145 ทาให๎สมาชิกในครอบครัวไมํมีความสุข และ (3) เครือญาติ ควรปฏิบัติด๎วยการประพฤติตนเป็นท่ี ปรึกษาที่ดใี ห๎แกํครอบครัว อดทนตอํ กเิ ลส โทสะตาํ งๆท่ีไมดํ ี กลําวโดยสรุปหน๎าทีพ่ ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยหวั หนา๎ ครอบครวั สมาชกิ ใน ครอบครวั และเครอื ญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 9 ขันติ คือ ความอดทน ไปใช๎กับครอบครัว ด๎วย การให๎เราอดทนตํอความยากลาบาก ไมํท๎อถอย และไมํหมดกาลังกาย อดทนตํอภาระที่ต๎องปฏิบัติให๎ สาเรจ็ อดทนตํอกิริยา วาจา สิ่งยั่วยตุ าํ ง ๆ ทท่ี าใหท๎ อ๎ ถอย หมดกาลงั ใจในการดาเนินชีวิต 1.1.10 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 10 อวโิ รธนะ คอื ความเท่ยี งธรรม ผู๎ที่เป็นผ๎นู า ครอบครัว ได๎แกํ บิดา มารดา ควรมีบทบาทในอวิโรธนะ กับบุตรธิดา ด๎วยการมีความยุติธรรม หนักแนํน ถือความถูกต๎อง เท่ียงธรรมเป็นหลัก ไมํเอนเอียงหว่ันไหวด๎วยคาพูดอารมณ๑ กับเครือญาติ ด๎วยการให๎ความยุติธรรมแกํเครือญาติ และไมํลาเอียง สํวนบุตรธิดา ควรมีอวิโรธนะกับบุคคลใน ครอบครัว ด๎วยการปฏิบัติตนให๎เป็นกลาง เช่ือฟ๓งคาสั่งสอนของคนในครอบครัว ไมํเอนเอียงหวั่นไหว ด๎วยคาพดู อารมณ๑ จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ๑ ฝุายธรรมยุตได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 10 อวิโรธนะ ไปใช๎ในครอบครัว ด๎วยการ (1) บิดามารดาควรปฏิบัติตนให๎อยูํในทานองคลองธรรม ให๎เป็นแบบอยํางให๎กับบุคคลในครอบครัว (2) บุตรธิดาควรปฏิบัติตนเป็นคนดี เป็นลูกท่ีนํารักของพํอแมํ ร๎ูจักผิดชอบชั่วดี และ (3) เครือญาติ ควรปฏิบัติตนให๎ถูกทานองคลองธรรม เป็นที่ปรึกษาให๎กับคนในครอบครัว ชํวยเหลือแบํงเบาภาระ ของกนั และกัน กลําวโดยสรปุ หน๎าที่พลเมืองดี ประกอบด๎วย หัวหน๎าครอบครวั สมาชิกใน ครอบครัวและเครือญาติ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 10 อวโิ รธนะ คอื ความเท่ยี งธรรมไปใช๎กับ ครอบครวั ดว๎ ยการมีความหนักแนนํ ไมํมีความเอนเอียง หวัน่ ไหว ยดึ มนั่ ในส่งิ ท่ถี ูกต๎องดีงาม มคี วาม เท่ียงธรรม ในการดาเนนิ ชีวติ ได๎มากทสี่ ดุ กกกกกกกกก 1.2 ทศพิธราชธรรมที่ใช๎ในการศึกษา ได๎แกํ 1.2.1 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ที่ 1 ทาน คือ การให๎ ผเ๎ู รียนหรอื นกั ศึกษาควรมแี นว ปฏิบัตใิ นการใหท๎ านแกเํ พือ่ นผ๎ูเรียน หรอื นกั ศกึ ษา ด๎วยการชวํ ยเหลือเพอื่ นในการให๎ความร๎ูกับเพื่อนที่ อํอนหรือด๎อยกวํา และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติให๎ทาน ด๎วยการชํวยเหลือครูบาอาจารย๑ ตามโอกาส และความสามารถของตนเอง ด๎วยการให๎ข๎อมูลท่ีจาเป็น หรือความรู๎ท่ีจาเป็นแกํ ครูบาอาจารย๑ เพื่อนาไปชํวยเหลือเพอ่ื นผเ๎ู รยี น หรอื เพ่อื นนักศกึ ษาดว๎ ยกนั ได๎ถกู ต๎อง จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบคีรขี ันธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ใหข๎ อ๎ มลู การนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อที่ 1 ทาน ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กับเพื่อน ผู๎เรียน หรือเพื่อนนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติ คือ การให๎กาลังใจแกํเพื่อนที่ตกอยูํในห๎วงทุกข๑ ให๎ข๎อแนะนาที่เป็นความร๎ู ให๎รอยยิ้มและปิยวาจาแกํเพ่ือนฝูง รวมถึงบุคคลที่มารับบริการจากเรา และ (2) กบั ครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏบิ ตั ิใหท๎ านด๎วยการให๎ความร๎ู ความคิด และข๎อแนะนาอันเป็น ประโยชนต๑ ํอนกั ศกึ ษา
146 กลาํ วโดยสรปุ หนา๎ ท่ีพลเมืองดี ประกอบดว๎ ย เพ่ือนผ๎เู รียน และ ครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 1 คอื ทานมาใชใ๎ นการศกึ ษา ดว๎ ยการร๎ูจักการให๎ความ ชวํ ยเหลอื เพอ่ื นในการใหค๎ วามรก๎ู ับเพ่ือนที่อํอนหรือด๎อยกวํา พรอ๎ มทงั้ รจู๎ กั การตอบแทนครบู าอาจารย๑ ดว๎ ยการให๎ข๎อมูล หรอื ความรู๎ที่เกยี่ วข๎องกับเพื่อนผเ๎ู รียนหรือเพ่ือนนักศึกษา เพื่อจะได๎ให๎การชวํ ยเหลือ ตามโอกาสทเี่ หมาะสม 1.2.2 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 2 ศีล คือ การตัง้ อยูใํ นศลี ผู๎เรียนหรือนักศึกษาควร มีแนวปฏิบัติแกํเพอ่ื นผูเ๎ รียน หรือนักศึกษา ดว๎ ยการใหก๎ าลังใจเพ่ือน สงํ เสริมในทุก ๆ ด๎านทางทีถ่ ูกที่ ควร ไมํอจิ ฉารษิ ยาเพ่ือน ไมํชักชวนใหก๎ ระทาในทางท่ีผดิ หรอื ทาลายเพื่อน ไมํใสํร๎ายเพ่อื นใหไ๎ ดร๎ บั ความเสียหาย และกับครูบาอาจารย๑ ควรมแี นวปฏบิ ัติมีศีลด๎วยการประพฤตติ นเรียบร๎อย ไมํเกเร จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 2 ศีล ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กับเพื่อน ผู๎เรยี น หรือเพื่อนนกั ศึกษา ควรมกี ารปฏิบตั ิ คอื การชวํ ยเหลอื เพ่ือนในยามท่ีต๎องการชํวยเหลือ แนะนา แตํส่ิงท่ีดีงาม ชักชวนเพ่ือนทาแตํส่ิงที่ดีงาม ไมํพูดโกหก พูดจาสํอเสียดจนเกิดการทะเลาะวิวาท และ (2) กับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติมีศีลด๎วยการปฏิบัติตนเป็นคนดี ตั้งใจศึกษาเลําเรียน เชื่อฟง๓ คาสงั่ สอน ไมเํ กเร ไมํสร๎างความวุํนวายหรือทะเลาะวิวาทกับเพอื่ นจนทาใหเ๎ สยี การเรียน กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพือ่ นผ๎ูเรยี น และครบู า อาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 2 คือศีล มาใช๎ในการศกึ ษา ด๎วยการปฏบิ ตั ิให๎อยูํในหลกั ธรรมของ ศลี 5 คือ มีความประพฤติที่ดี ตอ๎ งไมํเกเร ไมใํ หร๎ า๎ ยผู๎อ่นื ท้ังกบั เพื่อนผเ๎ู รยี นและกบั ครูบาอาจารย๑ 1.2.3 ทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 3 ปริจจาคะ คอื การเสียสละ ผเ๎ู รยี นหรือนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติในปริจจาคะ แกํเพื่อนผู๎เรียนหรือนักศึกษา ด๎วยการยอมสละเวลาเพ่ือสํวนรวม คือ การชํวยกันทาความสะอาดห๎องเรียนหลังเลิกเรียน หรือการเสียสละเวลาสอนหนังสือกับเพื่อนที่ อํอนกวํา และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติด๎วยการเสียสละเวลาชํวยครู ถือของเวลาท่ีเห็น ครเู ดินถือของจานวนมากมาคนเดียว และการมีจติ สาธารณะ จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบครี ขี นั ธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 3 ปริจจาคะ ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กับเพื่อนผ๎ูเรียน หรือเพ่ือนนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติตนในการชํวยเหลือเพื่อนรํวมห๎อง หรือเพื่อนรํวมช้ันในการทาความสะอาด หรือชํวยกันทาสิ่งดี ๆ เพ่ือสํวนรวม และ (2) กับ ครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติด๎วยการเสียสละความสุขในเรื่องสํวนตัว หันกลับมาต้ังใจศึกษา เลําเรียนให๎ประสบผลสาเร็จเพ่ือในอนาคตจะได๎เป็นคนดีทาให๎ครู และพํอแมํ ญาติพี่น๎อง ภูมิใจและ มคี วามสุข กลําวโดยสรปุ หน๎าท่ีพลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพอ่ื นผ๎เู รียน และ ครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 3 คือ ปริจจาคะ มาใชใ๎ นการศกึ ษา ดว๎ ยการมีจิตสาธารณะ คือ เหน็ แกปํ ระโยชน๑ของสวํ นรวม ยอมเสียผลประโยชน๑สวํ นตนเพอื่ ผู๎อ่นื ท้ังกบั เพ่ือนผเู๎ รียนและกับ ครบู าอาจารย๑ หรือสงั คมโดยรวมได๎รับประโยชนจ๑ ากการกระทาของตน
147 1.2.4 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 4 อาชชวะ คอื ความซ่อื ตรง ผู๎เรียนหรือนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติในอาชชวะแกํเพื่อนผู๎เรียน หรือนักศึกษา ด๎วยการมีความซื่อสัตย๑ ไมํหลอกลวง ไมํเอาเปรียบผ๎ูอ่ืน ลั่นวาจาวําจะทางานสิ่งใดก็ต๎องทาให๎สาเร็จ ไมํกลับกลอก มีความจริงใจตํอทุกคน และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติมีอาชชวะ ด๎วยการปฏิบัติตน ทางกาย วาจา จิตใจท่ี ตรงไปตรงมา ไมํแสดงความคดโกง ไมํหลอกลวง จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบครี ขี ันธ๑ ฝุายธรรมยุตไดใ๎ หข๎ ๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 4 อาชชวะ ไปใชใ๎ นการศึกษาดว๎ ยการ (1) กบั เพ่ือนผูเ๎ รียน หรือเพื่อนนกั ศกึ ษา ควรมแี นวปฏิบตั คิ ือ มคี วามจริงใจ ไมํหลอกลวง และไมํพดู กลําวหาผ๎อู น่ื ทงั้ ทางกาย วาจา ใจให๎รส๎ู ึกไมํดี ร๎จู กั เอาใจเขามาใสใํ จเรา และ (2) กบั ครูบาอาจารย๑ ควรมแี นวปฏบิ ตั ิอาชชวะ ดว๎ ยการไมํปฏบิ ตั ติ น ออกนอกลูํนอกทาง เป็นคนดีของสังคม ไมํโกหก หรอื หลอกลวงจนเกิดความเสียหาย กลําวโดยสรปุ หน๎าที่พลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพ่ือนผูเ๎ รยี น และครูบา อาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 4 คือ อาชชวะ มาใชใ๎ นการศึกษา ด๎วยความซื่อสัตย๑ มีการปฏิบัติ ตน ทางกาย วาจา จิตใจที่ตรงไปตรงมา ไมํแสดงความคดโกง ไมํหลอกลวง ไมํเอาเปรียบเพ่ือน ล่ันวาจาวําจะทางานส่งิ ใดก็ต๎องทาให๎สาเร็จ ไมํกลับกลอก มีความจริงใจตํอทุกคน ทั้งกับเพ่ือนผ๎ูเรียน และกบั ครูบาอาจารย๑ 1.2.5 ทศพิธราชธรรมข๎อท่ี 5 มทั ทวะ คือ ความออํ นโยน ผเู๎ รยี นหรอื นกั ศกึ ษา ควรมีแนวปฏิบัติในมัททวะ แกํเพื่อนผ๎ูเรียน หรือนักศึกษา ด๎วยการให๎เกียรติเพ่ือนในเรื่องของคาพูด และการกระทาท่ีอํอนโยน ไมํเยํอหย่ิง ไมํหยาบกระด๎าง และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติมัททวะ ด๎วยการเช่ือฟ๓งคาส่ังสอนด๎วยดี ไมํดื้อรั้น ถือทิฏฐิมานะ ยอมรับคาแนะนา ตักเตือนด๎วยความตั้งใจ มคี วามออํ นน๎อมถอํ มตัว กับครูบาอาจารย๑ จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบครี ขี ันธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อที่ 5 มัททวะ ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กับเพ่ือนผ๎ูเรยี น หรือเพ่ือนนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบตั ิ คอื การร๎จู ักเอ้ือเฟือ้ เผื่อแผํ มีอธั ยาศัยที่ดี กบั เพื่อนรอบขา๎ ง และ(2) กบั ครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติมัททวะ ดว๎ ยการไมํดือ้ รน้ั ไมถํ ือทิฐมิ านะ ยอมรับฟ๓งความคิดเหน็ และคาแนะนาด๎วยความตัง้ ใจ มสี ัมมาคารวะ อํอนน๎อมถํอมตวั กลาํ วโดยสรปุ หนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพือ่ นผเู๎ รียน และครูบา อาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 5 คือ มัททวะ มาใช๎ในการศึกษา ด๎วยการปฏิบัติตนให๎มีความ ประพฤติดี สุภาพอํอนโยน ให๎เกียรติผู๎อ่ืน ไมํแสดงกิริยาท่ีไมํเหมาะสม มีการเปิดใจยอมรับความ คิดเห็นของเพือ่ น หรอื กบั ครบู าอาจารย๑ มคี วามออํ นนอ๎ มถอํ มตวั 1.2.6 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 6 ตบะ คือ ความเพียร ผ๎เู รยี นหรือนกั ศึกษาควรมี แนวปฏิบัติในตบะแกํเพื่อนผ๎ูเรียนหรือนักศึกษา ด๎วยการเป็นกาลังใจให๎เพื่อน ไมํยํอท๎อตํอการศึกษา เลําเรียน แม๎บางครั้งบทเรียนน้ันจะยาก หรือมีอุปสรรคตําง ๆ บางอยํางก็มานะชวนกันทาจนสาเร็จ เม่ือมเี วลาวาํ งชกั ชวนกนั ใช๎เวลาวํางนัน้ ให๎เปน็ ประโยชน๑ตอํ การศึกษาเลาํ เรียนของตน โดยอํานหนังสือ ศึกษาค๎นคว๎าจากแหลํงความรู๎ตําง ๆ เพ่ิมเติมทบทวนบทเรียนที่เรียนทุกวัน และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติตบะ ด๎วยการแสดงความต้ังใจมุํงม่ันศึกษาเลําเรียน ตั้งใจฟ๓งครูสอน ไมํฟูุงซําน
