๔๗ 1.1 สิ่งคุกคาม หมายถึง สงิ่ ใด ๆ หรอื สภาพการณ์ใด ๆ ก็ตาม ท่มี ีความสามารถก่อปัญหาทาง สุขภาพต่อคนได้ 1.2 อนั ตราย หมายถงึ สง่ิ หรอื เหตกุ ารณ์ทอ่ี าจก่อให้เกดิ การบาดเจ็บหรอื การเจ็บป่วยจากการ ทางาน ความเสยี หายตอ่ ทรพั ยส์ นิ ความเสยี หายตอ่ สภาพแวดลอ้ มในการทางาน หรอื ต่อสาธารณชน หรอื สงิ่ ตา่ ง ๆ เหล่านรี้ วมกนั 1.3 การเจบ็ ป่ วย หมายถึง สภาวะท่มี กี ารเปล่ยี นแปลงหน้าท่ปี กติทางดา้ นร่างกาย จติ ใจ สงั คม และจติ วญิ ญาณ ซ่ึงอาจจะเปล่ยี นด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายๆ ด้านรวมกัน ทาให้บุคคลทาหน้าท่บี กพรอ่ งหรอื ทา หน้าท่ไี ด้น้อยลงกว่าปกติ เป็นภาวะท่บี ุคคลรู้สึกว่ามีสุขภาพไม่ดี 1.4 การเจ็บป่ วยจากการทางาน หมายถึง การเจ็บป่ วยที่ได้ผ่านการพิจารณาแล้วว่ามี สาเหตุเกดิ จากการทางาน หรอื สง่ิ แวดลอ้ มของสถานทท่ี างาน 1.5 โรคติดตอ่ หมายถงึ โรคทเ่ี กดิ จากเชอ้ื โรคหรอื พษิ ของเชอ้ื โรคซงึ่ สามารถแพร่โดยทางตรงหรือ ทางออ้ มมาสคู่ น เชน่ โรคไขห้ วดั ใหญ่ โรควัณโรค โรคไขห้ วดั เป็นตน้ 1.6 เหตกุ ารณ์เกือบเกิดอุบตั ิเหตุ หมายถงึ เหตุการณท์ ่ไี ม่พงึ ประสงค์เมอ่ื เกดิ ข้นึ แลว้ มแี นวโน้มทจ่ี ะ ก่อให้เกดิ เป็นอุบตั เิ หตุ หรอื เกือบได้รบั บาดเจ็บ เจ็บป่วย เสยี ชวี ติ หรือความสูญเสียต่อทรพั ย์สนิ สภาพแวดล้อมหรอื สาธารณชน 1.7 อุบตั ิเหตุ หมายถึง เหตุการณ์ที่เกดิ ขึ้นโดยไม่ได้คาดคิดไว้ล่วงหน้า ไม่พงึ ประสงค์ หรอื ขาดการควบคุม แต่เม่ือเกิดข้นึ แลว้ สง่ ผลให้คนบาดเจ็บ หรือความเจ็บป่วยจากการทางาน สูญเสยี อวยั วะ บางส่วน พกิ าร ทุพพลภาพ หรอื เสียชีวติ หรือความเสยี หายต่อทรพั ย์สนิ และสภาพแวดล้อมในการทางานหรอื ต่อ สาธารณชน 1.8 ความเสี่ยง หมายถงึ ผลลพั ธ์ของความน่าจะเกดิ อนั ตรายและผลจากการเกดิ อนั ตรายนนั้ 1.9 การชี้บ่งอนั ตราย หมายถึง กระบวนการในการคน้ หาความเสีย่ ง ค้นหาสิ่งคุกคามหรอื อันตราย โรคตดิ ต่อ โรคไมต่ ดิ ต่อ โรค/การเจ็บป่วยจากการประกอบอาชพี และสง่ิ แวดล้อม ความเส่ยี งดา้ นอนามัย สง่ิ แวดลอ้ มทอ่ี าจส่งผลกระทบตอ่ สุขภาพอนามยั ของผู้ปฏบิ ตั งิ านและประชาชนท่อี าศยั อยโู่ ดยรอบ โรค/การเจ็บป่วย ในดา้ นสุขภาพจติ ท่มี อี ยูใ่ นแต่ละลกั ษณะงานและกจิ กรรมแลว้ ระบุลกั ษณะของอนั ตราย 1.10 การประเมินความเสย่ี ง หมายถงึ กระบวนการประมาณระดับความเส่ยี ง และการตดั สนิ ว่าความเสย่ี งนนั้ อยู่ในระดบั ใด ซ่งึ สามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น 3 ด้าน ดงั น้ี 1.10.1 การประเมินความเสีย่ งด้านสุขภาพ หมายถึง กระบวนการศกึ ษาอย่างเป็นระบบในการ ประมาณถึงโอกาส ระดบั ความรุนแรงของอนั ตรายและความสามารถในการตรวจจบั อันตรายหรอื พฤติกรรมเส่ยี ง
๔๘ ทางสุขภาพท่จี ะกอ่ ให้เกดิ ผลเสยี ต่อสุขภาพ โรคจากการประกอบอาชพี โรคติดต่อ โรคไม่ตดิ ตอ่ เร้อื รงั หรอื ปัญหาดา้ น สขุ ภาพจติ ของผปู้ ฏบิ ตั งิ าน 1.10.2 การประเมินความเสี่ยงดา้ นความปลอดภยั หมายถึง กระบวนการศกึ ษาอย่างเป็นระบบ ในการประมาณถึงโอกาส ระดบั ความรนุ แรงของอนั ตรายและความสามารถในการตรวจจบั อนั ตรายทจ่ี ะกอ่ ใหเ้ กดิ การ บาดเจบ็ หรอื อบุ ตั เิ หตจุ ากการทางานได้ 1.10.3 การประเมินความเสีย่ งด้านสภาพแวดลอ้ มในการทางาน หมายถึง กระบวนการศกึ ษา อยา่ งเป็นระบบในการประมาณถงึ โอกาส ระดบั ความรุนแรงของอนั ตรายและความสามารถในการตรวจจบั อันตราย หรือความเส่ยี งท่เี กิดจากสภาพแวดล้อมในการทางานท่ไี ม่เหมาะสม เช่น ระดบั ความร้อน ปรมิ าณความเขม้ ข้น ของสารเคมหี รอื ฝุ่นละอองทเ่ี ป็นไปตามมาตรฐานกาหนด ทจ่ี ะกอ่ ให้เกดิ การเจ็บป่วย การบาดเจ็บหรอื อุบตั เิ หตุจาก การทางานได้ 1.11 ระดบั ความเส่ียงทย่ี อมรบั ได้ หมายถึง ระดบั ความเส่ยี งทอ่ี งค์กรยอมรับโดยไมจ่ าเป็นต้อง เพมิ่ มาตรการควบคุมอกี ซึ่งไดร้ บั การพจิ ารณาจากการประเมนิ ความเส่ยี งแล้วว่าโอกาสท่จี ะเกดิ และความรนุ แรงท่จี ะ เกดิ ข้นึ มเี พยี งเล็กน้อย ระดบั ความเสย่ี งท่ยี อมรบั ได้ อาจเป็นผลจากการมมี าตรการท่เี หมาะสมในการลด หรอื ควบคุม ความเสย่ี ง 1.12 การควบคุมความเสีย่ ง หมายถึง ขัน้ ตอนหรอื นโยบายขององค์กรที่เป็นการควบคุม เพ่อื ให้เกดิ ความมนั่ ใจได้วา่ การตอบสนองความเสย่ี งทไ่ี ด้เลอื กไวแ้ ลว้ จะยงั อยรู่ ะดบั ท่สี ามารถยอมรบั ได้ 1.13 การลดผลกระทบของความเสี่ยง หมายถึง ขัน้ ตอนหรือนโยบายขององค์กรที่เป็น การลดโอกาสทจ่ี ะเกดิ ผลกระทบของความเส่ยี งให้อยใู่ นระดบั ท่อี งคก์ รสามารถยอมรบั ได้ สว่ นที่ 2 การช้ีบ่งอนั ตราย การประเมินและควบคุมความเส่ียงด้านสขุ ภาพ ด้านความปลอดภยั และดา้ นสภาพแวดล้อมในการทางาน จะประกอบไปดว้ ย 5 ขนั้ ตอน ดงั ตอ่ ไปน้ี 2.1 การช้บี ่งอนั ตราย 2.2 การประเมนิ ระดบั ความเสี่ยง 2.3 การจดั ลาดบั ความสาคญั ของความเส่ียง 2.4 การทาแผนบริหารจดั การความเสี่ยง 2.5 การทบทวนแผนบริหารจดั การความเสี่ยง
๔๙ (ทม่ี า : มาตรฐานผลติ ภณั ฑ์อุตสาหกรรม THAI INDUSTRIAL STANDRAD มอก. 18004 – 2544 : ระบบการ จดั การอาชวี อนามยั และความปลอดภยั : ขอ้ แนะนาทวั่ ไปเก่ยี วกบั หลกั การ ระบบและเทคนิคในทางปฏบิ ตั )ิ จากขนั้ ตอนการดาเนนิ งานในการช้บี ่งอันตราย การประเมนิ และการควบคมุ ความเส่ยี ง ด้านสุขภาพ ด้าน ความปลอดภยั และดา้ นสภาพแวดล้อมในการทางานขา้ งตน้ สามารถอธบิ ายได้ดงั นี้ 2.1 การช้ีบ่งอันตราย ในขนั้ ตอนนจ้ี ะเป็นการแจกแจงสงิ่ คกุ อนั ตรายทงั้ หมดทอ่ี าจจะกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายกบั ผู้ปฏบิ ตั งิ าน โดยแจกแจงในกระบวนการทงั้ หมดท่เี ก่ยี วข้องในองค์กร ทงั้ งานท่ีเกิดขึ้นในพื้นที่กระบวนการผลิตและนอกพ้ืนท่ี กระบวนการผลิต และดาเนินการช้บี ่งสิ่งคุกคามท่อี าจจะก่อให้เกดิ อนั ตรายหรอื ความเส่ียงท่อี าจจะเกิดข้ึนใน กระบวนการนนั้ ๆ ทงั้ นี้อาจใชก้ ารวเิ คราะห์ตามหลกั 4M เพ่อื ช่วยวเิ คราะห์แจกแจงสงิ่ คุกคามท่อี าจจะกอ่ ให้เกดิ อนั ตรายใน แต่ละกระบวนการได้ชดั เจนมากข้นึ โดยหลกั 4 M ประกอบด้วย ▪ M - Man คนงาน หรอื ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน หรอื บคุ ลากร ▪ M - Machine เคร่อื งจกั ร เคร่อื งมอื หรอื อปุ กรณอ์ านวยความสะดวก ▪ M - Material วตั ถุดบิ หรอื อะไหล่ทใ่ี ชใ้ นกระบวนการปฏบิ ตั งิ าน ▪ M - Method วธิ กี ารทางาน โดยการแจกแจงสง่ิ คกุ คามท่อี าจจะกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายนนั้ มหี ลายวธิ ี องคก์ รสามารถเลอื กใช้ ตามความเหมาะสม ซ่งึ ในการกาหนดความสมั พนั ธข์ องกระบวนการท่เี กย่ี วขอ้ งในองคก์ รเพ่อื ดาเนินการแจกแจงสง่ิ คกุ คาม ทงั้ หมดทอ่ี าจจะกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายกบั ผูป้ ฏบิ ตั งิ าน สามารถแสดงความสมั พนั ธ์ได้ตามภาพท่ี ๑ กระบวนการ กระบวนการ กระบวนการ ปฏบิ ตั งิ านท่ี 1 ปฏบิ ตั งิ านที่ 2 ปฏบิ ตั งิ านท่ี ......
๕๐ ภาพท่ี 1 แสดงความสมั พนั ธข์ องกระบวนการปฏบิ ตั งิ านท่เี ก่ยี วขอ้ งในองคก์ รเพอ่ื ดาเนินการแจก แจงสง่ิ คุกคามท่อี าจจะก่อให้เกดิ อนั ตราย หลงั จากท่กี าหนดความสมั พนั ธ์ของกระบวนการปฏบิ ัตงิ านท่ีเก่ยี วข้องในองค์กรแล้ว จะต้องวเิ คราะห์ ถึงงานและขนั้ ตอนการทางานของกระบวนการปฏิบตั ิงานนัน้ ในกระบวนการปฏิบัตงิ านแต่ละกระบวนการ จะ ประกอบด้วย งานและขนั้ ตอนการทางาน องค์กรสามารถวิเคราะห์ได้ชดั เจนมากเท่าไร จะทา ให้สามารถแจก แจงสง่ิ คุกคามท่อี าจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ครอบคลุมมากยง่ิ ขึ้น การวิเคราะห์ถึงงานและขัน้ ตอนการทางาน ของแต่ละกระบวนการปฏบิ ตั งิ าน จะสามารถแสดงความสัมพันธ์ได้ตามภาพท่ี 2 กระบวนการปฏิบตั งิ าน งานท่ี 1 งานที่ 2 งานที่ 3 Man/ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน Man/ผปู้ ฏิบตั ิงาน Man/ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน Machine/เครื่องจกั ร/ Machine/เครื่องจกั ร/ ข้นั ตอนท่ี 1 เครื่องมอื /อปุ กรณ์ ข้นั ตอนท่ี 1 เครื่องมอื /อุปกรณ์ ข้นั ตอนที่ 1 Machine/เครื่องจกั ร/ ข้นั ตอนที่ 2 Material/ วตั ถุดิบ ข้นั ตอนท่ี 2 Mปกaรteณri์al/ วตั ถุดิบ เคร่ืองมอื /อปุ กรณ์ Method/วธิ กี ารทางาน Method/วธิ กี ารทางาน Material/ วตั ถดุ บิ Man/ผปู้ ฏิบตั งิ าน Man/ผปู้ ฏิบตั งิ าน Method/วิธีการทางาน Machine/เคร่ืองจกั ร/ Machine/เครื่องจกั ร/ เครื่องมอื /อปุ กรณ์ เครื่องมอื /อปุ กรณ์ Man/ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน อMปุ aกteรrณial์ / วตั ถดุ บิ Material/ วตั ถุดิบ ข้นั ตอนที่ 2 Machine/เคร่ืองจกั ร/ Method/วธิ กี ารทางาน Method/วธิ ีการทางาน เครื่องมอื /อปุ กรณ์ Material/ วตั ถุดิบ Method/วิธกี ารทางาน
๕๑ (ท่มี า : การวิเคราะห์งานเพอ่ื ชบ้ี ง่ อนั ตราย สมาคมส่งเสรมิ ความปลอดภยั และอนามยั ในการทางาน (ประเทศไทย)) ภาพท่ี 2 แสดงงานและขนั้ ตอนการทางานจาแนกตามกระบวนการปฏบิ ตั งิ านและการนาหลกั 4M มาแจกแจงสงิ่ คุกคามท่อี าจจะกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายในแตล่ ะขนั้ ตอน การช้บี ง่ สงิ่ คกุ คามและการเกดิ อนั ตราย ถ้าจะใชค้ าอธบิ ายง่ายๆ ก็คอื การไปค้นหาว่ากจิ กรรมหรอื เครอ่ื งจักร อุปกรณ์นนั้ ว่ามสี งิ่ คุกคามใดท่สี ามารถก่อให้เกดิ อันตราย เกดิ โรค ปัญหาด้านสุขภาพ หรอื สามารถกอ่ ให้เกดิ โรคหรือ ปัญหาดา้ นสขุ ภาพ ด้วยวธิ ใี ดบ้าง โดยอาจพจิ ารณาจากคาถาม 3 ขอ้ ดงั น้ี 1. มแี หลง่ กาเนิดของสงิ่ คกุ คามทอ่ี าจก่อใหเ้ กดิ อนั ตรายหรอื ไม่ (โดยการใชห้ ลกั 4 M ( Man/Machine/Material/Method) วิเคราะห์) 2. ใคร หรอื อะไร ท่ไี ดร้ บั อนั ตราย 3. อนั ตรายจะเกดิ ขน้ึ อยา่ งไร อนั ตรายท่ไี ม่ปรากฏผลเดน่ ชดั หรอื มคี วามเป็นไปได้ท่จี ะเกดิ อนั ตรายนอ้ ยมาก ไม่จาเป็นต้อง เขียนขัน้ ตอนปฏบิ ัติเป็นเอกสาร หรือจาต้องดาเนินการอะไรต่อไป การแบ่งแยกประเภทของสิ่งคกุ คาม อย่าง กวา้ งๆ เพอ่ื ช่วยในการบง่ ช้กี ารเกดิ อนั ตราย ควรแบง่ แยกประเภทของสง่ิ คุกคามในลกั ษณะต่าง ๆ เช่น อาจแบง่ ตาม หวั ขอ้ ดงั น้ี 1. ส่ิงคกุ คามทางกายภาพ (physical hazards) คอื สงิ่ คุกคามทเ่ี ป็นพลงั งานทางฟิสกิ ส์ ซึ่งมคี ุณสมบตั ทิ าใหเ้ กดิ โรคในคนได้ เชน่ อณุ หภูมิ ความกดอากาศ แรงสนั่ สะเทอื นของวตั ถุ พลงั งานเสยี ง พลงั งาน แสง รงั สคี ล่นื แมเ่ หล็กไฟฟ้า เป็นต้น 2. สิ่งคุกคามทางสารเคมี (chemical hazards) คอื สง่ิ คุกคามท่เี ป็นสารเคมีทุกชนิด ซ่ึงมี สมบตั เิ ป็นพษิ ตอ่ คนได้ ไม่วา่ จะอยใู่ นสถานะกา๊ ซ ของแขง็ หรอื ของเหลว ก็ตาม ทงั้ ทเ่ี ป็นธาตแุ ละท่เี ป็นสารประกอบ
๕๒ ทั้งท่ีเป็ นสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ เช่น สารตะกัว่ สารปรอท สารหนู ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า ก๊าซ คาร์บอนมอนอกไซด์ กา๊ ซไขเ่ น่า กา๊ ซคลอรนี เป็นตน้ 3. ส่ิงคุกคามทางชีวภาพ (biological hazards) คือ ส่ิงคุกคามท่ีเป็นสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็น เช้อื จลุ นิ ทรยี ์ ไวรสั แบคทเี รยี แมลง หรอื สตั วก์ อ่ โรค รวมทงั้ เนอื้ เย่อื หรอื สารคดั หลงั่ ของสงิ่ มชี วี ติ ท่สี ามารถทาให้เกิด การตดิ เช้อื และเจ็บป่วยได้ เช่น เช้อื ไวรัสไขห้ วดั ใหญ่ เช้อื ไวรัสพษิ สุนัขบ้า เช้อื วณั โรค เช้อื โรคบดิ เช้อื อหวิ าห์ เช้อื มาลาเรยี เป็นตน้ รวมไปถึงการจดั การสุขลกั ษณะของสถานทท่ี างาน การจดั การขยะ น้าเสยี ของเสยี และส่งิ ปฏกิ ูล สตั ว์และแมลงพาหะนาโรค การสุขาภิบาลอาหารและน้าด่มื น้าใช้ ท่ไี ม่ดีก่อให้เกิด สงิ่ คกุ คามทางชวี ภาพขน้ึ เป็น ต้น 4. สิ่งคุกคามทางการยศาสตร์ (biomechanical hazards) คือ สภาพการทางานท่ีไม่ เหมาะสมกบั สรรี ะทางร่างกายของผปู้ ฏบิ ตั งิ านจนนาไปส่กู ารเกดิ อาการ/การบาดเจบ็ /โรคทางกระดกู และกล้ามเน้อื เชน่ การทางานทจ่ี าเจซา้ ซาก การทางานทไ่ี มเ่ หมาะสมกบั ความสามารถของร่างกายและจติ ใจ อริ ยิ าบถการทางาน ท่ไี มเ่ หมาะสม หน่วยท่ที างานไมเ่ หมาะสม เป็นตน้ 5. ส่ิงคุกคามทางจิตสงั คม (psychological hazards) คอื สถานการณ์หรอื สภาวการณ์ ใด ๆ กต็ าม ทอ่ี าจกระต้นุ ใหเ้ กดิ ปัญหาทางด้านจิตใจ หรอื ความสัมพนั ธ์ในครอบครวั หรอื ในสงั คม ของผ้ทู ท่ี างานหรอื อยูใ่ นสภาวการณน์ นั้ ๆ ยกตวั อยา่ ง เช่น 1) การปฏบิ ัติงานในขณะท่สี ภาพจติ ใจผู้ปฏิบตั งิ านไม่มีความพร้อม เช่นกาลังเผชิญ กับ ภาวะการสญู เสยี คนในครอบครัวหรอื บคุ คลทร่ี กั การสญู เสยี ทรพั ยส์ นิ มปี ัญหาการเจ็บป่วย ดว้ ยโรคเรอ้ื รงั มปี ัญหาหนสี้ นิ ทไ่ี มส่ ามารถแกไ้ ขได้ ปัญหาครอบครวั เป็นตน้ 2) การทางานในสงิ่ แวดลอ้ มท่เี สยี งดงั เกนิ มาตรฐานกาหนดตลอดชว่ งการทางาน 3) การทางานบางอย่างที่เร่งรัด งานที่มคี วามรบี เร่งสูง ต้องทางานแข่งกบั เวลา การ ทางาน 4) การทางานท่มี ชี วั่ โมงการทางานท่ยี าวนาน 5) การทางานหนักเกนิ ไป ภาระงานมากเกนิ กาลงั 6) งานกะ งานทท่ี าไม่เป็นเวลาต้องอดหลบั อดนอน 7) งานท่ตี ้องใชค้ วามรบั ผดิ ชอบสูง 8) งานท่มี ปี ัญหาสงั คมภายในท่ที างาน งานทม่ี คี วามกดดนั จากผู้รว่ มงาน 9) การสดู ดมควนั บหุ รม่ี อื สองหรอื มอื สาม ทาใหผ้ ูส้ ูดดมเกดิ โรคร้ายแรง เชน่ โรคมะเรง็ ปอด โรคระบบทางเดนิ หายใจ เป็นตน้
