Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือ สำหรับ พี่เลี้ยงในสถานบริการสุขภาพ

คู่มือ สำหรับ พี่เลี้ยงในสถานบริการสุขภาพ

Published by kanokrat sudiapa, 2021-12-05 11:33:39

Description: คู่มือ สำหรับ พี่เลี้ยงในสถานบริการสุขภาพ

Search

Read the Text Version

๔๗ สรุปผลลัพธ์หรือประโยชน์โดยรวมของการมีศูนย์สุขภาพดีวัยทางาน คือ การทาให้สถาน ประกอบการมกี ารจัดโปรแกรมสุขภาวะ (wellness Center) ส่งผลให้ลูกจ้างสุขภาพดที าให้การทางาน เตม็ ท่ี ผลผลติ ของสถานประกอบการเพ่ิมขนึ้ ลูกจา้ งร้สู กึ มคี ณุ ค่า เพมิ่ ระยะเวลาในการคงอยู่ในสถานท่ี ทางานเดมิ ไม่เปล่ยี น งานบอ่ ยเน่อื งจากลูกจา้ งได้รบั การดูแลสขุ ภาพ ลดความเสย่ี งตอ่ การเกดิ โรคต่างๆ ลดวนั ลาป่วย และเพม่ิ ความสนิทสนมระหว่างเพอ่ื นรว่ มงานในการทากจิ กรรมต่างๆ กรณีศึกษา การนาแนวคิดสขุ ภาวะองคร์ วมของวยั ทางาน ไปสกู่ ารพฒั นาอย่างเป็นรปู ธรรม

๔๘ กรณีศึกษาการดาเนินงานศูนย์สุขภาพดวี ยั ทางานในสถานประกอบการ การขบั เคล่อื นงานศูนย์สุขภาพดวี ยั ทางานของกรมควบคุมโรค โดยกองโรคจากการประกอบอาชีพและ ส่ิงแวดล้อม ได้มกี ารดาเนินการมาตงั้ แต่ปี ๒๕๖๒ มีสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการ จานวน ๕๔ แห่ง และมี สถานประกอบการท่ไี ด้รบั รางวลั ตน้ แบบศูนย์สุขภาพดวี ยั ทางานในสถานประกอบการ ประจาปีงบประมาณ 2562 จานวน ๘ แหง่ โดยจะขอยกตวั อย่างกรณศี ึกษาการดาเนินงานศูนย์สุขภาพดวี ัยทางานของสถานประกอบการ มา จากต้นแบบศูนย์สุขภาพดวี ัยทางานในสถานประกอบการ จานวน ๒ แห่ง โดยในการดาเนินงานของสถาน ประกอบการนัน้ จะเป็นไปตามขนั้ ตอนการดาเนินงานของศนู ย์สุขภาพดวี ยั ทางานในสถานประกอบการ เพ่อื เป็น แ น ว ท า ง ใ น ก า ร พั ฒ น า ศู น ย์ สุ ข ภ า พ ดี วั ย ท า ง า น แ ก่ สถานประกอบการอน่ื ๆ ตอ่ ไป กรณีท่ี ๑ . บรษิ ทั อตุ สาหกรรมทาเครือ่ งแกว้ ไทย จากดั (มหาชน) จ.สมุทรปราการ (๑) การกาหนดนโยบาย บรษิ ทั ฯ ไดใ้ ช้นโยบายต่าง ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งขององค์กรท่มี กี ารกาหนดและประกาศใช้อยู่แล้ว มา สนบั สนุนการดาเนินงานในเร่อื งน้ี ประกอบไปด้วย นโยบายความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสง่ิ แวดลอ้ ม นโยบาย โครงการสถานประกอบการปลอดโรค ปลอดภยั กายใจเป็นสุข และ นโยบายคลินิกความปลอดภัย พร้อมทงั้ ได้ ประกาศให้ผ้รู บั ผดิ ชอบและผู้ปฏบิ ตั งิ านทุกคนในองค์กร ได้รบั ทราบอย่างทวั่ ถึง (๒) การแตง่ ตงั้ คณะทางานในการสนับสนนุ ดาเนินงาน บริษัทฯ ได้ใช้คณะกรรมการชุดต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องขององค์กรท่ีมีการแต่งตัง้ อยู่แล้ว มา สนับสนุนการดาเนินงานในเรอ่ื งนี้ ประกอบไปดว้ ย คณะกรรมการโครงการสถานประกอบการปลอดโรค ปลอดภัย กายใจเป็นสุข และคณะกรรมการคลนิ กิ ความปลอดภยั

๔๙ (๓) การจดั สรรงบประมาณเพ่อื สนับสนุนการดาเนินงาน บรษิ ทั ฯ ไดใ้ ช้งบประมาณของแผนกความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสงิ่ แวดล้อม มาสนบั สนุน การดาเนินงาน (๔) รูปแบบ/ช่องทางการสื่อสารการดาเนิ นงานแบบสองทางที่สามารถสื่อสารไปยัง ผปู้ ฏิบตั ิงานได้อย่างครบถว้ นและทวั่ ถงึ คอื วารสาร , บอร์ดประชาสมั พนั ธ์, การประชุมช้แี จง, ประกาศ, VDO, Email, Drive กลาง บรษิ ทั ฯ, SMS, Facebook, Website (๕) การจดั สรรพน้ื ทขี่ องศูนยส์ ขุ ภาพดวี ยั ทางานท่เี ป็นสัดส่วนและผู้ปฏบิ ตั ิงานสามารถเข้าถึง ไดง้ า่ ย โดยการใช้พนื้ ท่ขี องหอ้ งพยาบาล เพื่อดาเนินการเป็น ศนู ยส์ ขุ ภาพดีวยั ทางานของบริษทั ฯ (๖) เครือ่ งมอื ในการคดั กรองสขุ ภาพเบอ้ื งต้นในศนู ยส์ ุขภาพดีวยั ทางาน ประกอบด้วย เทอร์โมมเิ ตอร์ เคร่อื งชงั่ น้าหนัก วดั ไขมนั วดั ส่วนสูง เคร่อื งวดั ความดนั โลหติ เคร่อื งกระตกุ หวั ใจไฟฟ้าอตั โนมตั ิ (AED) และ เคร่อื งตรวจหู (๗) การวิเคราะห์ผลการคดั กรองความเสีย่ ง และการตรวจสขุ ภาพ บรษิ ทั ฯ มกี ารคดั กรองความเสย่ี ง และ มกี ารตรวจสุขภาพ ทงั้ ตรวจสุขภาพทวั่ ไป และ ตรวจ สขุ ภาพตามปัจจยั เส่ยี ง พรอ้ มทงั้ มกี ารสรุปขอ้ มูล ผลการตรวจสมรรถภาพการได้ยนิ สรุปผลการตรวจสมรรถภาพ ปอด สรุปภาวะเส่ยี งเบาหวาน สรปุ ภาวะเสย่ี งความดนั โลหติ สรุประดบั ไขมนั ในเลอื ด สรุปภาวะเส่ยี งโรคหลอดเลอื ด และหวั ใจ สรปุ ขอ้ มูลการสบู บุหร่แี ละดม่ื สรุ า โดยมกี ารแบง่ กล่มุ ปกติ กลุม่ เสย่ี ง และกลุม่ ป่วย ไดอ้ ยา่ งชดั เจน (๘) การร่วมดาเนินงานกบั ศูนยส์ ุขภาพดีวยั ทางานของหน่วยบริการสาธารณสุข โดยร่วมดาเนินการกบั คลนิ ิกบ้านแพว้ จ.สมทุ รสาคร (เรอ่ื ง การรกั ษาทนั ตกรรม) โรงพยาบาล บางพลี จ.สมุทรปราการ (เรอ่ื ง โภชนาการ การวดั สมรรถภาพร่างกาย) และโรงพยาบาลสมุทรปราการ (เรอ่ื ง การ บรกิ ารตรวจฟันฟร)ี (๙) การดาเนินงานด้านการสง่ เสริมสขุ ภาพของศูนย์สขุ ภาพดีวยั ทางาน ร่วมกบั ชมุ ชน หรอื หน่วยงานอน่ื ในพื้นทอ่ี ย่างเป็นรูปธรรม โดยมีกจิ กรรมการดาเนินงาน คือ 1. สนับสนุนวัคซีนไขห้ วัดใหญ่ให้กบั ครอบครัวพนักงาน เพ่อื นพนักงาน และชุมชนมารบั วคั ซีนได้ในราคาถูก (300 บาท) 2. โครงการครูบ้านแก้ว สอนเด็กนักเรียน เร่อื ง สขุ ภาพและความปลอดภยั (๑๐) การเกิดชุดกิจกรรม (Intervention) ท่ีสอดคล้องกบั ความเส่ยี ง

๕๐ เม่อื บริษทั ฯ ได้พบความเส่ยี งสาคัญ ขององค์กร คอื ปัญหาการรบั สัมผัสเสียงดังจากการ ทางาน และ ค่า BMI ท่เี กนิ มาตรฐานของผปู้ ฏบิ ตั งิ านท่เี พ่ิมมากขน้ึ ทาใหบ้ รษิ ทั ฯ จดั ทา Intervention ในการจดั การ ปัญหาทส่ี าคญั ดงั น้ี ๑. การจดั การเร่อื ง การอนุรกั ษก์ ารได้ยนิ และ การจดั การปัญหาเสียงดัง ๒. การดูแลสุขภาพ ตามเกณฑม์ าตรฐาน BMI และ กจิ กรรม BJC Glass Smart Body (๑๑) การเกิดนวัตกรรม (Innovation) ในการลดโรคหรือพฤติกรรมเส่ียงฯ สอดคล้องกบั ความเส่ยี ง บรษิ ทั ฯ ได้จดั ทา Innovation ในการลดโรคหรอื พฤตกิ รรมเส่ยี งฯ ท่สี อดคล้องกับความเส่ยี ง สาคญั ขององค์กร คอื 1. นวตั กรรม Audio Repeat Program (โปรแกรมวเิ คราะห์ผลการตรวจสมรรถภาพการได้ยนิ เพ่อื ให้ทราบผลทนั ทีว่าค่าการได้ยนิ แตกต่างไปจากค่าการยนิ พ้นื ฐานท่คี วามถ่ีใดความถี่หนึ่งตงั้ แต่ 15 เดซิเบล หรือไม่) และ 2. App AMPOS เพ่อื ใช้ในการบริหารค่า BMI ของผู้ปฏิบตั งิ าน พร้อมทงั้ เป็น Application ในการให้ ความรู้ด้านสขุ ภาพใหก้ บั ผปู้ ฏบิ ตั ดิ ว้ ย (

๕๑ ขอขอบพระคณุ ในความอนุเคราะหข์ อ้ มลู จากบรษิ ทั อุตสาหกรรมทาเครอ่ื งแกว้ ไทย จากดั (มหาชน) จ.สมทุ รปราการ และการรว่ มขบั เคล่อื นดาเนินงานศูนย์สุขภาพดวี ัยทางานของเครอื ขา่ ยทเ่ี ข้มแขง็ ประกอบไป ด้วย สานักงานสาธารณสุขจงั หวดั สมทุ รปราการ โรงพยาบาลบางพลี สานักงานป้องกนั ควบคมุ โรคท่ี 6 จงั หวดั ชลบรุ ี กรณีที่ ๒ บริษทั ไทยนามันสาปะหลัง จากัด จ.อุดรธานี (๑) การกาหนดนโยบาย บรษิ ทั ฯ ได้กาหนดนโยบายศูนย์สุขภาพดวี ัยทางาน มาสนับสนุนการดาเนินงานในเร่อื งน้ี โดยเฉพาะ พรอ้ มทงั้ ไดป้ ระกาศใหผ้ ้รู บั ผดิ ชอบและผูป้ ฏบิ ตั งิ านทุกคนในองค์กร ได้รบั ทราบ (๒) การแต่งตงั้ คณะทางานในการสนบั สนุนดาเนินงาน

๕๒ บรษิ ทั ฯ ไดแ้ ตง่ ตงั้ คณะกรรมการศูนย์สขุ ภาพดวี ยั ทางาน มาสนบั สนุนการดาเนนิ งานในเร่อื งนี้ โดยเฉพาะ (๓) การจดั สรรงบประมาณเพอื่ สนับสนนุ การดาเนินงาน บริษัทฯ ได้จัดสรรงบประมาณของโครงการศูนย์สุขภาพดีวัยทางาน มาสนับสนุนการ ดาเนินงาน (๔) รูปแบบ/ช่องทางการส่ือสารการดาเนิ นงานแบบสองทางท่ีสามารถส่ือสารไปยัง ผปู้ ฏิบตั ิงานไดอ้ ย่างครบถ้วนและทวั่ ถงึ คอื การประชมุ ช้แี จง และการตดิ บอร์ดประชาสมั พนั ธ์ (๕) การจดั สรรพื้นทข่ี องศูนยส์ ขุ ภาพดีวยั ทางานท่เี ป็นสดั ส่วนและผู้ปฏบิ ตั ิงานสามารถเข้าถึง ไดง้ ่าย โดยการใช้พน้ื ทขี่ องหอ้ งพยาบาล เพื่อดาเนินการเป็น ศนู ยส์ ขุ ภาพดวี ยั ทางานของบริษทั ฯ (๖) เครือ่ งมือในการคดั กรองสขุ ภาพเบือ้ งต้นในศนู ย์สุขภาพดีวยั ทางาน ประกอบดว้ ย แบบคดั กรองสุขภาพ อุปกรณ์ปฐมพยาบาล เครอ่ื งวดั ความดนั โลหติ เครอ่ื งชงั่ น้าหนักวดั สว่ นสงู (๗) การวิเคราะหผ์ ลการคดั กรองความเสยี่ ง และการตรวจสขุ ภาพ บรษิ ทั ฯ มกี ารคดั กรองความเส่ยี ง และ มกี ารตรวจสขุ ภาพ ทงั้ ตรวจสุขภาพทวั่ ไป และ ตรวจ สุขภาพตามปัจจยั เส่ยี ง พร้อมทงั้ มกี ารสรุปขอ้ มูล ผลการตรวจสมรรถภาพการได้ยนิ สรุปผลการตรวจสมรรถภาพ ปอด สรุประดบั ไขมนั ในเลอื ด สรุปขอ้ มลู การสบู บุหรแ่ี ละด่มื สรุ า โดยมกี ารแบง่ กลมุ่ ปกติ และกล่มุ ป่วย (๘) การดาเนินงานด้านการสง่ เสริมสุขภาพของศนู ยส์ ุขภาพดวี ยั ทางาน รว่ มกบั ชุมชน หรอื หน่วยงานอนื่ ในพืน้ ทอี่ ยา่ งเป็นรูปธรรม โดยมกี ิจกรรมการดาเนินงาน คอื โครงการส่งเสริมสุขภาพกาย จิต ผู้สูงอายุในชุมชนเพ่ือ คณุ ภาพทด่ี ี (๙) การเกิดชุดกิจกรรม (Intervention) ท่ีสอดคล้องกบั ความเสยี่ ง เมอ่ื บรษิ ทั ฯ ได้พบความเสย่ี งสาคญั ขององคก์ ร คอื คา่ BMI ท่เี กนิ มาตรฐานของผปู้ ฏบิ ตั งิ าน ท่เี พ่มิ มากข้นึ ทาให้บรษิ ัทฯ จดั ทา Intervention ในการจดั การปัญหาท่สี าคญั คอื การให้ความรู้เร่อื งโรคจากการ ทางานและโรคจากชวี ติ ประจาวนั และเกดิ กจิ กรรมออกกาลงั กายเพอ่ื ลดพุง ลดโรค (๑๐) การเกิดนวตั กรรม (Innovation) ในการลดโรคหรือพฤติกรรมเสี่ยงฯ สอดคล้องกบั ความเสย่ี ง บริษทั ฯ ได้จดั ทา Innovation ในการลดโรคหรอื พฤตกิ รรมเสย่ี งฯ ท่สี อดคล้องกับความเส่ยี ง สาคญั ขององค์กร คอื กจิ กรรมออกกาลงั กายเพอ่ื ลดพงุ ลดโรค

๕๓ ขอขอบพระคุณในความอนุเคราะห์ขอ้ มลู จากบรษิ ทั ไทยนามนั สาปะหลงั จากดั จ.อุดรธานี และการรว่ ม ขบั เคล่อื นดาเนินงานศนู ยส์ ุขภาพดวี ัยทางานของเครอื ข่ายท่เี ขม้ แขง็ ประกอบไปด้วย สานกั งานสาธารณสขุ จงั หวดั อุดรธานี โรงพยาบาลอดุ รธานี และ สานกั งานป้องกนั ควบคุมโรคท่ี 8 อุดรธานี สรปุ การดาเนนิ งานของศูนยส์ ขุ ภาพดวี ยั ทางานในสถานประกอบการนนั้ มคี วามจาเป็นอย่างยงิ่ ทต่ี อ้ งสรา้ งความ เขา้ ใจให้กบั ผู้รบั ผดิ ชอบหลกั ขององค์กร ในท่นี ี้ โดยส่วนใหญ่ คือ พยาบาล ท่ปี ฏบิ ัติงานในห้องพยาบาล ท่อี งค์กร นามาประยุกต์ให้เป็น ศูนย์สุขภาพดวี ัยทางานของสถานประกอบการ เพราะหากผู้รับผดิ ชอบหลกั มีความเข้าใจท่ี ชัดเจนแล้ว จะทาให้การดาเนนิ งานในเรอ่ื งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการคดั กรองความเส่ยี ง การสรุปและวิเคราะห์ข้อมลู ทาง สุขภาพ การจดั ชุดกจิ กรรมเพ่อื ปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมสุขภาพทเ่ี สย่ี ง และ การส่งเสรมิ ผ้ทู ม่ี สี ขุ ภาพแขง็ แรงใหม้ คี วาม แขง็ แรงตอ่ เน่อื ง รวมถงึ การใหค้ าปรกึ ษากบั ผู้ปฏบิ ัตงิ าน กลุ่มปกติ กลมุ่ เสย่ี ง และกลุ่มป่วย ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง เป็นไป ตามวตั ถุประสงค์ของการดาเนินงานศนู ยส์ ขุ ภาพดวี ยั ทางานในสถานประกอบการได้อยา่ งแทจ้ รงิ หวั ใจทส่ี าคญั ท่พี บจากการลงเยย่ี มประเมินในพ้นื ท่ี คอื การคน้ หาความเส่ยี งทค่ี รอบคลุมในทกุ ดา้ น ทงั้ ดา้ น โรคจากการทางาน ด้านโรคตดิ ต่อ ด้านโรคไม่ติดต่อ ด้านสุขภาพจติ และ กาหนดชุดกจิ กรรม หรือ นวตั กรรมท่ี สอดคล้องกบั ความเส่ยี งสาคญั ทพ่ี บขององค์กร เพอ่ื ให้เกดิ การจดั การปัญหานนั้ จรงิ ๆ

