45 ภาพทรงขับรถยนต๑ดว๎ ยพระองค๑เอง กกกกกกก8. หนา้ ที่พลเมืองดี มแี นวปฏิบัติ ได๎แกํ การไมเํ บียดเบียน หรือบีบคนั้ กดขี่ผอ๎ู ่ืน รวมไปถงึ การไมํใช๎อานาจไปบังคบั หรือหาเหตุกล่นั แกล๎งคนอ่ืนด๎วย เชํน ไมํไปขํมเหงรังแกผูด๎ ๎อยกวํา ไมไํ ปขมํ ขใํู ห๎เขากลวั เรา หรอื ไปบบี บงั คับเอาของรักของหวงมาจากเขา เป็นต๎น นอกจากไมํเบียดเบียน คนด๎วยกนั แล๎ว เรายังไมํควรเบยี ดเบียนธรรมชาติ สง่ิ แวดล๎อม และสตั ว๑อีกด๎วย เพราะมิฉะน้นั ผลร๎าย จะยอ๎ นกลับมาสํูเรา และสังคม อยาํ งทเี่ ห็นในป๓จจุบนั จากภัยธรรมชาตติ าํ ง ๆ กกกกกกก9. ขันติ คอื ความอดทน หมายถึงการอดทนตํอสงิ่ ทั้งปวง สามารถอดทนตํองานหนกั ความยากลาบาก ทง้ั อดทน อดกลัน้ ตอํ คาตฉิ นิ นินทา กกกกกกก9. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 เป็นพระมหา กษตั ริยาธิราช ผทู๎ รงมีพระขันติธรรมเป็นยอดเย่ียมอยํางหาผ๎ูใดเสมอเหมือนมิได๎ จากเหตุการณ๑ที่ผําน มาท้ังในเมืองไทย และตํางประเทศ บางครั้งเป็นเร่ืองยากย่ิงสาหรับพระองค๑ที่จะทรงอดทนได๎ แตํพระองคย๑ งั ทรงอดทนรกั ษาพระราชหฤทัย พระวาจา พระวรกาย และพระอาการให๎สงบเรียบร๎อย งดงามไดใ๎ นทุกสถานการณ๑ ทรงอดทนตํอโทสะ จากการเบียดเบียนหยามดูหม่ิน ดังเชํน การถูกขับไลํ โดยกลมุํ ชนทไ่ี มหํ วงั ดตี อํ เมอื งไทย ซงึ่ เปน็ เหตุการณ๑ที่เกดิ ขึ้นในตํางประเทศ เมื่อปี พ.ศ.2505 ดังกลําว มาแล๎วข๎างต๎น เป็นต๎น ทรงอดทนตํอโลภะ คือความอยากได๎ทุกประการโดยส้ินเชิง ดังจะเห็นได๎วํา พระองค๑ได๎เคยมีพระราชประสงค๑สิ่งใดจากผู๎ใด แม๎สิ่งของท่ีนามาถวายหากมากเกินไปก็มิได๎ทรงรับ เชํน รัฐบาลในสมัยหน่ึงจะถวายรถพระที่น่ังคันใหญํเป็นพิเศษเพื่อให๎สมพระเกียรติยศ แตํพระองค๑ กลบั มีพระราชดารวิ าํ รถพระท่นี ง่ั นาํ จะเป็นรถคนั ใหญพํ อประมาณและราคาไมํแพงนัก เพ่ือจะได๎สงวน เงินไว๎พฒั นาประเทศได๎อีกสํวนหน่ึง เป็นตน๎ กกกกกกก9. นอกจากนยี้ ังทรงอดทนตํอโมหะ คือความหลง โดยพระองค๑มิไดท๎ รงติดข๎องอยูํใน ความสุขสาราญและความสะดวกสบายตําง ๆ อนั พึงหาได๎ในพระราชฐานะแหํงพระมหากษัตริยาธิราช ทรงอดทนตํอความทุกขเวทนา ความลาบากตรากตราพระวรกายตําง ๆ เพ่ือทรงบาบัดทุกข๑บารุงสุข ให๎แกํพสกนิกรทุกแหํงหน ทรงอดทนตํอความหวาดหว่ันภยันตรายตําง ๆ ดังเหตุการณ๑ท่ีเกิดข้ึนในปี พ.ศ.2510 เป็นระยะที่ผู๎กํอการร๎ายกาลังฮึกเหิม พระองค๑ก็มิได๎ทรงทอดท้ิงทหารตารวจ ผู๎ทาหน๎าท่ี ปกปูองผืนแผํนดินไทย โดยทรงมีวิทยุติดพระองค๑เพ่ือทรงรับฟ๓งเหตุการณ๑ตําง ๆ อยูํตลอดเวลา ทรงสอบถามเหตุการณ๑ทางวิทยุอยํูเสมอ และหากทรงวํางจากพระราชภารกิจจะรีบเสด็จไปยังท่ีเกิด เหตุทันที เพ่ือทรงสอบถามเหตุการณ๑ด๎วยพระองค๑เอง หากทรงทราบวํามีทหารตารวจได๎รับบาดเจ็บ
46 จะทรงให๎เฮลิคอปเตอร๑รับผู๎บาดเจ็บไปรักษาพยาบาลทันที สํวนในที่บางแหํง เชํน ท่ีกุยบุรี จังหวัด ประจวบคีรีขันธ๑ ซึ่งขาดแคลนพาหนะในการตรวจท๎องที่ ทาให๎ทหารตารวจถูกลอบทาร๎ายล๎มตาย กันเนือง ๆ หลังจากเสด็จไปทรงเย่ียมทหารตารวจ แล๎วทรงเห็นความจาเป็นจึงพระราชทานพระราช ทรัพย๑สํวนพระองค๑ จานวน 500,000 บาท ซ้ือรถจิ๊ปพระราชทานแกํทหาร ตารวจ 6 คัน เพ่ือสงวน ชีวิตเจ๎าหน๎าท่ีเหลําน้ีไว๎ นอกจากน้ีในคราวเกิดเหตุปะทะที่ทํุงช๎าง จังหวัดนําน อันขึ้นช่ือวําเป็น สมรภูมิเลือดน้ัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มิได๎ทรงกลัวเกรง ภยันตรายใด ๆ ได๎เสด็จข้ึนเฮลิคอปเตอร๑พระที่น่ังไปบินสารวจเหนือจุดซํองสุมของผู๎กํอการร๎าย ซึ่งเป็นจุดท่ีเฮลิคอปเตอร๑ของทางราชการเคยถูกยิงตกมาแล๎ว ไมํเพียงเทํานั้นยังทรงให๎เฮลิคอปเตอร๑ รับทหารผ๎ูบาดเจ็บออกมารับการรักษาพยาบาลได๎ทันทํวงทีด๎วย พระองค๑มิได๎ทรงหวาดหวั่น ภยันตรายใดๆ แม๎ในแหลํงท่ีผ๎ูกํอการร๎ายปฏิบัติการอยํางรุนแรง เชํน ลอบฆําข๎าราชการและ ประชาชน ที่บ๎านนาวง อาเภอเมือง จังหวัดพัทลุง และแม๎ในขณะท่ีพายุฝนกระหน่าอยํางหนัก พระองค๑ยังคงเสด็จฝุาสายฝนไปเพื่อทรงเยี่ยมทหารตารวจ ในสภาวะอันวิกฤตนั้น ด๎วยขันติบารมีของ พระองค๑เชํนน้ี ทาให๎ราษฎรไมํวําจะอยูํในสภาวะทุกข๑ยาก ทุรกันดาร หรือตกอยูํในภยันตรายเพียงใด ยังเกิดความร๎ูสึกอยํูเสมอวําเขามิได๎ถูกทอดทิ้งให๎ว๎าเหวํ ผจญชะตากรรมอยํูเพียงลาพัง หากยังมี องค๑พระประมุขท่ีจะเสด็จมาประทับเคียงข๎าง และแผํพระบารมีคุ๎มครองให๎เขารอดพ๎นจากภยันตราย ทั้งมวล ภาพทรงเสดจ็ เยย่ี มทหารท่บี าดเจบ็ ภาพทรงรบั ส่ังให๎รีบสงํ ตัวทหารทีบ่ าดเจบ็ เข๎าโรงพยาบาลดํวน
47 กกกกกกก9. หน้าท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏิบัติ ไดแ๎ กํ ให๎เราอดทนตํอความยากลาบากทกุ สถานการณ๑ ไมํท๎อถอย และไมํหมดกาลังกาย กาลังใจท่ีจะดาเนินชีวิต และทาหน๎าที่การงานตํอไปจนสาเร็จ รวมทั้งอดทนตํอการไมไํ ด๎รบั ความสุขสาราญ ไมํได๎รับความสะดวกสบาย ความอดทนจะทาให๎เราชนะ อุปสรรคท้งั ปวงไมํวาํ เล็กหรือใหญํ และจะทาให๎เราแกรงํ ข้ึน เข๎มแข็งข้ึน กกกกกกก10. อวโิ รธนะ คอื ความเที่ยงธรรม หมายถึง ไมํประพฤติผดิ ประพฤตปิ ฏิบัติตนอยูใํ น ความดงี าม ไมํหว่ันไหวในเร่ืองรา๎ ย กกกกกกก10. นบั เป็นบญุ ของชาวไทยเป็นอยาํ งยิ่งท่ีไดอ๎ ยํูภายใตเ๎ บ้ืองพระยุคลบาทแหงํ พระบาท สมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 พระมหากษัตริยาธิราช ผู๎ทรงบาเพ็ญอวิโรธนะ คือความเทีย่ งธรรมได๎อยํางสมบูรณ๑ยิ่ง ซ่ึงความเที่ยงธรรมในท่ีนี้ หมายถึง ความตรงตามความถูกต๎อง หรือความไมํผิดนั่นเอง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงปฏิบัติ พระองค๑ถูกต๎องตามขัตติยราชประเพณีทุกประการ ไมํเคยทรงประพฤติผิดจากราชจรรยานุวัตร นิติศาสตร๑ และราชศาสตร๑ ทรงปฏิบัติพระองค๑ได๎อยํางงดงาม ไมํมีความบกพรํองให๎เป็นที่เส่ือมเสีย พระเกียรติยศได๎เลย พระองค๑ทรงรักษาพระราชหฤทัยได๎บริสุทธ์ิปราศจากกิเลสทั้งมวล จึงมิได๎ทรง หวนั่ ไหวตํออานาจแหงํ อคตใิ ด ๆ อนั มีความรกั ความชงั ความโกรธ ความกลัว และความหลง เป็นต๎น จึงไมํมีอานาจใดที่อาจน๎อมพระองค๑ให๎ทรงประพฤติทรงปฏิบัติไปในทางที่มัวหมอง ไมํสมควร หรือ คลาดเคลื่อนไปจากความยุติธรรม ทรงอุปถัมภ๑ยกยํองผ๎ูควรอุปถัมภ๑ยกยํอง ทรงบาราบคนมีความผิด ด๎วยเปน็ ธรรม และในพระราชฐานะแหํงองค๑พระประมุขของชาติไทยในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งต๎อง มีพรรคการเมืองทั้งรัฐบาลและฝุายค๎าน พระองค๑ได๎ทรงดาริอยูํในความยุติธรรม ทรงเป็นหลักชัยของ พรรคการเมืองทุกพรรค ในด๎านพระราชภารกิจตําง ๆ ทรงปฏิบัติได๎อยํางถูกต๎อง ไมํมีผิด ด๎วยทรง สดับตรบั ฟ๓ง ทรงศึกษา ทรงแสวงหาความรค๎ู วามถูกต๎องทั้งจากบุคคล ตารา จากการที่ทรงสืบค๎นด๎วย พระองค๑เอง และทรงนามาประมวลใครํครวญด๎วยพระป๓ญญา ความร๎ูที่ทรงได๎จึงเป็นความรู๎ท่ีชัดแจ๎ง และถูกต๎อง ด๎วยเหตุนี้พระราชกรณียกิจใด ๆ ที่ทรงมํุงผลให๎บังเกิดเป็นความผาสุก ความเจริญแกํ พสกนิกรอยํางใด ก็ยํอมสาเร็จเป็นความผาสุก และความเจริญอยํางน้ัน แม๎วําจะมีบางสิ่งบางอยํางที่ จะต๎องแก๎ไขอันเป็นธรรมดาของการทางานทั้งปวง ก็ทรงปฏิบัติแก๎ไขอยํางรอบคอบ ให๎บังเกิดผลดี และสมบูรณ๑ย่ิงข้ึนไปด๎วยลาดับ พระราชกรณียกิจของพระองค๑จึงมีแตํความไมํผิด ดังเชํน ในการ พัฒนาประเทศทรงพัฒนาอยํางถูกต๎อง คือทรงพัฒนาประเทศไปพร๎อม ๆ กับการพัฒนาประชาชน โดยทรงแนะนาตรัสสอนดว๎ ยพระองค๑เอง และผาํ นทางโครงการพระราชดาริตาํ ง ๆ เป็นต๎น นอกจากนี้ ในการพัฒนาแตํละท๎องถิ่น พระองค๑ยังได๎ทรงศึกษาถึงภูมิประเทศ ลมฟูาอากาศ ตลอดจน ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเป็นอยํู และความต๎องการที่แท๎จริงของประชาชน ซ่ึงในแตํละท๎องถ่ิน ยํอมไมเํ หมอื นกัน การพัฒนาของพระองค๑จึงเป็นการพัฒนาด๎วยความเข๎าใจ เหมาะสม และเหมาะแกํ ความจาเป็นของท๎องถ่ินนั้น ๆ การพัฒนาโดยวิธีทางท่ีถูกต๎องนี้เอง ทาให๎การพัฒนาประเทศได๎ผลไมํ สูญเปลํา สามารถชํวยให๎ไพรํฟูาหน๎าใสได๎โดยทั่วหน๎ากันสมดังพระราชประสงค๑ ทั้งน้ีก็ด๎วยการ บาเพ็ญอวิโรธนะของพระองค๑นี้เอง
48 ภาพทรงโปรดเกล๎าฯ ให๎ พล.อ.สจุ นิ ดา คราประยรู พล.ต.จาลอง ศรเี มือง เขา๎ เฝูาเพ่ือยุติความขดั แย๎ง ภาพทรงเสดจ็ อํางเก็บน้ายางชมุ อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ ตาบลหาดขาม อาเภอกยุ บรุ ี จังหวดั ประจวบครี ีขันธ๑ กกกกกกก10. หน้าท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ิ ได๎แกํ ควรกระทาการงาน หรือดาเนินชีวติ ทถ่ี ูกต๎อง และให๎ความเป็นธรรมกับบุคคลทเี่ กย่ี วข๎อง ด๎วยความยตุ ธิ รรม และเที่ยงธรรม กกกกกกก10. จะเห็นไดว๎ าํ หลกั ธรรมท้ัง 10 ขอ๎ หรอื ทศพธิ ราชธรรมน้ี มิใชํขอ๎ ปฏบิ ตั ิที่ยากจนเกิน ความสามารถของคนธรรมดาสามญั ที่จะทาตามได๎ หลาย ๆ ขอ๎ ก็เปน็ สง่ิ ท่เี ราปฏบิ ตั อิ ยํูแล๎ว จะโดย รูต๎ วั หรอื ไมํกต็ าม แตหํ ากเรามีความตั้งใจจริง หลักธรรมดังกลําวกจ็ ะเป็นทุนท่ีชวํ ยหนุนนาให๎เราได๎ พัฒนาชวี ิตไปสูํความดีงาม ความม่ันคง และความสาเร็จที่เราปรารถนาทุกประการ ด๎วยการประพฤติ ปฏบิ ัติท่มี คี ุณคาํ ท้ังตํอตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติอีกด๎วย
49 กจิ กรรมทา้ ยบท กกกกกกกกจิ กรรมที่ 1 กกกกกกกคาชแ้ี จง ใหน๎ กั ศกึ ษาเลอื กคาตอบที่ถกู ต๎องทสี่ ดุ เพยี งข๎อเดียว แล๎วนาไปเขียนไว๎ในแผํน กระดาษคาตอบที่แจกให๎ กกกกกกก1. ข๎อใดคือหลกั ธรรมสาหรบั พระมหากษตั ริย๑ โดยตรง กกกกกกก1. ก. อทิ ธิบาท 4 กกกกกกก1. ข. สังคหวัตถุ 4 กกกกกกก1. ค. พรหมวหิ าร 4 กกกกกกก1. ง. ทศพิธราชธรรม กกกกกกก2. ทศพธิ ราชธรรม มกี ป่ี ระการ กกกกกกก1. ก. 10 ประการ กกกกกกก1. ข. 11 ประการ กกกกกกก1. ค. 12 ประการ กกกกกกก1. ง. 13 ประการ กกกกกกก3. ข๎อใดไมจํ ดั อยํใู นทศพิธราชธรรม กกกกกกก1. ก. ศลี กกกกกกก1. ข. ทาน กกกกกกก1. ค. ขนั ติ กกกกกกก1. ง. สมาธิ กกกกกกก4. หากผูป๎ กครองประเทศ ท่ีมเี ลหํ ๑เหลยี่ ม ฉ๎อราษฎร๑บงั หลวง แสดงวาํ ขาด ทศพธิ ราชธรรมข๎อใด กกกกกกก1. ก. ทาน กกกกกกก1. ข. อกั โกธะ กกกกกกก1. ค. อาชชวะ กกกกกกก1. ง. อวิหิงสา กกกกกกก5. นายตน๎ เป็นคนท่ีมีนิสัยสุขภาพ ออํ นโยน มีมนุษยสมั พนั ธ๑ ตรงกับทศพธิ ราชธรรมข๎อใด กกกกกกก1. ก. ตบะ กกกกกกก1. ข. มัททวะ กกกกกกก1. ค. อาชชวะ กกกกกกก1. ง. อวหิ ิงสา
50 กกกกกกกกิจกรรมท่ี 2 กกกกกกกคาชี้แจง ให๎นกั ศกึ ษาจับคูโํ ดยการโยงเส๎นข๎อความดา๎ นตวั เลข กบั ข๎อความตัวอกั ษรทีม่ ี ความสัมพันธ๑เหมือนกัน แล๎วนาคาตอบท่ไี ด๎ไปเขียนลงในแผนํ กระดาษคาตอบทีแ่ จกให๎ 1. อาชชวะ ก การไมํแสดงความโกรธใหป๎ รากฏ 2. อวหิ ิงสา ข ความอดทน ไมํทอ๎ ถอย 3. ตบะ ค การไมํเบียดเบียน ไมํใชอ๎ านาจบังคบั กลนั่ แกล๎งผ๎ูอ่นื 4. ขันติ ง ความซือ่ ตรง ดารงอยํูในสตั ย๑สจุ รติ 5. อักโกธะ จ ความอุตสาหะในการปฏิบัตงิ าน กกกกกกกกิจกรรมท่ี 3 กกกกกกกคาชแ้ี จง ให๎นักศกึ ษาเติมคาลงในชํองวํางให๎ถูกต๎องสมบรู ณ๑ สน้ั ๆ โดยนาคาตอบที่ได๎ไป เขียนลงในแผํนกระดาษคาตอบที่แจกให๎ กกกกกกก1. หลักธรรมสาหรับพระมหากษัตริย๑ พงึ ปฏบิ ัติ 10 ประการ คือ....................................... กกกกกกก2. ............................. คอื การเสียสละความสุขสํวนตน เพื่อความสขุ สวํ นรวม กกกกกกก3. ............................. คอื ความสภุ าพ อํอนโยน มีสมั มาคารวะ กกกกกกก4. ............................. คอื ความประพฤติทด่ี งี าม ทง้ั กาย วาจา และใจ เป็นตัวอยาํ งท่ดี แี กํ คนทวั่ ไป กกกกกกก5. ……………………….. คอื ความหนกั แนํน ถอื ความถกู ต๎อง เทย่ี งธรรมเป็นหลัก ไมํเอนเอยี ง หวั่นไหวตอํ คาติท้งั ปวง กกกกกกกกิจกรรมที่ 4 กกกกกกกคาชีแ้ จง ใหน๎ ักศึกษาทาเครื่องหมายถูก ( ) หรือผิด () หน๎าข๎อตํอไปน้ี โดยนา คาตอบที่ได๎ไปเขยี นลงในแผนํ กระดาษคาตอบที่แจกให๎ กกกกกกก............... 1. ทศพธิ ราชธรรม คือ ธรรมของพระราชา 10 ประการ เปน็ ของสงู บุคคล ธรรมดาควรเคารพบูชาเทาํ นั้น ไมคํ วรนามาใช๎ในชีวติ ประจาวนั กกกกกกก............... 2. ผ๎ทู ป่ี ระพฤติปฏิบัตติ นอยูํในความถกู ต๎อง เท่ยี งธรรม ไมหํ ว่นั ไหวตอํ คาพดู อารมณ๑ หรือลาภ ยศ สรรเสรญิ คือวาํ ผ๎นู ัน้ มี อวิโรธนะ กกกกกกก............... 3. การมคี วามอดทนตํอสง่ิ ทัง้ ปวงรักษาอาการกายวาจาใจให๎เรียบรอ๎ ย คอื ตบะ กกกกกกก............... 4. มทั ทวะ หมายถงึ การมีอัธยาศัยออํ นโยน มสี มั มาคารวะตํอผอู๎ าวโุ ส กกกกกกก............... 5. อาชชวะ หมายถึง ความซ่ือสัตย๑ สจุ รติ มีความจริงใจ
