1. เพอ่ื สงเสรมิ ใหเดก็ มคี วามภาคภมู ใิ จในตนเอง 2. เพ่อื สงเสรมิ ใหเ ด็กมีความความรบั ผดิ ชอบตอ หนา ท่ี การมีน้ําใจ มคี วามซือ่ สตั ย 3. เพอ่ื พฒั นาความคดิ ในการเชอ่ื มโยงเหตแุ ละผล 1. ปา ยหนูทําดี 2. ปา ยรปู หรอื สัญลักษณ 1. เดก็ และครรู ว มกนั ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม เวรประจาํ วนั การทาํ ความสะอาดหอ งเรยี น และบรเิ วณโรงเรยี น ฯลฯ 2. เมอื่ เดก็ คนใด ชวยครทู าํ กจิ กรรมตา งๆ ใหน าํ ปายชอ่ื หรอื ปา ยรปู หรือปา ยสญั ลักษณข องนกั เรยี น มาตดิ ทป่ี ายหนูทาํ ดี เดก็ คนไหนทไี่ มไดช วยกไ็ มตอ งนํามาติดทปี่ า ยหนูทาํ ดีและใหเดก็ ๆ ชว ยกนั คดิ วา ทาํ อยางไร เพื่อนๆ ของเราจึงจะมปี า ยรปู มาตดิ ท่ปี า ยความดีทกุ คน 3. ครชู มเชยเดก็ ทม่ี ปี า ยหนทู ําดี และกระตนุ ใหเ ดก็ ทไ่ี มม ีปายทาํ ความดี ทาํ ความดีในกิจกรรมอนื่ ๆ ตอ ไป ปายเด็กทีน่ าํ มาตดิ อาจใชปายชอ่ื เด็ก รปู เดก็ หรือสัญลักษณข องเด็กกไ็ ด 93
ความชาง ผลท่ีไดรับ อีคิว สังเกต ไอคิว การเรยี นรู ความสนกุ สนาน ระเบยี บวินยั ราเรงิ การถา ยทอด การคิดเชื่อมโยง การทาํ งาน การรจู กั และ จินตนาการ เหตุผล ประสานระหวาง ควบคมุ 33 มือและตา อารมณ หมายเหตุ 33 = ไดผ ลมาก 3 = ไดผล 94
1. เพ่อื ฝก ใหเ ดก็ ไดเ รียนรจู กั การดแู ลชว ยเหลือผูอ ืน่ 2. เพือ่ ฝก ใหเด็กเห็นคุณคา / ความสาํ คัญของผูอ ืน่ 3. เพอ่ื ใหเ ดก็ เกิดความอบอุนใจเมอื่ ไดรบั การดูแลชวยเหลอื จากผูอน่ื 4. เพอื่ ฝกใหเดก็ คนุ เคยกนั มากขนึ้ ในการที่จะอยูร วมกนั ในสงั คม 5. เพอื่ ใหเดก็ เกิดความภาคภมู ิใจทไี่ ดรับการยอมรบั จากผูอนื่ 6. เพ่ือพฒั นาความคดิ ในการเชอ่ื มโยงเหตแุ ละผลในการแกป ญ หา 1. ครูสอนใหเ ด็กรจู กั การชวยเหลอื คนอ่นื เชน ชวงเปด เทอมใหม จะมีเด็กใหมๆ เขามาเรยี น ครู จะแนะนาํ ใหเดก็ เกา (รุน พี่) เขา ไปชว ยเหลือนองใหมใ นดานตา งๆ 2. เดก็ เกา จะพาเดก็ ใหม เอากระเปา นกั เรยี นไปเกบ็ ในชน้ั เรยี นของตนเอง พาไปถอดรองเทา ไวบ นชน้ั รองเทา พาเลน ดว ยกนั สรา งความสนทิ สนมคุน เคยกบั นอ งใหม ฯลฯ 3. ครชู วนเดก็ พดู คยุ แลกเปลย่ี นประสบการณ ถงึ ความรสู กึ ทไ่ี ดมโี อกาสชว ยเหลอื นอ งๆ หรอื ปญ หา ท่ีพบขณะชวยเหลือนอง แลวเด็กๆ แกป ญหาอยางไร 4. ครแู ละเดก็ ๆ ชว ยกนั สรปุ ถงึ ความรสู กึ ทไี่ ดช ว ยเหลอื ผูอ น่ื ปญ หาทอี่ าจพบ และวธิ กี ารแกไขปญ หา ท่ีงายๆ และเหมาะสมกับวยั ของเดก็ ครอู าจเขยี นชอื่ เดก็ ทมี่ อบหมายใหด แู ลชวยนอง ใสก ระดาษสีท่ีตัดเปนรปู ดาว (ดาวเดก็ ดีมนี ํ้าใจ) ติดทห่ี นา อกเสื้อเด็ก เพื่อเพิม่ ความภมู ใิ จใหก บั เด็ก 95
96
97
ผลท่ีไดรบั อีคิว ไอคิว การเรยี นรู ความสนกุ สนาน ระเบียบวนิ ัย ราเรงิ ความชา ง การถา ยทอด การคดิ เช่ือมโยง การทํางาน การรูจกั และ สงั เกต จนิ ตนาการ เหตุผล ประสานระหวาง ควบคมุ 3 มอื และตา อารมณ 33 หมายเหตุ 33 = ไดผ ลมาก 3 = ไดผล 98
1. เพอื่ สงเสรมิ การใชภ าษาในการฟง พดู และการถายทอดเร่อื งราว 2. เพอ่ื ใหเดก็ กลาแสดงความคิดเหน็ และรบั ฟง ความคิดเหน็ ของผอู นื่ 3. เพอ่ื ฝก มารยาทในการฟง พูด 4. เพ่อื ใหเ ดก็ รูจักแสวงหาความรู เกดิ การเรยี นรูจากการคน พบดวยตัวเอง 5. เพื่อสง เสรมิ การเรยี นรูและทักษะพ้ืนฐาน 6. เพอ่ื ปลูกฝง ใหเ ดก็ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม 7. เพอื่ ใหเดก็ รจู ักปรบั ตวั ในการเลน และทํางานรว มกับผูอ น่ื 1. กระดาษซงึ่ มีรูปภาพหลายเหตุการณรวมใน 1 ภาพ 2. ภาพเดีย่ วของแตล ะภาพ 1. ครูนาํ อุปกรณทั้งหมดใหเด็กดู แลวถามเด็กวา “เด็กๆ ลองดูซิวาวันนี้ครูมีอะไรมาใหเลน ” จากนน้ั ใหเ ดก็ คดิ คน วธิ ีเลนจากอปุ กรณท ี่ครจู ดั ใหไ วอยา งอสิ ระดว ยตนเอง หรือคดิ รว มกบั เพอื่ น แลวใหเ วลาเดก็ เลนสกั ครู 2. ครูแจกภาพใหเ ดก็ คนละ 1 ภาพ แลว ใหเดก็ เลา นทิ านจากภาพ เม่อื เลา จบใหนาํ ภาพทีต่ นไดรบั วางทับไวบนกระดาษทมี่ ีภาพรวม จากนน้ั ใหเ พอ่ื นคนตอ ไปเลาเรอื่ งตอ โดยใชภาพที่แตล ะคน ไดรับ ทําเชน นไี้ ปเรือ่ ยๆ โดยคนที่ไดภ าพสุดทา ย ตอ งเลาตอนจบของเร่ืองนไ้ี ด 3. ครูและเด็กๆ ชวยกันเลา นทิ านเรื่องดังกลาวใหสมบูรณอกี ครั้ง และสรปุ ขอคดิ ทไ่ี ดจากนิทาน 99
ผลที่ไดรับ อีคิว ไอคิว การเรยี นรู ความสนกุ สนาน ระเบยี บวนิ ัย ราเริง ความชา ง การถา ยทอด การคดิ เช่ือมโยง การทาํ งาน การรจู กั และ สงั เกต จนิ ตนาการ เหตุผล ประสานระหวาง ควบคมุ 3 มอื และตา อารมณ 3 33 หมายเหตุ 33 = ไดผลมาก 3 = ไดผ ล 100