๕๔ ส่วนที่ ๒ องค์ความร้ทู ่ีเก่ียวขอ้ ง ๑. แนวคิด หลกั การและกลวิธีการสรา้ งเสริมสุขภาพและป้องกนั โรคสาหรบั วยั ทางาน สขุ ภาพเป็นองค์ประกอบท่สี าคัญของการดารงชีวติ ทกุ คนจะตอ้ งดแู ลสุขภาพของตนเองเป็นอย่างดี เพอ่ื ให้ ตนเองเป็นผทู้ ม่ี สี ขุ ภาพดใี นทกุ ๆ ด้าน จะทาให้สามารถดารงชวี ติ อยใู่ นสงั คมได้อย่างปกตสิ ขุ ตามศกั ยภาพทต่ี นมีอยู่ สุขภาพเป็นเร่อื งท่มี ีความเก่ยี วข้องกบั ตวั บุคคล สงั คม และสิ่งแวดล้อม หากปัจจยั ดงั กล่าวขาดความสมดุลก็จะ กอ่ ใหเ้ กดิ เป็นปัญหาสุขภาพได้ การทจ่ี ะมภี าวะสุขภาพท่พี งึ ปรารถนานนั้ บุคคลจะต้องมแี นวคดิ เกย่ี วกบั สุขภาพท่ี ถูกตอ้ งและเป็นระบบ การท่จี ะมสี ุขภาพท่ดี ไี ดน้ นั้ จะต้องมสี ุขภาวะทางร่างกาย สขุ ภาวะทางจติ สขุ ภาวะทางสงั คม และสขุ ภาวะทางจติ วญิ ญาณ ท่มี คี วามสมั พนั ธเ์ กย่ี วขอ้ งกนั โดยท่บี คุ คลท่จี ะมสี ขุ ภาพดไี ด้นนั้ จะตอ้ งมปี ัจจยั ทางสุข ภาวะเหล่านดี้ ี ปัจจยั สาคญั ทจ่ี ะส่งผลต่อสขุ ภาพ ซึ่งเป็นปัจจยั ทร่ี ่วมกนั กาหนดสภาวะสุขภาพของแต่ละบุคคลและมี อทิ ธพิ ลสาคญั คอื ปัจเจกบคุ คล สภาพแวดล้อม และการบรกิ ารสขุ ภาพ การทบ่ี ุคคลจะมสี ขุ ภาพดไี ด้นนั้ มไิ ดข้ ้นึ อยู่ กบั องค์ประกอบใด หรอื ปัจจยั ใดปัจจยั หน่ึงเพยี งอยา่ งเดยี ว แตเ่ ป็นผลรวมจากปัจจยั หลาย ๆ ดา้ นเหลา่ น้ีรว่ มกนั บาง ปัจจยั สามารถปรบั เปลย่ี นได้ คอื พฤตกิ รรมสุขภาพ โดยใชก้ ระบวนการเรยี นรทู้ จ่ี ะสร้างเสรมิ สนับสนุนด้านสขุ ภาพ โดยให้บุคคลมีการปฏิบตั แิ ละการพฒั นาสุขภาพ ตลอดจนจัดการสิง่ แวดล้อมและปัจจยั ท่มี ีผลกระทบต่อสุขภาพ เพ่อื ให้บรรลุการมีสุขภาพท่ดี ี กลวธิ ที ่นี ามาใช้ สร้างเสรมิ สุขภาพและป้องกนั โรค คือ การสร้างนโยบายสาธารณะ การสรา้ งสงิ่ แวดลอ้ มท่เี อ้อื กบั การดูแลสุขภาพ การเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ขององค์กร การพฒั นาทกั ษะส่วนบุคคล และการใหบ้ รกิ ารสขุ ภาพเชงิ รุก 1. ความหมายของสขุ ภาพ การสง่ เสริมสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพ 1.1 ความหมายของสขุ ภาพ สุขภาพ ตามคานิยามขององค์การอนามัยโลกแห่ง (WHO) หมายถึง สภาวะอันสมบูรณ์ของภาวะ ทางกาย จติ การดารงชีวิตในสังคมอย่างปกตสิ ุข จะเหน็ ได้ว่า สุขภาพ นัน้ ไม่ได้หมายถึงความปราศจากโรค หรอื ความบกพร่องเพยี งอยา่ งเทา่ นนั้ แตย่ งั รวมไปถึงสขุ ภาพจติ ท่ดี ี เพอ่ื การดาเนนิ ชวี ติ อยา่ งปกตสิ ุขอกี ดว้ ย ตอ่ มา

๕๕ ในทป่ี ระชุมสมัชชาองค์การอนามยั โลก ต่อมาเม่อื เดอื นพฤษภาคม พ.ศ.2541 ได้มมี ตใิ หเ้ พมิ่ คาวา่ สุขภาวะทางจติ วญิ ญาณเขา้ ไป ในคาจากดั ความของสขุ ภาพเพมิ่ เตมิ ดว้ ย ตามพระราชบญั ญตั สิ ขุ ภาพแห่งชาติ 2550 คาวา่ สขุ ภาพ หมายถึง ภาวะทม่ี คี วามพร้อมสมบูรณ์ ทงั้ ทางร่างกาย กลา่ วคอื การมรี า่ งกายท่แี ข็งแรง ไม่เป็นโรค ไมพ่ กิ าร มคี วามคล่องแคล่ว และมกี าลงั พร้อมทงั้ การมี สภาพแวดล้อมทส่ี ง่ เสรมิ สุขภาพ ดงั นนั้ จงึ อาจสรปุ ไดว้ ่า สุขภาพประกอบไปดว้ ยสว่ นสาคญั 4 มติ ิ คอื มิติท่ี 1 สุขภาพกาย หมายถึง ปราศจากโรคใดๆ ทางร่างกาย ไม่มีอาการปวดศีรษะ เจ็บปวด หรือ อาการใดๆ ขอ้ ตอ่ กล้ามเน้ือ หวั ใจ ปอด ตบั กระเพาะหรอื ระบบใดๆ ตอ้ งสามารถทางานไดต้ ามปกติ มรี ่างกายท่ี แขง็ แรง มภี ูมติ า้ นทานโรค ถา้ เกดิ ความเจ็บป่วยกส็ ามารถฟื้นคนื ไดอ้ ย่างรวดเรว็ ไม่มภี าวะบง่ ชใ้ี ดๆ ทจ่ี ะเจ็บป่วย มิติท่ี 2 สุขภาพจิต หมายถึง สภาพของจิตใจท่ีสามารถจะปรบั ตัวให้มีความสุขอยู่กับสังคมและ สงิ่ แวดล้อมไดด้ ี มสี มั พนั ธภาพอนั ดกี บั บุคคลอน่ื ควบคมุ อารมณไ์ ด้ มอี ารมณ์มนั่ คง ทนต่อภาวะเครยี ด ใน ชวี ติ ประจาวนั ยอมรบั ความจรงิ ของชวี ติ โดยไม่มขี อ้ ขดั แย้งภายในจติ ใจ และไมข่ ดั กบั สภาพความเป็นจรงิ ในสงั คมท่ี บคุ คลนัน้ ดารงชพี อยู่ มคี วามสุข มคี วามหวงั พอใจในตนเองและการอยใู่ นโลกนี้ มติ ทิ ่ี 3 สุขภาพสงั คม หมายถึง อยู่ในสงั คมได้อยา่ งปกตแิ ละมคี วามสมั พนั ธ์ท่ดี ตี อ่ ครอบครวั เเละ เพ่อื นๆ ในสงั คม มบี ทบาทหน้าท่ี มคี ุณคา่ มปี ระโยชน์ต่อสงั คม มคี วามชว่ ยเหลอื เก้อื กลู ซ่ึงกนั และกนั มติ ทิ ่ี 4 สขุ ภาพจติ วญิ ญาณ หมายถงึ ความรทู้ วั่ เทา่ ทนั และความเขา้ ใจ สามารถแยกได้ในเหตุผลแห่ง ความดคี วามชวั่ ความมปี ระโยชนแ์ ละความมโี ทษ ซ่ึงนาไปสู่ความมจี ติ อนั ดงี าม และเออ้ื เฟื้อเผ่อื แผ่ ดงั นนั้ อาจกลา่ ว ไดว้ า่ ภาวะสมบรู ณข์ องจติ วญิ ญาณในทน่ี ห้ี มายถึงการมีศลี ธรรมเป็นเครอ่ื งยดึ เหน่ียว ซงึ่ สขุ ภาพ สามารถเปล่ยี นแปลงไดต้ ลอดเวลาของชว่ งชวี ติ แตล่ ะมติ มิ คี วามเช่อื มโยงกนั หากมติ ิ ใดบกพรอ่ งหรอื มปี ัญหา ยอ่ มสง่ ผลกระทบต่อมติ อิ น่ื ๆด้วย เช่น ถา้ ร่างกายสมบรู ณ์และแขง็ แรงดี จติ ใจก็จะเป็นสุข สดช่นื แจ่มใส เบกิ บาน แตถ่ า้ ร่างกายออ่ นแอ เจ็บไขไ้ ด้ป่วยบอ่ ยๆ จติ ใจก็จะหดหู่ ไมส่ ดชน่ื แจม่ ใส ดงั นนั้ คนเราถ้า จติ ใจไมส่ บายไมเ่ ป็นสุข มคี วามเครยี ด มคี วามวติ กกงั วลใจ ก็จะมผี ลต่อร่างกาย เชน่ กนิ ไม่ได้ นอนไมห่ ลบั อาหาร ไมย่ อ่ ย รา่ งกายซบู ผอม หน้าซดี เซียวเศรา้ หมอง

๕๖ รปู ท่ี ๗ แสดงความเช่อื มโยงของสขุ ภาพในแต่ละมติ ิ (ประเวศ วะสี , 2552) ความหมายของการส่งเสริมสุขภาพ การส่งเสริมสุขภาพ (Health Promotion) หมายถึง กระบวนการเพิ่มความสามารถของคนในการ ควบคุมดูแลและพฒั นาสุขภาพของตนเองให้ดขี ้นึ ซึ่งแต่ละบุคคลหรอื กลุม่ บุคคลจะตอ้ งมคี วามสามารถท่จี ะบอกและ ตระหนักถึงความปรารถนาของตนเอง ท่จี ะสนองความต้องการตา่ งๆ ของตนเอง และสามารถท่จี ะเปลย่ี นแปลงหรือ ปรบั ตนให้เขา้ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม การสง่ เสรมิ สุขภาพอนามยั ของพนกั งาน คอื งานส่งเสรมิ และธารงรักษาสุขภาพและความสามารถในการ ทางานของคนงาน ปรบั ปรุงสภาพแวดล้อมและการทางานให้ดีข้นึ การพฒั นาองค์กรและวฒั นธรรมขององค์กร เพอ่ื ให้พนักงานมสี ุขภาพอนามยั ทด่ี ี อนั จะส่งผลต่อองค์กรหลายดา้ นทงั้ ด้านผลผลติ ภาพลกั ษณข์ ององคก์ ร 1.2 ความหมายของพฤติกรรมสขุ ภาพ พฤตกิ รรมสุขภาพ หมายถึง การกระทา หรอื การปฏบิ ตั ขิ องบคุ คลท่มี ผี ลต่อสขุ ภาพ ซ่ึงแสดงออกได้ 2 ลกั ษณะ คอื ลกั ษณะท่ี 1 การปลูกฝังพฤตกิ รรมสุขภาพ โดยจะต้องดาเนินการเพอ่ื ใหไ้ ด้มาซึง่ พฤตกิ รรมท่ตี ้องการ คอื การกระทาในลกั ษณะท่เี ป็นผลดตี ่อสขุ ภาพ เช่น การออกกาลงั กาย การเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแม่ และการไม่กระทาใน สง่ิ ทเ่ี ป็นผลเสยี ตอ่ สุขภาพ เชน่ การสบู บุหร่ี การดม่ื เครอ่ื งด่มื แอลกอฮอล์ ลกั ษณะท่ี 2 การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพ โดยจะต้องดาเนนิ การเพอ่ื ปรบั เปล่ยี นพฤติกรรมสุขภาพท่ี ไมเ่ หมาะสม ให้เป็นพฤตกิ รรมสุขภาพทเ่ี หมาะสม โดยพฤตกิ รรมสขุ ภาพทไ่ี ม่เหมาะสม ไดม้ าจากการกระทาในสงิ่ ท่ี เป็นผลเสยี ต่อสุขภาพ และการไม่กระทาในสงิ่ ทเ่ี ป็นผลดตี อ่ สุขภาพ เช่น การกนิ อาหารลดหวาน มนั เคม็

๕๗ ดงั นนั้ พฤตกิ รรมสขุ ภาพ จงึ มผี ลต่อการเจบ็ ป่วยและการเกดิ โรค ถา้ บุคคลมพี ฤตกิ รรมสขุ ภาพท่เี หมาะสม ก็ จะลดโอกาสของการเกดิ โรค ในทางกลบั กนั ถ้ามพี ฤตกิ รรมสุขภาพท่ไี มด่ ี ยอ่ มทาให้มโี อกาสเกิดโรค หรอื เกดิ การ เจ็บป่วย โดยเฉพาะอย่างย่ิงโรคไม่ตดิ ต่อต่างๆท่มี ีสาเหตุมาจากพฤติกรรมสขุ ภาพท่ไี ม่ดี เช่น ความดันโลหติ สูง โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด โรคเบาหวาน 1.3 ประเภทของพฤติกรรมสขุ ภาพ พฤตกิ รรมสขุ ภาพในภาวะปกติ 1.3.1 พฤตกิ รรมป้องกนั (Preventive health behavior) หมายถึง การกระทา หรอื การแสดงออกของ บุคคลเพ่อื ดารงไว้ซึ่งผู้มีสุขภาพดี โดยมีวตั ถุประสงค์เพ่อื ป้องกนั ไม่ให้เกิดการเจ็บป่วย กระทาในขณะท่ยี ังไม่มี อาการของการเจบ็ ป่วย เช่น การหลกี เลย่ี งการตดิ เชอ้ื โดยการใช้เครอ่ื งป้องกนั หรอื ไม่คลกุ คลกี บั ผู้ทม่ี ีเชอ้ื การไม่ สูบบุหร่ี การไม่ด่ืมสุรา การควบคุมน้าหนัก การใช้เข็มขดั นิรภยั การสวมหมวกกันน็อค การขบั รถให้ถูกกฎ จราจร การประเมินสภาพตัวเองโดยการใช้เคร่ืองมือแพทย์ เช่น การตรวจสุขภาพประจาปี การตรวจฟัน ทุก 6 เดอื น การตรวจเลอื ดก่อนแต่งงาน เป็นต้น 1.3.2 พฤติกรรมสง่ เสรมิ สขุ ภาพ (Promotive health behavior ) หมายถึง การกระทา ท่ี แสดงออกในภาวะท่รี า่ งกายปกติ แต่ตอ้ งการใหส้ มบูรณม์ ากข้นึ เชน่ การออกกาลงั กาย การเลอื กรบั ประทานอาหาร ทถ่ี ูกสขุ ลกั ษณะครบถว้ นตามหลกั โภชนาการ การผอ่ นคลายความเครยี ด พฤตกิ รรมสุขภาพเมอ่ื เจ็บป่วย 1.3.3 พฤติกรรมการรักษาพยาบาล หมายถึง การกระทาของบุคคลเม่อื รูส้ กึ ว่าตนเองป่วย หรือไม่ สบาย จึงแสวงหาการตรวจวนิ จิ ฉัยเพ่อื ให้ตนเองทราบว่าป่วยเป็นอะไร และค้นหาแนวทางแก้ไขตามสภาวะการณ์ เพอ่ื ท่จี ะทาใหอ้ าการป่วยดขี ้นึ หรอื หายเป็นปกติ เชน่ การกนิ ยาตามแพทยส์ งั่ การควบคุมอาหาร การมาพบแพทย์ ตามนดั 1.3.4 พฤตกิ รรมการฟื้นฟูสภาพ หมายถงึ การรกั ษาและช่วยเหลอื ทางการแพทย์ เพอ่ื ให้สมรรถภาพ การทางานสามารถกลบั มาใช้งานได้ตามปกติ หรอื ใกลเ้ คยี งปกติ ซงึ่ ข้นึ อยู่กบั ระดบั ความพกิ ารของแตล่ ะบุคคล จงึ จาเป็นต้องมกี ารฝึกฝนเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความชานาญยงิ่ ๆ ขน้ึ ไป ตอ้ งทาอย่างตอ่ เน่อื ง ในขณะเดยี วกนั กต็ ้องป้องกนั ความ พกิ ารท่อี าจเกดิ เพม่ิ ขน้ึ อกี เชน่ การฟ้ืนฟสู มรรถภาพวยั ทางานท่เี กดิ โรคหรอื บาดเจบ็ จากการทางาน 2. ปจั จยั ทมี่ ีผลตอ่ สุขภาพ การเปล่ยี นแปลงของสุขภาพข้นึ อยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ปัจจยั เหล่านี้อาจทาให้สุขภาพเปล่ยี นแปลงไป ในทางทด่ี ขี ้นึ หรอื เลวลงกไ็ ด้ ปัจจยั ท่มี ผี ลตอ่ สุขภาพ ประกอบด้วย

๕๘ การเปล่ยี นแปลงของสขุ ภาพข้นึ อยู่กบั ปัจจยั หลายอย่าง ปัจจยั เหล่าน้อี าจทาให้สขุ ภาพเปล่ยี นแปลงไป ในทางทด่ี ขี ้นึ หรอื เลวลงก็ได้ ปัจจยั ท่มี ผี ลต่อสุขภาพ ประกอบดว้ ย 2.1 ปัจเจกบุคคล เป็นปัจจยั ท่เี กย่ี วกบั บุคคลโดยตรง ซงึ่ บางปัจจยั ไม่สามารถเปล่ยี นแปลงได้ เป็นส่ิงท่ี เป็นมาตงั้ แต่เกดิ และจะเป็นอยู่เชน่ นต้ี ลอดไป หรอื อาจเปล่ยี นแปลงไดซ้ ่งึ เป็นผลจากการเรยี นรู้ 2.1.1 พนั ธุกรรม การถ่ายทอดทางพนั ธกุ รรมนนั้ เป็นท่ยี อมรบั วา่ ทาใหม้ ผี ลต่อสุขภาพของวยั ผู้ใหญ่ และวยั สงู อายุมาก ทงั้ ในทางบวกและทางลบ ในทางบวกเช่น การมอี ายุยนื ยาวเช่อื ว่าเป็นพนั ธกุ รรม (บรรลุ ศริ พิ านิช และคณะ 2531 : 70) สว่ นผลในทางลบคอื ทาให้เกดิ ผลเสยี ตอ่ สขุ ภาพ ได้แก่ โรคท่ถี า่ ยทอดมาทางยนี สท์ งั้ หลาย เช่น เบาหวาน ฮโี มฟีเลีย ทาลสั ซีเมยี เป็นตน้ ปัจจยั ทางพนั ธกุ รรมเป็นปัจจยั ท่ไี มอ่ าจแกไ้ ขได้ 2.1.2 เช้อื ชาติ บางเชอ้ื ชาตปิ ่วยเป็นโรคบางโรคมากกว่าเช้อื ชาตอิ น่ื ๆ เชน่ โรคโลหติ จางบางชนิด เป็น ในคนผวิ ดามากกวา่ ผวิ ขาว 2.1.3 เพศ โรคบางโรคพบบอ่ ยในเพศใดเพศหน่ึง โรคท่พี บบ่อยในเพศหญงิ เชน่ นิ่วในถุงน้าดี โรค ของต่อมไทรอยด์ โรคกระดูกพรุน โรคขอ้ อกั เสบ รูมาตอยด์ โรคทพ่ี บบ่อยในชาย เช่น โรคกระเพาะอาหาร ไส้เล่อื น โรคทางเดนิ หายใจ โรครดิ สดี วงทวาร เป็นตน้ 2.1.4 อายุและระดบั พฒั นาการ (Age and development level) โรคเป็นจานวนมากแตกตา่ งกนั ตาม อายุ เช่น วยั กลางคนเป็นโรคหลอดเลอื ดเลย้ี งหวั ใจตบี มากกว่าวัยหนุ่มสาว พฒั นาการทางด้านรา่ งกาย และจติ ใจ ภาระงานพฒั นาการของแตล่ ะวยั จะมผี ลกระทบต่อสุขภาพ ทงั้ สขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ ของผู้ใหญ่และผูส้ งู อายุ วยั รนุ่ เป็นวยั ทอ่ี ย่ใู นระยะของการเรยี น การเลยี นแบบ และทดลองเขา้ สบู่ ทบาทของความเป็นผใู้ หญ่ ความ รู้เทา่ ไมถ่ ึงการณ์ทาให้ตดั สนิ ใจปฏบิ ตั สิ ง่ิ ต่างๆ ผดิ พลาดไปโดยไมท่ นั ยงั้ คดิ ทาใหม้ ผี ลเสยี ตอ่ สุขภาพได้ เช่น การ ววิ าท ยกพวกตกี นั การตดิ ยาเสพตดิ การตดิ เช้อื จากการรว่ มเพศ เป็นตน้ สง่ิ เหล่านี้มีแรงผลกั ดนั มาจากพฒั นาการ ทางรา่ งกายและจติ ใจ ซึ่งทาให้เกดิ ผลเสยี ตอ่ สุขภาพ ในวยั ผู้ใหญ่ ภาระงานพฒั นาทาให้เกดิ ผลกระทบต่อสุขภาพทงั้ ทาง รา่ งกายและจติ ใจ เพราะเป็นวยั ทต่ี อ้ งเลอื กอาชพี ประกอบอาชพี เลอื กคคู่ รอง ปรบั ตวั ในชวี ติ สมรส ปรบั ตวั เพอ่ื ทาหนา้ ท่บี ดิ ามารดาทาให้เกดิ ความเครยี ด ความวติ กกงั วล และอาจไดร้ บั อนั ตรายจากการประกอบอาชพี อกี ดว้ ย 2.1.5 ปัจจยั ทางสรรี วทิ ยา (Physiological factors) การลดลงของฮอรโ์ มนตา่ งๆในรา่ งกายทท่ี าให้เกดิ การเสอ่ื มของอวยั วะต่างๆในร่างกาย 2.1.6 ความเช่อื เป็นสว่ นหนง่ึ ของการดาเนินชวี ติ ความเชอ่ื เมอ่ื เกดิ ข้นึ แล้วมกั จะเปล่ยี นแปลงยาก ความเชอ่ื ดงั กลา่ วอาจจะจรงิ หรอื ไม่จรงิ ก็ได้ บุคคลจะปฏบิ ตั ติ ามความเช่อื เหล่าน้ีอย่างเครง่ ครดั ไม่วา่ จะอยูใ่ น สถานการณเ์ ซ่นใดกต็ าม และจะรู้สกึ ไม่พอใจถา้ ใครไปบอกว่าสงิ่ ทเ่ี ขาเช่อื นัน้ เป็นสงิ่ ท่ไี มถ่ ูกต้อง หรอื แนะนาใหเ้ ขา เลกิ ปฏบิ ตั ติ ามความเช่อื หรอื ใหป้ ฏบิ ตั ใิ นสงิ่ ท่ตี รงขา้ มกบั ความเชอ่ื การปฏบิ ตั ติ ามความเช่อื จะทาให้บคุ คลมคี วาม มนั่ ใจและรู้สกึ ปลอดภยั ถา้ ต้องฝืนปฏบิ ตั ใิ นสง่ิ ทข่ี ดั กบั ความเชอ่ื จะรู้สกึ ไม่ปลอดภยั เกรงว่าจะเป็นอนั ตราย ความเช่ือ

๕๙ ทพ่ี บไดท้ วั่ ๆ ไปเกย่ี วกบั สขุ ภาพ ได้แก่ เช่อื ว่าถา้ รบั ประทานไขข่ ณะทเ่ี ป็นแผล จะทาให้แผลนนั้ เป็นแผลเป็นท่นี ่า เกลยี ดเม่อื หาย เช่อื วา่ การด่มื เบยี ร์วนั ละ 12 แกว้ จะช่วยป้องกนั การตดิ เชอ้ื ของลาไส้ เช่อื วา่ ถา้ ดม่ื น้ามะพร้าวขณะมี ประจาเดอื น จะทาให้เลอื ดประจาเดอื นหยดุ ไหล เป็นตน้ ความเช่อื เหล่านบ้ี างอยา่ งมผี ลกระทบต่อสขุ ภาพมาก แต่ บางอยา่ งไมม่ ผี ลเสยี หายตอ่ สขุ ภาพ 2.1.7 เจตคติ เป็นความร้สู กึ ของบุคคลตอ่ สงิ่ ตา่ งๆ อาจเป็นบุคคล สงิ่ ของหรอื นามธรรมใดๆ กไ็ ด้ การเกดิ เจตคตอิ าจเกดิ จากประสบการณ์ หรอื เรยี นรจู้ ากบุคคลใกล้ตวั ก็ได้ เจตคตมิ ผี ลกระทบต่อสขุ ภาพ เน่อื งจาก เป็นสงิ่ ท่อี ย่เู บอ้ื งหลงั การประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ่างๆ เช่น ถ้าประชาชนมเี จตคตทิ ไ่ี มด่ ตี ่อสถานบรกิ ารสาธารณสุข ก็อาจจะ ไมไ่ ปใชบ้ รกิ ารจากสถานท่นี นั้ หรอื เจตคตติ อ่ การรกั ษาแผนปัจจุบนั ไมด่ กี จ็ ะไม่ยอมรบั การรกั ษาเมอ่ื ป่วย เป็นต้น หรอื เมอ่ื มเี จตคตไิ มด่ ตี อ่ เจ้าหน้าท่ี เมอ่ื เจา้ หน้าท่แี นะนาการปฏบิ ตั ติ นเพอ่ื สุขภาพ บคุ คลนนั้ อาจจะไมย่ อมรบั ฟัง หรอื ไม่ปฏบิ ตั ติ าม ซ่ึงทาให้มผี ลต่อสุขภาพได้ 2.1.8 ค่านยิ ม คอื การให้คณุ คา่ ตอ่ สง่ิ ใดสง่ิ หนงึ่ ค่านยิ มของบุคคลไดร้ บั อทิ ธพิ ลมาจากสงั คม บคุ คล พยายามแสดงออกถึงค่านยิ มของตนทกุ ครงั้ ทม่ี โี อกาส คา่ นิยมของสงั คมใดสงั คมหนงึ่ จะมอี ทิ ธพิ ลตอ่ การประพฤติ ปฏบิ ตั ขิ องบคุ คลในสงั คมนนั้ ๆ อยา่ งมาก ค่านิยมท่มี ผี ลกระทบตอ่ สขุ ภาพ เช่น คา่ นยิ มของการด่มื เหล้า สบู บหุ ร่ี ซ่งึ แสดงถึงความมฐี านะทางสงั คมสูง คา่ นิยมของการเท่ยี วโสเภณีว่าแสดงถงึ ความเป็นชายชาตรี คา่ นยิ มท่ชี ว่ ย สง่ เสรมิ สุขภาพ คอื ค่านยิ มของความมสี ุขภาพดี 2.1.9 พฤตกิ รรมหรอื แบบแผนการดาเนินชวี ติ พฤตกิ รรมสุขภาพ (Health behavior) หรอื สขุ ปฏบิ ตั ิ (Health Practice) พฤตกิ รรมหรอื แบบ แผนการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวนั นนั้ เป็นองค์ประกอบทม่ี อี ทิ ธพิ ลต่อสุขภาพมากท่สี ดุ เพราะเป็นองค์ประกอบท่สี ามารถ เปล่ยี นแปลงได้ เช่น พฤตกิ รรมการรบั ประทานอาหาร นสิ ยั การรบั ประทานอาหารเป็นการถ่ายทอดทางวฒั นธรรม ซ่ึงแตกต่างกนั ไปตามลกั ษณะทอ้ งถน่ิ และความชอบของแต่ละคน พฤตกิ รรมการรบั ประทานมผี ลกระทบต่อสุขภาพ มาก บางคนรบั ประทานอาหารจุบจบิ ชอบรบั ประทานอาหารประเภทขบเคย้ี ว ชอบอมทอฟฟ่ี ซงึ่ จะมผี ลทาให้ฟันผุ บางคนไมช่ อบรบั ประทานอาหาร ประเภทผกั และผลไม้ ทาให้มกี ากอาหารนอ้ ย ทาให้เส่ยี งต่อการป่วยเป็นมะเรง็ ลาไส้ อาหารท่ไี มส่ ะอาดทาใหท้ ้องเสยี อาหารสกุ ๆ ดบิ ๆ เชน่ ปลาดบิ ก้อย ปลา ทาใหเ้ ป็นโรคพยาธิ บางคนชอบ อาหารทม่ี ไี ขมนั สูง อาจทาให้เป็นโรคอ้วน หรอื ไขมนั อุดตนั ในเสน้ เลอื ดเป็นตน้ บางคนชอบหรอื ไม่ชอบอาหารบาง ประเภททาให้ไดอ้ าหารไม่ครบถ้วน การพกั ผ่อนและการนอนหลบั ผูท้ พ่ี กั ผ่อนหรอื นอนหลบั ไมเ่ พียงพอจะมผี ลเสยี ตอ่ สขุ ภาพ ผทู้ อ่ี ดนอนจะรสู้ กึ หนักมนึ ศรี ษะรู้สกึ เหมอื นตวั ลอยควบคมุ สตไิ มไ่ ด้ ไม่สนใจสง่ิ แวดล้อม ไมส่ ามารถ ควบคุมตนเองให้ทางานอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพได้ ถา้ ต้องทางานทต่ี อ้ งระมดั ระวงั อนั ตราย เชน่ งานในโรงงาน อตุ สาหกรรม จะมผี ลใหร้ า่ งกายได้รบั อุบตั เิ หตุ เช่น เคร่อื งจกั รตดั นวิ้ มอื หรอื อุบตั เิ หตอุ ่ืนๆ ได้ พฤตกิ รรมทาง เพศ การตอบสนองความตอ้ งการทางเพศเป็นความต้องการพ้นื ฐานของมนุษยท์ ่มี ผี ลกระทบต่อสขุ ภาพได้ถา้ บคุ คล นนั้ มพี ฤตกิ รรมทางเพศทไ่ี ม่ถูกต้อง เชน่ สาสอ่ นทางเพศ พฤตกิ รรมรกั รว่ มเพศ หรอื มพี ฤตกิ รรมทางเพศ

๖๐ 2.2 ปัจจยั ด้านสงิ่ แวดลอ้ ม (Environment Factors) คอื สงิ่ ต่างๆทอ่ี ยู่รอบตวั เรา เป็นสง่ิ ท่เี กดิ ข้นึ เองตาม ธรรมชาติ และสง่ิ ทม่ี นุษยส์ ร้างข้นึ มีทงั้ สง่ิ มชี วี ติ และไมม่ ชี วี ติ ประกอบด้วย 2.2.1 สง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพ คอื สงิ่ แวดล้อมทไ่ี ม่มชี ีวติ เช่น ลกั ษณะภมู ศิ าสตรท์ ่ีแตกตา่ งกนั ทาให้ เกดิ ฤดกู าลแตกต่างกนั และอณุ หภมู ขิ องแต่ละพน้ื ท่แี ตกต่างกนั ซ่งึ มผี ลกระทบตอ่ สุขภาพของบุคคลโดยตรง สภาพ ภูมศิ าสตรบ์ างแห่งเอ้อื อานวยให้สงิ่ มชี วี ติ บางอย่างเจรญิ เตบิ โตไดด้ ี เชน่ โรคพยาธติ า่ งๆ ไขม้ าลาเรยี ซึ่งประเทศใน เขตหนาวจะไม่ประสบกบั ปัญหาสุขภาพเหลา่ น้ี การเปล่ยี นแปลงของฤดูกาลทาให้บุคคลตอ้ งปรบั ตวั ตอ่ สภาพแวดล้อมในแต่ละฤดกู าล ทาให้คนบางคนเกดิ การเจ็บป่วยขน้ึ เชน่ ในฤดฝู นประชาชนจะป่วยเป็นไขห้ วดั กนั มาก ในฤดูหนาวมกั ป่วยเป็นโรคภูมแิ พก้ นั มาก สว่ นฤดูร้อนทาให้ไดร้ บั อนั ตรายจากการถกู สตั ว์มพี ษิ กดั ต่อยหรอื อุบตั เิ หตุจากการจมน้า สภาพทอ่ี ยอู่ าศยั หรอื บา้ น เป็นสงิ่ แวดล้อมทอ่ี ย่ใู กลต้ ัวคนมากท่สี ดุ ลกั ษณะบา้ นท่ชี ่วย ส่งเสรมิ สขุ ภาพ คอื มกี ารระบายอากาศไดด้ ี อยหู่ า่ งไกลจากแหล่งอตุ สาหกรรม ไม่มีเสยี งรบกวน มกี ารกาจดั ขยะท่ี ถกู วธิ ี มที ่อระบายน้าและมกี ารระบายน้า ไม่มนี ้าท่วมขงั มสี ้วมท่ถี กู สขุ ลกั ษณะ มนี ้าดม่ื น้าใช้ท่สี ะอาด มคี วาม ปลอดภยั จากโจรผรู้ า้ ยและอาชญากรรม ใช้วสั ดุกอ่ สร้างทม่ี คี วามคงทนถาวร ภายในบา้ นไดร้ บั การจดั วางสง่ิ ของ เครอ่ื งใชต้ า่ งๆ อยา่ งเป็นระเบยี บปลอดภยั จากการเกดิ อุบตั เิ หตุ ได้รบั การดแู ลรกั ษาความสะอาดเป็นอย่างดี มี สถานทส่ี าหรบั อานวยความสะดวกในการทากจิ กรรมต่างๆ และมคี วามเป็นสว่ นตวั สภาพบา้ นทไ่ี ม่ถกู สขุ ลกั ษณะจะ ก่อใหเ้ กดิ ปัญหาสขุ ภาพแก่ผูอ้ ย่อู าศยั ทงั้ ในดา้ นการเจบ็ ป่วยดว้ ยโรคตดิ เชอ้ื ต่างๆ และอุบตั เิ หตทุ ่เี กดิ ข้นึ ไดจ้ ากความ ประมาท เชน่ ไฟไหม้ น้าร้อนลวก การพลดั ตก หกลม้ 2.2.2 สง่ิ แวดลอ้ มทางชวี ภาพ คอื สง่ิ แวดลอ้ มท่มี ีชวี ติ มอี ทิ ธพิ ลตอ่ สุขภาพของคนเรา ส่งิ มชี วี ติ มที งั้ พชื และสตั ว์ บางอยา่ งมคี ุณ บางอย่างมโี ทษ เช่น เช้อื โรคทงั้ หลาย หนอนพยาธติ า่ งๆ เป็นตน้ 2.2.3 สงิ่ แวดล้อมทางเศรษฐกจิ ไดแ้ ก่ อาชพี รายได้ ฐานะทางการเงนิ ของแต่ละคน ซงึ่ จะมอี ทิ ธพิ ลต่อ สขุ ภาพ คนรวย คนฐานะปานกลาง คนยากจน จะมวี ถิ กี ารดาเนินชีวติ ท่แี ตกต่างกนั การเกดิ โรคจะแตกตา่ งกนั ด้วย 2.2.4 สงิ่ แวดลอ้ มทางสงั คม (social environment) ได้แก่ นโยบายทางการเมอื ง ทางด้านสาธารณสขุ ขนบธรรมเนียมประเพณี วฒั นธรรม โดยเฉพาะปัจจบุ นั วฒั นธรรมการกนิ ของคนไทยเปลย่ี นแปลงไป คนไทยนิยม บรโิ ภคอาหารฝรงั่ และอาหารขยะมากข้นึ ทาใหเ้ กดิ โรคอว้ น โรคความดนั โลหติ สูง โรคหวั ใจ และโรคเบาหวาน ตามมา

๖๑ 2.3 ปัจจัยด้านระบบการจัดการสาธารณสุขและการบริการสุขภาพ หมายถึง การจัดบริการทางด้าน การแพทย์และสาธารณสุขท่มี อี ยู่ของรฐั ทงั้ ดา้ นการส่งเสรมิ สุขภาพ การป้องกนั โรค การรกั ษาพยาบาล และการ ฟ้ืนฟูสภาพ ในการท่จี ะสง่ เสรมิ ใหบ้ คุ คลท่อี าศยั อยู่ในชุมชนนัน้ ๆ หรอื ประเทศนนั้ ๆ มสี ุขภาพท่ดี ี และเท่าเทียมกัน สง่ เสรมิ ให้ทุกคนมสี ทิ ธเิ ทา่ เทยี มกนั ในการเขา้ ถงึ ระบบการบรกิ ารทางการแพทย์ รปู ท่ี ๘ แสดงความเช่อื มโยงระหวา่ งสขุ ภาพและปัจจยั กาหนดสุขภาพ ดงั นนั้ การมสี ขุ ภาพดจี ะตอ้ งอาศยั ปัจจยั หลายอย่างประกอบกนั การเขา้ ใจเกย่ี วกบั ปัจจยั ทม่ี ผี ลกระทบ ต่อสุขภาพ จะช่วยให้คนรูจ้ กั ปรับปรุงให้ตนเองมสี ขุ ภาพท่ดี ที ่สี ดุ โดยหลีกเล่ยี งปัจจยั เส่ยี งต่างๆ มสี ่วนร่วมในการ ดูแลและปรบั ปรุงสงิ่ แวดลอ้ มให้เหมาะสมกบั การดารงชวี ติ เพอ่ื การมสี ุขภาพดตี ลอดไป 3. กลยทุ ธการดาเนินงานส่งเสริมสุขภาพตามประกาศ “กฎบตั รออตตาวา” (Ottawa charter for Health Promotion) ในบริบทของสถานประกอบการ การประชุมทเ่ี มอื งออตตาวา ประเทศแคนาดา เป็นการประชุมระหว่างประเทศเก่ยี วกบั การสง่ เสรมิ สุขภาพท่ี จดั ข้นึ เป็นครงั้ แรก ระหว่างวันท่ี 17-21 พฤศจิกายน ค.ศ.1986 โดยมีช่อื การประชุมว่า \" The first International Conference on Health promotion\" และท่ปี ระชุมไดอ้ อกกฎบตั ร (charter) ในการดาเนินงานเพอ่ื ให้บรรลุสุขภาพดี ถ้วนหน้า ในปี พ.ศ.2543 การประชุมครงั้ นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเคล่อื นไหวในวงการสาธารณสขุ ทวั่ โลก Ottawa Charter for Health promotion ท่กี าหนดข้นึ นับว่าได้จุดแนวคดิ และท่มี าของนโยบายด้านการส่งเสรมิ สุขภาพของ หลายประเทศ กฎบตั รนี้ได้กาหนดกลยทุ ธทส่ี าคญั ในการดาเนินงานส่งเสรมิ สขุ ภาพไวด้ งั นี้

๖๒ 1. สร้างนโยบายสาธารณะ นโยบาย เป็นสง่ิ ท่แี สดงความห่วงใยอย่างชัดเจนในเร่อื งสุขภาพ พร้อมท่จี ะ รับผดิ ชอบต่อผลกระทบทางสุขภาพ ท่อี าจเกดิ ข้นึ จากนโยบายนัน้ ขณะเดียวกนั ก็เป็นนโยบายท่ีมุ่งสร้ างเสริม สงิ่ แวดล้อมทงั้ ทางสงั คม และกายภาพท่เี ออ้ื ตอ่ การมชี ีวติ ทม่ี ีสขุ ภาพดี และมงุ่ ให้ประชาชนมีทางเลอื ก และสามารถ เขา้ ถงึ ทางเลอื กทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ สขุ ภาพดไี ด้ 2. สร้างสง่ิ แวดล้อมท่เี อ้อื ตอ่ สขุ ภาพ สิง่ แวดล้อมเป็นปัจจยั สาคญั ท่มี ผี ลต่อสขุ ภาพ นอกจากการหลกี หนี หรือปกป้องตนเอง หรอื ปกป้องสังคมให้พ้นจากส่ิงแวดล้อมท่ไี ม่ดีแล้ว ในสภาพของคนทงั้ สังคม การปรับปรุง สง่ิ แวดล้อม ไม่สร้างปัญหาต่อสุขภาพ 3. เพ่มิ ความสามารถของชุมชน การส่งเสรมิ สขุ ภาพ ไม่สามารถทาให้สาเร็จได้โดยแพทย์ และพยาบาล หรอื เจา้ หน้าทส่ี าธารณสุขเทา่ นนั้ งานหลายอยา่ งต้องการการมสี ่วนรว่ มของชมุ ชน 4. พฒั นาทกั ษะส่วนบุคคล การทาให้คนมคี วามรู้ ความสามารถ ความเขา้ ใจในการควบคุมปัจจยั กอ่ โรค ตอ้ งมกี ระบวนการในการสรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจ ใหค้ นร้จู กั และมคี วามสามารถ (ทกั ษะ) ในการดูแลสขุ ภาพตนเอง 5. ปรับระบบบรกิ ารสุขภาพ การบรกิ ารทางการแพทย์ มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน เน้นการ จดั บรกิ ารสง่ เสรมิ สุขภาพ การป้องกนั โรค ควบคู่ไปกบั การใหก้ ารบรกิ ารรกั ษา จากกลยทุ ธดงั กลา่ ว สามารถนามาประยกุ ตใ์ ช้เพื่อการสง่ เสริมสุขภาพในสถานประกอบการ ดงั นี้ 1. การกาหนดนโยบายสาธารณะเพอ่ื การดาเนินงานส่งเสรมิ สุขภาพ สถานประกอบการควรมีนโยบายท่ี เออ้ื ต่อการมสี ุขภาพท่ดี ขี องพนักงานในโรงงาน เป็นนโยบายทเ่ี ป็นลายลกั ษณ์อกั ษร มวี ธิ กี ารจดั ทาทใ่ี หค้ วามสาคญั กบั การมสี ่วนร่วมของพนกั งาน ผู้บรหิ ารลงนามประกาศ หรอื ประชาสมั พนั ธใ์ ห้ทราบอยา่ งทวั่ ถงึ สาระของนโยบาย สนั้ และกระทัดรดั ใช้ภาษาท่งี ่ายต่อการเข้าใจ แสดงให้เหน็ ถึงความตงั้ ใจและมุ่งมนั่ ในการสร้างเสริมสุขภาพ กาหนดจุดมุ่งหมาย (และสรุปให้เห็นวา่ จะมงุ่ สู่จดุ มงุ่ หมายอย่างไร) แสดงความต้องการทจ่ี ะทาให้เกดิ การปรบั ปรุง เปลย่ี นแปลง อธบิ ายทม่ี าหรอื เหตุผลทจ่ี ะตอ้ งมนี โยบาย มรี ายชอ่ื คณะทางานอาจแบง่ นโยบาย ออกเป็น 3 ดา้ น คอื 1.1 นโยบายดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มทส่ี วยงามและปลอดภยั มกี ารลงทนุ เพ่อื จดั สภาพแวดลอ้ มทงั้ ภายใน และ ภายนอกอาคาร หรอื มกี จิ กรรมส่งเสรมิ และอนุรกั ษ์สงิ่ แวดลอ้ ม 1.2 นโยบายด้านการปรบั เปล่ยี นพฤติกรรม มีการกาหนดกฎระเบยี บต่างๆ เพ่อื ใช้เป็นขอ้ กากบั ให้ คนทางานแสดงพฤตกิ รรมสุขภาพ เช่น กฎเร่อื งการห้ามสูบบุหร่ขี ณะทางาน กฎการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกนั ส่วน บุคคล กฎการสวมหมวกกนั น็อคในการขับขีจ่ ักรยานยนต์ รวมทงั้ การจัดเตรียมส่ิงอานวยความสะดวกเพ่ือให้ คนทางานแสดงพฤตกิ รรมส่งเสรมิ สุขภาพ เช่น จดั เตรียมสนามกฬี าและอุปกรณ์กฬี า จดั ให้มีกจิ กรรมการแข่งขนั กฬี าภายในและระหว่างสถานประกอบการ รวมทงั้ แขง่ ขนั กบั ชมุ ชน 1.3 นโยบายด้านสวัสดกิ ารเพ่อื สร้างขวัญและกาลังใจในการทางาน ได้แก่ การทาประกันสุขภาพให้ คนทางานนอกเหนอื จากประกนั สงั คมซ่งึ มอี ยูแ่ ลว้ ตามกฎหมายแรงงาน การสง่ เสรมิ ใหไ้ ดม้ โี อกาสในการพฒั นาความ

