47 ใบควำมรู้ เร่ือง การเคลอื่ นที่และการหมุนเวียนของอากาศ การหมุนเวียนของบรรยากาศ โลกมีสัณฐานเป็นทรงกลม โคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ ใช้เวลา 1 ปี หากโลกไม่หมุนรอบ ตัวเอง บริเวณเสน้ ศนู ยส์ ตู รของโลกจะเป็นแถบความกดอากาศต่า (L) มีอุณหภูมสิ ูง เนอ่ื งจากแสงอาทิตย์ตก กระทบเป็นมุมฉาก ส่วนบริเวณขั้วโลกทั้งสองจะเป็นแถบความกดอากาศสูง (H) มีอุณหภูมิต่า เนื่องจาก แสงอาทิตย์ตกกระทบเป็นมุมลาดขนานกับพน้ื อากาศรอ้ นบริเวณศูนยส์ ูตรยกตวั ขึ้นทาให้อากาศเย็นบริเวณ ขั้วโลกเคลื่อนตัวเข้าแทนที่ การหมุนเวียนของบรรยากาศบนซีกโลกทั้งสองเรียกว่า “แฮดเลย์เซลล์” (Hadley cell) ดังรปู ที่ 1 ภาพที่ 1 การหมนุ เวยี นของบรรยากาศ หากโลกไม่หมุนรอบตวั เอง ทว่าความเป็นจริง โลกหมุนรอบตวั เอง 1 รอบ ใช้เวลา 24 ชั่วโมง เซลล์การหมุนเวียนของบรรยากาศ จึงแบ่งออกเป็น 3 เซลล์ ได้แก่ แฮดเลย์เซลล์ (Hadley cell), เฟอร์เรลเซลล์ (Ferrel cell) และ โพลาร์ เซลล์ (Polar cell) ในแต่ละซีกโลก ดังภาพที่ 2
48 ภาพท่ี 2 การหมุนเวยี นของบรรยากาศ เนื่องจากโลกหมนุ รอบตัวเอง แถบความกดอากาศต่าบริเวณเส้นศูนย์สูตร (Equator low) เป็นเขตทีไ่ ดร้ บั ความร้อนจากดวงอาทิตย์ มากที่สุด กระแสลมคอ่ นข้างสงบ เนื่องจากอากาศร้อนชน้ื ยกตวั ขึ้น ควบแน่นเปน็ เมฆควิ มูลัสขนาดใหญ่ และ มกี ารคายความร้อนแฝงจานวนมาก ทาให้เปน็ เกิดพายุฝนฟา้ คะนอง อากาศชั้นบนซึง่ สูญเสยี ไอน้าไปแล้วจะ เคลอื่ นตวั ไปทางข้ัวโลก แถบความกดอากาศสูงกึ่งศูนย์สูตร (Subtropical high) ที่บริเวณละติจูดท่ี 30° เป็นเขตแห้ง แล้ง เนื่องจากเป็นบริเวณที่อากาศแห้งจากแฮดลีย์เซลล์และเฟอร์เรลเซลล์ ปะทะกันแล้วจมตัวลง ทาให้ พื้นดินแห้งแล้งเป็นเขตทะเลทราย และพื้นน้ามีกระแสลมอ่อนมาก เราเรียกเส้นละติจูดที่ 30° ว่า “เส้นรุ้ง ม้า” (horse latitudes) เนื่องจากเป็นบริเวณที่กระแสลมสงบ (จนเรือใบยุคโบราณไม่สามารถเคลื่อนที่ ได้ ลูกเรือต้องโยนข้าวของสินค้า รวมทั้งม้าที่บรรทุกมาทิ้งทะเลเพื่อที่จะให้เรือแล่นได้) อากาศเหนือผิวพื้น บริเวณเส้นรุ้งม้าเคลื่อนตัวไปยังแถบความกดอากาศต่าบริเวณเส้นศูนย์สูตร ทาให้เกิด “ลมค้า” (Trade winds) แรงโคริออริสซึ่งเกิดจากการหมุนรอบตัวของโลกเข้ามาเสริม ทาให้ลมค้าทางซีกโลกเหนือเคลื่อนที่ มาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และลมค้าทางซีกโลกใต้เคลื่อนที่มาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ ลมค้าทั้งสอง ปะทะชนกันและยกตัวขึ้นบริเวณเส้นศูนย์สูตร แถบความกดอากาศต่านี้จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “แนวปะทะ อากาศยกตวั เขตร้อน” หรือ “ITCZ” ย่อมาจาก Intertropical Convergence Zone แถบความกดอากาศต่ากึ่งขั้วโลก (Subpolar low) ที่บริเวณละติจูดที่ 60° เป็นเขตอากาศยก ตัว เนื่องจากอากาศแถบความกดอากาศสูงกึ่งศูนย์สูตร (H) เคลื่อนตัวไปทางขั้วโลก ถูกแรงโคริออริส
49 เบี่ยงเบนให้เกิดลมพัดมาจากทิศตะวันตก เรียกว่า “ลมเวสเทอลีส์” (Westerlies) ปะทะกับ “ลมโพลาร์อีส เทอลีส์” (Polar easteries) ซึ่งพัดมาจากทิศตะวันออก โดยถูกแรงโคริออริสเบี่ยงเบนมาจากขั้วโลก มวล อากาศจากลมท้ังสองมีอุณหภูมิแตกต่างกันมาก ทาใหเ้ กิด ”แนวปะทะอากาศข้ัวโลก” (Polar front) มีพายุ ฝนฟ้าคะนอง อากาศชั้นบนซึ่งสูญเสียไอน้าไปแล้วจะเคลื่อนตัวไปยังจมตัวลงที่เส้นรุ้งม้าและบริเวณขั้วโลก ทาใหเ้ กดิ ภมู อิ ากาศแหง้ แล้ง
50 แบบฝึกหัด เร่ือง การเคล่อื นที่และการหมุนเวยี นของอากาศ คำชีแ้ จง จงตอบคำถำมต่อไปน้ี 1.จากรูปแผนทีอ่ ากาศในฤดหู นาวจะเหน็ ว่า มบี รเิ วณความกดอากาศสูงอยู่บรเิ วณประเทศจนี ในขณะที่บรเิ วณ ทะเลอันดามนั มีความกดอากาศต่า นกั เรียนคิดวา่ ระหว่างประเทศจีนกับบริเวณอา่ วไทยและทะเลอันดามนั อากาศจะมที ศิ ทางการเคลอื่ นทีอ่ ยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. นกั เรยี นคดิ วา่ เหตุใดมรสมุ ตะวนั ออกเฉียงใต้จึงไม่พัดในแนวเหนือใต้ แต่พัดในแนวเฉียง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
51 แบบฝกึ หัด เรื่อง การเคลือ่ นทแี่ ละการหมุนเวียนของอากาศ คำชี้แจง จงตอบคำถำมต่อไปน้ี 1.จากรูปแผนท่อี ากาศในฤดูหนาวจะเห็นว่า มีบริเวณความกดอากาศสูงอยู่บรเิ วณประเทศจนี ในขณะทีบ่ ริเวณ ทะเลอันดามนั มีความกดอากาศตา่ นกั เรยี นคิดวา่ ระหว่างประเทศจีนกับบรเิ วณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน อากาศจะมีทศิ ทางการเคล่อื นทอ่ี ย่างไร แนวคาตอบ อากาศจะเคลอื่ นทจี่ ากประเทศจีนลงมาสูอ่ า่ วไทยและทะเลอนั ดามันผา่ นประเทศไทยในแนวเหนอื ใต้ 2. นกั เรียนคิดวา่ เหตใุ ดมรสุมตะวันออกเฉยี งใตจ้ งึ ไม่พดั ในแนวเหนือใต้ แต่พัดในแนวเฉียง แนวคาตอบ ตอบตามความคิดของนักเรยี น
52 แผนการจดั กจิ กรมการเรียนรู้ 4 สารระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี รายวชิ า ว 32261 รายวชิ า โลกดาราศาสตร์ และอวกาศ 2 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 8 การหมุนเวียนของอากาศบนโลก เร่ือง การหมุนเวียนของอากาศบนโลก 1. สาระ / ผลการเรยี นรู้ สาระ เขา้ ใจสมดลุ พลังงานของโลก การหมุนเวียนของอากาศบนโลก การหมุนเวยี น ของนา้ ในมหาสมุทร การ เกิดเมฆ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกและผลต่อสง่ิ มีชีวิต และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการพยากรณ์อากาศ ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายผลของแรงเนอ่ื งจากความแตกตา่ งของความกดอากาศ แรงคอริออลสิ แรงสูศ่ ูนยก์ ลาง และแรง เสียดทานทมี่ ตี ่อการหมนุ เวียนของอากาศ 2. อธิบายการหมนุ เวียนของอากาศตามเขตละตจิ ดู และผลทีม่ ีต่อภูมอิ ากาศ 2. สาระสาคัญ การหมุนเวียนของอากาศเกิดขึ้นจากความกดอากาศที่แตกต่างกันระหว่างสองบริเวณ โดยอากาศ เคล่ือนทจี่ ากบริเวณทีม่ ีความกดอากาศสูงไปยังบริเวณท่ีมีความกดอากาศต่าซง่ึ จะเห็นไดช้ ัดเจนในการเคล่ือนที่ ของอากาศในแนวราบ และเมื่อพิจารณาการเคลื่อนที่ของอากาศในแนวดิ่งจะพบว่าอากาศเหนือบริเวณความ กดอากาศต่าจะมีการยกตัวขึ้น ขณะที่อากาศเหนือบริเวณความกดอากาศสูงจะจมตัวลงโดยการเคลื่อนที่ของ อากาศท้งั ในแนวราบและแนวดิง่ นท้ี าให้เกิดเป็นการหมุนเวียนของอากาศ การหมุนรอบตัวเองของโลกจะทาให้เกิดแรงคอริออลิสซึ่งมีผลให้ทิศทางการเคลื่อนที่ของอากาศเบนไป โดยอากาศที่เคลื่อนที่ในบริเวณซีกโลกเหนือจะเบนไปทางขวาจากทิศทางเดิม ส่วนบริเวณซีกโลกใต้จะเบนไป ทางซ้ายจากทิศทางเดิม เช่น ลมค้า มรสุม แต่ละบริเวณของโลกมีความกดอากาศแตกต่างกันประกอบกับ อิทธิพลจากการหมุนรอบตัวเองของโลกทาให้อากาศในแต่ละซีกโลกเกิดการหมุนเวียนของอากาศตามเขต ละติจูด แบ่งออกเป็น ๓ แถบ โดยแต่ละแถบมีภูมิอากาศแตกต่างกัน ได้แก่ การหมุนเวียนแถบขั้วโลกมี ภูมิอากาศแบบหนาวเย็น การหมุนเวียนแถบละติจูดกลางมีภูมิอากาศแบบอบอุ่น และการหมุนเวียนแถบเขต รอ้ นมภี มู ิอากาศแบบรอ้ นช้ืน
