Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้โลกดาราศาสตร์ม.4 6281114012

แผนการจัดการเรียนรู้โลกดาราศาสตร์ม.4 6281114012

Published by praweena4696, 2022-01-09 10:46:24

Description: แผนการจัดการเรียนรู้โลกดาราศาสตร์ม.4 6281114012

Search

Read the Text Version

49 6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ความสามารถในการส่อื สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ัญหา  ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 (3R 8C + 2L) (จุดเนน้ สูก่ ารพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียน)  ทกั ษะการอา่ น (Reading)  ทกั ษะการ เขยี น (Writing)  ทักษะการ คดิ คานวณ (Arithmetic)  ทักษะดา้ นการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณและทกั ษะในการแกป้ ัญหา (Critical thinking and problem solving) ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์และนวตั กรรม (Creativity and innovation) ทักษะด้านความรว่ มมอื การทางานเปน็ ทมี และภาวะผู้นา (Collaboration , teamwork and leadership) ทักษะด้านความเข้าใจตา่ งวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) ทักษะดา้ น การสอ่ื สาร สารสนเทศ และรูเ้ ท่าทนั สื่อ (Communication information and media literacy) ทักษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร (Computing) ทกั ษะอาชีพและทกั ษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทกั ษะการเปลยี่ นแปลง (Change)  ทักษะการเรยี นรู้ (Learning Skills) ภาวะผนู้ า (Leadership) 7. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน - ใบงานที่ 2.1 เรอื่ ง ทฤษฎธี รณีแปรสณั ฐาน - ใบงานท่ี 2.2 เรอื่ ง การเคล่ือนท่ขี องแผน่ ธรณี

8. การจัดการเรียนรู้ 50 เรอ่ื ง ธรณแี ปรสณั ฐาน เวลา 6 ช่วั โมง เวลา 6 ช่ัวโมง รปู แบบการจัดการเรียนรู้ (รวมเวลา 12 ช่วั โมง) • แผนฯ ท่ี 1 : ทฤษฎธี รณแี ปรสณั ฐาน วิธสี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) • แผนฯ ท่ี 2 : รูปแบบการเคลอ่ื นที่ของแผ่นธรณี วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

51 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น คาชแ้ี จง : ให้นกั เรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ขอ้ ใดไม่ใช่หลกั ฐานทีส่ นบั สนุนทฤษฎที วปี เล่ือน 6. ข้อใดไม่ใช่คาอธิบายของทฤษฎีธรณีแปรสัณฐาน 1. ซากดึกดาบรรพ์กลอสโซพเทรีส 1. ธรณีภาคแตกออกเป็นแผน่ ธรณี 2. รูปรา่ งของขอบทวปี 2. แผน่ ธรณีมีการเคล่ือนท่ี 3 รูปแบบ 3. กลุ่มหินและแนวเทอื กเขา 3. มหาสมุทรมีการแผ่ขยายออกตลอดเวลา 4. การสะสมตัวของตะกอนธารนา้ แข็ง 4. การเคล่ือนท่ีของแผ่นธรณีทาใหเ้ กดิ ธรณสี ัณฐาน 5. ซากดึกดาบรรพฟ์ ิวซลู นิ ดิ 5. การเคลื่อนทีข่ องแผ่นธรณีทาใหเ้ กิดธรณพี ิบตั ิภัย 2. จากทฤษฎที วีปเลื่อน ทวีปใดเคยอยตู่ ดิ กันมาก่อน 7. ข้อใดเป็นธรณสี ัณฐานทเ่ี กดิ จากแผ่นธรณีเคลื่อนท่ี 1. อเมริกาใต้กบั ออสเตรเลีย แยกออกจากกนั 2. อเมริกาเหนือกับยุโรป 1. หุบเขาทรดุ 3. ยโุ รปกับแอนตรากตกิ า 2. วงแหวนไฟ 4. ออสเตรเลียกบั อเมรกิ าเหนือ 3. รอ่ งลกึ กน้ สมทุ ร 5. อเมรกิ าใต้กบั ยโุ รป 4. แนวเทอื กเขาสงู 3. ข้อใดเป็นขอ้ มูลท่ีสนบั สนุนวา่ มหาสมทุ รมีการแผ่ขยายออก 5. หมเู่ กาะภูเขาไฟรปู โคง้ 1. ซากดึกดาบรรพ์ 8. ประเทศใดทอ่ี ยู่ในบริเวณแนวแผ่นธรณเี คล่ือนท่ีหากนั 2. แนวภูเขาไฟบรเิ วณขอบทวปี 1. จนี 3. กลมุ่ หินและแนวเทือกเขา 2. อียปิ ต์ 4. อายหุ นิ บนพ้ืนมหาสมทุ ร 3. ไอซ์แลนด์ 5. การสะสมตัวของตะกอนธารน้าแข็ง 4. อนิ โดนเี ซยี 4. มหาสมุทรมีการแยกตัวออกจากกันทีบ่ รเิ วณใด 5. ซาอุดอิ าระเบีย 1. รอ่ งลึกกน้ สมุทร 9. ธรณีพิบตั ิภยั ใดท่ีสามารถเกิดขึ้นได้จากเคลื่อนที่ 2. หมเู่ กาะภเู ขาไฟรปู โคง้ ของแผน่ ธรณที ัง้ 3 รูปแบบ 3. สนั เขากลางสมทุ ร 1. สนึ ามิ 2. ดินถล่ม 4. แนวภูเขาไฟบริเวณขอบทวีป 3. แผ่นดนิ ไหว 4. ภูเขาไฟระเบดิ 5. แนวเทือกเขาสูงบริเวณชายฝ่ัง 5. แผน่ ดนิ ทรดุ 5. กระบวนการใดทท่ี าให้แผ่นธรณีมีการเคลือ่ นที่ 10. การเคล่ือนท่ขี องแผ่นธรณีแบบใดทีท่ าให้เกดิ สึนามิ 1. วงจรการพาความร้อน 1. แผ่นธรณมี หาสมุทรเคลื่อนทผี่ ่านกัน 2. การปรับสมดุลของเปลือกโลก 2. แผน่ ธรณมี หาสมุทรเคลื่อนที่แยกออกจากกนั 3. การเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 3. แผน่ ธรณที วปี เคล่ือนท่ีแยกออกจากกัน 4. การเพม่ิ และลดของระดบั นา้ ทะเล 4. แผ่นธรณีทวีปเคล่ือนทีผ่ ่านกัน 5. การเปลย่ี นแปลงรปู รา่ งวงโคจรของโลก 5. แผน่ ธรณมี หาสมทุ รเคล่ือนท่ีหาแผ่นธรณีทวปี