51 บทท่ี 4 หน้าท่พี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชดารสั สาระสาคัญ กกกกกกก1. หนา๎ ทพ่ี ลเมอื งตามพระราชดารสั ความสุขในการดาเนนิ ชีวิต ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 สขุ กาย จะเกดิ ข้ึนได๎ พลเมืองต๎องมีสภาวะราํ งกายท่ีมีความสมบูรณแ๑ ขง็ แรง เจริญเติบโตอยํางปกติ มีความต๎านทานโรคได๎ดี ปราศจากโรคภัยไข๎เจ็บ รวมถึงดูแลสุขภาพจิต ด๎านการแสวงหาความรู๎ให๎มีป๓ญญารู๎เทําทัน จะทาให๎จิตใจดี ควบคุมจิตได๎ นอกจากน้ีต๎องดูแล สุขภาพใจ ด๎านการแสวงหาความร๎ูที่ทาให๎เข๎าใจ สบายใจ หรือร๎ูเทําทันการเปลี่ยนแปลง เพ่ือให๎ สามารถดาเนินชวี ิตได๎อยํางปกติ รวมถงึ ทางานได๎ดว๎ ย กกกกกกก1. 1.2 สุขใจ จะเกดิ ขึ้นได๎ พลเมืองต๎องมสี ภาวะของจิตใจที่มคี วามสดชน่ื แจํมใส สามารถควบคุมอารมณ๑ให๎ม่ันคง ปรับตัวให๎เข๎ากับการเปล่ียนแปลงทางสังคม และสิ่งแวดล๎อมได๎เป็น อยํางดี จากการที่บุคคลน้ันใช๎ความร๎ูที่มีอยํู ประกอบกับมีสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นอันดี และมี ราํ งกายทแ่ี ข็งแรงจึงจะทาให๎มคี วามสขุ ใจได๎ กกกกกกก1. 1.3 สขุ ในการอยํูรํวมกนั จะเกดิ ข้ึนได๎พลเมืองต๎องมีความรกั ความสามัคคี ความปรองดอง และความสงบสขุ ในสงั คม ทเี่ กิดจากทุกคนได๎รบั ความยตุ ธิ รรม กกกกกกก2. หนา๎ ทพ่ี ลเมอื งตามพระราชดารัสเก่ียวกบั เด็ก นักเรียนและเยาวชน และนักศกึ ษา กกกกกกก1. 2.1 วยั เด็ก และการปลกู ฝ๓งคุณธรรมจะเกิดขึ้นได๎ จากการอบรมเล้ียงดู สั่งสอน ขัดเกลาของทุกฝุายท้ังครอบครวั และโรงเรยี น ใหเ๎ ห็นคณุ คําของความดี ความสุจริต มีความประพฤติ เรยี บรอ๎ ย มเี หตุผลหรือสติป๓ญญานัน้ เอง โดยการเปน็ แบบอยํางทด่ี ี เพื่อให๎เด็กเหน็ เป็นตวั อยาํ งและ ยึดเปน็ แบบอยาํ งให๎ได๎ กกกกกกก1. 2.2 นักเรียนและเยาวชน ตอ๎ งได๎รับการปลูกฝ๓งถํายทอดความร๎ทู ่ีแทจ๎ ริง เพื่อให๎ สามารถร๎ูเทําทัน ฉลาดและคิดสรา๎ งสรรค๑ ทาประโยชน๑ใหก๎ ับตนเองและสํวนรวม กกกกกกก1. 2.3 นกั ศกึ ษาเปน็ ผ๎ทู ่ีมคี วามพรอ๎ มท้ังวยั วุฒแิ ละคณุ วฒุ ิ ฉะนนั้ จึงต๎องมีความเพียร ความอดทน มสี ตปิ ญ๓ ญา ร๎ูจกั ใชเ๎ หตุผล และเลอื กสิง่ ที่ดีงามมาประยุกตใ๑ ชใ๎ นชวี ิตของตนเอง กกกกกกก1. 2.4 วยั ทางาน และการศึกษา กกกกกกก1. 2.4 2.4.1 วยั ทางาน ยํอมเจอป๓ญหาและอปุ สรรคเสมอ เมอื่ เจอป๓ญหาใหห๎ า ทางแก๎ไข ถา๎ แก๎คนเดยี วไมไํ ด๎กใ็ หค๎ นท่เี กี่ยวข๎องชํวยกนั คิดหาทางแก๎ไข กกกกกกก1. 2.4 2.4.2 การศกึ ษา สร๎างคนให๎มีความรู๎ ความสามารถ เป็นพื้นฐานทจี่ าเปน็ ในการ พัฒนาตนเองและประเทศชาติ กกกกกกก1. 2.5 หนา๎ ท่ี และความรับผดิ ชอบตํอบ๎านเมืองของคนในชาตติ ๎องมคี วามรัก ความ สามัคคี มีเหตุผล มีความร๎ู ชํวยกันสร๎างความเจริญ ปลูกฝ๓งความดีงามให๎กับจิตใจของคนในชาติ รวมถงึ รักษาวฒั นธรรมประเพณีทเ่ี ปน็ แบบแผนของไทยให๎คงอยํูตลอดไป
52 กกกกกกก3. หนา๎ ที่พลเมอื งตามพระราชดารัส ทเ่ี กย่ี วข๎องกับปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ จะเกิดขน้ึ ได๎ โดยรจ๎ู ักตนเอง มีความซ่ือสตั ยแ๑ ละความเพียร เดินทางสายกลาง และพอใจในสงิ่ ทีต่ นมอี ยูํ กกกกกกก3. 3.2 ความมีเหตุผล ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมุํงสอนให๎พลเมอื งไทย มีความคดิ อยาํ งรอบคอบ โดยพิจารณาจากปจ๓ จยั ท่ีเกยี่ วข๎อง และคานึงถึงผลทีจ่ ะเกดิ ขึ้นจากการ กระทานัน้ กกกกกกก3. 3.3 ความมีภมู คิ ๎ุมกนั คือ เป็นการเตรียมตัวให๎พรอ๎ มตํอการเปล่ยี นแปลงในทกุ ด๎าน ด๎วยการวเิ คราะห๑ความเสีย่ ง ใชป๎ ระสบการณ๑เดิมมาชวํ ยตัดสนิ ใจ และรวบรวมมาใชใ๎ นโอกาสตํอไป กกกกกกก3. 3.4 เง่ือนไขความรู๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความร๎ู มหี ลายประเภท ได๎แกํ ความร๎ูท่ีเกยี่ วข๎องกบั การดาเนนิ ชีวติ การประกอบอาชพี การศึกษา รวมถึงความรท๎ู ่เี ก่ียวขอ๎ งกบั การพฒั นาจติ ใจ ทาใหบ๎ คุ คลมคี วาม เจรญิ ก๎าวหน๎าได๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 หลักวชิ า คือ เนือ้ หาความรู๎ และหลกั วิชาการ คือ นาความร๎ูมาจัด กระบวนการเรียนรู๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบรู๎ รอบคอบ และระมัดระวัง เปน็ การศึกษาหาขอ๎ มูล กํอนการปฏบิ ัติ โดยคานึงผลท่ีจะตามมาอยาํ งรอบคอบ และระมดั ระวัง กกกกกกก3. 3.5 เง่อื นไขคุณธรรม แบํงออกเปน็ 2 ประเภท ได๎แกํ คุณธรรมและหนา๎ ที่ กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 คุณธรรม กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 1) ความซื่อสัตย๑สจุ ริต เป็นพื้นฐานของความดีทุกอยําง กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 2) ความเพยี ร พากเพียร และอดทน จะเกิดขน้ึ ได๎จากการฝึกฝน จนเกดิ เปน็ นสิ ยั และกระต๎ุนใหเ๎ กดิ การทางานอยํางจรงิ จังจนสาเร็จ กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 3) สติ และปญ๓ ญา เป็นความสามารถในตัวบุคคล ทจี่ ะทราบได๎จาก พฤติกรรมที่บุคคล แสดงออก ระดับของสติป๓ญญาสังเกตได๎จากการแสดงออกที่มีความคลํองแคลํว รวดเร็ว ความถูกต๎อง ความสามารถในการคิด การแก๎ป๓ญหาและการปรับตัว การใช๎แบบทดสอบวัด สติปญ๓ ญาจะทาให๎ทราบระดบั สตปิ ๓ญญาชดั เจนขึ้น กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 4) ไมเํ บียดเบียน มเี มตตา จะเกิดขึน้ ได๎ โดยการปลกู ฝง๓ คุณธรรมจาก ครอบครวั และส่ิงแวดล๎อม กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 5) ตง้ั ใจดี คดิ ดี และทาดี หากคิดดีก็จะมีความร๎สู ึกทด่ี ี เม่ือมคี วามร๎สู กึ ท่ี ดกี จ็ ะมีคาพูดทด่ี ี สํงผลให๎มีการกระทาท่ดี ดี ว๎ ย กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 6) ความรบั ผิดชอบ รับผิด และรับชอบ จะแสดงถงึ ความเอาใจใสํ มํงุ ม่ัน ตํอภารกิจที่ทาทุกคนต๎องมีความรับผิดชอบตํอหน๎าท่ีการงาน การศึกษา อื่น ๆ อยํางเต็ม ความสามารถเพ่อื ใหบ๎ รรลผุ ลสาเรจ็ ตามจดุ มงํุ หมาย และยอมรบั ผลการกระทาทจี่ ะเกดิ ข้นึ
53 กกกกกกก3. 3.4 3.5.2 หนา๎ ท่ี กกกกกกก3. 3.4 3.5.2 1) ประโยชนส๑ วํ นรวม ประโยชน๑สวํ นตน และเสียสละ การทาประโยชน๑ ให๎สวํ นรวม เสยี สละเพื่อใหป๎ ระเทศชาติมีความเจรญิ ซึ่งเป็นความรับผดิ ชอบของทุกคน และไมเํ ห็นแกํ ประโยชน๑สํวนตน กกกกกกก3. 3.4 3.5.2 2) ความสามคั คี รํวมมอื ปรองดอง เกิดจากความรํวมมือรํวมใจเป็น อนั หน่งึ อนั เดียวกนั คณุ ธรรมน้นี ับวําสาคญั มากในหมคํู ณะ เป็นคุณธรรมที่กํอให๎เกดิ ความสขุ อยาํ งย่งิ แกํหมูคํ ณะ กกกกกกก3. 3.4 3.5.2 3) ความสุข ความเจรญิ เกิดข้ึนจาก บคุ คลท้ังหมดมีเจตนากระทาเพื่อให๎ มีความสุข ความเจริญจะต๎องไมเํ บียดเบียน หรือแกํงแยงํ ผู๎อน่ื มา ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวัง กกกกกกก1. วเิ คราะห๑หนา๎ ที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชดารัส ความสุข ในการดาเนินชวี ิตเกีย่ วกบั เดก็ นักเรียน และเยาวชน และนักศึกษา และเกีย่ วกับปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียงตามสถานการณท๑ ่ีกาหนดให๎ได๎ กกกกกกก2. ตระหนกั ถึง ความสาคญั ของหน๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตาม พระราชดารัส ขอบข่ายเนอ้ื หา กกกกกกกเร่ืองที่ 1 หนา๎ ทพี่ ลเมืองตามพระราชดารสั ความสุขในการดาเนนิ ชีวติ กกกกกกกเร่ืองที่ 2 หนา๎ ทพ่ี ลเมอื งตามพระราชดารสั เก่ยี วกับเด็ก นักเรียนและเยาวชน และ นักศกึ ษา กกกกกกกเรื่องท่ี 3 หน๎าทีพ่ ลเมอื งตามพระราชดารสั ทีเ่ ก่ยี วข๎องกับปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ส่ือประกอบการเรียน กกกกกกก1. สือ่ เอกสาร ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 ชอ่ื หนงั สือ ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดารัสเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน ซ่ือผ๎แู ตํง มลู นิธโิ ตโยต๎าประเทศไทยและมูลนธิ พิ ระดาบส ปีที่พิมพ๑ 2543 สานกั พมิ พ๑กรงุ เทพฯ กกกกกกก1. 1.2 ชื่อหนังสือ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยํูหวั เน่ืองในโอกาสพระราชพธิ ีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธนั วาคม 2554 ผแ๎ู ตงํ ราชบัณฑติ ยสถาน ปีทพี่ ิมพ๑ 2556 สานักพิมพ๑ศริ วิ ัฒนาอนิ เตอร๑พร้นิ ท๑ จากัด (มหาชน)
54 กกกกกกก2. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส๑ ได๎แกํ กกกกกกก2. 2.1 ชอ่ื บทความ บนั ทกึ ตามรอย 84 ตามคาสอนพํอ ชือ่ ผแ๎ู ตํง สานกั พมิ พ๑เนชน่ั บ๏ุค สบื คน๎ จาก https://books.google.co.th/books?id= true กกกกกกก2. 2.2 ชอื่ บทความ พลเมืองดตี ามวิถปี ระชาธิปไตย ผู๎แตํง ปณิตา ปตตาทานัง สืบคน๎ จาก http://www.thistudyfocas.com กกกกกกก3. สอ่ื แหลํงเรียนร๎ูในชุมชนไดแ๎ กํ กกกกกกก3. 3.1 หอ๎ งสมุดประชาชนจังหวดั ประจวบคีรีขนั ธ๑ กกกกกกก3. 3.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทุกแหํง และศูนยก๑ ารเรียนร๎ูชมุ ชนในอาเภอเมือง ประจวบครี ขี นั ธ๑ เร่อื ง 1 หน้าท่พี ลเมอื งตามพระราชดารัส ความสขุ ในการดาเนนิ ชีวิต กกกกกกก1. สขุ กาย หมายถึง “ความสุข” ในมมุ มองน้ีเป็นการส่ือความหมายของความสุขทางกาย ทางใจ ความสมหวงั และความเปน็ อยูทํ ี่ดี กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไดท๎ รงพระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกับ สุขกายเน่ืองในการฉลองครบรอบ 50 ปี ของสโมสรโรตารใี่ นประเทศไทย ณ อาคารใหมํ สวนอมั พร วันท่ี 15 ธนั วาคม พ.ศ. 2523 ดงั น้ี “ ชีวิตของแตํละคนจะต๎องประกอบด๎วยส่ิงใด สาหรับให๎มีชีวิตอยูํได๎ถ๎าเรา คิดสักหนํอยวํา เรามีรํางกายที่จะต๎องอุ๎มชูตนเอง คือหมายความวําทุกวันนี้เราจะต๎อง หาอาหารมาเลี้ยง ถ๎าไมํมีอาหารเล้ียงรํางกายน้ีเป็นเวลาหน่ึง ก็ทาให๎ รํางกายซูบผอม และอํอนเพลียลงไป ไมํมีทางที่จะทางานทาการใด ๆ หรือแม๎จะทางานท่ีไมํใชํเป็นงาน คือเลํนสนุกอะไรก็ตาม ก็ไมํได๎ท้ังน้ัน คิดอะไรก็ไมํออกดาเนินชีวิตไมํได๎ ถ๎าไมํมีอาหาร ถ๎ามองดูในแงํน้ีเพียงอาหารที่มาใสํท๎อง ก็เป็น กิจการที่กว๎างขวางอยํางมาก มาทีน้ีพูด กันวําคนเราต๎องทามาหากิน ดูเป็นของที่สาคัญที่สุด เพราะวําถ๎าไมํทามาหากินก็ไมํมี ชีวิตอยไํู ด๎ หรอื มีชวี ิตก็แรน๎ แค๎น และทกุ ขท๑ รมานอยํางยิ่ง นอกจากน้ีก็ยังมีอาหารใจอีก ถ๎าคนเราไมํมีอาหารใจ ไมํขวนขวายหาความรู๎ จะไมํสบายใจ และจะไมํเป็นคนที่เจริญ ฉะน้ัน ทุกคนท่ี ต๎องการท่ีจะมีชีวิตอยํู และมีชีวิตอยูํอยํางดี ก็ต๎องอุ๎มชูให๎อาหารแกํตา และหาทางที่จะมอี าหารของใจดว๎ ย ”
55 กกกกกกก1. กลําวโดยสรุป สขุ กายจะเกิดข้นึ ได๎ พลเมอื งตอ๎ งมสี ภาวะรํางกายที่มีความสมบูรณ๑ แข็งแรง เจริญเติบโตอยํางปกติ มีความต๎านทานโรคได๎ดี ปราศจากโรคภัยไข๎เจ็บ รวมถึงดูแล สุขภาพจิต ด๎านการแสวงหาความร๎ูให๎มีป๓ญญารู๎เทําทันจะทาให๎จิตใจดี ควบคุมจิตได๎ นอกจากน้ีต๎อง ดูแลสุขภาพใจ ด๎านการแสวงหาความรู๎ที่ทาให๎เข๎าใจ สบายใจ หรือรู๎เทําทันการเปล่ียนแปลง เพ่ือให๎ สามารถดาเนนิ ชีวติ ไดอ๎ ยํางปกติ รวมถึงทางานได๎ดว๎ ย กกกกกกก1. หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มแี นวปฏิบตั ิ ได๎แกํ การดแู ลสุขภาพราํ งกายใหแ๎ ขง็ แรง รับประทาน อาหารท่ีมีประโยชน๑ หมัน่ ออกกาลังกายอยํเู ป็นประจา และไมํใชช๎ ีวติ อยํบู นความประมาท รวมถงึ ดแู ล สุขภาพจติ ดา๎ นการแสวงหาความรู๎ใหม๎ ปี ๓ญญารเ๎ู ทําทนั จะทาใหจ๎ ิตใจดีควบคุมจติ ได๎ กกกกกกก2. สขุ ใจ หมายถงึ ความสขุ ท่สี มั ผัสได๎จากจิต คือ ความสบายใจ ความสขุ ใจ ความอ่ิมใจ ความพอใจ อนั เกดิ จากจิตใจท่ีสงบและเย็น เป็นความสขุ ที่สะอาด กกกกกกก2. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั เกี่ยวกับ สขุ ใจไว๎ให๎แกคํ ณะครูและนักเรียนโรงเรยี นราชวินติ ณ พระตาหนักจิตรลดา รโหฐาน วันท่ี 31 ตลุ าคม พ.ศ. 2518 ดังนี้ “ ความเข๎มแข็งในจิตใจนี้เป็นสิ่งที่สาคัญที่จะต๎องฝึกฝนแตํเล็กเพราะวําตํอไป ถ๎ามีชีวิตท่ีลาบาก ไปประสบอุปสรรคใด ๆ ถ๎าไมํมีความเข๎มแข็ง ไมํมีความร๎ู ไมํมีทางที่ จะผํานอุปสรรคนั้นได๎ เพราะวําถ๎าไปเจออุปสรรคอะไร ก็ไมํมีอะไรที่จะมาชํวยเราได๎ แตํถ๎ามีความรู๎ มีอัธยาศัยท่ีดี และมีความเข๎มแข็ง ในกาย ในใจ ก็สามารถท่ีจะผํานพ๎น อปุ สรรคตําง ๆ นั้นได๎ ” กกกกกกก2. กลาํ วโดยสรปุ สขุ ใจจะเกิดขน้ึ ได๎ พลเมืองต๎องมสี ภาวะของจิตใจท่ีมีความสดชืน่ แจมํ ใส สามารถควบคุมอารมณ๑ให๎มั่นคง ปรับตัวให๎เข๎ากับการเปล่ียนแปลงทางสังคม และสิ่งแวดล๎อมได๎เป็น อยํางดีจากการท่ีบุคคลนั้นใช๎ความรู๎ที่มีอยํูประกอบกับมีสัมพันธภาพกับบุคคลอ่ืนอันดี และมีรํางกาย ทแ่ี ข็งแรง จงึ จะทาใหม๎ ีความสขุ ใจได๎ กกกกกกก2. หน๎าท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏิบัติไดแ๎ กํ การดูแลสขุ ภาพใจใหแ๎ ข็งแรง ด๎วยวธิ ีการทาจติ ให๎ สดช่ืนแจมํ ใส ควบคมุ อารมณ๑ใหม๎ นั่ คง ค๎นควา๎ หาความร๎ูให๎รเู๎ ทําทันการเปลีย่ นแปลงรวมถึงมี สัมพันธภาพทด่ี ีกบั บคุ คลอ่ืน และมรี าํ งกายแขง็ แรงดี จะชวํ ยใหบ๎ ุคคลปรบั ตวั ใหเ๎ ข๎ากบั การ เปล่ยี นแปลงของสังคม และสามารถเผชิญกับป๓ญหาได๎เปน็ อยาํ งดี กกกกกกก3. สุขในการอยรู่ ่วมกัน หมายถึง การอยรูํ ํวมกันในสังคมอยาํ งสนั ตสิ ุข จาเป็นอยํางย่ิงท่ี จะตอ๎ งอาศยั ความมนี า้ ใจไมตรที ดี่ ีตอํ กนั โดยไมํต๎องใช๎เงนิ ทองมากมาย เพียงแตํแสดงความเมตตา กรณุ าตํอเพื่อนมนุษย๑ โดยการชวํ ยเหลอื เลก็ ๆ น๎อย ๆ เทาํ น้ัน ก็เปน็ การแสดงน้าใจได๎