53 บรเิ วณรอยตอ่ ของการหมุนเวยี นอากาศแต่ละแถบละตจิ ูดจะมลี ักษณะลมฟ้าอากาศท่แี ตกต่างกัน เช่น บริเวณ ใกล้ศูนย์สูตรมีปริมาณหยาดน้าฟ้าเฉลี่ยสูงกว่าบริเวณอื่น บริเวณละติจูด ๓๐ องศา มีอากาศแห้งแล้ง ส่วน บรเิ วณละตจิ ูด ๖๐ องศา อากาศมคี วามแปรปรวน 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) 1. วเิ คราะห์ และอธิบายการหมุนเวียนอากาศตามแบบจาลองการหมุนเวยี นอากาศแบบทว่ั ไป(K) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ทักษะการสังเกต 2. การตง้ั สมมติฐาน 3. การตคี วามหมายข้อมูลและข้อสรุป ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์(A) 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต 3. มวี นิ ัย 4. ใฝเ่ รียนรู้ 5. อยู่อยา่ งพอเพยี ง 6. มงุ่ มั่นในการทางาน 7. รักความเป็นไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 4. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5.สาระการเรยี นรู้ การหมุนเวียนของอากาศบนโลก 6. ภาระงาน/ชนิ้ งาน - แบบทดสอบ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 8 การหมนุ เวียนของอากาศบนโลก
54 - ใบงานที่ 1 เรื่อง การหมนุ เวยี นของอากาศบนโลก 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ หนว่ ยย่อยที่ 2 เร่อื ง การหมุนเวียนของอากาศบนโลก ข้นั นำเข้ำสู่บทเรียน (Engagement Phase) 1. ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ เขียนรูปแบบการหมนุ เวยี นของอากาศบนโลกตามความคิดเห็นของตนเอง โดยใช้ความร้จู ากกจิ กรรม 8.1 เร่อื งการหมนุ เวียนของอากาศ และความรูเ้ ร่อื งการรับรงั สีจากดวงอาทิตย์ บรเิ วณละติจูดต่าง ๆ บนโลก โดยอาจใช้ภาพแสดงการรับรังสีจากดวงอาทติ ย์ทีแ่ ตกต่างกันในแตล่ ะละติจูดเชน่ ภาพดา้ นล่าง ข้นั สำรวจและค้นพบ (Exploration Phase) 1. นกั เรียนสืบคน้ ขอ้ มูล การหมุนเวียนของอากาศบนโลก จำกหนงั สือเรียนรำยวิชำโลก ดำรำศำสตร์ และอวกำศ เลม่ 3 และใบควำมรู้ 2. นกั เรียนทำใบงำนแบบฝึกทกั ษะ ข้ันอธบิ ำยและลงข้อสรุป ( Explanation Phase) 1 . นกั เรียนร่วมซกั ถำม และครูอธิบำยเพมิ่ เติมเก่ียวกบั ขอ้ มูล การหมนุ เวียนของอากาศบนโลกเพอื่ ให้ นกั เรียนสรุปสำระสำคญั ลงในสมุดจดบนั ทึก
55 ข้ันขยำยควำมรู้ (Expansion Phase) 1. นกั เรียนสนทนำซกั ถำมครูเกี่ยวกบั ขอ้ สงสัย ศึกษำเพมิ่ เติมจำกใบควำมรู้เร่ือง การหมุนเวยี นของอากาศ บนโลก ข้นั ประเมิน (Evaluation) 1. สังเกตพฤติกรรมกำรเรียนรู้และกำรร่วมกิจกรรมของนกั เรียน 2. ครูสังเกตกำรณ์ตอบคำถำมของนกั เรียน 3. ครูวดั ประเมินจำกกำรทำแบบฝึกหดั 8. สื่อการเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรียน รายวชิ าเพ่มิ เตมิ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.5 เลม่ 3 2. ใบความรู้ที่ 1 เรื่อง การหมุนเวยี นของอากาศบนโลก 3. PowerPoint เรอื่ ง การหมุนเวียนของอากาศบนโลก 9. แหล่งการเรียนรู้ 1. ห้องเรียน 2. แหลง่ การเรยี นร้สู นเทศ
56 10.การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ วิธีวดั เครือ่ งมือวดั เกณฑ์การประเมิน สิ่งทต่ี อ้ งวดั ผลและประเมินผล - มผี ลประเมิน ดา้ นความรคู้ วามเข้าใจ (K) - การทา - ใบกิจกรรมฝกึ ทักษะ คุณภาพระดับดี 1.การหมุนเวยี นของอากาศตามเขตละตจิ ูด ใบฝึก 1.1 มากขึ้นไป ทกั ษะ - แบบทดสอบ - ทาคะแนน 80 % ข้นึ ไป ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - การ - แบบสงั เกต สงั เกต พฤติกรรม การทา - มีผลประเมิน 1. ทกั ษะการสงั เกต คุณภาพระดบั ดีขึ้น กจิ กรรมฝึกทกั ษะ ไป 2. การตง้ั สมมตฐิ าน 3. การตคี วามหมายข้อมูลและข้อสรปุ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A) - การ - แบบสงั เกตพฤติกรรม - มีผลประเมนิ 1. ซื่อสตั ยส์ จุ ริต สงั เกต การเรยี น คณุ ภาพระดบั ดีขึน้ 2. มีวนิ ัย ไป 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มุง่ มั่นในการทางาน 5. ตรงต่อเวลา เกณฑ์กำรให้คะแนน ระดบั คะแนน 80-100% ดีมำก ระดบั คะแนน 70-79% ดี ระดบั คะแนน 60-69% ปำนกลำง ระดบั คะแนน 50-59 % พอใช้ ระดบั คะแนน 0 - 49% ปรับปรุง
57 แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ส่ิงที่ตอ้ งกำรวดั / คำอธิบำยคณุ ภำพ ประเมินผล ดี (3) พอใช้ (2) ดีมำก (4) ปรับปรุง (1) 1. เขำ้ เรียนตรงต่อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เขำ้ เรียนสำยเกิน 20 เวลำ เวลำสม่ำเสมอดี เวลำสม่ำเสมอ เขำ้ เวลำบ้ำงบำงคร้ัง นำที มำก เรียนสำยไม่เกิน 5 แต่เขำ้ เรียนสำยไม่ นำที เกิน 10 นำที 2. ใฝ่เรียนรู้ มีควำม มีควำม มีควำม มีควำมกระตือรือร้น กระตือรือร้นใน กำรเรียนดีมำก กระตือรือร้นใน กระตือรือร้นดีและ ในกำรเรียนดี มีกำร กำรเรียนมีกำรตอบ มีกำรตอบคำถำม ตอบคำถำมบำ้ งเป็น คำถำมในช้นั เรียน เกือบทุกคร้ัง บำงคร้ัง ทุกคร้ัง 3. มีระเบียบวนิ ยั ทำงำนเป็นระเบียบ ทำงำนเป็นระเบียบ ทำงำนเป็นระเบียบ ท ำ ง ำ น ไ ม่ เ ป็ น และถูกตอ้ งหมด และถูกตอ้ ง 80% และถกู ตอ้ ง 60% ระเบียบ และถูกตอ้ ง ข้นึ ไป ข้นึ ไป 40% ข้นึ ไป 4. ควำมรับผดิ ชอบ ทำงำนที่ไดร้ ับ ท ำ ง ำ น ท่ี ไ ด้ รั บ ท ำ ง ำ น ท่ี ไ ด้ รั บ ท ำ ง ำ น ที่ ไ ด้ รั บ มอบหมำยดีมีควำม มอบหมำยดีมีควำม มอบหมำยดีมีควำม มอบหมำยพอใช้มี ถกู ตอ้ งตรงเวลำ ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งเป็นบำงคร้ัง ควำมถกู ตอ้ งบำ้ ง 1. เขำ้ เรียนตรงต่อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เขำ้ เรียนสำยเกิน 20 เวลำ เวลำสม่ำเสมอดี เวลำสม่ำเสมอ เขำ้ เวลำบ้ำงบำงคร้ัง นำที มำก เรียนสำยไม่เกิน 5 แต่เขำ้ เรียนสำยไม่ นำที เกิน 10 นำที
58 เกณฑ์กำรตัดสินคะแนน ระดบั คุณภำพ ดีมำก ช่วงคะแนน ดี 13 - 16 พอใช้ 9 - 12 ปรับปรุง 5-8 0-4
59 เกณฑ์การประเมินแบบสังเกตพฤติกรรมระหว่างเรยี น รายการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ การทางานเป็นทีม 321 รับฟังความคิดเห็นของ รับฟังความคิดเห็นของ รับฟังความคิดเห็นของ ผู้อื่นเป็นอย่างดีมากและ ผู้อื่นเป็นส่วนใหญ่และ ผู้อื่นน้อยมากและมีส่วน ร่วมกันทางานจนงาน ร่วมกันทางานจนงาน ร่วมร่วมกันในการ สาเร็จลุล่วง สาเรจ็ ลุลว่ ง ท างานกลุ่มเพียง เลก็ นอ้ ย ความตรงตอ่ เวลาใน สง่ งานตรงเวลาทก่ี าหนด ส่งงานหลงั จากเวลาที่ สง่ งานหลังจากเวลาท่ี การส่งงาน กาหนด 1 วนั กาหนดมากกว่า 1 วนั เกณฑ์การประเมนิ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 5-6 ระดบั คะแนนดี 3-4 ระดับคะแนนพอใช้ 1-2 ระดบั คะแนนปรับปรงุ ตง้ั แต่ระดับคะแนนพอใช้ข้นึ ไป เกณฑ์การผ่าน ผา่ น ไมผ่ ่าน สรุปผลการประเมิน
60 แบบสังเกตพฤติกรรมระหว่ำงเรียน คำชีแ้ จงใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวำ่ งเรียนแลว้ ทำเครื่องหมำย✓ลงในช่องท่ีตรงกบั คะแนน ลำดับ ชื่อ-สกุลผู้รับกำรประเมิน กำรทำงำนเป็ นทีม ควำมตรงต่อเวลำในกำรส่งงำน รวม 321 3 2 1 ดมี ำก ดี พอใช้ ดมี ำก ดี พอใช้ ช่ือ..................................................ผปู้ ระเมิน ....................../..................../....................
