Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สภาพและปัญหาการดำเนินงานวิชาการของโรงเรียน สำกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลำภู เขต 2

สภาพและปัญหาการดำเนินงานวิชาการของโรงเรียน สำกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลำภู เขต 2

Description: งานวิจัย/วิทยานิพนธ์

Search

Read the Text Version

32 วางแผนช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองมีการศึกษาหาความรู้ เพ่ือให้มีบทบาทช่วยเหลือบุตรหลานของตนใน ดา้ นการพัฒนาอาชีพ ค. หน้าท่ีของครูผู้สอนทั่วไป ช่วยเหลือพัฒนาและดาเนินงานตามโปรแกรมแนะแนวใน สถานศึกษา สอนหรือจัดกิจกรรมในวิชาที่เก่ียวข้องกับการพัฒนาอาชีพนาองค์ประกอบท่ีสาคัญของ อาชีพศึกษาเปน็ แนวปฏิบัติในการจัดการเรียนการสอนในวิชาต่าง ๆ ช่วยให้นักเรียนมีพัฒนาการและ มโนทัศน์ในแงด่ ี และมสี ัมพันธภาพที่ดใี นช้ันเรยี น ดังนั้น การแนะแนวการศึกษาตามคู่มือการบริหารสถานศึกษาข้ันพื้นฐานท่ีเป็นนิติบุคคล ตามกฎหมาย กาหนดแนวทางการปฏบิ ตั ิไวด้ ังนี้ ก. จัดระบบการแนะแนวทางวิชาการ และวิชาชีพภายในสถานศึกษา โดยเช่ือมโยงกับ ระบบดแู ลช่วยเหลือนักเรียน และกระบวนการเรียนการสอน ข. ดาเนนิ การแนะแนวการศึกษา โดยความรว่ มมือของครูทุกคนในสถานศกึ ษา ค. ติดตามและประเมินผลการจัดการระบบ และกระบวนการแนะแนวการศึกษาในสถาน ศกึ ษา ง. ประสานความร่วมมือ และแลกเปล่ียนเรียนรู้ และประสบการณ์ด้านการแนะแนวการ ศกึ ษากบั สถานศกึ ษา หรือเครอื ข่ายการแนะแนวภายในเขตพืน้ ท่กี ารศึกษา สรุปได้ว่า การแนะแนวการศึกษา คือ การให้คาปรึกษาและการให้ความช่วยเหลือในด้าน การศึกษาเพ่ือพัฒนาและส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข สามารถแก้ปัญหาได้ด้วย ตนเองในด้านต่าง ๆ ซ่งึ จะสง่ ผลให้การเรียนรูเ้ กดิ ผลสัมฤทธส์ิ งู สุด การพัฒนาระบบการประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 48 กาหนดให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายใน สถานศึกษา โดยมีการจัดทารายงานประจาปีเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัดและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง และเปิดเผยต่อสาธารณชน โดยยึดกรอบหลักเกณฑ์ 8 องค์ประกอบตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันท่ี 26 พฤศจิกายน 2544 เร่ือง ระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานและปฐมวัย ซ่ึงองค์ประกอบ 8 ข้อ มีดังนี้ 1) การจัดระบบบริการและ สารสนเทศ 2) การพัฒนามาตรฐานการศึกษา 3) การจัดทาแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา 4) การ ดาเนินงานตามแผนพัฒนา 5) การตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศึกษา 6) การประเมินคุณภาพ การศึกษา 7) การรายงานคุณภาพการศึกษาประจาปี 8) การผดุงระบบการประกนั คุณภาพ นอกจากน้ียังดาเนินการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาด้วยกระบวน การ P D C A คอื Plan = การวางแผน, Do = ปฏิบัติตามแผน, Check = ติดตามตรวจสอบประเมิน และ Act=ปรับปรุงพัฒนา (สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา, 2547, หน้า 14-16)

33 “การประกันคุณภาพภายใน” ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ี แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545) มาตรา 4 (3) หมายถึง การประเมินผลและการติดตามตรวจ สอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายในโดยบุคลากรของสถานศึกษานั้ นเอง หรือโดยหนว่ ยงานต้นสังกดั ทีม่ ีหน้าที่กากบั ดแู ลสถานศกึ ษานน้ั (กระทรวงศึกษาธิการ. 2546 ข) โรงเรียนจะตอ้ งพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในให้เป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการบริหาร จัดการศึกษา โดยอาศัยหลักการ ดังน้ี 1) เป้าหมายสาคัญของการประกันคุณภาพ คือ การพัฒนา ผู้เรียน 2) ถือว่าการประกันคุณภาพการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหาร 3) ถือว่าบุคลากร ทุกคนรวมทงั้ ท่เี กย่ี วขอ้ ง เชน่ คณะกรรมการสถานศึกษา มีหน้าที่ร่วมรับผิดชอบในการประกันคุณภาพ ตั้งแต่การวางแผน การติดตามประเมินผล การพัฒนาปรับปรุง การช่วยคิดช่วยทา ช่วยผลักดัน ฯลฯ (คณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ, สานักงาน. 2543, หนา้ 11) ในการนี้ สามารถเขียนแผนภูมิแสดงความสัมพันธ์ของกระบวนการประกันคุณภาพภายใน ได้ดงั น้ี การเตรยี มการ การดาเนินการ (PDCA) การรายงาน 1. การเตรียมความพร้อมของ 1. การจัดทาธรรมนูญ/แผน บุคลากร พัฒนา (P) -สร้างความตระหนกั 2. การปฏิบตั ิตามแผน (D) -สร้างเสริมความรู้ 3. การประเมนิ ตนเอง (C) -กาหนดความรับผดิ ชอบ 4. การปรบั ปรงุ /การนาไปใช้ 2. การศกึ ษาข้อมูลสารสนเทศ (A) แผนภมู ิที่ 2.3 ข้ันตอนการดาเนนิ งานการประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา ทม่ี า : ธรี ะ รุญเจริญ (2546, หนา้ 162) การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ตามคู่มือแนวทางการบริหารและ การจดั การในเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาและสถานศึกษา ได้กาหนดบทบาทและหน้าทขี่ องสถานศึกษา ดังน้ี ก. จดั ให้มรี ะบบการประกนั คุณภาพการศึกษาระดับสถานศึกษา ข. สนับสนุน ส่งเสริมใหม้ รี ะบบการประกันคณุ ภาพในระดับหน่วยงานภายในสถานศึกษา ค. กากับ ตดิ ตาม ตรวจสอบ ประเมนิ ผลและรายงานผลการประกันคุณภาพการศึกษาของ สถานศึกษา ง. ปรับปรุงและพัฒนาระบบการประกนั คณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษา

34 สรุปว่า การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา คือ การติดตามตรวจสอบ และตัดสินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรของสถานศึกษาเองหรือโดย หน่วยงานต้นสงั กดั ท่มี หี นา้ ท่ดี ูแลสถานศึกษานั้น การสง่ เสรมิ ความรู้ด้านวิชาการแก่ชมุ ชน เจตนารมณ์ของรัฐตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (มาตรา 29) ได้กาหนดให้สถานศึกษาส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนดังน้ี 1) ร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวชิ าชพี สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสงั คมอื่น 2) จดั กระบวนการเรียนรู้ภาย ในชุมชน เพ่ือให้ชุมชนมีการจัดการศึกษาอบรม มีการแสวงหา ความรู้ ข้อมูลข่าวสาร รู้จักเลือกสรร ภูมิปัญญาและวิทยากรต่าง ๆ เพื่อพัฒนาชุมชนให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการ รวม ทั้งหาวิธีการสนับสนุนให้มีการแลกเปล่ียนประสบการณ์การพัฒนาระหว่างชุมชน จากข้อกาหนด ดังกลา่ ว เป็นเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการส่งเสริมความเข้มแข็งของ ชุมชน โดยการจัดกระบวนการเรียนรู้ภายในชุมชนและจากรายงานการศึกษาวิถีของชุมชน : แนวคิด สาคัญของการจัดกระบวนการเรียนรู้ของชุมชนพบว่า การจัดกระบวนการเรียนรู้ของชุมชน ต้องอยู่ บนพ้ืนฐานท่ีว่า “ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านและชุมชนในชนบทโดยทั่วไปประกอบอาชีพทางการ เกษตร ประสบการณ์ของชาวบ้านและชุมชนจึงใกล้เคียงกัน และฐานะทางเศรษฐกิจก็ไม่แตกต่างกัน มากนกั ตลอดจนจิตใจทีเ่ อื้อเฟื้อเผือ่ แผ่ เอ้อื อาทรตอ่ ญาติพ่ีนอ้ งและเพอ่ื นบ้านส่งผลให้ความสัมพันธ์ท่ี เกิดข้ึนระหว่างชาวบ้านและชุมชนเหล่านี้อยู่ในฐานะเท่าเทียมกัน หรือที่เรียกว่า ความสัมพันธ์ แนวราบ ซึ่งเป็นปัจจัยท่ีเอ้ือให้เกิดการเรียนรู้ ต่างจากระบบการศึกษาที่จัดอยู่ในสถาบันการศึกษา ทั่ว ๆ ไปท่ีเน้น ความสัมพันธ์แนวตั้ง ซ่ึงแสดงออกถึงความไม่เท่าเทียม เช่น ครู-นักเรียน ผู้รู้-ผู้ไม่รู้ เป็นต้น ฉะนั้นส่ิงท่ีเกิดข้ึนในห้องเรียนจึงเป็นการรับรู้มิใช่การเรียนรู้ตามความหมายนี้ ประกอบกับ สถานการณข์ องชุมชนในชว่ งก่อนหน้าน้ไี ด้รบั แรงกระแทกจากภายนอกค่อนข้างมาก ส่งผลให้การรวม ตัวของชาวบ้านและชุมชนเพื่อแสวงหาทางออกร่วมกันเกิดข้ึนได้ไม่ยากนัก (สานักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาแหง่ ชาติ, 2539, หน้า 19-21) จากกระบวนการเรียนรู้ของชุมชน พบว่า การเรียนรู้ดังกล่าว ประกอบด้วยกระบวนการ ดังต่อไปน้ี (ไพรชั อรรถกามานนท์, 2545, หนา้ 42) ก. การวิเคราะห์และสังเคราะห์ปัญหาทั้งของตนเอง ชุมชนและเชื่อมโยงสิ่งเหล่าน้ีเข้ากับ สงั คมไทย ตลอดจนสังคมโลก ข. การแสวงหาทางออกที่เหมาะสมกับตนเองและชุมชนด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่นการประชุม สมั มนา การศกึ ษาดูงาน และการเรียนรผู้ า่ นสอื่ ต่าง ๆ

35 ค. การสร้างสรรค์กิจกรรมท่ีเป็นผลจากการตัดสินใจของตนและชุมชนกิจกรรมท่ีทาขึ้นน้ี เรยี กว่า กิจกรรมเครือข่าย เพราะเป็นตวั ชักจงู และเช่อื มโยงคนเขา้ ดว้ ยกัน ง. การประเมนิ ผลกจิ กรรม และนาผลทีไ่ ดไ้ ปแกไ้ ขปรบั ปรงุ กระบวนการท้ังหมด ดังนั้น การส่งเสริมความรดู้ า้ นวิชาการแกช่ มุ ชนตามคู่มือการบริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ทเ่ี ปน็ นิตบิ ุคคลตามกฎหมาย กาหนดแนวทางการปฏิบตั ิไว้ ดังน้ี ก. การศกึ ษา สารวจความต้องการ สนบั สนุนงานวิชาการแก่ชุมชน ข. จัดให้ความรู้ เสริมสร้างความคิด และเทคนิค ทักษะทางวิชาการเพื่อการพัฒนาทักษะ วิชาชพี และคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชนในชมุ ชน ท้องถน่ิ ค. การสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนในชุมชน ท้องถ่ิน เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมทางวิชาการของ สถานศึกษา และทีจ่ ดั โดยบคุ คล ครอบครัว องค์กร หน่วยงาน และสถาบนั อน่ื ที่จดั การศกึ ษา ง. ส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ระหว่างบุคคล ครอบครัว ชุมชน ท้องถ่นิ สรุปว่า การส่งเสริมความรู้วิชาการแก่ชุมชน คือ การที่สถานศึกษาได้ร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เอกชน องค์กรวิชาชีพสถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอ่ืน ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเก่ียวกับการจัดกระบวนการ เรียนรู้ในชุมชน นับตั้งแต่การวางแผน การดาเนินงาน การใช้ประโยชน์ และการประเมินผล ตลอดจน การสรา้ งชมุ ชนให้เปน็ แหล่งการเรยี นรโู้ ดยการสง่ เสริมภมู ิปญั ญาท้องถิ่น การประสานความรว่ มมอื ในการพฒั นาวิชาการกับสถานศกึ ษาอืน่ การประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถานศึกษาอื่น ได้แก่ การมีส่วนร่วมใน การวางแผนรว่ มกันในการพัฒนาวิชาการ การจดั ทาระเบียบและแนวปฏบิ ตั ใิ นการพัฒนาวิชาการ การ ดาเนนิ การพฒั นาวิชาการ การสรปุ ผลและรายงานผล การประสานความร่วมมอื ในการพฒั นาวิชาการ ในสภาพปัจจุบัน องค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ มีขนาดใหญ่ และมีความสลับซับซ้อนของ องค์กร ความแตกต่างของงานตลอดจนบุคลากรท่ีมีความรู้ ความสามารถความต้องการ บุคลิกภาพ ภูมิหลังทางการศึกษา ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม แนวคิดความเชื่อถือ และวัฒนธรรมย่อยของแต่ ละบคุ คลที่แตกต่างกันอยู่มาก จากเหตุผลดังกล่าวย่อมก่อให้เกิดความยุ่งยากและความขัดแย้งในการ บริหารงานอยู่เสมอ ๆ (สงา่ โพธ์ิวัง และระววี รรณ เสวตามร, 2535, หน้า 35) จากการศึกษาค้นคว้าของ กรนิตต์ กวานดา (2541, หน้า 31) ได้ศึกษาปัญหาการบริหาร งานวิชาการในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา จังหวัดสกลนคร กล่าวถึงสาระสาคัญของ การประสานงานไว้ดังน้ี กระบวนการท่พี ึงระลึกในการประสานงาน มี 3 ประการ คอื ก. กาหนดแผนการหรือโครงการสาหรับทุกคนในหน่วยงานหรือสาหรับทุกหน่วยงานขึ้นมา กอ่ น

36 ข. ให้ทุกคนหรือทุกหน่วยงานเข้าใจแผนการหรือโครงการท้ังหมดหรือบางส่วนท่ีจาเป็น เพื่อใหร้ วู้ ่าใครหรือหน่วยงานใดมหี นา้ ท่ีอะไร กาลงั ทาอะไรอยู่ ค. ให้ทุกคนหรอื ทกุ หน่วยงานเต็มใจรบั งานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายให้ทาจริง ๆ การประสานงาน ในสถานศกึ ษา การประสานงานในสถานศกึ ษาจะมีประสิทธิภาพและรวดเร็วเม่ือได้จัดสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้ไว้ ชดั เจน ก. โครงสรา้ งของการบรหิ าร จดั ไวเ้ ป็นระเบียบแบบแผนแนน่ อนและรดั กุม ข. มแี ผนภูมแิ สดงสายงานการบังคับบัญชาถูกต้องชัดเจนและปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนภูมิ ทวี่ างไว้ ค. กาหนดนโยบาย กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ไว้เป็นลายลักษณ์อักษรและเป็นที่ ทราบโดยทั่วกัน ตลอดจนถือปฏิบัติตามนโยบาย กฎเกณฑ์ และระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ อย่าง เคร่งครัด ง. ระบบเสนองานเปน็ ไปตามแบบแผนสายงานนนั้ ๆ จ. มีเครื่องมือ อุปกรณ์ และการติดต่อส่ือสารเพียงพอ และมีประสิทธิภาพอยู่ในสภาพ พรอ้ มทจ่ี ะใช้งานได้ทกุ โอกาส ฉ. บุคลากร ผู้ทาหน้าท่ปี ระสานงานต้องมีความรู้สูง มนุษย์สัมพันธ์ดีนักบริหารท่ีดี (Sense of Service) อดทน และรู้จักแก้ปัญหา ช. มีคณะกรรมการซึ่งจะต้องประกอบด้วย ตัวแทนของบุคลากรระดับต่าง ๆ ซ่ึงร่วมประชุม กนั เปน็ ประจา ซ. มีคณะกรรมการระดับเดียวกันทาหน้าท่ีคล้าย ๆ กัน รับหน้าท่ีหารือเกี่ยวกับงาน เฉพาะเร่ือง ฌ. จดทะเบียนและบันทกึ รายงานตา่ ง ๆ เปน็ ระบบทรี่ ับได้สะดวก ญ. ผู้ร่วมงานมีโอกาสพบปะสังสรรค์กันนอกเวลา ปฏิบัติงานในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อแลก เปลยี่ นข้อคิดเหน็ ซงึ่ กนั และกัน ฎ. จดั ทาปฏิทนิ กาหนดระยะเวลา การปฏิบัตงิ านต่าง ๆ ไวช้ ดั เจน ฏ. จัดให้มีการพัฒนาบุคลากร ระดับต่าง ๆ เพื่อเพ่ิมความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับงานอยู่ เสมอในรูปการประชุม การสัมมนา การอบรม การประชุมปฏิบตั กิ าร เปน็ ตน้ อปุ สรรคของการประสานงาน ก. ชอบทางานเฉพาะหนา้ และทาตามคาสงั่ ข. งานไม่มแี ผน/โครงการไวล้ ว่ งหนา้ ค. ขัดแยง้ กนั เปน็ สว่ นตัว

37 ง. ประสทิ ธิภาพระหวา่ งหนว่ ยงานผิดกันมาก จ. ขัดผลประโยชนซ์ ่ึงกนั และกัน ฉ. ขาดมนษุ ย์สัมพนั ธ์ ช. บางอยา่ งแยง่ กนั ทา ซ. ได้เงนิ มาไม่พร้อมกัน ฌ. ต่างฝา่ ยต่างถอื ทิฐกิ นั ดังนั้น การประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถานศึกษาและองค์กรอื่น ตาม คู่มือการบริหารสถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐานท่ีเป็นนิตบิ ุคคลตามกฎหมาย กาหนดแนวทางการปฏิบัตไิ วด้ ังน้ี ก. ประสานความร่วมมือ ช่วยเหลือในการพัฒนาวิชาการกับสถานศึกษาของรัฐ เอกชน และองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ ทง้ั ทจ่ี ดั การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานและระดบั อดุ มศึกษา ท้ังบริเวณใกล้เคียง ภายในเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษา ต่างเขตพื้นท่กี ารศกึ ษา ข. สร้างเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับองค์กรต่าง ๆ ท้ังภายในประเทศ และตา่ งประเทศ การประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถานศึกษาอื่น คือ การมีส่วนร่วมใน การวางแผนร่วมกันในการพัฒนาวิชาการ การดาเนินงานพัฒนาวิชาการ การสรุป และรายงานผล การประสานความรว่ มมือในการพฒั นาวชิ าการ การส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่ บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงานและ สถาบันอ่ืนทจี่ ดั การศกึ ษา การส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงานและสถาบัน อ่ืนท่ีจัดการศึกษา ได้แก่ การมีส่วนร่วมในการสารวจความรู้ของบุคคล ครอบครัว องค์กร และสถาน ศึกษาอื่น การวางแผนส่งเสริม และสนับสนุนงานวิชาการ การสรุป และรายงานผลการส่งเสริมและ สนบั สนุนงานวชิ าการแกบ่ ุคคล ครอบครวั องค์กร หน่วยงาน และสถาบนั อนื่ ที่จดั การศึกษา ดังนั้น การส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงาน และ สถาบันอ่ืนท่ีจัดการศึกษา ตามคู่มือการบริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย กาหนดแนวทางการปฏิบัติไว้ดังนี้ ก. สารวจและศึกษาข้อมูลการจดั การศึกษา รวมทัง้ ความต้องการในการได้รับการสนับสนุน ดา้ นวิชาการของบคุ คล ครอบครัว องค์กร หนว่ ยงาน และสถาบนั สงั คมอื่นท่ีจัดการศึกษา ข. ส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนาวิชาการและการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ในการจัดการ ศกึ ษาของบุคคล ครอบครัว องคก์ ร หน่วยงาน และสถาบันสังคมอ่ืนทีจ่ ัดการศึกษา ค. จัดให้มกี ารแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการจัดการศึกษาของบุคคล ครอบครัวองค์กร หน่วยงาน และสถาบันสังคมอน่ื ที่จดั การศึกษา