๖๓ ชานาญและทักษะขนั้ สูงข้นึ โดยการส่งไปฝึกอบรมทงั้ ในประเทศและต่างประเทศ การจดั บริการอาหารราคาถกู มี คุณภาพและถกู สุขลกั ษณะ ตลอดจนจดั บรกิ ารท่ีพกั อาศยั ในราคาถูกภายในสถานทท่ี างาน หรอื จดั บรกิ ารรถรบั ส่งแก่ พนกั งานท่มี ที พ่ี กั หา่ งไกลจากสถานท่ที างาน การกาหนดระเบยี บ หรอื ขอ้ ควรปฏบิ ตั ติ ่อนโยบายการส่งเสรมิ สุขภาพของคนทางานนนั้ อาจมหี รอื ไม่มีใน สถานประกอบการแต่ละแห่ง ในกรณีท่สี ถานประกอบการแห่งใดมีกฎระเบียบให้คนทางานปฏิบัติ ก็อาจเป็นแรง กระตุน้ ให้คนทางานแสดงพฤตกิ รรมนนั้ ออกมาไดด้ ยี ง่ิ ข้นึ เช่น ถา้ สถานประกอบการมนี โยบายรณรงค์ให้คนทางาน สวมหมวกกนั นอ็ คขณะขับข่ีจกั รยานยนต์ พร้อมทงั้ มกี ารกาหนดระเบียบบางประการกากบั ออกมาด้วย เชน่ ถ้าไม่ สวมหมวกนริ ภยั จะตอ้ งถูกหกั เงนิ สวสั ดิการทจ่ี ดั ให้ เป็นตน้ 2. การจัดส่ิงแวดล้อมทัง้ ทางกายภาพและสงั คมท่ีเอ้ือต่อสุขภาพของคนทางาน (Create Supporting Environment) ดา้ นสง่ิ แวดล้อมทางกายภาพโรงงานมมี าตรการในการควบคมุ อนั ตรายจากเคร่อื งมอื และอุปกรณ์ใน การปฏิบตั งิ านท่มี ีประสิทธภิ าพสูง มแี ผนการตรวจสอบและการปรบั ปรุงเปล่ยี นแปลงและการซ่อมบารุงเครอ่ื งมอื เครอ่ื งจกั รทช่ี ดั เจน มกี ารออกแบบเครอ่ื งจกั รให้เออ้ื ตอ่ สุขภาพ นอกจากสงิ่ แวดลอ้ มท่เี กย่ี วขอ้ งกับความปลอดภัย ภายในโรงงานโดยตรงแลว้ ยงั มสี งิ่ แวดล้อมท่เี ก่ยี วขอ้ งซึง่ ทางโรงงานอตุ สาหกรรมไดก้ าหนดใหม้ กี ารควบคมุ ดูแลให้ ถูกสุขลกั ษณะเช่นกนั เช่น ในสถานท่อี อกกาลงั กาย ในโรงอาหาร เป็นต้น ด้านสง่ิ แวดล้อมทางสงั คม โรงงานได้มี กิจกรรมสร้างความสมั พนั ธ์ระหว่างโรงงานกบั พนักงาน ความสัมพนั ธร์ ะหว่างพนักงานกับพนักงาน โดยมกี าร แข่งขนั กฬี า หรอื จดั งานสงั สรรค์ 3. การเสรมิ สร้างด้านความเขม้ แขง็ ของสขุ ภาพวัยทางาน (การขบั เคล่อื นการทางานโดยใช้พลงั กลมุ่ ) การ พัฒนาใดๆ ก็ตาม จะสาเร็จผลได้ดี และมคี วามยงั่ ยืน จาเป็นต้องอาศยั คนมาร่วมกนั ทางานเป็นทมี เป็นกลุ่ม เป็น ชมรม หรอื คณะกรรมการ ยง่ิ มีการรวมกลุ่มท่เี ข้มแขง็ หลากหลาย และเพ่ิมจานวนมากข้นึ ก็จะย่งิ เป็นผลดตี อ่ การ สรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ ดงั นนั้ สถานประกอบการควรให้การส่งเสรมิ สนบั สนุนการรวมกลมุ่ และกจิ กรรมของกล่มุ ให้เต็มท่ี เทา่ ท่สี ามารถจะทาได้ ตวั อยา่ งของกลมุ่ เพอ่ื สุขภาพ เช่น ชมรมกฬี าชนิดต่างๆ ชมรมดนตรี ชมรมศลิ ปวัฒนธรรม ชมรมศาสนา ชมรมช่วยเหลอื พัฒนาชุมชน กลุ่มอาหารสุขภาพ กลุ่มต้านภยั ยาเสพย์ตดิ กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน และชมรมผ้ใู กล้เกษียณ เป็นต้น นอกจากกลมุ่ และชมรมทม่ี ีเป้าหมายทางดา้ นสุขภาพโดยตรงแล้ว กรรมการ หรอื กล่มุ งานต่างๆ ในองคก์ ร ก็ควรจะได้รบั การสนบั สนุนช้แี นะ ใหพ้ จิ ารณาเอามติ ิทางดา้ นสขุ ภาพ เขา้ ไปในกล่มุ หรอื คณะกรรมการนัน้ ๆ ด้วย เช่น กลุ่มคุณภาพงาน นอกจากมุ่งเพ่ิมผลผลิต และคุณภาพแล้ว ในกระบวนการก็ควร พจิ ารณาถึงเร่อื งสุขภาพด้วย หรือแม้แต่จะพจิ ารณาทาเร่อื งสุขภาพของคน ในกลุ่มเป็นเอกเทศ ก็ควรได้รบั การ สนบั สนุน

๖๔ 4. การพฒั นาทกั ษะส่วนบุคคลด้านสุขภาพ โรงงานจะต้องเสรมิ สรา้ งหรอื จดั การเรยี นรเู้ พอ่ื สรา้ งทกั ษะทาง สุขภาพ ฝึกฝนทกั ษะให้กบั พนกั งานทุกคน ในการปฏบิ ตั งิ านทด่ี เี พอ่ื ป้องกนั และควบคุมสุขภาพของคนงาน ทกั ษะท่่ี โรงงานจัดให้แก่พนักงานตามลาดับความสาคัญ คือ ทักษะด้านความปลอดภยั ทักษะด้านการเลิกสูบบุหร่ี ทักษะ ด้านการออกกาลังกาย ทกั ษะด้านความเครยี ด ทักษะด้านการงดสรุ าและเครอ่ื งด่มื มึนเมา ทักษะด้านการบรโิ ภค อาหาร ทกั ษะด้านการการป้องกนั โรคตดิ ต่อและเอดส์ 5. การให้บรกิ ารสขุ ภาพเชงิ รุก หรอื การปรบั เปล่ยี นบรกิ ารสุขภาพภายในสถานประกอบการใหค้ รอบคลุม ทงั้ ดา้ นการสง่ เสรมิ สขุ ภาพ การป้องกนั โรค ควบคู่ไปกบั การรกั ษาพยาบาลโรคง่ายๆ ในปัจจบุ นั บรกิ ารสุขภาพท่ี โรงงานจัดบริการให้แก่พนักงาน จะเน้นเร่อื งการรักษาโรคและมีการตรวจสุขภาพประจาปี ควรปรบั ให้มกี าร จดั บรกิ ารส่งเสรมิ สขุ ภาพมากกว่าการรกั ษาพยาบาล เช่น การให้ขา่ วสารขอ้ มูลความรูต้ ่างๆ โดยมมี มุ ความรู้ การจดั บอรด์ เสยี งตามสาย หรอื ทางอนิ เตอร์เนต การจดั มุมนมแมใ่ นสถานประกอบการ ขอ้ ดีของการสง่ เสริมสุขภาพในสถานประกอบการ สาหรบั คนทางาน

๖๕ 1. สะดวกในการ เขา้ ร่วมและเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยน้อย 2. สะดวกต่อการได้รบั ขอ้ มลู ทางสขุ ภาพ รวมทงั้ ได้ขอ้ มลู ตรงกบั ความสนใจและเก่ยี วขอ้ งกบั คนงาน โดยตรง 3. ผู้ร่วมงานทกุ คนสามารถท่จี ะรว่ มสนบั สนุน ให้กาลงั ใจ และเป็นส่วนหน่งึ ในการเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรม ในกจิ กรรมนนั้ ดว้ ย 4. คนงานและผูร้ ่วมงาน สามารถทจ่ี ะผลกั ดนั ให้เกดิ เป็นนโยบายของโรงงาน ในการท่จี ะสง่ เสรมิ สุขภาพ ของคนงาน สาหรบั นายจา้ ง/สถานประกอบการ ๕. สามารถลดค่าใชจ้ ่ายในการรกั ษาพยาบาล ๖. เพมิ่ กาลงั ผลติ และผลผลติ สงู ข้นึ คณุ ภาพสนิ ค้าและบรกิ ารดขี น้ึ เพราะเมอ่ื คนงานมสี ุขภาพดจี ะลดการ ลาป่วย ลดผลกระทบจากการลาป่วย หยุดงานนอ้ ยลง และการมสี ุขภาพดี จะทาให้การทางานมปี ระสทิ ธภิ าพข้นึ ๗. การมีสุขภาพท่ดี ขี องคนงาน ทาให้คนงานอยู่ทางานเป็นเวลานานข้นึ ไม่เปล่ยี นงานบ่อย ก่อให้เกดิ ความรกั ความผูกพนั กบั โรงงาน/องคก์ ร สะสมประสบการณใ์ นงาน พฒั นางาน ไม่ตอ้ งหมุนเวียน คนงานบ่อยๆ ซึง่ จะทาให้ได้แรงงานทข่ี าดประสบการณ์ ๘. การมกี จิ กรรมส่งเสรมิ สุขภาพ ทาให้นายจา้ งมภี าพลกั ษณ์ท่ดี ี ในสายตาของคนทางาน โดยทวั่ ไปลกั ษณะของกจิ กรรมในดา้ นการสง่ เสรมิ สขุ ภาพ มกั จะมลี กั ษณะดงั น้ี คอื 1. ใช้ความรู้ทางด้านสุขภาพขนั้ พน้ื ฐาน โดยการใช้วตั ถุดบิ หรอื อปุ กรณ์ต่างๆ ท่มี อี ยใู่ นโรงงาน หรอื สนับสนุนจากสถานบรกิ ารทางดา้ นสาธารณสุขท่มี อี ย่ใู นพน้ื ท่ี 2. การประสานขอความรว่ มมอื โดยใช้องคก์ รต่างๆ ท่เี ก่ยี วข้องท่มี อี ยู่ในพ้นื ท่มี าร่วมสนับสนุนโครงงาน เชน่ โรงพยาบาล ศนู ย์สุขภาพชมุ ชน โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพตาบล แรงงานจงั หวดั มหาวทิ ยาลยั เป็นตน้ 3. ส่งเสรมิ ใหค้ นงานระดบั ตา่ งๆ ของโรงงานเขา้ มามสี ่วนร่วม ทงั้ ในด้านการวางแผน และดาเนนิ การ 4. จดั ดาเนนิ การให้เป็นโครงการหลกั ขน้ึ มา โดยทต่ี ้องมกี ารจดั ระบบการบรหิ ารจดั การอย่างเป็นรูปธรรม ชดั เจน ซึง่ จะต้องได้รบั การสนับสนุนจากเจา้ ของโรงงาน หรอื นายจ้าง 5. กระตุ้นใหค้ นงานมคี วามสนใจและมสี ่วนร่วม 6. วางแผนและจดั การดาเนนิ งาน ในกจิ กรรมทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม และการป้องกนั โรค 7. กระตุ้นให้คนงานเกิดความตระหนักในปัญหาทางสุขภาพท่ีตนเองประสบอยู่ โดยเฉพาะกรณีท่ีไม่ สามารถหลกี เล่ยี ง หรอื ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมของคนงานได้

๖๖ ดงั นนั้ การส่งเสรมิ สขุ ภาพ จงึ มคี วามสาคญั ต่อการดาเนินชวี ติ ของบุคคลทุกคนทต่ี ้องการเป็นคนมสี ุขภาพดี การมีสุขภาพท่ดี ีสมบูรณ์จะเป็นทุนในการประกอบกจิ กรรมและภารกิจในชวี ติ ประจาวัน ตามบทบาทหน้าท่คี วาม รบั ผดิ ชอบของตนเองได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ การดาเนินงานทางด้านสุขภาพในปัจจุบนั มุ่งเน้นระบบสขุ ภาพเป็น ระบบสรา้ งนาซ่อม กล่าวคอื จากเดมิ การดาเนินงานด้านสุขภาพจะเป็นระบบตงั้ รบั คอื รอให้เกดิ การเจ็บป่วยแล้วจึง นามาซ่อม หรอื นามารกั ษา ทาใหป้ ระชาชนคนไทยเจบ็ ป่วยและตายก่อนวยั อนั ควร เกดิ การสญู เสยี ทางเศรษฐกจิ เป็น จานวนมาก แต่ปัจจุบนั เป็นระบบเชงิ รุก พยายามทาทุกวถิ ีทางท่จี ะทาให้คนมสี ุขภาพดใี ห้มากท่สี ุด ซึง่ ทุกคนจะต้องมี ความรู้เก่ียวกับสุขภาพและมีการปฏิบัติตนหรอื มพี ฤตกิ รรมสุขภาพท่ีถูกต้อง โดยมีการปฏิบัตทิ ่ีจะหลีกเล่ยี ง พฤตกิ รรมเสย่ี ง หรอื งดการกระทาท่เี ส่ยี งหรอื อาจเป็นอนั ตรายต่อสุขภาพ เช่น มีการออกกาลงั กายเป็นประจา การ กนิ อาหารท่ถี กู หลักโภชนาการการ กนิ อาหารทส่ี ะอาด ปลอดภยั ไมม่ สี ารพษิ ปนเป้ือน การส่งเสรมิ สุขภาพจติ การ จดั การกบั ความเครยี ดด้วยตนเอง การลดความเส่ยี งจากการป้องกนั และหลกี เล่ยี งสารเสพตดิ และอบายมขุ ต่างๆ เป็น ตน้ หน่วยงานตา่ งๆ ท่เี กย่ี วขอ้ งกบั การดาเนนิ งานในเรอ่ื งสุขภาพ ไดใ้ หค้ วามสาคญั กบั การสง่ เสรมิ สุขภาพมาโดย ตลอด ดงั จะเหน็ ได้จากปัจจบุ นั มกี ารดาเนินการสร้างกระแสในเรอ่ื งการสร้างสขุ ภาพอยา่ งตอ่ เน่อื ง ทาใหป้ ระชาชนมี ความตน่ื ตวั เกดิ ความตระหนัก และมกี ารปฏบิ ตั ติ ัวในการดูแลสุขภาพของตนเองมากข้นึ สงิ่ ต่างๆ ดงั กล่าวล้วนเป็น การส่งเสริมสุขภาพทงั้ ส้นิ ถ้ามีการส่งเสริมสุขภาพอย่างต่อเน่ืองจะทาให้บุคคลไม่เจ็บป่ วย หรอื เป็นโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคท่สี ามารถป้องกนั ได้ เช่น โรคไม่ตดิ ต่อเร้อื รงั หรือโรคท่เี กดิ จากวถิ ชี ีวติ ได้แก่ โรคหลอดเลือดหวั ใจ โรคความดนั เลอื ดสงู โรคเบาหวาน และโรคอว้ นลงพุง เป็นตน้ ลดอตั ราการป่วยดว้ ยโรคท่เี กดิ จากวถิ ีชีวติ ใหน้ ้อยลง ได้ สามารถลดคา่ ใชจ้ า่ ยในการรกั ษาพยาบาล ลดอตั ราการขาดงาน ๒. สุขภาวะองคร์ วมของวยั ทางาน (Total Worker Health) 1. แนวคิดศนู ย์สขุ ภาพดีวยั ทางาน (Wellness Center) ๑.1 การจดั โปรแกรม Wellness Wellness คอื การมสี ขุ ภาพท่ดี ี แขง็ แรงสมบรู ณ์ (English-Thai London Dictionary) Wellness (ความสุขสมบูรณ์) เป็นสภาวะท่ีแสดงถึงความสมบูรณ์ของการเช่อื มโยงระหว่างร่างกาย ความคิด อารมณ์ สังคม และจิต (ซ่ึงในท่นี ี้หมายถึงความเช่อื ความศรทั ธา รวมไปจนถึงความผูกพนั ) ท่บี ุคคลใช้ ดาเนินชวี ติ ยงิ่ ความสมบรู ณน์ นั้ มคี วามสมดุลมากขน้ึ เทา่ ใด เรยี กว่ายง่ิ มี high-level ของ wellness มากขน้ึ เท่านัน้ ดงั นนั้ การทเ่ี ราจะมคี วามสุขสมบูรณ์ในปัจจุบนั ได้นัน้ อาจตอ้ งมกี ารเปล่ียนพฤตกิ รรมบางอยา่ ง เช่น พฤตกิ รรมการ ป้องกนั โรค พฤตกิ รรมการดูแลตวั เองเมอ่ื เกดิ การเจ็บป่วย เป็นต้น ๑.2 ประโยชน์ของการจดั โปรแกรม Wellness

๖๗ ทงั้ น้ีประโยชน์ของการจัดโปรแกรม wellness ได้แก่ ลูกจ้างสุขภาพดที าให้การทางานเตม็ ท่ี ผลผลิต ของ สถานประกอบการเพมิ่ ข้นึ ลกู จา้ งรู้สกึ มคี ณุ ค่า เพม่ิ ระยะเวลาในการคงอยู่ในสถานท่ที างานเดมิ ไม่เปลย่ี น งานบอ่ ย เน่ืองจากลูกจ้างได้รบั การดูแลสุขภาพ ลดความเส่ยี งต่อการเกดิ โรคต่างๆ ลดวันลาป่วย และเพ่มิ ความสนิทสนม ระหวา่ งเพอ่ื นรว่ มงานในการทากจิ กรรมต่างๆ ๑.3 รปู แบบการจดั บริการ wellness 1) Wellness clinic มลี กั ษณะเป็นการจดั บรกิ ารเชอ่ื มต่อการจดั บรกิ ารทางการแพทย์ทม่ี อี ยู่ 2) Wellness center เน้นการจดั บรกิ าร wellness เป็นการจาเพาะ โดยจดั ตามกลมุ่ เป้าหมายท่ชี ดั เจน เชน่ กลมุ่ เป้าหมายท่มี ฐี านะทางเศรษฐกจิ ท่ดี ี (elite or private wellness center) หรอื การจดั บรกิ ารบรู ณาการ ไปกบั การ จดั บรกิ ารการแพทยท์ างเลอื กหรอื แพทย์พน้ื บา้ น การจดั บรกิ ารทม่ี งุ่ เนน้ กล่มุ ผู้สงู อายุหรอื ผู้พกิ าร หรอื สถานะสขุ ภาพ จาเพาะ รวมไปถึงการจดั บรกิ ารท่มี งุ่ เนน้ กลุ่มชาติพนั ธจ์ุ าเพาะ หรอื wellness ท่แี บ่งตาม สถานท่ี เช่น workplace wellness program, school wellness program เป็นตน้ ๑.4 กิจกรรมการใหบ้ ริการ 1) การประเมนิ สขุ ภาพ โดยเนน้ ท่พี ฤตกิ รรมการดูแลสขุ ภาพ พฤตกิ รรมเส่ยี งต่างๆ 2) ให้บรกิ ารโปรแกรมทางสุขภาพ เช่น การออกกาลังกาย การรับประทานอาหารเพ่อื สุขภาพ การลด น้าหนัก การเลกิ บุหร่ี แอลกอฮอล์หรอื สงิ่ เสพตดิ อน่ื ๆ การจดั การความเครยี ด ฯลฯ 3) ใหค้ าปรกึ ษาหรอื สนับสนุนเก่ยี วกบั การพฒั นาพฤตกิ รรมทางสขุ ภาพ 4) การใหว้ คั ซนี ป้องกนั โรคตามกลุ่มอายุ 5) ให้คาปรกึ ษาและส่งตอ่ เกย่ี วกับการเจบ็ ป่วยเป็ นโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรคจากการทางาน โรคตดิ ต่อ หรอื โรคไมต่ ดิ ต่อเรอ้ื รงั ๑.5 ทมี งาน ได้แก่ ทมี ของหน่วยบรกิ ารสุขภาพ และของสถานประกอบการ 1) หน่วยบริการสุขภาพ ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล นักจติ วทิ ยา นักกาหนดอาหาร (dietitians) หรอื นักโภชนาการ (nutritionist) นักวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า (sport scientist) นกั บาบดั ในสาขาตา่ งๆ โค้ชสุขภาพ (health coach or wellness coach) ทงั้ น้ี wellness coach เป็นผูท้ ่มี บี ทบาทสาคญั ทจ่ี ะชว่ ยให้เหน็ ประเด็นปัญหาอยา่ งชัดเจน รวมทงั้ ตระหนักถึงความจาเป็นในการปรบั ปรงุ ตนเองหรอื ปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรม ชว่ ยวางหรอื กาหนดเป้าหมายให้ ชดั เจน ระดมสมองหรอื แลกเปล่ยี นขอ้ คดิ เหน็ เพ่อื ใหเ้ หน็ กจิ กรรมทจ่ี ะกระทาตอ่ ไป วางขนั้ ตอนในการดาเนินกจิ กรรม สร้างแรงจงู ใจหรอื ขอ้ ตกลงท่จี ะดาเนินกจิ กรรมท่วี างไว้ใหป้ ระสบความสาเรจ็ รวมทงั้ วางกาหนดเวลาในการดาเนิน กจิ กรรม โดย wellness coach จะต้องไดร้ บั การฝึกอบรมก่อนท่จี ะมาให้บรกิ าร

