Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การประชุมวิชาการระดับชาติ เครือข่ายวิจัยโรงพยาบาล ครั้งที่ 13 (HoRNetS 2021) (Research to Innovation: จากงานวิจัยมุ่งสู่นวัตกรรม) ประจำปี 2564

การประชุมวิชาการระดับชาติ เครือข่ายวิจัยโรงพยาบาล ครั้งที่ 13 (HoRNetS 2021) (Research to Innovation: จากงานวิจัยมุ่งสู่นวัตกรรม) ประจำปี 2564

Published by crh.research, 2021-06-24 11:07:13

Description: เนื้อหาภายในประกอบด้วย โครงการ การประชุมวิชาการระดับชาติ เครือข่ายวิจัยโรงพยาบาล ครั้งที่ 13 (HoRNetS 2021) (Research to Innovation: จากงานวิจัยมุ่งสู่นวัตกรรม) ประจำปี 2564 กำหนดการประชุม รายละเอียดการนำเสนอผลงาน และบทคัดย่อผลงานที่ส่งเข้ามานำเสนอ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้ใช้ประโยชน์ เพื่อการพัฒนาคุณภาพและบริการของโรงพยาบาล นำไปสู่ประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนผู้เข้ามารับบริการอย่างยั่งยืน

Search

Read the Text Version

คำนำ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ร่วมกับ ชมรมเครือข่ายวิจัยโรงพยาบาล สานักงานบรหิ ารโครงการร่วมผลติ แพทย์เพมิ่ เพ่ือชาวชนบท (สบพช.) สานักวชิ าวทิ ยาศาสตร์ สขุ ภาพ มหาวทิ ยาลัยแมฟ่ ้าหลวง และ คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยพะเยา ไดจ้ ัดใหม้ กี ารประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครือข่ายวจิ ัยโรงพยาบาล ครัง้ ที่ ๑๓ (HoRNetS 2021) ประจาปี ๒๕๖๔ ภายใตธ้ มี Research to Innovation: จากงานวจิ ัยมุ่งสนู่ วัตกรรม ระหว่างวันท่ี ๓๐ มถิ ุนายน – ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ณ หอ้ งประชมุ ศนู ยแ์ พทยศาสตรศกึ ษาชนั้ คลนิ กิ (ตกึ เขยี ว) ชัน้ ๙ โรงพยาบาล เชยี งรายประชานุเคราะห์ และผา่ นระบบประชมุ ทางไกล Zoom Conference โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื สนับสนุนใหบ้ ุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ไดพ้ ัฒนาความรู ้ ประสบการณ์ ในการคดิ คน้ สรา้ งสรรคน์ วตั กรรม งานวจิ ัย เผยแพรผ่ ลงานสสู่ าธารณะ และพัฒนาแกนนาดา้ นวจิ ัย นวตั กรรมใหม้ ี ศกั ยภาพ สรา้ งเครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล (Hospital Research Network Society) ใหเ้ ขม้ แขง็ เกดิ การแลกเปลยี่ นเรยี นรรู ้ ะหวา่ งทมี บคุ ลากรในเครอื ขา่ ย เน้ือหาภายในประกอบดว้ ย โครงการ การประชุมวชิ าการระดับชาติ เครือข่ายวจิ ัย โรงพยาบาล ครัง้ ท่ี ๑๓ (HoRNetS 2021) (Research to Innovation: จากงานวจิ ัยมงุ่ สนู่ วตั กรรม) ประจาปี ๒๕๖๔ กาหนดการประชมุ รายละเอยี ดการนาเสนอผลงาน และบทคัดยอ่ ผลงานทสี่ ง่ เขา้ มานาเสนอ เพ่ือใหผ้ ูเ้ ขา้ ร่วมประชุมไดใ้ ชป้ ระโยชน์ เพื่อการพัฒนาคุณภาพและบริการของ โรงพยาบาล นาไปสปู่ ระโยชนส์ งู สดุ แกป่ ระชาชนผเู ้ ขา้ มารับบรกิ ารอยา่ งย่ังยนื คณะผจู ้ ัดการประชมุ การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ที่ 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

สารบญั คานา หนา้ สารบัญ ก โครงการ ข กาหนดการ 1 โปสเตอรป์ ระชาสมั พันธ์ 4 รายละเอยี ดการนาเสนอผลงาน 5 บทคดั ย่อ 7 18 การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ที่ 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564









กำหนดกำร “การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครัง้ ที่ 13 (HoRNetS 2021)” ระหวา่ งวันที่ 30 มถิ นุ ายน – 2 กรกฎาคม 2564 ณ โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ เวลำ หวั ขอ้ วทิ ยำกร วนั จนั ทร์ ท่ี 28 มถิ นุ ายน 2564 พว.วรางคณา ธุวะคา 10.00–12.00 น. นาเสนอผลงานวชิ าการ Oral Presentation พญ.พัชรา เรอื งวงศโ์ รจน์ โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ 13.00–16.00 น. นาเสนอผลงานวชิ าการ Oral Presentation พญ.จติ รากานต์ เจรญิ บญุ พว.วรางคณา ธวุ ะคา โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ วนั องั คาร ท่ี 29 มถิ นุ ายน 2564 กจิ กรรม Pre-Conference Lecture: The Importance of Clinical Prediction Rules: อ.ดร.นพ.พชิ ญตุ ม์ ภญิ โญ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ 12.30-14.00 น. Why Clinical Prediction Matters in Routine Practice? วนั พธุ ที่ 30 มถิ นุ ายน 2564 อ.ดร.ภมรศรี ศรวี งคพ์ ันธ์ 08.30-10.45 น. นาเสนอผลงานวชิ าการ Oral Presentation มหาวทิ ยาลัยแมฟ่ ้าหลวง พว.วรางคณา ธุวะคา โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ 11.00-12.00 น. Research and Innovation ดร.อาภากร สปุ ัญญา สถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี แหง่ ประเทศไทย (วว.) กญั ชาทางการแพทย:์ ผลติ ภณั ฑแ์ ละหลกั ฐานเชงิ รศ.ดร.ภก.สรุ ศกั ด์ิ เสาแกว้ 12.00-13.15 น. ประจักษ์(Medical Cannabis: Products and ผศ.ดร.ภญ.พัชรวรรณ ตนั อมาตยรัตน์ คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยพะเยา Recent Evidences.) ดร.พัชรนิ ทร์ คานวล 13.30-16.00 น. นาเสนอผลงานวชิ าการ Oral Presentation โรงพยาบาลพะเยา พว.วรางคณา ธุวะคา โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ วนั พฤหัสบดี ท่ี 1 กรกฎาคม 2564 อ.ดร.ภญ.ชดิ ชนก เรอื นกอ้ น คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ 08.30-12.00 น. นาเสนอผลงานวชิ าการ Oral Presentation ดร.พัชรนิ ทร์ คานวล โรงพยาบาลพะเยา ผศ.(พเิ ศษ) ดร.ภญ.รงุ่ ทวิ า หมนื่ ปา 12.45-16.00 น. นาเสนอผลงานวชิ าการ Oral Presentation โรงพยาบาลลาปาง พญ.พัชรา เรอื งวงศโ์ รจน์ โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ วนั ศกุ ร์ ท่ี 2 กรกฎาคม 2564 ดร.นพ.กจิ จา เจยี รวฒั นกนก 08.30-12.00 น. นาเสนอผลงานวชิ าการ Oral Presentation โรงพยาบาลนครพงิ ค์ อ.ดร.ภญ.ชดิ ชนก เรอื นกอ้ น คณะเภสชั ศาสตร์ หาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ประกาศผลรางวลั วนั องั คาร ที่ 8 กรกฎาคม 2564 กจิ กรรม Special lecture: ผศ.ดร.จริ าวรรณ ดเี หลอื คณะพยาบาลศาสตร์ หาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ 13.00–15.30 น. กลยุทธก์ ารทบทวนขอ้ มลู อยา่ งมคี ณุ คา่ พว.วรางคณา ธุวะคา สาหรับการทาผลงานเพอ่ื เลอื่ นระดบั โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ *หมายเหตุ กาหนดการอาจมกี ารเปลยี่ นแปลงตามความเหมาะสม การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ที่ 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564





รายชื่อผู้นาเสนอผลงานวิชาการ การประชุมวิชาการระดับชาติ เครือข่ายวิจยั โรงพยาบาล คร้งั ที่ 13 (HoRNetS 2021) โรงพยาบาล เวลา หัวข้อนาเสนอ ประเภท วชิ าชพี ผู้นาเสนอ 8.30 - 10.00 เชียงราย 10.00 - 10.15 28 มถิ นุ ายน 2564 พยาบาล พว.อรุณยี ์ ไชยชมภู เชยี งราย 10.15 - 10.30 พยาบาล พว.ศกนุ ตรา จันทร์ภิรมย์ รพร.ปัว 10.30 - 10.45 ทดสอบระบบ แพทย์ รพร.ปัว 10.45-11.00 พยาบาล นพ.กนกพล สิงหธ์ นะ รพร.ปวั 11.00 - 11.15 ผลของการใหย้ า Pethidine 0.5 mg./kg. ในผู้ป่วยแผนกออร์โธปดิ กิ ส์ที่มอี าการหนาวส่นั Clinical Research พยาบาล พว.รตั นากร อทุ ุมพร เชยี งราย หลังผา่ ตดั ที่ห้องฟกั ฟน้ื โรงพยาบาลเชียงรายประชานเุ คราะห์ นกั รงั สีเทคนิค ดร.ไพจติ รา ล้อสกลุ ทอง เชยี งราย 11.15 - 11.30 พยาบาล นส.ประไพพรรณ พิมพศ์ ร เชียงราย 11.30 - 11.45 การศกึ ษาคะแนนเตอื นภาวะวิกฤตของผปู้ ่วยกอ่ นยา้ ยออกจาก ICU BURN ดว้ ยวธิ กี ารประเมิน พยาบาล พว.ตอ้ งหทยั สสั ดแี พง 11.45 - 12.00 พว.ชฏาภรณ์ ใหมบ่ ญุ เรอื ง เชียงค้า 12.00-13.00 โดยใช้ MEWS เทียบกบั การใช้ NEWS ต่อการ readmit ICU ด้วยภาวะ shock ซ้า Clinical Research พยาบาล 13.00 - 13.15 พว.มัลลิกา กองศรี และหายใจลม้ เหลว การเปรยี บเทียบผลของการฉดี ยาชาบริเวณเนอ้ื เยอื่ หน้าขารว่ มกับเนอ้ื เยื่อหลังข้อเขา่ และการฉดี Clinical Research ยาชาบริเวณเนื้อเยือ่ หน้าขาอย่างเดียวตอ่ การระงับปวดหลงั ผา่ ตัด ในผู้ป่วยผา่ ตดั เปล่ียนข้อ ผลของโปรแกรมการฟนื้ ฟสู มรรถภาพปอดโดยใช้ลกู โปง่ ในผปู้ ่วยโรคปอดอุดกัน้ เรือ้ รงั Innovation Research โรงพยาบาลสมเดจ็ พระยพุ ราชปัว นวตั กรรมการพัฒนาเตียงฟ้ืนฟสู ภาพสา้ หรับผ้สู งู อายใุ นชมุ ชนโดยบรู ณาการทมี สหสถาบนั (ชุมชน สขุ ภาพ สังคม และการศกึ ษา) เขตพืน้ ทโี่ รงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพบริบทโรงพยาบาล Innovation Research สมเดจ็ พระยุพราชปัว อา้ เภอปัว จังหวัดนา่ น ปัจจยั นอกเหนือจากพารามเิ ตอรส์ แกนที่มผี ลตอ่ คา่ ประมาณรงั สจี ้าเพาะขนาด (Size-specific dose estimates) ในการเอกซเรยค์ อมพวิ เตอร์ทรวงอกและช่องท้องทง้ั หมดโรงพยาบาล Clinical Research เชียงรายประชานุเคราะห์ ผลการใช้ triage score ในการประเมนิ ผู้ป่วยเขา้ ICU ต่อการเสยี ชีวติ ของผปู้ ว่ ยที่จองเข้า Nursing Research ICU แต่ไมไ่ ด้ย้ายเข้า หอผู้ป่วยหนักศลั ยกรรม โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ผลของการใช้ High flow nasal cannula (HFNC) และการใช้ออกซเิ จนปกติ เพ่ือลดอตั รา การใส่ทอ่ ชว่ ยหายใจช้าในผู้ปว่ ยทมี่ ภี าวะหายใจลม้ เหลวหลงั ถอดทอ่ ชว่ ยหายใจ Nursing Research หอผู้ป่วยหนักอายรุ กรรม 3 โรงพยาบาลเชียงรายประชานเุ คราะห์ พกั รบั ประทานอาหารกลางวัน การศกึ ษาระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการพักฟื้นและภาวะแทรกซอ้ นในผปู้ ว่ ยเด็กที่เขา้ รับการผา่ ตัดตา Clinical Research แบบผู้ปว่ ยนอกของโรงพยาบาลเชยี งคา้ โดยเปรยี บเทยี บระหว่าง sevoflurane และ propofol

รายช่ือผนู้ าเสนอผลงานวชิ าการ การประชมุ วิชาการระดับชาติ เครอื ข่ายวจิ ยั โรงพยาบาล คร้ังที่ 13 (HoRNetS 2021) โรงพยาบาล เวลา หวั ขอ้ นาเสนอ ประเภท วิชาชพี ผนู้ าเสนอ 13.15 - 13.30 28 มิถนุ ายน 2564 Innovation Research เภสัชกร ภญ.ปนัดดา งามสม เชียงค้า 13.30-13.45 Nursing Research พยาบาล พว.ปารชิ าติ พรหมณะ เชยี งคา้ 13.45-14.00 การพัฒนาแอปพลเิ คช่นั ส้าหรบั การบริหารยาวารฟ์ าริน ณ โรงพยาบาลเชียงค้า พยาบาล พว.อรนุช ธรรมสอน เชียงคา้ 14.00-14.15 ผลของโปรแกรมการเตรยี มผสู้ งู อายุต่อการฟน้ื ฟสู มรรถภาพหลงั ผ่าตดั เปลยี่ นขอ้ เขา่ เทยี ม Clinical Research พยาบาล พว.สุพรรณกิ า ปจิ จวงศ์ Proceeding 14.15 - 14.30 โรงพยาบาลเชียงคา้ จังหวัดพะเยา Clinical Research พยาบาล พว.ธญั ญาลกั ษณ์ อภชิ ยั เชียงม่วน 14.30 - 14.45 ปัจจยั ที่เก่ียวขอ้ งกบั การเสียชวี ติ ของผูป้ ่วยโรคกล้ามเนือ้ หวั ใจขาดเลอื ดเฉียบพลัน STEMI Nursing Research พยาบาล พว.โสภา เจ็นจดั 14.45 - 15.00 ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเชียงคา้ Nursing Research พยาบาล พว.อนตุ า หนุนการคา้ แมส่ าย 15.00 - 15.15 ปัจจยั เส่ียงการกลบั เปน็ ซ้าของผ้ปู ว่ ยโรคหลอดเลือดสมองท่มี ารับบรกิ าร โรงพยาบาลเชียงมว่ น Clinical Research พยาบาล พว.พณั ณช์ ติ า ดวงคดิ จังหวัดพะเยา Innovation Research เวียงป่าเปา้ 15.15 - 15.30 ศึกษาผลลพั ธ์ของการใชแ้ บบฟอรม์ ประเมินผูป้ ่วยที่มภี าวะติดเชอื้ ในกระแสเลือด พยาบาล พว.ดวงนภา รกั ษธรรม แมจ่ ัน ในแผนกอุบตั ิเหตุฉุกเฉินและนติ ิเวช โรงพยาบาลแมส่ าย Nursing Research เชยี ราย 15.30 - 15.45 การศกึ ษาคุณภาพชวี ิตของผ้ปู ่วยโรคไตเร้ือรงั ทลี่ า้ งไตทางช่องทอ้ งแบบต่อเนอ่ื ง พยาบาล พว.มยุรี พรมรนิ ทร์ 15.45- 16.00 ในอา้ เภอเวียงป่าเปา้ จงั หวดั เชียงราย Nursing Research พยาบาล พว.ปรารถนา วุฒิชมพู เชยี งราย ปจั จัยทีม่ คี วามสมั พนั ธก์ บั ภาวะตวั เหลืองในทารกแรกเกดิ โรงพยาบาลแม่จัน จังหวดั เชียงราย Nursing Research เปรยี บเทยี บประสทิ ธิผลวธิ กี ารยดึ ตดิ สายออกซเิ จนทางจมกู (cannular) เชียงราย ระหวา่ งการติดด้วยเทปเกยี่ วพนั กบั การติดด้วยพลาสเตอร์ผา้ เนือ้ น่มุ ในทารกแรกเกิด ผลของการใช้แนวปฏิบัตใิ นการสง่ ผปู้ ่วยห้องสงั เกตอาการเข้ารับการรกั ษาต่อในหอผ้ปู ่วย เชยี งราย ตอ่ การเกิดอาการเปลี่ยนแปลงท่ไี มพ่ ึงประสงค์ หนว่ ยงานหอ้ งสงั เกตอาการ รพ.เชียงรายประชานเุ คราะห์ ประสิทธผิ ลของแนวปฏิบตั ใิ นการปอ้ งกนั สายสวนหลอดเลอื ดดา้ สว่ นกลางอดุ ตัน ในผปู้ ว่ ยหนกั ทีใ่ ส่สาย Triple lumen catheter การเตรยี มความพร้อมผู้ป่วยกอ่ นผ่าตดั ดว้ ยแผ่นเตอื นความจ้าตอ่ ความรแู้ ละการปฏบิ ัตติ วั ที่ถูกต้องของผู้ป่วย กอ่ นระงับความรูส้ กึ และผา่ ตดั

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เครือข่ายวจิ ัยโรงพยาบาล คร้งั ท่ี 13 (HoRNetS 2021) วันที่ เวลา หวั ข้อ วิทยากร 29 มิถนุ ายน 2564 Pre-Conference บรรยาย 10.00 - 11.45 วทิ ยากร อ.ดร.นพ.พิชยุตม์ ภญิ โญ 11.45 - 12.15 ทดสอบระบบ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 12.15-12.30 พกั รับประทานอาหารกลางวัน 12.30 - 14.30 พธิ ีเปิด The Importance of Clinical Prediction Rules: Why Clinical Prediction Matters in Routine Practice?

รายชือ่ ผ้นู าเสนอผลงานวิชาการ การประชุมวชิ าการระดับชาติ เครือข่ายวิจยั โรงพยาบาล ครง้ั ท่ี 13 (HoRNetS 2021) โรงพยาบาล เวลา หวั ข้อนาเสนอ ประเภท วิชาชีพ ผนู้ าเสนอ เชยี งราย 8.30 - 8.45 30 มถิ นุ ายน 2564 บ้าราศนราดูร 8.45 - 9.00 บ้าราศนราดูร 9.00 - 9.15 ปัจจัยเสี่ยงของการกลบั มาเปน็ ซา้ หรือไมต่ อบสนองตอ่ การรักษาของผู้ป่วยมะเรง็ ต่อมน้าเหลอื ง Clinical Research แพทย์ นพ.ปิยะพงศ์ กัญญา 9.15 - 9.30 ชนดิ diffuse large B-cell lymphoma ในโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ลา้ ปาง 9.30 - 9.45 ลา้ ปาง 9.45 - 10.00 การวางแผนบนั้ ปลายชวี ิตในผู้ป่วยวณั โรค Nursing Research พยาบาล พว.ปิยะวดี สุมาลยั ล้าปาง 10.00 - 10.15 ล้าปาง 10.15 - 10.30 การส้ารวจภาวะหมดไฟในการท้างานของพยาบาลวชิ าชีพ สถาบนั บ้าราศนราดูร Nursing Research พยาบาล พว.ปยิ ะวดี สมุ าลยั ลา้ ปาง 10.30 - 11.00 11.00-12.00 ผลการใช้รูปแบบการสง่ เสริมพัฒนาการทารกเกดิ ก่อนกา้ หนดตอ่ ความรแู้ ละทกั ษะของพยาบาล Nursing Research พยาบาล พว.มะลวิ รรณ สุตาลังกา บรรยาย ในหออภิบาลทารกแรกเกดิ วิกฤตโรงพยาบาลล้าปาง 12.00 - 13.30 เชียงราย ผลของการใช้แนวปฏิบตั ิทางคลินกิ การพยาบาลส้าหรับผูป้ ว่ ยโรคอ้วนที่มารับบรกิ ารระงับ Nursing Research พยาบาล พว.ทวี สายอดุ ตะ๊ 13.30 - 13.45 ความรสู้ กึ แบบท่ัวไปในโรงพยาบาลล้าปาง ผลของแนวปฏิบตั ิการจดั ทา่ ในผูป้ ว่ ยนอนคว้า่ ขณะผ่าตดั เพอื่ ป้องกันการเกดิ แผลกดทับ Nursing Research พยาบาล พว.สินทิ ธ์ ท่นไชย บริเวณใบหนา้ ห้องผา่ ตดั โรงพยาบาลลา้ ปาง การพัฒนาแบบประเมินการจ้าแนกประเภทผู้ป่วยตรวจรกั ษาพเิ ศษดว้ ยการสอ่ งกลอ้ ง Nursing Research พยาบาล พว.นตุ ประวณี ์ อระดี เพ่อื การพยาบาล หน่วยตรวจพิเศษส่องกล้องทางเดนิ อาหารและทางเดินหายใจ โรงพยาบาลล้าปาง ผลของการใช้แนวทางการดูแลผู้ปว่ ยผา่ ตดั น่ิวในท่อทางเดนิ ปสั สาวะทเี่ กิดภาวะ Sepsis Nursing Research พยาบาล พว.เฉลิมพล คมุ้ ศรี โรงพยาบาลล้าปาง พกั เบรค Research and Innovation วิทยากร : ดร.อาภากร สุปญั ญา สถาบนั วิจยั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กญั ชาทางการแพทย์ : ผลติ ภณั ฑแ์ ละหลักฐานเชิงประจกั ษ์ (Medical Cannabis: Products and Recent Evidences.) วิทยากร: รศ.ดร.ภก.สุรศักด์ิ เสาแกว้ ผศ.ดร.ภญ.พัชรวรรณ ตนั อมาตยรัตน์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลยั พะเยา ปัจจัยทีม่ ีผลตอ่ อัตราการเสยี ชีวติ ในระยะเวลา 30 วนั ในผปู้ ว่ ยทีไ่ ดร้ บั การวินิจฉยั เปน็ โรคตดิ เชื้อ เอนเทอโรแบคทเี รียซอี ีด้ือยาในกลมุ่ คารบ์ าเพเนม หลังจากไดย้ าปฏิชวี นะท่ีเหมาะสม Clinical Research แพทย์ พญ.สิปปากร ปินชยั ของโรงพยาบาลเชยี งรายประชานเุ คราะห์

รายชือ่ ผ้นู าเสนอผลงานวิชาการ การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ เครือข่ายวิจยั โรงพยาบาล ครั้งท่ี 13 (HoRNetS 2021) โรงพยาบาล เวลา หวั ขอ้ นาเสนอ ประเภท วชิ าชพี ผ้นู าเสนอ 30 มิถนุ ายน 2564 Health Science and ลา้ ปาง 13.45 - 14.00 Community Research พยาบาล พว.ยุวรี จันทิมา ความรอบรดู้ ้านสุขภาพและพฤติกรรมสขุ ภาพ 3อ.2ส. ของกลุ่มวัยทา้ งาน ส้าหรับหมู่บ้าน Nursing Research ลา้ ปาง 14.00 - 14.15 จดั การสุขภาพ: กรณีศกึ ษาชุมชนทา่ คราวนอ้ ย อา้ เภอเมืองลา้ ปาง จังหวัดล้าปาง พยาบาล พว.พรทิวา ทกั ษณิ ผลของคลนิ กิ ตดิ ตามอาการผ้ปู ่วยหลังท้าหัตถการถ่างขยายหลอดเลอื ดหวั ใจและสอื่ สุขภาพ Nursing Research ลา้ ปาง 14.15 - 14.30 อเิ ลคทรอนิคส์ต่อความสามารถในการดูแลตนเองและการปอ้ งกนั การกลบั เป็นซ้า Nursing Research พยาบาล พว.สุกัญญา เลาหธนาคม ลา้ ปาง 14.30 - 14.45 ของโรคหลอดเลือดหวั ใจ Innovation Research พยาบาล พว.ธริชญา รกั ษ์กติ ตกิ ลุ ล้าปาง 14.45 - 15.00 การพฒั นาสมรรถนะพยาบาลโรงพยาบาลชมุ ชนระดับต้น สามารถดูแลผปู้ ่วยวกิ ฤต Nursing Research พยาบาล ล้าปาง 15.00 - 15.15 ทใี่ ช้เครอื่ งช่วยหายใจภายในจังหวดั ล้าปาง พยาบาล พว.บญุ ทัน แต้มคม 15.15 - 15.30 ประสทิ ธผิ ลของการพฒั นาแนวปฏิบตั ิการพยาบาลทางคลินกิ สา้ หรบั ผู้ปว่ ยเดก็ ท่ใี ช้เครอื่ งช่วย Clinical Research พว.สมพร เลิศวริ ยิ เสถยี ร ล้าปาง 15.30 -15.45 หายใจ โรงพยาบาลลา้ ปาง Nursing Research แพทย์ ล้าปาง 15.45-16.00 ศกึ ษาผลการใช้นวัตกรรม BT Crow เพอ่ื ลดการบาดเจบ็ ตอ่ ริมฝีปากและฟนั Nursing Research พยาบาล พญ.วชิราภรณ์ อรโุ ณทอง ล้าปาง 16.00-16.15 ในผู้ปว่ ยท่ีไดร้ บั การระงบั ความรสู้ กึ ประเภททั่วตัว พยาบาล พว.พวงเพชร อุบลศรี แนวทางการบรหิ ารการพยาบาลในสถานการณก์ ารระบาดของโรค COVID–19 พว.อภนิ ภสั ประจวบ โรงพยาบาลลา้ ปาง พักเบรค การศึกษาเปรยี บเทยี บความชกุ ของเหตุการณ์รนุ แรงในวยั เด็กและความสัมพันธข์ องเหตกุ ารณ์ รุนแรงในวยั เดก็ กบั ความพงึ พอใจในชวี ิตในกลุ่มผปู้ ่วยโรคเรอ้ื รัง และกลมุ่ ประชากรปกติ การใช้แนวทางการดแู ลผู้ป่วยจติ เวชที่มภี าวะวิกฤตติ ามระดบั ความเรง่ ด่วนในโรงพยาบาลลา้ ปาง การพัฒนารปู แบบการพยาบาลผปู้ ว่ ยท่ีได้รับการผ่าตดั แบบวันเดียวกลบั ของโรงพยาบาลลา้ ปาง

รายชอื่ ผ้นู าเสนอผลงานวิชาการ การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครือข่ายวิจยั โรงพยาบาล ครั้งที่ 13 (HoRNetS 2021) โรงพยาบาล เวลา หัวข้อนาเสนอ ประเภท วชิ าชพี ผูน้ าเสนอ 1 กรกฎาคม 64 นครพงิ ค์ 8.30 - 8.45 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งPM2.5 กับสมรรถภาพการทางานของปอดในผูป้ ว่ ยเดก็ ท่เี ปน็ โรคหอบหดื Clinical Research นักศึกษาแพทย์ นศพ.ชริน กฤตเมธาพร นครพงิ ค์ 8.45 - 9.00 ความสอดคลอ้ งของการวดั พารามเิ ตอร์ในการประเมินนาหนักทารกก่อนคลอด Clinical Research นักศกึ ษาแพทย์ นศพ.ปณัฐพงษ์ มณมี ลู ระหว่างนสิ ติ แพทย์ชนั ปีที่ 4 กับสตู ินรีแพทย์ นครพงิ ค์ 9.00 - 9.15 ความชุกและปจั จยั ท่สี มั พนั ธ์กับภาวะซึมเศร้าในเดก็ วยั รุ่น ชันมัธยมศึกษาปที ี่ 1-5 ปี Clinical Research นกั ศึกษาแพทย์ นศพ.ณชิ าภทั ร ศรีตระกูลครี ี การศึกษา 2563 นครพงิ ค์ 9.15 - 9.30 การศกึ ษาปัจจัยทส่ี มั พนั ธ์กับการเกดิ ความผดิ ปกติของเซลลเ์ ยอ่ื บผุ วิ ปากมดลูกและทานาย Clinical Research นกั ศกึ ษาแพทย์ นศพ.กรกมล แก้ววังปวน โอกาสการเกิดรอยโรคปากมดลกู ขนั สูง นครพงิ ค์ 9.30 - 9.45 Characteristics of unscheduled revisits within 48 hours in emergency Clinical Research นักศกึ ษาแพทย์ นศพ.นศิ ากร น้อยบัวทอง department นครพิงค์ 9.45 - 10.00 การพฒั นารูปแบบการสง่ เสรมิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม ของพยาบาลวชิ าชพี Nursing Research พยาบาล พว.สทุ ธิพันธ์ ถนอมพันธ์ โรงพยาบาลนครพงิ ค์ จงั หวัดเชียงใหม่ 10.00 - 10.15 พักเบรค แพร่ 10.15 - 10.30 ประสทิ ธผิ ลของแนวปฏบิ ตั กิ ารพยาบาลเพือ่ ส่งเสรมิ พฒั นาการทารกเกิดกอ่ นกาหนด ในห้อง Nursing Research พยาบาล พว.สมานใจ เขียวสลับ ผูป้ ่วยหนกั กุมารเวชกรรม โรงพยาบาลแพร่ ประสทิ ธผิ ลของการใช้แนวปฏิบัตกิ ารพยาบาลทางคลนิ ิกในผปู้ ่วยทม่ี ภี าวะไตบาดเจบ็ พว.สมจติ ร สุทธนะ แพร่ 10.30-10.45 เฉยี บพลันทีไ่ ดร้ ับการรักษาด้วยการบาบดั ทดแทนไตอยา่ งต่อเนอื่ ง ในหอผปู้ ่วยหนกั อายรุ ก Nursing Research พยาบาล รรม แพร่ 10.45- 11.00 ประสิทธผิ ลของการใช้แนวปฏิบัตทิ างคลินิกสาหรบั การจดั การความปวด Nursing Research พยาบาล พว.ประวีณา อศั วพลไพศาล ในผูป้ ่วยวกิ ฤตศัลยกรรม หอ้ งผปู้ ่วยหนักศัลยกรรม โรงพยาบาลแพร่ แพร่ 11.00 -11.15 การศึกษาคุณสมบตั ิของ Leukocyte Poor blood ทีเ่ ตรียมใชใ้ นงานธนาคารเลอื ด Health Science นักวิทยาศาสตร์ นายพิเชษฐ์ เวยี งหก and Community การแพทย์ แพร่ 11.15 - 11.30 ผลของการใช้แนวปฏบิ ตั ิในการดแู ลผปู้ ่วยโรคจอตาท่ไี ด้รบั การฉีดยาอวาสติน Clinical Research พยาบาล พว.มะลิ การะปักษ์ เขา้ นาว้นุ ตา ในหอผู้ป่วยจกั ษุ โสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลแพร่ แพร่ 11.30 - 11.45 ผลของโปรแกรมการมสี ่วนร่วมของพยาบาลวิชาชพี ในการปฏิบัติตามแนวทางการดูแลผู้ปว่ ย Nursing Research พยาบาล พว.ลักษณา จนั ทราโยธากร ต่อคุณภาพการบริการพยาบาลด้านความปลอดภยั ในการผ่าตดั โรงพยบาลแพร่ รพร.เด่นชัย 11.45 - 12.00 แบบแผนการบริการสุขภาพเพอ่ื เพม่ิ ประสิทธิภาพการบรกิ ารใหต้ อบสนองต่อความตอ้ ง Health Science พยาบาล พว.มารียา อุดม ในการปอ้ งกันการเกิดโรคปอดอกั เสบในผู้สูงอายโุ รคปอดอดุ กันเรอื รงั อาเภอเด่นชัย and Community 12.15 - 12.45 พกั รบั ประทานอาหารกลางวัน