1. เพื่อใหเด็กสามารถเขาใจไดวา พฤติกรรมเกเร รงั แกคนอนื่ เปน สงิ่ ไมดี 2. เพอ่ื ใหเ ดก็ รูจ ักวธิ กี ารอยรู วมกันอยา งมคี วามสุข 3. เพอื่ ฝกการกลา แสดงออก 4. เพอื่ ใหเด็กมสี มาธิ และทักษะในการเชอ่ื มโยงเรอ่ื งราวอยา งเปนระบบ นทิ านเร่ือง “ชา งแกจอมเกเร” ภาพชา ง 1. ครเู ลานิทานเรอ่ื ง “ชา งแกจอมเกเร” แลวใหเ ดก็ ตอบคาํ ถามเม่อื ฟงนทิ านจบ ดังน้ี - ชา งแกมนี ิสยั อยางไร - ถา เดก็ ๆ พบคนเกเรจะทาํ อยา งไร - เดก็ ๆ ควรประพฤติตวั อยางชางแกหรือไมเพราะเหตใุ ด - ชา งแกไ ดร บั ผลของความเกเรอยางไร - ทําอยา งไรสตั วทกุ ตวั จงึ จะอยรู ว มกนั อยา งมคี วามสุข 2. เดก็ และครูรวมกันสรุปการอยรู ว มกันและการแยกแยะพฤติกรรม ดี - ชวั่ วา คนที่คิดวาตัวเอง แขง็ แรงหรือยง่ิ ใหญกวา คนอ่ืน แลวใชก าํ ลังรงั แกคนอื่น จะไดร ับผลทตี่ ามมาคือ ไมม ีใครคบหา ดว ย ในทีส่ ดุ จะเปนคนไมมเี พอื่ น และวันหนึ่งอาจถกู คนอนื่ รงั แกกลับมาก็ได ดังน้ันเด็กๆ จึงควร มีความเห็นอกเห็นใจและปฏิบตั ิตอผูอืน่ อยางออนโยน 101
- กาลคร้งั หนึ่งยงั มี เรอื่ ง โดย วนิดา เพชรโปรี ตวั หนงึ่ รูปรา งอวนพี โรงเรียนอนบุ าลอาํ นาจเจริญ เจาหมีสองตวั นองพ่ี - ตัวนอ งรปู รา งผอมโซ กนิ ดีไมมยี บั ยง้ั รา งกายไมม เี รย่ี วแรง ชอบโชวห นุ อันผอมแหง ว่งิ แขงพา ยแพท กุ ที - ทงั้ สองเดนิ เขาปาไป โชครา ยไปพบชา งแก มันมอี ารมณป รวนแปร ทแี่ ยเ กเรกอกวน ทาํ ไมสูงใหญน า กลวั - พห่ี มนี ั่นตวั อะไร หวั เล็กสองหูใหญโ ต ผวิ หนงั สีดําทง้ั ตัว ปะปนไปดว ยขนแขง็ เรย่ี วแรงมมี หาศาล - เนอื้ หนังของมนั หยาบยน สขี าวสวยงามนา ดู สองขาของมนั แขง็ แกรง ท้ังคูของมันแขง็ แรง จอ งมองเจา ชางเดนิ มา - สองงาของมันแหลมยาว อยา ชา เราตอ งรบี ไป หนู หนู ทุกคนควรรู พวกพองของมนั อยไู หน วงิ่ ไลค งสนกุ ดี - ขณะทส่ี องพนี่ อ ง ดวงตาจอ งตรงเขมง็ เจาหมีตัวพี่รอ งวา ตะเบ็งเสียงกึกกอ งปา เหน็ ทาไมดีว่งิ หลบ - เอะนนั่ เจาหมพี น่ี อ ง วิง่ หลบกันจา ละหวั่น มันเดนิ เขา ปา ทําไม ก็ถกู เจาชางรงั เก ชางแกก เ็ ลยฮกึ เหมิ - เจา ชางว่งิ รเี่ ขาหา วนั นนั้ มันเดินเทยี่ วไร กา วเทา ที่ยาวรบี เรง แลว ใชงวงฟาดลงไป สุดทา ยตอยมันทงั้ ฝงู - เหลา สตั วท ง้ั หลายเดินมา วันพรุง นอนซมพษิ ไข แอบซอนตวั ไมใ หพบ ระรานเพอ่ื นนอยลงไป อยา ไดเ กเรนาชงั - กระตายทงั้ สองแมล ูก ไมสยู อมเปน ผูแพ - ดว ยความเกเรของมนั ไปพบรงั ผง้ึ รังใหญ - รังผง้ึ รว งหลน กระจาย มนั วิ่งกระเจงิ ทวั่ ทงุ - ชางแกค งเขด็ อกี นาน เดก็ นอ ยตวั นดิ จาํ ไว 102
ผลท่ีไดรบั อีคิว ไอคิว การเรียนรู ความสนกุ สนาน ระเบยี บวินัย ราเรงิ ความชา ง การถายทอด การคดิ เช่อื มโยง การทาํ งาน การรจู กั และ สงั เกต จนิ ตนาการ เหตุผล ประสานระหวาง ควบคมุ 3 มอื และตา อารมณ 3 33 หมายเหตุ 33 = ไดผลมาก 3 = ไดผล 103
1. เพอ่ื ใหเ ดก็ ตระหนักถึงความสาํ คญั ของการทําความดี 2. เพอ่ื สรา งแรงจงู ใจในการทําดี 3. เพอื่ ฝกหดั การกลาแสดงออก 4. เพอื่ ฝก การคิดอยา งมีเหตุผล - หนุ มือ 1. ครใู ชหุน มอื สนทนาขาว / เหตกุ ารณ เกยี่ วกับการกระทาํ สง่ิ ทีไ่ มดี ใหเด็กๆ ฟง 2. ใหเ ดก็ ๆ ทบทวนส่งิ ท่ีตัวเองทํา แลว ถกู คุณพอ คุณแม คณุ ครู ดุ มาคนละ 1 อยา ง 3. เดก็ ๆ ออกมาเลาสงิ่ ทตี่ วั เองทาํ นนั้ แลว รว มกนั สนทนาเกยี่ วกบั การกระทาํ เหลานนั้ วา เปน เพราะ อะไร แลว เดก็ ๆ ควรทําอยา งไร 4. ครูพดู จงู ใจใหเ ดก็ เห็นวา การกระทาํ ไมด ีสง ผลอยา งไร 5. ครูใหเดก็ ๆ คิดถึงการกระทําท่ีดีของตัวเองคนละ 1 อยาง 6. ครูขออาสาสมคั รมาแสดงบทบาทสมมตกิ ารทําความดีใหเ พ่ือนๆ ดหู นา ชั้น 2-3 คนทุกคน ปรบมอื ให 7. ครรู ว มพดู คยุ กบั เดก็ เพอื่ ใหเ ดก็ ตระหนกั ถงึ การทาํ ความดแี ละผลทไ่ี ดร บั ทาํ ใหส งั คมสงบสขุ และ คนในสังคมก็มคี วามสขุ 104
ผลท่ีไดรับ อีคิว ไอคิว การเรยี นรู ความสนกุ สนาน ระเบียบวินัย ราเริง ความชา ง การถายทอด การคดิ เชอ่ื มโยง การทํางาน การรูจ กั และ สงั เกต จนิ ตนาการ เหตุผล ประสานระหวาง ควบคุม มือและตา อารมณ 3 33 หมายเหตุ 33 = ไดผ ลมาก 3 = ไดผ ล 105