61 กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................. บันทกึ ผลหลังการสอน สรุปผลการเรยี นการสอน นกั เรยี นทั้งหมดจานวน ......... คน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ข้อท่ี จานวนนักเรียนทีผ่ า่ น จานวนนักเรียนท่ไี มผ่ ่าน จานวนคน รอ้ ยละ จานวนคน ร้อยละ ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางการแก้ไข ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.................................................................... (………………………………………………………) ตาแหนง่ ครูวทิ ยฐานะ........................................
62 ลงช่ือ................................................................. (………………………………………………………) หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ลงชอื่ ................................................................. (………………………………………………………) รองผ้อู านวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ ความคดิ เห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา ได้ทาการตรวจแผนการจดั การเรียนรขู้ อง...............................................................................แล้วมี ความคดิ เห็นดงั น้ี 1. เปน็ แผนการเรียนรทู้ ี่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กจิ กรรมไดน้ ากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผเู้ รยี นเป็นสาคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม ยังไมเ่ นน้ ผเ็ รยี นเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป 3. ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่ือ................................................................. (………………………………………………………) ผ้อู านวยการโรงเรียน
63 ใบความรู้ เรื่อง การหมุนเวียนของอากาศบนโลก การหมนุ เวยี นของระบบลมของโลก เป็นที่ทราบกันดีว่าโลกมีการหมุนเวียนของกระแสลมอยู่ตลอดเวลาในอดีต นักวิทยาศาสตร์หลายท่าน พยายามหาทฤษฎีทจี่ ะนามาอธิบายการหมนุ เวียนดังกลา่ ว สาหรบั แนวคดิ ที่น่าสนใจมดี ังน้ี 1. แบบจาลองการหมุนเวยี นของอากาศแบบเซลล์เดยี ว แบบจาลองการหมุนเวียนของอากาศแบบเซลล์เดียว (Single-cell model) เสนอโดย จอร์จ แฮดลีย์ (George Hadley) ชาวอังกฤษ โดยสมมติให้ดวงอาทิตย์อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ทาให้บริเวณเส้นศูนย์สูตรเป็น บริเวณที่มีรังสีจากดวงอาทิตยส์ อ่ งมายงั พื้นโลกตลอดเวลา บริเวณนี้จึงมีอุณหภมู ิสูง (อากาศร้อน) กว่าบริเวณ อื่นๆ อากาศที่มีอุณหภมู ิต่า (อากาศเย็น) จากขั้วโลกจะเข้ามาแทนท่ี ทาให้อากาศร้อนท่ีมีอยู่เดมิ ลอยตวั สงู ข้นึ และ เคลื่อนที่จากบริเวณเส้นศูนย์สูตรไปยังบริเวณขั้วโลก ส่งผลให้มีการหมุนเวียนของกระแสลมเกิดขึ้น การ หมุนเวียน ดงั กล่าวน้ี เรยี กว่า แฮดลยี เ์ ซลล์(Hadley cell) 2. แบบจาลองการหมุนเวยี นของอากาศแบบทั่วไป เนื่องจากแบบจาลองการหมุนเวียนของอากาศแบบเซลล์เดียวมีข้อจากัดมากมาย นักวิทยาศาสตร์จึงได้ นาเสนอแบบจาลองการหมุนเวียนของอากาศแบบใหม่ โดยทาให้แบบจาลองการหมุนเวียนของอากาศแบบ เซลล์เดียวแตกออกเป็น 3 ส่วน คือ แฮดลีย์เซลล์ (Hadley cell) เฟอร์เรลเซลล์ (Ferrel cell) และ โพลาร์ เซลล์ (Polar cell) เราเรียกแบบจาลองแบบนี้ว่า แบบจาลองการหมุนเวียนของอากาศแบบทั่วไป (General circulation)
64 จากภาพที่แสดงทิศทางการพัดของลมบนโลก จะพบว่าบริเวณละติจูดสูง (ใกล้ขั้วโลก) และบริเวณ ละติจูดต่า (ใกล้เส้นศูนย์สูตร) ลมจะพัดมาจากทิศตะวันออก เรียกว่า ลมตะวันออก (Easterlies) ในขณะท่ี บริเวณละติจูดกลาง ลมจะพัดมาจากทิศตะวันตก เรียกว่า ลมตะวันตก (Westerlies) การหมุนเวียนของลมที่ ละติจูด ต่างๆ สรปุ ไดด้ งั นี้ 1) ทบี่ ริเวณข้วั โลกจะมคี วามกดอากาศสูง ทาให้ลมเคลอ่ื นทจ่ี ากขว้ั โลกไปยังบรเิ วณทม่ี ี ความกดอากาศต่า ทเ่ี รยี กวา่ Subpolar low ซึ่งอย่ทู ี่ละตจิ ูดประมาณ 60 องศา
65 2) ที่บริเวณละติจูดประมาณ 60 องศา เป็นบริเวณที่มีความกดอากาศต่า (Subpolar low) ทาให้ลม ตะวันออกจากขั้วโลก (Polar easterlies) เคลื่อนที่เข้าปะทะกับลมตะวันตกในบริเวณดังกล่าว5 เกิดเป็นแนว ปะทะอากาศ (Polar front) ทาให้อากาศในบริเวณนี้มคี วามแปรปรวน และมหี ยาดนา้ ฟา้ เกิดขน้ึ มาก 3) การหมุนเวียนของลมระหวา่ งข้ัวโลกกบั Subpolar low เรียกว่า โพลารเ์ ซลล์ (Polar cell) 4) ที่บริเวณละติจูดประมาณ 30 องศา6 เป็นบริเวณที่มีความกดอากาศสูง (Subtropical high) ทาให้ บริเวณนี้มีท้องฟา้ แจ่มใส แต่พื้นดินมีความแหง้ แล้งสว่ นพืน้ นา้ ก็มีลมพัดเบา จึงเป็นอุปสรรคต่อการ เดินเรือใน สมัยโบราณ กว่าจะแล่นเรือผ่านออกไปได้ก็ทาให้ม้าที่บรรทุกไปในเรือต้องเสียชีวิตไปมาก บริเวณนี้จึงมีช่ือ เรียกอกี ช่ือหน่ึงว่า ละติจูดมา้ (Horse latitude) 5) การหมนุ เวยี นของลมระหวา่ ง Subpolar low กับ Subtropical high เรียกว่า เฟอร์เรล เซลล์ (Ferrel cell) 6) ท่ีบรเิ วณเส้นศูนย์สตู ร เปน็ บริเวณทีล่ มสนิ ค้าจากซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้มาปะทะกัน ทาให้เกิดร่อง ความกดอากาศต่า (Intertropic convergence zone; ITCZ) ในบริเวณนี้มีความแตกต่างของอุณหภูมิและ ความกดอากาศเพียงเล็กนอ้ ย ทาใหม้ ลี มคอ่ นข้างสงบ เรียกวา่ แถบลมสงบบริเวณศนู ยส์ ตู ร (Doldrums)
66 แบบฝกึ หดั เรื่อง การหมนุ เวียนของอากาศบนโลก คาชแ้ี จง จงตอบคาถามต่อไปน้ี 1.บรเิ วณขว้ั โลกถงึ ละตจิ ดู ที่ 60 องศา อากาศมีการยกตัวและจมตวั บริเวณใดบ้าง ทราบไดจ้ ากข้อมลู ใด และ เพราะเหตุใดจงึ เปน็ เชน่ นน้ั ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. การหมุนเวยี นของอากาศระหว่างบริเวณข้ัวโลกถงึ ละตจิ ูดท่ี 60 องศา มลี ักษณะเปน็ อยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
67 แบบฝกึ หดั เรื่อง การเคล่ือนที่และการหมุนเวียนของอากาศ คาชี้แจง จงตอบคาถามต่อไปนี้ 1.บรเิ วณข้ัวโลกถึงละติจดู ที่ 60 องศา อากาศมีการยกตวั และจมตัวบริเวณใดบ้าง ทราบได้จากข้อมูลใด และ เพราะเหตุใดจึงเป็นเชน่ นนั้ แนวคาตอบ อากาศบรเิ วณขวั้ โลกจมตวั ลงทราบได้จากบรเิ วณขัว้ โลกท้องฟ้าปลอดโปรง่ มีอากาศแหง้ และหนาว เยน็ ตลอดทงั้ ปี และอากาศบริเวณละตจิ ดู ที่ 60 องศา ยกตวั ข้นึ ทราบไดจ้ ากมีเมฆและหยาดนา้ ฟ้าในปริมาณมาก เนื่องจากมวลอากาศเย็นจากขวั้ โลกมาปะทะกับมวลอากาศอ่นุ 2. การหมุนเวียนของอากาศระหวา่ งบรเิ วณขวั้ โลกถงึ ละตจิ ูดที่ 60 องศา มลี ักษณะเปน็ อยา่ งไร แนวคาตอบ บรเิ วณขวั้ โลกอากาศจมตัวลงและเคล่ือนที่ไปทางละตจิ ดู ท่ตี ่ากวา่ เนื่องจากแรงที่เกิดจากความ แตกต่างของความกดอากาศ แต่ไมเ่ คลื่อนท่ีเป็นแนวตรงในแนวทิศเหนอื ใต้ เนอื่ งจากแรงคอริออลสิ อากาศจึง เคลอื่ นทีเ่ ปน็ แนวโค้งจากทางทศิ ตะวนั ออกไปทางทิศตะวันตก เรยี กว่า ลมตะวันออก (easterly wind) เม่ือ อากาศเย็นจากขัว้ โลกมาปะทะกับอากาศที่อนุ่ กวา่ ท่ีบรเิ วณละติจูดที่ 60 องศา ทาให้อากาศบริเวณนี้ยกตวั ขน้ึ แล้วเคลอื่ นทก่ี ลับไปท่ีขั้วโลกเป็นแนวโคง้ ในทางทศิ ตะวนั ตกไปทิศตะวันออก