รายชอ่ื ผนู้ าเสนอผลงานวิชาการ การประชมุ วิชาการระดับชาติ เครือข่ายวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) โรงพยาบาล เวลา หวั ข้อนาเสนอ ประเภท วิชาชพี ผูน้ าเสนอ 1 กรกฎาคม 64 เชยี งราย 12.45 - 13.00 Cloud-Based Tracking System with Telemonitoring for CPAP Adherence of Clinical Research แพทย์ พญ.ปยิ าภรณ์ ศริ จิ นั ทรช์ น่ื Patients with Obstructive Sleep Apnea ปจั จยั ที่เกย่ี วข้องกบั อตั ราการเสียชวี ติ ในโรงพยาบาล ของผปู้ ว่ ยทไี่ ดร้ ับการรกั ษา เชียงราย 13.00 - 13.15 ในโรงพยาบาลด้วยภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารสว่ นตน้ โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุ Clinical Research แพทย์ นพ.ผดุงเกียรติ จงกจิ สมบรู ณ์ เคราะห์ เพชรบรู ณ์ 13.15 - 13.30 ผลของการพัฒนาระบบการปอ้ งกนั การแพ้ยาซาตอ่ อุบตั กิ ารณก์ ารแพย้ าซา Health Science เภสัชกร ภญ.รชั นวี รรณ มาจาก proceeding ของผ้ปู ว่ ยในแผนกศลั ยกรรม โรงพยาบาลเพชรบรู ณ์ and Community พะเยา 13.30 - 13.45 ลกั ษณะเสยี่ งทางคลินกิ ตอ่ การเกดิ การกาเริบเฉยี บพลันและการกลบั มานอนโรงพยาบาลซา Clinical Research พยาบาล พว.ชนกชนม์ สาคะศภุ ฤกษ์ ของผู้ป่วยโรคปอดอดุ กันเรอื รงั โรงพยาบาลพะเยา พะเยา 13.45 - 14.00 ผลการใช้แนวปฏิบัติทางการพยาบาลเพอ่ื ป้องกันภาวะตกเลอื ด 2 ชัว่ โมงหลงั คลอด Nursing Research พยาบาล พว.สุทธพิ ร พรมจนั ทร์ ในแผนกหอ้ งคลอด โรงพยาบาลพะเยา การศึกษาปัจจยั ทมี่ ีผลตอ่ ความสาเรจ็ ของการบาบดั รกั ษาผปู้ ว่ ยยาเสพตดิ ตาม โปรแกรม พะเยา 14.00 - 14.15 กาย จิต สังคมบาบดั (Matrix Program) ในกล่มุ บงั คับบาบัด Clinical Research พยาบาล พว.ณฐั ธิดา นิมติ รดี แบบไมค่ วบคมุ ตวั ทเี่ ขา้ รับการบาบดั โรงพยาบาลพะเยา พะเยา 14.15 - 14.30 ปัจจัยท่เี พ่มิ ความเสย่ี งต่อภาวะไตเรือรงั ในกลุ่มผ้ปู ว่ ยเบาหวานชนิดที่ 2 โรงพยาบาลพะเยา Clinical Research นกั ศึกษาแพทย์ นศพ.กชกร อนิ ต๊ะมูล พะเยา 14.30 - 14.45 ปจั จัยที่มีผลตอ่ การเสียชีวิตในผูป้ ว่ ยกล้ามเนอื หวั ใจตายเฉยี บพลันชนิด ST segment ยกขนึ Clinical Research นกั ศกึ ษาแพทย์ นศพ.ปภังกร โตละหาน (STEMI) ทเ่ี ข้ารบั การรกั ษาตัวในโรงพยาบาลพะเยา 14.45 - 15.00 พักเบรค พะเยา 15.00 - 15.15 ปจั จัยเสีย่ งท่ีมีความสมั พนั ธ์กับการติดเชือในกระเลือดของทารกแรกเกดิ ระยะแรก Clinical Research นักศกึ ษาแพทย์ นศพ.สภาพฒั น์ สายวดี ท่ีคลอดในโรงพยาบาลพะเยา พะเยา 15.15 - 15.30 ผลการใชแ้ นวปฏบิ ัติทางการพยาบาลในการป้องกนั การเกดิ ปอดอกั เสบในผปู้ ่วย Nursing Research พยาบาล พว.วาสนา ธรรมโชติ โรคหลอดเลอื ดสมอง โรงพยาบาลพะเยา พะเยา 15.30 - 15.45 ผลการใชแ้ นวปฏบิ ัตทิ างการพยาบาลในการวางแผนจาหน่ายผ้ปู ่วยบาดเจ็บทีศ่ รี ษะ Nursing Research พยาบาล พว.ณัฐธิดา สุริโย โรงพยาบาลพะเยา ผลของการพัฒนาการเย่ยี มผูป้ ่วยกอ่ นและหลังผ่าตดั เพื่อสง่ เสริมการเกดิ การฟ้นื ตัวหลงั พะเยา 15.45 - 16.00 ผ่าตดั ในผปู้ ว่ ยมารบั การผ่าตัดคลอดจากการได้รับยาระงบั ความรสู้ กึ ทางไขสนั หลัง Nursing Research พยาบาล พว.นภาภรณ์ อินต๊ะ โรงพยาบาลพะเยา

รายช่อื ผ้นู าเสนอผลงานวชิ าการ การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ เครือข่ายวิจยั โรงพยาบาล คร้งั ที่ 13 (HoRNetS 2021) โรงพยาบาล เวลา หวั ขอ้ นาเสนอ ประเภท วชิ าชพี ผูน้ าเสนอ 2 กรกฎาคม 2564 เชียงราย 8.30 - 8.45 Clinical Research แพทย์ พญ.ณัฐณิชา ยลศริ วิ ัฒน์ 8.45 - 9.00 อตั ราการอยรู่ อดโดยรวม และปัจจยั ทีม่ ผี ลตอ่ การเสยี ชีวิตในผูป้ ่วยโรคมะเรง็ เมด็ เลือดขาว เชยี งราย 9.00 - 9.15 ชนดิ เฉยี บพลนั แบบไมอลี อยด์ ในโรงพยาบาลเชียงรายประชานเุ คราะห์ Clinical Research แพทย์ พญ.โกลญั ญา กังวาลยศศักด์ิ 9.15 - 9.30 การศกึ ษาประสทิ ธิภาพของก๊าซไนโตรเจนเหลวรว่ มกับการใชย้ าทาสเตยี รอยดเ์ ทยี บกับ เชียงราย 9.30 - 9.45 การใช้ยาทาสเตียรอยดร์ ่วมกับการพน่ น้าเยน็ ในคนไขโ้ รคผมร่วงเป็นหยอ่ ม Clinical Research แพทย์ นพ.อมรศักดิ์ รูปสูง 9.45 - 10.00 ปัจจัยพยากรณ์การเกิดภาวะกระดกู หกั ซ้าในผ้ปู ว่ ยกระดูกสะโพกหกั ทไี่ ด้รับการรักษา พิษณโุ ลก 10.00 - 10.15 ด้วยวิธีผา่ ตดั โรงพยาบาลเชยี งรายประชานเุ คราะห์ จังหวดั เชียงราย Nursing Research พยาบาล พว.วธิ ศมน วุฒศิ ริ นิ กุ ูล ผลการใชแ้ นวปฏบิ ตั ิการพยาบาลในการป้องกนั การเกิดปอดอกั เสบที่สมั พันธ์ Health Science and พษิ ณุโลก 10.15 - 10.30 กับการใช้เครื่องช่วยหายใจในทารกแรกเกดิ วกิ ฤต เภสชั กร ภก.ภัทริศ ติลกเลิศ พิษณุโลก การใช้ยาฟ้าทะลายโจรทดแทนยาปฏชิ วี นะในโรคตดิ เช้อื ทางเดินหายใจสว่ นบน Community พว.กรรณกิ าร์ เกียรตสิ นธิ์ พษิ ณโุ ลก คลนิ ิกหมอครอบครวั 3 เครือข่าย โรงพยาบาลพทุ ธชินราช พษิ ณโุ ลก Nursing Research พยาบาล proceeding การพฒั นาแนวทางการดูแลผปู้ ่วยโรคหวั ใจขาดเลือดทไี่ ดร้ ับการสวนหวั ใจเพอ่ื การรักษา Health Science and นกั วิชาการ นายบญุ รักษ์ นวลศรี พิษณุโลก การพฒั นาวธิ ปี ฏบิ ัติงานควบคมุ และดูแลระบบบ้าบดั นา้ เสยี สาธารณสุข proceeding โรงพยาบาลพทุ ธชินราช พิษณโุ ลก Community นส.นันทวัน ปนิ่ มาศ พิษณุโลก ผลการรกั ษาผปู้ ่วยปวดหลังส่วนลา่ งจากภาวะหมอนรองกระดกู ทับเสน้ ประสาท Health Science and นกั proceeding ระหว่างวิธดี งึ หลงั รว่ มกับประคบรอ้ นและการบรหิ ารหลังดว้ ยเทคนคิ แมคเคนซ่ี กายภาพบา้ บดั กับวิธดี งึ หลังรว่ มกับประคบรอ้ น Community พะเยา 10.30 - 10.45 การพฒั นานวัตกรรม Snow Box Innovation Research พยาบาล พว.อัญชลี สิงหน์ อ้ ย 10.45 - 11.00 พักเบรค Clinical Research 11.00 - 11.15 Efficacy and safety of XEN45 implant in Thai eyes with primary open angle แพทย์ นพ.ทศพร ยอดเมือง glaucoma; one year result รอ้ ยเอด็ 11.15 - 11.30 แนวทางการดูแลผู้ปว่ ยปากแหง้ ระหวา่ งเข้ารับการรักษาทางทนั ตกรรมจัดฟัน: กรณีศึกษา Health Science and ทนั ตแพทย์ ทพญ.นิรมล ลลี าอดิศร proceeding Community

รายชอื่ ผนู้ าเสนอผลงานวชิ าการ การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ เครือข่ายวิจยั โรงพยาบาล ครัง้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) โรงพยาบาล เวลา หัวข้อนาเสนอ ประเภท วิชาชีพ ผู้นาเสนอ รอ้ ยเอ็ด 11.30 - 11.45 2 กรกฎาคม 2564 proceeding 11.45-13.00 13.00 - 13.15 แนวทางการบรหิ ารจดั การอตั รากาลังทันตแพทย์ ในงานทันตกรรม: Health Science and ทนั ตแพทย์ ทพญ.นิรมล ลลี าอดศิ ร ม.ธรรมศาสตร์ กรณศี กึ ษาโรงพยาบาลร้อยเอด็ Community proceeding 13.15 - 13.30 ม.แมฟ่ ้าหลวง พักรบั ประทานอาหารกลางวัน proceeding 13.30 - 13.45 ความชุก อบุ ัติการณ์ และการพยากรณแ์ นวโนม้ การเกดิ โรคไม่ตดิ ตอ่ เรือ้ รังของบคุ ลากร Health Science and นกั ศึกษา นศ.อามนี ะห์ เจะปอ ม.แม่ฟ้าหลวง 13.45 - 14.00 โรงพยาบาลทั่วไปแหง่ หนง่ึ จงั หวัดยะลา Community Research proceeding 14.00 -14.15 ม.แมฟ่ ้าหลวง 14.15 - 14.30 ผลการวัดระดับความรู้ ความตระหนัก และการปฏิบัติของกลมุ่ เสยี่ งความดนั โลหิตสูง Health Science and นกั ศกึ ษา นศ.ปณิชา สงู สนิท proceeding ในโปรแกรมการบรโิ ภคอาหารแดชเพ่ือสขุ ภาพ ตามแบบชวี ติ วถิ ีใหม่ บ้านดอนงาม Community ม.แมฟ่ ้าหลวง 14.30 - 14.45 อ้าเภอดอยหลวง จงั หวัดเชยี งราย 14.45 - 15.00 ม.แมฟ่ า้ หลวง ผลของโปรแกรมสขุ ศกึ ษาออนไลน์เพ่อื สง่ เสรมิ ความรู้ ทัศนคติ และพฤตกิ รรมสขุ ภาพ Health Science and นกั ศึกษา นศ.พิมพ์ลภสั พนิตกมล และ เกีย่ วกับฝุน่ ละอองขนาดเลก็ ไมเ่ กนิ 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในอาสาสมัครสาธารณสุข Community นศ.ภผู า ธติ อิ นันต์ปกรณ์ ม.แม่ฟา้ หลวง ประจา้ หมู่บ้าน บา้ นปา่ จนั่ หมู่ท่ี 7 ตา้ บลเวียงกาหลง อ้าเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย รายงานการสอบสวนโรคสกุ ใสในโรงเรียนแหง่ หนึง่ หมู่ 4 บ้านเวียง ตา้ บลป่าแดด อ้าเภอ Health Science and นกั ศกึ ษา นศ.รูซฮี นั เจ๊ะนุ นศ.สภุ าพร ป่าแดด จังหวัดเชียงรายระหว่างวันท่ี 13 มกราคม–9 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564 Community ธูปหอม และ นศ.อะวาฏฟี ยะผา ความรู้ ทศั นคติและ พฤติกรรมการปฏบิ ัตติ ัวของแรงงานขา้ มชาติท่มี ีตอ่ โควิด19 Health Science and นกั ศึกษา นศ.ภควตั รกั ษาศิล อ้าเภอเมือง จงั หวัดเชยี งราย Community รายงานสอบสวนโรคฉบับสมบูรณโ์ รคโควดิ 19 รายที่ 65 จงั หวัดเชียงราย Health Science and นักศึกษา นซ.อาซรู า จารมะ วนั ท่ี 20 มกราคม 2564 Community ความรอบรดู้ ้านอนามยั สงิ่ แวดล้อมและพฤติกรรมการป้องกันผลกระทบตอ่ สุขภาพ Health Science and นักศกึ ษา นศ.ตรียาพร กานสุ นธ์ิ จากฝุน่ ละอองขนาดไมเ่ กิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจา้ Community หมู่บา้ น ต้าบลศรถี อ้ ย อ้าเภอแมส่ รวย จังหวดั เชยี งราย รวบรวมผลคะแนน ประกาศผลรางวัลแตล่ ะประเภท Clinical research/Nursing research/Health science and community research/Innovation Research และ รางวัลงานวิจยั ท่ีตอบสนองตอ่ ยทุ ธศาสตรเ์ ขตสขุ ภาพหรือประเทศ ประธานชมรมเครือขา่ ยวิจยั โรงพยาบาล กล่าวปิดงานประชมุ (ZOOM จาก รพ.นครพงิ ค์)

การประชุมวชิ าการระดับชาติ เครอื ข่ายวจิ ัยโรงพยาบาล คร้งั ที่ 13 (HoRNetS 2021) Special lecture วันท่ี เวลา หวั ขอ้ วทิ ยากร 12.00-13.00 8 กรกฎาคม 2564 ทดสอบระบบ วทิ ยากร บรรยาย 13.00 - 15.30 ผศ.ดร.จริ าวรรณ ดเี หลอื กลยทุ ธก์ ารทบทวนขอ้ มูลอยา่ งมีคณุ ค่า สาหรับการทาผลงานเพ่ือเลอ่ื นระดับ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ พว.วรางคณา ธุวะคา โรงพยาบาลเชียงรายประชานเุ คราะห์



ผลของการให้ Pethidine 0.5 mg./kg. ในผปู้ ่ วยแผนกออรโ์ ธปิ ดกิ สท์ ม่ี อี าการหนาวสน่ั หลงั ผา่ ตดั ทห่ี อ้ งฟกั ฟ้ื น โรงพยาบาลเชยี งรายประชานเุ คราะห์ อรุณีย์ ไชยชมภู พย.ม., เอกราช บุญเสอื พบ., อบุ ลรัตน์ ชมุ่ มะโน พย.ม., ปรารถนา วฒุ ชิ มภู พย.ม., วนี า วงคง์ าม พย.ม. งานวสิ ญั ญวี ทิ ยา โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ บทคดั ยอ่ ความสาคญั : อาการหนาวสนั่ (shivering) เป็ นภาวะแทรกซอ้ นทพ่ี บบอ่ ยทหี่ อ้ งพักฟ้ื น หลงั ระงับความรูส้ กึ ทั่วไป (general anesthesia) และระงับความรูส้ กึ เฉพาะส่วน (regional anesthesia) การทาใหผ้ ูป้ ่ วยหาย หนาวสน่ั จะชว่ ยลดความเสยี่ งตอ่ การเกดิ ภาวะแทรกซอ้ น และชว่ ยใหผ้ ปู ้ ่ วยสขุ สบายยง่ิ ขนึ้ วตั ถปุ ระสงค:์ เพอื่ ศกึ ษาการหายหนาวสนั่ ระยะเวลาหนาวสน่ั และผลทต่ี ามมาหลังใหย้ าในผูป้ ่ วยหนาวส่ัน หลงั ผ่าตดั ทห่ี อ้ งพักฟื้ น ทไี่ ดร้ ับ pethidine 0.5 mg./kg. เปรยี บเทยี บกบั ได ้ pethidine ตามมาตรฐานเดมิ รปู แบบศกึ ษา สถานท่ี และผปู้ ่ วย: Intervention study เก็บขอ้ มลู แบบ Interrupted time design ศกึ ษา ในผปู ้ ่ วย elective case แผนกออรโ์ ธปิดกิ สท์ เ่ี กดิ อาการหนาวสนั่ หลงั ผ่าตัดท่ีหอ้ งพักฟื้ นชนั้ 4 ตกึ อุบัตเิ หตุ 14 ชนั้ โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ ชว่ งเดอื นกรกฎาคม 2563 ถงึ เมษายน 2564 การวดั ผล และวธิ กี าร: การศกึ ษาน้ีแบ่งเป็ น 2 กลุม่ 1) กลุ่มทไ่ี ดร้ ับ pethidine ตามมาตรฐานเดมิ เก็บ ขอ้ มูลช่วงเดอื นกรกฎาคม ถงึ ตลุ าคม 2563 2) กลมุ่ ท่ไี ดร้ ับ pethidine 0.5 mg./kg. เก็บขอ้ มูลชว่ งเดอื น พฤศจกิ ายน 2563 ถึงเมษายน 2564 ผูว้ จิ ัยรวบรวมขอ้ มูลท่ัวไป ไดแ้ ก่ เพศ อายุ น้าหนัก ส่วนสูง โรค ประจาตัว ASA class, ชนดิ ของการระงับความรูส้ กึ การทา nerve block, ระยะเวลาในการระงับความรูส้ กึ ปรมิ าณสารน้าท่ีไดร้ ับ ปรมิ าณเลอื ดท่สี ูญเสยี , grade of shivering, การรบกวนสญั ญาณชพี , ระดับความ ปวด อุณหภูมกิ าย ตดิ ตามระยะเวลาหนาวสนั่ การหายหนาวส่ันเป็ นเวลา 15 นาที อาการคลน่ื ไสอ้ าเจยี น ความปวดรนุ แรง และการกลบั มาหนาวส่นั ซ้า วเิ คราะหข์ อ้ มูลดว้ ย descriptive statistic, exact probability test, t-test, rank sum test และ multivariable regression ผล: ผูป้ ่ วยในการศกึ ษา 55 ราย เป็ นกลุ่มท่ีได ้ pethidine ตามมาตรฐานเดมิ 36 ราย และกลุ่มท่ีได ้ pethidine 0.5 mg./kg. 19 ราย ลักษณะท่ัวไปของทัง้ สองกลมุ่ ไม่มีความแตกต่างกัน ผูป้ ่ วยกลุ่มได ้ pethidine 0.5 mg./kg. หายหนาวสน่ั มากกวา่ กลมุ่ ได ้ pethidine ตามมาตรฐานเดมิ (100.0% vs 75.0%; p=0.020) และมรี ะยะเวลาหนาวสัน่ เฉลยี่ สนั้ กว่าอย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ (1.5±0.9 นาที vs 12.0±13.8 นาที; p=<0.001) ทัง้ สองกลมุ่ มอี าการคลนื่ ไสอ้ าเจียน ปวดรุนแรง และเกดิ อาการหนาวสนั่ ซ้าไม่ตา่ งกัน เมื่อปรับความแตกต่างของทั้งสองกลุ่มใหม้ ีความคลา้ ยคลึงกันทางสถิตแิ ลว้ การไดร้ ับ pethidine 0.5 mg./kg. เพม่ิ โอกาสหายหนาวสั่น 27.1% (95% CI 0.02, 0.53; p=0.038) ลดระยะเวลาหนาวสัน่ 8.6 นาที (95% CI -15.8, -1.49; p=0.019) และทาใหเ้ กดิ คลน่ื ไสอ้ าเจียน ปวดรุนแรง และเกดิ หนาวสัน่ ซ้าไม่แตกตา่ งกบั กลมุ่ ได ้ pethidine ตามมาตรฐานเดมิ เมอื่ เปรยี บเทยี บระยะเวลาหนาวสัน่ 2 กลุ่ม ดว้ ยการ ทดสอบ survival curve พบวา่ กลุ่มได ้ pethidine 0.5 mg./kg. หายหนาวสั่นเร็วกว่าอย่างมีนัยสาคัญทาง สถติ ิ p<0.001 สงิ่ ทศ่ี กึ ษา coefficient 95% Confidence Interval p-value หายหนาวสนั่ 0.271 0.02, 0.53 0.038 ระยะเวลาหนาวสนั่ -8.650 -15.80, -1.49 0.019 คลน่ื ไสอ้ าเจยี น 0.794 -1.29, 2.88 0.455 ปวดรนุ แรง (PS ≥7) 0.625 -2.34, 3.48 0.667 หนาวสน่ั ซ้า 0.492 -2.27, 3.26 0.727 ขอ้ ยุติ และการนาไปใช:้ ควรให ้ pethidine 0.5 mg./kg. ในผปู ้ ่ วยทห่ี นาวสนั่ เพอ่ื ลดระยะเวลาของการ หนาวสนั่ และเพม่ิ โอกาสหายหนาวสนั่ ไดม้ ากขน้ึ คาสาคญั : shivering, pethidine, post-operative, recovery room การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ที่ 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

การศกึ ษาคะแนนเตอื นภาวะวกิ ฤตของผูป้ ่ วยกอ่ นยา้ ยออกจาก ICU BURN ดว้ ยวธิ กี ารประเมนิ โดยใช้ MEWS เทยี บกบั การใช้ NEWS ตอ่ การ readmit ICU ดว้ ยภาวะ shock ซา้ และหายใจ ลม้ เหลว ศกนุ ตรา จนั ทรภ์ ริ มย์ พยบ., มจุ ลนิ ท์ ศรโี ชติ พยบ., ตอ้ งหทยั สสั ดแี พง พยบ. หอผูป้ ่ วยหนักศลั ยกรรม แผลไหมน้ ้ารอ้ นลวก โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ บทคดั ยอ่ ความสาคญั : มผี ปู ้ ่ วยจานวนมากทก่ี ลบั เขา้ รับการักษาใน ICU ซา้ ภายหลงั จากมแี ผนการรกั ษายา้ ยออก เนื่องจากผูป้ ่ วยไม่ไดร้ ับการประเมินที่เหมาะสมก่อนยา้ ยออกจาก ICU และจานวนเตียงท่ีจากัด หากนาการประเมนิ NEWS มาใชป้ ระเมนิ ผูป้ ่ วยกอ่ นยา้ ยออก ICU จานวนผูป้ ่ วยทก่ี ลบั เขา้ รักษาใน ICU อาจมจี านวนลดลง วตั ถปุ ระสงค:์ เพอ่ื เปรยี บเทยี บความไวและความจาเพาะของคะแนนเตอื นภาวะวกิ ฤตของผูป้ ่ วยก่อน ยา้ ยออกจาก ICU BURN ดว้ ยวธิ กี ารประเมนิ โดยใช ้ MEWS เทยี บกบั การใช ้ NEWS ตอ่ การเกดิ readmit ICU ดว้ ยภาวะ shock ซา้ และหายใจลม้ เหลว รปู แบบศกึ ษา สถานที่ และผูป้ ่ วย: Diagnostic accuracy research, Retrospective data collection design รวบรวมขอ้ มูลจากเวชระเบยี น โดยใชร้ ายชอ่ื ผปู ้ ่ วยทเ่ี ขา้ รับการรักษาใน ICU Burn โรงพยาบาล เชยี งรายประชานุเคราะห์ ตงั้ แตเ่ ดอื น ม.ค. 2562 – ธ.ค. 2562 การวดั ผล และวธิ กี าร: เก็บขอ้ มูลท่ัวไป โรคร่วม การผ่าตัด สญั ญาณชพี การใช ้ O2 supply เหตผุ ล การยา้ ยออก และการกลบั มา re-admit ดว้ ย shock หรอื การหายใจลม้ เหลว ขอ้ มูลจากผูป้ ่ วยทุกราย จะถกู นามาประเมนิ คะแนนเตอื นทัง้ 2 วธิ ี ไดแ้ ก่ ใช ้ MEWS score และใช ้ NEWS score ผล: ผูป้ ่ วยท่ีศกึ ษา 398 ราย มีผูป้ ่ วยท่ี Re-admit 24 ราย เม่อื เปรยี บเทยี บ sensitivity, specificity, PPV, NPV ในการประเมนิ คะแนนเตือนภาวะวกิ ฤตของผูป้ ่ วย (warning scores) กอ่ นยา้ ยออก โดย วธิ ใี ช ้ NEWS score และ MEWS score พบวา่ การประเมนิ โดย NEWS score (ท่จี ุดตดั ≥3) มีความไว (sensitivity) 75% มากกว่าการประเมนิ โดย MEWS score (ทจ่ี ุดตัด ≥2) มคี วามไวเพียง 37.5% ขณะทค่ี วามจาเพาะ (specificity) จากการประเมนิ โดย NEWS score มีคา่ 34.2% และประเมนิ โดย MEWS score 53.2% ใช ้ NEWS score ประเมนิ ใช ้ MEWS score ประเมนิ (n=398) (n=398) % 95% CI % 95% CI 37.5 18.8 - 59.4 -sensitivity 75.0 53.3 - 90.2 -specificity 53.2 48.0 - 58.4 -PPV 34.2 29.4 - 39.3 -NPV 4.90 2.3 - 9.1 6.8 4.1 - 10.6 93.0 88.7 - 96.0 95.5 90.5 - 98.3 ขอ้ ยุตแิ ละการนาไปใช:้ ควรใช ้ NEWS score ในการประเมนิ คะแนนเตอื นภาวะวกิ ฤตของผูป้ ่ วยกอ่ น ยา้ ยออกจาก ICU BURN เพอื่ ลดการ readmit ICU เน่ืองจากมคี วามไวดกี วา่ คาสาคญั : NEWS score, MEWS score, readmit ICU การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