๕๓ 10) การขาดมาตรการในการส่งเสริมสุขภาพ เช่น การออกกาลงั กายและการจดั การ ด้าน โภชนาการทถ่ี กู ตอ้ งและเหมาะสม การจดั บรกิ ารวคั ซีนเพ่อื ป้องกนั โรค เป็นตน้ 6. ส่ิงคุกคามทางด้านความปลอดภัย (safety hazards) เป็นสภาวการณ์อกี เช่นเดียวกนั แต่เป็นสภาวการณ์ท่มี โี อกาสทาให้คนทางานเกดิ การบาดเจบ็ ตอ่ รา่ งกาย พกิ าร หรอื เสยี ชวี ติ ได้ เช่น การ ทางานกับของแหลมคม การทางานในท่สี ูง การทางานกบั ไฟฟ้าแรงสงู การทางานกบั เคร่อื งจักรมคี มในขณะท่งี ว่ งนอน เหล่าน้ีเป็นต้น สิ่งคุกคามกลุ่มน้ี มกั ทาให้เกิดปัญหาสุขภาพในรูปแบบของการบาดเจ็บ ( injury) มากกว่าการทา ให้เกดิ การเจ็บป่วย (illness) บางครงั้ เม่อื กล่าวถึงเฉพาะสง่ิ คุกคามท่ที าให้เกิดเป็นโรค จงึ มกั จะกล่าวถึงเฉพาะสงิ่ คกุ คาม 5 กลุม่ แรก และสงิ่ คุกคามกลุ่มนี้ถกู ละไว้ในฐานท่เี ขา้ ใจ เน่อื งจากทาให้เกดิ การบาดเจ็บมากกวา่ ทาให้เป็น โรค ยกตวั อย่าง เช่น 1) การล่นื หกล้ม เช่น มนี ้ามนั /น้านองพ้นื ทาให้ล่นื หกล้ม การสะดุดหกล้มพ้นื ต่างระดับ หรอื สะดุดหกล้มเน่ืองจากมวี ัตถุสิง่ ของกีดขวาง เป็นต้น 2) การตกจากท่สี ูง 3) บริเวณท่วี ่างเหนือศรี ษะไม่เพยี งพอ ทาให้ศีรษะเกดิ การชน/กระแทก 4) อนั ตรายท่เี กดิ จากการยก หยบิ จับ เคร่อื งมือ วัตถุดิบ ฯลฯ ได้แก่ สงิ่ ของตกหล่น กระแทกเท้า หยิบอะไหล่ท่มี ีความคมทาให้ถูกบาด เป็นต้น 5) อันตรายจากอาคารสถานท่แี ละเคร่อื งจกั รอุปกรณ์ขณะทาการประกอบ การนามาใช้งาน การปฏิบัตงิ าน การบารุงรกั ษา การปรบั เปล่ยี น การซ่อมแซมและการ ร้อื ถอน 2.2 ประเมินระดบั ความเส่ยี ง ขนั้ ตอนน้ีจะเป็นนาเอาขอ้ มูลการช้บี ง่ อนั ตรายทไ่ี ดจ้ ากขนั้ ตอนท่ี 2.1 มาทาการพจิ ารณา โอกาสของการเกดิ อนั ตราย การพจิ ารณาระดบั ความรุนแรงของการเกดิ อนั ตราย การพจิ ารณาระดบั ความสามารถใน การตรวจจบั การเกดิ อนั ตรายและทาการประเมนิ ระดบั ความเสย่ี งของอนั ตราย โดยการประเมนิ เพอ่ื หาค่าคะแนนความเสย่ี ง มหี ลกั การดงั น้ี การประเมินค่าคะแนนความเสีย่ ง = โอกาสของการเกดิ อนั ตราย x ระดบั ความรุนแรงของการเกดิ อนั ตราย x ระดบั ความสามารถในการตรวจจบั การเกดิ อนั ตราย
๕๔ (ทม่ี า : U.S. Department of Veterans Affairs . Healthcare Failure Mode and Effect Analysis (HFMEA), from http://www.patientsafety.va.gov) ยกตวั อยา่ ง เช่น โอกาสของการเกดิ อนั ตราย มคี ่าเท่ากบั 3 ระดบั ความรุนแรงของการเกดิ อันตราย มคี ่าเท่ากับ 4 ระดบั ความสามารถในการตรวจจบั การเกิดอนั ตราย มคี ่าเท่ากบั 2 ดงั นัน้ ผลคูณ ของคา่ ความเส่ยี ง คอื 3 x 4 x 2 = 24 คา่ คะแนนความเสย่ี งจะเทา่ กบั 24 หลังจากนัน้ นาค่าคะแนนความเส่ยี งท่ไี ด้จากการคณู ไปเปรยี บเทยี บหาระดบั ความเส่ยี ง เพ่อื นาไปสู่การ พจิ ารณาจดั ลาดบั ความสาคญั ของความเส่ยี งและการจดั ทาแผนบรหิ ารจดั การความเสย่ี งต่อไป ทัง้ นี้สามารถศึกษาตัวอย่างในการกาหนดระดบั ของโอกาสของการเกดิ อันตราย ได้จากตารางที่ 1 ตัวอย่างการพจิ ารณาโอกาสของการเกดิ อนั ตราย ตัวอย่างในการกาหนดระดบั ของความรุนแรงของการเกดิ อนั ตราย ได้จากตารางท่ี 2 ตัวอย่างการพิจารณาระดับความรุนแรงของการเกดิ อนั ตราย ตวั อยา่ งในการกาหนด ระดบั ความสามารถในการตรวจจบั การเกดิ อันตราย ไดจ้ ากตารางท่ี 3 ตวั อยา่ งการพจิ ารณาระดับความสามารถใน การตรวจจบั การเกดิ อนั ตราย ตวั อย่างในการประเมินค่าคะแนนความเส่ยี ง ได้จากตารางท่ี 4 ตัวอย่างตารางการ คานวณค่าคะแนนความเสย่ี งจากการพจิ ารณาปัจจยั ท่เี กย่ี วขอ้ ง และ ตวั อยา่ งในการจดั ระดบั ความเสย่ี งอนั ตราย ได้ จากตารางท่ี 5 ตัวอย่างการจดั ระดบั ความเส่ยี งอนั ตราย และต่อไปนี้จะขอยกตวั อย่างตารางการกาหนดค่าต่าง ๆ เพอ่ื ใช้ในการประเมนิ ระดบั ความเส่ยี ง 2.2.1 ตวั อย่างตารางปัจจยั เพื่อใช้คานวณหาค่าความเสยี่ ง ตารางท่ี 1 ตวั อย่างการพิจารณาโอกาสของการเกิดอนั ตราย ในขนั้ ตอนน้ีจะเป็นการพจิ ารณาถงึ โอกาสในการเกดิ เหตกุ ารณต์ ่าง ๆ ว่ามมี ากนอ้ ยเพยี งใด โดยอาจจดั ระดบั โอกาส ออกเป็น 3 ระดบั ดงั ตารางตวั อย่างในการกาหนดค่าระดบั ของโอกาสในการเกดิ อนั ตรายเพ่อื ใชใ้ นการพจิ ารณาโอกาสของการเกดิ อันตรายในองค์กร โดยจะแบ่งการพิจารณาออกเป็น 3 ดา้ น คอื ด้านสขุ ภาพ ดา้ น ความปลอดภยั และดา้ นสภาพแวดลอ้ มในการทางาน ทงั้ น้ีองคก์ รสามารถปรบั ระดบั ให้เหมาะสมกบั บริบทของ องค์กรได้ ณ ท่ีน้ีจะเป็นการยกตวั อย่างด้านสุขภาพแค่บางโรคเทา่ นนั้ จะยงั มีอกี หลายประเดน็ ท่ีองค์กรควร นามาพิจารณาเพิ่มเติม เช่น ดา้ นพฤติกรรมการสูบบุหรี่ การดมื่ สุรา การกาจดั ลูกน้ายงุ ลาย เป็นต้น 1.1 ด้านสขุ ภาพ ประกอบดว้ ย การพจิ ารณาด้านโรคตดิ ตอ่ โรคไม่ตดิ ต่อเรอ้ื รงั โรคจากการประกอบอาชพี
๕๕ โรคฟันผุ โรคปรทิ นั ต์ และ ตวั อยา่ งเกณฑ์ในการพิจารณา รอยโรคในช่องปาก และดา้ น สุขภาพจติ โอกาสของการ เกิดอนั ตราย ระดบั ต่า (1) - สดั สว่ นของผู้ปฏบิ ตั งิ านทม่ี โี รคประจาตวั ดว้ ยโรคไม่ตดิ ต่อเร้อื รงั เชน่ โรคเบาหวาน โรค ความดนั โลหติ สงู โรคอว้ น โรคไขมนั ในเลอื ดสูง โรคหวั ใจ โรคหลอดเลอื ดสมอง โรคฟัน ผแุ ละโรคปรทิ นั ต์ ตอ่ ผูป้ ฏบิ ตั งิ านทงั้ หมด นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 10 - สดั สว่ นของผูป้ ฏบิ ตั งิ านท่มี ผี ลการตรวจรอยโรคในชอ่ งปากอยใู่ นระดบั ความเส่ยี งสงู น้อยกวา่ ร้อยละ10 (จานวนผู้ทต่ี อบแบบตรวจรอยโรคในช่องปากด้วยตนเองในขอ้ 1,5,6 ขอ้ ใดขอ้ หนึ่ง หรอื ขอ้ 2,3,4 ทกุ ขอ้ ) - ไม่มผี ูป้ ่วยโรคจากการประกอบอาชพี - ไม่มผี ู้ป่วยโรคไขเ้ ลอื ดออกในองค์กร - สดั สว่ นของผูป้ ฏบิ ตั งิ านท่เี กดิ โรคตดิ ต่อ เช่น วณั โรค โรคเอดส์ ไขห้ วดั ใหญ่ เป็นต้น ต่อผปู้ ฏบิ ตั งิ านทงั้ หมด นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 5
๕๖ โอกาสของการเกิด ตวั อย่างเกณฑใ์ นการพิจารณา อนั ตราย - สดั ส่วนของผปู้ ฏบิ ตั งิ านทม่ี โี รคประจาตวั ด้วยโรคไม่ตดิ ตอ่ เร้อื รงั เชน่ โรคเบาหวาน ระดบั ปานกลาง (2) โรคความดนั โลหติ สูง โรคอ้วน โรคไขมนั ในเลอื ดสูง โรคหวั ใจ โรคหลอดเลอื ดสมอง โรค ฟันผแุ ละโรคปรทิ นั ต์ ต่อผูป้ ฏบิ ตั งิ านทงั้ หมด มากกว่าร้อยละ 10 แต่น้อยกวา่ ร้อยละ 50 -สดั สว่ นของผ้ปู ฏบิ ตั งิ านทม่ี ผี ลการตรวจรอยโรคในช่องปากอยใู่ นระดบั ความเส่ยี งสูง มากกวา่ ร้อยละ10 แตน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 50 (จานวนผทู้ ่ตี อบแบบตรวจรอยโรคในชอ่ งปาก ด้วยตนเองในขอ้ 1,5,6 ขอ้ ใดขอ้ หนงึ่ หรอื ขอ้ 2,3,4 ทกุ ขอ้ ) - สดั สว่ นของผปู้ ฏบิ ตั งิ านท่เี กดิ การเจ็บป่วย/โรคจากการประกอบอาชพี ต่อผ้ปู ฏบิ ตั งิ าน กลมุ่ เส่ยี ง มากกว่าร้อยละ 5 แตน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 10 - มผี ู้ป่วยโรคไขเ้ ลอื ดออกต่ากวา่ ร้อยละ 20 ของจานวนผปู้ ฏบิ ตั งิ านในองคก์ ร - สดั สว่ นของผปู้ ฏบิ ตั งิ านทเ่ี กดิ โรคตดิ ต่อ เชน่ วณั โรค โรคเอดส์ ไขห้ วดั ใหญ่ เป็นตน้ ต่อผู้ปฏบิ ตั งิ านทงั้ หมด มากกว่าร้อยละ 5 แต่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 20 ระดบั สูง (3) - สดั ส่วนของผปู้ ฏบิ ตั งิ านท่มี โี รคประจาตวั ดว้ ยโรคไม่ตดิ ต่อเรอ้ื รงั เชน่ โรคเบาหวาน โรค ความดนั โลหติ สงู โรคอ้วน โรคไขมนั ในเลอื ดสูง โรคหวั ใจ โรคหลอดเลอื ดสมอง โรคฟันผุ และโรคปรทิ นั ต์ ต่อผ้ปู ฏบิ ตั งิ านทงั้ หมด ตงั้ แต่รอ้ ยละ 50 ขน้ึ ไป - สดั สว่ นของผู้ปฏบิ ตั งิ านทม่ี ผี ลการตรวจรอยโรคในชอ่ งปากอย่ใู นระดบั ความเส่ยี งสงู ตงั้ แตร่ อ้ ยละ 50 ขน้ึ ไป (จานวนผทู้ ่ตี อบแบบตรวจรอยโรคในช่องปากดว้ ยตนเองในขอ้ 1,5,6 ขอ้ ใดขอ้ หนงึ่ หรอื ขอ้ 2,3,4 ทกุ ขอ้ ) - สดั สว่ นของผปู้ ฏบิ ตั งิ านทเ่ี กดิ การเจ็บป่วย/โรคจากการประกอบอาชพี ตอ่ ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน กลมุ่ เส่ยี ง ตงั้ แต่รอ้ ยละ 10 ขน้ึ ไป - มผี ้ปู ่วยโรคไขเ้ ลอื ดออกตงั้ แตร่ อ้ ยละ 20 ของจานวนผูป้ ฏบิ ตั งิ านในองคก์ ร - สดั สว่ นของผปู้ ฏบิ ตั งิ านท่เี กดิ โรคตดิ ต่อ เชน่ วณั โรค โรคเอดส์ ไขห้ วดั ใหญ่ เป็นตน้ ต่อผปู้ ฏบิ ตั งิ านทงั้ หมด ตงั้ แตร่ อ้ ยละ 20 ข้นึ ไป
๕๗ ด้านสขุ ภาพจิต
๕๘ โอกาสของการเกิด ตวั อยา่ งเกณฑ์ในการพิจารณา อนั ตราย ระดบั ตา่ (1) โอกาสเกดิ ข้นึ \"ตา่ \" โดย *ระดบั คะแนนจากการประเมนิ ความเครยี ด (ST-5) ได้ 0 – 4 คะแนน (ไม่มคี วามเครยี ด) ระดบั ปานกลาง (2) *ผลการคดั กรองโรคซมึ เศรา้ ดว้ ย 2 คาถาม ได้คาตอบวา่ “ไม่ม”ี ทงั้ 2 ขอ้ *ระดบั คะแนนจากการประเมนิ ปัญหาการดม่ื สรุ า ได้ 0 – 7 คะแนน ระดบั สูง (3) (เป็นผดู้ ่มื แบบเสย่ี งตา่ ) มโี อกาสเกดิ ข้นึ \"ปานกลาง\" โดย *ระดบั คะแนนจากการประเมนิ ความเครยี ด (ST-5) ได้ 5-7 คะแนน (สงสยั มปี ัญหาความเครยี ด) *ผลการคดั กรองโรคซึมเศรา้ ด้วย 2 คาถาม ไดค้ าตอบวา่ “ม”ี ในขอ้ ใดขอ้ หนึ่ง *ระดบั คะแนนจากการประเมนิ ปัญหาการด่มื สุรา ได้ 8-15 คะแนน (เป็นผ้ดู ม่ื แบบเสย่ี ง) โอกาสปานกลาง = จานวนผู้ปฏบิ ตั งิ านทไ่ี ด้ค่าการประเมนิ /คดั กรองสุขภาพจติ ในX 100 ระดบั ปานกลาง จานวนผปู้ ฏบิ ตั งิ านทไ่ี ดป้ ระเมนิ /คดั กรองสขุ ภาพจติ ทงั้ หมด = สดั สว่ นของผู้ปฏบิ ตั งิ านท่ไี ดค้ า่ การประเมนิ /คดั กรองสขุ ภาพจติ ในระดบั ปานกลาง ตงั้ แตร่ อ้ ยละ 10 ขน้ึ ไป มโี อกาสเกดิ ข้นึ \"สูง\" โดย *ระดบั คะแนนจากการประเมนิ ความเครยี ด (ST-5) ได้ 8 คะแนนข้นึ ไป (มคี วามเครยี ดสูง) *ผลการคดั กรองโรคซึมเศร้าด้วย 2 คาถาม ไดค้ าตอบว่า “ม”ี ทงั้ สองขอ้ *ระดบั คะแนนจากการประเมนิ ปัญหาการดม่ื สุรา ได้ 16-19 คะแนนหรอื มากกว่า 20 คะแนนข้นึ ไป (เป็นผ้ดู ม่ื แบบอนั ตราย หรอื ผดู้ ่มื แบบตดิ ) โอกาสสูง = จานวนผ้ปู ฏบิ ตั งิ านท่ไี ด้ค่าการประเมนิ /คดั กรองสุขภาพจติ ในระXด1บั 0ส0งู จานวนผู้ปฏิบตั งิ านท่ไี ด้ประเมนิ /คดั กรองสุขภาพจติ ทงั้ หมด = สดั สว่ นของผปู้ ฏบิ ตั งิ านทไ่ี ดค้ ่าการประเมนิ /คดั กรองสุขภาพจติ ในระดบั สูง ตงั้ แต่รอ้ ย ละ 5 ขน้ึ ไป
๕๙ หมายเหตุ : ในกรณดี า้ นสุขภาพจิต หากพบผู้ปฏิบตั งิ านมโี อกาสเกดิ ขน้ึ ในระดบั ตา่ กลาง และสงู ควรมผี ้แู นะนาหรอื ดแู ลใหค้ าปรกึ ษา แบบคดั กรองโรคซมึ เศร้าดว้ ย 2 คาถาม (2Q) ผู้ปฏบิ ัตงิ านกลุ่มเส่ยี งท่ไี ด้รบั การคัดกรองโดยแบบคดั กรองโรคซึมเศร้าด้วย 2 คาถาม (2Q) มผี ล การคดั กรองเป็นบวก คอื ได้คาตอบว่า “มี” ในขอ้ ใดข้อหน่ึง หรอื ทงั้ สองขอ้ หมายถึง เป็นผ้มู ีความเส่ียงหรือมี แนวโน้ม ทจ่ี ะเป็นโรคซมึ เศรา้ ควรพดู คุย/ให้การปรกึ ษาเบอ้ื งต้นเพอ่ื หาสาเหตุของปัญหาหรอื พจิ ารณาขอ้ มูลอน่ื ๆ ประกอบร่วมด้วย เช่น การขาด/ลา/มาทางานสาย มีปัญหาหนี้สิน ปัญหาครอบครัว ปัญหาภาระงานหรอื ความสัมพนั ธ์ในองค์กร ปัญหาสุขภาพ ปัญหาการดื่มสุรา ฯลฯ ควรมีการเฝ้าระวัง ให้ความช่วยเหลือตาม ความสามารถขององค์กร หากเกินความสามารถให้พจิ ารณาส่งต่อความช่วยเหลือ ไปยงั หน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งตรง ตามความตอ้ งการและปัญหานนั้ ๆ สาหรบั หน่วยบรกิ ารสาธารณสุข เม่อื ไดร้ บั ส่งต่อความช่วยเหลอื ควรพจิ ารณาใช้ แบบประเมนิ โรคซึมเศร้า 9 คาถาม (9Q) หมายเหตุ : กลุ่มเสย่ี ง ไดแ้ ก่ กลุ่มผปู้ ฏบิ ตั งิ านท่มี ีปัญหาสุขภาพกาย สุขภาพจติ เช่น ความเครยี ด ภาวะซึมเศร้า การ เผชิญกับความสูญเสีย การปรับตัว การจัดการกับอารมณ์ ติดพนัน เป็นต้น มีปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหา ครอบครวั ปัญหาความสัมพนั ธ์ ปัญหาความรุนแรง ปัญหาการด่มื สุรา ปัญหายาเสพติด ปัญหาภาระงาน ฯลฯ ทงั้ น้ี ข้ึนอยู่ กบั บริบท สภาพแวดลอ้ มและการวิเคราะห์องคก์ ร ข้อแนะนา 1. กรณีท่ผี ลการประเมนิ พบวา่ มผี ้ปู ฏิบตั ิงานตอบประเมินแล้วไดค้ ่าคะแนนเท่ากบั 0 เกินกว่ารอ้ ยละ 50 ของ ผ้ตู อบแบบประเมินทงั้ หมด ควรทาความเขา้ ใจกบั ผตู้ อบแบบประเมิน ในประเด็นดงั ตอ่ ไปนี้ - ผ้ตู อบแบบประเมนิ ไมเ่ ขา้ ใจแบบประเมนิ ขอ้ คาถาม หรอื การแปลผลคะแนน - ตอบไม่ตรงกบั ความจรงิ เน่อื งจากกงั วลว่าจะมผี ลกระทบตอ่ การปฏบิ ตั งิ าน - พนักงานอาจมภี าวะเฉ่อื ยชาหรอื หมดไฟในการทางาน และควรพิจารณาทาการประเมินความเครียด (ST-5) ซ้าอีกครงั้ หลังจากได้ให้คาแนะนาและช้ีแจงแก่ ผ้ปู ฏิบตั ิงานให้มคี วามเข้าใจตรงกนั 2. กรณีท่ผี ลการประเมินพบว่า มีผ้ปู ฏิบตั ิงานตอบประเมินแลว้ ได้คา่ คะแนนมากกว่าหรอื เท่ากับ 8 เกินกว่า ร้อยละ 10 ของผตู้ อบแบบประเมินทงั้ หมด ควรพิจารณาทาการประเมินความเครียด (ST-5) ซ้าอกี ครงั้ ภายหลัง การประเมินซ้า หากพบว่าผู้ปฏิบตั ิงานในกลุ่มนี้ยังคงได้ค่าคะแนนมากกว่าหรือเท่ากบั 8 แนะนาให้ใช้ แบบคัดกรองโรคซึมเศร้า 2 คาถาม (2Q) ถ้าผลเป็น Positive ควรพูดคุย/ให้การปรึกษาเบื้องต้นเพ่ือหา สาเหตุของปัญหาหรือพิจารณาข้อมลู อ่นื ๆ ประกอบรว่ มด้วย เช่น การขาด/ลา/มาทางานสาย มปี ัญหาหน้ีสนิ