๖๘ 2) สถานประกอบการ ประกอบดว้ ย ผ้บู รหิ าร ฝ่ายทรพั ยากรบคุ คล ทมี งานอาชวี อนามยั ความปลอดภยั และสุขภาพ เชน่ เจ้าหน้าท่คี วามปลอดภยั ในการทางาน แพทย์ พยาบาล ผู้แทนชมรม/คลบั ตา่ งๆ ผแู้ ทนลูกจ้างจาก แผนกตา่ งๆ ๑.6 กลวิธใี นการดาเนินงาน wellness programs 1) พฒั นาตวั ช้วี ดั ผลงาน และเป้าหมาย เชน่ อตั ราการป่วยของลูกจา้ งลดลง ร้อยละ 10 ตอ่ ปี 2) พฒั นาโปรแกรม กาหนด เป้าหมาย วตั ถปุ ระสงค์ 3) หาแหล่งสนับสนุนการดาเนนิ งานตามโปรแกรม 4) ประเมนิ ความเสย่ี ง เช่น ความเสย่ี งทพ่ี นักงานในการไม่เขา้ รว่ มโปรแกรมฯ 5) ประชาสมั พนั ธแ์ ละใหข้ อ้ มูลตา่ งๆ ท่เี กย่ี วขอ้ ง และรบั ฟังขอ้ เสนอแนะต่างๆ 6) ประเมนิ ผลโปรแกรม ทงั้ นี้การดาเนนิ งานจะเก่ยี วขอ้ ง 3 ส่วน ได้แก่ ระดบั บคุ คล (individual) สงิ่ แวดล้อม (environment) และองคก์ ร (organization) ยกตวั อยา่ ง การดาเนนิ งาน wellness ในสถานประกอบการ ท่ที างกรมควบคุมโรคมกี าร ดาเนินงานสนั้ ๆ ๒.2 โปรแกรม TWH โปรแกรมการเสริมสร้างสุขภาวะวยั ทางานอย่างเป็นองคร์ วม ตวั อยา่ งโปรแกรม TWH ทส่ี ามารถนาไปปรบั ใช้ให้เหมาะกบั สถานประกอบการในบรบิ ทตา่ งๆ สิ่งคุกคามใน ผลกระทบต่อสขุ ภาพ ปจั จยั นอกงานที่จะ โปรแกรม TWH งาน สง่ เสริมให้เกิดผล กระทบต่อสุขภาพ โปรแกรมการป้องกนั ระบบทางเดนิ สารเคมี ฝุ่น หายใจพร้อมกบั เน้นการลดการสบู มากข้ึน บหุ ร่ี Clean air and tobacco free โรคระบบทางเดนิ การสบู บุหร่ี workplace หายใจจากการทางาน

๖๙ สิ่งคกุ คามใน ผลกระทบต่อสุขภาพ ปัจจยั นอกงานทจ่ี ะ โปรแกรม TWH งาน ส่งเสริมให้เกิดผล โรคพษิ ตะกวั่ กระทบตอ่ สุขภาพ (ดาเนินการในสถานประกอบการท่ี สารตะกวั ่ ความดนั โลหติ สงู เส่ยี งตอ่ โรคระบบทางเดนิ หายใจ มากข้ึน จากการทางานเป็นหลกั ) สารประกอบ โรคพษิ จากสารทา -โปรแกรมการป้องกนั โรคพษิ ตะกวั่ อนิ ทรยี ์ระเหย ละลายอนิ ทรยี ์ การสบู บหุ ร่ี พร้อมกบั เน้นการลดการสูบบหุ ร่ี งา่ ย (ระบบประสาทและ โรคความดนั โลหติ สงู -โปรแกรมการป้องกนั โรคพษิ ตะกวั่ ความรอ้ น สมอง) พรอ้ มกบั ลดปัจจยั เสย่ี งอน่ื ๆ ทเ่ี ป็น Heat stroke การด่มื แอลกอฮอล์ สาเหตขุ องโรคความดนั โลหติ สงู แสงสวา่ งไม่ เพยี งพอ eyestrain ภาวะอ้วน โปรแกรมการป้องกนั โรคพษิ จาก โรคประจาตวั เชน่ สารทาละลายอนิ ทรยี พ์ ร้อมกบั เนน้ โรคความดนั โลหติ สงู การลดการด่มื แอลกอฮอล์ โรคหวั ใจ Weight control program ใช้สายตากบั กจิ กรรม อาชพี เสย่ี ง firefighters, bakery ต่างๆ (มอื ถือ) workers, farmers, construction workers, miners, boiler room workers, หล่อ หลอมโลหะ ผลติ แกว้ ผลติ จาระบี เป็นต้น โครงการอนุรกั ษ์สายตา ( เช่น สถานประกอบการทม่ี กี ารใช้ สายตาในการมองชน้ิ งานระยะใกล้ เชน่ ผลติ ช้นิ สว่ นอเิ ลค็ ทรอนกิ ส์, Jewelry )

๗๐ ส่ิงคุกคามใน ผลกระทบต่อสุขภาพ ปัจจยั นอกงานทจ่ี ะ โปรแกรม TWH งาน ส่งเสริมให้เกิดผล กระทบต่อสุขภาพ มากข้ึน การยศาสตร์ โรคกระดูกและ -โรคประจาตวั เช่น โปแกรมทางดา้ นการยศาสตร์เน้น กล้ามเนอื้ ท่มี สี าเหตุ ขอ้ อกั เสบ (arthritis) การ บรู ณาการการป้องกนั โรคอ่นื ๆ จากการทางาน หรอื โรคกระดกู และ ท่เี กย่ี วขอ้ งกบั ท่าทางการทางาน กล้ามเนื้ออน่ื ๆ เชน่ การลดน้าหนัก -ภาวะอว้ น ความเครยี ด เครยี ดจากการทางาน เครยี ดจากสาเหตุอ่นื Work-life stress management ๆทม่ี ผี ลตอ่ การทางาน ระดบั องคก์ ร (ในงาน) เชน่ เครยี ดจาก ระดบั บคุ คล (นอกงาน) ครอบครวั สถานประกอบการทน่ี ่าจะมี ความเครยี ดสูง เช่น มสี ถติ กิ ารลา ป่วย สถติ อิ ุบตั เิ หตสุ ูง อุบตั เิ หตจุ าก บาดเจ็บ การดม่ื แอลกอฮอล์ โปรแกรมการป้องกนั อุบตั เิ หตจุ าก การทางานกบั การทางาน โดยเนน้ การปรบั ยานพาหนะ พฤตกิ รรมสุขภาพเพอ่ื ลด ละ เลกิ เชน่ ขบั รถ การดม่ื แอลกอฮอล์ โฟลคลฟิ ท์ ทมี่ า: ปรบั จาก NIOSH ๓.3 ขนั้ ตอนการดาเนินงาน โดยขนั้ ตอนการดาเนนิ งานในสถานท่ที างาน (รวมทงั้ โรงพยาบาลทด่ี าเนินการดูแลบุคลากรสขุ ภาพของ โรงพยาบาลเอง) มดี งั นี้ (1) จดั ตงั้ คณะทางาน หรอื ทบทวนทีม โดยต้องมเี จา้ หน้าทฝ่ี ่ายบุคคล เป็นทมี ด้วย (2) ทบทวน ปรบั นโยบายเพ่อื ใหส้ อดคลอ้ ง และสนบั สนุนการดาเนินงานตามแผนงาน หรือกจิ กรรมท่มี ่งุ จะ ให้เกดิ ในองค์กร

๗๑ (3) การประเมนิ ความเส่ยี ง โดยเป็นแบบ holistic risk assessment โดยมกี ารประเมนิ ด้านตา่ งๆ ดงั น้ี • Personal health เชน่ เพศ อายุ การสูบบุหร่ี น้าหนกั เกนิ ตงั้ ครรภ์ โรคประจาตวั (e.g., diabetes mellitus, high blood pressure, asthma, colour blindness, allergies) • สภาพแวดลอ้ มการทางาน เชน่ การทางานทส่ี งู การทางานซา้ ๆ การทางานในท่ลี ่ืน เสียงดงั สมั ผสั สารเคมี • Work organization เชน่ work overload, prolonged working hours, shift work, การจดั การ returning to work, การฝึกอบรม, การส่อื สารความเส่ยี ง และระบบการจ่ายเงนิ สาหรบั การทางาน เป็นต้น (4) วเิ คราะห์ขอ้ มูลจากการประเมนิ และพฒั นาโปรแกรมดาเนนิ งาน (intervention) ตามความเส่ยี งท่พี บ (5) การตดิ ตาม ประเมนิ ผล หลงั ส้นิ สุดกจิ กรรมในแตล่ ะครงั้ ภาพรวมกจิ กรรม เช่น ประเมนิ ทกุ ส้นิ ปี การ ประเมนิ ผลลพั ธ์ อาจแบ่งเป็น 2 ระดบั ไดแ้ ก่ รายบคุ คล โดยใชแ้ บบสอบถาม หรอื การวดั โดยตรง เช่น น้าหนัก ระดบั ไขมนั ในเลอื ด เป็นตน้ รายกลุม่ เช่น สถติ กิ ารเกดิ อุบตั เิ หตุ จานวนกลุ่มเส่ยี ง กลุม่ ป่วยด้วยโรคไม่ตดิ ต่อ อตั ราการคง อยู่ หรอื ลาออกของพนกั งาน (6) การบนั ทกึ ผลการดาเนนิ งาน และขอ้ เสนอแนะ โดยบนั ทกึ ผลการประเมนิ ตา่ งๆ กอ่ นเรม่ิ โครงการ และ บนั ทกึ ผลการจดั กจิ กรรมต่างๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง (ฉายคลปิ วดี ที ศั น์ประกอบ) โปรแกรมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Total Worker Health) ขัน้ ตอนการดาเนินงานจะเหมือนกบั wellness program แต่การประเมนิ พฤติกรรมเส่ยี งทางด้านสุขภาพจะครอบคลุมถึงการสัมผสั ส่ิงคุกคามจากการ ทางานดว้ ย และลกั ษณะของโปรแกรมทเ่ี สนอให้องค์กรดาเนินงานจะเป็นโปรแกรมเพอ่ื ลดความเส่ยี งนอกงานร่วมกับ ความเส่ยี งในงาน โดยเป็นการบูรณาการระหวา่ งการส่งเสริมสุขภาพกบั การปกป้องคุ้มครองอนั ตรายจากการทางาน เพ่อื ใหเ้ กดิ การดูแลสุขภาพคนทางานแบบองคร์ วมทงั้ มติ ใิ นงานและนอกงาน 3. การประเมินและการจดั การความเสี่ยงทางสุขภาพแบบองคร์ วม ในการประเมินและจัดการความเสย่ี งทางสขุ ภาพแบบองค์รวมนัน้ จาเป็นทอี ย่างยิง่ ท่ผี ู้ประเมนิ จะต้องทา ความเขา้ ใจนยิ ามความหมายของคาหรอื ขอ้ ความทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั สุขภาพแบบองคร์ วม ซึง่ ได้แก่ ๑. นิยามศพั ทท์ ่ีเก่ยี วขอ้ งข้อง 1.1 ส่ิงคุกคาม หมายถึง สิ่งใด ๆ หรือสภาพการณ์ใด ๆ ก็ตาม ท่มี คี วามสามารถก่อปัญหาทาง สขุ ภาพต่อคนได้

๗๒ 1.2 อนั ตราย หมายถงึ สง่ิ หรอื เหตุการณ์ทอ่ี าจก่อใหเ้ กดิ การบาดเจ็บหรอื การเจบ็ ป่วยจากการ ทางาน ความเสยี หายตอ่ ทรพั ยส์ นิ ความเสยี หายตอ่ สภาพแวดลอ้ มในการทางาน หรอื ต่อสาธารณชน หรอื สง่ิ ตา่ ง ๆ เหล่านร้ี วมกนั 1.3 การเจบ็ ป่ วย หมายถึง สภาวะท่มี ีการเปล่ยี นแปลงหน้าท่ปี กติทางด้านร่างกาย จติ ใจ สังคม และจิตวญิ ญาณ ซึ่งอาจจะเปล่ยี นด้านใดด้านหน่ึง หรอื หลายๆ ด้านรวมกนั ทาให้บุคคลทาหน้าท่บี กพรอ่ งหรอื ทา หน้าท่ไี ด้น้อยลงกว่าปกติ เป็นภาวะท่บี ุคคลรู้สกึ ว่ามีสุขภาพไม่ดี 1.4 การเจ็บป่ วยจากการทางาน หมายถึง การเจ็บป่ วยที่ได้ผ่านการพิจารณาแล้วว่ามี สาเหตุเกดิ จากการทางาน หรอื สง่ิ แวดล้อมของสถานทท่ี างาน 1.5 โรคติดต่อ หมายถงึ โรคท่เี กดิ จากเช้อื โรคหรอื พษิ ของเช้อื โรคซึ่งสามารถแพร่โดยทางตรงหรอื ทางออ้ มมาสู่คน เช่น โรคไขห้ วดั ใหญ่ โรควณั โรค โรคไขห้ วดั เป็นตน้ 1.6 เหตกุ ารณ์เกอื บเกิดอบุ ตั ิเหตุ หมายถึง เหตกุ ารณท์ ่ไี มพ่ งึ ประสงค์เมอ่ื เกดิ ข้นึ แล้ว มแี นวโนม้ ทจ่ี ะ ก่อให้เกิดเป็นอุบตั ิเหตุ หรือ เกือบได้รับบาดเจ็บ เจ็บป่วย เสียชีวติ หรอื ความสูญเสยี ต่อทรพั ย์สนิ สภาพแวดล้อมหรอื สาธารณชน 1.7 อุบตั ิเหตุ หมายถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิดไว้ล่วงหน้า ไม่พงึ ประสงค์ หรอื ขาดการควบคมุ แต่เมื่อเกดิ ข้นึ แล้วส่งผลให้คนบาดเจ็บ หรอื ความเจ็บป่วยจากการทางาน สูญเสยี อวยั วะ บางส่วน พิการ ทุพพลภาพ หรือเสียชวี ิตหรอื ความเสยี หายต่อทรพั ย์สนิ และสภาพแวดล้อมในการทางานหรอื ตอ่ สาธารณชน 1.8 ความเสยี่ ง หมายถึง ผลลพั ธข์ องความน่าจะเกดิ อนั ตรายและผลจากการเกดิ อนั ตรายนนั้ 1.9 การชี้บ่งอนั ตราย หมายถึง กระบวนการในการค้นหาความเส่ียง ค้นหาสิง่ คุกคามหรอื อนั ตราย โรคตดิ ต่อ โรคไมต่ ดิ ตอ่ โรค/การเจบ็ ป่วยจากการประกอบอาชพี และสงิ่ แวดล้อม ความเสย่ี งด้านอนามัย สง่ิ แวดล้อมท่อี าจสง่ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพอนามยั ของผู้ปฏบิ ตั งิ านและประชาชนทอ่ี าศยั อยู่โดยรอบ โรค/การเจบ็ ป่วย ในดา้ นสขุ ภาพจติ ทม่ี อี ยู่ในแต่ละลกั ษณะงานและกจิ กรรมแล้วระบุลกั ษณะของอนั ตราย 1.10 การประเมินความเสยี่ ง หมายถึง กระบวนการประมาณระดับความเส่ยี ง และการตดั สิน ว่าความเส่ยี งนนั้ อยใู่ นระดบั ใด ซึ่งสามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 3 ด้าน ดงั นี้ 1.10.1 การประเมินความเสยี่ งด้านสุขภาพ หมายถึง กระบวนการศกึ ษาอย่างเป็นระบบในการ ประมาณถึงโอกาส ระดบั ความรุนแรงของอนั ตรายและความสามารถในการตรวจจบั อนั ตรายหรอื พฤติกรรมเส่ยี ง ทางสุขภาพท่จี ะก่อให้เกิดผลเสียตอ่ สขุ ภาพ โรคจากการประกอบอาชีพ โรคตดิ ต่อ โรคไม่ตดิ ต่อเร้อื รงั หรอื ปัญหาดา้ น สขุ ภาพจติ ของผ้ปู ฏบิ ตั งิ าน 1.10.2 การประเมินความเสีย่ งดา้ นความปลอดภยั หมายถงึ กระบวนการศกึ ษาอยา่ งเป็นระบบ

๗๓ ในการประมาณถงึ โอกาส ระดบั ความรุนแรงของอนั ตรายและความสามารถในการตรวจจบั อนั ตรายท่จี ะกอ่ ให้เกดิ การ บาดเจ็บหรอื อบุ ตั เิ หตจุ ากการทางานได้ 1.10.3 การประเมินความเสีย่ งดา้ นสภาพแวดล้อมในการทางาน หมายถึง กระบวนการศกึ ษา อยา่ งเป็นระบบในการประมาณถงึ โอกาส ระดบั ความรนุ แรงของอนั ตรายและความสามารถในการตรวจจบั อนั ตราย หรอื ความเส่ยี งท่เี กิดจากสภาพแวดล้อมในการทางานท่ไี ม่เหมาะสม เช่น ระดบั ความร้อน ปรมิ าณความเข้มข้น ของสารเคมหี รอื ฝุ่นละอองทเ่ี ป็นไปตามมาตรฐานกาหนด ท่จี ะกอ่ ให้เกดิ การเจ็บป่วย การบาดเจ็บหรอื อุบตั เิ หตุจาก การทางานได้ 1.11 ระดบั ความเสย่ี งทย่ี อมรบั ได้ หมายถึง ระดบั ความเส่ยี งท่อี งค์กรยอมรบั โดยไมจ่ าเป็นต้อง เพมิ่ มาตรการควบคุมอกี ซ่ึงได้รบั การพจิ ารณาจากการประเมนิ ความเส่ยี งแล้ววา่ โอกาสทจ่ี ะเกดิ และความรนุ แรงท่จี ะ เกดิ ขน้ึ มเี พยี งเลก็ นอ้ ย ระดบั ความเสย่ี งทย่ี อมรบั ได้ อาจเป็นผลจากการมมี าตรการท่เี หมาะสมในการลด หรอื ควบคุม ความเสย่ี ง 1.12 การควบคุมความเสี่ยง หมายถึง ขัน้ ตอนหรอื นโยบายขององค์กรท่ีเป็นการควบคุม เพ่อื ให้เกดิ ความมนั่ ใจไดว้ า่ การตอบสนองความเสย่ี งท่ไี ดเ้ ลอื กไว้แลว้ จะยงั อยู่ระดบั ท่สี ามารถยอมรบั ได้ 1.13 การลดผลกระทบของความเสี่ยง หมายถึง ขัน้ ตอนหรือนโยบายขององค์กรที่เป็น การลดโอกาสทจ่ี ะเกดิ ผลกระทบของความเส่ยี งให้อย่ใู นระดบั ทอ่ี งคก์ รสามารถยอมรบั ได้ สว่ นที่ 2 การชบ้ี ง่ อนั ตราย การประเมินและควบคุมความเส่ียงด้านสขุ ภาพ ดา้ นความปลอดภยั และด้านสภาพแวดลอ้ มในการทางาน จะประกอบไปดว้ ย 5 ขนั้ ตอน ดงั ตอ่ ไปนี้ 2.1 การชบ้ี ง่ อันตราย 2.2 การประเมินระดบั ความเสี่ยง 2.3 การจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยง 2.4 การทำแผนบริหารจดั การความเส่ียง 2.5 การทบทวนแผนบรหิ ารจดั การความเสีย่ ง