68 แผนการจดั กิจกรมการเรียนรู้ 5 สารระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี รายวิชา ว 32261 รายวิชา โลกดาราศาสตร์ และอวกาศ 2 ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 8 การหมนุ เวียนของอากาศบนโลก เรอื่ ง ความสัมพนั ธ์ของการหมนุ เวยี นอากาศกับภูมิอากาศ 1. สาระ / ผลการเรยี นรู้ สาระ เขา้ ใจสมดุลพลงั งานของโลก การหมุนเวยี นของอากาศบนโลก การหมุนเวียน ของนา้ ในมหาสมทุ ร การ เกิดเมฆ การเปล่ียนแปลงภมู ิอากาศโลกและผลต่อสง่ิ มีชีวิต และส่งิ แวดลอ้ ม รวมท้ังการพยากรณ์อากาศ ผลการเรียนรู้ 1. อธบิ ายผลของแรงเนอ่ื งจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอริออลสิ แรงสู่ศูนยก์ ลาง และแรง เสยี ดทานที่มีต่อการหมนุ เวียนของอากาศ 2. อธิบายการหมนุ เวยี นของอากาศตามเขตละติจูด และผลทมี่ ีต่อภมู อิ ากาศ 2. สาระสาคญั การหมุนเวียนของอากาศเกิดขึ้นจากความกดอากาศที่แตกต่างกันระหว่างสองบริเวณ โดยอากาศ เคล่อื นทจี่ ากบริเวณทมี่ ีความกดอากาศสูงไปยังบริเวณท่ีมีความกดอากาศต่าซง่ึ จะเห็นไดช้ ดั เจนในการเคลื่อนท่ี ของอากาศในแนวราบ และเมื่อพิจารณาการเคลื่อนที่ของอากาศในแนวดิ่งจะพบว่าอากาศเหนือบริเวณความ กดอากาศต่าจะมีการยกตัวขึ้น ขณะที่อากาศเหนือบริเวณความกดอากาศสูงจะจมตัวลงโดยการเคลื่อนที่ของ อากาศทั้งในแนวราบและแนวด่ิงนีท้ าให้เกิดเป็นการหมนุ เวียนของอากาศ การหมุนรอบตัวเองของโลกจะทาให้เกิดแรงคอริออลิสซึ่งมีผลให้ทิศทางการเคลื่อนที่ของอากาศเบนไป โดยอากาศที่เคลื่อนที่ในบริเวณซีกโลกเหนือจะเบนไปทางขวาจากทิศทางเดิม ส่วนบริเวณซีกโลกใต้จะเบนไป ทางซ้ายจากทิศทางเดิม เช่น ลมค้า มรสุม แต่ละบริเวณของโลกมีความกดอากาศแตกต่างกันประกอบกับ อิทธิพลจากการหมุนรอบตัวเองของโลกทาให้อากาศในแต่ละซีกโลกเกิดการหมุนเวียนของอากาศตามเขต ละติจูด แบ่งออกเป็น ๓ แถบ โดยแต่ละแถบมีภูมิอากาศแตกต่างกัน ได้แก่ การหมุนเวียนแถบขั้วโลกมี ภูมิอากาศแบบหนาวเย็น การหมุนเวียนแถบละติจูดกลางมีภูมิอากาศแบบอบอุ่น และการหมุนเวียนแถบเขต ร้อนมีภมู อิ ากาศแบบร้อนชืน้
69 บริเวณรอยตอ่ ของการหมุนเวยี นอากาศแต่ละแถบละตจิ ูดจะมลี ักษณะลมฟ้าอากาศทแ่ี ตกต่างกัน เช่น บริเวณ ใกล้ศูนย์สูตรมีปริมาณหยาดน้าฟ้าเฉลี่ยสูงกว่าบริเวณอื่น บริเวณละติจูด ๓๐ องศา มีอากาศแห้งแล้ง ส่วน บริเวณละติจูด ๖๐ องศา อากาศมคี วามแปรปรวน 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) 1. อธิบายผลของการหมุนเวียนอากาศต่อลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศโลก(K) ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) 1. ทกั ษะการสังเกต 2. การตงั้ สมมติฐาน 3. การตคี วามหมายข้อมูลและข้อสรปุ ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์(A) 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 2. ซอื่ สัตย์สุจรติ 3. มีวินัย 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง 6. มงุ่ ม่นั ในการทางาน 7. รักความเปน็ ไทย 8. มจี ิตสาธารณะ 4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5.สาระการเรยี นรู้ การหมนุ เวยี นของอากาศบนโลก 6. ภาระงาน/ชิ้นงาน - แบบทดสอบ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 8 การหมุนเวยี นของอากาศบนโลก
70 - ใบงานท่ี 1 เรอื่ ง ความสัมพันธ์ของการหมนุ เวียนอากาศกับภมู ิอากาศ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยย่อยที่ 3 เรื่อง ความสัมพนั ธข์ องการหมนุ เวียนอากาศกบั ภมู อิ ากาศ ข้นั นำเข้ำสู่บทเรียน (Engagement Phase) 1. ครนู าเขา้ สู่บทเรียนโดยทบทวนความรเู้ รื่องการยกตวั และจมตัวของอากาศจากแบบจาลอง การหมนุ เวยี นอากาศแบบทั่วไป โดยใช้คาถามดงั น้ี “จากแบบจาลองการหมนุ เวียนอากาศแบบท่ัวไป อากาศมีการยกตัวและจมตวั บรเิ วณใดบา้ ง” แนวคาตอบ จากแบบจาลองการหมุนเวยี นอากาศแบบท่ัวไป อากาศยกตวั บริเวณศูนย์สูตร และละตจิ ูดท่ี 60 องศา อากาศจมตวั บรเิ วณขว้ั โลก และละติจดู ที่ 30 องศา “ อากาศยกตัวเปน็ อากาศที่มีสมบัติอยา่ งไร และการยกตัวของอากาศก่อให้เกดิ ลกั ษณะลมฟ้าอากาศใด” แนวคาตอบ อากาศยกตัวคืออากาศทีม่ สี ดั สว่ นไอน้ามาก (อากาศช้ืน) เมื่ออากาศเหลา่ น้ียกตัวจะทาให้เกิดเมฆ และหยาดนา้ ฟา้ ปริมาณมาก ข้นั สำรวจและค้นพบ (Exploration Phase) 1. นกั เรียนสืบคน้ ขอ้ มลู ความสมั พนั ธ์ของการหมุนเวียนอากาศกบั ภมู ิอากาศ จำกหนงั สือเรียนรำยวชิ ำ โลก ดำรำศำสตร์ และอวกำศ เล่ม 3 และใบควำมรู้ 2. นกั เรียนทำใบงำนแบบฝึกทกั ษะ ข้นั อธบิ ำยและลงข้อสรุป ( Explanation Phase) 1 . นกั เรียนร่วมซกั ถำม และครูอธิบำยเพมิ่ เติมเก่ียวกบั ขอ้ มูลความสมั พันธข์ องการหมุนเวียนอากาศกบั ภูมอิ ากาศเพ่ือใหน้ กั เรียนสรุปสำระสำคญั ลงในสมุดจดบนั ทึก ข้ันขยำยควำมรู้ (Expansion Phase) 1. นกั เรียนสนทนำซกั ถำมครูเก่ียวกบั ขอ้ สงสัย ศึกษำเพ่ิมเติมจำกใบควำมรู้เร่ืองความสัมพันธ์ของการ หมุนเวียนอากาศกับภูมิอากาศ ข้นั ประเมิน (Evaluation)
71 1. สังเกตพฤติกรรมกำรเรียนรู้และกำรร่วมกิจกรรมของนกั เรียน 2. ครูสังเกตกำรณ์ตอบคำถำมของนกั เรียน 3. ครูวดั ประเมินจำกกำรทำแบบฝึกหดั 8. สอื่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี น รายวชิ าเพ่ิมเติม โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.5 เลม่ 3 2. ใบความร้ทู ่ี 1 เรอ่ื ง ความสัมพนั ธ์ของการหมนุ เวยี นอากาศกับภมู อิ ากาศ 3. PowerPoint เร่ืองความสมั พนั ธข์ องการหมุนเวยี นอากาศกับภูมอิ ากาศ 9. แหลง่ การเรยี นรู้ 1. ห้องเรียน 2. แหล่งการเรยี นร้สู นเทศ