๖๐ ปัญหาการด่มื สุรา ฯลฯ และพิจารณาใช้แบบประเมินโรคซึมเศร้า 9 คาถาม (9Q) โดยบุคลากรสาธารณสุข ตอ่ ไป หมายเหตุ : ในกรณีพบผปู้ ฏบิ ตั งิ านมโี อกาสเกดิ ความเส่ยี งดา้ นสุขภาพจติ ใน ระดบั ต่า ควรสง่ เสรมิ สุขภาพจติ ของผู้ปฏบิ ตั งิ านให้คงอย่เู ทา่ เดมิ หรอื เพม่ิ ขน้ึ ระดบั กลาง ควรเฝ้าระวงั เพ่อื ไม่ให้มโี อกาสเกดิ ความเส่ยี งด้านสุขภาพจติ ในระดับสูง โดยมกี ารให้สขุ ภาพจิตศกึ ษา ใหก้ ารปรกึ ษา ให้คาแนะนา และใหก้ ารดแู ล ระดบั สูง ควรพจิ ารณาให้ความช่วยเหลอื ตามความสามารถขององคก์ ร และส่งต่อเพ่อื ขอรับความช่วยเหลอื ไปยงั หน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งทต่ี รงกบั ความต้องการและปัญหา ในกรณีทป่ี ัญหานนั้ เกนิ ความสามารถขององคก์ ร 1.2 ด้านความปลอดภยั โอกาสของการเกิด ตวั อยา่ งเกณฑใ์ นการพิจารณา อนั ตราย ระดบั ต่า (1) มสี ถิตกิ ารเกดิ อบุ ตั เิ หตขุ องผู้ปฏบิ ตั งิ าน น้อยกว่า 5 ครงั้ ตอ่ ปี ระดบั ปานกลาง (2) มสี ถิตกิ ารเกดิ อุบตั เิ หตุของผปู้ ฏบิ ตั งิ าน ตงั้ แต่ 5 ครงั้ แตไ่ ม่เกนิ 10 ครงั้ ต่อปี ระดบั สงู (3) มสี ถติ กิ ารเกดิ อุบตั เิ หตขุ องผู้ปฏบิ ตั งิ าน มากกว่า 10 ครงั้ ตอ่ ปี 1.3 ดา้ นสภาพแวดลอ้ มในการทางาน โอกาสของการเกิด ตวั อยา่ งเกณฑ์ในการพิจารณา อนั ตราย ระดบั ต่า (1) มผี ลการตรวจวดั สภาพแวดลอ้ มในการทางานไมเ่ ป็นไปตามมาตรฐานกาหนด นอ้ ยกวา่ 3 จดุ ตอ่ ครงั้ ระดบั ปานกลาง (2) มผี ลการตรวจวดั สภาพแวดลอ้ มในการทางานไม่เป็นไปตามมาตรฐานกาหนด ระดบั สงู (3) ตงั้ แต่ 3 จดุ แตไ่ ม่เกนิ 5 จุดตอ่ ครงั้ มผี ลการตรวจวดั สภาพแวดล้อมในการทางานไมเ่ ป็นไปตามมาตรฐานกาหนด มากกว่า 5 จดุ ตอ่ ครงั้ ขน้ึ ไป
๖๑ ตารางท่ี 2 ตวั อยา่ งการพิจารณาระดบั ความรุนแรงของการเกิดอนั ตราย ในขนั้ ตอนนี้จะเป็นการพจิ ารณาถึงความรุนแรงของเหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ ว่าจะก่อให้เกดิ ถึงผลกระทบท่ี อาจเกิดขึ้นภายในองคก์ รและสง่ ผลกระทบไปยังภายนอกองค์กรมากน้อยเพยี งใด โดยอาจจดั ระดบั ความ รุนแรง ออกเป็น 4 ระดับ ดงั ตารางตวั อย่างในการกาหนดค่าระดับความรุนแรงของการเกดิ อนั ต รายเพ่อื ใชใ้ น ประเมนิ ระดบั ความรุนแรงของการเกดิ อนั ตรายในองคก์ ร โดยจะแบ่งการพจิ ารณาออกเป็น 3 ดา้ น คอื ดา้ นสุขภาพ ดา้ นความปลอดภยั และดา้ นสภาพแวดล้อมในการทางาน ทงั้ นี้องค์กรสามารถปรบั ระดับให้เหมาะสมกับบริบท ขององค์กรได้ 2.1 ดา้ นสขุ ภาพ
๖๒ ระดบั ความรุนแรง ตวั อย่างเกณฑใ์ นการพิจารณา ระดบั ตา่ (1) - สง่ ผลกระทบภายในองคก์ ร ในระดบั ทผ่ี ้ปู ฏบิ ตั งิ านมกี ารเจบ็ ป่วยเลก็ น้อยในระดบั ปฐม ระดบั ปานกลาง (2) พยาบาล มผี ลกระทบต่อกระบวนการผลติ เล็กนอ้ ยมาก สามารถทางานได้เป็นปกติ มผี ลกระทบต่อเศรษฐกจิ ขององคก์ รเพยี งเลก็ น้อยหรอื ไม่มเี ลย ระดบั สูง (3) - สง่ ผลกระทบภายนอกองค์กร ไม่เกดิ ผลกระทบภายนอกองค์กร ระดบั สงู มาก (4) - ส่งผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ท่ผี ปู้ ฏบิ ตั งิ านมกี ารเจ็บป่วยตอ้ งไปพบแพทย์ มผี ลกระทบตอ่ กระบวนการผลติ ปานกลางแต่สามารถทางานได้ ผลกระทบตอ่ เศรษฐกจิ ขององคก์ รปานกลาง - สง่ ผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ท่มี ผี ลกระทบต่อครอบครวั ของผู้ปฏบิ ตั งิ าน เล็กน้อย ระยะสนั้ ๆ - สง่ ผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ท่ผี ู้ปฏบิ ตั งิ านมกี ารเจบ็ ป่วยตอ้ งไปพบแพทย์และ ไดร้ บั การรกั ษา มผี ลกระทบต่อกระบวนการผลติ ถึงขนั้ หยดุ การทางาน ในระยะเวลาสนั้ ๆ ผลกระทบต่อเศรษฐกจิ ขององค์กรเสยี หายมาก มผี ลกระทบตอ่ ผลผลติ - ส่งผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ท่มี ผี ลกระทบตอ่ ครอบครวั ของผู้ปฏบิ ตั งิ าน มาก - สง่ ผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ท่ผี ้ปู ฏบิ ตั งิ านมกี ารเจ็บป่วยตอ้ งไดร้ บั การรกั ษา ในโรงพยาบาล มผี ลกระทบต่อกระบวนการผลติ สงู มากถงึ ขนั้ หยดุ การทางาน ในระยะ ยาว ผลกระทบต่อเศรษฐกจิ ขององคก์ รเสยี หายสูงมาก มผี ลกระทบต่อผลผลติ สูง - สง่ ผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ท่มี ผี ลกระทบต่อครอบครวั ของผปู้ ฏิบตั งิ าน มากและเป็นระยะยาว
๖๓ ด้านสขุ ภาพจิต
๖๔ ระดบั ความรนุ แรง ตวั อย่างเกณฑใ์ นการพิจารณา ระดบั ต่า (1) - ส่งผลกระทบภายในองคก์ ร ไม่เกดิ ผลกระทบตอ่ ผูป้ ฏบิ ตั งิ าน ผู้ปฏบิ ตั งิ านสามารถ ทางานไดต้ ามปกติ - สง่ ผลกระทบภายนอกองค์กร ไม่เกดิ ผลกระทบภายนอกองคก์ ร ระดบั ปานกลาง (2) - ส่งผลกระทบภายในองคก์ ร ในระดบั ท่ผี ู้ปฏบิ ตั งิ านมกี ารเจ็บป่วยทางกายเกดิ ข้นึ เป็น ระดบั สูง (3) บางครงั้ โดยไม่มสี าเหตุ เชน่ ปวดศรี ษะ เบ่อื อาหาร ท้องอดื ปวดเมอ่ื ย เป็นต้น มผี ลกระทบตอ่ กระบวนการผลติ ปานกลาง สามารถทางานไดแ้ ตอ่ าจเกดิ ความผดิ พลาด บ้างบางครงั้ มกี ารหยดุ งานบ้าง มผี ลกระทบตอ่ เศรษฐกจิ ขององค์กรปานกลาง - ส่งผลกระทบภายนอกองคก์ ร ในระดบั ท่มี ผี ลกระทบต่อครอบครวั ของผู้ปฏบิ ตั งิ าน ปานกลาง เช่น มปี ากเสยี งบ้างเลก็ นอ้ ยแต่ไม่รุนแรง ยงั จดั การแกป้ ัญหาในครอบครวั ได้ - ส่งผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ทผ่ี ปู้ ฏบิ ตั งิ านมกี ารเจ็บป่วยทางกายเกดิ ขน้ึ อยา่ ง ต่อเน่อื งและจาเป็นตอ้ งไปพบแพทย์ เช่น นอนไมห่ ลบั ตดิ ตอ่ กนั หรอื นอนมากไป เบอ่ื อาหารหรอื ทานมากไป หรอื มพี ฤตกิ รรมทเ่ี ปล่ยี นไปจากเดมิ เชน่ หงุดหงดิ ฉุนเฉียวงา่ ย ชอบทะเลาะกบั ผอู้ ่นื แกป้ ัญหาดว้ ยการมพี ฤตกิ รรมท่ไี ม่เหมาะสม เป็นตน้ มผี ลกระทบตอ่ กระบวนการผลติ ถงึ ขนั้ หยดุ การทางาน ในระยะเวลาสนั้ ๆ เกดิ ความ ผดิ พลาดในการทางานบ่อย มผี ลกระทบตอ่ เศรษฐกจิ ขององคก์ รเสยี หายมากจากการท่ี ผ้ปู ฏบิ ตั งิ านหยุดงาน มผี ลกระทบต่อผลผลติ - ส่งผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ท่มี ผี ลกระทบต่อครอบครวั ของผ้ปู ฏบิ ตั งิ าน มาก เชน่ มปี ากเสยี งในครอบครวั บอ่ ยครงั้ ไม่รบั ผดิ ชอบในครอบครวั เป็นต้น
๖๕ ระดบั สูงมาก (4) - ส่งผลกระทบภายในองคก์ ร ในระดบั ท่ผี ปู้ ฏบิ ตั งิ านมกี ารเจ็บป่วยทส่ี ่งผลให้เหน็ วา่ มี ปัญหาสขุ ภาพจติ ชดั เจนต้องไปพบแพทย์และจาเป็นต้องได้รบั การรกั ษา เช่น ซึมเศร้า แยกตวั เองไม่พูดกบั ใคร หรอื บ่นอยากตาย หรอื ทะเลาะกบั ผู้อน่ื ไปทวั่ เป็นตน้ มี ผลกระทบตอ่ กระบวนการผลติ สูงมากถึงขนั้ หยุดการทางาน ไมส่ ามารถทางานได้ ผลกระทบต่อเศรษฐกจิ ขององคก์ รเสยี หายสูงมากจากการท่ผี ปู้ ฏบิ ตั งิ านหยุดงาน มผี ลกระทบต่อผลผลติ สงู มาก - ส่งผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ทม่ี ผี ลกระทบตอ่ ครอบครวั ของผ้ปู ฏบิ ตั งิ าน มากและเป็นระยะยาว 2.๒ ด้านความปลอดภยั
๖๖ ระดบั ความรุนแรง ตวั อย่างเกณฑ์ในการพิจารณา ระดบั ตา่ (1) - สง่ ผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ท่ผี ู้ปฏบิ ตั งิ านมกี ารบาดเจบ็ เล็กนอ้ ยในระดบั ปฐม ระดบั ปานกลาง (2) พยาบาล ทรพั ย์สนิ ขององคก์ รเกดิ ความเสยี หายนอ้ ยมาก หรอื ไมเ่ สยี หายเลย - สง่ ผลกระทบภายนอกองค์กร ไมเ่ กดิ ผลกระทบต่อชุมชนรอบโรงงานหรอื มผี ลกระทบ ระดบั สงู (3) เล็กน้อย มผี ลกระทบตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มรอบโรงงานเพยี งเล็กนอ้ ย สามารถควบคมุ หรอื แกไ้ ข ได้ ระดบั สูงมาก (4) - ส่งผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ท่ผี ้ปู ฏบิ ตั งิ านมกี ารบาดเจ็บตอ้ งไปพบแพทย์ ทรพั ยส์ นิ ขององคก์ รเกดิ ความเสยี หายปานกลาง และสามารถดาเนินการผลติ ตอ่ ไปได้ - สง่ ผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ทเ่ี กดิ ผลกระทบตอ่ ชุมชนรอบโรงงานและแกไ้ ข ไดใ้ นระยะเวลาอนั สนั้ มผี ลกระทบตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มรอบโรงงานปานกลาง สามารถแกไ้ ขได้ ในระยะเวลาสนั้ - ส่งผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ทผ่ี ู้ปฏบิ ตั งิ านมกี ารเจ็บป่วยตอ้ งไปพบแพทย์และ ได้รบั การรกั ษา มที รพั ย์สนิ ขององคก์ รเกดิ ความเสยี หายมาก และต้องหยดุ การผลติ ใน บางส่วน - ส่งผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ท่เี กดิ ผลกระทบตอ่ ชมุ ชนรอบโรงงานและต้อง ใช้เวลาในการแกไ้ ข มผี ลกระทบต่อสง่ิ แวดล้อมรอบโรงงานรนุ แรงและต้องใชเ้ วลาในการ แก้ไข - สง่ ผลกระทบภายในองคก์ ร ในระดบั ทผ่ี ้ปู ฏบิ ตั งิ านมกี ารเจบ็ ป่วยต้องได้รบั การรกั ษา ในโรงพยาบาล มีทรพั ย์สนิ ขององคก์ รเกดิ ความเสยี หายมาก และต้องหยุดการผลติ ทงั้ หมด - ส่งผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ทเ่ี กดิ ผลกระทบต่อชมุ ชนรอบโรงงานเป็น บรเิ วณกวา้ งหรอื หน่วยงานของภาครฐั ตอ้ งเขา้ มาดาเนินการแก้ไข มผี ลกระทบต่อ สงิ่ แวดลอ้ มรอบโรงงานรุนแรงมากและตอ้ งใช้ทรพั ยากรและเวลานานในการแกไ้ ข
๖๗ 2.๓ ด้านสภาพแวดล้อมในการทางาน
๖๘ ระดบั ความรนุ แรง ตวั อยา่ งเกณฑ์ในการพิจารณา ระดบั ตา่ (1) - ส่งผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ทผ่ี ปู้ ฏบิ ตั งิ านมกี ารบาดเจบ็ /เจบ็ ป่วยเลก็ นอ้ ยใน ระดบั ปานกลาง (2) ระดบั ปฐมพยาบาล ทรพั ย์สนิ ขององค์กรเกดิ ความเสยี หายน้อยมาก หรอื ไมเ่ สยี หายเลย - สง่ ผลกระทบภายนอกองค์กร ไมเ่ กดิ ผลกระทบต่อชมุ ชนรอบโรงงานหรอื มผี ลกระทบ ระดบั สูง (3) เล็กน้อย มผี ลกระทบตอ่ สง่ิ แวดล้อมรอบโรงงานเพยี งเลก็ น้อย สามารถควบคุมหรอื แกไ้ ข ได้ ระดบั สงู มาก (4) - ส่งผลกระทบภายในองคก์ ร ในระดบั ท่ผี ู้ปฏบิ ตั งิ านมกี ารบาดเจบ็ /เจ็บป่วยตอ้ งไปพบ แพทย์ ทรพั ย์สนิ ขององคก์ รเกดิ ความเสยี หายปานกลาง และสามารถดาเนนิ การผลติ ต่อไปได้ - สง่ ผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ทเ่ี กดิ ผลกระทบตอ่ ชุมชนรอบโรงงานและแกไ้ ข ไดใ้ นระยะเวลาอนั สนั้ มผี ลกระทบต่อสง่ิ แวดลอ้ มรอบโรงงานปานกลาง สามารถแก้ไขได้ ในระยะเวลาสนั้ - สง่ ผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ทผ่ี ้ปู ฏบิ ตั งิ านมกี ารบาดเจบ็ /เจ็บป่วยต้องไปพบ แพทย์และได้รบั การรกั ษา มที รพั ยส์ นิ ขององค์กรเกดิ ความเสยี หายมาก และตอ้ งหยุด การผลติ ในบางส่วน - สง่ ผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ท่เี กดิ ผลกระทบตอ่ ชุมชนรอบโรงงานและตอ้ ง ใช้เวลาในการแก้ไข มผี ลกระทบตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มรอบโรงงานรุนแรงและต้องใชเ้ วลาในการ แกไ้ ข - สง่ ผลกระทบภายในองคก์ ร ในระดบั ท่ผี ู้ปฏบิ ตั งิ านมกี ารบาดเจ็บ/เจบ็ ป่วยตอ้ งได้รบั การรกั ษา ในโรงพยาบาล มที รพั ยส์ นิ ขององค์กรเกดิ ความเสยี หายมาก และตอ้ งหยุดการ ผลติ ทงั้ หมด - ส่งผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ทเ่ี กดิ ผลกระทบต่อชมุ ชนรอบโรงงานเป็น บรเิ วณกวา้ งหรอื หน่วยงานของภาครฐั ตอ้ งเขา้ มาดาเนินการแกไ้ ข มผี ลกระทบตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มรอบโรงงานรุนแรงมากและตอ้ งใช้ทรพั ยากรและเวลานานในการแก้ไข ตารางที่ 3 ตวั อยา่ งการพิจารณาระดบั ความสามารถในการตรวจจบั การเกิดอนั ตราย ในขนั้ ตอนนี้จะเป็นการพจิ ารณาถึงความสามารถในการตรวจจบั การเกดิ อนั ตรายของของเหตุการณ์