148 หรือน่ังหลับ แม๎เมื่อเลิกเรียนกลับบ๎านก็เอาใจใสํทบทวนบทเรียนท่ีเรียน คอยหม่ันตรวจตราวําครูส่ัง ใหท๎ าการบา๎ นอะไรบา๎ ง ตั้งใจทางานท่ีครสู ่ังให๎เรยี บรอ๎ ย จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 6 ตบะไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กับเพ่ือน ผู๎เรียน หรือเพ่ือนนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติตนด๎วยความเพียรพยายามทาหน๎าที่เป็นนักเรียน นักศึกษาท่ีดี อยํางเด็ดเด่ียวรํวมกัน แก๎ป๓ญหา หารือกับเพื่อนในวิชาที่ไมํเข๎าใจหรือวํายากเกินไปให๎ ผํานพ๎นไปได๎ด๎วยดี และ (2) กับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติตบะด๎วยการแสดงความมุํงม่ันฝึกฝน ตนเองใหร๎ จู๎ กั ความเพียรพยายาม และเอาใจใสํท่จี ะทางานท่ไี ดร๎ ับมอบหมายหรือเรียนใหส๎ าเรจ็ กลําวโดยสรุปหน๎าที่พลเมืองดี ประกอบด๎วยเพอ่ื นผู๎เรยี น และครูบา อาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 6 คือ ตบะ มาใช๎ในการศึกษา ด๎วยการมีความต้ังใจ มุํงมั่นศึกษา เลําเรียนท้ังกํอนเรียน ขณะเรียน และหลังเลิกเรียน ด๎วยความพยายาม พากเพียร สํวนกับ ครูบาอาจารย๑ก็มุํงม่ันทางานที่ได๎รับมอบหมายจากครูบาอาจารย๑ พากเพียรให๎สาเร็จลุลํวงตามท่ี กาหนดไว๎ 1.2.7 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 7 อักโกธะ คอื ความไมโํ กรธ ผ๎เู รียนหรอื นกั ศกึ ษา ควรมีแนวปฏิบัติในอักโกธะแกํเพ่ือนผ๎ูเรียน หรือนักศึกษา ด๎วยการระงับความโกรธ เมื่อเพื่อนกลั่น แกล๎ง หรือบางคนอาจตักเตือนเพื่อนให๎นาข๎อผิดพลาดมาปรับปรุงแก๎ไข และกับครูบาอาจารย๑ ควรมี แนวปฏิบัติมีอักโกธะ ด๎วยการต๎องรู๎จักยอมรับข๎อผิดพลาดมาปรับปรุง แก๎ไข และพัฒนา เชํน เม่ืออยูํ โรงเรียนครูวํากลําวตักเตือน ต๎องรู๎จักการระงับความโกรธ และนาข๎อผิดพลาดไปปรับปรุงแก๎ไข และเมอ่ื เพ่ือนกลนั่ แกล๎งตอ๎ งระงับความโกรธให๎ได๎จะทาให๎อยํูในสังคมได๎อยาํ งมีความสุข จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบคีรขี ันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ใหข๎ ๎อมลู การนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อท่ี 7 อกั โกธะไปใชใ๎ นการศึกษา ด๎วยการ (1) กับเพ่ือนผ๎ูเรยี น หรือเพื่อนนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัตติ นด๎วยการร๎จู ักใช๎เหตุผล ไมํยึดอคติกบั เพอื่ น ระงับและขํมใจตนเองไมใํ หล๎ มํุ หลงไปกับคากลาํ ว หรอื ให๎รา๎ ยเพ่ือน และ (2) กับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏบิ ัติอักโกธะด๎วยความไมโํ กรธ ไมมํ งุํ รา๎ ยแม๎จะถูกครลู งโทษกท็ าตามเหตผุ ล เปน็ ไปดว๎ ย ความเทย่ี งธรรม ปราศจากอคติ ไมทํ าดว๎ ยอานาจความโกรธ กลาํ วโดยสรปุ หน๎าท่ีพลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพอ่ื นผูเ๎ รียน และ ครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 7 คือ อักโกธะมาใช๎ในการศึกษา ด๎วยการควบคุมอารมณ๑ ของตนเองไมใํ ห๎เปน็ คนโมโหงาํ ย และพยายามระงับยบั ย้งั ความโกรธ ทงั้ กับเพ่อื นผูเ๎ รยี น และกบั ครบู าอาจารย๑ ในทุกสถานการณ๑ 1.2.8 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 8 อวิหิงสา คือ ความไมํเบียดเบยี น ผเู๎ รียนหรือ นักศกึ ษาควรมแี นวปฏบิ ัติในอวหิ งิ สาแกเํ พ่ือนผ๎ูเรียน หรือนักศึกษา ด๎วยการไมํเอารัดเอาเปรียบเพื่อน ในการทากิจกรรม หรือภารกิจที่ได๎รับมอบหมาย และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติ มีอวิหิงสาด๎วยการ ไมํพูดจาที่ไมํดีงามถึงครูบาอาจารย๑ กับผ๎ูอ่ืน หรือขอสิ่งของท่ีจาเป็นของ ครบู าอาจารยม๑ าใช๎ในงานสํวนตัวของผเู๎ รยี น
149 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบครี ขี ันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อท่ี 8 อวหิ ิงสา ไปใชใ๎ นการศึกษาดว๎ ยการ (1) กบั เพ่ือนผ๎ูเรยี น หรอื เพ่ือนนักศกึ ษา ควรมีแนวปฏิบัติด๎วยการไมเํ อารัดเอาเปรียบเพ่ือน มีการแบงํ ป๓นกัน ต๎องมคี วามเมตตา กรณุ ากบั เพือ่ นในยามท่ลี าบากหรอื ต๎องการความชวํ ยเหลอื และ(2) กบั ครูบาอาจารย๑ ควรมแี นวปฏิบัติอวิหงิ สา ด๎วยการไมํพูดจาเพ๎อเจ๎อ จนทาให๎ครู ไมเํ จริญก๎าวหน๎าในหน๎าที่การงาน กลําวโดยสรุปหน๎าทพี่ ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพ่ือนผเ๎ู รียน และ ครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 8คอื อวิหิงสา มาใช๎ในการศึกษา ดว๎ ยการไมํเอารดั เอา เปรยี บเพอ่ื นผเู๎ รียนดว๎ ยกนั และกบั ครบู าอาจารย๑ ด๎วยการไมํพูดจาเบียดเบยี นให๎เสยี หาย หรือเอา ทรัพย๑สนิ ของครูบาอาจารย๑มาใชใ๎ นเร่อื งสวํ นตวั ของผเู๎ รยี น 1.2.9 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 9 ขันติ คือ ความอดทน ผเู๎ รยี นหรอื นักศึกษาควรมี แนวปฏิบัติในขันติแกํเพ่ือนผู๎เรียน หรือนักศึกษา ด๎วยการมีสติ และความสามารถควบคุมอารมณ๑ กิริยามารยาทในสถานการณ๑ท่ีไมํพึงประสงค๑ได๎ และมีความอดทนกับความไมํชอบในขณะศึกษาอยูํ และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติมีขันติด๎วยการ ความอดทนในการเรียน และการปฏิบัติงานท่ี ไดร๎ ับมอบหมาย จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบครี ขี ันธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ไดใ๎ ห๎ข๎อมลู การนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ท่ี 9 ขันติ ไปใชใ๎ นการศกึ ษาด๎วยการ (1) กับเพ่ือน ผ๎ูเรียน หรือเพ่ือนนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติด๎วยการอดทนตํอความโกรธท่ีมากระทบกระทั่ง เพราะบุคคลทกุ คน จะอยูคํ นเดยี วลาพงั ไมํได๎ ตอ๎ งอาศัยอยํูรํวมกัน เป็นหมูํคณะ เป็นครอบครัว ตลอด ถึงเป็นประเทศชาติ บุคคลผ๎ูอยูํรํวมกันเชํนนี้ บางคร้ังอาจมีความกระทบกระทั่งกัน ทะเลาะวิวาท บาดหมางกันบ๎าง เพราะตํางก็มีกิเลสอยํูด๎วยกันทั้งน้ัน ถ๎าหากฝุายใดฝุายหน่ึงขาดความอดทนแล๎ว ความทะเลาะวิวาทบาดหมางก็จะแตกแยกแผํขยายกว๎างออกไป จนทาให๎เสียหน๎าที่การศึกษาได๎ และ(2) กับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติขันติ ด๎วยการร๎ูจักอดทนตํอส่ิงที่เราไมํชอบทาแตํจาเป็นต๎อง ทาตามโอกาสและความถกู ตอ๎ ง กลําวโดยสรุปหนา๎ ท่พี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพอื่ นผูเ๎ รยี น และครบู า อาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 9 คือ ขนั ตมิ าใชใ๎ นการศกึ ษา ดว๎ ยการมีความอดทนตํออุปสรรคที่ เข๎ามาระหวํางที่ศึกษา และกับเพ่ือนผู๎เรียน หรือตํอภารกิจท่ีได๎รับมอบหมายจากครูบาอาจารย๑ ให๎ผาํ นพ๎นอปุ สรรคไปได๎ด๎วยดี 1.2.10 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 10 อวิโรธนะ คือ ความเทยี่ งธรรม ผ๎ูเรยี นหรอื นักศึกษาควรมีแนวปฏิบัติในอวิโรธนะ แกํเพื่อนผ๎ูเรียนหรือนักศึกษา ด๎วยการมีความยุติธรรมหนัก แนํน ถือความถูกต๎อง ไมํเอนเอียง หวั่นไหว ด๎วยคาพูด อารมณ๑ ของเพื่อนผ๎ูเรียนด๎วยกัน และกับ ครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติด๎วย การเช่ือฟ๓งคาส่ังสอนของครูบาอาจารย๑ ท่ีจะต๎องวางตน ให๎เป็น กลางในทาํ มกลางสังคม ทีต่ นเองเป็นสมาชกิ อยํู ไมํเอนเอียง หวนั่ ไหว ด๎วยคาพูด อารมณท๑ ่ีได๎รับร๎ู
150 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบครี ขี นั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยตุ ไดใ๎ หข๎ ๎อมูลการนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อท่ี 10 อวโิ รธนะ ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กบั เพื่อนผเ๎ู รียน หรอื เพ่ือนนกั ศึกษา ควรมแี นวปฏิบัตดิ ๎วยการแนะนา สนับสนนุ และตักเตือน เพอ่ื นใหท๎ าแตสํ ่งิ ทถี่ ูกต๎อง เปน็ ธรรมแกผํ เ๎ู กีย่ วข๎อง และ (2) กับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติอวิโรธ นะ ด๎วยการมีความยตุ ิธรรม ไมํมีความเอนเอียงตํอคาพูดของผูอ๎ ื่น มีความหนักแนํน เทีย่ งธรรมในการ ปฏิบัตหิ นา๎ ที่ กลําวโดยสรปุ หนา๎ ท่ีพลเมืองดี ประกอบด๎วยเพอ่ื นผู๎เรยี น และ ครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 10 คอื อวโิ รธนะ มาใช๎ในการศึกษา ดว๎ ยการมีความ หนกั แนนํ ไมํมีความเอนเอยี งหว่นั ไหวยดึ ม่นั ในส่งิ ทีถ่ ูกต๎องดีงามในการดาเนนิ ชีวติ ได๎มากทีส่ ุด ทัง้ กบั เพื่อนผู๎เรียน กบั ครบู าอาจารย๑ และการเปน็ สมาชิกของสังคมนน้ั ๆ กกกกกกกกก 1.3 ทศพิธราชธรรมที่ใช๎ในอาชพี การงาน ได๎แกํ 1.3.1 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 1 ทาน คือ การให๎ ควรมกี ารให๎ทาน สงิ่ ของทจ่ี าเปน็ ท่ีเพื่อนรวํ มอาชีพยังขาดแคลนอยํู ใหท๎ านความรูเ๎ กี่ยวกบั อาชีพ เพ่ือให๎เพื่อนสามารถนาไปประกอบ อาชพี ได๎ และให๎อภยั ทาน เม่ือเพ่ือนรํวมอาชพี ปฏิบัติตนไมํถูกต๎อง หรือละเมิดเพอ่ื นรํวมอาชีพด๎วยกัน สํวนสาหรับนายจา๎ งหรือผบู๎ ังคับบัญชา ควรให๎ทาน ดว๎ ยการชวํ ยทางานในเวลาเรงํ ดํวนที่นายจ๎างหรือ ผู๎บงั คับบญั ชาต๎องการความชํวยเหลอื ใหท๎ านความรหู๎ รือข๎อมูลทจ่ี าเปน็ ในอาชีพกับนายจ๎าง และให๎ อภัยเม่ือนายจ๎างทาให๎เราไมํสบายใจ หรอื เสยี ใจ จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบครี ขี ันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 1 ทาน ไปใช๎ด๎านอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพ่ือนรํวมงานหรือเพื่อนรํวมอาชีพด๎วยการให๎ธรรมหรือความร๎ู ให๎สติป๓ญญา ให๎กาลังใจ ให๎อภัย ให๎ความรัก ให๎ความเอื้อเฟ้ือ ให๎ความเมตตา และ (2) นายจ๎างหรือผู๎บังคับบัญชาด๎วยการให๎โอกาส ให๎กาลังใจ มคี วามเออ้ื เฟอื้ แบํงปน๓ กบั ลูกน๎อง กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพือ่ นรวํ มอาชพี การงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 1 คือ ทานมาใช๎ในอาชีพการงาน ทั้งกับเพ่ือนรํวมอาชีพและกับ นายจ๎าง ด๎วยการให๎สิ่งของ หรือเวลาเม่ือมีความจาเป็น ให๎ความรู๎ เพ่ือให๎สามารถประกอบอาชีพได๎ และใหอ๎ ภัย เม่อื มคี วามรส๎ู กึ ไมํดีจากการกระทาของเพื่อนรวํ มอาชีพ และนายจา๎ ง 1.3.2 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 2 ศลี คอื การต้ังอยูใํ นศีล ควรมีศีลกับเพ่ือนรวํ มงาน หรือเพื่อนรํวมอาชีพ ด๎วยการไมํซุบซิบนินทา อยําพูดถึงผู๎อ่ืนในทางเสียหาย หรือวําร๎ายต๎องให๎ความ เคารพกับสิทธิสํวนตัวของเพื่อนรํวมงาน และที่สาคัญต๎องลุกข้ึนปกปูองความลับของตน สาหรับ นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชา ควรมีการประพฤติตนให๎อยูํในกฏระเบียบของสถานประกอบการหรือ องค๑กร ไมพํ ดู นนิ ทาวาํ รา๎ ยนายจา๎ ง หรือผ๎ูบังคบั บัญชาใหเ๎ กดิ ความเสียหาย ไมํลักขโมยส่ิงของในสถาน ประกอบการ เป็นต๎น จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบครี ขี นั ธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 2 ศีล ไปใช๎ด๎านอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพ่ือนรํวมงานหรือเพื่อนรํวมอาชีพด๎วยการไมํซุบซิบนินทา ไมํพูดถึงผ๎ูอื่นในทางเสียหาย หรือวําร๎ายต๎องให๎ความเคารพกับสิทธิสํวนตัวของเพ่ือนรํวมงาน และ (2) นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชา
151 ด๎วยการเป็นบุคคลที่มีระเบียบวินัย เครํงครัด ระมัดระวัง ควบคุมตนเอง ได๎จะต๎องร๎ูจักบริหารคน บรหิ ารงาน และบริหารบ๎านเมอื งดว๎ ยศีลธรรม กลําวโดยสรุปหนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพ่อื นรํวมอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 2 คือ ศลี มาใช๎ในอาชีพการงาน ด๎วยการไมํพดู ซุบซบิ นินทา ไมํพูด ถึงผ๎ูอ่ืนในทางเสียหาย หรือวําร๎าย ให๎ความเคารพกับสิทธิสํวนตัวของเพื่อนรํวมงาน เคารพกฎเกณฑ๑ ท่นี ายจา๎ งกาหนดไว๎ ในขณะท่นี ายจ๎างต๎องบรหิ ารงานให๎มีศลี ธรรม 1.3.3 ทศพธิ ราชธรรม ข๎อที่ 3 ปริจจาคะ คอื การเสยี สละ ควรมปี ริจจาคะ กับเพื่อนรวํ มงานหรอื เพอื่ นรวํ มอาชพี ด๎วยการเสียสละเวลาชํวยเพ่ือนทางาน เมื่อเพ่ือนต๎องการความ ชํวยเหลอื สวํ นสาหรบั นายจา๎ งหรือผบ๎ู ังคบั บัญชา ควรมีปริจจาคะคือ ต๎องอุทิศกาลังกาย กาลังใจและ กาลังความคิดให๎แกํสํวนรวม ทางานจนสาเร็จลุลํวงไปได๎ นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชา มีภาระหน๎าท่ี และความรับผิดชอบมาก นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชาดูแลสมาชิกให๎อยํูเย็นเป็นสุข ต๎องเอาใจใสํ รับร๎ู ป๓ญหาของสังคม ต๎องไมํเห็นแกํตัว ต๎องเห็นแกํประโยชน๑สํวนรวมมากกวําสํวนตน หรือสํวนใหญํ มากกวําสํวนน๎อย ต๎องพยายามหาทางทาให๎สังคมเจริญรุํงเรือง นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชาจึง จาเป็นต๎องเสียสละทรัพย๑ เสียสละเวลา เสียสละกาลังกาย กาลังใจ กาลังควา มคิด และกาลังสติป๓ญญา รวมท้ังเสียสละความสุขให๎แกํสํวนรวม นั่นคือผ๎ูนาต๎องอุทิศตนในทุก ๆ ด๎าน เพอ่ื พฒั นาคน และองคก๑ รให๎สงบสขุ จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ๑ ฝุายธรรมยุตได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 3 ปริจจาคะ ไปใช๎ด๎านอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพ่ือนรํวมงานหรือเพ่ือนรํวมอาชีพด๎วยการต๎องไมํเห็นแกํตัว ต๎องเห็นแกํประโยชน๑สํวนรวม มากกวําสํวนตน หรือสํวนใหญํมากกวําสํวนน๎อย และ (2) นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชาด๎วยการต๎อง ปกครองดแู ลสมาชิกในสังคมให๎อยเูํ ยน็ เปน็ สุข ต๎องเอาใจใสํรับรป๎ู ๓ญหาของสังคม ตอ๎ งไมเํ หน็ แกตํ วั กลาํ วโดยสรปุ หนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพอื่ นรวํ มอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 3 คือ ปริจจาคะ ใช๎ในอาชีพการงาน ทั้งเพ่ือนรํวมงานหรือเพื่อน รํวมอาชพี และนายจ๎าง ต๎องมีความเสยี สละความสขุ เพือ่ ประโยชน๑ของตนเพื่อสงั คมสํวนรวม 1.3.4 ทศพิธราชธรรม ขอ๎ ท่ี 4 อาชชวะ คอื ความซื่อตรง ควรมีอาชชวะกบั เพ่ือนรวํ มงานหรอื เพอื่ นรํวมอาชพี ดว๎ ยการมคี วามจรงิ ใจ ปากกบั ใจตรงกนั ไมํทาตนเป็นคนเจ๎าเลํห๑ ไมํกลับกลอก ไมํพูดลบั หลังอยํางหนง่ึ ตอํ หน๎าอยาํ งหน่ึง สํวนสาหรบั นายจ๎างหรือผบู๎ ังคับบัญชา ควรมี อาชชวะเกยี่ วกบั ความซ่อื ตรง ไมฉํ ๎อฉลหลอกลวง ไมทํ ุจรติ คอรปั ช่ัน เพราะความซือ่ ตรงเปรียบเหมอื น เกราะปูองกันมใิ หผ๎ ใ๎ู ดกล๎าใสํร๎ายปูายสี จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบครี ีขันธ๑ ฝุายธรรมยุตได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 4 อาชชวะ ไปใช๎ด๎านอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพื่อนรํวมงาน หรือเพื่อนรํวมอาชีพ ด๎วยการมีความจริงใจตํอกัน และ (2) นายจ๎างหรือ ผบู๎ ังคบั บญั ชาด๎วยการมีความซ่ือสัตย๑สุจริตก็จะพาให๎ผตู๎ ามมีความซือ่ สัตยส๑ จุ รติ ไปดว๎ ย กลําวโดยสรุปหน๎าทพี่ ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพอ่ื นรํวมอาชพี การงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 4 อาชชวะ คือความซื่อตรง มาใช๎ในอาชีพการงาน ท้ังเพ่ือน รํวมงานหรือเพื่อนรํวมอาชีพ และนายจ๎าง ควรปฏิบัติการงานด๎วยความซื่อสัตย๑สุจริต ไมํหลอกลวง