๗๔ (ทม่ี า : มาตรฐานผลติ ภณั ฑ์อตุ สาหกรรม THAI INDUSTRIAL STANDRAD มอก. 18004 – 2544 : ระบบการ จดั การอาชวี อนามยั และความปลอดภยั : ขอ้ แนะนาทวั่ ไปเกย่ี วกบั หลกั การ ระบบและเทคนคิ ในทางปฏบิ ตั )ิ จากขนั้ ตอนการดาเนนิ งานในการช้บี ่งอันตราย การประเมินและการควบคมุ ความเส่ยี ง ด้านสุขภาพ ด้าน ความปลอดภยั และดา้ นสภาพแวดลอ้ มในการทางานขา้ งตน้ สามารถอธบิ ายได้ดงั นี้ 2.1 การช้ีบ่งอนั ตราย ในขนั้ ตอนนจ้ี ะเป็นการแจกแจงสงิ่ คุกอนั ตรายทงั้ หมดทอ่ี าจจะก่อใหเ้ กดิ อนั ตรายกบั ผูป้ ฏบิ ตั งิ าน โดยแจกแจงในกระบวนการทงั้ หมดท่เี ก่ยี วข้องในองค์กร ทัง้ งานที่เกิดขึ้นในพ้ืนที่กระบวนการผลิตและนอกพ้ืนที่ กระบวนการผลิต และดาเนินการช้บี ่งส่งิ คุกคามท่อี าจจะก่อให้เกดิ อนั ตรายหรอื ความเส่ียงท่อี าจจะเกิดข้ึน ใน กระบวนการนนั้ ๆ ทงั้ นอ้ี าจใช้การวเิ คราะหต์ ามหลกั 4M เพ่อื ช่วยวเิ คราะห์แจกแจงสงิ่ คุกคามทอ่ี าจจะกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายใน แตล่ ะกระบวนการได้ชดั เจนมากข้นึ โดยหลกั 4 M ประกอบด้วย ▪ M - Man คนงาน หรอื ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน หรอื บุคลากร ▪ M - Machine เคร่อื งจกั ร เครอ่ื งมอื หรอื อุปกรณ์อานวยความสะดวก ▪ M - Material วตั ถุดบิ หรอื อะไหลท่ ใ่ี ช้ในกระบวนการปฏบิ ตั งิ าน ▪ M - Method วธิ กี ารทางาน โดยการแจกแจงสง่ิ คกุ คามท่อี าจจะก่อให้เกดิ อนั ตรายนนั้ มหี ลายวธิ ี องค์กรสามารถเลอื กใช้ ตามความเหมาะสม ซ่งึ ในการกาหนดความสมั พนั ธข์ องกระบวนการทเ่ี ก่ยี วขอ้ งในองค์กรเพ่อื ดาเนินการแจกแจงสง่ิ คกุ คาม ทงั้ หมดทอ่ี าจจะก่อใหเ้ กดิ อนั ตรายกบั ผู้ปฏบิ ตั งิ าน สามารถแสดงความสมั พนั ธ์ได้ตามภาพท่ี 1 กระบวนการ กระบวนการ กระบวนการ ปฏบิ ัตงิ านท่ี 1 ปฏิบตั งิ านท่ี 2 ปฏิบตั งิ านที่ ...... ภาพท่ี 1 แสดงความสมั พนั ธ์ของกระบวนการปฏบิ ตั งิ านท่เี ก่ยี วขอ้ งในองคก์ รเพ่อื ดาเนินการแจก แจงสง่ิ คกุ คามทอ่ี าจจะกอ่ ให้เกดิ อนั ตราย

๗๕ หลังจากท่กี าหนดความสัมพนั ธ์ของกระบวนการปฏบิ ัตงิ านท่ีเก่ยี วข้องในองค์กรแล้ว จะต้องวิเคราะห์ ถึงงานและขนั้ ตอนการทางานของกระบวนการปฏบิ ัติงานนัน้ ในกระบวนการปฏิบัตงิ านแต่ละกระบวนการ จะ ประกอบด้วย งานและขนั้ ตอนการทางาน องค์กรสามารถวเิ คราะห์ได้ชดั เจนมากเท่าไร จะทาให้สามารถแจก แจงสง่ิ คุกคามท่อี าจจะก่อให้เกิดอนั ตรายได้ครอบคลุมมากย่ิงขึ้น การวิเคราะห์ถึงงานและขัน้ ตอนการทางาน ของแต่ละกระบวนการปฏบิ ัติงาน จะสามารถแสดงความสมั พนั ธ์ได้ตามภาพท่ี 2 กระบวนการปฏิบัตงิ าน งานที่ 1 งานท่ี 2 งานที่ 3 Man/ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน Man/ผปู้ ฏิบตั งิ าน Man/ผปู้ ฏบิ ตั ิงาน Machine/เคร่ืองจกั ร/ Machine/เคร่ืองจกั ร/ ข้นั ตอนท่ี 1 เครื่องมือ/อุปกรณ์ ข้นั ตอนที่ 1 เคร่ืองมอื /อปุ กรณ์ ข้นั ตอนที่ 1 Machine/เครื่องจกั ร/ ข้นั ตอนที่ 2 Material/ วตั ถดุ บิ ข้นั ตอนท่ี 2 ปMกaรteณri์al/ วตั ถดุ ิบ เครื่องมือ/อุปกรณ์ Method/วธิ กี ารทางาน Method/วิธีการทางาน Material/ วตั ถดุ ิบ Man/ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน Man/ผปู้ ฏบิ ตั ิงาน Method/วิธีการทางาน Machine/เคร่ืองจกั ร/ Machine/เคร่ืองจกั ร/ เคร่ืองมือ/อุปกรณ์ เครื่องมอื /อปุ กรณ์ Man/ผปู้ ฏิบตั งิ าน Mอปุ aกteรrณial์ / วตั ถดุ ิบ Material/ วตั ถดุ บิ ข้นั ตอนที่ 2 Machine/เครื่องจกั ร/ Method/วิธีการทางาน Method/วิธกี ารทางาน เครื่องมือ/อุปกรณ์ Material/ วตั ถดุ ิบ Method/วธิ กี ารทางาน ข้นั ตอนที่ 3 ข้นั ตอนที่ 3 ข้นั ตอนท่ี 3 (ท่มี า : การวเิ คราะห์งานเพ่อื ช้บี ่งอนั ตราย สมาคมส่งเสริมความปลอดภยั และอนามยั ในการทางาน (ประเทศไทย)) ภาพที่ 2 แสดงงานและขนั้ ตอนการทางานจาแนกตามกระบวนการปฏบิ ตั งิ านและการนาหลกั 4M มาแจกแจงสง่ิ คกุ คามท่อี าจจะกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายในแตล่ ะขนั้ ตอน การชบ้ี ่งสงิ่ คุกคามและการเกดิ อนั ตราย ถ้าจะใช้คาอธบิ ายง่ายๆ ก็คอื การไปคน้ หาว่ากจิ กรรมหรอื เครอ่ื งจักร อปุ กรณน์ นั้ วา่ มสี งิ่ คกุ คามใดท่สี ามารถกอ่ ใหเ้ กดิ อันตราย เกดิ โรค ปัญหาด้านสุขภาพ หรอื สามารถก่อให้เกดิ โรคหรือ ปัญหาด้านสขุ ภาพ ด้วยวธิ ใี ดบ้าง โดยอาจพจิ ารณาจากคาถาม 3 ขอ้ ดงั น้ี 1. มแี หล่งกาเนิดของสง่ิ คุกคามท่อี าจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายหรอื ไม่ (โดยการใช้หลกั 4 M ( Man/Machine/Material/Method) วเิ คราะห์) 2. ใคร หรอื อะไร ทไ่ี ดร้ บั อนั ตราย

๗๖ 3. อนั ตรายจะเกดิ ข้นึ อย่างไร อนั ตรายทไ่ี ม่ปรากฏผลเด่นชัด หรอื มคี วามเป็นไปไดท้ จ่ี ะเกดิ อนั ตรายนอ้ ยมาก ไมจ่ าเป็นตอ้ ง เขียนขัน้ ตอนปฏบิ ัตเิ ป็นเอกสาร หรอื จาต้องดาเนินการอะไรต่อไป การแบ่งแยกประเภทของสิง่ คกุ คาม อยา่ ง กวา้ งๆ เพอ่ื ช่วยในการบ่งชก้ี ารเกดิ อนั ตราย ควรแบง่ แยกประเภทของสง่ิ คกุ คามในลกั ษณะตา่ ง ๆ เช่น อาจแบง่ ตาม หวั ขอ้ ดงั น้ี 1. สิ่งคุกคามทางกายภาพ (physical hazards) คอื สง่ิ คุกคามทเ่ี ป็นพลงั งานทางฟิสกิ ส์ ซึ่งมีคุณสมบตั ทิ าให้เกิดโรคในคนได้ เช่น อุณหภูมิ ความกดอากาศ แรงสนั่ สะเทือนของวัตถุ พลงั งานเสยี ง พลงั งานแสง รงั สคี ล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้า เป็นต้น ยกตวั อยา่ ง เช่น 1) การทางานในบรเิ วณการทางานท่มี อี ุณหภูมิท่รี อ้ นเกนิ ไปทาให้ผู้ปฏบิ ตั งิ านเป็นลมแดด หมดสติ 2) การทางานในบรเิ วณการทางานท่มี เี สยี งท่ดี งั เกนิ ไปทาใหผ้ ู้ปฏบิ ตั งิ านสญู เสียสมรรถภาพการ ได้ยนิ 3) การทางานในบรเิ วณการทางานท่มี รี งั สแี กมมาทาใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั งิ านเป็นมะเรง็ 2. ส่ิงคุกคามทางสารเคมี (chemical hazards) คอื สงิ่ คกุ คามท่เี ป็นสารเคมที กุ ชนิด ซึ่งมสี มบัติ เป็นพษิ ตอ่ คนได้ ไมว่ า่ จะอยใู่ นสถานะก๊าซ ของแขง็ หรอื ของเหลว ก็ตาม ทงั้ ทเ่ี ป็นธาตุและท่เี ป็นสารประกอบ ทงั้ ท่ี เป็นสารอนิ ทรีย์และสารอนนิ ทรยี ์ เช่น สารตะกวั่ สารปรอท สารหนู ยาฆา่ แมลง ยาฆ่าหญ้า ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซไข่เน่า กา๊ ซคลอรนี เป็นต้น ยกตวั อยา่ ง เช่น 1) สารท่ีเขา้ สู่ระบบทางเดนิ หายใจทาให้เกดิ โรคทางระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ ไอ ระเหยของสารเคมี เช่น สี ทนิ เนอร์ น้ายา Coolant ฟูม ควนั ไอจากการเช่ือมโลหะ ฝุ่น เหล็กจากการขดั เจยี ร เป็นตน้ 2) สารทเ่ี ขา้ สูร่ ะบบทางเดนิ หายใจทาให้เกดิ การเสยี ชวี ติ ได้แก่ กา๊ ซคลอรนี เป็นตน้ 3) สารท่สี มั ผสั โดนผวิ หนังทาให้เกดิ อาการ/โรคทางผิวหนงั เช่น สารเคมตี วั ทาละลาย กาว พลาสตกิ เส้นใยแก้ว สีพ่น น้ามันเบนซิน น้ามันเคร่อื ง สารกาจดั แมลงหรอื สารกาจดั ศตั รูพชื เป็นตน้ 4) สารท่อี าจจะทาให้เกดิ อนั ตรายจากการกลนื กินเข้าไป ได้แก่ น้ามันเช้อื เพลิง สี ทนิ เนอร์ น้ายา Coolant กรด ดา่ ง น้ายาทาความสะอาด เป็นต้น

๗๗ 3. ส่ิงคุกคามทางชีวภาพ (biological hazards) คือ สิ่งคุกคามท่ีเป็นสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็น เช้อื จุลนิ ทรยี ์ ไวรสั แบคทเี รยี แมลง หรอื สตั วก์ อ่ โรค รวมทงั้ เน้อื เย่อื หรอื สารคดั หลงั่ ของสง่ิ มชี วี ติ ท่สี ามารถทาใหเ้ กิด การตดิ เช้อื และเจ็บป่วยได้ เช่น เช้อื ไวรัสไขห้ วัดใหญ่ เช้อื ไวรสั พษิ สุนขั บ้า เช้อื วัณโรค เช้อื โรคบดิ เช้อื อหิวาห์ เช้อื มาลาเรยี เป็นต้น รวมไปถงึ การจดั การสขุ ลกั ษณะของสถานทท่ี างาน การจดั การขยะ น้าเสยี ของเสีย และส่ิงปฏิกูล สัตว์และแมลงพาหะนาโรค การสุขาภิบาลอาหารและน้าด่มื น้าใช้ ท่ไี ม่ดีก่อให้เกดิ สง่ิ คกุ คามทางชวี ภาพข้นึ เป็น ตน้ ยกตวั อยา่ ง เชน่ 1) ไม่มกี ารควบคมุ สตั ว์และแมลงพาหะนาโรคในสถานประกอบการ ทาใหเ้ กดิ การระบาดของ โรค เชน่ โรคไขห้ วดั นก ไขเ้ ลอื ดออก เป็นตน้ 2) การขาดระบบ/มาตรการในการคดั กรองผู้ท่ตี ดิ โรค/ ตดิ เช้อื และการป้องกนั การระบาดของ โรคในองค์กร 3) การสุขาภบิ าลอาหารในโรงอาหารหรอื สถานทร่ี บั ประทานอาหารไม่ถกู สุขลกั ษณะให้เกิด การระบาดของโรคบดิ หรอื อหวิ าตกโรค 4) น้าดม่ื น้าใช้ ไม่เพยี งพอ หรอื มกี ารจดั การท่ไี ม่ถกู สุขลกั ษณะ มกี ารใช้แก้วน้าร่วมกันทา ให้เกิดการติดต่อของโรคท่แี พร่กระจายทางน้าลาย เช่น โรคไวรสั ตบั อกั เสบบี เป็นตน้ 5) การจัดการสิง่ ปฏกิ ูล มูลฝอย ของเสยี อนั ตราย และน้าเสยี ไม่มีประสิทธภิ าพ ไม่ถูกสุขลกั ษณะทาใหเ้ กดิ การแพร่กระจายของเชอ้ื โรค 4. ส่ิงคุกคามทางการยศาสตร์ (biomechanical hazards) คือ สภาพการทางานท่ีไม่ เหมาะสมกบั สรรี ะทางร่างกายของผู้ปฏบิ ตั งิ านจนนาไปสกู่ ารเกดิ อาการ/การบาดเจบ็ /โรคทางกระดกู และกลา้ มเน้ือ เชน่ การทางานท่จี าเจซา้ ซาก การทางานทไ่ี ม่เหมาะสมกบั ความสามารถของรา่ งกายและจติ ใจ อริ ยิ าบถการทางาน ท่ไี ม่เหมาะสม หน่วยท่ที างานไม่เหมาะสม เป็นตน้ ยกตวั อยา่ ง เชน่ 1) อาการ/ความผดิ ปกติของมอื และแขน เน่อื งจากการทางานท่เี ป็นผลมาจากงานท่ที าซ้า ๆ กนั เชน่ การพมิ พ์งานโดยใช้เครอ่ื งพมิ พด์ ดี หรอื คอมพวิ เตอร์ การประกอบช้นิ สว่ นในจุดเดมิ เป็นต้น 2) อาการ/ความผดิ ปกตขิ องกระดูกและกล้ามเนือ้ เน่อื งมาจากการยก/เคล่อื นย้ายของหนัก ดว้ ยทา่ ทางทไ่ี ม่เหมาะสม ตอ้ งเอย้ี วตวั ยกของหนัก หรอื การยก/เคล่อื นยา้ ยของทน่ี ้าหนัก มากเกนิ กวา่ ท่รี า่ งกายสามารถยก/เคลอ่ื นย้ายได้ 3)

๗๘ 5. ส่ิงคุกคามทางจิตสงั คม (psychological hazards) คอื สถานการณห์ รอื สภาวการณ์ ใด ๆ กต็ าม ท่อี าจกระตนุ้ ใหเ้ กดิ ปัญหาทางด้านจิตใจ หรอื ความสมั พนั ธ์ในครอบครัว หรอื ในสงั คม ของผทู้ ท่ี างานหรือ อยูใ่ นสภาวการณน์ นั้ ๆ ยกตวั อยา่ ง เชน่ 1) การปฏบิ ัตงิ านในขณะท่สี ภาพจติ ใจผู้ปฏิบตั ิงานไม่มีความพร้อม เช่นกาลงั เผชิญ กับ ภาวะการสูญเสยี คนในครอบครวั หรอื บุคคลท่รี กั การสญู เสยี ทรพั ย์สนิ มปี ัญหาการเจ็บป่วย ด้วยโรคเรอ้ื รงั มปี ัญหาหนส้ี นิ ท่ไี ม่สามารถแก้ไขได้ ปัญหาครอบครวั เป็นต้น 2) การทางานในสงิ่ แวดล้อมทเ่ี สยี งดงั เกนิ มาตรฐานกาหนดตลอดช่วงการทางาน 3) การทางานบางอย่างท่ีเร่งรดั งานที่มคี วามรบี เร่งสูง ต้องทางานแข่งกบั เวลาการ ทางาน 4) การทางานทม่ี ชี วั่ โมงการทางานทย่ี าวนาน 5) การทางานหนักเกนิ ไป ภาระงานมากเกนิ กาลงั 6) งานกะ งานทท่ี าไมเ่ ป็นเวลาตอ้ งอดหลบั อดนอน 7) งานท่ตี ้องใช้ความรบั ผดิ ชอบสูง 8) งานท่มี ปี ัญหาสงั คมภายในท่ที างาน งานท่มี คี วามกดดนั จากผรู้ ว่ มงาน 9) การสูดดมควนั บหุ รม่ี อื สองหรอื มอื สาม ทาให้ผูส้ ดู ดมเกดิ โรครา้ ยแรง เช่น โรคมะเรง็ ปอด โรคระบบทางเดนิ หายใจ เป็นตน้ 10) การขาดมาตรการในการส่งเสริมสุขภาพ เช่น การออกกาลังกายและการจัดการ ด้าน โภชนาการท่ถี ูกตอ้ งและเหมาะสม การจดั บรกิ ารวคั ซีนเพ่อื ป้องกนั โรค เป็นตน้ 6. ส่ิงคุกคามทางด้านความปลอดภัย (safety hazards) เป็นสภาวการณ์อกี เช่นเดียวกนั แตเ่ ป็นสภาวการณ์ท่มี โี อกาสทาให้คนทางานเกดิ การบาดเจ็บตอ่ ร่างกาย พกิ าร หรอื เสยี ชวี ติ ได้ เชน่ การ ทางานกับของแหลมคม การทางานในท่สี ูง การทางานกับไฟฟ้าแรงสูง การทางานกบั เคร่อื งจักรมคี มในขณะท่งี ่วงนอน เหล่าน้ีเป็นต้น สง่ิ คุกคามกลุ่มนี้ มักทาให้เกิดปัญหาสุขภาพในรูปแบบของการบาดเจ็บ ( injury) มากกว่าการทา ให้เกิดการเจ็บป่วย (illness) บางครงั้ เม่อื กล่าวถึงเฉพาะส่งิ คุกคามท่ที าให้เกดิ เป็นโรค จึงมกั จะกล่าวถึงเฉพาะสงิ่ คุกคาม 5 กลมุ่ แรก และสงิ่ คุกคามกลุ่มนี้ถกู ละไว้ในฐานท่เี ขา้ ใจ เน่อื งจากทาให้เกดิ การบาดเจบ็ มากกว่าทาให้เป็น โรค ยกตวั อยา่ ง เช่น 1) การล่นื หกล้ม เช่น มีน้ามัน/น้านองพ้นื ทาให้ล่นื หกล้ม การสะดุดหกล้มพ้นื ต่างระดบั หรือสะดุดหกล้มเน่ืองจากมวี ตั ถุสง่ิ ของกดี ขวาง เป็นต้น