72 10.การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ วธิ ีวัด เคร่ืองมือวัด เกณฑ์การประเมิน สิ่งทีต่ ้องวัดผลและประเมินผล - มผี ลประเมิน ดา้ นความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) - การทา - ใบกิจกรรมฝกึ ทักษะ คุณภาพระดับดี 1. ความสมั พันธข์ องการหมนุ เวยี นอากาศกับ ใบฝกึ 1.1 มากขึ้นไป ภูมิอากาศ ทกั ษะ - แบบทดสอบ - ทาคะแนน 80 % ข้นึ ไป ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - การ - แบบสังเกต สงั เกต พฤติกรรม การทา - มีผลประเมิน 1. ทักษะการสงั เกต คุณภาพระดบั ดีขึ้น กิจกรรมฝกึ ทักษะ ไป 2. การตัง้ สมมติฐาน 3. การตีความหมายข้อมูลและข้อสรุป ดา้ นคุณลกั ษณะ (A) - การ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - มีผลประเมนิ 1. ซ่ือสัตย์สจุ ริต สังเกต การเรียน คณุ ภาพระดบั ดีขึน้ 2. มีวนิ ยั ไป 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. ม่งุ มน่ั ในการทางาน 5. ตรงต่อเวลา เกณฑ์กำรให้คะแนน ระดบั คะแนน 80-100% ดีมำก ระดบั คะแนน 70-79% ดี ระดบั คะแนน 60-69% ปำนกลำง ระดบั คะแนน 50-59 % พอใช้ ระดบั คะแนน 0 - 49% ปรับปรุง
73 แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ส่ิงที่ตอ้ งกำรวดั / คำอธิบำยคณุ ภำพ ประเมินผล ดี (3) พอใช้ (2) ดีมำก (4) ปรับปรุง (1) 1. เขำ้ เรียนตรงต่อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เขำ้ เรียนสำยเกิน 20 เวลำ เวลำสม่ำเสมอดี เวลำสม่ำเสมอ เขำ้ เวลำบ้ำงบำงคร้ัง นำที มำก เรียนสำยไม่เกิน 5 แต่เขำ้ เรียนสำยไม่ นำที เกิน 10 นำที 2. ใฝ่เรียนรู้ มีควำม มีควำม มีควำม มีควำมกระตือรือร้น กระตือรือร้นใน กำรเรียนดีมำก กระตือรือร้นใน กระตือรือร้นดีและ ในกำรเรียนดี มีกำร กำรเรียนมีกำรตอบ มีกำรตอบคำถำม ตอบคำถำมบำ้ งเป็น คำถำมในช้นั เรียน เกือบทุกคร้ัง บำงคร้ัง ทุกคร้ัง 3. มีระเบียบวนิ ยั ทำงำนเป็นระเบียบ ทำงำนเป็นระเบียบ ทำงำนเป็นระเบียบ ท ำ ง ำ น ไ ม่ เ ป็ น และถูกตอ้ งหมด และถูกตอ้ ง 80% และถกู ตอ้ ง 60% ระเบียบ และถูกตอ้ ง ข้นึ ไป ข้นึ ไป 40% ข้นึ ไป 4. ควำมรับผดิ ชอบ ทำงำนที่ไดร้ ับ ท ำ ง ำ น ท่ี ไ ด้ รั บ ท ำ ง ำ น ท่ี ไ ด้ รั บ ท ำ ง ำ น ที่ ไ ด้ รั บ มอบหมำยดีมีควำม มอบหมำยดีมีควำม มอบหมำยดีมีควำม มอบหมำยพอใช้มี ถกู ตอ้ งตรงเวลำ ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งเป็นบำงคร้ัง ควำมถกู ตอ้ งบำ้ ง 1. เขำ้ เรียนตรงต่อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เขำ้ เรียนสำยเกิน 20 เวลำ เวลำสม่ำเสมอดี เวลำสม่ำเสมอ เขำ้ เวลำบ้ำงบำงคร้ัง นำที มำก เรียนสำยไม่เกิน 5 แต่เขำ้ เรียนสำยไม่ นำที เกิน 10 นำที
74 เกณฑ์กำรตัดสินคะแนน ระดบั คุณภำพ ดีมำก ช่วงคะแนน ดี 13 - 16 พอใช้ 9 - 12 ปรับปรุง 5-8 0-4
75 เกณฑ์การประเมินแบบสังเกตพฤติกรรมระหว่างเรยี น รายการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ การทางานเป็นทีม 321 รับฟังความคิดเห็นของ รับฟังความคิดเห็นของ รับฟังความคิดเห็นของ ผู้อื่นเป็นอย่างดีมากและ ผู้อื่นเป็นส่วนใหญ่และ ผู้อื่นน้อยมากและมีส่วน ร่วมกันทางานจนงาน ร่วมกันทางานจนงาน ร่วมร่วมกันในการ สาเร็จลุล่วง สาเรจ็ ลุลว่ ง ท างานกลุ่มเพียง เลก็ นอ้ ย ความตรงตอ่ เวลาใน สง่ งานตรงเวลาทก่ี าหนด ส่งงานหลงั จากเวลาที่ สง่ งานหลังจากเวลาท่ี การส่งงาน กาหนด 1 วนั กาหนดมากกว่า 1 วนั เกณฑ์การประเมนิ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 5-6 ระดบั คะแนนดี 3-4 ระดับคะแนนพอใช้ 1-2 ระดบั คะแนนปรับปรงุ ตง้ั แต่ระดับคะแนนพอใช้ข้นึ ไป เกณฑ์การผ่าน ผา่ น ไมผ่ ่าน สรุปผลการประเมิน
76 แบบสังเกตพฤติกรรมระหว่ำงเรียน คำชีแ้ จงใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวำ่ งเรียนแลว้ ทำเครื่องหมำย✓ลงในช่องท่ีตรงกบั คะแนน ลำดับ ชื่อ-สกุลผู้รับกำรประเมิน กำรทำงำนเป็ นทีม ควำมตรงต่อเวลำในกำรส่งงำน รวม 321 3 2 1 ดมี ำก ดี พอใช้ ดมี ำก ดี พอใช้ ช่ือ..................................................ผปู้ ระเมิน ....................../..................../....................
77 กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................. บันทกึ ผลหลังการสอน สรุปผลการเรยี นการสอน นักเรียนทั้งหมดจานวน ......... คน จดุ ประสงค์การเรียนรขู้ ้อที่ จานวนนกั เรยี นที่ผ่าน จานวนนักเรียนทไ่ี มผ่ ่าน จานวนคน ร้อยละ จานวนคน ร้อยละ ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางการแก้ไข ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.................................................................... (………………………………………………………) ตาแหน่งครูวิทยฐานะ........................................
78 ลงช่ือ................................................................. (………………………………………………………) หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ลงชอื่ ................................................................. (………………………………………………………) รองผ้อู านวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ ความคดิ เห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา ได้ทาการตรวจแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง...............................................................................แล้วมี ความคดิ เห็นดงั น้ี 1. เปน็ แผนการเรยี นรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กจิ กรรมไดน้ ากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผเู้ รยี นเป็นสาคัญมาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไมเ่ นน้ ผเ็ รยี นเปน็ สาคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป 3. ขอ้ เสนอแนะอ่ืน ๆ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่ือ................................................................. (………………………………………………………) ผ้อู านวยการโรงเรียน
79 แบบฝกึ หัด เร่อื ง ความสมั พันธ์ของการหมุนเวยี นอากาศกับภูมิอากาศ คาช้แี จง จงตอบคาถามต่อไปนี้ 1.จากแบบจาลองการหมนุ เวียนอากาศแบบทว่ั ไป ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ี 1.1 เหตใุ ดอากาศจึงยกตัวขน้ึ บรเิ วณศนู ยส์ ูตร และบรเิ วณละตจิ ูดท่ี 60 องศา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.2 เหตุใดอากาศจงึ จมตวั ลงบริเวณละติจูดท่ี 30 องศา และบริเวณข้วั โลก ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