38 การสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ งานวิชาการแกบ่ คุ คล ครอบครัว องค์กร หน่วยงานและสถาบันที่ จัดการศึกษา คือ การมีส่วนร่วมในการสารวจความรู้ของบุคคล ครอบครัวองค์กรและสถานศึกษาอื่น การวางแผนสง่ เสริม และสนับสนุนงานวิชาการ การสรุป การรายงานผลให้กับหน่วยงาน และองค์กร ตา่ ง ๆ 2.2 สภาพพ้นื ทท่ี ่ศี กึ ษาสานกั งานเขตพื้นการศึกษาประถมศกึ ษาหนองบวั ลาภู เขต 2 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2552 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2555 มีความมุ่งหมายในการจัดการศึกษา เพ่ือพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ทั้งร่างกายจิตใจ สติปัญญา เกิดความรู้คู่คุณธรรม ท้ังน้ีการ จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานและอุดมศึกษาต่ากว่าระดับปริญญาให้ยึดเขตพ้ืนท่ีการศึกษาโดยคานึงถึง ปริมาณสถานศึกษา จานวนประชากรและความเหมาะสมดา้ นอน่ื ดว้ ย สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาภู เขต 2 มีพ้ืนท่ีเขตบริการ 3 อาเภอ 22 ตาบล 269 หมู่บ้าน 5 เทศบาลตาบล 20 องค์การบริหารส่วนตาบล ประชากรทั้งส้ิน 149,944 คน โดยจาแนกรายละเอยี ดในพื้นทีข่ องแตล่ ะอาเภอ ดังนี้ ตารางท่ี 2.1 แสดงรายละเอยี ดในพ้นื ทขี่ องแต่ละอาเภอ อาเภอ หมู่บ้าน ตาบล เทศบาลตาบล อบต. ประชากร โรงเรียนรฐั นักเรยี น นากลาง สวุ รรณคูหา 127 9 2 8 66,155 44 8,124 นาวงั 91 8 2 7 53,784 37 7,306 รวม 51 5 1 5 30,453 24 3,200 269 22 5 20 150,392 105 18,630 ที่มา : จานวนประชากร : www.dopa.go.th (ณ ธันวาคม 2558) ข้อมูลจานวนนักเรียนโรงเรยี นรฐั : ระบบ Data Management Center (ณ 10 มิถนุ ายน 2559 สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาภู เขต 2 ได้จัดต้ังศูนย์เครือข่ายเพ่ือ รองรบั การบรหิ ารจัดการศึกษาในระดบั โรงเรียนโดยให้โรงเรียนที่มีบริบทใกล้เคียงกันรวมกันเป็นกลุ่ม เครือข่ายเพ่ือบริหารจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ แบ่งเป็น 12 ศูนย์เครือข่ายพัฒนาคุณภาพการ ศกึ ษา ดังนี้

39 ตารางท่ี 2.2 แสดงศูนย์เครอื ข่ายพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาและโรงเรยี นในสงั กดั ท่ี ศนู ยเ์ ครือข่าย จานวนโรงเรียน ช่ือโรงเรยี น 1. ศูนยเ์ ครือ 6 1. โรงเรียนบา้ นเก่ากลอยกุดกระสู้ ข่ายนากลาง 1 2. โรงเรยี นบ้านหนองแสง 3. โรงเรียนบา้ นยางชมุ 4. โรงเรยี นบ้านหนองแวงคา 5. โรงเรียนบา้ นนาสมใจ 6. โรงเรียนบ้านขอบเหล็ก 2. ศนู ย์เครือ 9 1. โรงเรยี นบ้านกกคอ้ กกโพธิ์ ข่ายนากลาง 2 2. โรงเรยี นนครชัยประชาสรรค์ 3. โรงเรียนบา้ นหนองบัวคาแสน 4. โรงเรียนกดุ แหว่ ทิ ยา 5. โรงเรยี นบา้ นปา่ แดงงาม 6. โรงเรียนบา้ นสนามชัย 7. โรงเรยี นบ้านหนองเอ่ยี น 8. โรงเรียนบ้านหนองด่าน 9. โรงเรยี นบ้านโปง่ แคศรถี าวร 3. ศนู ยเ์ ครือข่าย 12 1. โรงเรียนบ้านโนนสวรรค์ชยั มงคล นากลาง 3 2. โรงเรยี นบ้านทา่ อทุ ยั 3. โรงเรียนบ้านหนองกงุ ศรโี พธศ์ิ รีสมพร 4. โรงเรียนบา้ นหนองดว้ งวังประทมุ 5. โรงเรียนบ้านโนนเมือง 6. โรงเรียนบ้านภพู ระโนนผักหวาน 7. โรงเรยี นบ้านโนนมว่ ง 8. โรงเรยี นบ้านโนนไหมโนนศลิ า 9. โรงเรียนบ้านโนนสวาทหนองไพบูลย์ 10. โรงเรียนซาขอนแกน่ วิทย์ 11. โรงเรยี นบ้านภูพระโนนผักหวาน สาขามอเลีย้ ว 12. โรงเรยี นบ้านห้วยนาหลวง

40 ตารางที่ 2.2 (ตอ่ ) จานวนโรงเรยี น ชอื่ โรงเรียน ที่ ศนู ยเ์ ครอื ข่าย 4. ศูนย์เครอื ข่าย 8 1. โรงเรยี นบา้ นฝง่ั แดง นากลาง 4 2. โรงเรียนบ้านแสงดาวโนนธาตุ 5. ศนู ย์เครอื ข่าย นากลาง 5 3. โรงเรียนบ้านก่าน 6. ศนู ย์เครือข่าย 4. โรงเรยี นบ้านโนนตาล สวุ รรณคหู า 1 5. โรงเรียนบ้านนาหนองทมุ่ 7. ศูนยเ์ ครือขา่ ย สวุ รรณคหู า 2 6. โรงเรียนบ้านซาเสยี้ ว 7. โรงเรยี นบ้านเอ้ืองไรโ่ นนสาวิทยา 8. โรงเรียนบา้ นโนนงาม 9 1. โรงเรียนบา้ นกดุ ดินจี่ 2. โรงเรยี นบา้ นหมา่ นศรีทองวทิ ยา 3. โรงเรียนหนองแตศ้ ึกษาประชาสรรค์ 4. โรงเรียนบ้านอาบช้าง 5. โรงเรยี นบ้านโนนสว่างบวรวิทยา 6. โรงเรยี นบา้ นหนองทมุ่ โนนสงู วทิ ยา 7. โรงเรียนห้วยหานประชาสรรค์ 8. โรงเรียนดงสวรรค์วิทยา 9. โรงเรียนบา้ นอุดมศรวี ิไลวทิ ยา 9 1. โรงเรียนอนบุ าลสวุ รรณคหู า 2. โรงเรียนบา้ นโนนสมบรู ณ์ 3. โรงเรียนบา้ นนาตาแหลวดงยางวิทยา 4. โรงเรียนนาโกทรายทองวิทยาคม 5. โรงเรียนบ้านหนองเหลอื งขามนคร 6. โรงเรียนบ้านกุดผึ้ง 7. โรงเรียนยงู ทองวิทยา 8. โรงเรยี นบ้านโนนป่าหว้านเซยี งฮาย 9. โรงเรียนบา้ นนาไก่นาคานอ้ ยวิทยา 9 1. โรงเรียนชุมชนหนองบัวน้อยโนนชาติ หนองเหน็ วิทยา

41 ตารางที่ 2.2 (ตอ่ ) จานวนโรงเรยี น ชือ่ โรงเรยี น ที่ ศนู ยเ์ ครือขา่ ย 2. โรงเรียนบ้านนาดา่ น 8. ศนู ยเ์ ครือข่าย สวุ รรณคหู า 3 3. โรงเรียนบ้านกดุ ฮู 9. ศนู ยเ์ ครือข่าย 4. โรงเรียนบา้ นสม้ ป่อยค่ายเมอื งแสนวิทยา สุวรรณคูหา 4 5. โรงเรยี นบ้านนาดีค่ายสว่างวทิ ยา 6. โรงเรยี นบา้ นเซินราษฎรเ์ กษมศรี 7. โรงเรยี นบา้ นวจิ ติ รพฒั นา 8. โรงเรยี นบา้ นโนนสาราญ 9. โรงเรยี นโนนงามวทิ ยา 11 1. โรงเรียนบ้านโคกท่งุ นอ้ ย 2. โรงเรียนโนนปอแดงวทิ ยา 3. โรงเรยี นบ้านนาโมง 4. โรงเรียนบ้านตอ้ ง 5. โรงเรียนบา้ นโนนมะค่าพรมนสุ รณ์ 6. โรงเรียนโนนอุดมศึกษา 7. โรงเรียนบ้านดงบงั มวลชนรงั สรรค์ 8. โรงเรยี นบ้านบญุ ทนั 9. โรงเรยี นบ้านคลองเจรญิ 10. โรงเรียนบ้านโคกนกสารกิ า 11. โรงเรียนบา้ นต่างแคน 8 1. โรงเรียนบ้านผาซอ่ นโชคชัย 2. โรงเรยี นบา้ นดงมะไฟ 3. โรงเรียนบ้านนาไร่ 4. โรงเรียนบ้านวังหนิ ซา 5. โรงเรียนบ้านโนนสงา่ ราษฎรบ์ ารงุ 6. โรงเรียนบา้ นหนิ ฮาวน้ากงวทิ ยา 7. โรงเรยี นบ้านนาสี 8. โรงเรยี นบ้านหินฮาวน้ากงวิทยา สาขาซาภทู อง

42 ตารางที่ 2.2 (ตอ่ ) จานวนโรงเรยี น ชอ่ื โรงเรียน ที่ ศนู ย์เครือข่าย 10. ศนู ยเ์ ครือข่าย 9 1. โรงเรียนบา้ นนากลาง นาวัง 1 2. โรงเรยี นเทพคีรพี ิทยาคม 11. ศูนย์เครอื ขา่ ย นาวงั 2 3. โรงเรยี นบา้ นโคกนาเหล่า 12. ศนู ย์เครือขา่ ย 4. โรงเรยี นเกษตรนาสมหวังสามคั คี นาวงั 3 5. โรงเรยี นบา้ นนาสมนกึ 6. โรงเรียนชุมชนโปร่งวังมว่ ง 7. โรงเรียนบา้ นโคกกะทอ 8. โรงเรยี นบา้ นภูเขาวง 9. โรงเรยี นบ้านหินต้ังบังพระจันทร์ 7 1. โรงเรยี นบ้านไทยนยิ ม 2. โรงเรยี นบ้านผาวงั 3. โรงเรียนบ้านถา้ ช้างอินทรแ์ ปลง 4. โรงเรียนบ้านวังสาราญ 5. โรงเรียนบา้ นนาสรุ ินทร์ 6. โรงเรียนบ้านโคกสงา่ 7. โรงเรยี นบา้ นนาเจริญ 8 1. โรงเรียนบา้ นโคกหนองบัว 2. โรงเรียนชมุ ชนวงั ปลาป้อมวทิ ยศึกษา 3. โรงเรียนบ้านโคกสะอาดหนองหวั ชา้ ง 4. โรงเรยี นบา้ นหนองค้อ 5. โรงเรยี นบ้านนาแก 6. โรงเรยี นบ้านนาสม้ โฮง 7. โรงเรยี นนาซาจวงดอนมะค่าวทิ ย์ 8. โรงเรยี นบ้านผาเวยี ง 2.2.1 ผลการดาเนินงานในปีทีผ่ ่านมา ในการพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาของสานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาภู เขต 2 นั้นมีการกาหนดเป้าหมายและทิศทางการดาเนินงานให้สอดคล้องกับบริบทและนโยบายของ

43 สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐานโดยมหี ลกั การพฒั นาตามแนวทางสู่ความสาเร็จ 6 กลยุทธ์ ดงั น้ี กลยทุ ธท์ ี่ 1 การพฒั นาคุณภาพผู้เรียนในระดับการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน 1. การพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรตู้ ามแนวทาง “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” โรงเรียน เปา้ หมายในโครงการ 11 โรงเรียน มีผลการดาเนินงานตามนโยบายทม่ี คี ุณภาพ นักเรียนได้เรียนรู้และ พัฒนาตนเองผ่านกิจกรรมหลากหลายอย่างมีความสุข ครูผู้ปกครองมีความเข้าใจในการปรับตาราง เรยี นตามนโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” 2. เตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน โดยจัดทาโครงการสร้างความพร้อมนักเรียนสู่ ประชาคมอาเซียน เพื่อผลักดันการดาเนินการด้านการศึกษาให้สอดรับต่อการเป็นประชาคมอาเซียน และพัฒนานกั เรยี นให้มสี มรรถนะสาคัญสาหรับการดาเนินชีวิต ทุกโรงเรียนจัดการเรียนการสอนเร่ือง ประชาคมอาเซียน และโรงเรียนสามารถพัฒนาทักษะทางภาษาเพื่อการสื่อสารภาษาอังกฤษและ ภาษาเพอื่ บ้านอยา่ งน้อย 1 ภาษา 3. ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา หนองบัว ลาภู เขต 2 ได้ตระหนักและเล็งเห็นความสาคัญของการพัฒนานักเรียนและยกระดับผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้สูงขึ้นร้อยละ 5 ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้แล้วนาผลการประเมินมาเทียบกับผลการประเมินระดับชาติ ผลการประเมิน พบว่าโรงเรียนในสังกัดทุกศูนย์เครือข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษามีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงข้ึน ร้อย ละ 5 ทกุ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ 4. ค่านิยมหลัก 12 ประการ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้กาหนดแนว ทางการเสริมสร้างทักษะชีวิตสาหรับผู้เรียนในระบบการศึกษาขั้นพ้ืนฐานเพ่ือเป็นแนวปฏิบัติในการ พฒั นาให้เกดิ ความตระหนกั รู้ เหน็ คุณค่าในตนเองและและการสร้างสัมพันธภาพท่ีดีกับผู้อ่ืน มีพื้นฐาน ด้านอุปนิสัยที่ดี สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ดีและมีความสุขรวมท้ังมีการกาหนดสมรรถนะสาคัญเก่ียว กับตัวผู้เรียนไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 และประกอบกับ นโยบายรฐั บาลท่ีกาหนดให้คนไทยมคี า่ นยิ มหลัก 12 ประการ เพอื่ สร้างสรรค์ประเทศไทยให้เข้มแข็งมี ความตระหนักในเรื่องดังกล่าวจึงได้นากระบวนการลูกเสือ ซ่ึงเป็นกระบวนการเรียนรู้ท่ีปลูกฝังวินัย ความซ่ือสัตย์สุจริต ผ่านการเรียนรู้โดยการปฏิบัติเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อ่ืน รู้จักคิดวิเคราะห์ ตดั สนิ ใจและแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ รู้จกั การจัดการอารมณ์และความเครียด และมีทักษะการสร้าง สัมพันธภาพที่ดีกับผู้เรียน โดยใช้กระบวนการลูกเสือ ส่งเสริม พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ของโรงเรยี นให้สามารถจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ได้อยา่ งสร้างสรรคแ์ ละมปี ระสทิ ธภิ าพ 5. ศลิ ปหตั ถกรรมนกั เรียน สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานมีนโยบายส่งเสริม การปฏิรูปการเรียนรู้ และพัฒนาเด็กนักเรียนให้เป็นบุคคลท่ีมีความรู้ควบคู่คุณธรรม ดารงชีวิตอยู่ใน

44 สังคมได้อย่างมีความสุขการศึกษา คือ การสร้างสรรค์ความรู้ ความคิด การเจริญเติบโตทั้งร่างกาย และจิตใจ ให้เป็นผู้ใหญ่ท่ีมีคุณภาพ เป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองทัดเทียมหรือ เป็นผู้นาในอารยะประเทศได้อย่างภาคภูมิใจ โดยให้โรงเรียนทุกโรงเรียนและสานักงานเขตพื้นที่ การศึกษาทุกแห่ง ได้ดาเนินกิจกรรมประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการและประกวดสิ่งประดิษฐ์ นักเรียนในระดับโรงเรียน ระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา เพ่ือคัดเลือกนักเรียนเข้าร่วมงานศิลปหัตถกรรม นักเรยี น ระดับภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ 6. พัฒนาทักษะทางด้านภาษาไทยและจัดแข่งขันทักษะภาษาไทยเพื่อสนับสนุนส่งเสริม และคัดเลือกตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันในระดับประเทศ ครูผู้สอนภาษาไทยและนักเรียนที่เข้าร่วม ประกวดแขง่ ขันได้รับการพัฒนาและส่งเสริมทักษะด้านภาษาไทย เป็นการเชิดชูเกียรติโรงเรียนและผู้ ส่งเสริมพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยดีเด่นมีผลงานเชิงประจักษ์และเป็นแบบอย่างที่ดี เผยแพร่ ผลงานและกจิ กรรมเนอื่ งในวนั ภาษาไทยแห่งชาติ ปี 2559 กลยุทธท์ ่ี 2 ขยายโอกาสเข้าถึงบริการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐานใหท้ ่ัวถงึ ครอบคลุมผู้เรียนให้ ได้รับโอกาสในการพัฒนาเต็มตามศกั ยภาพและมีคุณภาพ 1. ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เป็นกระบวนการดาเนินงานทมี่ ีแบบแผนข้ันตอนชัดเจนใน การส่งเสริมพัฒนาป้องกันและแก้ไขปัญหาให้นักเรียนได้รับการพัฒนาอย่างเต็มตาม ศักยภาพบน พื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลโดยยึดหลักการมีส่วนร่วมรับผิดชอบ ร่วมคิด ร่วมปฏิบัติ ร่วม แก้ไขปัญหาจากผู้ที่เก่ียวข้องทุกฝ่าย จากการดาเนินงานพบว่าครูทุกคนและผู้ท่ีเกี่ยวข้องเข้าใจ หลกั การดาเนินงานระบบดูและชว่ ยเหลอื นกั เรียนมขี ้ันตอนดาเนนิ งานชดั เจน 2. นักเรียนทุกคนในโรงเรียนตามโครงการพระราชดาริ จานวน 10 โรงเรียนได้รับการ พัฒนาให้มีทักษะในการดารงตนตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนาไปใช้ในชีวิต ประจาวัน นกั เรียนมีสุขภาพที่ดีทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โรงเรียนในสังกัดนาเสนอผลการดาเนินงาน ตามโครงการเป็นที่ประจักษ์ กลยุทธ์ท่ี 3 พฒั นาคณุ ภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา 1. ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ ตรงตามความต้องการของ บุคคลและสถานศกึ ษา 2. ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา ไดร้ ับการพฒั นาวธิ ีจัดการเรียนรู้ ที่ใช้ทักษะกระบวนการ คดิ รวมท้ังการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 3. ครูและบุคลากรทางการศึกษา สามารถประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สอื่ สารทีท่ ันสมัย 4. ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการนิเทศแบบกัลยาณมิตรจากสานักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษา ผ้บู รหิ ารสถานศึกษา และครู ท้ังในโรงเรียน ระหว่างโรงเรียน หรือภาคส่วนอื่น ๆ ตามความ พรอ้ มของโรงเรยี น

