150 คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเติม รหัสวชิ า จ 15202 ภาษาจีน กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 5 เวลา 40 ชวั่ โมง เข้าใจคาสั่ง คาขอร้อง คาทักทาย การแนะนาตนเองตามหลักการอ่านออกเสียง การใช้ประโยค สั้นๆ เก่ียวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน สิ่งแวดล้อม อาหาร เคร่ืองด่ืม เวลาว่าง นันทนาการ สุขภาพ การซือ้ ขาย บทสนทนาการตอบคาถามจากเรอื่ งท่ีอ่าน การพดู และเขียนบทสนทนาทีใ่ ช้ในการส่อื สารระหวา่ ง ตนเอง เพื่อน และบคุ คลใกล้ตวั และสานวนตอบรบั การใช้คาสั่ง คาขอร้อง คาขออนญุ าต การใชป้ ระโยคและ ข้อความในการให้ข้อมูลตนเอง กิจวัติประจาวัน เพื่อนและส่ิงแวดล้อมใกล้ตัว การใช้ประโยคในการพูดแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว การใช้ถ้อยคา น้าเสียง และกิริยาท่าทาง สานวนในการติดต่อ ประชาสัมพันธถ์ ามวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา การเปรยี บเทียบความเหมอื นและความแตกต่างตามโครงสรา้ ง ของประโยคภาษาต่างประเทศและภาษาไทย การค้นคว้ารวบรวมและการนาเสนอคาศัพทท์ ่ีเก่ียวข้องกับกลุ่ม สาระการเรียนรู้ การใช้ภาษาส่ือสารในสถานการณ์ต่างๆ ท่ีเกิดข้ึนในห้องเรียน สถานศึกษา และในท้องถิ่น สามารถอ่านออกเขียนไดแ้ ละสอ่ื สารส่ิงทีเ่ รยี นรูโ้ ดยใชภ้ าษาจีนได้อย่างเหมาะสมกับวยั และสถานการณ์ตา่ งๆ เห็นประโยชน์ของการเรียนรู้ภาษาจีน ใฝ่เรียนรู้ สนใจเข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม รักความเป็นไทย ตลอดจนมีความมุ่งม่ันในการทางานจนสาเร็จและสามารถปฏิบัติงานร่วมกับผู้อ่ืนอย่างมี ความสุข ผลการเรยี นรู้ 1. ปฏิบัตติ ามขั้นตอนของกระบวนการเรียนรภู้ าษาจีนไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ มีทกั ษะในการฟงั โดยสามารถตีความ วิเคราะห์เรอ่ื งทีฟ่ งั น้าเสยี ง กรยิ าทา่ ทางและสรปุ ความ ถ่ายโอนเป็นภาษาพดู และ เขยี นได้ 2. ปฏิบตั ิตามข้นั ตอนของกระบวนการพดู ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง โดยสามารถพูดนาเสนอในทช่ี มุ ชน ในหัวขอ้ ตา่ งๆ ไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ 3. สร้างสรรคภ์ าษาในการสนทนา แลกเปลยี่ นขอ้ มลู และสรา้ งความสมั พันธร์ ะหวา่ งบคุ คล โดยใช้ คาศัพท์ สานวน โครงสรา้ งภาษาให้เหมาะสมกบั สถานการณ์และมารยาทสงั คม 4. ใช้ภาษาจนี ในการส่ือสารได้ทุกสถานการณ์ 5. มคี วามเช่ือม่นั ในการใชภ้ าษาจนี กับชาวต่างชาติ รวม 5 ผลการเรียนรู้
151 คาอธิบายรายวชิ าเพ่ิมเติม รหัสวิชา จ 16202 ภาษาจนี กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาตา่ งประเทศ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 เวลา 40 ชว่ั โมง เข้าใจคาศัพท์หมวดต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องกับชีวิตประจาวันมากขึ้น สามารถนาคาศัพท์ท่ีเรียนมาแต่ง ประโยค ท้ังประโยคบอกเล่า ประโยคคาส่ัง ประโยคคาถามและประโยคคาตอบ พร้อมคาขออนุญาตต่างๆ และสามารถนาประโยคเหล่านี้ไปใช้ในชีวิตประจาวันรวมทั้งใช้ในการส่ือสารกับเจ้าขอ งภาษาในสถานการณ์ จรงิ เข้าใจประวัติความเป็นมาของตัวอักษรจีน รู้จักโครงสรา้ งและส่วนประกอบของตวั อักษรจีน สามารถ แยกตวั อักษรจีนเปน็ หมวดหมู่ รู้หลักเกณฑ์การเขียนพร้อมแสดงวธิ เี ขยี นได้อยา่ งถูกตอ้ ง สามารถเขียนตัวอกั ษร จนี ไดอ้ ยา่ งมศี ิลปะงดงามเหมือนเจ้าของภาษาและมีลายมือเปน็ เอกลกั ษณ์ของตนเอง เขา้ ใจสัทอักษรจนี ทงั้ หมด สามารถนาสทั อักษรจนี ไปใชก้ ากับเสียงอ่านตวั อักษรจีนได้อยา่ งถูกตอ้ ง นา ความรู้ที่ได้จากสัทอักษรจีนไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเพื่อช่วยในการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ วิชาภาษาจีนหรือประเพณีวัฒนธรรม การปกครองของประเทศจีนอันจะช่วยให้มีทัศนคติท่ีดีต่อการเรียนวิชา ภาษาจีน สามารถเรียนรู้ภาษาจีนได้อย่างสนุก ง่าย ไม่เบื่อหน่าย พร้อมเข้าร่วมกิจกรรมภาษาจีนเน่ืองใน โอกาสสาคัญต่างๆ ท่ีทางโรงเรียนจัดขึ้น พรอ้ มท้ังเปรยี บเทียบวฒั นธรรมของไทยและจีนทั้งส่วนที่เหมอื นและ แตกต่าง นาเอาข้อดีของวัฒนธรรมจีนมาปรับใช้ให้เข้ากับชีวิตประจาวันและอยรู่ ่วมกับผู้อ่ืนในสังคมได้อย่างมี ความสุข ผลการเรยี นรู้ 1. ปฏิบัติตามขน้ั ตอนของกระบวนการเรยี นรภู้ าษาจีนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ มที กั ษะในการฟงั โดยสามารถตีความ วเิ คราะหเ์ รอ่ื งที่ฟัง น้าเสยี ง กรยิ าทา่ ทางและสรปุ ความ ถา่ ยโอนเปน็ ภาษาพดู และ เขียนได้ 2. ปฏิบัติตามขั้นตอนของกระบวนการพูดไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง โดยสามารถพดู นาเสนอในท่ชี มุ ชน ในหวั ขอ้ ต่างๆ ไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์ 3. สร้างสรรคภ์ าษาในการสนทนา แลกเปล่ียนข้อมูลและสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหว่างบคุ คล โดยใช้ คาศพั ท์ สานวน โครงสรา้ งภาษาให้เหมาะสมกับสถานการณ์และมารยาทสงั คม 4. ใชภ้ าษาจนี ในการสอื่ สารไดท้ ุกสถานการณ์ 5. มีความเช่ือม่ันในการใชภ้ าษาจีนกบั ชาวตา่ งชาติ รวม 5 ผลการเรยี นรู้
152 คาอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม วชิ า พระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม -------------- รายวชิ า/กิจกรรม เวลาเรียน (ชม./ปี) รายวิชาเพมิ่ เตมิ จานวน 40 ช่วั โมง ส 14202 พระพทุ ธศาสนา จานวน 40 ชั่วโมง ส 15202 พระพทุ ธศาสนา จานวน 40 ชวั่ โมง ส 16202 พระพทุ ธศาสนา
153 คาอธบิ ายรายวชิ าเพ่ิมเติม ส 14202 พระพุทธศาสนา กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 เวลา 40 ชัว่ โมง ศึกษา ความสาคัญของพระพุทธศาสนา พุทธประวัติตั้งแต่บรรลุธรรมจนถึงประกาศธรรม พุทธ สาวก พทุ ธสาวิกา ชาดก ศาสนิกชนตัวอย่าง พระรัตนตรยั ไตรสิกขา โอวาท 3 พุทธศาสนสุภาษิตตัวอยา่ ง การกระทาความดีของตนเองและบคุ คลในครอบครัว โรงเรยี น และชุมชน การสวดมนตไ์ หว้พระ สรรเสริญคุณ พระรัตนตรัย และแผ่เมตตา ความรู้เบื้องต้นและความสาคัญของศาสนสถาน การแสดงความเคารพต่อ ศาสนสถาน การบารุงรักษาศาสนสถาน มรรยาทของศาสนิกชน การอาราธนาศีล การอาราธนาธรรม การอาราธนาพระปริตร ระเบยี บพธิ แี ละการปฏบิ ัตติ นในวันธรรมสวนะ โดยผูเ้ รยี นสามารถ บอก ระบุ อธิบายความ อภิปราย สรปุ ความ แสดงความคดิ เห็น ปฏบิ ตั ิ วเิ คราะห์ ยกตัวอย่าง นาเสนอผลงาน สวดมนต์ ใชอ้ ปุ กรณท์ างภูมิศาสตร์ และ มีสว่ นรว่ มในกิจกรรมตา่ งๆ เพ่ือให้ผเู้ รียนเกิดความรักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซ่ือสตั ย์สุจริต มีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มงุ่ มั่น ในการทางาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ ศรัทธาและปฏิบัติตามหลักธรรมคาสอนของศาสนาที่ตน นับถอื ปฏิบตั ติ นเปน็ พลเมอื งดี และอยู่ร่วมกับผ้อู ่ืนอยา่ งสันตสิ ุข ผลการเรยี นรู้ ๑. อธิบายความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนา ในฐานะเปน็ ศนู ยร์ วมจิตใจของศาสนกิ ชน ๒. สรุปพุทธประวตั ติ งั้ แตบ่ รรลุธรรมจนถึงประกาศธรรม ๓.เห็นคุณคา่ และปฏบิ ตั ติ นตามแบบอย่างการดาเนินชวี ิตและข้อคดิ จากประวตั สิ าวกชาดก/เรอ่ื งเล่า และศาสนิกชนตวั อยา่ ง ตามท่ีกาหนด ๔. แสดงความเคารพ พระรตั นตรัย ปฏบิ ตั ิตามไตรสิกขาและหลกั ธรรมโอวาท ๓ ในพระพุทธศาสนา หรอื หลกั ธรรมของศาสนาทต่ี นนบั ถอื ตามท่กี าหนด ๕. ชืน่ ชมการทาความดขี องตนเอง บคุ คลในครอบครัว โรงเรยี นและชุมชนตามหลักศาสนา พร้อมท้งั บอกแนวปฏิบตั ใิ นการดาเนินชีวติ ๖. เหน็ คณุ คา่ และสวดมนต์ แผเ่ มตตา มีสติท่เี ปน็ พ้นื ฐานของสมาธพิ ระพทุ ธศาสนา หรือการพัฒนา จติ ตามแนวทางของพระพทุ ธศาสนา ๗. ปฏบิ ตั ติ นตามหลักธรรมของศาสนาที่ตนนับถอื เพอื่ การอยู่รว่ มกนั เปน็ ชาติไดอ้ ย่างสมานฉันท์ 8.. อภปิ รายความสาคญั และมีสว่ นร่วมในการบารงุ รกั ษาศาสนสถานของพระพุทธศาสนา 9. มมี รรยาทของความเป็นศาสนิกชนทดี่ ี ตามที่กาหนด 10. ปฏิบัตติ นในศาสนพธิ ี พธิ ีกรรมและวนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา ตามท่ีกาหนดไดถ้ กู ตอ้ ง รวม 10 ผลการเรียนรู้
154 คาอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเติม ส 15202 พระพุทธศาสนา กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 เวลา 40 ช่วั โมง ศกึ ษา มรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รบั จากพระพุทธศาสนา การนาพระพุทธศาสนาไปใช้เปน็ แนวทางใน การพัฒนาชาตไิ ทย พทุ ธประวัติตงั้ แต่เสด็จกรุงกบิลพสั ด์ุจนถงึ พทุ ธกิจสาคญั แบบอยา่ งการดาเนนิ ชีวติ และ ข้อคิดจากประวัติสาวก ชาดก เร่ืองเล่า และพุทธศาสนิกชนตังอย่างตามที่กาหนด องค์ประกอบและ ความสาคัญของพระไตรปิฎก พระรัตนตรัยไตรสิกขา โอวาท ๓ พุทธศาสนสุภาษิต ที่กาหนดให้ การสวด มนต์ สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย และแผ่เมตตา มีสติที่เป็นพื้นฐานของสมาธิในพระพุทธศาสนา หรือการ พัฒนาจิตตามหลักพระพุทธศาสนา การจัดเตรียมสถาน และการประกอบพุทธศาสนพิธี พิธีกรรมทาง พระพทุ ธศาสนา มรรยาทของพทุ ธศาสนกิ ชน การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ โดยผ่านกระบวนการการเรียนรู้แบบบูรณาการ การสร้างความรู้ การคิด ทักษะทางสังคม การเผชิญ สถานการณ์ การเรยี นรู้จากประสบการณ์จริง การแก้ปัญหา การปฏิบัติ การเรียนรู้ด้วยตนเอง และให้ผู้เรียน สามารถแสดงผลจากการเรยี นรู้โดย การระบุ บอกความหมาย บอกหลักการ บอกความสาคัญ อธิบายความ สรุปความ เสนอแนวความคิด เสนอแนวทางปฏิบัติ แสดงความคิดเห็นของตนเอง เปรียบเทียบ จาแนก วเิ คราะห์ ปฏบิ ัติ นาเสนอผลงานการศกึ ษาค้นคว้าของตนและกลุ่ม มีส่วนร่วมในกจิ กรรมตา่ งๆทง้ั นอกและใน ช้นั เรยี น เพ่ือให้ผู้เรยี นเป็นผูม้ ีคณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มท่พี ึงประสงค์ เห็นคุณค่าในตนเอง มวี นิ ัย ปฏิบัติ ตามหลักธรรมของศาสนาท่ีตนนับถือ โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีความรู้ ความสามารถใน การส่ือสาร การคดิ การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และมที กั ษะชวี ิต มีความรกั ชาติ มีจิตสานึกในความเป็น พลเมืองดี มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจติ สาธารณะท่มี งุ่ ทาประโยชนแ์ ละสรา้ งสรรค์สงิ่ ดีงามในสงั คม และอยรู่ ว่ มกันในสงั คมอยา่ งมคี วามสขุ ผลการเรยี นรู้ ๑. วเิ คราะหค์ วามสาคัญของพระพุทธศาสนาในฐานะท่เี ปน็ มรดกทางวฒั นธรรมและหลกั ในการพัฒนาชาติไทย ๒. สรุปพุทธประวัตติ งั้ แต่เสดจ็ กรุงกบิลพัสดุ์จนถึงพุทธกิจสาคญั ๓. เห็นคุณคา่ และประพฤตติ นตามแบบอย่างการดาเนินชีวติ และข้อคดิ จากประวตั ิสาวก ชาดก/เรอ่ื งเลา่ และศาสนกิ ชนตวั อยา่ ง ตามที่กาหนด ๔. อธบิ ายองคป์ ระกอบ และความสาคญั ของพระไตรปฎิ ก ๕. แสดงความเคารพพระรตั นตรยั และปฏบิ ัตติ ามไตรสิกขาและหลกั ธรรมโอวาท ๓ ใพระพทุ ธศาสนา ๖. เหน็ คุณค่าและสวดมนตแ์ ผ่เมตตา มสี ติทเ่ี ป็นพื้นฐานของสมาธใิ นพระพุทธศาสนา ๗. ปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา เพอ่ื การพัฒนาตนเองและส่งิ แวดลอ้ ม 8. จัดพธิ ีกรรมตามพระพทุ ธศาสนา อยา่ งเรยี บง่าย มปี ระโยชน์ และปฏบิ ตั ติ นถูกต้อง 9. ปฏิบตั ติ นในศาสนพธิ ี พธิ กี รรม และวันสาคัญทางพระพทุ ธศาสนา ตามท่กี าหนด และอภปิ ราย ประโยชนท์ ไ่ี ด้รับจากการเข้ารว่ มกจิ กรรม 10. มมี รรยาทของความเปน็ ศาสนิกชนท่ีดี ตามท่ีกาหนด 11. ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการแสดงตนเป็นพุทธมามกะได้ถูกต้องตามหลกั ศาสนพธิ ี รวม 11 ผลการเรียนรู้
155 คาอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเติม ส 16202 พระพุทธศาสนา กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 เวลา 40 ชั่วโมง ศกึ ษา ความสาคัญของพระพุทธศาสนาในฐานะเป็นศาสนาประจาชาติ พุทธประวตั ิตั้งแต่ปลงอายุ สงั ขารจนถงึ สังเวชนียสถาน การประพฤติตนตามแบบอย่างการดาเนินชีวิตและขอ้ คิดจากประวตั ิสาวก ชาดก/ เรือ่ งเล่า และ ศาสนิกชนตวั อย่าง ความสาคัญและการเคารพ พระรัตนตรัย ปฏิบตั ติ ามไตรสกิ ขาและหลกั ธรรม โอวาท ๓ ในพระพุทธศาสนา การทาความดีของบุคคลในประเทศตามหลักพระพุทธศาสนา พร้อมท้ังแนว ปฏบิ ตั ิในการดาเนนิ ชีวิต การสวดมนตแ์ ผเ่ มตตา และบริหารจิตเจริญปัญญา การฝกึ สติทเ่ี ป็นพื้นฐานของสมาธิ ในพระพุทธศาสนา การปฏิบัติตนตามหลักธรรมพระพุทธศาสนา เพื่อแก้ปัญหาอบายมุขและ สิ่งเสพติด ลักษณะสาคัญของศาสนพิธีพิธีกรรมของพระพุทธศาสนา และการปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสมเม่ือต้องเข้า ร่วมพธิ ี สถานทตี่ ่างๆในพทุ ธศาสนสถาน มรรยาทของความเปน็ พระพทุ ธศาสนิกชน การเข้าร่วมใน ศาสนพิธี พิธกี รรม และกจิ กรรมในวันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา การปฏบิ ัตติ ามคา่ ยพุทธบุตร โดยผ่านกระบวนการการเรียนรู้แบบบูรณาการ การสร้างความรู้ การคิด ทักษะทางสังคม การเผชิญ สถานการณ์ การเรียนรู้จากประสบการณจ์ รงิ การแก้ปญั หา การปฏบิ ัติ การเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง และใหผ้ เู้ รยี น สามารถแสดงผลจากการเรียนรู้โดย การระบุ บอกความหมาย บอกหลักการ บอกความสาคัญ อธิบายความ สรุปความ เสนอแนวความคิด เสนอแนวทางปฏิบัติ แสดงความคิดเห็นของตนเอง เปรียบเทียบ จาแนก วเิ คราะห์ ปฏิบัติ นาเสนอผลงานการศกึ ษาค้นคว้าของตนและกลุ่ม มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆท้ังนอกและ ในชัน้ เรยี น เพ่ือให้ผู้เรียนเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีพึงประสงค์ เห็นคุณค่าในตนเอง มีวินัย ปฏบิ ัตติ ามหลกั ธรรมของศาสนาทต่ี นนับถือ โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มคี วามรู้ ความสามารถ ในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และมีทักษะชีวิต มีความรักชาติ มีจิตสานึกใน ความเปน็ พลเมืองดี มจี ติ สานึกในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทย การอนรุ ักษแ์ ละพัฒนาสงิ่ แวดล้อม มีจิตสาธารณะทมี่ งุ่ ทาประโยชนแ์ ละสรา้ งสรรคส์ งิ่ ดงี ามในสงั คม และอยูร่ ว่ มกันในสังคมอย่างมคี วามสขุ ผลการการเรียนรู้ ๑. วเิ คราะหค์ วามสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาในฐานะเป็นศาสนาประจาชาติ ๒. สรปุ พุทธประวัตติ ั้งแต่ปลงอายุสงั ขารจนถงึ สังเวชนียสถาน ๓. เห็นคณุ ค่าและประพฤติตนตามแบบอย่างการดาเนินชวี ิตและขอ้ คิดจากประวัตสิ าวก ชาดก/เร่ือง เล่า และพุทธศาสนกิ ชนตัวอย่างตามที่กาหนด ๔. วเิ คราะห์ความสาคญั และเคารพ พระรตั นตรัย ปฏบิ ตั ติ ามไตรสิกขาและหลักธรรมโอวาท ๓ ใพระ พทุ ธศาสนา ๕. ช่ืนชมการทาความดีของบคุ คลในประเทศตามหลักพระพุทธศาสนา พรอ้ มทัง้ บอกแนวปฏบิ ตั ใิ น การดาเนนิ ชวี ติ
156 ๖. เห็นคณุ ค่าและสวดมนตแ์ ผ่เมตตา และบรหิ ารจติ เจรญิ ปัญญา มสี ติทเี่ ปน็ พ้นื ฐานของสมาธใิ น พระพุทธศาสนา หรอื การพฒั นาจิตตามแนวทางของพระพทุ ธศาสนา ๗. ปฏิบัตติ นตามหลกั ธรรมของพระพุทธศาสนา เพ่ือแก้ปญั หาอบายมขุ และ สงิ่ เสพตดิ 8. อธิบายลกั ษณะสาคญั ของ ศาสนพธิ ี พธิ ีกรรมของพระพทุ ธศาสนา และปฏิบตั ิตนได้อย่าง เหมาะสมเม่อื ตอ้ งเขา้ ร่วมพธิ ี 9. อธิบายความรูเ้ กย่ี วกับสถานท่ตี า่ งๆในพุทธศาสนสถาน และปฏิบตั ิตนได้อย่างเหมาะสม 10. มีมรรยาทของความเปน็ พทุ ธศาสนกิ ชนท่ดี ี ตามท่ีกาหนด 11. อธิบายประโยชน์ของการเข้ารว่ มใน ศาสนพธิ ี พธิ กี รรม และกิจกรรมในวันสาคญั ทาง พระพทุ ธศาสนา ตามท่กี าหนด และปฏบิ ตั ิตนไดถ้ ูกตอ้ ง 12. การเข้ารว่ มกจิ กรรมปฏบิ ตั ธิ รรมค่ายพุทธบุตร รวม 12 ผลการเรยี นรู้
157 กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน
158 กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน ความสาคญั กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียนตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 มุ่งให้เรียนได้ พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้านเพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ท้ังร่างกาย สติปัญญาอารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝังและสร้างจิตสานึกของการทา ประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจัดการตนเองได้ และอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนอย่างมีความสุข กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมุ่ง พัฒนาผู้เรยี นใหใ้ ช้องค์ความรู้ ทกั ษะและเจตคติจากการเรยี นรู้ 8 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ และประสบการณ์ของ ผู้เรียนมาปฏิบัติกิจกรรมเพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสาคัญ อันได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถ ในการใชเ้ ทคโนโลยี ซึง่ จะส่งผลในการพัฒนาผูเ้ รียนให้มีคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มีทกั ษะการทางาน และอยู่ ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุขในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก อันได้แก่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์สจุ รติ มีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ อยอู่ ย่างพอเพยี ง ม่งุ ม่ันในการทางาน รักความเป็นไทย และมจี ิตสาธารณะ วิสยั ทศั น์ วิสยั ทศั น์ของกลมุ่ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น เป็นกจิ กรรมท่ีจดั อย่างเป็นกระบวนการ ด้วยรูปแบบ วธิ กี าร ท่ีหลากหลาย ให้ได้รับประสบการณ์จากการปฏิบัติจริง มีความหมาย และมีคุณค่าในการพัฒนา ผู้เรียนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม มุ่งเสริมเจตคติ คุณค่าชีวิต ปลูกฝังคุณธรรมและ ค่านิยมที่พ่ึงประสงค์ ส่งเสริมให้รู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเอง สร้างจิตสานึกในธรรมชาติและส่ิง แวดล้อม ปรบั ตัวและปฏิบัติตนใหเ้ ป็นประโยชน์ตอ่ สังคม ประเทศชาติและดารงชวิ ีตไิ ดอ้ ย่างมีความสขุ ธรรมชาติและลกั ษณะวิชา กลุ่มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เน้นการจัดกิจกรรมในลักษณะของการบูรณาการองค์ความรู้ต่างๆ ท่ีเกื้อกูลส่งเสริมการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระให้มีความกว้างขาวงลึกซึ้งย่ิงข้ึน อีกทั้งให้ผู้เรียนได้ค้นพบและใช้ ศักยภาพท่ีมีในตนอย่างเต็มที่ เลือก ตัดสินใจ ได้อย่างมีเหตุผลเหมาะสมกับตนเอง สามารถวางแผนชีวิตและ อาชพี ได้อย่างมีคุณภาพ เน้นการเสริมสร้างทักษะชีวติ วุฒิภาวะทางอารมณ์ ศีลธรรม และจริยธรรม กิจกรรม พัฒนาทกั ษะชีวติ กจิ กรรมสรา้ งเสริมประสิทธิภาพทางการเรียน เปน็ ต้น คณุ ภาพของผู้เรยี น คณุ ภาพของผเู้ รยี นเมอื่ จบหลกั สตู ร กลุ่มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อ่ืน มีวุฒิภาวะทาง อาร์ม มีกระบวนการคดิ มีทักษะในการดาเนนิ ชีวติ อย่างเหมาะสม และมีความสุข มจี ิตสานกึ ในการรับผิดชอบ ตอ่ ตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติ
159 คณุ ภาพของผู้เรียนเมอื่ จบแต่ละชว่ งชน้ั ชว่ งชน้ั ท่ี 1 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 1 – 3 รู้ความต้องการ จุดเด่นจุดด้อยของตนเองตลอดจนตัดสินใจแก้ไขปัญหาง่ายๆ ของตนเองได้ทางาน ร่วมกับผู้อืน่ ได้อย่างมีความสุข แสดงออกทางอารมณ์ได้เหมาะสมกบั วัย สามารถคน้ หาข้อมูลจากแหล่งใกล้ตัว และเลอื กใช้ข้อมูลใหเ้ ปน็ ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวนั ชว่ งชั้นที่ 2 ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 – 6 รู้ความต้องการและความสนใจของตนเอง พัฒนาจุดเด่นและปรับปรุงจุดด้อย รู้และเข้าใจปัญหาท่ี ซับซ้อน มีการควบคุมอารมณ์และมีการแสดงออกได้เหมาะสมกับวัยและสถานการณ์ ทางานร่วมกับผู้อ่ืนได้ อย่างมคี วามสุข ตดั สนิ ในแก้ปัญหาตนเอง ครอบครวั โรงเรียน สามารถค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ด้วยวิธกี าร ท่หี ลากหลายและเลือกใชข้ ้อมูลใหเ้ ป็นประโยชน์ในชวี ิตประจาวนั ความหมาย กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นกิจกรรมท่ีจัดอย่างเป็นกระบวนการด้านรูปแบบ วิธีการท่ีหลากหลาย ใน การพัฒนาผู้เรียนด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์และสังคม มุ่งส่งเสริมเจตคติคุณค่าชีวิต ปลูกฝัง คุณธรรมและค่านิยมท่ีพึงประสงค์ ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเอง สร้างจิตสานึกในธรรมชาติ และ สงิ่ แวดลอ้ ม ปรบั ตวั และปฏบิ ตั ติ นให้เปน็ ประโยชน์ต่อสังคม ประเทศชาติ และดารงชวี ติ ไดอ้ ย่างมีความสุข เป้าหมาย การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมุ่งพัฒนาให้บุคคลรู้จักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่นมีวุฒิภาวะทาง อารมณ์ มีกระบวนการคิด มีทักษะในการดาเนินชีบิตอย่างเหมาะสม และมีความสุข มีจิตสานึกในการ รับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ โดยกาหนดเป้าหมายในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ดงั นี้ 1. ผู้เรียนไดร้ บั ประสบการณ์ที่หลากหลาย เกิดความรู้ความชานาญ ทง้ั วชิ าการดแู ลวชิ าชพี อย่าง กวา้ งขวางมากยิ่งขึ้น 2. ผู้เรียนค้นพบความสนใจ ความถนดั และพฒั นาความสามารถพิเศษเฉพาะตัวมองเหน็ ชอ่ งทางใน การสร้างงาน อาชีพในอนาคตไดเ้ หมาะสมกบั ตนเอง 3. ผเู้ รียนเหน็ คุณค่าขององคค์ วามรู้ตา่ งๆ สามารถนาความรแู้ ละประสบการณไ์ ปใช้ในการพัฒนา ตนเอง และประกอบอาชีพ 4. ผู้เรยี นพฒั นาบุคลิกภาพ เจตคติ คา่ นยิ มในการดารงชวี ติ และสร้างศลี ธรรม จริยธรรม 5. ผู้เรยี นมีจิตสานึกและทาประโยชน์เพอ่ื สงั คมและประเทศชาติ
160 หลกั การจดั กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นมีหลักการจดั ดงั นี้ 1. มกี ารกาหนดวัตถปุ ระสงค์และแนวปฏบิ ตั ิทชี ดั เจนเปน็ รูปแบบ 2. จัดให้เหมาะสมกับวัย วุฒิภาวะ ความสนใจ ความถนัด และความสามารถของผเู้ รียน 3. บูรณาการวิชาการกับชีวิตจรงิ ให้ผูเ้ รยี นไดต้ ระหนกั ถึงความสาคัญของการเรียนรู้ตลอดชวี ติ 4. ใช้กระบวนการกลมุ่ ในการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ ฝกึ ให้คิดวิเคราะห์ สร้างสรรคจ์ ิตนาการ ท่ี เปน็ ประโยชนแ์ ละสมั พันธ์กับชีวติ ในแตล่ ะช่วงวัยอยา่ งตอ่ เน่ือง 5. จานวนสมาชิกมีความเหมาะสมกับลักษณะของกิจกรรม 6. มกี ารกาหนดเวลาในการจัดกจิ กรรมให้เหมาะสม สอดคลอ้ งกบั วสิ ยั ทัศน์และเป้าหมายของ สถานศกึ ษา 7. ผู้เรียนเปน็ ผูด้ าเนินการ มีครเู ปน็ ทีป่ รกึ ษา ถอื เป็นหนา้ ท่แี ละงานประจาโดยคานงึ ถึงความ ปลอดภยั 8. ยดึ หลกั การมสี ่วนร่วม โดยเปดิ โอกาสให้ครู พอ่ แม่ ผ้ปู กครอง ชุมชน องค์กรทง้ั ภาครฐั และเอกชน มสี ่วนรว่ มในการจักกจิ กรรม 9. มกี ารประเมนิ ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยวธิ ีการทห่ี ลากหลายและสอดคลอ้ งกับกจิ กรรมอยา่ งเปน็ ระบบและต่อเนือ่ ง โดยให้ถอื วา่ เป็นเกณฑ์การประเมินผลการผา่ นชว่ งชน้ั เรยี น แนวการจดั สถานศกึ ษาต้องจดั ใหผ้ เู้ รยี นทกุ คนเขา้ รว่ มกจิ กรรม โดยคานึงถงึ แนวการจดั ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. การจัดกิจกรรมตา่ งๆ เพื่อเกอื้ กูลส่งเสรมิ การเรียนรูต้ ามกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ เช่น การบรู ณาการ โครงการ องค์ความรู้จากกล่มุ สาระการเรยี นรู้ เปน็ ตน้ 2. จดั กิจกรรมตามความสนใจ ความถนัดตามธรรมชาติ และความสามารถความต้องการของผเู้ รียน และชุมชน เชน่ ชมรมทางวชิ าการตา่ งๆ เปน็ ต้น 3. จัดกจิ กรรมเพอ่ื ปลกู ฝังและสรา้ งจติ สานึกในการทาประโยชน์ต่อสงั คม เชน่ กจิ กรรมลูกเสอื ยวุ กาชาด เป็นตน้ 4. จัดกจิ กรรมประเภทบรกิ ารตา่ งๆ ฝึกการทางานทีเ่ ป็นประโยชนต์ ่อตนเองและสว่ นรวม กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น แบ่งเป็น ๓ ลกั ษณะ ดังน้ี ๑. กจิ กรรมแนะแนว หลักการ การจัดกิจกรรมแนะแนวเป็นกิจกรรมที่จัดให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา ความต้องการ ความสนใจ ธรรมชาติของผู้เรียน และวิสัยทัศน์ของสถานศึกษาที่ตอบสนองจุดมุ่งหมายหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ให้ครอบคลุมทั้งด้านการศึกษา การงานและอาชีพ รวมท้ังชีวิตและสังคม เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยผู้เรียนมีอิสระในการคิด และตัดสินใจด้วยตนเอง เรียนรู้ด้วยตนเอง ด้วยการปฏิบัติ
161 จนกระทั่งเกิดทักษะชีวิต หรือการเรียนรู้ ครูทุกคนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม โดยมครูแนะแนวเป็นผู้ ประสานงาน วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่อื ให้ ผเู้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ รจู้ กั เขา้ ใจ รกั และเห็นคุณคา่ ในตนเองและผอู้ ่นื 2. เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การเรียนรู้ สามารถวางแผนการเรียน อาชีพ รวมทง้ั การดาเนนิ ชวี ติ และสงั คม เกดิ การเรียนรู้ สามารถปรับตวั ได้อย่างเหมาะสม และอยรู่ ว่ มกบั ผู้อ่ืนไดอ้ ย่างมคี วามสุข 3. เพือ่ ให้นักเรียนร้จู ักเผชญิ กบั ส่ิงแวดลอ้ มใหม่ๆ และสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ไดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล 4. เพอ่ื ชว่ ยให้นักเรยี นร้จู ักตนเองและพฒั นาศักยภาพตนเองไปส่เู ปา้ หมายทีพ่ ึงประสงค์ ขอบขา่ ย การจดั กิจกรรมแนะแนวมีองคป์ ระกอบ 3 ดา้ น ดงั น้ี 1. ด้านการศกึ ษา ให้ผู้เรียนได้พฒั นาตนเองในด้านการเรยี นอย่างเตม็ ตามศกั ยภาพ รู้จกั แสวงหา และใช้ขอ้ มูลประกอบการวางแผนการเรยี นหรอื การศึกษาต่อได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ มนี สิ ัยใฝร่ ใู้ ฝเ่ รียนมีวธิ ีการ เรียนรู้ และสามารถวางแผนการเรียนหรอื การศึกษาต่อไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 2. ด้านการงานและอาชพี ให้ผ้เู รยี นได้รจู้ กั ตนเองในทุกดา้ น รูแ้ ละเขา้ ใจโลกของงานอาชีพอยา่ ง หลากหลาย มเี จตคตทิ ่ีดีต่ออาชพี สจุ ริต มกี ารเตรียมตวั สอู่ าชพี สามารถวางแผน เพือ่ ประกอบอาชพี ตามที่ ตนเองมีความถนดั และสนใจ 3. ดา้ นชวี ิตและสงั คม ให้ผเู้ รียนรจู้ กั และเข้าใจตนเอง รกั และเหน็ คุณคา่ ในตนเองและผู้อืน่ รกั ษ์สิ่งแวดลอ้ ม มวี ุฒิภาวะทางอารมณ์ มเี จตคตทิ ี่ดตี ่อการมชี ีวติ ท่ดี ีมีคุณภาพ มีทักษะและสามารถปรับตวั ให้ ดารงชวี ติ อยใู่ นสงั คมได้อยา่ งมีความสุข กจิ กรรมแนะแนว ประกอบดว้ ย กลุ่มกิจกรรมรูจ้ ักเข้าใจและเหน็ คุณคา่ ในตนเองและผูอ้ ่ืน กล่มุ กิจกรรมการปรบั ตวั และดารงชวี ิต กลุม่ กิจกรรมการตดั สินใจและแก้ปญั หา กลุ่มกจิ กรรมการแสวงหาและใช้ขอ้ มูลสารสนเทศ
162 ๒. กจิ กรรมนักเรยี น หลกั การ เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นาผู้ตามที่ดี ความรับผิดชอบการทางาน ร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกันเอ้ืออาทร และ สมานฉันท์ โดยจดั ให้สอดคลอ้ งกบั ความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียนให้ได้ปฏบิ ัตดิ ว้ ยตนเอง ในทุกขั้นตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุงการทางาน เน้นการ ทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียน บริบทของสถานศึกษาและ ทอ้ งถิ่น กจิ กรรมนกั เรยี นประกอบด้วย กจิ กรรมลูกเสือ ยุวกาชาด และกิจกรรมสาธารณประโยชน์ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ พัฒนาผเู้ รยี นใหม้ ีระเบียบวินยั มีความเปน็ ผูน้ า ผู้ตามทีด่ ี มคี วามรบั ผดิ ชอบ 2. เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการทางานร่วมกัน รู้จักการแก้ปัญหา มีเหตุผล ตัดสินใจท่ีเหมาะสม ชว่ ยเหลือแบ่งปนั เอื้ออาทรและสมานฉันท์ 3. ส่งเสริมสนับสนุนใหผ้ เู้ รียนมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 4. ส่งเสริมและสนบั สนุนใหผ้ ู้เรยี นได้ปฏบิ ัติกจิ กรรมตามความถนดั และความสนใจ ขอบขา่ ย การจดั กิจกรรมนักเรียน มี 2 กจิ กรรม ดงั น้ี 1. กิจกรรมลกู เสอื – ยวุ กาชาด 2. กจิ กรรมสาธารณประโยชน์ 3. กจิ กรรมชมรม หลักการ กิจกรรมชมรม มหี ลกั การทีส่ าคัญดงั น้ี 1. เป็นกิจกรรมที่เกิดจากการสร้างสรรค์และออกแบบกจิ กรรมของผ้เู รยี นตามความสมัครใจ 2. เปน็ กจิ กรรมทผ่ี ้เู รียนร่วมกันทางานเปน็ ทีม ชว่ ยกนั คดิ ชว่ ยกันทา และช่วยกันแกป้ ญั หา 3. เป็นกิจกรรมทส่ี ง่ เสริมและพัฒนาศักยภาพของผเู้ รียน 4. เป็นกจิ กรรมที่เหมาะสมกับวัยและวุฒภิ าวะของผเู้ รยี น รวมท้งั บริบทของสถานศกึ ษาและท้องถิน่ วัตถุประสงค์ 1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นได้ปฏบิ ัติกจิ กรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการของตน 2. เพ่อื ใหผ้ ู้เรียนได้พฒั นาความรู้ ความสามารถด้านการคดิ วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ให้เกดิ ประสบการณ์ ท้ังทางวิชาการและวชิ าชพี ตามศกั ยภาพ 3. เพื่อสง่ เสริมให้ผเู้ รียนใช้เวลาใหเ้ กิดประโยชนต์ อ่ ตนเองและสว่ นรวม 4. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นทางานรว่ มกบั ผูอ้ น่ื ไดต้ ามวิถปี ระชาธปิ ไตย
163 ขอบข่าย กจิ กรรมชมรม มขี อบขา่ ยดงั นี้ 1. เป็นกิจกรรมจดั ตามความสนใจของผเู้ รยี น 2. เปน็ กจิ กรรมท่จี ดั เสริมหลักสตู รสถานศึกษาในด้านความรู้และทกั ษะปฏิบตั ิของผเู้ รยี น 3. สามารถจดั ไดท้ ั้งในและนอกสถานศึกษา และท้งั ในเวลาและนอกเวลาเรยี น แนวทางการจัดกจิ กรรมชมรม จดุ หมาย ของกจิ กรรมชมรม 1. เพื่อใหส้ อดคลอ้ งกบั หลักสูตรพ้นื ฐานสถานศกึ ษา 2. เพอื่ ใหม้ ที กั ษะในการทางานรว่ มกนั 3. เพ่ือให้นกั เรยี นมที กั ษะกระบวนการในการทางาน 4. เพ่อื ใหร้ ู้จักการใชเ้ วลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ 5. เพอ่ื ใหม้ คี วามรบั ผดิ ชอบ ขยัน ประหยัด อดทน และมีจติ ใจเออ้ื เฟอื้ เผอ่ื แผ่ ประเภทของกิจกรรมชมุ นมุ กจิ กรรมชุมนมุ มี 2 ประเภท ดังน้ี 1. กิจกรรมกลุ่มเสริมทักษะดา้ นวชิ าการ ได้แก่ กลุ่มสาระ 8 สาระ 2. กจิ กรรมชมรม เลอื กตามความถนดั และความสนใจ เช่น ชมรมนาฏศลิ ป์ ชมรมสง่ เสริม อาชพี
164 หลักสตู รระดบั ทอ้ งถ่ิน “กรุงเทพฯ ศกึ ษา” ความสาคญั สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น มีความสาคัญตามท่ีได้ระบุไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และ (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ และหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ดงั น้ี ๑. พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ท่ีแก้ไขเพ่มิ เติม (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และ (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ กาหนดความมุ่งหมายและหลกั การ ตลอดจนแนวการจดั การศึกษาท่ี เกยี่ วข้องกบั สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่นิ ดงั มาตราต่อไปน้ี มาตรา ๗ ในกระบวนการเรียนรู้ต้องมุ่งปลูกฝังจิตสานึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รู้จักรักษาและส่งเสริมสิทธิ หน้าท่ี เสรีภาพ ความเคารพ กฎหมาย ความเสมอภาคและศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย รู้จัก รกั ษาผลประโยชน์ ส่วนรวมและของประเทศชาติ รวมทั้งส่งเสริมศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมของชาติ การกีฬา ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ภูมิปัญญา ไทย และความรู้อันเป็นสากล ตลอดจนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อม มีความสามารถในการประกอบ อาชีพ รู้จักพ่ึงตนเอง มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ ใฝ่รู้และเรียนรู้ ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง มาตรา ๒๓ การจัดการศึกษาทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ต้องเน้นความสาคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละ ระดับ การศกึ ษาในเร่อื งตอ่ ไปนี้ (๑) ความรู้เรื่องเกี่ยวกับตนเองและความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน ชาติ และสังคมโลก รวมถึงความรู้เก่ียวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสังคมไทย และระบบการเมืองการ ปกครองใน ระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ (๒) ความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ เร่ือง การจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล ยง่ั ยนื (๓) ความร้เู กี่ยวกบั ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม การกฬี า ภมู ปิ ัญญาไทยและการประยุกตใ์ ชภ้ มู ิปญั ญา (๔) ความรูแ้ ละทกั ษะดา้ นคณิตศาสตร์ และดา้ นภาษา เน้นการใชภ้ าษาไทยอย่างถกู ต้อง (๕) ความรแู้ ละทกั ษะในการประกอบอาชพี และการดำรงชีวติ อย่างมคี วามสขุ มาตรา ๒๔ การจดั กระบวนการเรียนรู้ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่ เกยี่ วขอ้ งดาเนนิ การดงั ต่อไปนี้ (๖) จัดการเรียนรู้ให้เกิดข้ึนได้ทุกเวลาทุกสถานท่ี มีการประสานความร่วมมือกับบิดามารดา ผปู้ กครอง และบคุ คลในชมุ ชนทกุ ฝ่าย เพื่อรว่ มกันพัฒนาผเู้ รียนตามศักยภาพ มาตรา ๒๗ ให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานกาหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพื่อความเปน็ ไทย ความเป็นพลเมืองทด่ี ีของชาติ การดารงชีวติ และการประกอบอาชพี ตลอดจนเพอื่ การศึกษา ตอ่
165 ให้สถานศึกษาข้ันพื้นฐานมีหน้าท่ีจัดทาสาระของหลักสูตร ตามวัตถุประสงค์ในวรรคหน่ึง ในส่วน ท่ี เกย่ี วกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภมู ิปัญญาทอ้ งถิน่ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ เพ่ือเป็นสมาชกิ ท่ีดขี อง ครอบครวั ชุมชน สงั คมและประเทศชาติ ๒. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ได้กาหนดจุดหมายที่เกี่ยวข้องกับ สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ ๒ ข้อ คือ ข้อ ๔ มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการ ปกครอง ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมขุ ข้อ ๕ มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มี จิ ต ส า ธ า ร ณ ะ ที่ มุ่ ง ท ำ ป ร ะ โย ช น์ แ ล ะ ส ร้ า ง สิ่ ง ท่ี ดี ง า ม ใน สั ง ค ม แ ล ะ อ ยู่ ร่ ว ม กั น ใน สั ง ค ม อ ย่ า ง มี ค ว า ม สุ ข สานกั การศึกษา กรุงเทพมหานคร ในฐานะหน่วยงานที่ทาหน้าทีส่ ่งเสรมิ สนบั สนนุ การพฒั นาการจดั การ ศกึ ษา ของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร มีบทบาทสาคัญในการพัฒนาหลักสูตรในส่วนที่สอดคล้องกับสภาพ และ ความต้องการของท้องถ่ิน เพื่อให้สถานศึกษาในสังกัดกรุงเทพมหานครได้ใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียน การสอนในเรื่องที่เก่ียวกับท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร ทั้งด้านการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม วิถีชีวิต แบบแผน การดารงชีวิต สภาพท้องถิ่นท่ีมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ตลอดจนเอกลักษณ์ของ กรุงเทพมหานครทั้งในด้าน ประวัติศาสตร์ ความเป็นมาที่ยาวนานและในฐานะท่ีเป็นเมืองหลวงของประเทศ เพื่อให้ผู้เรียนได้มี โอกาสเรียนรู้เรื่องราว และเกิดความรักความผูกพันกับท้องถิ่น มีความภาคภูมิใจและหวง แหนบ้านเกิดเมืองนอน คือ กรุงเทพมหานคร ตลอดจนการมีส่วนร่วมในการดูแลท้องถ่ินและปฏิบัติตนเป็น สมาชิกท่ีดีของชุมชน สามารถแก้ปัญหา และพัฒนาชีวิต ตนเองได้ตามศักยภาพ ซึ่งกรอบหลักสูตรระดับ ทอ้ งถิ่นของกรงุ เทพมหานครใชช้ ื่อวา่ “กรุงเทพฯ ศกึ ษา” เปา้ หมายและจดุ เน้น กรุงเทพมหานครได้กาหนดเป้าหมายและจุดเน้นในการจัดการศึกษาโดยมุ่งพัฒนาผู้เรี ยนให้มีความรู้ ความสามารถ และคา่ นิยมทพี่ งึ ประสงค์ ดังต่อไปนี้ ๑. มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรขู้ องหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ๒. มีความสามารถและทกั ษะในการอ่าน การเขียน การคิดวเิ คราะห์ และการแกป้ ญั หา ๓. มีความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับชุมชน ทอ้ งถ่นิ รกั และภาคภมู ใิ จในทอ้ งถ่นิ ของตน ๔. แสดงออกและมีสว่ นรว่ มในการปกครองท้องถิ่นของตนไดถ้ ูกต้องเหมาะสม ภายใตค้ ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมท่ีพงึ ประสงค์ แนวทางการนาหลกั สตู รกรงุ เทพฯศึกษา สู่หลักสูตรโรงเรียนวดั พิชยั การนากรอบหลักสูตรระดบั ท้องถ่นิ สูก่ ารจดั ทาหลักสูตรโรงเรยี นวัดพชิ ัย ได้ดาเนนิ การดงั น้ี ๑. นาเป้าหมายและจุดเน้นไปใช้เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการกาหนดวิสัยทัศน์ของหลักสูตร สถานศกึ ษา ๒. การกาหนดสาระการเรียนรู้และการจดั กิจกรรมการเรียนรูต้ ามหลักสูตรสถานศึกษาได้ ดาเนินการ สอดแทรกในรายวชิ าพ้นื ฐาน ๘ กลุ่มสาระการเรยี นร้ทู ม่ี ีตวั ช้ีวดั ระบถุ งึ ความเป็นทอ้ งถน่ิ ปรบั กิจกรรมการเรยี น การสอน ปรบั สาระการเรยี นรู้ ปรับปรุงหรือเลือกใช้สอื่ การเรยี นรบู้ รู ณาการในรายวชิ า ตา่ ง ๆ
166 ๓. การประเมนิ ผลการเรยี นรสู้ าระการเรยี นรทู้ ้องถน่ิ ดาเนนิ การดงั น้ี ประเมินตามตวั ชวี้ ดั ของกลมุ่ สาระการเรยี นรนู้ น้ั ระดบั การศกึ ษา หลกั สตู รโรงเรยี นวัดพชิ ัย ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน จดั ระดบั การศึกษาเป็น 1 ระดบั ดงั นี้ ๑. ระดับประถมศึกษา (ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๖) การศึกษาระดับนี้เป็นช่วงแรกของการศึกษา ภาคบังคับ มุ่งเนน้ ทกั ษะพน้ื ฐานดา้ นการอา่ น การเขียน การคดิ คานวณ ทักษะการคดิ พ้ืนฐานการติดตอ่ ส่อื สาร กระบวนการเรียนรทู้ างสังคม และพ้ืนฐานความเป็นมนุษย์ การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างสมบรู ณ์และสมดลุ ท้ัง ในดา้ นร่างกาย สติปญั ญา อารมณ์ สังคม และวัฒนธรรม โดยเนน้ จดั การเรียนรูแ้ บบบรู ณาการ การจดั เวลาเรยี น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน ได้กาหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรียนขน้ั ต่าสาหรับกลมุ่ สาระ การเรียนรู้ ๘ กลุ่ม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งสถานศึกษาสามารถเพ่ิมเติมได้ตามความพร้อมและจุดเน้น โดยสามารถปรับใหเ้ หมาะสมตามบรบิ ทของสถานศึกษาและสภาพของผเู้ รยี น ดังน้ี ระดบั ชั้นประถมศึกษา (ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ – ๖) ให้จัดเวลาเรียนเป็นรายปี โดยมีเวลาเรยี นวนั ละ 6 ชั่วโมง การจัดการเรยี นรู้ การจัดการเรียนร้เู ปน็ กระบวนการสาคญั ในการนาหลักสตู รสู่การปฏิบัติ หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา ขั้นพื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เป็นเป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอน พยายามคัดสรรกระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้โดยช่วยใหผ้ ู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระที่กาหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมทั้งปลกู ฝังเสริมสร้างคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ พฒั นาทักษะตา่ งๆ อันเปน็ สมรรถนะ สาคัญใหผ้ ้เู รยี นบรรลตุ ามเปา้ หมาย ๑. หลักการจดั การเรยี นรู้ การจัดการเรยี นรูเ้ พื่อให้ผู้เรยี นมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้สมรรถนะสาคัญ และ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ตามท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมี ความสาคัญที่สุด เช่ือว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คานึงถึง ความแตกต่างระหวา่ งบคุ คลและพฒั นาการทางสมองเน้นใหค้ วามสาคญั ท้งั ความรู้ และคณุ ธรรม ๒. กระบวนการเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เป็นเคร่ืองมือท่ีจะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ท่ีจาเป็นสาหรับผู้เรียน เช่น กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิดกระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชญิ สถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรูจ้ ากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลง มือทาจรงิ กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจยั กระบวนการเรียนร้กู ารเรียนรขู้ องตนเอง กระบวนการพฒั นา
167 ลกั ษณะนสิ ัยกระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรูท้ ีผ่ ้เู รียนควรไดร้ ับการฝกึ ฝน พฒั นาเพราะจะ สามารถช่วยใหผ้ ูเ้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ไดด้ ี บรรลุเปา้ หมายของหลกั สตู ร ดังน้นั ผสู้ อน จงึ จาเป็นต้องศึกษาทาความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพ่ือให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการ เรยี นรู้ไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ ๓. การออกแบบการจัดการเรยี นรู้ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสาคัญของ ผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการ จดั การเรยี นรู้โดยเลือกใชว้ ิธสี อนและเทคนิคการสอน ส่ือ/แหลง่ เรยี นรู้ การวัดและประเมินผล เพอื่ ใหผ้ ูเ้ รยี นได้ พฒั นาเต็มตามศักยภาพและบรรลตุ ามเป้าหมายท่กี าหนด ๔. บทบาทของผู้สอนและผู้เรยี น การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ทั้งผู้สอนและผู้เรียน ควรมี บทบาท ดงั น้ี ๔.๑ บทบาทของผสู้ อน ๑) ศกึ ษาวิเคราะห์ผูเ้ รียนเปน็ รายบุคคล แลว้ นาขอ้ มูลมาใชใ้ นการวางแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ท้าทายความสามารถของผู้เรยี น ๒) กาหนดเป้าหมายท่ีต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ ที่เป็น ความคิดรวบยอด หลักการ และความสัมพนั ธ์ รวมทั้งคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ท่ีตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและ พฒั นาการทางสมอง เพ่อื นาผเู้ รียนไปสเู่ ป้าหมาย ๔) จัดบรรยากาศทเ่ี อื้อต่อการเรียนรู้ และดแู ลช่วยเหลอื ผู้เรียนใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ ๕) จัดเตรียมและเลือกใชส้ อื่ ใหเ้ หมาะสมกบั กิจกรรม นาภูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ เทคโนโลยที ี่ เหมาะสมมาประยุกตใ์ ชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน ๖) ประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติของวิชา และระดับพัฒนาการของผู้เรียน ๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมท้ังปรบั ปรุงการจัดการ เรียนการสอนของตนเอง ๔.๒ บทบาทของผูเ้ รยี น ๑) กาหนดเป้าหมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรยี นรู้ของตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เขา้ ถงึ แหลง่ การเรยี นรู้ วเิ คราะห์ สงั เคราะหข์ อ้ ความรูต้ ้งั คาถาม คิดหาคาตอบหรือหาแนวทางแกป้ ัญหาด้วยวธิ ีการต่าง ๆ 3) ลงมอื ปฏบิ ัตจิ ริง สรุปสง่ิ ทไ่ี ด้เรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง และนาความรู้ไปประยกุ ต์ใช้ในสถานการณ์ ต่างๆ 4) มีปฏิสัมพนั ธ์ ทางาน ทากิจกรรมรว่ มกับกลุ่มและครู 5) ประเมินและพฒั นากระบวนการเรียนรู้ของตนเองอย่างต่อเนอื่ ง
168 สื่อการเรยี นรู้ สื่อการเรียนรู้เป็นเคร่ืองมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพสื่อการเรียนรู้มี หลากหลายประเภท ท้ังสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่ายการเรียนรู้ต่างๆ ท่ีมีในท้องถิ่น การเลือกใชส้ ่ือควรเลือกให้มคี วามเหมาะสมกบั ระดับพัฒนาการ และลีลาการเรียนรู้ทหี่ ลากหลายของผู้เรียน การจัดหาสอื่ การเรียนรู้ ผูเ้ รียนและผู้สอนสามารถจัดทาและพัฒนาขนึ้ เอง หรอื ปรับปรุงเลือกใชอ้ ยา่ ง มีคุณภาพจากส่ือตา่ งๆ ทีม่ อี ยรู่ อบตัวเพอื่ นามาใช้ประกอบในการจดั การเรียนรู้ทสี่ ามารถส่งเสริมและสื่อสารให้ ผ้เู รียนเกดิ การเรยี นรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดใหม้ ีอย่างพอเพียง เพอ่ื พฒั นาใหผ้ ูเ้ รยี นเกิดการเรยี นรู้อย่างแทจ้ ริง สถานศึกษา เขตพ้ืนท่ีการศึกษา หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องและผู้มีหน้าที่จัดการศึกษาข้ันพื้นฐาน ควรดาเนินการ ดงั น้ี ๑. จดั ใหม้ ีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรยี นรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่ายการเรยี นรู้ท่ี มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปล่ียนประสบการณ์การ เรยี นรู้ ระหวา่ งสถานศึกษา ท้องถน่ิ ชุมชน สังคมโลก ๒. จัดทาและจัดหาส่ือการเรียนรู้สาหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอนรวมทั้ง จัดหาสิ่งทีม่ ีอยใู่ นทอ้ งถ่นิ มาประยุกต์ใชเ้ ป็นสือ่ การเรยี นรู้ ๓. เลือกและใช้ส่ือการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้องกับวิธีการ เรียนรู้ ธรรมชาติของสาระการเรยี นรู้ และความแตกต่างระหว่างบคุ คลของผเู้ รียน ๔. ประเมนิ คณุ ภาพของส่ือการเรียนรทู้ ี่เลือกใชอ้ ยา่ งเปน็ ระบบ ๕. ศึกษาค้นคว้า วิจยั เพอ่ื พฒั นาสื่อการเรยี นรู้ใหส้ อดคลอ้ งกบั กระบวนการเรียนรขู้ องผ้เู รยี น ๖. จัดให้มีการกากับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้ส่ือการเรยี นรู้ เปน็ ระยะๆ และสมา่ เสมอ ในการจัดทา การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพส่ือการเรียนรู้ท่ีใช้ในสถานศึกษาควรคานึงถึง หลักการสาคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้การออกแบบ กิจกรรมการเรยี นรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เน้ือหามีความถกู ต้องและทันสมัยไม่กระทบความมั่นคงของ ชาติ ไมข่ ัดต่อศีลธรรม มีการใชภ้ าษาที่ถูกตอ้ ง รปู แบบการนาเสนอทีเ่ ขา้ ใจงา่ ย และน่าสนใจ
169 การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการคือการประเมิน เพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพ่ือตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ประสบผลสาเร็จ นั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวช้ีวัดเพ่ือให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อน สมรรถนะสาคญั และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเป็นเปา้ หมาย หลักในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสาเร็จ ทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาและเรียนรู้ อย่างเตม็ ตามศักยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดบั เขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษา และระดบั ชาติ มีรายละเอียด ดงั น้ี ๑. การประเมินระดับช้ันเรียน เป็นการวัดและประเมินผลท่ีอยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ผู้สอน ดาเนินการเป็นปกติและสม่าเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น การซักถาม การสงั เกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมนิ ช้นิ งาน/ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อนประเมิน เพอื่ น ผู้ปกครองร่วมประเมนิ ในกรณที ี่ไม่ผา่ นตวั ชีว้ ดั ใหม้ ีการสอนซ่อมเสริม การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้ อัน เป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งท่ีจะต้องได้รับการพัฒนา ปรบั ปรุงและส่งเสริมในดา้ นใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรบั ปรุงการเรยี นการสอนของตนดว้ ย ทั้งน้ี โดยสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชวี้ ดั ๒. การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินที่สถานศึกษาดาเนินการเพ่ือตัดสินผลการเรียน ของผูเ้ รียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพ่ือให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อการ เรียนรขู้ องผเู้ รียนตามเปา้ หมายหรือไม่ ผเู้ รียนมีจุดพัฒนาในด้านใดรวมท้งั สามารถนาผลการเรียนของผู้เรยี นใน สถานศึกษาเปรียบเทียบกบั เกณฑ์ระดบั ชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมลู และสารสนเทศเพ่ือ การปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวธิ ีการจัดการเรยี นการสอน ตลอดจนเพอ่ื การจัดทา แผนพัฒนา คุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการจัด การศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พนื้ ฐาน ผู้ปกครองและชุมชน ๓. การประเมนิ ระดบั ชาติ เปน็ การประเมินคุณภาพผู้เรยี นในระดบั ชาติตามมาตรฐานการเรียนรตู้ าม หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน สถานศึกษาตอ้ งจดั ให้ผู้เรยี นทุกคนท่เี รยี นในชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ และช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ เขา้ รับการประเมิน ผลจากการประเมนิ ใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลในการ เทยี บเคยี งคณุ ภาพการศึกษาในระดบั ต่าง ๆเพอ่ื นาไปใชใ้ นการวางแผนยกระดับคุณภาพการจดั การศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมลู สนับสนุนการตัดสนิ ใจในระดับนโยบายของประเทศ
170 ข้อมูลการประเมินในระดับต่าง ๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวน พัฒนาคุณภาพผเู้ รียน ถือเป็นภาระความรบั ผิดชอบของสถานศึกษาที่จะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลอื ปรับปรุง แก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลท่ี จาแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลุ่ม ผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่า กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธ โรงเรียน กลุ่มผู้เรียนท่ีมีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูล จากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดาเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที ปดิ โอกาสให้ ผู้เรียนได้รับการพัฒนาและประสบความสาเร็จในการเรียนสถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทาระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตาม หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติท่ีเป็นข้อกาหนดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพื่อให้บุคลากรท่ี เกีย่ วข้องทุกฝา่ ยถอื ปฏิบตั ิร่วมกัน เกณฑการจบระดบั ประถมศกึ ษา ๑) ผูเรยี นเรยี นรายวิชาพนื้ ฐานและรายวิชา/กิจกรรมเพ่ิมเติม โดยเปนรายวิชาพนื้ ฐาน ตามโครง สรางเวลาเรียนท่ีหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานกาหนด และรายวิชา/กิจกรรมเพิ่มเติมต ามท่ี สถานศึกษากาหนด ๒) ผูเรียนตองมีผลการประเมินรายวิชาพ้ืนฐานผานเกณฑการประเมินตามท่ีสถานศึกษา กาหนด ๓) ผูเรียนมีผลการประเมินการอาน คิดวิเคราะห และเขียนในระดับผานเกณฑ การประเมิน ตามทสี่ ถานศกึ ษากาหนด ๔) ผูเรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในระดับผานเกณฑการประเมิน ตามท่ี สถานศกึ ษากาหนด ๕) ผูเรียนเขารวมกิจกรรมพัฒนาผูเรียนและมีผลการประเมินผานเกณฑการประเมิน ตามท่ี สถานศกึ ษากาหนด
171 ภาคผนวก
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172