80 แบบฝกึ หดั เร่อื ง ความสมั พันธ์ของการหมนุ เวียนอากาศกับภมู ิอากาศ คาช้ีแจง จงตอบคาถามต่อไปน้ี 1.จากแบบจาลองการหมนุ เวียนอากาศแบบท่วั ไป ให้นักเรียนตอบคาถามต่อไปน้ี 1.1 เหตใุ ดอากาศจึงยกตวั ขนึ้ บรเิ วณศูนยส์ ตู ร และบริเวณละติจดู ที่ 60 องศา แนวคาตอบ อากาศยกตัวบริเวณศูนย์สูตรเน่ืองจากบรเิ วณนไ้ี ด้รบั พลังงานจากรงั สีดวงอาทิตยใ์ นปรมิ าณมาก อุณหภมู ิเฉลย่ี ของอากาศบริเวณน้จี งึ สงู และเกิดการยกตวั ของอากาศ อากาศยกตวั บรเิ วณละตจิ ดู ท่ี 60 องศา เกิดเนอ่ื งจากอากาศเยน็ จากขั้วโลกเคลอ่ื นมายังละตจิ ูดตา่ จะสะสมพลังงานและความชืน้ เมื่อมาปะทะกบั อากาศที่อนุ่ กว่าทบ่ี รเิ วณละติจดู ที่ 60 องศา อากาศเกดิ การยกตวั 1.2 เหตุใดอากาศจงึ จมตวั ลงบริเวณละตจิ ูดที่ 30 องศา และบรเิ วณขั้วโลก แนวคาตอบ อากาศจมตัวบริเวณละตจิ ดู ท่ี 30 องศา เนอื่ งจากอากาศทย่ี กตวั บริเวณศูนย์สูตรเคล่อื นตวั ไปตามละติจดู ท่สี ูงข้ึนอากาศจงึ มอี ณุ หภูมิลดตา่ ลง ทาให้อากาศมีความหนาแน่นเพ่ิม มากขน้ึ ความกดอากาศจงึ สูงขนึ้ และจมตวั ลงบริเวณขว้ั โลกอากาศจมตัวเนอ่ื งจากบรเิ วณขั้วโลกมีความเข้มรงั สี ดวงอาทติ ยน์ ้อยจึงมีอณุ หภมู ิตา่ และมีความกดอากาศสูง
81
82 แผนการจดั กจิ กรมการเรียนรู้ 6 สารระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี รายวิชา ว 32261 รายวิชา โลกดาราศาสตร์ และอวกาศ 2 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 9 การหมุนเวยี นของน้าในมหาสมุทร เรอ่ื ง อุณหภูมแิ ละความเค็มของมหาสมทุ ร 1. สาระ / ผลการเรยี นรู้ สาระ เข้าใจสมดุลพลงั งานของโลก การหมนุ เวยี นของอากาศบนโลก การหมุนเวยี น ของนา้ ในมหาสมุทร การ เกดิ เมฆ การเปลย่ี นแปลงภูมิอากาศโลกและผลต่อส่งิ มีชีวิต และสิง่ แวดล้อม รวมท้ังการพยากรณ์อากาศ ผลการเรยี นรู้ 1. อธบิ ายปัจจยั ท่ีทาใหเ้ กิดการแบ่งชนั้ น้าในมหาสมทุ ร 2. อธบิ ายปัจจยั ทที่ าใหเ้ กิดการหมุนเวยี นของนา้ ในมหาสมุทรและรปู แบบการหมนุ เวียนของนา้ ใน มหาสมทุ ร 3. อธิบายผลของการหมุนเวียนของนา้ ในมหาสมทุ รท่ีมตี ่อลกั ษณะลมฟา้ อากาศ ส่ิงมชี วี ติ และสิ่งแวดล้อม 2. สาระสาคัญ น้าในมหาสมุทรมีอุณหภมู แิ ละความเค็มของนา้ แตกต่างกนั ในแต่ละแถบละติจดู และแต่ละระดับความลึก ซ่ึงหากพจิ ารณามวลน้าในแนวดง่ิ และใช้อุณหภูมเิ ปน็ เกณฑ์ จะสามารถแบ่งชน้ั น้า ไดเ้ ปน็ 3 ชนั้ คือ น้าช้นั บน น้าชน้ั เทอร์โมไคลน์ และน้าช้ันลา่ ง การหมนุ เวียนของนา้ ผวิ หน้าในมหาสมุทรได้รบั อิทธิพลจากการหมนุ เวยี นของอากาศในแตล่ ะแถบละตจิ ูด เป็นปัจจยั หลักประกอบกับแรงคอริออลิส และขอบทวีปท่ขี วางกนั้ การไหลของนา้ ทาให้กระแสน้าผวิ หน้า มหาสมทุ รไหลในทิศทางตามเข็มนาฬิกาในซีกโลกเหนอื และทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้ ซง่ึ กระแสนา้ ผิวหนา้ มหาสมุทรมีทง้ั กระแสน้าอุน่ และกระแสน้าเยน็ ส่วนการหมนุ เวียนของกระแสนา้ ลึกเกิดจาก น้าผิวหน้ามหาสมุทรมีความหนาแนน่ เพ่มิ ขึ้นจึงจมตวั ลงและไหลอยู่ในระดับลึก ทงั้ กระแสน้าผิวหน้ามหาสมุทร และกระแสนา้ ลกึ จะหมุนเวยี นต่อเนอื่ งกันเกดิ เปน็ การหมนุ เวยี นของน้าในมหาสมทุ ร
83 นอกจากน้ี ชายฝง่ั บางบรเิ วณอาจเกิดน้าผุดหรือน้าจม ซ่ึงเปน็ การหมนุ เวียนของนา้ ในมหาสมทุ รรูปแบบหนงึ่ ท่ี ส่งผลตอ่ ระบบนิเวศในมหาสมุทร การหมนุ เวียนอากาศและน้าในมหาสมุทร ส่งผลต่อลกั ษณะลมฟา้ อากาศ ส่ิงมีชีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม แตกตา่ งกนั ไป หากการหมนุ เวยี นอากาศและน้าในมหาสมุทรเกิดความแปรปรวนจะทาให้เกิดผลกระทบ เชน่ ปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา ซึง่ เกิดจากความแปรปรวนของลมค้าและสง่ ผลต่อสภาพลมฟ้าอากาศของ ประเทศท่อี ยบู่ ริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก รวมถึงบรเิ วณอื่น ๆ บนโลก 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) 1. อธบิ ายปัจจยั ท่สี ่งผลให้อุณหภูมแิ ละความเค็มของนา้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รแตกต่างกันในแต่ละแถบ ละติจูด 2. อธิบายปจั จัยทส่ี ่งผลให้เกิดการเปลย่ี นแปลงของอณุ หภมู แิ ละความเค็มของน้าในมหาสมุทรในแตล่ ะ ระดบั ความลึก 3. อธิบายการจาแนกชั้นของนา้ ในมหาสมุทร ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ทักษะการสังเกต 2. การต้งั สมมตฐิ าน 3. การตคี วามหมายข้อมลู และข้อสรปุ ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์(A) 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 2. ซ่อื สัตยส์ ุจรติ 3. มีวนิ ยั 4. ใฝเ่ รียนรู้ 5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง 6. มุ่งมัน่ ในการทางาน 7. รกั ความเป็นไทย 8. มจี ิตสาธารณะ 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ
84 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5.สาระการเรียนรู้ การหมนุ เวยี นของอากาศบนโลก 6. ภาระงาน/ชิ้นงาน - แบบทดสอบ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 9 การหมุนเวยี นของน้าในมหาสมทุ ร - ใบงานท่ี 1 เร่อื ง อุณหภมู ิและความเค็มของมหาสมุทร 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยย่อยที่ 1 เร่ือง อุณหภมู แิ ละความเคม็ ของมหาสมทุ ร ข้ันนำเข้ำสู่บทเรียน (Engagement Phase) 1. ครนู าเข้าส่บู ทเรยี นโดยให้นกั เรยี นสงั เกตรูปนาบทในหนังสือเรยี นหนา้ 53 จากนั้นร่วมกันอภิปราย โดยใช้คาถามดังนี้ “ พ้ืนท่สี ีน้าตาล และพื้นท่ีสีน้าเงินหมายถึงสง่ิ ใด” แนวคาตอบ พ้ืนทสี่ นี ้าตาลหมายถึงแผ่นดิน และพืน้ ที่สนี ้าเงินหมายถงึ มหาสมุทร “เส้นสขี าวบนมหาสมุทรหมายถึงส่งิ ใด” แนวคาตอบ การไหลของนา้ ในมหาสมทุ ร “นักเรียนคดิ วา่ เพราะเหตุใดกระแสน้าผวิ หน้ามหาสมุทรจึงมีรูปแบบไหลดังทปี่ รากฏในรูป” แนวคาตอบ นักเรยี นตอบได้ตามความเห็นของตนเองโดยครยู งั ไม่เฉลยคาตอบท่ถี ูกตอ้ ง ข้นั สำรวจและค้นพบ (Exploration Phase) 1. นกั เรียนสืบคน้ ขอ้ มลู อณุ หภมู ิและความเค็มของมหาสมทุ ร จำกหนงั สือเรียนรำยวิชำโลก ดำรำ ศำสตร์ และอวกำศ เล่ม 3 และใบควำมรู้ 2. นกั เรียนทำใบงำนแบบฝึกทกั ษะ
85 ข้นั อธิบำยและลงข้อสรุป ( Explanation Phase) 1 . นกั เรียนร่วมซกั ถำม และครูอธิบำยเพิม่ เติมเกี่ยวกบั ขอ้ มลู อณุ หภมู แิ ละความเคม็ ของมหาสมุทร เพอ่ื ให้ นกั เรียนสรุปสำระสำคญั ลงในสมุดจดบนั ทึก ข้ันขยำยควำมรู้ (Expansion Phase) 1. นกั เรียนสนทนำซกั ถำมครูเก่ียวกบั ขอ้ สงสัย ศึกษำเพ่ิมเติมจำกใบควำมรู้เร่ืองอุณหภูมแิ ละความเค็มของ มหาสมทุ ร ข้นั ประเมิน (Evaluation) 1. สงั เกตพฤติกรรมกำรเรียนรู้และกำรร่วมกิจกรรมของนกั เรียน 2. ครูสงั เกตกำรณ์ตอบคำถำมของนกั เรียน 3. ครูวดั ประเมินจำกกำรทำแบบฝึกหดั 8. สื่อการเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี น รายวิชาเพิ่มเติม โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.5 เลม่ 3 2. ใบความรทู้ ่ี 1 เร่ือง อุณหภูมแิ ละความเคม็ ของมหาสมุทร 3. PowerPoint เรอ่ื ง อุณหภมู ิและความเคม็ ของมหาสมทุ ร 9. แหลง่ การเรียนรู้ 1. หอ้ งเรียน 2. แหล่งการเรยี นร้สู นเทศ