52 แบบทดสอบหลังเรียน คาชแ้ี จง : ให้นักเรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดเปน็ ข้อมูลทีส่ นบั สนุนว่ามหาสมทุ รมีการแผ่ขยายออก 6. ขอ้ ใดเปน็ ธรณีสัณฐานทเี่ กิดจากแผ่นธรณีเคลือ่ นที่ 1. ซากดึกดาบรรพ์ แยกออกจากกนั 2. แนวภูเขาไฟบริเวณขอบทวปี 1. หบุ เขาทรดุ 3. กลุ่มหินและแนวเทอื กเขา 2. วงแหวนไฟ 4. อายหุ นิ บนพนื้ มหาสมทุ ร 3. รอ่ งลึกกน้ สมทุ ร 5. การสะสมตัวของตะกอนธารนา้ แข็ง 4. แนวเทือกเขาสูง 2. ขอ้ ใดไม่ใช่หลักฐานทสี่ นับสนุนทฤษฎที วีปเลื่อน 5. หมู่เกาะภเู ขาไฟรูปโค้ง 1. ซากดึกดาบรรพก์ ลอสโซพเทรสี 7. ประเทศใดที่อยใู่ นบริเวณแนวแผ่นธรณีเคล่ือนท่หี ากนั 2. รูปรา่ งของขอบทวีป 1. จนี 3. กลุม่ หินและแนวเทอื กเขา 2. อยี ปิ ต์ 4. การสะสมตัวของตะกอนธารนา้ แข็ง 3. ไอซแ์ ลนด์ 5. ซากดึกดาบรรพฟ์ ิวซูลนิ ิด 4. อินโดนีเซยี 3. มหาสมทุ รมีการแยกตัวออกจากกันท่บี ริเวณใด 5. ซาอุดอิ าระเบีย 1. ร่องลกึ ก้นสมุทร 8. กระบวนการใดทีท่ าใหแ้ ผ่นธรณีมีการเคลื่อนที่ 2. หมเู่ กาะภเู ขาไฟรูปโคง้ 1. วงจรการพาความร้อน 3. สนั เขากลางสมทุ ร 2. การปรับสมดลุ ของเปลือกโลก 4. แนวภูเขาไฟบรเิ วณขอบทวปี 3. การเกดิ แผ่นดนิ ไหวขนาดใหญ่ 5. แนวเทือกเขาสงู บรเิ วณชายฝ่งั 4. การเพมิ่ และลดของระดบั นา้ ทะเล 4. ขอ้ ใดไม่ใช่หลักฐานทสี่ นับสนุนทฤษฎีทวีปเลื่อน 5. การเปล่ียนแปลงรูปรา่ งวงโคจรของโลก 1. ซากดึกดาบรรพ์กลอสโซพเทรีส 9. การเคลือ่ นทีข่ องแผน่ ธรณแี บบใดทที่ าใหเ้ กิดสึนามิ 2. รปู ร่างของขอบทวีป 1. แผ่นธรณมี หาสมทุ รเคลอื่ นที่ผ่านกนั 3. กลุ่มหินและแนวเทอื กเขา 2. แผ่นธรณมี หาสมุทรเคลือ่ นทแี่ ยกออกจากกัน 4. การสะสมตัวของตะกอนธารน้าแข็ง 3. แผน่ ธรณีทวีปเคลื่อนท่แี ยกออกจากกัน 5. ซากดึกดาบรรพฟ์ วิ ซลู นิ ดิ 4. แผ่นธรณที วีปเคลื่อนทผี่ า่ นกัน 5. ขอ้ ใดไม่ใช่คาอธบิ ายของทฤษฎธี รณแี ปรสัณฐาน 5. แผ่นธรณีมหาสมุทรเคลื่อนทห่ี าแผ่นธรณีทวีป 1. ธรณีภาคแตกออกเป็นแผ่นธรณี 10. ธรณพี ิบัติภยั ใดทสี่ ามารถเกิดขึ้นไดจ้ ากเคลอ่ื นที่ 2. แผน่ ธรณมี ีการเคลอื่ นท่ี 3 รปู แบบ ของแผน่ ธรณีทั้ง 3 รูปแบบ 3. มหาสมทุ รมกี ารแผ่ขยายออกตลอดเวลา 1. สนึ ามิ 2. ดินถล่ม 4. การเคลือ่ นท่ีของแผน่ ธรณีทาใหเ้ กดิ ธรณสี ัณฐาน 3. แผ่นดินไหว 4. ภเู ขาไฟระเบดิ 5. การเคล่ือนทขี่ องแผ่นธรณีทาให้เกิดธรณพี บิ ตั ภิ ัย 5. แผ่นดินทรดุ