56 กกกกกกก3. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เกยี่ วกับสุขในการอยรูํ วํ มกัน เน่ืองในโอกาสที่รองประธานศาลฎีกานาผ๎ูพิพากษา ประจากระทรวงเข๎าเฝาู ฯ ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน วนั ที่ 21 ธนั วาคม พ.ศ.2537 ดังนี้ “ การทใ่ี นประเทศใดมีประชาชนท้งั หมดอยรํู วํ มกันโดยสันติ กเ็ ปน็ ส่ิงที่ ปรารถนาของทุกคน ไมํมใี ครอยากให๎มีความวนุํ วายในหมูํคณะในประเทศชาติ เพราะวาํ ถ๎ามีความวํุนวายนั้นเป็นความทุกข๑ ทุกคนต๎องการความสุข หากความสุขน้ันก็จะมาจาก ความปรองดอง และความท่ีทุกส่ิงทกุ อยาํ งเปน็ ไปโดยยุตธิ รรม ” กกกกกกก3. กลาํ วโดยสรุปสขุ ในการอยํรู ํวมกันจะเกดิ ข้ึนได๎พลเมืองจะต๎องมีความรัก ความสามคั คี ความปรองดอง และความสงบสุขในสงั คมทเี่ กิดจากทุกคนได๎รับความยุติธรรม กกกกกกก3 หน๎าทพี่ ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิได๎แกํ ใหค๎ วามเมตตา ความรัก ความรวํ มมือในการปฏบิ ัติ ภารกจิ สวํ นรวมรวม ถึงดา๎ นความเอื้ออาทร ปรองดอง สมานฉนั ท๑ อยํางเสมอภาค เรื่องที่ 2 หนา้ ท่ีพลเมืองตามพระราชดารัส เกี่ยวกบั เด็ก นักเรยี น และเยาวชน และ นกั ศกึ ษา กกกกกกก1. วัยเด็กและการปลูกฝงั คณุ ธรรม หมายถึง การสร๎างแรงจงู ใจเปน็ การเปลี่ยนกระบวน ความคดิ ให๎เหน็ คุณคาํ และประโยชนข๑ องการมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม ดว๎ ยการสัง่ สอนอบรม การเหน็ แบบอยําง และใหร๎ างวลั เม่ือทาความดี กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารัส เกีย่ วกบั วัยเด็กและการปลูกฝ๓งคณุ ธรรม เนือ่ งในโอกาสปีเด็กสากล วนั ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2522 ดังน้ี “ เด็กเปน็ ผ๎ทู ่ีจะได๎รบั ชํวงทุกสิง่ ทุกอยํางตํอจากผ๎ใู หญํ ดังน้ัน เดก็ ทกุ คนจึง สมควรและจาเป็น ทจ่ี ะตอ๎ งไดร๎ บั การอบรมเลยี้ งดูอยาํ งถูกตอ๎ งเหมาะสม ให๎มศี รัทธา ม่นั คงในคุณความดี มคี วามประพฤติเรียบรอ๎ ย สุจริต และมีปญ๓ ญา ฉลาดแจํมใสใน เหตุผล ”
57 กกกกกกก1. กลาํ วโดยสรุปวยั เดก็ และการปลูกฝ๓งคุณธรรมจะเกิดข้นึ ได๎ เกดิ จากการอบรมเลย้ี งดู สั่งสอน ขดั เกลาของทกุ ฝุาย ทัง้ ครอบครัวและโรงเรียน ให๎เห็นคณุ คาํ ของความดี ความสุจริต มคี วาม ประพฤติเรียบร๎อย มเี หตุผล หรอื สตปิ ญ๓ ญานนั้ เอง โดยการเปน็ แบบอยํางทด่ี ี เพ่ือให๎เด็กเหน็ เป็น ตวั อยาํ ง และยึดเป็นแบบอยาํ งใหไ๎ ด๎ กกกกกกก1. หนา๎ ทพี่ ลเมืองดี มแี นวปฏิบตั ไิ ด๎แกํ บคุ คลผู๎เป็นผ๎ูปกครองในครอบครวั ต๎องอบรม ส่งั สอนเรื่องของคุณธรรม และจริยธรรมท่เี ด็กควรปฏิบตั อิ ยํางมเี หตมุ ีผลใหเ๎ ด็กเกดิ ป๓ญญา นอกจากน้ี สถาบันการศึกษากต็ ๎องชํวยอบรมส่ังสอน และปลูกฝ๓งเร่อื งคณุ ธรรมจริยธรรมให๎กับเด็กด๎วย กกกกกกก2. นกั เรยี น และเยาวชน หมายถึง ผู๎รบั การศกึ ษาจากโรงเรยี นหรือสถาบัน การศึกษา กกกกกกก2. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเกี่ยวกับนกั เรียนและเยาวชน เน่ืองในโอกาสวันเดก็ แหํงชาตปิ ระจาปี 2532 ณ พระตาหนกั จติ รลดารโหฐาน วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2532 ดังน้ี “ ความรู๎ประโยชน๑แท๎จริงของสิ่งท้ังหลาย เป็นสิ่งที่ผู๎ใหญํต๎องปลูกฝ๓งให๎ หยั่งลึกในตัวเด็ก เด็กจักได๎เติบโตเป็นคน ฉลาดเที่ยงตรงและสามารถสร๎างสรรค๑ ประโยชน๑ทพี่ ึงประสงค๑ ใหแ๎ กํตน แกสํ ํวนรวมไดแ๎ นํนอนมปี ระสทิ ธิภาพ ” กกกกกกก2. กลาํ วโดยสรุป นกั เรียน และเยาวชนตอ๎ งไดร๎ ับการปลูกฝ๓งถํายทอดความรู๎ทแ่ี ทจ๎ ริง เพอื่ ใหส๎ ามารถรเ๎ู ทําทนั ฉลาด และคิดสรา๎ งสรรค๑ทาประโยชน๑ให๎กับตนเอง และสวํ นรวม กกกกกกก2. หน๎าท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัตไิ ดแ๎ กํ บคุ คลในครอบครัว หรือครู อาจารย๑ และ ผู๎นาชุมชน ต๎องสนับสนุนให๎นักเรียนและเยาวชนได๎เรียนร๎ูในสถาบันการศึกษา หรือแหลํงเรียนรู๎ใน ชุมชน ตามศักยภาพของนักเรียน และเยาวชนให๎ได๎มากท่ีสุด เพ่ือให๎มีความรู๎อยํางแท๎จริง มีความ ฉลาด คิดสรา๎ งสรรคท๑ าประโยชนต๑ ํอตนเองและสังคมโดยรวม กกกกกกก3. นกั ศกึ ษา พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ หค๎ าจากัดความ หรือความหมายของนักศึกษา คือ ผูท๎ ่ศี ึกษาอยํใู นสถาบนั อุดมศึกษาหรือเทยี บเทาํ กกกกกกก3. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเก่ยี วกบั นักศึกษาเนื่องในโอกาสเสด็จฯ ทรงดนตรีเปน็ สวํ นพระองค๑ ณ หอประชมุ จุฬาลงกรณ๑มหาวทิ ยาลยั วนั ท่ี 20กันยายน พ.ศ.2513 ดงั นี้
58 “ ขอสรุปหน๎าท่ีของผ๎ูท่ีเป็นนิสิตนักศึกษาวํา การเป็นนักศึกษาไมํใชํอาชีพ เป็นเวลาที่จะฝึกทางวิชาการและก็ทางจิตใจ เพื่อท่ีจะมีพลังแข็งแรงท่ีจะรับใช๎ชาติ เป็นพลเมืองดี แล๎วก็เป็นความหวัง และก็เป็นสิ่งท่ีสาคัญที่สุดวํา เม่ือได๎ฝึกในทางจิตใจ เป็นคนเข๎มแขง็ ซ่ือตรง และเป็นคนท่ีมีความปรารถนาที่จะสร๎างสรรค๑แล๎ว จะต๎องรักษา อดุ มคตนิ ี้ หรอื พลังน้ี หรอื ปณิธานน้ไี ว๎ตลอดชีวิต ” กกกกกกก3. กลําวโดยสรุปนกั ศึกษาเป็นผู๎ที่มีความพร๎อมทั้งวยั วฒุ แิ ละคณุ วฒุ ิ ฉะนั้นจงึ ต๎องมีความ เพยี ร ความอดทน มีสตปิ ๓ญญา รจ๎ู กั ใช๎เหตผุ ล และเลือกส่ิงทด่ี ีงามมาประยุกต๑ใช๎ในชวี ิตของตนเอง กกกกกกก3. หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มแี นวปฏิบตั ิ ไดแ๎ กํ ต๎องมีความเพียรและอดทน และมปี ๓ญญา และเหตุผล ร๎ูจักวําอะไรดี อะไรไมํดี ซ่ึงคาวําเพียร และคาวําอดทนเป็นคุณสมบัติ หรือคุณธรรมท่ี จะต๎องปฏิบัติ โดยเฉพาะกับนักศึกษา วําการศึกษาน้ี หมายความวํา การเรียน การหาความรู๎ของผู๎ที่ ศึกษาก็เป็นสิ่งที่ยากลาบาก จึงต๎องมีความเพียรความอดทน เราเป็นคน เราเป็นนักศึกษา หรือแม๎จะ ไมํใชํนักศึกษาก็เรียนอยํูเสมอ ศึกษาอยูํเสมอ คนเรามีป๓ญญา ควรจะมีป๓ญญา หมายความวํามีความ เข๎าใจ เข๎าใจด๎วยเหตุผลได๎ ร๎ูจักใช๎เหตุผล ร๎ูจักเลือกส่ิงท่ีดีท่ีงาม ร๎ูวําอันนี้ดี อันนี้ไมํดี ถูกต๎อง หรอื ไมถํ ูกต๎อง กกกกกกก4. วัยทางาน และการศกึ ษา กกกกกกก4. 4.1 วัยทางาน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คาจากดั ความ หรือความหมายของวัยทางาน คอื วยั ท่ีใช๎พลังทางรํางกายและสตปิ ญ๓ ญาผลิตงานออกมา กกกกกกก4. 4.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกี่ยวกบั วัยทางาน เนื่องในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั รวทิ ยาลยั เทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วนั ท่ี 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 ดังน้ี “ เมอ่ื มีโอกาสและมงี านทา ควรเตม็ ใจทาโดยไมํจาเป็นต๎องตงั้ ข๎อแม๎ หรือ เงื่อนไขอนั ใด ไว๎ให๎เป็นเคร่ืองกีดขวาง คนที่ทางานไดจ๎ ริง ๆ นนั้ ไมวํ ําจะจับงานสิ่งใด ยอํ มทาได๎เสมอ ถา๎ ยิ่งมคี วามเอาใจใสํ มีความขยัน และ ความซือ่ สัตยส๑ จุ ริต ก็ยิ่งจะชํวย ใหป๎ ระสบผลสาเร็จในงานทท่ี าสงู ขึน้ ”
59 กกกกกกก4. 4.1 กลาํ วโดยสรุป วยั ทางานยอํ มเจอปญ๓ หาและอุปสรรคเสมอ เมื่อเจอป๓ญหาใหห๎ า ทางแก๎ไข ถา๎ แก๎คนเดยี วไมํได๎ก็ให๎คนท่เี กย่ี วข๎องชวํ ยกนั คิดหาทางแก๎ไข กกกกกกก4. 4.1 หนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี มีแนวปฏิบัติไดแ๎ กํ เมื่อพบบุคคลมปี ๓ญหา ถ๎าเหน็ วาํ เขาไมํ สามารถแก๎ไขป๓ญหาน้ันได๎ ถ๎าเรามีความรู๎ความเข๎าใจก็เข๎าไปชํวยแก๎ไขป๓ญหาน้ันให๎หมดไป ควรให๎ ความรํวมมือใสํใจชํวยแก๎ไขป๓ญหาของบุคคลอ่ืนด๎วย นอกจากน้ีบุคคลไมํควรปลํอยให๎ป๓ญหาเกิดข้ึน โดยไมแํ กไ๎ ข กกกกกกก4. 4.2 การศกึ ษา พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ หค๎ าจากัดความ หรอื ความหมายของการศึกษา คือ การเลําเรียน ฝกึ ฝน และอบรม กกกกกกก4. 4.2 การศกึ ษา หมายถึง การดาเนินการด๎วยกระบวนการทุกอยําง ท่ีทาให๎บุคคล พฒั นาความสามารถดา๎ นตําง ๆ รวมทั้งทัศนคติ และพฤติกรรมอ่นื ๆ ตามคํานยิ มและคุณธรรม ในสังคม กกกกกกก4. 4.2 การศึกษา หมายถงึ กระบวนการทางสังคม ทท่ี าให๎บุคคลไดร๎ บั อิทธิพลจาก สง่ิ แวดลอ๎ ม ท่ีคัดเลอื กและกาหนดไว๎อยาํ งเหมาะสมโดยเฉพาะโรงเรียน เพอื่ พัฒนาบคุ คลและสงั คม กกกกกกก4. 4.2 กลาํ วโดยสรปุ การศกึ ษา หมายถึง วชิ าชพี อยํางหนง่ึ สาหรบั ครู หรอื การเตรยี ม บุคคลให๎เป็นครู ซ่ึงจัดสอนในสถาบันอุดมศึกษา ประกอบด๎วย วิชาจิตวิทยาการศึกษา ปรัชญา ประวัติการศึกษา หลักสูตร หลักการสอน การวัดผล การบริหาร การนิเทศการศึกษา และวิชาอ่ืน ๆ ท่ีครคู วรรู๎ ท้ังภาคทฤษฎีและปฏบิ ัติ ซึง่ จะทาใหเ๎ กิดความเจรญิ งอกงามสาหรับครู กกกกกกก4. 4.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ียวกับการศึกษา เนื่องในพธิ ีพระราชทานปริญญาบตั ร ณ วทิ ยาลัยการศึกษาประสานมิตร วนั ที่ 12 ธนั วาคม พ.ศ. 2512 ดงั นี้ “ งานด๎านการศึกษาเปน็ งานท่ีสาคัญทสี่ ุดอยํางหน่งึ ของชาติ เพราะความ เจริญและความเส่ือมของชาตินน้ั ขึน้ อยูกํ บั การศึกษาของพลเมอื งเป็นขอ๎ ใหญํ จึงต๎องจัด การศกึ ษาให๎เข๎มแข็งขนึ้ ” เรื่องท่ี 2 4. 4.2กลาํ วโดยสรุป การศึกษา เป็นส่งิ สาคญั สร๎างคนให๎มีความร๎ู ความสามารถ เปน็ พ้นื ฐานทจ่ี าเป็นในการพัฒนาตนเองและประเทศชาติ เรื่องที่ 2 4. 4.2หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัตไิ ดแ๎ กํ การศึกษาความร๎ทู างวิชาการ ความรู๎ ปฏิบัติการ และความร๎คู ิดอาํ นตามเหตุผลความเป็นจรงิ มีความจริงใจและบรสิ ุทธิใ์ จตํองาน/ ผร๎ู ํวมงาน/การรักษาระเบียบแบบแผนความดงี าม หมนั่ สารวจความบกพรํองของตนเอง และแก๎ไข ฝึกฝนใหม๎ คี วามสงบหนักแนํนท้งั ทางกาย ใจ และวาจา
60 กกกกกกก5. หน้าทแ่ี ละความรบั ผิดชอบต่อบา้ นเมือง กกกกกกก5. หน๎าที่ พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คาจากัดความ หรอื ความหมายของหน๎าที่ คือ กิจท่จี ะต๎องทาดว๎ ยความรบั ผิดชอบ กกกกกกก5. ความรับผดิ ชอบ พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คาจากัดความ หรือความหมายของความร๎ผู ิดชอบ คือ ยอมรบั ผลทัง้ ทด่ี แี ละไมดํ ใี นกิจการท่ีตนได๎ทาลงไปหรือท่ีอยูํใน ความดูแลของตน เชํน สมุห๑บัญชีรับผิดชอบเร่ืองเก่ียวกับการเงิน, รับเป็นภารธุระ เชํน งานน้ีเขา รบั ผดิ ชอบเรอ่ื งอาหาร เธอจะไปไหนก็ไปเถอะ ฉนั รับผิดชอบทุกอยาํ งในบา๎ นเอง กกกกกกก5. บา๎ นเมอื ง พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คาจากดั ความหรือ ความหมายของบา๎ นเมือง คือ ประเทศชาติ กกกกกกก5. กลาํ วโดยสรุป หน๎าที่และความรบั ผดิ ชอบตํอบา๎ นเมือง หมายถึง บุคคลท่ีอยใูํ นสังคม มหี นา๎ ท่แี ละความรับผดิ ชอบตํอสํวนรวม สังคม และประเทศชาติ กกกกกกก5. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารัสเกยี่ วกบั หน๎าท่แี ละความรับผดิ ชอบตํอบา๎ นเมืองไว๎ เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหมํ 2519 วันที่ 31 ธนั วาคม 2518 ดงั น้ี “ อันแผํนดินไทยของเราน้ี ถึงจะเป็นที่เกิดที่อาศัยของคนหลายเชื้อชาติ หลายศาสนา แตํเราก็อยูํรํวมกันโดยปกติราบร่ืนมาได๎เป็นเวลาช๎านาน เพราะเราตําง สมัครสมานกันอุตสําห๑ชํวยกันสร๎างบ๎านเมือง สร๎างความเจริญ สร๎างจิตใจ สร๎างแบบ แผนที่ดีข้ึน เป็นของเราเอง ซึ่งแม๎นานาประเทศก็นําจะนาไปเป็นแบบฉบับได๎ เพราะฉะนนั้ ถ๎าเราท้ังหลายมสี ามัคคี มีเหตุผลอันหนักแนํน และมีความรู๎ความเข๎าใจอัน ถูกต๎องชัดเจนในสถานการณ๑ท่ีเป็นจริง ตํางคนตํางรํวมมือ รํวมความคิดกันในอันที่จะ ชวํ ยกนั ผํอนคลายปญ๓ หา และสถานการณ๑ท่ีหนักให๎เป็นเบา ไมํนาเอาประโยชน๑สํวนน๎อย เข๎ามาเก่ียวขอ๎ ง ใหเ๎ สยี หายถงึ ประโยชนส๑ ํวนใหญขํ องชาติบา๎ นเมือง เช่อื วาํ เราจะสามารถ รักษาชาติประเทศ และความผาสุกสงบที่เราได๎สร๎างสมและ รักษาสืบตํอกันมาช๎านาน นนั้ ไวไ๎ ด”๎ กกกกกกก5. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเกี่ยวกับหน๎าที่และความรับผิดชอบตํอบ๎านเมือง เนื่องในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือ แหงํ ชาติ คร้งั ท่ี 6 ณ คํายลกู เสอื วชิราวุธ อาเภอศรีราชา จังหวดั ชลบรุ ี วนั ที่ 11 ธนั วาคม พ.ศ. 2512
61 “ ในบ๎านเมืองน้ัน มที ้งั คนดแี ละคนไมดํ ี ไมํมใี ครจะทาให๎คนทุกคนเปน็ คนดี ได๎ท้งั หมด การทาใหบ๎ า๎ นเมืองมีความปกตสิ ุขเรยี บร๎อย จงึ มใิ ชกํ ารทาใหท๎ กุ คนเปน็ คนดี หากแตํอยูทํ ี่การสงํ เสรมิ คนดี ให๎คนดไี ด๎ปกครองบา๎ นเมือง และควบคุมคนไมํดีไมใํ ห๎มี อานาจ ไมํใหก๎ ํอความเดอื ดร๎อนวนุํ วายได๎ ” กกกกกกก5. กลําวโดยสรุปหนา๎ ทแ่ี ละความรบั ผดิ ชอบตํอบา๎ นเมอื งของคนในชาติ ต๎องมีความรกั ความสามัคคี มีเหตุผล มีความรู๎ ชวํ ยกนั สร๎างความเจรญิ ปลูกฝง๓ ความดีงามให๎กบั จติ ใจของคนในชาติ รวมถงึ รกั ษาวฒั นธรรมประเพณที เี่ ป็นแบบแผนของไทยให๎คงอยํตู ลอดไป กกกกกกก5. หน๎าท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัติไดแ๎ กํ ตอ๎ งมีความรกั ความสามัคคี ศึกษาหาความร๎ูเพื่อ นามาพฒั นาประเทศใหเ๎ จริญกา๎ วหน๎า รวมถึงชํวยปลกู ฝ๓งจรยิ ธรรมใหก๎ ับบคุ คลที่เก่ยี วข๎องและชํวยกัน อนรุ ักษ๑วฒั นธรรมประเพณขี องไทยให๎คงอยตํู ลอดไป เรอ่ื งท่ี 3 หนา้ ที่พลเมืองตามพระราชดารสั ที่เก่ยี วขอ้ งกับปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง กกกกกกก1. ความพอประมาณ กกกกกกก1. ความพอประมาณ พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ใหค๎ าจากดั ความ หรือความหมายของความพอประมาณ คอื เพียงปานกลาง เชนํ มีฐานะดีพอประมาณ กกกกกกก1. ความพอประมาณ หมายถึง พอประมาณในทกุ อยําง ความพอดีไมํมาก หรือวาํ น๎อย จนเกนิ ไป โดยตอ๎ งไมํเบียดเบียนตนเอง หรือผ๎ูอน่ื ให๎เดือดร๎อน กกกกกกก1. ความพอประมาณ หมายถึง การร๎ูจักประมาณตน กกกกกกก1. ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดที ่ีไมํน๎อยเกนิ ไป และไมํมากเกนิ ไป โดยไมํ เบยี ดเบียนตนเองและผ๎ูอ่ืน เชนํ การผลิตและการบริโภคที่อยใํู นระดบั พอประมาณ กกกกกกก1. กลําวโดยสรปุ ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดีในทุกอยําง ไมํมากไมนํ อ๎ ย จนเกินไป เหมาะสม ไมํเบยี ดเบียนผอ๎ู ่ืน รูจ๎ ักประมาณตน กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั เกย่ี วกับ ความพอประมาณเน่อื งในโอกาสเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิตดาลยั สวนจิตรลดารโหฐานพระราชวังดสุ ติ วนั ที่ 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2541 ดังน้ี
