40 สามารถใช้ในการรักษาโรคได้ถา้ นามาใช้ทางการแพทย์น่าจะเกิดประโยชน์อยา่ งมาก (2) รอ้ ยละ 24.96 ไม่ เห็นด้วย เพราะถ้าทาให้ถูกกฎหมายจะมีผลเสียมากกว่าผลดี และ (3) ร้อยละ 2.64 ไม่ระบุหรือไม่ แน่ใจ 3.3 การสารวจความคิดของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ร่วมกับกรม ประชาสมั พนั ธ์ ทาการสารวจความคดิ เห็นของประชาชน เรื่อง “การอนุญาตให้ใช้กญั ชาและกระท่อม ในทางการแพทย์” ระหว่างวันท่ี 11 - 18 เมษายน พ.ศ. 2562 จากประชาชนที่มีอายุตังแต่ 18 ปีขึน ไป ท่ัวทุกภูมิภาคของประเทศ จานวนทังสิน 2,058 หน่วยตัวอย่าง พบว่า (1) ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 82.07 พอทราบข้อมูล และ (2) ร้อยละ 17.93 ทราบดีเก่ียวกับการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ จากกญั ชาและกระทอ่ มทางการแพทย์ ในพระราชบัญญตั ยิ าเสพติดใหโ้ ทษ (ฉบบั ที่ 7) พ.ศ. 2562 ก กล่าวโดยสรุป จากผลการสารวจเรื่อง “คนไทยคิดเห็นอย่างไร กับการนากัญชา มาใช้เป็นยารักษาโรค” พบว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการผลักดันให้มีการนากัญชามาใช้เป็น ยารักษาโรคในประเทศไทย เร่ือง “กัญชาประโยชน์หรือโทษ” พบว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย เพราะกัญชามีประโยชน์หลายอย่าง สามารถใชใ้ นการรกั ษาโรคได้ ถ้านามาใช้ทางการแพทย์คาดวา่ จะ เกิดประโยชน์อย่างมาก และเรื่อง “การอนุญาตให้ใช้กัญชาและกระท่อมในทางการแพทย์” พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ รับทราบข้อมูลเก่ียวกับการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากกัญชาและกระท่อมทาง การแพทย์ ในพระราชบญั ญตั ิยาเสพติดใหโ้ ทษ (ฉบบั ท่ี 7) พ.ศ. 2562 เรอ่ื งท่ี 3 สภาพการณข์ ้อมูลที่เกี่ยวขอ้ งกบั กัญชาและกัญชงผา่ นสื่อออนไลน์ ข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับกัญชาและกัญชงผ่านส่ือออนไลน์มีทังข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต (Internet) เฟซบุ๊ก (Facebook) ไลน์ (Line) และยูทูบ (YouTube) ข้อมูลเหล่านี ทาให้ประชาชน เข้าถึงได้ง่าย แต่ยังขาดการคิดวิเคราะห์ข้อมูลว่า ข้อมูลใดคือข้อมูลท่ีน่าเชื่อถือ จึงควรมคี วามรู้ในการ วิเคราะห์แยกแยะข้อมูลในทางท่ีสืบค้นได้ผ่านสื่อออนไลน์ และตระหนักถึงความสาคัญของการคิด วเิ คราะห์แยกแยะข้อมลู ท่ถี กู ต้อง 1. แนวทางการแยกแยะขอ้ มูลผา่ นสือ่ ออนไลน์ ปัจจุบันส่ือออนไลน์เขา้ มามีอทิ ธิพลต่อสังคมไทยอยา่ งมาก จึงต้องพึงระวังเพราะข้อมูล ในสื่อออนไลน์ไม่ไดเ้ ป็นความจริงทงั หมด กระแสขอ้ มูลท่ีหล่ังไหลอยู่ในสื่อออนไลน์มีมากมาย บางครัง เป็นข้อมูลท่ีผู้พบเห็นเหตุการณ์เป็นผู้โพสต์ภาพเอง และถ่ายทอดประสบการณ์โดยตรง แต่บางครัง ก็อาจจะเป็นการสร้างเร่อื งขึนมา หรือตัดต่อภาพเพื่อดงึ ดดู ความสนใจให้ข้อมูลเป็นท่ีน่าเช่ือถือ โดยไม่ สนใจต่อผลกระทบท่ีตามมา อาจเรียกได้ว่าสื่อออนไลน์เป็นเหมือนดาบสองคมที่เราจะต้องรู้เท่าทัน
41 เพ่ือไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของสื่อออนไลน์ ดังนันจึงมีความจาเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนในการ คน้ หาขอ้ มลู ผา่ นสือ่ ออนไลน์ หลักการรเู้ ท่าทันสอ่ื ออนไลน์ มี 3 หลักการ ดังนี หลักการท่ี 1 การค้นหาข้อมูลในส่ือออนไลน์ ต้องตังคาถามกับตัวเองทุกครงั ว่าข้อมูล ดังกล่าวมาจากไหน หากแหล่งข่าวหรือที่มาไม่มีความน่าเช่ือถือ ข้อมูลในข่าวก็ไม่น่าเชื่อถือเช่นกัน อย่าเช่ือส่งิ ทเ่ี หน็ หรอื ไดย้ ินทกุ ครงั จนกวา่ จะรู้ที่มาของแหล่งขา่ วมาจากไหน หลักการที่ 2 การติดตามข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ปัจจุบันถือว่าเป็นส่ิงสาคัญมาก เพราะช่องทางของส่ือออนไลน์ท่ีกระจายข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น อินเทอร์เน็ต (Internet) เฟซบุ๊ก (Facebook) ไลน์ (Line) และยูทูบ (YouTube) เป็นต้น จึงควรต้องระมัดระวัง และรอบคอบในการรบั ข้อมลู จากส่อื ออนไลน์ หลักการท่ี 3 การตรวจสอบข้อมูลหลาย ๆ ทาง โดยทาการสารวจข้อมูลจากเว็บไซต์ ของกูเกลิ (www.google.com) ในเบอื งตน้ เพ่อื ดทู ่ีมาของแหล่งข้อมูลสามารถสบื คน้ ข้อมูลไปยังแหล่ง อ้างอิงของข่าวที่ระบุไว้ เข้าไปสืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ท่ีน่าเชื่อถือ เช่น ข้อมูลจากกระทรวง สาธารณ สุข (https://www.moph.go.th) สานักงานคณ ะกรรมการอาหารและยา (อย.) (www.fda.moph.go.th) กรมการแพทย์ (www.dms.moph.go.th) เปน็ ตน้ 2. ตัวอยา่ งขอ้ มูลทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับกญั ชาและกญั ชงผา่ นส่ือออนไลน์ 2.1 ขอ้ มูลทางอินเทอร์เน็ต (Internet) ภาพท่ี 1 ขา่ วใช้นามันกญั ชา “หยอดแลว้ ตาย” ทางอนิ เทอร์เนต็
42 สาวผสมเอง นามันกัญชา “หยอดแล้วตาย” โดนแจง้ จบั พบเงนิ สดกวา่ 3 ลา้ น ในวันท่ี 20 กันยายน พ.ศ. 2562 เจ้าหน้าท่ีตารวจกองบังคับการตารวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ รว่ มกับ สภ.สารภี สนธิ นาหมายศาลเข้าตรวจค้นท่ีบ้านเลขที่ 74/49 หมู่ 3 ต.ชมพู อ.สารภี จับ บัณฑิตสาว ขายนามันกัญชาออนไลน์ มีคนหลงเชื่อซือไปหยอดให้ญาติแล้วตาย ทราบว่าได้ซือ นามันกัญชาผ่านระบบออนไลน์มาจาก นางสาววิชุนี ภักดีราช อายุ 31 ปี นามาโพสต์ขายผ่าน ทางระบบออนไลน์ ทาให้ญาติผู้ป่วยโรคมะเร็งหลงเชื่อ นาไปหยอดให้ผู้ป่วยจนเสียชีวิต ไม่ สามารถรักษาโรคได้ตามท่ีมีการโฆษณาชวนเช่ือ จึงได้เข้าแจ้งความ จากการสอบสวน เดิมยึด อาชีพขายถุงห่อมะม่วง ต่อมาได้ตรวจพบก้อนเนือที่ขาหนีบ จึงทดลองนานามันกัญชามาหยอด รกั ษาแล้วดีขึน จึงสั่งนามันกัญชามาจากประเทศลาวในราคาขวดละ 1 แสนบาท แล้วนามาผสม กบั นามันมะพร้าว ซง่ึ เป็นสูตรที่คิดขึนเอง กอ่ นท่ีจะนามาบรรจุใส่ขวดขนาดเล็กขายตามไลนก์ ลุ่ม ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ลูกค้าที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งซือไปใช้ สามารถยือชีวิตได้หลายราย ซ่ึงรายที่ เสียชีวิตนัน ตนไม่เชื่อว่าจะเสียชีวิตจากนามันกัญชาที่ซือไป เบืองต้นได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้ โทษประเภท 5 เอาไว้ในครอบครอง และมีไว้จาหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนกรณีผู้ป่วยซือ นามันกัญชาไปใช้แล้วเสียชีวิต จะขยายผลโดยประสานแพทย์มายืนยันอีกครังว่าผู้ป่วยเสียชีวิต ด้วยสาเหตุจากการใช้นามันกญั ชาหรอื ไม่ หากแพทย์ยืนยันมาจะดาเนินการแจ้งขอ้ หาต่อไป 2.2 ขอ้ มลู ทางเฟซบกุ๊ (Facebook) ภาพท่ี 2 ขา่ วหมอพนื บ้านกับราชกจิ จานเุ บกษา ทีร่ บั รองหมอพนื บ้าน จาก Facebook
43 รมว.สธ.ลงนามแกร้ ะเบยี บรบั รองหมอพืนบา้ น พร้อมเซ็นประกาศกระทรวงอกี 2 ฉบบั ที่แก้ไขให้ ปรุงยาได้ โดยไม่ตอ้ งใช้เครอื่ งกัญชากลาง ได้ใจหมอพนื บ้าน 3 พันคน ดา้ น “รจนา” เสนอปลูก กัญชาควรตอ้ งเปน็ หมอพืนบ้าน-แพทย์แผนไทยกอ่ นขยาย อสม. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุขอีก 2 ฉบับ คือ ประกาศกระทรวง สาธารณสขุ เรอ่ื ง กาหนดตารับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ทมี่ ีกัญชาปรุงผสมอยู่ที่ให้เสพเพ่ือรักษา โรคหรือการศึกษาวิจัยได้ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง กาหนดผู้ ประกอบวชิ าชีพการแพทย์แผนไทยและหมอพืนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทยแ์ ผนไทย ท่ี จะสามารถปรุง หรือ สั่งจ่ายตารับยาท่ีมีกัญชาปรุงผสมอยู่ได้ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 โดยประกาศ กระทรวงทัง 2 ฉบบั เป็นการแกไ้ ขจากเดิมที่กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก กาหนดวา่ ในการทายาของแพทยแ์ ผนไทยและหมอพืนบ้าน จะตอ้ งใช้วตั ถดุ บิ ท่เี ปน็ เครื่องกัญชากลาง ซ่ึงเจตนาจะ มีหน่วยผลิตกลางจัดทาขึน เพื่อป้องกันการนาไปใช้ผิดวัตถปุ ระสงค์ แต่ในข้อเท็จจริงหมอพืนบ้านและ แพทย์แผนไทยที่จะปรุงยาเฉพาะรายไม่ได้ใช้เครื่องกัญชากลาง ต้องใช้พืชใบสด ซึ่งรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามแกไ้ ขทงั 2 ประกาศท่ีจะทาให้แพทย์แผนไทยและหมอพืนบา้ นสามารถ ใชย้ าได้โดยไมต่ ้องใช้เคร่ืองกญั ชากลาง ทังนี รัฐมนตรี ฯ ได้ลงนามประกาศทงั 2 ฉบับแล้ว ซึ่งจะทาให้ มีความสะดวก และใช้ได้ตามภูมิปัญญา ซึ่งได้ผ่านคณะกรรมการยาเสพติด ฯ เม่ือประชุมคราวท่ีแล้ว ก็จะทาให้การพัฒนาหมอพืนบ้านและแพทย์แผนไทยในการปรุงเฉพาะรายจะดีขึน โดยจะมีผลหลัง ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป 2.3 ข้อมลู ทางไลน์ (Line) ภาพที่ 3 ขา่ วการระดมความคิดเตรยี มปลูกกัญชา จาก Line
44 วันที่ 17 กันยายน 2562 ณ ศูนย์การเรียนรู้วิจัยและพัฒนาเมืองสมุนไพร ชุมชนพรสวรรค์ ใน เขตเทศบาลตาบลหนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี ดร.องอาจ วิเศษ ประธานเครือข่ายวิจัยและ พัฒนากัญชาเพ่ือประโยชน์แพทย์ไทย ผศ.ดร.อานนท์ แสนน่าน ประธานสมาพันธ์วิจัยและ พัฒนากัญชาเพ่ือประโยชน์แพทย์ไทย นายเศรษฐภัทร์ นิตยวิทธิวรากุล นายศรีทัศน์ มาตราช รองประธานสมาพันธ์วิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์แพทย์ไทย นางธนภัทร พันธวาส ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนไทย นอกจากนันแล้วยังมีแพทย์แผนไทย หมอพืนบ้าน และ ตัวแทนเกษตรกรกลุ่มวิสาหกิจชุมชนภาคอีสาน ร่วมประชุมหารือ “เตรียมการปลูกกัญชงเพ่ือ เศรษฐกิจไทย” โดยใหม้ ีการร่วมมือหลายภาคสว่ นให้เกษตรกรสามารถปลูกกัญชงก่อน ในขณะที่ กาลังรอกฎหมายลูกและนโยบายจากกระทรวงสาธารณสขุ ให้ชดั เจนอกี ครังในการ “ปลูกกัญชา” 2.4 ข้อมลู ทางยทู บู (YouTube) ภาพท่ี 4 ข่าวทเี่ ก่ียวข้องกับกัญชาทาง YouTube กล่าวโดยสรุป ข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับกัญชาและกัญชงผ่านสื่อออนไลน์ มีทังข้อมูล ทางอินเทอร์เน็ต (Internet) เฟซบุ๊ก (Facebook) ไลน์ (Line) และยูทูบ (YouTube) ข้อมูลเหล่านี ทาให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย แต่ยังขาดการคิดวิเคราะห์ว่าข้อมูลใดมีความน่าเชื่อถือ จึงควรมีความรู้ ในการคิดวิเคราะห์แยกแยะข้อมูลท่ีสืบค้นได้ผ่านส่ือออนไลน์ และตระหนักถึงความสาคัญของการคิด วเิ คราะหแ์ ยกแยะข้อมลู ท่ถี ูกตอ้ ง
45 เรอื่ งที่ 4 สภาพการณ์การใชก้ ญั ชาและกัญชงในตา่ งประเทศ ในปัจจุบันมีกว่า 30 ประเทศทั่วโลกท่ีอนุญาตให้ใช้กัญชาเพ่ือทาการรักษาโรคได้ และอีก หลายรัฐในสหรฐั อเมรกิ า และยุโรปทอ่ี นญุ าตให้ใชก้ ัญชาไดอ้ ย่างเสรี ในปี พ.ศ. 2556 สภาประกาศผ่านร่างกฎหมายให้ประชาชนสามารถใช้กัญชาเพื่อ นนั ทนาการ พักผ่อนหย่อนใจ จนอุรกุ วัยกลายเป็นประเทศแรกของโลก ท่ีเปิดกัญชาเสรีให้ผคู้ นซือหา มาเสพได้ แตก่ ็อนญุ าตให้สามารถซอื กญั ชาได้เฉพาะร้านขายยาทีม่ ีสทิ ธ์ิจาหน่ายกัญชาเท่านนั แคนาดาเป็นประเทศท่ีสอง ที่อนุญาตให้ใช้กัญชาได้อย่างเสรี หลังจากรัฐบาล นายกรฐั มนตรี จัสตนิ ทรโู ด ได้รบั เลือก โดยออกกฎหมายอนุญาตใหช้ าวแคนาดาทีบ่ รรลนุ ติ ภิ าวะแล้ว สามารถครอบครองและใช้กัญชาเพื่อนันทนาการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อวันท่ี 17 ตุลาคม พ.ศ. 2561 ในขณะที่ได้อนุญาตให้ใช้กัญชาทางการแพทย์มาตังแต่ปี พ.ศ. 2554 ซ่ึงก่อนหน้านี การครอบครองกัญชาในแคนาดา ถือเป็นความผิดตามกฎหมายมาตังแต่ปี พ.ศ. 2466 หรือ 95 ปี นานเกือบจะรว่ ม 1 ศตวรรษ สถานการณ์กัญชาในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันแต่ละรัฐจะมีกฎหมายการอนุญาตใช้กัญชา แตกต่างกันไป ขณะนีมี 33 รัฐ จาก 50 รัฐในสหรัฐอเมริกา ท่ีได้ออกกฎหมายอนุญาตใช้กัญชาทาง การแพทย์เพ่ือรกั ษาโรคได้ และมีอกี 10 รัฐ ท่ีสามารถใช้เพ่ือนนั ทนาการได้ รัฐวอชิงตันและโคโลราโด เป็นสองรัฐแรกในสหรัฐอเมริกา ที่สามารถใช้กัญชาโดยไม่ต้องมีจุดประสงค์ทางการแพทย์ และต่อมา มีอีก 8 รัฐ ในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ เนวาดา อิลินอยส์ อลาสกา ออรีกอน เวอร์มอนต์ รวมถึงกรุง วอชงิ ตัน ดี.ซี. ท่ีไดส้ นับสนุนการใชก้ ญั ชาเพือ่ นนั ทนาการได้ สเปน อนญุ าตให้ใช้กญั ชาในพืนทสี่ ่วนตัวไดโ้ ดยไมผ่ ดิ กฎหมาย เนเธอร์แลนด์ มกี ารอนญุ าตให้ขายกญั ชาไดอ้ ยา่ งเสรีในร้านกาแฟ อังกฤษ ได้คลายกฎเร่ืองกัญชาลง อนุญาตให้แพทย์สามารถสั่งจ่ายยาผลิตภัณฑ์จาก กญั ชาให้แกผ่ ู้ป่วยไดต้ ังแต่วนั ที่ 1 พฤศจกิ ายน พ.ศ.2561 หลายประเทศทั่วโลกกว่า 30 ประเทศแล้ว ที่ออกกฎหมายอนุญาตให้ใช้กัญชาทาง การแพทย์ เพื่อนาไปรักษาผู้ป่วย รวมทัง อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย แคนาดา ชิลี โคลอมเบีย โครเอเชีย ไซปรัส ฟินแลนด์ เยอรมนี กรีซ อิสราเอล อิตาลี ลักเซมเบิร์ก มาเซโดเนียเหนือ นอร์เวย์ เนเธอรแ์ ลนด์ นิวซีแลนด์ เปรู โปแลนด์ สวติ เซอร์แลนด์ และไทย ไทยเป็นชาติแรกในภูมภิ าคอาเซียน ที่อนุญาตใหใ้ ชก้ ญั ชาเพอื่ ประโยชนท์ างการแพทย์ ในต่างประเทศมีการศกึ ษาวิจยั กัญชาและกัญชงมานานกว่าในประเทศไทย มีการวิจัยและ พัฒนาสายพันธ์ุกัญชาและกัญชงอย่างกว้างขวาง รวมไปถึงการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และการ รักษาโรคต่าง ๆ มากมาย เช่น การศึกษาเกี่ยวกับโรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคมะเร็ง สมอง โรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งช่องปาก โรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งตับอ่อน