86 10.การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ สิง่ ที่ตอ้ งวัดผลและประเมินผล วธิ ีวัด เครือ่ งมือวัด เกณฑ์การประเมนิ - มีผลประเมนิ ด้านความรู้ความเขา้ ใจ (K) - การทา - ใบกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ คณุ ภาพระดบั ดี ใบฝกึ 1.1 มากขน้ึ ไป 1. ปจั จยั ท่สี ่งผลให้อณุ หภูมิและความเคม็ ทักษะ - ทาคะแนน 80 % ของน้าผวิ หน้ามหาสมุทรแตกต่างกันในแต่ละแถบ - แบบทดสอบ ข้นึ ไป ละติจูดและแต่ละระดับความลกึ - มผี ลประเมนิ 2. การแบง่ ชนั้ นา้ ในมหาสมทุ ร คณุ ภาพระดบั ดีขึน้ ไป ด้านทักษะกระบวนการ (P) - การ - แบบสงั เกต 1. ทักษะการสังเกต สังเกต พฤติกรรม การทา - มีผลประเมนิ 2. การต้ังสมมตฐิ าน คุณภาพระดบั ดีขนึ้ กิจกรรมฝึกทักษะ ไป 3. การตีความหมายข้อมูลและข้อสรปุ ด้านคุณลกั ษณะ (A) - การ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม 1. ซื่อสัตย์สุจรติ สังเกต การเรียน 2. มวี นิ ยั 3. ใฝเ่ รียนรู้ 4. มุ่งมั่นในการทางาน 5. ตรงตอ่ เวลา เกณฑ์กำรให้คะแนน ระดบั คะแนน 80-100% ดีมำก ระดบั คะแนน 70-79% ดี ระดบั คะแนน 60-69% ปำนกลำง ระดบั คะแนน 50-59 % พอใช้ ระดบั คะแนน 0 - 49% ปรับปรุง
87 แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ส่ิงที่ตอ้ งกำรวดั / คำอธิบำยคณุ ภำพ ประเมินผล ดี (3) พอใช้ (2) ดีมำก (4) ปรับปรุง (1) 1. เขำ้ เรียนตรงต่อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เขำ้ เรียนสำยเกิน 20 เวลำ เวลำสม่ำเสมอดี เวลำสม่ำเสมอ เขำ้ เวลำบ้ำงบำงคร้ัง นำที มำก เรียนสำยไม่เกิน 5 แต่เขำ้ เรียนสำยไม่ นำที เกิน 10 นำที 2. ใฝ่เรียนรู้ มีควำม มีควำม มีควำม มีควำมกระตือรือร้น กระตือรือร้นใน กำรเรียนดีมำก กระตือรือร้นใน กระตือรือร้นดีและ ในกำรเรียนดี มีกำร กำรเรียนมีกำรตอบ มีกำรตอบคำถำม ตอบคำถำมบำ้ งเป็น คำถำมในช้นั เรียน เกือบทุกคร้ัง บำงคร้ัง ทุกคร้ัง 3. มีระเบียบวนิ ยั ทำงำนเป็นระเบียบ ทำงำนเป็นระเบียบ ทำงำนเป็นระเบียบ ท ำ ง ำ น ไ ม่ เ ป็ น และถูกตอ้ งหมด และถูกตอ้ ง 80% และถกู ตอ้ ง 60% ระเบียบ และถูกตอ้ ง ข้นึ ไป ข้นึ ไป 40% ข้นึ ไป 4. ควำมรับผดิ ชอบ ทำงำนที่ไดร้ ับ ท ำ ง ำ น ท่ี ไ ด้ รั บ ท ำ ง ำ น ท่ี ไ ด้ รั บ ท ำ ง ำ น ที่ ไ ด้ รั บ มอบหมำยดีมีควำม มอบหมำยดีมีควำม มอบหมำยดีมีควำม มอบหมำยพอใช้มี ถกู ตอ้ งตรงเวลำ ถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งเป็นบำงคร้ัง ควำมถกู ตอ้ งบำ้ ง 1. เขำ้ เรียนตรงต่อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เข้ำเรี ย นต ร ง ต่ อ เขำ้ เรียนสำยเกิน 20 เวลำ เวลำสม่ำเสมอดี เวลำสม่ำเสมอ เขำ้ เวลำบ้ำงบำงคร้ัง นำที มำก เรียนสำยไม่เกิน 5 แต่เขำ้ เรียนสำยไม่ นำที เกิน 10 นำที
88 เกณฑ์กำรตัดสินคะแนน ระดบั คุณภำพ ดีมำก ช่วงคะแนน ดี 13 - 16 พอใช้ 9 - 12 ปรับปรุง 5-8 0-4
89 เกณฑ์การประเมินแบบสังเกตพฤติกรรมระหว่างเรยี น รายการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ การทางานเป็นทีม 321 รับฟังความคิดเห็นของ รับฟังความคิดเห็นของ รับฟังความคิดเห็นของ ผู้อื่นเป็นอย่างดีมากและ ผู้อื่นเป็นส่วนใหญ่และ ผู้อื่นน้อยมากและมีส่วน ร่วมกันทางานจนงาน ร่วมกันทางานจนงาน ร่วมร่วมกันในการ สาเร็จลุล่วง สาเรจ็ ลุลว่ ง ท างานกลุ่มเพียง เลก็ นอ้ ย ความตรงตอ่ เวลาใน สง่ งานตรงเวลาทก่ี าหนด ส่งงานหลงั จากเวลาที่ สง่ งานหลังจากเวลาท่ี การส่งงาน กาหนด 1 วนั กาหนดมากกว่า 1 วนั เกณฑ์การประเมนิ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 5-6 ระดบั คะแนนดี 3-4 ระดับคะแนนพอใช้ 1-2 ระดบั คะแนนปรับปรงุ ตง้ั แต่ระดับคะแนนพอใช้ข้นึ ไป เกณฑ์การผ่าน ผา่ น ไมผ่ ่าน สรุปผลการประเมิน
90 แบบสังเกตพฤติกรรมระหว่ำงเรียน คำชีแ้ จงใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวำ่ งเรียนแลว้ ทำเครื่องหมำย✓ลงในช่องท่ีตรงกบั คะแนน ลำดับ ชื่อ-สกุลผู้รับกำรประเมิน กำรทำงำนเป็ นทีม ควำมตรงต่อเวลำในกำรส่งงำน รวม 321 3 2 1 ดมี ำก ดี พอใช้ ดมี ำก ดี พอใช้ ช่ือ..................................................ผปู้ ระเมิน ....................../..................../....................
91 กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................. บันทกึ ผลหลังการสอน สรุปผลการเรยี นการสอน นกั เรยี นทั้งหมดจานวน ......... คน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ข้อท่ี จานวนนักเรียนทีผ่ า่ น จานวนนักเรียนท่ไี มผ่ ่าน จานวนคน รอ้ ยละ จานวนคน ร้อยละ ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางการแก้ไข ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.................................................................... (………………………………………………………) ตาแหนง่ ครูวทิ ยฐานะ........................................
92 ลงช่ือ................................................................. (………………………………………………………) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ ลงช่ือ................................................................. (………………………………………………………) รองผู้อานวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ ความคิดเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้ของ...............................................................................แล้วมี ความคดิ เหน็ ดงั น้ี 1. เป็นแผนการเรียนรู้ท่ี ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจัดกจิ กรรมได้นากระบวนการเรียนรู้ เน้นผูเ้ รยี นเป็นสาคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไม่เน้นผู้เรยี นเป็นสาคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ................................................................. (………………………………………………………) ผูอ้ านวยการโรงเรียน