1. เพอ่ื ใหเดก็ สามารถแยกแยะความแตกตางของอารมณไ ด 2. เพอื่ ใหเ ดก็ สามารถแสดงอารมณไดอยางถกู ตอง 3. เพอื่ ฝก การกลา แสดงออก 4. เพ่อื ฝกสมาธิในการฟง และการคดิ วเิ คราะหเหตผุ ล - นิทานเรอ่ื ง “สามเกลอเพ่อื นร”ั 1. ใหเดก็ นง่ั เปนวงกลม อาสาสมคั รออกมากลางวงและแสดงสีหนาอารมณ 1 หนา แลว ใหเพ่อื น ทาย สับเปลยี่ นใหท ุกคนออกมาเปน ผูนําในการแสดงสหี นา โดยไมซ ้ํากนั 2. ใหเดก็ บอกวาชอบ หรือไมชอบสหี นา ทเี่ พอ่ื นออกมาแสดง และบอกเหตุผลวาเพราะอะไรจงึ ชอบ และไมช อบ 3. ใหเดก็ ฟงนิทานเร่อื ง “สามเกลอเพือ่ นรกั ” 4. ใหนกั เรียนตอบคําถามดงั นี้ - เหตใุ ดถ่วั แระจงึ โมโหเจา แกละ - ถั่วแระหายโกรธเจาจกุ เพราะเหตใุ ด - ขณะที่เจา จกุ เจาแกละ และถวั่ แระทาํ งาน เขามีความรสู กึ อยางไร - การโกรธหรอื โมโหงา ยดหี รอื ไมดี เพราะเหตใุ ด - นักเรียนคดิ วา การท่ีเราควบคุมอารมณโ กรธได ดีหรอื ไม เพราะเหตใุ ด 5. เดก็ และครรู ว มกนั สรปุ ใหเ หน็ วา คนเรามีอารมณแ ละความรสู กึ แตกตางกนั ไป และเราจะตองเขา ใจอารมณข องตวั เอง และเขา ใจอารมณของคนอื่นใหด ี เพอ่ื ที่ทกุ คนจะมคี วามสุข 106
- ครอบครวั เจาจกุ เจา แกละ เร่ือง โดย วนิดา เพชรโปรี ท้งั สามเปน เดก็ ขยัน ถว่ั แระเปนเพื่อนรกั กนั ทุกวนั รว มงานรวมเลน - เจา จกุ ไปชวนถว่ั แระ บอกแวะบา นเราประเดยี๋ ว ไปชวนเจา แกละไปเทยี่ ว เดย๋ี วเดยี วเราจะกลบั มา ถ่ัวแระชกั มนี ้าํ โห - ทําไมตองชวนเจา แกละ โมโหหนาตาบงึ้ ตึง เรว็ เขา อยา มวั่ โยกโย รีบเอ้อื นวาจาเฉลย ละเลยตามทนี่ ดั หมาย - เจาแกละว่ิงมาหาเพอื่ น เจา แกละรบี เอย ขานไข ตวั เราไมเ คยเฉยเมย พอใหช วยงานท่บี า น ใชว างใชเ กบ็ ขาวเปลือก - เธอโกรธเราเหรอถว่ั แระ ขา วเปลือกไปสีเปนขาว เราคงไปเท่ยี วไมไ ด ทกุ คนตอ งมีธรุ ะ คิดไปจะชว ยเพอ่ื นเกลอ - คุณพอ คุณแมส รางฉาง เราไปชว ยเธอทํางาน นําไปจาํ หนา ยหรือเลอื ก เบิกบานแลวหายขนุ มัว ทีไ่ ดลกู ชว ยเบาแรง - ถั่วแระเมอื่ ทราบเหตุผล ตางแบง หนาท่ีกันทํา อารมณทร่ี อ นลดละ เทย่ี วเดินแบกขา วไปมา รบี มาชวยเพอื่ นเร็วพลนั - ถว่ั แระบอกไมเปน ไร ในการขนขา วขนึ้ ฉาง ว่ิงไปรองเพลงขบั ขาน ทกุ อยา งไมย ากเกินไป แมเ ลี้ยงอาหารคาวหวาน - คุณพอ คณุ แมด ใี จ จดั จานใหค รบทุกคน ท้ังสามทาํ งานขันแข็ง แกละถือถงั น้ํามาดว ย พรอ มดว ยถว่ั แระคนเกง - ถ่วั แระทํางานเพลิดเพลนิ แมส งขนั นา้ํ ใหด่มื เจา แกละเจา จุกไมชา ไมด ื่มน้าํ มากเกนิ ไป อยาโกรธเรานะเพื่อนรัก - ท้งั สามสนุกสนาน รกั ษาควบคมุ อารมณ หวั เราะบางครงั้ เหนอื่ ยบา ง - คร้ันถงึ เวลาพักเทย่ี ง เตรียมใหลกู รบั ประทาน - เดก็ เดก็ รบี มาลางมอื เจาจกุ รบี ลุกเขา ชวย - ทกุ คนนงั่ ลงลอมวง แมเ ตือนทกุ ครง้ั อยา ลืม - ถั่วแระนนั่ รีบขอโทษ เมอื่ เชา เราควรรูจ กั 107
ผลท่ีไดรบั อีคิว ไอคิว การเรยี นรู ความสนกุ สนาน ระเบยี บวนิ ยั ราเรงิ ความชา ง การถา ยทอด การคิดเชือ่ มโยง การทาํ งาน การรจู กั และ สงั เกต จินตนาการ เหตุผล ประสานระหวา ง ควบคมุ 3 มือและตา อารมณ 33 3 หมายเหตุ 33 = ไดผ ลมาก 3 = ไดผล 108
1. เพอื่ ฝก ใหเด็กกลา แสดงออก 2. เพอ่ื ฝกความจําและการคดิ วเิ คราะหจ ากเรื่องราวในนทิ าน 3. เพื่อปลกู ฝง คณุ ธรรมที่ดีงาม และการเหน็ คณุ คาของวสั ดุเหลอื ใช 4. เพอ่ื สงเสรมิ ความคดิ สรางสรรค l กลองฉายภาพ - วสั ดทุ ใ่ี ช 1. กลอ ง เชน ลงั เบียร ลงั โทรทัศน 2. ทอ PVC / ไม 3. ผาหรอื กระดาษ 4. คัตเตอร กรรไกร เข็ม กาว เทปใส 5. สเี ทียน / สีนํ้า / สีไม - วิธที ําอุปกรณ 1. เลือกนิทานเรื่องท่ีเด็กสนใจ มาวาดบนผาหรือกระดาษ เปนตอนๆ ตอ กัน เหมือนทํา แผน ฟล มภ าพยนตร ตกแตง รปู ภาพใหส วยงาม ตดิ รปู ภาพแตล ะภาพใหเชอ่ื มตอ กนั ลกั ษณะ เดยี วกับการตอ เนอื่ งกนั ของแผนฟล ม 2. นํากลอ งขนาดความกวา งยาวใกลเคียงกับแผน กระดาษ มาเจาะรูดา นขา ง บนลา ง สองดา น 3. เจาะดา นหนา ของกลอ งเปนชอ งสเี่ หลยี่ ม มขี อบสเี่ หลย่ี มโดยรอบ (สาํ หรบั ทาํ เปน จอโทรทศั น) ตกแตง ใหส วยงาม 4. สอดไมห รอื ทอ PVC ทเี่ ตรยี มไวใ หท ะลชุ อ งทเี่ จาะไว พรอ มกบั นาํ ปลายผา หรอื กระดาษทวี่ าดภาพ นทิ านเสรจ็ แลว ตดิ กับไมใหแนนท้งั สองดาน 109
1. ครูชกั ชวนใหเ ด็กๆ ชว ยกันประดษิ ฐ โทรทัศนม หศั จรรย 2. เม่อื ทาํ อปุ กรณเสร็จแลว ครู ใหเ ดก็ ๆ นง่ั ลอ มวงกัน / หันหนามาทาง โทรทัศนมหัศจรรย 3. ครูพูดเร่อื งกฎ กติกาในการดู โทรทัศนม หัศจรรย รว มกนั 4. ครูขออาสาสมคั รคนหนงึ่ มาชว ยหมุนนทิ านตามเนือ้ เรอ่ื ง 5. ครูเลานทิ านใหเ ดก็ ฟง หรอื ใหเ ดก็ อาสาสมคั รเลา นิทานประกอบภาพจากโทรทศั นม หัศจรรย 6. เมื่อเลาจบ ครคู วรพดู คุยกบั เด็กๆ วา เดก็ จดจาํ อะไรไดบาง เด็กไดเรยี นรูอะไรบา งจากนทิ าน ครูสามารถเปลีย่ นเนื้อเร่ืองนทิ านเปนเรอ่ื งอื่นๆ ท่เี ด็กสนใจ 110