45 5. ครูและบุคลากรทางการศึกษา สร้างเครือข่ายการเรียนรู้ การมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วน เกีย่ วข้อง และทกุ ภาคสว่ นให้เกดิ ชมุ ชนแห่งการเรยี นรู้ 6. ครูจดั การเรียนรู้สู่ประชาคมอาเซยี น 7. ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีจิตวิญญาณของความเป็นครู การเป็นครูมืออาชีพและ ยดึ มนั่ ในจรรยาบรรณวชิ าชพี 8. ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาสามารถบรหิ ารงานทกุ ดา้ นใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ และเกิดประสทิ ธผิ ล 9. ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีขวัญกาลังใจในการทางานและมีผลการปฏิบัติงานเชิง ประจกั ษ์ 10. องค์กร องค์คณะบุคคล และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียวางแผนสรรหา ย้าย โอน ครูและ บคุ ลากรทางการศึกษาให้สอดคลอ้ งกบั ความต้องการของโรงเรยี นและชุมชน กลยทุ ธท์ ี่ 4 การพฒั นาระบบการบรหิ ารจดั การ 1. พัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการ สานักงานเขพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา หนองบัวลาภู เขต 2 การกาหนดวิสัยทัศน์ขององค์กรท่ีชัดเจน การมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ตลอดจนการสร้างความรูค้ วามเข้าใจในการกาหนดแนวทางพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาภู เขต 2 เพื่อในโรงเรียนในสังกัดทุกโรงเรียนมี ข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษาข้อมูลครุภัณฑ์และส่ิงก่อสร้าง ที่สามารถใช้ในการบริหารจัดการอย่าง มปี ระสิทธภิ าพ โรงเรียนสามารถรายงานผลการดาเนินงานตามกลยทุ ธ์ และมคี วามรู้ในการรายงานผล การประเมนิ โครงการได้อยา่ งถูกตอ้ ง 2. พัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการโรงเรียน ตามกรอบวิสัยทัศน์ได้ครอบคลุมสถาน ศึกษาในทุกระดบั และทุกขนาด ตลอดจนสามารถส่งเสริมการจัดการศึกษาให้สามารถนาเสนอผลงาน ใหเ้ ป็นทป่ี ระจักษไ์ ด้ นอกจากนยี้ ังเปน็ การยกระดับคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนในสังกัดโดยเฉพาะ โรงเรียนขนาดเล็ก เพื่อบริหารจัดการศึกษาโรงเรียนในสังกัดให้สามารถจัดการศึกษาได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพตามบริบทของเขตพ้ืนท่ี และมีรูปแบบการบริหารจัดการศึกษาที่ชัดเจน สามารถดาเนิน การได้อย่างเป็นรูปธรรมมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานผลจากการดาเนินงานพบว่า โรงเรยี นขนาดเลก็ สามารถทาแผนบริหารจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับบริบทของเขตพื้นท่ีบริการ เพื่อ พัฒนาคุณภาพการศึกษาของตนเองจนได้รับรางวัล โรงเรียนขนาดเล็กท่ี มีวิธีการปฏิบัติท่ีเป็นเลิศ จานวน 3 โรงเรียน โดยได้รับรางวัลเกียรติยศพร้อมเงินรางวัล โรงเรียนละ 50,000 บาท ได้แก่ชนะ เลิศ โรงเรียนบ้านถ้าช้างอินทร์แปลง รองชนะเลิศอันดับ 1 โรงเรียนบ้านซาเส้ียว รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 โรงเรียนบ้านไทยนิยม จากการได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติว่าเป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่มีวิธี ปฏิบัติท่ีเป็นเลิศส่งผลให้โรงเรียนมีขวัญและกาลังใจในการทางาน และมีกาแลกเปล่ียนเรียนรู้ต่อการ บริหารจัดการร่วมกัน และยังส่งผลให้โรงเรียนทุกแห่งในสังกัด มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาข้ัน พื้นฐาน

46 3. สานักงานเขพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาหนองบัวลาภู เขต 2 พบเพ่ือนครู เตรียมความ พร้อมก่อนเปิดภาคเรียนในการดาเนินงานนิเทศ ติดตาม การดาเนินงานในระดับสถานศึกษาได้ กาหนดเปา้ หมายใหท้ กุ โรงเรยี นในสังกัด ไดร้ ับการนิเทศและพัฒนาคุณภาพการบริหารการศึกษา และ การจัดการเรยี นรู้เกี่ยวกับการเตรยี มความพร้อมระดับปฐมวัย การแกป้ ัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ การคิดคานวณ และการคิดวิเคราะห์ได้ดาเนินการนิเทศแก่โรงเรียนในสังกัดครบทุกโรงเรียน ตาม กาหนดเปา้ หมายในการออกนิเทศวันเปิดภาคเรียน ภาคเรียนละ1 ครั้ง โดยดาเนินการนิเทศในเชิงลึก ตามแผนกลยุทธแ์ ละจุดเนน้ ทางการศกึ ษา เพือ่ จดั ระดบั โรงเรียนในสังกัด 4. สานกั งานน่าอยภู่ มู ิทัศนส์ วยงาม สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาภู เขต 2 ได้จดั ทาผา้ ป่าเพื่อระดมทรัพยากรมาพฒั นาปรบั ปรุงสภาพแวดลอ้ มของสานักงาน เพ่ือให้มีความ ร่มรื่น สวยงาม ทั้งภายนอกและภายใน ทาให้สภาพแวดล้อมสะอาดสวยงาม สะดวกสบาย และเป็นท่ี พงึ พอใจของผมู้ าติดต่อประสานงาน 2.2.2 นโยบายสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาภู เขต 2 วิสยั ทศั น์ บริหารจัดการ ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้มีคุณภาพตามมาตร ฐานการศกึ ษาอย่างทัว่ ถงึ พร้อมก้าวสปู่ ระชาคมอาเซียน บนพน้ื ฐานของความเป็นไทย พนั ธกิจ พัฒนาส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาให้ประชากรวัยเรียนทุกคนได้รับการศึกษา อย่างมีคณุ ภาพตามมาตรฐานการศึกษา เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ มีคุณธรรม จริยธรรม มีความเป็นไทย พร้อมเขา้ สูป่ ระชาคมอาเซียน ดว้ ยการบริหารจัดการตามหลกั ธรรมาภบิ าล เป้าประสงค์ 1. ผูเ้ รยี นทุกคนมคี ณุ ภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน และพัฒนาความเป็นสากลสู่ การเปน็ ผูน้ าในประชาคมอาเซยี น 2. ประชากรวัยเรียนทุกคนได้รับโอกาสในการศึกษาข้ันพื้นฐานอย่างมีคุณภาพและเสมอ ภาค 3. ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษามีความสามารถในการบริหารและจัดการเรียน การสอน โดยไดร้ ับการพฒั นาอยา่ งต่อเนอื่ ง 4. สถานศกึ ษามีประสิทธภิ าพ และเป็นกลไกลขบั เคลอ่ื นการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานสู่ระดับสากล กลยทุ ธ์ 1. พัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียนทกุ ระดับทุกประเภท 2. ขยายโอกาสเขา้ ถึงบริการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานให้ท่ัวถงึ ครอบคลุมผู้เรียน ให้ได้รับโอกาส ในการพฒั นาเตม็ ตามศักยภาพ และมคี ุณภาพ

47 3. พัฒนาคุณภาพครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 4. พฒั นาระบบการบรหิ ารจัดการ กลยทุ ธท์ ่ี 1 พฒั นาคุณภาพผเู้ รยี นทุกระดบั ทุกประเภท แนวทาง 1. จัดระบบข้อมูลสารสนเทศที่เก่ียวข้องกับคุณภาพของผู้เรียนทุกระดับทุกประเภท ให้มี ประสทิ ธภิ าพ 2. สร้างความตระหนักและความเข้าใจในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้แก่ผู้ปกครอง ชมุ ชน สังคม และสาธารณชน มุ่งพัฒนาผู้เรียนท่ีเหมาะสมกับวัย ทักษะและคุณลักษณะท่ีจาเป็นของ นักเรียนตามมาตรฐานของหลักสูตรและท่ีจาเป็นต่อการใช้ชีวิตในอนาคต เพ่ือพัฒนาคุณภาพการ ศกึ ษาไทยส่มู าตรฐานสากล บนพน้ื ฐานของความเปน็ ไทยตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3. สนบั สนนุ การจดั สรรงบประมาณ ในการพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา ที่สอดคล้องกับบริบท ของเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา 4. ส่งเสริมการนาหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาหลักสูตร สถานศึกษา ใหส้ อดคล้องกบั ความตอ้ งการของชมุ ชน สงั คม ทอ้ งถ่นิ และผู้เรยี น 5. ใช้ส่ือ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ท่ีหลากหลาย เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาทั้งในห้อง เรยี นและนอกหอ้ งเรียน 6. จัดระบบนิเทศ ติดตามผล และรายงานผลให้มีความเข้มแข็งและต่อเนื่องเป็นรูปธรรม และหลายมติ เิ น้นการนิเทศแบบกลั ยามิตร 7. สนับสนุนใหม้ ีการแนะแนวผู้เรียน ให้มีแรงจูงใจในการเรียน เพื่อการเรียนต่อสายอาชีพ ในระดับท่ีสูงขน้ึ และมที กั ษะในการดารงชวี ติ 8. ส่งเสรมิ สนับสนนุ การนาผลการทดสอบการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน NT และO-NET การประเมนิ ของ PISA และระบบการทดสอบกลางของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน มาเป็นส่วนหน่ึงในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพและมาตรฐานตาม หลกั สูตร 9. ส่งเสริมระบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา ให้มีความเข้มแข็งเพ่ือรองรับ การประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอก 10. ส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร และภาษาอาเซยี นอย่างนอ้ ย 1 ภาษา เพ่อื รองรับการก้าวสปู่ ระชาคมอาเซียน และสู่มาตรฐานสากล 11. ส่งเสริมสถานศึกษาที่มีความพร้อม ให้จัดการศึกษาในรูปแบบสองภาษา (English Bilingual Education)

48 กลยุทธ์ที่ 2 ขยายโอกาสเข้าถึงบริการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานให้ท่ัวถึงครอบคลุมผู้เรียน ให้ได้รับโอกาสในการพัฒนาเตม็ ตามศักยภาพ และมีคณุ ภาพ แนวทาง 1. พัฒนาบุคลากรในการจัดทาข้อมูลนักเรียนรายบุคคล ระบบข้อมูลสารสนเทศระดับ สถานศึกษาและ เขตพื้นท่ีการศึกษาทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพให้สามารถดาเนินงานได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ 2. พฒั นากระบวนการบรหิ ารจัดการและตรวจสอบงบประมาณให้มีประสิทธภิ าพ 3. สง่ เสรมิ ให้ผเู้ รยี นทกุ คนในระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน ได้เข้าเรียนจนจบหลักสูตรอย่างมี คณุ ภาพมีโอกาสเรียนต่อในระดับทีส่ งู ข้ึน มอี าชีพทีส่ จุ รติ และมน่ั คงในชีวิต 4. สนับสนุนโรงเรียนดีมีคุณภาพ ให้เป็นโรงเรียนท่ีมีรูปแบบการเรียนการสอนท่ีมุ่งสู่มาตร ฐานสากลบนพนื้ ฐานของความเป็นไทย 5. ส่งเสริมสถานศึกษาให้จัดการศึกษาในรูปแบบปกติ รูปแบบเพ่ือความเป็นเลิศ รูปแบบ เพ่อื เดก็ พิการ เด็กดอ้ ยโอกาส โดยเนน้ การมีสว่ นรว่ มของทุกภาคส่วน 6. ส่งเสรมิ สนับสนุน การจัดกจิ กรรมระบบดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรียนในสถานศึกษาให้มีความ เขม้ แข็งและต่อเนื่องโดยความรว่ มมอื จากทกุ ภาคสว่ น 7. ประสานหนว่ ยงานท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือช่วยเหลือในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในเขต บรกิ ารใหม้ คี ุณภาพตามมาตรฐาน กลยุทธ์ท่ี 3 พฒั นาคุณภาพครู และบุคลากรทางการศกึ ษา แนวทาง 1. พัฒนาโรงเรียนต้นแบบ วิธีการสอน คิดวิเคราะห์ และการวัดผลประเมินผลท่ีหลาก หลาย ศนู ย์เครอื ข่ายพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาละ 1 โรงเรียน 2. พัฒนาโรงเรียนต้นแบบ ในการใช้ส่ือเทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอนศูนย์ เครือขา่ ยพฒั นาคุณภาพการศึกษาละ 1 โรงเรยี น 3. ส่งเสริมครู ผู้บริหารสถานศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ให้มีสมรรถนะการ สอื่ สารภาษาองั กฤษตามกรอบมาตรฐาน CEFR 4. ส่งเสริมการนิเทศแบบกัลยาณมิตร โดยศูนย์เครือข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษาหรือ เพื่อนครมู ืออาชพี ท่ีมีผลงานดเี ดน่ หรือระหวา่ งโรงเรียน 5. พฒั นาผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาในด้านการบริหารจดั การงานวิชาการ ในโรงเรียนท่ีมีค่าเฉลี่ย ผลการสอบ O-NET ทุกกล่มุ สาระการเรียนรู้ ตา่ กว่าคา่ เฉล่ียของระดับประเทศ 6. ส่งเสริมความก้าวหน้า สร้างระบบแรงจูงใจ ยกย่องเชิดชูเกียรติ ครู ผู้บริหารสถาน ศึกษา บุคลากรทางการศกึ ษาอื่น อย่างมมี าตรฐาน

49 7. เสริมสร้างความก้าวหนา้ ของครู ผู้บริหารสถานศึกษา ให้มีวิทยฐานะสูงขึ้นให้สอดคล้อง กบั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรยี น 8. สรา้ งฐานขอ้ มลู สารสนเทศการบรหิ ารงานบคุ คล ใหถ้ ูกตอ้ ง ครอบคลมุ และเปน็ ปัจจบุ นั 9. พัฒนาระบบการบริหารงานบุคคลของสานักงานเขพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา หนองบวั ลาภู เขต 2 ให้มปี ระสทิ ธิภาพ 10. จัดระบบนิเทศ กากับ ติดตาม ประเมินผลและรายงานผล ให้มีความเข้มแข็งและ ตอ่ เน่ืองเปน็ รปู ธรรม หลากหลายมิติ เน้นการนิเทศแบบกลั ยาณมติ รและนาผลมาสู่การพฒั นา กลยุทธ์ท่ี 4 พัฒนาระบบการบริหารจัดการ แนวทาง 1. กระจายอานาจและความรบั ผิดชอบ 1.1 ส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษามีความเข้มแข็ง ในการบริหารจัดการได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ 1.2 พัฒนาระบบติดตามตรวจสอบการบริหารจัดการงบประมาณสถานศึกษาให้มี ประสิทธิภาพ 2. สง่ เสรมิ การมีส่วนรว่ ม 2.1 ส่งเสริมให้ผู้บริหารสถานศึกษา มีความตระหนักถึงความจาเป็นและประโยชน์ของ การมีสว่ นร่วมในการพฒั นาคุณภาพการศึกษา 2.2 ส่งเสริมการมีสว่ นรว่ มสนับสนนุ ทรพั ยากร จากทุกภาคสว่ น 2.3 สง่ เสรมิ การกากับ ติดตาม ตรวจสอบ การบริหารจัดการสถานศึกษา โดยการมีส่วน ร่วมจากทกุ ภาคส่วน 2.4 สร้างช่องทางเพ่ือรับฟังความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ/ที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษาและ องค์คณะบุคคลทเี่ กีย่ วข้อง และติดตามตรวจสอบอย่างตอ่ เนอ่ื ง 3. ส่งเสรมิ ใหส้ ถานศึกษาและองค์คณะบคุ คลมีความรบั ผดิ ชอบตอ่ ผลการดาเนนิ งาน 3.1 สรา้ งความตระหนักด้านความรับผิดชอบ ให้สถานศึกษา/องค์คณะบุคคลท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือพฒั นาคณุ ภาพสถานศึกษาเพ่ิมขึ้น 3.2 ส่งเสริมให้มีการเชิดชูเกียรติสถานศึกษา/บุคคล/องค์คณะบุคคลท่ีเกี่ยวข้อง/ นกั เรียนในสถานศกึ ษามีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนสูงข้นึ /อัตราการออกกลางคันลดลง/มีพฤติกรรมเส่ียง ลดลง 4. สง่ เสรมิ สนบั สนุนใหส้ ถานศึกษานาเทคโนโลยมี าใช้เพ่ือการบรหิ ารจัดการ 4.1 สง่ เสริมสนบั สนุนใหส้ ถานศึกษา ใช้เทคโนโลยีเพอ่ื การบริหารจัดอย่างมีประสิทธภิ าพ 4.2 ส่งเสรมิ สนบั สนนุ งบประมาณเพือ่ พฒั นาระบบเทคโนโลยแี ละสารสนเทศ

50 2.3 งานวิจยั ท่ีเกี่ยวข้อง งานวิจัยที่เกี่ยวกับสภาพและปัญหาการดาเนินงานวิชาการ ผู้วิจัยนาเสนอผลงานวิจัยท่ี เกยี่ วขอ้ งดังน้ี กฤษติญา ปัตเตนัง (2559) ไดศ้ ึกษาสภาพการดาเนนิ งานวชิ าการในโรงเรียนประถมศึกษา ขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 โดยพบว่า ในภาพรวม อยูใ่ นระดับมากท่ีสุด และเมื่อพิจารณารายด้านพบว่า สภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนขนาด เลก็ คือ ด้านการพัฒนากระบวนการเรยี นรู้ รองลงมาคือ ด้านการวัดผล ประเมินผลและเทียบโอนผล การเรียน และสภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กต่าสุด คือ ด้านการ ส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงานและสถาบันอื่นที่จัด การศกึ ษา ดา้ นการสรา้ งและพฒั นาหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดทาสาระท้องถิ่น ระดับสภาพการ ดาเนนิ งานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา นครสวรรค์ เขต 3 ในด้านการสร้างและพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดทาสาระท้องถิ่น โดย ภาพรวมอยู่ในระดบั มากท่ีสุด และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าการสร้างและพัฒนาหลักสูตรสถาน ศึกษาและการจัดทาสาระทอ้ งถนิ่ ระดับสูงสุด คือ มีการศึกษาข้อมลู เกยี่ วกับความต้องการของสังคม มี การรายงานผลการใช้หลักสูตรแก่ผู้ท่ีมีส่วนเก่ียวข้องกับโรงเรียน มีการกาหนดภารกิจ เป้าหมาย คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงคไ์ วอ้ ยา่ งชัดเจน มีการบูรณาการเนื้อหาสาระท้ังในกลุ่มเด่ียวและระหว่างกลุ่ม สาระตา่ ง ๆ มกี ารนเิ ทศการใชห้ ลักสูตรอยู่อยา่ งต่อเนื่อง มีการประเมินการใช้หลักสูตรอย่างสม่าเสมอ รองลงมาคือ มีการวิเคราะห์สภาพความต้องการต่าง ๆ เพื่อจัดทาหลักสูตรสถานศึกษา และมีการ ปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรอยู่เสมอ ส่วนระดับการปฏิบัติต่าสุด คือ มีการนิเทศการใช้หลักสูตรอยู่ อยา่ งต่อเนอ่ื ง ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ระดับสภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถม ศึกษาขนาดเล็ก สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ในด้านการพัฒนา กระบวนการเรียนรู้ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด และเม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าสภาพการ ดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กสูงสุด คือ มีการทาแผนการจัดการเรียนรู้ตาม กลุม่ สาระการเรียนรู้ต่าง ๆ อย่างครบถ้วน มีการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะกระบวนการคิดอย่างมี ระบบมีการส่งเสริมให้ครูได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการนิเทศการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครู อย่างต่อเนื่อง รองลงมาคือ มกี ารสง่ เสรมิ ให้ครูทาวิจัยในช้นั เรียนส่วนระดบั การปฏิบัติต่าสุด คือ มีการ จัดกจิ กรรมการเรียนรูท้ ส่ี อดคลอ้ งกบั ความสนใจและความถนดั ของผเู้ รียน ด้านการวัดผล ประเมินผลและเทียบโอนผลการเรียน ระดับสภาพการดาเนินงานวิชาการ ในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเลก็ สงั กัดสานกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3