46 โรคลมชัก โรคผิวหนัง 2 โรค ได้แก่ โรคสะเก็ดเงิน และกรรมพันธ์ุผิวหนังชนิดหนังหนาแต่กาเนิด โรคอัลไซเมอร์ โรคลาไส้อักเสบเรือรัง หรือโครน (Crohn’s disease) โรคปลอกประสาทเสื่อม โรคเอดส์ โรคทูเร็ตต์ ซินโดรม (Tourette’s syndrome) และโรคตอ้ หิน แต่ทังนีการศึกษาวิจัยส่วนใหญ่ยังเป็น เพียงการศึกษาวิจัยขันต้นในหลอดทดลอง หรือหนูทดลอง การศึกษาวิจัยทางคลินิกในผู้ป่วยจริง จานวนมากยังมีข้อมูลน้อย ประสิทธิภาพการรักษาของกัญชาในผู้ป่วยจริงยังไม่ชัดเจนนัก ดังนันการ ใช้กัญชาจึงจาเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ซ่ึงจะจ่ายให้ในกลุ่มโรคที่มีผลการวิจัยท่ีชัดเจน และกาหนดปริมาณการใชใ้ นขนาดทีป่ ลอดภัยและเส่ยี งต่อผลขา้ งเคยี งน้อย กล่าวโดยสรุป การใช้กัญชาและกัญชงในต่างประเทศ ใช้เสรีได้เพื่อนันทนาการ มีอยู่ใน ประเทศอุรุกวัย แคนาดา สหรัฐอเมริกาเป็นบางรัฐ สเปนใช้ในพืนที่ส่วนตัว เนเธอร์แลนด์ใช้ในร้าน กาแฟ ในขณะท่ีประเทศอ่ืน ๆ มากกวา่ 30 ประเทศ ให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์รวมถึงประเทศไทย ด้วย ส่วนการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับกัญชาและกัญชง มีในต่างประเทศนานแล้ว สาหรับประเทศไทย ยังไมม่ ีการศึกษาวิจัยเนอ่ื งจากกญั ชาและกญั ชงเป็นยาเสพตดิ จงึ ยงั ไม่มีผลการวจิ ัยมารองรบั เรอ่ื งท่ี 5 สภาพการณก์ ารใชก้ ญั ชาและกัญชงในประเทศไทย ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกาหนดตารับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ท่ีมี กัญชาปรุงผสมอยู่ท่ีให้เสพเพื่อรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้ พ.ศ. 2562 ได้กาหนดไว้ 5 ประเภท ไดแ้ ก่ ประเภทที่ 1 ตารับยาท่ีได้รับการรับรองจากสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ครอบคลุมทงั ตารับยาแผนปัจจุบันและตารบั ยาแผนไทย ประเภทท่ี 2 ตารับยาแผนไทยที่มีกัญชาผสมปรุงอยู่ ตามคาแนะนาของกรมการแพทย์ แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก (ปัจจบุ ันมี 16 ตารับ) ประเภทท่ี 3 ตารับยาท่ีอนุญาตให้ผลิตในประเทศ ภายใต้การรักษาโรคตามกรณีจาเป็น สาหรับผ้ปู ่วยเฉพาะราย (Special Access Scheme) ประเภทท่ี 4 ตารับยาที่ได้รับอนุญาตภายใต้โครงการวิจัยที่ได้รับอนุญาตจากสานักงาน คณะกรรมการอาหารและยา ประเภทท่ี 5 ตารับยาที่หมอพืนบ้านปรุงขึนจากองค์ความรู้และภูมิปัญญาการแพทย์แผน ไทยท่ีชัดเจน และได้รับการรับรองจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ทังนีวัตถุดิบ จากกัญชาต้องไม่สามารถแยกเป็นชอ่ ดอก ใบ เพอ่ื ปอ้ งกันการนาไปใช้ในทางทผ่ี ดิ สาหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข ให้การยอมรับว่าสามารถใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ใช้รักษาภาวะคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยท่ีได้รับยาเคมีบาบัด โรคลมชัก
47 ทร่ี ักษายากและท่ีดือต่อยารกั ษา ภาวะกล้ามเนือหดเกรง็ ในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ภาวะปวด ประสาทท่ีรักษาวิธีอ่ืนไม่ได้ผล และให้ควบคุมอาการของโรคพาร์กินสัน อัลไซเมอร์ โรควิตกกังวล โรคปลอกประสาทอักเสบ และผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายได้ โดยอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และ เภสชั กร ที่ผา่ นการอบรมการใช้กัญชาทางการแพทย์จากกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ในส่วนของการใช้ ในตารับยาแผนไทย ท่ีอนุญาตให้ใช้ทัง 16 ตารับนัน สรรพคุณให้ใช้โดยอ้างอิงตามตาราและส่ังจ่าย โดยแพทย์แผนไทยที่ผ่านการอบรมการใช้กัญชาทางการแพทย์แผนไทยมาแล้วเช่นกัน โดยสรรพคุณ ของตารับยาแผนไทยที่ผสมกัญชาเอง มีใช้กับหลายกลุ่มโรค อาทิ ผู้ป่วยโรคเรือรังที่มีอาการนอนไม่ หลับ ช่วยเจริญอาหาร ผู้ป่วยท่ีมีอาการจุกเสียด ท้องแข็งเกร็งเป็นเถาดาน เสียงแหบแห้ง ผู้ป่วย อัมพฤกษ์ อัมพาต ที่มีอาการเกร็งของกล้ามเนือแขนขาอ่อนแรง ผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูก ปวดเม่ือย ท่วั รา่ งกาย ขบั ลม และผู้ป่วยท่มี อี าการลมจกุ เสียดปวดมวนท้อง เป็นต้น กล่าวโดยสรุป กระทรวงสาธารณสุข อนุญาตให้ใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์แผน ปัจจุบัน ในการรักษาโรคภาวะคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยท่ีได้รับยาเคมีบาบัด โรคลมชักที่รกั ษายากและ ที่ดือต่อยารักษา ภาวะกล้ามเนอื หดเกร็งในผปู้ ่วยปลอกประสาทเสือ่ มแข็ง ภาวะปวดประสาทท่ีรักษา วธิ ีอ่ืนไม่ได้ผล และให้ควบคุมอาการของโรคพาร์กินสัน อัลไซเมอร์ โรควิตกกังวล โรคปลอกประสาท อักเสบ และผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ส่วนการแพทย์ทางเลือกได้คัดเลือก และรับรองตารับยา ทม่ี ีกญั ชาเป็นสว่ นประกอบ ใหผ้ ปู้ ว่ ยใช้ไดโ้ ดยอยูภ่ ายใตก้ ารควบคุมดแู ลของแพทย์ที่ไดร้ บั อนญุ าต เร่อื งที่ 6 มมุ มองการใช้กัญชาและกัญชงของบคุ ลากรทางการแพทย์ จากการเสวนา ครังที่ 19 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ณ ห้องประชุม 202 อาคาร จามจุรี 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง “กัญชา เพ่ือเยียวยาสุขภาพ” มีบุคลากรทางการแพทย์ท่ี สาคญั 3 คน ได้ใหข้ ้อมูลมมุ มองทเ่ี ก่ียวข้องกบั กัญชาทางการแพทย์ ดังนี 1. ศาสตราจารย์ นายแพทย์เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม รองอธิการบดีด้านวิจัย จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลไว้ว่าปัจจุบันมีการใช้กัญชาในทางการแพทย์ท่ีได้รับการรับรองทางกฎหมาย อย่างสมบรู ณ์ 35 ประเทศ รบั รองบางส่วน 14 ประเทศ และประเทศอาเซียนทก่ี าลงั ดาเนนิ การเรื่องนี คือ ไทยและฟิลิปปินส์ ส่วนอีก 100 กว่าประเทศ ยังถือว่าผิดกฎหมาย แสดงว่ายังมีประเด็นในเชิง วิทยาศาสตร์ การแพทย์ สังคม และการบริหารจัดการที่ต้องคิดให้รอบคอบ “หลักฐานเชิงประจักษ์ ทางการแพทย์ว่าสามารถรักษาโรคได้อย่างแน่นอน แต่ต้องไม่เช่ืออย่างงมงาย เป็นส่ิงที่สังคมต้องระวัง อย่างมาก ซึ่งกรมการแพทย์ได้ออกนโยบายเชิงสุขภาพว่า ควรใช้สารแคนนาบิไดออล (Cannabidiol, CBD) ท่ีสกัดจากกัญชาอย่างไรบ้าง หากจะใช้กัญชาในทางการแพทย์ ยังมีประเด็นที่ต้องแจ้งให้ ชัดเจน คือ (1) โรคใดที่ได้ผลชัดเจน (2) ความปลอดภัยทางวิชาการ (3) คุณภาพของสารสกัดจาก
48 กัญชาว่าสกัดถูกวิธีหรือมีสารปนเปื้อนหรือไม่ และ (4) การเข้าถึงอย่างเป็นระบบ ทังระยะสันและ ระยะยาว” เป้าหมายสุดท้ายของการใช้กัญชาในทางการแพทย์ก็เหมือนยารักษาโรคทุกชนิด คือ ทาอย่างไรให้ผู้ป่วยที่จาเป็นเข้าถึงยาได้เร็วที่สุด ถูกต้อง และปลอดภัย จึงต้องมุ่งเน้นเรื่องหลักฐาน เชงิ ประจกั ษ์ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และใช้อย่างมสี ติ 2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.รุ่งเพ็ชร สกุลบารุงศิลป์ คณบดีคณะเภสัช ศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงนโยบายและงานวิจัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในเรื่อง กญั ชาว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการส่งเสริมการวจิ ัยดา้ นกัญชา โดยความร่วมมือของหลายคณะ มเี ป้าหมายตังแต่การปลกู และการพฒั นาสายพันธตุ์ ่าง ๆ ซ่งึ ปัจจบุ ันมีองคค์ วามรู้ในหลายลักษณะ เช่น การได้สารสกัดกัญชาที่ไม่ได้มาจากต้นกัญชา เน่ืองจากการปลูกต้นกัญชาต้องใช้เวลา 3 - 4 เดือน กว่าจะเก็บเก่ียวและนาไปสกัด แต่กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทาให้สารสกัดนไี ปเกิดบนต้นไม้อื่นได้ โดยได้ปริมาณสารสกัดท่ีเหมาะสมและรวดเร็วกว่า และการพัฒนาสายพนั ธุ์ที่ดี มคี ุณภาพ ให้สารสกัด ในปริมาณท่ีต้องการ “ด้านกระบวนการสกัด มีการวิจัยเพื่อทาให้ม่ันใจว่ามีความปลอดภัย และได้ ปริมาณที่เหมาะสม กระบวนการผลิตก็ทาการพัฒนาตารับที่เหมาะกับการใช้ ไม่ว่าจะใช้ทางปาก การเหน็บ การพ่น รวมถงึ มีการศึกษาเรื่องความปลอดภัยในการใช้ในคนและในมิติต่าง ๆ เพื่อใหแ้ นใ่ จ วา่ ใชแ้ ล้วไมเ่ กิดการติดหรอื การนาไปใช้ในทางท่ีผิด ถา้ มผี ลขา้ งเคียงจากการใช้ยากต็ ้องติดตามได้ หลัง กระบวนการเสร็จสินจึงจะนาไปขึนทะเบียนเป็นยา จะเห็นว่าขันตอนเพ่ือให้ได้มาซ่ึงยานันไม่ได้ ต้องการเพยี งยาท่ีรกั ษาโรคเท่านนั แต่ยงั ต้องการยาที่มีความปลอดภยั มมี าตรฐาน และมีคุณภาพ” 3. ศาสตราจารย์ นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ระบุถึงการใช้กัญชาไว้ว่า “ห ากใช้ใน ปริมาณ ที่เกิน กาหน ดอาจจะทาให้ เกิดผลเสียต่อผู้ป่วยมากกว่าการรักษ าเยียวยา ” เช่นเดียวกับทางด้านของ นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการสานักงานคณะกรรมการอาหาร และยา (อย.) ท่ีมองว่า “แม้กัญชาจะมีสรรพคุณเป็นยาท่ีเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยในบางโรคแต่ถ้าใช้ กัญชาอย่างไม่ถูกต้องและไม่มีการควบคุมก็จะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้และสังคม” จึงจาเป็นต้องมีการ กาหนดใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ ด้วยการผลิตเป็นยาเท่านัน ไม่อนญุ าตให้มีการนาไปใช้ประโยชน์อยา่ ง อื่น เช่น ผสมในอาหาร หรือผลิตเพื่อการค้า เน่ืองจากสถานการณ์ ในขณะนีมีผู้ใช้กัญชาเพ่ือ บาบัดรักษาอยู่ที่ประมาณ 1 แสนคน แต่เป็นผู้ท่ีมีความรู้ในการใช้กัญชาอย่างถูกต้องเพียง 200 คน เท่านนั และยังมองว่า “เป็นบทบาทของกระทรวงสาธารณสุขท่ีจะต้องเรง่ ผลิตแพทย์ และเภสชั กรที่มี องค์ความรู้ในการใช้กัญชาเป็นยารักษา รวมทังเร่งวิจัยและผลิตยาจากกัญชาให้เพียงพอต่อความ ต้องการของประชาชน” สิ่งท่ีพึงกระทาในปัจจุบันจึงควรเป็นการให้ความรู้อย่างรอบด้านเรื่องกัญชา กับทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชนที่ต้องการใช้กัญชาให้เข้าใจถูกต้องก่อน เพราะหากผิดพลาดไปอาจ