ผลท่ีไดรบั อีคิว ไอคิว การเรยี นรู ความสนกุ สนาน ระเบยี บวินยั รา เริง ความชา ง การถา ยทอด การคิดเช่อื มโยง การทาํ งาน การรจู กั และ สังเกต จินตนาการ เหตุผล ประสานระหวา ง ควบคมุ 3 มือและตา อารมณ 33 หมายเหตุ 33 = ไดผลมาก 3 = ไดผล 111
1. เพ่อื ฝก ทกั ษะดา นการพดู การฟง 2. เพือ่ เสริมสรา งความมั่นใจในตนเอง กลาพูด กลา บอก 3. เพอ่ื ฝก ความคดิ สรางสรรค 4. เพอื่ ใหเ ด็กเรยี นรูการอยูร ว มกับผอู ืน่ และการทาํ งานเปนทีม - หุนมอื - โรงละคร (ฉากสาํ หรับโรงละครตามความเหมาะสม) 1. ใหเ ดก็ นั่งเปน ครึ่งวงกลมหนา โรงละคร 2. ครเู ลนเกมสรางความพรอ มในการดูละคร โดยใหเดก็ ทาํ ทา ทางตามครู เชน ครแู ตะไหลก ็ใหเ ดก็ แตะตาม ครทู าํ ชา ๆ ไปเรอ่ื ย ๆ จนกวา เด็กจะสงบ 3. ใหเ ดก็ ทเ่ี ปนอาสาสมคั รจํานวน 3-5 คน เปนผเู ลานทิ าน โดยใชหุน มือแสดงประกอบการเลา นทิ าน ใหอาสาสมัครเตรยี มนทิ าน และ เลอื กหุน มอื ใหเหมาะสมกับเรอื่ ง (อาจแบง เดก็ เปนกลมุ ใหทาํ งานรว มกนั ในการเลือกเรอ่ื งทจี่ ะเลา และเตรยี มการแสดงดว ยหนุ มอื ใหม กี ารฝกซอ มกอ น การแสดง โดยครชู ว ยฝก ซอ มกอนการแสดง) 4. เม่อื ดกู ารแสดงจบ ใหเ ด็กๆ ท่ีเปน ผชู ม ชว ยกนั สรปุ เนอื้ หาจากละคร โดยครตู ้ังคาํ ถามใหเดก็ ชว ยกนั สรปุ ตวั อยา งคาํ ถามเชน ตวั ละครมใี ครบา ง มอี ะไรเกดิ ขนึ้ เดก็ ๆ ไดเ รยี นรูอ ะไรบา ง เปน ตน 5. ครูชมเชยเดก็ ๆ ทีน่ ําแสดง และเดก็ ๆ ท่ีตงั้ ใจ มมี ารยาทในการฟง ครอู าจใชก ระดาษ A4 วาดภาพสัตวห รือตัวแสดง เยบ็ ติดประกบกัน 2 แผน แลว ใหเดก็ สอดมอื ใช แสดงแทนหนุ 112
ผลท่ีไดรับ อีคิว ไอคิว การเรียนรู ความสนกุ สนาน ระเบยี บวนิ ัย ราเรงิ ความชาง การถา ยทอด การคดิ เชือ่ มโยง การทํางาน การรูจกั และ สังเกต จนิ ตนาการ เหตุผล ประสานระหวา ง ควบคุม 3 มือและตา อารมณ 33 3 หมายเหตุ 33 = ไดผ ลมาก 3 = ไดผ ล 113
1. เพอ่ื ปลกู ฝง นสิ ยั การมนี าํ้ ใจ 2. เพอื่ สง เสรมิ ความคิดสรา งสรรค 3. เพอื่ สง เสรมิ พัฒนาการทางสงั คมของเดก็ 1. นิทานทีเ่ ก่ยี วกบั การมนี ํา้ ใจ การเอ้ือเฟอ เผอ่ื แผ เชน ราชสหี กับหนู 2. รปู ภาพตา งๆ เชน คนตาบอด เดก็ ยากจน สัตวไ ดรบั บาดเจบ็ ฯลฯ 3. ดาวนา้ํ ใจ 4. สมดุ เดก็ ดี 1. ครเู ลานทิ านทม่ี ีเนือ้ หาเกี่ยวกบั ความมีนํ้าใจใหเ ดก็ ๆ ฟง แลวสนทนากบั เด็กๆ เกย่ี วกับเนอ้ื หา ในนิทาน 2. เด็กๆ ดภู าพ คนแก คนตาบอด สตั วไ ดร ับบาดเจบ็ แลว ใหเ ดก็ ๆ คดิ วธิ จี ะชวยเหลอื คนเหลา น้นั ไดอ ยา งไร คนละ 1 วธิ ี ครแู ละเพอื่ นๆ ชว ยกันปรบมือให เมือ่ เดก็ แตละคนนําเสนอวธิ ีชวยเหลอื แตล ะอยา ง 3. แบงกลุม เด็กออกเปน กลุม ๆ ละ 4-5 คนชวยกนั คดิ ละครเกย่ี วกับการมนี า้ํ ใจการแบงปน แลว แสดงบทบาทสมมุตติ ามเรือ่ งราวนัน้ กลุมละ 1 เรือ่ ง 4. ครูและเดก็ ๆ รวมกนั สนทนาเกยี่ วกับการมีน้ําใจ การแบง ปน ท่ีเดก็ ๆ เคยทํามาแลว และผลที่ได รับ ครูอธิบายใหเดก็ ฟง วา การมีนาํ้ ใจทําไดห ลายวิธี และยกตวั อยา งใหเ ดก็ ฟง เพิ่มเติม 5. ครมู อบดาวนํา้ ใจใหเ ด็กๆ ทุกคน และตกลงกันวา ตอนเยน็ ทุกวนั เด็กๆ จะมาเลา ใหเพือ่ นๆ ฟง วา วันนตี้ วั เองมนี ้ําใจ (ทาํ อะไร)กับใครบาง ครูกจ็ ะมอบ ดาวนํา้ ใจ ใหไปสะสมในสมดุ เด็กดีมี นํา้ ใจใหไ ดเยอะที่สดุ 114
ผลท่ีไดรับ อีคิว ไอคิว การเรียนรู ความสนกุ สนาน ระเบยี บวินัย ราเรงิ ความชา ง การถา ยทอด การคดิ เช่ือมโยง การทํางาน การรจู กั และ สังเกต จนิ ตนาการ เหตุผล ประสานระหวาง ควบคุม 33 มือและตา อารมณ 33 หมายเหตุ 33 = ไดผลมาก 3 = ไดผ ล 115