51 ในด้านการวัดผล ประเมินผลและเทียบโอนผลการเรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และเม่ือ พิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าสภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กสูงสุด คือ มีหลกั เกณฑ์ในการวัดผลประเมินผลและเทียบโอนผลการเรียนท่ีเป็นมาตรฐาน มีการพัฒนาปรับปรุง วิธีการวัดผลประเมินผลอยู่อย่างสม่าเสมอ และมีการวัดผล ประเมินผลการเรียนรู้กับนักเรียนทุกช่วง ช้ัน รองลงมาคือ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการวัดประเมินผลและเทียบโอนผลการเรียน มีการจัดทา เอกสารเกี่ยวกับการวัดผล ประเมินและการเทียบโอนผลการเรียน และมีการนิเทศ ติดตามการวัดผล ประเมนิ ผลอยา่ งต่อเนื่อง ส่วนระดับการปฏิบัติต่าสุด คือ มีการส่งเสริมสนับสนุนให้ครูใช้วิธีการวัดผล ประเมินผลตามสภาพจริง ด้านการวิจัยเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษา ระดับสภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียน ประถมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ในด้านการ วิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และเม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าสภาพการดาเนนิ งานวิชาการในโรงเรยี นประถมศึกษาขนาดเล็กสูงสุด คือ มีการสนับสนุนส่งเสริม ให้ครูสามารถทาวิจัยเพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้ได้ และมีการจัดเตรียมสื่อ วัสดุอุปกรณ์ และเอกสาร ต่าง ๆ ที่ช่วยในทาวิจัยของครู รองลงมาคือ มีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยการทา วิจัยและมีการ นิเทศ กากับตดิ ตามการทาวิจัยในชั้นเรียนของครูอย่างสม่าเสมอ ส่วนระดับการปฏิบัติต่าสุด คือ มีการ สนับสนุนให้ครนู าเสนอผลงานการวจิ ยั ต่อผู้มสี ว่ นเกย่ี วข้อง ดา้ นการพฒั นาสื่อ นวตั กรรมและเทคโนโลยีการศึกษา ระดับสภาพการดาเนินงานวิชาการ ในโรงเรยี นประถมศกึ ษาขนาดเลก็ สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ในด้านการพัฒนาสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด และเม่ือ พิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าสภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กสูงสุด คือ มีการนิเทศ ติดตามการใช้สื่อในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครู รองลงมาคือ มีการนาผลการนิเทศ ตดิ ตามการใช้สอื่ การเรียนรู้มาวางแผนเพ่ือพัฒนาในปีต่อ ๆ ไป ส่วนระดับการปฏิบัติต่าสุด คือ มีการ ใชเ้ ทคโนโลยใี นการบริหารงานวชิ าการ มีการส่งเสริมให้ครูผลิตส่ือการเรียนรู้อย่างครบถ้วนและมีการ สง่ เสรมิ ใหค้ รไู ดเ้ ข้ารับการอบรมเกี่ยวกบั สอ่ื เทคโนโลยีทางการศกึ ษา ด้านการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ระดับสภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษา ขนาดเล็ก สงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ในด้านการพัฒนาแหล่ง เรียนรู้ โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั มากท่ีสดุ และเมื่อพิจารณาเปน็ รายขอ้ พบว่าสภาพการดาเนินงานวิชา การในโรงเรยี นประถมศึกษาขนาดเลก็ สงู สดุ คอื มกี ารพัฒนาแหลง่ เรยี นรูท้ ัง้ ในห้องเรียนและนอกห้อง เรียน รองลงมาคือ มีการนานักเรียนไปศึกษายังแหล่งเรียนรู้นอกโรงเรียนอย่างต่อเนื่องและมีการ ประสานความร่วมมือในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้กับสถานศึกษาอ่ืน ๆ อยู่เสมอ ส่วนระดับการปฏิบัติ ต่าสุด คือมีการส่งเสริมสนับสนุนให้ครูใช้แหล่งเรียนรู้ท้ังในโรงเรียนและนอกห้องเรียนและมีการ ประเมนิ ผลการใช้แหลง่ การเรียนรใู้ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นร้ขู องครูอยา่ งต่อเนื่อง

52 ดา้ นการนิเทศการศกึ ษา ระดับสภาพการดาเนนิ งานวชิ าการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาด เล็ก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ในด้านการนิเทศการศึกษา โดยภาพรวมอยูใ่ นระดับมากท่สี ุด และเมอ่ื พิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าสภาพการดาเนินงานวิชาการใน โรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กสูงสุด คือ มีการแลกเปล่ียนความรู้เกี่ยวกับการนิเทศภายในกับสถาน ศึกษาอ่ืน ๆ รองลงมาคือ มีการนาผลการนิเทศมาวางแผนเพ่ือพัฒนางานวิชาการในปีต่อ ๆ ไป ส่วน ระดับการปฏบิ ตั ิตา่ สดุ คอื มีการจัดระบบการนิเทศงานวชิ าการไว้อย่างชดั เจน ด้านการแนะแนวการศึกษา ระดับสภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษา ขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ในด้านการแนะแนว การศึกษา โดยภาพรวมอยูใ่ นระดบั มากทีส่ ุด และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าสภาพการดาเนินงาน วิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กสูงสุด คือ มีการวางแผนการแนะแนวการศึกษาไว้อย่าง ชัดเจน รองลงมาคือมีการประชุมผู้ปกครองชุมชนเพื่อแนะแนวการศึกษา ส่วนระดับการปฏิบัติต่าสุด คือ มกี ารแลกเปล่ยี นความรู้ วธิ ีการแนะแนวการศกึ ษากบั สถานศกึ ษาอ่ืน ด้านการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ระดับสภาพการดาเนินงานวิชา การในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ในด้านการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าสภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก สูงสุด คือ มีการเตรียมความพร้อมเพ่ือรองรับการประเมินจากองค์กรภายนอกและมีการจัดทา รายงานคณุ ภาพการศกึ ษาเป็นประจาทุกปี รองลงมาคอื มีการสรา้ งความตระหนักให้กับบุคลากรเก่ียว กับระบบการประกันคุณภาพการศึกษาและมีการปรับปรุงวิธีการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษา อยา่ งต่อเนอื่ ง สว่ นระดบั การปฏบิ ัติตา่ สุด คอื มกี ารดาเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา อย่างตอ่ เน่อื ง ดา้ นการสง่ เสริมความรู้ทางวิชาการแกช่ มุ ชน ระดับสภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียน ประถมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ในด้าน การส่งเสรมิ ความร้ทู างวิชาการแก่ชุมชน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อพิจารณาเป็นราย ขอ้ พบว่าสภาพการดาเนินงานวชิ าการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กสูงสุด คือ มีการสารวจความ ต้องการข้อมูลพ้นื ฐานท่จี าเปน็ ต่อการพัฒนาชุมชน รองลงมาคือมีการวางแผนร่วมกับผู้นา ชุมชนและ องค์การบริหารส่วนตาบลในการพัฒนาชุมชน ส่วนระดับการปฏิบัติต่าสุด คือ มีการให้บริการแก่ ชมุ ชนด้วยวิธกี ารที่หลากหลาย ด้านการประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถาบันการศึกษาอื่น ระดับสภาพ การดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถม ศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ในด้านการประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถาบันการศึกษา

53 อื่น โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และเม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าสภาพการดาเนินงานวิชา การในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กสูงสุด คือ มีการจัดระบบในองค์กรให้มีความเหมาะสมในการ เปน็ สถานท่ีประสานความรว่ มมอื ในการพัฒนาวชิ าการกับสถานศึกษาอ่ืน รองลงมาคือ มีแนวทางการ ประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถานศึกษาอ่ืนอย่างต่อเนื่อง ส่วนระดับการปฏิบัติ ต่าสุด คือ มีการส่งเสริมบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการประสานความร่วมมือในการพัฒนา วชิ าการกับสถานศึกษาอนื่ ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงานและ สถาบันอ่ืนที่จัดการศึกษา ระดับสภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ในด้านการส่งเสริมและสนับสนุน งานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงานและสถาบันอื่นท่ีจัดการศึกษา โดยภาพรวมอยู่ใน ระดับมากที่สุดและเม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าสภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถม ศึกษาขนาดเล็กสูงสุด คือมีการเตรียมความพร้อมเพ่ือรองรับการประเมินจากองค์กรภายนอก รองลงมาคือ มีการสร้างความตระหนักให้กับบุคลากรเกี่ยวกับระบบการประกันคุณภาพการศึกษา และ ส่วนระดับการปฏิบัติต่าสุด คือ มีการปรับปรุงวิธีการดาเนินงานในการประสานงานเพื่อพัฒนา งานวิชาการกบั สถานศกึ ษาอ่ืนอยา่ งต่อเน่ือง เปรียบเทียบสภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสานัก งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครูวิชาการ จาแนกตามตาแหน่ง ประสบการณก์ ารปฏบิ ตั ิงาน และระดับการศกึ ษา พบวา่ 1. การเปรียบเทียบความแตกต่างของสภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถม ศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 จาแนกตาม ตาแหน่ง ผู้บริหารและครูวิชาการ พบว่าสภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาด เลก็ โดยภาพรวมไมม่ คี วามแตกต่างกนั 2. การเปรียบเทียบความแตกต่างของสภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถม ศึกษาขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 จาแนกตาม ประสบการณ์การปฏิบัติงาน พบว่ากลุ่มประสบการณ์การปฏิบัติงานต่าง ๆ มีความคิดเห็นในสภาพ การดาเนินงานวชิ าการในโรงเรียนประถมศกึ ษาขนาดเล็กไมแ่ ตกต่างกนั 3. การเปรียบเทียบความแตกต่างของสภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถม ศกึ ษาขนาดเลก็ สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3 จาแนกตามระดับ การศึกษาพบว่า สภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กโดยภาพรวมไม่มี ความแตกต่างกัน สาหรับรายข้อพบว่าด้านการแนะแนวการศึกษา มีความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญ ทางสถติ ิทร่ี ะดบั .05

54 นคเรศ ศรีเก้ือกลู (2559) ได้ศึกษาวจิ ัยเรือ่ ง สภาพการดาเนินงานวิชาการของสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 ผลการวิจัยพบว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอนและประธานคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพการดาเนิน งานวิชาการของสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 โดยรวมมีการ ปฏบิ ตั ิอย่ใู นระดบั มาก เมือ่ พจิ ารณาเปน็ รายด้านพบวา่ มีการปฏบิ ตั อิ ยใู่ นระดบั มากทุกด้าน เรียงลาดับ จากคา่ เฉลีย่ มากไปหาน้อย 3 ลาดับดงั นี้ ดา้ นการวางแผนงานด้านวิชาการ (  =4.15) ด้านการจัดทา ระเบียบและแนวปฏิบัติเก่ียวกับงานด้านวิชาการของสถานศึกษา (  =4.11) และด้านการพัฒนา หลักสูตรสถานศึกษา ( =4.09) เมื่อพจิ ารณาเป็นรายดา้ น พบว่า 1. ด้านการพัฒนาหลักสูตรท้องถ่ิน โดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก  =3.94) เม่ือ พิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียงลาดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหา น้อย 3 อันดับแรก คือ การจัดต้ังและพัฒนาแหล่งการเรียนรู้และภูมิปัญญาท้องถ่ินรวมทั้งพัฒนาให้ เกิดองค์ความรู้ (  =4.06) การส่งเสริมการสารวจแหล่งเรียนรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นท้ังในโรงเรียน ชมุ ชน ทอ้ งถน่ิ ท่เี กย่ี วข้องกบั การพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา (  =4.00) และการส่งเสริมสนับสนุนให้ครู ใช้แหล่งเรียนรู้ทั้งในและนอกโรงเรียนและการส่งเสริมการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ครอบคลุมภูมิ ปญั ญาท้องถิน่ ( =3.95) 2. ด้านการวางแผนงานด้านวิชาการ โดยรวมมีการปฏบิ ตั ิอยใู่ นระดับมาก ( =4.315) เมื่อ พิจารณาเป็นรายข้อ พบว่ามีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียงลาดับค่าเฉล่ียจากมากไปหา น้อย 3 อันดับแรก คือ การกากับช่วยเหลือคณะครูเพื่อให้การดาเนินการตามแผนงานด้านวิชาการ ของโรงเรียนใหบ้ รรลุผลสาเร็จ (  =4.19) การกาหนดวิสัยทัศน์และเห็นความสาคัญงานด้านวิชาการ ของโรงเรียน ( =4.196) และการจัดสรรงบประมาณวัสดุอปุ กรณ์เพอ่ื การพฒั นางานด้านวิชาการของ โรงเรยี น ( =4.14) 3. ด้านการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษา โดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  = 4.06) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่ามีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียงลาดับค่าเฉลี่ยจาก มากไปหาน้อย 3 อันดับแรก คือ การจัดสรรงบประมาณจัดทาสื่อการสอนหรือส่ือประกอบการสอน อย่างเพยี งพอและทัว่ ถึง ( =4.17) การใหค้ าปรึกษาหารือและช่วยเหลือในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการ สอนของคณะครู ( =4.12) และการจดั หาสนับสนุนวสั ดุอุปกรณค์ ูม่ อื การจัดทาแผนการเรยี นรู้ ( =4.05) 4. ด้านการพฒั นาหลกั สตู รของสถานศึกษา โดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  =4.09) เม่อื พจิ ารณาเปน็ รายข้อ พบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียงลาดับค่าเฉล่ียจากมากไป หาน้อย 3 อันดับแรกคือ การสนับสนุนให้ครูมีความรู้ในการจัดทาหลักสูตรของโรงเรียน (  =4.21) การประชาสัมพันธ์และส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดทาหลักสูตรโรงเรียนและการจัดหาคู่มือ

55 แนวการจัดทาหลักสูตรโรงเรียนมาบริการแก่ครู (  =4.09) และการประเมินการใช้หลักสูตรและนา ผลการประเมนิ มาพฒั นาหลกั สตู รอย่างตอ่ เน่ือง ( =4.08) 5. ด้านการพัฒนากระบวนการเรยี นรู้ โดยรวมมีการปฏิบัตอิ ยใู่ นระดับมาก (  =4.02) เมื่อ พิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียงลาดับค่าเฉล่ียจากมากไปหา น้อย 3 อันดับแรก คือ การควบคุมกากับให้การจัดตารางสอนของครูเป็นไปตามความเหมาะสม ( =4.11) การวางแผนในการจัดการเรยี นการสอนร่วมกับครู (  =4.10) และการควบคุมกากับให้ครูมี การจดั เตรยี มการสอนและบนั ทึกการสอนท่ีเน้นนกั เรยี นเป็นสาคัญ ( =4.00) 6. ด้านการวัดผล ประเมินผล และดาเนินการเทียบโอนผลการเรียน โดยรวมมีการปฏิบัติ อยู่ในระดับมาก (  =3.94) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดย เรียงลาดับคา่ เฉล่ยี จากมากไปหาน้อย 3 อนั ดับแรก คือ การให้คาปรึกษาแนะนาแก่ครูเก่ียวกับการวัด ผลและประเมินผลให้เป็นไปตามแนวทางของหลักสูตร การควบคุมติดตามการประเมินผลและนาผล การประเมินมาพัฒนากระบวนการเรียนการสอน (  =3.97) การส่งเสริมให้ครูวัดผลและประเมินผล ตามสภาพจริง (  =3.96) และการจัดประชุมอบรมเพ่ือให้ครูมีความรู้ความสามารถในการสร้าง เคร่อื งมือวดั ผลและประเมนิ ผล ( =3.91) 7. ด้านการวิจัยเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษา โดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ใน ระดับมาก (  =3.96) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียง ลาดับค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อย 3 อันดับแรก คือ การสนับสนุนให้ครูนาเสนอผลงานการวิจัยต่อผู้มี สว่ นเกี่ยวข้อง ( =4.09) การสนบั สนนุ ส่ือและอุปกรณ์เพื่อใช้ในการวิจัย (  =4.03) และการส่งเสริม และสนับสนุนใหค้ รเู ขา้ รบั การอบรมเกยี่ วกบั การวจิ ัยเพ่อื พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา ( =4.01) 8. ด้านการพัฒนาและส่งเสริมให้มีแหล่งเรียนรู้ โดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ( =3.99) เมอ่ื พจิ ารณาเปน็ รายข้อ พบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียงลาดับค่าเฉลี่ย จากมากไปหาน้อย 3 อันดับแรก คือการจัดหาหนังสือให้มีในห้องสมุดตามความต้องการของครูและ นักเรียน (  =4.25) การส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอก โรงเรียน (  =3.98) การส่งเสริมให้มีการจัดแหล่งเรียนรู้ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียนและการ พิจารณาคดั เลือกบุคลากรท่ีมีความรู้ความสามารถเป็นผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีและแหล่งเรียนรู้อื่น ( =3.97) 9. ด้านการนิเทศการศึกษา โดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  =3.91) เมื่อพิจารณา เป็นรายข้อ พบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียงลาดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 อนั ดับแรกคอื การส่งเสรมิ การนิเทศภายในแบบกัลยาณมิตร และการให้การนิเทศภายในเพื่อช่วยเหลือ ครูเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน (  =4.03) การส่งเสริมให้ครูนาผลงานจากการนิเทศภายในมา ปรับปรงุ และพฒั นาการเรยี นการสอน ( =3.88) และการเสนอวิธกี ารวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคของการ นิเทศภายในโรงเรยี น ( =3.82)

56 10. ด้านการแนะแนว โดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  =3.89) เม่ือพิจารณาเป็น รายขอ้ พบว่า มกี ารปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียงลาดับค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อย 3 อันดับ แรกคือ การสนบั สนุนให้ครูในโรงเรียนเป็นบุคคลแห่งการแนะแนว (  =4.05) การประสานกับหน่วย งานอื่นเพื่อแนะแนวให้แก่ผู้เรียน (  =4.01) และการจัดหางบประมาณสนับสนุนงานแนะแนวใน โรงเรยี น ( =3.83) 11. ด้านการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในและมาตรฐานการศึกษา โดยรวมมีการ ปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  =3.90) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่ามีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียงลาดับค้าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 อันดับแรกคือ การมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจัดทา การประกันคุณภาพภายใน (  =3.97) การส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา ระบบประกันคณุ ภาพภายในโรงเรียน ( =3.92) และการส่งเสริมให้มีการรายงานการประเมินตนเอง ต่อผมู้ สี ่วนเก่ียวข้อง ( =3.90) 12. ด้านการส่งเสริมชุมชนให้มีความเข้มแข็งทางวิชาการ โดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับ มาก (  =3.88) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียงลาดับ ค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 อันดับแรกคือ การส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ ระหว่างบคุ คลครอบครวั ชุมชนและท้องถ่ิน (  =3.98) การจัดบุคลากรในโรงเรียนให้มีหน้าที่ประสาน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ระหว่างบุคคลครอบครัวชุมชนและท้องถิ่น (  =3.86) และการ วางแผนในการสนับสนุนงานวิชาการแกป่ ระชาชน ( =3.85) 13. ด้านการประสานความร่วมมือในการพฒั นาวิชาการกับสถานศึกษาและองค์กรอื่น โดย รวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  =3.94) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับ มากทกุ ข้อ โดยเรียงลาดบั ค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อย 3 อันดับแรกคือ การส่งเสริมบุคลากรให้มีความ รู้ความสามารถในการประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับโรงเรียนอื่น (  =4.03) การจัด ระบบในองค์กรให้มีความเหมาะสมในการใช้เป็นสถานท่ีประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการ กับโรงเรียนอ่ืน (  =3.96) และการวางแผนร่วมกับผู้มีส่วนเก่ียวข้องประสานความร่วมมือในการ พฒั นาวิชาการกบั โรงเรียนอน่ื ( =3.95) 14. ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคลครอบครัวองค์กรหน่วยงานสถาน ประกอบการและสถาบันอื่นท่ีจัดการศึกษา โดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  =4.03) เม่ือ พิจารณาเป็นรายข้อพบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียงลาดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหา น้อย 3 อันดับแรก คือ การแต่งต้ังบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถให้มีหน้าที่ประสานให้เกิดความ ร่วมมือในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการจัดการศึกษาแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงาน สถาน ประกอบการและสถาบันอ่ืนที่จัดการศึกษา (  =4.30) การจัดให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการจัด การศึกษาแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงาน สถานประกอบการและสถาบันอื่นที่จัดการศึกษา ( =4.08)

57 15. ด้านการจัดทาระเบียบและแนวปฏิบัติเก่ียวกับงานด้านวิชาการของสถานศึกษา โดย รวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  =4.11) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับ มากทกุ ขอ้ โดยเรียงลาดับค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อย 3 อันดับแรกคือ การประเมินผลการใช้ระเบียบ และแนวปฏิบัติงานด้านวิชาการของโรงเรียน (  =4.16) การตรวจสอบร่างระเบียบและแนวปฏิบัติ เก่ียวกับงานด้านวิชาการของโรงเรียนและแก้ไขปรับปรุง (  =4.14) และการศึกษาวิเคราะห์ระเบียบ และแนวปฏบิ ัติงานด้านวิชาการของโรงเรยี นเพ่อื ให้ผทู้ เ่ี ก่ียวข้องทุกฝ่ารับรู้ ( =4.11) 16. ด้านการคัดลอกหนังสือแบบเรียนเพื่อใช้ในสถานศึกษา โดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ใน ระดับมาก (  =3.98) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียง ลาดับค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อย 3 อันดับแรกคือ การคัดลอกหนังสือเรียนกลุ่มสาระ การเรียนรู้ ตา่ ง ๆ เพ่ือใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน ( =4.09) การพิจารณาคุณภาพหนังสือเรียน หนังสือเสริม ประสบการณ์ หนังสืออ่านประกอบ แบบฝึกหัด ใบงาน ใบความรู้เพ่ือใช้ประกอบการเรียนการสอน ( =4.00) และการประชุมทุกฝ่ายเพื่อตัดสินใจร่วมกันคัดเลือกหนังสือแบบเรียนเพื่อใช้ในโรงเรียน ( =3.97) 17. ด้านการพัฒนาส่ือและใช้เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา โดยรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับ มาก (  =4.01) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกข้อ โดยเรียงลาดับ ค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 อันดับแรกคือ การส่งเสริมให้ครูได้มีการคิดค้นและผลิตสื่อนวัตกรรม และเทคโนโลยที างการศึกษา ( =4.11) การจดั หาวสั ดปุ ระกอบหลกั สูตรและส่ือการเรียนการสอนมา บริการอานวยความสะดวกแก่ครู (  =4.04) และการควบคุมกากับให้ครูได้ใช้สื่อนวัตกรรมและ เทคโนโลยที างการศึกษา ( =4.03) การเปรยี บเทียบสภาพการดาเนินงานวิชาการของสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การ ศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 พบว่า บุคลากรท่ีสถานภาพตาแหน่งต่างกัน บุคลากรท่ีปฏิบัติงานในสถาน ศึกษาที่มีขนาดต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพการดาเนินงานวิชาการของสถานศึกษา สังกัด สานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 28 แตกต่างกนั อยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิติทร่ี ะดบั .05 นิถยา จอกแก้ว (2559) ได้ศึกษาวิจัยเร่ืองสภาพและปัญหาการบริหารงานวิชาการ ด้าน การวัดผล ประเมินผล และเทียบโอนผลการเรียนของโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การ ศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 3 ผลการวิจัยพบว่า โดยรวมมีการปฏิบัติในระดับมาก เม่ือ พิจารณาเป็นรายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงลาดับ ดังน้ี ด้านการวัดและประเมินผล คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านการวัดและประเมินผลการเรียนตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ด้านการวัด และประเมินผลการอา่ น คดิ เคราะห์ และเขียน ด้านการวัดและ ประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และ ดา้ นการเทยี บโอนผลการเรียนโดย ตามลาดับ มีสาระสาคญั แตล่ ะงานดงั น้ี

58 1. ด้านการวัดและประเมินผลการเรียนตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ มีระดับการปฏิบัติ มาก ท่ีสุดในเรือ่ งโรงเรยี นมีการวางแผนการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในรายวิชาท่ีสอน และระดับ การ ปฏบิ ัติน้อยที่สุดในเร่อื งโรงเรียนมีการนาผลจากการประเมินมาซอ่ มเสริมพนื้ ฐานความรขู้ อง ผูเ้ รียน 2. ด้านการวัดและประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มีระดับการปฏิบัติมากท่ีสุดใน เรื่อง โรงเรยี นตดั สนิ ผลการประเมนิ สอดคลอ้ งกับวัตถุประสงคข์ องการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และ ระดับ การปฏิบัติน้อยท่ีสุดในเรื่องโรงเรียนให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการประเมิน เช่น ครู ผู้ปกครอง เพ่ือน นกั เรยี น 3. ด้านการวัดและประเมินผลคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีระดับการปฏิบัติมาก ท่ีสุดใน เรื่องโรงเรียนมีการกาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ให้สอดคล้องกับความต้องการของสถานศึกษา ชุมชน และวิสัยทัศน์ของสถานศึกษาร่วมกันระหว่างครู นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน และระดับ การปฏิบัติน้อยที่สุดในเรื่องโรงเรียนมีการกาหนดแนวทางพัฒนาผู้เรียนท่ีไม่ผ่านการประเมินผล คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคไ์ ว้อย่างชดั เจน 4. ด้านการวัดและประเมินผลการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน มีระดับการปฏิบัติ มากที่ สุดในเรื่องโรงเรียนมีการกาหนดเกณฑ์การประเมินผลการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนอย่างชัดเจน และระดับการปฏิบัติน้อยท่ีสุดในเรื่องโรงเรียนให้ผู้เรียนและผู้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการประเมิน ผล การอา่ น คดิ วเิ คราะห์และเขียน 5. ด้านการเทียบโอนผลการเรียน มีระดับการปฏิบัติมากท่ีสุดในเร่ืองโรงเรียนมีการจัดทา ระเบยี บหรือแนวปฏิบัติในการเทียบโอนผลการเรียนของสถานศึกษา และระดับการปฏิบัติน้อย ท่ีสุด ในเรอื่ งโรงเรยี นมกี ารประเมินความรู้ ความสามารถ ทักษะ และประสบการณ์ของผู้ขอเทียบโอน ด้วย เครอ่ื งมือและวิธีการที่หลากหลาย ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูต่อ สภาพ การบริหารงานวิชาการด้านการวัดผล ประเมินผล และเทียบโอนผลการเรียนของโรงเรียนขนาด เล็ก สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 3 จาแนกตามตาแหน่ง ระดับ การ ศกึ ษา และประสบการณ์การทางาน โดยมีสาระสาคญั ดังน้ี 1. ผลการศึกษาเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูต่อสภาพการ บริหารงานวิชาการดา้ นการวดั ผล ประเมินผล และเทียบโอนผลการเรียนของโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัด สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 3 จาแนกตามตาแหน่ง พบว่า โดยรวม และรายด้านไม่แตกตา่ งกนั 2. ผลการศึกษาเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูต่อสภาพการ บรหิ ารงานวิชาการดา้ นการวัดผล ประเมนิ ผล และเทียบโอนผลการเรียนของโรงเรยี นขนาดเล็ก สังกัด สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 3 จาแนกตามระดับการศึกษา พบว่า โดยรวมและรายดา้ นไม่แตกต่างกนั

59 3. ผลการศึกษาเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูต่อสภาพการ บรหิ ารงานวชิ าการด้านการวดั ผล ประเมนิ ผล และเทยี บโอนผลการเรยี นของโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัด สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 3 จาแนกตามประสบการณ์การทางาน พบว่าโดยรวมและรายด้านไมแ่ ตกตา่ งกัน ผลการศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะแนวทางการบริหารงานวิชาการด้านการวัดผล ประเมินผล และเทียบโอนผลการเรียนของโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประถมศกึ ษาอุบลราชธานี เขต 3 โดยเสนอผลวเิ คราะหใ์ นรปู ความเรียงท้ัง 5 ดา้ น ทีส่ าคญั คือ 1. ดา้ นการวัดและประเมินผลการเรยี นตามกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ปัญหาที่พบ คือ ครูขาดความรู้ความเข้าใจท่ีชัดเจน และขาดความตระหนักในการวัดและ ประเมนิ ผลตามกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ตามระเบียบการวัดผลประเมินของสถานศึกษา ครูบางท่านไม่นา ผลจากการประเมินมาซ่อมเสรมิ พ้นื ฐานความรขู้ องผูเ้ รยี น เคร่อื งมือวดั ผลประเมินผลยังขาดมาตรฐาน ไมส่ ามารถสะทอ้ นผลการเรียนรู้ได้จรงิ ขอ้ เสนอแนะ คอื ควรมีการจัดอบรมเก่ียวกับการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ โดยเน้น การลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้ครูสามารถสร้างเครื่องมือการวัดและประเมินผลให้หลากหลาย ผู้บริหาร กระตุ้นใหค้ รนู าผลจากการประเมินมาซอ่ มเสริมพนื้ ฐานความรู้ของผู้เรยี น จดั หางบประมาณสนับสนุน งานวชิ าการใหม้ ากขึ้น 2. ด้านการวดั และประเมินผลกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ปญั หาทพี่ บ คือ ความเอาใจใส่ในการประเมินของครูในด้านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนน้อย มุ่ง เพียงด้านกลุ่มสาระการเรียนรู้เป็นหลัก ครูผู้สอนยังขาดการสร้างเคร่ืองมือท่ีใช้วัดและประเมินผลที่ หลากหลาย และประเมินตามสภาพจริง และไม่มีรอ่ งรอยการวดั ผลประเมินผล ข้อเสนอแนะ คือ ผู้บริหารต้องสร้างความตระหนักให้ครูให้เห็นความสาคัญต่อการ วัดผล ประเมินผลในด้านนี้ให้เท่า ๆ กับการประเมินตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ เน้นการสร้างพัฒนา เครื่องมือ ทหี่ ลากหลายและวัดประเมินผลได้จรงิ และครูควรมีการประเมินตามสภาพจรงิ 3. ด้านการวดั และประเมนิ ผลคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ปัญหาที่พบ คือ โรงเรียนขาดความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพ่ือนาผลมาประกอบการวัด คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ขาดการสร้างเครื่องมือท่ีใช้วัดและประเมินผลท่ีหลากหลายและขาดการ วดั และประเมินผลอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ข้อเสนอแนะ คือ มีการจัดอบรมฝ่ายวิชาการและประสานขอความร่วมมือจาก ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้องในการวัดประเมินผลด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เปิดโอกาสให้เพ่ือน นักเรียน ผู้ปกครองนกั เรียนและครมู สี ่วนรว่ มในการประเมนิ ผลคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผู้เรียน ร่วมกัน มี การสร้างเคร่ืองมอื ใหม้ คี วามเหมาะสมและครอบคลุมคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ทั้ง 8 ดา้ น

60 4. ด้านการวดั และประเมนิ ผลการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ปัญหาที่พบ คือ ขาดแบบประเมินที่สามารถวัดการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ได้ อย่างมี มาตรฐาน โดยเฉพาะนักเรียนท่ีมีปัญหาบกพร่องทางการเรียนรู้หลายด้าน การวัดประเมินผล อาจทา ได้ไมค่ รอบคลมุ และยังขาดประสิทธิภาพ ข้อเสนอแนะ คือ จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาครูในการสร้างเครื่องมือวัดผล ประเมินผล การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และควรมีการกาหนดวิธีการและแนวทางในการวัดและ ประเมนิ ผล การอ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี นอยา่ งเหมาะสมตามลักษณะของผู้เรียนและตามสภาพบริบท ของสถานศึกษา 5. ด้านการเทยี บโอนผลการเรยี น ปญั หาทพ่ี บ คอื โรงเรยี นยังขาดแนวทางการปฏิบัตกิ ารเทยี บโอนผลการเรียนท่ีชัดเจน ขาด แบบทดสอบเทียบช้ันที่ชัดเจน และโรงเรียนขนาดเล็กส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีการปฏิบัติในด้าน การเทียบ โอนผลการเรียนของนกั เรียน ข้อเสนอแนะ คือ สถานศึกษาควรมีการแต่งตั้งคณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน ให้ ชัดเจน ศึกษาและยึดแนวทางการปฏบิ ัตอิ ย่างชัดเจนตามระเบียบการวดั ผล ประเมนิ ผลของสถานศกึ ษา สมสมัย สุขอนันต์ (2556) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง สภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนศูนย์ เครือข่ายเพอ่ื พัฒนาคุณภาพการศกึ ษาท่ี 6 สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 2 ผลการวจิ ยั พบวา่ สภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนศูนย์เครือข่ายเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ 6 สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 2 โดยภาพรวม อยู่ในระดับ ปาน กลาง (μ=3.37) และเม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน อยู่ในระดับปานกลาง 3 ด้านและมาก 1 ด้าน เรียง ตามลาดบั คะแนนเฉลี่ยมากไปหานอ้ ย ไดแ้ ก่ ด้านการพัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษา (μ=3.44) ด้าน การแนะแนวการศึกษา (μ=3.39) ด้านการจัดการเรียนการสอน (μ=3.35) และด้านการประกัน คณุ ภาพการศึกษา (μ=3.32) เมอื่ พจิ ารณาเป็นรายดา้ น ปรากฏผลดังรายละเอียดตอ่ ไปน้ี สภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนศูนย์เครือข่ายเพ่ือพัฒนาคุณภาพ การศึกษาที่ 6 สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 2 ด้านการพัฒนา หลักสูตรของ สถานศึกษา อยู่ในระดับมาก (μ=3.44) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ ปานกลาง และ มาก เรียงตามลาดับคะแนนเฉล่ียมากไปหาน้อย 3 ลาดับแรก ได้แก่ ครูมีความรู้และความสามารถด้าน การพัฒนาหลักสูตรเพียงพอ (μ=3.61) มีผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความเข้าใจ และทักษะในการให้ข้อ เสนอแนะในการพัฒนาหลักสูตร (μ=3.57) ครูมีความรู้ความเข้าใจในการจัดทา หลักสูตร เช่น การ วิเคราะห์เพื่อกาหนดวิสยั ทัศน์ การกาหนดโครงสร้าง การจัดทาสาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน สาระเพ่ิม และ การจัดทาหน่วยการเรียนรู้ (μ=3.52) ส่วนข้อที่มีคะแนนเฉล่ียน้อย คือ การ จัดเวลาให้ครูผู้สอนมีเวลา พอท่ีจะเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ (μ=3.26)

61 สภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนศูนย์เครือข่ายเพื่อพัฒนาคุณภาพ การศึกษาท่ี 6 สงั กัดสานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 2 ด้านการแนะแนวการศึกษา โดย ภาพรวม อยใู่ นระดบั ปานกลาง (μ=3.39) เมอ่ื พจิ ารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับปานกลาง และ มาก เรียงตามลาดับคะแนนเฉลี่ยมากไปหาน้อย 3 ลาดับแรก ได้แก่ ครูมีข้อมูลของผู้เรียนอย่างเป็น ระบบและตอ่ เนอื่ งเพอ่ื การให้ความช่วยเหลือนกั เรียนในกรณที ่จี าเป็น (μ=3.50) ครูใหค้ วามสนใจหรือ วิเคราะห์ข้อมูล จานวนการเข้า-ออกของนักเรียนอย่างจริงจัง (μ=3.43) สถานศึกษามอบหมาย บทบาท และหน้าท่ีให้แก่ครูและผู้เก่ียวข้องกับงานแนะแนว (μ=3.42) ส่วน ข้อที่มีคะแนนเฉลี่ยน้อย คอื สถานศึกษาสง่ เสรมิ และสนับสนนุ ในมกี ารแนะแนวอย่างเปน็ ระบบอยา่ งจริงจงั (μ=3.33) สภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนศูนย์เครือข่ายเพ่ือพัฒนาคุณภาพ การศึกษาที่ 6 สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 2 ด้านการจัดการเรียนการสอน โดยภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง (μ=3.35) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ใน ระดับปานกลาง และมาก เรียงตามลาดับคะแนนเฉล่ียมากไปหานอ้ ย 3 ลาดับแรก ไดแ้ ก่ สถานศึกษาติดตามช่วยเหลือ กรณีเกิดปัญหาในส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน (μ=3.42) สถานศึกษากระตุ้นให้ครูจัดทา แผนการเรียนการสอนและติดตามหลังการนาไปใช้ (μ=3.41) สถานศกึ ษาตดิ ตามการจัดการเรียนการ สอนของครู ตรวจแผนการสอน หรือบันทึกการสอนของครู (μ=3.39) ส่วนข้อท่ีมีคะแนนเฉล่ียน้อย คอื สถานศกึ ษาจดั หาอุปกรณ์ประกอบการสอน (คอมพิวเตอร์ ส่ือการเรียนการสอน) เพียงพอต่อการ นาไปจัดกจิ กรรมการเรียนการ (μ=3.22) สภาพการดาเนินงานวิชาการในโรงเรียนศูนย์เครือข่ายเพื่อพัฒนาคุณภาพ การศึกษาที่ 6 สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 2 ด้านการประกันคุณภาพการ ศกึ ษา โดยภาพรวม อยใู่ นระดบั ปานกลาง (μ=3.32) เมอ่ื พจิ ารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับปาน กลาง และมาก เรียงตามลาดับคะแนนเฉลี่ยมากไปหาน้อย 3 ลาดับแรก ได้แก่ สถานศึกษาเห็นความ สาคญั ของคณะกรรมการในระบบการประกันคุณภาพการศกึ ษา (μ=3.60) สถานศึกษาให้ความสาคัญ กบั ดา้ นการเตรียมการประกันคณุ ภาพภายใน (μ=3.44) สถานศึกษามี ความรู้ความเข้าใจในเร่ืองของ การประกันคุณภาพ (μ=3.41) ส่วนข้อที่มีคะแนนเฉล่ียน้อย คือ สถานศึกษาเผยแพร่ผลการดาเนิน งานบริหารวชิ าการให้กับผปู้ กครองและชมุ ชน (μ=3.12) กุลทรัพย์ นนทบท (2556) ได้ศึกษาเรื่อง สภาพการดาเนินงานวิชาการของโรงเรียน ประถมศึกษาในเขตตาบลหนองขมาร อาเภอคูเมือง สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา บรุ ีรัมย์ เขต 4 ผลการวจิ ัยพบว่า สภาพการดาเนินงานวิชาการของโรงเรียนประถมศึกษาในเขตตาบลหนองขมาร อาเภอคู เมือง สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 โดยภาพรวมมีการปฏิบัติอยู่ใน ระดับมาก (  =4.28) เม่ือพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยด้าน

62 การพัฒนา การใช้ส่อื และเทคโนโลยี มีคา่ เฉล่ียมากท่ีสุด ( =4.44) รองลงมา ได้แก่ ด้านการประกัน คณุ ภาพภายใน และมาตรฐานการศกึ ษา ( =4.34) ดา้ นการวัดผล ประเมินผล และการเทียบโอนผล การเรียน (  =4.20) ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา (  =4.17) ส่วนด้านท่ีมีค่าเฉลี่ยน้อยท่ีสุด คอื ด้านการพัฒนากระบวนการเรยี นรู้ ( =4.05) ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา โดยภาพรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  =4.17) เม่อื พิจารณารายข้อพบว่า ข้อ 3 โรงเรียนของท่านมีการกาหนดสาระการเรียนรู้ระดับชาติ และระดับ สถานศึกษา มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก และมีค่าเฉล่ียมากท่ีสุด (  =4.48) รองลงมาได้แก่ ข้อ 1 โรงเรียนของท่านสร้างความตระหนักให้แก่บุคลากรและชุมชนให้เห็นความสาคัญในการพัฒนาหลัก สูตรสถานศึกษา มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  =4.37) ข้อ 4 โรงเรียนของท่านมีการจัดทาข้อมูล สารสนเทศที่ทันสมัย ถูกต้องและเหมาะสม มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  =4.35) และข้ออื่น ๆ มี ค่าเฉล่ียต่างกันเพียงเล็กน้อย ส่วนข้อท่ีมีค่าเฉลี่ยน้อยท่ีสุด คือ ข้อ 9 โรงเรียนของท่านมีการประเมิน ผลการใช้หลักสูตรสถานศึกษาโดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เก่ียวข้อง มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ( =3.70) ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ พบว่า โดยภาพรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  = 4.05) เมื่อพิจารณารายข้อพบว่า ข้อ 7 ครูในโรงเรียนของท่านมีการแสวงหาความรู้อยู่เสมอ มีการ ปฏบิ ตั อิ ย่ใู นระดับมากท่ีสุด (  =4.36) รองลงมา ได้แก่ ข้อ 3 โรงเรียนของท่านกาหนดผลการเรียนรู้ ตามท่ีคาดหวัง รายภาคและรายปี มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  =4.24) ข้อ 4 โรงเรียนของท่าน พัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  =4.13) และ ข้ออ่ืน ๆ มีค่าเฉล่ียต่างกันเพียงเล็กน้อย ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ข้อ 6 โรงเรียนของท่านมี การจดั กิจกรรมแนะแนวอยา่ งเป็นระบบ มีการปฏิบตั ิอยู่ในระดบั มาก ( =3.65) ด้านการวัดผล ประเมินผลและการเทียบโอนผลการเรียน โดยภาพรวมมีการปฏิบัติอยู่ใน ระดบั มาก ( =4.20) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ข้อ 5 โรงเรียนของท่านจัดทาเอกสารหลักฐานการ ศึกษาให้เป็นไปตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด (  =4.82) รองลงมา ได้แก่ ข้อ 1 โรงเรียนของท่านแต่งตั้งคณะกรรมการวัดผล ประเมินผล และการเทียบดอน ผลการเรียน มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากท่ีสุด (  =4.67) ข้อ 4 โรงเรียนของท่านอนุมัติผลการเรียน และการเทียบโอนผลการเรียนตามท่ีคณะกรรมการวัดผล ประเมินผล และการเทียบโอนผลการเรียน กาหนด มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากท่ีสุด (  =4.59) และข้ออื่น ๆ มีค่าเฉลี่ยต่างกันเพียงเล็กน้อย ส่วนข้อท่ีมีค่าเฉล่ียน้อยที่สุด คือ ข้อ 9 โรงเรียนของท่านนาผลการประเมินมาปรับปรุงเก่ียวกับการ วดั ผล ประเมินผล และการเทยี บโอนผลการเรียน มีการปฏิบัตอิ ยใู่ นระดบั มาก ( =3.65) ด้านการประกันคุณภาพภายใน และมาตรฐานการศึกษา โดยภาพรวมมีการปฏิบัติอยู่ใน ระดับมาก (  =4.34) เมื่อพิจารณารายข้อพบว่า ข้อ 5 โรงเรียนของท่านมีการจัดทาระบบประกัน