49 ยากต่อการควบคุมจัดการ “เราจะเริ่มแล้วว่ิงเลยคงไม่ได้” ต้องดูด้วยว่า “วุฒิภาวะของสังคมไทย พร้อมแลว้ หรือยัง หากจะให้กัญชาไปไกลกวา่ นี” นอกจากนีราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย แถลงเรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์ ว่าอาจเพ่ิมความเสี่ยงต่อการเกิดอาการทางจิตเวชได้ ในมุมมองของจิตแพทย์ สรุปการแถลง 8 ประการ คอื ประการท่ี 1 กัญชา (Marijuana) มีฤทธ์ิเสพติด เป็นพืชที่มีช่ือเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า “Cannabis” มีหลายสายพันธ์ุ ไม่ใช่เฉพาะแต่เพียงกัญชาเท่านัน (เช่น กัญชง ซึ่งเป็นพืชที่มีการนา ลาตน้ มาใช้ประโยชน์ได้) ประการท่ี 2 สารสกัดหลักจากกัญชา คือ “สาร Cannabinoid” มีอยู่หลายชนิด เช่น แคน นาบิไดออล (Cannabidiol, CBD) สารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC) โดย ปริมาณของสาร แคนนาบินอยด์ (Cannabinoid) ท่ีมีอยู่ในพืชตระกูลนี จะมีปริมาณที่แตกต่างกันไป ตามสายพันธ์ุ และวธิ ีการปลูก ประการท่ี 3 กัญชามฤี ทธิ์ทาให้เสพติดไดจ้ ริง โดยเกดิ จากฤทธิ์ของ สารเตตราไฮโดรแคน- นาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC) ท่ีในเบืองต้นจะทาให้ผู้ใช้เกิดความรื่นเริง ผ่อนคลาย ดงึ ดูดให้ใช้ติดตอ่ กันเรื่อย ๆ และกลายเป็นการเสพติดในที่สุด โดยผู้เสพอาจนาส่วนต่าง ๆ ของกัญชา มาทาให้แห้งเพ่ือสูบหรืออาจใช้ในรูปแบบนามนั ประการที่ 4 กัญชามีฤทธิ์รบกวนการทางานของเซลล์สมอง และสามารถเพ่ิมความเสี่ยง ต่อการเกิดอาการหรือโรคทางจิตเวชได้ เช่น วิตกกังวล ยาคิด หลงผิด หวาดระแวง หูแว่ว ประสาท หลอน อารมณ์แปรปรวน ก้าวร้าว ซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย หลงลืม ไม่มีสมาธิ สมองเสื่อม โดยเฉพาะผู้ท่ี ใชต้ งั แต่วยั เด็กและวัยรนุ่ ประการท่ี 5 กญั ชาไมว่ ่าในรูปแบบใดกต็ าม ปจั จุบนั ยังไม่มที ่ใี ชใ้ นการรักษา โรคทางจิตเวช ประการท่ี 6 บุคคลทวั่ ไปไม่ควรใช้กัญชา โดยเฉพาะเด็กเยาวชนและผู้ปว่ ยเป็นโรคทางจติ เวช ประการท่ี 7 การให้ขอ้ มูลเกี่ยวกับผลของกัญชา (ทงั ประโยชนแ์ ละโทษ) ควรระบใุ ห้ชัดเจน ว่าเปน็ ผลของ “ตน้ กัญชา” จาก “สารสกัด” หรือจาก “สารสงั เคราะห”์ ประการท่ี 8 สารสกดั จากพืชตระกูลกัญชาในบางรูปแบบ สามารถนามาใช้ ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ แต่จะต้องเป็นไปตามข้อบ่งชีมีหลักฐานทางการแพทย์ท่ีได้มาตรฐาน รองรบั เทา่ นนั กล่าวโดยสรปุ บุคลากรทางการแพทย์ มีความคดิ เห็นวา่ หากจะใช้กญั ชาและกัญชงในทาง การแพทย์ต้องแจ้งให้ชัดเจน ว่าใช้ได้กับโรคใดท่ีได้ผลชัดเจน มีความปลอดภัยทางวิชาการ คุณภาพ ของสารสกดั จากกัญชาและกญั ชง ตอ้ งระบุวิธกี ารสกัด หรือมีสารปนเป้อื นหรอื ไม่ การเข้าถึงอย่างเป็น ระบบ ทังระยะสันและระยะยาว รวมถึงมกี ารศึกษาเร่ืองความปลอดภัยการใช้ในคน และในมิติต่าง ๆ
50 เพื่อให้แน่ใจว่าใชแ้ ล้วไม่เกิดการเสพติด หรือมีการนาไปใช้ในทางที่ผิด ซึ่งในการผลิตยานันไม่ต้องการ เพียงยาท่ีรักษาโรคเท่านัน แต่ยังต้องการยาท่ีมีความปลอดภัย มีมาตรฐาน และมีคุณภาพ แม้กัญชา และกัญชงจะมีสรรพคุณเป็นยาท่ีเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยในบางโรค แต่ถ้าใช้กัญชาอย่างไม่ถูกต้อง และไมม่ กี ารควบคุมก็จะเป็นอนั ตรายทงั ตอ่ ผู้ใช้และสงั คม เรื่องที่ 7 มุมมองการใชก้ ัญชาและกญั ชงของผู้ปว่ ย การดแู ลดา้ นสุขภาพของผ้ปู ่วยขนึ อยู่กบั การทาความเขา้ ใจและการตอบสนองความจาเป็น และความต้องการของผู้ป่วย โดยเฉพาะความพึงพอใจที่ผู้ป่วยมีต่อการใช้ยาถือว่าเป็นส่ิง ที่สาคัญอย่างยิ่ง อาจรวมถึงการทาความเข้าใจว่ารูปแบบการให้ยาเป็นที่ยอมรับได้หรือไม่ และ สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างแท้จริงหรือไม่ ผู้ป่วยใช้กัญชาทางการแพทย์ด้วยเหตุผลหลาย ประการ รวมถงึ เหตุผลดังตอ่ ไปนี ประการท่ี 1 ผู้ป่วยมองว่ากัญชามีประสิทธิภาพมากกว่ายาตัวอื่น หรือเป็นยาตัวเดียวที่มี ประสิทธิภาพสาหรับบางอาการ เช่น ตะคริว อาการปวด การอักเสบ อาการคล่ืนไส้และอาเจียนท่ีมี สาเหตุมาจากเคมีบาบดั ประการท่ี 2 ผปู้ ่วยพิจารณากัญชาวา่ ดตี ่อสุขภาพมากกวา่ ยารักษาโรคชนดิ อื่น เนื่องจากมี ความเป็นธรรมชาติ เพราะกัญชาเป็นยารักษาโรคที่เป็นสมุนไพร เป็นอันตรายน้อยกว่ายารักษาโรค ชนิดอนื่ ที่เป็นสารเคมี ประการท่ี 3 ผู้ป่วยหาทางเลือกอ่ืนสาหรับยารักษาโรคที่ตนใช้ตามปกติ เนื่องจากไม่ สามารถทนอาการข้างเคียงได้ เช่น ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลาไส้ อาการง่วงซึม อาการชา และอาการภูมิแพ้ เป็นต้น ประการที่ 4 ผู้ป่วยพิจารณาว่ายารักษาโรคแผนปัจจุบันมีผลข้างเคียงที่สร้างปัญหา เช่น ไร้ความรู้สึก หดหู่ หรือเฉื่อยชา เป็นต้น เป็นอาการไม่พึงประสงค์ท่ีสาคัญซึ่งเป็นผลมาจากยารักษา โรคแผนปัจจุบนั ผ้ปู ่วยส่วนมากพบว่ากัญชาทางการแพทย์เป็นวธิ ีการรักษาทมี่ ีประสิทธิภาพสาหรับอาการ ของตน และผู้อ่ืนก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางท่ีดีขึน โดยใช้กัญชาสาหรับการรักษาอาการ เพ่ือบรรเทาอาการต่าง ๆ ของโรค ช่วยในการระงับอาการ แต่ไม่ได้ส่งผลให้อาการดังกล่าวหายไป จึง ไม่ได้มองว่าเป็นทางออกสาหรับทุกอย่างและโดยทั่วไปไม่ถือเป็นการรักษา บางรายบาบัดด้วยกัญชา ทางการแพทย์สาหรับบรรเทาอาการ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ไม่ประสบผลสาเร็จหรือประสบผลสาเร็จแค่ เพียงบางส่วน เช่น ปัญหาเก่ียวกับกระเพาะปัสสาวะเนื่องจากโรคปลอกประสาทเส่ือม (Multiple Sclerosis) และอาการปวดศรี ษะเฉยี บพลนั เปน็ ต้น กัญชาทางการแพทย์ถูกนาไปใช้ เพอื่ รักษาอาการ
51 ปวดเป็นหลัก แม้ว่าอาการปวดจะไม่ได้หายไปโดยสินเชิง แต่ผลจากการใช้กัญชาทางการแพทย์ก็ลด อาการปวดลงจนพอทนได้ บางรายมองว่าปริมาณยายิ่งสูงยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึนในการบรรเทา อาการปวด แต่ก็ปรับให้สมดุลเพื่อป้องกันอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึนได้ซึ่งรวมถึงอาการเป็นพิษไม่ รุนแรง แม้ยารักษาโรคตามปกติจะมีประสิทธิภาพในการระงับปวดมากกว่า แต่ผู้ป่วยก็เลือกใช้กัญชา ทางการแพทย์ ถึงแม้จะเกิดอาการขา้ งเคยี งท่ีเปน็ ผลลบ ได้แก่ ปากแห้ง ร้สู ึกเมา ปัญหาเก่ียวกับความ ทรงจา การรับรสไม่ดี เป็นลม และอัตราการเต้นของหัวใจที่สูงขึน แต่อาการข้างเคียงดังกล่าวขึนอยู่ กบั ปรมิ าณการใช้ยาท่ีมีกัญชาและกัญชงและความแตกต่างของแต่ละบุคคล ผู้ป่วยหลายรายที่นอนไม่ หลับไม่ได้มองว่าอาการง่วงซึมเป็นอาการท่ีไม่พึงประสงค์ ความอยากของหวานจะเป็นปัญหาสาหรับ ผู้ป่วยท่ีใส่ใจกับการรักษานาหนักของตนให้คงที่ แต่ผู้ป่วยรายอ่ืนกลับมองว่าเป็นส่ิงสาคัญ เนื่องจาก อาการสง่ ผลให้ตอ้ งรบั มือกบั นาหนกั ทล่ี ดลง นอกจากนี เด็กหญิงชาร์ล็อต ฟีกี (Charllotte Figi) วัย 5 ขวบ ที่ปว่ ยเป็นโรคลมชักอย่าง รุนแรง (Dravet syndrome) โดยมีอาการชักมากถึง 300 ครังต่อสัปดาห์ และได้ลองใช้วิธีการรักษา ทุกรูปแบบแต่อาการไม่ดีขึน จนกระท่ังได้ใช้นามันสกัดจากกัญชา ตัวอย่างการรักษา ชาร์ล็อต ฟีกี นีกลายเป็นตัวอย่างที่โด่งดังไปท่ัวโลก ทาให้คนท่ัวโลกสนใจมหัศจรรย์กัญชารักษาโรค และความหวัง สุดท้ายจากกัญชา ครังแรกของการใช้นามันกัญชา พบว่าอาการชักลดลงจาก 400 - 500 ครังต่อ สัปดาห์ เป็น 0 - 1 ครังต่อสัปดาห์ และทาให้เธอสามารถกลับมาเดิน พูด เต้นรา ร่าเริงและใช้ชีวิตได้ อย่างปกติ รวมทัง ผู้ป่วยที่เคยใช้กัญชาเป็นยาในการรักษาคือ นายวิชัย ทองสวัสดิ์ ได้เล่า ประสบการณ์ว่า “เม่ือ 4 ปีก่อน มอี าการผิวหนังพุพองท่ัวรา่ งกาย เม่ือเริม่ มีอาการอักเสบจึงไปตรวจที่ โรงพยาบาล พบว่าเป็นมะเร็งผิวหนังระยะที่ 4 หมอบอกให้ทาใจเพราะเป็นระยะสุดท้ายแล้ว อยู่ ในชว่ งลุกลามหมดทางรักษา ให้ได้แต่ยาแก้ปวดมากนิ ผมก็ทาใจเพราะคิดวา่ อายุขนาดนแี ล้ว ต่อใหไ้ ม่ ป่วยก็คงอยู่อีกไม่นาน แต่ตอนนันลูกสาวหากัญชามาให้ใช้ ทาทังตัวเหมือนทาโลชั่น ทาเช้าทาเย็น แล้วก็กินและหยดใต้ลินเพ่ือให้หลับ จากที่เคยปวดแสบปวดร้อนก็ค่อย ๆ หาย” เมื่อก่อนผิวหนังมี กลิ่นเหม็นและเต็มไปด้วยนาเหลือง แต่พอทาไปได้สัก 6 เดือน แผลก็เรมิ่ แห้งลง จากทลี่ ุกเดินไม่ไหวก็ เดินไดป้ กติ สาหรบั ผมการมชี ีวติ อยู่จนถึงทกุ วันนถี ือวา่ เปน็ เรื่องเหลอื เชือ่ แล้ว กล่าวโดยสรุป ผู้ป่วยมีความเห็นว่าการใช้กัญชาและกัญชงต้องคานึงถึงความจาเป็นและ ความต้องการของผู้ป่วย โดยเฉพาะความพึงพอใจที่มีต่อการใช้ยา ในการจัดการอาการ เพื่อบรรเทา อาการต่าง ๆ ของโรค ถึงแม้จะเกิดอาการข้างเคียงท่ีเป็นผลลบบ้าง แต่อาการข้างเคียงดังกล่าว กข็ ึนอยู่กับปรมิ าณการใชย้ าทมี่ กี ญั ชาและกัญชง และความแตกต่างของแตล่ ะบุคคล
52 ถาม กัญชาชว่ ยใหเ้ จรญิ อาหาร จรงิ หรอื ไม่ ตอบ จริง เพราะสารในกัญชามีคณุ สมบตั ิกระตุ้นการอยากอาหารไดจ้ ริง เน่ืองจากสามารถไปจับกับตวั รับความรสู้ ึกบรเิ วณทางเดินอาหาร และมี การใชเ้ ปน็ ยาสาหรับกระตุน้ การอยากอาหารในผ้ปู ว่ ยเอดส์อกี ดว้ ย เรอ่ื งท่ี 8 สภาพการณ์และขนั ตอนการใหบ้ ริการคลินกิ กัญชาในประเทศไทย ประเทศไทยเริ่มให้บริการคลินิกกัญชาครังแรก เม่ือวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2562 ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี เพ่ือให้การรักษาพยาบาล ผู้ป่วยโรคลมชัก และพารก์ ินสนั โดยแพทย์และเภสชั กร ท่ีผ่านการฝึกอบรม และยังเป็นคลินกิ เพื่อรักษาทางการแพทย์ แห่งแรกของประเทศไทย ทังนียังถือเป็นคลินิกกัญชาเพ่ือรักษาทางการแพทย์ลาดับที่ 2 ของทวีป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่อมาวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เปิดท่ีโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จงั หวดั นครราชสมี า ในระยะแรกจะเปิดใหบ้ ริการผ้ปู ่วยใน 2 กลุ่มโรค ดงั นี กลุ่มโรคท่ี 1 กลุ่มโรคท่ีใช้นามันกัญชา ได้แก่ กล้ามเนือหดเกร็งในผู้ป่วยโรคปลอก ประสาทเส่อื มแขง็ ลมชกั ทดี่ ือต่อยาแผนปจั จุบนั ปวดประสาท อาการคลืน่ ไส้อาเจียนจากเคมบี าบัด กลุ่มโรคที่ 2 กลุ่มโรคยาตารับแผนไทย ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเรือรังท่ีมอี าการนอนไม่หลับ ช่วย เจริญอาหาร ผู้ป่วยที่มีอาการจุกเสียดท้องแข็งเกร็งเป็นเถาดาน เสียงแหบ ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต ท่ีมี อาการเกร็งของกล้ามเนือ แขนขาอ่อนแรง ผู้ป่วยท่ีมีอาการท้องผูกพรรดึก (โรคทางแผนโบราณชนิด หน่ึงที่เกิดจากการมีอาหารค่ังค้างอย่ภู ายในทอ้ ง ทาให้เกิดอาการท้องผูกอยา่ งแรง ผู้ป่วยจะมอี ุจจาระ ทแ่ี ขง็ มาก) ปวดเม่ือยทวั่ ร่างกาย ขับลม ผูป้ ่วยทม่ี ีอาการลมจกุ เสียดปวดท้องมวนท้อง ปัจจุบันมีคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยในโรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลทั่วไป คขู่ นานกบั การแพทย์แผนปัจจบุ นั สง่ั จ่ายตารับยา 16 ตารับ จานวน 14 แหง่ ประกอบดว้ ย แห่งที่ 1 โรงพยาบาลระยอง แห่งที่ 2 โรงพยาบาลอดุ รธานี แหง่ ที่ 3 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
53 แหง่ ท่ี 4 โรงพยาบาลราชบรุ ี แหง่ ท่ี 5 โรงพยาบาลลาปาง แหง่ ท่ี 6 โรงพยาบาลพุทธชนิ ราช จังหวัดพษิ ณุโลก แหง่ ที่ 7 โรงพยาบาลสวรรคป์ ระชารักษ์ จังหวดั นครสรรค์ แห่งที่ 8 โรงพยาบาลสระบุรี แหง่ ท่ี 9 โรงพยาบาลขอนแกน่ แห่งที่ 10 โรงพยาบาลบรุ รี มั ย์ แหง่ ที่ 11 โรงพยาบาลสรรพสิทธปิ ระสงค์ จงั หวัดอบุ ลราชธานี แห่งท่ี 12 โรงพยาบาลสรุ าษฎรธ์ านี แหง่ ท่ี 13 โรงพยาบาลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แหง่ ท่ี 14 โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภยั ภเู บศร จงั หวดั ปราจนี บุรี ในโรงพยาบาลชุมชนมีคลินิกกัญชาการแพทย์แผนไทยท่ีเปิดบริการในโรงพยาบาลอาเภอ ส่ังจ่ายยาตารับ 16 ตารับ จานวน 12 แห่ง และโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ ผสมผสาน ประกอบดว้ ย แห่งที่ 1 โรงพยาบาลสมเดจ็ พระยุพราชเด่นชัย จังหวัดแพร่ แหง่ ท่ี 2 โรงพยาบาลบางกระทุ่ม จงั หวัดพิษณุโลก แห่งท่ี 3 โรงพยาบาลหนองฉาง จังหวดั อทุ ยั ธานี แห่งที่ 4 โรงพยาบาลเสาไหเ้ ฉลิมพระเกยี รติ 80 พรรษา จงั หวัดสระบรุ ี แห่งที่ 5 โรงพยาบาลดอนตมู จังหวัดนครปฐม แห่งที่ 6 โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝัน้ อาจาโร จงั หวดั สกลนคร แห่งท่ี 7 โรงพยาบาลพล จังหวดั ขอนแกน่ แหง่ ที่ 8 โรงพยาบาลคูเมือง จังหวัดบุรรี ัมย์ แหง่ ท่ี 9 โรงพยาบาลพนา จังหวัดอานาจเจรญิ แห่งที่ 10 โรงพยาบาลทา่ ฉาง จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี แหง่ ท่ี 11 โรงพยาบาลป่าบอน จงั หวดั พัทลุง แห่งที่ 12 โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน (ยศเส) กรงุ เทพมหานคร สาหรับคลินิกวิจัยนามันกัญชาทางการแพทย์แผนไทยตารับหมอเดชา จานวน 22 แห่ง ประกอบด้วย แหง่ ที่ 1 โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดน่ ชยั จงั หวดั แพร่ แหง่ ท่ี 2 โรงพยาบาลเถนิ จงั หวดั ลาปาง