๗๙ 2) การตกจากท่สี ูง 3) บริเวณท่วี ่างเหนือศรี ษะไม่เพยี งพอ ทาให้ศรี ษะเกดิ การชน/กระแทก 4) อันตรายท่เี กิดจากการยก หยิบจับ เคร่อื งมอื วตั ถุดิบ ฯลฯ ได้แก่ ส่งิ ของตกหล่น กระแทกเท้า หยบิ อะไหล่ท่มี ีความคมทาให้ถูกบาด เป็นต้น 5) อันตรายจากอาคารสถานท่แี ละเคร่อื งจักรอุปกรณ์ขณะทาการประกอบ การนามาใช้งาน การปฏิบัตงิ าน การบารุงรกั ษา การปรับเปลย่ี น การซ่อมแซมและ การร้อื ถอน 2.2 ประเมินระดบั ความเสย่ี ง ขนั้ ตอนน้จี ะเป็นนาเอาขอ้ มูลการช้บี ่งอนั ตรายทไ่ี ด้จากขนั้ ตอนท่ี 2.1 มาทาการพจิ ารณา โอกาสของการเกดิ อนั ตราย การพจิ ารณาระดบั ความรนุ แรงของการเกดิ อนั ตราย การพจิ ารณาระดบั ความสามารถใน การตรวจจบั การเกดิ อนั ตรายและทาการประเมนิ ระดบั ความเสย่ี งของอนั ตราย โดยการประเมนิ เพอ่ื หาค่าคะแนนความเสย่ี ง มหี ลกั การดงั นี้ การประเมินคา่ คะแนนความเสีย่ ง = โอกาสของการเกดิ อนั ตราย x ระดบั ความรุนแรงของการเกดิ อนั ตราย x ระดบั ความสามารถในการตรวจจบั การเกดิ อนั ตราย (ทม่ี า : U.S. Department of Veterans Affairs . Healthcare Failure Mode and Effect Analysis (HFMEA), from http://www.patientsafety.va.gov) ยกตวั อยา่ ง เชน่ โอกาสของการเกดิ อนั ตราย มคี า่ เทา่ กบั 3 ระดบั ความรุนแรงของการเกิด อนั ตราย มคี ่าเท่ากับ 4 ระดบั ความสามารถในการตรวจจบั การเกิดอันตราย มีค่าเท่ากับ 2 ดงั นัน้ ผลคูณ ของคา่ ความเสย่ี ง คอื 3 x 4 x 2 = 24 ค่าคะแนนความเส่ยี งจะเท่ากบั 24 หลังจากนัน้ นาค่าคะแนนความเส่ยี งท่ไี ด้จากการคูณไปเปรยี บเทยี บหาระดบั ความเส่ยี ง เพ่อื นาไปสู่การ พจิ ารณาจดั ลาดบั ความสาคญั ของความเส่ยี งและการจดั ทาแผนบรหิ ารจดั การความเสย่ี งตอ่ ไป

๘๐ ทัง้ นี้สามารถศึกษาตวั อย่างในการกาหนดระดบั ของโอกาสของการเกิดอนั ตราย ได้จากตารางที่ 1 ตัวอย่างการพจิ ารณาโอกาสของการเกดิ อันตราย ตัวอย่างในการกาหนดระดบั ของความรุนแรงของการเกดิ อันตราย ได้จากตารางท่ี 2 ตัวอย่างการพจิ ารณาระดบั ความรุนแรงของการเกดิ อนั ตราย ตวั อย่างในการกาหนด ระดบั ความสามารถในการตรวจจบั การเกดิ อันตราย ได้จากตารางท่ี 3 ตวั อยา่ งการพจิ ารณาระดบั ความสามารถใน การตรวจจับการเกดิ อนั ตราย ตวั อย่างในการประเมนิ คา่ คะแนนความเส่ยี ง ได้จากตารางท่ี 4 ตวั อย่างตารางการ คานวณค่าคะแนนความเสย่ี งจากการพจิ ารณาปัจจยั ท่เี กย่ี วขอ้ ง และ ตวั อย่างในการจดั ระดบั ความเส่ยี งอนั ตราย ได้ จากตารางท่ี 5 ตวั อย่างการจดั ระดบั ความเส่ยี งอันตราย และต่อไปนี้จะขอยกตวั อย่างตารางการกาหนดค่าต่าง ๆ เพ่อื ใช้ในการประเมนิ ระดบั ความเสย่ี ง 2.2.1 ตวั อยา่ งตารางปจั จยั เพอ่ื ใชค้ านวณหาคา่ ความเสย่ี ง ตารางท่ี 1 ตวั อยา่ งการพิจารณาโอกาสของการเกิดอนั ตราย ในขนั้ ตอนนี้จะเป็นการพจิ ารณาถึงโอกาสในการเกดิ เหตุการณต์ ่าง ๆ ว่ามมี ากน้อยเพยี งใด โดยอาจจดั ระดบั โอกาส ออกเป็น 3 ระดบั ดงั ตารางตวั อยา่ งในการกาหนดค่าระดบั ของโอกาสในการเกดิ อนั ตรายเพ่อื ใช้ในการพจิ ารณาโอกาสของการเกดิ อนั ตรายในองค์กร โดยจะแบง่ การพิจารณาออกเป็น 3 ดา้ น คอื ด้านสุขภาพ ด้าน ความปลอดภยั และดา้ นสภาพแวดล้อมในการทางาน ทงั้ นี้องค์กรสามารถปรบั ระดบั ให้เหมาะสมกับบริบทของ องคก์ รได้ ณ ที่นี้จะเป็นการยกตวั อย่างด้านสขุ ภาพแค่บางโรคเทา่ นัน้ จะยงั มีอีกหลายประเดน็ ที่องค์กรควร นามาพิจารณาเพิ่มเติม เช่น ดา้ นพฤติกรรมการสูบบุหร่ี การดืม่ สุรา การกาจดั ลูกนา้ ยงุ ลาย เป็นต้น 1.1 ดา้ นสขุ ภาพ ประกอบดว้ ย การพจิ ารณาด้านโรคตดิ ตอ่ โรคไม่ตดิ ตอ่ เร้อื รงั โรคจากการประกอบอาชพี โรคฟันผุ โรค ปรทิ นั ต์ และรอยโรคในชอ่ งปาก และด้านสขุ ภาพจติ

๘๑ โอกาสของการเกิด ตวั อยา่ งเกณฑใ์ นการพิจารณา อนั ตราย - สดั สว่ นของผูป้ ฏบิ ตั งิ านท่มี โี รคประจาตวั ดว้ ยโรคไม่ตดิ ตอ่ เร้อื รงั เช่น โรคเบาหวาน โรค ระดบั ตา่ (1) ความดนั โลหติ สูง โรคอว้ น โรคไขมนั ในเลอื ดสงู โรคหวั ใจ โรคหลอดเลอื ดสมอง โรคฟัน ผุและโรคปรทิ นั ต์ ตอ่ ผ้ปู ฏบิ ตั งิ านทงั้ หมด น้อยกว่ารอ้ ยละ 10 - สดั ส่วนของผปู้ ฏบิ ตั งิ านท่มี ผี ลการตรวจรอยโรคในชอ่ งปากอยู่ในระดบั ความเสย่ี งสูง นอ้ ยกวา่ ร้อยละ10 (จานวนผู้ทต่ี อบแบบตรวจรอยโรคในชอ่ งปากด้วยตนเองในขอ้ 1,5,6 ขอ้ ใดขอ้ หนง่ึ หรอื ขอ้ 2,3,4 ทุกขอ้ ) - ไม่มผี ้ปู ่วยโรคจากการประกอบอาชพี - ไม่มผี ้ปู ่วยโรคไขเ้ ลอื ดออกในองคก์ ร - สดั ส่วนของผู้ปฏบิ ตั งิ านท่เี กดิ โรคตดิ ตอ่ เช่น วณั โรค โรคเอดส์ ไขห้ วดั ใหญ่ เป็นต้น ตอ่ ผปู้ ฏบิ ตั งิ านทงั้ หมด นอ้ ยกว่าร้อยละ 5

๘๒ โอกาสของการเกิด ตวั อย่างเกณฑใ์ นการพิจารณา อนั ตราย - สดั ส่วนของผปู้ ฏบิ ตั งิ านทม่ี โี รคประจาตวั ดว้ ยโรคไม่ตดิ ต่อเร้อื รงั เชน่ โรคเบาหวาน ระดบั ปานกลาง (2) โรคความดนั โลหติ สูง โรคอ้วน โรคไขมนั ในเลอื ดสงู โรคหวั ใจ โรคหลอดเลอื ดสมอง โรค ฟันผแุ ละโรคปรทิ นั ต์ ตอ่ ผู้ปฏบิ ตั งิ านทงั้ หมด มากกว่ารอ้ ยละ 10 แต่น้อยกว่า ร้อยละ 50 -สดั สว่ นของผ้ปู ฏบิ ตั งิ านท่มี ผี ลการตรวจรอยโรคในช่องปากอยู่ในระดบั ความเสย่ี งสูง มากกวา่ ร้อยละ10 แต่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 50 (จานวนผทู้ ต่ี อบแบบตรวจรอยโรคในชอ่ งปาก ด้วยตนเองในขอ้ 1,5,6 ขอ้ ใดขอ้ หน่ึง หรอื ขอ้ 2,3,4 ทุกขอ้ ) - สดั สว่ นของผปู้ ฏบิ ตั งิ านทเ่ี กดิ การเจ็บป่วย/โรคจากการประกอบอาชพี ต่อผูป้ ฏบิ ตั งิ าน กลมุ่ เส่ยี ง มากกว่าร้อยละ 5 แต่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 10 - มผี ู้ป่วยโรคไขเ้ ลอื ดออกต่ากวา่ ร้อยละ 20 ของจานวนผปู้ ฏบิ ตั งิ านในองคก์ ร - สดั สว่ นของผปู้ ฏบิ ตั งิ านทเ่ี กดิ โรคตดิ ต่อ เช่น วณั โรค โรคเอดส์ ไขห้ วดั ใหญ่ เป็นตน้ ต่อผู้ปฏบิ ตั งิ านทงั้ หมด มากกว่าร้อยละ 5 แต่น้อยกว่ารอ้ ยละ 20 ระดบั สูง (3) - สดั ส่วนของผปู้ ฏบิ ตั งิ านท่มี โี รคประจาตวั ดว้ ยโรคไม่ตดิ ตอ่ เรอ้ื รงั เชน่ โรคเบาหวาน โรค ความดนั โลหติ สงู โรคอว้ น โรคไขมนั ในเลอื ดสงู โรคหวั ใจ โรคหลอดเลอื ดสมอง โรคฟันผุ และโรคปรทิ นั ต์ ต่อผปู้ ฏบิ ตั งิ านทงั้ หมด ตงั้ แต่ร้อยละ 50 ขน้ึ ไป - สดั สว่ นของผู้ปฏบิ ตั งิ านทม่ี ผี ลการตรวจรอยโรคในช่องปากอย่ใู นระดบั ความเสย่ี งสงู ตงั้ แตร่ อ้ ยละ 50 ข้นึ ไป (จานวนผู้ทต่ี อบแบบตรวจรอยโรคในช่องปากด้วยตนเองในขอ้ 1,5,6 ขอ้ ใดขอ้ หนงึ่ หรอื ขอ้ 2,3,4 ทกุ ขอ้ ) - สดั สว่ นของผปู้ ฏบิ ตั งิ านท่เี กดิ การเจบ็ ป่วย/โรคจากการประกอบอาชพี ตอ่ ผ้ปู ฏบิ ตั งิ าน กลมุ่ เส่ยี ง ตงั้ แต่รอ้ ยละ 10 ขน้ึ ไป - มผี ้ปู ่วยโรคไขเ้ ลอื ดออกตงั้ แต่ร้อยละ 20 ของจานวนผ้ปู ฏบิ ตั งิ านในองคก์ ร - สดั สว่ นของผปู้ ฏบิ ตั งิ านท่เี กดิ โรคตดิ ต่อ เช่น วณั โรค โรคเอดส์ ไขห้ วดั ใหญ่ เป็นต้น ต่อผปู้ ฏบิ ตั งิ านทงั้ หมด ตงั้ แต่ร้อยละ 20 ขน้ึ ไป

๘๓ ด้านสขุ ภาพจิต

๘๔ โอกาสของการเกิด ตวั อยา่ งเกณฑใ์ นการพิจารณา อนั ตราย ระดบั ต่า (1) โอกาสเกดิ ข้นึ \"ตา่ \" โดย *ระดบั คะแนนจากการประเมนิ ความเครยี ด (ST-5) ได้ 0 – 4 คะแนน (ไม่มคี วามเครยี ด) ระดบั ปานกลาง (2) *ผลการคดั กรองโรคซึมเศรา้ ด้วย 2 คาถาม ได้คาตอบวา่ “ไม่ม”ี ทงั้ 2 ขอ้ *ระดบั คะแนนจากการประเมนิ ปัญหาการดม่ื สุรา ได้ 0 – 7 คะแนน ระดบั สูง (3) (เป็นผู้ดม่ื แบบเส่ยี งต่า) มโี อกาสเกดิ ขน้ึ \"ปานกลาง\" โดย *ระดบั คะแนนจากการประเมนิ ความเครยี ด (ST-5) ได้ 5-7 คะแนน (สงสยั มปี ัญหาความเครยี ด) *ผลการคดั กรองโรคซึมเศร้าด้วย 2 คาถาม ไดค้ าตอบวา่ “ม”ี ในขอ้ ใดขอ้ หนงึ่ *ระดบั คะแนนจากการประเมนิ ปัญหาการดม่ื สรุ า ได้ 8-15 คะแนน (เป็นผู้ดม่ื แบบเสย่ี ง) โอกาสปานกลาง = จานวนผปู้ ฏบิ ตั งิ านท่ไี ดค้ า่ การประเมนิ /คดั กรองสขุ ภาพจติ ในX 100 ระดบั ปานกลาง จานวนผู้ปฏบิ ตั งิ านท่ไี ด้ประเมนิ /คดั กรองสขุ ภาพจติ ทงั้ หมด = สดั สว่ นของผู้ปฏบิ ตั งิ านทไ่ี ดค้ ่าการประเมนิ /คดั กรองสขุ ภาพจติ ในระดบั ปานกลาง ตงั้ แต่รอ้ ยละ 10 ข้นึ ไป มโี อกาสเกดิ ข้นึ \"สงู \" โดย *ระดบั คะแนนจากการประเมนิ ความเครยี ด (ST-5) ได้ 8 คะแนนข้นึ ไป (มคี วามเครยี ดสงู ) *ผลการคดั กรองโรคซมึ เศรา้ ด้วย 2 คาถาม ไดค้ าตอบวา่ “ม”ี ทงั้ สองขอ้ *ระดบั คะแนนจากการประเมนิ ปัญหาการดม่ื สรุ า ได้ 16-19 คะแนนหรอื มากกว่า 20 คะแนนขน้ึ ไป (เป็นผูด้ ม่ื แบบอนั ตราย หรอื ผ้ดู ่มื แบบตดิ ) โอกาสสงู = จานวนผ้ปู ฏบิ ตั งิ านท่ไี ด้คา่ การประเมนิ /คดั กรองสขุ ภาพจติ ในระดบั สXงู 100 จานวนผปู้ ฏบิ ตั งิ านท่ไี ด้ประเมนิ /คดั กรองสุขภาพจติ ทงั้ หมด = สดั สว่ นของผปู้ ฏบิ ตั งิ านท่ไี ดค้ ่าการประเมนิ /คดั กรองสขุ ภาพจติ ในระดบั สงู ตงั้ แต่ร้อย ละ 5 ขน้ึ ไป

๘๕ หมายเหตุ : ในกรณดี ้านสขุ ภาพจติ หากพบผู้ปฏบิ ตั งิ านมโี อกาสเกดิ ขน้ึ ในระดบั ต่า กลาง และสูง ควรมผี ้แู นะนาหรอื ดูแลใหค้ าปรกึ ษา แบบคดั กรองโรคซึมเศรา้ ดว้ ย 2 คาถาม (2Q) ผู้ปฏิบัตงิ านกลุ่มเส่ยี งท่ไี ด้รับการคดั กรองโดยแบบคดั กรองโรคซึมเศร้าด้วย 2 คาถาม (2Q) มผี ล การคัดกรองเป็นบวก คือ ได้คาตอบว่า “มี” ในข้อใดขอ้ หน่ึง หรอื ทงั้ สองขอ้ หมายถึง เป็นผ้มู ีความเส่ียงหรือมี แนวโน้ม ท่จี ะเป็นโรคซมึ เศร้า ควรพดู คยุ /ให้การปรกึ ษาเบอ้ื งต้นเพ่อื หาสาเหตุของปัญหาหรอื พจิ ารณาขอ้ มูลอ่นื ๆ ประกอบร่วมด้วย เช่น การขาด/ลา/มาทางานสาย มีปัญหาหน้ีสิน ปัญหาครอบครัว ปัญหาภาระงานหรอื ความสมั พนั ธ์ในองค์กร ปัญหาสุขภาพ ปัญหาการด่ืมสุรา ฯลฯ ควรมีการเฝ้าระวัง ให้ความช่วยเหลอื ตาม ความสามารถขององค์กร หากเกินความสามารถให้พจิ ารณาส่งต่อความช่วยเหลือ ไปยงั หน่วยงานท่เี ก่ยี วขอ้ งตรง ตามความตอ้ งการและปัญหานนั้ ๆ สาหรบั หน่วยบรกิ ารสาธารณสุข เม่อื ได้รบั ส่งตอ่ ความชว่ ยเหลอื ควรพิจารณาใช้ แบบประเมนิ โรคซมึ เศร้า 9 คาถาม (9Q) หมายเหตุ : กลุ่มเส่ยี ง ได้แก่ กลุ่มผู้ปฏิบัตงิ านท่มี ปี ัญหาสุขภาพกาย สุขภาพจิต เช่น ความเครยี ด ภาวะ ซึมเศรา้ การเผชิญกับความสูญเสีย การปรับตัว การจัดการกับอารมณ์ ติดพนัน เป็นต้น มีปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาครอบครัว ปัญหาความสัมพนั ธ์ ปัญหาความรุนแรง ปัญหาการด่มื สุราปัญหายาเสพติด ปัญหาภาระงาน ฯลฯ ทงั้ น้ี ข้นึ อยกู่ บั บริบท สภาพแวดล้อมและการวิเคราะหอ์ งค์กร ข้อแนะนา 1. กรณีทผ่ี ลการประเมนิ พบว่า มีผปู้ ฏิบตั ิงานตอบประเมินแล้วได้คา่ คะแนนเท่ากับ 0 เกินกว่า รอ้ ยละ 50 ของผตู้ อบแบบประเมินทงั้ หมด ควรทาความเข้าใจกบั ผ้ตู อบแบบประเมิน ในประเดน็ ดงั ตอ่ ไปนี้ - ผู้ตอบแบบประเมนิ ไมเ่ ขา้ ใจแบบประเมนิ ขอ้ คาถาม หรอื การแปลผลคะแนน - ตอบไม่ตรงกบั ความจรงิ เน่อื งจากกงั วลวา่ จะมผี ลกระทบต่อการปฏบิ ตั งิ าน - พนักงานอาจมภี าวะเฉ่อื ยชาหรอื หมดไฟในการทางาน และควรพิจารณาทาการประเมินความเครยี ด (ST-5) ซ้าอีกครงั้ หลงั จากได้ให้คาแนะนาและ ชแ้ี จงแก่ผ้ปู ฏิบตั ิงานให้มคี วามเข้าใจตรงกนั 2. กรณีท่ผี ลการประเมินพบว่า มีผู้ปฏิบตั ิงานตอบประเมินแล้วได้ค่าคะแนนมากกว่าหรือ เท่ากบั 8 เกินกวา่ รอ้ ยละ 10 ของผ้ตู อบแบบประเมินทัง้ หมด ควรพิจารณาทาการประเมินความเครยี ด (ST-5) ซา้ อีกครงั้ ภายหลงั การประเมินซ้า หากพบว่าผู้ปฏิบตั ิงานในกลุ่มน้ียงั คงได้ค่าคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 8 แนะนาให้ใช้แบบคัดกรองโรคซึมเศร้า 2 คาถาม (2Q) ถ้าผลเป็น Positive ควรพูดคุย/ให้การปรึกษา

๘๖ เบอื้ งตน้ เพอื่ หาสาเหตุของปัญหาหรือพิจารณาขอ้ มูลอ่ืน ๆ ประกอบรว่ มดว้ ย เช่น การขาด/ลา/มาทางานสาย มปี ัญหาหนส้ี นิ ปัญหาการด่มื สรุ า ฯลฯ และพิจารณาใช้แบบประเมินโรคซมึ เศร้า 9 คาถาม (9Q) โดยบุคลากร สาธารณสุขตอ่ ไป หมายเหตุ : ในกรณพี บผู้ปฏบิ ตั งิ านมโี อกาสเกดิ ความเสย่ี งดา้ นสุขภาพจติ ใน ระดบั ตา่ ควรสง่ เสรมิ สุขภาพจติ ของผูป้ ฏบิ ตั งิ านใหค้ งอยู่เทา่ เดมิ หรอื เพมิ่ ขน้ึ ระดบั กลาง ควรเฝ้าระวังเพ่ือไม่ให้มีโอกาสเกิดความเส่ียงด้านสุขภาพจิตในระดับสูง โดยมีการให้ สขุ ภาพจติ ศกึ ษา ให้การปรกึ ษา ใหค้ าแนะนา และใหก้ ารดูแล ระดบั สูง ควรพจิ ารณาให้ความชว่ ยเหลอื ตามความสามารถขององคก์ ร และส่งตอ่ เพอ่ื ขอรบั ความช่วยเหลอื ไปยงั หน่วยงานท่เี ก่ยี วขอ้ งท่ตี รงกบั ความตอ้ งการและปัญหา ในกรณที ป่ี ัญหานนั้ เกนิ ความสามารถขององค์กร 1.2 ด้านความปลอดภยั โอกาสของการเกิด ตวั อย่างเกณฑใ์ นการพิจารณา อนั ตราย ระดบั ต่า (1) มสี ถิตกิ ารเกดิ อบุ ตั เิ หตขุ องผู้ปฏบิ ตั งิ าน นอ้ ยกว่า 5 ครงั้ ต่อปี ระดบั ปานกลาง (2) มสี ถติ กิ ารเกดิ อบุ ตั เิ หตุของผู้ปฏบิ ตั งิ าน ตงั้ แต่ 5 ครงั้ แตไ่ ม่เกนิ 10 ครงั้ ต่อปี ระดบั สูง (3) มสี ถติ กิ ารเกดิ อบุ ตั เิ หตขุ องผู้ปฏบิ ตั งิ าน มากกวา่ 10 ครงั้ ต่อปี 1.3 ด้านสภาพแวดล้อมในการทางาน