1. เพื่อ ฝกทกั ษะการชวยเหลือตนเองในชวี ติ ประจาํ วัน 2. เพอื่ ใหเ ดก็ เกิดความภาคภมู ิใจทสี่ ามารถทําอะไรดว ยตวั เองได 1. นิทานประกอบภาพเรอื่ ง “กงุ คนเกง” 2. ตารางภาพการชวยเหลือตนเองในชีวติ ประจาํ วัน เชน การแตงตัวเอง การรบั ประทานอาหารเอง การลางหนา แปรงฟน เอง การอาบนาํ้ เอง ฯลฯ 3. รูปสัญลักษณที่เปน ตัวแทนของเด็กแตละคน (เชน เด็กหญิงตะวัน มีภาพสัญลักษณเ ปน ดอก ทานตะวัน เดก็ ชายเกง กาจ มสี ัญลกั ษณเปน รูปนวิ้ หัวแมม ือ เปนตน ) 1. ใหเ ดก็ ฟงนทิ านประกอบภาพเรื่อง “กุง คนเกง” 2. เด็กชว ยกันเลานิทานโดยดูจากภาพประกอบ 3. ครูขออาสาสมคั รออกมาแสดงบทบาทสมมตุ ิจากนิทานทเี่ ลา 4. ใหเด็กชวยกนั ตอบคาํ ถามจากเรอ่ื งราวในนทิ าน 5. ครูถามวาเดก็ ๆ สามารถชวยเหลือตนเองในชีวติ ประจาํ วนั ไดอยา งไรบาง เชน การแตง ตวั การ รบั ประทานอาหาร การลางหนา แปรงฟน การอาบน้ําฯลฯ ครทู าํ บตั รคําตามสิง่ ท่ีนักเรยี นบอก ไปตดิ เปนหวั เรอ่ื งทตี่ ารางภาพการชว ยเหลอื ตนเองในชวี ติ ประจาํ วัน ซงึ่ ครจู ะใหเดก็ ๆ สาํ รวจตัว เองในแตล ะวนั หากเดก็ ๆ ชวยเหลอื ตัวเองเรอ่ื งใดได กจ็ ะใหเ ดก็ ๆ นํารปู สญั ลกั ษณข องตวั เอง มา ติดใตกิจกรรมท่ีตนทาํ ได ในตารางภาพ 6. ครขู ออาสาสมคั ร 2-3 คน สาธิตการตดิ รปู สญั ลกั ษณของตนเองในตารางภาพและบอกดว ยวา เด็กๆ ทาํ กิจวัตรนน้ั ๆ อยา งไรบาง 7. ครใู หเ ดก็ ๆทกุ คน ไดท ดลองตดิ สญั ลกั ษณข องตนเองในสงิ่ ทเี่ ดก็ ๆ ดแู ลตนเองไดแ ลว ในวนั นี้ และ ครูจะใหเวลาเด็กๆ ติดสัญลกั ษณเ ชนนอี้ กี ในวันตอไป 116
8. ครแู ละเดก็ ทกุ คนรว มกนั สรปุ ดงั นี้ “การชว ยเหลือตนเองในชีวติ ประจาํ วนั ได แสดงวาเด็กๆ เปน คนเกง ทาํ ใหพอ แม และผูใ หญไมตอ งเปนหวง และไมห นักใจ เดก็ ๆ ก็จะเปน ท่ีรักของทุกๆ คน” - เพอื่ ใหน กั เรยี นสนกุ สนาน เพลดิ เพลนิ อาจนาํ เขาสบู ทเรยี น ดว ยการเลนเกม “คนเกง ทาํ ได” โดย ครใู หคําแนะนํา หรอื ชว ยชแ้ี นะเพ่อื ฝกทักษะใหเ ด็ก - ชว งเชาหรอื กอ นกลบั บา นทกุ วนั ใหเดก็ นําสญั ลกั ษณข องแตล ะคน ตดิ ไวใตแ ผนภมู ภิ าพกจิ กรรม ทเี่ ดก็ ทาํ ได ครสู ังเกตการเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมของเดก็ ตลอดสปั ดาห และอภปิ รายซกั ถามสรปุ ผลในวันสดุ ทายของสปั ดาห ใหท าํ กจิ กรรมลักษณะนี้อยางตอเนื่อง - เมื่อเดก็ ทาํ กิจวตั รงา ยๆ ไดแ ลว ครอู าจปรบั เปลย่ี นหัวขอ หรอื ประเด็นของกิจวตั รใหสอดคลอ ง กับพฒั นาการตามวยั ของเดก็ - กจิ กรรมนจี้ ะประสบความสาํ เรจ็ ก็ตอ เมอ่ื ครูขอความรว มมอื ผปู กครอง ใหดูแลและปลอ ยใหเ ดก็ ไดดูแลตวั เองในกิจวัตรประจาํ วัน ท่ีสําคัญคอื ใหก ารชมเชยเม่อื เดก็ ทําไดด ี นิทานเรอื่ ง “กงุ คนเกง” กุง เปน เด็กหญงิ ตัวเลก็ ๆ คนหนึง่ ตน่ื นอนแตเชา รีบเกบ็ ทนี่ อน ลางหนาแปรงฟน อาบนํ้า แตง ตวั กงุ ทําไดเ องโดยไมต องใหใครเดอื ดรอนทาํ ให กงุ รบั ประทานอาหารทีค่ ุณแมจัดเตรียมไวบ นโตะ กุง รบั ประทานอาหารชาๆ เค้ยี วจนละเอยี ด กุง รบั ประทานอาหารทุกประเภท ไมว า เนอื้ สัตว ผกั สด ตลอดจนผลไม และไมล มื ดมื่ นมดว ยทกุ วนั คณุ ครบู อกวา อาหารเหลา นมี้ วี ติ ามนิ และมปี ระโยชน ทาํ ใหร า งกายเจรญิ เตบิ โต และแข็งแรง กุงมีนัยนต าท่โี ต และสดใส และกุงชอบรับประทานผกั บงุ กุง รบั ประทานมะเขือเทศดว ย มะเขือเทศทําใหแกม กงุ แดง และผิวสวย ฟนกุงไมผุ เพราะกุงไมร ับประทานขนมหวานทกุ ชนดิ กุง ดืม่ นมชวยใหฟ นแขง็ แรงยิ่งขึน้ คุณหมอที่มาตรวจสุขภาพ ชมวา “กงุ เปน คนเกง” เพือ่ นๆ อยากเกงเหมือนกงุ ไหมคะ 117
ผลท่ีไดรบั อีคิว ไอคิว การเรยี นรู ความสนกุ สนาน ระเบยี บวนิ ัย รา เริง ความชา ง การถายทอด การคดิ เช่อื มโยง การทาํ งาน การรูจ กั และ สังเกต จนิ ตนาการ เหตุผล ประสานระหวาง ควบคมุ 3 มือและตา อารมณ 33 3 3 หมายเหตุ 33 = ไดผลมาก 3 = ไดผล 118
1. เพอื่ ฝกการเรยี นรเู ร่ืองการชวยเหลอื ผูอน่ื และความกตญั ู 2. เพอื่ ฝก การเรียนรูความรบั ผดิ ชอบ 3. เพอื่ ฝกทกั ษะการฟง การพดู 4. เพื่อฝก การคดิ เชอ่ื มโยงเหน็ เหตเุ ปน ผล 5. เพอื่ ฝกการกลา แสดงออกอยา งเหมาะสม 1. เพลงมด 2. นิทานเร่อื ง “มดดํายอดกตัญู” 3. แผนภมู ิภาพการชวยเหลืองานบาน 4. สัญลกั ษณภาพนกั เรยี นแตล ะบุคคล 1. ครนู าํ เดก็ รอ งเพลง “มด” และทาํ ทา ทางประกอบ (ทาํ นองเพลง ชาง ชา ง ชา ง) ดงั นี้ มด มด มด หนเู คยเหน็ มดหรอื เปลา มดมนั ตวั เลก็ ยอ มเยา มขี ายาวๆ เรียว มบี านใตด นิ เรยี กวารงั หนูๆ จงฟงไวเ อย 2. ครเู ลานทิ านประกอบภาพเร่อื ง “มดดาํ ยอดกตญั ”ู ใหเ ด็กๆ ฟง 3. เด็ก และครูรวมกันอภิปรายส่งิ ท่ีไดเ รยี นรจู ากนทิ าน โดยครใู ชค ําถามดงั นี้ - มีใครบา งในนิทานเรอื่ งนี้ - กลุมมดแดงนอย กําลงั ไปทําอะไร ทไี่ หน - ใครแยงขนมปงจากกลมุ มดแดงนอ ยไป และกลุมมดแดงนอ ยรสู กึ อยา งไรทถี่ ูกแยงขนมปง ไป - มดดาํ หนมุ นําขนมปงไปใหใ คร เพราะเหตใุ ด 119
4. ครใู หเ ดก็ ๆ บอกการกระทําที่แสดงวา เดก็ กตัญูตอ พอ แม ใหเด็กบอกคนละ 1 อยาง 5. ครนู ําการกระทาํ ท่เี ด็กๆ บอก ไปเขยี นเปน แผนภมู ภิ าพ การชวยเหลืองานบาน และชวยเหลือ พอ แม เชน กวาด ถูบา น รดนา้ํ ตนไม ใหอาหารสตั ว ลางจาน ซักผา ฯลฯ แลวนําแผนภมู นิ ี้ตดิ ไว บนกระดานหนา หอง 6. ครกู ระตนุ ใหเ ดก็ ๆ ชว ยเหลือพอแม โดยพดู ถงึ การกระทํานี้วาดีอยา งไร หลังจากน้ันในแตละวนั ใหเด็กสาํ รวจวาเด็กๆ ไดชวยเหลอื พอแมอ ยางไรบาง แลวนํารูปสญั ลักษณของเด็กๆ มาตดิ ไวใ ต แผนภมู ภิ าพกิจกรรมทนี่ ักเรยี นไดป ฏบิ ตั ิ 7. ครูนาํ แผนภูมินมี้ าพูดคุยทกุ สัปดาห พรอมท้ังใหค ําชมเชย หรือใหด าวเมอ่ื เด็กๆ ทําไดดี นทิ านเร่อื ง มดดํายอดกตญั ู วนั นเี้ ปน วันแรกท่ี มดแดงนอ ยๆ กลมุ หนงึ่ เร่ิมโตพอแลว ทีจ่ ะออกไปหาอาหารกนิ เอง มดแดงนอยๆ กลุมนี้ จึงเดินไตไปตามเสนทาง เริ่มตนตั้งแตไตไปบนหลังคาบานหลังหนึ่ง และไตตามผนังมาท่ีหอ งๆ หนง่ึ ไปตามกลิ่นขนมปง ท่โี ชยมาเขาจมูก และแลวมดแดงนอยกเ็ ดนิ ทางเขาใกลก ลิน่ อันหอมหวานนน้ั มาถึง หอ งๆ หนึง่ กลมุ มดแดงนอยมองเหน็ ขนมปงชิ้นโตบนโตะ จึงชวนกนั รีบไตไ ปทข่ี นมปงโดยเรว็ ขณะเดียวกนั นัน้ ก็มี มดดาํ หนุมตวั หนึ่ง ไดว ิง่ มาที่ขนมปง นนั้ เชน กัน พรอมกบั ใชกําลังทงั้ หมดทม่ี ี แบกขนมปงกอ นน้นั ไป อยางรวดเรว็ โดยมีกลมุ มดแดงนอยวงิ่ ตามไปตดิ ๆ ดว ยความโมโห พรอมกบั นกึ ในใจวา “ดูซิ แยง เราไปได ชา งไมอ ายเลย ทแี่ ยง ของพวกเราไป คอยดนู ะเดยี๋ วจะตามไปกดั ใหเ จบ็ ๆเลย เราเปน พวกมดแดงมพี ษิ สงมากกวา มดดาํ อยูแ ลว” แตเมือ่ ตามไปถงึ รงั มดดําหนุม กลมุ มดแดงนอ ยก็ไดยนิ เสยี งมดดําหนมุ พดู วา “พอจา แมจ า ฉนั นาํ อาหารมาใหแลว จา ทานซจิ ะ มดดาํ หนมุ พดู กบั มดดาํ เฒาสองตวั ” กลมุ มดแดงนอ ยหายโกรธทนั ที และ นกึ สรรเสรญิ มดดาํ หนุม ทใ่ี ชค วามพยายามในการแบกอาหารทหี่ นกั อง้ึ ตามลาํ พงั เพอ่ื เอามาใหพ อ แมท แ่ี กเ ฒา และคดิ วา การกระทําเชน นเี้ ปน สงิ่ ดีทม่ี ดแดงนอ ยจะเอาเปน ตวั อยางตอ ไป 120
ผลท่ีไดรบั อีคิว ไอคิว การเรียนรู ความสนกุ สนาน ระเบยี บวนิ ัย ราเรงิ ความชาง การถา ยทอด การคดิ เชอ่ื มโยง การทาํ งาน การรจู กั และ สงั เกต จินตนาการ เหตุผล ประสานระหวาง ควบคมุ 33 มอื และตา อารมณ 33 3 หมายเหตุ 33 = ไดผ ลมาก 3 = ไดผล 121
1. เพอื่ ใหเ ดก็ ไดสาํ รวจความดีในแตล ะวนั ท่ีตวั เองไดก ระทํา 2. เพื่อใหเดก็ เกดิ ความภาคภูมใิ จ ไดม โี อกาสเลาเรือ่ งทตี่ นเองทําความดีใหครแู ละเพื่อนรบั ทราบ 1. สมดุ บันทกึ ความดี (แฟม) 2. อปุ กรณส ีวาดภาพ 1. ใหเด็กนง่ั ลอ มกนั เปน วงกลม แจกกระดาษใหเ ด็กคนละ 1 ใบ ใหเด็กแตละคนเขยี นชอื่ ตนเองลง บนหวั กระดาษ 2. ครูแจกสใี หเ ดก็ คนละ 1 กลอ ง แลววาดรูปเกยี่ วกับความดที ่ีตนไดปฏิบตั ใิ นวันน้ี 3. จากนั้นนาํ กระดาษไปสง คืนกับครู 4. ครใู หเ ดก็ ทุกคนออกมาเลา รปู ภาพของตนเอง แลวรว มกันสรปุ เก่ียวกบั รปู ภาพของ แตละคน 5. ครูแนะนาํ ใหเด็กวาดภาพ การทําความดเี ชน นี้ลงในสมุดบันทึกความดบี อ ยๆ แลว ใหโ อกาสเด็ก ไดน ําบนั ทกึ ความดีนมี้ าพดู คุยกนั อยา งสมํ่าเสมอ 122
ผลที่ไดรับ อีคิว ไอคิว การเรียนรู ความสนกุ สนาน ระเบยี บวินยั รา เริง ความชา ง การถายทอด การคดิ เช่ือมโยง การทํางาน การรจู กั และ สังเกต จินตนาการ เหตุผล ประสานระหวาง ควบคุม 3 มือและตา อารมณ 33 หมายเหตุ 33 = ไดผลมาก 3 = ไดผ ล 123
1. เพื่อกระตนุ ใหเ กิดการสนใจ ใฝร แู ละสนใจในสง่ิ แวดลอ มรอบๆ ตัว 2. เพอ่ื สงเสริมการคิดเชอ่ื มโยงการเรยี นรจู ากประสบการณ 3. เพอื่ สงเสรมิ ความรบั ผดิ ชอบงานทไ่ี ดร ับมอบหมาย 4. เพอ่ื เสรมิ สรางความสัมพันธระหวา งเดก็ กบั ผูปกครอง - ขาวจากหนังสือพิมพ - เรอื่ งราวจากชวี ิตประจาํ วนั 1. ครูและเดก็ สรางขอ ตกลงประจําวันวา เดก็ ๆ จะตอ งมีขา วมาพูดหนา ชัน้ เรียนชวงเชา ทกุ วัน ให กาํ หนดวนั ทเี่ ดก็ แตล ะคนตอ งมาพดู ใหแ นน อน โดยเดก็ จะตอ งไปปรกึ ษากบั ผปู กครองในการเลอื ก ขา วและใหผูปกครองอา นใหฟ ง เดก็ ๆ ตองจดจาํ และเตรยี มการพดู ใหเ รยี บรอ ย โดยใชเ วลาเพยี ง ไมเกิน 5 นาทีตอ 1 คน ในแตละวัน อาจจะมี 2-3 ขา ว ตามเวลาทเี่ หมาะสม 2. ขออาสาสมคั รออกมาเลา ขาวคนแรก เชน ขา วที่ตดั มาจากหนงั สอื พิมพ ฟงเรอื่ งเลา มา ดจู ากทีวี ขาวชวี ติ ประจาํ วนั 3. ใหเพ่ือนๆ ใหค วามสนใจ และตง้ั ใจฟงเพอื่ นเลา ขาว เมอ่ื เพอื่ นเลา ขาวเสรจ็ กป็ รบมอื เปนกาํ ลงั ใจ และผูฟ ง สามารถซักถามไดหากมีขอ สงสัยใดๆ 4. เลือกอาสาสมัครจากผฟู ง 1 คน เปน คนสรุปขา วที่เพ่ือนเลา 124