๖๙ หรือความเส่ยี งต่าง ๆ โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังตารางตัวอย่างในการกาหนดค่าระดบั ความสามารถในการ ตรวจจบั การเกดิ อนั ตรายเพอ่ื ใชใ้ นประเมนิ ระดบั ความสามารถในการตรวจจบั การเกดิ อนั ตรายในองค์กร โดยจะแบ่งการ พจิ ารณาออกเป็น 3 ด้าน คอื ด้านสุขภาพ ด้านความปลอดภัย และด้านสภาพแวดล้อม ในการทางาน ทงั้ น้ี องค์กรสามารถปรบั ระดบั ให้เหมาะสมกบั บริบทขององค์กรได้ 3.1 ด้านสุขภาพ ตวั อย่างเกณฑใ์ นการพิจารณา ระดบั ความสามารถ ในการตรวจจบั ระดบั ต่า (1) ไม่มกี ารตรวจประเมนิ สุขภาพของผปู้ ฏบิ ตั งิ าน ไม่มกี ารคดั กรองหรอื ประเมนิ หา กลุ่มเส่ยี ง/พฤตกิ รรมเสย่ี งของโรคตดิ ต่อ โรคไม่ตดิ ตอ่ และโรคจากการประกอบอาชพี เช่น ไมม่ กี ารตรวจสุขภาพประจาปี ไม่มกี ารตรวจสุขภาพตามปัจจยั เสย่ี ง และ ไม่มกี ารตรวจคดั กรองผู้ป่วยโรคระบบทางเดนิ หายใจ เชน่ ไขห้ วดั ใหญ่ เป็นตน้ หรอื ไมม่ ี แผนการดาเนนิ งานเพอ่ื ป้องกนั และควบคุม ระดบั ปานกลาง (2) มกี ารตรวจประเมนิ สุขภาพของผู้ปฏบิ ตั งิ านแตไ่ มส่ ม่าเสมอ หรอื ไม่มีแผนการดาเนนิ งาน เพ่อื ป้องกนั และควบคุมทต่ี อ่ เน่อื ง ระดบั สงู (3) มกี ารตรวจประเมนิ สขุ ภาพของผปู้ ฏบิ ตั งิ านอย่างตอ่ เน่อื ง รวมถึงการรวบรวมสถติ กิ าร เกดิ โรคต่าง ๆ รวมทงั้ นาผลของการประเมนิ และสถิตกิ ารเกดิ โรค ไปวเิ คราะห์และ ดาเนนิ การทุกกรณอี ย่างต่อเน่อื ง ทงั้ การตรวจสขุ ภาพประจาปีและการตรวจสุขภาพตาม ปัจจยั เสย่ี ง ดา้ นสุขภาพจิต
๗๐ ระดบั ความสามารถ ตวั อยา่ งเกณฑใ์ นการพิจารณา ในการตรวจจบั ระดบั ตา่ (3) ไม่มกี ารตรวจประเมนิ /คดั กรองสุขภาพจติ ตามแบบของกรมสขุ ภาพจติ ระดบั ปานกลาง (2) มกี ารตรวจประเมนิ /คดั กรองสขุ ภาพจติ ตามแบบของกรมสขุ ภาพจติ บา้ ง ระดบั สงู (1) แต่ไม่ประจา หรอื ไม่ต่อเน่อื ง มกี ารตรวจประเมนิ /คดั กรองสุขภาพจติ เป็นประจาอย่างน้อยปีละครงั้ หรอื มากกวา่ ตามความจาเป็น 3.2 ดา้ นความปลอดภยั ระดบั ความสามารถ ตวั อยา่ งเกณฑ์ในการพิจารณา ในการตรวจจบั ระดบั ตา่ (3) ไมม่ คี วามสามารถในการตรวจจบั การเกดิ อนั ตรายได้เลย ระดบั ปานกลาง (2) มคี วามสามารถในการตรวจจบั การเกดิ อนั ตรายได้แตไ่ มท่ ุกกรณี ระดบั สงู (1) มคี วามสามารถในการตรวจจบั การเกดิ อนั ตรายไดท้ กุ กรณี 3.3 ดา้ นสภาพแวดลอ้ มในการทางาน
๗๑ ระดบั ความสามารถ ตวั อยา่ งเกณฑใ์ นการพิจารณา ในการตรวจจบั ระดบั ต่า (3) ไม่มกี ารตรวจวดั สภาพแวดล้อมในการทางาน ระดบั ปานกลาง (2) มกี ารตรวจวดั สภาพแวดลอ้ มในการทางานแตไ่ มค่ รบถว้ นตามมาตรฐานกาหนด ระดบั สูง (1) มกี ารตรวจวดั สภาพแวดล้อมในการทางานไดค้ รบถ้วนตามมาตรฐานกาหนด 2.2.2 ตวั อยา่ งตารางการคานวณค่าคะแนนความเสยี่ งจากการพิจารณาปัจจยั ท่ีเกยี่ วข้อง ตารางท่ี 4 ตวั อย่างการคานวณค่าคะแนนความเสยี่ งจากการพิจารณาปัจจยั ที่เกย่ี วขอ้ ง ในตารางท่ี 4 นี้ จะเป็นตารางตัวอย่างในการนาระดับของ โอกาสของการเกดิ อนั ตรายมาคูณกบั ระดบั ความรุนแรงของการเกิดอนั ตรายและนามาคูณกบั ระดับความสามารถในการตรวจจับการเกิดอันตรายนัน้ ๆ เพอ่ื ให้สามารถดูผลลพั ธ์ของค่าคะแนนความเส่ยี งไดง้ า่ ยข้นึ ทงั้ นเ้ี พ่อื นาไปสู่ขนั้ ตอนของการกาหนดระดบั ความเส่ยี ง ต่อไป เช่น โอกาสในการเกดิ อนั ตราย มคี ่าเท่ากบั 2 ความรุนแรงในการเกดิ อนั ตราย มคี ่าเท่ากบั 3โอกาสในการ ตรวจจบั อนั ตราย มคี ่าเทา่ กบั 3 ดงั นนั้ ผลคณู ของค่าคะแนนความเสย่ี ง คอื 2 x 3 x 3 = 18 ดงั ตารางแสดง โอกาส ต่า (1) กลาง (2) สูง (3) ความ ต่า ปาน สงู สงู ตา่ ปาน สงู สงู ต่า ปาน สงู สงู รุนแรง (1) กลาง (3) มาก (1) กลาง (3) มาก (1) กลาง (3) มาก (2) (2) (2) การตรวจจบั (4) (4) (4) สงู (1) 1 2 3 4 2 4 6 8 3 6 9 12 ปานกลาง (2) 2 4 6 8 4 8 12 16 6 12 18 24
๗๒ ต่า (3) 3 6 9 12 6 12 18 24 9 18 27 36 (ท่มี า : U.S. Department of Veterans Affairs . Healthcare Failure Mode and Effect Analysis (HFMEA), from http://www.patientsafety.va.gov) 2.2.3 ตวั อยา่ งตารางการจดั ระดบั ความเสย่ี งอนั ตราย ตารางที่ 5 ตวั อย่างการจัดระดบั ความเสย่ี งอนั ตราย โดยการนาค่าคะแนนความเสย่ี งท่ไี ด้ มาพจิ ารณาระดบั ความเส่ยี งในการจดั ทาแผนบรหิ ารจดั การความเสย่ี ง ทเ่ี หมาะสมตอ่ ไป โดยอาจจดั ระดบั ความเสย่ี งเป็น 5 ระดบั ดงั น้ี คา่ คะแนนความเสี่ยง ระดบั ความเสย่ี ง 1 – 3 ต่า 4 – 8 ยอมรบั ได้ 9 - 12 ปานกลาง 16 – 18 สงู 24 – 36 ยอมรบั ไมไ่ ด้ (ท่มี า : U.S. Department of Veterans Affairs . Healthcare Failure Mode and Effect Analysis (HFMEA), from http://www.patientsafety.va.gov) จากตวั อย่างในขนั้ ตอน 2.2.2 ค่าคะแนนความเสยี่ ง คือ 18 เมอ่ื นามาจดั ระดบั ความเส่ยี งอนั ตราย จะ อยใู่ น ระดบั ความเส่ียงสงู และจะมหี ลกั เกณฑ์ในการตอบสนองตอ่ ความเส่ยี งตามหลกั เกณฑ์ในการตอบสนองต่อ ความเส่ยี งระดบั ตา่ ง ๆ ตอ่ ไป เงอ่ื นไขในการพิจารณาระดับความเสยี่ งเพ่ิมเติม 1. กรณีความเส่ยี งอนั ตรายเกย่ี วขอ้ งกบั กฎหมายหรอื ขอ้ กาหนดอ่นื ๆ แต่องคก์ ร ไมม่ ี มาตรการ ควบคุมกจิ กรรมดงั กล่าว องคก์ รต้องดาเนินการตามกฎหมายหรือข้อกาหนดที่เกย่ี วข้องทันทีโดยไม่ตอ้ ง ผา่ นการประเมินระดบั ความเส่ยี ง 2. กรณคี วามเสย่ี งอนั ตรายเก่ยี วขอ้ งกบั กฎหมายหรอื ขอ้ กาหนดอ่นื ๆ แต่หน่วยงาน มี มาตรการ
๗๓ ควบคุมกจิ กรรมดงั กล่าว องคก์ รตอ้ งดาเนินการประเมินระดบั ความเส่ยี งตามหลกั เกณฑป์ กติ 2.3 จดั ลาดบั ความสาคญั ของความเสยี่ ง ในขนั้ ตอนน้จี ะเป็นขนั้ ตอนทอ่ี งค์กรนาระดบั ความเส่ยี งในแต่ละประเด็นมาจดั ลาดบั ความสาคญั เพ่อื นาไปสู่ การจดั ทาแผนบรหิ ารและจดั การความเส่ยี ง โดยจะมหี ลกั การพจิ ารณา คอื พจิ ารณาเลอื กความเส่ยี ง 4 ระดบั คอื ความ เส่ยี งท่ยี อมรบั ได้ ความเส่ยี งปานกลาง ความเส่ยี งสูง และความเส่ยี งท่ยี อมรับไม่ได้ มาจดั ลาดบั ความสาคญั ของปัญหาเพ่อื จดั การแก้ไขป้องกนั ตามลาดบั โดยตอ้ งพจิ ารณาเลอื กตามความระดบั ความเส่ยี งท่มี ากทส่ี ุดแล้วไล่เรียง ตามลาดบั และในการจดั ลาดบั ความสาคญั ของปัญหาในแต่ละระดบั ความเส่ยี งนนั้ อาจพจิ ารณาจากปัจจยั ต่าง ๆท่เี กย่ี วขอ้ ง รว่ มด้วย เชน่ ด้านความรุนแรงของการเกดิ ปัญหา ด้านงบประมาณ ดา้ นทรพั ยากรบุคคล ดา้ นระยะเวลาในการแกไ้ ข ฯลฯ หลกั เกณฑ์ในการตอบสนองตอ่ ความเสย่ี งระดบั ต่าง ๆ เม่อื องค์กรทราบระดับความเส่ยี งแล้ว ส่ิงท่อี งคก์ รจะต้องดาเนนิ การต่อไป คือ การพิจารณาตอบสนองต่อ ความเส่ยี งนนั้ ๆ โดยมหี ลกั เกณฑ์ในการตอบสนองตอ่ ความเส่ยี ง ดงั ตารางตอ่ ไปน้ี ระดบั ความเสย่ี ง หลกั เกณฑก์ ารพิจารณาตอบสนองตอ่ ความเสีย่ ง ระดบั ความเส่ยี งต่า (1 - 3) ไม่จาเป็นต้องมกี ารควบคมุ ระดบั ความเสีย่ งทย่ี อมรบั ได้ (4 - 8) ไม่ตอ้ งมกี ารควบคมุ เพมิ่ เตมิ แต่ตอ้ งมกี ารทบทวนมาตรการควบคมุ และ ตอ้ งมกี ารตดิ ตามตรวจสอบ โดยการกาหนดแผนควบคุมความเสยี่ ง เพ่อื ใหแ้ น่ใจว่าความเสย่ี งได้รบั การควบคมุ ต่อเน่อื งและมาตรการควบคมุ นนั้ ยงั มปี ระสทิ ธภิ าพ
๗๔ ระดบั ความเส่ียง หลกั เกณฑ์การพิจารณาตอบสนองต่อความเส่ียง ระดบั ความเสี่ยงปานกลาง (9 - 12) 1. จะต้องใชค้ วามพยายามท่จี ะลดความเสย่ี ง แต่คา่ ใช้จ่ายของการป้องกนั จะตอ้ งพจิ ารณาอย่างรอบคอบ ซ่ึงจะตอ้ งกาหนดแผนลดผลกระทบ ของความเสีย่ ง 2. จะตอ้ งมกี ารดาเนินลดความเสย่ี งภายในแผนท่กี าหนด 3. เม่อื ความเส่ยี งระดบั ปานกลางมคี วามสมั พนั ธก์ บั การเกดิ ความเสยี หาย ร้ายแรง ควรประเมนิ ทบทวนเพอ่ื ตดั สนิ ความจาเป็นสาหรบั มาตรการ ควบคุมวา่ จะต้องมกี ารปรบั ปรงุ เพม่ิ เติมหรอื ไม่ 4. เม่อื จดั ทาการลดความเสย่ี งลงแลว้ ตอ้ งจดั ทาแผนควบคุมความเสยี่ ง ต่อ เพอ่ื ให้มนั่ ใจว่าการลดความเสย่ี งนนั้ จะมมี าตรการในการควบคมุ อยา่ งตอ่ เน่อื งและมปี ระสทิ ธภิ าพอย่เู สมอ ระดบั ความเส่ียงสูง (16 - 18) 1. ตอ้ งลดความเสย่ี งลงก่อนท่จี ะเรมิ่ ทากจิ กรรมได้ 2. ต้องกาหนดแผนลดความเสยี่ ง และตอ้ งจดั สรรทรพั ยากรและ มาตรการ อย่างเพยี งพอเพ่อื ลดความเสย่ี งนนั้ 3. กรณีความเสย่ี งทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั กจิ กรรมทก่ี าลงั จะเรมิ่ หรอื กจิ กรรมท่ี กาลงั ดาเนนิ อยู่จะตอ้ งทาการแกไ้ ขโดยเร่งด่วน 4. เม่อื จดั ทาการลดความเสย่ี งลงแล้ว ตอ้ งจดั ทาแผนควบคุมความเสยี่ ง ต่อ เพ่อื ให้มนั่ ใจว่าการลดความเสย่ี งนนั้ จะมมี าตรการในการควบคมุ อยา่ งต่อเน่อื งและมปี ระสทิ ธภิ าพอยเู่ สมอ ระดบั ความเส่ียงที่ยอมรบั ไมไ่ ด้ 1. ตอ้ งกาหนดแผนลดความเสย่ี ง โดยการทางานหรอื กจิ กรรมทจ่ี ะเรม่ิ (24 - 36) หรอื งานทท่ี าอยจู่ ะไม่สามารถดาเนินตอ่ ไปได้ จนกวา่ จะลดความเสย่ี ง ลงให้อยูใ่ นขนั้ ยอมรบั ได้ 2. ถา้ ไม่สามารถลดความเสย่ี งได้ ถึงแมจ้ ะพยายามอย่างเตม็ ท่แี ล้วจะต้อง หยดุ การทางานหรอื กจิ กรรมนนั้ 3. เมอ่ื จดั ทาการลดความเสย่ี งลงแล้ว ตอ้ งจดั ทาแผนควบคุมความเส่ยี ง ตอ่ เพ่อื ให้มนั่ ใจวา่ การลดความเสย่ี งนนั้ จะมมี าตรการในการควบคมุ อย่างตอ่ เน่อื งและมปี ระสทิ ธภิ าพอยเู่ สมอ
๗๕ หมายเหตุ แนวทางการปฏบิ ตั ติ ามแผนการควบคุมความเสยี่ งทกุ ระดบั ขา้ งต้นอย่างนอ้ ยต้องมกี ารดาเนนิ การตามขอ้ กาหนด ของกฎหมาย (ทม่ี า : มาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม THAI INDUSTRIAL STANDRAD มอก. 18004 – 2544 : ระบบการ จดั การอาชวี อนามยั และความปลอดภยั : ขอ้ แนะนาทวั่ ไปเกย่ี วกบั หลกั การ ระบบและเทคนิคในทางปฏบิ ตั )ิ 2.4 การทาแผนบริหารจดั การความเสีย่ ง แผนบริหารจัดการความเสี่ยงนัน้ จะมี 2 แผน คือ แผนงานควบคุมความเส่ียงและแผนงานลด ผลกระทบของความเสี่ยง ซึ่งองค์กรตอ้ งดาเนนิ การจดั ทาแผนงานเพื่อกาหนดมาตรการความปลอดภัย ท่ี เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการลดผลกระทบและควบคุมความเส่ยี งจากอันตรายท่อี าจเกดิ ข้นึ โดยการจดั ทา แผนบรหิ ารจดั การความเสย่ี ง จะมหี ลกั เกณฑก์ ารดาเนินงานแบ่งออกเป็น 2 แผน ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. แผนงานควบคมุ ความเส่ียง จะตอ้ งดาเนินการในทุกประเดน็ ทม่ี รี ะดบั ความเส่ยี งทย่ี อมรบั ได้ 2. แผนงานลดผลกระทบของความเสีย่ ง จะตอ้ งดาเนินการในทุกประเดน็ ทม่ี รี ะดบั ความเส่ยี ง ปานกลาง ระดบั ความเส่ยี งสงู และระดบั ความเส่ยี งท่ยี อมรบั ไมไ่ ด้ เม่อื จัดทาแผนงานลดผลกระทบของความเส่ยี ง ดาเนนิ การเรยี บร้อยแลว้ ใหน้ าแผนงานลดผลกระทบของความเส่ยี งมาจดั ทาเป็นแผนงานควบคุมความเสย่ี งตอ่ ไป สาหรบั แผนท่ตี อ้ งดาเนินการสาหรบั ความเส่ยี งในแต่ละระดบั สามารถสรปุ ไดด้ งั นี้ ระดับความเสยี่ ง การจดั ทาแผนบริหารจัดการความเสยี่ ง ต่า ▪ ไมต่ ้องทาแผน ยอมรบั ได้ ▪ แผนควบคุมความเส่ยี ง ปานกลาง ▪ แผนลดผลกระทบของความเส่ยี ง สงู ▪ แผนควบคุมความเส่ยี ง ยอมรบั ไมไ่ ด้ ▪ แผนลดผลกระทบของความเส่ยี ง ▪ แผนควบคุมความเส่ยี ง ▪ แผนลดผลกระทบของความเส่ยี ง ▪ แผนควบคุมความเส่ยี ง 2.5 การทบทวนแผนบริหารจดั การความเสีย่ ง เม่อื องคก์ รทราบแลว้ ว่าจะต้องจดั ทาแผนในการดาเนินการสาหรบั ความเส่ยี งในแต่ละระดบั ควรมี
๗๖ การทบทวนแผนบริหารจดั การความเส่ยี งกอ่ นนาไปใช้งานจรงิ เพอ่ื ให้มนั่ ใจไดว้ า่ แผนนัน้ จะสามารถดาเนินการไดจ้ รงิ และ มคี วามเหมาะสม โดยการตอบคาถามต่อไปนี้ 1. เม่อื มกี ารปรบั ปรงุ แล้ว ระดบั ความเส่ยี งลดลงจนยอมรบั ไดห้ รอื ไม่ 2. ผลจากการปรบั ปรงุ ตามขอ้ 1 กอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายข้นึ ใหม่หรอื ไม่ 3. ได้เลอื กวธิ กี ารแก้ไขปัญหาทค่ี ุ้มคา่ มปี ระสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ลหรอื ไม่ 4. มาตรการควบคุมท่ใี ช้นนั้ เป็นท่ยี อมรบั ของผปู้ ฏบิ ตั งิ าน และสามารถนาไปปฏบิ ตั ไิ ดห้ รอื ไม่ 5. จะมกี ารนามาตรการนีไ้ ปใช้ และจะไม่ถูกละเลยเม่อื เผชญิ หนา้ กบั ภาวะตา่ ง ๆ หรอื ไม่ ถ้ามงี าน เรง่ ดว่ นอาจจะละเลยมาตรการทต่ี อ้ งปฏบิ ตั นิ นั้ เป็นตน้ กรณีใดท่ตี ้องมกี ารทบทวนการชบ้ี ่งสิ่งคุกคาม การประเมินและการควบคุมความเสี่ยงใหม่ การประเมนิ ความเส่ยี งควรเป็นกระบวนการท่ตี ้องทาอย่างต่อเน่ือง ดังนัน้ การจดั ความเพยี งพอของ มาตรการควบคุมควรมกี ารทบทวนอย่างต่อเน่ือง และมกี ารปรับปรุงใหม่ตามความจาเป็น ในทานองเดียวกนั ถ้า สภาพการณเ์ ปลย่ี นไป ทาให้อนั ตรายและความเส่ยี งเปล่ยี นไปดว้ ย ควรทบทวนการประเมนิ ความเส่ยี งใหม่ 4. กรณีศึกษา การนาแนวคิดสุขภาวะองคร์ วมของคนทางาน ไปสกู่ ารพฒั นาทเ่ี หน็ ผลระยะเวลา กรณีศกึ ษาการดาเนินงานศนู ย์สขุ ภาพดวี ยั ทางานในสถานประกอบการ การขบั เคล่อื นงานศูนย์สุขภาพดีวยั ทางานของกรมควบคุมโรคได้มีการดาเนินการมาตงั้ แต่ปี ๒๕๖๒ มสี ถานประกอบการเขา้ ร่วมโครงการ จานวน ๕๔ แห่ง และมสี ถานประกอบการท่ไี ดร้ บั รางวลั ต้นแบบศนู ย์สขุ ภาพดี วยั ทางานในสถานประกอบการ ประจาปีงบประมาณ 2562 จานวน ๘ แห่ง โดยจะขอยกตวั อย่างกรณีศกึ ษาการ ดาเนินงานศูนย์สุขภาพดีวัยทางานของสถานประกอบการ มาจากต้นแบบศูนย์สุขภาพดีวัยทางานในสถาน ประกอบการ จานวน ๒ แห่ง โดยในการดาเนินงานของสถานประกอบการนนั้ จะเป็นไปตามขนั้ ตอนการดาเนินงาน ของศูนย์สขุ ภาพดวี ยั ทางานในสถานประกอบการ เพ่อื เป็ นแนวทางในการพฒั นาศูนย์สขุ ภาพดวี ยั ทางานแกส่ ถาน ประกอบการอ่นื ๆ ต่อไป 1. บริษทั อตุ สาหกรรมทาเคร่อื งแก้วไทย จากดั (มหาชน) จ.สมทุ รปราการ (๑) การกาหนดนโยบาย