๘๗ โอกาสของการเกิด ตวั อย่างเกณฑใ์ นการพิจารณา อนั ตราย ระดบั ตา่ (1) มผี ลการตรวจวดั สภาพแวดลอ้ มในการทางานไมเ่ ป็นไปตามมาตรฐานกาหนด นอ้ ยกวา่ 3 จุดตอ่ ครงั้ ระดบั ปานกลาง (2) มผี ลการตรวจวดั สภาพแวดลอ้ มในการทางานไมเ่ ป็นไปตามมาตรฐานกาหนด ระดบั สงู (3) ตงั้ แต่ 3 จดุ แต่ไม่เกนิ 5 จดุ ต่อครงั้ มผี ลการตรวจวดั สภาพแวดล้อมในการทางานไมเ่ ป็นไปตามมาตรฐานกาหนด มากกวา่ 5 จดุ ต่อครงั้ ข้นึ ไป ตารางที่ 2 ตวั อยา่ งการพิจารณาระดบั ความรนุ แรงของการเกิดอนั ตราย ในขนั้ ตอนน้จี ะเป็นการพจิ ารณาถึงความรนุ แรงของเหตุการณต์ ่าง ๆ ว่าจะกอ่ ใหเ้ กดิ ถึงผลกระทบท่ี อาจเกดิ ข้ึนภายในองค์กรและส่งผลกระทบไปยงั ภายนอกองค์กรมากน้อยเพยี งใด โดยอาจจดั ระดับ ความ รุนแรง ออกเป็น 4 ระดับ ดงั ตารางตวั อย่างในการกาหนดค่าระดับความรุนแรงของการเกดิ อนั ต รายเพ่อื ใช้ใน ประเมนิ ระดบั ความรุนแรงของการเกดิ อนั ตรายในองค์กร โดยจะแบง่ การพจิ ารณาออกเป็น 3 ด้าน คอื ด้านสุขภาพ ด้านความปลอดภยั และดา้ นสภาพแวดลอ้ มในการทางาน ทงั้ น้ีองค์กรสามารถปรบั ระดับให้เหมาะสมกบั บริบท ขององคก์ รได้ 2.1 ดา้ นสขุ ภาพทางกาย

๘๘ ระดบั ความรนุ แรง ตวั อย่างเกณฑใ์ นการพิจารณา ของการเกิดอนั ตราย ระดบั ต่า (1) - สง่ ผลกระทบภายในองคก์ ร ในระดบั ทผ่ี ้ปู ฏบิ ตั งิ านมกี ารเจบ็ ป่วยเลก็ น้อยในระดบั ปฐม พยาบาล มผี ลกระทบต่อกระบวนการผลติ เล็กนอ้ ยมาก สามารถทางานได้เป็นปกติ มผี ลกระทบตอ่ เศรษฐกจิ ขององคก์ รเพยี งเลก็ น้อยหรอื ไม่มเี ลย - ส่งผลกระทบภายนอกองค์กร ไม่เกดิ ผลกระทบภายนอกองค์กร ระดบั ปานกลาง (2) - สง่ ผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ท่ผี ปู้ ฏบิ ตั งิ านมกี ารเจบ็ ป่วยตอ้ งไปพบแพทย์ มผี ลกระทบต่อกระบวนการผลติ ปานกลางแต่สามารถทางานได้ ผลกระทบตอ่ เศรษฐกจิ ขององคก์ รปานกลาง - ส่งผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ท่มี ผี ลกระทบต่อครอบครวั ของผปู้ ฏบิ ตั งิ าน เลก็ น้อย ระยะสนั้ ๆ ระดบั สงู (3) - สง่ ผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ท่ผี ู้ปฏบิ ตั งิ านมกี ารเจบ็ ป่วยตอ้ งไปพบแพทย์และ ไดร้ บั การรกั ษา มผี ลกระทบต่อกระบวนการผลติ ถงึ ขนั้ หยดุ การทางาน ในระยะเวลาสนั้ ๆ ผลกระทบตอ่ เศรษฐกจิ ขององค์กรเสยี หายมาก มผี ลกระทบตอ่ ผลผลติ - สง่ ผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ท่มี ผี ลกระทบต่อครอบครวั ของผู้ปฏบิ ตั ิงาน มาก ระดบั สูงมาก (4) - ส่งผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ท่ผี ้ปู ฏบิ ตั งิ านมกี ารเจ็บป่วยตอ้ งได้รบั การรกั ษา ในโรงพยาบาล มผี ลกระทบต่อกระบวนการผลติ สูงมากถงึ ขนั้ หยดุ การทางาน ในระยะ ยาว ผลกระทบต่อเศรษฐกจิ ขององคก์ รเสยี หายสงู มาก มผี ลกระทบต่อผลผลติ สงู - สง่ ผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ท่มี ผี ลกระทบต่อครอบครวั ของผูป้ ฏิบตั งิ าน มากและเป็นระยะยาว

๘๙ ด้านสขุ ภาพจิต

๙๐ ระดบั ความรุนแรง ตวั อย่างเกณฑ์ในการพิจารณา ของการเกิดอนั ตราย ระดบั ตา่ (1) - ส่งผลกระทบภายในองคก์ ร ไม่เกดิ ผลกระทบต่อผู้ปฏบิ ตั งิ าน ผู้ปฏบิ ตั งิ านสามารถ ทางานไดต้ ามปกติ - ส่งผลกระทบภายนอกองค์กร ไมเ่ กดิ ผลกระทบภายนอกองค์กร ระดบั ปานกลาง (2) - ส่งผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ทผ่ี ปู้ ฏบิ ตั งิ านมกี ารเจ็บป่วยทางกายเกดิ ขน้ึ เป็น ระดบั สูง (3) บางครงั้ โดยไมม่ สี าเหตุ เชน่ ปวดศรี ษะ เบอ่ื อาหาร ท้องอดื ปวดเมอ่ื ย เป็นต้น มผี ลกระทบต่อกระบวนการผลติ ปานกลาง สามารถทางานได้แต่อาจเกดิ ความผดิ พลาด บ้างบางครงั้ มกี ารหยดุ งานบา้ ง มผี ลกระทบต่อเศรษฐกจิ ขององค์กรปานกลาง - ส่งผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ท่มี ผี ลกระทบตอ่ ครอบครวั ของผู้ปฏบิ ตั งิ าน ปานกลาง เชน่ มปี ากเสยี งบ้างเล็กน้อยแต่ไม่รนุ แรง ยงั จดั การแกป้ ัญหาในครอบครวั ได้ - ส่งผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ทผ่ี ูป้ ฏบิ ตั งิ านมกี ารเจ็บป่วยทางกายเกดิ ข้นึ อย่าง ต่อเน่อื งและจาเป็นตอ้ งไปพบแพทย์ เชน่ นอนไม่หลบั ตดิ ต่อกนั หรอื นอนมากไป เบ่อื อาหารหรอื ทานมากไป หรอื มพี ฤตกิ รรมท่เี ปลย่ี นไปจากเดมิ เช่น หงดุ หงดิ ฉุนเฉียวงา่ ย ชอบทะเลาะกบั ผอู้ ่นื แกป้ ัญหาด้วยการมพี ฤตกิ รรมทไ่ี ม่เหมาะสม เป็นต้น มผี ลกระทบตอ่ กระบวนการผลติ ถึงขนั้ หยดุ การทางาน ในระยะเวลาสนั้ ๆ เกดิ ความ ผดิ พลาดในการทางานบอ่ ย มผี ลกระทบตอ่ เศรษฐกจิ ขององค์กรเสยี หายมากจากการท่ี ผูป้ ฏบิ ตั งิ านหยดุ งาน มผี ลกระทบตอ่ ผลผลติ - ส่งผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ท่มี ผี ลกระทบต่อครอบครวั ของผปู้ ฏบิ ตั งิ าน มาก เชน่ มปี ากเสยี งในครอบครวั บอ่ ยครงั้ ไม่รบั ผดิ ชอบในครอบครวั เป็นต้น

๙๑ ระดบั สงู มาก (4) - ส่งผลกระทบภายในองคก์ ร ในระดบั ท่ผี ปู้ ฏบิ ตั งิ านมกี ารเจ็บป่วยทส่ี ่งผลให้เหน็ วา่ มี ปัญหาสุขภาพจติ ชดั เจนต้องไปพบแพทย์และจาเป็นต้องได้รบั การรกั ษา เช่น ซึมเศร้า แยกตวั เองไม่พูดกบั ใคร หรอื บ่นอยากตาย หรอื ทะเลาะกบั ผู้อน่ื ไปทวั่ เป็นตน้ มี ผลกระทบตอ่ กระบวนการผลติ สูงมากถึงขนั้ หยุดการทางาน ไมส่ ามารถทางานได้ ผลกระทบตอ่ เศรษฐกจิ ขององคก์ รเสยี หายสูงมากจากการท่ผี ปู้ ฏบิ ตั งิ านหยุดงาน มผี ลกระทบตอ่ ผลผลติ สงู มาก - สง่ ผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ทม่ี ผี ลกระทบตอ่ ครอบครวั ของผ้ปู ฏบิ ตั งิ าน มากและเป็นระยะยาว 2.2 ด้านความปลอดภยั

๙๒ ระดบั ความรนุ แรง ตวั อย่างเกณฑใ์ นการพิจารณา ของการเกิดอนั ตราย ระดบั ต่า (1) - สง่ ผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ท่ผี ปู้ ฏบิ ตั งิ านมกี ารบาดเจบ็ เล็กน้อยในระดบั ปฐม พยาบาล ทรพั ยส์ นิ ขององคก์ รเกดิ ความเสยี หายนอ้ ยมาก หรอื ไม่เสยี หายเลย - ส่งผลกระทบภายนอกองค์กร ไม่เกดิ ผลกระทบต่อชุมชนรอบโรงงานหรอื มผี ลกระทบ เล็กนอ้ ย มผี ลกระทบต่อสงิ่ แวดลอ้ มรอบโรงงานเพยี งเล็กน้อย สามารถควบคุมหรอื แก้ไข ได้ ระดบั ปานกลาง (2) - ส่งผลกระทบภายในองคก์ ร ในระดบั ทผ่ี ู้ปฏบิ ตั งิ านมกี ารบาดเจ็บตอ้ งไปพบแพทย์ ทรพั ยส์ นิ ขององคก์ รเกดิ ความเสยี หายปานกลาง และสามารถดาเนินการผลติ ต่อไปได้ - สง่ ผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ท่เี กดิ ผลกระทบต่อชมุ ชนรอบโรงงานและแก้ไข ไดใ้ นระยะเวลาอนั สนั้ มผี ลกระทบต่อสงิ่ แวดล้อมรอบโรงงานปานกลาง สามารถแกไ้ ขได้ ในระยะเวลาสนั้ ระดบั สูง (3) - สง่ ผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ทผ่ี ูป้ ฏบิ ตั งิ านมกี ารเจ็บป่วยตอ้ งไปพบแพทย์และ ได้รบั การรกั ษา มที รพั ย์สนิ ขององค์กรเกดิ ความเสยี หายมาก และตอ้ งหยดุ การผลติ ใน บางส่วน - ส่งผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ท่เี กดิ ผลกระทบตอ่ ชมุ ชนรอบโรงงานและตอ้ ง ใช้เวลาในการแก้ไข มผี ลกระทบต่อสง่ิ แวดลอ้ มรอบโรงงานรนุ แรงและตอ้ งใช้เวลาในการ แก้ไข ระดบั สูงมาก (4) - ส่งผลกระทบภายในองคก์ ร ในระดบั ท่ผี ปู้ ฏบิ ตั งิ านมกี ารเจบ็ ป่วยตอ้ งไดร้ บั การรกั ษา ในโรงพยาบาล มที รพั ยส์ นิ ขององคก์ รเกดิ ความเสยี หายมาก และต้องหยุดการผลติ ทงั้ หมด - สง่ ผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ทเ่ี กดิ ผลกระทบต่อชมุ ชนรอบโรงงานเป็น บรเิ วณกวา้ งหรอื หน่วยงานของภาครฐั ตอ้ งเขา้ มาดาเนนิ การแกไ้ ข มผี ลกระทบต่อ สงิ่ แวดล้อมรอบโรงงานรุนแรงมากและต้องใชท้ รพั ยากรและเวลานานในการแกไ้ ข

๙๓ 2.3 ด้านสภาพแวดล้อมในการทางาน

๙๔ ระดบั ความรนุ แรง ตวั อย่างเกณฑ์ในการพิจารณา ของการเกิดอนั ตราย ระดบั ตา่ (1) - ส่งผลกระทบภายในองคก์ ร ในระดบั ท่ผี ้ปู ฏบิ ตั งิ านมกี ารบาดเจบ็ /เจบ็ ป่วยเล็กน้อยใน ระดบั ปฐมพยาบาล ทรพั ย์สนิ ขององคก์ รเกดิ ความเสยี หายนอ้ ยมาก หรอื ไม่เสยี หายเลย - ส่งผลกระทบภายนอกองค์กร ไมเ่ กดิ ผลกระทบตอ่ ชมุ ชนรอบโรงงานหรอื มผี ลกระทบ เล็กนอ้ ย มผี ลกระทบตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มรอบโรงงานเพยี งเลก็ นอ้ ย สามารถควบคมุ หรอื แก้ไข ได้ ระดบั ปานกลาง (2) - สง่ ผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ทผ่ี ู้ปฏบิ ตั งิ านมกี ารบาดเจ็บ/เจ็บป่วยต้องไปพบ แพทย์ ทรพั ย์สนิ ขององคก์ รเกดิ ความเสยี หายปานกลาง และสามารถดาเนนิ การผลติ ต่อไปได้ - สง่ ผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ทเ่ี กดิ ผลกระทบตอ่ ชุมชนรอบโรงงานและแก้ไข ได้ในระยะเวลาอนั สนั้ มผี ลกระทบต่อสง่ิ แวดล้อมรอบโรงงานปานกลาง สามารถแกไ้ ขได้ ในระยะเวลาสนั้ ระดบั สูง (3) - ส่งผลกระทบภายในองคก์ ร ในระดบั ท่ผี ู้ปฏบิ ตั งิ านมกี ารบาดเจ็บ/เจ็บป่วยตอ้ งไปพบ แพทย์และได้รบั การรกั ษา มที รพั ย์สนิ ขององคก์ รเกดิ ความเสยี หายมาก และต้องหยุด การผลติ ในบางสว่ น - ส่งผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ท่เี กดิ ผลกระทบต่อชุมชนรอบโรงงานและต้อง ใช้เวลาในการแก้ไข มผี ลกระทบตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มรอบโรงงานรนุ แรงและต้องใชเ้ วลาในการ แกไ้ ข ระดบั สูงมาก (4) - สง่ ผลกระทบภายในองค์กร ในระดบั ท่ผี ู้ปฏบิ ตั งิ านมกี ารบาดเจ็บ/เจ็บป่วยตอ้ งไดร้ บั การรกั ษา ในโรงพยาบาล มที รพั ย์สนิ ขององคก์ รเกดิ ความเสยี หายมาก และต้องหยุดการ ผลติ ทงั้ หมด - ส่งผลกระทบภายนอกองค์กร ในระดบั ท่เี กดิ ผลกระทบต่อชมุ ชนรอบโรงงานเป็น บรเิ วณกวา้ งหรอื หน่วยงานของภาครฐั ต้องเขา้ มาดาเนนิ การแกไ้ ข มผี ลกระทบต่อ สงิ่ แวดล้อมรอบโรงงานรุนแรงมากและต้องใช้ทรพั ยากรและเวลานานในการแกไ้ ข ตารางที่ 3 ตวั อยา่ งการพิจารณาระดบั ความสามารถในการตรวจจบั การเกิดอนั ตราย

๙๕ ในขนั้ ตอนนจี้ ะเป็นการพจิ ารณาถึงความสามารถในการตรวจจบั การเกดิ อนั ตรายของของเหตุการณ์ หรอื ความเส่ยี งต่าง ๆ โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดบั ดังตารางตัวอย่างในการกาหนดค่าระดบั ความสามารถในการ ตรวจจบั การเกดิ อนั ตรายเพอ่ื ใชใ้ นประเมนิ ระดบั ความสามารถในการตรวจจบั การเกดิ อนั ตรายในองคก์ ร โดยจะแบ่งการ พิจารณาออกเป็น 3 ด้าน คอื ด้านสุขภาพ ด้านความปลอดภยั และด้านสภาพแวดล้อม ในการทางาน ทงั้ นี้ องคก์ รสามารถปรบั ระดบั ให้เหมาะสมกบั บริบทขององค์กรได้ 3.1 ด้านสุขภาพทางกาย ระดบั ความสามารถ ตวั อยา่ งเกณฑใ์ นการพิจารณา ในการตรวจจบั การเกิดอนั ตราย ระดบั ตา่ (๓) ไมม่ กี ารตรวจประเมนิ สขุ ภาพของผู้ปฏบิ ตั งิ าน ไม่มกี ารคดั กรองหรอื ประเมนิ หา กลุ่มเสย่ี ง/พฤตกิ รรมเสย่ี งของโรคตดิ ตอ่ โรคไม่ตดิ ตอ่ และโรคจากการประกอบอาชพี เชน่ ไม่มกี ารตรวจสขุ ภาพประจาปี ไม่มกี ารตรวจสขุ ภาพตามปัจจยั เสย่ี ง และ ไม่มกี ารตรวจคดั กรองผูป้ ่วยโรคระบบทางเดนิ หายใจ เชน่ ไขห้ วดั ใหญ่ เป็นตน้ หรอื ไม่มี แผนการดาเนินงานเพ่อื ป้องกนั และควบคมุ ระดบั ปานกลาง (2) มกี ารตรวจประเมนิ สุขภาพของผู้ปฏบิ ตั งิ านแตไ่ มส่ ม่าเสมอ หรอื ไม่มีแผนการดาเนนิ งาน เพอ่ื ป้องกนั และควบคมุ ทต่ี ่อเน่อื ง ระดบั สูง (๑) มกี ารตรวจประเมนิ สขุ ภาพของผปู้ ฏบิ ตั งิ านอยา่ งต่อเน่อื ง รวมถงึ การรวบรวมสถิตกิ าร เกดิ โรคต่าง ๆ รวมทงั้ นาผลของการประเมนิ และสถติ กิ ารเกดิ โรค ไปวเิ คราะห์และ ดาเนนิ การทกุ กรณอี ย่างต่อเน่อื ง ทงั้ การตรวจสขุ ภาพประจาปีและการตรวจสุขภาพตาม ปัจจยั เสย่ี ง ด้านสขุ ภาพจิต

๙๖ ระดบั ความสามารถ ตวั อย่างเกณฑ์ในการพิจารณา ในการตรวจจบั การเกิดอนั ตราย ระดบั ตา่ (3) ไมม่ กี ารตรวจประเมนิ /คดั กรองสุขภาพจติ ตามแบบของกรมสขุ ภาพจติ ระดบั ปานกลาง (2) มกี ารตรวจประเมนิ /คดั กรองสขุ ภาพจติ ตามแบบของกรมสุขภาพจติ บา้ ง ระดบั สูง (1) แตไ่ มป่ ระจา หรอื ไมต่ ่อเน่อื ง มกี ารตรวจประเมนิ /คดั กรองสุขภาพจติ เป็นประจาอย่างน้อยปีละครงั้ หรอื มากกวา่ ตามความจาเป็น 3.2 ด้านความปลอดภยั ระดบั ความสามารถ ตวั อย่างเกณฑใ์ นการพิจารณา ในการตรวจจบั การเกิดอนั ตราย ระดบั ต่า (3) ไม่มคี วามสามารถในการตรวจจบั การเกดิ อนั ตรายไดเ้ ลย ระดบั ปานกลาง (2) มคี วามสามารถในการตรวจจบั การเกดิ อนั ตรายได้แต่ไมท่ ุกกรณี ระดบั สูง (1) มคี วามสามารถในการตรวจจบั การเกดิ อนั ตรายได้ทกุ กรณี 3.3 ดา้ นสภาพแวดลอ้ มในการทางาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook