด บางสวน และอธิบายเหตุผลไดชัดเจน สัมพันธก นั สวนใหญ ปรับปรุง : อภิปราย ประเด็นตาง ๆ ที่ แสดงใหเห็นถึงการใชพื้นที่สาธารณะไม ถกู ตอ ง และอธบิ ายเหตผุ ลไมช ดั เจนและ/ หรือไมสมั พนั ธก นั 2. ผูเรียนสามารถ การตอบคําถาม แบบประเมินการ ดี : เสนอแนวทางการใชพ้ืนที่สาธารณะ เ ส น อ แ น ว ท า ง ก า ร ในชนั้ เรียน ตอบคําถามในชั้น ในประเทศไทย และชมุ ชนไดอ ยา งชดั เจน ใชพ้ืนที่สาธารณะ ใน เรยี น สัมพันธกัน ประเทศไทยและชุมชน พอใช : เสนอแนวทางการใชพ้ืนที่ ได สาธารณะในประเทศไทยและชุมชนได ชัดเจนบางสว น สัมพันธก นั สว นใหญ ปรับปรุง : เสนอแนวทางการใชพ้ืนท่ี สาธารณะในประเทศไทยและชมุ ชนไดไ ม ชัดเจนและ/หรอื ไมสมั พันธก ัน 47
คมู ือการจดั การเรียนรสู ทิ ธิมนษุ ยชนศึกษา • ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน ขอ เสนอแนะ 1. ผูสอนสามารถเลือกบรบิ ทสถานทใ่ี หสอดคลอ งกับบริบทของผเู รยี น 2. ผูสอนสามารถเชอ่ื มโยงประเด็นตา ง ๆ สูน โยบายสาธารณะได อภิธานศัพท พื้นที่สาธารณะ1 คือ พ้ืนที่สาธารณะเปนบริเวณที่เก่ียวของกับผลประโยชนของสวนรวม พ้ืนที่สาธารณะเปนไดท้ังรูปธรรมและนามธรรม กลาวคือ รูปธรรมของพื้นที่สาธารณะคือพื้นท่ี ทางกายภาพที่กําหนดขอบเขตไวแนนอน เชน สวนสาธารณะ โรงเรียน โรงพยาบาล เปนตน สวนพื้นที่นามธรรม เชน ส่อื สังคมออนไลน กลมุ ทางสงั คม หรอื พืน้ ท่ีทางวัฒนธรรม เปน ตน 1 Unknown. (2556). แนวคิดพื้นที่สาธารณะ. สืบคนจาก http://kusumakooyai.blogspot.com/2013/05/ blog-post.html 48
คมู อื การจดั การเรียนรสู ิทธิมนษุ ยชนศึกษา • ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน ใบกจิ กรรมท่ี 4.1 เธอผาน อะไรมาบาง นายสํานึกอาศัยอยูกับพอแมในหมูบานแสนสุข พอแมมีลูก 2 คน คือนายสํานึกและ นายจิตอาสา พอแมเปนคนมีระเบียบวินัยมาก อยากใหลูกเปนคนดี จึงออกกฎไมยอมใหลูก ทอี่ ายุตํ่ากวา 18 ป ออก หรือ กลบั บานหลัง 4 ทมุ นายสาํ นกึ อายุ 16 ป นายจติ อาสา อายุ 18 ป วันหน่ึงนายสํานึกกลับบานหลัง 4 ทุม พอแมโกรธมากจึงหักคาใชจายประจําสัปดาหและ ตัดสิทธินายสํานึกหลายอยางในบาน นายสํานึกไมเขาใจวาทําไม พอแมตองใหกลับบานเร็ว จึงเดินออกไปท่ี สนามเด็กเลนหนาหมูบาน ทันใดน้ันก็มองเห็นตูโทรศัพทขางถนนหนาหมูบาน จงึ เดนิ ออกไปโทรศพั ทเ พอื่ คยุ กบั เพอ่ื น แตโ ทรศพั ทเ สยี เกดิ โมโหจงึ ทบุ โทรศพั ทแ ตกและเดนิ กลบั บา น ท่มี า : นายศภุ ณัฐ เพมิ่ พนู ววิ ฒั น. สาํ นกั สง เสริมการเมืองภาคพลเมืองสถาบันพระปกเกลา “จากสถานการณขา งตน พนื้ ที่สาธารณะ คืออะไรบาง” และ “ในชีวิตประจาํ วันผเู รียนเคยใชประโยชนจ ากพ้ืนที่สาธารณะใดบา ง” 49
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118