ผลที่ไดรับ อีคิว ไอคิว การเรียนรู ความสนกุ สนาน ระเบียบวนิ ยั รา เรงิ ความชา ง การถายทอด การคิดเชอ่ื มโยง การทาํ งาน การรจู กั และ สงั เกต จนิ ตนาการ เหตุผล ประสานระหวา ง ควบคมุ 33 มือและตา อารมณ 3 หมายเหตุ 33 = ไดผลมาก 3 = ไดผล 125
1. เพอื่ ใหผปู กครองมสี ว นรวมในการกระตุน ใหเ ดก็ ทําความดี 2. เพอ่ื ใหเ ดก็ มคี วามภาคภูมใิ จในตนเอง 1. จดหมายถงึ ผปู กครอง 2. ภาพตกุ ตาเพ่อื บนั ทึกความดีของเด็ก 1. แจกเอกสารตุกตาเด็กดี พรอ มดว ยหนงั สือชแี้ จงใหผปู กครองเดือนละ 1 คร้งั 2. ผูปกครองบันทึกความดีของเดก็ ลงในตุกตาเดก็ ดี แลวสง คนื ครูประจาํ ช้นั 3. ครอู านขอ ความในตกุ ตาเดก็ ดขี องเดก็ แตล ะคนใหเดก็ ทง้ั หองฟง พรอ มทงั้ ชกั ชวนใหเ พอื่ นปรบมอื แสดงความชน่ื ชมกับความดีของเพอื่ น 126
a.................................... a.................................... a.................................... a.................................... a.................................... ลงชอ่ื ............................. 127
เรอื่ ง บนั ทกึ การทาํ ความดี ท่ี โรงเรยี นอนุบาล....................................... วนั ท.ี่ .......... เดอื น..................... ป. ................ เรยี น ผูป กครอง (ด.ช. ด.ญ.)..................................... ดว ยโรงเรยี น................................. ไดม โี ครงการเสรมิ สรา งไอควิ / อคี วิ ของเดก็ เพอื่ ใหเ ดก็ เปนคนดี คนเกง และอยใู นสังคมอยา งมคี วามสุข กิจกรรมตกุ ตาเด็กดเี ปน อกี กิจกรรมหนึง่ ทจ่ี ะชวยสงเสริม ใหเ ด็กมี คณุ สมบตั ดิ งั กลา ว จงึ ขอใหท า นผูปกครองบนั ทึกสง่ิ ดๆี ทเ่ี ดก็ ทําทบี่ า น ลงในตุกตาเดก็ ดี เพอ่ื ทคี่ รจู ะนํามาอา น ในหอ งเรยี น เพ่อื ใหเดก็ ไดเกดิ ความภาคภมู ใิ จในตนเอง และเหน็ คุณคา ของการทําความดยี ่ิงขึ้น ขอแสดงความนบั ถือ ลงชอ่ื ........................................................... () ผูอาํ นวยการโรงเรยี น 128
ผลที่ไดรบั อีคิว ไอคิว การเรียนรู ความสนกุ สนาน ระเบยี บวนิ ยั ราเรงิ ความชา ง การถา ยทอด การคดิ เชอ่ื มโยง การทํางาน การรจู กั และ สงั เกต จินตนาการ เหตุผล ประสานระหวา ง ควบคมุ 33 มือและตา อารมณ 3 หมายเหตุ 33 = ไดผ ลมาก 3 = ไดผ ล 129
1. เพือ่ สงเสริมใหเ ด็กรกั การอาน 2. เพอ่ื ฝก ทักษะการฟง ฝก สมาธแิ ละความจาํ 3. เพอื่ สง เสรมิ ความสมั พันธร ะหวา งเด็กกบั ผูปกครอง 4. เพ่ือเสรมิ สรางคณุ ธรรมผานเร่อื งราวในนทิ าน 5. เพอื่ ฝกหัดการรับผดิ ชอบ - หนงั สอื นิทานตา งๆ ในมุมหนงั สอื 1. สง จดหมายถงึ ผูปกครอง ชแ้ี จงการดาํ เนนิ กจิ กรรมลกู รกั รักการอา นสานฝน สูวนั แหง ความสาํ เรจ็ ซง่ึ เปน กจิ กรรมทโ่ี รงเรียนจะใหเด็กยมื หนังสือกลับไปบา น ใหผปู กครองอานใหฟ ง กาํ หนดเวลา 1 คืน/1 เลม 2. เดก็ เลอื กหนังสอื ทช่ี อบจากมมุ หนงั สือ 1 เลม นาํ กลับไปบา นในตอนเยน็ 3. ผูป กครองเลานทิ านใหเดก็ ฟง 4. เดก็ และผูป กครองสนทนาเกยี่ วกบั เรอื่ งราวนิทานรว มกนั วา นทิ านมตี วั ละครอยา งไร เนอื้ หาของ นทิ านมอี ะไรบาง และนิทานใหแ งค ิด หรอื ใหการเรยี นรูอ ะไรบาง 5. เด็กนาํ หนังสือนทิ านจากบานกลบั ไปคืนคณุ ครูในตอนเชา 6. ใหเด็กๆ สลับกนั เลา นิทานทีน่ ําไปอานท่บี านมาเลาใหเ พื่อนๆ ในหอ งเรยี นฟง 7. ครแู ละเดก็ ๆ ชวยกันสรปุ สง่ิ ทีไ่ ดเ รยี นรจู ากนิทาน 130
ผลท่ีไดรับ อีคิว ไอคิว การเรียนรู ความสนกุ สนาน ระเบยี บวนิ ยั ราเรงิ ความชาง การถายทอด การคิดเชือ่ มโยง การทาํ งาน การรจู กั และ สังเกต จินตนาการ เหตุผล ประสานระหวาง ควบคมุ 33 มอื และตา อารมณ 33 หมายเหตุ 33 = ไดผลมาก 3 = ไดผ ล 131
1. เพ่อื สงเสริมใหนกั เรียนมีความกระตือรอื รน อยากเรยี นรู 2. เพอ่ื สง เสรมิ ใหผ ูปกครองและนักเรยี นไดเรยี นรรู ว มกนั 3. เพอื่ สง เสรมิ ความสมั พันธระหวา งครูกบั ผูป กครอง แหลงเรียนรูตา งๆ ในชมุ ชน 1. จดั ประชมุ ผูปกครองชแ้ี จงการดาํ เนินกิจกรรม “การเรียนรสู ูโลกกวา ง” 2. ครแู ละผปู กครองรวมกนั คัดเลอื กแหลงเรยี นรใู นชมุ ชน 3. ตัวแทนผูปกครองแตละหอ งเรยี นเขารวมประชุมกําหนดแผนการดําเนินกิจกรรมการไปเรียนรู นอกสถานทศี่ กึ ษารว มกบั คณะครู โดยกาํ หนดรายละเอยี ดตา งๆ เชน ผูร บั ผดิ ชอบ ตารางกจิ กรรม ระยะเวลา การประเมินผล เปน ตน 4. นักเรยี น ผปู กครองและคณะครไู ปศึกษาแหลงเรียนรู และปฏบิ ัติกจิ กรรมการเรยี นรรู ว มกนั ตาม ทไี่ ดม กี ารวางแผนไว 5. สรุปและประเมินผลการเรียนรรู ว มกันระหวา ง นักเรยี น ครู และผปู กครอง 132
133
ผลที่ไดรบั อีคิว ไอคิว การเรียนรู ความสนกุ สนาน ระเบียบวนิ ยั รา เรงิ ความชา ง การถา ยทอด การคดิ เช่ือมโยง การทํางาน การรูจ กั และ สังเกต จินตนาการ เหตุผล ประสานระหวา ง ควบคมุ 3 มอื และตา อารมณ 33 หมายเหตุ 33 = ไดผลมาก 3 = ไดผ ล 134
1. เพอ่ื พัฒนาทกั ษะดา นการเคล่ือนไหวและความแขง็ แรงของกลา มเนื้อมดั ใหญแ ละมดั เล็ก 2. เพื่อพัฒนาการประสานกนั ระหวางมือและตา 3. เพ่อื พฒั นาการรบั รูสัมผสั 4. เพ่ือพฒั นาการเรียนรูรูปรา ง รปู ทรง คําศพั ท การนบั จาํ นวน 5. เพือ่ พัฒนาทักษะดา นสงั คม การเลนรว มกนั เปน กลุม การแบง ปน การยอมรบั และช่ืนชมตนเอง และผูอ ่นื 1. พลาสตกิ รปู สัตวชนดิ ลอยนา้ํ ได 2. กะละมงั ใสน ํา้ สะอาด 3. กระปองเปลา 4. ที่ตกั สวงิ ชอนปลาขนาดเล็ก 1. ครูแบง เด็ก กลมุ ละ 3 - 5 คน 2. ครสู าธิตวธิ ีการเลน 3. แจกอุปกรณใ หเด็ก จากน้นั นาํ สตั วพลาสตกิ ใสกะละมงั พลาสตกิ ใสในกะละมงั 4. ใหเดก็ ผลดั กนั นาํ สวงิ ชอ นสตั วพ ลาสตกิ ขนึ้ มาทีละคนใสกระปอง (อาจตักตามชอ่ื สตั วท ค่ี รูสงั่ หรอื ตกั ขึ้นมาแลว ฝกการนับจํานวน 1,2,3) 5. เกบ็ อุปกรณและทาํ ความสะอาด ครูอาจใชขวดนา้ํ พลาสตกิ ตดิ สตกิ เกอรร ปู สตั ว แทนสัตวพ ลาสตกิ 135
ผลท่ีไดรับ อีคิว ไอคิว การเรียนรู ความสนกุ สนาน ระเบียบวินัย ราเรงิ ความชา ง การถายทอด การคิดเชอื่ มโยง การทาํ งาน การรูจกั และ สังเกต จนิ ตนาการ เหตุผล ประสานระหวาง ควบคมุ 3 มือและตา อารมณ 33 3 หมายเหตุ 33 = ไดผ ลมาก 3 = ไดผล 136
1. เพือ่ พฒั นาทักษะดานการเคลอ่ื นไหวและความแข็งแรงของกลา มเนือ้ มดั ใหญแ ละมดั เล็ก 2. เพ่ือพฒั นาการประสานสัมพันธกนั ระหวางตาและมือ 3. เพ่ือพัฒนาการรบั รูสัมผสั 4. เพือ่ พฒั นาการเรียนรรู ูปรา ง รปู ทรง คําศัพท ประโยชนของส่งิ ของ 5. เพ่อื พฒั นาทักษะดานสังคม การเลนรวมกนั เปนกลุม 1. ของใชต า งๆ ที่จมน้าํ เชน ชอน สอ ม ถว ย แกว 2. กะละมงั ใสน ํา้ 1. ครแู บง เด็กกลมุ ละ 4 - 5 คน 2. ครสู อนสาธติ วธิ ีการเลน โดยใชมือหยิบของใชในน้าํ เชน หยบิ ชอน สอม 3. จากนนั้ ใหเด็กหยิบของตามคาํ สง่ั เมื่อเด็กหยิบของไดแลว ใหครูถามวา สง่ิ ของน้นั ใชทาํ อะไร 4. ครสู รปุ สิ่งทีไ่ ดจากการเลนและสอนใหเ ด็กเกบ็ อปุ กรณ 5. ลา งมือทําความสะอาด ครอู าจเปลย่ี นสิ่งของทใี่ สล งในนํ้า เปน ของใช หรอื ส่ิงที่เด็กสนใจ เพือ่ เรียนรูค ําศัพทไดเพิ่มเติม 137
ผลท่ีไดรบั อีคิว ไอคิว การเรียนรู ความสนกุ สนาน ระเบียบวินัย รา เรงิ ความชา ง การถายทอด การคดิ เชื่อมโยง การทํางาน การรูจกั และ สังเกต จนิ ตนาการ เหตุผล ประสานระหวา ง ควบคุม 3 มือและตา อารมณ 3 33 หมายเหตุ 33 = ไดผลมาก 3 = ไดผ ล 138
1. เพือ่ พัฒนาอวยั วะทกุ สว นใหมีความสมั พนั ธในขณะเคลอื่ นไหว 2. เพอื่ ใหเกิดความสนุกสนาน ผอยคลายความตึงเครยี ดทง้ั รางกายและจิตใจ 3. เพอ่ื พัฒนาภาษา ฝกฟงคําสั่ง ขอ ตกลงและปฏบิ ตั ติ ามได 4. เพอ่ื พฒั นาทักษะดานสงั คม การปรับตัวและความรวมมือในกลุม 1. กลองกระดาษทบ่ี รรจขุ องเลน 2. สิ่งของทใี่ ชส าํ หรบั เปน เครอื่ งกีดขวาง 1. ครนู ําอปุ กรณทงั้ หมดใหเ ด็กดู แลวถามเด็กวา “เดก็ ๆ ลองดูซิวา วนั นคี้ รมู ีอะไรมาใหเลน” จาก นนั้ ใหเดก็ คดิ คนวธิ เี ลนจากอปุ กรณท คี่ รจู ดั ใหไ วอยา งอสิ ระดว ยตนเอง หรอื คดิ รวมกบั เพอื่ น แลว ใหเวลาเด็กเลนสักครู 2. ครชู วนเดก็ เลนเปนคนขบั รถเมลพาของเลนไปเทย่ี ว 3. ใหเ ด็กผลกั หรอื ลากกลองไปตามเสน ทางทกี่ ําหนดไวให โดยมกี ตกิ าอยา ใหของเลนหกจากกลอ ง และระวังอยาชนสง่ิ กีดขวางทว่ี างไว 4. เมอื่ เดก็ ทําไดแ ลว ใหเ ดก็ จดั วางสง่ิ กดี ขวางใหมด วยตนเอง แลว ใหเ ดก็ ผลกั หรอื ลากกลอ งอกี โดย มกี ติกาอยาใหของเลนหกจากกลอง และระวงั อยา ชนสง่ิ กดี ขวางทวี่ างไว 139
140
141
ผลท่ีไดรับ อีคิว ไอคิว การเรยี นรู ความสนกุ สนาน ระเบียบวนิ ยั ราเรงิ ความชาง การถา ยทอด การคดิ เชื่อมโยง การทํางาน การรูจกั และ สังเกต จินตนาการ เหตุผล ประสานระหวาง ควบคุม 3 มอื และตา อารมณ 3 33 หมายเหตุ 33 = ไดผลมาก 3 = ไดผล 142
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178