54 แหง่ ท่ี 3 โรงพยาบาลบางกระทุ่ม จังหวดั พิษณุโลก แห่งที่ 4 โรงพยาบาลพระยุพราชนครไทย จงั หวดั พษิ ณุโลก แหง่ ที่ 5 โรงพยาบาลดอนตูม จังหวดั นครปฐม แห่งท่ี 6 โรงพยาบาลสวนผึง จงั หวัดราชบรุ ี แห่งที่ 7 โรงพยาบาลศรปี ระจนั ต์ จังหวดั สพุ รรณบรุ ี แหง่ ท่ี 8 โรงพยาบาลเฉลิมพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวดั ระยอง แห่งท่ี 9 โรงพยาบาลพล จังหวัดขอนแก่น แหง่ ที่ 10 โรงพยาบาลพระอาจารยฝ์ นั้ อาจาโร จังหวัดสกลนคร แห่งที่ 11 โรงพยาบาลวานรนวิ าส จังหวัดสกลนคร แหง่ ท่ี 12 โรงพยาบาลสวา่ งแดนดนิ จงั หวัดสกลนคร แหง่ ท่ี 13 โรงพยาบาลห้วยเกงิ จงั หวัดอดุ รธานี แห่งท่ี 14 โรงพยาบาลหนองบวั ลาภู จังหวดั หนองบวั ลาภู แหง่ ท่ี 15 โรงพยาบาลคเู มือง จังหวดั บรุ ีรมั ย์ แหง่ ที่ 16 โรงพยาบาลพนา จงั หวัดอานาจเจริญ แหง่ ที่ 17 โรงพยาบาลพระยุพราชเดชอุดม จังหวดั อุบลราชธานี แห่งท่ี 18 โรงพยาบาลทา่ ฉาง จงั หวดั สุราษฎร์ธานี แหง่ ท่ี 19 โรงพยาบาลป่าบอน จงั หวดั พัทลุง แห่งที่ 20 โรงพยาบาลหนองฉาง จังหวดั อทุ ยั ธานี แห่งท่ี 21 โรงพยาบาลตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ แหง่ ท่ี 22 โรงพยาบาลการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยผ์ สมผสาน (ยศเส) กรุงเทพมหานคร นอกจากนี วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 กระทรวงสาธารณสุขได้ขยายบริการคลินิก กัญชาทางการแพทย์ ทังแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย เพ่ือให้ผู้ป่วยเข้าถึงยากัญชาทาง การแพทย์อย่างปลอดภัย มีโรงพยาบาลที่ให้บริการทุกเขตสุขภาพแผนปัจจุบัน จานวน 110 แห่ง สาหรับคลินิกกัญชาการแพทย์แผนไทยเปิดบริการแล้ว 24 แห่ง ให้บริการตารับยาศุขไสยาศน์ ในกลุ่มอาการนอนไม่หลับ และตารับทาลายพระสุเมรุในผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต บรรเทาอาการเกร็ง กล้ามเนือ แขนขาอ่อนแรง ชา ซ่ึงขณะนีไดผ้ ลิตเพิม่ อีก 2 ตารับ ได้แก่ ตารบั แก้ลม แก้เส้น และตารับ ริดสีดวงทวาร เปิดให้บริการที่ โรงพยาบาลมหาสารคาม โรงพยาบาลบรบือ จังหวัดมหาสารคาม โรงพยาบาลร้อยเอ็ด โรงพยาบาลทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โรงพยาบาลเลย โรงพยาบาลอรัญประเทศ
55 จังหวัดสระแก้ว ซึ่งผู้ป่วยสามารถติดตามข่าว ขอคาปรึกษาว่าผ่านเกณฑ์การได้รับยากัญชาหรือไม่ ในเขตโรงพยาบาลใกลเ้ คยี ง ภาพที่ 5 โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภยั ภเู บศร ภาพท่ี 6 ปา้ ยชอ่ื โรงพยาบาลเจา้ พระยาอภยั ภเู บศร ภาพท่ี 7 ปา้ ยช่อื คลินิกกญั ชาทางการแพทย์
56 คลินิกกญั ชาทางการแพทย์แผนไทยทุกแหง่ ตอ้ งมี 4 องคป์ ระกอบ ดังนี องคป์ ระกอบที่ 1 มีแพทย์แผนไทยทสี่ ่งั การรักษาผา่ นการอบรมและได้รับอนุญาตจาก สานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา ( อย.) ภาพท่ี 8 แพทยผ์ ู้เชีย่ วชาญ ภาพท่ี 9 แพทยใ์ ห้คาปรึกษาคนไข้ ภาพท่ี 10 คณะแพทย์และเภสชั กร ภาพท่ี 11 ผปู้ ว่ ยที่เข้ารบั การรักษา ผู้ใหก้ ารรักษา
57 องค์ประกอบท่ี 2 สถานท่ีไดร้ บั อนุญาตตามกฎหมายจากสานักงานคณะกรรมการอาหาร และยา (อย.) ภาพผู้ ไดร้ ับอนุญาต ช่ือผูไ้ ดร้ ับอนุญาต ชื่อ ตาแหน่ง ผอู้ นุญาต ภาพท่ี 12 ตวั อย่างหนงั สือสาคญั ผลิต ซึ่งยาเสพตดิ ให้โทษในประเภท 5
58 องคป์ ระกอบที่ 3 เวชภัณฑไ์ ดร้ ับอนุญาตผลติ ตามมาตรฐานองค์การอนามยั โลก (WHO) – องค์การเภสชั กรรม (GMP) ผ่านการตรวจวิเคราะห์ คุณภาพจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ ได้รบั การอนุญาตจาหนา่ ยยาเสพติดใหโ้ ทษประเภท 5 ภาพ ผ้ไู ดร้ ับ อนญุ าต ชื่อผ้ไู ดร้ บั อนญุ าต ชือ่ QR ตาแหนง่ code ผอู้ นุญาต ภาพท่ี 13 ตวั อยา่ งหนงั สอื สาคญั จาหน่ายซง่ึ ยาเสพตดิ ให้โทษในประเภท 5
59 ภาพท่ี 14 ตารับยากัญชาแผนปัจจุบนั ยานามนั หยดใต้ลิน ภาพที่ 15 ผลติ ภัณฑน์ ามันกัญชา โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภเู บศร
60 องค์ประกอบท่ี 4 มีแนวเวชปฏบิ ัติ (CPG) ตามเกณฑ์การรักษาในคลินกิ กัญชาโดยการ ใหบ้ รกิ าร จะมีการคัดกรองอย่างเป็นระบบ กกกกกกก เกณฑท์ รี่ บั ผู้ป่วยเข้ารบั การรักษาในคลินิกกัญชาในสถานบริการสุขภาพ กกกกกกก ข้อ 1 เป็นผูป้ ่วยที่มีอาการหรอื เปน็ โรคท่ีเขา้ เกณฑต์ ามแนวเวชปฏิบตั ิในการเขา้ รบั การ รักษาดว้ ยตารับยาแผนไทยที่มกี ัญชาปรงุ ผสมอยู่ กกกกกกก ข้อ 2 ภาวะทแ่ี พทย์/แพทยแ์ ผนไทย แพทยแ์ ผนไทยประยุกต์ เห็นสมควรไดร้ ับการ รกั ษาด้วยตารับยาแผนไทยท่ีมกี ัญชาปรุงผสมอยู่ กกกกกกก ข้อ 3 เพศชาย หรอื เพศหญิง มีอายตุ งั แต่ 18 ปีขนึ ไป กกกกกกก ข้อ 4 ไดร้ ับการรกั ษาดว้ ยยาขนานแรกและวิธกี ารมาตรฐานทางการแพทย์แผนไทยแลว้ อาการไมด่ ีขนึ กกกกกกก ข้อ 5 ผู้ป่วยมสี ญั ญาณชีพและอาการทางคลินิกคงท่ี (Vital Signs Stable & Clinically Stable) กกกกกกก ข้อ 6 มกี ารรบั รู้และสติสมั ปชญั ญะดี สามารถสอ่ื ความหมายเข้าใจ กกกกกกก เกณฑท์ ี่ไมร่ บั ผูป้ ่วยเข้ารบั การรักษาในคลนิ ิกกัญชาในสถานบรกิ ารสขุ ภาพ กกกกกกก ข้อ 1 ผปู้ ่วยทมี่ ีประวัติแพ้กัญชาและส่วนประกอบอ่ืน ๆ ในตารับยาแผนไทยทมี่ กี ัญชา ปรุงผสมอยู่ กกกกกกก ข้อ 2 ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการวินิจฉยั ตรงตามอาการหรอื โรคตามแนวเวชปฏิบตั ิการใชต้ ารับ ยาแผนไทยท่ีมกี ญั ชาปรุงผสมอยู่ ในสถานบริการสขุ ภาพ กกกกกกก ข้อ 3 ผปู้ ่วยโรคเรือรงั ขันรุนแรงหรือไมส่ ามารถคมุ อาการได้ เช่น โรคหวั ใจ ยังมีอาการ กาเรบิ บอ่ ย ๆ โรคความดันโลหิตสงู ทค่ี มุ ความดันไม่ได้ เปน็ ตน้ กกกกกกก ข้อ 4 ผปู้ ว่ ยทม่ี ีภาวะการทางานของตับและไตผิดปกติ กกกกกกก ข้อ 5 ผู้ป่วยท่ีมีภาวะทางคลินิกอ่ืน ๆ ซ่งึ แพทยใ์ ห้ความเห็นว่าจะเป็นอนั ตรายต่อผ้ปู ว่ ย กกกกกกก ข้อ 6 อยู่ในระหว่างการตงั ครรภ์ วางแผนการตงั ครรภ์ หรือให้นมบุตร กกกกกกก ข้อ 7 ผ้ปู ว่ ยโรคตดิ ตอ่ ร้ายแรง หรือผปู้ ว่ ยโรคติดเชือในระยะแพร่กระจาย กกกกกกก ข้อ 8 ผปู้ ว่ ยท่ีเป็นโรคทางจิตเวช หรือมีอาการของโรคอารมณแ์ ปรปรวน หรือโรควิตกกังวล กกกกกกก ข้อ 9 ผปู้ ว่ ยท่ีตดิ สารเสพตดิ รวมถงึ นโิ คตนิ หรอื เปน็ ผ้ดู ื่มสรุ าอย่างหนัก
61 ขันตอนการให้บริการคลนิ ิกกัญชา มี 2 ขันตอนสาคัญ ขันตอนการใหบ้ ริการผู้ปว่ ยใหม่ และขนั ตอนการใหบ้ ริการผูป้ ่วยเกา่ ดงั ภาพ ภาพท่ี 16 ขันตอนการให้บริการคลนิ ิกกัญชา กลา่ วโดยสรปุ ประเทศไทยเร่ิมให้บรกิ ารคลินกิ กัญชาครังแรก เมือ่ วันที่ 24 มิถนุ ายน พ.ศ. 2562 ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี ต่อมาวันท่ี 17 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เปิดที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา และวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2562 ได้เปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยในโรงพยาบาลศูนย์ จานวน 14 แห่ง ตลอดจน ภายในปี พ.ศ. 2562 ได้มีการเปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยเพ่ิมเติมในโรงพยาบาลชุมชน จานวน 12 แห่ง รวมทังเปิดคลินิกวิจัยนามันกัญชาตารับหมอเดชา จานวน 22 แห่งอีกด้วย นอกจากนีวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 กระทรวงสาธารณสุขเปิดคลินกิ กญั ชาทางการแพทย์แผน
62 ปัจจุบนั 110 แห่ง และคลนิ ิกกญั ชาทางการแพทยแ์ ผนไทย 24 แห่ง เพือ่ เพิ่มการเขา้ ถงึ ยากญั ชาอย่าง ปลอดภัยของผู้ปว่ ย เม่อื สภาพการณ์เปลย่ี นแปลงไปผปู้ ่วย ผู้รับบริการ หรือผู้เรยี น ตอ้ งปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดกระบวนการเรียนรู้ (Learning Process) ในศตวรรษที่ 21 ใหม่ เนื่องจากความรู้ (Knowledge) มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความรู้ไม่คงที่ ความรู้วันนีอาจไม่ใช่ความรู้วันพรุ่งนีอีกต่อไป กระบวนการเรยี นรูจ้ งึ เป็นไปตามวฎั จกั รของการสร้างปญั ญา (Wisdom) อย่างไมส่ นิ สดุ ดังต่อไปนี Learn > Relearn > Unlearn > Learn > Relearn > Unlearn เรยี น > เรียนรู้ > ไม่ยดึ ตดิ > เรียน > มุมมองใหม่ > ไมย่ ดึ ติด ส่งิ จาเป็นและเร่งด่วนในตอนนี คอื เราต้องเรียนร้ทู จ่ี ะ Learn Unlearn และ Relearn ใน ความเปน็ จรงิ การเรียนรนู้ ันไม่ใช่เพียงแคก่ ารใส่ข้อมูลความรูเ้ ขา้ ไปเพยี งอย่างเดียว หากแต่การเรียนรู้ ทถี่ ูกต้องประกอบไปด้วย การเรียนรู้ส่งิ ใหม่ ๆ (Learn) การไมย่ ึดตดิ กบั สิ่งท่เี คยเรียนรู้มา หรอื กล้าลบ สิ่งเดิม ๆ ทิงไป (Unlearn) และการเรียนรู้ส่ิงที่เคยรู้ด้วยมุมมองใหม่ ๆ (Relearn) ทังนี ขันตอน Unlearn และ Relearn มักจะเกิดขนึ พร้อม ๆ กัน เพราะการเรียนรู้ที่จะมีประสิทธิภาพมากท่ีสุด คือ การเต็มใจและยินดีท่ีจะยอมละทิงส่ิงท่ีเคยเรียนรู้มา แล้วลองค้นหาวิธีการใหม่ ๆ มาทดแทน แม้ว่า วิธกี ารนนั จะเคยนามาซงึ่ ผลลัพธ์ท่ดี กี ็ตาม Explain > Experiments > Experience > Exchanges > Explain อธบิ าย > การทดลอง > ประสบการณ์ > แลกเปล่ียน > อธบิ าย
63 กจิ กรรมทา้ ยบท กกกกกกก1. กจิ กรรมที่ 1 กกกกกกกกก คาชแี จง : โปรดเลอื กตัวอักษรหนา้ ขอ้ ที่ผู้เรียนคดิ ว่าขอ้ นันเป็นคาตอบท่ีถูกต้องที่สุด เพียงข้อเดียว แลว้ เขยี นคาตอบลงในกระดาษของผู้เรียน ขอ้ 1 ปัจจุบันมีข่าวการจับกุมผู้ลักลอบผลิต และผู้ขายนามันกัญชาออกตามส่ือต่าง ๆ อยู่เปน็ ประจาท่านคดิ ว่าเกิดจากสาเหตใุ ด ก. ผลติ ภัณฑ์นามันกญั ชาใช้รกั ษาโรคร้ายแรงได้ ข. การนาเขา้ นามนั กัญชาจากต่างประเทศมรี าคาสูง ค. กฎหมายเปดิ เสรีใหส้ ามารถใช้นามนั กญั ชาในการรักษาโรคได้ ง. เกดิ จากความต้องการใช้นามนั กัญชาของประชาชนในการรักษาโรค ข้อ 2 ผู้ป่วยในข้อใดไม่สามารถเข้ารับการบริการจากคลินิกกัญชา โดยมีแพทย์ หรือ เภสัชกรที่ไดร้ ับใบอนุญาตใหร้ กั ษาโรคด้วยนามนั กัญชาเป็นผดู้ แู ล ก. ชมพู เป็นโรคอลั ไซเมอร์ ข. ส้มโอ เปน็ โรคพาร์กินสัน ค. มะนาว เปน็ โรคพษิ สุราเรือรงั ง. อง่นุ เปน็ โรคปลอกประสาทเส่อื มแขง็ ข้อ 3 ถา้ นักศึกษาจาเป็นต้องใช้นามันกัญชาเพ่ือใช้ในการบรรเทาอาการปวดของโรคท่ี ตนเองเปน็ อยู่ ควรปฏบิ ตั ิอย่างไร ก. พบแพทย์ หรือเภสัชกรขอยานามันกัญชามาหยอดใต้ลนิ ข. พบแพทย์ หรอื เภสชั กรเพอ่ื ขอใบอนุญาตซือยานามนั กญั ชาเองได้ ค. พบแพทย์ หรอื เภสัชกรทไ่ี ดร้ ับอนุญาตให้รกั ษาโรคดว้ ยนามนั กญั ชา เพื่อทา การรักษาตามอาการ ง. พบแพทย์ หรอื เภสชั กรทไี่ ดร้ บั อนุญาตใหร้ กั ษาโรคด้วยนามันกัญชา ออกใบอนญุ าตเพ่ือซอื ยานามันกญั ชาเองได้ ข้อ 4 ข้อใดตอ่ ไปนี มีภูมิค้มุ กันในการคน้ หาขอ้ มลู ผ่านส่อื สังคมออนไลน์ท่ถี ูกต้องท่สี ุด ก. นาย ก ค้นหาข้อมูลจากส่ือออนไลน์ เพ่อื การเรียนรู้ ข. นาย ข คน้ หาข้อมูลจากสื่อออนไลน์ เพ่ือส่งต่อใหเ้ พอื่ น ค. นาย ค คน้ หาขอ้ มลู จากสื่อออนไลน์ เพ่อื รวบรวม และเผยแพร่ความรู้ ง. นาย ง ค้นหาข้อมูลจากส่อื ออนไลน์ เพ่อื วเิ คราะห์ความนา่ เช่ือถือของ ขอ้ มูล