63 คุณภาพภายใน และมาตรฐานการศึกษา โดยภาพรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  =4.34) เม่ือ พิจารณารายข้อพบวา่ ข้อ 5 โรงเรียนของท่านมีการจัดทาระบบประกันคุณภาพภายในและมาตรฐาน การศึกษา มกี ารปฏบิ ตั ิอยู่ในระดับมากที่สุด และมคี า่ เฉลีย่ มากทีส่ ดุ ( =4.79) รองลงมา ได้แก่ ข้อ 6 โรงเรียนของท่านสนับสนุนส่งเสริมให้มีระบบประกันคุณภาพการศึกษาภายในและมาตรฐานการ ศึกษาในระดับกลุ่มงานภายในโรงเรียน มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากท่ีสุด (  =4.58) ข้อ 4 โรงเรียน ของท่านมกี ารกาหนดมาตรฐานตวั บ่งชี้ และวัตถุประสงคใ์ นการประกันคุณภาพภายใน และมาตรฐาน การศึกษาของโรงเรียนอย่างชัดเจนโดยการตัดสินใจแบบการมีส่วนร่วม มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ท่ีสุด (  =4.53) และข้ออื่น ๆ มีค่าเฉล่ียต่างกันเพียงเล็กน้อย ส่วนข้อท่ีมีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ ข้อ 9 โรงเรียนของท่านมีการนาข้อมูล และนาผลการประเมินมาใช้ในการตัดสินใจ และปรับปรุงงานมีการ ปฏิบัตอิ ย่ใู นระดบั มาก ( =3.84) ด้านการพัฒนา การใช้สื่อและเทคโนโลยี โดยภาพรวมมีระดับการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  =4.44) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อ 4 โรงเรียนของท่านมีการให้ผู้เรียน และครูผู้สอน สามารถจัดทาและพัฒนาส่ือการเรียนรู้ขึ้นเอง หรือนาสื่อต่าง ๆ ที่มีอยู่รอบตัวมาใช้ในการเรียนรู้ มี การปฏิบตั อิ ยใู่ นระดบั มากและมคี ่าเฉลี่ยมากท่สี ุด ( =4.33) รองลงมา ไดแ้ ก่ ข้อ 1 โรงเรียนของท่าน มีการพัฒนาห้องสมดุ เพ่อื เป็นศนู ย์การเรียนรู้ และเป็นศูนย์ส่ือเทคโนโลยี มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ( =4.29) ข้อ 8 โรงเรียนของท่านมีการศึกษาวิธีเลือก การใช้ส่ือการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิ ภาพสอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ตามธรรมชาติของการเรียนรู้ มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (  =4.27) และขอ้ อ่ืน ๆ มคี า่ เฉล่ยี ต่างกันเพยี งเล็กน้อย สว่ นขอ้ ที่มีค่าเฉล่ียน้อยที่สุด คือ ข้อ 9 โรงเรียนของท่าน จัดให้มีการกากับติดตามและประเมินผลการดาเนินงานด้านการพัฒนาสื่อและการใช้ส่ือเทคโนโลยี เปน็ ระยะ ๆ มกี ารปฏิบัติอยู่ในระดบั มาก ( =3.54) กิตติพงษ์ ขันทะวงค์ (2555) ได้ศึกษาเรื่องสภาพการดาเนินงานวิชาการของผู้บริหาร โรงเรียนประถมศึกษา อาเภอภูซาง สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 2 พบว่า ในภาพรวมมกี ารดาเนินการอยูในระดบั มาก มกี ารดาเนินการอยู่ในระดับมากที่สุด จานวน 2 ประเด็น เรียง ตามลาดับดังน้ี มีการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียน มีความรู้ คู่คุณธรรม มีค่านิยมท่ีดีงาม และมีการ จัดการเรียนการสอนที่มุ่งปลูกฝัง สร้างลักษณะนิสัยท่ีพึงประสงค์ให้กับผู้เรียน มีการดาเนินการอยู่ใน ระดับมาก จานวน 7 ประเดน็ เรียงตามลาดบั ดงั น้ี มีการจัด การเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ การจดั การเรยี นการสอนเนน้ ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ กาหนดให้ครูวางแผนและจัดทาแผนการจัดการ เรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษา มีการส่งเสริม สนับสนุน ให้ครูพัฒนารูปแบบการจัดการ เรียนการสอนท่ีหลากหลาย มีการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้นักเรียนสามารถนาความรู้ไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้ มีการจัดกระบวนการเรียนการสอนท่ีให้นักเรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง หรือสืบค้นตามแหล่งการเรียนรู้ทั้งในและนอกสถานศึกษา และมีการจัดกระบวนการเรียนการสอนที่

64 ส่งเสริมใหน้ ักเรียนได้เรียนรู้แบบบรู ณาการ มกี ารดาเนนิ การอยู่ในระดับปานกลาง จานวน 2 ประเด็น เรียงตามลาดบั ดังน้ี นักเรียนมสี ่วนร่วมในการวางแผนการจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ และเปิดโอกาส ใหน้ ักเรยี นไดเ้ ลอื กกิจกรรมการเรยี นตามความถนดั และความสนใจ สภาพการดาเนินงานวิชาการของผู้บริหาร ด้านการนิเทศภายใน พบว่า ในภาพรวมมีการ ดาเนินการอยูในระดบั มาก จานวน 8 ประเดน็ เรยี งตามลาดับดังน้ี มีการส่งเสริม สนับสนุนให้ครูทุกคน ได้รับการอบรม สัมมนาเก่ียวกับการนิเทศอย่างสม่าเสมอ มีการส่งเสริม และสนับสนุน ให้ครูได้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนาเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนอย่างสม่าเสมอ มีการจัด กิจกรรมการนเิ ทศอย่างหลากหลาย เช่น การสงั เกตการสอน การตรวจเย่ียมชั้นเรียน การศึกษาเอกสาร การศึกษาดูงาน มีการนาผลงานของนักเรียนมาใช้ในการประเมินผลการจัดกิจกรรมการจัดการเรียน การสอนของครู มีการนาผลการนิเทศ กากับ ติดตาม ไปปรับปรุงแก้ปัญหาในการจัดการเรียนการสอน มีการจัดทาแผนการนิเทศภายในและประเมินความจาเป็นในการนิเทศร่วมกับคณะครูในสถานศึกษา มี การส่งเสริม สนับสนุนให้มีการนิเทศภายในโดยบุคลากรในสถานศึกษาและนาผลการนิเทศมาพัฒนา กระบวนการเรียนการสอน และมีการกากบั ดแู ล ให้ครูเตรียมการสอนและตรวจบันทึกหลังการสอนอยู่ เสมอมีการดาเนินการอยู่ในระดับปานกลาง จานวน 1 ประเด็น คือ มีการเปิดโอกาสให้คณะกรรมการ สถานศึกษาเขา้ มามสี ่วนร่วมในการนเิ ทศภายใน สภาพการดาเนินงานวิชาการของผู้บริหาร ด้านการวัดผลและประเมินผล พบว่า มีการ ดาเนินการอยู่ในระดับมาก จานวน 11 ประเด็น เรียงตามลาดับดังนี้ มีการบันทึกผลการประเมินของ ผ้เู รยี นในเอกสาร ปพ. ตา่ ง ๆ อย่างครบถว้ นและเปน็ ระบบ มกี ารวัดผลและประเมินผลตามสภาพจริง มกี ารกาหนดหรือวางแผนการวัดและประเมนิ ผลในแต่ละกล่มุ สาระหรอื แต่ละวิชา มีการดาเนินการวัด และประเมินผลตามกาหนดการหรือตามแผนการวดั และประเมินผลมีการนาผลการวัดและประเมินผล การเรียนรู้ของผู้เรียนมาใช้ในการปรับปรุงการสอนของครู มีการวัดผลและประเมินผลของแต่ละกลุ่ม สาระการเรียนรู้ครอบคลุมท้ังด้านความรู้ คุณธรรม จริยธรรมและด้านกระบวนการ มีการกาหนดให้ ครูผู้สอนประเมินผลการจัดการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ แล้วนาผลไปพัฒนาผู้เรียน และจัดการเรียนการสอนของครู มีการจัดทาแผนการวัดผลและประเมินผลการเรียนการสอนภายใน สถานศึกษาในแต่ละช้ันเรียน มีการปรับปรุงเคร่ืองมือวัดและวิธีวัดให้มีความเหมาะสมต่อการจัดการ เรียนการสอนและผู้เรียน มีการวัดผลและประเมินผลการเรียนโดยใช้เครื่องมือวัดและวิธีวัดอย่าง หลากหลาย และนาผลการเรียนรู้การเรียนของนักเรียนมาเป็นแนวทางในการจัดโครงการสอนซ่อม เสรมิ ใหเ้ หมาะกับสภาพนกั เรยี น สภาพการดาเนินงานวิชาการของครูวิชาการ ด้านการจัดการเรียนการสอน พบว่า ในภาพ รวมมีการดาเนินการอยูในระดับมาก มีการดาเนินการอยู่ในระดับมากท่ีสุด จานวน 1 ประเด็น คือ มี การจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียน มีความรู้ คู่คุณธรรม มีค่านิยมที่ดีงาม มีการดาเนินการอยู่ในระดับมาก

65 จานวน 9 ประเด็น เรยี งตามลาดับดังนี้ มกี ารจดั การเรียนการสอนที่มุ่งปลูกฝัง สร้างลักษณะนิสัยท่ีพึง ประสงค์ให้กับผู้เรียน กาหนดให้ครูวางแผนและจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับหลักสูตร สถานศึกษา มกี ารสง่ เสริม สนับสนุน ให้ครูพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนท่ีหลากหลาย การ จดั การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ การจัดการเรียนการสอนเน้นประสบการณ์การเรียนรู้ มี การจัดการเรียนการสอนท่ีส่งเสริมให้นักเรียนสามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้ มี การจัดกระบวนการเรยี นการสอนท่ีให้นักเรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองหรือสืบค้นตามแหล่งการเรียนรู้ท้ัง ในและนอกสถานศึกษามีการจัดกระบวนการเรียนการสอนท่ีส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้แบบบูรณา การ และเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เลือกกิจกรรมการเรียนตามความถนัดและความสนใจ มีการดาเนิน การอยใู่ นระดบั ปานกลาง จานวน 1 ประเด็น คือ นกั เรียนมีสว่ นร่วมในการวางแผนการจัดทาแผนการ จดั การเรียนรู้ สภาพการดาเนินงานวิชาการของครูวิชาการ ด้านการนิเทศภายใน พบว่า ในภาพรวมมี การดาเนินการอยูในระดับมาก จานวน 8 ประเด็น เรียงตามลาดับดังนี้ มีการส่งเสริม สนับสนุนให้ครู ทุกคนได้รับการอบรม สัมมนาเกี่ยวกับ การนิเทศ อย่างสม่าเสมอ มีการจัดทาแผน การนิเทศภายใน และประเมนิ ความจาเป็นในการนิเทศร่วมกับคณะครูในสถานศึกษา มีการส่งเสริม และสนับสนุนให้มี การนิเทศภายในโดยบุคลากรในสถานศึกษาและนาผลการนิเทศมาพัฒนากระบวนการเรียนการสอน มีการนาผลงานของนกั เรียนมาใชใ้ นการประเมนิ ผลการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนการสอนของครู มี การนาผลการนิเทศ กากับ ติดตาม ไปปรับปรุงแก้ปัญหาในการจัดการเรียนการสอน มีการส่งเสริม และสนับสนุน ให้ครูได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนาเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนอย่าง สม่าเสมอ มีการจัดกิจกรรมการนิเทศอย่างหลากหลาย เช่น การสังเกตการสอน การตรวจเย่ียมชั้น เรียน การศกึ ษาเอกสาร การศึกษาดูงาน และมีการกากับ ดูแล ให้ครูเตรียมการสอนและตรวจบันทึก หลังการสอนอยูเ่ สมอ มกี ารดาเนินการอยู่ในระดับปานกลาง จานวน 1 ประเด็น คือ มีการเปิดโอกาส ให้คณะกรรมการสถานศึกษาเข้ามามสี ่วนร่วมในการนิเทศภายใน สภาพการดาเนินงานวิชาการของครูวิชาการ ด้านการวัดผลและประเมินผลพบว่า มีการ ดาเนินการอย่ใู นระดับมาก ทั้งหมดจานวน 11 ประเด็น เรียงตามลาดับดังน้ี มีการวัดและประเมินผล ตามสภาพจริง มีการวัดผลและประเมินผลการเรียนโดยใช้เครื่องมือวัดและวิธีวัดอย่างหลากหลาย มี การวัดผลและประเมนิ ผลของแต่ละกลมุ่ สาระการเรียนรูค้ รอบคลุมท้ังด้านความรู้ คุณธรรม จริยธรรม และด้านกระบวนการ มีการบันทึกผลการประเมินของผู้เรียนในเอกสาร ปพ. ต่าง ๆ อย่างครบถ้วน และเป็นระบบ มีการกาหนดหรือวางแผนการวัดและประเมินผลในแต่ละกลุ่มสาระหรือแต่ละวิชา มี การดาเนินการวัดและประเมินผลตามกาหนดการหรือตามแผนการวัดและประเมินผล มีการจัดทา แผนการวดั ผลและประเมินผลการเรยี นการสอนภายในสถานศึกษาในแต่ละชั้นเรียน นาผลการเรียนรู้ การเรียนของนักเรียนมาเป็นแนวทางในการจัดโครงการสอนซ่อมเสริมให้เหมาะกับสภาพนักเรียน มี

66 การกาหนดให้ครูผู้สอนประเมินผลการจัดการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ แล้วนาผลไป พฒั นาผู้เรยี นและจัดการเรยี นการสอนของครู มีการนาผลการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน มาใช้ในการปรับปรุงการสอนของครู และมีการปรับปรุงเครื่องมือวัดและวิธีวัดให้มีความเหมาะสมใน การจดั การเรียนการสอนตอ่ ผู้เรยี น แนวทางในการพัฒนาการดาเนินงานวิชาการของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษาอาเภอ ภูซาง สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาพะเยา เขต 2 ด้านการจัดการเรียนการสอน ควรเน้นให้ครูจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้แบบเน้นผู้เรียน เป็นสาคัญและนาไปปฏิบัติจริง พร้อมท้ังประเมินผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้และดาเนินการทา วิจัยในช้ันเรียน ควรจัดให้มีการบูรณาการและให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ ควรจัดครู ผูส้ อนให้ตรงตามตามความถนัด ตรงตามวชิ าเอก ด้านการนิเทศภายใน ควรจัดให้มีการนิเทศภายในอย่างสม่าเสมอ อย่างน้อยปีละ 2 คร้ัง และอยา่ งเป็นระบบ นาผลการนิเทศมาพัฒนากระบวนการเรียนการสอน มุ่งเน้นการนิเทศเพื่อพัฒนา โดยเฉพาะการนเิ ทศแบบเพ่อื นช่วยเพอ่ื น หรือการแลกเปลย่ี นเรียนรู้ ดา้ นการวดั ผลและประเมินผล พบว่า ควรเน้นการวัดผลและประเมินผลตามสภาพจริง โดย ให้ผู้เรียนได้รับทราบเกณฑ์การวัดการประเมินทุกคร้ัง ควรใช้เครื่องมือในการวัดผลอย่างหลากหลาย และนาผลการวัดมาปรับปรุง จัดหาแนวทางในการซ่อมเสริมต่อไป ครูผู้นาไปปฏิบัติยังไม่เข้าใจระบบ เกณฑ์การวัดผลและประเมินผล มีการวดั ผลตามสภาพจรงิ แต่ยงั ไมเ่ ป็นระบบทถี่ ูกตอ้ งและชัดเจน การ พฒั นาวิชาการต้องมีการ นิเทศ กากับ ติดตาม ประเมินผล อย่างต่อเนื่องและเป็นปัจจุบัน และนาผล มาปรบั ปรงุ พัฒนาก็จะเกดิ ผลดกี ับผูเ้ รียน ควรมกี ารประชมุ วชิ าการเดอื นละ 1 ครง้ั เป็นอย่างน้อย และ ประชุมอย่างสม่าเสมอ เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนางานวิชาการให้ก้าวหน้า ส่งเสริมให้ผู้เรียนเข้าร่วมกิจ กรรมการจัดนิทรรศการของโรงเรียนในเครือข่าย จัดกิจกรรมทัศนศึกษาให้กับผู้เรียน และผู้ปกครอง ควรมีส่วนรว่ มในกิจกรรมวิชาการมากข้นึ พมิ พา มสี อน (2555) ได้ศึกษาวิจยั เร่ือง สภาพการดาเนินงานวิชาการโรงเรียนขนาดเล็กท่ี จัดการเรียนการสอนแบบคละช้ัน สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลาพูน เขต 2 โดย ผลการวิจัยพบว่า โรงเรียนขนาดเล็กท่ีจัดการเรียนการสอนแบบคละช้ันมีการดาเนินงานอยู่ในระดับ มากทัง้ ภาพรวมและรายด้านในทกุ ดา้ น ซึ่งสามารถเรยี งลาดับตามคา่ เฉลยี่ มากไปหาน้อยได้ดังน้ี 1. ด้านการวจิ ยั ในช้ันเรยี น พบวา่ มคี ่าเฉลี่ยทั้งด้าน อยู่ในระดับมาก หากพิจารณาค่าเฉล่ีย ของแต่ละรายการเรียงลาดับค่ามากไปหาน้อย 3 ลาดับแรกซ่ึงมีอยู่ในระดับมาก ได้แก่จัดทาข้อมูล นกั เรยี นรายบุคคลเพ่อื สง่ เสริมความเข้าใจในนักเรียนแต่ละคนอย่างเหมาะสม ส่งเสริมการวิจัยเพื่อให้ ผู้เรียนมีผลสัมฤทธ์ิเพ่ิมขึ้น สาหรับรายการที่มีค่าน้อยกว่ารายการอื่น ๆ คือ ส่งเสริมทาการวิจัยทุก สาระการเรียนอยา่ งต่อเน่อื ง

67 ปัญหา ครขู าดความรูค้ วามเข้าใจเรือ่ งการวจิ ยั และไม่ได้ทาการวิจยั ในชั้นเรียน ข้อเสนอแนะควรจัดการอบรมและจัดทาโครงการเรื่องการวิจัยและควรส่งเสริมให้ครูทา การวิจัยในชน้ั เรียนทกุ สาระ 2. ด้านการจัดการเรียนการสอน พบว่า มีค่าเฉล่ียทุกด้านอยู่ในระดับมาก หากพิจารณา ค่าเฉล่ียของแต่ละรายการเรียงลาดับค่ามากไปหาค่าน้อย 3 ลาดับแรก ได้แก่ กาหนดระยะเวลาการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้แต่ละสาระวิชาอย่างเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ส่งเสริมให้ผู้เรียนบรรลุผลตาม ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวังอย่างเหมาะสม และจัดกิจกรรมท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริง สาหรับ รายการท่ีมีค่าน้อยกว่ารายการอื่น ๆ คือการจัดการเรียนการสอนตรงกับความต้องการของผู้เรียนแต่ ละคนซง่ึ ดาเนนิ การอยู่ในระดบั ปานกลาง ปัญหา ครูสอนไม่ตรงกับความถนัดและความสามารถ ครูขาดความรู้ในเรื่องการสอนแบบ คละ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนไม่ได้ผลเพราะนักเรียนมีความรู้ไม่เท่ากัน ครูสอนไม่ครบตาม สาระการเรียนรู้ ขาดแคลนบุคลากรทาให้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนขาดการต่อเน่ืองทาให้ผล สมั ฤทธทิ์ างการเรยี นค่อนขา้ งตา่ ขาดสอ่ื อุปกรณ์การจดั การเรียนการสอน การจัดกิจกรรมการเรียนการ สอนไม่เป็นไปตามกาหนด กิจกรรมในหลกั สตู รมีมากและไมน่ ่าสนใจ เดก็ ให้ความรว่ มมอื น้อย ขอ้ เสนอแนะ ควรจัดให้ครูสอนตรงกับความถนัดและความสามารถ จัดการอบรมเร่ืองการ สอนแบบคละช้นั จัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบบรู ณาการและจัดเตรียมทาใบงานก่อนจัดกิจกรรม การเรียนการสอน ผู้บริหารควรตั้งงบประมาณจัดซ้ืออุปกรณ์การเรียนการสอนจากสานักงานเขพ้ืนท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษา และครูผสู้ อนควรสอนซ่อมเสรมิ และจัดกิจกรรมโดยใหเ้ ด็กมสี ่วนร่วม 3. ด้านการนิเทศภายใน มีค่าเฉลยี่ ท้งั ด้านอยู่ในระดับมาก หากพิจารณาค่าเฉล่ียของแต่ละ รายการเรียงลาดับค่ามากไปหาค่าน้อย 3 ลาดับแรกซึ่งมีค่าอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ส่งเสริมให้ครูร่วม กับผู้บริหารในการนิเทศภายในอย่างต่อเน่ือง และผู้บริหารส่งเสริมการนิเทศภายในอย่างต่อเน่ือง สาหรบั รายการที่มีค่านอ้ ยกวา่ รายการอ่ืน ๆ คือ ดาเนินการนิเทศภายในอย่างสม่าเสมอซ่ึงดาเนินการ อย่ใู นระดับปานกลาง ปัญหา การนิเทศมาสม่าเสมอและไม่ตอ่ เน่ืองจากผ้บู ริหารมีภาระงานมมี าก ข้อเสนอแนะ ควรจัดทากาหนดเวลาการนิเทศให้ชัดเจนและควรส่งเสริมให้ครูวิชาการและ เพื่อนครมู ีส่วนร่วมในการนเิ ทศเพ่ือแลกเปลีย่ นเรียนรแู้ ละประสบการณ์ 4. ด้านการวัดและประเมินผล พบว่า มีค่าเฉล่ียท้ังด้านอยู่ในระดับมาก หากพิจารณาค่า เฉล่ยี ของแต่ละรายการเรยี งลาดับค่ามากไปหานอ้ ย 3 ลาดับแรกซงึ่ มีค่าอยู่ในระดับมากได้แก่ ส่งเสริม ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการวัดประเมินตนเองรวมถึงส่งเสริมให้ครูมีส่วนร่วมในการวัดผลและประเมิน ผลสาระการเรียนรู้ร่วมกัน ใช้วิธีวัดและประเมินผลผู้เรียนในการอ่าน คิด วิเคราะห์และเขียนตาม ศักยภาพของผู้เรียนอย่างเหมาะสมและวัดและประเมินผลผู้เรียนแต่ละสาระอย่างเหมาะสม สาหรับ