การเปรยี บเทยี บผลของการฉดี ยาชาบรเิ วณเนอ้ื เยอ่ื หนา้ ขารว่ มกบั เนอื้ เยอื่ หลงั ขอ้ เขา่ และการฉดี ยาชาบรเิ วณเนอ้ื เยอ่ื หนา้ ขาอยา่ งเดยี วตอ่ การระงบั ปวดหลงั ผา่ ตดั ในผปู้ ่ วยผา่ ตดั เปลยี่ นขอ้ เขา่ กนกพล สงิ หธ์ นะ พบ. โรงพยาบาลสมเดจ็ พระยพุ ราชปัว บทคดั ยอ่ ความสาคญั ของปญั หาวจิ ยั : การผา่ ตดั เปลยี่ นขอ้ เขา่ เป็ นหัตถการทที่ าใหผ้ ปู ้ ่ วยมอี าการปวดแผลหลัง ผา่ ตดั คอ่ นขา้ งมาก การจัดการกบั อาการปวดอย่างไม่เหมาะสมทาใหผ้ ูป้ ่ วยมโี อกาสเกดิ ภาวะปวดเรื้อรัง มภี าวะแทรกซอ้ นจากการรกั ษาอาการปวด ผปู ้ ่ วยฟ้ื นตวั ชา้ เพม่ิ ภาระคา่ ใชจ้ า่ ยในการรักษา วตั ถุประสงคก์ ารศกึ ษา : เพื่อหาแนวทางการระงับปวดแผลหลังผ่าตัดเปล่ียนขอ้ เขา่ ท่ีเหมาะสม ในการศกึ ษานี้ตัง้ ขอ้ สมมุตฐิ านว่า การฉีดยาชาเพ่ือระงับปวดหลังผ่าตัดดว้ ยวธิ ี ACB ร่วมกับ IPACK block จะทาใหส้ ามารถระงบั ปวดหลงั ผ่าตดั เปลย่ี นขอ้ เขา่ ไดด้ กี วา่ การฉีดยาชาดว้ ยวธิ ี ACB เพยี งวธิ เี ดยี ว รปู แบบศกึ ษา สถานที่ และผปู้ ่ วย: รูปแบบการศกึ ษาแบบ Randomize control trial ทาการศกึ ษาใน กลมุ่ ประชากรตัวอย่างท่ีมาผ่าตัดเปลย่ี นขอ้ เขา่ ทโี่ รงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว ในระหวา่ งปี พ.ศ. 2562-2563 จานวนทัง้ สน้ิ 16 ราย สุ่มแบ่งเป็ น 2 กลุม่ กลุม่ แรกไดร้ ับการระงับปวดหลงั ผ่าตัดดว้ ย วธิ ี ACB ร่วมกับ IPACK block กลมุ่ ท่ี 2 ไดร้ ับการระงับปวดดว้ ยวธิ ี ACB เพียงอย่างเดยี ว เก็บขอ้ มูล ระดบั อาการปวดหลงั ผ่าตดั ปรมิ าณยารักษาอาการปวดชนดิ ต่างๆ ภาวะแทรกซอ้ น ความพงึ พอใจของ ผปู ้ ่ วยตอ่ การรกั ษาอาการปวดหลงั ผ่าตัด โดยไดน้ าเอาการศกึ ษากอ่ นหนา้ น้ีของ Sankineani และคณะ (ปี ค.ศ. 2016-2017) มาอา้ งองิ ในการคานวณกลมุ่ ประชากรตัวอย่าง นาคา่ เฉลยี่ และสว่ นเบ่ียงเบน มาตรฐานของระดบั คา่ visual analog scale ท่ี 8 ชว่ั โมงหลงั ผ่าตดั มาคานวณ ใชส้ ูตรของ randomized control trial for continuous data กาหนด alpha = 5 % beta = 80 % loss to follow up 10% ต่อ กลมุ่ randomize และ allocation เป็ นสองกลมุ่ ดว้ ยระบบคอมพวิ เตอรแ์ บบ block of four การวดั ผล และวธิ กี าร: ทาการวเิ คราะหเ์ ปรียบเทยี บผลการศกึ ษาสาหรับขอ้ มูลเชงิ ปรมิ าณระหวา่ ง 2 กล่มุ ดว้ ยสถติ ิ t-test หรอื Mann-Whitney U test วเิ คราะหเ์ ปรยี บเทยี บผลการศกึ ษาสาหรับขอ้ มูล เชงิ คุณภาพระหวา่ ง 2 กลุ่มดว้ ยสถติ ิ chi square test วเิ คราะหค์ า่ การเปลยี่ นแปลงของตวั แปรตา่ งๆ ระหวา่ งคนไข ้ 2 กลมุ่ ดว้ ย repeated measurement ANOVA test คา่ สถติ ทิ ัง้ หมดจะกาหนดคา่ ระดบั ความมนี ัยสาคญั ทางสถติ ทิ ี่ p-value < 0.05 ผล : ผปู ้ ่ วยกล่มุ ท่ีไดร้ ับการระงับปวดหลังผ่าตดั ดว้ ยวธิ ี ACB ร่วมกับ IPACK block ไดร้ ับยาmorphine สะสมที่ 12 ชว่ั โมงหลงั ผ่าตัดเฉลยี่ 1.5 ±1.6 มลิ ลกิ รัม ในขณะทีผ่ ูป้ ่ วยกลุ่มท่ไี ดร้ ับการระงับปวดดว้ ย ACB เพยี งวธิ เี ดยี ว เฉลย่ี 3.75 ± 1.39 มลิ ลกิ รัม (p = 0.015) ไม่พบความแตกต่างในประเด็นระดบั อาการปวดหลงั ผา่ ตดั ภาวะแทรกซอ้ น และระดบั ความพงึ พอใจของผูป้ ่ วยต่อการรักษาอาการปวดหลงั ผ่าตดั ในผปู ้ ่ วยทัง้ 2 กลมุ่ ขอ้ ยุตแิ ละการนาไปใช้ : การทา ACB ร่วมกบั IPACK block ชว่ ยลดปรมิ าณการใช ้ morphine สะสม ท่ี 12 ชว่ั โมงหลงั ผ่าตดั เพอ่ื รักษาอาการปวดหลงั ผ่าตดั เปลยี่ นขอ้ เขา่ เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ACB อย่างเดยี ว คาสาคญั : TKA, adductor canal block, IPACK block การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

ผลของโปรแกรมการฟ้ื นฟสู มรรถภาพปอดโดยใชล้ กู โป่ งในผปู้ ่ วยโรคปอดอดุ กนั้ เรอื้ รงั โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปวั รตั นากร อทุ มุ พร พย.ม. โรงพยาบาลสมเดจ็ พระยพุ ราชปัว บทคดั ยอ่ ความสาคญั : ผปู ้ ่ วยโรคปอดอดุ กนั้ เรอ้ื รงั สว่ นใหญ่จะมอี าการหอบเหนือ่ ย ไอเรอ้ื รงั หรอื มเี สมหะ เป็ นโรค ทร่ี ักษาไมห่ ายขาด อาจมอี าการกาเรบิ ของโรคเป็ นระยะ ซงึ่ โปรแกรมการฟื้ นฟสู มรรถภาพปอดดว้ ยการ ออกกาลงั กายทบี่ า้ น จะชว่ ยใหผ้ ูป้ ่ วยมสี ขุ ภาพดขี น้ึ ชว่ ยลดอาการหอบเหน่อื ยและชว่ ยเพม่ิ คณุ ภาพชวี ติ วตั ถปุ ระสงค:์ เพอื่ ศกึ ษาผลของโปรแกรมการฟื้ นฟสู มรรถภาพปอดโดยใชล้ กู โป่ งในผปู ้ ่ วยโรคปอดอดุ กนั้ เรอ้ื รัง โรงพยาบาลสมเดจ็ พระยพุ ราชปัว รูปแบบศกึ ษา สถานที่ และผูป้ ่ วย: การศกึ ษาครัง้ นี้เป็ นงานวจิ ัยแบบก่ึงทดลอง (Experimental Research)ศกึ ษาเก็บขอ้ มลู จากผูป้ ่ วยโรคปอดอดุ กนั้ เรอ้ื รังท่มี คี วามรุนแรงของโรคอยู่ในระดับ 2 และ 3 ทม่ี ารบั บรกิ ารคลนิ กิ โรคปอดอดุ กนั้ เร้ือรัง โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว จานวน 30 คน เลอื กกลมุ่ ตวั อย่างโดยการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบง่ายๆ (Sample Random Sampling) อายุระหว่าง 40-70 ปี แบ่งเป็ น 2 กลมุ่ คอื กลมุ่ ควบคมุ ไดร้ ับโปรแกรมการฟ้ื นฟสู มรรถภาพปอดทบ่ี า้ น และกลุ่มทดลองไดร้ ับ โปรแกรมการฟื้ นฟสู มรรถภาพปอดโดยใชล้ กู โป่ งทบ่ี า้ น เป็ นเวลา 8 สปั ดาห์ การวดั ผล และวธิ กี าร: ประเมนิ ภาวะหายใจลาบากโดยใช ้ Modified British Medical Research Council (mMRC) ,ประเมนิ วดั คณุ ภาพชวี ติ ของผูป้ ่ วยโรคปอดอุดกัน้ เร้ือรังโดยใช ้ COPD Assessment Test (CAT)และประเมนิ ความสามารถในการทากจิ กรรมโดยใช ้6 Minute Walk Test (6MWT) กอ่ นและ หลงั เขา้ รว่ มโปรแกรม เมอ่ื วเิ คราะหข์ อ้ มูลผลของโปรแกรมฟ้ื นฟสู มรรถภาพปอดในผูป้ ่ วยโรคปอดอดุ กนั้ เร้ือรังระหว่างกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง จานวน 30 ราย วเิ คราะหข์ อ้ มูลโดยใชส้ ถติ ิ Pair Paired Samples T-Test และ Independent Samples Test ผล: ขอ้ มูลทัง้ สองกลุ่มหลังไดร้ ับโปรแกรมฟ้ื นฟสู มรรถภาพปอดเพียงอย่างเดยี วและโปรแกรมฟ้ื นฟู สมรรถภาพปอดร่วมกบั การเป่ าลกู โป่ งในผปู ้ ่ วยโรคปอดอดุ กนั้ เรอ้ื รงั มคี วามแตกต่างกนั อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ p value < 0.05 ส่วนขอ้ มูลคุณภาพชวี ติ ผูป้ ่ วยโรคปอดอุดกัน้ เร้อื รัง (CAT) และขอ้ มูลแสดง ภาวะหายใจลาบาก (mMRC) กอ่ นและหลงั ไดร้ ับโปรแกรมการฟื้ นฟสู มรรถภาพปอดในผปู ้ ่ วยโรคปอดอุด กัน้ เรื้อรังพบว่า ในกลุ่มควบคมุ ไม่มีความแตกตา่ งกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ส่วนในกลุ่มทดลองที่ ไดร้ ับโปรแกรมการฟื้ นฟูสมรรถภาพปอดร่วมกบั การเป่ าลูกโป่ งในผูป้ ่ วยโรคปอดอุดกัน้ เรื้อรัง มคี วาม แตกตา่ งกนั อย่างมีนัยสาคัญทางสถติ ิ p value < 0.05 โปรแกรมฟื้ นฟสู มรรถภาพปอดร่วมกับการเป่ า ลูกโป่ งในผูป้ ่ วยโรคปอดอุดกัน้ เร้ือรังมีผลเพมิ่ ระยะทางในการทดสอบดว้ ยการเดนิ 6 นาที (6MWT) เพม่ิ คณุ ภาพชวี ติ ของผูป้ ่ วยโรคปอดอดุ กนั้ เรอื้ รัง (CAT) และมีภาวะหายใจลาบาก (mMRC) ลดลง เมอื่ เทยี บกบั กลมุ่ ทไ่ี ดร้ ับโปรแกรมฟ้ื นฟสู มรรถภาพปอดเพยี งอยา่ งเดยี ว คาสาคญั : โรคปอดอดุ กนั้ เรอ้ื รงั โปรแกรมฟ้ื นฟสู มรรถภาพปอด การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ยั โรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

นวตั กรรมการพฒั นาเตยี งฟื้ นฟสู ภาพสาหรบั ผูส้ งู อายใุ นชุมชน โดยบรู ณาการทมี สหสถาบนั (ชมุ ชน สุขภาพ สงั คม และการศกึ ษา) เขตพนื้ ทโี่ รงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพ บรบิ ทโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปวั อาเภอปวั จงั หวดั นา่ น ดร.ไพจติ รา ลอ้ สกลุ ทอง พย.ม.*, ระบอบ วรปรางกลุ **, วจิ ารณ์ ศศวิ จั นไ์ พสฐิ **, ประกอบ แสนทรงสริ *ิ **, บัณเทงิ จนุ ทกานตบ์ ณั ฑติ *, ปุณศ์ วทิ ยารกั ษ์****, รศ.ดร. สรุ กานต์ รวยสงู เนนิ ****, พชิ ญร์ ะวี สรุ อารี กลุ ***, ณรงคศ์ กั ดิ์ มหาวงศนันท*์ , ณรงคศ์ กั ด์ิ มหาวงศนันท*์ *ภาคสี ขุ ภาพ, **ภาคภี าคประชาชน, ***ภาคภี าคสงั คม, ****ภาคกี ารศกึ ษา บทคดั ยอ่ ความสาคญั : ผสู ้ งู อายทุ มี่ โี รคเรอื้ รงั ทอ่ี ยู่ในภาวะพง่ึ พาไม่สามารถชว่ ยเหลอื ตัวเองไดถ้ ูกจัดใหเ้ ป็ นกลุ่มท่ีมี ความจาเป็ นตอ้ งไดร้ บั การดแู ลระยะยาว เน่อื งจากเป็ นกลมุ่ ทม่ี พี ยาธสิ ภาพของโรคที่รักษาไม่หาย อาจมีการ กาเรบิ ของโรคซ้าอกี หรือมคี วามพกิ ารหรือทุพพลภาพ ผูส้ ูงอายุท่ีหลงั จากกลบั จากโรงพยาบาล เตยี งท่ี โรงพยาบาล ไม่เหมาะสมในการฟื้ นฟสู ภาพ เมื่อผูส้ ูงอายุกลบั ไปใชช้ วี ติ หรอื ฟื้ นฟูสภาพท่ีบา้ น การดูแล ผูส้ งู อายอุ ย่างเป็ นองคร์ วม จาเป็ นตอ้ งเป็ นบรกิ ารท่ีบูรณาการทัง้ ดา้ นสุขภาพและดา้ นสงั คม ท่ีตอ้ งประสาน ความร่วมมอื กบั 3 กระทรวงหลัก คอื กระทรวงสาธารณสขุ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพัฒนาและ ความมง่ั คงของมนุษยท์ ข่ี าดการบรู ณาการร่วมกบั มาทางานแบบประสานภารกจิ บรู ณาการ วตั ถปุ ระสงค:์ เพอ่ื การพฒั นาเตยี งฟื้ นฟสู ภาพสาหรบั ผูส้ งู อายใุ นชมุ ชน โดยบรู ณาการทมี สหสถาบนั (ชมุ ชน สขุ ภาพ สงั คม และการศกึ ษา) เขตพน้ื ทโี่ รงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพ บรบิ ทโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ปัว อาเภอปัว จงั หวดั น่าน รปู แบบศกึ ษา สถานท่ี และผปู้ ่ วย: วจิ ยั เชงิ ปฏบิ ัตกิ ารแบบประสานความร่วมมอื (Mutual collaborations action research) ดาเนนิ งาน 3 ระยะ 1. ระยะวเิ คราะหส์ ถานการณ์ความตอ้ งการเตยี งทเ่ี ป็ นมติ ร 2. ระยะ ดาเนนิ การทาเตยี งโดยทมี งานชา่ งจติ อาสา 3. ระยะประเมนิ ผลการดาเนินงาน ระยะเวลา กุมภาพันธ์ 2561 - มีนาคม 2563 พ้ืนที่ในการศกึ ษา ในเขตพ้ืนที่โรงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพ 12 ตาบลในบริบทของ โรงพยาบาลสมเดจ็ พระยพุ ราชปัว จังหวดั น่าน เป็ นกลมุ่ ผสู ้ งู อายุตดิ บา้ นหรือตดิ เตยี งทม่ี คี วามตอ้ งการเตยี ง ฟ้ื นฟสู ภาพ การวดั ผล และวธิ กี าร: เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยใชเ้ กบ็ รวบขอ้ มูลทัง้ เชงิ ปรมิ าณ และเชงิ คณุ ภาพ เลอื กแบบ เจาะจงจานวน 65 ราย วเิ คราะหข์ อ้ มูลเชงิ ปริมาณ โดยสถิตเิ ชงิ พรรณนา วเิ คราะหข์ อ้ มูลเชงิ คุณภาพ การตรวจสอบแบบสามเสา้ (Tri -angulation) ผล: การศกึ ษาวจิ ัยทัง้ 3 ระยะ มีดังตอ่ ไปน้ี 1. ระยะวเิ คราะหส์ ถานการณ์ พบผูส้ ูงอายุหกลม้ จากการตก เตยี ง ไดร้ บั บาดเจ็บ เชน่ ขาหัก ฟกช้า ผูส้ งู อายุมีสภาพเตยี งไม่เหมาะสมท่ีจะฟ้ื นฟูสภาพหลงั จากจาหน่าย ออกจากรพ. 2. ระยะดาเนินงาน ดาเนินงานโดยแกนนาชมรมผูส้ ูงอายุอาเภอปัว 2.1 โดยรับแบบจากการ ออกแบบของสถาปั ตยกรรมศาสตร์ มข.จานวน 5แบบตามลักษณะความตอ้ งการของผูส้ ูงอายุในชุมชน 2.2 ดาเนนิ การสรา้ งเตยี งตามแบบ และการประเมนิ ผูส้ งู อายุโดยใชง้ บบรจิ าคและชา่ งจติ อาสาในชุมชน โดย การบูรณาการทมี งานสหสถาบนั ชมรมผสู ้ งู อายุ อสม. เทศบาล วดั รพ.สต. รพร.ปัว และวทิ ยาลยั การอาชพี ปั ว ต่อจากนั้น ประสานรถจาก อบต. หรือเทศบาล นาเตยี งส่งใหก้ ับผูส้ ูงอายุในชุมชน 3. ประเมินผล ผสู ้ งู อายตุ ดิ สงั คมไดร้ บั เตยี งทสี่ ามารถฟ้ื นฟสู ภาพเชน่ ผูป้ ่ วย STROKE NEW CASE ทจี่ าเป็ นตอ้ งฟ้ื นฟูสภาพ หลงั จาหน่ายจาก รพ.ผูส้ งู อายทุ ขี่ าดการออกกาลังกายเป็ นตน้ เกดิ นวัตกรรมการทางานอย่างมีสว่ นร่วม ใช ้ วตั ถดุ บิ ในชมุ ชน ผสู ้ งู อายุยากจนสามารถใชเ้ ตยี งไดร้ าคาถูก ผสู ้ งู อายุสามารถประกอบกจิ วัตรประจาวนั ดว้ ย ตนเอง เกดิ ทมี งานบรู ณาการสหสถาบันโดยการทางานโดยยดึ ผูป้ ่ วยเป็ นศูนยก์ ลาง สรา้ งการมีสว่ นร่วมทุก ภาคีเครอื ข่ายทเี่ กยี่ วขอ้ งในการดูแลผูส้ ูงอายุในชุมชน อภปิ รายผลจากผลการศกึ ษาน้ี นับเป็ นนวัตกรรม เนื่องจากผลการศกึ ษาไดป้ รับเปลยี่ นกระบวนการหรอื วธิ ีการใหม่ จากเดมิ ทางานขาดการบูรณาการ มาเป็ น บูรณาการสหถาบันโดยใชผ้ ปู ้ ่ วยหรอื ผูส้ งู อายเุ ป็ นศนู ยก์ ลาง ซง่ึ ผูว้ จิ ยั ในฐานะนักวจิ ัยขัน้ สูงทางการพยาบาล ไดป้ ฏบิ ัตหิ นา้ ที่จากงานประจาเพื่อสรา้ งนวัตกรรมในขอ บเขตงานวจิ ัยและพัฒนา กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว ปัจจัยของความสาเร็จ ของการพัฒนาคอื การทมี่ ชี มุ ชนเข็มแข็ง ผูน้ า มี วสิ ยั ทัศน์ และเนน้ การป้ องกนั มากกวา่ การรักษา การนาไปใช ้ ควรนากระบวนการมสี ่วนร่วม ตอ่ ยอดทุนทาง สงั คมเดมิ คอื นวตั กรรมบา้ นทเี่ ป็ นมติ รสาหรบั ผสู ้ งู อายใุ นชมุ ชน เนน้ นาทรพั ยากรทอ้ งถนิ่ มาประยุกตใ์ ช ้ การ การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ยั โรงพยาบาล ครงั้ ที่ 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

มสี ว่ นร่วมทุกภาคเี ครอื ขา่ ย ควรขยายใหผ้ ูส้ งู อายุชมุ ชนอน่ื ขอ้ เสนอแนะในการวจิ ัยพัฒนาชมุ ชนทเี่ ป็ นมติ ร ตอ่ ไป ขอ้ ยตุ ิ และการนาไปใช:้ ผสู ้ งู อายทุ ม่ี สี ภาพความตอ้ งการฟ้ื นฟสู ภาพโดยใชเ้ ตยี งทที่ ีมงานสหสถาบันได ้ ร่วมกันพัฒนาขนึ้ ภายใตท้ รัพยากรในทอ้ งถนิ่ หรือวตั ถุดบิ ในชมุ ชน ชุมชนไดพ้ ัฒนาศักยภาพ เกดิ ความ สามัคคี เกดิ ทีมงานบูรณาการสหสถาบันๆ การนาความรูส้ ู่การปฏบิ ัตอิ ย่างแทจ้ รงิ ภายใตก้ ารปฏบิ ัตภิ ารกจิ ตามแตล่ ะภาคี เกดิ ตน้ แบบนวตั กรรมเตยี งฟื นฟูสภาพผสู้ งู อายใุ นชมุ ชน คาสาคญั : เตยี งฟื้ นฟสู ภาพ, ผสู ้ งู อายุในชมุ ชน,การบรู ณาการ, ทมี สหสถาบัน, บรกิ ารปฐมภมู ิ การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ยั โรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

ปจั จยั นอกเหนอื จากพารามเิ ตอรส์ แกนทมี่ ผี ลตอ่ ค่าประมาณรงั สจี าเพาะขนาด (Size-specific dose estimates) ในการเอกซเรยค์ อมพวิ เตอรท์ รวงอกและช่องทอ้ งทง้ั หมดโรงพยาบาล เชยี งรายประชานเุ คราะห์ ประไพพรรณ พมิ พศ์ ร กลมุ่ งานรังสวี ทิ ยา โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ บทคดั ยอ่ ความสาคญั : เอกซเรยค์ อมพวิ เตอรเ์ ป็ นการตรวจที่ใชป้ รมิ าณรังสีสงู เมือ่ เทยี บกบั การตรวจทางรังสี วนิ จิ ฉัยชนิดอน่ื นอกจากพารามเิ ตอรท์ ใ่ี ชใ้ นการแสกนยังมีปัจจัยอน่ื ๆ ท่มี ีความสมั พันธก์ บั การทผี่ ูป้ ่ วย ไดร้ ับปรมิ าณรังสเี พมิ่ ขน้ึ วตั ถปุ ระสงค:์ เพ่อื ศกึ ษาปัจจัยนอกเหนือจากพารามเิ ตอรท์ ี่ใชใ้ นการสแกนท่ีอาจมผี ลต่อค่าประมาณ รงั สจี าเพาะขนาด(Size-specific dose estimates: SSDE) รปู แบบ สถานท่ี และประชากรทศ่ี กึ ษา: Retrospective observational cross-sectional study โดย ศกึ ษาผูป้ ่ วยที่ไดร้ ับการตรวจเอกซเรยค์ อมพิวเตอรส์ ่วนทรวงอกและช่องทอ้ งทัง้ หมดระหว่างเดอื น มกราคม 2562 ถงึ มถิ นุ ายน 2563 ทกี่ ลมุ่ งานรงั สวี ทิ ยา โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ การวดั ผลและวธิ กี าร: แบง่ ผปู ้ ่ วยเป็ น 4 กลมุ่ ตามขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางสมมูลน้า แตล่ ะกลมุ่ แบ่งเป็ น 2 กลมุ่ ยอ่ ยคอื กลมุ่ SSDE เกนิ มธั ยฐาน และกลมุ่ SSDE ไมเ่ กนิ มธั ยฐาน เก็บขอ้ มูล เพศ, อายุ, เสน้ ผ่าน ศนู ยก์ ลางยังผล, สง่ิ แปลกปลอมหรอื อปุ กรณก์ ารแพทย,์ การสแกนภาพเพ่ือใชส้ าหรับการวางแผนการ ตรวจ(Scanned projection radiograph: SPR), ตาแหน่งการวางแขนขณะทา SPR, และตาแหน่งผูป้ ่ วย ไม่ตรงกบั ศูนยก์ ลางของแกนทรีทัง้ แนว Vertical(Vertical off-centering) และ Coronal(Coronal off- centering) วเิ คราะหเ์ ปรียบเทยี บระหว่างกลมุ่ SSDE เกนิ และไม่เกนิ มัธยฐาน ดว้ ยสถติ ิ Exact test, Studen’s t-test, Wilcoxon rank-sum test และ Multivariable logistic regression กาหนดขนาด ตวั อยา่ งโดยเลอื กปัจจยั ที่ตอ้ งใชจ้ านวนตวั อย่างมากที่สดุ ที่ยังสามารถเก็บขอ้ มูลได ้ ภายใตส้ มมตฐิ าน ทว่ี า่ สดั สว่ นของปัจจัยการมสี งิ่ แปลกปลอมหรอื อปุ กรณก์ ารแพทยใ์ นกลมุ่ SSDE ไม่เกนิ มธ้ ยฐานเท่ากบั 3.0% และจะเพม่ิ เป็ น 10.0% ในกล่มุ ท่ี SSDE เกนิ มัธยฐาน โดยกาหนด power 80% และ alpha error 5%(two-sided) ตอ้ งใชผ้ ูป้ ่ วยอย่างนอ้ ยสดุ กลมุ่ ละ 222 ราย ผล: เพศ, อายุ, เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางยงั ผล, สงิ่ แปลกปลอมหรอื อปุ กรณ์การแพทย์ และตาแหน่งการวาง แขนขณะทา SPR มผี ลตอ่ การทผี่ ปู ้ ่ วยไดร้ บั SSDE เกนิ มัธยฐานอย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั 0.05 ปัจจยั ทศี่ กึ ษา Addjusted 95% CI p-value odds ratio หญงิ 7.14 (4.60-11.08) <0.001 อายุ>60ปี 0.65 (0.44-0.97) 0.033 เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางยงั ผล 1.36 (1.24-1.49) <0.001 สงิ่ แปลกปลอมหรอื อปุ กรณก์ ารแพทย์ 2.20 (1.01-4.80) 0.047 วางแขนลงขณะ SPR 2.91 (1.41-6.01) 0.004 SPR เฉพาะ AP(antero-posterio) 1.07 (0.67-1.70) 0.771 Vertical off-centering(ซม.) 1.44 (0.90-2.31) 0.126 Mininimum/-1 -1/1 1.00 reference 1/Maximum 1.39 (0.84-2.230 0.199 Coronal off-centering(ซม.) Minimum/-1 1.24 (0.46-3.32) 0.666 -1/1 1.00 reference 1/Maximum 1.22 (0.72-2.08) 0.456 ขอ้ ยุตแิ ละการนาไปใช:้ การวางแขนลงขณะทา SPR ทาใหผ้ ูป้ ่ วยไดร้ ับปรมิ าณรังสเี พม่ิ ขนึ้ ดังนัน้ เจา้ หนา้ ทอี่ าจจาเป็ นตอ้ งทา SPR ใหม่อกี ครงั้ โดยจดั ทา่ ใหผ้ ปู ้ ่ วยเอาแขนขน้ึ กอ่ น หรอื ในกรณตี รวจหลาย สว่ นพรอ้ มกนั เชน่ การตรวจสว่ นคอหรือศรี ษะพรอ้ มกับส่วนทรวงอกและชอ่ งทอ้ ง มักทาการสแกน SPR ครัง้ เดียวโดยใหผ้ ูป้ ่ วยเอาแขนลง อาจจาเป็ นตอ้ งสแกน SPR แยกกัน และควรระมัดระวงั ใหน้ าสง่ิ แปลกปลอมหรอื อปุ กรณก์ ารแพทยอ์ อกนอกบรเิ วณทจี่ ะสแกนกอ่ นทา SPR คาสาคญั : Size-specific dose estimates, Computed tomography, Arm positioning, Patient centering, Scanned projection radiograph การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ยั โรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