64 ข้อ 5 นาย ก เป็นคนมีความวิตกกังวล หลงลืม นอนไม่หลับ ญาติจึงแนะนาให้เข้ารับ การรกั ษาท่ีคลินกิ กัญชาทางการแพทย์แผนไทย นาย ก จะสามารถเข้ารับการรกั ษาท่คี ลนิ ิกกัญชาทาง การแพทย์แผนไทยได้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด ก. ไม่ได้ เพราะคลินิกกญั ชาทางการแพทย์แผนไทยรักษาโรคทั่วไปเทา่ นัน ข. ได้ เพราะคลนิ ิกกญั ชาทางการแพทย์แผนไทยสามารถรักษาโรคทางจิตได้ ค. ไม่ได้ เพราะคลนิ ิกกัญชาทางการแพทยแ์ ผนไทยรักษาเฉพาะโรครา้ ยแรง เทา่ นนั ง. ได้ เพราะคลินกิ กัญชาทางการแพทยแ์ ผนไทยสามารถรกั ษาอาการ หลงลืมได้ กกกกกกก2. กจิ กรรมท่ี 2 กกกกกกกกก คาชแี จง : โปรดจับค่ขู ้อมูลที่อยู่หลงั ตวั อกั ษรทต่ี รงกับตัวเลขของขอ้ นนั ๆ หรือมี ความสัมพันธต์ รงกับหัวขอ้ เลขนัน ๆ ให้ถูกต้อง แล้วนาตวั อกั ษรของหนา้ ข้อมลู มาใสห่ นา้ ตัวเลข ตรงกบั ข้อนนั ๆ ........... 1. คลนิ กิ กญั ชาการแพทย์แผนไทยในโรงพยาบาลศูนย์ ก. ประเทศไทย ........... 2. คลนิ ิกกัญชาทางการแพทย์แหง่ แรกของประเทศไทย ข. ประเทศแม็กซโิ ก ........... 3. ประเทศท่ี 2 ทอ่ี นุญาตใหป้ ระชาชนใชก้ ัญชาได้อย่างเสรี ค. ประเทศแคนาดา ........... 4. อนญุ าตให้ประชาชนใชก้ ญั ชาได้อย่างเสรี ในปี พ.ศ. 2556 ง. ประเทศอุรกุ วยั ........... 5. ประเทศแรกในภมู ิภาคอาเซยี นทอ่ี นญุ าตให้ใชก้ ัญชาเพ่ือ จ. ประเทศมาเลเซีย ประโยชนท์ างการแพทยแ์ ละการวจิ ยั ฉ. โรงพยาบาลพล ช. โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ซ. โรงพยาบาลเจ้าพระยา อภัยภูเบศร กกกกกกก3. กิจกรรมท่ี 3 กกกกกกกกก คาชีแจง : โปรดทาเครื่องหมายถูก () หรือเคร่ืองหมายผิด () ลงหน้าขอ้ ตัวเลขที่ ผูเ้ รียนอา่ นข้อมูลแล้วคิดวา่ คาตอบนีถูก ให้ทาเคร่อื งหมาย () ถ้าคดิ ว่าขอ้ มูลทอี่ ่านเป็นคาตอบทผ่ี ดิ ใหท้ าเครื่องหมายผดิ () ........... 1. ประเทศอรุ ุกวัย เป็นประเทศแรกทีเ่ ปิดใหใ้ ช้กัญชาได้อยา่ งกว้างขวางขึน และใน เดอื นสงิ หาคม ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) อนญุ าตให้ประชาชนปลกู กัญชาทบ่ี ้านได้ บ้านละ 6 ต้น
65 ........... 2. หมอยาพืนบ้านภาคใต้มีความเชอื่ วา่ นาใบกัญชาตาละเอยี ดผสมนาตม้ สกุ และพอกหนงั ศีรษะประมาณคร่ึงชวั่ โมงแกอ้ าการผมร่วง คนั หนังศรี ษะได้ ........... 3. ประเทศมาเลเซยี เป็นประเทศแรกในภมู ภิ าคอาเซียน ทอี่ นุญาตใหใ้ ช้กญั ชาเพื่อ ประโยชน์ทางการแพทยแ์ ละการวิจัย ........... 4. โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภยั ภเู บศร ได้เปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ เพอ่ื ให้การ รกั ษาพยาบาล ผู้ป่วยโรคลมชกั และพาร์กนิ สัน โดยแพทยแ์ ละเภสัชกร ท่ีผา่ นการ ฝึกอบรม และยงั เปน็ คลนิ ิกเพ่ือรกั ษาทางการแพทย์ แหง่ แรกของประเทศไทย ........... 5. เกณฑ์ในการรับผ้ปู ่วยเข้ารับการรักษาในคลนิ กิ กัญชาในสถานบริการสุขภาพ มีอายุ ตังแต่ 20 ปขี ึนไป
66 บทที่ 2 กัญชาและกญั ชง พืชยาทค่ี วรรู้ สาระสาคัญ 1. ประวตั ิความเปน็ มาของพืชกญั ชาและกัญชง ประวัติพืชกัญชาในต่างประเทศมีการนามาใช้ตั้งแต่ 10,000 ปี มาแล้ว นามาใช้ในการ สูดดมควัน ใช้เส้นใยทาเส้ือผ้า ทาใบเรือและเชือกในการสร้างเรือ ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร ใช้ใน พิธีกรรมเกี่ยวกับศาสนา และการใช้เสพเพ่ือนันทนาการ จนกระทั่งจดสิทธิบัตรรักษาโรคทางระบบ ประสาท ส่วนประเทศไทยใช้เปน็ ตารับยาในการรักษาโรค 2. ความร้เู บ้อื งต้นเกยี่ วกบั พชื กัญชาและกัญชง 2.1 พฤกษศาสตรข์ องพชื กญั ชาและกัญชง พชื กญั ชามชี อื่ วทิ ยาศาสตร์ คอื Cannabis sativa L. เปน็ พืชในวงศ์ Cannabaceae มีชื่อสามัญหลากหลายตามแต่ละท้องถิ่น เป็นไม้ล้มลุกปีเดียว ลาต้นตั้งตรง สูงประมาณ 1-5 เมตรใบเดี่ยว มี 3 – 9 แฉก รูปฝ่ามือ เรียงสลับ ดอกแยกเพศผู้และเพศเมียอยู่ต่างต้นกัน (dioecious species) และมีแบบต้นกะเทย คือ เพศผู้ และเพศเมียในต้นเดียวกัน (monoecious species) ออกดอก เป็นช่อตามง่ามใบและปลายยอด ช่อดอกเพศเมีย เรียกว่า “กะหล่ีกัญชา” ผลแห้ง เมล็ดล่อน เล็ก เรียบ สีน้าตาล 2.2 ชนดิ (species) ของกัญชาและกัญชง กัญชาและกัญชง นักพฤกษศาสตร์จัดว่าเป็นพืชในสปีชีส์ (species) เดียวกัน คือ Cannabis sativa L. ซึ่งจัดอยู่ในสกุล (genus) Cannabis และเป็นพืชในวงศ์ (family) Cannabaceae แต่ในสว่ นขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้แบ่งย่อยเป็น 2 ซบั สปีชสี ์ (subspecies) ได้แก่ Cannabis sativa L. subsp. sativa (กัญชง, Hemp) ซ่ึงมักจะมีปริมาณ THC น้อยกว่าร้อย ละ 0.3 ในใบและช่อดอกแห้ง (แต่ในบางครั้งอาจจะสูงถึงร้อยละ 1) และ Cannabis sativa L. subsp. indica (กัญชา, Cannabis) ซ่ึงมักจะพบปริมาณ THC มากกว่าร้อยละ 1 ในใบและช่อดอก แห้ง การจาแนกพืชกญั ชาและกัญชง โดยสังเกตจากลกั ษณะทางสณั ฐานวิทยาทาไดย้ าก เนอื่ งจากสาร THC ในกัญชาเปลี่ยนแปลงได้ง่ายจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม นักวิชาการเกษตรด้านการปรับปรุงสาย พันธุ์มักจะจาแนกพืชกัญชาและกัญชงออกเป็น 3 สายพันธุ์ ได้แก่ ซาติว่า (Cannabis sativa L.) อินดิก้า (Cannabis indica Lam.) และรูเดอลาลิส (Cannabis ruderalis Janishch.) ซ่ึงจาแนก ตามลกั ษณะทางกายภาพของพืช เชน่ ลักษณะใบ ความสูง ถิ่นกาเนดิ ทพี่ บ เป็นต้น
67 2.3 องคป์ ระกอบทางเคมี และสารสาคัญท่พี บในพืชกญั ชาและกญั ชง 2.3.1 องคป์ ระกอบทางเคมีทพ่ี บในพืชกัญชาและกญั ชง องค์ประกอบทางเคมีท่ีพบในพืชกัญชาและกัญชงมีมากกว่า 500 ชนิด และมีอยู่หลายกลุ่ม แต่สารที่มีความสาคัญทางยา คือ สารในกลุ่มแคนนาบินอยด์ (cannabinoids/ Phytocannabinoids) พบมากบริเวณยางในไทรโครมของดอกเพศเมียท่ียังไม่ได้รับการผสมพันธุ์ (resin glandular trichomes) 2.3.2 สารสาคญั ทพ่ี บในพชื กัญชาและกญั ชง 1) สารแคนนาบเิ จอรอล (Cannabigerol, CBG) เป็นอนุพันธ์ของสาร CBGA เมื่อสาร CBGA ถูกความร้อนจะเปลี่ยน สภาพเป็นสาร CBG ดังนั้น สาร CBG จึงสามารถตรวจพบได้ในพืชกัญชาและกัญชง สาร CBGA เป็นสารต้นกาเนิดของสารทง้ั หมดทพี่ บในพชื กัญชาและกัญชง เมอ่ื พืชโตขึ้น สาร CBGA นี้ จะถูกเปลยี่ นเปน็ THCA, CBDA และสาร อื่น ๆ เมือ่ สารถูกความร้อน หรอื ออกซิไดซ์ สาร CBGA, THCA และสาร CBDA จะเปลี่ยนสภาพเป็นสาร CBG สาร THC และสาร CBD 2) สารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (tetrahydrocannabinol, THC) เป็นสารที่มีฤทธิ์ทาให้มึนเมาออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง (psychoactive effect) ปริมาณ ของ THC ในแต่ละส่วนของพืชมีปริมาณไม่เท่ากัน จะออกฤทธ์ิกระตุ้นประสาททาให้ผู้เสพตื่นเต้น ช่างพูด หัวเราะอารมณ์ดี ต่อมาจะกดประสาทมีอาการคล้ายเมาเหล้าอย่างอ่อน ๆ เซื่องซึม ง่วงนอน และหลอนประสาท โดยข้ึนอยู่กับปริมาณท่ีได้รับ 3) สารแคนนาบิไดออล (Cannabidiol, CBD) สารน้ีไม่มีผลต่อจิตและ ประสาท (non-psychoactive) และช่วยลดผลข้างเคียงจาก THC ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติมีขั้วต่า ละลาย ได้ดีในน้ามัน ดังน้ันการสกัดสารสาคัญจากกัญชา จึงมักนิยมใช้ตัวทาละลายที่มีขั้วต่า หรือน้ามันในการ สกัด เพราะจะสามารถละลายเอาสารแคนนาบินอยด์ออกมาได้ดี 4) สารออกฤทธ์ิที่ร่วมกับแคนนาบินอยด์ เช่น สารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ และเทอร์ปนี เป็นสารที่ชว่ ยเสรมิ การออกฤทธิ์ทางยาแกส่ ารกล่มุ แคนนาบนิ อยด์ 3. พชื กญั ชาและกัญชงคืออะไร แตกต่างกนั อย่างไร พืชกัญชาและกัญชงมีชื่อวิทยาศาสตร์เดียวกันคือ Canabis sativa L. มีถิ่นกาเนิด มาจากพชื เดิมชนิดเดียวกัน ลักษณะภายนอก หรอื สัณฐานวทิ ยาของพชื ทงั้ สองชนดิ จึงมีความแตกตาง กันนอย การแยกโดยสัณฐานวิทยาทาได้ค่อนข้างยาก ปัจจุบันพืชกัญชาและกัญชงแยกจากกัน โดย ตัดสินจากปริมาณสาร THC ซึ่งข้อกาหนดขององค์การอนามัยโลก (WHO) กาหนดกัญชงให้มี ปริมาณ THC ไม่เกินร้อยละ 0.3 ในใบและช่อดอกแห้ง ส่วนกฎหมายของประเทศไทยกาหนดให้ กัญชงให้มีปริมาณ THC ไม่เกินร้อยละ 1.0 ในใบและช่อดอกแห้ง
68 4. การใช้พืชกญั ชาและกัญชงในชวี ติ ประจาวันของคนในโลก 4.1 ผลติ ภัณฑ์พชื กัญชาและกญั ชงไม่แปรรปู เช่น ดอกกัญชาแหง้ (Cannabis dries flower) ในประเทศที่อนุญาตให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ ผู้ป่วยจะสามารถนาใบส่ังซื้อจากแพทย์ไปซ้ือกัญชา แห้งเพ่อื ให้สูบหรอื เพ่อื การรักษาได้ 4.2 ผลิตภัณฑ์พืชกัญชาและกัญชงแปรรูป คือ ผลิตภัณฑ์จากพืชกัญชากัญชงที่แปรรูป เป็นสารสกัดเข้มข้น (Concentrates) ซึ่งมีหลายรูปแบบ และมีช่ือเรียกแตกต่างกันไป ผลิตภัณฑ์สาร สกัดกัญชาจะให้สารแคนนาบินอยด์ที่เข้มข้นกว่าในรูปพืชแห้ง แต่ทั้งสองรูปแบบสามารถนาไปใช้ ประโยชน์ท้ังทางการแพทย์ และเพ่ือการนันทนาการได้ตามกฎหมายของแต่ละประเทศที่มีการ อนญุ าตใหใ้ ช้ 4.3 การบรโิ ภคและอปุ โภค มีการใช้พืชกัญชาหรือกัญชงเป็นส่วนประกอบในอุตสาหกรรมอาหาร บางประเทศมีการอนุญาตให้ใช้กัญชาในอาหารซ่ึงจะต้องระบุปริมาณสาร THC และ CBD ให้ชัดเจน โดยปกติต้องไม่เกิน 10 มิลลิกรัมต่อหน่วยบริโภค แต่ในอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมความงาม และสุขภาพ รวมไปถึงอุตสาหกรรมส่ิงทอ มีการใช้ประโยชน์อย่างมากมายของกัญชง เช่น การผลิต เครื่องสาอาง นา้ มนั จากเมล็ด ซง่ึ มีคณุ ค่าทางโภชนาการสูง การทาเครื่องแต่งกาย เสือ้ กนั กระสุน เปน็ ต้น 4.4 การนนั ทนาการ กัญชาเป็นพืชท่ีมีสารออกฤทธ์ิต่อจิตและประสาท ทาให้เกิดความผ่อนคลาย และ ความรู้สึกเป็นสุข ในบางประเทศอนุญาตให้ใช้พืชกัญชาเพ่ือการนันทนาการได้ เช่น ประเทศอุรุกวัย ประเทศแคนาดา และในบางรฐั ของสหรัฐอเมริกา เนือ่ งจากผู้ใชก้ ัญชารู้สึกเกิดการผ่อนคลาย และเป็นสุข ขณะท่ใี ช้ แตเ่ นือ่ งจากกัญชายังมีสารทที่ าใหต้ ิดได้ จึงไมค่ วรใชก้ ัญชาตอ่ เนื่องและใช้ในปริมาณสูง ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง 1. เพ่อื ใหม้ ีความรู้ ความเข้าใจ เก่ยี วกบั ประวตั คิ วามเป็นมาของพชื กญั ชาและกญั ชง ความรู้ เบื้องต้นเกีย่ วกบั พืชกญั ชาและกญั ชง พชื กญั ชาและกัญชง คอื อะไร แตกต่างกันอยา่ งไร การใชพ้ ืช กัญชาและกญั ชงในชีวติ ประจาวันของคนในโลก 2. เพ่อื ให้มที กั ษะการแสวงหาความรู้ และทักษะการคดิ วิเคราะหเ์ ก่ียวกบั กัญชาและกญั ชง พชื ยาที่ควรรู้ 3. เพื่อให้ตระหนักถึงกัญชาและกญั ชง พชื ยาทีค่ วรรู้
69 ขอบข่ายเนอื้ หา บทที่ 2 กญั ชาและกัญชง พืชยาที่ควรรู้ เรอ่ื งที่ 1 ประวัติความเป็นมาของพชื กัญชาและกัญชง เรื่องที่ 2 ความร้เู บอื้ งตน้ เกีย่ วกบั พชื กัญชาและกญั ชง เรอื่ งท่ี 3 พชื กญั ชาและกัญชง คืออะไร แตกต่างกนั อย่างไร เรือ่ งที่ 4 การใช้พชื กัญชาและกัญชงในชวี ิตประจาวันของคนในโลก สอ่ื ประกอบการเรยี น กกกกกกก1. ช่ือหนังสือ กระทอ่ มและกัญชาทางการแพทย์ ชื่อผแู้ ต่ง นพ.สมยศ กิตติม่นั คง ชอื่ โรงพมิ พ์ บริษัท โกกรีน โซเซยี ล เวนเจอร์ จากัด ปีที่พิมพ์ 2562 กกกกกกก2. ช่ือหนังสือ รักษาโรคดว้ ยกัญชงและกัญชา ชื่อผู้แต่ง นพ.สมยศ กิตติม่ันคง ชอ่ื โรงพมิ พ์ บริษัท โกกรนี โซเซียล เวนเจอร์ จากดั ปีที่พิมพ์ 2562 กกกกกกก3. ชอื่ หนังสอื กญั ชาสดุ ยอดยาวิเศษ ศาสตร์ แหลง่ การรกั ษาโรคยุคใหม.่ ชอ่ื ผูแ้ ต่ง บรษิ ัท ไซเบอรบ์ ุคส์ แอนด์ ปริน้ ท์ จากัด ชื่อโรงพิมพ์ บริษัท เอกพิมพไ์ ท จากดั ไมร่ ะบปุ ีท่พี ิมพ์ กกกกกกก4. ช่ือบทความกญั ชาเพอื่ การแพทย์ ชื่อผเู้ ขียน nitayaporn.m สบื ค้นจาก https://www.dmh.go.th/news/view.ASP?id=2262 กกกกกกก5. ช่อื บทความกัญชากบั การรักษาโรค ชื่อผูเ้ ขียน ดร. ภญ. ผกาทิพย์ ร่ืนระเริงศักดิ์ สบื คน้ จาก https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/453 กกกกกกก6. ชือ่ บทความกัญชา vs กัญชง ประวัติความเป็นมาและความต่างในความเหมือน ชื่อผ้เู ขียน อังกาบดอย สืบคน้ จาก https://www.baanlaesuan.com/145563/plant-scoop/marijuana กกกกกกก7. หอ้ งสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี เขตคลองสามวา เลขท่ี 168 ถนนพระยาสเุ รนทร์ แขวงสามวาตะวนั ออก เขตคลองสามวา กรงุ เทพมหานคร 10510 เบอร์โทรศัพท์ 02-171-0002 กกกกกกก8. ห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี เขตตล่ิงชัน ซอยโชคสมบัติ ถนนพุทธมลฑลสาย 1 แขวงบางระมาด เขตตล่งิ ชัน กรุงเทพมหานคร 10170 เบอร์โทรศัพท์ 02-448-6028 กกกกกกก9. หอ้ งสมดุ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ท่ีตง้ั อยใู่ นจงั หวัดกรงุ เทพมหานคร เรอื่ งท่ี 1 ประวตั คิ วามเป็นมาของพืชกญั ชาและกญั ชง 1. ประวัตคิ วามเปน็ มาของพืชกัญชา ประมาณ 10,000 ปี มีการขุดค้นพบโครงกระดูกมนุษย์อยู่ค่กู บั เศษเรซนิ่ ของพชื กัญชา ท่ีหลงเหลือจากการเผาไหม้ของกองไฟ และเครื่องปั้นดินเผา ท่ีบรรจุเมล็ดพืชกัญชาบริเวณด้านในสดุ