62 “ พอเพยี งน้ี อาจมีมาก อาจจะมีของหรหู ราก็ได๎ แตํตอ๎ งไมเํ บียดเบียนคนอ่ืน ตอ๎ งให๎พอประมาณตามอัตภาพ พูดจาพอเพียง ทาอะไรกพ็ อ ปฏิบตั ิกพ็ อเพยี ง ” กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เกี่ยวกับ ความพอประมาณเนือ่ งในวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิตดาลยั วนั ท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ดงั นี้ “ คนเราถา๎ พอในความต๎องการ กม็ คี วามโลภนอ๎ ย เมื่อมคี วามโลภน๎อย ก็เบียดเบียนคนอ่นื น๎อย ถา๎ ทุกประเทศมีความคดิ อันนไ้ี มใํ ชเํ ศรษฐกิจ มีความคดิ วาํ ทาอะไรต๎องพอเพยี ง หมายความวาํ พอประมาณ ไมํสุดโตงํ ไมโํ ลภมาก คนเราก็อยูํ เปน็ สุข” กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสเก่ียวกับ ความพอประมาณ เน่อื งในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิตดาลยั วันที่ 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2539 ดังนี้ “ การเป็นเสอื น้นั ไมสํ าคญั สาคัญอยูํท่เี รามเี ศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบ พอมพี อกนิ น้ัน หมายความวาํ อุม๎ ชตู ัวเองไดใ๎ ห๎มีความพอเพียงกบั ตวั เอง อนั นีก้ ็เคยบอก วาํ ความพอเพยี งนี้ ไมํได๎หมายความวํา ทกุ ครอบครัวจะต๎องผลติ อาหารของตวั จะต๎อง ทอผ๎าใสเํ อง อยาํ งน้ันมนั เกินไป แตํวําในหมบูํ ๎าน หรือในอาเภอจะต๎องมคี วามพอเพยี ง พอสมควร บางสิง่ บางอยาํ งท่ีผลติ ได๎มากกวําความต๎องการ กข็ ายได๎ แตขํ ายในที่ไมํ หํางไกลเทําไหรํ ไมตํ ๎องเสยี คาํ ขนสํงมากนัก ”
63 กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เกย่ี วกับความพอประมาณ เนื่องในพธิ พี ระราชทานปริญญาบตั รของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ ณ หอประชุมมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 ดังนี้ “ การพัฒนาประเทศจาเป็นต๎องทาตามลาดบั ขั้น ต๎องสร๎างพืน้ ฐาน คอื ความพอมีพอกนิ พอใช๎ของประชาชนสํวนใหญํเป็นเบือ้ งตน๎ กํอน โดยใชว๎ ธิ กี ารและ ใชอ๎ ุปกรณ๑ท่ีประหยดั แตถํ ูกต๎องตามหลักวิชา เมื่อได๎พน้ื ฐานม่ันคงพร๎อมพอควรและ ปฏบิ ัตไิ ดแ๎ ลว๎ จงึ คํอยสร๎างคํอยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกจิ ข้นั ที่สงู ขน้ึ โดย ลาดับตอํ ไป หากมํงุ แตํจะทมุํ เทสรา๎ งความเจริญ ยกเศรษฐกิจข้ึนใหร๎ วดเร็วแตํ ประการเดียว โดยไมํให๎แผนปฏบิ ตั ิการสัมพนั ธก๑ ับสภาวะของประเทศและของ ประชาชนโดยสอดคลอ๎ งด๎วย กจ็ ะเกิดความไมสํ มดลุ ในเรอ่ื งตําง ๆ ขึ้น ซง่ึ อาจ กลายเปน็ ความยํุงยากลม๎ เหลวได๎ในทีส่ ุด ” กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารัสเก่ียวกับความพอประมาณ เนื่องในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลัย วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ดังนี้ “ เราไมํเปน็ ประเทศรา่ รวย เรามีพอสมควร พออยูํได๎ แตํไมํเป็นประเทศที่ ก๎าวหน๎าอยาํ งมาก เราไมํอยากจะเปน็ ประเทศก๎าวหน๎าอยาํ งมาก เพราะถา๎ เราเป็น ประเทศกา๎ วหน๎าอยํางมากก็จะมีแตํถอยกลบั ประเทศเหลาํ น้ันท่เี ป็นประเทศ อตุ สาหกรรมกา๎ วหน๎า จะมีแตํถอยหลงั และถอยหลงั อยํางนํากลวั แตํถ๎าเรามีการ บรหิ ารแบบเรยี กวาํ แบบคนจน แบบทไี่ มํติดกบั ตารามากเกินไป ทาอยํางมสี ามัคคีน่ี แหละคือเมตตากัน จะอยูํไดต๎ ลอดไป ” กกกกกกก1. กลาํ วโดยสรปุ ความพอประมาณ จะเกดิ ขึ้นได๎ โดยรจู๎ ักตนเอง มีความซื่อสตั ย๑และ ความเพยี ร เดนิ ทางสายกลาง และพอใจในส่ิงท่ตี นมีอยํู
64 กกกกกกก1. หน๎าที่พลเมืองดี มแี นวปฏิบตั ิไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1. ร๎ตู นเองเสมอ วาํ กาลังทาอะไร กกกกกกก1. 2. มีความซือ่ สัตย๑สจุ รติ และความเพียร กกกกกกก1. 3. ดาเนนิ การตามแนวทางสายกลาง หลีกเล่ียงการกระทาทส่ี ดุ โตํง กกกกกกก2. ความมเี หตุผล กกกกกกก2. ความมเี หตุผล พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คาจากัดความหรอื ความหมายของความมีเหตุผล คอื เหตุ, เหตแุ ละผล กกกกกกก2. ความมเี หตุผล หมายถงึ การตัดสินใจเก่ยี วกับระดับของความพอเพยี งนั้น จะตอ๎ ง เป็นไปอยํางมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุป๓จจัยท่ีเกี่ยวข๎อง ตลอดจนคานึงถึงผลท่ีคาดวําจะเกิดข้ึน จากการกระทานั้น ๆ อยาํ งรอบคอบ กกกกกกก2. ความมีเหตผุ ล หมายถงึ มนุษยเ๑ ราใหเ๎ หตผุ ลสนบั สนุนความเชอ่ื และเพ่ือหาความจรงิ หรอื ข๎อสรุปในเรอื่ งที่ต๎องการศึกษา กกกกกกก2. กลําวโดยสรุปความ มเี หตุผล หมายถงึ การตัดสนิ ใจอยาํ งรอบคอบ และมีเหตุมผี ลโดย พิจารณาจากเหตปุ จ๓ จัยท่เี กยี่ วขอ๎ ง กกกกกกก2. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสเกีย่ วกับความมีเหตุผล เนอื่ งในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลยั สวนจิตรลดา พระราชวงั ดสุ ติ ฯ วันท่ี 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2548 ดังนี้ “ ถา๎ นา้ มันเชือ้ เพลิงหมดแล๎ว ก็ใชเ๎ ช้ือเพลิงอยํางอน่ื ไดม๎ แี ตํตอ๎ งขยันหาวิธที ่ี ทาให๎เชื้อเพลิงเกิดใหมํ เชอื้ เพลิงทเ่ี รียกวํานา้ มันน้นั มนั จะหมดภายในไมํก่ีปีหรอื ไมํกี่สบิ ปกี ห็ มด ถา๎ ไมํไดท๎ าเช้ือเพลงิ ทดแทน เราก็เดือดร๎อน ” กกกกกกก2. กลาํ วโดยสรปุ ความมเี หตุผลตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มํงุ สอนให๎ พลเมืองไทย มคี วามคิดอยาํ งรอบคอบโดยพจิ ารณาจากปจ๓ จัยทเี่ ก่ียวข๎อง และคานงึ ถึงผลทจ่ี ะเกดิ ขึน้ จากการกระทานน้ั กกกกกกก2. หน๎าที่พลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัตไิ ดแ๎ กํ กอํ นการทาสิ่งใดก็ตาม ควรมีการวางแผนอยําง รอบคอบ โดยไมทํ าให๎ตนเองและสงั คมเดือดร๎อน กกกกกกก3. ความมีภมู ิคุ้มกนั กกกกกกก3. ความมภี มู ิคุ๎มกัน พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ใหค๎ าจากัดความ หรอื ความหมายของความมภี มู ิค๎ุมกนั คือ สภาพท่ีรํางกายมีแรงตํอตา๎ นเช้ือโรคทเ่ี ข๎าสรูํ าํ งกาย, ภูมติ า๎ นทาน ก็เรียก
65 กกกกกกก3. ความมภี มู คิ ุ๎มกัน หมายถงึ การเตรียมตัวให๎พรอ๎ มรบั ผลกระทบและการเปลยี่ นแปลง ด๎านตําง ๆ ท่ีจะเกิดข้ึน โดยคานึงถึงความเป็นไปได๎ของสถานการณ๑ตําง ๆ ท่ีคาดวําจะเกิดข้ึนใน อนาคตทง้ั ใกล๎และไกล กกกกกกก3. ความมีภูมิค๎ุมกัน หมายถงึ การเตรียมใจให๎พร๎อมรับผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงที่ จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยภูมิคุ๎มกันพื้นฐานท่ีทุกคนควรมี คือ การจัดสรรป๓นสํวนทรัพย๑สินของเราเก็บ เป็นเงินสารองประมาณ 6 เทําของรายจํายเฉลี่ยของครอบครัว แนะนาเก็บออมในสินทรัพย๑ท่ีมีสภาพ คลํอง เชนํ เงนิ ฝากออมทรัพย๑ หรอื สินทรพั ย๑ที่สามารถเบิกถอนมาใช๎ไดภ๎ ายในระยะเวลาสน้ั กกกกกกก3. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทานพระ ราชดารสั เก่ยี วกบั ความมีภูมิคุ๎มกันไว๎ เน่ืองในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดสุ ิต วันที่ 23 ธนั วาคม พ.ศ. 2542 ดงั นี้ “ ถ๎าไมํมเี ศรษฐกจิ พอเพียงเวลาไฟดับจะพังหมดจะทาอยํางไรที่ทีต่ ๎องใช๎ ไฟฟูาก็ต๎องแยไํ ป หากมี เศรษฐกจิ พอเพียงแบบไมเํ ต็มท่ี ถา๎ เรามีเครื่องป่น๓ ไฟ กใ็ ห๎ป่๓น ไฟ หรือถ๎าขนั้ โบราณกวํา มดื ก็จุดเทยี น คือมีทางที่จะแกป๎ ๓ญหาเสมอ ฉะนนั้ เศรษฐกิจ พอเพียงน้ีก็มเี ปน็ ขนั้ ๆ แตํจะบอกวํา เศรษฐกจิ พอเพียงน้ี ใหพ๎ อเพยี งเฉพาะตัวเอง รอ๎ ยเปอรเ๑ ซ็นต๑ น่เี ป็นสงิ่ ที่ทาไมํได๎ จะต๎องมกี ารแลกเปลีย่ น ตอ๎ งมีการชวํ ยกนั พอเพียงในทฤษฎีหลวงนค้ี ือ ให๎สามารถที่จะดาเนนิ งานได๎ ” กกกกกกก3. กลาํ วโดยสรปุ ความมภี ูมิค๎ุมกนั เป็นการเตรียมตัวให๎พรอ๎ มตํอการเปลี่ยนแปลงใน ทุกดา๎ น โดยการวเิ คราะหค๑ วามเสย่ี ง ใช๎ประสบการณเ๑ ดมิ มาชํวยตดั สนิ ใจ และรวบรวมมาใช๎ในโอกาส ตอํ ไป กกกกกกก3. หนา๎ ที่พลเมืองดี มแี นวปฏิบัติ `ได๎แกํ กกกกกกก3. ข๎อ 1 วเิ คราะห๑ภารกจิ ทกุ แงํมมุ เพ่อื ลดความเสี่ยง กกกกกกก3. ข๎อ 2 ใชป๎ ระสบการณเ๑ ดิมและขอ๎ มูลจากบคุ คลอนื่ มาชํวยในการตดั สนิ ใจ กกกกกกก3. ข๎อ 3 ค๎นหาและเปรียบเทยี บความเปน็ ไปได๎ท่เี หมือนหรือแตกตาํ งกนั ประกอบการ ตดั สินใจ กกกกกกก3. ข๎อ 4 รวบรวมขอ๎ มลู เร่ืองราวตําง ๆ ไว๎ใช๎ในโอกาสตํอไป กกกกกกก4. เงื่อนไขความรู้ กกกกกกก4. 4.1 ความรู้ กกกกกกก4. 4.1 ความร๎ู พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากัดความหรอื ความหมายของความรู๎ คือ ส่ิงที่ส่ังสมมาจากการศึกษาเลําเรียน การค๎นคว๎า หรือประสบการณ๑ รวมทง้ั ความสามารถเชงิ ปฏิบตั แิ ละทักษะ เชํน ความรู๎เร่ืองประวัติศาสตร๑, ส่ิงท่ีได๎รับมาจากการได๎ยิน ได๎ฟ๓ง การคดิ หรือการปฏิบัติ เชํน ความร๎เู รื่องสขุ ภาพ ความร๎เู ร่อื งนทิ านพื้นบา๎ น
66 กกกกกกก4. 4.1 ความรู๎ หมายถึง ความเข๎าใจในเร่ืองบางเร่อื ง หรอื สง่ิ บางส่ิง ซ่งึ อาจจะรวมไปถึง ความสามารถในการนาสิ่งนั้นไปใชเ๎ พ่อื เปูาหมายบางประการ ความสามารถในการร๎ูบางอยํางนี้เป็นส่ิง สนใจหลกั ของวิชาปรัชญา (ทห่ี ลายครั้งก็เป็นเร่ืองท่ีมีการโต๎เถียงอยํางมาก) และมีสาขาที่ศึกษาด๎านนี้ โดยเฉพาะเรียกวําญาณวิทยา (epistemology) ความร๎ูในทางปฏิบัติมักเป็นส่ิงที่ทราบกันในกลุํมคน และในความหมายนเี้ องทีค่ วามรู๎น้ันถกู ปรบั เปลี่ยนและจดั การในหลาย ๆ แบบ กกกกกกก4. 4.1 ความรู๎ หมายถึง สงิ่ ทสี่ งั่ สมมาจากการศกึ ษาเลําเรยี น การค๎นควา๎ หรอื ประสบการณ๑ รวมท้ังความสามารถเชิงปฏิบัติ และทักษะความเข๎าใจ หรือสารสนเทศที่ได๎รับมาจาก ประสบการณ๑ สิ่งทไ่ี ด๎รับมาจากการได๎ยิน ไดฟ๎ ง๓ การคดิ หรอื การปฏิบตั อิ งคว๑ ิชาในแตํละสาขา กกกกกกก4. 4.1 ความรู๎ หมายถงึ เกิดจากการตคี วาม แปลความ ตามความเขา๎ ใจของแตํละคน ซึ่งมาจากประสบการณ๑ ทักษะการเรียน ความเช่ือ ซึ่งจะมาเป็นตัวชํวยในการตีความด๎วย ความรู๎จะ เกิดมาจากความจาเป็นอันดับแรก แล๎วเข๎าใจจนเกิดการนาไปใช๎ให๎บรรลุเปูาหมาย ความรู๎เป็น กระบวนการหนง่ึ ของการเรยี นรู๎ กกกกกกก4. 4.1 ความรู๎ หมายถงึ การเรียนร๎ูทีเ่ น๎นถงึ การจาและการระลกึ ไดถ๎ งึ ความคิด วัตถุ และ ปรากฏการณ๑ตําง ๆ ซ่ึงเป็นความจาท่ีเริ่มจากส่ิงงําย ๆ ที่เป็นอิสระแกํกัน ไปจนถึงความจาในส่ิงที่ ยํงุ ยากซบั ซ๎อน และมคี วามสมั พันธ๑ระหวาํ งกัน กกกกกกก4. 4.1 กลาํ วโดยสรุป ความรู๎ หมายถงึ สิง่ ท่ที าให๎คนเข๎าใจ แล๎วนาความเข๎าใจนนั้ มา ปฏิบัติ หรือประยุกต๑ใหเ๎ กดิ ประโยชน๑ กกกกกกก4. 4.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกบั ความรู๎ให๎แกคํ ณะครูและนักเรยี นโรงเรยี นจติ รลดา ณ หอ๎ งประชุมโรงเรยี นจิตรลดา วนั ท่ี 27 มีนาคม พ.ศ. 2523 ดงั น้ี “ ความร๎ทู ส่ี ะสมเอาไวใ๎ นตัวเปน็ สิ่งท่สี าคัญ เปน็ เหมือนประทีปสาหรบั นา ทางเราไปในการปฏิบตั ติ นในชวี ิต จะเปน็ การศึกษาตํอก็ตาม หรือจะเป็นการไป ประกอบอาชีพการงานกต็ าม ความรน๎ู ัน้ จะเป็นเคร่อื งนาทางไปสคํู วามเจรญิ ความร๎ู ทางวชิ าการก็จะสามารถใหป๎ ระกอบอาชีพการงานที่มปี ระสิทธภิ าพ เทาํ กับเป็นส่ิงท่จี ะ เล้ียงตัวเล้ียงกายเราความร๎ูในทางการประพฤติที่ดจี ิตใจท่เี ข๎มแขง็ ท่ีซือ่ สัตย๑สจุ รติ น้นั จะนาเราไปได๎ทุกแหํงเพราะเหตวุ ําผ๎ทู ม่ี ีความซ่ือสตั ยส๑ ุจริต ผม๎ู ีความขยันหมั่นเพียร ผูม๎ ีความตงั้ ใจทีแ่ นวํ แนนํ ้ันไมํมีทางทีจ่ ะลมํ จม ”
67 กกกกกกก4. 4.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกับความร๎ู เนอื่ งในพธิ ีพระราชทานธงประจารํุนลูกเสือชาวบา๎ น จงั หวดั สระบรุ ี ณ วัดหนองเขื่อนช๎าง อาเภอเมืองสระบรุ ี จังหวัดสระบุรี วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2519 ดงั นี้ “ ความร๎นู น้ั แบงํ เปน็ 2 อยาํ ง ความร๎ูเกยี่ วขอ๎ งกบั กายและความร๎ูท่เี กยี่ วข๎อง กบั ใจ ความรู๎เกยี่ วขอ๎ งกับกายท่ีไดฝ๎ ึกและท่ีไดม๎ าเรยี นร๎ูก็คือ วธิ ที ีจ่ ะรักษาตวั ให๎แข็งแรง รกั ษาส่งิ ของของตัวให๎อยูํ ให๎ดี และสร๎างสรรคใ๑ หส๎ ่ิงท่ีใช๎ หรือสิ่งทมี่ ใี ห๎อยํูดแี ละใหด๎ ีขน้ึ และทางจติ ใจทกุ คนมีความปรารถนาทจี่ ะมีความสุขต๎องทีความสงบ ตอ๎ งการมีความร๎ู ความสามารถกไ็ ดฝ๎ ึกไดเ๎ รยี นร๎ูจากการพบปะกนั ในหมูํลูกเสือชาวบา๎ น และไดร๎ ับความรู๎ จากวทิ ยากร ความร๎ูท้ังหลายทัง้ กายท้ังใจน้ี ก็เกิดประโยชน๑แกํตวั ” กกกกกกก4. 4.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกับความรู๎ให๎แกํคณะเยาวชนชายหญงิ จากถน่ิ ทุรกนั ดารในเขต ปฏบิ ตั ิการของหนํวยพฒั นาการเคลอ่ื นทต่ี ําง ๆ รวม 24 จงั หวัด พร๎อมดว๎ ยพ่ีเลยี้ งและเจ๎าหน๎าท่ี ณ ศาลาดสุ ดิ าลัยพระราชวังดุสติ วนั ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2516 ดังน้ี “ ในชวี ติ ทุกวนั ๆ กไ็ ด๎มีโอกาสเข๎าโรงเรยี น ก็หาความรู๎ แล๎วมีโอกาสท่ี จะได๎เห็นชีวิตของตัวเองและของคนอืน่ ขอให๎ถือวาํ เปน็ อาหารทั้งนนั้ เปน็ อาหารสมอง และเมื่อได๎รับอาหารแลว๎ ให๎ไปพจิ ารณา คือไปไตรตํ รอง ไปคดิ ให๎ดี ถ๎าทาเชํนนแ้ี ลว๎ ทกุ คนจะสามารถท่ีจะสรา๎ งตัวเองให๎แขง็ แรง เพือ่ ทจ่ี ะทาประโยชนแ๑ กํตนเอง สร๎างบา๎ นเมือง สร๎างท๎องทีข่ องตวั สรา๎ งตนเองให๎เจรญิ ตามทที่ กุ คนต๎องการ ” กกกกกกก4. 4.1 กลําวโดยสรุปความรูม๎ ีหลายประเภท ไดแ๎ กํ ความรท๎ู ่ีเก่ยี วข๎องกบั การดาเนินชวี ติ การประกอบอาชีพ การศึกษา รวมถงึ ความรูท๎ เี่ กย่ี วขอ๎ งกับการพัฒนาจิตใจ ทาให๎บุคคลมีความ เจริญก๎าวหนา๎ ได๎
68 กกกกกกก4. 4.1 หนา๎ ท่ีพลเมอื งดี มีแนวปฏิบัติไดแ๎ กํ ศึกษาหาความรู๎ท่ีมีอยูํอยํางมากมาย เพื่อนามาใช๎ในการดาเนินชีวิต ประกอบอาชีพ และศึกษาตํอ รวมถึง นาความรู๎ที่เก่ียวข๎องกับการ พัฒนาจิตใจมารํวมพฒั นาทง้ั ตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และประเทศใหเ๎ จรญิ ก๎าวหนา๎ กกกกกกก4. 4.2 หลักวิชา และหลักวิชาการ กกกกกกก4. 4.2 หลักวชิ า พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ าจากดั ความ หรือความหมายของหลกั วิชา คอื ความร๎ูท่ีเปน็ หลกั ของแตลํ ะวิชา กกกกกกก4. 4.2 หลกั วชิ าการ พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คาจากัดความ หรอื ความหมายของหลักวชิ า คอื วชิ าความร๎ูสาขาใดสาขาหน่ึงหรอื หลายสาขา เชํน บทความวชิ าการ สัมมนาวชิ าการ การประชมุ วิชาการ กกกกกกก4. 4.2 ดังน้ัน หลักวิชา และหลักวชิ าการแตกตํางกนั ดังนี้ หลกั วิชา คอื เนื้อหาความร๎ู และหลกั วิชาการคือนาความรู๎มาจัดกระบวนการเรยี นรู๎ กกกกกกก4. 4.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เก่ยี วกบั หลักวชิ าเพอื่ เชญิ ไปอํานในงานวนั อาหารโลก ณ สานกั งานองค๑การอาหารและเกษตรแหงํ สหประชาชาติ สาขาภมู ิภาคเอเชยี และแปซิฟิก วันท่ี 16 ตุลาคม พ.ศ. 2537 ดงั น้ี “ การนาหลกั วิชาการและเทคโนโลยีใด ๆ มาใชง๎ านเกษตรกรรม จึงต๎อง พยายามระมัดระวังไมใํ หเ๎ ปน็ การทาลายธรรมชาติ เพราะจะมผี ลกระทบเสียหายแกกํ าร ดารงชวี ติ ของมนุษยโ๑ ดยตรง ทงั้ ในป๓จจุบันและอนาคต ” กกกกกกก4. 4.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกับหลกั วชิ าการ เนอื่ งในโอกาสวันปิดภาคเรียนของโรงเรยี นจติ รลดา ปีการศกึ ษา 2514 ณ ศาลาผกาภิรมย๑ พระราชวงั ดสุ ิต วันท่ี 25 มนี าคม พ.ศ. 2515 ดังนี้ “ ความรใู๎ นวิชาการเปน็ สงิ่ หนึ่งท่จี ะทาใหส๎ ามารถฟน๓ ฝาุ อปุ สรรคไดเ๎ เละทาให๎ เปน็ คนท่มี เี กียรติ เปน็ คนท่ีสามารถเป็นคนทจ่ี ะมคี วามพอใจได๎ในตวั วําทาประโยชน๑เเกํ ตนเอง เเละเเกํสวํ นรวม นอกจากวชิ าความรูก๎ จ็ ะตอ๎ งฝึกฝนในสิง่ ทตี่ วั จะต๎องปฏบิ ตั ิให๎ สอดคล๎องกับสังคม สอดคลอ๎ งกับสมัย เเละสอดคล๎องกับศีลธรรมท่ีดีงาม ถ๎าได๎ทัง้ วชิ าการ ทงั้ ความรรู๎ อบตัว เเละความรู๎ในชีวติ กจ็ ะทาให๎เป็นคนที่ครบ คนทีจ่ ะภูมิใจได๎ ”
69 กกกกกกก4. 4.2 กลาํ วโดยสรุป หลกั วิชา และหลักวชิ าการดังน้ี หลักวชิ า คอื เนอ้ื หาความรู๎ และ หลกั วชิ าการ คอื นาความรู๎มาจดั กระบวนการเรยี นร๎ู กกกกกกก4. 4.2 หนา๎ ท่ีพลเมอื งดี มีแนวปฏิบตั ิได๎แกํ ต๎องคานงึ เสมอวําความรเู๎ ปน็ เสมือนไฟ ต๎องเลอื กใช๎ให๎ถูกต๎อง ฉะนั้นการใช๎ความรค๎ู ือดวงประทีปเปรยี บกนั ไดห๎ ลายทาง ดวงประทีปเป็นไฟที่ สํองแสงเพื่อนาทางไป ถ๎าใช๎ไฟน้ีสอํ งในทางที่ถูก กจ็ ะไปถึงจดุ หมายปลายทางได๎โดยสะดวกเรยี บรอ๎ ย แตถํ ๎าไมรํ ะวงั ไฟนัน้ อาจเผาผลาญใหบ๎ า๎ นชํองพินาศลงได๎ ความรู๎เป็นแสงสวํางท่จี ะนาเราไปสูํ ความเจรญิ กกกกกกก4. 4.3 รอบรู้ รอบคอบ และระมัดระวงั กกกกกกก4. 4.3 รอบรู๎ พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรือความหมายของรอบร๎ู คือ ร๎ูหลายอยาํ ง, รูก๎ ว๎างขวาง, เชนํ เขารอบรู๎ในเร่ืองกฎหมาย กกกกกกก4. 4.3 รอบคอบ พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ใหค๎ าจากดั ความ หรือความหมายของรอบคอบ คือ ท่ัว, ถ๎วนถี่, เชํน พิจารณาอยํางรอบคอบ, ระวังเหตุการณ๑ข๎างหน๎า ข๎างหลงั เสมอ, ไมเํ ผอเรอ, เชนํ ดูแลให๎รอบคอบ กกกกกกก4. 4.3 ระมัดระวัง พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรือความหมายของระมัดระวัง คือ ดูแลให๎ปลอดภัย, ดูแลอยํางรอบคอบ ไมํให๎พล้ังพลาด, เชํน ระมดั ระวังใหด๎ เี วลาขา๎ มถนน ระมัดระวงั เร่อื งสายไฟฟาู ร่วั ให๎มาก กกกกกกก4. 4.3 กลาํ วโดยสรปุ รอบรู๎ รอบคอบ และระมัดระวัง หมายถึงการศกึ ษาหาขอ๎ มูล กอํ นการปฏิบัติโดยคานึงผลท่ีจะตามมา อยํางรอบคอบและระมดั ระวัง กกกกกกก4. 4.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกีย่ วกับรอบร๎ูเนอื่ งในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรและอนุปริญญา บัตรแกผํ สู๎ าเร็จการศกึ ษาจุฬาลงกรณม๑ หาวทิ ยาลยั ประจาปีการศกึ ษา 2515 ณ หอประชมุ จุฬาลงกรณ๑มหาวทิ ยาลยั วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2516 ดังนี้ “ ทกุ คนจาเปน็ ตอ๎ งหมัน่ ใช๎ป๓ญญาพิจารณา การกระทาของตนให๎รอบคอบ อยํเู สมอ ระมัดระวงั ทาการทุกอยาํ งด๎วยเหตผุ ล ดว๎ ยความมสี ติ และดว๎ ยความรตู๎ ัว เพือ่ เอาชนะความชั่วร๎ายท้งั มวลให๎ได๎โดยตลอด และสามารถกา๎ วไปถงึ ความสาเรจ็ ที่ แทจ๎ รงิ ทั้งในการงานและการครองชวี ิต ” กกกกกกก4. 4.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกบั รอบคอบ เนื่องในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษาณ ศาลาดุสดิ าลยั สวนจติ รลดาฯ พระราชวงั ดสุ ติ วันท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ดังน้ี
70 “ ฉะน้ันการที่จะทาโครงการอะไร จะต๎องทาด๎วยความรอบคอบ และอยํา ตาโตเกินไป คือ บางคนเห็นวํามีโอกาสท่ีจะทาโครงการอยํางโน๎นอยํางนี้ และไมํได๎นึก ถึงวาํ ป๓จจัยตาํ ง ๆ ไมํครบ ป๓จจัยหน่ึงคือขนาดของโรงงาน หรือเครื่องจักรที่สามารถที่ จะปฏิบัติได๎ แตํข๎อสาคัญท่ีสุดคือวัตถุดิบ ถ๎าไมํสามารถที่จะให๎คําตอบแทนวัตถุดิบแกํ เกษตรกร เกษตรกรกจ็ ะไมผํ ลติ ย่งิ ถา๎ วตั ถดุ บิ สาหรับใช๎ในโรงงานนน้ั เป็นวัตถุดิบท่ีต๎อง นามาจากระยะไกล หรือนาเข๎าก็จะย่ิงยาก เพราะวําวัตถุดิบที่นาเข๎าน้ันราคา ย่ิงแพง บางปีวัตถุดิบน้ันมีบริบูรณ๑ ราคาอาจจะต่าลงมา แตํเวลาจะขายส่ิงของท่ีผลิต จากโรงงาน ก็ขายยากเหมือนกัน เพราะวํามีมาก จึงทาให๎ราคาตก น่ีก็เป็นกฎเกณฑ๑ที่ ตอ๎ งมี ” กกกกกกก4. 4.3 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกับความระมัดระวงั เน่ืองในการแถลงการณ๑ สภาการวิทยุและ โทรทัศน๑แหํงชาติตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (สวชพ.) เร่ือง “การใช๎เสรีภาพเพ่ือ ความปรองดองสมานฉันท๑” ในวันนักขําว วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2520 ดงั น้ี “ การมเี สรภี าพน้นั เป็นของดีอยํางย่ิง แตํเมอ่ื จะใช๎ จาเปน็ ต๎องใช๎ดว๎ ย ความระมัดระวงั และความรับผดิ ชอบ มิใหล๎ วํ งละเมิดเสรีภาพของผอู๎ น่ื ที่เขามีอยูํ เทาํ เทียมกนั ท้ังมิใหก๎ ระทบกระเทือนถงึ สวสั ดิภาพ และความเป็นปกตสิ ขุ ของ สวํ นรวมดว๎ ย มฉิ ะนัน้ จะทาใหม๎ คี วามยํงุ ยาก จะทาสงั คมและชาติประเทศต๎อง แตกสลายจนสิน้ เชิง ” กกกกกกก4. 4.3 กลําวโดยสรปุ รอบร๎ู รอบคอบ และระมดั ระวัง ได๎แกํ การศึกษาหาข๎อมูลกํอนการ ปฏิบตั โิ ดยคานึงผลท่ีจะตามมา อยํางรอบคอบและระมดั ระวัง กกกกกกก4. 4.3 หน๎าท่ีพลเมอื งดี มีแนวปฏบิ ัติ ได๎แกํ การดาเนนิ ชีวิตอยํางมเี หตุผล รอบคอบ ระมดั ระวงั อยํรู ํวมกับผ๎ูอ่นื ดว๎ ยความรับผิดชอบ ไมเํ บยี ดเบียนผ๎ูอื่น เหน็ คณุ คําของทรัพยากรตาํ ง ๆ มกี ารวางแผนปูองกนั ความเส่ียง และพร๎อมรับการเปลีย่ นแปลง
71 กกกกกกก5 เง่ือนไขคุณธรรม กกกกกกก5 5.1 คุณธรรม กกกกกกก5 5.1 5.1.1 ความซ่ือสตั ย์สุจรติ กกกกกกก5 5.1 5.1.1 ความซ่ือสตั ย๑ พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎ คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความซื่อสัตย๑ คือ ประพฤตติ รงและจริงใจ, ไมํคิดคดทรยศ, ไมคํ ดโกงและไมํหลอกลวง กกกกกกก5 5.1 5.1.1 สจุ รติ พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของสจุ รติ คือ ความประพฤติชอบ กกกกกกก5 5.1 5.1.1 กลําวโดยสรุป ความซื่อสัตยส๑ จุ รติ หมายถงึ การยึดมั่นในความสตั ยจ๑ รงิ และในสงิ่ ที่ถูกต๎องดีงาม มีความซื่อตรง และมีเจตนาท่ีบรสิ ุทธ์ิ ปฏบิ ัตติ ํอตนเองและผู๎อนื่ โดยชอบ ไมคํ ดโกง กกกกกกก5 5.1 5.1.1 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ยี วกบั ความซื่อสตั ยส๑ จุ รติ เนอ่ื งในพธิ ีพระราชทานปริญญาบตั รของ จุฬาลงกรณ๑มหาวทิ ยาลยั ณ หอประชมุ จุฬาลงกรณ๑มหาวิทยาลัย วนั ท่ี 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 ดังน้ี “ คนทไ่ี มํมคี วามสจุ รติ คนที่ไมมํ ีความมน่ั คง ชอบแตมํ ักงําย ไมํมีวนั จะ สรา๎ งสรรค๑ประโยชนส๑ วํ นรวมทสี่ าคญั อันใดได๎ ผท๎ู ีม่ คี วามสุจรติ และความมํุงม่นั เทาํ นน้ั จงึ จะทางานสาคัญยิ่งใหญํที่เป็นคณุ เปน็ ประโยชน๑แท๎จริงไดส๎ าเร็จ ” กกกกกกก5 5.1 5.1.1 กลําวโดยสรปุ ความซอ่ื สตั ยส๑ จุ รติ เป็นพืน้ ฐานของความดีทุกอยําง กกกกกกก5 5.1 5.1.1 หน๎าทพี่ ลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ิไดแ๎ กํ ตอ๎ งมีจติ ใจทีต่ ง้ั ม่ัน เทยี่ งตรง มุงํ มัน่ ทา ความดี และชํวยปลกู ฝ๓งผเ๎ู ก่ียวข๎องใหต๎ ้งั ใจทาความดี กกกกกกก5 5.1 5.1.2 ความเพยี ร พากเพียร และอดทน กกกกกกก5 5.1 5.1.2 ความเพียร พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากดั ความ หรือความหมายของความเพยี ร คอื ความบากบัน่ , ความกลา๎ แขง็ กกกกกกก5 5.1 5.1.2 ความพากเพยี ร พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความพากเพียร คือบากบน่ั , พยายาม, มํงุ ทาไมํท๎อถอย กกกกกกก5 5.1 5.1.2 ความอดทน พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความอดทน คือ บกึ บนึ , ยอมรับสภาพความยากลาบาก กกกกกกก5 5.1 5.1.2 กลําวโดยสรุป ความเพียร พากเพยี ร อดทนหมายถงึ การปฏบิ ัตหิ นา๎ ท่กี าร งานและประกอบอาชพี ทีส่ ุจริตอยาํ งกระตือรือร๎น และต้งั ใจจรงิ ให๎สาเร็จดว๎ ยความมานะอดทน
72 กกกกกกก5 5.1 5.1.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกบั ความเพยี รแกํคณะบุคคลตาํ ง ๆ ที่เข๎าเฝูาฯถวายชัยมงคลใน พระราชพธิ ีกาญจนาภเิ ษก ณ พระทน่ี ง่ั กาญจนาภเิ ษก มณฑลพิธีท๎องสนามหลวง เมือ่ วนั ที่ 9 มถิ นุ ายน พ.ศ.2539 ดังน้ี “ ความเพียรท่ีถกู ต๎องเปน็ ธรรม และพึงประสงคน๑ น้ั คือความเพียรทจี่ ะกาจัด ความเสอ่ื มใหห๎ มดไป และระวังปูองกนั มใิ ห๎เกดิ ข้นึ ใหมํ อยํางหนึ่ง กบั ความเพยี รท่ีจะ สร๎างสรรค๑ความดีงาม ใหบ๎ งั เกดิ ขนึ้ และระวงั รักษามิใหเ๎ สื่อมสน้ิ ไป อยาํ งหน่ึง ความเพียรท้ังสองประการนี้ เปน็ อปุ การะอยํางสาคัญ ตํอการปฏิบตั ติ น ปฏิบัตงิ าน ถา๎ ทุกคนในชาตจิ ะได๎ตั้งตนตง้ั ใจอยใํู นความเพียรดังกลําว ประโยชนแ๑ ละความสุขกจ็ ะ บังเกิดข้ึนพรอ๎ ม ทงั้ แกํสํวนตัวและสํวนรวม ” กกกกกกก5 5.1 5.1.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกบั ความพากเพยี ร เนื่องในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตรของ มหาวิทยาลยั รามคาแหง ณ อาคารสวนอมั พร วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2522 ดังน้ี “ ความเพยี รท่ีจะเป็นกาลงั ได๎ต๎องมลี ักษณะแข็งกลา๎ ไมํยํอหยอํ นเส่ือม คลายด๎วยอุปสรรค ดว๎ ยความยากลาบาก เหน็ดเหนื่อยประการใด ๆ หากแตอํ ุตสาหะ พยายามกระทาเร่อื ยไปไมถํ อยหลัง แมห๎ ยุดมอื ก็ยงั พยายามตดิ ตอํ ไปไมทํ อดธรุ ะ กาลังความเพียรจึงทาให๎การงานไมํชะงักลําช๎า มแี ตํดาเนนิ รุดหนา๎ เปน็ ลาดับไป จนบรรลุความสาเร็จโดยไมมํ ีสงิ่ ใดจะยบั ย้ังขดั ขวางได๎ ” กกกกกกก5 5.1 5.1.2 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ยี วกบั ความอดทนเนื่องในพระราชทานแกนํ ักเรียน นกั ศึกษา ครู และอาจารย๑ ในโอกาสเขา๎ เฝาู ฯ ณ อาคารใหมสํ วนอัมพร วันที่ 27 ตลุ าคม พ.ศ. 2516 ดังนี้
73 “ การสรา๎ งสรรค๑ตนเอง การสรา๎ งบา๎ นเมอื งก็ตาม มิใชวํ ําสร๎างในวนั เดยี ว ตอ๎ งใช๎เวลา ตอ๎ งใช๎ความเพียร ต๎องใช๎ความอดทน เสียสละ แตํสาคญั ทีส่ ุดคอื ความ อดทน คือไมยํ ํอท๎อ ไมยํ ํอท๎อในส่งิ ท่ดี งี าม สง่ิ ท่ดี ีงามน้ันทามันนําเบอ่ื บางทีเหมือนวําไมํ ได๎ผล ไมํดงั คือดูมนั ครทึ าดีน่ี แตํขอรบั รองวําการทาให๎ดีไมํครึตอ๎ งมีความอดทน เวลาขา๎ งหน๎าจะเห็นผลแนํนอนในความอดทนของตนเอง ” กกกกกกก5 5.1 5.1.2 กลําวโดยสรปุ ความเพยี ร พากเพยี ร และอดทน จะเกดิ ข้ึนได๎จากการ ฝึกฝนจนเกดิ เปน็ นสิ ยั และกระตุน๎ ให๎เกิดการทางานอยาํ งจริงจังจนสาเร็จ กกกกกกก5 5.1 5.1.2 หน๎าท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิไดแ๎ กํ ฝกึ ฝนความเพียรจนเป็นนิสัย ให๎เป็น พลังการทางานใด ๆ การฝกึ ฝนความเพยี ร ถึงหากแรก ๆ จะร๎ูสึกเหน็ดเหน่ือยลาบาก แตํไดเ๎ พยี รจน เปน็ นิสัยแลว๎ กจ็ ะกลบั เปน็ พลงั อยาํ งสาคญั ที่คอยกระตน๎ุ เตือนใหท๎ างานอยํางจรงิ จังดว๎ ยใจราํ เรงิ กกกกกกก5 5.1 5.1.3 สติ และปัญญา กกกกกกก5 5.1 5.1.3 สติ พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ าจากัดความ หรือความหมายของสติ คือ ความรสู๎ กึ , ความรสู๎ กึ ตัว, เชนํ ได๎สติ ฟ้ืนคนื สติ ส้ินสติ, ความร๎สู กึ ผดิ ชอบ เชํน มีสติ ไร๎สติ, ความระลกึ ได๎ เชํน ตัง้ สติ กาหนดสติ กกกกกกก5 5.1 5.1.3 ป๓ญญา พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎ คาจากดั ความหรอื ความหมายของป๓ญญา คือ ความรอบร๎ู, ความรทู๎ ั่ว, ความฉลาดเกดิ แตเํ รยี นและ คดิ , เชนํ คนมปี ๓ญญา หมดป๓ญญา กกกกกกก5 5.1 5.1.3 กลําวโดยสรุป สติ และป๓ญญา หมายถงึ ป๓ญญารอบคอบ, ปญ๓ ญารู๎คิดเชนํ เขาเปน็ คนมสี ติป๓ญญาดี กกกกกกก5 5.1 5.1.3 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระราชดารสั เกยี่ วกบั สติเนอื่ งในพธิ ีพระราชทานปริญญาบัตร ของมหาวิทยาลัยรามคาแหง ณ อาคารใหมํ สวนอมั พร วันท่ี 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 ดงั นี้