93 ใบความรู้ เร่ือง อุณหภูมิและความเคม็ ของมหาสมุทร มหาสมทุ ร มหาสมุทร คือ เปลือกโลกส่วนท่มี ีลกั ษณะคลา้ ยกบั แอ่งและมีน้าปกคลมุ อยู่ มีเน้ือที่ประมาณร้อยละ 71 ของเปลือกโลกทั้งหมด มหาสมุทรอยูร่ ะหวา่ งทวีปและอยูล่ ้อมรอบทวิปดว้ ย ส่วนที่อยขู่ อบ ๆ ของมหาสมทุ ร เรียกวา่ ทะเล บางส่วนเรียกว่าอ่าว บางทเี ราใช้คาว่าทะเลแตห่ มายถงึ มหาสมุทรก็มี บางทเี ราใช้คาวา่ ทะเลแต่ หมายถึงมหาสมุทรก็มี ทะเลมหาสมุทรนัน้ เป็นหินจาพวกหินบะซอลต์จงึ เรียกกนั อีกอย่างหน่ึงว่า ไซมา ผิวหน้าของทะเลมหาสมุทร เรยี กวา่ ระดับนา้ ทะเล ซงึ่ ไม่ไดแ้ บนราบเหมือนแผ่นกระดาษ แต่จะโค้งนูนออกมาเหมอื นเปลือกโลกส่วนน้นั ระดับน้าทะเลน้ไี ม่คงทแี่ ตเ่ ปลี่ยนแปลงได้ เพราะน้าเป็นของเหลวจึงเปลี่ยนไดง้ ่าย การเปลย่ี นแปลงของ ระดบั น้าทะเลเป็นการเปล่ียนเพียงชั่วครงั้ ชว่ั คราว ซึ่งอาจจะเกิดขนึ้ เพราะมนี ้าขึน้ น้าลง หรอื มฝี นตกมาก ผดิ ปกติ หรอื มลี มพดั มาเหนอื น้าทะเล และจะไมท่ ้ิงร่องรอยไว้เลย แต่จะสังเกตได้ที่แถบชายฝ่งั พื้นท้อง มหาสมทุ รซ่ึงเป็นสว่ นหน่งึ ของโลกนัน้ จะมีลกั ษณะโค้งนูนออกมาเหมือนระดับนา้ ทะเล การทีม่ ีนา้ ขงั อยไู่ ด้ เพราะสว่ นนีอ้ ยู่ไกล้จุดศูนยก์ ลางของโลกมากกวา่ สว่ นท่เี ป็นพ้ืนดินท่ีอยู่ตดิ ต่อกนั ทะเลมหาสมุทรมคี วามลึก โดยเฉลยี่ ประมาณ 3.7 กโิ ลเมตร(12,450 ฟุต หรอื 2.36 ไมล์ แต่ส่วนใหญล่ กึ กวา่ นี้ประมาณ 4.7 กิโลเมตร ( 3 ไมล์ ) หรอื มากกวา่ น้ัน และยังมสี ่วนที่ลกึ มากกว่าน้ี คือลึกถงึ 9.5 กโิ ลเมตร ( 6 ไมล์ ) ที่ดา้ นตะวันตกของ มหาสมทุ รแปซิฟกิ ซึ่งถือกนั ว่าเปน็ ตอนทลี่ ึกท่สี ดุ ของทะเลมหาสมทุ รท้ังหมด มีชอื่ เรียกวา่ รอ่ งลกึ บาดาลมา เรยี นา่ นน้ั ลึกถึง 10.692 กโิ ลเมตร ( 35,640 ฟตุ ) ทะเลมหาสมุทรนนั้ แบ่งออกไดเ้ ป็นสว่ นตา่ ง ๆ ดังน้ี (รูปที่ 1 ) 1. ไหลท่ วีป เป็นสว่ นท่ตี ้ืนทส่ี ุดและอยู่ตดิ กับส่วนที่เปน็ ทวีป บางทถี ือว่าเปน็ สว่ นของทวีป บางทถี ือว่าเปน็ ส่วน ของทวปี พืน้ ของไหล่ทวีปบางตอนจะเรียบ บางตอนมีรอ่ งยาว บางตอนมีสันเนนิ บางตอนมแี อง่ กลม บางตอน มีเนินเขา บางสว่ นเปน็ หนิ บางส่วนปกคลุมดว้ ยโคลน ทราย หรอื กรวด ไหลท่ วีป เป็นสว่ นท่ีมกี ารเปล่ียนแปลง อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบกรรมวธิ ีปรับระดบั หรือการเปลี่ยนแปลง ท่เี กิดจากการเคลอ่ื นไหวแปรรปู ของเปลือกโลก ไหล่ทวีปจะมรี ะดบั สงู ขึ้นและมีขนาดกว้างออกไป เพราะมวี ัตถุ ตา่ ง ๆ จากพื้นดนิ มาทับถมอยู่ ตัวกระทาท่นี าเอาวตั ถุเหลา่ น้ันมาคอื แม่นา้ ลมและสิ่งท่ีหลดุ ร่วงจากฝ่งั จาก การกระทาของทะเลมหาสมุทรเอง ถ้าชายฝ่งั จมตวั ลงนา้ ทะเลจะไหลท่วมขนึ้ ไปถึงส่วนท่ปี ็นท่ีราบชายฝัง่ ไหล่ ทวีปจะเปล่ียนแปลงไป ถ้าชายฝ่ังยกตัวสงู ข้นึ ไหล่ทวปี อาจกลายเป็นทรี่ าบชายฝั่งไป
94 2. ลาดทวีปอยถู่ ดั จากไหล่ทวีป มคี วามลาดชนั มาก 65 กโิ ลเมตรตอ่ ระยะทาง 1 กิโลเมตรทอดไปถงึ ระดับน้า ลึกประมาณ 3,600 เมตรลาดทวีปในทต่ี า่ ง มีความกวา้ งแตกตา่ งกนั ไปโดยเฉล่ียจะกว้างเป็น 2 เท่าของไหล่ ทวีป ขอบนอกสดุ ของลาดทวปี จะตดิ ต่อกบั พ้ืนท้องมหาสมุทรเป็นแนวที่เหน็ ได้ชัดเจน เพราะเปน็ ตอนที่มีการ เปลย่ี นระดับ ลาดทวีปนเี้ ป็นส่วนขอบของเปลือกโลกท่ีเรียกว่าไซอลั ท่ีลาดทวปี และทีข่ อบๆ ของไหล่ทวีปบางตอนมีหบุ เขาลกึ อยู่ระหว่าง หุบผาชันใต้ทะเล (รูปที่ 1) หุบผาชันใต้ ทะเลบางแห่งมสี าขาอยูด่ ้วย ก้นหุบผาชนั ใต้ทะเลส่วนใหญ่มคี วามลกึ 1,800-2,000 เมตร ตา่ กว่า ระดับนา้ ทะเล สาเหตุของการเกดิ หุบผาชนั ใตท้ ะเลนย้ี งั ไม่ทราบแน่ นอน มกี ารสนั นิษฐานกันหลายอยา่ ง บ้างว่าเนื่องจากการเปลี่ยนระดบั ของหิน บา้ งวา่ เพราะคลื่นขนาดใหญท่ า ใหเ้ กดิ กระแสนา้ ซึ่งไหลแรง ทาให้สว่ นน้นั สึกกร่อนไป บ้างว่าน้าใต้ดินบรเิ วณนั้นลดน้อยลงทาใหเ้ กิดการยุบตัว รูปท่ี 1 สว่ นตา่ งๆ ของทะเลมหาสมุทร 3. พ้ืนท้องมหาสมุทร คือช่วงตอนกลางของมหาสมทุ ร ชว่ งนี้ไมไ่ ดร้ าบเรยี บแต่มสี ่วนสูงส่วนตา่ ดว้ ย ไดแ้ ก่สนั เขา ซ่งึ แคบบ้าง กวา้ งบ้าง ท่รี าบสูง แอ่งรูปกลม แอ่งรูปยาว ภเู ขา เช่น สันเขามิดแอตแลนติก ซงึ่ ทอดจาก ไอซ์แลนดล์ งมาเกือบถึงทวีปแอนตารก์ ติค บางตอนสงู ขึน้ มาเหนือนา้ เป็นเกาะ เชน่ หมู่เกาะอะซอรส์ และเกาะ เล็ก ๆ อนื่ ๆ ส่วนใหญ่อยู่ใต้ระดับนา้ ทะเลคือหมู่เกาะฮาวาย สนั เขาแหง่ น้ียาวประมาณ 720 กโิ ลเมตร อ่าว เม็กซิโก ทะเลแครบิ เบียน ทะเลแดง เปน็ ตวั อย่างของแอง่ ลึกบนพื้นท้องมหาสมุทร (รูปท่ี 2 )
95 รปู ที่ 2 ส่วนต่าง ๆ ทพ่ี ืน้ ท้องมหาสมุทร ภูเขาใตท้ ะเล พบที่พื้นท้องมหาสมุทร ภูเขาใต้ทะเลบางลูกมียอดตดั เรยี กวา่ กียโ์ อต์พบมากที่ตอนกลางและที่ ดา้ นตะวนั ตกของมหาสมทุ รแปซิฟิคระหวา่ งหมู่เกาะมาเรยี นากับหมเู่ กาะฮาวายยอดของภเู ขากโี อต์อยทู่ รี่ ะดบั น้าลกึ 1,200 - 1,800 เมตรเดมิ อาจเปน็ ยอดภเู ขาไฟแลว้ คลื่นทาให้สึกกร่อนไปหรืออาจมปี ะการงั มาเกาะเหนอื ยอดเขาทาให้ยอดตัด ต่อมาพื้นทอ้ งมหาสมุทรลดระดบั ตา่ ลงหรอื นา้ ทะเลมรี ะดับสงู ข้นึ เลยจมหายไปใต้น้า (รูป ท่ี 3) รปู ท่ี 3 ภูเขาใต้ทะเลและกีโอต์
96 ร่องลกึ บาดาลและเหวทะเล รอ่ งลึกบาดาลเป็นแอ่งลกึ รปู ยาวและขอบสูงชันอยูท่ ่ีพืน้ ท้องมหาสมุทร รอ่ งลึก บาดาลอยูค่ ่อนมาทางลาดทวีปหรือใกลเ้ กาะ เชน่ ร่องลึกบาดาลอาลวิ เซยี นรอ่ งลึกบาดาลมินดาเนา ร่องลึก บาดาลมาเรียนา ร่องลึกบาดาลชวา ส่วนเหวทะเลหมายถึงแอ่งลมุ่ ที่มคี วามลึกเกินกว่า 600 เมตร กาเนิดของ ร่องลึกบาดาลนี้ไมเ่ ป็นท่ีทราบกนั แนน่ อน คาดกนั ว่าเกดิ จากการคดโค้งของพนื้ ท้องมหาสมุทร และร่องลึก บาดาลเปน็ ส่วนที่ตา่ แต่มีร่องลกึ บาดาลบางแหง่ มลี กั ษณะคล้ายหุบเขาทรดุ แนวทม่ี รี ่องลึกบาดาลนน้ั เป็นแนว ทีเ่ ปลือกโลกยงั มกี ารเคลื่อนไหวอยู่ เพราะแผน่ ดนิ ไหวทีเ่ กิดข้ึนน้ันมหี ลายครง้ั ทมี่ ีแหล่งกาเนิดอยทู่ ่ีใต้รอ่ งลึก บาดาลเหลา่ นนั้ ลงไป อุณหภมู ิของนา้ ทะเล อุณหภูมิของน้าทะเลนน้ั ขึน้ อย่กู ับการแผร่ งั สีดวงอาทติ ย์มากกวา่ ความร้อนจากแก่นโลก หรอื กัมมันตภาพรังสจี ากพื้นท้องมหาสมทุ ร อุณหภมู ิของน้าทะเลจะต่างกนั ท้ังทางแนวราบ คือจากเส้นศูนย์ สูตรไปทางข้วั โลก และทางแนวดิ่ง คือจากระดบั นา้ ทะเลลงไปถงึ พื้นท้องมหาสมุทรทางแนวราบนน้ั ท่เี สน้ ศูนย์ สูตรอุณหภูมิเฉล่ียท่รี ะดับน้าทะเลประมาณ 26 องศาเซลเซยี ส ( 80 องศาฟาเรนไฮน)์ ที่ขวั้ โลกประมาณ -2 องศาเซลเซยี ส (28องศาฟาเรนไฮน)์ ทางแนวดง่ิ ที่แถบอากาศร้อนอุณหภมู จิ ะลดลงอยา่ งรวดร็วจากระดบั น้า ทะเลถงึ ระดับลึกประมาณ 1,080 เมตร อุณหภูมิทร่ี ะดับนี้ประมาณ 4 องศาเซลเซยี ส จากระดับลึก 1,080 – 1,800 เมตร อุณหภูมิลดลง พ้นระดับนี้ลงไปถงึ พนื้ ท้องมหาสมุทรอณุ หภมู เิ กือบไม่เปล่ียนแปลง ประมาณ 2 องศาเซลเซยี ส ที่ขว้ั โลกอุณหภมู ิทีพ่ ื้นท้องมหาสมทุ รประมาณ 2 องศาเซลเซียส
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180