70 ของถ้าในประเทศอินเดียและจีน ซึ่งสันนิษฐานว่ามนุษย์ในยุคนั้นใช้พืชกัญชาเผาไฟด้านในสุดของถ้า เพื่อสดู ดมควนั ระหว่าง 8,000 - 2,000 ปี ก่อนคริสตกาล (Before Common Era หรือ BCE) กัญชา ถูกบันทึกว่าเป็นพืชไร่ที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่ง มีการใช้ประโยชน์จากเส้นใย มีการปลูกพืชกัญชาแบบ แปลงเกษตรในแถบพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันคือประเทศไต้หวัน มีการใช้พืชกัญชาในตารับยาโบราณ ของ ประเทศอินเดีย และประเทศจีนมีการนาเมล็ดกัญชามาผลิตน้ามันเพื่อใช้เป็นอาหาร นาเส้นใยมาทา เปน็ เส้อื ผ้า ในสมยั จกั รพรรดิ เซ็น หนิง (Shen Nung) พบวา่ มีการใช้เปน็ ยาดว้ ย ระหว่าง 1,999 - 1,500 ปี ก่อนคริสตกาล พชื กญั ชาเขา้ ไปเก่ียวข้องกับศาสนาทเ่ี กิดใน แถบทวีปเอเชีย ในฐานะโอสถชโลมใจ เคร่ืองชาระล้างจิตใจ สื่อกลางในการเข้าถึงพระเจ้า ยารักษาโรค เคร่ืองสักการะพระเจ้า และใช้เป็นส่วนสาคัญในพิธีกรรมทางศาสนา ในประเทศอินเดียถูกกล่าวถึงใน บนั ทึกลับของศาสนาฮนิ ดวู ่าเปน็ พชื ศักดิส์ ทิ ธ์ิ ซงึ่ สามารถใชเ้ ป็นยา และใช้สาหรับถวายแด่พระศวิ ะ ระหว่าง 1,499 ปี ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 69 มีเครื่องนุ่งห่ม ซ่ึงเป็นผลผลิตจากเส้นใย พืชกัญชา รวมถึงการเกษตร กระจายอยู่ในแถบทวีปเอเชีย และตอนใต้ของรัสเซีย ชาวไซเทียน (Scythians) ชนเผ่าบนหลังมา้ มรี กรากการเดินทางอยใู่ นแถบประเทศฮังการี มองโกเลยี มกี ารบันทึก วา่ ใชพ้ ืชกัญชาเพอ่ื ผลติ เชือก ใชเ้ สพเพื่อความบันเทิง ใชใ้ นพิธีกรรมทางความเชื่อตา่ ง ๆ และนาการใช้ พืชกญั ชาในด้านตา่ ง ๆ เขา้ สู่ยโุ รป และชาวจีนคน้ พบวิธีการทากระดาษจากใยพชื กญั ชาเปน็ คร้งั แรกของโลก ค.ศ. 70 – ค.ศ. 199 ไดออสคอรีตส์ (Dioscorides) แพทย์ทหาร ผู้เขียนหนังสือเรื่อง De Materia Medica ตาราพืชสมุนไพรในแถบเมดิเตอรเ์ รเนียนท่ีถือเป็นตาราทางด้านสมุนไพรรักษาโรคท่ีดีที่สุด ในยุคนั้น ได้บรรจุพืชกัญชาเป็นสว่ นหน่ึงในตารบั ยา และประเทศอังกฤษ มีการนาเข้าเชือกจากใยพชื กัญชามาใช้ประโยชน์ ค.ศ. 200 - ค.ศ. 1299 มีการบันทึกว่าศัลยแพทย์ชาวจีนได้ใช้พืชกัญชาเป็นยาชา ยาแก้ปวด ชาวไวกิงได้เร่ิมใช้เชือก และใบเรือที่ผลิตจากใยพืชกัญชา ทาให้เรือของชาวไวกิงแข็งแรง และเดินทางได้ไกลกว่าเรือของประเทศในแถบเมดิเตอร์เรเนียน เชือกและใบเรือจากใยพืชกัญชา แข็งแรงทนทานต่อการกัดกร่อนของเกลือจากทะเลเป็นเบื้องหลังความสาเร็จที่ทาใหช้ าวไวกิงเขา้ สู่ ความยิ่งใหญใ่ นยุคสมัยน้ัน ค.ศ. 1300 – ค.ศ.1532 พ่อค้าชาวอาหรับได้นากัญชาไปเผยแพร่ ทาการค้าขาย แลกเปลี่ยนกับประเทศโมซัมบิกซ่ึงเป็นชายฝ่ังของทวีปแอฟริกา และมีการห้ามไม่ให้บริโภคพืชกัญชา เกิดข้ึนคร้ังแรกของโลกที่จักรวรรดิออตโตมัน หรือที่รู้จักกันในนามประเทศตุรกีปัจจุบันเป็นการ ประกาศห้ามการรับประทาน ยางพชื กญั ชา (Hashish)
71 ค.ศ. 1533 - ค.ศ. 1699 กษัตรยิ เ์ ฮนร่ี ท่ี 8 (King Henry VIII) แหง่ ประเทศอังกฤษต้องการ ยกระดับกองทัพเรือด้วยการสร้างเรือเพิ่มมากขึ้น จึงประกาศให้เกษตรกรปลูกพืชกัญชา เพ่ือใช้เส้นใยใน การสรา้ งเรอื ซง่ึ ใครขัดขนื คาสง่ั ไม่ยอมปลูกจะมโี ทษปรับ ค.ศ. 1700 - ค.ศ. 1940 เริ่มมีการแบ่งแยกสายพันธ์ุพืชกัญชากับการใช้ประโยชน์ใน อุตสาหกรรมมีการพัฒนาสายพันธุ์ เพื่อหลีกเลี่ยงสารเมา โดยเรียกพืชกัญชาที่ใช้ประโยชน์จาก เส้นใยว่า Hemp มีการใช้พืชกัญชาทางการแพทย์ในรัฐนิวอิงแลนด์ (New England) เป็นครั้งแรก ในประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อมา พระราชินีแห่งประเทศอังกฤษ ได้รับยาจากพืชกัญชาโดยแพทย์ ประจาตัว เซอร์ เจมส์ เรยโ์ นลด์ (Sir James Reynolds) เพือ่ บรรเทาอาการปวดประจาเดือน และใน ยุคน้ันยาจากพืชกัญชาสามารถใช้ได้ และหาซ้ือได้ท่ัวไปในเกาะอังกฤษ ค.ศ. 1941 - ค.ศ. 1998 ประเทศสหรฐั อเมริกาไดล้ บข้อมลู พืชกัญชาออกจากตารับยา และระบุว่าพืชกัญชาไม่มีคุณสมบัติทางยาใด ๆ จัดอยู่ในบัญชีท่ี 1 คือ ยาเสพติดท่ีรุนแรงท่ีสุด และ เพิ่มความรุนแรงในการลงโทษ นอกจากน้ี มีนักพฤกษศาสตรชาวอเมริกัน ไดจาแนกพืชกัญชาและพืชกัญชงออกจากกัน โดยลักษณะทางสัณฐานวิทยา (Morphology) และพฤกษเคมี (Phytochemistry) โดยให้ช่ือวิทยาศาสตร ของพืชกัญชง คือ Cannabis sativa L. subsp. sativa และพืชกัญชา คือ Canabis sativa L. subsp. indica (Lam.) E.Small & Cronquist ค.ศ. 1999 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้มีการจดสิทธิบัตรพืชกัญชา หมายเลข US6630507 B1 อ้างสิทธิในการใชพ้ ืชกญั ชารกั ษาโรคทางระบบประสาท เชน่ อัลไซเมอร์ พาร์กนิ สัน โรคหลอดเลอื ดสมอง โรคท่ีเกิดจากเซลล์ถูกทาลายโดยอนุมูลอิสระ (Oxidative Stress) เช่น โรคหัวใจ โรคปลายปลอก ประสาทเสอื่ ม โรคเบาหวาน เปน็ ต้น สาหรับประเทศไทยมีการใช้พืชกัญชาเป็นยาตั้งแต่สมัยพระนารายณ์มหาราช จานวน 81 ตารบั และสังคมไทยมีการใช้พืชกัญชาเพื่อการรักษาโรคมาเปน็ เวลานาน ปจั จบุ ันมีหลักฐานการใช้ พชื กัญชาในตารบั จานวน 90 ตารับ ต่อมาในปี พ.ศ. 2477 มีการตราพระราชบัญญัติกัญชา พ.ศ. 2477 ข้ึน ห้ามให้ผู้ใด ปลูก นาเข้า ซ้ือขาย หรือเสพพืชกัญชาเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะได้รับโทษทั้งจาและปรับอย่างรุนแรง และใน ปี พ.ศ. 2522 รัฐบาลไทยได้ตราพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 จัดพืชกัญชาเป็นยา เสพติดให้โทษประเภท 5 รวมทั้งปัจจุบันมีกฎหมายให้ใชพ้ ืชกัญชาในทางการแพทย์หรือศึกษาวิจยั ได้ ตามเกณฑท์ ่ีกาหนด (รายละเอยี ดศึกษาไดจ้ ากหัวเรอ่ื งท่ี 4 กฎหมายทเี่ กี่ยวข้องกับกญั ชาและกัญชง) 2. ประวัติความเป็นมาของพืชกญั ชง พืชกัญชงมีถิ่นกาเนิดมาจากประเทศอินเดีย ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของ เทือกเขาหิมาลัย เป็นพืชตระกูลเดียวกับพืชกัญชา แต่มีความแตกต่างด้านปริมาณสารเสพติด
72 โดยเฉพาะเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (tetrahydrocannabinol, THC) มีปริมาณน้อยกว่าพืชกัญชามาก ปลูกเพื่อใช้ผลิตเส้นใยเป็นหลัก ในประเทศไทย พืชกญั ชงอยู่ในวิถีชวี ิต และประเพณีของชุมชนชาวไทย ภูเขาตั้งแต่เกิดจนกระทั่งเสียชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ชนเผ่าม้ง ซึ่งใช้เส้นใยพืชกัญชง ถักทอ เป็นเสื้อผ้าเพื่อใช้ในชวี ติ ประจาวัน นอกจากนี้ ตามความเช่ือดั้งเดิม ชาวม้งจะใช้เส้นด้ายที่ทามาจาก เส้นใยพืชกัญชงมัดมือให้ทารกที่เกิดใหม่ การถักทอเคร่ืองแต่งกาย รองเท้า และเชือกมัดศพสาหรับ สวมใสต่ อนเสียชีวิต กล่าวโดยสรุป ประวัติพืชกัญชาในต่างประเทศมีการนามาใชต้ ั้งแต่ 10,000 ปี มาแลว้ นามาใช้ในการสูดดมควัน ใช้เส้นใยทาเส้ือผ้า ทาใบเรือและเชือกในการสร้างเรือ ใช้เป็นส่วนผสมใน อาหาร ใช้ในพธิ ีกรรมเกี่ยวกับศาสนา และการใชเ้ สพเพ่ือนันทนาการ จนกระทงั้ จดสทิ ธิบัตรรักษาโรค ทางระบบประสาท ส่วนประเทศไทยใช้เปน็ ตารบั ยาในการรักษาโรค เรือ่ งท่ี 2 ความรู้เบอื้ งต้นเก่ียวกบั พชื กัญชาและกัญชง 1. พฤกษศาสตร์ของพชื กญั ชาและกัญชง พืชกัญชา มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Cannabis sativa L. เป็นพืชในวงศ์ Cannabaceae มีชื่อ สามัญหลากหลายชื่อ ตามแต่ละท้องถิ่น เช่น Cannabis. Ganja. Kancha. Bhang. Hemp. Indian Hemp. Marihuana. Marijuana. Dope. Gage. Grass. Hash. Hashish. Kuf. Mary jane. Pot. Sens. Sess. Skunk. Smoke. Reefer. Weed. คุนเชา ต้าหมา ปาง ยานอ ยาพ้ี กัญชาเป็นพืชลม้ ลุก มีลาต้นต้ังตรง 1 - 5 เมตร ใบเด่ียว เรียงสลับ ใบเป็นแบบฝ่ามอื มใี บยอ่ ยเว้าถึงโคนใบ มี 3 - 9 แฉก ขอบใบของใบย่อยเป็นแบบฟันเล่ือย โคนและปลายใบย่อยสอบเป็น พืชแบบแยกเพศผู้ และเพศเมียอยู่ต่างต้นกัน (dioecious species) และมีแบบต้นกะเทย คือ มีเพศผู้ และเพศเมียในต้นเดียวกัน (monoecious species) ออกดอกเป็นดอกเดี่ยวตามซอกใบ และ ปลายยอด ช่อดอกเพศเมยี เรียกว่า “กะหลี่กญั ชา” มีผลแบบผลแหง้ เมล็ดล่อน เล็ก เรียบ สีน้าตาล ตามประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เรื่อง กาหนดพืชกัญชา (Cannabis sativa L.) ในมิตกิ ฎหมาย หมายถึง กญั ชาและกญั ชง กัญชา (Cannabis) เป็นพืชในตระกูล Cannabis ทั้งนี้หมายรวมถึง ทุกส่วนของพืช กัญชา เช่น ใบ ดอก ยอด ผล ลาต้น วัตถุหรือสารต่าง ๆ ที่มีอยู่ในพืชกัญชา เช่น ยาง น้ามัน กัญชง (hemp) มีช่ือทางวิทยาศาสตร์ว่า Cannabis sativa L. subsp. sativa อันเป็นชนิดย่อยของ พืชกัญชา (Cannabis sativa L.) ท้ังน้ีให้หมายความรวมถึง ทุกส่วนของพืชกัญชง เช่น ใบ ดอก ยอด ผล ลาต้น ท่ีมีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (tetrahydrocannabinol, THC) ในใบ และช่อดอก ไมเ่ กนิ ร้อยละ 1.0 ต่อน้าหนกั แหง้
73 ภาพท่ี 17 พชื กญั ชา (Cannabis sativa L.)
74 ส่วนต่าง ๆ ของพืชกัญชา A. ต้นกญั ชาตวั ผขู้ ณะออกดอก (Flowering male staminate) B. ตน้ กญั ชาตวั เมยี ขณะติดผล (Fruiting female pistillate plant) 1. ดอกกญั ชาเพศผู้ (male staminate flower) 2. อับเรณแู ละกา้ นชูอบั เรณู (stamen anther and short filament) 3. เกสรตวั ผู้ (stamen) 4. ละอองเรณู (pollen grains) 5. ดอกตวั เมยี และกลบี ประดับ (female pistillate flower with bract) 6. ดอกตวั เมียไม่มีกลบี ประดับ (female flower without bract) 7. ดอกตวั เมยี และรงั ไข่ (female flower showing ovary) 8. ผลและกลบี เลี้ยง (fruit with bract) 9. ผลท่ีไม่มีกลีบเล้ียง (fruit without bract) 10. ผลดา้ นขา้ ง (fruit side view) 11. ผลผ่าตามขวาง (cross-section) 12. ผลผา่ ตามยาว (longitudinal section) 13. ผลท่ไี ม่มีเปลือกห้มุ หรือเมล็ด fruit without pericarp (hulled) กล่าวโดยสรุป พืชกัญชา มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Cannabis sativa L. เป็นพืชในวงศ์ Cannabaceae มีช่ือสามัญหลากหลายตามแต่ละท้องถ่ิน เป็นไม้ล้มลุกปีเดียว ลาต้นตั้งตรง สูงประมาณ 1-5 เมตร ใบเดี่ยว มี 3 – 9 แฉก รูปฝ่ามือ เรียงสลับ ดอกแยกเพศผู้และเพศเมียอยู่ต่างต้นกัน (dioecious species) และมีแบบต้นกะเทย คือ เพศผู้ และเพศเมียในต้นเดียวกัน (monoecious species) ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบและปลายยอด ช่อดอกเพศเมีย เรียกว่า “กะหลี่กัญชา” ผลแห้ง เมล็ดลอ่ น เลก็ เรยี บ สนี า้ ตาล 2. ชนดิ (species) ของกญั ชาและกญั ชง พืชกัญชา (Cannabis sativa L.) ในปัจจุบันตามการยอมรับของนักพฤกษศาสตร์ จัดว่ามีเพียงสปีชีส์ (species) เดียว คือ Cannabis sativa L. ซึ่งจัดอยู่ในสกุล (genus) Cannabis และเป็นพืชในวงศ์ (Family) Cannabaceae ชื่ออ่ืนที่มีการใช้ถือว่าเป็นช่ือพ้อง (synonym) ของพืช นี้ทั้งสิ้น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าพืชนี้ถูกแบ่งย่อยออกเป็น 2 ซับสปีชีส์ (subspecies) ได้แก่ Cannabis sativa L. subsp. sativa (กญั ชง, Hemp) ซ่งึ มักจะ มีปรมิ าณ THC น้อยกวา่ รอ้ ยละ 0.3 ในชอ่ ดอกแห้ง (แต่ในบางคร้งั อาจจะสงู ถงึ รอ้ ยละ 1) และ Cannabis sativa L. subsp.