152 มีความจริงใจ โดยเฉพาะนายจ๎างต๎องเป็นแบบอยํางของความซ่ือสัตย๑ ให๎กับเพ่ือนรํวมงานหรือเพ่ือน รํวมอาชีพ 1.3.5 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 5 มทั ทวะ คือ ความอํอนโยน ด๎วยการมอี ัธยาศัย สุภาพ อํอนโยนตํอคนทุกชนช้ัน ทุกเพศ ทุกวัย ความสุภาพอํอนโยนนี้ ในทางปฏิบัติจริงใน ชวี ิตประจาวัน ยอํ มมีการปรบั ใช๎ตามเหตุ และตามความเหมาะสมแกํบุคคลและกาลเทศะ เชํน เมื่อใช๎ กับบุคคลที่วัยวุฒิสูงกวํา ความสุภาพอํอนโยนก็คือความมีสัมมาคารวะ เมื่ออยูํกับคนท่ีอํอนวัยวุฒิ ความสุภาพอํอนโยนก็จะแปลเป็นความเอ็นดูหรือความกรุณา เป็นต๎น คนท่ีมีความสุภาพอํอนโยนจะ เป็นคนที่เข๎ากับบุคคลอ่ืนได๎งํายและได๎ดี มักจะเป็นผ๎ูที่ได๎รับการยอมรับจากคนอื่น ถ๎าเป็นผ๎ูใหญํก็จะ เป็นคนนาํ นบั ถอื คนเสมอกันก็นําคบหาสมาคม คนต่ากวําก็เป็นคนนํารักเอ็นดู ควรมีมัททวะกับเพ่ือน รํวมงานหรือเพ่ือนรํวมอาชีพ ด๎วยการมีความสุภาพอํอนโยน และชํวยกันปฏิบัติท้ังหน๎าที่ทางกาย ทง้ั หน๎าท่ีทางใจ อยํางเคารพกนั และกัน สํวนสาหรับนายจา๎ งหรือผ๎บู ังคับบญั ชา ควรมีมทั ทวะ ด๎วยการ มีความอํอนน๎อมถํอมตัวตํอผู๎ที่อาวุโสกวํา ไมํวางอานาจ เยํอหยิ่ง สํวนกับผู๎ท่ีมีอายุน๎อยกวําก็ควรให๎ เกียรติ ด๎วยการพูดจาด๎วยความสุภาพอํอนโยน จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบครี ขี นั ธ๑ ฝุายธรรมยุตได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 5 มัททวะไปใช๎ด๎านอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพื่อนรํวมงานหรือเพื่อนรํวมอาชีพด๎วยการไมํเยํอหย่ิง ทะนงตัว รับฟ๓งความคิดเห็นของเพ่ือน และ (2) นายจ๎างหรือผู๎บังคับบัญชา ด๎วยการปฏิบัติตนให๎มีความอํอนโยนนุํมนวล ไมํหยาบคาย ไมแํ ขง็ กระด๎าง ไมเํ ยํอหย่ิง ยโสโอหัง ที่บงั อาจทาตนเปน็ เหมอื น “คางคกขึ้นวอ” ให๎ลดมานะละทิฐิ กลําวโดยสรุปหน๎าท่ีพลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพ่อื นรวํ มอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 5 มัททวะ คือ ความอํอนโยน มาใช๎ในอาชีพการงาน โดยถ๎าเป็น เพ่ือนรํวมงาน หรือเพ่ือนรํวมอาชีพ ควรมีความสุภาพอํอนโยนตํอกัน สํวนนายจ๎าง ควรมีความอํอน น๎อมถํอมตัว กับเพ่ือนรํวมงานที่มีความอาวุโสกวํา และเพื่อนรํวมงานที่มีอาวุโสน๎อยกวําก็ควรแสดง ความสุภาพอํอนโยน 1.3.6 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 6 ตบะ คือ ความเพียร ควรมีความเพียรกับเพื่อน รํวมงานหรือเพื่อนรํวมอาชีพ ด๎วยการตั้งใจชํวยกันทางานที่ตนได๎รับมอบหมายให๎สาเร็จ ไมํลดละ และเบื่อหนํายกับงานของตน สวํ นสาหรับนายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชา ควรมีตบะด๎วยการมีสติระลึกอยูํ เสมอวําตนมีหน๎าท่ีอะไร มีความรับผิดชอบตํอประชาชนอยํางไร จะต๎องมุํงมั่นตํอหน๎าที่นั้น ไมํปลํอย ใหห๎ ลงในความสขุ สาราญ จนลืมหน๎าท่ี ลมื ตัว และหลงผิด จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบครี ีขันธ๑ ฝุายธรรมยตุ ได๎ให๎ขอ๎ มูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 6 ตบะไปใชด๎ า๎ นอาชพี การงานด๎วยการ (1) เพ่ือนรํวมงานหรือเพื่อนรํวมอาชีพด๎วยการมีจิตใจม่ันคง เด็ดเด่ียวในอันท่ีจะพากเพียรปฏิบัติ หน๎าท่ีให๎จนบรรลุผลสาเร็จ และ (2) นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชา ด๎วยการมีความเพียรพยายามขจัด กิเลสตัณหาไมํให๎เข๎าครอบงาจิตใจ สามารถบังคับควบคุมตนเองมิให๎ลุํมหลงหมกมํุน ในความสุข สาราญจนเป็นเหตุให๎เสียการงานได๎ ผู๎นาหรือผู๎ปกครองที่ดีต๎องมีสติระลึกอยูํเสมอวําตนมีหน๎าที่อะไร มีความรับผิดชอบตํอประชาชนอยํางไร จะต๎องมุํงม่ันตํอหน๎าท่ีนั้น ไมํปลํอยใจให๎หลงใหลในความสุข สาราญท่มี ีผเ๎ู สนอสนองมาใหด๎ ๎วยวธิ กี ารตาํ ง ๆ จนลืมหนา๎ ที่ ลืมตัว และหลงผดิ
153 กลําวโดยสรุปหน๎าทพี่ ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพื่อนรวํ มอาชพี การงาน และ นายจา๎ ง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 6 คือ ตบะ มาใชใ๎ นอาชพี การงานท้ังเพื่อนรํวมงานหรอื เพื่อนรวํ ม อาชีพ และนายจ๎าง ตอ๎ งปฏิบตั ิหนา๎ ที่การงานทร่ี บั ผิดชอบด๎วยความมมุ านะ อดทน ขยัน มุํงมน่ั และ ทาแตํสงิ่ ที่ดี ฝาุ ฟ๓นอปุ สรรคตําง ๆ จนประสบความสาเรจ็ ด๎วยความพากเพียร 1.3.7 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 7 อักโกธะ คอื ความไมโํ กรธ ควรมีอักโกธะกับ เพื่อนรํวมงานหรอื เพอื่ นรวํ มอาชีพ ด๎วยการร๎ูจักระงับยับย้ังความโกรธ เชํน เพ่ือนอาจจะพูดอะไรท่ีไมํ ถูกใจ ให๎ขํมใจไว๎ไมํแสดงความโกรธออกมา มิเชํนนั้นจะเกิดผลเสียคือการทะเลาะวิวาทกัน แม๎ใน หลาย ๆ สถานการณ๑จะทาไดย๎ าก แตํหากเราสามารถฝกึ ฝน ไมํใหเ๎ ป็นคนโมโหงําย และพยายามระงับ ยบั ยงั้ ความโกรธอยเูํ สมอ จะเป็นประโยชนต๑ อํ เราหลายอยําง เชํน ทาให๎เราสขุ ภาพจิตดี หน๎าตาผํองใส สํวนสาหรับนายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชา ควรมีอักโกธะ ด๎วยการสร๎างความสุขสงบ เยือกเย็น เห็นตน เหน็ คน เหน็ งาน เหน็ องคก๑ รที่แจมํ ใสไมขํ ํนุ มัว จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบครี ีขันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 7 อักโกธะไปใช๎ด๎านอาชีพการงาน ด๎วยการ (1) เพ่ือนรํวมงานหรือเพ่ือนรํวมอาชีพด๎วยการรู๎จักการยับย้ังชั่งใจ ขํมใจไมํให๎เอาแตํใจตนเอง รักษา นา้ ใจเพื่อน เห็นแกสํ ํวนรวมมากกวําสํวนตน และ (2) นายจ๎างหรือผู๎บังคับบัญชาด๎วยการฝึกไมํให๎เป็น คนโมโหงําย และพยายามระงับยับยั้งความโกรธอยํูเสมอ จะเป็นประโยชน๑ตํอเราหลายอยําง เชํน ทาใหเ๎ ราสุขภาพจิตดี หนา๎ ตาผอํ งใส ข๎อสาคัญทาใหเ๎ รารกั ษามิตรไมตรกี บั ผูอ๎ ื่นไวไ๎ ด๎ กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ท่พี ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพอ่ื นรวํ มอาชีพการงาน และ นายจา๎ ง ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 7 คือ อักโกธะ มาใชใ๎ นอาชพี การงานท้งั เพ่ือนรวํ มงานหรอื เพื่อน รํวมอาชีพ และนายจา๎ ง ดว๎ ยการฝึกฝนควบคุมอารมณ๑ของตนเอง ไมํใหเ๎ ป็นคนโมโหงําย และพยายาม ระงบั ยับย้ังความโกรธอยูํเสมอ 1.3.8 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 8 อวหิ ิงสา คือ ความไมเํ บียดเบยี น ควรมีอวหิ ิงสากับ เพื่อนรํวมงานหรือเพื่อนรํวมอาชีพ ด๎วยการไมํกดขี่ขํมเหงรังแกผ๎ูอื่น สํวนสาหรับนายจ๎างหรือ ผู๎บังคับบัญชา ควรมีอวิหิงสา ด๎วยการต๎องไมํหลงระเริงในอานาจ ใช๎อานาจทาอันตรายตํอรํางกาย และทรัพย๑สินผู๎อื่นตามอาเภอใจ ต๎องคอยชํวยเหลือ ประคับประคองผู๎ที่ด๎อยกวํา หรือผู๎ที่ทุกข๑ยาก เดือดร๎อน นายจ๎างหรือผู๎บังคับบัญชาเป็นผู๎มีอานาจ มีกาลังกาย มีทรัพย๑มากกวําผ๎ูอ่ืน และมีโอกาสที่ จะเลือกปฏิบตั ิอยํางท่ีตนพอใจเหนือกวําผู๎อื่น เพราะไมํมีใครกล๎าทัดทานหรือห๎ามปราม หากนายจ๎าง หรือผ๎ูบังคับบัญชาใช๎อานาจ และอภิสิทธิ์ดังกลําวไปกดข่ีขํมเหงผ๎ูท่ีด๎อยกวํา สังคมจะมีแตํความ ยํุงเหยิง ระส่าระสาย ดังนั้นผ๎ูนาที่ดีต๎องไมํหลงระเริงในอานาจ ใช๎อานาจทาอันตรายตํอรํางกายและ ทรัพย๑สินผ๎ูอื่นตามอาเภอใจ ต๎องคอยชํวยเหลือ ประคับประคองผ๎ูท่ีด๎อยกวํา หรือผู๎ที่ทุกข๑ยาก เดือดร๎อน นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชาท่ียึดทศพิธราชธรรมข๎อนี้ยํอมสร๎างพระคุณมากกวําพระเดช ยอํ มเป็นทร่ี ักใครํ เคารพนับถือของลกู นอ๎ ง หรือผ๎ใู ตบ๎ งั คบั บัญชา
154 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบคีรีขันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 8 อวิหิงสา ไปใช๎ด๎านอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพื่อนรํวมงานหรือเพ่ือนรํวมอาชีพ ด๎วยการไมํรังแกเพื่อนรํวมงานท้ังทางกาย วาจา และใจ และ (2) นายจ๎างหรือผ๎บู ังคับบญั ชา ดว๎ ยการไมํกดขขี่ มํ เหง หรือใช๎อานาจบังคับขูํเข็ญลูกน๎อง หรือผ๎ูท่ีอยํูใต๎ บังคับบัญชา กลาํ วโดยสรุปหน๎าทีพ่ ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพอ่ื นรํวมอาชพี การงานและ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 8 คือ อวหิ ิงสา มาใช๎ในอาชพี การงานทงั้ เพ่ือนรํวมงานหรือเพื่อน รวํ มอาชีพ และนายจ๎าง ด๎วยการไมํกดขี่ขํมเหงรังแกผู๎อน่ื ให๎เดือดร๎อนลาบาก ทง้ั กาย วาจา และใจ 1.3.9 ทศพิธราชธรรมข๎อท่ี 9 ขันติ คอื ความอดทน ควรมีขันติกับเพื่อนรํวมงาน หรือเพื่อนรํวมอาชีพ ด๎วยการระงับอารมณ๑ให๎ได๎ เชํน เม่ือเจอสถานการณ๑ไมํถูกใจ จะแสดงอารมณ๑ท่ี ไมํนําพอใจเข๎า ก็อาจจะแสดงกิริยาอาการอันไมํงาม ไมํนําชมออกมาได๎ทุกเวลา ทุกโอกาส สถานท่ี และเมื่อเป็นเชํนนี้ การคบหาสมาคมกันก็ยํอมจะถึงกาลเสื่อมเสียไป สํวนสาหรับนายจ๎างหรือ ผู๎บังคับบัญชา ควรมีขันติ ด๎วยการต๎องมีความอดทน เข๎มแข็ง ไมํท๎อถอยตํอความเหน็ดเหน่ือย ยากลาบาก แม๎มีอุปสรรคก็สามารถฟ๓นฝุาจนผํานพ๎นไปได๎ ผ๎ูนาเชํนนี้จะได๎รับการยกยํองนับถือความ ไว๎วางใจจากผูท๎ ี่อยูใํ นความดแู ล จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบคีรีขันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 9 ขันติ ไปใช๎ด๎านอาชีพการงาน ด๎วยการ (1) เพือ่ นรํวมงานหรอื เพ่อื นรํวมอาชีพ ดว๎ ยการทม่ี ีความอดทน คอื รอได๎ คอยได๎ ไมํกระวนกระวายใจ ถ๎าไมํมีความอดทนมันก็เหมือนกับทรมานตัวเอง จะมีฉลาดเฉลียว ป๓ญญาวิเศษอยํางไร ถ๎าไมํรอได๎ ทนได๎ มันก็จะเปลําประโยชน๑ เพราะประโยชน๑มันไมํออกมาทันที มันต๎องมีโอกาสตามเวลาแหํง ความสาเร็จ ต๎องรอได๎ ทนได๎เหมือนกับทานา มันต๎องรอได๎จนกวําจะออกเป็นข๎าว และ (2) นายจ๎าง หรือผู๎บงั คบั บญั ชา ด๎วยการท่ีมีสติ หนกั เอาเบาส๎ู ไมํท๎อถอย หรือเกรงกลัวตํองานหนัก เป็นแบบอยําง ทีด่ ใี หแ๎ กํลกู นอ๎ ง กลาํ วโดยสรปุ หนา๎ ท่ีพลเมืองดี ประกอบด๎วยเพื่อนรวํ มอาชพี การงานและ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 9 คือ ขันติ มาใช๎ในอาชีพการงานทั้งเพ่ือนรํวมงานหรือเพ่ือน รํวมอาชีพ และนายจ๎าง ต๎องมีความเข๎มแข็ง ไมํท๎อถอย สามารถอดทนตํองานหนัก ความเหนื่อย ยากลาบาก หรือแมก๎ ระทง่ั สามารถทนตอํ ความเจบ็ ใจท่ีเกิดจากสาเหตตุ ําง ๆ ได๎ 1.3.10 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 10 อวโิ รธนะ คือ ความเทย่ี งธรรม ควรมีการให๎ อวโิ รธนะกบั เพ่อื นรวํ มงานหรอื เพ่ือนรํวมอาชีพ ดว๎ ยการรบั ฟ๓งข๎อมูลของผ๎ูรํวมงานด๎วยความเป็นธรรม ไมํลาเอียง หรือปฏิบัติภารกิจด๎วยความเที่ยงธรรม กับทุกคนที่รํวมงาน สํวนสาหรับนายจ๎างหรือ ผ๎ูบังคบั บัญชา ควรมีอวิโรธนะ ดว๎ ยการประพฤติตนให๎ต้ังมั่นอยูํในความเท่ียงตรง ไมํเอียงเอนหรือเชื่อ คาพูดของผูอ๎ ่นื มกี ารพิจารณาถึงความถกู ตอ๎ งเสมอ จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบครี ขี ันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 10 อวิโรธนะ ไปใช๎ด๎านอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพื่อนรํวมงานหรือเพ่ือนรํวมอาชีพด๎วยการมีความยุติธรรม ตั้งมั่นอยูํในศีลธรรมทาตัวเป็นกลาง และ (2) นายจา๎ งหรือผ๎บู ังคับบญั ชา ด๎วยการไมํมีความเอนเอียงหว่ันไหววางตัวเป็นกลางดี ต๎องต้ังมั่น