74 “ ความบังคบั ตนเองนนั้ เกดิ ข้ึนได๎จากความร๎สู กึ ระลกึ ได๎วาํ อะไรเปน็ อะไร หรอื เรยี กสน้ั ๆ วํา \"สต\"ิ กลาํ วคือ กํอนท่บี ุคคลจะทา จะพูด หรอื แมแ๎ ตํจะคิดเรื่อง ตาํ ง ๆ สติหรือความร๎ูสกึ ระลึกไดน๎ ้นั จะทาใหห๎ ยุดคิด วาํ ส่ิงทีจ่ ะทานน้ั ผิดชอบชั่วดี อยํางไร จะมผี ลเสียหายหรอื จะเปน็ ประโยชนอ๑ ยาํ งไรในระยะยาว เมือ่ บุคคลคดิ ได๎ กจ็ ะสามารถตัดสนิ การกระทาของตนได๎ถูกต๎อง แล๎วกจ็ ะกระทาแตํเฉพาะสิง่ ท่ีสุจรติ ทมี่ ีประโยชน๑อันยั่งยนื ไมํกระทาส่ิงทีจ่ ะเปน็ ความผิดเสยี หายทงั้ แกตํ นและสํวนรวม ความมสี ตินนั้ จะชํวยใหส๎ ามารถศกึ ษาทุกสิง่ ทกุ อยาํ งได๎อยาํ งละเอียดประณีต คอื เม่ือจะศึกษาส่งิ ใด ก็จะพิจารณากลน่ั กรองส่ิงที่มิใชํความถกู ต๎องแท๎จริงออกเสยี กอํ น เพอื่ ใหไ๎ ดม๎ าแตํเนื้อแท๎ทปี่ ราศจากโทษ บัณฑติ ท้ังปวงผห๎ู วังความม่นั คงปลอดภยั ท้งั ของตนและของชาตบิ ๎านเมือง เมอ่ื จะทาการงานใด ๆ ทส่ี าคญั ควรอยํางย่ิงที่จะหยุด คดิ สักหนอํ ยกอํ นทุกครั้ง แล๎วทํานจะไมตํ ๎องประสบกบั ความผดิ หวังและผดิ พลาด ในชวี ิต ” กกกกกกก5 5.1 5.1.3 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระบรมราโชวาทเกี่ยวกบั ป๓ญญาเน่ืองในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั ร มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร๑ วนั ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2539 ดังนี้ “ ป๓ญหาทุกอยาํ งไมํวาํ เล็กหรือใหญํ มีทางแก๎ไขได๎ถ๎ารจู๎ ักคิดให๎ดี ปฏบิ ัตใิ ห๎ ถกู การคดิ ได๎ดีนั้น มิใชกํ ารคดิ ไดด๎ ๎วยลกู คิด หรือดว๎ ยสมองกลเพราะโลกเราในปจ๓ จบุ ัน จะววิ ัฒนาการไปมากเพียงใดกต็ าม ก็ยังไมํมีเครื่องมืออนั วเิ ศษชนดิ ใดสามารถขบคิด แก๎ไขปญ๓ หาตาํ ง ๆ ได๎อยํางสมบูรณ๑การขบคดิ วินิจฉยั ป๓ญหา จงึ ต๎องใช๎สตปิ ญ๓ ญา คอื คิดด๎วยสตริ ูต๎ ัวอยเํู สมอ เพื่อหยุดย้ังและปูองกนั ความประมาทผิดพลาดและอคตติ ําง ๆ มิใหเ๎ กดิ ข้นึ ชํวยใหก๎ ารใช๎ป๓ญญาพจิ ารณาป๓ญหาตาํ ง ๆ เป็นไปอยํางเที่ยงตรง ทาให๎ เห็นเหตเุ หน็ ผลท่เี กี่ยวเน่ืองกันเป็นกระบวนการได๎กระจาํ งชัด ทกุ ขน้ั ตอน ”
75 กกกกกกก5 5.1 5.1.3 กลําวโดยสรปุ สติ และป๓ญญาเปน็ ความสามารถในตัวบุคคล ที่จะทราบได๎ จากพฤติกรรมทบ่ี คุ คลแสดงออก ระดบั ของสติปญ๓ ญาสังเกตได๎จากการแสดงออกที่มคี วามคลอํ งแคลวํ รวดเรว็ ความถูกต๎อง ความสามารถในการคิด การแกป๎ ๓ญหาและการปรับตัว การใช๎แบบทดสอบวัด สตปิ ๓ญญาจะทาใหท๎ ราบระดับสตปิ ๓ญญาชดั เจนข้นึ กกกกกกก5 5.1 5.1.3 หนา๎ ท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏิบัตไิ ดแ๎ กํ ต๎องหมนั่ แสวงหาความร๎ูอยูเํ สมอ ผ๎ปู รารถนาความเจรญิ ในการประกอบกิจการงาน จะตอ๎ งหม่ันเอาใจใสํแสวงหาความรู๎ให๎เพิ่มพนู อยูเํ สมอ มิฉะนัน้ จะกลายเป็นผู๎ทีล่ ๎าสมัย กกกกกกก5 5.1 5.1.4 ไม่เบยี ดเบยี น มเี มตตา กกกกกกก5 5.1 5.1.4 ไมํเบียดเบียน หมายถึง ไมํทาให๎เดอื ดร๎อน เชนํ โรคภัยไขเ๎ จ็บไมมํ า เบียดเบียน หรือ บุคคลผู๎ไมํเบียดเบียนผู๎อื่นให๎ได๎รับความเดือดร๎อน มีแตํความปรารถนาดีตํอผู๎อ่ืน ดว๎ ยการเจรญิ เมตตาจติ ปรารถนาสขุ ให๎หมูชํ น หรือสงั คมอยรูํ วํ มกันอยาํ งเปน็ สขุ กกกกกกก5 5.1 5.1.4 มเี มตตา พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากัดความหรือความหมายของมเี มตตา คือ ความรกั และเอน็ ดู, ความปรารถนาจะให๎ผอ๎ู ืน่ ได๎สุข, เป็น 1 ในพรหมวหิ าร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อเุ บกขา กกกกกกก5 5.1 5.1.4 กลําวโดยสรปุ ไมํเบยี ดเบยี น มเี มตตา หมายถึง บุคคลผู๎ไมํเบียดเบียนผ๎อู ืน่ ให๎ไดร๎ ับความเดือดร๎อน มีแตํความปรารถนาจะให๎ผ๎อู ่นื ได๎สุข กกกกกกก5 5.1 5.1.4 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกับ ไมํเบียดเบยี นให๎แกํคณะบุคคลทเ่ี ขา๎ เฝูาฯ ณ ศาลาดุสิดาลยั วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2541 ดงั นี้ “ คนเราถ๎าพอใจในความตอ๎ งการ กม็ ีความโลภนอ๎ ย เม่อื มีความโลภน๎อยก็ เบียดเบียนคนอ่นื น๎อย ถา๎ ทกุ ประเทศมีความคดิ วาํ ทาอะไรตอ๎ งพอเพยี ง หมายความวํา พอประมาณ ไมสํ ดุ โตงํ ไมโํ ลภอยํางมาก คนเราก็อยเํู ปน็ สุข ” กกกกกกก5 5.1 5.1.4 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารัสเกีย่ วกบั มีเมตตาเน่อื งในการเสด็จออกมหาสมาคม ณ สหี ัญชร พระที่นงั่ อนนั ตสมาคม พระราชวงั ดุสติ ในพระราชพิธเี ฉลิมชนมพรรษา วนั ที่ 5 ธนั วาคม พ.ศ.2555 ดังน้ี “ ความเมตตาปรารถนาดตี ํอกนั เปน็ ปจ๓ จัยอยาํ งสาคญั ทจี่ ะยงั ความพรอ๎ ม เพรียงใหเ๎ กดิ มขี นึ้ ท้ังในหมูํคณะและในชาติบา๎ นเมือง และถา๎ คนไทยเรา ยังมีคณุ ธรรม ข๎อน้ีประจาอยูจํ ติ ใจ ก็มีความหวงั ได๎วํา บา๎ นเมืองไทยไมํวําจะอยูใํ นสถานการณ๑ใด ๆ ก็อยรํู อดปลอดภัย และดารงความมั่นคงตํอไปได๎ตลอดรอดฝง่๓ อยํางแนนํ อน ”
76 กกกกกกก5 5.1 5.1.4 กลําวโดยสรุป ไมํเบยี ดเบียน มีเมตตา จะเกดิ ข้นึ ได๎ โดยการปลูกฝ๓ง คุณธรรมจากครอบครัว และสิ่งแวดลอ๎ ม กกกกกกก5 5.1 5.1.4 หน๎าทีพ่ ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิได๎แกํ การไมํทาให๎ผอ๎ู ื่นเดือนร๎อน ท้งั กาย วาจา และใจ มีแตํความปรารถนาดีตํอผู๎อื่น กกกกกกก5 5.1 5.1.5 ตั้งใจดี คดิ ดี และทาดี กกกกกกก5 5.1 5.1.5 ต้ังใจดี พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากัดความ หรือความหมายของต้ังใจดี คือ มํงุ มั่นทจี่ ะทาดี กกกกกกก5 5.1 5.1.5 คิดดี หมายถงึ การคดิ ท่ีไมํยอมแพป๎ ๓ญหาและอุปสรรคแล๎วคิดวธิ ีแกไ๎ ข การคิดท่ีกระต๎ุนใหต๎ ัวเองเกิดความกระตือรือรน๎ การมองเหตุการณแ๑ ละผ๎อู ื่นในดา๎ นดีมากกวาํ ดา๎ น ไมดํ ี การสร๎างความรู๎สึกท่ดี ี แม๎ส่งิ ท่ีเผชิญอยูํจะทาให๎เครยี ด กงั วล กต็ าม กกกกกกก5 5.1 5.1.5 ทาดี หมายถึง การปฏิบัตงิ านด๎วยความมุงํ มนั่ ไมยํ ํอท๎อ กกกกกกก5 5.1 5.1.5 กลําวโดยสรุป ต้ังใจดี คิดดี และทาดี หมายถงึ ความคดิ เป็นสิ่งสาคญั ท่ีจะ เปลีย่ นแปลงวิถชี วี ิตของเรา หากคดิ ดีกจ็ ะมคี วามรู๎สกึ ที่ดี ๆ เมอื่ มีความรสู๎ กึ ดี ก็จะมีคาพูดท่ดี ี ๆ ตามมา สํงผลใหม๎ ีการกระทาท่ดี ีดว๎ ย กกกกกกก5 5.1 5.1.5 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกบั ตงั้ ใจดเี นื่องในพธิ ีพระปฐมบรมราชโองการเน่ืองในพระราช พิธบี รมราชาภเิ ษก ณ พระท่ีนั่งไพศาลทักษณิ วันท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ดังนี้ “ เราจะครองแผนํ ดนิ โดยธรรม เพอื่ ประโยชนส๑ ุขแหํงมหาชนชาวสยาม ” กกกกกกก5 5.1 5.1.5 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารสั เกีย่ วกับคิดดีเนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิตดาลัย วนั ท่ี 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2517 ดงั น้ี . “ ถา๎ เราคิดดี ทาดี ไมํใชํแตํปากนะ ทาอยาํ งดจี ริง ๆ คอื สรา๎ งสมสิง่ ที่ดี ดว๎ ยการปฏิบัติในสิ่งทเ่ี รยี กวาํ ดี หมายความวาํ ไมเํ บยี ดเบยี นผอ๎ู ื่น สรา๎ งสรรค๑ทาใหม๎ ี ความเจริญท้ังวตั ถุทง้ั จิตใจ แลว๎ ไมตํ ๎องกลวั ”
77 กกกกกกก5 5.1 5.1.5 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทเกีย่ วกบั ทาดี เนอื่ งในพธิ ีพระราชทานกระบแี่ ละ ปริญญาบตั รแกวํ าํ ทร่ี ๎อยตารวจตรี โรงเรียนนายร๎อยตารวจ วันที่ 10 มนี าคม พ.ศ. 2529 ดังน้ี “ การทาความดีนั้น โดยมากเป็นการเดนิ ทวนกระแสความพอใจและความ ตอ๎ งการของมนษุ ย๑ จึงทาได๎ยากและเห็นผลชา๎ แตํกจ็ าเปน็ ต๎องทา เพราะหากไมํ ความช่ัวซึง่ ทางาํ ยจะเข๎ามาแทนท่ี แล๎วพอกพนู ข้นึ อยาํ งรวดเรว็ โดยไมรํ ูส๎ กึ ตัว ” กกกกกกก5 5.1 5.1.5 กลําวโดยสรุป ตัง้ ใจดี คิดดี และทาดี หากคิดดีก็จะมคี วามรสู๎ ึกทีด่ ี เมื่อมี ความรู๎สึกทด่ี ีกจ็ ะมคี าพูดทดี่ ี สงํ ผลใหม๎ ีการกระทาที่ดีดว๎ ย กกกกกกก5 5.1 5.1.5 หน๎าท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ิได๎แกํ ต้งั ใจดี คิดดี ทาดี คือ ตั้งใจทาในสิ่งท่ีดี ซง่ึ การตัง้ ใจทาดีควรมีการลงมือปฏบิ ตั จิ งึ จะเหน็ ผลอยํางแทจ๎ ริง กกกกกกก5 5.1 5.1.6 ความรบั ผดิ ชอบ รับผดิ และรบั ชอบ กกกกกกก5 5.1 5.1.6 ความรบั ผิดชอบ หมายถึง ลกั ษณะของบุคคลท่ีแสดงออกถึงความเอาใจใสํ จดจอํ ตง้ั ใจ มุํงม่นั ตอํ หน๎าที่การงาน การศึกษาเลําเรียน และการเป็นอยํูของตนเอง และ ผู๎อยํูในความ ดูแล ตลอดจนสังคม อยํางเต็มความสามารถ เพ่ือให๎บรรลุผลสาเร็จตามความมุํงหมายในเวลาที่ กาหนด ยอมรบั ผลการกระทาทั้งผลดีและผลเสยี ที่เกดิ ขน้ึ กกกกกกก5 5.1 5.1.6 รับผดิ หมายถึง การยอมรบั วาํ ส่ิงท่ีตนทามีข๎อใดสวํ นใดผดิ พลาดเสยี หาย และเสียหายเพราะเหตุใด ข๎อน้ีมีประโยชน๑ ทาให๎ร๎ูจักพิจารณาการกระทาของตน พร๎อมท้ัง ข๎อบกพรํองของตนอยํางจริงจัง เป็นทางที่จะชํวยให๎คิดหาวิธีปฏิบัติแก๎ไข การกระทาและความ ผดิ พลาดตําง ๆ หถ๎ ูกตอ๎ งสมบรู ณ๑ได๎ กกกกกกก5 5.1 5.1.6 รบั ชอบ หมายถึง ร๎วู ําส่งิ ทีต่ นทามีสํวนใดท่ใี ด ถูกต๎องแล๎ว คอื ถูกตามความ มํุงหมาย ตามหลักวิชา ตามหลกั วธิ ีการ ตามสถานการณแ๑ ล๎ว เรอื่ งที่ 35 5.1 5.1.6 กลําวโดยสรุป ความรบั ผิดชอบ รบั ผิด และรับชอบ หมายถึง ยอมรับผลท้ัง ที่ดีและไมํดีในกิจการท่ีตนได๎ทาลงไป หรือท่ีอยูํในความดูแลของตน เชํน สมุห๑บัญชีรับผิดชอบเร่ือง เก่ียวกับการเงิน, รับเป็นภารธุระ เชํน งานน้ีเขารับผิดชอบเร่ืองอาหาร เธอจะไปไหนก็ไปเถอะ ฉันรับผดิ ชอบทุกอยาํ งในบา๎ นเอง กกกกกกก5 5.1 5.1.6 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกบั ความรบั ผิดชอบ เนอ่ื งในพิธถี วายพระพรชัยมงคล ณ พระที่น่งั อนันตสมาคมวนั ที่ 12 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2549 ดังนี้
78 “ การทานุบารุงประเทศชาตินน้ั มใิ ชเํ ปน็ หน๎าท่ีของผูห๎ น่งึ ผู๎ใดโดยเฉพาะ หากเปน็ ภาระความรับผิดชอบของคนไทยทกุ คน ทีจ่ ะต๎องขวนขวายกระทาหน๎าที่ของ ตนให๎ดีทส่ี ดุ เพื่อธารงรกั ษาและพัฒนาชาตบิ า๎ นเมอื งใหเ๎ จริญมน่ั คง และผาสุกรํมเยน็ ” กกกกกกก5 5.1 5.1.6 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระบรมราโชวาท เกยี่ วกบั ความรับผดิ เน่ืองในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบัตร แกํผสู๎ าเร็จการศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ ณ หอประชุมมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ วันท่ี 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 ดังน้ี “ การรจ๎ู ักรบั ผิดหรอื ยอมรับรว๎ู ําอะไรผดิ อะไรผดิ พลาดเสียหาย และเสียหาย เพราะอะไร เพียงใดน้ันมีประโยชน๑ทาให๎บุคคลรู๎จักพิจารณาตนเอง ยอมรับความ รับผิดชอบของตนเองโดยใจจริง เป็นทางที่จะชํวยให๎แก๎ไขความผิดได๎ และให๎ร๎ูวําจะ ปฏิบตั ิแกไ๎ ขใหมํ ” กกกกกกก5 5.1 5.1.6 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระบรมราโชวาท เกีย่ วกบั ความรบั ชอบเน่ืองในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตร แกผํ ูส๎ าเร็จการศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ ณ หอประชุมมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร๑ วันที่ 16 กรกฎาคมพ.ศ. 2519 ดังนี้ “ สํวนการรู๎จักรับชอบหรือร๎ูวําอะไรถูก อันได๎แกํถูกตามความมุํงหมาย ถูกตามหลักวิชา ถูกตามวิธีการน้ัน มีประโยชน๑ทาให๎ทราบแจ๎งวํา จาทาให๎งานสาเร็จ สมบรู ณอ๑ ยํางไร จักไดถ๎ อื ปฏิบัติตอํ ไป ” กกกกกกก5 5.1 5.1.6 กลาํ วโดยสรปุ ความรบั ผดิ ชอบ รบั ผดิ และรบั ชอบจะแสดงถงึ ความเอาใจ ใสํมํุงม่ันตํอภารกิจท่ีทาทุกคนต๎องมีความรับผิดชอบตํอหน๎าที่การงาน การศึกษา อื่นๆ อยํางเต็ม ความสามารถเพื่อให๎บรรลุผลสาเร็จตามจดุ มงํุ หมายและยอมรบั ผลการกระทาทจ่ี ะเกดิ ข้นึ
79 กกกกกกก5 5.1 5.1.6 หน๎าที่พลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัตไิ ดแ๎ กํ ประชาชนทุกคนต๎องมีความรับผิดชอบ ตํอหน๎าท่ีการงาน การศึกษาเลําเรียน และการเป็นอยํูของตนเอง และ ผ๎ูอยูํในความดูแล ตลอดจน สังคม อยํางเต็มความสามารถ เพ่ือให๎บรรลุผลสาเร็จตามความมุํงหมายในเวลาท่ีกาหนด ยอมรับผล การกระทาท้ังผลดีและผลเสียที่เกิดขึ้น รับผิด คือ การยอมรับวําส่ิงท่ีตนทามีข๎อใดสํวนใดผิดพลาด เสียหาย และเสียหายเพราะเหตุใดข๎อนี้มีประโยชน๑ ทาให๎รู๎จักพิจารณาการกระทาของตน พร๎อมท้ัง ขอ๎ บกพรอํ งของตนอยาํ งจรงิ จัง เปน็ ทางทีจ่ ะชวํ ยให๎คดิ หาวิธปี ฏบิ ัตแิ กไ๎ ข กกกกกกก5 5.2 หน้าท่ี กกกกกกก5 5.2 5.2.1 ประโยชน์สว่ นรวม ประโยชน์ส่วนตน และเสียสละ กกกกกกก5 5.2 5.2.1 ประโยชนส๑ วํ นรวม หมายถึง ผลประโยชนส๑ าธารณะ ยงั หมายรวมถงึ หลักประโยชนต๑ อํ มวลสมาชิกในสงั คม กกกกกกก5 5.2 5.2.1 ประโยชนส๑ ํวนตน หมายถงึ นกึ ถึงแตตํ วั เอง หรือเห็นแกํตัว เชํน หากพวก เราทางานโดยนึกถงึ แตปํ ระโยชน๑สํวนตวั องค๑กรของเรากจ็ ะไมํก๎าวหนา๎ กกกกกกก5 5.2 5.2.1 เสียสละ จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คาจากดั ความ หรือความหมายของเสียสละ คือให๎โดยยินยอม, ให๎ด๎วยความเต็มใจ, เชนํ ทหารเสียสละชวี ติ เพอ่ื ปกปูองเอกราชของชาติ พอํ แมเํ สียสละทกุ ส่ิงทุกอยํางได๎เพื่อลกู กกกกกกก5 5.2 5.2.1 กลําวโดยสรปุ ประโยชน๑สํวนรวม ประโยชนส๑ ํวนตน และเสียสละ หมายถงึ การเสยี สละเพ่ือให๎ประเทศชาติมีความเจรญิ ซ่ึงเป็นความรบั ผิดชอบของทุกคน และไมเํ ห็นแกํ ประโยชนส๑ ํวนตน กกกกกกก5 5.2 5.2.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารัสเกย่ี วกับ ประโยชน๑สํวนรวมให๎แกนํ ักศึกษา มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร๑ ณ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร๑ วิทยาเขตป๓ตตานี วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2523 ดงั น้ี “ การทาเพื่อประโยชน๑สวํ นรวมน้ัน ไดป๎ ระโยชนม๑ ากกวําทาเฉพาะประโยชน๑ สํวนตัว และบอกได๎วําคนไหนทาเพื่อประโยชน๑สํวนตัวแท๎ ๆ ล๎วน ๆ เชื่อวําประโยชน๑ น้ันจะไมํได๎ เทํากับรวบรวมของหนักมาวางบนหัว แบกเอาไว๎ตลอดเวลา ซ่ึงก็ไมํสบาย ก็หนัก ก็เหน่ือย แตํถ๎าผู๎ใดทาเพื่อสํวนรวม ยิ่งมากย่ิงดี ย่ิงเบา ย่ิงคลํองแคลํววํองไว และยิ่งมีความสขุ ” กกกกกกก5 5.2 5.2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ียวกบั ประโยชน๑สวํ นตน เนอ่ื งในพธิ ีพระราชทานปริญญาบตั ร ประกาศนียบตั ร และอนุปรญิ ญาบตั รแกํผ๎สู าเรจ็ การศกึ ษา สาขาวชิ าและวิชาตําง ๆ ของมหาวทิ ยาลัยเชียงใหมํ ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหมํ วันท่ี 16 มกราคม พ.ศ. 2512 ดังน้ี