53 9. การวัดและประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธวี ัด เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การประเมนิ หรอื สิ่งท่ตี ้องการจะวดั และ -ประเมินจากการ - 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก ประเมินผล ตอบคาถามของ 1.นักเรยี นสามารถอธบิ ายแนวคิด นักเรยี น 3 =ดี 3 =ดี ทฤษฎีเกย่ี วกับการเคลอื่ นทข่ี อง แผ่นธรณี(K) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ 2.นักเรียนสามารถ อธิบาย -ประเมนิ จากการ - 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก หลักฐานทางธรณวี ิทยาทส่ี นบั สนุน ตอบคาถามของ 3 =ดี 3 =ดี การเคลอ่ื นท่ขี องแผน่ ธรณี(K) นกั เรียน 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ 3.นกั เรยี นสามารถอธิบายสาเหตุ -ประเมนิ จากการ - 4 =ดีมาก 4 =ดีมาก และกระบวนการเคลอื่ นท่ขี องแผ่น ตอบคาถามของ 3 =ดี 3 =ดี ธรณี และระบผุ ลทเ่ี กดิ จากการ นกั เรยี น 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ เคลื่อนที่ของแผน่ ธรณี(K) 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง 4.นักเรียนสามารถนาเสนอทฤษฎี -ประเมินจาก - 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก เกี่ยวกับการเคลือ่ นที่ของแผน่ ธรณี ความคดิ 3 =ดี 3 =ดี ได(้ P) สร้างสรรค์ที่ 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ ผูเ้ รยี นได้แสดง 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ ความคิดเหน็ 5.นักเรียนสามารถทางานรว่ มกบั -การสังเกต - 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก ผูอ้ นื่ ได้อยา่ งสรา้ งสรรค์ ยอมรับ ความคดิ เหน็ ของสมาชกิ ในกลมุ่ ได้ 3 =ดี 3 =ดี (A) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง

54 สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น วิธีวัด เคร่อื งมือวัด เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ (ตามหัวข้อที่ 5) 1.ความสามารถในการคดิ สังเกต แบบประเมินใบงาน 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง 2.ความสามารถในการแก้ปญั หา สังเกต แบบประเมนิ ใบงาน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ 3.ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี สังเกต แบบประเมนิ ใบงาน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง

55 ทักษะของผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี 21 วิธีวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ แบบประเมิน 1.ทกั ษะดา้ นการคิดอย่างมี การสงั เกต พฤติกรรม 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก รายบุคคล วจิ ารณญาณและทกั ษะในการ 3 =ดี 3 =ดี แบบประเมนิ แกป้ ญั หา (Critical thinking and พฤติกรรม 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ รายบคุ คล problem solving) 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ แบบประเมิน 2.ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์และ การสงั เกต พฤติกรรม 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก รายบุคคล นวตั กรรม (Creativity and 3 =ดี 3 =ดี innovation) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ 3.ทักษะด้านความร่วมมอื การ การสงั เกต 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก ทางานเป็นทมี และภาวะผ้นู า (Collaboration , teamwork 3 =ดี 3 =ดี and leadership) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง 4.ทกั ษะด้าน การสอ่ื สาร การสงั เกต แบบประเมิน 4 =ดีมาก 4 =ดีมาก สารสนเทศ และรเู้ ท่าทนั สอ่ื พฤติกรรม 3 =ดี 3 =ดี (Communication information รายบคุ คล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ and media literacy) 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ 5.ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning การสงั เกต แบบประเมนิ 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก Skills) พฤตกิ รรม 3 =ดี 3 =ดี รายบคุ คล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง

56 ตารางเกณฑก์ ารประเมินผลต่างๆ เกณฑก์ ารประเมนิ ดมี าก ระดับคะแนน ดี 4 พอใช้ 3 ปรับปรุง 2 1 10. กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ...... 11. บันทึกผลหลังการสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน นักเรยี นทั้งหมดจานวน.....................คน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จานวนนักเรยี นทผ่ี า่ น จานวนนักเรียนที่ไม่ผา่ น 1 จานวนคน ร้อยละ จานวนคน ร้อยละ 2 3 12. ปญั หา/อปุ สรรค/แนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................

57 13. ข้อเสนอแนะ .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชือ่ ..................................................................ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ....................................... () ลงชอื่ ................................................................ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ () ลงช่ือ.......................................................... รองผ้อู านวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ (……………………………………………..)

58 ความเห็นของหวั หน้าสถานศึกษา ไดท้ าการตรวจแผนการเรยี นรู้ของ....................................................แลว้ มีความคิดเหน็ ดงั น้ี เปน็ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง การจัดกจิ กรรมได้นาเอากระบวนการเรยี นรู้  เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยงั ไมเ่ นน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ลงชื่อ........................................................................................ ( …………………………………..……………………………………… ) ผู้อานวยการโรงเรยี น…………………………………………………………..

59 แผนการเรยี นรู้ที่ 5 สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชั้น มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เรื่อง ทฤษฎธี รณแี ปรสันฐาน เวลา 6 ช่ัวโมง 1.มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชวี้ ดั เข้าใจกระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก ธรณพี ิบัติภัยและผลตอ่ สง่ิ มีชวี ิตและสง่ิ แวดล้อม รวมทัง้ การศกึ ษาลาดบั ชนั้ หิน ทรัพยากรธรณี แผนท่ี และการนาไปใช้ประโยชน์ 2. ตวั ชี้วดั 1.อธบิ ายหลักฐานทางธรณีวทิ ยาทส่ี นบั สนุนการเคลอื่ นทขี่ องแผน่ ธรณไี ด้ 3.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นพุทธพิ สิ ยั 1.1 นักเรียนสามารถอธิบายแนวคดิ ทฤษฎีเกี่ยวกับการเคลอื่ นท่ขี องแผน่ ธรณี(K) 1.2 นกั เรียนสามารถ อธบิ ายหลกั ฐานทางธรณีวิทยาทส่ี นับสนนุ การเคลอื่ นทข่ี องแผน่ ธรณี(K) 1.3 นกั เรียนสามารถอธบิ ายสาเหตุ และกระบวนการเคลอื่ นที่ของแผ่นธรณี และระบุผลทเี่ กดิ จากการ เคล่ือนทข่ี องแผ่นธรณี(K) ด้านทกั ษะพสิ ยั 1.4 นักเรยี นสามารถนาเสนอทฤษฎเี กย่ี วกับการเคลอื่ นทข่ี องแผน่ ธรณีได้(P) ดา้ นเจตพิสยั 1.5 นกั เรยี นสามารถทางานร่วมกับผูอ้ ื่นไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์ ยอมรบั ความคดิ เหน็ ของสมาชกิ ในกลุ่มได้ (A)