68 รายการที่มีค่าเฉล่ียน้อยกว่ารายการอื่น ๆ คือใช้วิธีวัด และประเมินผลผู้เรียนที่หลากหลายอย่าง เหมาะสมอยู่ในระดับปานกลาง ปัญหา วิธีการวัดการประเมินผลนักเรียนไม่มีความหลากหลาย การวัดผลประเมินผลไม่ ครอบคลุมกับเนื้อหาและศักยภาพของผู้เรียน ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการวัดและประเมินผลน้อย ผู้เรียน ต่างความร้แู ละระดบั ชน้ั ทาใหย้ ากในการวัดผลและประเมนิ ผล ข้อเสนอแนะ ควรวัดและประเมินผลอิงเกณฑ์หลักสูตร 2551 ซึ่งมีวิธีการวัดและประเมิน ผลท่ีมีความหลากหลาย ควรวัดผลประเมินผลครอบคลุมกับเน้ือหาและตามศักยภาพของผู้เรียน ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการวัดผลและประเมินผลมากขึ้น วัดผลและควรประเมินผลโดยการแบ่งช้ัน ท่ีเรยี น 5. ด้านหลักสูตรและการบริหารหลักสูตร พบว่า มีค้าเฉลี่ยทั้งด้านอยู่ในระดับมาก เม่ือ พิจารณาคา่ เฉล่ียของแต่ละรายการเรยี งลาดับจากค่ามากไปหาน้อย 3 ลาดับแรกได้แก่ กาหนดตัวช้ีวัด รายวิชาการเรียนการสอนแบบคละชั้นสอดคล้องกับหลักสูตรของสถานศึกษา อยู่ในระดับมาก จัดทา หลักสูตรการสอนแบบคละช้ันสอดคล้องเป้าหมายหลักสูตรสถานศึกษา และจัดทาเอกสารคู่มือการ สอนแต่ละรายวิชาสาหรับการเรียนการสอนแบบคละชั้นอย่างเหมาะสม สาหรับรายการที่มีค่าน้อย กว่ารายการอื่น ๆ คือกาหนดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนสาหรับการสอนแบบคละช้ันอย่างเหมาะสมซ่ึง ดาเนนิ การอยู่ระดบั ปานกลาง ปญั หา ทาง สพฐ. และ สพป.ลาพูน เขต 2 เป็นผู้จัดทาหลักสูตรส่วนใหญ่ให้แก่โรงเรียนจึง ทาให้บางหลักสูตรไมสอดคล้องกับผู้เรียน ครูขาดความรู้ความเข้าใจหลักสูตรการเรียนการสอนแบบ คละชน้ั การจดั กจิ กรรมในหลกั สูตรไมไ่ ด้ผลเพราะเด็กเรียนต่างชั้น การวัดการประเมินผลในการเรียน การสอนไม่ตรงกับหลกั สูตรคละชั้น ขอ้ เสนอแนะ ควรให้โรงเรยี นมีส่วนรว่ มในการจัดทาให้หลักสูตรไม่สอดคล้องกับผู้เรียน จัด การอบรมครูเพ่ือสร้างความรู้ความเข้าใจหลักสูตรการเรียนการสอนแบบคละช้ัน การจัดกิจกรรมใน หลักสตู รแบบบูรณาการ วดั การประเมนิ ผลในการเรยี นการสอนอย่างหลากหลาย 6. ด้านการประเมินคณุ ภาพทางการศึกษา มีค่าเฉลี่ยท้ังด้านอยู่ในระดับมาก หากพิจารณา ค่าเฉลี่ยของแต่ละรายการเรียงลาดับค่ามากไปหาค่าน้อย 3 ลาดับแรกซ่ึงมีค่าอยู่ในระดับมาก ได้แก่ จัดทารายงานผลการปฏิบัติงานอย่างถูกต้องตามกาหนดเวลา ตรวจสอบผลการใช้หลักสูตรว่าทาให้ การเรียนการสอนบรรลุเป้าหมายหรือไม่ อย่างต่อเนื่อง และกาหนดรายงานผลการปฏิบัติงานของ โรงเรียนอย่างชัดเจน สาหรับรายการท่ีมีค่าน้อยกว่ารายการอ่ืน ๆ คือการวัดและการประเมินผลการ เรยี นการสอนตรงกบั สภาพจริงเหมาะสมอยู่ในระดบั ปานกลาง ปัญหา รายงานผลการปฏิบัติงานไม่ตรงกับความเป็นจริง รายงานการวัดและการประเมิน ผลไม่ตรงกับสภาพจรงิ เผยแพรผ่ ลงานครแู ละนกั เรียนนอ้ ย

69 ข้อเสนอแนะ ควรรายงานผลการปฏิบัติงานตรงกับความเป็นจริง รายงานการวัดและการ ประเมินผลให้ตรงกับสภาพจริง และควรเผยแพร่ผลงานครูและนักเรียนสู่สาธารณชนมากข้ึน อยู่ใน ระดบั ปานกลาง ศิรวิ รรณ รัตนการณุ จติ (2554) ไดศ้ กึ ษาวจิ ัยเร่ือง สภาพและปัญหาการดาเนินงานวิชาการ ของครูโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 ผลการวิจัยพบว่า สภาพการดาเนินงานวิชาการของครู โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับปานกลาง ได้แก่ ด้านหลักสูตร ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการวัดผลและประเมินผลการศึกษา และด้าน การประกนั คุณภาพการศึกษา อยู่ในระดบั ปานกลาง ยกเว้น ด้านการนเิ ทศภายใน อย่ใู นระดับมาก ปัญหาการดาเนินงานวิชาการของครู โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับปานกลาง ได้แก่ ด้านหลักสูตร ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการนิเทศภายใน ด้านการวัดผลและประเมินผล การศกึ ษา และดา้ นการประกันคุณภาพการศกึ ษา ผลการเปรียบเทียบสภาพและปัญหาการดาเนินงานวิชาการของครูโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 ตามข้อมูลทั่วไป ได้แก่ ตาแหนง่ ปัจจุบนั ระดับการศึกษาและประสบการณ์ในการทางาน การเปรียบเทียบสภาพการดาเนินงานวิชาการของครู ตามระดับการศึกษา พบว่า ครูท่ีมี ระดับการศึกษาปริญญาตรีมีสภาพการดาเนินงานวิชาการมากกว่าครูที่มีระดับการศึกษาสูงกว่า ปริญญาตรี โดยครูที่มีระดับการศึกษาต่างกัน มีสภาพการดาเนินงานวิชาการ แตกต่างกัน อย่างมี นัยสาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ 0.05 การเปรียบเทียบปัญหาการดาเนินงานวิชาการของครู ตามระดับการศึกษา พบว่า ครูท่ีมี ระดับการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี มีปัญหาการดาเนินงานวิชาการมากกว่าครูท่ีมีระดับการศึกษา ปริญญาตรี โดยครทู ่มี รี ะดับการศึกษาตา่ งกัน มีปญั หาการดาเนนิ งานวชิ าการไมแ่ ตกตา่ งกัน การเปรียบเทียบสภาพการดาเนินงานวิชาการของครู ตามประสบการณ์ในการทางาน พบวา่ ครทู มี่ ีประสบการณ์ในการทางานน้อยกว่า 10 ปี มีสภาพการดาเนินงานวิชาการ มากกว่าครูท่ี มีประสบการณ์ในการทางานมากกว่า 20 ปี และ 10-20 ปี แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายคู่พบว่า ครูที่มีประสบการณ์ในการทางานน้อยกว่า 10 ปี มีสภาพการดาเนินงานวิชาการแตกต่างกับครูที่มี ประสบการณ์ในการทางาน 10-20 ปี และครูที่มีประสบการณ์ในการทางาน 10-20 ปี มีสภาพการ ดาเนินงานวิชาการแตกต่างกับครูที่มีประสบการณ์ในการทางานมากกว่า 20 ปี อย่างมีนัยสาคัญทาง สถติ ทิ รี่ ะดบั 0.05 การเปรียบเทียบปัญหาการดาเนินงานวิชาการของครู ตามประสบการณ์ในการทางาน พบว่า ครูที่มีประสบการณ์ในการทางาน 10-20 ปี มีปัญหาการดาเนินงานวิชาการ มากกว่าครูที่มี ประสบการณ์ในการทางานมากกว่า 20 ปี และน้อยกว่า 10 ปี แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายคู่

70 พบวา่ ครทู ่ีมีประสบการณใ์ นการทางานน้อยกวา่ 10 ปี มปี ญั หาการดาเนินงานวิชาการแตกต่างกับครู ทมี่ ปี ระสบการณใ์ นการทางาน 10-20 ปี อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ 0.05 การเปรียบเทียบสภาพการดาเนินงานวิชาการของครู ตามตาแหน่งปัจจุบัน พบว่า ครูท่ีมี ตาแหน่งปัจจุบันเป็นครูชานาญการพิเศษ มีสภาพการดาเนินงานวิชาการ มากกว่าครูที่มีตาแหน่ง ปัจจุบันเป็นครู และครูชานาญการ แตกต่างกัน เม่ือพิจารณาเป็นรายคู่พบว่า ครูท่ีมีตาแหน่งปัจจุบัน เป็นครูชานาญการ มีสภาพการดาเนินงานวิชาการแตกต่างกับครูที่มีตาแหน่งปัจจุบันเป็นครูชานาญ การพิเศษ อยา่ งมนี ยั สาคญั ทางสถิติท่รี ะดบั 0.05 การเปรียบเทียบปัญหาการดาเนินงานวิชาการของครู ตามตาแหน่งปัจจุบัน พบว่า ครูที่มี ตาแหน่งปัจจุบันเป็นครูชานาญการ มีปัญหาการดาเนินงานวิชาการ มากกว่าครูที่มีตาแหน่งปัจจุบัน เป็นครูชานาญการพิเศษ และตาแหน่งครู แตกต่างกัน เม่ือพิจารณาเป็นรายคู่พบว่า ครูท่ีมีตาแหน่ง ปัจจุบันเป็นครู มีปัญหาการดาเนินงานวิชาการแตกต่างกับครูท่ีมีตาแหน่งปัจจุบันเป็นครูชานาญการ อย่างมนี ัยสาคัญทางสถติ ทิ รี่ ะดับ 0.05 สมชาย ชูเลิศ (2553) ได้ทาการวิจัยเร่ือง การศึกษาสภาพการบริหารงานวิชาการของ โรงเรียนประถมศึกษาสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษานนทบุรี เขต 2 โดยผลการวิจัยพบว่า ระดับ ความคดิ เห็นของครผู ู้สอนตอ่ สภาพการบรหิ ารงานวิชาการของโรงเรียนประถมศึกษา โดยภาพรวมอยู่ ในระดับมาก (  =4.33) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าอยู่ในระดับมากทั้ง 7 ด้าน โดยเรียง ลาดบั ตามคา่ เฉล่ยี ไดด้ งั นี้ ดา้ นหลกั สตู รและการนาหลักสตู รไปใช้ ( =4.48) ด้านหอ้ งสมุด ( =4.46) ด้านการประชุมอบรมทางวิชาการ (  =4.36) ด้านการนิเทศการศึกษา (  =4.35) ด้านการวัดผล ประเมินผล (  =4.33) ด้านวัสดุอุปกรณ์และส่ือการสอน (  =4.20) และด้านการจัดการเรียนการ สอน ( =4.15) โดยแต่ละดา้ นมีรายขอ้ ทม่ี ีการปฏบิ ตั ิมากกวา่ รายขอ้ อ่นื ๆ ดงั น้ี 1. ด้านหลักสูตรและการนาหลักสูตรไปใช้ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็น รายข้อ พบว่ารายข้อท่ีมีการปฏิบัติมากกว่ารายข้ออ่ืน ๆ ได้แก่ จัดให้มีการศึกษาโครงสร้าง/จุดหมาย และหลกั การของหลักสูตรก่อนสอน และจดั ให้มกี ารวิเคราะห์หลกั สตู ร 2. ด้านการจัดการเรียนการสอน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่ารายข้อที่มีการปฏิบัติมากกว่ารายข้ออื่น ๆ ได้แก่ มีการวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่าง ต่อเน่ือง และกาหนดนโยบายและเปา้ หมายการจดั กิจกรรมการเรยี นรูท้ ุกกลุม่ สาระการเรียนรู้ 3. ดา้ นวัสดอุ ปุ กรณ์และสื่อการสอน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่ารายข้อที่มีการปฏิบัติมากกว่ารายข้ออ่ืน ๆ ได้แก่ ส่งเสริมให้ครูคิดสร้างสรรค์ส่ือใหม่ ๆ ได้ตาม ความเหมาะสม และสง่ เสรมิ ใหค้ รุผู้สอนผลิตสื่อการสอนดว้ ยตนเอง 4. ด้านการวดั ผลประเมนิ ผล โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า รายข้อที่มีการปฏิบัติมากกว่ารายขื่ออ่ืน ๆ ได้แก่ จัดทาคู่มือวัดผลประเมินผลไว้เป็นแนวปฏิบัติ และ จัดใหม้ กี ารวดั ผลประเมินผลตามสภาพความเป็นจริง

71 5. ด้านห้องสมุด โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่ารายข้อที่มี การปฏิบัติมากกว่ารายข้ออ่ืน ๆ ได้แก่ ส่งเสริมให้นักเรียนมีนิสัยรักการอ่านและส่งเสริมการค้นคว้า ดว้ ยตนเอง และจัดทาโครงการ-กิจกรรมสง่ เสรมิ การใชห้ อ้ งสมดุ 6. ด้านการนิเทศการศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่าราย ข้อที่มีการปฏิบัติมากกว่ารายข้ออื่น ๆ ได้แก่ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการการนิเทศภายในโรงเรียน และมกี ารนาผลการนิเทศการสอนมาปรบั ปรุงการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 7. ด้านการประชุมอบรมทางวิชาการ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า รายข้อท่ีมีการปฏิบัติมากกว่ารายข้ออื่น ๆ ได้แก่ จัดให้มีการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เก่ียวกบั งานวิชาการระหวา่ งครูผูส้ อน และจัดประชุมสัมมนาเกีย่ วกับงานวิชาการใหก้ บั บุคลากร ผลการวิเคราะห์การเปรียบเทียบสภาพการบริหารงานวิชาการ จาแนกตามวุฒิการศึกษา ของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษานนทบุรี เขต 2 ในภาพรวมท้ัง 7 ด้านคอื ดา้ นหลักสูตรและการนาหลกั สูตรไปใช้ ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการวัดผลประเมิน ผล ดา้ นห้องสมดุ ด้านการนิเทศการศึกษา และด้านการประชุมอบรมทางวิชาการ พบว่า ในภาพรวม ครทู ี่มีวุฒิการศึกษาตา่ งกัน มีความคิดเหน็ ตอ่ สภาพการบริหารงานวิชาการในด้านหลักสูตรและการนา หลักสูตรไปใช้ ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการวัดผลประเมินผล ด้านห้องสมุด ด้านการนิเทศ การศึกษาและด้านการประชุมอบรมทางวิชาการ ไม่แตกต่างกัน แต่ในด้านวัสดุอุปกรณ์และส่ือการ สอน ครูท่มี ีวฒุ ิการศึกษาต่างกันมีความคิดเห็นต่อการบริหารงานวิชาการแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญ ทางสถติ ิทร่ี ะดับ 0.01 ผลการวิเคราะห์การเปรียบเทียบสภาพการบริหารงานวิชาการ จาแนกตามประสบการณ์ ในการทางานของครูในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษานนทบุรี เขต 2 ใน ภาพรวมทั้ง 7 ด้านคือ ดา้ นหลักสูตรและการนาหลกั สูตรไปใช้ ดา้ นการจัดการเรียนการสอน ด้านวัสดุ อุปกรณ์และส่ือการสอน ด้านการวัดผลประเมินผล ด้านห้องสมุด ด้านการนิเทศการศึกษา และด้าน การประชุมอบรมทางวิชาการ พบว่า ในภาพรวมและรายด้านครูท่ีมีประสบการณ์ในการทางานต่าง กนั มคี วามคดิ เห็นตอ่ สภาพการบริหารงานวชิ าการในดา้ นหลกั สตู รและการนาหลักสูตรไปใช้ ด้านการ จัดการเรยี นการสอน ดา้ นวัสดุอุปกรณ์และส่ือการสอน ด้านการวัดผลประเมินผล ด้านห้องสมุด ด้าน การนิเทศการศึกษาและดา้ นการประชมุ อบรมทางวิชาการ ไมแ่ ตกตา่ งกนั

บทท่ี 3 วิธดี ำเนินกำรวิจัย การวิจัยเรื่อง สภาพและปัญหาการดาเนินงานวิชาการของโรงเรียน สังกัดสานักงานเขต พนื้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาหนองบัวลาภู เขต 2 ผู้วิจัยได้ดาเนนิ การตามขนั้ ตอน ตอ่ ไปน้ี 3.1 ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง 3.2 เครือ่ งมือทใ่ี ช้ในการวจิ ัย 3.3 การเก็บรวบรวมขอ้ มลู 3.4 การวเิ คราะหข์ อ้ มูล 3.5 สถิตทิ ใ่ี ชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมลู 3.1 ประชำกรและกลมุ่ ตวั อยำ่ ง 3.1.1 ประชำกร ประชากรท่ีใช้ในการวิจัยครั้งน้ี ได้แก่ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน โรงเรียนระดับประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาภู เขต 2 ปี การศึกษา 2559 คือ ผู้บริหารโรงเรียน จานวน 105 คน ครูวิชาการ จานวน 1,520 คน รวมทั้งส้ิน จานวน 1,625 คน 3.1.2 กลุม่ ตัวอย่ำง กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่ง ประกอบไปด้วยผูบ้ ริหารโรงเรียนและครูผู้สอนในโรงเรียนระดับประถมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาภู เขต 2 ปีการศึกษา 2559 จานวน 1,625 คน กาหนดขนาดของ กลุ่มตัวอย่าง (Sample size) โดยใช้ตารางเครจซ่ีและมอร์แกน (Krejcie & Morgan อ้างใน พิมพ์อร สดเอี่ยม, 2557, หน้า 35) ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่าง 280 คน จาแนกออกเป็นผู้บริหารโรงเรียน 35 คน และครูวิชาการ 245 คน จากนั้นจึงทาการสุ่มแบบแบ่งช้ัน (Stratified random sampling) โดยการ สุ่มอย่างง่าย (Simple random sampling) ตามสัดส่วนจานวนครูและจาแนกตามขนาดของโรงเรียน ตามเกณฑข์ องสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน (2548, หน้า 36) มีรายละเอียด ดังตาราง ที่ 3.1-3.2