80 “ ผท๎ู ี่ทางานใหเ๎ กดิ ประโยชนแ๑ กํสํวนรวมยํอมได๎ประโยชน๑สวํ นตนด๎วย ผู๎ที่ทางานโดยเหน็ แกํตวั เบยี ดเบยี นประโยชน๑สวํ นรวม ยอํ มบน่ั ทอนทาลายความม่ันคง ของประเทศชาติ และทสี่ ดุ ตนเองก็จะเอาตวั ไมรํ อด ” กกกกกกก5 5.2 5.2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทเกย่ี วกบั ความเสียสละ เนอื่ งในพิธพี ระราชทาน แกํคณะกรรมการสมาคมหนังสอื พิมพ๑แหํงประเทศไทย ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน วนั ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ดงั นี้ “ การท่ีขอให๎ทาเพ่ือสํวนรวมน้ี ก็ใชํวําแตํละคนจะต๎องเสียสละให๎เหลือแตํ ตัวลํอนจ๎อนเพ่ือส่ิงที่เรียกวําสํวนรวม มิใชํอยํางนั้น แตํหมายวําสละส่ิงใดท่ีสละได๎ เพื่อที่จะให๎สํวนรวมอยูํได๎ โดยจุดประสงค๑ที่จะสํวนบุคคลอยูํได๎เหมือนกัน เพราะวําถ๎า สํวนรวมอยํูไมํได๎ สํวนบุคคลก็อยํูลาบาก นอกจากจะเป็นผู๎ที่เอาตัวรอดโดยแท๎ และลง ท๎ายผ๎ูทเ่ี อาตวั รอดเหลําน้ันก็จะนบั วาํ เอาตัวไมํรอด เพราะวําไมํมีเกียรติไมํมีความภูมิใจ ในตวั ฉะนั้นก็ขอร๎องใหส๎ มาชิกทั้งหลายพยายามท่ีจะพินิจเคราะห๑ในการกระทาในการ เสนอขําวเสนอบทความ ใหเ๎ ปน็ ไปในทางทสี่ รา๎ งสรรค๑ เป็นไปในทางที่จะทาให๎สํวนรวม เป็นปกึ แผนํ ใหส๎ วํ นรวมมคี วามก๎าวหนา๎ มีสง่ิ ดงี าม ” กกกกกกก5 5.2 5.2.1 กลําวโดยสรุป ประโยชนส๑ ํวนรวม ประโยชนส๑ ํวนตน และเสยี สละ คือ การทาประโยชนใ๑ ห๎สํวนรวม เสยี สละเพื่อใหป๎ ระเทศชาตมิ ีความเจริญซ่ึงเปน็ ความรับผดิ ชอบของ ทุกคน และไมํเห็นแกํประโยชน๑สวํ นตน กกกกกกก5 5.2 5.2.1 หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ิได๎แกํ การทที่ กุ คนสามารถเข๎ารํวมกิจกรรม ที่เป็นประโยชน๑ตํอโรงเรียน ชุมชนและสังคม พฤติกรรมท่ีบํงช้ีเชํน ดูแลรักษาสาธารณสมบัติ และส่ิงแวดล๎อมด๎วยความเต็มใจ เข๎ารํวมกิจกรรมท่ีเป็นประโยชน๑ตํอโรงเรียน ชุมชน และสังคม และเข๎ารํวมกิจกรรมเพ่ือแก๎ป๓ญหา หรือรํวมสร๎างส่ิงที่ดีงามของสํวนรวม ตามสถานการณ๑ที่เกิดขึ้น ดว๎ ยความกระตือรือร๎น
81 กกกกกกก5 5.2 5.2.2 ความสามคั คี ร่วมมือ ปรองดอง กกกกกกก5 5.2 5.2.2 ความสามัคคี พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความสามัคคี คือ ความพร๎อมเพรยี งกนั , ความปรองดองกนั กกกกกกก5 5.2 5.2.2 ความรํวมมือ พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ใหค๎ าจากัดความ หรือความหมายของความรวํ มมอื คือ พรอ๎ มใจชํวยกนั กกกกกกก5 5.2 5.2.2 ความปรองดอง พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คาจากัดความหรอื ความหมายของความปรองดอง คือ ออมชอม, ประนีประนอม, ยอมกัน, ไมแํ กํงแยงํ กันตกลงกันด๎วยความไกลํเกลี่ย, ตกลงกนั ด๎วยไมตรีจิต กกกกกกก5 5.2 5.2.2 กลําวโดยสรุปความสามัคคี รวํ มมือ ปรองดอง หมายถึง ความปรองดอง สมานฉันท๑ พร๎อมเพรียงกนั แหงํ หมูํคณะในการดาเนนิ ชีวิต หรือในการทากิจการงานโดยชอบธรรม รวํ มกัน กกกกกกก5 5.2 5.2.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกับความสามัคคี ในพธิ พี ระราชทานธงประจารํุนลูกเสือ ชาวบา๎ นจงั หวัดนครศรธี รรมราช ณ สนามกีฬาชาติตระการโกศล วนั ที่ 12 กนั ยายน พ.ศ. 2521 ดังน้ี “ ความสามคั คีน้ันเปน็ การที่ทุกคนเห็นใจกัน ซงึ่ กันและกันและพร๎อม เพรยี งกห็ มายความวําไมํไดท๎ าคนละทีสองทแี ตํทาพร๎อมกันความสามคั คีและความ พรอ๎ มเพรียงนี้มีผลตอํ เน่ืองอีกอยาํ งหนึ่งคือทาให๎ทุกคนมีความเข๎มแขง็ แข็งแรง ซ่ึงจะนามาสูคํ วามสุขของแตํละคน เพราะวําคนเรามีท้ังสุขทั้งทุกข๑ เม่ือเราสุขก็อยาก ใหค๎ นอื่นสุขดว๎ ยทาให๎สขุ ของตวั เองใหญหํ ลวงขน้ึ แตเํ ม่อื มีความทุกขค๑ นอ่ืนก็จะชวํ ย ทาให๎ความทกุ ข๑น้ันน๎อยลงไป ฉะนน้ั ความสามัคคแี ละความพรอ๎ มเพรยี งนัน้ จึงเปน็ ส่ิง ท่ีสาคญั ” กกกกกกก5 5.2 5.2.2 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารสั เกีย่ วกบั รํวมมือ เน่ืองในโอกาสพระราชทานเครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ๑ แกขํ า๎ ราชการ ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน วันท่ี 22 กรกฎาคมพ.ศ. 2513 ดังน้ี “ การจะทางานที่มั่นคงและก๎าวหนา๎ นั้น มใิ ชวํ ําจะกม๎ หนา๎ ก๎มตาทาหนา๎ ที่ ของแตํละคนเทาํ นัน้ จะต๎องมีความรวํ มมอื สัมพันธ๑กันระหวาํ งหนํวยงานทกุ หนวํ ย เพือ่ ใหง๎ านรุดหน๎าไปพร๎อมเพรียงกัน ”
82 กกกกกกก5 5.2 5.2.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกบั ปรองดอง เน่ือง ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสติ ดาลยั วนั ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2536 ดังน้ี “ สามัคคีหรือการปรองดองกันไมไํ ด๎หมายความวาํ คนหนง่ึ พดู อยาํ งหน่งึ คนอื่นต๎องพดู เหมือนกันหมด ลงทา๎ ยชวี ติ กไ็ มํมีความหมาย ตอ๎ งมีความแตกตาํ งกัน แตํตอ๎ งทางานให๎สอดคล๎องกัน แม๎จะขัดกันบา๎ งแตํต๎องสอดคล๎องกัน ” กกกกกกก5 5.2 5.2.2 กลําวโดยสรุป ความสามัคคี รํวมมอื ปรองดองเกดิ จากความรํวมมอื รํวมใจ เปน็ อันหนึง่ อนั เดียวกนั คณุ ธรรมนนี้ บั วาํ สาคัญมากในหมูํคณะเป็นคุณธรรมที่กอํ ใหเ๎ กิดความสุขอยําง ยงิ่ แกํหมูํคณะ กกกกกกก5 5.2 5.2.2 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิได๎แกํ ประชาชนมีความรวํ มมือรวํ มใจ ชํวยเหลอื เก้ือกูลซ่ึงกันและกัน รวํ มแรงรํวมใจเป็นอันหน่งึ อันเดยี วกนั กอํ ให๎เกิดความสงบสขุ ทาให๎ ประเทศไทยอยรํู อดได๎ น่นั คือ ความสามัคคีและความเปน็ ไทย กกกกกกก5 5.2 5.2.3 ความสขุ ความเจรญิ กกกกกกก5 5.2 5.2.3 ความสุข พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความสขุ คือ ความสบายกายสบายใจ เชนํ ขอใหอ๎ ยูดํ ีมสี ขุ เกดิ มาก็มสี ขุ บ๎างทกุ ข๑บา๎ ง, มักใช๎เขา๎ คํูกับคาเป็น เชํน ขอให๎อยูเํ ย็นเปน็ สขุ ขอใหเ๎ ปน็ สขุ ๆ นะ กกกกกกก5 5.2 5.2.3 ความเจรญิ พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความเจรญิ คือ เติบโต, งอกงาม, ทาให๎งอกงาม, เชํน เจริญทางพระราชไมตรี เจรญิ สัมพันธไมตรี, มากขึ้น กกกกกกก5 5.2 5.2.3 กลําวโดยสรปุ ความสุข ความเจริญ หมายถงึ ความสุขความเจรญิ ที่บุคคล แสวงหามาได๎ดว๎ ยความเป็นธรรม ท้ังในเจตนา และการกระทา กกกกกกก5 5.2 5.2.3 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานบรมราโชวาทเกี่ยวกบั ความสุขความเจริญ เนอ่ื งในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบตั ร และอนุปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณม๑ หาวิทยาลยั ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ๑มหาวิทยาลัย วันท่ี 10 กรกฎาคม 2518 ดังนี้
83 “ ความสขุ ความเจริญอนั แท๎จรงิ นน้ั หมายถึง ความสุขความเจรญิ ทีบ่ ุคคล แสวงหามาไดด๎ ๎วยความเป็นธรรม ทง้ั ในเจตนาและการกระทา ไมํใชํไดม๎ าด๎วยความ บังเอิญ หรือดว๎ ยแกํงแยํงเบยี ดเบยี นมาจากผ๎ูอนื่ ความเจริญทีแ่ ทน๎ ี้มีลักษณะเป็น การสรา๎ งสรรค๑ เพราะอานวยประโยชนถ๑ งึ ผู๎อ่นื และสํวนรวมดว๎ ย ตรงกันข๎ามกับ ความเจรญิ อยํางเทจ็ เทยี ม ท่ีเกิดข้นึ มาดว๎ ยความประพฤตไิ มเํ ป็นธรรมของบุคคล ซึง่ มลี กั ษณะเปน็ การทาลายลา๎ ง เพราะให๎โทษบํอนเบยี นทาลายผอู๎ ่นื และสํวนรวม การบอํ นเบยี นทาลายนั้น ทส่ี ุดก็จะกลับมาทาลายตน ดว๎ ยเหตุท่ีเมื่อสวํ นรวมถูก ทาลายเสยี แลว๎ ตนเองก็จะยืนตวั อยํไู มํได๎ จะต๎องลมํ จมลงไปเหมือนกัน ” กกกกกกก5 5.2 5.2.3 กลําวโดยสรุป ความสขุ ความเจรญิ เกดิ ข้ึนจากบุคคลทงั้ หมดมีเจตนา กระทา เพื่อใหม๎ คี วามสขุ ความเจรญิ จะต๎องไมเํ บียดเบยี น หรือแกํงแยงํ ผอู๎ ่นื มา กกกกกกก5 5.2 5.2.3 หน๎าที่พลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัติไดแ๎ กํ การตั้งใจกระทาทุกสงิ่ ให๎ตนเองมี ความสุขความเจรญิ โดยต๎องไมไํ ปเบียดเบียน หรือแกํงแยงํ ผู๎อืน่ มา
84 กิจกรรมท้ายบท กกกกกกกกิจกรรมที่ 1 กกกกกกกคาช้ีแจง ให๎นักศึกษาเลือกคาตอบที่ถกู ต๎องที่สดุ เพียงข๎อเดียวโดยนาไปเขยี นใน แผํนกระดาษคาตอบที่แจกให๎ 1. สขุ ในการอยูรํ วํ มกนั เกดิ จากอะไร ก. รํางกายแขง็ แรง ข. รํางกายสมบรู ณ๑ ค. ความรกั ความสามัคคี ง. การมีจิตใจทีส่ ดชนื่ แจํมใส 2. “ เดินทางสายกลาง ” มคี วามหมายตรงกับข๎อใด ก. ความร๎ู ข. ความซื่อสัตย๑ ค. ความพอประมาณ ง. ความร๎ูคํคู ุณธรรม 3. เยาวชนควรไดร๎ บั การปลกู ฝ๓งในเรอื่ งใดมากทีส่ ดุ ก. สติ ข. ใช๎เหตุผล ค. ความร๎อู ยํางแทจ๎ ริง ง. การแก๎ไขปญ๓ หาอยาํ งสุขมุ 4. ขอ๎ ใดเปน็ แนวปฏบิ ตั ิหน๎าท่ีพลเมอื งดีใน เร่ือง ความรอบคอบ ก. การศึกษาหาความรู๎ ข. การมจี ติ ใจท่ีมุํงมนั่ เทยี่ งตรง ค. การฝึกฝนตนเองจนเปน็ นิสยั ง. การดาเนินชีวติ อยํางมีเหตุผล 5. ข๎อใดเป็นแนวทางปฏบิ ัตหิ นา๎ ท่ีพลเมืองดี ในเร่ืองประโยชน๑สวํ นรวม ก. การดแู ลซ่งึ กันและกนั ข. ดแู ลสาธารณสมบตั ิอยํางเต็มใจ ค. การใหค๎ วามรํวมมอื ในการทางาน ง. เตรยี มความพรอ๎ มตอ๎ นรบั สถานการณ๑
85 กกกกกกกกจิ กรรมท่ี 2 กกกกกกกคาชี้แจง ให๎นกั ศึกษาจับคํโู ดยการโยงเส๎นข๎อความด๎านตัวเลขกับข๎อความดา๎ นตวั อักษรทม่ี ี ความสมั พนั ธ๑กนั โดยนาคาตอบท่ีได๎ไปเขียนในแผนํ กระดาษคาตอบทีแ่ จกให๎ 1. สุขใจ ก. รูจ๎ ักประมาณตน 2. ความพอประมาณ ข. ความรู๎ 3. สิง่ ที่ทาใหเ๎ ข๎าใจแล๎วนามาปฏิบัติ ค. ความอ่ิมใจอันเกิดจากจิตท่สี งบ 4. ยอมรับวําสง่ิ ทท่ี าไปผดิ พลาด ง. ความมภี ูมคิ ุม๎ กัน 5. ใชป๎ ระสบการณ๑เดมิ มาตดั สนิ ใจ จ. รบั ผดิ กกกกกกกกจิ กรรมท่ี 3 กกกกกกกคาชีแ้ จง ใหน๎ กั ศึกษาเตมิ คาลงในชํองวํางให๎ถูกต๎องสมบูรณล๑ งในแผนํ กระดาษคาตอบท่ี แจกให๎ กกกกกกก1. เง่อื นไขคณุ ธรรมได๎แกํ 1………………………………………………….…..………………...…… กกกกกกก2. คณุ ธรรมในวัยเด็กควรปลูกฝ๓งโดย........................................................................... กกกกกกก3. การมสี ภาวะราํ งกายท่แี ขง็ แรงเรียกวาํ ..................................................................... กกกกกกก4. การยอมรับทั้งผลดีและไมํดีทท่ี าลงไป เรยี กวํา........................................................ กกกกกกก5. การดแู ลรกั ษาสาธารณสมบัติเป็นการทาประโยชน๑เพอื่ ........................................... กกกกกกกกิจกรรมที่ 4 กกกกกกกคาชแ้ี จง ให๎นักศึกษาทาเคร่ืองหมายถูก ( ) หรอื ผิด () หนา๎ ข๎อตอํ ไปน้ีโดยนาคาตอบ ทไี่ ด๎ไปเขียนในแผํนกระดาษคาตอบที่แจกให๎ กกกกกกก............1. การปลกู ฝง๓ คณุ ธรรมในวยั เด็กทาได๎โดยอบรมสง่ั สอนเป็นแบบอยํางที่ดี กกกกกกก............2. ความมีเหตผุ ลจะเกดิ จากการมีความซ่ือสตั ย๑ เดนิ ทางสายกลาง กกกกกกก............3. ความซื่อสัตยส๑ ุจรติ เป็นพน้ื ฐานของความดีทุกอยาํ ง กกกกกกก............4. คณุ ธรรมที่มีความสาคญั สาหรับหมํูคณะ คือ ความสามัคคี กกกกกกก............5. การอนุรักษ๑วฒั นธรรมไทยเป็นหน๎าท่ีของรัฐบาล
86 บทที่ 5 หนา้ ทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามหลกั การทรงงาน สาระสาคัญ กกกกกกก1. หลกั การทรงงาน หมายถึง การปฏบิ ตั หิ นา๎ ที่หรอื ภารกจิ หรือกจิ กรรมของ พระมหากษัตริย๑ทรงยึดการดาเนินงานในลักษณะทางสายกลางที่สอดคล๎องกับสิ่งท่ีอยูํรอบตัวและ สามารถปฏิบัติได๎จริง ทรงมีความละเอียดรอบคอบ และทรงคิดค๎นแนวทางพัฒนาเพื่อมํุงสํูประโยชน๑ ตํอประชาชนสูงสุด มี 23 ข๎อ ได๎แกํ (1) ศึกษาข๎อมูลอยํางเป็นระบบ (2) ระเบิดจากข๎างใน (3) แก๎ป๓ญหาท่ีจุดเล็ก (4) ทาตามลาดับข้ัน (5) ภูมิสังคม (6) องค๑รวม (7) ไมํติดตารา (8) ประหยัด เรยี บงาํ ย ได๎ประโยชนส๑ งู สุด (9) ทาให๎งําย (10) การมีสํวนรํวม (11) ประโยชน๑สํวนรวม (12) บริการ รวมท่ีจุดเดียว (13) ใช๎ธรรมชาติ ชํวยธรรมชาติ (14) ใช๎อธรรมปราบอธรรม (15) ปลูกปุาในใจคน (16) ขาดทุนคือกาไร (17) การพ่ึงตนเอง (18) พออยํูพอกิน (19) เศรษฐกิจพอเพียง (20) ความ ซ่อื สัตย๑สจุ ริต จรงิ ใจตอํ กัน (21) ทางานอยํางมีความสุข (22) ความเพียร และ (23) รู๎ รัก สามัคคี กกกกกกก2. หน๎าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน ทเ่ี ก่ยี วข๎องกับ คุณธรรมของการเป็นพลเมืองดี มี 9 ข๎อ ได๎แกํ (1) การมีสํวนรํวม มีสํวนรํวมและคิดถึงสํ วนรวม (2) ต๎องยึดประโยชน๑สํวนรวม (3) บริการจุดเดียว (4) ขาดทุนคือกาไร (5) การพึ่งตนเอง (6) ความ ซอื่ สตั ย๑สุจรติ จริงใจตํอกนั (7) ทางานอยํางมีความสุข (8) ความเพยี ร และ (9) ร๎ู รกั สามคั คี ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั กกกกกกก1. วิเคราะหห๑ น๎าที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลกั การทรงงาน ในสถานการณ๑ที่กาหนดใหไ๎ ด๎ กกกกกกก2. ตระหนกั ถึงความสาคญั ของหนา๎ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามหลกั การทรงงาน ขอบขา่ ยเน้ือหา กกกกกกกเรื่องท่ี 1 หน๎าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามหลกั การทรงงาน กกกกกกกเรื่องที่ 2 แนวทางการปฏบิ ัตหิ น๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน
87 สือ่ ประกอบการเรียน กกกกกกก1. สอ่ื เอกสาร ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 ชื่อหนังสือ หลักการทรงงานตามรอยพระยคุ ลบาท ผู๎แตํง ชูสิทธ์ิ ชูชาติ ปีท่ีพมิ พ๑ 2554 โรงพิมพ๑ วนดิ าการพิมพ๑ กกกกกกก1. 1.2 ช่อื หนังสือ เรยี นรู๎หลกั การทรงงานในพระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยูํหัว ผู๎แตงํ สานักงานคณะกรรมการการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหงํ ชาติ ปที ่พี ิมพ๑ (มปป.) โรงพมิ พ๑ สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ กกกกกกก2. ส่อื อิเล็กทรอนิกส๑ ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 2.1 ชอื่ บทความ หลักการทรงงาน \"พระมหากษตั รยิ ๑นักพฒั นาเพอื่ ประโยชน๑สขุ สปํู วง ประชา\" ธนั วาคม 2554 ผู๎แตงํ สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแหงํ ชาติ สืบคน๎ จาก http://oknation.nationtv.tv/blog/phra-dhamma/2013/06/13/entry-1 กกกกกกก1. 2.2 ช่อื บทความ \"หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยหํู วั \" ผู๎แตํง
สานกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพ่ือประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ (กปร.) สืบค๎นจาก http://www.rakbankerd.com/agriculture/ page.php?id กกกกกกก3. ส่อื แหลํงเรยี นรู๎ในชุมชน ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 3.1 ห๎องสมุดประชาชนจงั หวัดประจวบครี ีขันธ๑ 3.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทุกแหํง และศนู ย๑การเรยี นชุมชน ในอาเภอเมือง ประจวบคีรีขนั ธ๑ เร่อื งที่ 1 หลกั การทรงงาน กกกกกกก1. ความหมายของหลกั การทรงงาน กกกกกกก1. หลกั การ พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ใหค๎ วามหมายวาํ สาระสาคัญ ท่ียึดถอื เปน็ แนวปฏิบัติ เชํน คณะกรรมการลงมตริ ับหลกั การตามทมี่ ีผเู๎ สนอ กกกกกกก1. งาน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ใหค๎ วามหมายวาํ ส่งิ หรอื กจิ กรรมท่ีทา กกกกกกก1. การงาน แรงท่ีกระทาตอํ วัตถุแลว๎ ทาให๎วัตถุเคล่อื นท่ีไปตามทศิ ทางของแนวแรง ถ๎าเรา ออกแรงกระทาตอํ วตั ถุ แลว๎ วัตถุไมเํ คล่ือนที่ แสดงวาํ ไมเํ กดิ งาน กกกกกกก1. การงาน หมายถึง การทามาหากนิ ที่เกิดจากกจิ กรรมหรือบรกิ ารใด ๆ ท่กี ํอใหเ๎ กิด ผลผลิตและรายได๎ ซ่ึงเป็นงานประจาท่สี ุจริต ไมผํ ิดศลี ธรรม กกกกกกก1. หลกั การทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงทํุมเทพระวรกายตรากตราและมุํงมั่น เพื่อแก๎ไขป๓ญหาความเดือดร๎อนให๎แกํพสกนิกรไมํวําจะ เช้อื ชาตใิ ด ศาสนาใด อยํหู าํ งไกลสักเพียงใด กม็ ิทรงยอํ ท๎อ เขา๎ ไปชวํ ยเหลือราษฎร ท้ังด๎านสาธารณสุข การศึกษา สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน การเกษตร การฟ้ืนฟูทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล๎อม ท้ัง ดิน น้า ปุาไม๎ และพลังงาน หรือแม๎กระทั่งการจราจร ทรงคิดค๎นหาแนวทางแก๎ไขป๓ญหาได๎ อยาํ งแยบยล
88 กกกกกกก1. การทรงงานในพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงยึดดาเนินงานในลักษณะทางสายกลางที่สอดคล๎องกับสิ่งท่ีอยูํรอบตัว และสามารถปฏิบัติได๎จริง ทรงมีความละเอียดรอบคอบ ทรงคิดค๎นหาแนวทางพัฒนา เพื่อมุํงประโยชน๑ตํอประชาชนสูงสุด มคี ุณคาํ และควรยึดเป็นแบบอยาํ งในการเจริญรอยตามเบ้อื งพระยุคลบาท นามาปฏบิ ัตเิ พื่อให๎ บงั เกิดผลตอํ ตนเอง สงั คม และประเทศชาติตลอดไป กกกกกกก1. กลําวโดยสรุป หลกั การทรงงาน คือ การปฏบิ ัตหิ นา๎ ท่ี หรอื ภารกจิ หรือกิจกรรมของ พระมหากษัตริย๑ทรงยึดการดาเนินงานในลักษณะทางสายกลางท่ีสอดคล๎องกับสิ่งที่อยูํรอบตัวแล ะ สามารถปฏิบัติได๎จริง ทรงมีความละเอียดรอบคอบ และทรงคิดค๎นแนวทางพัฒนาเพ่ือมุํงสํูประโยชน๑ ตํอประชาชนสูงสุด ซึ่งพระมหากษัตริย๑ในที่นี้คือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ผมู๎ ีคุณปู การตํอประชาชนชาวไทย และประชาคมโลก กกกกกกก2. หลักการทรงงานของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 มี 23 ข๎อ คือ กกกกกกก2. 2.1 ศกึ ษาข๎อมูลอยาํ งเปน็ ระบบ กกกกกกก2. 2.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดใ๎ ชห๎ ลกั การทรง งานข๎อนี้ โดยนาโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริทุกโครงการท่ีเกิดจากกระบวนการศึกษาข๎อมูล ต้ังแตํเร่ิมตน๎ โดยทรงศึกษาพ้ืนท่ีเปาู หมายจากขอ๎ มูลเอกสาร แผนท่ี การสารวจพ้ืนท่ีเปูาหมาย โดยใช๎ วิธีการสังเกต สัมภาษณ๑ การปรึกษาหารือ บางคร้ังทรงปฏิบัติจริงจนได๎ผลดีแล๎วนาไปเผยแพรํ สูํประชาชน หลังจากประชาชนปฏิบัติจริงแล๎ว มีการวิเคราะห๑ผล ประเมินผลแล๎วทรงพิจารณาหา วิธีการแก๎ไข ดังตัวอยําง การศึกษาข๎อมูลอยํางเป็นระบบในเร่ืองการวางแผนชํวยเหลือความ ยากลาบากของราษฎร ท่ีประสบป๓ญหา บ๎านห๎วยมงคล ตาบลหินเหล็กไฟ อาเภอหัวหิน จังหวัด ประจวบครี ขี ันธ๑ ได๎พระราชทาน ความชํวยเหลือในเรือ่ งการสรา๎ งถนนห๎วยมงคล เพือ่ ระบบการขนสํง
89 ภาพทรงศึกษาขอ๎ มูลจากประชาชนอยาํ งเป็นระบบ กกกกกกก2. 2.2 ระเบดิ จากข๎างใน กกกกกกก2. 2.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดใ๎ ชห๎ ลักการ ทรงงานข๎อน้ี โดยมํุงเน๎นการพัฒนาคน มีพระราชดารัสวํา \"ต๎องระเบิดจากข๎างใน\" น้ันหมายความวํา ต๎องมุํงพัฒนาเพื่อสร๎างความเข๎มแข็งให๎คนและครอบครัวในชุมชนที่เข๎าไปพัฒนา ให๎มีสภาพพร๎อมท่ี จะรับการพัฒนาเสียกํอน แล๎วจึงคํอยออกมาสํูสังคมภายนอก มิใชํการนาเอาความเจริญจากสังคม ภายนอกเข๎าไปหาชุมชนและหมูํบ๎าน ซ่ึงหลายชุมชนยังไมํทันได๎มีโอกาสเตรียมตัว หรือต้ังตัว จึงไมํ สามารถปรับตวั ไดท๎ ันกับกระแสการเปลีย่ นแปลง และนาไปสํคู วามลํมสลายได๎
90 ภาพทรงเตรียมความพรอ๎ มของประชาชนท่ีจะไดร๎ ับการพัฒนา กกกกกกก2. 2.3 แก๎ป๓ญหาจากจุดเล็ก กกกกกกก2. 2.3 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดใ๎ ช๎หลกั การ ทรงงานข๎อน้ี โดยการแก๎ไขป๓ญหาที่พบอยํูด๎วยการแก๎ไขท่ีจุดเล็กของป๓ญหาเรื่องนั้น ๆ กํอนเป็น เบ้ืองต๎น เป็นการแก๎ไขป๓ญหาเฉพาะหน๎า ซึ่งเม่ือได๎แก๎ไขจุดเล็ก ๆ ได๎แล๎วจึงคํอย ๆ แก๎ไขป๓ญหาอื่น ตามลาดับความสาคัญตํอไป ดังตัวอยําง ปลูกพืชเมืองหนาวของโครงการหลวงในปี พ.ศ.2511, 2512 ป๓ญหา คอื พืชทีป่ ลกู เมืองหนาวในเขตหว๎ ยคอกมา๎ ดอกปุย ตาบลสุเทพ อาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหมํ อากาศไมํหนาวเย็นพอ จึงหาพ้ืนที่ใหมํซ่ึงสูงระหวําง 1,400 เมตร – 1,700 เมตร เหนือระดับน้าทะเล ปานกลางที่ดอยอํางขาง อาเภอฝาง จังหวัดเชียงใหมํ ทดลองปลูกพืชเมืองหนาวใน พ.ศ. 2512 จนประสบความสาเร็จ ตํอจากนั้นทรงทดลองสํงเสริมการปลูกกาแฟที่ศูนย๑พัฒนาโครงการหลวงแมํ หลอด ในปี พ.ศ. 2517 จนประสบความสาเร็จและได๎พฒั นาขยายออกไปพ้นื ที่อื่น ๆ
91 ภาพทรงแกไ๎ ขปญ๓ หาท่จี ดุ เล็กด๎วยการปลกู พืชเมืองหนาว กกกกกกก2. 2.4 ทาตามลาดบั ข้นั กกกกกกก2. 2.4 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานข๎อน้ี โดยการดาเนินงานที่คานึงถึงทุกป๓จจัยและเงื่อนเวลา ให๎มีความพอดี สมดุล รอบคอบ และสอดคล๎องกับลักษณะของสังคมและภูมิสังคม มิใชํการดาเนินงานในลักษณะ “ก๎าวกระโดด” หรือในแนวทางอนุรักษนิยมสุดโตํง เชํน การไมํเรํงรัดนาความเจริญเข๎าไปสูํชุมชนใน ภูมภิ าคท่ยี งั มไิ ด๎ทันตัง้ ตวั แตใํ หม๎ กี ารเตรยี มความพรอ๎ มเพอ่ื ใหม๎ คี วามสามารถในการรับแรงปะทะจาก สถานการณ ของโลกภายนอกได๎ ดังตัวอยําง เร่ือง “หญ๎าแฝก” เพ่ือการอนุรักษ๑ดินและฟื้นฟูพ้ืนที่ เส่ือมโทรม ได๎เร่ิมต๎นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2534 ได๎พระราชทานพระราชดาริให๎ เลขาธิการสานักงาน กปร. (ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล) ทาการทดลองปลูกหญ๎าแฝก เพ่ือปูองกันการ ชะล๎างพังทลายของดิน และอนุรักษ๑ความชุํมชื้นในดิน ผลการทดลองปลูกหญ๎าแฝก ที่ศูนย๑ศึกษา การพัฒนาเขาหนิ ซอ๎ น จงั หวดั ฉะเชิงเทราได๎ขยายไปสูํศูนย๑ศึกษาการพัฒนาห๎วยทรายอันเนื่องมาจาก พระราชดาริ จงั หวัดเพชรบุรี
92 ภาพทรงแกไ๎ ขปญ๓ หาการปลกู หญา๎ แฝกที่เปน็ ไปตามลาดบั ขั้น กกกกกกก2. 2.5 ภมู สิ งั คม กกกกกกก2. 2.5 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดใ๎ ช๎ หลักการทรงงานข๎อน้ี โดยการพัฒนาใด ๆ ต๎องคานึงถึงสภาพภูมิประเทศของบริเวณน้ันวําเป็น อยํางไร และสังคมวิทยาเก่ียวกับลักษณะนิสัยใจคอของคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในแตํละ ท๎องถิ่นท่ีมีความแตกตํางกัน ดังพระราชดารัส ความตอนหนึ่งวํา “การพัฒนาจะต๎องเป็นไปตาม ภมู ิประเทศทางภูมิศาสตร๑ และภูมิประเทศทางสังคมศาสตร๑ ในสังคมวิทยา คือ นิสัยใจคอของคนเรา จะไปบังคับให๎คนอ่ืนคิดอยํางอ่ืนไมํได๎ เราต๎องแนะนา เราเข๎าไปชํวยโดยที่จะคิดให๎เขาเข๎ากับเราไมํได๎ แตํถ๎าเราเข๎าไปแล๎ว เราเข๎าไปดูวําเขาต๎องการอะไรจริง ๆ แล๎วก็อธิบายให๎เขาเข๎าใจหลักการของการ พัฒนาน้ีก็จะเกิดประโยชน๑อยํางย่ิง ดังตัวอยําง กลุํมชาติพันธ๑ุ ม๎ง ปะหลํอง ลําหํู เย๎า เป็นกลุํม ชาติพนั ธุ๑ โดยปกตแิ ล๎วอยํูในเขตพื้นท่ีสูงกวํากะเหรี่ยงและคนไทย เขตพ้ืนที่สูงมีความถนัดในการปลูก พืชไรํ ปลูกผัก ปลูกไม๎ดอก โครงการหลวง จึงสํงเสริมให๎ม๎ง ปะหลํอง ปลูกพืชผักและไม๎ดอก เมืองหนาวเป็นหลกั
93 ภาพทรงพัฒนาทคี่ านึงถึงภูมิสงั คม กกกกกกก2. 2.6 องค๑รวม กกกกกกก2. 2.6 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดใ๎ ชห๎ ลกั การ ทรงงานข๎อนี้ โดยการมองอยํางครบวงจรในการปฏิบัติงานหรือโครงการ จะทรงมองเหตุการณ๑ที่จะ เกดิ ขน้ึ และนาแนวทางมาแก๎ไขอยํางเชื่อมโยง ดังตัวอยํางทฤษฎีใหมํ ที่พระราชทานให๎แกํปวงชนชาว ไทย เป็นแนวทางในการประกอบอาชีพแนวทางหนึ่ง ท่ีพระองค๑ทรงมองอยํางองค๑รวม ต้ังแตํการถือ ครองท่ีดนิ โดยเฉลีย่ ของประชาชนคนไทยประมาณ 10 – 15 ไรํ การบริหารจัดการท่ีดินและแหลํงน้า อันเป็นป๓จจัยพ้ืนฐานท่ีสาคัญในการประกอบอาชีพ เมื่อมีน้าในการทาการเกษตรแล๎วจะสํงผลให๎ ผลผลิตดีข้ึน และหากมีผลผลิตเพ่ิมมากขึ้นเกษตรกรจะต๎องร๎ูจักวิธีการจัดการและการตลาด รวมถึง การรวมกลํุม รวมพลังชุมชนให๎มีความเข๎มแข็ง เพื่อพร๎อมที่จะออกสํูการเปลี่ยนแปลงของสังคม ภายนอกไดอ๎ ยาํ งครบวงจร นน่ั คอื ทฤษฎี 3 ขน้ั ดงั น้ี กกกกกกก2. 2.6 ขนั้ ทห่ี นง่ึ ทฤษฎีใหมํขั้นต๎น : การจัดสรรพื้นที่อยูํอาศยั และทท่ี ากิน ใหแ๎ บงํ พ้นื ท่ีออกเปน็ 4 สวํ น ตามอัตราสํวน 30:30:30:10 ซึง่ หมายถงึ กกกกกกก2. 2.6 พนื้ ที่สวํ นที่1 ประมาณ 30% ใหข๎ ดุ สระกักเก็บนา้ เพื่อใช๎กักเกบ็ นา้ ฝน ในฤดูฝน และใชเ๎ สริมการปลูกพืชในฤดูแลง๎ ตลอดจนการเลี้ยวสตั วน๑ ้า และพืชน้าตํางๆ กกกกกกก2. 2.6 พื้นที่สํวนที่ 2 ประมาณ 30% ใหใ๎ ชป๎ ลกู ขา๎ วในฤดฝู น เพ่ือใช๎เปน็ อาหารประจาวัน สาหรบั ครอบครวั ใหเ๎ พียงพอตลอดปี เพ่ือลดคําใชจ๎ ําย และสามารถพ่งึ ตนเองได๎ กกกกกกก2. 2.6 พน้ื ทส่ี วํ นท่ี 3 ประมาณ 30% ให๎ปลกู ไมผ๎ ล ไมย๎ นื ตน๎ พชื ผกั พืชไรํ พืชสมุนไพร ฯลฯ เพอื่ ใช๎เป็นอาหารประจาวัน หากเหลือบรโิ ภคก็นาไปจาหนาํ ย กกกกกกก2. 2.6 พน้ื ท่สี วํ นที่ 4 ประมาณ 10% เปน็ ที่อยูํอาศัย เล้ียงสตั วแ๑ ละโรงเรือนตาํ ง ๆ
94 ภาพทรงมองอยํางองค๑รวมโดยใช๎หลักเกษตรทฤษฎใี หมํ กกกกกกก2. 2.6 ข้นั ท่สี อง ทฤษฎีใหมํข้นั กลาง : ให๎เกษตรกรรวมพลงั กนั ในรปู กลมํุ หรือ สหกรณ๑ รํวมแรง รวํ มใจกนั ดาเนนิ การในดา๎ นตํอไปน้ี กกกกกกก2. 2.6 (1) การผลิต (พันธุพ๑ ชื เตรยี มดิน ชลประทาน ฯลฯ) คือ เกษตรกรจะตอ๎ งรวํ มมือ ในการผลติ โดยเริม่ ตัง้ แตํ ข้นั เตรยี มดิน การหาพนั ธุพ๑ ชื ปยุ๋ การหาน้า และอนื่ ๆ เพ่อื การเพาะปลูก กกกกกกก2. 2.6 (2) การตลาด (ลานตากขา๎ ว ยุง๎ เคร่ืองสีขา๎ ว การจาหนํายผลผลิต) คือ เม่ือมี ผลผลติ แล๎วจะตอ๎ งเตรียมการตําง ๆ เพื่อการขายผลผลติ ให๎ไดป๎ ระโยชนส๑ งู สุด เชนํ การเตรียมลาน ตากขา๎ วรํวมกนั ตลอดจนการรวมกันขายผลผลิตใหไ๎ ดร๎ าคาดี และลดคาํ ใชจ๎ ํายลงดว๎ ย กกกกกกก2. 2.6 (3) ความเป็นอยํู (กะปิ น้าปลา อาหาร เครอื่ งนุํงหํม ฯลฯ) คือ ต๎องมีความเป็นอยูํ ทพ่ี อดพี อควร โดยมีปจ๓ จยั พื้นทใี่ นการดารงชวี ติ เชํน อาหารการกินตําง ๆ ท่เี พยี งพอ กกกกกกก2. 2.6 (4) สวัสดกิ าร (สาธารณสุข เงนิ ก๎)ู คือ ชุมชนควรมสี วัสดภิ าพและบริการทจี่ าเปน็ เชนํ มสี ถานอี นามัยเม่อื ยามเจ็บปวุ ย หรอื มกี องทนุ ไวก๎ ๎ูยืมเพ่ือประโยชนใ๑ นกจิ กรรมตําง ๆ ของชุมชน กกกกกกก2. 2.6 (5) การศึกษา (โรงเรียน ทุนการศึกษา) คือ ชุมชนควรมีบทบาทในการสํงเสริม การศกึ ษา เชนํ มีกองทนุ เพื่อการศึกษาเลําเรียนใหแ๎ กเํ ยาวชนของชุมชนเอง กกกกกกก2. 2.6 (6) สงั คมและศาสนา คือ ชุมชนควรเป็นที่รวมในการพัฒนาสงั คมและจิตใจ โดยมี ศาสนาเป็นที่ยึดเหน่ยี ว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196