ผลการใช้ triage score ในการประเมนิ ผปู้ ่ วยเขา้ ICU ตอ่ การเสยี ชวี ติ ของผปู้ ่ วยทจ่ี องเขา้ ICU แตไ่ มไ่ ดย้ า้ ยเขา้ หอผปู้ ่ วยหนกั ศลั ยกรรม โรงพยาบาลเชยี งรายประชานเุ คราะห์ ตอ้ งหทัย สสั ดแี พง พยบ.,นรนิ ทร์ กนั ตา พยบ., เกษราภรณ์ นันตาเป็ ก พยบ. หอผปู ้ ่ วยหนักศลั ยกรรม แผลไหมน้ ้ารอ้ นลวก โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ บทคดั ยอ่ ความสาคญั : การยา้ ยผูป้ ่ วยเขา้ ICU อย่างไม่เหมาะสมเป็ นปัญหาทพ่ี บไดบ้ ่อย กลมุ่ งานศลั ยกรรม ไดม้ กี ารใช ้ triage score เพอ่ื จดั ลาดบั ผปู ้ ่ วยเขา้ ICU โดยแบ่งตามระดบั ความรุนแรงของอาการซงึ่ คาด วา่ อาจช่วยลดการเขา้ ICU ไม่เหมาะสมได ้ โดยเม่อื ใช ้ triage score คัดเลอื กผูป้ ่ วยหนักเขา้ ICU ไปแลว้ ผูป้ ่ วยที่เหลอื อยู่รอเขา้ ICU จงึ เป็ นผูป้ ่ วยทอ่ี าการหนักไม่มาก และมแี นวโนม้ ของอาการดขี น้ึ หรอื กระท่ังสามารถยกเลกิ การเขา้ ICU ไดเ้ ช่น ผูป้ ่ วยใชท้ ่อชว่ ยหายใจที่จองมาเพอ่ื หย่าเคร่อื งชว่ ย หายใจ รวมถงึ ผูป้ ่ วยหลังผ่าตัดที่ตอ้ งการเฝ้ าระวังภาวะแทรกซอ้ น ทัง้ น้ีในผูป้ ่ วยกลุ่มท่ีจองเขา้ ICU แตไ่ มไ่ ดย้ า้ ยเขา้ ยังไม่มกี ารรวบรวมขอ้ มลู เพอ่ื ศกึ ษาการเสยี ชวี ติ ของผปู ้ ่ วยกลมุ่ นี้ วตั ถปุ ระสงค:์ เพอ่ื เปรยี บเทยี บการเสยี ชวี ติ ของผูป้ ่ วยทจี่ องเขา้ ICU แตไ่ ม่ไดเ้ ขา้ ในชว่ งเวลาท่ไี ม่ได ้ ใช ้ Triage score กบั ชว่ งทใี่ ช ้ Triage score ในการประเมนิ เพอ่ื ยา้ ยเขา้ ICU รูปแบบ สถานที่ และผูป้ ่ วย: การศกึ ษา retrospective study โดยรวบรวมขอ้ มูลจากรายชอื่ ผูป้ ่ วยท่ี จอง ICU ศลั ยกรรม โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ การวดั ผลและวธิ กี าร: กลุม่ ควบคุมรวบรวมขอ้ มูลระหว่างเดอื น พฤษภาคม ถงึ เดอื น สงิ หาคม 2561 และกลมุ่ ศกึ ษารวบรวมขอ้ มูลระหวา่ งเดอื นกนั ยายน 2561 – กุมภาพันธ์ 2562 โดยทัง้ 2 กลมุ่ แยกเป็ น ผปู ้ ่ วยทไี่ ดเ้ ขา้ ICU ผปู ้ ่ วยทยี่ กเลกิ ICU เน่ืองจากอาการดขี น้ึ และผูป้ ่ วยทีเ่ สยี ชวี ติ วเิ คราะหข์ อ้ มูลดว้ ย สถติ ิ exact probability test, t-test, ranksum test ผล: ผูป้ ่ วยที่ศกึ ษา 486 คน อยู่ในกลม่ ใช ้ Triage 324 ราย กลุ่มไม่ไดใ้ ช ้ Triage 162 ราย ในกลุ่มใช ้ Triage ไดย้ า้ ยเขา้ ICU รอ้ ยละ 60.5 นอ้ ยกว่ากลุ่มไม่ไดใ้ ช ้ Triage ไดย้ า้ ยเขา้ รอ้ ยละ 66.5 กลุ่มใช ้ Triage ผปู ้ ่ วยทจ่ี อง ICU แตไ่ ม่ไดเ้ ขา้ เสยี ชวี ติ รอ้ ยละ 1.5 นอ้ ยกวา่ กลุม่ ไม่ไดใ้ ช ้ Triage เสยี ชวี ติ รอ้ ย ละ 7.4 และกลุ่มใช ้ Triage ยกเลกิ ICU เน่ืองจากอาการดขี นึ้ รอ้ ยละ 38.0 มากกว่ากล่มุ ไม่ไดใ้ ช ้ Triage ยกเลกิ รอ้ ยละ 26.5 ผลการศกึ ษา กลมุ่ ใช ้ Triage ไมไ่ ดใ้ ช ้ Triage P-value (n=324) (n=162) 0.001 ไดย้ า้ ยเขา้ ICU ยกเลกิ ICU n% n% การเสยี ชวี ติ ผปู ้ ่ วยทจ่ี อง ICU แตไ่ ม่ไดเ้ ขา้ 196 60.5 107 66.1 123 38.0 43 26.5 5 1.5 12 7.4 ขอ้ ยุตแิ ละการนาไปใช:้ การใช ้ Triage score เพอื่ จดั ลาดบั การรบั ยา้ ยผปู ้ ่ วยเขา้ ICU ในหอผปู ้ ่ วยหนัก ศลั ยกรรม สามารถใชจ้ ดั ลาดบั ผูป้ ่ วยทมี่ อี าการหนักเขา้ ICU ไดเ้ ร็วขน้ึ สง่ ผลใหก้ ารเสยี ชวี ติ ในกลมุ่ ผปู ้ ่ วยทร่ี อเขา้ ICU ลดลง และสามารถนาแนวคดิ วธิ กี ารไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจัดลาดบั การรับยา้ ยผูป้ ่ วย เขา้ รักษาใน ICU แผนกอนื่ คาสาคญั : ICU, Triage score, การจดั ลาดบั , ผูป้ ่ วยหนัก, ศลั ยกรรม การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ยั โรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

ผลของการใช้ High flow nasal cannula (HFNC) และการใชอ้ อกซเิ จนปกติ เพอ่ื ลดอตั รา การใสท่ อ่ ชว่ ยหายใจชา้ ในผูป้ ่ วยทมี่ ภี าวะหายใจลม้ เหลวหลงั ถอดทอ่ ชว่ ยหายใจ หอผปู้ ่ วยหนกั อายรุ กรรม 3 โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ เพ็ญพชิ ญา ปิ่นประยรู พยบ.,ชฏาภรณ์ ใหม่บญุ เรอื ง พยบ.,สรุ างคล์ กั ษณ์ วงคค์ าลอื พยบ. พยาบาลวชิ าชพี หอผปู ้ ่ วยหนักอายรุ กรรม 3 โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ บทคดั ยอ่ ความสาคญั : ผปู ้ ่ วยทม่ี ภี าวะหายใจลม้ เหลวจาเป็ นตอ้ งไดร้ ับการรกั ษาโดยการใสท่ อ่ ช่วยหายใจและใช ้ เครอ่ื งชว่ ยหายใจ เมอื่ ผปู ้ ่ วยพน้ ภาวะวกิ ฤตและสาเหตทุ ่ที าใหภ้ าวะหายใจลม้ เหลวไดร้ ับการแกไ้ ขแลว้ จาเป็ นตอ้ งไดร้ ับการหย่าเครอื่ งชว่ ยหายใจใหเ้ ร็วทส่ี ดุ เน่อื งจากการใชเ้ ครอ่ื งชว่ ยหายใจเป็ นเวลานานจะ ส่งผลใหเ้ กดิ ภาวะแทรกซอ้ นต่างๆตามมาและภายหลังการถอดท่อช่วยหายใจแลว้ การรักษาระดับ ออกซเิ จนใหอ้ ยใู่ นระดบั เพยี งพอและเหมาะสมมคี วามสาคญั เพอ่ื ป้ องกนั การใสท่ อ่ ชว่ ยหายใจซา้ วตั ถปุ ระสงค:์ เพอื่ ศกึ ษาผลของการใช ้ High flow nasal cannula (HFNC) และการใชอ้ อกซเิ จนแบบ ปกติ (oxygen cannula, oxygen mask with bag) ตอ่ อตั ราการใสท่ ่อช่วยหายใจช้าในผูป้ ่ วยทม่ี ภี าวะ หายใจลม้ เหลวหลงั ถอดท่อชว่ ยหายใจ รปู แบบศกึ ษา สถานท่ี และผูป้ ่ วย: เป็ นการศกึ ษาแบบ observational study แบบ historical control ในผูป้ ่ วยท่ีมีภาวะหายใจลม้ เหลวท่ีไดร้ ับการใส่ท่อช่วยหายใจท่ีเขา้ รับการรักษาในหอผูป้ ่ วยหนัก อายุรกรรม 3 โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ และผ่านการประเมนิ ความพรอ้ มในการถอดท่อชว่ ย หายใจ หลังถอดท่อช่วยหายใจไดร้ ับการรักษาโดยใชอ้ อกซเิ จนแบบ High flow nasal cannula (HFNC)และออกซเิ จนแบบปกติ วธิ กี ารวดั ผล: กลมุ่ ควบคมุ รวบรวมขอ้ มูลจากเวชระเบยี นยอ้ นหลังระหวา่ ง ส.ค. 62 - ม.ค.63 และกลุม่ ศกึ ษาเก็บรวบรวมขอ้ มลู จากเวชระเบยี นไปขา้ งหนา้ ตงั้ แต่ ก.พ. - ก.ค. 63 แยกเป็ นผูป้ ่ วยท่ีหลังถอดท่อ ชว่ ยหายใจแลว้ ไดร้ ับออกซเิ จนแบบ ใช ้ High flow nasal cannula (HFNC) และผูป้ ่ วยท่หี ลังถอดท่อ ชว่ ยหายใจแลว้ ไดร้ ับออกซเิ จนแบบปกติ วเิ คราะหข์ อ้ มลู ดว้ ย Descriptive statistic, Exact probability test, t -test, ranksum test และ multivariable regression ผล:ผปู ้ ่ วยในการศกึ ษากล่มุ ละ 80 ราย ลักษณะทั่วไปของทัง้ 2 กล่มุ มีความแตกต่างอย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ เรอ่ื ง mode กอ่ นถอดท่อชว่ ยหายใจ และจานวนวันท่ีใส่ท่อชว่ ยหายใจกลุ่มท่ีใช ้ HFNC มีการ ใสท่ อ่ ชว่ ยหายใจช้า 6.25% นอ้ ยกว่ากลมุ่ ที่ใช ้ O2 มกี ารใสท่ ่อช้า 18.75% (p=0.029) ส่วนระยะเวลา จากถอดท่อถงึ ใส่ท่อชว่ ยหายใจซ้า ในกลุ่มท่ีใช ้ HFNC 18.25 ±89.86 นาที นอ้ ยกว่ากลมุ่ ทีไ่ ดร้ ับ O2 มีระยะเวลา 77.97 ± 257.19 นาที (p=0.017) เม่ือปรับความแตกต่างของผูป้ ่ วยทัง้ 2 กลมุ่ ใหม้ ีความ คลา้ ยคลงึ กนั ทางสถติ แิ ลว้ การใช ้ HFNC จะลดโอกาสเกดิ การใสท่ ่อชว่ ยหายใจช้าลงได ้ 26.0% อย่างมี นัยสาคญั ทางสถติ ิ (95% CI 8.10, 84.2; p=0.025) และระยะเวลาจากถอดท่อถงึ ใสท่ ่อช่วยหายใจซ้า ในกลุ่มที่ใช ้ HFNC นอ้ ยกว่ากล่มุ ทีไ่ ดร้ ับ O2 เฉลยี่ 46.2 นาที แตไ่ ม่มีนัยสาคัญทางสถติ ิ (95% CI - 112.255, 19.841; p=0.169) ขอ้ ยตุ ิ และการนาไปใช:้ หลงั ถอดท่อชว่ ยหายใจควรใช ้ O2 high flow nasal cannula (HFNC) เพอื่ ลดโอกาสเกดิ การใสท่ อ่ ชว่ ยหายใจชา้ คาสาคญั : O2 high flow nasal cannula (HFNC), re intubation การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ยั โรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

การศกึ ษาระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการพกั ฟื้ นและภาวะแทรกซอ้ นในผูป้ ่ วยเด็กทเี่ ขา้ รบั การผ่าตดั ตา แบบผปู้ ่ วยนอกของโรงพยาบาลเชยี งคา โดยเปรยี บเทยี บระหวา่ ง sevoflurane และ propofol Recovery time and complications using sevoflurane or propofol induction, ambulatory anesthesia for eye surgery in Chiangkham Hospital พว.มลั ลกิ า กองศร,ี พว.สพุ รรษา กนั ทะสอน, พญ.ธนาภรณ์ สวุ งศเ์ ครอื หอ้ งผ่าตดั โรงพยาบาลเชยี งคา จังหวดั พะเยา บทคดั ยอ่ วตั ถุประสงค์: เพ่ือศกึ ษาเปรียบเทียบการนาสลบและการใหย้ าระงับความรูส้ ึกระหว่างการใช ้ sevoflurane และ propofol โดยศกึ ษาถงึ ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการพักฟื้ นและอาการท่ีไม่พงึ ประสงค์ ในผปู ้ ่ วยเด็กทเ่ี ขา้ รับการผา่ ตดั ตาแบบผปู ้ ่ วยนอก รูปแบบศกึ ษา สถานท่ี และผูป้ ่ วย: Retrospective descriptive study สถานทศ่ี กึ ษา หอ้ งผ่าตัด โรงพยาบาลเชยี งคา กลมุ่ เป้ าหมายผปู ้ ่ วยเดก็ อายุนอ้ ยกวา่ 15 ปี ASA class I-II มารับการผ่าตัดตาแบบ ผูป้ ่ วยนอกที่หอ้ งผ่าตดั โรงพยาบาลเชียงคา ในช่วงระหวา่ งวันท่ี 1 มกราคม 2560 ถงึ 31 ธันวาคม 2560 การวดั ผล และวธิ กี าร: ทบทวนเวชระเบยี นและบันทกึ ขอ้ มลู ลงในแบบบนั ทกึ ขอ้ มลู โดยแบ่งผปู ้ ่ วยจาก ยาที่ใชใ้ นการนาสลบและระงับความรูส้ กึ ไดเ้ ป็ น 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม sevoflurane (n=31) และกลุ่ม propofol (n=15) เก็บบันทกึ ขอ้ มูลทั่วไป ขอ้ มูลระหวา่ งการผ่าตัด ระยะเวลาที่ใชใ้ นการใหย้ าระงับ ความรูส้ กึ อาการไม่พงึ ประสงคข์ ณะใหย้ าระงบั ความรสู ้ กึ การฟ้ื นจากยาระงับความรสู ้ กึ ระยะเวลาท่ใี ชใ้ น การพกั ฟ้ื นและอาการไม่พงึ ประสงคห์ ลงั ฟื้ นจากการใหย้ าระงบั ความรูส้ กึ ผล: ระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการใหย้ าระงบั ความรูส้ กึ กลมุ่ propofol ใชเ้ วลานอ้ ยกวา่ กลมุ่ sevoflurane อยา่ งมี นัยสาคญั ทางสถติ ิ (p=0.002) ระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการพักฟ้ื นจนจาหน่ายผูป้ ่ วยกลบั บา้ นไม่ตา่ งกนั ในทัง้ สองกลมุ่ (p=0.427) และอาการไมพ่ งึ ประสงคห์ ลงั ฟื้ นจากการใหย้ าระงบั ความรูส้ กึ ในกลมุ่ propofol คอื ภาวะหยุดหายใจร่วมกับออกซเิ จนในเลือดต่า 1 รายและภาวะปวดหลังผ่าตัด 1 ราย ส่วนกลุ่ม sevoflurane พบภาวะกระวนกระวายหลังผ่าตดั 1 ราย และ หลอดลมหดเกร็ง 1 ราย ระยะเวลาพักฟื้ น จากการใหย้ าระงบั ความรสู ้ กึ ในเด็กทเ่ี ขา้ รับการผ่าตดั ตาแบบผปู ้ ่ วยนอกโดยใช ้ sevoflurane ไม่แตกต่าง จาก propofol สว่ นอาการไม่พงึ ประสงคห์ ลงั ฟื้ นจากยาระงับความรูส้ กึ พบไดท้ ัง้ สองกลุ่ม แต่สามารถให ้ การรกั ษาและจาหน่ายผปู ้ ่ วยกลบั บา้ นไดอ้ ย่างปลอดภัย คาสาคญั : ระยะเวลาพักฟื้ น, ภาวะแทรกซอ้ น, ผปู ้ ่ วยเด็ก, การผา่ ตดั ตา, sevoflurane, propofol การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

การพฒั นาแอปพลเิ คชน่ั สาหรบั การบรหิ ารยาวารฟ์ ารนิ ณ โรงพยาบาลเชยี งคา ภญ. ปนัดดา งามสม กลมุ่ งานเภสชั กรรม โรงพยาบาลเชยี งคา บทคดั ยอ่ ความสาคญั : การเกดิ เหตกุ ารณไ์ ม่พงึ ประสงคจ์ ากการใชย้ า สว่ นหนงึ่ มสี าเหตมุ าจากความคลาดเคลอื่ น ทางยา เป็ นอบุ ัตกิ ารณท์ สี่ ามารถป้ องกนั ได ้ บางครงั้ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายกับผูป้ ่ วยแลว้ ยังเป็ นสาเหตุที่ ทาใหผ้ ปู ้ ่ วยเสยี ชวี ติ โรงพยาบาลเชยี งคาไดใ้ หค้ วามสาคญั ในการรายงานอุบัตกิ ารณท์ ่ีสามารถนาขอ้ มูล มาวเิ คราะหห์ าสาเหตแุ ละปัจจัยเสย่ี งความคลาดเคลอื่ นทางยาทอ่ี าจจะเกดิ กบั ผปู ้ ่ วย รวมทัง้ แนวทางการ พัฒนาระบบการป้ องกนั ความคลาดเคลอื่ นจากการใหย้ า ซง่ึ จากรายงานพบวา่ ปัญหาความคลาดเคลอื่ น จากการส่ังใชย้ าวาร์ฟารินมีแนวโนม้ เพิ่มสูงข้ึน ผูว้ ิจัยจึงไดแ้ นวคิดในการพัฒนาแอปพลิเคชัน โทรศพั ทม์ อื ถอื สาหรบั การบรหิ ารยาวารฟ์ ารนิ วตั ถปุ ระสงค:์ เพอื่ แกไ้ ขปัญหาความคลาดเคลอ่ื นจากการสง่ั ยาวารฟ์ ารนิ ผดิ วธิ ใี ช ้ รวมทงั้ การปรับขนาด ยาวารฟ์ ารนิ ทไ่ี ม่เหมาะสม เพอื่ ความปลอดภัยของผปู ้ ่ วย รปู แบบศกึ ษา สถานที่ และผปู้ ่ วย: ทาการศกึ ษาวจิ ัยเชงิ พัฒนาแอปพลเิ คชั่นการเขา้ ถงึ ขอ้ มูลสาหรับ การบริหารยาและแนวทางการปรับขนาดยาวารฟ์ ารนิ การเก็บขอ้ มูลแบ่งออกเป็ น 2 ช่วง คอื กอ่ นใช ้ แอปพลเิ คชน่ั ระหวา่ งวนั ที่ 4 ตลุ าคม ถงึ 25 ตลุ าคม 2563 และหลงั ใชแ้ อปพลชิ นั ระว่างวันท่ี 26 ตุลาคม ถงึ 16 พฤศจกิ ายน 2563 ทาการศกึ ษาทค่ี ลนิ กิ โรคหัวใจและหอ้ งยาผปู ้ ่ วยใน ณ โรงพยาบาลเชยี งคา ผล: จากการดาเนนิ การพัฒนาแอปพลเิ คชนั่ สาหรับการบรหิ ารยาวารฟ์ ารนิ พบว่าสามารถช่วยใหแ้ พทย์ และเภสชั กรทาการคานวณปรบั ขนาดยาทเี่ หมาะสมกบั ผปู ้ ่ วยแตล่ ะรายไดส้ ะดวกมากขน้ึ แทนการทางาน แบบเดมิ ทใ่ี ชก้ ารตรวจสอบการบรหิ ารยาวารฟ์ ารนิ จากคู่มือแนวทางการบรหิ ารยาของโรงพยาบาลเชยี ง คา ซงึ่ ผูว้ จิ ัยไดอ้ อกแบบและสรา้ งแอปพลเิ คช่ันโดยใชเ้ ว็บแอปพลเิ คชัน Glide Apps เป็ นตัวแสดงผล ทางหนา้ จอโทรศัพทม์ อื ถือหรอื ผ่านเว็บเบราวเ์ ซอร์ เและใช ้ Google Sheet เป็ นตวั ช่วยจัดเก็บขอ้ มูล เป็ นโปรแกรมท่ีทางานบนเว็บไซตผ์ ่านทางออนไลน์ เป็ นการนาระบบเทคโนโลยมี าประยุกตใ์ ชใ้ นการ แกไ้ ขปั ญหาการบริหารยาวารฟ์ ารินใหแ้ กบ่ ุคลากรทางการแพทย์ ตัวแอปพลเิ คชั่นมีการแสดงขอ้ มูล ประกอบดว้ ย วธิ กี ารบรหิ ารยาวารฟ์ ารนิ ตามขนาดยาทแี่ พทยส์ ง่ั จ่าย แนวทางการปรับขนาดยาในผูป้ ่ วยที่ อยูน่ อกชว่ งการรกั ษาและการคานวณขนาดยาทต่ี อ้ งการปรับเพม่ิ หรือลดลง ในชว่ งรอ้ ยละ 5-20 ทาให ้ สะดวกและรวดเร็วมากยงิ่ ขน้ึ รวมถงึ วดิ โิ อแนะนาการใชย้ าสาหรับการใหค้ วามรูแ้ กผ่ ูป้ ่ วยทไ่ี ดร้ ับยาวาร์ ฟารนิ ตลอดจนบุคลากรภายนอกหน่วยงาน ไดแ้ ก่ พยาบาล นักศกึ ษาเภสัชศาสตร์ หรือผูช้ ว่ ยเภสชั กร เพอื่ ใชเ้ ป็ นความรูเ้ บอื้ งตน้ ของการปฏบิ ตั งิ าน นอกจากนี้แอปพลเิ คช่ันยังสามารถสบื คน้ ขอ้ มูลไดง้ ่ายตอ่ การใชง้ านดว้ ยการใชแ้ ถบคน้ หาหรอื จากตวั กรอง ผลการดาเนนิ การเก็บขอ้ มลู ความคลาดเคลอื่ นการสง่ั ใชย้ าผปู ้ ่ วยนอก พบความคลาดเคลอ่ื นการ สง่ั ใชย้ าวารฟ์ ารนิ กอ่ นพัฒนาแอปพลเิ คชนั เท่ากับ 35.08 และหลงั พัฒนาแอปพลเิ คช่ันพบอุบัตกิ ารณ์ ความคลาดเคล่ือนการส่ังใชย้ าวารฟ์ ารินผูป้ ่ วยนอกเท่ากับ 5.46 เมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังใช ้ แอปพลเิ คช่ันอัตราความคลาดเคลอ่ื นลดลงจากเดมิ รอ้ ยละ 84.43 ในส่วนของการสารวจการประเมนิ ความพงึ พอใจหลงั จากการใชแ้ อปพลเิ คชนั่ โดยแบ่งออกเป็ น 3 ดา้ น คอื ดา้ นประโยชน์ในการใชง้ าน ดา้ นการทางานตามฟังกช์ ัน่ การทางาน และดา้ นความน่าสนใจและความสวยงาม สรุประดบั ความพึง พอใจในแตล่ ะดา้ น ดงั นี้ ดา้ นประโยชน์ในการใชง้ าน มคี ะแนนความพงึ พอใจรวมเฉลย่ี 4.4 ± 0.18 อยู่ ในระดบั พงึ พอใจมากทสี่ ดุ ผตู ้ อบแบบสอบถามมคี วามพงึ พอใจสงู สดุ ในหวั ขอ้ แอปพลเิ คชน่ั สามารถชว่ ย แกป้ ัญหาการบรหิ ารยาวารฟ์ ารนิ ไดค้ ะแนนเฉลยี่ 4.53 ± 0.52 ในดา้ นการใชง้ านของฟังกช์ นั่ การทางาน มีคะแนนความพงึ พอใจรวมเฉลยี่ 4.42 ± 0.10 อยู่ในระดบั พงึ พอใจมากทีส่ ดุ ผูต้ อบแบบสอบถามมี ความพงึ พอใจสงู สดุ ในหัวขอ้ แถบคาสง่ั ตา่ งๆ ของเมนูมคี วามสะดวกตอ่ การใชง้ าน ไดค้ ะแนนเฉลย่ี 4.53 ± 0.52 และในดา้ นความน่าสนใจและความสวยงาม มคี ะแนนความพงึ พอใจรวมเฉลยี่ 4.22 ± 0.08 อยู่ ในระดับพงึ พอใจมากท่ีสุด ผูต้ อบแบบสอบถามมีความพึงพอใจในหัวขอ้ การจัดวางรูปแบบหนา้ จอได ้ อย่างเหมาะสมและรายละเอยี ดของเนื้อหามคี วามชัดเจน กระชับ เขา้ ใจง่าย ทัง้ สองหัวขอ้ ไดค้ ะแนน เฉลย่ี เท่ากนั อย่ทู ี่ 4.27 ± 0.46 ขอ้ ยุติ และการนาไปใช:้ ดังนัน้ การนาแอปพลเิ คชั่นเขา้ มาใชใ้ นการบริหารยาวาร์ฟารนิ เพื่อแกไ้ ข ปัญหาความคลาดเคลอื่ นจากการส่งั ใชย้ าใหก้ ับบุคลากรทางการแพทย์ ณ โรงพยาบาลเชยี งคา ทาให ้ การทางานสะดวกมากยง่ิ ขนึ้ อกี ทงั้ ผปู ้ ่ วยไดร้ บั การรกั ษาทถ่ี กู ตอ้ งและปลอดภยั จากการใชย้ าวารฟ์ ารนิ คาสาคญั : ความคลาดเคลอ่ื นทางยา, ยาวารฟ์ ารนิ , แอปพลเิ คชนั่ การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ยั โรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

ผลของโปรแกรมการเตรยี มผสู้ งู อายตุ อ่ การฟื้ นฟสู มรรถภาพหลงั ผา่ ตดั เปลยี่ นขอ้ เขา่ เทยี ม โรงพยาบาลเชยี งคา จงั หวดั พะเยา ปารชิ าติ พรหมณะ พย.บ. โรงพยาบาลเชยี งคา บทคดั ยอ่ วตั ถปุ ระสงค:์ เพอ่ื ศกึ ษาผลของโปรแกรมการเตรยี มผสู ้ งู อายตุ อ่ การฟื้ นฟูสมรรถภาพหลงั ผ่าตดั เปลย่ี น ขอ้ เขา่ เทยี ม และเปรยี บเทียบผลของการรับรูส้ มรรถนะแห่งตนต่อการฟื้ นฟสู มรรถภาพก่อนและหลัง ผ่าตดั เปลย่ี นขอ้ เขา่ เทยี ม โรงพยาบาลเชยี งคา จังหวดั พะเยา รปู แบบศกึ ษา สถานที่ และผูป้ ่ วย: วธิ ีการวจิ ัยเชงิ กง่ึ ทดลอง ชนดิ หนึง่ กลมุ่ วดั ผลกอ่ นและหลงั การ ทดลองอย่างเดยี ว ศกึ ษาในผูป้ ่ วยสูงอายุท่ไี ดร้ ับการผ่าตัดขอ้ เขา่ เทียม โรงพยาบาลเชยี งคา จังหวัด พะเยา จานวน 20 คน ในชว่ งเดอื นมกราคม 2564 ถงึ เดอื นมถิ ุนายน 2564 เครอื่ งมือท่ใี ช ้ คอื โปรแกรม การเตรยี มผสู ้ งู อายุตอ่ การฟ้ื นฟสู มรรถภาพหลงั ผา่ ตดั เปลย่ี นขอ้ เขา่ เทยี ม การวดั ผล และวธิ กี าร: วเิ คราะหข์ อ้ มูลใชส้ ถติ เิ ชงิ พรรณนาและสถติ เิ ชงิ อนุมาน Wilcoxon signed rank test ผล: ผลการศกึ ษาพบว่าผลของ โปรแกรมการเตรยี มความพรอ้ มร่วมกบั การส่งสมรรถนะแห่งตนของ ผสู ้ งู อายุทัง้ 4 ดา้ น 1) ความปวดขอ้ เขา่ 2) ความแข็งแรงของกลา้ มเน้ือตน้ ขา 3) ความสามารถในการ เคลอ่ื นไหวขอ้ เขา่ 4) ความสามารถในการเดนิ 6 นาที หลังกลบั บา้ น 4 สปั ดาห์ ผูส้ งู อายุทาไดด้ อี ย่างมี นัยสาคญั ทางสถติ ทิ ี่ p-value นอ้ ยกวา่ 0.05 และเมอ่ื เปรยี บเทยี บความรูแ้ ละการรับรูส้ มรรถนะแห่งตน กอ่ นและหลงั การใหโ้ ปรแกรมฯ พบวา่ คะแนนความรแู ้ ละการรบั รสู ้ มรรถนะแห่งตนของผูป้ ่ วยหลงั การให ้ โปรแกรมฯ เพม่ิ ขนึ้ อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ p-value นอ้ ยกว่า 0.05 สรุปผลของโปรแกรมการเตรียม ความพรอ้ มร่วมกบั การสง่ สมรรถนะแห่งตนของผูส้ งู อายตุ อ่ การฟื้ นฟสู มรรถภาพหลงั ผ่าตดั เปลยี่ นขอ้ เขา่ เทยี ม ทาใหผ้ ูป้ ่ วยประเมนิ การรับรู ้ สามารถปฏบิ ัตติ ัวไดอ้ ย่างถูกตอ้ งสง่ ผลใหก้ ารฟื้ นฟสู มรรถภาพหลงั ผา่ ตดั เปลย่ี นขอ้ เขา่ เทยี ม มกี ารเคลอื่ นไหวของขอ้ เขา่ และการเดนิ ไดด้ ี คาสาคญั : การฟ้ื นฟสู มรรถภาพหลงั ผ่าตดั เปลยี่ นขอ้ เขา่ เทยี ม ,การรับรสู ้ มรรถนะแห่งตน การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

ปัจจยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การเสยี ชวี ติ ของผูป้ ่ วยโรคกลา้ มเนอ้ื หวั ใจขาดเลอื ดเฉยี บพลนั STEMI ทเ่ี ขา้ รบั การรกั ษาในโรงพยาบาลเชยี งคา อรนุช ธรรมศร พยบ., ชยั พร การะเกตุ พบ. งานหอผูป้ ่ วยหนัก โรงพยาบาลเชยี งคา บทคดั ยอ่ ความสาคญั : โรคกลา้ มเนื้อหวั ใจขาดเลอื ดเฉียบพลนั (Acute ST-elevation myocardium infarction; STEMI) ภายหลงั ไดร้ ับการรกั ษาโดยการใหย้ าละลายลม่ิ เลอื ด (streptokinase; SK) ตามมาตรฐานการ รักษาทโ่ี รงพยาบาลชมุ ชนใกลบ้ า้ นแลว้ แตอ่ ตั ราการเสยี ชวี ติ กย็ ังไม่ลดลงตา่ กวา่ รอ้ ยละ 8 วตั ถปุ ระสงค:์ เพอ่ื ศกึ ษาปัจจยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การเสยี ชวี ติ ของผปู ้ ่ วย STEMI หลงั ไดย้ า SK รปู แบบการศกึ ษา สถานทแ่ี ละผปู้ ่ วย : เป็ นการศกึ ษา Prognostic research รูปแบบ retrospective cohort ในผูป้ ่ วยโรคกลา้ มเน้ือหัวใจขาดเลอื ดเฉียบพลัน STEMI หอผูป้ ่ วยหนัก โรงพยาบาลเชยี งคา โดยเก็บรวบรวมขอ้ มูลจากเวชระเบียน ผูป้ ่ วยศกึ ษาทัง้ สน้ิ 102 คน สบื คน้ ขอ้ มูลตัง้ แต่เดอื น กันยายน 2561- กนั ยายน 2563 การวดั ผลและวธิ กี าร : เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยใช ้ Case record from บันทกึ ปัจจัยดา้ นเพศ อายุ โรค ประจาตวั รอยโรค ระยะเวลาของการเจ็บอก ระยะของการเขา้ ถงึ การรักษายาละลายลม่ิ เลอื ด SK ระดบั คะแนน GRACE score ภาวะแทรกซอ้ นหลงั ไดย้ า SK และการสง่ ต่อผูป้ ่ วย วเิ คราะหข์ อ้ มูลโดยใช ้ t-test, Rank sum test, exact probability test และ risk regression ผล: ผูป้ ่ วยที่ศกึ ษา 102 ราย แบ่งเป็ นกลมุ่ ที่เสยี ชวี ติ 14 ราย (13.7%) และกลมุ่ ไม่เสยี ชวี ติ 88 ราย (86.3%) จากการวเิ คราะห์ univariable regression ปัจจัยทมี่ ีผลต่อการเสยี ชวี ติ ของผูป้ ่ วย STEMI ทไี่ ดร้ ับ SK ไดแ้ ก่ เพศหญงิ การมโี รคร่วม HT, CHF และ septic shock มี Killip class 3-4 มีภาวะ shock, CHF และ Arrest มากอ่ น admit, Lateral wall lesion, มกี าร Reperfusion, ไดร้ ับการส่งต่อไป รพศ., GRACE high risk, ภาวะแทรกซอ้ นภายหลังไดร้ ับ SK มี Arrest, Shock, CHF, Arrhythmia, Major bleed และ Respiratory failure with ET tube ภายหลงั วเิ คราะห์ multivariable regression พบว่า ปั จจัยที่มีผลต่อการเสยี ชวี ติ ของผูป้ ่ วย STEMI ทไี่ ดร้ บั SK ไดแ้ ก่ การมภี าวะ Respiratory failure with ET tube ภายหลังไดร้ ับ SK มโี อกาส เสยี ชวี ติ 29.02 เท่า (95% CI 12.259, 68.691, p<0.001) และการท่ีผูป้ ่ วยไดร้ ับส่งต่อมายัง โรงพยาบาลศนู ยเ์ ชยี งรายประชานุเคราะหเ์ พ่อื ฉีดสสี วนหลอดเลอื ดหัวใจ จะช่วยลดการเสยี ชวี ติ เหลอื 0.29 เทา่ หรอื ลดการเสยี ชวี ติ ได ้ 0.71 หรอื รอ้ ยละ 71 (95%CI 0.182, 0.459, p<0.001) factor RR 95%CI p-value ไดส้ ง่ ตอ่ มา รพศ. 0.29 0.182, 0.459 <0.001 Respiratory failure with ET 29.02 12.259, 68.691 <0.001 tube ขอ้ สรุปและการนาไปใช้ : ในผูป้ ่ วย STEMI ที่ไดร้ ับ SK ควรมีการพัฒนา clinical practice ในการ ดูแลผูป้ ่ วย Respiratory failure ท่ีไดร้ ับการใสเ่ คร่ืองชว่ ยหายใจ และพัฒนาระบบการส่งต่อทีมี ประสทิ ธภิ าพ เพอ่ื ชว่ ยลดการเสยี ชวี ติ ของผปู ้ ่ วย คาสาคญั : ระบบการรกั ษา ผปู ้ ่ วยโรคกลา้ มเน้ือหัวใจขาดเลอื ดเฉียบพลนั (STEMI) การเสยี ชวี ติ การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

ปจั จยั เสย่ี งการกลบั เป็ นซา้ ของผูป้ ่ วยโรคหลอดเลอื ดสมองทมี่ ารบั บรกิ าร โรงพยาบาลเชยี งมว่ น จงั หวดั พะเยา สพุ รรณกิ า ปิจจวงศ์ พย.ม. โรงพยาบาลเชยี งม่วน จงั หวดั พะเยา บทคดั ยอ่ ความสาคญั : โรคหลอดเลอื ดสมอง (Stroke) มสี าเหตจุ ากความผดิ ปกตขิ องเสน้ เลอื ดในสมองทเี่ กดิ การ ตบี อดุ ตนั หรอื การแตกของเสน้ เลอื ดสมอง เป็ นสาเหตกุ ารเสยี ชวี ติ และพกิ าร ผปู ้ ่ วยทเี่ ป็ นโรคหลอดเลอื ด สมองมโี อกาสเกดิ โรคหลอดเลอื ดสมองซ้าไดม้ ากกวา่ คนปกติ การกลบั เป็ นซ้าของโรคหลอดเลอื ดสมอง มปี ระมาณรอ้ ยละ 9.4 – 32.1และมอี ตั ราเสยี ชวี ติ ทเ่ี กดิ โรคหลอดเลอื ดสมองซา้ สงู ถงึ รอ้ ยละ 56.2 การเฝ้ า ระวงั ปัจจยั เสยี่ งทที่ าใหเ้ กดิ การกลบั เป็ นซ้าของโรคทางหลอดเลอื ดสมองมคี วามสาคญั ในการควบคมุ สภาวะ โรค ลดโอกาสเกดิ การกลบั เป็ นซา้ ลดความพกิ ารและลดอตั ราการเสยี ชวี ติ วตั ถปุ ระสงค:์ เพอ่ื ศกึ ษาปัจจยั เสยี่ งการการกลบั เป็ นซา้ ของโรคหลอดเลอื ดสมองตบี ในผปู ้ ่ วยทม่ี ารับบรกิ าร โรงพยาบาลเชยี งม่วน จังหวดั พะเยา รปู แบบศกึ ษา สถานที่ และผูป้ ่ วย: รูปแบบการศกึ ษาวจิ ัยเป็ น Case control study ศกึ ษาขอ้ มูลยอ้ นหลงั จากเวชระเบยี นของผปู ้ ่ วยทไี่ ดร้ บั การวนิ จิ ฉัยเป็ นโรคหลอดเลอื ดสมองตบี ทมี่ ารับบรกิ าร โรงพยาบาลเชยี ง มว่ น จงั หวดั พะเยา ตงั้ แต่ 1 ตลุ าคม 2559 – 30 กนั ยายน 2563 กลุ่มตวั อย่างเลอื กแบบเจาะจงกลุ่มทเ่ี ป็ น case คอื ผปู ้ ่ วยทก่ี ลบั เป็ นซ้าของโรคหลอดเลอื ดสมอง จานวน 50 ราย และ control เป็ นกลมุ่ ท่ไี ม่กลบั เป็ น ซ้าเลอื กแบบสมุ่ จานวน 175 ราย ดงั นัน้ กลมุ่ ตวั อย่างทใี่ ชศ้ กึ ษาทัง้ หมดจานวน 225 ราย การวดั ผล และวธิ กี าร: วเิ คราะหอ์ ธบิ ายขอ้ มูลดว้ ยสถติ เิ ชงิ พรรณนา เปรียบเทียบความแตกต่างระหวา่ ง กลมุ่ โดยใช ้ student t-test Exact probability test วเิ คราะหป์ ัจจัยเสย่ี งตอ่ การเกดิ โรคหลอดเลอื ดสมอง กลบั เป็ นซา้ ดว้ ย multiple logistic regression นาเสนอคา่ Odds ratio p-value 0.05 significant ผล: ผูป้ ่ วยโรคหลอดเลอื ดสมองจานวน 225 ราย เป็ นผูป้ ่ วยโรคหลอดเลอื ดสมองกลับเป็ นซ้าจานวน 50 ราบ รอ้ ยละ 22.22 และไม่กลบั เป็ นซ้าจานวน 175 ราย รอ้ ยละ 77.78 ผปู ้ ่ วยโรคหลอดเลอื ดสมองทกี่ ลบั เป็ น ซ้าส่วนใหญ่เป็ นเพศชายมากกว่าเพศหญงิ (รอ้ ยละ 70 และ 30) หลังจากวเิ คราะห์แบบ multivariable logistic regression พบวา่ ปั จจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการกลับเป็ นซ้าของโรคหลอดเลือดสมองไดแ้ ก่ การไดร้ ับยา ASA Warfarin มคี วามเสยี่ ง 7.24 เท่า p-value <0.001, ไดร้ ับยา Simvastatin มีความเสยี่ ง 4.41 เท่า p-value 0.004, การดมื่ แอลฮอล์ เพมิ่ ความเสย่ี ง 2.87 เท่า P-value 0.022 ส่วนการสบู บุหรเ่ี ป็ น ปัจจัยป้ องกนั การกลบั เป็ นซา้ 0.26 เท่า p-value 0.009 ปัจจัยเสย่ี ง OR 95%CI p-value การไดร้ ับยา ASA Warfarin 7.24 2.83-18.53 <0.001 ไดร้ ับยา Simvastatin 4.41 1.61-12.11 0.004 การดมื่ แอลฮอล์ 2.87 1.17-7.07 0.022 สบู บหุ ร่ี 0.26 0.09-0.71 0.009 ขอ้ ยุติ และการนาไปใช:้ ปัจจัยทเ่ี พมิ่ ความเสยี่ งตอ่ การกลบั เป็ นซ้าของโรคหลอดเลอื ดสมองตบี ไดแ้ ก่การ ไดร้ บั ยา ASA Warfarin, ไดร้ บั ยา Simvastatin, การดม่ื แอลฮอล์ ดงั นัน้ ในกลุม่ ผูป้ ่ วยดังกลา่ วควรไดร้ ับการ เฝ้ าระวงั โดยเฉพาะการใชย้ าละลายลมิ่ เลอื ดอยา่ งสมเหตสุ มผลและตรวจตดิ ตามเพอื่ ป้ องกนั การกลบั เป็ นซ้า ของโรคหลอดเลอื ดสมองและลดอตั ราการเสยี ชวี ติ ดว้ ยโรคน้ีส่วนการสบู บุหรีเ่ ป็ นปัจจัยป้ องกนั การกลบั เป็ น ซา้ ควรมกี ารรวบรวมขอ้ มูลวจิ ัยเพม่ิ เตมิ เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ สรุปทชี่ ดั เจนมากขน้ึ กอ่ นนาไปปฏบิ ตั ิ คาสาคญั : โรคหลอดเลอื ดสมองตบี , การกลบั เป็ นซ้า, ปัจจยั เสยี่ ง การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ยั โรงพยาบาล ครงั้ ที่ 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

ศกึ ษาผลลพั ธข์ องการใชแ้ บบฟอรม์ ประเมนิ ผูป้ ่ วยทมี่ ภี าวะตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ดในแผนก อบุ ตั เิ หตุฉุกเฉนิ และนติ เิ วช โรงพยาบาลแมส่ าย ศริ พิ ร จกั รออ้ ม, ธญั ญาลกั ษณ์ อภชิ ยั , อจั ฉราพรรณ ปัญญาหลา้ โรงพยาบาลแมส่ าย บทคดั ยอ่ ความสาคญั : ภาวการณต์ ดิ เชอ้ื ในกระแสเลอื ดแบบรุนแรง (severe sepsis) และภาวะช็อกจากการตดิ เชอ้ื (septic shock) นับเป็ นปัญหาสาธารณสขุ ทัว่ โลก และยังเป็ นปัญหาสาคัญของระบบสาธารณสุขไทย และ ถือเป็ นประเด็นปั ญหาสุขภาพ ในแผนการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (service plan) ของกระทรวง สาธารณสขุ ประจาปี งบประมาณ พ.ศ. 2561 ของกองยุทธศาสตรแ์ ละแผนงาน สานักงานปลดั กระทรวง สาธารณสขุ พบวา่ ภาวะตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ดแบบรุนแรง เป็ นสาเหตุสาคญั ของการเสยี ชวี ติ ของผูป้ ่ วย ใน ประเทศไทยพบผูป้ ่ วยทต่ี ดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ดประมาณ 50,000 รายตอ่ ปี อัตราป่ วยตายรอ้ ยละ 34.85 ซง่ึ เกณฑเ์ ป้ าหมายตามตวั ชว้ี ดั ของกระทรวงสาธารณสขุ คอื ลดอตั ราการเสยี ชวี ติ จากภาวะการตดิ เชอ้ื ในกระแส เลอื ดของผปู ้ ่ วยทเ่ี ขา้ รับการรกั ษาในโรงพยาบาล นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 20 ในกลุ่มผูป้ ่ วย community-acquired sepsis และนอ้ ยกว่า รอ้ ยละ 30 ในกลุ่มผูป้ ่ วย hospital-acquired or healthcare associated sepsis โดย ไม่รวมกลมุ่ ผปู ้ ่ วย palliative care (Healthkpi, 2563) จากสถติ ขิ องแผนกอบุ ัตเิ หตฉุ ุกเฉนิ และนติ เิ วช โรงพยาบาลแมส่ าย จังหวดั เชยี งราย ซงึ่ ใช ้ qSOFA ในการประเมนิ ผปู ้ ่ วยทส่ี งสัยว่ามภี าวะตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ด พบวา่ ในปี งบประมาณ 2562 มีผู ้ ป่ วยเขา้ รับ การรักษาจานวน 198 ราย ไดร้ ับการชว่ ยฟ้ื นคนื ชพี (CPR) ขณะทาการรักษาในหอ้ งฉุกเฉิน จานวน 10 ราย คดิ เป็ นรอ้ ยละ 5.05 เสยี ชวี ติ ระหวา่ งรอทาการรักษาจานวน 1 ราย คดิ เป็ นอตั ราการเสยี ชวี ติ ของผูป้ ่ วยหอ้ ง ฉุกเฉินจากภาวะตดิ เชอ้ื ในกระแสเลอื ดรอ้ ยละ 0.51 ปี งบประมาณ 2563 จงึ ไดเ้ ห็นความสาคัญของการ รักษาผปู ้ ่ วยทมี่ ภี าวะตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ด จงึ ปรบั แนวทางในการประเมนิ ผปู ้ ่ วยจาก qSOFA เป็ นแบบฟอรม์ การประเมนิ ผปู ้ ่ วยทมี่ ภี าวะตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ด (NEWS) เพอื่ ใหส้ ามารถประเมนิ ผปู ้ ่ วยไดอ้ ย่างรวดเร็ว วตั ถปุ ระสงค:์ เพอื่ ศกึ ษาสภาวการณ์และผลของการรักษาผูป้ ่ วยทม่ี ีภาวะตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ด ที่เขา้ รับ การรักษาในแผนกอบุ ัตเิ หตฉุ ุกเฉินและนติ เิ วช โดยเปรยี บเทยี บระ- หวา่ ง กอ่ นกับหลังการใชแ้ บบฟอรม์ การ ประเมนิ ผปู ้ ่ วยทม่ี ภี าวะตดิ เชอ้ื ในกระแสเลอื ด (NEWS) รปู แบบศกึ ษา สถานที่ และผูป้ ่ วย: เป็ นการศกึ ษาเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Action research) ศกึ ษาในแผนก อบุ ัตเิ หตฉุ ุกเฉินและนติ เิ วช โรงพยาบาลแม่สาย จังหวดั เชยี งราย ในผปู ้ ่ วยทอี่ ายุตงั้ แต่ 15 ปี ขนึ้ ไป ทเี่ ขา้ รับ การรักษาดว้ ยภาวะตดิ เชอ้ื ในกระแสเลอื ดและไดร้ ับการสง่ ต่อทัง้ หมด ในช่วงระยะวันที่ 1 มถิ ุนายน 2562 - 31 มกราคม 2563 การวดั ผล และวธิ กี าร: ใชข้ อ้ มูลส่วนบุคคลและขอ้ มูลทั่วไปวเิ คราะหโ์ ดยใชส้ ถติ เิ ชงิ พรรณนา ไดแ้ ก่ ความถ่ี รอ้ ยละ คา่ เฉลย่ี สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน ค่ามัธยฐาน และฐานนยิ ม ผลลัพธก์ อ่ นและหลังการรักษา วเิ คราะหโ์ ดยใชส้ ถติ ทิ ดสอบ Inde-pendent t-test กาหนดระดบั นัยสาคญั ที่ 0.05 โดยรวบรวมขอ้ มูลผูป้ ่ วย จากเวชระเบยี นผปู ้ ่ วย (OPD card) และขอ้ มูลผปู ้ ่ วยจากระบบปฏบิ ตั กิ าร HOSXP ผล: ผลการศกึ ษาพบวา่ การใชแ้ บบฟอรม์ ประเมนิ ผูป้ ่ วยมภี าวะตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ด (NEWS) กอ่ นและ หลงั ใชม้ คี วามแตกตา่ งกนั ในเรอื่ งของ ระยะเวลาในการ refer < 3 ชว่ั โมง (P-value .025) อย่างมีนัยสาคัญ ทางสถติ ทีร่ ะดบั .05 แต่ไม่มคี วามแตกต่างกนั ในเร่ืองของระยะเวลาการไดร้ ับสารน้าทางหลอด เลอื ดดา ตามมาตรฐานการดแู ล เวลาทไ่ี ดร้ บั การคดั กรองและประเมนิ อาการจนถงึ การสง่ ตรวจทางหอ้ ง ปฏบิ ัตกิ ารท่ี จาเป็ น การไดร้ ับยาปฏชิ วี นะภายใน 1 ชวั่ โมง การเจาะเลอื ดเพาะเชอ้ื กอ่ นไดร้ ับยาปฏชิ วี นะ ระยะเวลาในการ รอผลตรวจทางหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร < 1 ช่ัวโมง การช่วยฟื้ นคนื ชพี ขณะผูป้ ่ วยท่ีเขา้ รับการรักษาในหอ้ งฉุกเฉิน การเสยี ชวี ติ ของผูป้ ่ วยหอ้ งฉุกเฉินจากภาวะตดิ เชอ้ื ในกระแสเลอื ด ที่ระดบั นัยสาคัญ .05 แตพ่ บว่าการนา แบบฟอรม์ ประเมนิ ผูป้ ่ วยทมี่ ภี าวะตดิ เชอ้ื ในกระแสเลอื ด (NEWS) มาใช ้ ชว่ ยใหผ้ ู ้ ป่ วยเขา้ ถงึ การรักษาใน เวลาทเี่ ป็ น Golden period ไดอ้ ย่างรวดเร็ว ลดระยะเวลาในการรอผลตรวจทางหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร ไดร้ ับการ เจาะเลอื ดเพาะเชอ้ื กอ่ นไดร้ ับยาปฏชิ วี นะ กอ่ ใหเ้ กดิ การรักษาทตี่ รงเป้ าหมายอยา่ งรวดเร็ว ไดร้ ับยาปฏชิ วี นะ ภายใน 1 ชว่ั โมง ลดจานวนของการช่วยฟื้ นคนื ชพี ขณะเขา้ รับการรักษาในหอ้ งฉุกเฉินและลดการเสยี ชวี ติ ของผปู ้ ่ วยหอ้ งฉุกเฉินจากภาวะตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ดได ้ ขอ้ ยตุ ิ และการนาไปใช:้ ผลการศกึ ษาครัง้ นี้สามารถใชเ้ ป็ นแนวทางในการพัฒนาประสทิ ธภิ าพของการ ดแู ลผปู ้ ่ วยทมี่ ภี าวะตดิ เชอ้ื ในกระแสเลอื ดใหส้ อดคลอ้ ง และเหมาะสมกบั บรบิ ทของแผนกอบุ ัตเิ หตุฉุกเฉิน และนติ เิ วช โรงพยาบาลแม่สายได ้ แตเ่ นือ่ งจากงานวจิ ัยน้ีอาจมขี อ้ จากดั ในระยะเวลาของการศกึ ษา จงึ ควร มกี าร ศกึ ษาผลลพั ธข์ องการใชแ้ บบฟอรม์ ประเมนิ ในระยะเวลาท่ยี าวนานขนึ้ และศกึ ษาผลลพั ธข์ องการใช ้ แบบ ฟอรม์ ประเมนิ ในหอผปู ้ ่ วยอน่ื ๆ เพอ่ื เปรยี บเทยี บผลลพั ธท์ เ่ี กดิ ขน้ึ จากกลมุ่ ตวั อย่างทหี่ ลากหลาย คาสาคญั : แบบฟอรม์ ประเมนิ ผปู ้ ่ วย, ภาวะตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ด, แผนกอบุ ัตเิ หตฉุ ุกเฉิน การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

การศกึ ษาคณุ ภาพชวี ติ ของผปู้ ่ วยโรคไตเรอื้ รงั ทล่ี า้ งไตทางชอ่ งทอ้ งแบบตอ่ เนอ่ื งในอาเภอเวยี ง ป่ าเป้ า จงั หวดั เชยี งราย โสภา เจ็นจดั พย.ม.*, อรนุช สุดเล็ก พย.ม.*, ดร.อมรรตั น์ อนุวฒั นน์ นทเขตต*์ * *งานการพยาบาลผปู ้ ่ วยใน โรงพยาบาลเวยี งป่ าเป้ า **สานักสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั แม่ฟ้าหลวง บทคดั ยอ่ ความสาคญั : โรคไตเรอื้ รงั เป็ นโรคทพี่ บบ่อยและเป็ นปัญหาทางสาธารณสขุ ทสี่ าคัญของประเทศไทย มแี นวโนม้ อบุ ตั กิ ารณข์ องโรคเพมิ่ ขน้ึ อย่างรวดเร็วและเม่ือการดาเนินโรคเขา้ ส่ภู าวะไตวายระยะสุดทา้ ย การบาบดั ทดแทนไตจะชว่ ยใหผ้ ปู ้ ่ วยมชี วี ติ ยนื ยาวขน้ึ แตจ่ ะมคี ่าใชจ้ ่ายในการรักษาสูงมากสง่ ผลกระทบ ตอ่ เศรษฐกจิ สงั คม ร่างกาย จติ ใจ และคณุ ภาพชวี ติ ของผปู ้ ่ วยและครอบครัวได ้ วตั ถปุ ระสงค:์ เพอ่ื ศกึ ษาคณุ ภาพชวี ติ และการปฏบิ ตั ติ ามแนวทางการลา้ งไตทางชอ่ งทอ้ งของผปู ้ ่ วยโรค ไตเรอื้ รงั ทลี่ า้ งไตทางชอ่ งทอ้ งแบบตอ่ เนอ่ื งในอาเภอเวยี งป่ าเป้ าจังหวดั เชยี งราย รปู แบบศกึ ษา สถานท่ี และผปู้ ่ วย: ศกึ ษาภาคตดั ขวาง (Cross-sectional study design) ในกลมุ่ ผปู ้ ่ วย โรคไตเรอ้ื รังทล่ี า้ งไตทางชอ่ งทอ้ งแบบตอ่ เนอื่ ง ในอาเภอเวยี งป่ าเป้ า ทัง้ หมด 43 คน ใชแ้ บบวดั คณุ ภาพ ชวี ติ ผูป้ ่ วยโรคไตฉบบั ย่อภาษาไทย และแบบประเมนิ การปฏบิ ัตติ ามแนวทางการลา้ งไตทางชอ่ งทอ้ ง การวดั ผล และวธิ กี าร: วเิ คราะหข์ อ้ มูลพน้ื ฐานของผปู ้ ่ วย คณุ ภาพชวี ติ และการปฏบิ ัตติ ามแนวทางการ ลา้ งไตทางช่องทอ้ ง ใชส้ ถิติเชิงพรรณนา จานวน รอ้ ยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผล: ผปู ้ ่ วยโรคไตเรอื้ รงั จานวน 43 คนมอี ายเุ ฉลย่ี 57.47 ปี สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน 13.27 มีคะแนนคณุ ภาพ ชวี ติ สูงในดา้ นคุณภาพชวี ติ โดยรวมต่อโรคไตวายเร้ือรังเท่ากับ 71.94โดยเฉพาะดา้ นการส่งเสริมและ ใหก้ าลงั ใจของบคุ ลากรทางการแพทยผ์ ลกระทบจากการเป็ นโรคไตเรอื้ รัง การไดป้ ฏสิ มั พันธก์ ับบุคคลอนื่ ๆ ในสังคม และการสนับสนุนและช่วยเหลอื ของสงั คม โดยมีคะแนนเฉล่ีย85.47 83.7984.03 และ83.33 ตามลาดบั และคุณภาพชวี ติ โดยรวมดา้ นจติ ใจคะแนนเฉลยี่ 69.66 คะแนน และคุณภาพชวี ติ โดยรวมดา้ น ร่างกาย พบคะแนนเฉลยี่ ต่าสุดคอื 56.56 สว่ นใหญ่มีการปฏบิ ัตติ ามแนวทางการลา้ งไตทางชอ่ งทอ้ ง อยู่ระดบั ดี โดยเฉพาะการเกบ็ รักษายาฉีด การสนับสนุนของครอบครัว และการกาจดั ถงุ น้ายาทใี่ ชแ้ ลว้ ขอ้ ยุติ และการนาไปใช:้ คณุ ภาพชวี ติ ของผูป้ ่ วยโรคไตเรือ้ รังดมี ากขนึ้ หากมกี ารใหก้ าลงั ใจจาก เจา้ หนา้ ท่ี การสนับสนุนทางสังคม และการไดป้ ฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆในสังคม เพราะผูป้ ่ วยกลุ่มนี้ มีสถานภาพในการทางานและความสามารถทางร่างกายต่ากวา่ คนท่ัวไปควรมีการส่งเสรมิ ใหบ้ ุคลากร มคี วามรู ้ และศกั ยภาพในการดแู ลผูป้ ่ วยรว่ มกบั การใหส้ งั คมและชมุ ชนมสี ว่ นร่วม ในการสนับสนุนในการ ดแู ลผูป้ ่ วยใหม้ คี ณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ตี ลอดไป คาสาคญั : คณุ ภาพชวี ติ , โรคไตเรอื้ รงั , ลา้ งไตทางชอ่ งทอ้ งแบบตอ่ เนือ่ ง การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ที่ 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