155 อยูํในธรรมท้ังสํวนยุติธรรม คือ ความเท่ียงธรรม และนิติธรรม คือ ระเบียบแบบแผน หลักการ ปกครอง กลําวโดยสรุปหน๎าท่พี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพือ่ นรวํ มอาชีพการงานและ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 10 คือ อวิโรธนะ มาใช๎ในอาชีพการงาน ท้ังเพ่ือนรํวมงานหรือ เพ่ือนรํวมอาชีพ และนายจ๎าง ต๎องมีความยุติธรรม หนักแนํน ม่ันคง ไมํเอนเอียงไป กับบุคคลใด บคุ คลหนึง่ กกกกกกกกก 1.4 ทศพธิ ราชธรรมท่ีใช๎ในชมุ ชน ท๎องถิ่นและสงั คม ได๎แกํ 1.4.1 ทศพิธราชธรรม ขอ๎ ท่ี 1 ทาน คอื การให๎ กับชมุ ชนท๎องถิ่น และสังคม สมาชิกชุมชนควรปฏิบัติ ด๎วยการให๎ทานส่ิงของ เงินทอง หรือแรงกาย ตามโอกาสอันควร เพ่ือปฏิบัติ กจิ กรรมของชุมชนรวํ มกัน ให๎คาแนะนาเป็นความรู๎แกํผ๎ูรํวมงาน และให๎อภัย ด๎วยการให๎รอยยิ้ม และ ปยิ วาจาแกสํ มาชิกชุมชน จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบคีรีขนั ธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 1 ทาน ไปใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ินและสังคม ควรปฏิบัติด๎วยการสละทรัพย๑หรือสิ่งของ เพ่ือชํวยเหลือสมาชิกของหมํูคณะที่ด๎อย และอํอนแอกวํา ผูอ๎ ่ืน กลําวโดยสรุปหนา๎ ที่พลเมืองดี ประกอบดว๎ ยสมาชกิ ชมุ ชน ท๎องถน่ิ ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 1 คือ ทานมาใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ินและสังคมบ๎านเกิด ด๎วยการให๎บริจาคส่ิงของ เงินทอง หรือแรงกาย แกํชุมชนท๎องถ่ินและสังคมบ๎านเกิดตามโอกาสอันควร ให๎คาแนะนาความร๎ูท่ี เป็นประโยชน๑ตํอการพัฒนา รวมถึงการให๎อภัยกับสมาชิกในชุมชน ที่ทาให๎รู๎สึกไมํดี หรือไมํได๎รับการ ยอมรับ 1.4.2 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 2 ศีล คือ การต้งั อยูใํ นศลี กบั ชมุ ชนท๎องถิ่นและ สังคม สมาชกิ ชมุ ชนควรปฏิบัตติ ามศีล 5 คือ ไมํฆําสตั ว๑ตัดชวี ติ ไมํลักขโมยของของผ๎ูอื่น ไมํลํวงละเมิด ลูกเมียเขา ไมํพูดโกหก หรือพูดสํอเสียดยุยง และควรทาตนให๎หํางไกลจากเหล๎า บุหร่ี หรืออบายมุข ตําง ๆ นอกจากนี้ให๎นาศีล 5 ท่ียึดถือปฏิบัติไปควบคุมพฤติกรรมของตนเอง ให๎เคารพกฎหมายของ บา๎ นเมอื งอยํางเครงํ ครัด ก็จะชํวยให๎สังคมไทยอยูํรํวมกันได๎อยํางมีความสุข หรือปฏิบัติตามหลักธรรม ตามศาสนาทีต่ นเองนับถือ จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบครี ีขันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 2 ศีล ไปใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ินและสังคม ควรปฏิบัติด๎วยการประพฤติในสิ่งท่ีดีงาม งดเว๎นจากการทาช่ัว เสียหาย ไมํทาอะไรที่เป็นการ ไมเํ หมาะสม ไมํควร กลําวโดยสรุปหนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยสมาชกิ ชุมชน ท๎องถ่นิ ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 2 คือ ศีลมาใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่นและสังคมบ๎านเกิด ด๎วยการประพฤติสิ่งที่ดีงาม ตามหลกั ศาสนาของตน
156 1.4.3 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 3 ปริจจาคะ คอื การเสียสละ กับชุมชน ทอ๎ งถิน่ และ สังคม สมาชิกชุมชนควรปฏิบัติ ด๎วยการเสียสละประโยชน๑สุขของตน เพื่อประโยชน๑สุขของสํวนรวม และความสงบเรยี บร๎อยของชุมชนน้ัน หากเห็นแกํประโยชน๑ตนก็เป็นคนเห็นแกํตัว ไมํสามารถทางาน ให๎ชุมชนได๎อยํางกวา๎ งขวาง เพราะคนเหน็ แกตํ นเองมากกวําสํวนรวม เปน็ คนมจี ติ ใจคบั แคบ ยํอมไมํได๎ รับความรํวมมือจากทุกฝุาย และอาจนาความเสียหายมาสํูสังคม และประเทศชาติได๎มาก แตํหาก ชมุ ชน ท๎องถิน่ และสงั คมมีคนเสียสละ มีจติ สาธารณะจานวนมาก ชมุ ชน ทอ๎ งถ่ินและสงั คมก็จะมีความ เจริญก๎าวหน๎าอยํางตอํ เน่อื ง จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบครี ีขันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 3 ปริจจาคะ ไปใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ินและสังคม ควรปฏิบตั ดิ ๎วยการยอมสละประโยชน๑สํวนตนเพ่อื ประโยชนส๑ วํ นรวม กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ท่พี ลเมืองดี ประกอบด๎วยสมาชิกชมุ ชน ทอ๎ งถิ่น ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 3 คือ ปริจจาคะ มาใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ินและสังคมบ๎านเกิด ด๎วยการการเสียสละ ความสุขสาราญของตนเพ่อื ประโยชนส๑ ขุ ของหมูํคณะ 1.4.4 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 4 อาชชวะ คือความซื่อตรง กบั ชุมชน ท๎องถน่ิ และ สังคม สมาชิกชุมชนควรปฏิบัติ มีความตรงไปตรงมา ผ๎ูนาหรือผ๎ูปกครองต๎องเป็นแบบอยํางเป็น ตัวอยาํ งท่ีดแี กํสงั คม หากผน๎ู าขาดความซอื่ ตรง มีเลํหเ๑ หลยี่ ม คดในข๎องอในกระดูก ฉ๎อราษฎร๑บังหลวง ปากพูดอยําง ทาอีกอยําง และคิดไปอีกอยําง ยํอมจะไมํได๎รับความเชื่อถือ ความไว๎วางใจจากคนใน สังคม จะตดั สินป๓ญหาใด ๆ กไ็ มไํ ดร๎ บั ความสะดวก ทกุ คนไมํยอมรบั จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมลู การนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อท่ี 4 อาชชวะ ไปใชก๎ บั ชมุ ชน ทอ๎ งถนิ่ และสังคม ควรปฏบิ ัติการงานด๎วยความซ่อื สัตยส๑ จุ ริต ไมํหลอกลวงประชาชน แตผํ ๎นู าไมซํ ่ือตรงแล๎ว สังคมและ หมคํู ณะน้นั จะระส่าระสาย และป๓น่ ปวุ นอยํางท่ีสดุ เพราะสงั คมและหมูํคณะขาดที่พ่งึ ขาดหลกั ท่ีจะ ยดึ เหนย่ี ว หากคนทว่ั ไปไมมํ ีศรทั ธาในตวั ผู๎นาแล๎วความสงบสุขจะมีได๎ยาก กลําวโดยสรุปหนา๎ ท่ีพลเมืองดี ประกอบด๎วยสมาชิกชุมชน ทอ๎ งถิ่น ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 4 คือ อาชชวะ มาใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่น และสังคมบ๎านเกิด สมาชิกชุมชนควรมี ความซือ่ สัตย๑สจุ ริต มคี วามจริงใจ ไมกํ ลับกลอก 1.4.5 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 5 มทั ทวะ คือ ความออํ นโยน มาใช๎กับชุมชนท๎องถ่ิน และสงั คม สมาชิกชุมชนควรปฏิบตั ิ ดว๎ ยการสภุ าพอํอนโยนกับผู๎ทมี่ ีอายุรํนุ ราวคราวเดียวกัน หรอื อํอน กวาํ สํวนสมาชกิ ชุมชนทเ่ี ป็นผู๎อาวโุ ส ควรไดร๎ บั การแสดงออก ด๎วยความเคารพ อํอนน๎อมถอํ มตวั จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบครี ขี ันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 5 มัททวะ ไปใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ินและสังคม ควรปฏิบัติด๎วยการมกี ิริยาสุภาพ วาจาอํอนหวาน ไมํหยาบคาย มีความนํุมนวล ผ๎ูอื่นอยํูใกล๎ก็มีแตํความ สบายใจแตคํ วามออํ นโยนมิไดห๎ มายความวําออํ นแอ ความออํ นโยนนัน้ แฝงไว๎ด๎วยความสงํางามได๎ ผู๎นาท่ี ดีจะตอ๎ งมที ั้งความออํ นโยนและเข๎มแข็งในเวลาเดียวกนั ซ่งึ เป็นสิ่งท่ีเปน็ ไปได๎ เพราะความเข๎มแข็งมิใชํ ความแข็งกระด๎าง ความอํอนโยนเป็นลักษณะที่สาคัญของผู๎นา เพราะชํวยให๎ผู๎คนเกิดความรัก ความช่ืนชมยินดี ท่ีจะให๎ความรํวมมือในกิจการตําง ๆ นักปกครองที่หยาบกระด๎างพูดจาดูถูก
157 เหยยี ดหยามคน แมจ๎ ะมีความสามารถและต้ังใจทางาน แตกํ ไ็ มอํ าจโน๎มน๎าวใจให๎คนอื่น รํวมมือได๎มาก เทําทคี่ วร กลําวโดยสรุปหนา๎ ที่พลเมืองดี ประกอบดว๎ ยสมาชิกชุมชน ท๎องถิ่น ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 5 คือ มัททวะ มาใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ิน และสังคมบ๎านเกิด สมาชิกชุมชนควรมี ความสุภาพออํ นโยนกบั เพือ่ นสมาชิกทม่ี ีรํนุ ราวคราวเดยี วกัน หรือผู๎ท่ีมีอายุน๎อยกวํา สํวนผ๎ูสูงอายุกวํา ควรใหค๎ วามเคารพ และแสดงความอํอนน๎อมถํอมตวั 1.4.6 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 6 ตบะ คือ ความเพียร มาใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ิน และ สังคม สมาชิกชุมชนควรปฏิบัติตน ในเร่ืองการพยายามขจัดกิเลสตัณหาไมํให๎เข๎าครอบงาจิตใจ สามารถบังคับควบคุมตนเองมิให๎ลํุมหลง หมกมุํนในความสุขสาราญ จนเป็นเหตุให๎เสียการงานได๎ ผ๎ูนาหรือผู๎ปกครองที่ดีต๎องมีสติระลึกอยูํเสมอวํา ตนมีหน๎าท่ีอะไร มีความรับผิดชอบตํอประชาชน อยํางไร จะตอ๎ งมงํุ มนั่ ตํอหนา๎ ท่นี ้นั ไมํปลํอยใจใหห๎ ลงใหลในความสุขสาราญท่ีมีผ๎ูเสนอสนองมาให๎ด๎วย วิธีการตําง ๆ จนลืมหน๎าที่ ลืมตัว และหลงผิด ผ๎ูนาที่เห็นหน๎าที่สาคัญกวําความสุขสาราญ ยํอมจะ สรา๎ งความก๎าวหน๎าม่ันคงและความสงบสุขแกํสังคม ผู๎นาท่ีมีตบะจะกํอให๎เกิดความรู๎สึกเกรงขามและ ความศรทั ธาเล่ือมใสแกผํ ทู๎ ีพ่ บเห็น จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบคีรขี นั ธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 6 ตบะ ไปใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่น และสังคม ควรปฏิบัติด๎วยการบังคับตนเองมิให๎ลุํมหลงหมกมํุนกับความสุขสาราญ จนเป็นเหตุให๎เสียการงาน เป็นคนที่มชี ีวติ เรยี บงําย ไมมํ วั เมากับอบายมุขและสิ่งชั่วร๎ายทั้งหลาย ผ๎ูนาท่ีดีจะต๎องระลึกอยํูเสมอวํา ตนมีหนา๎ ทอี่ ะไร มคี วามรับผิดชอบตอ๎ งมงุํ ม่ันตํอหน๎าที่ มิใชํมุํงม่ันตํอความสาราญ ปุถุชนโดยทั่วไปนั้น บางครั้งอาจตํอสู๎กับสิ่งเย๎ายวนได๎แล๎ว สังคมจะขาดหลักยึดเหน่ียว และไมํอาจก๎าวหน๎าไป สํูความเจรญิ ได๎ กลําวโดยสรุปหนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยสมาชิกชมุ ชน ทอ๎ งถน่ิ ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 6 คือ ตบะมาใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่น และสังคมบ๎านเกิด ด๎วยการเพียรพยายาม ปฏิบัติหน๎าท่ีการงานท่ีรับผิดชอบด๎วยความมุมานะ อดทน ขยัน มํุงม่ัน และทาแตํสิ่งที่ดี มีความถูก ตอ๎ ง ฝุาฟ๓นอุปสรรคตําง ๆ จนประสบความสาเรจ็ ดว๎ ยความพากเพียรน้ี 1.4.7 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 7 อกั โกธะ คอื ความไมํโกรธ มาใช๎กบั ชุมชน ทอ๎ งถนิ่ และสังคม สมาชิกชุมชนควรระงับความโกรธ ควบคุมอารมณ๑ของตนเอง เม่ือผู๎นาชุมชนไมํสามารถ ตอบสนองความต๎องการของสมาชิกได๎ สํวนผ๎ูนาจะต๎องมีจิตใจมั่นคง สุขุมเยือกเย็น สามารถอดกลั้น ความไมํพอใจไว๎ได๎ ไมํแสดงโทสะ ดําวําเกรี้ยวกราด แม๎บางคร้ังจะถูกติฉินนินทา หรือวิพากษ๑วิจารณ๑ โดยไมํมีมูลความจริง ก็ขํมใจไว๎ได๎ แสดงปฏิกิริยาโต๎ตอบด๎วยอารมณ๑ แตํใช๎เหตุผลพูดจากัน หรือแม๎ บางครั้งมอบหมายงานผู๎ใต๎บังคับบัญชา เขาทางานบกพรํองเสียหาย ผู๎เป็นหัวหน๎าต๎องใจเย็น โมโหฉุนเฉียว หรือลงโทษเขาโดยไร๎เหตุผล ถ๎าเมื่อใดผ๎ูนาหรือผ๎ูเป็นหัวหน๎าไมํอาจระงับยับย้ัง ความหงุดหงิด แค๎นเคืองได๎ ปลํอยให๎กาเริบขึ้นมา ความเสียหายเกิดขึ้นแกํการบริหารแนํนอน ตัวของผ๎ูบริหารเองก็เสียหายด๎วย น่ันคือเสียบุคลิกภาพ ผู๎ใต๎บังคับบัญชาก็เข็ดขยาดไมํกล๎าเข๎าหน๎า ยงั ผลเสียหายในภาพรวมเกดิ ตามมามากเกนิ กวําทจ่ี ะคาดคดิ