75 Indica (พืชกัญชา) ท่ีมีปริมาณ THC มากกว่าร้อยละ 1 ในช่อดอกแห้ง แต่อย่างไรก็ตามการจาแนก กัญชาและกัญชงออกจากกันตามลักษณะทางสัณฐานวิทยาค่อนข้างแยกได้ยาก เน่ืองจากกัญชาเป็น พืชที่เปล่ียนแปลงได้ง่ายจากปัจจัยด้านส่ิงแวดล้อม กัญชาตามท้องตลาดที่ซ้ือขายกันในปัจจุบัน มัก เป็นลกู ผสมของ sativa และ indica บางแหล่งข้อมูลของนักพัฒนาสายพันธ์ุมีการจาแนกกัญชาออกเป็น 3 ชนิดย่อย ตาม ถ่นิ กาเนดิ และลกั ษณะทางกายภาพ ไดแ้ ก่ Sativa, Indica และ Ruderalis ภาพที่ 18 การจาแนกกัญชาออกเป็น 3 ชนิดยอ่ ย ตามถิน่ กาเนิดและลกั ษณะทางกายภาพ
76 ตารางท่ี 1 แสดงสายพันธ์ุของกญั ชา สายพนั ธุ์ Cannabis sativa L. Cannabis indica Lam. Cannabis ruderalis Janishch. ลักษณะใบ ลกั ษณะตน้
77 สายพนั ธ์ุ Cannabis sativa L. Cannabis indica Lam. Cannabis ruderalis Janishch. ลกั ษณะ ดอก ลักษะเดน่ ต้น : สงู โปรง่ ช่วงโตเต็มวยั ตน้ : เปน็ พุ่ม ลาต้นปอ้ มเตยี้ ต้น : มีลาตน้ ท่ีเลก็ และเต้ีย ถิน่ กาเนิด อยูท่ ่ี 1.5 - 2.5 เมตร มกี ่ิง ช่วงโตเต็มวัยอยู่ที่ 1.0 - 1.5 ใบ : มขี นาดกว้างและเล็ก ผสมกนั ปัจจบุ ันมัก ก้านทแ่ี ผ่ขยาย ช่องหา่ ง เมตร เป็นสายพนั ธุ์ ดอก : ออกดอกไดเ้ ร็ว ลูกผสม ระหวา่ งกิง่ มาก เนื่องจากมีการปรับตวั ให้ (hybrid) เขา้ กบั สภาพอากาศหนาว ใบ : ลบี เลก็ เรยี ว และมี ใบ : มขี นาดกว้าง ใหญ่ และมี เย็นและมแี สงแดด ตลอดเวลาเกือบท้ังวัน จานวนแฉกมาก จานวนแฉกนอ้ ยกวา่ Sativa ประเทศหนาวเย็น และมแี สงสว่างเกอื บตลอด ดอก : ยาว ไม่แนน่ ดอก : หนาแน่น น้าหนักมาก ทงั้ วันในทุกฤดู อยู่ใกลข้ ว้ั โลกบรเิ วณ 50 องศาเหนอื เว้นระยะหา่ งพอสมควร ติดกนั เป็นช่อเน่ืองจากมกี าร ขนึ้ ไป และ 50 องศาใตล้ ง มา เนื่องจากมกี ารปรบั ตวั ให้เขา้ ปรบั ตัวใหเ้ ขา้ กบั สภาพอากาศ กับสภาพอากาศร้อนชืน้ หนาวเยน็ และแหง้ เพื่อหลกี เล่ียงการเกดิ เช้อื รา ประเทศเขตร้อนชนื้ ประเทศหนาวเยน็ บรเิ วณใกล้เสน้ ศูนย์สตู รต้ังแต่ ห่างจากเสน้ ศูนยส์ ูตรออกไปใน 30 องศาเหนือ ถึง 30 องศา บรเิ วณ 30-50 องศาเหนือและ ใต้ เชน่ ประเทศไทย เมก็ ซโิ ก 30-50 องศาใต้พบครั้งแรกใน โคลมั เบยี จาไมก้า ภูมภิ าคตะวันออกกลาง คอื อัฟกานิสถาน ยงั พบอกี ใน ปากีสถาน จีน ธเิ บต อินเดยี เนปาล ในบรเิ วณท่มี ีอากาศแห้ง จะถือเป็นสายพนั ธุ์ Sativa จะถอื เปน็ สายพันธุ์ Indica หากมสี ดั สว่ น Sativa หากมีสดั ส่วน Indica มากกว่า มากกวา่ ร้อยละ 80 ในตน้ รอ้ ยละ 80 ในตน้
78 ภาพท่ี 19 ภาพแสดงถ่นิ กาเนิด สาหรับประเทศไทย พืชกัญชา เชน่ พนั ธ์หุ างกระรอก และภพู าน เปน็ สายพนั ธ์ุทม่ี ี ปริมาณสาร THC มากกวา่ สาร CBD เน่อื งจากมสี ภาพแวดล้อมต้งั อยู่ใกล้บริเวณเสน้ ศนู ยส์ ูตร ทาใหม้ ี อากาศร้อนส่งผลต่อการผลิตปริมาณสาร THC สูงกวา่ สาร CBD ในกญั ชาทพ่ี บในประเทศไทย ภาพท่ี 20 ตน้ ตวั ผู้ ออกดอกเปน็ ชอ่ ดอกเล็ก ๆ สีขาว ตรงซอกใบ
79 ภาพที่ 21 ตน้ ตัวเมีย ดอกออกเป็นกระจกุ แน่นเป็นชั้น ๆ มีขนสีขาว ๆ (หมอยกัญชา) มีสาร THCA เยอะท่ีสุดในสว่ นช่อดอกตวั เมยี ท่ยี ังไม่ผสมพันธุ์ “ระยะเก็บเก่ียว” ภาพท่ี 22 ต้นกะเทย มีท้ังดอกตัวเมียและตัวผู้อยู่ในต้นเดียวกัน กล่าวโดยสรุป กัญชาและกัญชง นักพฤกษศาสตร์จัดว่าเป็นพืชในสปีชีส์ (species) เดียวกัน คือ Cannabis sativa L. ซ่ึงจัดอยู่ในสกุล (genus) Cannabis และเป็นพืชในวงศ์ (family) Cannabaceae แต่ในส่วนขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้แบ่งย่อยเป็น 2 ซับสปีชีส์ (subspecies)
80 ได้แก่ Cannabis sativa L. subsp. sativa (กัญชง, Hemp) ซ่ึงมักจะมีปริมาณ THC น้อยกว่าร้อยละ 0.3 ในใบและช่อดอกแห้ง (แต่ในบางครั้งอาจจะสูงถึงร้อยละ 1) และ Cannabis sativa L. subsp. indica (กัญชา, Cannabis) ซึ่งมักจะพบปริมาณ THC มากกว่าร้อยละ 1 ในใบและช่อดอกแห้ง การจาแนกพืช กัญชาและกัญชง โดยสังเกตจากลักษณะทางสัณฐานวิทยาทาได้ยาก เน่ืองจากสาร THC ในกัญชา เปลี่ยนแปลงได้ง่ายจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม นักวิชาการเกษตรด้านการปรับปรุงสายพันธุ์มักจะ จาแนกกัญชาและกัญชงออกเป็น 3 สายพันธ์ุ ได้แก่ ซาติว่า (Cannabis sativa L.) อินดิก้า (Cannabis indica Lam.) และรูเดอลาลิส (Cannabis ruderalis Janishch.) ซึ่งจาแนกตามลักษณะทางกายภาพของพืช เช่น ลักษณะใบ ความสงู ถ่นิ กาเนิดทพ่ี บเป็นต้น ถาม กัญชาและกัญชงอยู่ในสปีชีสเ์ ดยี วกัน จริงหรือไม่ ตอบ จริง กัญชงและกญั ชาจัดเปน็ พืชที่อยู่ในสปีชีส์เดยี วกัน มชี ือ่ ทาง วทิ ยาศาสตร์ คือ Cannabis sativa L. แตแ่ ตกตา่ งกันทป่ี ริมาณ THC ถาม จรงิ หรอื ไม่ กัญชาและกญั ชงเป็นพืชที่มีเพศ ตอบ จรงิ กัญชาและกญั ชงเปน็ พืชทม่ี ีต้นตวั ผู้ ตน้ ตวั เมยี และตน้ กระเทย (ต้นทีม่ ดี อกเพศผู้และเพศเมียอยูใ่ นตน้ เดยี วกนั ) ถาม กญั ชาสายพันธข์ุ องไทยมกั เปน็ สายพันธ์ุทม่ี สี าร THC สงู จรงิ หรือไม่ ตอบ จรงิ สายพันธพุ์ ้ืนเมอื งของไทยสว่ นใหญเ่ ป็นสายพันธท์ุ ีม่ ปี ริมาณสาร THC สูงกว่าสาร CBD
81 ถาม กญั ชากนิ สดไมเ่ มา จรงิ หรอื ไม่ ตอบ จรงิ ในพชื สดของกญั ชาและกญั ชงไม่มสี ารเมา (THC) แตจ่ ะมีสาร THCA จงึ สามารถทานสดไดโ้ ดยไมเ่ มา แต่เมอ่ื THCA ถูกความรอ้ นจะกลายเป็น สาร THC ดังนั้นการนากัญชาไปสูบ จึงทาให้เกิดการเมาได้ 3. องคป์ ระกอบทางเคมี และสารสาคัญทพ่ี บในพชื กญั ชาและกัญชง 3.1 องคป์ ระกอบทางเคมีท่ีพบในพืชกัญชาและกญั ชง องค์ประกอบทางเคมีท่ีมีการรายงานว่าพบในกัญชามีมากกว่า 500 ชนิด และมี อยู่หลายกลุ่ม ได้แก่ เทอร์ปีน (Terpenes) ไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbons) ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) นา้ ตาล (Sugars) เปน็ ตน้ แต่สารทีม่ คี วามสาคญั ทางยาของกญั ชามากทส่ี ดุ คือ สารใน กลุ่มแคนนาบินอยด์ (cannabinoids/ Phytocannabinoids) ซ่ึงพบมากที่ไทรโครมของดอกเพศเมีย ที่ยังไมไ่ ด้รับการผสมพันธุ์ (resin glandular trichomes) สารออกฤทธิ์แคนนาบินอยด์ พบมากที่ไทรโครม (Trichome) ซึง่ เป็นเซลล์ขนของพืช มีลักษณะคล้ายต่อมน้ารูปทรงคล้ายเห็ดมีมากในกลีบเล้ียงดอกตัวเมียท่ียังไม่ผสมพันธ์ุแคนนาบินอยด์ จะถูกสร้างข้ึนและนามาเก็บสะสมบรเิ วณนี้ เพ่ือปอ้ งกันพืชต่อแสงยวู ี แมลง และการสญู เสียนา้ กล่าวโดยสรุป องคป์ ระกอบทางเคมที ี่พบในพืชกัญชาและกัญชงมีมากกว่า 500 ชนิด และมีอยู่หลายกลุ่ม แต่สารท่ีมีความสาคัญทางยา คือ สารในกลุ่มแคนนาบินอยด์ (cannabinoids/ Phytocannabinoids) พบมากบริเวณในยางไทรโครมของดอกเพศเมียท่ียังไม่ได้รับการผสมพันธุ์ (resin glandular trichomes)
82 ภาพที่ 23 ชอ่ ดอกของกญั ชาเพศเมียเมื่อส่องดว้ ยกล้องขยายจะเห็นไทรโครมอย่บู นช่อดอก 3.2 สารสาคญั ทพ่ี บในพชื กญั ชาและกัญชง สารสาคัญต่าง ๆ ที่ออกฤทธ์ิในพืชกัญชานั้นเรียกว่า แคนนาบินอยด์ (cannabinoids) คือ THC และ CBD รวมอยู่ด้วยกันกับแคนนาบินอยด์ อ่ืน ๆ โดยธรรมชาติ แต่ด้วย นวัตกรรมการปลูกสมัยใหม่จึงสามารถเจาะจงการปลูกเพื่อเพิ่มระดับสารแคนนาบินอยด์ และความ เดน่ ของการออกฤทธิต์ ่อร่างกายได้ สาร THC คอื สารท่ีออกฤทธิส์ ่งผลให้มีอาการมนึ เมา หากมกี ารใช้ ต่อเน่ือง ทาให้เกิดการเสพติดได้ สารแคนนาบินอยด์ มากกว่า 120 ชนิด เคยมีการบันทึกไวว้ า่ ถูกพบ ในพชื กญั ชา ซง่ึ สารแคนนาบินอยด์ทม่ี กี ารศึกษา และมีความสาคญั คอื
83 ภาพท่ี 24 ภาพแสดงชีวะสังเคราะห์ของสารแคนนาบนิ อยด์ โดยมี CBGA เป็นสารตั้งตน้ และได้เป็น สาร THCA, CBDA และ CBCA และเม่ือถกู ความร้อนจะเปลี่ยนรูปเป็นสาร THC, CBD และ CBC 3.2.1 สารแคนนาบเิ จอรอล (Cannabigerol, CBG) เป็นอนุพันธ์ของสาร CBGA เม่ือสาร CBGA โดนความร้อนจะเปล่ียนสภาพเป็น สาร CBG ดังนั้น สาร CBG จึงสามารถตรวจพบได้ในพืชกัญชาและกัญชง สาร Cannabigerolic acid (CBGA) เป็นสารต้นกาเนิดของสารทั้งหมดท่ีมีในต้นกัญชาและกัญชง คือ เมื่อต้นพืชกัญชาและกัญชง ยังเล็ก จะมีสาร CBGA เท่านั้น เมื่อต้นพืชกัญชงและกัญชาเริ่มโตขึ้น สาร CBGA นี้ จะถูกเปลี่ยนเป็น THCA, CBDA และสารอ่ืน ๆ ในพืชสด เราจะพบสารแคนนาบินอยด์ในรูปของกรดเท่านั้น (THCA, CBDA) ซ่ึงสารทุกตัวไม่มีฤทธ์ิต่อจิตประสาท ไม่ก่อให้เกิดอาการเมากัญชา แต่เม่ือสารเหล่านี้ถูกความ ร้อนจะเปลี่ยนรูปและเกิดการดีคาบอกซิเลช่ัน (decarboxylation) สาร CBGA จะเปล่ียนเป็น CBG
84 สาร THCA จะเปล่ียนเป็น THC และสาร CBDA จะเปลี่ยนเป็น CBD ซึ่งสาร THC จะเป็นตัวท่ี ก่อให้เกิดอาการเมาขณะท่ีสาร CBD จะช่วยลดผลข้างเคยี งของ THC ทาให้ลดอาการมึนเมาลงได้ กล่าวโดยสรุป สารแคนนาบิเจอรอล เป็นอนุพันธ์ของสาร CBGA เม่ือสาร CBGA ถูกความร้อนจะเปล่ียนสภาพเป็นสาร CBG ดังนั้น สาร CBG จึงสามารถตรวจพบได้ในพืชกัญชาและ กัญชง สาร CBGA เป็นสารต้นกาเนิดของสารทั้งหมดที่พบในพืชกัญชาและกัญชง เมื่อพืชโตขึ้น สาร CBGA นี้ จะถูกเปล่ียนเป็น THCA, CBDA และสาร อื่น ๆ เม่ือสารถูกความร้อนหรือออกซิไดซ์ สาร CBGA, THCA และสาร CBDA จะเปลย่ี นสภาพเปน็ สาร CBG สาร THC และสาร CBD 3.2.2 สารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (tetrahydrocannabinol, THC) เป็นสารท่ีมีฤทธิ์ทาให้มึนเมา ออกฤทธ์ิต่อระบบประสาทส่วนกลาง (psychoactive effects) เม่ือเสพเข้าไปจะออกฤทธ์ิ กระตุ้นประสาท ทาให้ผู้เสพตื่นเต้น ช่างพูด และหัวเราะ อารมณ์ดี กระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกให้มากขึ้น เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ กระวนกระวาย หวาดวิตก ต่อมาจะกดประสาททาให้ผเู้ สพมีอาการคล้ายเมาเหล้าอยา่ งอ่อน ๆ เซ่ืองซึม และง่วงนอน ผ่อนคลาย นอนหลับ หลงลืมระยะสั้น มึนงง และหลอนประสาทร่วมด้วย โดยข้ึนอยู่กับปริมาณ ท่ีได้รับ มีการใช้เพ่ือกระตุ้นการอยากอาหาร ตา้ นการอกั เสบ ลดการปวด และตา้ นการอาเจยี น ปริมาณของสาร THC ในแต่ละส่วนของพืชจะแตกต่างกันออกไป ดังนี้ สาร THC จะพบมากท่ีสุดในช่อดอกตัวเมยี มปี ริมาณสูงรอ้ ยละ 10 - 12 และพบในสว่ นอื่น ๆ ของพืช เช่น ในใบร้อยละ 1 - 2 ในลาต้นร้อยละ 0.1 - 0.3 และในรากน้อยกว่าร้อยละ 0.03 แต่ข้ึนอยู่กับสายพันธุ์ และสภาวะแวดล้อม มีการรายงานว่าในสารสกัดเข้มข้น หรือเรซิ่นจากดอกกัญชา มีปริมาณ THC สูงกว่ารอ้ ยละ 60 - 90 โดยขึ้นอยกู่ ับกรรมวิธกี ารสกดั กล่าวโดยสรุป THC เป็นสารที่มีฤทธิ์ทาให้มึนเมาออกฤทธิ์ต่อระบบ ประสาทส่วนกลาง (psychoactive effects) ปริมาณของ THC ในแต่ละส่วนของพืชมีปริมาณไม่เท่ากัน จะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาททาให้ผู้เสพตื่นเต้น ช่างพูด หัวเราะอารมณ์ดี ต่อมาจะกดประสาทมีอาการ คล้ายเมาเหล้าอย่างอ่อน ๆ เซ่ืองซึม ง่วงนอน และหลอนประสาท โดยข้ึนอยู่กับปริมาณที่ได้รับ 3.2.3 สารแคนนาบิไดออล (Cannabidiol, CBD) ไม่มผี ลต่อจิตและประสาท (non-psychoactive) และชว่ ยลดผลขา้ งเคียง จาก THC ที่ทาให้วิตกกังวล มีการใช้ในการรักษาโรคลมชักในเด็ก มีฤทธิ์ในการต้าน การอักเสบ ต้าน อาการปวด และลดอาการอาเจียน ตามกฎหมายไทยเป็นสารที่สกัดจากกัญชา ซึ่งมีความบริสุทธ์ิ มากกวา่ หรือเท่ากบั ร้อยละ 99 โดยมปี ริมาณสาร THC ไม่เกนิ รอ้ ยละ 0.01 โดยน้าหนกั สาร THC และ CBD ไม่ใช่สารที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยเอนไซม์ในพืช (enzymatically synthesized) พืชกัญชาจะสร้างสารสองตัวนี้ในรูปของกรด ซึ่งไม่มีผลต่อจิต และประสาท คือ เตตราไฮโดรแคนนาบิโนลิค แอซิด (tetrahydrocannabinoli acid, THCA)