ปจั จยั ทมี่ คี วามสมั พนั ธก์ บั ภาวะตวั เหลอื งในทารกแรกเกดิ โรงพยาบาลแมจ่ นั จงั หวดั เชยี งราย อนุตา หนุนการคา้ พย.ม. งานหอ้ งคลอด โรงพยาบาลแม่จัน จงั หวดั เชยี งราย บทคดั ยอ่ ความสาคญั : ทารกแรกเกดิ 24-72 ชั่วโมงอาจเกดิ ภาวะแทรกซอ้ นท่ีพบไดบ้ ่อยคอื ภาวะตัวเหลือง ถงึ แมว้ า่ จะไม่ใชป่ ัญหารนุ แรง แตเ่ นอ่ื งจากภาวะแทรกซอ้ นทรี่ นุ แรงที่สดุ ทพ่ี บไดค้ อื อาการทางคลนิ ิกที่ เกดิ จากเซลลส์ มองไดร้ ับอนั ตรายจากบลิ ริ บู นิ คอื อาการซมึ เกร็งหลังแอ่น ชัก และตาย หรือพกิ ารถาวร ในภายหลังคือความพิการทางสมอง ซึ่งเป็ นปั ญหาท่ีมีอันตรายและมีผลต่อการเจริญเติบโตและ พัฒนาการในระยะยาวของทารก จากการเก็บสถติ ขิ อ้ มูลของงานหอ้ งคลอดโรงพยาบาลแม่จัน จังหวดั เชยี งราย ปี 2559-2561 ทารกเกดิ มชี พี ทัง้ หมด 699 , 755 และ 682 ราย พบทารกตวั เหลอื ง 168, 123 และ 140 ราย คดิ เป็ นรอ้ ยละ 24.03 , 16.29 และ 20.35 ภาวะตัวเหลอื งในทารกแรกเกดิ เป็ นการ เจ็บป่ วยอนั ดบั ตน้ ของสถติ กิ ารเจ็บป่ วยประจาปี ของงานหอ้ งคลอดทดี่ ูแลทารกแรกเกดิ ผลกระทบไดแ้ ก่ การรักษาดว้ ยการส่องไฟ ทารกนอนโรงพยาบาลนาน ค่าใชจ้ ่ายเพ่ิมขนึ้ บดิ ามารดามีความวติ กกังวล และหากประเมนิ ภาวะตัวเหลอื งและใหก้ ารรักษาลา่ ชา้ ทารกมคี วามเสย่ี งตอ่ การเกดิ ภาวะภาวะพยาธิ สภาพของสมองที่เกดิ จากบลิ ริ ูบนิ จับท่ีเนื้อสมองและมีการตายของเซลลส์ มอง จากขอ้ มูลสนับสนุน ผลกระทบที่เกดิ ขนึ้ โรงพยาบาลแม่จันยังไม่เคยมีการศกึ ษาภาวะตัวเหลอื ง และขาดการเก็บขอ้ มูล ทสี่ าคญั ถงึ สาเหตขุ องการเกดิ ภาวะตวั เหลอื ง ผูศ้ กึ ษาจงึ สนใจทจี่ ะศกึ ษาปัจจัยทม่ี คี วามสมั พันธต์ อ่ ภาวะ ตวั เหลอื งในทารกแรกเกดิ เพอ่ื เป็ นขอ้ มลู พนื้ ฐานทจี่ ะชว่ ยคดั กรองทารกทมี่ คี วามเสย่ี งตอ่ ภาวะตวั เหลอื ง และวางแผนการดแู ลทารกและมารดาในระยะหลังคลอดเพื่อใหไ้ ดร้ ับการดูแลอย่างเหมาะสม ลดอตั รา การนอนโรงพยาบาลนาน ลดอตั ราการกลบั เขา้ มารกั ษาซา้ ดว้ ยตวั เหลอื ง วตั ถปุ ระสงค:์ เพื่อศกึ ษาความสัมพันธข์ องปัจจัยดา้ นมารดา ดา้ นทารก และสงิ่ แวดลอ้ มกบั ภาวะตัว เหลอื งในทารกแรกเกดิ รูปแบบศกึ ษา สถานท่ี และผูป้ ่ วย: เป็ นการศกึ ษาเชงิ ความสัมพันธ์ ระหว่าง ปั จจัยดา้ นมารดา ปัจจัยดา้ นทารก และปัจจัยดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มกับภาวะตวั เหลอื งในทารกแรกเกดิ ประชากรท่ีศกึ ษา คอื ทารกแรกเกดิ ท่คี ลอดในโรงพยาบาลแม่จัน จังหวดั เชยี งราย โดยเก็บขอ้ มูลเป็ นเวลา 1 ปี 8 เดอื น ตงั้ แตว่ นั ท่ี 1 ตลุ าคม 2561 ถงึ วนั ที่ 30 มถิ นุ ายน 2563 ทารกกลมุ่ ตวั เหลอื งจานวน 330 คน และทารก กลมุ่ ไม่เหลอื งจานวน 330 คน การกาหนดขนาดตัวอย่างที่ใชใ้ นการศกึ ษาครัง้ น้ี คานวณขนาดตวั อย่าง เพื่อเปรียบเทียบค่าสัดส่วนของประชากร 2 กลุ่มที่เป็ นอสิ ระต่อกัน วธิ ีการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง เป็ นการสมุ่ ตวั อย่างแบบง่าย เครอ่ื งมอื ทใ่ี ช ้ ประกอบดว้ ย 3 สว่ น คอื สว่ นที่ 1 แบบบันทกึ ขอ้ มูลท่ัวไป ของมารดา สว่ นท่ี 2 แบบบนั ทกึ ขอ้ มูลทั่วไปของทารก สว่ นท่ี 3 แบบบันทกึ ขอ้ มูลสง่ิ แวดลอ้ ม หลังเก็บ รวบรวมขอ้ มูล ตรวจสอบความถูกตอ้ งสมบูรณ์ของขอ้ มูลและวเิ คราะห์ขอ้ มูลโดยใชโ้ ปรแกรมSPSS การการวดั ผล และวธิ กี าร: ใชส้ ถติ พิ รรณนาโดยการแจกแจงความถี่ รอ้ ยละ และสถติ อิ า้ งองิ ไดแ้ ก่ Chi-square หรอื Fisher’s exact test เพอ่ื หาปัจจยั ทมี่ คี วามสมั พันธก์ บั ภาวะตัวเหลอื งในทารกแรกเกดิ โรงพยาบาลแม่จัน จังหวดั เชยี งราย ผล: ทารกตวั เหลอื งสว่ นใหญ่เกดิ จากมารดาทอ่ี ายุนอ้ ยกวา่ 20 ปี รอ้ ยละ 60.76 มารดาทอี่ ายุครรภน์ อ้ ย กวา่ 37 สปั ดาหร์ อ้ ยละ 64.79 มารดาครรภแ์ รกรอ้ ยละ 55.07 มารดามปี ระวตั กิ ารฝากครรภไ์ ม่ครบ 5 ครัง้ คณุ ภาพรอ้ ยละ 50.17 มารดามภี าวะแทรกซอ้ นขณะตงั้ ครรภแ์ ละคลอดรอ้ ยละ 57.55 มารดามกี รุ๊ปเลอื ด โอรอ้ ยละ 56.19 ทารกเพศชายรอ้ ยละ 52.13 น้าหนักแรกเกดิ นอ้ ยกวา่ 2500 กรัมรอ้ ยละ 72.73 APGAR Score นอ้ ยกว่า 9 คะแนนรอ้ ยละ 52.69 LATCH Score นอ้ ยกว่า 8 คะแนนรอ้ ยละ 73.95 การขบั ถ่าย อุจจาระปัสสาวะ 24 ช่ัวโมงขน้ึ ไปรอ้ ยละ 63.61 น้าหนักท่ลี ดลงของทารก 8% ขน้ึ ไปรอ้ ยละ 71.68 มารดาไมไ่ ดร้ บั ยาเรง่ คลอดรอ้ ยละ 55.67 วธิ กี ารคลอดผดิ ปกตริ อ้ ยละ 54.17 จากผลการศกึ ษาดา้ นมารดา ไดแ้ ก่ อายคุ รรภ์ ภาวะแทรกซอ้ น และกร๊ปุ เลอื ดของมารดา มคี วามสมั พันธก์ บั การเกดิ ภาวะตวั เหลอื งใน ทารกแรกเกดิ ส่วนตวั แปรอน่ื ไดแ้ ก่ อายุมารดา จานวนครัง้ การตัง้ ครรภ์ ประวัตกิ ารฝากครรภ์ไม่มี ความสมั พนั ธก์ บั การเกดิ ภาวะตวั เหลอื งในทารกแรกเกดิ ผลการศกึ ษาดา้ นทารกพบว่า น้าหนักแรกเกดิ APGAR Score LATCH Score การขบั ถา่ ยอจุ จาระปัสสาวะ และน้าหนักทลี่ ดลงของทารก มคี วามสมั พันธ์ กบั การเกดิ ภาวะตวั เหลอื งในทารกแรกเกดิ สว่ นตวั แปรอน่ื ไดแ้ ก่ เพศของเดก็ ไม่มคี วามสมั พนั ธก์ บั การเกดิ ภาวะตวั เหลอื งในทารกแรกเกดิ ผลการศกึ ษาดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม พบวา่ การไดร้ ับยาเร่งคลอด และ วธิ กี าร คลอด มีความสัมพันธก์ ับการเกดิ ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกดิ จากผลการศกึ ษาครัง้ นี้ไดน้ ามา ประยกุ ตใ์ ชใ้ นหน่วยงาน โดยการจัดทาแนวทางการดแู ลเพอื่ เฝ้ าระวงั ภาวะตวั เหลอื งในทารกแรกเกดิ และ การเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการดแู ลรักษาทารกตวั เหลอื งเพอ่ื ลดระยะเวลานอนโรงพยาบาล คาสาคญั : ทารกแรกเกดิ ตวั เหลอื ง ปัจจัยทเ่ี กยี่ วขอ้ ง การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ที่ 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

เปรยี บเทยี บประสทิ ธผิ ลวธิ กี ารยดึ ตดิ สายออกซเิ จนทางจมูก (cannular) ระหวา่ งการตดิ ดว้ ย เทปเกยี่ วพนั กบั การตดิ ดว้ ยพลาสเตอรผ์ า้ เนอื้ นุม่ ในทารกแรกเกดิ รตั นา วฒั นศรี พย.บ., พัณณช์ ติ า ดวงคดิ พย.บ., ธนดิ า ศรนี ันตา พย.บ. หอผปู ้ ่ วยหนักทารกแรกเกดิ 2 โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ บทคดั ยอ่ ความสาคญั : หอผูป้ ่ วยหนักทารกแรกเกดิ 2 ทารกสว่ นใหญ่มภี าวะหายใจลาบากแรกคลอดไดร้ ับการ ชว่ ยเหลอื ดว้ ยการใส่ท่อช่วยหายใจ ภายหลังจากทารกถอดท่อชว่ ยหายใจออกทารกจาเป็ นตอ้ งให ้ ออกซเิ จนทางจมกู อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง การลอกเทปกาวหรอื พลาสเตอรบ์ ่อยครงั้ จงึ สง่ ผลทาใหเ้ กดิ ผวิ หนังลอก และเกดิ การบาดเจ็บเน่ืองจากผวิ หนังชนั้ นอกตดิ กบั เทปกาวหรอื พลาสเตอรแ์ น่นกวา่ การประสานกนั ของ ผวิ หนังชนั้ ใน นอกจากน้เี มอ่ื ทารกตน่ื ดนิ้ มักจะนามอื ปัดสายออกซเิ จนทาใหเ้ กดิ การดงึ รัง้ และเลอ่ื นหลุด ของสายออกซเิ จนกับพลาสเตอร์ท่ีตดิ แกม้ ส่งผลทาใหผ้ วิ หนังของทารกเกดิ การบาดเจ็บไดง้ ่าย จงึ ไดท้ าการเปรยี บเทยี บการเลอื่ นหลดุ ของสายออกซเิ จนและการบาดเจ็บของผวิ หนังบรเิ วณแกม้ เพอื่ ให ้ มแี นวทางในการยดึ ตดิ สายออกซเิ จนทางจมกู ทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพลดการเลอ่ื นหลดุ และป้ องกนั การบาดเจ็บ ของผวิ หนังบรเิ วณแกม้ ในทารกแรกเกดิ วตั ถปุ ระสงค:์ เพอื่ เปรยี บเทยี บการเลอื่ นหลดุ ของสายออกซเิ จนและการบาดเจ็บของผวิ หนังบรเิ วณแกม้ ระหวา่ งการตดิ ดว้ ยเทปเกยี่ วพันกบั การตดิ ดว้ ยพลาสเตอรผ์ า้ เนอื้ นุ่มในทารกแรกเกดิ รปู แบบศกึ ษา สถานท่ี และผปู้ ่ วย: เป็ นการศกึ ษาประสทิ ธผิ ล (efficacy research) เป็ นการทดลองแบบ สมุ่ และมกี ลมุ่ ควบคมุ (randomization controlled group) ในทารกแรกเกดิ ทไี่ ดร้ บั การใสส่ ายออกซเิ จน ทางจมกู จานวนทัง้ หมด 32 ราย ในหอผูป้ ่ วยหนักทารกแรกเกดิ 2 โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ การวดั ผลและวธิ กี าร: เป็ นการเก็บขอ้ มูลไปขา้ งหนา้ สุ่มโดยวธิ ีเปิ ดซองปิ ดผนึก เรม่ิ ศกึ ษาตัง้ แต่ 1 มกราคม 2563 – 1 มกราคม 2564 ยกเวน้ ทารกทม่ี ีบาดแผลที่แกม้ กอ่ นการยดึ ตดิ ทารกที่เป็ นโรค ผวิ หนัง รวบรวมขอ้ มูลขอ้ มูลเพศ อายุครรภ์ อายุครรภป์ ฏสิ นธิ น้าหนัก การวนิ จิ ฉัยโรค วสั ดใุ นการตดิ วนั ทใี่ สส่ ายออกซเิ จน ประเมนิ การบาดเจ็บของผวิ หนัง ระดับการบาดเจ็บของผวิ หนัง คะแนน NNSAT score ของกลมุ่ ตวั อย่าง กรณีทม่ี กี ารประเมนิ การบาดเจ็บของผวิ หนังระดับ 3 ขนึ้ ไป จะยุตกิ ารวจิ ัยและ รายงานแพทยเ์ พอื่ ใหก้ ารดแู ลอย่างเหมาะสม สาหรับสาเหตขุ องการเลอ่ื นหลุดจะระบุเป็ นจานวนครัง้ จากนั้นลงขอ้ มูลในแบบบันทกึ โดยจะทาการทดลองตัง้ แต่วันแรกที่ไดร้ ับการใสส่ ายออกซเิ จนเป็ น ระยะเวลา 7 วนั วเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยใช ้t-test, fisher exact probability test, multivariable regression ผล: ทารกทไี่ ดร้ ับการยดึ ตดิ สายออกซเิ จนทางจมกู ดว้ ยเทปเกย่ี วพันไม่มีการเลอื่ นหลดุ มากกว่าทารกท่ี ไดร้ บั การยดึ ตดิ สายออกซเิ จนทางจมกู ดว้ ยพลาสเตอรผ์ า้ เนื้อนุ่มอย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ (p<.05) และ การบาดเจ็บโดยวธิ กี ารยดึ ตดิ สายออกซเิ จนทางจมูกดว้ ยเทปเกยี่ วพันและการยดึ ตดิ สายออกซเิ จนทาง จมกู ดว้ ยพลาสเตอรผ์ า้ เนือ้ นุ่ม พบวา่ ทารกทไี่ ดร้ ับการยดึ ตดิ สายออกซเิ จนทางจมูกดว้ ยเทปเกย่ี วพันและ การยดึ ตดิ สายออกซเิ จนทางจมูกดว้ ยพลาสเตอรผ์ า้ เนือ้ นุ่มไมเ่ กดิ การบาดเจ็บไม่แตกตา่ งกนั (p=1.0) การยดึ ตดิ สายออกซเิ จน การยดึ ตดิ สายออกซเิ จนทางจมกู การเกดิ ทางจมกู ดว้ ยเทปเกยี่ วพนั ดว้ ยพลาสเตอรผ์ า้ เนอ้ื นมุ่ P-value อบุ ตั กิ ารณ์ (n=16) (n=16) n% n % การหลุดสาย ออกซเิ จน ไมห่ ลดุ 12 75.0 5 31.3 0.032 หลดุ 4 25.0 11 68.7 การบาดเจ็บ ไม่เกดิ 16 100 15 93.8 1.000 เกดิ 00 1 6.2 ขอ้ ยตุ แิ ละการนาไปใช:้ การยดึ ตดิ สายออกซเิ จนทางจมูกดว้ ยเทปเกยี่ วพันสามารถลดการเลอ่ื นหลดุ ของสายออกซเิ จทางจมูกไดด้ กี วา่ การยดึ ตดิ ดว้ ยพลาสเตอรผ์ า้ เน้ือนุ่ม ดังนัน้ จงึ ควรใชว้ ธิ กี ารยดึ ตดิ สาย ออกซเิ จนทางจมกู ดว้ ยเทปเกย่ี วพันในทารกทุกรายทไ่ี ดร้ บั การใสส่ ายออกซเิ จนทางจมกู คาสาคญั :วธิ ีการยดึ ตดิ สายออกซเิ จนทางจมูก, การเลอ่ื นหลดุ ของสายออกซเิ จน, การบาดเจ็บของ ผวิ หนัง, พลาสเตอรผ์ า้ เน้อื นุ่ม, เทปเกยี่ วพนั การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

ผลของการใชแ้ นวปฏบิ ตั ใิ นการสง่ ผูป้ ่ วยหอ้ งสงั เกตอาการเขา้ รบั การรกั ษาตอ่ ในหอผูป้ ่ วย ต่อ การเกดิ อาการเปลย่ี นแปลงทไี่ มพ่ งึ ประสงค์ หนว่ ยงานหอ้ งสงั เกตอาการ โรงพยาบาลเชยี งราย ประชานเุ คราะห์ ดวงนภา รักษธรรม พย.บ., ชฏากานต์ ใจมาตนุ่ พย.บ., ธนวตั น์ กอ่ เกดิ พย.บ. หอ้ งสงั เกตอาการ โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ บทคดั ยอ่ ความสาคญั : Patient Safety Goals เป็ นประเด็นความปลอดภัยในการดูแลผูป้ ่ วยทีม่ คี วามสาคญั จากการ ทบทวนอบุ ตั กิ ารณใ์ นหอ้ งสงั เกตอาการพบวา่ การสง่ ผูป้ ่ วยหอ้ งสงั เกตอาการเขา้ รบั การรักษาตอ่ ในหอผูป้ ่ วย มคี วามหลากหลายในการปฏบิ ตั ิ ขน้ึ กบั ความรู ้ ประสบการณข์ องผปู ้ ฏบิ ัติ ผปู ้ ่ วยบางรายไม่ไดร้ ับการประเมนิ ซ้าก่อนส่ง ไม่มีพยาบาลนาส่ง ไม่มีการตดิ ตามสัญญาณชีพระหว่างนาส่ง ระยะเวลารอเปลนาน ไม่มี แนวทางปฏบิ ัตทิ ่ีชดั เจน ในปี พ.ศ.2562 พบอุบัตกิ ารณ์ท่ีไม่พงึ ประสงคข์ ณะถงึ หอผูป้ ่ วย ไดแ้ ก่ Unplan tube, Hypotension, Desaturation และTachycardia รวมทัง้ หมด 39 คน คดิ เป็ น 33.91% หน่วยงานหอ้ ง สงั เกตอาการ จงึ ไดม้ กี ารพฒั นาแนวปฏบิ ัตใิ นการสง่ ผูป้ ่ วยหอ้ งสงั เกตอาการเขา้ รับการรักษาต่อในหอผูป้ ่ วย เพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพบรกิ ารพยาบาลใหผ้ ปู ้ ่ วยไดร้ บั ความปลอดภัยมากยง่ิ ขนึ้ ตอ่ ไป วตั ถปุ ระสงค:์ เพอื่ เปรยี บเทยี บการเกดิ อุบัตกิ ารณ์อาการเปลยี่ นแปลงท่ีไม่พงึ ประสงค์ ในผูป้ ่ วยทสี่ ง่ จาก หอ้ งสงั เกตอาการเขา้ รบั การรกั ษาตอ่ ในหอผปู ้ ่ วย ในกลมุ่ กอ่ นใชแ้ นวปฏบิ ัติ กบั กลมุ่ ทใี่ ชแ้ นวปฏบิ ตั ิ รูปแบบศกึ ษา สถานท่ี และผูป้ ่ วย: เป็ นการศกึ ษา Efficiency Research เก็บขอ้ มูลแบบ Historical control study กลุ่มตัวอย่างเป็ นผูป้ ่ วยท่ีนอนหอ้ งสังเกตอาการ โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ ที่แพทยใ์ หเ้ ขา้ รับการรักษาต่อในหอผูป้ ่ วยจานวน 230 คน แบ่งเป็ น 2 กลุ่ม คอื กลุ่มก่อนใชแ้ นวปฏบิ ัติ ศกึ ษาขอ้ มูลยอ้ นหลงั จากเวชระเบยี น ในชว่ งเดอื นสงิ หาคมถงึ เดอื นตลุ าคม 2562 จานวน 115 คน และกลุ่ม ทใ่ี ชแ้ นวปฏบิ ตั ิ เกบ็ ขอ้ มูลไปขา้ งหนา้ ในชว่ งเดอื นกรกฎาคมถงึ เดอื นกนั ยายน 2563 จานวน 115 คน การวดั ผล และวธิ กี าร: วเิ คราะหข์ อ้ มูล ดว้ ยการแจกแจงความถ่ี รอ้ ยละ คา่ เฉลยี่ ส่วนเบยี่ งเบน มาตรฐาน exact probability test และ t-test ผล: ผูป้ ่ วยทีศ่ กึ ษาทัง้ หมดจานวน 230 คน เป็ นผูป้ ่ วยกลุ่มก่อนใชแ้ นวปฏบิ ัติ 115 คน และ กลุ่มใชแ้ นว ปฏบิ ัติ 115 คน ทัง้ สองกลมุ่ ไม่พบความแตกตา่ งกนั ในเรอื่ งเพศ สว่ นใหญ่เป็ นเพศชาย 53.0% และ 60.9% อายุเฉลยี่ 55.3±17.6 ปี และ 57.6±17.9 ปี มากกวา่ ครงึ่ หนงึ่ มโี รคร่วม 54.8% และ 53.9% โรคประจาตวั ที่ พบมากท่ีสดุ คอื โรคความดันโลหติ สูง 23.5% และ 30.4% โรคเบาหวาน 17.4% และ 13.0% ไขมันใน เลอื ดสงู 13.9% และ 12.2% สว่ นท่ีทัง้ สองกลุ่มแตกตา่ งกนั ไดแ้ ก่ แผนกทีผ่ ูป้ ่ วยเขา้ รักษาตวั โดยแผนก อายุรกรรมหญงิ มผี ูป้ ่ วยเขา้ รักษาตวั มากทส่ี ดุ 47.0% และ 20.9% (p<0.001) เม่อื เปรียบเทียบการเกดิ อบุ ตั กิ ารณไ์ มพ่ งึ ประสงคใ์ นกลมุ่ กอ่ นใชแ้ นวปฏบิ ัตกิ บั กลุม่ ท่ใี ชแ้ นวปฏบิ ัติ พบวา่ การเกดิ อบุ ัตกิ ารณ์ไม่พงึ ประสงคล์ ดลงจาก 32.2% เหลอื 3.5% (p<0.001) โดยจาแนกเป็ นอบุ ัตกิ ารณ์ unplan ET-tube ลดจาก 2.6% เป็ นไมเ่ กดิ อบุ ัตกิ ารณ์ (p=0.247) การเกดิ Desaturation ลดจาก 17.4% เหลอื 1.7% (p<0.001) การหายใจ ≥ 24 ครงั้ /นาที ลดจาก 2.6% เหลอื 0.9% (p=0.622) การเกดิ Tachycardia ลดจาก 5.2% เป็ นไม่เกดิ อบุ ตั กิ ารณ์ (p=0.029) สว่ นอบุ ัตกิ ารณ์ Hypotension ลดจาก 16.5% เหลอื 1.7% (p<0.001) ระยะเวลานอนเฉลย่ี ในหอ้ งสงั เกตอาการลดลงจาก 639±554.6 นาที เหลอื 359.1±408.6 นาที (p<0.001) สว่ นระยะเวลาเฉลยี่ ทร่ี อเจา้ หนา้ ทเี่ วรเปลลดลงจาก 35.8±6.0 นาที เหลอื 20.4±10.2 นาที (p<0.001) สง่ิ ทศ่ี กึ ษา coefficient 95% Confidence Interval p-value Desaturation -0.169 0.252, -0.085 <0.001 Hypotension -0.119 -0.201, -0.037 0.005 Tachycardia -0.048 -0.094, -0.002 0.039 Unplan ET-tube -0.024 -0.57, 0.010 0.170 การหายใจ ≥ 24 ครงั้ /นาที -0.009 -0.047, 0.030 0.649 ระยะเวลานอนในหอ้ งสังเกตอาการ (นาท)ี -244.176 -387.126, -101.226 0.001 ระยะเวลารอเปล (นาท)ี -17.400 -19.769, -15.033 <0.001 สรปุ และขอ้ เสนอแนะ: การใชแ้ นวปฏบิ ัตจิ ะลดโอกาสเกดิ Desaturation ลงได ้ 16.9% (p<0.001) ลด โอกาสเกดิ Hypotension ลงได ้ 11.9% (p=0.005) ลดโอกาสเกดิ Tachycardia ลงได ้ 4.8% (p=0.039) ลดโอกาสเกดิ Unplan ET-tube ลงได ้ 2.4% (p=0.170) และมีแนวโนม้ ลดโอกาสเกดิ อุบัตกิ ารณ์การ หายใจ ≥ 24 ครงั้ /นาทลี งได ้ 0.9% (p=0.649) ควรขยายผลใชใ้ นหน่วยงานอนื่ ๆ ตอ่ ไป คาสาคญั : แนวปฏบิ ัตกิ ารส่งผูป้ ่ วยหอ้ งสังเกตอาการเขา้ รับการรักษาตอ่ ในหอผูป้ ่ วย, MEWS, แบบฟอรม์ การสง่ ตอ่ ผูป้ ่ วย การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ยั โรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

ประสทิ ธผิ ลของแนวปฏบิ ตั ใิ นการป้ องกนั สายสวนหลอดเลอื ดดาสว่ นกลางอดุ ตนั ในผปู้ ่ วยหนกั ท่ี ใสส่ าย Triple lumen catheter มยุรี พรมรนิ ทร,์ เกลยี วหทัย อภวิ งษา, แคทลยี า กองต๊บิ โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ บทคดั ยอ่ ความสาคญั : ผูป้ ่ วยวกิ ฤตอายุรกรรมท่ไี ดร้ ับการใส่สายสวนหลอดเลอื ดดาส่วนกลาง (Triple lumen catheter) มกั พบมกี ารอดุ ตนั เกดิ ขนึ้ ไดบ้ ่อย โดยจะพบใน port ทมี่ กี าร clamp ไว ้ กรณีที่มี port อุดตัน หลายเสน้ จะสง่ ผลทาใหผ้ ูป้ ่ วยไดร้ ับการรกั ษาลา่ ชา้ ออกไปเมอื่ ถงึ เวลาทตี่ อ้ งใหย้ าและสารน้า โดยเฉพาะ ในเวลาท่ีผูป้ ่ วยตอ้ งไดร้ ับการ resuscitate เพราะยาหลายชนิดจะไม่สามารถใหร้ ่วมในสายเดยี วกันได ้ ผวู ้ จิ ยั จงึ ปรับแนวปฏบิ ัตใิ นการป้ องกนั สายสวนหลอดเลอื ดดาสว่ นกลางอดุ ตนั แบบใหม่ในการศกึ ษาครงั้ นี้ วตั ถปุ ระสงค:์ เพอื่ ศกึ ษาการอดุ ตนั และระยะเวลาในการเกดิ การอดุ ตนั ของผูป้ ่ วยทใ่ี สส่ าย Triple lumen catheter ที่ไดร้ ับการดแู ลตามแนวปฏบิ ัตใิ นการป้ องสายสวนหลอดเลอื ดดาส่วนกลางอุดตันแบบเดมิ เปรยี บเทยี บกบั การดแู ลตามแนวปฏบิ ัตแิ บบใหม่ รปู แบบศกึ ษา สถานท่ี และผปู้ ่ วย: รปู แบบการศกึ ษา: Intervention research รปู แบบการเก็บขอ้ มูล: Historical control design ศกึ ษาในผปู ้ ่ วยทใ่ี สส่ าย Triple lumen catheter ทไี่ ด ้ clamp lock port เขา้ รับการรักษาตัวในหอผูป้ ่ วยหนักอายุรกรรม 4 โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ ช่วง ต.ค. 2562 – ม.ี ค. 2563 และ ม.ิ ย. – พ.ย. 2563 วธิ กี ารวดั ผล: การศกึ ษานี้แบ่งเป็ น 2 กล่มุ 1) กลมุ่ ควบคมุ เป็ นผูป้ ่ วยที่ไดร้ ับการดแู ลตามแนวปฏบิ ัติ แบบเดมิ เก็บขอ้ มูลจากเวชระเบยี น ช่วง เดอื น ต.ค. 2562– มี.ค. 2563 และ 2) กลุ่มศกึ ษาผูป้ ่ วยจะ ไดร้ บั การดแู ลตามแนวปฏบิ ตั แิ บบใหม่ เกบ็ ขอ้ มลู ในเดอื น ม.ิ ย. – พ.ย. 2563 ผวู ้ จิ ยั เกบ็ รวบรวม 1) ขอ้ มูลทั่วไป; เพศ, อายุ, น้าหนัก, การวนิ จิ ฉัยของแพทย,์ โรคประจาตัว, ตาแหน่งทใี่ สส่ าย, วนั เวลาทใี่ สแ่ ละ clamp lock port 2) ขอ้ มูลทมี ผี ลตอ่ การศกึ ษา; ผลการตรวจทาง หอ้ งปฏบิ ัตกิ าร, การไดร้ ับยาทม่ี ผี ลต่อการแข็งตวั ของเลอื ด, คา่ INR และ platelet count 3 ) ตดิ ตาม การเกดิ การอดุ ตนั เป็ นเวลา 7 วนั (168 ชว่ั โมง) วเิ คราะหข์ อ้ มูลดว้ ย Descriptive statistic, Exact probability test, t -test, ranksum test และ multivariable regression ผล: ผปู ้ ่ วยในการศกึ ษากลมุ่ ละ 28 ราย ลกั ษณะทั่วไปของทัง้ 2 กลมุ่ ไมม่ คี วามแตกตา่ งอยา่ งมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ ยกเวน้ การวนิ จิ ฉัยโรค มกี าร clamp port 96 port แบ่งเป็ นกลุ่มทีไ่ ดร้ ับการดูแลตามแนว ปฏบิ ัตแิ บบเดมิ 43 port (44.79%) เป็ นการ clamp ใน port proximal มากทส่ี ุด 53.49% และกลุม่ ท่ี ไดร้ ับการดแู ลตามแนวปฏบิ ัตแิ บบใหม่ 53 port (55.21%) เป็ นการ clamp ใน port distal มากทส่ี ุด 43.40% (p=0.003) การอดุ ตนั ในกลมุ่ ทใี่ ชแ้ นวปฏบิ ัตแิ บบใหม่มแี นวโนม้ วา่ จะอดุ ตนั นอ้ ยกวา่ (45.28% vs 65.12%; p=0.065) และระยะเวลาตงั้ แต่ clamp lock กระท่ังอดุ ตนั นานกว่า (81.50±36.96 vs 70.00±42.09; p=0.208) เม่อื ปรับความแตกต่างของผูป้ ่ วยทัง้ 2 กล่มุ ใหม้ ีความคลา้ ยคลงึ กันทางสถติ แิ ลว้ การใชแ้ นว ปฏบิ ตั ใิ นการป้ องกนั สายสวนหลอดเลอื ดดาส่วนกลางอุดตันแบบใหม่ จะลดโอกาสเกดิ การอดุ ตนั ลงได ้ 55% (95% CI - 1.03, - 0.06; p=0.027) เปรยี บเทียบระยะเวลาการอุดตันของสายสวน 2 กล่มุ ดว้ ยการทดสอบ survival curve พบว่า กลุ่มท่ีใชแ้ นวปฏิบัตแิ บบใหม่มีความปลอดภัยจากการอุดตันมากกว่าอย่างมีนัยสาคัญทางสถิตทิ ่ี p=0.013 ขอ้ ยตุ ิ และการนาไปใช:้ ควรใชแ้ นวปฏบิ ตั ใิ นการป้ องกันสายสวนหลอดเลอื ดดาส่วนกลางอุดตันแบบ ใหม่เพอื่ ลดโอกาสเกดิ การอดุ ตนั และยดื ระยะเวลาอดุ ตนั คาสาคญั : Triple lumen catheter, clotted central vein catheter การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ยั โรงพยาบาล ครงั้ ที่ 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