158 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบครี ีขนั ธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 7 อักโกธะ ไปใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่นและสังคม ควรปฏิบัติด๎วยการมีความเมตตาตํอคนทั่วไป ไมํตกอยํูใต๎อานาจของความโกรธ ไมํใช๎ อานาจบาตรใหญํ มีความสุขทีไ่ ด๎พบปะประชาชนทว่ั ไปอยาํ งใกลช๎ ิด กลําวโดยสรุปหนา๎ ที่พลเมืองดี ประกอบดว๎ ยสมาชกิ ชุมชน ทอ๎ งถิ่น ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 7 คือ อักโกธะ มาใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่นและสังคมบ๎านเกิด ด๎วยการมีจิตใจม่ันคง มคี วามสขุ ุม เยือกเยน็ อดกล้นั ไมํแสดงความโกรธ หรอื ความไมํพอใจ 1.4.8 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 8 อวิหงิ สา คือ ความไมเํ บียดเบยี น มาใช๎กับชมุ ชน ท๎องถนิ่ และสังคม สมาชิกชมุ ชนควรปฏิบัติดว๎ ยการไมเํ บยี ดเบยี นเอาทรัพย๑สินของชุมชน ท๎องถ่ิน และ สังคม มาใช๎เป็นของสํวนตัว สํวนผ๎ูนาที่ดีต๎องไมํหลงระเริงในอานาจ ใช๎อานาจทาอันตรายตํอรํางกาย และทรัพย๑สินผ๎ูอ่ืนตามอาเภอใจ ต๎องคอยชํวยเหลือประคับประคองผู๎ท่ีด๎อยกวํา หรือผ๎ูที่ทุกข๑ยาก เดือดร๎อน ผู๎นาที่ยึดทศพิธราชธรรมข๎อน้ียํอมสร๎างพระคุณมากกวําพระเดช ยํอมเป็นท่ีรักใครํ เคารพ นับถือของผ๎ูใต๎บงั คับบญั ชา และบุคคลทว่ั ไป รวมท้ังสามารสร๎างสรรคส๑ งั คมให๎เกิดความสงบสขุ จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบคีรขี ันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 8 อวิหิงสา ไปใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ินและสังคม ควรปฏิบัติด๎วยการมีความกรุณาตํอผู๎อื่น ไมํหาเรื่องกดข่ีขํมเหง หรือลงอาญาแผํนดินโดยปราศจาก เหตอุ ันควร สงสาร หวนั่ ใจเมือ่ เห็นความทกุ ข๑ของผ๎อู นื่ และหาหนทางทจี่ ะดับทกุ ข๑เข็ญของพวกเขา กลําวโดยสรปุ หนา๎ ทพี่ ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยสมาชกิ ชุมชน ท๎องถิ่น ควรนา ทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 8 คือ อวิหิงสา มาใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ินและสังคมบ๎านเกิด ด๎วยการไมํเบียดเบียน ทรัพย๑สินสํวนรวมมาใช๎เพ่ือสํวนตน หรือบีบค้ันกดขี่ผ๎ูอื่น รวมไปถึง การไมํใช๎อานาจไปบังคับ หรือหา เหตุกลัน่ แกล๎งคนอนื่ ด๎วย 1.4.9 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 9 ขนั ติ คือ ความอดทน มาใช๎กบั ชุมชน ท๎องถิ่นและ สงั คม สมาชิกชมุ ชนควรปฏิบัติ ด๎วยการเป็นผ๎ขู ยนั หม่ันเพียร ทางานให๎เหมาะสมกับหน๎าท่ี ไมํทอดท้ิง การงานท่ีได๎รับมอบหมาย แตํควรเพียรพยายามทาให๎เต็มกาลังความสามารถและสติป๓ญญา การประกอบอาชีพการงานนั้น ยํอมประสบกับอุปสรรค ทํานที่มีป๓ญญาสามารถ ต๎องการท่ีจะได๎รับ ประโยชนแ๑ ละความสุข กไ็ มคํ วรทอดทิง้ หรือทอ๎ ถอย ควรใช๎ความอดทนเปน็ เบอื้ งหน๎า ก็จะสาเร็จลุลํวง ไปได๎ จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 9 ขันติ ไปใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่นและสังคม ควรปฏิบัติด๎วยการมีความอดทน สามารถควบคุมอารมณ๑ของตนได๎ดีในทุกสถานการณ๑ คือ การใช๎ ความสงบสยบความเคล่อื นไหว กลาํ วโดยสรุปหน๎าทพ่ี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยสมาชิกชมุ ชน ท๎องถิ่น ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 9 คือ ขันติ มาใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่นและสังคมบ๎านเกิด ด๎วยการสามารถเผชิญกับ ความยากลาบากได๎อยํางเข๎มแข็ง เมื่อพบอุปสรรคในการทางาน ก็ย่ิงเข๎มแข็ง เด็ดเด่ียว ไมํท๎อแท๎ มคี วามอดทนอยํางตํอเนื่องจนกวาํ ปญ๓ หาไดร๎ บั การแก๎ไข หรอื ภารกิจเสร็จลุลํวง
159 1.4.10 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 10 อวิโรธนะ คอื ความเทย่ี งธรรม กับชุมชนท๎องถิ่น และสงั คม สมาชกิ ชมุ ชน ควรปฏบิ ตั กิ ารวางตัวเปน็ หลักหนักแนํน มั่นคง ไมํเอนเอียงไป เพราะอานาจ ของความลาเอียงอยํางใดอยํางหน่ึง ได๎แกํ เพราะรัก เพราะชัง เพราะหลง และเพราะกลัว หรือเพราะ อานาจของโลกธรรม ได๎แกํ ลาภ ยศ สรรเสริญ ความเสื่อมจากลาภ ความเส่ือมจากยศ นินทา และความทุกข๑ จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมลู การนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 10 อวิโรธนะ ไปใชก๎ ับชุมชน ท๎องถนิ่ และสังคม ควรปฏิบตั ิดว๎ ยความต้ังมัน่ ในธรรม ไมหํ ว่ันไหวในเรื่องดี เรอ่ื งรา๎ ย ประพฤติปฏิบัติตนอยูํในความดงี าม ไมปํ ระพฤติผิด ทานองคลองธรรม กลําวโดยสรปุ หนา๎ ที่พลเมืองดี ประกอบด๎วยสมาชิกชมุ ชน ท๎องถิ่น ควรนา ทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 10 คอื อวิโรธนะ มาใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่นและสงั คมบ๎านเกิด สมาชิกชุมชน และผ๎ูนาควรวางตัวเปน็ กลาง มคี วามหนกั แนนํ ม่ันคง ความยุตธิ รรม ไมํลาเอยี ง ไปกบั บุคคลใด หรือกลํุมใดกลํมุ หนึง่ เพอ่ื รํวมกันพัฒนาชมุ ชน ท๎องถิน่ และสังคม เร่อื งที่ 2 การนอ้ มนาพระราชดารสั ไปใช้ในชวี ิตประจาวัน เรอื่ งท่ี 2 2.1 พระราชดารัสท่ีเกย่ี วขอ๎ งกับครอบครัว เรอ่ื งท่ี 2 2.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั ทเี่ ก่ียวข๎องกับครอบครัวไวใ๎ ห๎ประชาชนชาวไทย ไดน๎ อ๎ มนามาปรับใช๎ในครอบครวั ของ ตนเอง ทีส่ าคัญ ๆ มดี ังนี้ \". “เด็กเป็นอนั มาก มคี วามรักดมี าแตกํ าเนดิ จะเรียนจะเลํนจะทาส่งิ ใด ก็มุงํ มนั่ ทาใหด๎ เี ดนํ ไมํมีปญ๓ หาอุปสรรคหรือความลาบากยากแค๎นใด ๆ จะกดี กัน้ ไว๎ได๎ เดก็ เหลาํ น้ี ผใู๎ หญคํ วรสนใจและแผํเมตตาเกื้อกลู ประคับประคอง ใหไ๎ ดม๎ โี อกาสพฒั นา ไป ในทางท่ถี ูกทีด่ ี ท้งั ด๎านการศึกษาและจติ ใจ เขาจักไดเ๎ จรญิ เติบโตเปน็ คนดีพรอ๎ ม และเปน็ ตัวอยาํ งแกเํ ยาวชนท่ัวไป” พระราชดารสั พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช พระราชทานพระตาหนกั จติ รลดารโหฐาน 13 มกราคม 2533
160
“เดก็ เป็นผูท๎ ี่จะไดร๎ บั ชวํ งทุกสงิ่ ทกุ อยํางตํอจากผู๎ใหญํ รวมท้ังการรับผิดชอบใน การธารงรักษาอิสรภาพ และความสงบสุข ท้ังภาระรับผิดชอบ ในการธารง อสิ รภาพ และความสงบสุขของบ๎านเมือง ดังนั้นเด็กทุกคนจึงสมควรและจาเป็นที่ จะต๎องได๎รับการอบรมเลี้ยงดูอยํางถูกต๎องเหมาะสม ให๎มีความสามารถ สร๎างสรรคป๑ ระโยชนต๑ าํ ง ๆ พร๎อมทง้ั การฝกึ หดั ขดั เกลาความคิดจิตใจให๎ประณีต ใหม๎ ศี รัทธามัน่ คงในคุณความดี มีความประพฤติเรียบรอ๎ ย สุจริต และมีป๓ญญาฉลาด แจํมใสในเหตุในผล หน๎าที่น้ีเป็นของทุกคนท่ีจะต๎องรํวมมือกันกระทา โดยพร๎อม เพรียงสม่าเสมอ ผ๎ูท่ีเกิดกํอน ผํานชีวิตมากํอน จะต๎องสงเคราะห๑อนุเคราะห๑ผ๎ูเกิด ตามมาภายหลัง ด๎วยการถํายทอดความรู๎ความดี และประสบการณ๑อันมีคําทั้งปวง ให๎ด๎วยความเมตตาเอ็นดู และด๎วยความบริสุทธิ์ใจในเด็กได๎ทราบ ได๎เข๎าใจ และ สาคัญท่ีสุด ให๎ร๎ูจักคิดด๎วยเหตุผลท่ีถูกต๎อง จนสามารถเห็นจริงด๎วยตนได๎ในความ เจรญิ และความเสื่อมท้ังปวง” พระราชดารัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช พระราชทานในโอกาสปีเด็กสากล วันที่ 1 มกราคม 2522 “ผใ๎ู หญเํ รามักพากันละท้ิงวิธีการเกาํ ๆ ในการอบรมฝกึ ฝนคณุ ธรรม และความสุภาพเรียบร๎อยในกาย วาจา ใจเยาวชน โดยมไิ ด๎หาวิธกี ารท่ีเหมาะสมมา ทดแทนใหเ๎ พยี งพอ ทัง้ น้ี เหน็ จะเป็นเพราะโดยมากเราไมํคํอยจะคดิ ถงึ เรื่องนี้กนั นกั ดว๎ ยเหตุที่ มัวสนใจและตน่ื เต๎นกับวชิ าการอยํางใหมกํ นั หมด ประการหนึ่งและดว๎ ย เหตุที่เสยี หายมไิ ดเ๎ กิดข้ึนฉับพลนั ทนั ที หากแตํ คอํ ย ๆ เกิดข้ึนทลี ะเล็กละนอ๎ ย อกี ประการหน่งึ จงึ ปลํอยกันมาเรือ่ ย ๆ จนบดั นผ้ี ลเสยี หายท่ีเกดิ ขนึ้ นนั้ ได๎กลายเป็น ปญ๓ หาท่เี กือบจะแกก๎ ันไมตํ ก ตามทท่ี ํานเหน็ กับตาและทราบแกํใจอยํูแล๎ว ไมจํ าเปน็ จะตอ๎ งพูดใหย๎ าวความไป ความจรงิ เยาวชนท่มี ีพน้ื จิตใจดีอยํแู ลว๎ และปรารถนา จะทาตัวใหด๎ ี ใหเ๎ ป็นประโยชน๑น้ันมอี ยเํู ปน็ อนั มาก แตํการทาความดโี ดยลาพงั ตนเอง เป็นของยาก จาเปน็ ต๎องอาศยั ผใ๎ู หญเํ ป็นท่ีพึง่ หรอื เป็นผน๎ู านน่ั เอง ผ๎ูใหญจํ งึ ตอ๎ งถือ เปน็ หน๎าท่ีและความจาเป็นท่จี ะต๎องชํวยเหลอื เขา” พระราชดารสั พระราชทานแกผํ ูบ๎ ังคับบญั ชาลูกเสือในโอกาสเข๎าเฝูา ทลู ละอองธลุ ีพระบาทและรบั พระราชทานเหรียญลูกเสอื สดดุ ี วันท่ี 6 กรกฎาคม 2521
161 “...เด็ก ๆ นอกจากจะต๎องเรยี นความรแ๎ู ลว๎ ยังต๎องหัดทา การงานและทาความดี ดว๎ ย เพราะการทางานจะชํวยให๎ มคี วามสามารถ มีความขยนั อดทน พึง่ ตนเองได๎ และ การทาดนี ั้นจะชํวยให๎มีความสขุ ความเจรญิ ทั้งปูองกนั ตนไวไ๎ มํให๎ ตกต่า...” พระบรมราโชวาท พระราชทานเนื่องในวันเดก็ แหํงชาติ ประจาปี 2530 เรื่องท่ี 2 2.1 จากพระราชดารสั ดังกลําวข๎างต๎น ครอบครวั ควรปฏิบตั ิ (1) บิดามารดาจึงต๎อง สอนบุตรธิดา พี่จึงต๎องสอนน๎อง คนรํุนใหญํจึงต๎องสอนคนรํุนเล็ก ให๎มีความร๎ูความดี มีความเจริญ งอกงาม มีเหตุมีผล และเม่ือคนรุํนเล็กเป็นผู๎ใหญํขึ้น จึงต๎องส่ังสอนคนรํุนหลังตํอ ๆ ไปไมํให๎ขาดสาย ใหม๎ คี วามรู๎ ความดี มีความเจรญิ งอกงาม มเี หตผุ ล (2) การสอนลูกใหเ๎ ป็นเด็กดีมีการพัฒนา สนับสนุน และสํงเสริมให๎ลูกเติบโตขึ้นเป็นคนดี และตัวอยํางของสังคม (3) การสอนให๎เยาวชนท่ีมีพื้นจิตใจดีอยํู แล๎วและปรารถนาจะทาตัวให๎ดีให๎เป็นประโยชน๑ แตํการทาความดีโดยลาพังตนเองมีความยาก จาเป็นต๎องอาศัยหลักเกณฑ๑ และแบบฉบับท่ีดีอยํางใดอยํางหนึ่งเป็นท่ียึดเหน่ียว จึงจะกระทาได๎โดย ถกู ต๎องเหมาะสม และไมํเปลืองเวลา กลําวคือต๎องอาศัยผู๎ใหญํเป็นท่ีพึ่ง หรือเป็นผู๎นาน่ันเอง ผู๎ใหญํจึง ต๎องถือเป็นหน๎าที่ และความจาเปน็ ท่ีจะตอ๎ งชวํ ยเหลือเขา และ (4) การสอนให๎เด็กมีความขยันทางาน อยาํ งมีความสขุ มคี วามต้ังอกตง้ั ใจทาจริง เห็นคุณคาํ ของสิง่ ทท่ี า และอดทนตํออุปสรรค เร่ืองท่ี 2 2.1 กลาํ วโดยสรุปหน๎าทพ่ี ลเมืองดี ควรน๎อมนาพระราชดารสั ที่เก่ียวข๎องกับครอบครวั มาใช๎ ด๎วยการที่พํอแมํอบรมสั่งสอนให๎ลูกได๎รับการเรียนร๎ูที่สร๎างสรรค๑ และปลูกฝ๓งสิ่งท่ีดีงามตําง ๆ ทงั้ ด๎านราํ งกาย จิตใจ อารมณ๑ สังคม สติป๓ญญา คุณธรรม และจริยธรรม พร๎อมทั้งพัฒนาให๎เป็นผู๎ท่ีมี ความร๎คู วามสามารถใช๎สติป๓ญญาวเิ คราะหอ๑ ยาํ งมเี หตผุ ล เพอ่ื ให๎เตบิ โตขึ้นอยาํ งมคี ณุ ภาพ เร่อื งที่ 2 2.2 พระราชดารัสทีเ่ ก่ยี วขอ๎ งกบั การศึกษา เร่ืองที่ 2 2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสที่เก่ียวข๎องกับการศกึ ษาไว๎ใหส๎ ถาบันการศึกษา นักเรียน นิสิตและนกั ศึกษา และบณั ฑิต ทจ่ี บการศึกษา ได๎นอ๎ มนามาใชท๎ ส่ี าคญั ๆ มีดังนี้ “การศึกษาในมหาวิทยาลยั กลาํ วตามหลัก ควรจะได๎แกํการสร๎างเสริม ความสามารถและความเจรญิ งอกงามของบุคคลในทางวิชาการสํวนหน่ึง ในทาง ความคิดอกี สวํ นหน่ึงซงึ่ เมือ่ รวมกันแล๎วจะทาใหบ๎ ุคคลมีพละกาลงั สามารถนาไปใช๎ ปฏิบัติงานใหญๆํ ของสํวนรวมใหส๎ าเรจ็ ได๎” พระบรมราโชวาทพระราชทานปรญิ ญาบตั รของมหาวทิ ยาลยั รามคาแหง วนั ที่ 26 ตุลาคม 2521
162 “ การศึกษาเปน็ เรื่องใหญแํ ละสาคัญยิ่งของมนุษย๑ คนเราเมอ่ื เกดิ มาก็ได๎รับ การสั่งสอนจากบิดามารดา อันเปน็ ความรู๎เบอ้ื งตน๎ เมื่อเจริญเตบิ โตขนึ้ ก็เป็นหนา๎ ที่ ของครู และอาจารย๑สง่ั สอนใหไ๎ ด๎รบั วชิ าความรสู๎ งู และอบรมจิตใจใหถ๎ งึ พร๎อมดว๎ ย คณุ ธรรม เพื่อจะได๎เปน็ พลเมืองดขี องชาติสบื ตํอไป ” พระบรมราโชวาทพระราชทานปริญญาบตั รแกํนิสติ และนักศกึ ษา วิทยาลัยวิชาการศกึ ษา วันท่ี 13 ธนั วาคม 2505 “ ในสวํ นของนกั เรียนเองนั้นก็จงสาเหนยี กใหม๎ ากวํา การทเี่ ราศึกษาวชิ า ความรูน๎ น้ั ความจรงิ ไมใํ ชเํ พ่ือใครเลย แตเํ พื่อตวั เราเอง ในการท่จี ะดาเนนิ ชีวติ ตอํ ไป ในวนั หนา๎ ถ๎าเรียนดีก็จะได๎ใชค๎ วามรทู๎ เี่ รยี นมาประกอบกิจการให๎เป็นประโยชน๑ เปน็ ทีพ่ ง่ึ แกํตน และเป็นทชี่ ่ืนชมตอํ วงศ๑ตระกูลตํอไปด๎วย ” พระบรมราโชวาทในพระราชพธิ พี ระราชทานประกาศนยี บัตรนักเรียนวชิราวธุ วิทยาลยั วนั ที่ 16 กมุ ภาพันธ๑ 2500 “ ขอให๎นักเรยี นทง้ั หลายตง้ั ใจรับความร๎ูที่ครสู อน เพราะโอกาสเชํนนน้ี ั้น หายาก ถ๎าไมํเอาใจใสํ พยายามเรียนก็จะหาโอกาสไมํได๎อีก เพราะเวลาท่เี ป็นเดก็ น้นั มนี อ๎ ย จงึ ต๎องขอใหใ๎ ช๎เวลาใหถ๎ ูกต๎อง สะสมความร๎ทู างหลกั วิชา และความรู๎ ทวั่ ไปให๎มาก และดีทีส่ ุดแล๎วจะไมํตอ๎ งเสียใจ เม่อื โตขึน้ ก็จะสามารถทาหนา๎ ที่ ของตน คือ ทามาหาเล้ียงชวี ิตตน และชวํ ยสํวนตัว และชวํ ยสํวนรวม ให๎อยไูํ ด๎ดว๎ ย ความก๎าวหน๎า และด๎วยความรมํ เยน็ ” พระบรมราโชวาท พระราชทานแกํคณะครูนกั เรียนโรงเรยี นวงั ไกลกงั วล วนั ที่ 28 พฤษภาคม 2512