85 และแคนนาบิไดโอลิค แอซิด (cannabidiolic acid,CBDA) แต่ถูกความร้อนหรือออกซิไดซ์จะ กลายเป็น THC (มีผลต่อจิตและประสาท) และ CBD ตามลาดับ ดังนั้นในพืชกัญชาสดเราจะพบในรปู ของ THCA และ CBDA สาร THC และ CBD เป็นสารในกลุ่มแคนนาบินอยด์ ซึ่งเป็นสารที่มี คุณสมบัติมีข้ัวตา่ ไม่ชอบละลายในน้า ละลายได้ดีในนา้ มัน ดังนั้น วิธีการสกัดเอาสารสาคัญจากพชื กัญชา จึงมักนิยมใช้ตัวทาละลายที่มีขั้วตา่ หรือนา้ มันในการสกัด เพราะจะสามารถละลายสารแคน นาบนิ อยดอ์ อกมาได้ดี สาร CBD เป็นสารที่ไม่ออกฤทธ์ิต่อจิตและประสาท ไม่ทาให้เกิดอาการ มึนเมาในตัวมันเอง และมีคุณสมบัติในการต้านผลข้างเคียงของการใช้สาร THC ซึ่งทาให้เกิด ความรู้สึกหวาดระแวงและวิตกกังวล สาร CBD จึงมีประโยชน์ทางการแพทย์อย่างมากมีการลด ผลขา้ งเคยี ง ดงั นน้ั ตารับยาที่มีการใช้สาร THC มักมี CBD ร่วมอยู่ดว้ ย กล่าวโดยสรุป สารแคนนาบิไดออล (Cannabidiol, CBD) สารน้ีไม่มีผลต่อจิต และประสาท (non-psychoactive) และช่วยลดผลข้างเคียงจาก THC ซ่ึงเป็นสารที่มีคุณสมบัติมีข้ัวต่า ละลายได้ดีในน้ามัน ดังน้ันการสกัดสารสาคัญจากกัญชา จึงมักนิยมใช้ตัวทาละลายท่ีมีข้ัวต่า หรือน้ามัน ในการสกดั เพราะจะสามารถละลายเอาสารแคนนาบินอยดอ์ อกมาไดด้ ี 3.2.4 สารออกฤทธิ์ท่รี ่วมกบั แคนนาบินอยด์ เนื่องจากในกัญชามีสารมากกว่า 500 ชนิด บางรายงานการศึกษาพบว่า นอกจากสารสาคญั THC และ CBD แลว้ นน้ั คาดวา่ สารในกลุ่มอืน่ ทพ่ี บในกญั ชา เช่น สารในกลมุ่ ฟลาโวนอยด์ และเทอร์ปนี เปน็ ตัวทช่ี ว่ ยเสริมการออกฤทธ์ิทางยากับสารกลุ่มแคนนาบินอยด์ อกี ด้วย ซึ่งเรยี กการเสริม ฤทธ์นิ ว้ี า่ “Entourage effect” กล่าวโดยสรุป สารออกฤทธิ์ท่ีร่วมกับแคนนาบินอยด์ เช่น สารในกลุ่ม ฟลาโวนอยด์ และเทอรป์ ีน เป็นสารทีช่ ว่ ยเสริมการออกฤทธิ์ทางยาแก่สารกลุ่มแคนนาบินอยด์ ถาม ปรมิ าณสารแคนนาบนิ อยด์ จะมากทส่ี ดุ ในช่อดอกตัวเมียที่ไมผ่ สมพนั ธ์ุ จริงหรือไม่ ตอบ จรงิ พืชจะสร้างสารแคนนาบนิ อยดม์ ากท่ีสุดในชอ่ ดอกตวั เมียทีไ่ ม่ผสมพนั ธุ์ เมอ่ื เทยี บกับสว่ นอืน่ ๆ ของพชื
86 เร่ืองที่ 3 พืชกัญชาและกัญชงคอื อะไร แตกตา่ งกนั อยา่ งไร พืชกัญชา หรือแคนนาบิส (cannabis) และพืชกัญชง หรือเฮมพ์ (Hemp) มีช่ือทางวิทยา ศาสตรเดียวกันคือ Cannabis sativa L. เพราะมีตนกาเนิดมาจากพืชเดิมชนิดเดียวกัน ลักษณะ ภายนอกหรือสัณฐานวิทยาของพืชท้ังสองชนิดนั้นจึงไมแตกตางกัน หรือมีความแตกตางกันนอยจนยาก ในการจาแนก แตเดิมนักพฤกษศาสตรไดจัดใหอยูในวงศตาแย (Urticaceae) ตอมาภายหลังพบวามี คุณสมบัติ และลักษณะเฉพาะหลายประการที่ตางออกไปจากพืชในกลุ่มตาแยมาก จึงไดรับการ จาแนกออกเปนวงศเฉพาะ คือ แคนนาบซิ อี ี (Cannabaceae) ในปจั จุบันพชื กัญชาและกัญชงแยกจากกัน โดยตัดสนิ จากปริมาณสาร THC ซงึ่ อา้ งอิงตาม ประกาศคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เร่ือง กาหนดลักษณะพืชกัญชง (Hemp) พ.ศ. 2562 (ประกาศ ณ วันท่ี 24 ตุลาคม พ.ศ. 2562) ระบุว่า พืชกัญชง (Hemp) มีลักษณะเป็นพืชซ่ึงมีชื่อทาง วิทยาศาสตร์ว่า Cannabis sativa L. subsp. sativa อันเป็นชนิดย่อยของพืชกัญชา (Cannabis sativa L.) ท่ีมีปริมาณสาร THC ในใบและช่อดอกไม่เกินร้อยละ 1.0 ต่อน้าหนักแห้ง ในขณะที่ข้อกาหนดของ องค์การอนามัยโลก รวมไปถึงอเมริกา แคนาดา และยุโรป ณ ขณะนี้กาหนดให้กัญชงมีปริมาณ THC ไม่เกนิ รอ้ ยละ 0.3 ในช่อดอกและใบแหง้ ในปจั จบุ นั มีการพัฒนาสายพันธุ์กัญชง เพอ่ื นามาใชป้ ระโยชน์ ทางด้านอุตสาหกรรมอย่างหลากหลาย สามารถแบ่งพืชกญั ชงออกไดเ้ ปน็ 3 ประเภท ดังนี้ ประเภทท่ี 1 พชื กญั ชงสายพันธ์ุท่ีเนน้ การใชป้ ระโยชน์จากเส้นใย (Hemp fiber) เปน็ สาย พันธุ์ท่ีเน้นการให้เส้นใยท่ีดี ลาต้นตรงและสูง มีปริมาณสารแคนนาบินอยด์ต่า ทั้ง CBD และ THC นิยมนามาปลูกเพื่อนาเส้นใยจากเปลือกลาต้นกัญชงมาทาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า หมวก เชอื ก กระดาษ และอดั เป็นแทง่ คล้ายคอนกรีตสาหรบั ใชใ้ นงานกอ่ สร้าง เป็นต้น ประเภทที่ 2 พืชกัญชงสายพันธ์ุที่พัฒนาเพ่ือให้คุณค่าทางโภชนาการในเมล็ดสูง (Hemp seed oil) นิยมปลูกเพ่ือนาเมล็ดมาหีบเอาน้ามันจากเมล็ด ซึ่งมีโอเมก้า 3 - 6 - 9 ปริมาณสูง นามาใช้ใน อสุ าหกรรมเครื่องสาอาง และผลิตภณั ฑเ์ พ่ือสุขภาพอย่างกว้างขวาง มีปริมาณสารแคนนาบนิ อยดต์ ่า ประเภทท่ี 3 พชื กัญชงสายพนั ธท์ุ ใ่ี หป้ รมิ าณ CBD สูง (Hemp CBD) เปน็ สายพันธ์ุที่พฒั นา เพ่ือให้ปริมาณสารแคนนาบิไดออล (cannabidiol, CBD) ในช่อดอกตัวเมียมีปริมาณสูง นิยมปลูก เฉพาะต้นตัวเมียโดยไม่ให้เกิดการผสมพันธุ์ก่อนการเก็บเกี่ยว มีการนามาใช้ประโยชน์ทั้งทาง การแพทย์และอุตสาหกรรมอ่ืน เช่น อาหาร เคร่ืองด่ืม และอุตสาหกรรมเคร่ืองสาอาง เป็นต้น จึงเปน็ สายพนั ธท์ุ มี่ คี วามตอ้ งการสงู และมมี ูลคา่ ทางเศรษฐกิจ
87 ตารางที่ 2 เปรียบเทยี บความแตกต่างกญั ชาและกญั ชง กัญชา กัญชง 1. ลาต้นสงู นอ้ ยกวา่ บางชนิดออกเปน็ พมุ่ เต้ีย 1. ลาต้นสูงมากกว่า 2 เมตร 2. แตกก่งิ กา้ นมาก 2. แตกกิ่งก้านนอ้ ย 3. ใบใหญ่ การเรยี งตัวของใบจะชิดกนั 3. ใบเลก็ แคบ ยาว การเรยี งตัวของใบค่อนข้างหา่ ง 4. ปล้องหรือขอ้ ไม่ยาว 4. ปลอ้ งหรือข้อยาว 5. เปลอื กไมเ่ หนียว ลอกยาก 5. เปลือกเหนยี ว ลอกงา่ ย 6. ใบสีเขยี วถึงเขียวจดั 6. ใบมีสีเขยี วอมเหลอื ง 7. ใหเ้ ส้นใยยาว คุณภาพต่า 7. ใหเ้ ส้นใยยาว คุณภาพสงู 8. เมอื่ ออกดอก มยี างท่ชี ่อมาก 8. เม่ือออกดอก มียางท่ชี ่อไม่มาก 9. ออกดอกเมื่ออายุประมาณ 3 เดอื น 9. ออกดอกเมอื่ อายมุ ากกวา่ 4 เดอื น 10. ใบและกะหลนี่ ามาสบู มกี ลิ่นหอมคลา้ ย 10. ใบและกะหลี่นามาสูบจะมีกล่ินหอมน้อย หญา้ แห้ง และทาให้ผเู้ สพมอี าการปวดศีรษะ กล่าวโดยสรุป พืชกัญชาและกัญชงมีชื่อวิทยาศาสตร์เดียวกันคือ Canabis sativa L. มีถิ่นกาเนิดมาจากพืชเดิมชนิดเดียวกัน ลักษณะภายนอก หรือสัณฐานวิทยาของพืชทั้งสองชนิด จึงมคี วามแตกตางกันนอย การแยกโดยสัณฐานวิทยาทาได้ค่อนข้างยาก ปัจจุบันพืชกัญชาและกัญชง แยกจากกัน โดยตัดสินจากปริมาณสาร THC ซึ่งข้อกาหนดขององค์การอนามัยโลก (WHO) กาหนด กัญชงให้มีปริมาณ THC ไม่เกินร้อยละ 0.3 ในใบและช่อดอกแห้ง ส่วนกฎหมายของประเทศไทย กาหนดให้ กัญชงให้มีปริมาณ THC ไม่เกินร้อยละ 1.0 ในใบและช่อดอกแห้ง เร่อื งที่ 4 การใชพ้ ชื กญั ชาและกญั ชงในชีวติ ประจาวันของคนในโลก ปัจจุบันในต่างประเทศผลิตภัณฑ์จากกัญชาและกัญชงมีมากมาย มีการจาหน่ายทั้งในรูป ของพืชกัญชาแห้งที่ไม่ผ่านการแปรรูป หรือการจาหน่ายในรูปของสารสกัดเข้มข้นหรือผ่านกรรม วิธีการสกัดมาแล้ว ซึ่งจะมีชื่อเรียกสารสกัดเข้มข้นน้ีแตกต่างกันออกไปตามลักษณะทางกายภาพของ ผลิตภัณฑ์ ในหัวข้อน้ีจะแสดงให้เห็นถึงชื่อท่ีใช้เรียกผลิตภัณฑ์กัญชาและสารสกัดกัญชาท่ีพบใน ท้องตลาด โดยผลิตภณั ฑ์ทัง้ สองรูปแบบน้ี มใี นประเทศท่อี นุญาตให้ใช้เพ่อื การแพทย์ ซง่ึ ผปู้ ่วยสามารถ ซ้ือหรือได้รับการสั่งจ่ายโดยแพทย์ เพ่ือนาไปใช้สูบ (smoke) หรือใช้กับเครื่องสูบผ่านไอน้า (Vaporizer) ได้ หรือในประเทศที่อนุญาตเพ่ือการนันทนาการ ผู้ที่บรรลุนิติภาวะจะสามารถซื้อไปใช้ เพื่อการผ่อนคลายได้
88 1. ผลิตภัณฑพ์ ืชกญั ชาและกญั ชงไมแ่ ปรรปู บางประเทศท่ีอนุญาตให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ จะมีผลิตภัณฑ์พืชกัญชาไม่แปรรูป เช่น ดอกกญั ชาแห้ง (Cannabis dries flower) ซ่ึงผปู้ ่วยจะสามารถนาใบสั่งซื้อจากแพทย์ไปซ้ือกัญชาแห้ง มาเพ่ือใช้สูบ หรือใช้เพ่ือการรักษาได้ ในประเทศที่มีการอนุญาตให้ใช้เพ่ือการนันทนาการ เช่น แคนาดา ผู้เสพจะสามารถหาซ้ือกญั ชาแหง้ ที่จาหน่ายแบบถกู ต้องตามกฎหมายในรา้ นท่ีมกี าร ขอ อนุญาตจาหน่ายกัญชา ซึ่งกัญชาที่จาหน่ายจะถูกควบคุมคุณภาพ โดยมีการระบุปริมาณสารสาคัญ THC, CBD เทอร์ปนี หรอื ระบุสายพันธ์ุ ตดิ บรเิ วณบรรจุภัณฑ์ ภาพที่ 25 ดอกกญั ชาแห้ง กล่าวโดยสรุป ผลิตภัณฑ์พืชกัญชาและกัญชงไม่แปรรูป เช่น ดอกกัญชาแห้งในประเทศท่ี อนุญาตให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ ผู้ป่วยจะสามารถนาใบสั่งซื้อจากแพทย์ไปซื้อกัญชาแห้งมาเพ่ือสูบหรือใช้ เพ่อื การรกั ษาได้ 2. ผลิตภัณฑ์พืชกัญชาและกญั ชงแปรรูป การแปรรูปจากกัญชาและกัญชง เป็นสารสกัดเข้มข้น (Concentrates) ซึ่งมีการนาไปใช้ ประโยชน์ท้ังทางการแพทย์และเพ่ือการนันทนาการ การสกัดมหี ลากหลายวิธีเพื่อให้ได้สารแคนนาบินอยด์ ท่ีเข้มข้น และเน่ืองจากกรรมวิธีที่แตกต่างกันจึงทาให้ลักษณะทางกายภาพของผลิตภัณฑ์แตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจได้ง่ายขึ้นจึงมีการใช้ชื่อเรียกตามลักษณะทางกายภาพของสารสกัด นั้น ๆ เช่น
89 รูปแบบท่ี 1 คริสตลั ไลน์ (Crystalline) เป็นลักษณะของแข็ง คอ่ นข้างใสเหมือนก้อยครสิ ตลั ภาพท่ี 26 Crystalline รูปแบบที่ 2 ดสิ ทิลเลท (Distillate) เป็นสารสกัดกัญชาทีไ่ ด้จากการกลัน่ ลักษณะที่ไดเ้ ป็นของเหลว สเี หลอื งใส ภาพที่ 27 (Distillate) รปู แบบท่ี 3 ไลว์ เรซ่ิน (Live Resin) ส่วนใหญ่ได้จากการสกัดโดยใช้บิวเทน (butane) ลกั ษณะ คลา้ ยเรซ่ิน สีเหลอื ง ภาพท่ี 28 Live Resin (BHO)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318