การเตรยี มความพรอ้ มผูป้ ่ วยกอ่ นผา่ ตดั ดว้ ยแผ่นเตอื นความจาต่อความรแู้ ละการปฏบิ ตั ติ วั ที่ ถกู ตอ้ งของผปู้ ่ วย กอ่ นระงบั ความรสู้ กึ และผา่ ตดั ปรารถนา วฒุ ชิ มภู พย.ม., อรุณยี ์ ไชยชมภู พย.ม., วนี า วงคง์ าม พย.ม. งานวสิ ญั ญี กลมุ่ การพยาบาล โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ บทคดั ยอ่ ความสาคญั : การปฏบิ ตั ติ วั ทถ่ี ูกตอ้ งกอ่ นผ่าตดั เป็ นสงิ่ ทมี่ คี วามสาคญั เพราะจะทาใหก้ ารผ่าตัดและการ ใหย้ าระงับความรูส้ กึ เป็ นไปดว้ ยความราบรืน่ และปลอดภัย ปัจจุบันกลุ่มงานวสิ ัญญเี ยย่ี มและประเมนิ ผปู ้ ่ วยกอ่ นผ่าตดั ในผปู ้ ่ วยแบบนัดล่วงหนา้ โดยวธิ ีใหค้ าแนะนาดว้ ยปากเปลา่ พบวา่ ยังเกดิ ปัญหาผูป้ ่ วย ปฏบิ ัตติ วั ไมถ่ ูกตอ้ งกอ่ นใหย้ าระงบั ความรูส้ กึ ทาใหผ้ ูป้ ่ วยตอ้ งงดผ่าตดั หรอื เลอื่ นการผ่าตดั ออกไป บาง รายเกดิ ภาวะแทรกซอ้ นระหวา่ งการไดร้ ับยาระงับความรสู ้ กึ วตั ถปุ ระสงคว์ จิ ยั : เพื่อศกึ ษาคะแนนความรูแ้ ละการปฏิบัตติ ัวทถี่ ูกตอ้ งของผูป้ ่ วย กลุ่มเตรยี มความ พรอ้ มกอ่ นผา่ ตดั ดว้ ยแผ่นเตอื นความจา เทยี บกบั กลมุ่ เตรยี มความพรอ้ มแบบเดมิ รปู แบบศกึ ษา สถานที่ และผูป้ ่ วย: การวจิ ัยครัง้ นี้เป็ นการวจิ ัยแบบ Intervention study รูปแบบ Interrupted time design ศกึ ษาในผูป้ ่ วยทเี่ ขา้ รบั การผ่าตดั แบบนัดลว่ งหนา้ ในเวลาราชการ แผนกออร์ โธปิดกิ ส์ ทหี่ อ้ งผ่าตดั ที่ 2-4 โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ เก็บขอ้ มูลชว่ งเดอื นมถิ ุนายน 2563 ถงึ เดอื นเมษายน 2564 การวดั ผล และวธิ กี าร: การศกึ ษาน้แี บ่งเป็ น 2 กลมุ่ 1) กลมุ่ เตรยี มความพรอ้ มก่อนผ่าตดั แบบเดมิ 133 ราย เกบ็ ขอ้ มลู ชว่ งเดอื นมถิ ุนายน ถงึ กนั ยายน 2563 2) กลมุ่ เตรยี มความพรอ้ มก่อนผ่าตดั ดว้ ยแผ่นเตอื น ความจา 135 ราย เก็บขอ้ มูลชว่ งเดอื นกันยายน ถงึ มนี าคม 2564 ผูว้ จิ ัยเก็บรวบรวมขอ้ มูลทั่วไป ไดแ้ ก่ เพศ อายุ ASA physical status class (ASA class) ระดบั การศกึ ษา การงดหรือเลอื่ นผ่าตดั และความรู ้ การปฏบิ ัตติ วั กอ่ นผ่าตดั ทป่ี ระกอบดว้ ย การงดอาหารและน้า การถอดฟันปลอม การถอดชดุ ชัน้ ใน การไม่ แต่งหนา้ หรือทาลิปสติกเขา้ หอ้ งผ่าตัด การไม่ทาสีเล็บหรือลา้ งสีเล็บใหส้ ะอาด และการถอด เครอื่ งประดบั ทกุ ชนดิ ประเมนิ คะแนนความรกู ้ อ่ นเตรยี มความพรอ้ ม และภายหลงั เตรยี มความพรอ้ ม และ ตดิ ตามการปฏิบัตติ ัวก่อนเขา้ รับการผ่าตัด วเิ คราะห์ขอ้ มูลดว้ ยการแจกแจงความถ่ี รอ้ ยละ ค่าเฉลีย่ สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน t-test, rank sum test และ exact probability test ผลการวจิ ยั : ผปู ้ ่ วยทัง้ 2 กลมุ่ มขี อ้ มูลท่ัวไป และคะแนนความรูเ้ ฉลยี่ ก่อนเตรยี มความพรอ้ มไม่ตา่ งกัน (p=0.487) ภายหลงั เตรยี มความพรอ้ ม พบว่ากล่มุ เตรยี มความพรอ้ มก่อนผ่าตดั ดว้ ยแผ่นเตอื นความจา มคี ะแนนความรมู ้ ากกวา่ อยา่ งมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ (9.7±0.6 vs 8.5±1.2; p<0.001) และมีผลต่างของ คะแนนความรกู ้ อ่ นและหลังเตรยี มความพรอ้ มมากกวา่ อย่างมนี ัยสาคัญเช่นกนั (1.9±1.0 vs 1.0±1.3; p<0.001) ทัง้ สองกลุ่มสามารถปฏิบัตติ ัวไดถ้ ูกตอ้ งไม่แตกต่างกัน ในประเด็นการงดน้ างดอาหาร การแตง่ หนา้ และทาลปิ สตกิ ในกลมุ่ เตรยี มความพรอ้ มแบบเดมิ ยังปฏบิ ัตไิ ม่ถูกทัง้ หมด และการงดเลอื่ น ผ่าตดั ทงั้ สองกลมุ่ ไมม่ คี วามแตกตา่ งกนั อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ (p=0.117) สงิ่ ทศี่ กึ ษา แบบเดมิ (n= 133) แบบใหม่ (n= 135) P-value mean (±SD) mean (±SD) 0.487* คะแนนความรกู ้ อ่ นใหค้ วามรู ้ 7.5 (±1.5) 7.6 (±1.2) <0.001* คะแนนความรหู ้ ลงั ใหค้ วามรู ้ 8.5 (±1.2) 9.7 (±0.6) <0.001** 1.9 (±1.0) คะแนนความตา่ งกอ่ น-หลงั ใหค้ วามรู ้ 1.0 (±1.3) หมายเหต:ุ * paired t-test, ** rank sum test ขอ้ ยตุ ิ และการนาไปใช:้ การเตรยี มความพรอ้ มผูป้ ่ วยก่อนผ่าตดั ดว้ ยแผ่นเตอื นความจาในผูป้ ่ วยท่ีนัด ผ่าตดั แบบลว่ งหนา้ สามารถเพม่ิ ความรูแ้ ละชว่ ยใหผ้ ปู ้ ่ วยปฏบิ ตั ติ วั ไดถ้ ูกตอ้ งกอ่ นเขา้ รบั การระงบั ความรสู ้ กึ และผ่าตดั จงึ ควรใชใ้ นการเตรยี มความพรอ้ มผปู ้ ่ วยกอ่ นผ่าตดั แบบนัดลว่ งหนา้ ทกุ ราย คาสาคญั : การผา่ ตดั , Education, Pre-operative visit การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ยั โรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

อตั ราการอยู่รอดและปัจจยั เสยี่ งของการกลบั มาเป็ นซา้ หรอื ไม่ตอบสนองตอ่ การรกั ษาของ ผูป้ ่ วยมะเร็งต่อมนา้ เหลอื งชนดิ diffuse large B-cell lymphoma ในโรงพยาบาลเชยี งราย ประชานุเคราะห ์ ปิยะพงษ์ กญั ญา พบ. โรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ บทคดั ยอ่ ความสาคญั : โรคมะเร็งตอ่ มน้าเหลอื งชนิด diffuse large B-cell lymphoma (DLBCL) เป็ นมะเร็งต่อม น้าเหลอื งทพี่ บไดบ้ ่อยทส่ี ดุ ในประเทศไทย โดยหนงึ่ ในสามของผปู ้ ่ วยไมต่ อบสนองตอ่ การรักษาหรือกลบั มา เป็ นซา้ หลงั จากทร่ี ักษาหายแลว้ วตั ถุประสงค:์ ศกึ ษาปัจจัยเสย่ี งของการกลบั มาเป็ นซ้าหรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาของผูป้ ่ วย DLBCL อตั ราการอยูร่ อดโดยรวมท่ี 3 ปี ของผปู ้ ่ วย DLBCL รปู แบบศกึ ษา สถานท่ี และผปู้ ่ วย: การศกึ ษายอ้ นหลงั โดยเก็บขอ้ มูลจากเวชระเบยี นของผูป้ ่ วยมะเร็งต่อม น้าเหลอื ง ในโรงพยาบาลเชยี งรายประชานุเคราะห์ ตงั้ แต่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556 ถงึ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 วเิ คราะหป์ ัจจัยเสย่ี งโดย Cox Proportional Hazard Regression Analysis โดยแสดงชว่ งความ เชอื่ มั่นรอ้ ยละ 95 กาหนดนัยสาคญั ทางสถติ โิ ดยใช ้ P-value นอ้ ยกวา่ 0.05 ผล: ผปู ้ ่ วย DLBCL 101 ราย อายุเฉลย่ี 58.82 ปี พบผปู ้ ่ วยกลบั มาเป็ นซา้ หรอื ไม่ตอบสนองตอ่ การรักษา 41 ราย (40.59%) โดยปัจจัยเสย่ี งของการกลับมาเป็ นซ้าหรอื ไม่ตอบสนองตอ่ การรักษาของผูป้ ่ วย DLBCL ไดแ้ ก่ ระยะของโรคมะเร็งตอ่ มน้าเหลอื งตาม Ann Arbor staging system ที่ 3-4 (HR 2.21; 95% CI 1.06-4.62, p=0.035) และระดบั Lactate dehydrogenase (LDH) ในเลอื ดที่สูงกวา่ ปกติ [hazard ratio (HR) 4.01; 95% CI 1.66-9.68, p=0.002] อตั ราการอยู่รอดโดยรวมท่ี 3 ปี ของผูป้ ่ วย DLBCL ที่มรี ะยะ ของโรคมะเร็งต่อมน้าเหลอื งตาม Ann Arbor staging system ท่ี 1-2 มากกวา่ กล่มุ ทม่ี รี ะยะโรคท่ี 3-4 (74% และ 46% ตามลาดับ, p=0.005) ผูป้ ่ วยที่มีระดบั LDH ในเลอื ดปกตมิ ากกวา่ กลมุ่ ที่มีระดบั LDH ในเลอื ดทสี่ งู กวา่ ปกติ (75% และ 52% ตามลาดบั , p=0.008) ขอ้ ยตุ ิ และการนาไปใช:้ ระยะของโรคมะเร็งตอ่ มน้าเหลอื งตาม Ann Arbor staging system ที่ 3-4 และ ระดับ LDH ในเลอื ดที่สูงกว่าปกติ เป็ นปัจจัยเสย่ี งของกลับมาเป็ นซ้าหรอื ไม่ตอบสนองต่อการรักษาผูป้ ่ วย DLBCL โดยปัจจัยดงั กลา่ วมผี ลตอ่ อตั ราการอยู่รอดโดยรวมของผปู ้ ่ วย คาสาคญั : การกลบั มาเป็ นซา้ หรอื ไมต่ อบสนองตอ่ การรกั ษาผูป้ ่ วย DLBCL ปัจจยั เสย่ี ง ระดบั LDH ในเลอื ด ระยะของโรคมะเร็งตอ่ มน้าเหลอื ง การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ที่ 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

การวางแผนบน้ั ปลายชวี ติ ในผูป้ ่ วยวณั โรค Planning end of life for Tuberculosis paitents ปิยะวดี สมุ าลยั ,วรุณยพุ า สกล, อารรี ัตน์ นลิ าวรรณ์ บทคดั ยอ่ ความสาคญั : การดูแลแบบ Palliative Care คือการท่ีแพทยม์ ี โอกาสพูดคุยสอ่ื สารกับผูป้ ่ วยและ ครอบครัว อย่างมีประสทิ ธภิ าพเพมิ่ ขนึ้ ดว้ ย การพูดถงึ ความตายเป็ นเร่อื งที่ยากแลว้ การสอบถามถงึ สถานทท่ี ผ่ี ปู ้ ่ วยตอ้ งการเสยี ชวี ติ ยง่ิ ยากกวา่ และยังเป็ นทถ่ี กเถยี งกนั ถงึ ความเหมาะสมทีพูดถงึ เรอ่ื งน้ีกบั ผปู ้ ่ วยและครอบครัว และลอ่ แหลมตอ่ จรยิ ธรรมในปฏบิ ตั กิ ารพยาบาล พยาบาลควรตอ้ งดูความเหมาะสม ของสภาพการเจ็บป่ วยและช่วงเวลาที่จะกล่าวถึงเร่ืองน้ีและบางครัง้ ผูป้ ่ วยและญาติอาจแปลความ หมายถงึ การเร่งใหผ้ ูป้ ่ วยกลบั บา้ นหากโรงพยาบาลปัญหาเรื่องจานวนเตยี งรักษาพยาบาล ดังนัน้ การ กลา่ วถงึ เรอื่ งน้ีควรทาเมอ่ื แน่ใจวา่ ผปู ้ ่ วยและครอบครวั พงึ พอใจกบั การดแู ลทไี่ ดร้ ับมสี มั พันธภาพท่ดี ี และ ยอมรับกบั แผน การรักษาแบบประคบั ประคอง อย่างไรก็ตามความตอ้ งการนี้อาจมกี ารเปลยี่ นแปลงได ้ โดยเฉพาะในช่วงท่ีผูป้ ่ วยอาการหนักและครอบครัวเป็ นผูต้ ดั สนิ ใจแทนผูป้ ่ วย ดังนัน้ การดูแลผูป้ ่ วย เสยี ชวี ติ ที่บา้ นเป็ นเร่อื งทผี่ ูด้ ูแลตอ้ งเป็ นผูม้ คี วามรู ้ ประสบการณ์ และผ่านการฝึ กทักษะมาเป็ นอย่างดี เพอื่ ใหส้ ามารถตอบสนองความตอ้ งการของผูป้ ่ วย ใหก้ ารดแู ลทเ่ี ออื้ ต่อการเสยี ชวี ติ อย่างสงบท่บี า้ นได ้ ดงั นัน้ Palliative Care จงึ เป็ นการดแู ลแบบประคับประคอง มุ่งใหค้ วามสขุ สบายแก่ผูป้ ่ วย ช่วยลดความ ทุกขท์ รมานจากความปวดครอบคลุมถงึ จติ วญิ ญาณ และตระหนักถงึ การตายอย่างสมศกั ดศ์ิ รีของความ เป็ นมนุษย์ (dignified death) รวมถงึ ครอบครัวทมี่ ผี ูป้ ่ วยอยใู่ นระยะสดุ ทา้ ย และหลงั เสยี ชวี ติ แลว้ และจะ ทาอย่างไรใหผ้ ดู ้ แู ลหรอื ญาตผิ ปู ้ ่ วยทราบวา่ เมอ่ื ไรตอ้ งดแู ลผปู ้ ่ วยแบบประคบั ประคอง วตั ถปุ ระสงค:์ เพอ่ื ศกึ ษาการใชแ้ บบประเมนิ วางแผนบัน้ ปลายชวี ติ ผูป้ ่ วยวัณโรคและความเขา้ ใจของ ผปู ้ ่ วยเกย่ี วกบั การดแู ลแบบประคบั ประคอง รปู แบบศกึ ษา สถานที่ และผูป้ ่ วย: การศกึ ษาวจิ ยั น้ีเป็ นการวจิ ัยเชงิ คณุ ภาพ ดาเนินการศกึ ษาระหวา่ ง วนั ท่ี 26 มนี าคม 2562- 2 มีนาคม 2563 ประชากรที่ใชศ้ กึ ษา คอื ผูป้ ่ วยวณั โรคที่เขา้ พักรักษาตวั ทีต่ กึ อายุรกรรม 4 และไดร้ ับการประเมนิ โดยใชแ้ บบประเมนิ ระดับผูป้ ่ วยทไ่ี ดร้ ับการดแู ลแบบประคับประคอง ฉบับสวนดอก ทมี่ คี า่ คะแนน 0-50% จากสถติ ผิ ปู ้ ่ วยทไ่ี ดร้ ับการดแู ลแบบประคบั ประคองในปี งบประมาณ 2561 จานวน 31 ราย เปิดตารางสาเร็จรปู ของเครซแี่ ละมอรแ์ กน ทาใหไ้ ดก้ ลมุ่ ตวั อยา่ ง 28 ราย การวดั ผล และวธิ กี าร: เครื่องมือที่ใชใ้ นการวจิ ัยไดแ้ ก่ แบบประเมินวางแผนบัน้ ปลายชวี ติ ของ โรงพยาบาลบางดว้ น สมุทรปราการ วเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยการวเิ คราะหเ์ น้อื หา การแจกแจงความถี่ รอ้ ยละ คา่ เฉลย่ี ผล: จากการศกึ ษาพบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ ง 28 คน เป็ นผูป้ ่ วยท่ไี ดร้ ับการวนิ จิ ฉัยว่าเป็ นวณั โรค เป็ นเพศชาย 20ราย(71.4%) เพศหญงิ 8(28.6%) โดยมอี ายุนอ้ ยทส่ี ดุ 28 ปี อายมุ ากทส่ี ดุ 88 ปี อายุเฉลยี่ 55.32 ปี (SD.=189.086) สาหรับขอ้ คาถามว่าชีวติ ในตอนนี้มีความสุขมากแค่ไหน กลุ่มตัวอย่างส่วนมาก มคี วามสขุ นอ้ ย รอ้ ยละ 92.9 รอ้ ยละ 60.7 บอกวา่ สง่ิ สาคญั ท่สี ุดในชวี ติ ของผูป้ ่ วยคอื ครอบครัว รอ้ ยละ 82.2 เลอื กไมอ่ ยากทุกขท์ รมาน สว่ นรอ้ ยละ75.0 คดิ วา่ โรค/ภาวะสขุ ภาพทเี่ ป็ นอยไู่ ม่แน่ใจวา่ จะหายหรือ จะไม่หาย สาหรับ ในเรอื่ งการวางแผนเกยี่ วกบั โรคและการรักษาในอนาคตไวว้ ่าสว่ นใหญ่ถา้ เลอื กได ้ อนาคตมชี วี ติ อย่อู กี 5 ปี รอ้ ยละ 46.4 และ มสี ง่ิ ทเ่ี ป็ นหว่ งยงั จัดการไมเ่ รยี บรอ้ ยคอื เรอ่ื งครอบครัวรอ้ ยละ 42.9 สาหรับการมีประสบการณ์คนใกลช้ ดิ ป่ วยระยะสุดทา้ ยหรือเสียชีวติ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ มคี วามรูส้ กึ เสยี ใจ แต่ก็คดิ ว่าเป็ นเรือ่ งปกตทิ ท่ี ุกคนตอ้ งเจอ และถา้ อยู่จนครบเวลาอยากจากไปแบบ จะสกู ้ บั โรคและอยู่ใหน้ านที่สดุ เท่าทจี่ ะทาไดแ้ มจ้ ะทุกขท์ รมานแค่ไหนก็ตาม ในอนาคตถา้ อาการทรุด หนัก อยากใหแ้ พทยช์ ่วยใหย้ ารักษาอาการทั่วไป ใหน้ ้าเกลอื ใหย้ าแกป้ วด ยาฆ่าเชอ้ื เพอื่ ใหไ้ ม่ทุกข์ ทรมาน ฉะนัน้ ผูป้ ่ วยระยะสดุ ทา้ ยส่วนใหญ่ตอ้ งการที่จะไดร้ ับการดแู ลอย่างเพียงพอ มีความรูส้ กึ ว่า ปลอดภัย ตอ้ งการไดร้ ับการยอมรับ สามารถใหแ้ ละไดร้ ับความรัก ไม่ถูกมองว่าเป็ นภาระของญาตมิ ติ ร หรอื บคุ ลากรทางการแพทย์ สามารถไดร้ บั การอธบิ ายถงึ อาการทเ่ี ป็ นอยู่และมสี ว่ นรว่ มในการตดั สนิ ใจ ขอ้ ยุติ และการนาไปใช:้ นาขอ้ มลู ทไ่ี ดไ้ ปพัฒนาระบบการดูแลแบบประคับประคองในสถาบันบาราศ นราดรู ไดแ้ ละการนาแบบประเมนิ วางแผนบัน้ ปลายชวี ติ ของโรงพยาบาลบางดว้ น สมทุ รปราการ ไปใชก้ บั ผปู ้ ่ วยระยะสดุ ทา้ ยทุกกลมุ่ โรค คาสาคญั วางแผน, บัน้ ปลายชวี ติ , ผปู ้ ่ วยวณั โรค การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

การสารวจภาวะหมดไฟในการทางานของพยาบาลวชิ าชพี สถาบนั บาราศนราดูร The Survey of Professional Nurses’burnout in Bamrasnaradura Infectious Disease Institute ปิยะวดี สมุ าลยั สถาบันบาราศนราดรู บทคดั ยอ่ ความสาคญั : ภาวะหมดไฟในการทางาน หรอื BURNOUT SYNDROME คอื ภาวะการณเ์ ปลยี่ นแปลง ดา้ นจติ ใจทเ่ี กดิ จากความเครยี ด จนบางครัง้ รูส้ กึ มีความเหน่ือยลา้ ทางอารมณ์ เบือ่ หน่าย ไม่หยบิ จับทา อะไร รูส้ กึ สูญเสยี พลงั งานทางจติ ใจ มองงานทีก่ าลังอยู่ในเชงิ ลบ ขาดความสขุ สนุกในเนื้องาน หมด แรงจูงใจประสทิ ธิภาพการทางานต่าลง บางรายอาจรูส้ กึ เหนิ ห่างจากเพือ่ นร่วมงาน จนทาใหค้ วาม มคี วามรูส้ กึ หมดเรีย่ วแรงในการทางานและการใชช้ วี ติ ประจาวนั ซงึ่ อาการเหลา่ น้ีจัดอยู่ในกลมุ่ อาการ ยังไมร่ นุ แรงเท่ากบั โรคซมึ เศรา้ แตห่ ากปล่อยไวแ้ ละอยู่ในสภาพแวดลอ้ ม และสภาพอารมณล์ กั ษณะน้ี เดมิ ๆ อาจสง่ ผลตอ่ การทางาน เชน่ อาจขาดงานบอ่ ย ประสทิ ธภิ าพการทางานลดลง อาจคดิ เร่อื งลาออก ในทสี่ ดุ จากสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทย เม่ือวเิ คราะหล์ ักษณะของการระบาดตาม Health Footprint of COVID-19พบวา่ ปัจจุบันประเทศไทย เรม่ิ เขา้ สู่คลน่ื ลกู ท่ี 4 : 4th wave : Psychic trauma, Mental illness, Economic injury, Burnout : ผลกระทบ ทางเศรษฐกจิ และผลกระทบดา้ นปั ญหาสุขภาพจติ เน่ืองมาจาก การต่อสูก้ ับสถานการณ์ ระบาดในระยะเวลาที่ต่อเน่ือง ยาวนานและมาตรการในการควบคุมโรค อันส่งผลใหป้ ระชาชนเกดิ ความเครยี ด วติ กกงั วล เกดิ ปัญหาทางสขุ ภาพจติ และเจ็บป่ วยดว้ ยโรคทางจติ เวชเพมิ่ ขน้ึ บุคลากรทาง การแพทยแ์ ละสาธารณสขุ มีแนวโนม้ เกดิ ภาวะเหนื่อยลา้ หมดไฟ ซงึ่ ส่งผลกระทบ ใหเ้ กดิ ปั ญหาทาง สขุ ภาพจติ ตามมา หรอื เกดิ การเจ็บป่ วยทางจติ เวชได ้ วตั ถปุ ระสงค:์ เพอ่ื ศกึ ษาภาวะหมดไฟในการทางานของพยาบาลวชิ าชพี สถาบนั บาราศนราดรู และปัจจยั ทม่ี ผี ลตอ่ เกดิ ภาวะหมดไฟในการทางานของพยาบาลวชิ าชพี สถาบันบาราศนราดรู รูปแบบศกึ ษา สถานท่ี และผูป้ ่ วย: ระยะเวลาดาเนินการ ระหว่างวันท่ี 17 ธันวาคม 2562 – 10 มีนาคม 2563 ประชากรทใ่ี ชศ้ กึ ษา คอื พยาบาลวชิ าชพี ทีป่ ฏบิ ัตงิ านในกล่มุ การพยาบาล สถาบัน บาราศนราดูร จานวน 201 คนโดยมีเกณฑใ์ นการคัดเลอื กตัวอย่าง (Inclusion criteria) ดงั น้ีพยาบาล วชิ าชพี ท่ีปฏบิ ัตงิ านในกลมุ่ การพยาบาล 1 ปี ขนึ้ ไปกาหนด ขนาดตัวอย่างใชโ้ ปรแกรม G* Power 3 (Erdfelder et al., 2009) ไดข้ นาดกลุ่มตัวอย่างเท่ากับ 159 คน เครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการวจิ ัยไดแ้ ก่ เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษาคอื แบบสอบถาม ภาวะหมดไฟในการทางาน สาหรับเจา้ หนา้ ที่สาธารณสุข ของงานวจิ ยั และพฒั นา กลมุ่ งานวชิ าการสขุ ภาพจติ ศนู ยส์ ขุ ภาพจติ ที่ 7 จังหวดั ขอนแกน่ การวดั ผล และวธิ กี าร: วเิ คราะหข์ อ้ มูลโดยการวเิ คราะหเ์ นื้อหา การแจกแจงความถี่ รอ้ ยละ ค่าเฉลยี่ สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน การทดสอบไควส์ แควร์ ผล: จากการศกึ ษาพบว่า กลมุ่ ตัวอย่างมีภาวะหมดไฟในการทางานอยู่ในระดับตา่ จานวน 75 ราย (47.2%) รองลงมาอยู่ในระดับสูงและระดบั ปานกลางจานวน 49 ราย(30.8%) และ35 ราย(22.0%) ตามลาดับ สาหรับรายดา้ นพบวา่ ดา้ นความออ่ นลา้ ทางอารมณ์อยู่ในระดับสูงจานวน 79 ราย(49.7%) ดา้ นการลดความเป็ นบุคคลอยู่ในระดบั ตา่ จานวน 79 ราย(49.7%) และความสาเร็จสว่ นบุคคลอยู่ในระดบั ตา่ จานวน 75 ราย (47.2%) สาหรับปัจจัยท่ีมผี ลตอ่ ภาวะหมดไฟในการทางานของพยาบาลวชิ าชีพ สถาบันบาราศนราดรู คอื กลุ่มอายุ ตาแหน่งงาน ระยะเวลาท่ที างานพยาบาล ระยะเวลาทท่ี างานใน หน่วยงาน จานวนชวั่ โมงทางานตอ่ วนั ถงึ แมผ้ ลการวจิ ยั จะพบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ งสว่ นใหญ่จะมคี วามเหน่ือย หน่ายอยู่ในระดบั ตา่ แตย่ งั มอี กี กลมุ่ ที่ภาวะหมดไฟในการทางานอยู่ในระดับสูง 49 ราย(30.8%)ซง่ึ ทีม บรหิ ารองคก์ รพยาบาลจะตอ้ งใหค้ วามสาคญั และการดแู ลทเี่ หมาะสม ขอ้ ยุติ และการนาไปใช:้ จากผลการวจิ ยั ทาใหไ้ ดข้ อ้ มูลสาหรบั ผบู ้ รหิ ารการพยาบาลนาไปใชป้ รับภาระ งานใหเ้ หมาะสมรวมถงึ การหาแรงจูงใจในการทางานเชน่ คา่ ตอบแทนท่ีเพ่ิมขนึ้ การไดร้ ับคาชมเชย เป็ นตน้ เพอื่ จูงใจบุคลากรทมี่ คี วามสามารถใหค้ งอยู่ สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ความสมั พันธภาพทีด่ รี ะหว่างหัวหนา้ งานและผปู ้ ฏบิ ตั งิ าน คาสาคญั ภาวะหมดไฟ, พยาบาลวชิ าชพี การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ยั โรงพยาบาล ครงั้ ที่ 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