73 ตำรำงท่ี 3.1 จำนวนประชำกรและกลมุ่ ตัวอย่ำง สำนักงำนเขตพ้ืนทกี่ ำรศกึ ษำ ประชำกร กลุ่มตวั อย่ำง ประถมศกึ ษำหนองบวั ลำภู เขต2 ผู้บรหิ ำร ครูผู้สอน ผ้บู รหิ ำร ครูผู้สอน โรงเรียน โรงเรยี น รวม 105 1,520 35 245 1,625 280 ตำรำงที่ 3.2 จำนวนประชำกรและกลุ่มตวั อย่ำง จำแนกตำมระดบั กำรศึกษำ ระดับกำรศกึ ษำ ประชำกร กลุม่ ตวั อย่ำง รวม ปริญญำตรี สงู กวำ่ ปรญิ ญำตรี สูงกวำ่ ปริญญำตรี ปรญิ ญำตรี 207 1,520 207 73 1,625 280 ตำรำงท่ี 3.3 จำนวนประชำกรและกลุ่มตัวอย่ำง จำแนกตำมประสบกำรณ์ในกำรทำงำนและตำม ขนำดของสถำนศกึ ษำ ขนำดสถำน ประชำกร กลุ่มตัวอย่ำง ศกึ ษำ 10 - มำกกว่ำ รวม น้อยกวำ่ 10 - มำกกว่ำ รวม น้อยกวำ่ 20 ปี 20 ปีขนึ้ ไป ขนาดเล็ก 10 ปี 54 12 95 ขนาดกลาง 20 ปี 20 ปีขนึ้ ไป 10 ปี 34 83 147 ขนาดใหญ่ 6 3 38 29 94 98 280 รวม 30 29 1,625 88

74 3.2 เครื่องมือทใี่ ช้ในกำรวิจยั 3.2.1 ลักษณะแบบสอบถำม เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยคร้ังน้ีมีลักษณะเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประเมินค่า และ ปลายเปดิ (Open end) ทสี่ ร้างขึน้ จากเอกสารและงานวิจัยทเ่ี ก่ียวขอ้ ง แบง่ เป็น 3 ข้ันตอน ดงั นี้ ตอนท่ี 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ ตาแหน่งหน้าท่ี ระดับการศึกษา ประสบการณ์ในการทางาน และขนาดของสถานศึกษา โดยคาถามมี ลักษณะเปน็ แบบสารวจรายการ (Check List) ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพและปัญหาการดาเนินงานวิชาการของโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาภู เขต 2 เป็นแบบสอบถามมาตราส่วน ประเมินค่า ชนิด 5 ตัวเลอื ก แบง่ ออกเปน็ 12 ด้านดังนี้ ไดแ้ ก่ 1) การพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษา 2) การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ 3) การวดั ผล ประเมินผลและเทยี บโอนผลการเรียน 4) การวจิ ัยเพือ่ พฒั นาคุณภาพการศกึ ษา 5) การพฒั นาสือ่ นวัตกรรม และเทคโนโลยที างการศึกษา 6) การพัฒนาแหลง่ เรียนรู้ 7) การนเิ ทศการศกึ ษา 8) การแนะแนวการศึกษา 9) การพัฒนาระบบการประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา 10) การส่งเสรมิ ความรวู้ ชิ าการแก่ชุมชน 11) การประสานความรว่ มมอื ในการพฒั นาวชิ าการกบั สถานศึกษาอนื่ 12) การส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วย งานและสถาบันท่จี ดั การศึกษา สาหรับแบบสอบถามตอนที่ 2 มีการกาหนดค่าคะแนนออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้ เห็นด้วย มากท่ีสุด เห็นด้วยมาก เห็นด้วยปานกลาง เห็นด้วยน้อย เห็นด้วยน้อยที่สุด จานวน 51 ข้อ ตามวิธี ของ Likert (บญุ ชม ศรสี ะอาด, 2545) โดยกาหนดเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้ 5 หมายถงึ ระดับการดาเนินงานวิชาการอยใู่ นระดับมากทส่ี ุด 4 หมายถึง ระดบั การดาเนนิ งานวิชาการอยู่ในระดบั มาก 3 หมายถึง ระดบั การดาเนินงานวชิ าการอยใู่ นระดับปานกลาง 2 หมายถงึ ระดบั การดาเนินงานวิชาการอยู่ในระดับนอ้ ย 1 หมายถึง ระดับการดาเนินงานวชิ าการอย่ใู นระดบั นอ้ ยท่ีสดุ

75 ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับปรุงการดาเนินงานวิชาการของโรงเรียน สังกัด สานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาภู เขต 2 3.2.2 กำรสรำ้ งและตรวจสอบคุณภำพเคร่ืองมอื การศึกษาเร่ืองสภาพและปัญหาการดาเนินงานวิชาการของโรงเรียน สังกัดสานักงานเขต พ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาภู เขต 2 ในข้ันตอนการสร้างเครื่องมือและหาคุณภาพ เครอ่ื งมอื ผู้วิจัยได้ดาเนนิ การดงั น้ี 1. ศึกษาเอกสาร ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับสภาพและปัญหาการดาเนินงาน วิชาการของโรงเรยี น ตัวแปรท่กี าหนดในการวจิ ัย สรปุ และสรา้ งเป็นนิยามศพั ท์เฉพาะ 2. กาหนดกรอบแนวคิดท่ีใช้ในการสร้างเคร่ืองมือ โดยยึดหลักแนวคิดเก่ียวกับการดาเนิน งานวิชาการของโรงเรียน ใน 12 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การพัฒนากระบวนการ เรียนรู้ การวัดผล ประเมินผลและเทียบโอนผลการเรียน การวิจัยเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษา การ พัฒนาส่ือ นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษา การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ การนิเทศการศึกษา การ แนะแนวการศึกษา การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา การส่งเสริมความรู้วิชา การแก่ชุมชน การประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถานศึกษาอื่น และการส่งเสริมและ สนับสนนุ งานวชิ าการแกบ่ ุคคล ครอบครวั องคก์ ร หนว่ ยงานและสถาบันท่จี ัดการศึกษา 3. สร้างเครื่องมือโดยร่างเป็นแบบสอบถามให้มีเนื้อหาครบถ้วนตามกรอบแนวคิดให้ สอดคล้องกับสภาพและปัญหาการดาเนนิ งานวชิ าการของโรงเรียน ใน 12 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาหลัก สตู รสถานศกึ ษา การพฒั นากระบวนการเรียนรู้ การวดั ผล ประเมินผลและเทียบโอนผลการเรียน การ วิจยั เพือ่ พัฒนาคุณภาพการศึกษา การพัฒนาส่ือ นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษา การพัฒนา แหลง่ เรียนรู้ การนิเทศการศึกษา การแนะแนวการศึกษา การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายใน สถานศึกษา การส่งเสริมความรู้วิชาการแก่ชุมชน การประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับ สถานศึกษาอน่ื และการส่งเสริมและสนับสนนุ งานวชิ าการแก่บคุ คล ครอบครัว องค์กร หน่วยงานและ สถาบนั ท่จี ัดการศกึ ษา 4. นาร่างแบบสอบถามที่สร้างเสร็จแล้วเสนอเสนอต่ออาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์ เพื่อ พิจารณาให้คาปรึกษาแนะนาแกไ้ ขใหม้ คี วามถกู ตอ้ งชัดเจนยง่ิ ขน้ึ 5. นาแบบสอบถามท่ีผ่านพิจารณาจากอาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์ ไปเสนอขอความ อนุเคราะห์ผู้เช่ียวชาญจานวน 5 ท่าน เพ่ือพิจารณาความเท่ียงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) แล้วนาแบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญมาหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อ คาถามกับนิยามศัพท์ (Item-Objective Congruency : IOC) และได้ค่า IOC ต้ังแต่ 0.80-1.00 (ภาคผนวก ค) จากน้ันนาเสนออาจารยท์ ปี่ รึกษาวิทยานพิ นธเ์ พือ่ ตรวจสอบความสมบรู ณอ์ ีกคร้ัง

76 6. นาแบบสอบถามที่ปรบั ปรุงแกไ้ ขมาจัดพิมพ์ แล้วนาไปทดลองใช้ (Try-out) กับประชากร ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งน้ี จานวน 30 คน เพ่ือทดสอบหาความเช่ือมั่น (Reliability) ของข้อ คาถามในแต่ละด้านและทั้งฉบับ โดยวิธีการหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของคอร์น บาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) ซึ่งแบบสอบถามฉบับนี้ พบว่า มีค่าความเช่ือม่ันท้ังฉบับ .981 โดยภาพรวมและ รายดา้ นอยรู่ ะหวา่ ง 0.636-0.968 ดงั รายละเอยี ดตามตารางที่ 3.4 ตำรำงที่ 3.4 ค่ำควำมเช่ือม่ันของแบบสอบถำมสภำพและปัญหำกำรดำเนินงำนวิชำกำรของ โรงเรียน สงั กัดสำนกั งำนเขตพนื้ ทกี่ ำรศึกษำประถมศกึ ษำหนองบวั ลำภู เขต 2 คำ่ ควำมเชอื่ ม่ัน คำ่ ควำมเช่ือม่ัน ตวั แปร สภำพกำรดำเนนิ งำน ปญั หำกำรดำเนนิ งำน วชิ ำกำร วิชำกำร 1. การพัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษา .843 .879 2. การพัฒนากระบวนการเรยี นรู้ .743 .876 3. การวัดผล ประเมินผลและเทียบโอนผลการ เรยี น .636 .885 4. การวจิ ยั เพ่ือพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา .802 .908 5. การพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีทาง การศกึ ษา .845 .944 6. การพฒั นาแหลง่ เรยี นรู้ .883 .892 7. การนเิ ทศการศึกษา .850 .927 8. การแนะแนวการศึกษา .867 .968 9. การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายใน สถานศกึ ษา .883 .957 10. การสง่ เสริมความรู้วิชาการแก่ชุมชน .862 .914 11. การประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชา การกับสถานศกึ ษาอนื่ .825 .930 12. การสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ งานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงานและสถาบันที่จัด การศึกษา .838 .929

77 7. นาแบบสอบถามทผี่ ่านการหาคุณภาพมาจัดพิมพ์เป็นฉบับสมบูรณ์ แล้วนาไปใช้การเก็บ ขอ้ มลู ต่อไป ลาดับข้ันตอนการสร้างแบบสอบถามแบบตรวจสอบประมาณค่าและการตรวจสอบ คุณภาพของแบบสอบถาม 1. การสรา้ งคาถาม 1. ศกึ ษาเอกสาร ทฤษฎี และงานวิจยั ท่เี กี่ยวขอ้ ง 2. กาหนดกรอบประเด็นคาถามแต่ละด้าน 3. รา่ งขอ้ คาถามตามกรอบท่กี าหนด 4. ตรวจสอบความถกู ตอ้ งโดยผวู้ ิจยั และอาจารยท์ ่ปี รึกษา 2. การตรวจสอบ 1. ให้ผู้เชี่ยวชาญจานวน 5 ท่านตรวจสอบความสอดคล้องของประเด็นคา ความตรงเชิง ถามกับกรอบเนื้อหาตามนยิ ามของคาศัพท์ เนื้อหา 2. คานวณคา่ ความตรงเชงิ เนื้อหา (Content Validity) โดยการหาดัชนีความ สอดคล้องระหว่างข้อคาถามกับนิยามศัพท์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) 3. เลือกข้อคาถามทมี่ ีค่า IOC ไมต่ า่ กวา่ 0.50 ขึ้นไป 4. ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง แลว้ จดั พิมพ์ 3. ตรวจสอบคา่ 1. นาแบบสอบถามท่ีแก้ไขแล้วไปทดลองใช้ (try-out) กับประชากรที่ไม่ใช่ ความเทย่ี ง กลมุ่ ตัวอย่าง 2. คานวณคา่ ความเทย่ี งโดยใช้สูตรสมั ประสทิ ธแิ์ อลฟาของคอร์นบาค 3. ตรวจสอบและปรบั ปรงุ การใช้คาพดู ใหช้ ัดเจน (กรณีท่ีค่าความเทย่ี งต่า) แผนภมู ิท่ี 3.1 แสดงขั้นตอนกำรสร้ำงเครื่องมือท่ีใชใ้ นกำรวิจยั 3.3 กำรเก็บรวบรวมข้อมูล การเก็บรวบรวมข้อมลู ผูว้ จิ ยั ไดด้ าเนนิ การตามขั้นตอน ดงั ต่อไปน้ี 1. ขอหนังสือจากบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีล้าน ช้าง เพ่ือขอความอนุเคราะห์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัย ต่อผู้บริหารและครูผู้สอนในสถาน ศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน สังกดั สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาหนองบัวลาภู เขต 2

78 2. ส่งแบบสอบถามพร้อมหนังสือขอความร่วมมือไปยังผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสานัก งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาภูเขต 2 ทุกโรงเรียนท่ีเป็นกลุ่มตัวอย่างเพ่ือขอความ อนเุ คราะหใ์ นการตอบแบบสอบถาม 3. ผู้วจิ ยั ติดตามเกบ็ รวบรวมแบบสอบถามคืนดว้ ยตนเอง 3.4 กำรวิเครำะหข์ ้อมลู ข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์แล้วนามาจัดเรียงลาดับแบบ สอบถามและลงรหัสแล้วประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป โดย ดาเนนิ การดงั น้ี 3.4.1 วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถามโดยใช้ข้อมูลจากแบบ สอบถามตอนที่ 1 โดยหาความถ่ี (Frequency) และคา่ ร้อยละ (Percentage) 3.4.2 วิเคราะห์สภาพและปัญหาการดาเนินงานวิชาการของโรงเรียน สังกัดสานักงานเขต พ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาภู เขต 2 โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) โดยการหาค่าเฉลยี่ (Mean) และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และแปลความ หมาย คา่ เฉล่ีย 3.4.3 เปรียบเทียบสภาพและปัญหาการดาเนินงานวิชาการของโรงเรียน สังกัดสานักงาน เขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาภู เขต 2 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน และครู ผู้สอน จาแนกตามตาแหน่งหน้าที่ และระดับการศึกษาโดยใช้การทดสอบค่าที (T–test แบบ Independent samples) 3.4.4 เปรียบเทียบสภาพและปัญหาการดาเนินงานวิชาการของโรงเรียน สังกัดสานักงาน เขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาภู เขต 2 จาแนกตามประสบการณ์ในการทางาน และ ขนาดของสถานศกึ ษา โดยใชก้ ารวเิ คราะห์ความแปรปรวนทางเดียวโดยใช้ สถิติทดสอบเอฟ (F–test) (One-way ANOVA) เมื่อพบว่ามีความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ จะทาการทดสอบความ แตกตา่ งเปน็ รายคู่โดยวิธกี ารของเชฟเฟ่ (Scheffé) (ชศู รี วงศ์รัตนะ, 2544, หนา้ 236) 3.5 สถติ ิทใี่ ช้ในกำรวเิ ครำะหข์ อ้ มลู ผู้วิจัยได้นาสถิติพ้ืนฐานในการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป สถิติท่ีใช้ในการ วเิ คราะห์ข้อมูล มีดังต่อไปนี้ 3.5.1 การหาค่าร้อยละ (Percentage) 3.5.2 การหาคา่ เฉลี่ย (Mean) 3.5.3 การหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)

79 3.5.4 สถติ ทิ ่ใี ช้ในการตรวจสอบสมมตฐิ าน ได้แก่ 1. ผู้วิจัยได้นาวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างการดาเนินงานวิชาการของ โรงเรียน โดยจาแนกตามตาแหนง่ หน้าท่ี และระดับการศึกษา เพื่อทดสอบสมมติฐานท่ีระดับนับสาคัญ ทางสถิตทิ ี่ 0.05 โดยใช้สถิติ ที (T–test) (ระพนิ ทร์ โพธิศ์ รี, 2549, หนา้ 85) 2. ผู้วิจัยได้นาวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างการดาเนินงานวิชาการของ โรงเรยี น โดยจาแนกตามประสบการณ์ในการทางาน และขนาดของสถานศึกษา เพ่ือการวิเคราะห์ความ แปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) (พวงรัตน์ ทวีรัตน์, 2534, หน้า 168–172) โดยใช้สถิติ เอฟ (F–test) และเม่อื พบความแตกต่างอยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิติ จะทาการทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่ โดยวธิ ีการของเชฟเฟ่ (Scheffé)

บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล การวิเคราะห์ข้อมูลเร่ือง สภาพและปัญหาการดาเนินงานวิชาการของโรงเรียน สังกัดสานัก งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาภู เขต 2 ผู้วิจัยได้นาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตาม ลาดับ ดังน้ี 4.1 สัญลักษณ์ที่ใชใ้ นการนาเสนอผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู 4.2 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม 4.3 ผลการวิเคราะห์ระดบั สภาพและปัญหาการดาเนนิ งานวิชาการของโรงเรยี น 4.4 ผลการศึกษาเปรียบเทียบสภาพและปัญหาการดาเนินงานวิชาการของโรงเรียน จาแนก ตามตาแหน่งหน้าที่ ระดบั การศึกษา ประสบการณใ์ นการทางาน และขนาดของสถานศกึ ษา 4.1 สญั ลกั ษณ์ทีใ่ ช้ในการนาเสนอผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู การวจิ ัยคร้ังนี้ เพ่ือความเข้าใจท่ีตรงกันในการแปลความหมายข้อมูล จึงกาหนดสัญลักษณ์ ทีใ่ ช้ในการเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมูลดังนี้  แทน คา่ เฉลย่ี (Mean) S.D. แทน ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) n แทน จานวนคนในกลุ่มตัวอยา่ ง SS แทน ผลบวกกาลังสองของคะแนน df แทน ขนั้ ของความอิสระ MS แทน ผลบวกค่าเฉลยี่ กาลังสอง F แทน คา่ ทจี่ ะใชเ้ ปรยี บเทียบกบั ค่าวกิ ฤตในการแจกแจงแบบ F t แทน ค่าสถติ ทิ ่ีจะใช้เปรยี บเทียบกบั ค่าวิกฤตในการแจกแจงแบบ t * แทน ความมนี ัยสาคญั ทางสถติ ทิ ่รี ะดับ .05 ** แทน ความมนี ัยสาคัญทางสถติ ทิ ีร่ ะดับ .01 4.2 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลทั่วไปของผูต้ อบแบบสอบถาม ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเบ้ืองต้นของกลุ่มตัวอย่างเก่ียวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพเบื้องต้นของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยกลุ่มตัวอย่างท่ีตอบแบบ สอบถามเป็นผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอน จานวน 280 คน ได้รับคืนร้อยละ 100 ผลการวิเคราะห์ ปรากฏดงั ตารางที่ 4.1

81 ตารางที่ 4.1 แสดงค่าความถี่และค่าร้อยละสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม จาแนกตาม ตาแหน่งหน้าท่ี ระดับการศึกษา ประสบการณ์ในการทางาน และขนาดของสถาน ศึกษา สถานภาพ จานวน ร้อยละ ตาแหนง่ หนา้ ที่ 1. ผบู้ ริหารโรงเรียน 35 12.5 2. ครูผสู้ อน 245 87.5 280 100.00 รวม ระดับการศกึ ษา 207 73.9 1. ปริญญาตรี 73 26.1 2. สงู กวา่ ปริญญาตรี 280 100.00 รวม 88 31.4 ประสบการณ์ในการทางาน 94 33.6 1. น้อยกว่า 10 ปี 98 35.0 2. 10 - 20 ปี 280 100.00 3. มากกวา่ 20 ปี 95 33.9 รวม 147 52.5 ขนาดของสถานศกึ ษา 38 13.6 1. ขนาดเลก็ 280 100.00 2. ขนาดกลาง 3. ขนาดใหญ่ รวม จากตารางท่ี 4.1 พบว่า กลุ่มตัวอย่างท่ีตอบแบบสอบถามจานวน 280 คน เป็นผู้บริหาร โรงเรียน จานวน 35 คน คิดเป็นร้อยละ 12.5 เป็นครูผู้สอน จานวน 245 คน คิดเป็นร้อยละ 87.5 ส่วนมากมีวุฒิการศึกษาปริญญาตรี 207 คน คิดเป็นร้อยละ 73.9 มีประสบการณ์การทางานน้อยกว่า 10 ปี จานวน 94 คน คิดเป็นร้อยละ 33.6 มีประสบการณ์การทางาน 10–20 ปี จานวน 98 คน คิด เป็นร้อยละ 35 ปฏิบัติงานอยู่ในโรงเรียนขนาดเล็ก จานวน 95 คน คิดเป็นร้อยละ 33.9 ขนาดกลาง จานวน 147 คน คดิ เป็นร้อยละ 52.5 และขนาดใหญ่ จานวน 38 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 13.6