163 “ ขอสรปุ หนา๎ ที่ของผ๎ูท่ีเป็นนสิ ิตนักศึกษาวาํ การเปน็ นักศึกษา ไมํมีอาชีพเปน็ เวลาที่จะฝกึ ทางวชิ าการและก็ทางจิตใจ เพอ่ื ทีจ่ ะมีพลังแข็งแรงท่ี จะรบั ใช๎ชาติ เป็นพลเมืองดีแลว๎ ก็เปน็ ความหวัง และก็เป็นส่งิ ที่สาคัญทส่ี ดุ วํา เม่ือไดฝ๎ ึก ในทางจติ ใจเป็นคนเข๎มแขง็ ซื่อตรง และเปน็ คนท่ีมีความปรารถนาทจ่ี ะสรา๎ งสรรค๑แลว๎ จะต๎องรักษาอดุ มคตินี้ หรือพลังน้ี หรอื ปณธิ านนีไ้ ว๎ตลอดชีวติ ” พระบรมราโชวาทเน่ืองในโอกาสเสดจ็ ฯ ทรงดนตรี เป็นการสวํ นพระองค๑ ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ๑มหาวทิ ยาลัย วันที่ 20 กนั ยายน 2514 “ ถา๎ มาพิจารณาดจู ริง ๆ จะดหี รือที่จะให๎พลงั ของนกั ศึกษาท้ังมวลเปน็ พลงั มดื ความจริงถ๎าเปน็ พลังสวาํ ง หมายความวาํ เป็นพลังทจ่ี ะใหแ๎ สงสวาํ งแกํ บา๎ นเมือง ก็จะนําชืน่ ชมนํายนิ ดยี ิ่งขน้ึ จุดประสงคท๑ แี่ ท๎จรงิ ของนกั ศกึ ษาความ สวาํ งสาหรับใหผ๎ ๎ทู ก่ี าลังศึกษากส็ วํางขนึ้ หมายถึง ผทู๎ ข่ี ัดสน หรือผู๎ทเี่ คราะห๑รา๎ ย ได๎มีแสงสวาํ งท่ีจะเรยี นไดแ๎ ล๎ว ก็ใหแ๎ สงสวาํ งแกํผท๎ู ่ีไมํใชนํ ักศึกษาผู๎ท่ีไมํมีโอกาส เปน็ นักศกึ ษา ให๎มีแสงสวําง หมายถงึ บา๎ นเมืองให๎กา๎ วหน๎าให๎ดี ให๎เปน็ ทน่ี าํ ชื่นชม จะเปน็ พลังสวําง เปน็ พลังทน่ี ําชน่ื ชมนาํ ภมู ิใจได๎ ” พระบรมราโชวาทพระราชทานแกํสมาคมบรกิ ารนักศึกษานานาชาตแิ หงํ ประเทศไทยผู๎แทนนสิ ติ นกั ศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรี จากทกุ คณะทุกสถาบนั ทว่ั ประเทศและคณะกรรมการจดั งานวันบริการนกั ศึกษา วนั ที่ 25 กนั ยายน 2512
164 “ บรรดาผ๎ูสาเรจ็ การศกึ ษาตามหลักสตู รของมหาวทิ ยาลยั กเ็ ปรียบเหมือน ไดก๎ ญุ แจที่จะไขไปสูํชีวติ ที่เจริญตอํ ไปในวันขา๎ งหนา๎ แตขํ อเตอื นวาํ การดาเนิน ชีวติ โดยใช๎วชิ าการอยํางเดยี วยงั ไมํเพียงพอ จะตอ๎ งอาศยั ความรูร๎ อบตัวและ หลักศีลธรรมประกอบดว๎ ย ผ๎ทู ่มี ีความรูด๎ ี แตํขาดความย้ังคิด นาความรู๎ไปใช๎ ในทาง มิชอบก็เทํากบั เปน็ บุคคลท่เี ป็นภยั แกสํ งั คม และของมนุษย๑ ฉะน้ัน ขอให๎ทกุ คน จงดารงชวี ติ และประกอบอาชีพโดยอาศัยวชิ าความรท๎ู ไ่ี ดร๎ ับ มาประกอบดว๎ ยความยง้ั คดิ ชั่งใจ และศีลธรรมอันดีงาม เพ่ือความ เจรญิ ก๎าวหน๎าของตนเองและของประเทศชาติ ” พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั ร ของมหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร๑ วนั ที่ 18 กนั ยายน 2504 “ บัณฑิตผสู๎ าเรจ็ การศึกษาไปแล๎ว จะทาการสงิ่ ใดให๎พจิ ารณาให๎รอบคอบ เสยี กํอน อยําทระนงตวั วํา เราเป็นบณั ฑติ แล๎ว เราต๎องเกํงกวาํ ฉลาดกวาํ ผอ๎ู ืน่ อยําลืมวําฉลาดแตํอยาํ งเดียวเทํานั้นไมํพอ ตอ๎ งเฉลยี วด๎วย ต๎องทงั้ เฉลียวและ ฉลาด ทํานท้ังหลายคงจะรจ๎ู ักนิทานเรื่อง กระตาํ ยแขงํ กับเตํา กระตํายมีฝีเทา๎ ดี ทระนงตนวําไมมํ ผี ใ๎ู ดวิง่ เรว็ เสมอเหมือนย่งิ เตําน้นั กเ็ ป็นคนละชั้นแตํความที่ ทระนงตวั วาํ ตัวเองเกงํ วงิ่ ไปยังไมํทนั ถงึ ทีห่ มายไปนอนหลับเสยี ปลอํ ย ใหเ๎ ตําซึ่ง เดินชา๎ กวํามากไปถงึ ท่ีหมายได๎กอํ น ” พระบรมราโชวาทในพธิ พี ระราชทานปริญญาบตั รแกนํ สิ ติ จุฬาลงกรณ๑ มหาวิทยาลยั วนั ท่ี 5 กรกฎาคม 2505 เรือ่ งที่ 2 2.1 จากพระราชดารัสดังกลําวขา๎ งตน๎ โดยสถาบนั การศึกษาจงึ ควรปฏิบัติ ในเร่อื งของ การถํายทอดวิชาการ และฝึกหัดอบรมนักศึกษาให๎มีประสิทธิภาพ จะต๎องชํวยเหลือเขาด๎วยหลักวิชา และความสามารถ ทุกคนได๎เรียนวิชาการแนะแนวมาแล๎ว ควรจะได๎นาหลักการมาปฏิบัติเพ่ือให๎ เยาวชนได๎รับประโยชน๑อันแท๎จริง โดยเฉพาะอยํางย่ิงการแนะแนวทางความประพฤติและจิตใจ ซ่ึงสาคัญมาก ขอให๎เพียรพยายามปลูกฝ๓งความรู๎ความคิดท่ีปราศจากโทษให๎แกํเขา โดยเสมอหน๎า
165 แนะนาอบรมด๎วยเหตุผล และด๎วยความจริงใจ ประกอบด๎วยความเมตตาปรานี สงเคราะห๑ อนุเคราะห๑และนาพาไปสูํทางท่ีถูกท่ีเจริญ เยาวชนก็จะเกิดมีความมั่นใจ และมีกาลังใจที่จะทาความดี เพ่ือจักได๎มีอนาคตที่ม่ันคง สาหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษา ควรมีความขยันขันแข็ง หม่ันเพียรใน การศกึ ษาเลาํ เรียนอยาํ งเต็มท่ี ตระหนักไว๎วํามหี นา๎ ทเ่ี รียนหนังสือ แสวงหาความรู๎เป็นหลักใหญํ แล๎วก็ จงทาหน๎าที่ของตนให๎ดีท่ีสุด เพ่ือสร๎างความเจริญและความสาเร็จของชีวิต และสาหรับบัณฑิตที่ จบการศึกษา ควรปฏิบัติ ด๎วยการไมํทระนงตัววําวิเศษกวําผู๎อ่ืนอยําอวดเกํงเกินไป จะทาการส่ิงใด จงไตรํตรองให๎รอบคอบ ถ๎าเป็นเรื่องเล็ก โทษของความไมํรอบคอบก็น๎อย แตํถ๎าเป็นเรื่องใหญํ เป็นเรอ่ื งของชาติบา๎ นเมือง ก็จะเป็นผลเสียหายแกํชาติบ๎านเมืองได๎ ฉะน้ันจะกระทาส่ิงใด จงใช๎สมอง ไตรตํ รอง ดคู วามรอบคอบเสียกํอน เร่อื งที่ 2 2.1 กลําวโดยสรุปหน๎าท่ีพลเมืองดี ประกอบด๎วย สถาบันการศึกษา ครบู าอาจารย๑ นักเรียน นักศึกษา และบัณฑิตที่เพ่ิงจบ หรือบัณฑิตศิษย๑เกําท่ีจบการศึกษานานแล๎ว ควรน๎อมนา พระราชดารัสมาปรับใช๎ ด๎วยการที่สถาบันมุํงสั่งสอน นักเรียน นักศึกษา และบัณฑิตให๎มีความร๎ู และมีคณุ ธรรม ให๎เปน็ คนเกงํ และเปน็ คนดี สาหรบั นกั เรียน นกั ศึกษา ควรต้งั ใจศกึ ษาเลําเรียนให๎มีท้ัง ความร๎ู ทัง้ วิชาการ ความรทู๎ ั่วไป เพ่ือสร๎างความเจริญและความสาเร็จของชีวิต ประพฤติในส่ิงท่ีดีงาม และบัณฑิตท่ีเพิ่งจบการศึกษา หรือจบการศึกษานานแล๎ว ควรน๎อมนาพระราชดารัสไปปรับใช๎ ด๎วยการใชส๎ ติป๓ญญา พิจารณาทกุ เร่ืองอยํางรอบคอบ และไมํประมาท เรอื่ งท่ี 2 2.3 พระราชดารัสทเี่ กยี่ วข๎องกับอาชีพการงาน เร่ืองที่ 2 2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารัสท่ีเกี่ยวข๎องกับอาชพี การงานทสี่ าคญั ๆ มดี ังนี้ “ การเกษตรนั้น ถือไดว๎ ําเป็นทั้งรากฐานและชวี ิตสาหรบั ประเทศของเรา เพราะคนไทย เราสํวนใหญํเป็นผม๎ู อี าชีพทางการเกษตรกรรม ขา๎ พเจา๎ จึงมีความเห็น เสมอ มาวําวธิ กี ารพัฒนาทเี่ หมาะสมแกปํ ระเทศเราอยาํ งยิ่ง กค็ อื จะต๎องทานุบารุง เกษตรกรรม ทกุ สาขาให๎พฒั นากา๎ วหนา๎ เพ่ือยกระดับฐานะความเป็นอยํูของ เกษตรกรทกุ ระดบั ใหส๎ ูงขึ้น” พระบรมราโชวาทในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตร ของมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ ณ อาคารจกั รพันธเ๑ พ็ญศริ ิ วันท่ี 23 กรกฎาคม 2541
166 “… การชวํ ยเหลอื สนบั สนุนประชาชนในการประกอบอาชีพและตง้ั ตัว ใหม๎ คี วามพอกนิ พอใชก๎ ํอนอื่นเปน็ พนื้ ฐานน้ัน เปน็ สงิ่ สาคัญอยํางยิง่ ยวด เพราะผู๎ท่ีมี อาชพี และฐานะเพียงพอ ท่ีจะพึ่งตนเอง ยํอมสามารถสรา๎ งความเจรญิ กา๎ วหนา๎ ระดบั ที่ สงู ข้นึ ตอํ ไปได๎โดยแนํนอน สํวนการถือหลักที่จะสงํ เสริมความเจริญ ใหค๎ ํอยเป็นไป ตามลาดับ ด๎วยความรอบคอบ ระมัดระวงั และประหยดั น้ัน ก็เพ่ือปอู งกันความผิดพลาด ลม๎ เหลว และเพ่ือใหบ๎ รรลผุ ลสาเร็จไดแ๎ นนํ อนบรบิ ูรณ๑ เพราะหากไมํกระทาด๎วยความ ระมัดระวงั ยอํ มจะหวงั ผลเตม็ เม็ดเตม็ หนวํ ยไดโ๎ ดยยาก ยกตัวอยาํ งเชํน การปราบศัตรูพืช ถ๎าทมํุ เททาไปโดยไมํมจี ังหวะทถ่ี ูกต๎อง และโดยมิได๎ศกึ ษาข๎อมลู ตาํ ง ๆ ให๎กระจาํ งชดั อยําง ทัว่ ถงึ ก็อาจสนิ้ เปลืองแรงงาน ทนุ ทรัพย๑ วสั ดุอปุ กรณ๑ ทีล่ ว๎ นมีราคาไป โดยได๎รบั ผลไมํ คุ๎มคํายิง่ กวาํ นัน้ การทาลายศัตรพู ชื ยังอาจทาลายศตั รูของพชื ท่มี ีอยูํบ๎าง แลว๎ ตาม ธรรมชาติ และทาอันตรายแกํชีวิตคนชีวิตสัตว๑เล้ยี งอีกด๎วย การพัฒนาอยํางถูกต๎อง ซ่ึงหวงั ผลอนั ยัง่ ยืนไพศาล จึงตอ๎ งวางแผนงานเป็นลาดับขน้ั อยาํ งถี่ถ๎วนทัว่ ถึง ให๎องค๑ประกอบของแผนงานทุกสวํ นสัมพันธ๑และสมดุลย๑กันโดยสอดคล๎อง …” พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปริญญาบตั ร ของมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร๑ วนั ท่ี 19 กรกฎาคม 2517 “การงานทกุ อยํางทกุ อาชีพ ยํอมจะมจี รรยาบรรณของตนเอง จรรยาบรรณนั้น จะบญั ญัติเปน็ ลายลักษณ๑อักษรหรือไมํกต็ าม แตํเปน็ สิง่ ที่ยึดถอื กนั วาํ เปน็ ความดีงาม ทีค่ นอาชีพน้ันพงึ ประพฤตปิ ฏบิ ัติ หากผู๎ใดลํวงละเมิด ก็อาจกํอให๎เกดิ ความเสยี หาย ทั้งแกํบุคคล หมูํคณะ และสํวนรวมได๎” พระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยูํหัว ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบตั ร ของมหาวทิ ยาลัยมหิดล ณ อาคารใหมํ สวนอัมพร 4 ก.ค. 40
167 “ผู๎ที่มหี นา๎ ท่ีส่อื ขาํ วท่ีดี หรือมีหน๎าทป่ี ระสานความเข๎าใจระหวํางคนหลาย ชาตหิ ลายช้ันก็ดี ควรสานึกอยํูเสมอวํางานของเขาเปน็ งานสาคัญ และมีเกยี รตสิ งู เพราะหมายถงึ ความรับผิดชอบอนั ยงิ่ ใหญํในการรํวมกันสร๎างสันติสขุ ใหแ๎ กํโลก การแพรํขาํ วโดยขาดความระมดั ระวัง หรอื แมแ๎ ตํคาพดู งําย ๆ เพียงนิดเดยี วก็ สามารถจะทาลายงานทีผ่ ู๎มีความปรารถนาดีทั้งหลายพยายามสรา๎ งไว๎ดว๎ ยความ ยากลาบากเปน็ เวลาแรมปีหากจะแกต๎ ัววําการพูดพลํอย ๆ เพียงสองสามคานี้เปน็ เรื่องเลก็ ไมํนําจะเก็บมาถือเป็นเรื่องใหญเํ ลยกไ็ มํถกู เหมือนฟองอากาศนิดเดียว ถา๎ เข๎าไปอยูํในเสน๎ เลอื ด ก็จะสามารถปลิดชีวิตคนได๎ท้ังคน และน้าตาลหวาน ๆ กอ๎ นเลก็ นิดเดียว ถ๎าใสลํ งไปในถงั นา้ มันรถก็จะทาใหเ๎ ครอ่ื งจกั รดๆี ของรถเสียได๎ โดยส้นิ เชิง” พระราชดารัสพระราชทาน แกนํ ักธรุ กิจและนักหนงั สือพิมพ๑ ณ พพิ ิธภณั ฑเ๑ มโทรโปลติ นั นครนวิ ยอร๑กอเมรกิ า วนั ที่ 8 มถิ นุ ายน 2510 “..สมาชกิ ทั้งหลาย ไดท๎ าหน๎าท่เี ป็นตัวแทนของ ปวงชนชาวไทย มีสํวนสาคญั ในการปกครอง ประเทศชาติ จึงขอให๎พิจารณาดาเนนิ งาน ดว๎ ยความละเอยี ดรอบคอบ และขอให๎ปฏิบัติตรงตามปรารถนาของประชาชนเป็นสํวนรวมอยาํ งแทจ๎ ริง...” ความตอนหน่ึง ในพระราชดารัสในพธิ ีเปิดประชุมรัฐสภา ณ พระทนี่ ั่งอนันตสมาคม วนั ที่ 24 มิถุนายน 2501
168 “… การทางานทุกอยําง คือ การพฒั นาตัวเอง เรามักได๎ยนิ คากลาํ วอ๎าง ของคนบางคนวาํ ไมพํ อใจทางานอยํางนน้ั อยํางนี้ เพราะเปน็ งานท่ีไมตํ รงกบั วุฒิ หรอื ต่าต๎อยด๎อยกวําวิทยฐานะของตน ท้ัง ๆ ท่ีบางทีก็กาลังวํางงานอยํูการประพฤติ อยํางนี้เรียกวําเลือกงาน หรือไมํส๎ูงานซ่ึงเป็นการถํวงตัวเองไว๎ไมํให๎ดีขึ้นได๎ ไมํให๎ ก๎าวหน๎าตํอไปได๎ จึงอยากจะเตือนบัณฑิตทุก ๆ คนวําอยําทาตัวเป็นคนเลือกงาน เมอ่ื มีโอกาสและมีงานให๎ทาก็ควรเต็มใจทา โดยไมํจาต๎องตั้งข๎อแม๎หรือเงื่อนไขอันใด ไว๎ให๎เป็นเคร่ืองกีดขวาง ขอให๎คิดกันเสียใหมํวําคนที่ทางานได๎จริง ๆ น้ัน ไมํวําจะ จบั งานสง่ิ ใดยอํ มทาได๎เสมอ ถ๎าย่ิงมีความเอาใจใสํมีความขยัน มีความสังเกตจดจาดี ก็ย่ิงจะชํวยให๎ประสบผลสาเร็จในงานที่ทาสูงขึ้น ท้ังนี้เพราะประสบการณ๑ที่ได๎รับ จากการทางานแตํละครั้งแตํละวันจะคํอย ๆ เพ่ิมพูนข้ึนเป็นลาดับ สํงเสริมให๎มี ความสามารถจัดเจน มีความเจริญก๎าวหน๎าสมวิทยฐานะ หรือเจริญข้ึนเกินกวําท่ี คาดหวังไว๎มากมายก็ได๎ จึงกลําวได๎เต็มปากวําการทางานด๎วยความรู๎ความสามารถ ด๎วยความตั้งใจ และเอาใจใสํศึกษาน้ัน เป็นการพัฒนาบุคคลให๎มีคุณภาพสูงขึ้นโดย แท๎ และบุคคลท่มี คี ณุ ภาพอนั พัฒนาแล๎วยํอมสามารถจะพัฒนางานสํวนรวมของชาติ ใหเ๎ จรญิ กา๎ วหน๎าไดด๎ งั ประสงค๑.…” พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบัตร ของวทิ ยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วันท่ี 8 กรกฎาคม 2530 เร่ืองที่ 2 2.1 จากพระราชดารัสดงั กลาํ วข๎างต๎น เกษตรกรทีเ่ ปน็ อาชีพที่สาคญั ของชาติไทย ต๎องดาเนนิ ชวี ติ ประกอบอาชพี แบบพอเพยี ง พงึ่ ตนเอง คํอย ๆ สร๎างความเจริญก๎าวหน๎าให๎กับตนเอง ด๎วยความรอบคอบ ระมัดระวัง ประหยัด เพื่อปูองกันข๎อผิดพลาดล๎มเหลว สํวนอาชีพผ๎ูสื่อขําวต๎อง ระมัดระวังในการเผยแพรํขําวสาร เพียงเพราะการใช๎คาพูดไมํถูกต๎อง ยํอมสํงผลตํอผู๎ต้ังใจปฏิบัติงาน มาดว๎ ยความลาบากได๎ และสาหรับผ๎ูแทนราษฎร ควรปฏิบัติงานด๎วยความละเอยี ดรอบคอบ ทาให๎ตรง ตํอความต๎องการของประชาชน และเพ่ือประโยชน๑สํวนรวม โดยทุกอาชีพต๎องมีจรรยาบรรณ ต๎องมี หรือมีคุณธรรม ในการประกอบอาชีพ ทุกอาชีพต๎องมีการพัฒนาอาชีพของตนเอง ควรต้ังใจศึกษา พัฒนาอาชพี ด๎วยการตั้งใจศึกษาพฒั นาอาชพี และทางานด๎วยความร๎ู ความสามารถของตนเอง เร่ืองท่ี 2 2.1 กลําวโดยสรุปหน๎าที่พลเมืองดี ควรน๎อมนาพระราชดารัสที่เกย่ี วข๎องกับอาชพี การงานมาปรับใช๎ ด๎วยการพัฒนาตนเองในการประกอบอาชีพการงาน ตั้งใจศึกษาหาความร๎ู ใช๎ความร๎ู ความสามารถในการประกอบอาชพี ควบคูํกับมีคณุ ธรรมในอาชีพท่ีตนเองประกอบอาชีพอยูํ มคี วามพอเพยี ง พงึ่ ตนเอง คอํ ย ๆ สร๎างความเจริญก๎าวหน๎า ของอาชีพที่ตนทาอยูํด๎วยความรอบคอบ