ผลการใชร้ ูปแบบการส่งเสรมิ พฒั นาการทารกเกดิ ก่อนกาหนดต่อความรูแ้ ละทกั ษะของ พยาบาลในหออภบิ าลทารกแรกเกดิ วกิ ฤต โรงพยาบาลลาปาง มะลวิ รรณ สตุ าลงั กา, คทั ลยี า อนิ ทะยศ หออภบิ าลทารกแรกเกดิ วกิ ฤต โรงพยาบาลลาปาง บทคดั ยอ่ วตั ถปุ ระสงค:์ การวจิ ัยแบบกง่ึ ทดลองนเ้ี พอื่ วดั ความรูแ้ ละทกั ษะของพยาบาลในการส่งเสรมิ พัฒนาการ ทารกเกดิ กอ่ นกาหนดในหออภบิ าลทารกแรกเกดิ วกิ ฤต โรงพยาบาลลาปาง รปู แบบศกึ ษา สถานที่ และผปู้ ่ วย: กล่มุ ตวั อย่าง คอื พยาบาลวชิ าชพี จานวน 17 ราย และทารกเกดิ กอ่ นกาหนดอายคุ รรภ์ 28-36 สปั ดาห์ ทีเ่ ขา้ รับการรักษาในหออภบิ าลทารกแรกเกดิ วกิ ฤตโรงพยาบาล ลาปาง จานวน 60 ราย โดยแบ่งออกเป็ นกลมุ่ ท่ไี ดร้ ับการพยาบาลตามปกติ 30 ราย และกลุ่มท่ีไดใ้ ช ้ รูปแบบการส่งเสรมิ พัฒนาการทารกเกิดก่อนกาหนด 30 ราย เก็บขอ้ มูลระหว่างวันท่ี 1 เมษายน- 31 พฤษภาคม 2564 เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการดาเนนิ การวจิ ัย ไดแ้ ก่ พาวเวอรพ์ อยทก์ ารสง่ เสรมิ พัฒนาการ ทารกเกดิ กอ่ นกาหนด คมู่ อื การสง่ เสรมิ พัฒนาการทารกเกดิ กอ่ นกาหนด ทส่ี รา้ งขนึ้ จากทฤษฎพี ัฒนาการ อย่างตอ่ เน่ือง (synactive theory of development) ของแอลส์ (Als, 1982) แผนการโคช้ ประยุกต์ แนวคดิ การโคช้ (coaching) ของแฮส (Haas, 1992) เครื่องมือทใ่ี ชไ้ ดแ้ ก่ 1) แบบวัดความรูข้ อง พยาบาล 2) แบบสงั เกตการปฏบิ ตั ขิ องพยาบาล 3) แบบประเมนิ ความพงึ พอใจของพยาบาล ตรวจสอบ ความตรงเชงิ เน้ือหาโดยผูท้ รงคณุ วุฒิ 3 ท่านไดค้ ่าดัชนีความตรงเชงิ เน้ือหา CVI =0.80 และ 0.82 ตามลาดบั คานวณคา่ สมั ประสทิ ธแิ์ อลฟาของครอนบาคของแบบประเมนิ ความพงึ พอใจของพยาบาล = 0.83 ตามลาดบั การวดั ผล และวธิ กี าร: วเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยใชส้ ถติ เิ ชงิ พรรณนา ความถ่ี รอ้ ยละ ค่าเฉลยี่ ส่วนเบ่ยี งเบน มาตรฐาน Paired t-test และ Independent t-test ผล: จากการศกึ ษาพบวา่ การใชร้ ูปแบบการส่งเสรมิ พัฒนาการทารกเกดิ กอ่ นกาหนดภายหลังการโคช้ พยาบาลมีความรูเ้ ฉลย่ี 9.41 (± 1.502) คะแนน เพม่ิ ขน้ึ อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ P-value < 0.001 และส่วนใหญ่มีทักษะในการส่งเสรมิ พัฒนาการเพ่มิ มากขนึ้ โดยเฉพาะในดา้ นการจัดท่านอน และ การจบั ตอ้ ง รอ้ ยละ 76.47 เพมิ่ ขนึ้ อย่างมนี ัยสาคัญทางสถติ ิ (P-value < 0.001) คะแนนความพงึ พอใจ ของพยาบาลอยูใ่ นระดบั มากทส่ี ดุ รอ้ ยละ 88.32 ขอ้ ยุติ และการนาไปใช:้ การโคช้ ชว่ ยใหพ้ ยาบาลมคี วามรูแ้ ละทักษะเพม่ิ ขน้ึ ดงั นัน้ ควรมกี ารโคช้ เพ่ือ เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการสง่ เสรมิ พฒั นาการทารกเกดิ กอ่ นกาหนด คาสาคญั : รูปแบบการสง่ เสรมิ พฒั นาการ, ทารกเกดิ กอ่ นกาหนด การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ยั โรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

ผลของการใชแ้ นวปฏบิ ตั ทิ างคลนิ กิ การพยาบาลสาหรบั ผูป้ ่ วยโรคอว้ นทม่ี ารบั บรกิ ารระงบั ความรสู้ กึ แบบทว่ั ไปในโรงพยาบาลลาปาง นายทวี สายอดุ ตะ๊ กลมุ่ งานการพยาบาลวสิ ญั ญี โรงพยาบาลลาปาง บทคดั ยอ่ ความสาคญั : การใหอ้ อกซเิ จนก่อนนาสลบเป็ นกระบวนการท่ีสาคัญมากสาหรับผูป้ ่ วยทีไ่ ดร้ ับยาระงับ ความรูส้ กึ แบบท่ัวไป (general anesthesia) เนื่องจากผูป้ ่ วยทไี่ ดร้ ับการนาสลบเพื่อการใสท่ ่อหายใจ ส่วนใหญ่จะถูกทาใหห้ ยุดหายใจจนกว่าการใสท่ ่อหายใจสาเร็จ การทาใหห้ ยุดหายใจนั้นทาใหผ้ ูป้ ่ วย เสยี่ งตอ่ การเกดิ ภาวะความอมิ่ ตวั ของออกซเิ จนในเลอื ดตา่ (desaturation) โดยเฉพาะในผูป้ ่ วยโรคอว้ น การวจิ ัยนีเ้ ป็ นการวจิ ัยกงึ่ ทดลอง วตั ถปุ ระสงค:์ เพอื่ ศกึ ษาผลของการใชแ้ นวปฏบิ ัตทิ างคลนิ ิกการพยาบาลสาหรับผูป้ ่ วยโรคอว้ นท่มี ารับ บรกิ ารระงบั ความรสู ้ กึ แบบทว่ั ไปในโรงพยาบาลลาปาง รปู แบบศกึ ษา สถานที่ และผูป้ ่ วย: กลมุ่ ตวั อยา่ ง คอื ผปู ้ ่ วยโรคอว้ นทเี่ ขา้ รับการผ่าตดั แบบนัดลว่ งหนา้ และไดร้ ับการระงับความรูส้ กึ แบบทั่วไปทุกราย ตัง้ แต่เดอื น มถิ ุนายนถงึ พฤศจิกายน 2563 สุ่มกลุ่ม ตวั อยา่ งโดยการใชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอร์ แบ่งเป็ น 2 กลุ่ม คอื กล่มุ ที่ไดร้ ับการพยาบาลตามปกติ และ กลมุ่ ทไี่ ดร้ ับการใชแ้ นวปฏบิ ตั ทิ างคลนิ กิ การพยาบาลสาหรบั ผูป้ ่ วยโรคอว้ นท่ีมารับบรกิ ารระงับความรูส้ กึ แบบทัว่ ไป เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชป้ ระกอบดว้ ยแนวทางการเตมิ ออกซเิ จนในวงจรดมยาสลบกอ่ นเรมิ่ นาสลบของ ของ เข็มเพชร เศรษฐส์ ัมพันธ์ ท่มี คี า่ ความตรงของเคร่อื งมือ CVI = 0.92 แบบบันทกึ ขอ้ มูลท่ัวไปของ ผปู ้ ่ วย และแบบบนั ทกึ ความพงึ พอใจของผูใ้ ชแ้ นวปฎบิ ัตทิ างคลนิ กิ ทางการพยาบาลทผ่ี วู ้ จิ ยั สรา้ งขน้ึ ผ่าน ผทู ้ รงคณุ วฒุ ิ 3 ทา่ น มคี า่ คณุ ภาพของเครอื่ งมอื CVI = 0.84 ,0.89 ตามลาดบั การวดั ผล และวธิ กี าร: วเิ คราะหข์ อ้ มูลดว้ ยสถติ ิ รอ้ ยละ คา่ เฉลยี่ สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน Fisher's exact test และเปรยี บเทยี บคา่ เฉลย่ี ของคา่ ETO2และSpO2 โดยใชส้ ถติ ิ T-test ผล: จากการศกึ ษาพบว่า หลังการใชแ้ นวปฏบิ ัตทิ างคลนิ ิกการพยาบาลสาหรับผูป้ ่ วยโรคอว้ นท่ีมารับ บรกิ ารระงบั ความรสู ้ กึ แบบทั่วไปพบวา่ คา่ ความอม่ิ ตวั ของออกซเิ จนขณะใสท่ ่อชว่ ยหายใจในกลมุ่ ใชแ้ นว ปฏบิ ัตสิ งู กว่ากลุ่มทไี่ ดร้ ับการพยาบาลปกตทิ ี่ 95.74%(±1.095) แตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถติ ิ (P-value < 0.001) เมอื่ เปรยี บเทยี บคา่ ความแตกตา่ งของคา่ ETO2 นาทที ่ี 3 พบวา่ กลมุ่ ใชแ้ นวปฏบิ ัตสิ งู กวา่ กลมุ่ ทไี่ ดร้ ับการพยาบาลปกตทิ รี่ ะดบั 86.62 (±0.741) ทัง้ สองกลมุ่ มคี วามแตกตา่ งอย่างมีนัยสาคญั ทางสถติ ิ (P-value < 0.001) เมอื่ วดั ความพงึ พอใจของพยาบาลตอ่ การใชแ้ นวปฏบิ ัตพิ บวา่ ส่วนใหญ่พงึ พอใจระดบั มาก-มากทีส่ ดุ 86.66 ดงั นัน้ จงึ สรุปไดว้ ่า การใชแ้ นวปฏบิ ัตทิ างคลนิ ิกการพยาบาลสาหรับ ผูป้ ่ วยโรคอว้ นทม่ี ารบั บรกิ ารระงบั ความรสู ้ กึ แบบทัว่ ไปสามารถชว่ ยป้ องกนั ภาวะพร่องออกซเิ จนไดด้ กี ว่า การพยาบาลตามปกติ เพอ่ื ลดอนั ตรายจากภาวะพร่องออกซเิ จนขณะนาสลบแกผ่ ูป้ ่ วยทมี่ ภี าวะอว้ นได ้ คาสาคญั : แนวปฏบิ ัตทิ างคลนิ ิก, การพยาบาลการใหอ้ อกซเิ จนนาสลบสาหรับผูป้ ่ วยโรคอว้ น, ระงับ ความรสู ้ กึ แบบทั่วตวั การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ยั โรงพยาบาล ครงั้ ที่ 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

ผลของแนวปฏบิ ตั กิ ารจดั ทา่ ในผูป้ ่ วยนอนคว่าขณะผ่าตดั เพอื่ ป้ องกนั การเกดิ แผลกดทบั บรเิ วณใบหนา้ หอ้ งผา่ ตดั โรงพยาบาลลาปาง สนิ ทิ ธ์ ทน่ ไชย, วนั ทนา บุญคง, วภิ าดา ศภุ สวุ รรณกลุ งานการพยาบาลผปู ้ ่ วยหอ้ งผ่าตดั โรงพยาบาลลาปาง บทคดั ยอ่ ความสาคญั : การผา่ ตดั ในหอ้ งผ่าตัดโดยเฉพาะตอ้ งจัดท่านอนคว่า มักเกดิ ภาวะแทรกซอ้ นทเ่ี กดิ จาก แผลกดทบั จากการทต่ี อ้ งนอนควา่ นานๆ โดยเฉพาะบรเิ วณหนา้ ผาก, โหนกแกม้ , รอบดวงตา เม่อื ผูป้ ่ วย ไดร้ ับการจดั ท่าอยา่ งถูกตอ้ งจะชว่ ยลดอบุ ตั กิ ารณน์ ้ไี ด ้ วตั ถปุ ระสงค:์ เพอื่ เปรยี บเทยี บการเกดิ แผลกดทับจากการจัดทา่ นอนควา่ บรเิ วณใบหนา้ กอ่ นและหลังใช ้ แนวปฏบิ ัตกิ ารจดั ท่านอนควา่ รูปแบบศึกษา สถานที่ และผู้ป่ วย: การวจิ ัยชนิดกงึ่ ทดลอง(Quasi experimental design) กลมุ่ ตวั อย่างเป็ นผปู ้ ่ วยทไี่ ดร้ บั การผ่าตดั ในทา่ ควา่ จานวน 100 รายประกอบดว้ ย กลมุ่ กอ่ นใชแ้ นวปฏบิ ัติ ในเดอื นมีนาคมถึงเดอื นเมษายน จานวน 50 รายและกลมุ่ ที่ใชแ้ นวปฏิบัติ ในเดือนเมษายนถึงเดอื น พฤษภาคม 2564 จานวน 50 ราย พยาบาลหอ้ งผ่าตัด 74 ราย เครื่องมือท่ีใชใ้ นการศกึ ษาไดแ้ ก่แนว ปฏบิ ตั ิ การจัดทา่ นอนควา่ , แบบบนั ทกึ ขอ้ มูลทวั่ ไปสาหรบั พยาบาล, แบบบันทกึ ขอ้ มูลของผูป้ ่ วยท่เี ขา้ รับการผ่าตัด และแบบประเมนิ ความพงึ พอใจของพยาบาลต่อการใชแ้ นวปฏบิ ัตติ ่อการจัดท่านอนท่ี ปลอดภยั ในผปู ้ ่ วยผ่าตดั ทา่ ควา่ ซงึ่ เครอื่ งมือไดผ้ ่านการตรวจสอบคณุ ภาพจากผูท้ รงคณุ วฒุ ิ 3 ท่าน และหาคา่ ความตรงเชงิ เนือ้ หาไดค้ า่ CVI = 0.82, 0.86 และ 0.84 ตามลาดับ สาหรับแบบประเมนิ ความ พงึ พอใจมคี า่ สมั ประสทิ ธคิ์ รอนบาค = 0.84 การวดั ผล และวธิ กี าร: วเิ คราะหข์ อ้ มูลดว้ ยสถติ เิ ชงิ พรรณนา ความถ่ี รอ้ ยละ ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน และ Independent T-test ผล: จากการศกึ ษาพบวา่ จากการนาแนวปฏบิ ัตกิ ารจัดท่านอนควา่ มาใชพ้ บว่าไม่เกดิ อบุ ัตกิ ารณ์การเกดิ แผลกดทับรอ้ ยละ 100 โดยชนดิ ของการผ่าตัดทัง้ สองกลุ่มแตกตา่ งกันโดยกลมุ่ กอ่ นใชแ้ นวปฏบิ ัตสิ ่วน ใหญ่รอ้ ยละ 68.63 เป็ นการผ่าตดั PCNL ขณะท่ีกลุ่มท่ใี ชแ้ นวปฏบิ ัตสิ ่วนใหญ่รอ้ ยละ 67.35 เป็ นการ ผ่าตดั Laminectomy ระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการผ่าตัดลดลงเฉลย่ี 175.19 (±58.352) นาที ความพงึ พอใจ ในภาพรวมของการใชแ้ นวปฏบิ ัตใิ นการจัดท่านอนที่ปลอดภัยสาหรับผูป้ ่ วยในท่านอนควา่ พบวา่ อยู่ใน ระดบั มาก รอ้ ยละ 52.94 รองลงมาพอใจระดบั มากทส่ี ดุ รอ้ ยละ 41.18 ขอ้ ยุติ และการนาไปใช:้ การใชแ้ นวปฏบิ ัตกิ ารจดั ทา่ ในผปู ้ ่ วยนอนคว่าขณะผ่าตดั สามารถป้ องกันการ เกดิ แผลกดทับบรเิ วณใบหนา้ ได ้ ควรนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นงานหอ้ งผ่าตดั อนื่ ไดต่ อ่ ไป คาสาคญั : แนวปฏบิ ัต,ิ การจดั ท่าในผปู ้ ่ วยนอนควา่ ขณะผ่าตดั , แผลกดทับ การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยโรงพยาบาล ครงั้ ที่ 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

การพฒั นาแบบประเมนิ การจาแนกประเภทผูป้ ่ วยตรวจรกั ษาพเิ ศษดว้ ยการสอ่ งกลอ้ งเพอ่ื การ พยาบาล หนว่ ยตรวจพเิ ศษสอ่ งกลอ้ งทางเดนิ อาหารและทางเดนิ หายใจโรงพยาบาลลาปาง นุตประวณี ์ อระดี หน่วยตรวจพเิ ศษสอ่ งกลอ้ งทางเดนิ อาหารและทางเดนิ หายใจ บทคดั ยอ่ ความสาคญั : การจาแนกประเภทผปู ้ ่ วยตรวจรกั ษาพเิ ศษดว้ ยการสอ่ งกลอ้ งถอื เป็ นการประเมนิ ที่สาคัญ เพอ่ื ป้ องกนั ไม่ใหเ้ กดิ ภาวะแทรกซอ้ นแกผ่ ปู ้ ่ วยทไ่ี ดร้ ับการตรวจรกั ษาพเิ ศษดว้ ยการสอ่ งกลอ้ ง วตั ถปุ ระสงค:์ เพอ่ื 1) พัฒนาแบบประเมนิ การจาแนกประเภทผูป้ ่ วยตรวจรกั ษาพเิ ศษดว้ ยการสอ่ งกลอ้ ง หน่วยตรวจรักษาพเิ ศษสอ่ งกลอ้ งทางเดนิ อาหารและทางเดนิ หายใจ โรงพยาบาลลาปาง 2) ศกึ ษาผล การใชแ้ บบประเมนิ การจาแนกประเภทผปู ้ ่ วยตรวจรักษาพเิ ศษดว้ ยการส่องกลอ้ ง หน่วยตรวจพเิ ศษสอ่ ง กลอ้ งทางเดนิ อาหารและทางเดนิ หายใจ โรงพยาบาลลาปาง และ 3) ประเมนิ ความพงึ พอใจของแพทย์ และพยาบาล รปู แบบศกึ ษา สถานท่ี และผูป้ ่ วย: การวจิ ัยและพัฒนา (Research and Development) วธิ กี ารดาเนนิ วจิ ัยแบ่งออกเป็ น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การสารวจ วเิ คราะห์ สภาพการปฏบิ ัตงิ านจรงิ และปั ญหา อบุ ัตกิ ารณ/์ ความเสย่ี ง ภาวะแทรกซอ้ น ทบทวนวจิ ัย/วรรณกรรม และทา Focus group ระยะที่ 2 การ ออกแบบ/สรา้ งแบบประเมนิ การจาแนกประเภทผูป้ ่ วยตรวจรักษาพเิ ศษดว้ ยการส่องกลอ้ ง ระยะที่ 3 ดาเนนิ การและรวบรวมขอ้ มูลและประเมนิ ผล กลุม่ ตัวอย่าง เป็ นพยาบาลหน่วยตรวจรักษาพเิ ศษส่อง กลอ้ งทางเดนิ อาหารและทางเดนิ หายใจจานวน 18 ราย และผปู ้ ่ วยที่มารับการตรวจรักษาพเิ ศษดว้ ยการ สอ่ งกลอ้ ง จานวน 216 รายแบ่งเป็ นกลมุ่ กอ่ นใชแ้ บบประเมนิ 108 ราย และกลมุ่ ที่ใชแ้ บบประเมนิ 108 ราย เก็บขอ้ มลู ระหวา่ งเดอื น ตลุ าคม- ธันวาคม 2563 และเดอื นมกราคม-มนี าคม 2564 การวดั ผล และวธิ กี าร: เคร่อื งมือที่ใชป้ ระกอบดว้ ย แบบประเมนิ การจาแนกประเภทผูป้ ่ วยตรวจรักษา พเิ ศษดว้ ยการสอ่ งกลอ้ ง และ แบบประเมนิ ความพงึ พอใจของพยาบาลตอ่ การใชแ้ บบประเมนิ ซง่ึ ผ่าน การตรวจสอบคุณภาพของเครอ่ื งมือโดยผูท้ รงคณุ วฒุ ิ 5 ท่านและวัดความตรงเชงิ เนื้อหาไดค้ า่ CVI = 0.94 และคา่ สมั ประสทิ ธค์ิ รอนบาคได ้ = 0.86 วเิ คราะหข์ อ้ มูลโดยใชส้ ถติ เิ ชงิ พรรณนาหาคา่ เฉลยี่ ส่วน เบย่ี งเบนมาตรฐาน ความถี่ รอ้ ยละ ผล: จากการศกึ ษาพบวา่ ไดแ้ บบประเมนิ การจาแนกประเภทผปู ้ ่ วยตรวจรักษาพเิ ศษดว้ ยการสอ่ งกลอ้ งมี ระดบั ความเป็ นไปไดข้ องแบบประเมนิ อยู่ในระดบั ดี (̅ = 4.36, S.D. = 0.10) ไม่เกดิ ภาวะแทรกซอ้ น หลงั ใชแ้ บบประเมนิ คดิ เป็ น 103 ราย รอ้ ยละ 93.64 แตกต่างอย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ (p value < 0,001) พยาบาลมคี วามพงึ พอใจตอ่ การใชแ้ บบประเมนิ ในระดบั มาก รอ้ ยละ 93 ขอ้ ยตุ ิ และการนาไปใช:้ ผลการวจิ ยั นีเ้ ป็ นประโยชนต์ อ่ พยาบาลในการประเมนิ ผปู ้ ่ วยตรวจรักษาพเิ ศษ ดว้ ยการสอ่ งกลอ้ ง เพอื่ ป้ องกนั การเกดิ ภาวะแทรกซอ้ นแก่ผูป้ ่ วย รวมถงึ สามารถนาไปเป็ นขอ้ มูลพน้ื ฐาน ในการพัฒนาแนวปฏบิ ัตหิ รือมาตรฐานการพยาบาลการดแู ลผูป้ ่ วยตรวจรักษาพเิ ศษดว้ ยการสอ่ งกลอ้ ง เพอ่ื ใหพ้ ยาบาลสามารถใหก้ ารดแู ลผปู ้ ่ วยไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพตอ่ ไป คาสาคญั : ผปู ้ ่ วย, ประเภทผปู ้ ่ วย, ตรวจรักษาพเิ ศษดว้ ยการสอ่ งกลอ้ ง การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ยั โรงพยาบาล ครงั้ ท่ี 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564

ผลของการใชแ้ นวทางการดูแลผูป้ ่ วยผ่าตดั นวิ่ ในท่อทางเดนิ ปัสสาวะทเี่ กดิ ภาวะ Sepsis โรงพยาบาลลาปาง เฉลมิ พล คมุ ้ ศรี กลมุ่ งานการพยาบาลวสิ ญั ญี โรงพยาบาลลาปาง บทคดั ยอ่ ความสาคญั : ภาวะตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ด (Sepsis) เป็ นภาวะแทรกซอ้ นท่ีเกดิ ขนึ้ เม่ือมกี ารตดิ เชอื้ ใน ร่างกายอย่างรุนแรงทาใหร้ ่างกายเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าการตอบสนองและทาลายการทางานของอวัยวะต่างๆ จนสง่ ผลคกุ คามตอ่ ชวี ติ เป็ นสาเหตกุ ารเสยี ชวี ติ ทสี่ าคญั ของผูป้ ่ วย ซง่ึ สาเหตุของการเสยี ชวี ติ สว่ นใหญ่ เกดิ จากการความรุนแรงของโรคทท่ี าใหเ้ กดิ ภาวะลม้ เหลวของการทางานในอวยั วะตา่ งๆ ทาใหท้ ั่วโลกได ้ มกี ารพัฒนาแนวทางในการดแู ลผปู ้ ่ วยกลมุ่ ตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ดอย่างต่อเน่ืองเพื่อลดอตั ราการเสยี ชวี ติ ของผปู ้ ่ วยโดยการมุ่งเนน้ การสรา้ งกลไกในการคน้ พบผูป้ ่ วยตงั้ แตใ่ นระยะเรมิ่ ตน้ (Early Recognition) และเรม่ิ ใหก้ ารรกั ษาอย่างรวดเร็ว วตั ถปุ ระสงค:์ เพอ่ื เปรยี บเทยี บผลของการปฏบิ ัตกิ ารพยาบาลตามแนวปฏบิ ัตกิ ารดูแลผูป้ ่ วยตดิ เชอื้ ใน กระแสเลอื ด ท่ีประเมนิ ดว้ ย qSOFA ผูป้ ่ วยในระยะ 1 ชั่วโมงแรกตอ่ ผลลัพธก์ ารดแู ลดา้ นพยาบาลและ ดา้ นผูป้ ่ วย ดังนี้1) ดา้ นพยาบาล ไดแ้ ก่ เปรยี บเทียบสัดสว่ นในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการพยาบาล และ ระยะเวลาของการปฏบิ ัติ กจิ กรรมการพยาบาลกอ่ นและหลงั การใชแ้ นวทางปฏบิ ตั ดิ แู ลรักษาผูป้ ่ วยตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ดในระยะ 1 ชั่วโมงแรก ความคดิ เห็นและความพงึ พอใจของบุคลากร 2) ดา้ นผูป้ ่ วย เปรียบเทียบอุบัตกิ ารณ์การและความเส่ียงในการเกิดอวัยวะลม้ เหลว (Organ Dysfunction) ใน โรงพยาบาลลาปาง รปู แบบศกึ ษา สถานท่ี และผปู้ ่ วย: เป็ นการวจิ ยั แบบกง่ึ ทดลอง (Quasi-experimental) ประชากรทีใ่ ช ้ ในการศกึ ษาครัง้ นี้แบ่งเป็ น 2 กลุ่ม ไดแ้ ก่ 1.พยาบาลวชิ าชีพที่ปฏิบัตงิ านในกลุ่มงานวสิ ัญญีวทิ ยา ประสบการณท์ างาน 2 ปี จานวน 30 คน 2. ผูป้ ่ วยทไี่ ดร้ ับการวนิ จิ ฉัยวา่ ภาวะตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ด กลุม่ ตวั อยา่ งจานวน 94 คน แบง่ เป็ นกลมุ่ ควบคมุ จานวน 47 คนซง่ึ โดยเก็บขอ้ มูลยอ้ นหลังโดยการส่มุ ตงั้ แต่ เดือนกรกฎาคม–ธันวาคม 2562 ที่ไดร้ ับการดูแลตามแนวทางมาตรฐานของโรงพยาบาล และกลุ่ม ทดลองเก็บขอ้ มูลตัง้ แต่เดือนพฤษภาคม –กรกฎาคม 2563 จานวน 47 คน ท่ีไดร้ ับการดูแลตาม แนวปฏิบัตกิ ารดแู ลผูป้ ่ วยตดิ เชอื้ ในกระแสเลือด เกณฑใ์ นการคดั เขา้ ไดแ้ ก่ ผูป้ ่ วยชายและหญงิ อายุ มากกวา่ หรอื เทา่ กบั 18 ปี ขนึ้ ไป ไดร้ บั การวนิ จิ ฉัยวา่ ภาวะตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ด เกณฑก์ ารคดั ออกไดแ้ ก่ ผปู ้ ่ วยและ/หรอื ญาตขิ อยุตกิ ารรักษาหรอื ปฏเิ สธการรักษา ผปู ้ ่ วยทมี่ คี วามจาเป็ นตอ้ งรักษาดว้ ยการผ่าตดั รว่ มกบั แผนกอน่ื ผปู ้ ่ วยมภี าวะหวั ใจหยุดเตน้ ขณะเขา้ รับการรักษาในหอ้ งผ่าตดั ประเมนิ ผลลพั ธ์ 2 ดา้ น คอื ดา้ นพยาบาล และดา้ นผปู ้ ่ วย การวดั ผล และวธิ กี าร: เครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการวจิ ัยประกอบดว้ ย 1) เครือ่ งมือในการดาเนนิ งานวจิ ัย คอื แนวทางการดแู ลผปู ้ ่ วยผ่าตดั น่วิ ในท่อทางเดนิ ปัสสาวะที่เกดิ ภาวะ Sepsis 2) เคร่ืองมือทีใ่ ชใ้ นการเก็บ ขอ้ มูล แบบเกบ็ ขอ้ มลู ตวั ชว้ี ดั การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการพยาบาล แบบประเมนิ สดั สว่ นในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม การพยาบาล แบบประเมนิ ความคดิ เห็นของพยาบาลในการใชแ้ นวปฏบิ ัติ แบบสอบถามความพงึ พอใจ ของบุคลากรพยาบาล และแบบบันทกึ การดแู ลและการเฝ้ าระวังอาการผูป้ ่ วยกลุม่ ตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ด วเิ คราะหข์ อ้ มูลโดยใชส้ ถติ คิ วามถี่ รอ้ ยละ คา่ เฉลย่ี สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน t-test, chi-squared ผล: จากการศกึ ษาดา้ นผปู ้ ่ วยพบวา่ กลมุ่ ควบคมุ เกดิ การทางานของอวยั วะลม้ เหลวจานวน 30 คน คดิ เป็ น อบุ ัตกิ ารณ์63.83 คน/1000 ประชากร (95%CI: 51.47-79.12) ในขณะท่ีกลุ่มทดลองเกดิ การทางาน ของอวยั วะลม้ เหลวจานวน 9 คนคดิ เป็ นอบุ ัตกิ ารณ์ 19.14 คน/1000ประชากร (95%CI: 10.64-34.45) ผูป้ ่ วยกลมุ่ ควบคมุ มโี อกาสเสย่ี งในการเกดิ การทางานของอวยั วะลม้ เหลวภายใน 6 ชั่วโมงมากเป็ น 3.33 เท่า (RR=3.33, 95%CI=1.78-6.23, p=.0002) ของผูป้ ่ วยกลุ่มทดลอง ผลดา้ นพยาบาลพบว่า พยาบาลมสี ดั สว่ นการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการพยาบาลในกลมุ่ ทดลองมากกวา่ กลมุ่ ควบคมุ นอกจากนีพ้ ยาบาล ในกลุม่ ทดลองใชเ้ วลาในการเรม่ิ ใหก้ ารพยาบาลนอ้ ยกวา่ กลุ่มควบคมุ ในทุกกจิ กรรม อย่างมีนัยสาคญั ทางสถติ ิ p < 0.001 ความคดิ เห็นดา้ นความรวดเร็วการใชแ้ นวปฏบิ ัตอิ ยู่ในระดับมากท่สี ดุ และความ พงึ พอใจของบุคลากรตอ่ การใชแ้ นวปฏบิ ตั โิ ดยรวมอยู่ในระดบั ดมี าก (รอ้ ยละ 96.8) ขอ้ ยุติ และการนาไปใช:้ การใชแ้ นวปฏบิ ัตกิ ารดูแลผูป้ ่ วยตดิ เช้ือในกระแสเลอื ดช่วยลดการเกดิ อุบัตกิ ารณ์ ลดความเส่ียง และลดความรุนแรงของผูป้ ่ วยผ่าตัดนิ่วในท่อทางเดนิ ปัสสาวะที่ตดิ เชอ้ื ใน กระแสเลอื ดลงได ้ และยงั เพม่ิ สดั สว่ นของการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมพยาบาลพรอ้ มทัง้ ชว่ ยลดระยะเวลาในการ เรม่ิ ใหก้ ารพยาบาลลงได ้ คาสาคญั : แนวปฏบิ ัตกิ ารดแู ลผปู ้ ่ วยตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ด Septic Shock Sepsis การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ยั โรงพยาบาล ครงั้ ที่ 13 (HoRNetS 2021) ประจาปี 2564