๗๗ บรษิ ทั ฯ ได้ใชน้ โยบายตา่ ง ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งขององคก์ รท่มี ีการกาหนดและประกาศใช้อยู่แล้ว มา สนับสนุนการดาเนินงานในเรอ่ื งน้ี ประกอบไปดว้ ย นโยบายความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสง่ิ แวดล้อม นโยบาย โครงการสถานประกอบการปลอดโรค ปลอดภยั กายใจเป็นสุข และ นโยบายคลนิ กิ ความปลอดภยั พรอ้ มทงั้ ได้ประกาศใหผ้ ู้รบั ผดิ ชอบและผปู้ ฏบิ ตั งิ านทุกคนในองค์กร ไดร้ บั ทราบอยา่ งทวั่ ถึง (๒) การแตง่ ตงั้ คณะทางานในการสนับสนนุ ดาเนินงาน บริษัทฯ ได้ใช้คณะกรรมการชุดต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องขององค์กรท่ีมีการแต่งตัง้ อยู่แล้ว มา สนบั สนุนการดาเนนิ งานในเรอ่ื งน้ี ประกอบไปด้วย คณะกรรมการโครงการสถานประกอบการปลอดโรค ปลอดภัย กายใจเป็นสขุ และคณะกรรมการคลนิ ิกความปลอดภยั (๓) การจดั สรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดาเนินงาน บรษิ ทั ฯ ไดใ้ ชง้ บประมาณของแผนกความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสงิ่ แวดล้อม มาสนับสนุน การดาเนินงาน (๔) รูปแบบ/ช่องทางการส่ือสารการดาเนิ นงานแบบสองทางท่ีสามารถส่ือสารไปยัง ผ้ปู ฏิบตั ิงานได้อย่างครบถ้วนและทวั่ ถงึ คือ วารสาร , บอร์ดประชาสัมพนั ธ์, การประชุมช้แี จง, ประกาศ, VDO, Email, Drive กลาง บรษิ ทั ฯ, SMS, Facebook, Website (๕) การจดั สรรพ้นื ท่ขี องศูนยส์ ขุ ภาพดีวยั ทางานท่เี ป็นสัดส่วนและผู้ปฏบิ ตั ิงานสามารถเข้าถึง ได้งา่ ย โดยการใชพ้ ื้นท่ขี องห้องพยาบาล เพือ่ ดาเนินการเป็น ศนู ยส์ ุขภาพดีวยั ทางานของบริษัทฯ (๖) เคร่ืองมือในการคดั กรองสขุ ภาพเบ้ืองตน้ ในศนู ย์สขุ ภาพดวี ยั ทางาน ประกอบดว้ ย เทอรโ์ มมเิ ตอร์ เครอ่ื งชงั่ น้าหนกั วดั ไขมนั วดั สว่ นสูง เคร่อื งวดั ความดนั โลหติ เครอ่ื งกระตกุ หวั ใจไฟฟ้าอตั โนมตั ิ (AED) และ เคร่อื งตรวจหู (๗) การวิเคราะห์ผลการคดั กรองความเส่ยี ง และการตรวจสขุ ภาพ บรษิ ทั ฯ มกี ารคดั กรองความเส่ยี ง และ มกี ารตรวจสุขภาพ ทงั้ ตรวจสุขภาพทวั่ ไป และ ตรวจ สุขภาพตามปัจจยั เส่ยี ง พร้อมทงั้ มกี ารสรุปขอ้ มูล ผลการตรวจสมรรถภาพการได้ยนิ สรุปผลการตรวจสมรรถภาพ ปอด สรปุ ภาวะเสย่ี งเบาหวาน สรปุ ภาวะเส่ยี งความดนั โลหติ สรุประดบั ไขมนั ในเลอื ด สรปุ ภาวะเส่ยี งโรคหลอดเลอื ด และหวั ใจ สรุปขอ้ มูลการสูบบุหรแ่ี ละดม่ื สุรา โดยมกี ารแบ่งกลมุ่ ปกติ กลมุ่ เส่ยี ง และกลมุ่ ป่วย ไดอ้ ย่างชดั เจน (๘) การร่วมดาเนินงานกบั ศูนย์สุขภาพดวี ยั ทางานของหน่วยบริการสาธารณสขุ
๗๘ โดยร่วมดาเนินการกบั คลนิ กิ บา้ นแพว้ จ.สมทุ รสาคร (เรอ่ื ง การรกั ษาทนั ตกรรม) โรงพยาบาล บางพลี จ.สมทุ รปราการ (เร่อื ง โภชนาการ การวดั สมรรถภาพร่างกาย) และโรงพยาบาลสมุทรปราการ (เร่อื ง การ บรกิ ารตรวจฟันฟร)ี (๙) การดาเนินงานดา้ นการส่งเสริมสุขภาพของศนู ยส์ ขุ ภาพดวี ยั ทางาน รว่ มกบั ชมุ ชน หรอื หน่วยงานอ่นื ในพื้นท่ีอยา่ งเป็นรปู ธรรม โดยมีกิจกรรมการดาเนินงาน คือ 1. สนับสนุนวัคซีนไข้หวดั ใหญ่ให้กับครอบครวั พนักงาน เพ่อื นพนักงาน และชุมชนมารับวัคซีนได้ในราคาถูก (300 บาท) 2. โครงการครูบ้านแกว้ สอนเด็กนักเรยี น เร่อื ง สุขภาพและความปลอดภยั (๑๐) การเกิดชุดกิจกรรม (Intervention) ท่สี อดคล้องกบั ความเส่ยี ง เม่อื บริษัทฯ ได้พบความเส่ยี งสาคญั ขององค์กร คือ ปัญหาการรบั สมั ผสั เสียงดังจากการ ทางาน และ คา่ BMI ท่เี กนิ มาตรฐานของผูป้ ฏบิ ตั งิ านท่เี พิม่ มากข้นึ ทาให้บรษิ ทั ฯ จดั ทา Intervention ในการจดั การ ปัญหาทส่ี าคญั ดงั น้ี ๑. การจดั การเร่อื ง การอนุรกั ษ์การได้ยนิ และ การจดั การปัญหาเสยี งดัง ๒. การดูแลสุขภาพ ตามเกณฑ์มาตรฐาน BMI และ กจิ กรรม BJC Glass Smart Body (๑๑) การเกิดนวตั กรรม (Innovation) ในการลดโรคหรือพฤติกรรมเส่ียงฯ สอดคล้องกบั ความเสีย่ ง บรษิ ัทฯ ได้จัดทา Innovation ในการลดโรคหรอื พฤตกิ รรมเสย่ี งฯ ท่สี อดคล้องกบั ความเส่ยี ง สาคญั ขององคก์ ร คอื 1. นวตั กรรม Audio Repeat Program (โปรแกรมวเิ คราะหผ์ ลการตรวจสมรรถภาพการได้ยิน เพ่อื ให้ทราบผลทันทีว่าค่าการได้ยนิ แตกต่างไปจากค่าการยนิ พ้นื ฐานท่คี วามถ่ีใดความถ่ีหน่ึงตงั้ แต่ 15 เดซิเบล หรือไม่) และ 2. App AMPOS เพ่อื ใช้ในการบรหิ ารค่า BMI ของผู้ปฏิบตั งิ าน พร้อมทงั้ เป็น Application ในการให้ ความรดู้ า้ นสุขภาพใหก้ บั ผู้ปฏบิ ตั ดิ ้วย (๑๒) การประเมินผลลพั ธเ์ ปรียบเทยี บผลก่อน หลงั การดาเนินงาน บรษิ ทั ฯ ได้ทาการวเิ คราะหผ์ ลลพั ธก์ ารดาเนินงาน โดย • ใช้สถติ กิ ารลาป่วยของผ้ปู ฏบิ ตั งิ านมาวดั ผลการดาเนินงานของศนู ย์สขุ ภาพดวี ยั ทางาน พบผลลพั ธ์ คอื ก่อนทาศนู ย์สขุ ภาพดีฯ : จานวนลกู จา้ ง 1,134 คน วนั ลารวม 1 ปี 3,974 วนั เฉล่ยี /คน/ปี 3.5 วนั หลงั ทา ศนู ยส์ ุขภาพดีฯ : จานวนลกู จา้ ง 1,170 คน วนั ลารวม 1 ปี 2,985 วนั เฉล่ยี /คน/ปี 2.55 วนั วนั ลาเฉลี่ยลดลง 0.95 วนั /คน/ปี • ใช้การเบิกจา่ ยค่ารักษาพยาบาลของผปู้ ฏบิ ตั ิงานมาวดั ผลการดาเนินงานของศูนย์สขุ ภาพดวี ัยทางาน พบ ผลลพั ธ์ คอื คา่ รกั ษาพยาบาลลดลง คิดเป็น รอ้ ยละ ๑๙.๙๘
๗๙ ( ขอขอบพระคุณในความอนุเคราะหข์ อ้ มลู จากบรษิ ทั อตุ สาหกรรมทาเคร่อื งแกว้ ไทย จากดั (มหาชน) จ.สมทุ ๒รป. บรารกิษาทั ร ไแทลยะนกามรรนั ว่ สมาขปบั ะเหคลงัอ่ื นจดากาเดั นจนิ .งอาดุ นรศธูนายนส์ี ุขภาพดวี ยั ทางานของเครอื ขา่ ยท่เี ข้มแขง็ ประกอบไป ดว้ ย สานักง(๑าน) สกาาธรากราณหนสขุดจนงั โหยวบดัาสยมทุ รปราการ โรงพยาบาลบางพลี สานกั งานป้องกนั ควบคมุ โรคท่ี 6 จงั หวดั ชลบรุ ี บริษทั ฯ ได้กาหนดนโยบายศูนย์สุขภาพดวี ยั ทางาน มาสนับสนุนการดาเนินงานในเร่อื งน้ี โดยเฉพาะ พรอ้ มทงั้ ได้ประกาศใหผ้ รู้ บั ผดิ ชอบและผปู้ ฏบิ ตั งิ านทุกคนในองค์กร ได้รบั ทราบ (๒) การแตง่ ตงั้ คณะทางานในการสนับสนนุ ดาเนินงาน บรษิ ทั ฯ ไดแ้ ต่งตงั้ คณะกรรมการศูนยส์ ุขภาพดวี ยั ทางาน มาสนบั สนุนการดาเนนิ งานในเร่อื งนี้ โดยเฉพาะ (๓) การจดั สรรงบประมาณเพอ่ื สนับสนนุ การดาเนินงาน บริษัทฯ ได้จัดสรรงบประมาณของโครงการศูนย์สุขภาพดีวัยทางาน มาสนับสนุนการ ดาเนินงาน
๘๐ (๔) รูปแบบ/ช่องทางการสื่อสารการดาเนิ นงานแบบสองทางท่ีสามารถส่ือสารไปยัง ผปู้ ฏิบตั ิงานได้อย่างครบถ้วนและทวั่ ถึง คอื การประชมุ ชแ้ี จง และการตดิ บอรด์ ประชาสมั พนั ธ์ (๕) การจดั สรรพ้ืนที่ของศูนยส์ ุขภาพดวี ยั ทางานท่เี ป็นสัดส่วนและผู้ปฏบิ ตั งิ านสามารถเข้าถึง ไดง้ า่ ย โดยการใช้พืน้ ทีข่ องห้องพยาบาล เพ่อื ดาเนินการเป็น ศูนย์สขุ ภาพดวี ยั ทางานของบริษทั ฯ (๖) เครือ่ งมือในการคดั กรองสุขภาพเบอ้ื งตน้ ในศนู ย์สุขภาพดวี ยั ทางาน ประกอบดว้ ย แบบคดั กรองสขุ ภาพ อปุ กรณ์ปฐมพยาบาล เคร่ืองวดั ความดนั โลหติ เคร่อื งชงั่ น้าหนกั วดั สว่ นสูง (๗) การวิเคราะหผ์ ลการคดั กรองความเสี่ยง และการตรวจสุขภาพ บรษิ ทั ฯ มกี ารคดั กรองความเส่ยี ง และ มกี ารตรวจสุขภาพ ทงั้ ตรวจสขุ ภาพทวั่ ไป และ ตรวจ สุขภาพตามปัจจยั เส่ยี ง พร้อมทงั้ มกี ารสรุปขอ้ มูล ผลการตรวจสมรรถภาพการได้ยนิ สรุปผลการตรวจสมรรถภาพ ปอด สรปุ ระดบั ไขมนั ในเลอื ด สรุปขอ้ มลู การสูบบหุ ร่แี ละด่มื สุรา โดยมกี ารแบง่ กลุม่ ปกติ และกลุ่มป่วย (๘) การดาเนินงานด้านการสง่ เสริมสุขภาพของศูนย์สขุ ภาพดีวยั ทางาน ร่วมกบั ชุมชน หรอื หน่วยงานอ่นื ในพนื้ ที่อยา่ งเป็นรูปธรรม โดยมกี ิจกรรมการดาเนินงาน คอื โครงการส่งเสริมสุขภาพกาย จิต ผู้สูงอายุในชุมชนเพ่ือ คณุ ภาพท่ดี ี (๙) การเกิดชุดกิจกรรม (Intervention) ที่สอดคลอ้ งกบั ความเสยี่ ง เม่อื บรษิ ทั ฯ ไดพ้ บความเสย่ี งสาคญั ขององค์กร คอื คา่ BMI ท่เี กนิ มาตรฐานของผูป้ ฏบิ ตั งิ าน ท่เี พ่มิ มากข้นึ ทาให้บริษทั ฯ จดั ทา Intervention ในการจดั การปัญหาท่สี าคญั คือ การให้ความรู้เร่อื งโรคจากการ ทางานและโรคจากชวี ติ ประจาวนั และเกดิ กจิ กรรมออกกาลงั กายเพ่อื ลดพงุ ลดโรค (๑๐) การเกิดนวตั กรรม (Innovation) ในการลดโรคหรือพฤติกรรมเส่ียงฯ สอดคล้องกับ ความเสย่ี ง บริษทั ฯ ได้จัดทา Innovation ในการลดโรคหรอื พฤตกิ รรมเส่ยี งฯ ท่สี อดคล้องกบั ความเสย่ี ง สาคญั ขององค์กร คอื กจิ กรรมออกกาลงั กายเพ่อื ลดพงุ ลดโรค (๑๑) การประเมินผลลพั ธ์เปรยี บเทียบผลก่อน หลงั การดาเนินงาน บรษิ ทั ฯ ได้ทาการวเิ คราะห์ผลลพั ธก์ ารดาเนินงาน โดย • ใชส้ ถิตกิ ารลาป่วยของผู้ปฏบิ ตั งิ านมาวดั ผลการดาเนินงานของศนู ย์สุขภาพดวี ยั ทางาน พบผลลพั ธ์ คอื
๘๑ กอ่ นทาศนู ยส์ ขุ ภาพดฯี : จานวนลกู จ้าง ๑๗๒ คน วนั ลารวม ๑ ปี ๔๙๖ วนั เฉลย่ี /คน/ปี ๒.๘๘ วนั หลงั ทาศูนย์สุขภาพดีฯ : จานวนลกู จ้าง 96 คน วนั ลารวม 1 ปี 178 วนั เฉล่ีย/คน/ปี 1.85 วนั วนั ลาเฉลี่ยลดลง 1.03 วนั /คน/ปี • ใช้การเบกิ จ่ายค่ารกั ษาพยาบาลของผ้ปู ฏิบตั งิ านมาวัดผลการดาเนินงานของศูนย์สุขภาพดวี ยั ทางาน พบ ผลลพั ธ์ คอื ค่ารกั ษาพยาบาลลดลง คิดเป็น ร้อยละ ๕๔.๑๖ ขอขอบพระคณุ ในความอนุเคราะห์ขอ้ มลู จากบรษิ ทั ไทยนามนั สาปะหลงั จากดั จ.อุดรธานี และการรว่ ม ขบั เคล่อื นดาเนนิ งานศนู ย์สุขภาพดวี ัยทางานของเครอื ขา่ ยท่เี ขม้ แขง็ ประกอบไปด้วย สานกั งานสาธารณสุข จงั หวดั อดุ รธานี โรงพยาบาลอดุ รธานี และ สานกั งานป้องกนั ควบคมุ โรคท่ี 8 อุดรธานี สรปุ การดาเนินงานของศูนย์สุขภาพดวี ยั ทางานในสถานประกอบการนนั้ มคี วามจาเป็นอยา่ งยงิ่ ทต่ี ้องสรา้ งความ เขา้ ใจให้กับผู้รบั ผดิ ชอบหลกั ขององค์กร ในท่นี ี้ โดยส่วนใหญ่ คอื พยาบาล ท่ปี ฏบิ ัตงิ านในห้องพยาบาล ท่อี งค์กร
๘๒ นามาประยุกต์ให้เป็น ศูนย์สุขภาพดวี ยั ทางานของสถานประกอบการ เพราะหากผู้รับผดิ ชอบหลกั มคี วามเข้าใจท่ี ชดั เจนแล้ว จะทาให้การดาเนนิ งานในเรอ่ื งน้ี ไม่ว่าจะเป็นการคดั กรองความเส่ยี ง การสรุปและวิเคราะหข์ อ้ มูล ทาง สขุ ภาพ การจดั ชุดกจิ กรรมเพ่อื ปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพท่เี ส่ยี ง และ การสง่ เสรมิ ผทู้ ่มี สี ุขภาพแขง็ แรงใหม้ ีความ แขง็ แรงตอ่ เน่อื ง รวมถงึ การใหค้ าปรกึ ษากบั ผู้ปฏบิ ัตงิ าน กลุ่มปกติ กลมุ่ เสย่ี ง และกลุ่มป่วย ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง เป็นไป ตามวตั ถุประสงค์ของการดาเนนิ งานศนู ย์สุขภาพดวี ยั ทางานในสถานประกอบการได้อยา่ งแทจ้ รงิ หวั ใจท่สี าคญั ท่พี บจากการลงเยย่ี มประเมนิ ในพ้นื ท่ี คอื การคน้ หาความเสย่ี งท่คี รอบคลุมในทุกดา้ น ทงั้ ด้าน โรคจากการทางาน ด้านโรคตดิ ต่อ ด้านโรคไม่ตดิ ต่อ ด้านสุขภาพจติ และ กาหนดชุดกิจกรรม หรอื นวัตกรรมท่ี สอดคลอ้ งกบั ความเส่ยี งสาคญั ทพ่ี บขององค์กร เพ่อื ใหเ้ กดิ การจดั การปัญหานนั้ จรงิ ๆ กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. บรรยาย 2. ดูคลปิ วดี โี อ 3. จดั ทารายงานวเิ คราะห์ความเส่ยี งจากการทางานในองคก์ ร ระยะเวลาการเรียนรู้ จานวน 3 ชวั่ โมง การเรยี นรผู้ ่านระบบออนไลน์ สอ่ื การเรยี นรู้ Power point การวดั ประเมินผลการเรียนรู้ แบบทดสอบจานวน 10 -15 ขอ้ ชดุ ความรทู้ ี่ 4
๘๓ การปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมสุขภาพและการเพ่ิมความรอบร้ดู ้านสขุ ภาพ ผ้นู ิพนธ์ นายยุทธพงษ์ ขวญั ช้นื นักวิชาการสาธารณสุขเชยี่ วชาญ ด้านส่งเสริมพฒั นา (รก.) กรมสนบั สนนุ บริการสุขภาพ บทนา การมสี ุขภาพดี เป็นพ้นื ฐานของการมีคณุ ภาพชวี ติ ท่ดี ี เพราะเม่อื เรามีสขุ ภาพท่ดี แี ล้วเราก็จะมคี วาม พร้อมมากพอในการทากจิ กรรมต่างๆและใชช้ วี ติ อยู่ในสงั คมอยา่ ปกตสิ ุข องคก์ ารอนามยั โลกไดใ้ หค้ านิยาม สุขภาวะ หรอื สขุ ภาพ ไว้ว่า หมายถงึ สุขภาวะท่สี มบรู ณ์ทงั้ ทางกาย จติ ใจ สงั คม และปัญญา มใิ ช่เพยี งการปราศจากโรคหรอื ความพกิ ารเทา่ นนั้ 1. สุขภาพทางกาย (Physical health) หมายถึง สภาพท่ดี ที างร่างกาย กล่าวคือ อวยั วะต่าง ๆ อยู่ใน สภาพท่ดี ีมี ความแข็งแรงสมบูรณ์ ทางานได้ตามปกติ และมคี วามสมั พันธ์กับทุกส่วนเป็นอย่างดี ซ่ึงก่อให้เกิด ประสทิ ธภิ าพในการทางาน 2. สุขภาพทางจติ (Mental health) หมายถึง สภาพจติ ท่ดี ี สามารถควบคุมอารมณ์ ทาจติ ใจใหเ้ บกิ บาน แจ่มใส ไมม่ คี วามคบั ขอ้ งใจหรอื เกดิ ความขดั แยง้ ภายในจติ ใจ ซ่งึ สามารถช่วยใหป้ รบั ตวั เขา้ กบั สงิ่ แวดลอ้ ม และสงั คม ได้อยา่ งมคี วามสขุ 3. การดารงชวี ติ อยู่ในสงั คมดว้ ยดี (Social well – being) หมายถึง บุคคลท่มี ีสภาวะทางกายและทาง จติ ท่สี มบูรณ์ จงึ สามารถปรบั ตวั ให้อยู่ในสงั คมแห่งตนได้อย่างดแี ละมคี วามสุข 4. สุขภาวะทางจิตวญิ ญาณ (Spiritual well – being) หมายถึง เม่อื ใดท่รี ่างกายว่างจากตัวตนหรือ ความเหน็ แก่ตัว จิตวิญญาณของเราก็สูงข้นึ เรยี กว่ามีพัฒนาการทางจติ วิญญาณหรอื พัฒนาการทางคุณค่า จะเกดิ ความสขุ ด่มื ด่าและปลม้ื ปิตเิ มอ่ื ทาความดี จากสถานการณป์ ัจจบุ นั ปัญหาการเกดิ โรคท่มี มี ากในทุกพ้นื ท่ี โดยเฉพาะโรคไมต่ ดิ ต่อเรอ้ื รงั ทแ่ี นวโน้ม สูงข้นึ เร่อื ย ๆ สาเหตุส่วนใหญเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั พฤตกิ รรมในวถิ ชี วี ติ เช่น พฤตกิ รรมการบรโิ ภค การออกกาลังกาย การ จดั การความเครยี ด การสบู บุหรแ่ี ละดม่ื สุรา เป็นต้น ในการแกไ้ ขปัญหาสุขภาพและการเกดิ โรคภัยไข้เจบ็ ให้ลดลง นนั้ การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพเป็นสง่ิ จาเป็น เพ่อื ให้ประชาชนมพี ฤตกิ รรมสุขภาพท่ถี กู ต้องด้วยการส่งเสริม และพฒั นาปัจจยั ท่เี ก่ยี วข้อง ได้แก่ ปัจจยั ในตัวบุคคล เช่น ความรู้ การรบั รู้ ความเขา้ ใจ และปัจจัยแวดล้อมอย่าง เหมาะสม ในการพัฒนาปัจจยั ภายในตัวบุคคลจะต้องปลูกฝังให้ประชาชนมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ ( Health
๘๔ Literacy) รว่ มกบั มกี ารพฒั นาปัจจยั แวดล้อมท่จี ะเออ้ื และเสรมิ ให้ประชาชนมพี ฤตกิ รรมสขุ ภาพ (Health Behavior) ทถ่ี กู ตอ้ งและเหมาะสมกบั ภาวะสุขภาพของตนเองได้ วตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื ให้ผู้เรยี น 1. เขา้ ใจและอธบิ ายแนวคดิ การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพได้ 2. อธบิ ายแนวคดิ การเพมิ่ ความรอบรู้ดา้ นสุขภาพได้ 3. ประยุกตแ์ นวคดิ การปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมสุขภาพและการเพมิ่ ความรอบรดู้ ้านสุขภาพไปใช้การ พฒั นาสขุ ภาวะคนวยั ทางานในสถานประกอบการได้ เนื้อหา 1. แนวคดิ การสง่ เสรมิ ความรอบรู้ด้านสขุ ภาพ 2. การพฒั นาพฤตกิ รรมสขุ ภาพและพฤตกิ รรมสุขภาพท่พี งึ ประสงค์ 3. การปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพและการเพ่ิมความรอบร้ดู า้ นสขุ ภาพและการจดั กจิ กรรมเรยี นรู้ เพอ่ื พฒั นาสุขภาวะคนวยั ทางานในสถานประกอบการ 1. แนวคิดความรอบรู้ดา้ นสขุ ภาพ (Health Literacy) การพฒั นาและส่งเสรมิ ให้ประชาชนมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) เป็นการสร้างและ พัฒนาขีดความสามารถในระดับบุคคลในการธารงรกั ษาสุขภาพตนเองอย่างยงั่ ยนื มีการช้นี าระบบสุขภาพท่ี สอดคล้องกับปัญหาและความตอ้ งการของประชาชน มกี ารแลกเปล่ยี นขอ้ มูลสุขภาพของตนเองรว่ มกบั ผู้ให้บรกิ าร และสามารถคาดการณค์ วามเส่ยี งดา้ นสขุ ภาพท่อี าจเกดิ ข้นึ ได้ รวมทงั้ กาหนดเป้าประสงคใ์ นการดูแลสุขภาพตนเอง โดยเฉพาะอย่างย่งิ การจัดการโรคเร้อื รงั ท่กี าลังเป็นปัญหาระดบั โลก ซ่ึงทาให้เสยี ค่าใช้จ่ายในการรกั ษาอย่างมาก ดงั นัน้ หากประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมีระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพต่า ย่อมจะส่งผลต่อสภาวะสุขภาพใน ภาพรวม กล่าวคอื ประชาชนขาดความสามารถในการดแู ลสขุ ภาพของตนเอง จานวนผ้ปู ่วยดว้ ยโรคเร้อื รงั จะเพม่ิ ข้นึ ทาใหค้ า่ ใช้จา่ ยในการรกั ษาพยาบาลเพมิ่ สงู ข้นึ ความหมายของความรอบรู้ด้านสุขภาพ WHO (1998) ไดใ้ หค้ าจากดั ความของความรอบร้ดู ้านสุขภาพไว้วา่ เป็นกระบวนการทางปัญญา และ ทกั ษะทางสังคม ท่กี ่อเกดิ แรงจูงใจและความสามารถของปัจเจกบุคคลท่จี ะเข้าถึง เขา้ ใจและใช้ขอ้ มูลข่าวสารเพ่อื ส่งเสรมิ และรกั ษาสุขภาพของตนเองใหด้ อี ยเู่ สมอ
๘๕ สถาบนั วจิ ยั ระบบสาธารณสขุ (2541) ไดอ้ ธบิ ายเสรมิ ว่า ความรอบรู้ดา้ นสุขภาพเป็นการบรรลุถึงระดบั ความรู้ ทักษะส่วนบุคคลและความมนั่ ใจในการท่จี ะลงมือปฏบิ ตั ิเพ่อื ช่วยให้สขุ ภาพของตนเองและชุมชนดขี ้นึ โดย การปรบั เปล่ยี นวถิ ีชวี ติ และสภาพความเป็นอยู่ Nutbeam(2008) ได้อธบิ าย ความรอบรู้ด้านสขุ ภาพวา่ เป็นสมรรถนะของแต่ละบคุ คลทงั้ ทางด้านสงั คม และการคดิ วเิ คราะห์ท่กี าหนดแรงจูงใจและความสามารถของบคุ คลในการเขา้ ถึง ทาความเข้าใจ ประเมิน และใช้ สารสนเทศดา้ นสุขภาพตามความตอ้ งการ เพอ่ื สง่ เสรมิ และรกั ษาสุขภาพของตนเองให้ดี รวมทงั้ การเพม่ิ พูนความรู้ และความเขา้ ใจปัจจยั ทก่ี าหนดสขุ ภาพ การเปล่ยี นทศั นคตแิ ละการจงู ใจในการส่งเสรมิ พฤตกิ รรมส่งเสรมิ สุขภาพ ซง่ึ ความรอบรดู้ ้านสขุ ภาพเป็นปัจจยั หน่งึ ในการส่งเสรมิ และรกั ษาสุขภาพ Edwards, Wood, Davies & Edwards (2012) ได้กล่าวว่าความรอบรู้ด้านสุขภาพนั้น ได้รับการ ถา่ ยทอดหรอื เป็นผมู้ สี ่วนร่วมสร้างใหต้ นเองเกดิ ความสามารถจนกลายเป็นผู้มคี วามรอบรดู้ ้านสุขภาพในการจัดการ ภาวะเง่อื นไขทางสขุ ภาพของเขา ใหส้ ามารถเขา้ ถึงและเกาะตดิ กบั ขอ้ มูลข่าวสารและบรกิ าร มกี ารปรกึ ษาหารอื กับ ผู้เช่ียวชาญด้านสุขภาพและเจรจาต่อรองและเข้าถึงการรักษาได้อย่างเหมาะสม และมีการเปล่ียนแปลงใน ความสามารถเหล่าน้รี ะหวา่ งสมาชกิ ในกลมุ่ สุขภาพบางคนมคี วามรูแ้ ละทกั ษะในการจดั การตนเองดี แต่บางคนมกี าร แสวงหาขอ้ มลู น้อย และมกี ารส่อื สารเพ่อื ปรกึ ษาหารอื กนั นอ้ ย Sorensen et al. (2012) “Integrated model of health literacy” ประกอบดว้ ย 4 ด้าน ไดแ้ ก่ ด้านท่ี 1 การเขา้ ถงึ (Access) หมายถงึ ความสามารถท่จี ะแสวงหา ค้นหา และได้รบั ข้อมูล เกย่ี วกบั สขุ ภาพ ด้านท่ี 2 การเขา้ ใจ (Understand) หมายถงึ ความสามารถทจ่ี ะเขา้ ใจขอ้ มูลทางสขุ ภาพ ด้านท่ี 3 การประเมิน (Appraise) หมายถึง ความสามารถในการอธิบาย การตีความ การ กลนั ่ กรองและประเมนิ ขอ้ มลู สุขภาพท่ไี ดร้ บั จากการเขา้ ถงึ ด้านท่ี 4 การประยุกต์ใช้ (Apply) หมายถึง การปฏบิ ตั ิ ความสามารถในการส่อื สาร และการใช้ ขอ้ มูลในการตดั สนิ ใจในการรกั ษาและปรบั ปรงุ สุขภาพตนเอง สรุปไดว้ า่ ความรอบรดู้ ้านสขุ ภาพ หมายถึง ความสามารถและทักษะในการเขา้ ถึงขอ้ มูลความรู้ ความ เขา้ ใจเกย่ี วกบั ดูแลสุขภาพอนั จะนาไปสู่การวเิ คราะหป์ ระเมนิ การปฏบิ ตั ิและจดั การตนเองรวมทงั้ สามารถช้แี นะเร่อื ง สุขภาพส่วนบุคคล ครอบครวั และชุมชน เพ่อื ป้องกันและควบคมุ ความเส่ยี งต่อสุขภาพโดยวัดจากองค์ประกอบ 4 ด้านทส่ี ะทอ้ นจากคณุ ลกั ษณะและพฤตกิ รรมคอื การเขา้ ถงึ ความเขา้ ใจความรู้ ทกั ษะการตดั สนิ ใจ การจดั การตนเอง องค์ประกอบของความรอบร้ดู า้ นสุขภาพ
๘๖ จากการทบทวนวรรณกรรมทผ่ี า่ นมา องคป์ ระกอบของความรอบรดู้ ้านสุขภาพ ดงั น้ี 1. ทกั ษะการเขา้ ถงึ ขอ้ มูลสุขภาพ (Access skill) หมายถงึ การใช้ความสามารถในด้านการฟัง การดู การพูด การอ่าน การเขียน การสบื ค้น และคานวณท่มี กี ระบวนการใคร่ครวญ ตรวจสอบเช่อื มโยงด้วยหลกั เหตุผล ความน่าเช่อื ถอื ความถูกตอ้ งตามกฎระเบยี บและวฒั นธรรมอนั ดขี องสงั คม เพ่อื ใหไ้ ด้ขอ้ มลู และสารสนเทศทต่ี อ้ งการ เกย่ี วกบั สขุ ภาพ 2. ความรู้ ความเขา้ ใจทางสุขภาพ หมายถึง การรับรู้ เข้าใจ ความสามารถในการอ่าน และการใช้ ขอ้ มลู ด้านสขุ ภาพ (Cognitive skill) เป็นการนาความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั การปฏิบตั ใิ นบรบิ ทของสุขภาพและการ ป้องกันปัญหาสุขภาพ และกล้าซักถามเพ่อื คลายความสงสัยและเสริมสร้างความเข้าใจท่ถี ูกตอ้ งก่อนนาขอ้ มูลไป ปฏบิ ตั ิ 3. ทักษะการตัดสินใจ (Decision skill) หมายถึง กระบวนการคิดในการเลือกอย่างมีเหตุผลจาก ทางเลอื ก ท่มี อี ยู่ สามารถประยกุ ต์ใช้ขอ้ มลู ขา่ วสารในการวิเคราะห์เชงิ เปรยี บเทยี บและควบคุมจดั การสถานการณ์ ในการดารงชวี ติ ประจาวนั ได้ 4. ทักษะการจดั การตนเอง (Self Management) หมายถึง วธิ ีการ ทกั ษะและกลยุทธ์ระดบั บุคคลท่ี ส่งผลตอ่ ความสาเรจ็ โดยตรง เชน่ วตั ถุประสงค์ การตงั้ เป้าหมาย การตดั สนิ ใจ การมุ่งเน้นการวางแผน กาหนดการ การประเมนิ ตนเอง การพฒั นาตนเอง และอ่นื ๆ ท่ีนาไปสูก่ ระบวนการปฏบิ ตั ิ องคป์ ระกอบและคุณลกั ษณะสำคญั ของความรอบรู้ดา้ นสขุ ภาพ องคป์ ระกอบ คุณลกั ษณะสำคัญ 1. การเข้าถึงข้อมูลสุขภาพแล ะ 1.เลอื กแหล่งขอ้ มูลดา้ นสุขภาพ และบรกิ ารสขุ ภาพ รู้วธิ กี ารคน้ หาและ บริการสุขภาพ การใช้อปุ กรณใ์ นการค้นหา 2.คน้ หาขอ้ มูลสุขภาพและบรกิ ารสุขภาพทถ่ี ูกตอ้ ง 3.สามารถตรวจสอบข้อมูลจากหลายแหล่งได้ เพ่อื ยนื ยันความเขา้ ใจ ของตนเองและได้ขอ้ มูลท่นี ่าเชอ่ื ถอื สาหรบั นาไปใชใ้ นการดแู ลสุขภาพ ดว้ ยตนเอง 2. ความรคู้ วามเข้าใจ 1.มคี วามรแู้ ละจาในเนือ้ หาสาระสาคญั ด้านสขุ ภาพ 2.สามารถอธบิ ายถงึ ความเขา้ ใจในประเด็นเนือ้ หาสาระด้านสขุ ภาพใน การทจ่ี ะนาไปปฏบิ ตั ิ 3.สามารถซกั ถาม เม่อื เกดิ ความสงสยั ในสาระสาคญั ด้านสุขภาพท่จี ะ นาไปใช้ปฏบิ ตั ิ
๘๗ องค์ประกอบ คุณลักษณะสำคัญ 3.ทกั ษะการตดั สินใจ 1.กาหนดทางเลอื กและปฏเิ สธ/หลกี เลย่ี งหรือเลอื กวธิ กี ารปฏบิ ตั เิ พ่อื ให้ มสี ขุ ภาพดี 2.ใชเ้ หตผุ ลหรอื วเิ คราะห์ผลดี-ผลเสียเพ่อื การปฏเิ สธ/หลกี เล่ยี ง/เลอื ก วธิ กี ารปฏบิ ตั ิ 3.สามารถแสดงทางเลอื กท่เี กดิ ผลกระทบนอ้ ยตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื 4. ทกั ษะการจดั การตนเอง 1.สามารถกาหนดเป้าหมายและวางแผนการปฏบิ ตั ิ 2.สามารถปฏบิ ตั ติ ามแผนท่กี าหนดได้ 3.มีการทบทวนและปรับเปล่ยี นวธิ กี ารปฏิบตั ิตนเพ่อื ให้มีพฤตกิ รรม สุขภาพทถ่ี ูกต้อง แนวทางการดาเนินงานเสริมสรา้ งความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ การเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ ต้องอาศยั กลวิธีและโปรแกรมการเสริมสร้างความรอบรู้ ด้านสุขภาพทเ่ี หมาะสมกบั ความต้องการของประชาชนและชุมชน และสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้ทุกแหง่ ท่มี รี ะบบ สงั คม วฒั นธรรมและเศรษฐกจิ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ด้วยการ - เพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ หากประชาชนสามารถเข้าถึง แหลง่ ขอ้ มูลอยา่ งสมบรู ณแ์ ละตอ่ เน่อื ง จะมโี อกาสเรยี นร้กู ารสรา้ งสุขภาพได้เพมิ่ ขน้ึ - เพิ่มพูนทักษะชีวิต ซ่ึงบุคคลท่ีมีทักษะชีวิต จะเป็นบุคคลท่ีมีความตระหนักในตนเอง ( Self,s Awareness) มคี วามคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ ไตรต่ รอง รอบคอบอย่างมเี หตุผล(Critical Thinking) รู้จกั จดั การอารมณ์ และความเครยี ด (Coping with Emotions, Coping with Stress) มคี วามคดิ สร้างสรรค์ (Creative Thinking) สามารถ แก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม(Problem Solving) และตดั สนิ ใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Decision Making) รวมทงั้ มี ความเหน็ อกเหน็ ผู้อ่นื (Empathy) มที ักษะการสร้างสมั พนั ธภาพท่ดี ี(Interpersonal Relationship Skill) ส่อื สารได้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ(Effective Communication) การมที กั ษะชวี ติ จะส่งผลใหป้ ระชาชนมคี วามสามารถในการกระทา หรือจัดการกบั ความต้องการและสง่ิ ท้าทายในชีวติ ประจาวันได้สาเรจ็ ทาให้สามารถปรับตวั และมีพฤติกรรมทพ่ี งึ ประสงคไ์ ด้ - สรา้ งโอกาสการเรยี นรู้และเพมิ่ ทางเลอื กท่เี ป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยการสร้างโอกาสการเรยี นร้ใู ห้ เกิดข้นึ ทงั้ ท่โี รงเรยี น ท่บี ้าน ท่ที างานและในชุมชน ด้วยการมสี ่วนร่วมในการจัดการด้านสุขภาพของเครือข่าย พันธมิตรทัง้ ท่ีเป็นภาครัฐ ภาคสังคมและเศรษฐกจิ ภาคเอกชน องค์กรอาสาสมัคร องค์กรปกครองท้องถิ่น ภาคอุตสาหกรรมและส่อื มวลชน ตลอดจนประชาชน - สร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมท่ีเอ้ือและสนับสนุนการมีสุขภาพดี เน่ืองจากคนและสิ่งแวดล้อมมีความ เก่ยี วขอ้ งกัน จนไม่สามารถแยกออกจากกนั ได้ ประกอบกับการเปล่ยี นแปลงรูปแบบการดาเนินชวี ิต การทางาน เทคโนโลยี และการขยายตวั ของชุมชนเมอื ง ส่งผลกระทบสาคญั ตอ่ ปัญหาสขุ ภาพของประชาชน จงึ จาเป็นทจ่ี ะต้องมี
๘๘ การจดั การให้ชุมชนและสง่ิ แวดล้อมสนับสนุนซึ่งกนั และกนั ทงั้ ท่เี ป็นสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ สงั คม จติ วิญญาณ เศรษฐกจิ และสงั คมท่มี คี วามเชอ่ื มโยงกนั อย่างเป็นพลวตั ร เพ่อื การมสี ขุ ภาพท่ดี อี ย่างยงั่ ยนื การเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ : เพอื่ ให้ประชาชนเขา้ ถึงข้อมูลสุขภาพ - สอนวธิ กี ารสบื ค้นขอ้ มูลความร้จู ากแหลง่ ขอ้ มูลทางอนิ เตอรเ์ นต็ หรอื จากแหลง่ ขอ้ มูลทน่ี ่าเชอ่ื ถือ - จัดให้มีมุม/ห้องการเรียนรู้ด้านสุขภาพ เพ่ือเป็นแหล่งเรียนรู้และเป็นสถานท่ีในการจดั กิจกรรม แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ดา้ นสขุ ภาพ - จดั ใหม้ ชี อ่ งทางการส่อื สาร เผยแพรค่ วามรทู้ เ่ี ขา้ ถึงได้ง่าย พร้อมบรกิ ารตลอดเวลา ให้ขอ้ มลู สุขภาพท่ี ถกู ตอ้ งผ่านระบบสารสนเทศทท่ี นั สมยั เพอื่ ให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจเรอื่ งการดูแลสขุ ภาพตนเอง - จัดให้มกี ารเรียนรู้สุขภาพ ท่เี น้นให้ประชาชนมีการคิด วิเคราะห์ การจดั การสุขภาพ แก้ไขปัญหา สขุ ภาพของตนเอง ครอบครวั และเรยี นรูท้ กั ษะชวี ติ ทจ่ี าเป็น - จดั หาสอ่ื ความรู้ดา้ นสุขภาพทใ่ี ชภ้ าษาท่เี ขา้ ใจง่าย และงา่ ยต่อการจดจา และสามารถนาไปปฏบิ ตั ไิ ด้ - มกี ารใหค้ าปรกึ ษาอย่างเป็นกนั เอง และเปิดโอกาสใหซ้ กั ถามเพ่อื สร้างความเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ ง - จัดกิจกรรมแลกเปล่ียนเรียนรู้ในรูปแบบท่ีหลากหลาย เหมาะสมกับลักษณะของบุคคลและ สภาพแวดลอ้ ม เพ่อื ใหเ้ กดิ การส่อื สารแลกเปลย่ี นเรยี นรรู้ ะหวา่ งบุคคล เพอื่ ให้ประชาชนมกี ารตดั สินใจเลือกปฏิบตั ิในสิง่ ทีถ่ กู ต้อง - มขี อ้ มลู /เน้ือหาทถ่ี ูกต้อง ทงั้ ขอ้ ดแี ละขอ้ เสยี เพ่อื การตดั สนิ ใจ - สอนให้วเิ คราะห์ขอ้ ดแี ละขอ้ เสยี สามารถวเิ คราะห์การกระทาทม่ี ผี ลตอ่ สุขภาพได้ - ฝึกทกั ษะการตอ่ รอง ทกั ษะการปฏเิ สธในสง่ิ ทเ่ี ป็นผลเสยี ต่อสขุ ภาพ - ส่งเสรมิ คนในครอบครวั ชมุ ชน/องคก์ ร ให้เป็นกาลงั ใจในการตดั สนิ ใจท่ถี กู ต้อง เพอื่ ให้ประชาชนมกี ารจดั การทางสุขภาพตนเอง - ให้ประชาชนร้จู กั การประเมนิ สุขภาพตนเอง - ใหม้ กี ารตงั้ เป้าหมายในการดแู ลสุขภาพของตนเอง
๘๙ - ส่งเสรมิ ชมรม / กลุ่มเพ่อื ใหม้ กี ารปรกึ ษาหารอื ชว่ ยเหลอื กนั ในการดูแลสุขภาพร่วมกนั - จดั โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพ เพอ่ื ฝึกปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเอง เป็นการเพมิ่ ทกั ษะและความคดิ ในการดูแลสุขภาพของตนเอง เชน่ โปรแกรมลดพุง โปรแกรมเลกิ เหล้า บหุ ร่ี ลดหวาน ลดเคม็ โปรแกรมออกกาลงั กาย เป็นตน้ กลวธิ แี ละโปรแกรมการเสรมิ สรา้ งความรอบรู้ด้านสุขภาพจะเป็นในลกั ษณะของการสร้างโอกาสให้ประชาชน ไดเ้ รยี นรู้ และแหลง่ ประโยชน์ตา่ งๆท่ชี ว่ ยเพม่ิ ศกั ยภาพด้านสุขภาพให้กับประชาชนไดอ้ ย่างเต็มท่แี ละเทา่ เทียมกัน ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนมคี วามรู้ ทกั ษะท่สี าคัญและจาเป็น สามารถตัดสนิ ใจเลอื กทางเลอื กท่สี ่งผลดีต่อสุขภาพ รวมถงึ สามารถกระทาพฤตกิ รรมสุขภาพท่เี หมาะสม ควบคุมสุขภาพตนเอง ได้ 2. แนวคิดการปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมสขุ ภาพ (Health Behavior) ปัญหาสขุ ภาพของคนวยั ทางาน ต องเผชญิ กบั ภยั คุกคามจากโรคไมต่ ดิ ต่อเรอ้ื รงั โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ความดนั โลหติ สูง มะเรง็ โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด มแี นวโน้มเพมิ่ ขน้ึ อย่างรวดเรว็ ลว้ นมสี าเหตุสาคญั มาจากการ มี พฤตกิ รรมสุขภาพไม่พงึ ประสงค์ โดยเฉพาะพฤตกิ รรมเสย่ี งร่วม 3อ.2ส. (พฤตกิ รรมออกกาลงั กาย อาหาร อารมณ สูบบุหร่ี และสรุ า) ซึง่ เป็นพฤตกิ รรมสุขภาพในการดาเนินชวี ิตของประชาชนท่เี ส่ยี งต่อสุขภาพ โดยมปี ัจจยั หลกั จาก พ้นื ฐานทางวัฒนธรรม ความเช่อื ค่านิยม และปัจจยั ล้อมทางสงั คมและทางกายภาพ ซึ่งส่งผลต อคณุ ภาพชวี ติ เศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ ความหมายพฤติกรรมสุขภาพ พฤติกรรมสุขภาพ (Health Behavior) หมายถงึ การกระทา การปฏบิ ตั ิ หรอื การแสดงออกของบคุ คล ในการกระทา หรอื งดเวน้ การกระทาในสง่ิ ท่มี ผี ลตอ่ สุขภาพของตนเอง โดยอาศยั ความรู้ ความเขา้ ใจ เจตคติ และการ ปฏบิ ตั ติ นทางด้านสขุ ภาพต่างๆ คอื สุขภาพกาย จติ ใจ/อารมณ์ และสงั คม ทม่ี คี วามเก่ยี วขอ้ งสมั พนั ธ์กนั อยา่ งสมดลุ พฤตกิ รรมสขุ ภาพ จาแนกเป็น 2 ลกั ษณะ คอื 1. เป็นการกระทา (Action) พฤตกิ รรมสุขภาพในลกั ษณะทเ่ี ป็นการกระทา คอื การกระทาหรอื การ ปฏบิ ตั ขิ องบคุ คลทม่ี ผี ลดหี รทอผลเสยี ต่อสขุ ภาพ 2. เป็นการไมก่ ระทา (NON Action) ส่วนพฤตกิ รรมสุขภาพท่เี ป็นการไม่กระทา คอื การงดเว้นไม่ กระทา หรอื การไมป่ ฏบิ ตั ขิ องบคุ คลท่มี ผี ลดีหรอื ผลเสยี ต่อสขุ ภาพ พฤตกิ รรมสขุ ภาพมคี วามสาคญั ตอ่ การเกดิ ปัญหาสขุ ภาพ ใน 2 ลกั ษณะ ดว้ ยกนั ดงั นี้ (กองสขุ ศกึ ษา, 2561) 1. พฤตกิ รรมสขุ ภาพเป็นปัจจยั โดยตรงของปัญหาสุขภาพ กล่าวคอื การทบ่ี คุ คลมพี ฤตกิ รรมสขุ ภาพท่ี ไม่ถูกต้อง หรอื ไม่เหมาะสมแล้วทาให้ตนเอง ครอบครวั หรอื บุคคลอ่นื ในชุมชน เจบ็ ป่วย บาดเจบ็ เสยี ชวี ติ หรอื มสี ุข ภาวะท่ไี มด่ ี ทาให้เกดิ ปัญหาสขุ ภาพ
๙๐ 1.1 การท่บี ุคคลมพี ฤติกรรมสุขภาพท่ไี ม่ถูกต้องหรอื ไม่เหมาะสม เป็นสาเหตุโดยตรงของกา ร เจ็บป่วยของบุคคลนัน้ ๆ เอง หรือเป็นสาเหตุโดยตรงของการเจ็บป่วยของบุคคลอ่นื ๆ ในครอบครัว รวมทงั้ เป็น สาเหตุโดยตรงของการเจ็บป่วยของบุคคลอน่ื ๆ ในชุมชนด้วย เชน่ การทบ่ี ุคคลมพี ฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารท่ีมรี ส หวาน ส่งผลให้สมาชกิ ในครอบครวั รบั ประทานอาหารทม่ี รี สหวานเป็นประจา ทาใหเ้ กดิ โรคเบาหวานได้ 1.2 เมอ่ื บคุ คลเจบ็ ป่วยด้วยโรคอะไรก็ตาม แลว้ ตวั บุคคลนนั้ เอง หรอื บคุ คลอ่นื ในครอบครวั ให้การ ดูแลรกั ษาพยาบาลท่ไี ม่ถูกตอ้ ง กจ็ ะทาให้การเจบ็ ป่วยนนั้ รุนแรงข้นึ หรอื เสยี ชวี ติ ได้ เชน่ การซ้อื ยามารบั ประทานเอง โดยไม่รู้แน่ว่าป่วยเป็นโรคอะไร หรอื เม่อื แพทย์ให้ยามารกั ษาแล้วแต่ไม่ไดร้ บั ประทานยาให้ถูกต้องและครบถ้วน ก็จะ ทาใหโ้ รคไม่หาย 2. พฤตกิ รรมสุขภาพเป็นปัจจยั สาคญั ของการแก้ไขปัญหาสุขภาพ กลา่ วคอื ในการแก้ไขปัญหาสขุ ภาพ จาเป็นต้องใช้พฤติกรรมสขุ ภาพท่เี หมาะสมของบุคคลต่างๆ ซ่ึงจะทาให้บุคคลนนั้ ๆ บุคคลอ่ืนๆ ในครอบครวั หรอื บคุ คลอ่นื ๆ ในชมุ ชน มสี ุขภาวะทด่ี ี ไม่เจบ็ ป่วย บาดเจ็บ พกิ าร หรอื เสยี ชวี ติ ด้วยโรคต่างๆ ทส่ี ามารถป้องกนั ได้ ซ่งึ ในการแก้ไขปัญหาสขุ ภาพของแต่ละบุคคล แต่ละครอบครวั และแต่ละชุมชน ต้องอาศัยการมพี ฤติกรรมสุขภาพท่ี ถูกตอ้ งของบุคคลต่างๆ เป็นสาคญั เน่ืองจากปัญหาสุขภาพของแต่ละบคุ คล หรอื ปัญหาสขุ ภาพของชมุ ชนต่างๆ จะ แกไ้ ขได้นนั้ บุคคลตา่ งๆ ต้องมพี ฤตกิ รรมสุขภาพทจ่ี าเป็นสาหรบั การสง่ เสรมิ สุขภาพอยา่ งพอเพยี งจงึ จะมสี ขุ ภาพท่ดี ี บุคคลต่างๆ ตอ้ งมกี ารกระทา การปฏบิ ตั ิ การไม่กระทา หรอื การไมป่ ฏบิ ตั ิ ท่จี ะทาใหต้ นเองไม่เจ็บป่วย บุคคลอ่นื ๆ ในครอบครวั ไม่เจ็บป่วย หรอื บุคคลอน่ื ๆในชุมชนไม่เจบ็ ป่วย ในกรณีทบ่ี คุ คลใดก็ตามหรอื บคุ คลในครอบครวั เกดิ การ เจ็บป่วยข้นึ มาไม่ว่าโรคอะไรก็ตาม บุคคลนัน้ หรือบุคคลในครอบครวั จาเป็นต้องมคี วามรู้ ความเขา้ ใจท่ถี ูกต้อง เกย่ี วกบั การเจบ็ ป่วย และสาเหตขุ องการเจ็บป่วย รวมทงั้ มกี ารดูแลรกั ษาอยา่ งถูกตอ้ ง ดงั นนั้ การดาเนนิ การแกไ้ ขปัญหาสุขภาพ จงึ ตอ้ งม่งุ เน้นการพฒั นาพฤตกิ รรมสขุ ภาพของประชาชนท่ี เป็นกลุ่มเป้าหมาย เพ่อื ใหม้ กี ารกระทา หรอื การปฏบิ ตั ทิ ่ถี กู ต้องสาหรบั การแก้ไขปัญหาสขุ ภาพได้อย่างยงั่ ยนื การพฒั นาพฤติกรรมสุขภาพ การพฒั นาพฤตกิ รรมสขุ ภาพ หมายถึง กระบวนการจดั การเรยี นรู้ การฝึกทกั ษะ การจดั ปัจจยั แวดล้อม ทเ่ี ออ้ื อานวยใหบ้ คุ คลครอบครวั และชุมชนมพี ฤตกิ รรมสุขภาพทพ่ี งึ ประสงค์ สง่ ผลให้มสี ขุ ภาพดี พฤตกิ รรมของบุคคลมสี าเหตุมาจากหลายปัจจัย ซึ่งแนวคิดท่ไี ด้รบั การยอมรบั และใช้กันมากในการ อธบิ าย ปัจจัยสาเหตขุ องพฤตกิ รรม คอื แนวคิดของ Green & Kreuter (2005) ท่อี ธิบายว่าพฤตกิ รรมมสี าเหตุจาก ปัจจยั ภายในและภายนอกตวั บคุ คลไดแ้ ก่ ปัจจยั นา (Predisposing factors) ปัจจยั เอ้อื (Enabling factors) และปัจจยั เสรมิ (Reinforcing factors) 1. ปัจจัยนา (Predisposing Factors) หมายถึง ปัจจัยพ้ืนฐานและก่อให้เกิดแรงจูงใจในการแสดง พฤตกิ รรมของบคุ คล ได้แก่ ความรู้ ความเชอ่ื เจตคติ ค่านิยม การรบั รู้ เชน่ การรบั รู้ขอ้ มูล ความรู้ของประชาชนจาก ส่อื ใดบา้ ง และรวมไปถงึ ปัจจยั ดา้ นคณุ ลกั ษณะของประชากรหรอื ปัจจยั สว่ นบคุ คลและสถานะภาพทางสงั คมและเศรษฐกจิ เพศ อายุ สถานภาพสมรส อาชพี รายได้ ระดบั การศกึ ษา ศาสนา เป็นต้น
๙๑ 2. ปัจจยั เอ้อื (Enabling Factors) หมายถงึ สงิ่ ท่เี ป็นแหล่งทรพั ยากรทจ่ี าเป็นหรอื อานวยความสะดวกในการ แสดงพฤตกิ รรมของบคุ คล รวมทงั้ ทกั ษะทจ่ี ะช่วยให้บคุ คลสามารถแสดงพฤตกิ รรมนนั้ ๆ ไดด้ ว้ ย และความสามารถท่จี ะใช้ แหล่งทรพั ยากรต่างๆ ซึ่งมีส่วนเก่ยี วขอ้ งกบั ราคา ระยะทาง เวลา นอกจากนนั้ สงิ่ ท่สี าคญั ก็คอื การหาได้ง่าย (Available) ความสามารถในการเขา้ ถึงได้ (Accessibility) ของสง่ิ ท่จี าเป็นในการแสดงพฤตกิ รรมหรอื ช่วยใหก้ ารแสดงพฤตกิ รรมนนั้ ๆ เป็นไปไดง้ ่าย ยกตวั อย่าง เช่น - ปัจจยั เออ้ื สาหรบั การรบั ความรู้สุขภาพ เชน่ มศี นู ยก์ ารเรยี นรใู้ นแหลง่ ชมุ ชน มเี สยี งตามสายฟังชดั เจน - ปัจจยั เอ้อื สาหรบั พฤติกรรมการกินผกั เช่น มีแปลงปลูกผกั มแี หล่งขายผัก มีตัวอย่างวธิ ีการปรุง อาหารจากผกั - ปัจจยั เออ้ื สาหรบั การออกกาลงั กาย เชน่ มสี ถานทอ่ี อกกาลงั กาย มเี ครอ่ื งออกกาลงั กาย - ปัจจยั เออ้ื สาหรบั การล้างมอื เช่น อ่างล้างมอื น้า สบู่ เจลแอลกอฮอล์ 3. ปัจจยั เสรมิ (Reinforcing Factors) หมายถึง สิง่ ท่บี ุคคลจะไดร้ บั หรอื คาดว่าจะไดร้ บั จากบคุ คลอ่นื อนั เป็นผลจากการกระทาของตนเอง สง่ิ ท่บี ุคคลจะได้รับอาจเป็นรางวัลท่เี ป็นสง่ิ ของ คาชมเชย การยอมรบั การ ลงโทษ การไม่ยอมรบั การกระทานนั้ ๆ หรอื อาจเป็นกฎระเบยี บท่บี งั คบั ควบคุมให้บคุ คลนนั้ ๆ ปฏบิ ตั ติ ามกไ็ ด้ ซ่ึงสงิ่ เหลา่ นี้บุคคลจะไดร้ บั จากบคุ คลอน่ื ทม่ี อี ิทธพิ ลต่อตนเอง เช่น พ่อแม่ ญาติ เพอ่ื น แพทย์ ผู้บงั คบั บญั ชา เป็นตน้ และ อทิ ธพิ ลของบุคคลต่าง ๆ นี้ก็จะแตกต่างกนั ไปตามพฤตกิ รรมของบคุ คลและสถานการณ์ โดยอาจจะช่วยสนับสนุน หรอื ยบั ยงั้ การแสดงพฤตกิ รรมนนั้ ๆก็ได้ การพฒั นาพฤตกิ รรมสุขภาพจะเกดิ ข้นึ โดยการพฒั นาปัจจยั ท่เี กย่ี วขอ้ ง ทงั้ ปัจจยั ในตวั บุคคล และปัจจยั ภายนอก โดยมกี ารวิเคราะห์ปัญหาสขุ ภาพ วเิ คราะห์พฤตกิ รรมสุขภาพ และวิเคราะห์ปัจจยั สาเหตขุ องพฤตกิ รรม เพ่อื นาไปสูก่ ารตดั สนิ ใจวางแผน/ออกแบบวธิ กี ารปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมสุขภาพ ลกั ษณะของการปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมสขุ ภาพ 1. มุ่งท่พี ฤติกรรมสุขภาพโดยตรง โดยท่พี ฤติกรรมนัน้ ต้องสงั เกตเหน็ ได้ และวดั ได้ตรงกันด้วย เครอ่ื งมอื ท่เี ป็นวตั ถุวสิ ยั ไม่ว่าการตอบสนองนนั้ เป็นภายในหรอื ภายนอกก็ตาม 2. ไมใ่ ช้คาทเ่ี ป็นการตีตรา ซึง่ นอกจากจะมคี วามหมายกว้าง ไม่มคี วามชดั เจน ยากตอ่ การสงั เกตให้ ตรงกนั และยากตอ่ การจดั โปรแกรมการปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมสุขภาพใหบ้ รรลุเป้าหมายได้แล้ว การตตี ราอาจทาให้ ผู้รับบริการและบุคคลท่เี ก่ยี วขอ้ งเกดิ ความอับอายแล้วจะส่งผลให้เลอื กหรือไม่เลอื กท่จี ะแสดงพฤตกิ รรมสุขภาพ ตามทถ่ี ูกตตี ราได้ 3. พฤตกิ รรมสุขภาพไม่วา่ จะเป็นพฤตกิ รรมท่ปี กตหิ รอื ไม่ปกติ กต็ าม ยอ่ มเกดิ จากการเรยี นร้ใู นอดีต ทงั้ สน้ิ ดงั นนั้ พฤตกิ รรมเหล่าน้ีสามารถเปลย่ี นแปลงได้โดยกระบวนการเรยี นรู้