169 ประหยัด ปูองกันความล๎มเหลว รวมถึงการระมัดระวังคาพูด ท่ีใช๎ในการสื่อสาร ตลอดจนคานึงถึง ผลประโยชน๑ของประชาชนสวํ นใหญํ พงึ ไดร๎ ับจากการประกอบอาชีพนนั้ ๆ เรื่องที่ 2 2.4 พระราชดารัสทเ่ี กย่ี วข๎องกบั ชมุ ชน ท๎องถ่ินและสังคม เรือ่ งที่ 2 2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั ท่ีเกี่ยวขอ๎ งกับชุมชน ทอ๎ งถ่ินและสังคม ไว๎ให๎ประชาชนชาวไทยไดน๎ ๎อมนามาใช๎ในการ พัฒนาชุมชนท๎องถน่ิ และสังคม ทส่ี าคัญ ๆ มดี งั นี้ “ งานพัฒนาบ๎านเมอื งน้ัน ต๎องอาศยั บุคคลสองประเภท คอื นักวชิ าการกับ ผ๎ปู ฏิบตั ิ นักวิชาการเปน็ ผ๎ูวางโครงการ เปน็ ผ๎นู าผูช๎ ท้ี างเป็นทีป่ รกึ ษาของผป๎ู ฏิบัติ สวํ นผ๎ูปฏบิ ัตินั้นเปน็ ผู๎ลงมือลงแรงกระทางาน งานจะได๎ผลหรือไมํเพียงไร ขึ้นอยูํกับ ความสัมพันธร๑ ะหวํางบุคคลสองฝาุ ยน้ี ถ๎ามีความเข๎าใจและรํวมงานกนั ก็ไมมํ ีอุปสรรค ไดผ๎ ลงานเต็มเมด็ เตม็ หนํวย แตํถ๎าไมเํ ขา๎ ใจกันก็เกดิ อปุ สรรคลาํ ชา๎ ซง่ึ มักปรากฏอยูเํ สมอ และจาเปน็ จะตอ๎ งแก๎ไข ” พระบรมราโชวาทในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบตั รของมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร๑ ณ หอประชมุ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ 16 กรกฎาคม 2513 “ ในการพฒั นาประเทศนัน้ จาเปน็ ต๎องทาตามลาดบั ขั้นเรม่ิ ด๎วยการ สร๎างพ้ืนฐาน คือ ความมีกินมีใช๎ของประชาชนกอํ นดว๎ ยวธิ ีการทีป่ ระหยัด ระมดั ระวังแตถํ ูกตอ๎ งตามหลักวิชา เม่อื พืน้ ฐานเกดิ ขนึ้ ม่นั คงพอควรแล๎ว จึงคอํ ยสร๎างเสรมิ ความเจรญิ ข้ันท่ีสงู ขน้ึ ตามลาดับตํอไป ก็เพ่ือปูองกนั ความ ผดิ พลาดล๎มเหลว และเพ่ือให๎บรรลผุ ลสาเร็จแนํนอนบรบิ ูรณ๑ ” พระบรมราโชวาทในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบตั รของมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร๑ วนั ท่ี 19 กรกฎาคม 2517
170 “…การพฒั นาท่เี หมาะกับประเทศไทยเรา กค็ ือจะต๎องทานบุ ารุง เกษตรกรรมทุกสาขาให๎พฒั นากา๎ วหนา๎ เพ่ือยกระดับฐานะของเกษตรกร ซ่ึงเปน็ ประชาชนสํวนใหญขํ องประเทศใหส๎ งู ข้นึ อนั จะสงํ ผลให๎ฐานะทางเศรษฐกิจโดย สํวนรวมของประเทศมีความเขม๎ แข็งมนั่ คงขนึ้ ด๎วย…” คดั ตดั ตอนจากพระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบตั รของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ วันท่ี 24 กรกฎาคม 2541 “พวกเราทัง้ หลายจึงต๎องรู๎จัก รวู๎ าํ แตํละชมุ นุมชนอยํูไดด๎ ๎วยตนเองและถา๎ อยาก อยใูํ หด๎ ีขึ้น ให๎มคี วามเจริญ ใหม๎ ีความอยํูดกี นิ ดีขึน้ มรี ายไดม๎ ากขึน้ จะต๎องแลกเปลี่ยน ระหวํางชมุ นุมชน ระหวํางหมูํบ๎าน ระหวํางจงั หวดั ระหวํางประเทศ จะตอ๎ งมคี วามสามัคคี ความสามัคคีปรองดองกันระหวํางบุคคลในประเทศจงึ เป็นความสาคัญเพื่อให๎แตลํ ะคน ได๎สามารถที่จะทามาหากินมีความกา๎ วหนา๎ เครื่องหมายผ๎นู าเยาวชนจึงมีส่งิ ท่สี าคญั ที่สุด คอื ธงชาตอิ ยใูํ นเคร่ืองหมาย และเป็นสํวนใหญทํ ส่ี ุด อนั นม้ี ไี วเ๎ พราะต๎องทราบวาํ ชาติน้ี เป็นสิง่ สาคัญสาหรับทุกคน และตอ๎ งรํวมกนั สรา๎ ง ไมใํ ชํวําแตลํ ะคนตํางอยูํ ทุกคนไดร๎ ับ ความรใู๎ นทางวิชาการ ได๎รับความรู๎ในทางความสามัคคีวาํ ต๎องรวบรวมกาลัง ต๎องรํวมแรงกนั เพอื่ ทีจ่ ะสร๎างความเจรญิ แกบํ ๎านเมือง” พระบรมราโชวาท พระราชทานแกํผู๎นาเยาวชนจากจงั หวัดตาํ ง ๆ 36 จงั หวดั ทปี่ รกึ ษาผ๎ูนาเยาวชน และเจ๎าหน๎าท่ีดาเนินการฝึกอบรม ณ ศาลาดสุ ิดาลยั วันที่ 30 สิงหาคม 2514 รอื่ งที่ 2 2.1 จากพระราชดารัสดังกลําวข๎างตน๎ ในฐานะที่ทุกคนเปน็ สมาชกิ ของชุมชน ทอ๎ งถิ่น และสังคม เกี่ยวข๎องกับการพัฒนาบ๎านเมือง ชุมชน ท๎องถ่ิน ต๎องมีทั้งนักวิชาการ และผู๎ปฏิบัติท่ีมี ความสัมพันธ๑อันดี รํวมมือกันพัฒนา โดยการพัฒนาต๎องเหมาะสมกับบริบทของพ้ืนที่นั้น ๆ ชุมชน ท๎องถ่ิน จะเข๎มแข็งได๎ ต๎องมีการติดตํอ แลกเปลี่ยนกับบุคคลหรือองค๑กรภายนอก ภายใต๎การมี สมั พันธภาพทีด่ ี มีความรกั ใครํปรองดอง และสามคั คกี ัน ตลอดจนมกี ระบวนการพัฒนาชุมชน ท๎องถิ่น ตามลาดบั ข้ัน ประหยดั ถกู หลักวชิ า เพ่อื ปูองกนั ความลม๎ เหลว เรื่องที่ 2 2.1 กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ที่พลเมืองดี ควรน๎อมนาพระราชดารัสที่เกย่ี วข๎องกับการพฒั นา ต๎องอาศัยความรํวมมือทั้งฝุายวิชาการและผ๎ูปฏิบัติ ต๎องพัฒนาให๎เหมาะสมกับสภาพพ้ืนท่ีบริบท ต๎องอาศัยบุคคลภายนอก หรือองค๑กรภายนอกเข๎ามามีสํวนรํวมแลกเปล่ียนสร๎างความเข๎มแข็งให๎กับ ชุมชน ท๎องถิน่ โดยตอ๎ งทาตามขนั้ ตอนถกู ต๎องตามหลกั วิชา เพอื่ ปอู งกนั ความผิดพลาดทเ่ี กดิ ขน้ึ
171 กิจกรรมท้ายบท กิจกรรมท่ี 1 คาชีแ้ จง ให๎นักศกึ ษาเลือกคาตอบทีถ่ ูกตอ๎ งทสี่ ดุ เพียงข๎อเดยี วแลว๎ นาไปเขียนใน แผํนกระดาษคาตอบท่ีแจกให๎ 1. ปญ๓ หาทเ่ี กดิ ในวงราชการไทยป๓จจุบัน เป็นเพราะข๎าราชการไทยไมปํ ฏิบตั ติ าม พระราชดารใิ นขอ๎ ใด 1. ก. การประหยัดใช๎จาํ ยเงนิ ให๎คุ๎มคาํ 1. ข. การวางตนไมํอวดตวั เองวํามีอานาจ 1. ค. การตอบแทนบุญคุณของแผนํ ดนิ 1. ง. การใชอ๎ านาจหน๎าท่ีแสวงหาผลประโยชน๑ 2. “ ขอบอกใหร๎ ๎ูเสียแตํตน๎ มอื วํา ถา๎ ผ๎ูใดไปเป็นหน้ีมาจะไมยํ อมใช๎หนีใ้ ห๎เลย หรอื ถา๎ เป็น การจาเปน็ จะต๎องใช๎ จะไมํใช๎เปลําโดยไมมํ โี ทษแกตํ วั เลย พึงรไ๎ู ว๎เถดิ วาํ ต๎องใช๎หนเ้ี มื่อใดก็จะต๎องรับ โทษเมื่อน้นั พร๎อมกนั ” ข๎อความดังกลําวขา๎ งต๎นสอนในเร่ืองใด 1. ก. การใชจ๎ าํ ยทรพั ย๑ 1. ข. การรกั ษาช่ือเสียง 1. ค. การลงโทษผ๎ูทาความผดิ 1. ง. วธิ ีการปฏิบัติตนตามคาพํอสอน 3. ผู๎นาชมุ ชนท่ดี ีควรเป็นอยาํ งไร 1. ก. มคี วามมงํุ มน่ั ปฏบิ ัติหน๎าทข่ี องตนให๎ดีทส่ี ุด 1. ข. มีหัวใจทร่ี ักชุมชน ท๎องถิ่นและสงั คมโดยยึดม่ันในพระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยํหู วั 1. ค. ปฏบิ ตั ิหน๎าท่ีของตนให๎ดที ่สี ุด โดยยดึ มั่นพระบรมราโชวาทซึง่ กํอใหเ๎ กดิ ประโยชน๑ สงู สุดแกํชุมชน ทอ๎ งถ่นิ และสังคมเป็นหลัก 1. ง. ถูกทุกข๎อ 4. พระบรมราโชวาทท่วี าํ \"...การทางานด๎วยความบริสุทธ์ใิ จ มไิ ดม๎ งุํ หมายหากินดว๎ ยวิธี ใดๆ ใครอยากหากนิ ขอใหล๎ าออกจากตาแหนงํ ไปทาการค๎าขายดกี วาํ ...\" เรียนร๎ไู ดว๎ าํ อยาํ งไร 1. ก. ร๎ูรัก สามคั คี 1. ข. ต๎องรจู๎ ักการให๎มากกวําทจ่ี ะหวังผลรบั 1. ค. ทางานอยํางสอดประสานสัมพันธ๑ 1. ง. ต๎องมีปญ๓ ญาในการทางาน
172 5. ผูน๎ าชมุ ชนจะตอ๎ งปฏบิ ัติตนอยํางไร เพื่อประโยชน๑สุขของสมาชิกชุมชน ท๎องถนิ่ และ สงั คมตามรอยพระยคุ ลบาท 1. ก. มีความจงรกั ภกั ดตี ํอสถาบนั ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย๑ 1. ข. เป็นแกนหลักสาคัญทร่ี กั ษาความมน่ั คงและสร๎างสรรคพ๑ ัฒนาสังคม โดยปฏิบตั ติ าม กฎระเบยี บของสังคม 1. ค. เป็นคนท่ีมีความร๎คู วามสามารถ ชอื่ สตั ย๑ สจุ รติ ยตุ ิธรรม เปน็ กลาง และปกปอู ง ผลประโยชนข๑ องสมาชิกชุมชน ท๎องถน่ิ และสังคม 1. ง. พัฒนาตนเองให๎ทางานเปน็ ที่ยอมรบั ของประชาชน มคี วามมงุํ มน่ั แนวํ แนํในการ แก๎ไขปญ๓ หาของสังคม กจิ กรรมท่ี 2 กกกกกกกคาช้แี จง ให๎นกั ศึกษาจับคูํโดยการโยงเส๎น ข๎อความดา๎ นตัวเลขกบั ข๎อความตัวอักษรที่มี ความสมั พันธ๑กนั แล๎วนาคาตอบทไี่ ด๎ไปเขียนลงในแผนํ กระดาษคาตอบท่ีแจกให๎ กกกกกกก1. พระราชนิพนธ๑ท่ีเก่ยี วกบั ความเพยี ร ก. จงเป็นคนวํานอนสอนงําย กกกกกกก2. ขอ๎ ใดคอื การปฏบิ ตั ิสาหรบั ลูกตามพระบรมราโชวาท ข. ปริจาคะ กกกกกกก3. พระบรมราโชวาทที่นกั เรียนศกึ ษานเ้ี ปน็ ของใคร ค. อาชชวะ กกกกกกก4. การเสียสละ คือ ง. พระมหาชนก กกกกกกก5. สามมี คี วามซ่ือสตั ย๑ตอํ ภรรยาตรงกบั จ. พระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช กิจกรรมท่ี 3 กกกกกกกคาชแ้ี จง ใหน๎ ักศึกษาเตมิ คาลงในชํองวาํ งให๎ถูกต๎องสมบรู ณ๑สัน้ ๆ กกกกกกก1. นักเรยี นควรแสดงความกตัญ๒ูกตเวทีตอํ พํอแมํโดยวธิ ีใดจงึ เหมาะสมท่สี ดุ …………… กกกกกกก2. ทศพธิ ราชธรรมท่ีเก่ียวกบั การเสียสละความสุข คือข๎อที.่ .......................................... กกกกกกก3. การใหท๎ านแกํเพ่อื นผูเ๎ รยี นควรใชห๎ ลกั ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ ..................................... กกกกกกก4. ผู๎บงั คบั บัญชาให๎ความยุตธิ รรมกบั ลูกน๎อง ตรงกับทศพิธราชธรรมข๎อท.่ี ................... กกกกกกก5. การทนี่ ักศึกษามีความอดทน อดกล้ันตรงกบั หลกั ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ที.่ ....................
173 กกกกกกกกจิ กรรมที่ 4 กกกกกกกคาช้แี จง ใหน๎ ักศึกษาทาเคร่ืองหมายถูก ( ) หรอื ผดิ () หน๎าข๎อตอํ ไปนี้ โดยนา คาตอบที่ไดน๎ าไปเขยี นตอํ ลงในแผนํ กระดาษคาตอบท่ีแจกให๎ ...............1. หนา๎ ท่ีของนักศึกษานน้ั ตอ๎ งอดทน เปรียบได๎กับพระราชนิพนธ๑เร่ืองพระมหาชนก ...............2. ทศพิธราชธรรมท่ีใชก๎ ับการศึกษาทเ่ี กยี่ วข๎องมี 8 ขอ๎ ...............3. หนา๎ ที่ของนักศกึ ษาน้ันต๎องอดทน เปรียบได๎กับพระราชนิพนธ๑เรอ่ื งตโิ ต ...............4. นักศึกษาฝึกฝนไมใํ ห๎เป็นคนโมโหงาํ ยตรงกับทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ที่ 7 ...............5. การที่รจ๎ู ักเสยี สละดินสอใหเ๎ พ่ือนตรงกับหลักทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 3 ปริจาคะ
174 บรรณานุกรม
175 บรรณานุกรม กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2539). พระราชกรณียกจิ พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํหู ัว. กกกกกกกกรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ๑คุรสุ ภาลาดพร๎าว. กลมํุ งานผลติ เอกสาร สานกั ประชาสัมพันธ๑ สานักงานเลขาธกิ ารสภาผู๎แทนราษฎร. (2556). กกกกกกกสทิ ธิเสรภี าพ และหนา๎ ที่ของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย. กรุงเทพมหานคร : กกกกกกกโรงพมิ พ๑สานกั งานเลขาธิการสภาผู๎แทนราษฎร. คณะอาจารย๑ กศน. (2548). คูมํ อื การเรยี นร๎สู าระการเรียนร๎หู มวดวิชาพัฒนาสังคมและชุมชน กกกกกกกระดบั ประถมศกึ ษา. โรงพมิ พไ๑ ผํมีเดยี เซน็ เตอร๑. คานณู สทิ ธสิ มาน. (2542). ทฤษฎใี หมํในหลวง ชีวติ ท่พี อเพียง. กรุงเทพมหานคร : กกกกกกกโรงพิมพ๑รวํ มด๎วยชํวยกนั . จารนุ นั ท๑ องึ้ ภาภรณ๑. (ม.ป.ป.). ในหลวงกับเดก็ และเยาวชน. กรุงเทพมหานคร : ม.ป.พ. ชสู ทิ ธิ์ ชูชาต.ิ (2553). โครงการหลวงพระราชกรณียกิจนวมนิ ทรมหาราชาเพ่ือปวงประชาราษฎร กกกกกกกเชียงใหมํ : โรงพิมพ๑วนดิ าการพิมพ๑. ชสู ทิ ธิ์ ชชู าต.ิ (2554). หลกั การทรงงานตามรอยพระยุคลบาท. เชียงใหมํ : โรงพมิ พว๑ นิดาการพมิ พ๑. ทองตํอ กล๎วยไม๎ ณ อยธุ ยา. (2535). ทศพิธราชธรรม. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ๑พบั ลิคเนสพรน้ิ ท.๑ พรหมมาตร๑ ชายสิม. (2554). 84 คาสอนของพํอ. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ๑คิดดี. พระภิกษุปรัชญา. (2539). พระราชประวตั ิ พระราชกรณียกิจ พระราชธรรม พระบาทสมเดจ็ กกก กกกกกกกพระเจ๎าอยหูํ วั ภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพธ๑ รรมสภา. พุทธทาส. (2559). โชคดีมโี อกาสได๎ตามรอยพระยุคบาทโดย ทศพธิ ราชธรรม. กรุงเทพมหานคร : กกกกกก โรงพิมพ๑อมรนิ ทร๑พรน้ิ ต้ิงแอนด๑พบั ลิชชิง่ จากัด. พทุ ธทาสภกิ ข.ุ (ม.ป.ป.). เราจะครองแผนํ ดินโดยธรรมตามรอยพระยุคลบาทดว๎ ยทศพธิ ราชธรรม. กกกกกกกกรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ๑ธรรมสภา. มูลนธิ ิชัยพฒั นา. (ม.ป.ป.). ตามรอยเบื้องพระยคุ ลบาทด๎วยทศพิธราชธรรม และหลกั การทรงงาน กกกกกกกจดั พมิ พเ๑ ผยแพรเํ พ่ือเฉลมิ พระเกียรตเิ นื่องในโอกาส มหามงคลเฉลมิ พระ กกกกกกกชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550. กรงุ เทพมหานคร : ม.ป.พ. มูลนิธโิ ตโยต๎าประเทศไทยและมูลนิธิพระดาบส. (2543). ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชกก กกกกกกกดารัสเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ๑กรุงเทพฯ. ราชบัณฑติ ยสถาน. (2556). พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 เฉลิมพระเกียรติ กกกกกกกพระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยํูหัวเนื่องในโอกาสพระราชพธิ มี หามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา กกกกกกก7 รอบ 5 ธันวาคม 2554. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพศ๑ ิรวิ ัฒนา อนิ เตอรพ๑ รน้ิ ต๑จากัด. สถาบันบนั ลอื ธรรม. (2551). 209 คาสอนพอ เศรษฐกจิ พอเพยี ง. กรงุ เทพมหานคร : กกกกกกกโรงพิมพ๑ธรรมสถานศนู ย๑หนังสือพระพุทธศาสนา. สมพร เทพสิทธา. (2546). การเดนิ ทางตามรอยพระยุคลบาท เศรษฐกจิ พอเพยี ง ชวํ ยแก๎ปญ๓ หาความ กกกกกกกยากจนและการทุจริต. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พศ๑ รเี มืองการพิมพ๑.
176 สมบัติ จาปาเงิน. (ม.ป.ป.). รชั กาลท่ี 9 พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัวภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช. กกกกกกก กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ๑เอกพมิ พ๑ไทย. สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สวุ ฑฒฺ โน). (2550). ทศพิธราชธรรม ของพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยหูํ ัว. กกกกกกก กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ๑กระทรวงวัฒนธรรม. สิทธา มชี อบธรรม. (2547). หนงั สอื เรยี นพฒั นาสงั คมและชมุ ชน ระดบั ประถมศึกษา. กกกกกกกกรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพป๑ ยิ มติ ร. สานักงานกองทุนสนับสนนุ การสรา๎ งเสรมิ สุขภาพ. (2549). 9 ตามยาํ งรอยเทา๎ พอํ คูํมอื สร๎างแรง กกกกกกกบันดาลใจ จากในหลวง ถงึ เยาวชน. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพส๑ านกั งาน กกกกกกกกองทุนสนบั สนนุ การสร๎างเสริมสุขภาพ สานกั งานกองทุนสนับสนุนการสรา๎ งเสรมิ สขุ ภาพ และมูลนิธิสดศรี-สฤษดว์ิ งศ๑. (2550). คาพํอสอน. กกกกกกกพมิ พ๑ครั้งที่ 5. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ๑กรงุ เทพฯ. สานกั งานพัฒนาสังคม. (2549). ชีวิตพอเพียงตามแนวพระราชดาริ. กรงุ เทพมหานคร : ม.ป.พ. สานกั งานสํงเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย. (2559). หนังสอื เรียนรายวิชา กกกกกกกศาสนาและหน๎าที่พลเมอื งระดบั ประถมศึกษา. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พป๑ ิยมติ ร. สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแหํงชาติ. (ม.ป.ป.). เรียนรห๎ู ลักการทรงงาน กกกกกกกในพระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยหูํ วั . กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพส๑ านกั งานคณะกรรมการ กกกกกกกพฒั นาการเศรษฐกิจ สานักสงํ เสริมกจิ การการศึกษา สานักปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ. (ม.ป.ป.). โครงการเรยี นร๎ูตามรอย กกกกกกกพระยุคลบาท. กรุงเทพมหานคร : ม.ป.พ. อธิบดีกรมการปกครอง. (2553). เย็นศิระเพราะพระบริบาล. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ๑อาสารัก กกกกกกกดนิ แดน ความหมายของคนดี. ผ๎ูเขียน ทักษ๑ดนยั สรอ๎ ยคา Retired from กกกกกกกสบื คน๎ จาก http:// www.gotoknow.org2posts2244587 กกกกกกกวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560. บันทึกตามรอย 84 ตามคาสอนพํอ.สานักพิมพ๑เนชั่นบ๏ุค กกกกกกกสืบคน๎ จาก https://books.google.co.th/books?id= true กกกกกกกวันท่ี 11 มิถุนายน พ.ศ. 2560. พระราชกรณียกจิ ด๎านความสัมพนั ธร๑ ะหวํางประเทศ. ผ๎ูเขยี น News Chaopraya. กกกกกกกสืบค๎นจาก http://www.News Chaopraya.com กกกกกกกวันท่ี 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 พลเมือง ชื่อผู๎เขียน สานกั งานราชบัณฑติ ยสภา กกกกกกกสบื ค๎นจาก http://www.royin.go.th/?knowledges กกกกกกกวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2560. พลเมืองดีของประเทศชาติและสงั คมโลก ผู๎เขยี น พมิ พ๑ พมิ พ๑นภัทร กกกกกกกสบื คน๎ จาก https://www.academia.edu/8265830 กกกกกกกวันท่ี 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2560.
177 พลเมืองดตี ามวิถีประชาธิปไตย. ผ๎เู ขยี น ปณิตา ปตตาทานัง Retired from กกกกกกกสบื คน๎ จาก http://www.thistudyfocas.com/สังคมศึกษา/หน๎าทีพ่ ลเมือง กกกกกกกวนั ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 โครงการพัฒนาในตํางประเทศ. ผเู๎ ขยี น มลู นธิ ิแมฟํ ูาหลวง. กกกกกกกสืบคน๎ จาก http://www.maefahluang.org/indax.php กกกกกกกวันท่ี 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 โครงการในพระราชดาริ. ผเ๎ู ขียน มูลนิธิแมํฟาู หลวง. กกกกกกกสบื คน๎ จาก http://www.thaisavannaket.com กกกกกกกวนั ท่ี 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 “ ศาสตรพ๑ ระราชา” แผไํ พศาล ตามรอยเสน๎ ทางพัฒนาใน “ เยนนั ซอง ”. ผ๎เู ขียน ไทยรฐั . กกกกกกกสบื คน๎ จาก http://www.thairath.co.th กกกกกกกวนั ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
178 ภาคผนวก
179 ภาคผนวก ก. เฉลยกิจกรรมท้ายบท
180 เฉลยกิจกรรมทา้ ยบท บทท่ี 1 ความรู้พ้นื ฐานเก่ียวกับหน้าทีพ่ ลเมอื ง กกกกกกก1. เฉลยกิจกรรมท่ี 1 กกกกกกก 1. ก 2. ค 3. ก 4. ข 5. ง กกกกกกก2. เฉลยกิจกรรมท่ี 2 กกกกกกก 1. กบั ข กกกกกกก 2. กบั ก กกกกกกก 3. กับ ง กกกกกกก 4. กับ จ กกกกกกก 5. กับ ค กกกกกกก3. เฉลยกิจกรรมที่ 3 กกกกกกก 1. คาตอบ บุคคลธรรมดา และ นิติบุคคล กกกกกกก 2. คาตอบ หนา๎ ท่ี และ หน๎าที่ และ รฐั ธรรมนญู ไทย กกกกกกก 3. คาตอบ พลเมืองดี 4. คาตอบ ทรัพยส๑ ิน กกกกกกก 5. คาตอบ คนไทยทุกคน ใ กกกกกกก4. เฉลยกจิ กรรมท่ี 4 กกกกกกก 1 กกกกกกก 2 กกกกกกก 3 กกกกกกก 4 กกกกกกก 5 บทที่ 2 ความหมายและความสาคญั ของหน้าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลที่ 9 กกกกกกก1. เฉลยกจิ กรรมท่ี 1 1. ข 2. ง 3. ค 4. ง 5. ค กกกกกกก2. เฉลยกจิ กรรมที่ 2 1. กับ จ 2. กบั ค 3. กบั ง 4. กับ ก 5. กบั ข
181 กกกกกกก3. เฉลยกจิ กรรมท่ี 3 1. คาตอบ ความหมายของหน๎าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 2. คาตอบ ความสาคญั ของหน๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 3. คาตอบ การเรียนร๎ตู ามรอยพระยุคลบาท ด๎านความเจริญ 4. คาตอบ การเรยี นรูต๎ ามรอยพระยุคลบาท ด๎านความร๎ู 5. คาตอบ การเรยี นร๎ูตามรอยพระยุคลบาท ดา๎ นความสามัคคี กกกกกกก4. เฉลยกจิ กรรมที่ 4 กกก 1 กกกกกกก 2 กกกกกกก 3 กกกกกกก 4 กกกกกกก 5 บทที่ 3 หน้าที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ดว้ ยทศพิธราชธรรม กกกกกกก1. เฉลยกิจกรรมที่ 1 1. ง 2. ก 3. ง 4. ค 5. ข กกกกกกก2. เฉลยกจิ กรรมที่ 2 1. กบั ง 2. กับ ค 3. กับ จ 4. กับ ข 5. กบั ก กกกกกกก3. เฉลยกิจกรรมท่ี 3 1. คาตอบ ทศพธิ ราชธรรม 2. คาตอบ ปริจจาคะ 3. คาตอบ มัททวะ 4. คาตอบ ศีล 5. คาตอบ อวิโรธนะ กกกกกกก4. เฉลยกิจกรรมที่ 4 กกก 1 กกกกกกก 2 กกกกกกก 3 กกกกกกก 4 กกกกกกก 5
182 บทที่ 4 หนา้ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชดารสั กกกกกกก1. เฉลยกิจกรรมที่ 1 1. ค 2. ค 3. ค 4. ง 5. ข กกกกกกก2. เฉลยกิจกรรมท่ี 2 1. กบั ค 2. กบั ก 3. กบั ข 4. กับ จ 5. กับ ง กกกกกกก3. เฉลยกิจกรรมที่ 3 1. คาตอบ 2 ประเภท 2. คาตอบ เปน็ แบบอยาํ งที่ 3. คาตอบ สขุ กาย 4. คาตอบ ความรบั ผดิ ชอบ 5. คาตอบ สํวนรวม กกกกกกก4. เฉลยกิจกรรมท่ี 4 กกกกกกก 1 กกกกกกก 2 กกกกกกก 3 กกกกกกก 4 กกกกกกก 5 บทท่ี 5 หน้าทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามหลกั การทรงงาน กกกกกกก1. เฉลยกิจกรรมที่ 1 1. ง 2. ง 3. ง 4. ค 5. ค กกกกกกก2. เฉลยกิจกรรมท่ี 2 1. กบั ค 2. กับ ง 3. กับ ก 4. กับ จ 5. กับ ข กกกกกกก3. เฉลยกิจกรรมท่ี 3 1. คาตอบ ร๎ู รกั สามัคคี 2. คาตอบ อิทธิบาทส่ี 3. คาตอบ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 4. คาตอบ 9 ข๎อ 5. คาตอบ 4 และ 30:30:30:10
183 กกกกกกก4. เฉลยกิจกรรมที่ 4 1. 2. 3. 4. 5. บทท่ี 6 หน้าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชจริยวัตร และพระราชกรณยี กจิ กกกกกกก1. เฉลย กจิ กรรมท่ี 1 1. ข 2. ก 3. ค 4. ง 5. ก กกกกกกก2. เฉลย กิจกรรมที่ 2 1. กับ ง 2. กบั ก 3. กบั ข 4. กบั ง 5. กับ ค 3. เฉลย กิจกรรมที่ 3 1. คาตอบ อยากฟ๓งแมสํ อนอีก 2. คาตอบ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี 3. คาตอบ กราบ 4. คาตอบ จดทะเบียนสมรส 5. คาตอบ เกษตรศาสตร๑ 4. เฉลย กจิ กรรมที่ 4 1. 2. 3. 4. 5. บทท่ี 7 การประยุกต์ใช้หน้าท่พี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ในชีวติ ประจาวัน กกกกกกก1. เฉลยกจิ กรรมท่ี 1 1. ก 2. ก 3. ง 4. ข 5. ค
184 กกกกกกก2. กิจกรรมที่ 2 1. กับ ง 2. กับ ก 3. กับ จ 4. กับ ข 5. กบั ค กกกกกกก3. กิจกรรมที่ 3 1. คาตอบ การวํานอนสอนงาํ ย 2. คาตอบ ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 3 ปรจิ าคะ 3. คาตอบ ทาน 4. คาตอบ ข๎อที่ 10 อวโิ รธนะ 5. คาตอบ ข๎อท่ี 9 ความอดทน กกกกกกก4. กจิ กรรมที่ 4 1. 2. 3. 4. 5.
185 ภาคผนวก ข. การอนมุ ัตใิ ชห้ นงั สอื
186 ประกาศ สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวัดประจวบครี ขี นั ธ์ เรื่อง การอนุญาตให้ใช้ หนังสือเรียนสาระการพัฒนาสังคม รายวิชา สค13113 หน้าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ีเก้า 1 …………………………………………………………………………….... ตามท่ีสถานศึกษา ศูนย๑การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมือง ประจวบคีรีขันธ๑ ได๎พัฒนาหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี สาระพัฒนาสังคม รายวิชา สค13113 หน๎าท่ี พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่เก๎า 1 ระดับประถมศึกษา ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 โดยผํานคณะกรรมการบริหารหลักสูตรของ สถานศึกษาตรวจสอบคุณภาพ สานักงานสํงเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดประจวบคีรีขันธ๑ ได๎พิจารณาความสอดคล๎องของรายวิชาเลือกเสรีกับโปรแกรมการเรียนรู๎ การกาหนดสัดสวํ น และวธิ ีการประเมินผลสอดคลอ๎ งกับธรรมชาติรายวิชา และได๎ดาเนินการออกรหัส รายวชิ าดังกลาํ วเรียบรอ๎ ยแลว๎ ดังน้ันเพ่ือให๎การจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐานหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี สาระการพัฒนาสังคม รายวิชา สค13113 หน๎าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ีเก๎า 1 เป็นไปอยํางมีประสิทธิภาพ ใหส๎ ถานศึกษาดาเนินการจดั การเรียนร๎ู ตัง้ แตบํ ดั น้ีเปน็ ตน๎ ไป ประกาศ ณ วนั ท่ี 29 เดอื น กนั ยายน พ.ศ. 2560 (...........................................................) ผอู๎ านวยการสานักงานสงํ เสริมการศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ๑
187 ภาคผนวก ค. รายช่อื คณะผ้จู ดั ทา
188 รายชื่อคณะผู้จดั ทา ท่ปี รกึ ษา กกกกกกก1. นางโกศล หลักเมอื ง รองผ๎อู านวยการสานกั งาน กศน.ประจวบครี ีขันธ๑ กกกกกกก2. นางสาวสธุ ิกานต๑ แย๎มนิล ผ๎ูอานวยการ กศน.อาเภอหัวหนิ กกกกกกก3. รองศาสตราจารย๑ ดร.พชั รี ศรีสังข๑ อาจารย๑ประจาคณะสังคมศาสตร๑ มหาวิทยาลัย ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมิตร คณะทางาน กกกกกกก1. นางสาวขวญั จิตต๑ ศรีจันทนากลุ ผอ. กศน.อาเภอเมืองประจวบคีรขี ันธ๑ กกกกกกก2. บทท่ี 1 ความร๎ูพ้ืนฐานเกย่ี วกบั หนา๎ ท่ีพลเมือง ดงั น้ี 1. นางกาญจนา ปิยะจนิ ดา ครู กศน.ตาบล 2. นางสาวพรพิมล เยาวมาลย๑ ครู กศน.ตาบล บทที่ 2 ความหมายและความสาคญั ของหน๎าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลที่ 9 ดงั น้ี 1. นางสาวศรีปญ๓ ญา ขวักไขวํ ครอู าสาสมคั ร กศน. บทท่ี 3 หน๎าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลที่ 9 ด๎วยทศพธิ ราชธรรม ดงั น้ี 1. นางสาววรวรรณ จิตรนยิ ม ครู คศ.1 บทที่ 4 หนา๎ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลท่ี 9 ตามพระราชดารสั ดังน้ี 1. นางสาวประไพพศิ กลน่ิ สมหวัง ครู กศน.ตาบล 2. นางสาวนฤมล แสงจินดา บรรณารักษอ๑ ัตราจา๎ ง บทท่ี 5 หน๎าท่ีพลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลท่ี 9 ตามหลกั การทรงงาน ดังนี้ 1. นางสาวคานวน หวงั เจรญิ ครู กศน.ตาบล บทที่ 6 หน๎าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลที่ 9 ตามพระราชจริยวตั ร และ พระราชกรณยี กิจ ดงั นี้ 1. นางสาวปิยภรณ๑ พลู นอ๎ ย บรรณารักษป๑ ฏบิ ัติการ 2. นายพลั ลภ กลั่นนาค ครู กศน.ตาบล 3. นางสาวนพเก๎า ปรีดี ครู กศน.ตาบล 4. นายณฐั กานต๑ พวํ งเจริญ ครูศนู ยก๑ ารเรียนชุมชน บทที่ 7 การประยุกต๑ใชห๎ นา๎ ท่ีพลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาท รชั กาลที่ 9 ในชวี ติ ประจาวัน ดงั น้ี 1. นางสาวศิวิยา อาจสญั จร ครู กศน.ตาบล 2. นางสาวณฐั ิกา เสนาเทพ ครู กศน.ตาบล
189 บรรณาธกิ าร ผอ. กศน.อาเภอเมืองประจวบครี ีขนั ธ๑ ครู คศ.1 กกกกกกก1. นางสาวขวญั จิตต๑ ศรีจนั ทนากุล บรรณารักษป๑ ฏบิ ตั กิ าร กกกกกกก2. นางสาววรวรรณ จติ รนยิ ม นกั วิชาการศึกษาปฏบิ ัติการ กกกกกกก3. นางสาวปิยภรณ๑ พลู นอ๎ ย กกกกกกก4. นางสาวภทั รพร สวุ รรณรนิ ทร๑
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196