๙๒ 4. การปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรมสุขภาพจะเน้นสภาพ และเวลาในปัจจุบันเท่านัน้ เม่อื วิเคราะหไ์ ดว้ า่ สง่ิ เร้าและผลกรรมใดท่ที าให้พฤติกรรมนัน้ เกดิ บ่อยหรือลดลงในสภาพปัจจุบนั ก็สามารถปรบั ส่งิ เร้าและ ผลกรรมให้ เหมาะสมยงิ่ ข้นึ เพอ่ื ทาให้พฤตกิ รรมดงั กลา่ วเปลย่ี นแปลงไปตามเป้าหมายทต่ี อ้ งการ 5. การปรับเปล่ยี นพฤติกรรมสุขภาพนัน้ จะเน้นวิธกี ารทางบวกมากกว่าวิธกี ารลงโทษ เน่ืองจาก เป้าหมายของการปรบั พฤติกรรมเนน้ การเพิม่ พฤติกรรมท่พี งึ ประสงค์ จงึ จาเป็นต้องใช้วธิ กี ารทางบวก เพราะเป็น วธิ กี ารทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ ทงั้ ยงั ไดก้ ่อให้เกดิ ปัญหาทางอารมณ์น้อยกว่าวธิ กี ารลงโทษ 6. วธิ กี ารปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพนนั้ สามารถใช้ไดอ้ ย่างเหมาะสมตามลกั ษณะของปัญหาแต่ละ บคุ คล เพราะคนแต่ละคนมคี วามแตกต่างกนั ดงั นนั้ ในการดาเนินการปรบั พฤติกรรมจงึ ต้องคานงึ ถึงความแตกต่าง ระหว่างบคุ คลดว้ ย 7. วธิ กี ารปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพควรเป็นวธิ กี ารทไ่ี ดร้ บั การพสิ ูจนม์ าแล้ววา่ มปี ระสทิ ธภิ าพและ ไดผ้ ลโดยวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรมท่ีประชาชนควรปฏิบตั ิเป็นประจา...สุขบญั ญตั ิ 10 ประการ ปัญหาด้านสขุ ภาพ ของวยั ทางาน ส่วนใหญเ่ กดิ จากการละเลยต่อการดูแลสุขภาพและมพี ฤตกิ รรม สขุ ภาพท่ไี ม่เหมาะสม สาเหตหุ นงึ่ เป็นผลต่อเน่อื งจากขาดความรอบรู้ด้านสุขภาพ ไม่สามารถปฏบิ ตั พิ ฤตกิ รรมท่ี สาคญั และจาเป็นตอ่ การมสี ขุ ภาพดี ทาให้เป็นโรคตดิ ตอ่ และโรคไมต่ ดิ ตอ่ ท่สี ามารถป้องกนั ได้ อาทเิ ชน่ การกนิ อาหาร ทไ่ี ม่ถกู ตอ้ ง มกี ารออกกาลงั กายนอ้ ย สง่ ผลใหม้ ภี าวะอว้ น มรี ะดบั ความดนั โลหติ สูง เป็นโรคเบาหวาน การกนิ อาหารท่มี สี ารปนเปื้อน การสูบบุหรก่ี อ่ ให้เกดิ โรคมะเรง็ การอยู่ในสงั คมทต่ี ้องแขง่ ขนั ทาให้มคี วามเครยี ดสงู เร่อื ง อุบตั เิ หตุ รวมไปถงึ การทเ่ี ราตอ้ งมคี วามเสย่ี งต่อโรคตดิ ต่อซ่ึงเกดิ จากเช้อื โรคตา่ ง ๆ ทป่ี ะปนอยรู่ อบ ๆ ตวั เรา และมี โอกาสทจ่ี ะรบั เชอ้ื เขา้ ไปหากขาดความระมดั ระวงั เชน่ อจุ จาระร่วง อาหารเป็นพษิ วณั โรค ไขห้ วดั ใหญ่ เป็นต้น สุขบญั ญตั ิ หมายถงึ ขอ้ กาหนดท่ปี ระชาชนทวั่ ไป พงึ ปฏบิ ตั ิ อย่างสม่าเสมอ จนเป็นสขุ นิสยั เพ่ือให้มี สขุ ภาพดี ทงั้ ร่างกาย และจติ ใจ เป็นแนวทางการปฏบิ ตั ติ นหรอื การดูแลสุขภาพพน้ื ฐาน เพอ่ื สรา้ งเสรมิ สขุ ภาพและ ลดความเสย่ี งจากโรคภยั ไขเ้ จบ็ รวมทงั้ อนั ตรายตอ่ สุขภาพทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ นาไปสู่การมสี ขุ ภาพดซี ึง่ เป็นพ้นื ฐานสาคญั ในการทากจิ กรรมและดาเนินชวี ติ ประจาวนั ประชาชนจงึ ควรมพี ฤตกิ รรมตามแนวทางสขุ บญั ญตั ิ ซง่ึ เป็นพฤตกิ รรม สุขภาพท่คี รอบคลมุ ทงั้ เร่อื ง อนามยั สว่ นบุคคล อาหารและโภชนาการ การออกกาลงั กาย สขุ ภาพจติ อบุ ตั ภิ ยั และ อนามยั สงิ่ แวดล้อม สขุ บญั ญตั ิ 10 ประการ ประกอบด้วย 1. ดูแลรกั ษารา่ งกายและของใช้ให้สะอาด ทาได้โดย - อาบน้าทุกวนั อย่างนอ้ ยวนั ละ 1 ครงั้ และสระผมอยา่ งนอ้ ย สปั ดาห์ละ 2 ครงั้ - ตดั เล็บมอื เลบ็ เท้า ให้สนั้ อยเู่ สมอ เพ่อื ป้องกนั เช้อื โรค
๙๓ - ถา่ ยอจุ จาระใหเ้ ป็นเวลาทุกวนั - ใส่เส้อื ผ้าทส่ี ะอาด ไม่อบั ช้นื และใหค้ วามอบอ่นุ อย่างเพยี งพอ - จดั เก็บขา้ วของเครอ่ื งใช้ใหเ้ ป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ย 2. รกั ษาฟันให้แขง็ แรง และแปรงฟันทกุ วนั อย่างถกู วิธี โดยการ - แปรงฟันทกุ วนั อยา่ งถกู วธิ ี อย่างน้อยวนั ละ 2 ครงั้ คอื เวลาเชา้ และก่อนนอน - ถูหรอื บ้วนปาก หลงั ทานอาหาร - เลอื กใชย้ าสฟี ันและฟลอู อไรด์ - หลกี เล่ยี งการทานลูกอม ลูกกวาด ท็อฟฟี่ ขนมหวานเหนียวตา่ ง ๆ เพอ่ื ป้องกนั ฟันผุ - ตรวจสขุ ภาพช่องปากและฟัน อยา่ งนอ้ ยปีละ 2 ครงั้ - ไม่ควรใช้ฟันกดั ขบของแขง็ 3. ล้างมือใหส้ ะอาดกอ่ นรบั ประทานอาหารและหลงั การขบั ถ่าย - ล้างมอื อยา่ งถูกวธิ ี ดว้ ยน้าและสบู่ - ล้างมอื ทกุ ครงั้ กอ่ นและหลงั การเตรยี ม ปรุง และรบั ประทานอาหาร รวมทงั้ หลงั การขบั ถา่ ย ประหยดั 4. กินอาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอนั ตราย และหลกี เล่ียงอาหารรสจดั สฉี ดู ฉาด โดยการ รา่ งกาย - เลอื กซอ้ื อาหารสด สะอาด ปลอดสารพษิ โดยคานงึ หลกั 3 ป คอื ประโยชน์ ปลอดภยั และ ฉูดฉาด - ปรุงอาหารใหถ้ ูกสขุ ลกั ษณะ และใช้เคร่อื งปรงุ รสทถ่ี ูกตอ้ ง โดยคานึงหลกั 3 ส คอื สงวนคณุ ค่า สุก เสมอ และสะอาดปลอดภยั - รบั ประทานอาหารท่มี กี ารจดั เตรยี ม การประกอบอาหาร และใสใ่ นภาชนะท่สี ะอาด - รบั ประทานอาหารใหค้ รบ 5 หมู่ ในปรมิ าณทพ่ี อเหมาะ เพ่อื ให้เพยี งพอต่อความต้องการของ - รบั ประทานอาหารให้ถูกหลกั โภชนาการทุกวนั - รบั ประทานอาหารปรงุ สกุ ใหม่ รวมทงั้ ใช้ช้อนกลางในการรบั ประทานอาหารรว่ มกนั - หลกี เล่ยี งการรบั ประทานอาหารสุกๆ ดบิ ๆ หรอื อาหารรสจดั ของหมกั ดอง รวมทงั้ อาหารใส่สี - รบั ประทานอาหารให้เป็นเวลา - ด่มื น้าสะอาดทุกวนั อยา่ งน้อยวนั ละ 8 แก้ว 5. งดสบู บุหรี่ สรุ า สารเสพติด การพนัน และการสาสอ่ นทางเพศ
๙๔ - ผทู้ จ่ี ะมสี ขุ ภาพดตี ามสขุ บญั ญตั ิ 10 ประการ ตอ้ งงดสบู บหุ ร่ี งดดม่ื เครอ่ื งด่มื แอลกอฮอล์ งดใช้ สาร เสพตดิ งดเลน่ การพนนั นอกจากน้ตี ้องสง่ เสรมิ ค่านยิ ม รกั นวลสงวนตวั และมคี คู่ รองเม่อื ถงึ วยั อนั ควร 6. สรา้ งความสมั พนั ธใ์ นครอบครวั ให้อบอุ่น ทาได้โดย - ใหท้ กุ คนในครอบครวั ช่วยกนั ทางานบ้าน - สมาชกิ ทกุ คนในครอบครวั ควรปรกึ ษาหารอื และแสดงความคดิ เหน็ ร่วมกนั - เผอ่ื แผน่ ้าใจให้กนั และกนั - จดั กจิ กรรมสนุกสนานรว่ มกนั - ชวนกนั ไปทาบญุ พระ ฯลฯ 7. ป้องกนั อุบตั ิภยั ดว้ ยการไม่ประมาท ทาไดโ้ ดย - ระมดั ระวงั ป้องกนั อุบตั ภิ ยั ท่อี าจเกดิ ภายในบ้าน เชน่ เตาแกส๊ ไฟฟ้า ของมีคม ธูปเทยี นท่จี ดุ บชู า - ระมดั ระวงั ในการป้องกนั อบุ ตั ภิ ยั ในทส่ี าธารณะ เชน่ ปฏบิ ตั ติ ามกฏของการจราจรทางบก ทางน้า ป้องกนั อนั ตรายจากโรงฝึกงาน ห้องปฏบิ ตั กิ าร เขตก่อสร้าง หลกี เล่ยี งการชมุ นุมหอ้ มล้อม ในขณะ เกดิ อบุ ตั ภิ ยั 8. ออกกาลงั กายสมา่ เสมอ และตรวจสุขภาพประจาปี โดยการ - ออกกาลงั กายอย่างน้อยสปั ดาห์ละ 3 ครงั้ - ออกกาลงั กายและเลน่ กฬี าใหเ้ หมาะสมกบั สภาพรา่ งกายและวยั - ตรวจสุขภาพประจาปีกบั แพทย์ อย่างน้อยปีละ 1 ครงั้ 9. ทาจิตใจให้รา่ เริงแจม่ ใสอยู่เสมอ โดยการ - พกั ผอ่ นนอนหลบั ให้เพยี งพอ อยา่ งต่า 8 ชวั่ โมง - จดั สง่ิ แวดล้อมภายในบา้ น และท่ที างานใหน้ ่าอยู่ - หาทางผอ่ นคลายความเครยี ด เมอ่ื มีปัญหา หรอื เรอ่ื งไมส่ บายใจรบกวน อาจหางานอดเิ รกทา ใช้ เวลาว่างไปกบั การอ่านหนงั สอื ฟังเพลง ดภู าพยนตร์ - มองโลกในแง่ดี คดิ บวก รูจ้ กั การให้อภยั 10. มสี านึกตอ่ ส่วนรวมรว่ มสร้างสรรคส์ งั คม เช่น - กาจดั ขยะภายในบา้ น และทง้ิ ขยะในทร่ี องรบั
๙๕ - หลกี เลย่ี งการใช้วสั ดอุ ปุ กรณท์ ก่ี ่อใหเ้ กดิ มลภาวะตอ่ สง่ิ แวดล้อม เช่น โฟม พลาสตกิ สเปรย์ เป็น ต้น - มแี ละใชส้ ว้ มท่ถี ูกสขุ ลกั ษณะ - กาจดั น้าทง้ิ ในครวั เรอื นและโรงเรยี นดว้ ยวธิ ีท่ถี ูกต้อง - ใช้ทรพั ยากรอยา่ งประหยดั - อนุรกั ษ์และพฒั นาสงิ่ แวดลอ้ ม เช่น ชุมชน ป่า น้า และสตั ว์ป่า เป็นต้น การปฏบิ ตั ไิ ด้ตาม สขุ บญั ญตั ิ 10 ประการ เป็นการสรา้ งเสรมิ สุขภาพและลดความเส่ยี งจากโรคภยั ไขเ้ จบ็ รวมทงั้ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ นาไปส่กู ารมสี ุขภาพดี ปราศจากโรคภยั มาเบยี ดเบยี น ซึง่ เป็นพ้นื ฐานสาคญั ในการทากจิ กรรมและดาเนนิ ชวี ติ ประจาวนั 3. การปรบั เปล่ียนพฤติกรรมสุขภาพและการเพ่ิมความรอบรู้ด้านสุขภาพและการจดั กิจกรรมเรยี นรู้เพ่ือพฒั นาสุขภาวะคนวยั ทางานในสถานประกอบการ ในการดาเนินงานใหป้ ระชาชนมคี วามรอบร้ดู า้ นสุขภาพและพฤตกิ รรมสขุ ภาพทถ่ี ูกตอ้ ง นนั้ ต้องมี การดาเนินงานทงั้ การจัดกจิ กรรมให้เกดิ การเรียนรู้ ควบคู่กับการจัดปั จจัยแวดล้อมในองค์กรให้เอ้อื ต่อการ เรยี นรดู้ ้านสขุ ภาพและการปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ โดยมกี ารดาเนินงาน 7 ขนั้ ตอน ดงั น้ี 1. สร้างและพัฒนาทมี แกนนาในองคก์ ร : การจัดตงั้ ทมี แกนนาสขุ ภาพในองค์กรเพ่อื ขบั เคล่อื นการ ดาเนนิ งาน ควรมผี แู้ ทนจากทกุ หน่วยงานในองค์กร รว่ มดาเนนิ การ 2. ศกึ ษาขอ้ มูลพ้นื ฐานและพฤตกิ รรมสุขภาพ : มกี ารรวบรวมขอ้ มูลสุขภาพ ขอ้ มูลความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤตกิ รรมสุขภาพ รวมถงึ ข้อมูล ปัจจยั ท่เี อ้อื ตอ่ การเสรมิ สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพและปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมสุขภาพ เช่น การมสี ถานท่อี อกกาลัง กาย มกี ล่มุ /ชมรม แหล่งเรยี นรดู้ ้านสขุ ภาพ หรอื ส่อื /ช่องทางการสอ่ื สารสุขภาพ เป็นต้น : นาขอ้ มลู ท่รี วบรวมไว้ มาวเิ คราะห์สะทอ้ นใหเ้ หน็ ปัญหาสุขภาพของคนในองคก์ รและวิเคราะห์ว่า ปัญหาสุขภาพนนั้ ๆ มสี าเหตมุ าจากพฤตกิ รรมสขุ ภาพอะไร เช่น ปัญหาโรคเบาหวาน มสี าเหตุจากพฤตกิ รรมการ บริโภคอาหารหวาน ขาด/ออกกาลังกายนอ้ ย และมคี วามเครียด เป็นต้น และวเิ คราะห์ต่อถึงปัจจัยแวดล้อมท่เี ป็น สาเหตุของพฤตกิ รรมสุขภาพ เชน่ ความรู้ ความเชอ่ื ท่ไี ม่ถูกต้อง ไม่มที กั ษะในการปฏบิ ตั ใิ นเรอ่ื งนนั้ ๆ หรอื ปัจจยั อน่ื ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง เช่น เลกิ งานกลบั ถึงบ้านคา่ ทาให้ไม่ไดอ้ อกกาลงั กาย เป็นต้น 3. จดั ทาแผนสรา้ งเสรมิ ความรอบรูด้ ้านสขุ ภาพและพัฒนาพฤตกิ รรมสขุ ภาพในองค์กร : ทมี แกนนา สุขภาพนาขอ้ มูลท่วี ิเคราะห์ มาวางแผนในการเสรมิ สร้างความรอบร้ดู ้านสขุ ภาพและปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมสุขภาพ โดยจะต้อง กาหนดพฤตกิ รรมสุขภาพเป้าหมายท่พี งึ ประสงค์ กาหนดกลุ่มเป้าหมาย และกลวิธหี รอื กจิ กรรมท่ี สามารถแกส้ าเหตุของพฤตกิ รรมสุขภาพทส่ี อดคลอ้ งกบั ปัญหาขององคก์ ร 4. จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ สร้างเสรมิ ความรอบรแู้ ละปรบั เปล่ยี นพฤติกรรมสขุ ภาพ : การจัดกจิ กรรม การเรยี นรมู้ หี ลากหลายวิธกี าร และการเสรมิ สร้างความรอบรดู้ ้านสุขภาพและพฤตกิ รรมสุขภาพท่ถี กู ต้อง นนั้ ต้องมี
๙๖ การดาเนนิ งานทงั้ การจดั กจิ กรรมใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ ควบคกู่ บั การจดั ปัจจยั แวดลอ้ มในองค์กรใหเ้ อ้อื ตอ่ การเรยี นรดู้ ้าน สขุ ภาพและการปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ อาทเิ ช่น 4.1 ประชาสมั พนั ธ์สรา้ งกระแสและการรบั รู้ของคนในองค์กร เพ่อื ใหเ้ กดิ การมสี ว่ นร่วมในการดูแล สุขภาพ 4.2 จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรูปแบบท่ีหลากหลาย โดยเน้นกิจกรรมแบบการมีส่วนร่วม ให้ กลุ่มเป้าหมายได้แสดงออกด้วยการใช้ความคดิ พูดคุยและแลกเปล่ยี นประสบการณ์ท่กี อ่ ใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ อาจเป็นกลุ่ม ชมรมต่าง ๆ หรือเป็นการเรยี นรูจ้ ากประสบการณ์ของบุคคลต้นแบบ อาจใชว้ ธิ กี ารสาธติ การอภปิ รายกลุ่มยอ่ ย/ระดมสมอง การจดั การเรยี นรูโ้ ดยใชเ้ กม เป็นตน้ 4.3 จดั ปัจจยั แวดล้อมให้เออ้ื ตอ่ การเพม่ิ ความรอบรดู้ ้านสุขภาพและปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพ เช่น จัดหาส่อื /ช่องทางการส่อื สารสุขภาพในองค์กรท่ที นั สมยั เข้าถึงง่าย ตลอดเวลา จัดให้มี แหลง่ /สถานทเ่ี รยี นรู้ มสี ถานท่อี อกกาลงั กาย รา้ นอาหารในองค์กรมเี มนูอาหารสขุ ภาพสาหรับ พนกั งาน เป็นตน้ 4.4 ร่วมกาหนดมาตรการทางสงั คมหรอื ขอ้ ตกลงร่วมเพ่อื ถอื ปฏบิ ตั ริ ่วมกนั ในองคก์ ร 5. เฝ้าระวังพฤตกิ รรมสุขภาพ : การเฝ้าระวงั พฤตกิ รรมสุขภาพเป็นการค้นหาและรวบรวมข้อมูล พฤตกิ รรมเส่ยี งทางด้านสุขภาพของคนในองคก์ ร เพอ่ื ใหท้ ราบว่าคนกลมุ่ ไหนมพี ฤตกิ รรมเสย่ี งอะไรท่ีมผี ลตอ่ สุขภาพ หรือทาให้เกิดโรค เพ่อื หาหนทางในการให้คาแนะนา หรอื แก้ไขไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง เหมาะสมและสามารถควบคุมและ ป้องกนั โรคได้ทนั ลดความรนุ แรงของโรคได้ ทงั้ น้ีสามารถนาขอ้ มลู ทไ่ี ดไ้ ปปรบั กจิ กรรมการเรยี นรู้ใหส้ ามารถส่งผล ต่อการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพให้ถูกตอ้ ง 6. การแลกเปลย่ี นเรยี นรูเ้ ครอื ข่ายสขุ ภาพ 7. การประเมินผลสาเร็จและการถอดบทเรยี น เป็นการวดั ผลลัพธ์ ผลสาเรจ็ ของการปรบั เปล่ียน พฤตกิ รรมสุขภาพ โดยสามารถประเมนิ จาก การมีพฤตกิ รรมสุขภาพตามท่ตี งั้ เป้าหมายไว้ เช่น ไม่ด่มื น้าอดั ลม รบั ประทานผกั ทกุ ม้อื อาหาร ออกกาลงั กายทกุ วนั การมสี ขุ ภาพท่ดี ขี น้ึ เชน่ น้าหนักตวั ลดลง คา่ น้าตาลในเลอื ด/ค่า ความดนั โลหติ อย่ใู นเกณฑ์ปกติ เป็นต้น กิจกรรมการเรียนรู้ 1. บรรยาย 2. ดูคลปิ วดี โี อ ระยะเวลาการเรียนรู้ จานวน 3 ชวั ่ โมง การเรยี นรผู้ า่ นระบบออนไลน์ ส่อื การเรยี นรู้ คลปิ การบรรยาย และคลปิ ตวั อย่างกจิ กรรม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187