60 4. สาระสาคัญ การศึกษาโครงสร้างโลกพบว่าฐานธรณภี าคมธี รณภี าควางตัวอยูด่ า้ นบน เม่ือฐานธรณภี าคไดร้ ับความร้อน จากภายในโลกจะเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ และทาให้ธรณีภาคเคลื่อนที่ตามไปด้วย ธรณีภาคเมื่อเคลือ่ นทีใ่ นทิศทาง ตา่ งกันจะแตกออกเป็นแผน่ เรียกวา่ แผ่นธรณี นกั วทิ ยาศาสตร์จงึ ศึกษาจากหลกั ฐานทางธรณวี ทิ ยา ทป่ี รากฏ เช่น รูปร่างของขอบทวีปท่ีสามารถเชื่อมต่อกันได้ ความคล้ายคลึงกันของกลุ่มหนิ และแนวเทือกเขา ซากดึกดาบรรพ์ รอ่ งรอยการเคลอื่ นท่ขี องตะกอนธารน้าแข็ง ภาวะแม่เหลก็ โลกบรรพกาล อายุหินของพ้ืนมหาสมทุ ร การคน้ พบสัน เขากลางสมุทรและร่องลึกก้นสมุทร และอธิบายการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีจนสามารถสรุปเป็นทฤษฎีธรณีแปร สัณฐาน ซงึ่ มรี ากฐานมาจากทฤษฎีทวีปเลอ่ื นและทฤษฎีการแผ่ขยายพืน้ สมุทร 5. สาระการเรยี นรู้ แผ่นธรณีต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบของ ธรณีภาค ซึ่งเป็นชั้นนอกสุดของโครงสร้างโลก โดยมีการ เปลีย่ นแปลงขนาดและตาแหน่งตัง้ แต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การเคลื่อนทีข่ องแผน่ ธรณีดงั กล่าวอธบิ ายได้ตามทฤษฎี ธรณแี ปรสัณฐาน ซ่ึงมรี ากฐานมาจากทฤษฎที วีปเล่อื นและทฤษฎีการแผข่ ยาย พ้นื สมุทร โดยมหี ลกั ฐานท่สี นบั สนนุ ได้แก่ รูปร่างของขอบทวีปที่สามารถเช่ือมต่อกันได้ ความคล้ายคลึงกันของกลุม่ หินและแนวเทือกเขา ซากดึกดา บรรพ์ ร่องรอย การเคลื่อนที่ของตะกอน ธารน้าแข็ง ภาวะแม่เหล็กโลกบรรพกาล อายุหินของพื้นมหาสมุทร รวมท้ัง การค้นพบสันเขา กลางสมทุ ร และรอ่ งลึกกน้ สมุทร 6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ความสามารถในการสือ่ สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ญั หา  ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ทักษะของผ้เู รยี นในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเนน้ ส่กู ารพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน)  ทักษะการอา่ น (Reading)  ทกั ษะการ เขยี น (Writing)  ทักษะการ คดิ คานวณ (Arithmetic)  ทักษะดา้ นการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving)

61 ทกั ษะดา้ นการสร้างสรรคแ์ ละนวัตกรรม (Creativity and innovation) ทกั ษะด้านความรว่ มมือ การทางานเปน็ ทมี และภาวะผู้นา (Collaboration , teamwork and leadership) ทกั ษะดา้ นความเข้าใจตา่ งวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding) ทักษะด้าน การสอื่ สาร สารสนเทศ และรู้เทา่ ทันส่อื (Communication information and media literacy) ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรยี นรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทักษะการเปลีย่ นแปลง (Change)  ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skills) ภาวะผูน้ า (Leadership) 7. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน - ใบงานที่ 2.1 เรื่อง ทฤษฎธี รณีแปรสัณฐาน - ใบงานท่ี 2.2 เรอ่ื ง การเคลอื่ นท่ีของแผ่นธรณี 8. การจัดการเรียนรู้ รูปแบบการจัดการเรยี นรู้ ใชร้ ูปแบบการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ( 5E ) ขนั้ ท่ี 1 : ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement) 1. ครใู ห้นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อวดั ความร้เู ดมิ ของนกั เรยี นกอ่ นเขา้ สู่กจิ กรรม 2. ครูกระตุน้ ความสนใจโดยใหน้ กั เรยี นดแู ผนทีโ่ ลก โดยใหน้ ักเรยี นสังเกตรปู ร่างของทวีปและมหาสมุทร แล้วใหน้ กั เรียนออกมาเขียนส่ิงท่ีสงั เกตได้บนกระดาษ โดยท่ีครกู ระตุ้นใหน้ ักเรียนอภปิ รายสิง่ เพ่ือนรว่ มชั้น สังเกตได้รว่ มกนั 3. ครถู ามคาถามวา่ โลกในอดตี กับโลกปัจจุบันมลี ักษณะเหมือนกนั หรอื ไม่ (แนวตอบ รูปรา่ งของทวีป และมหาสมุทรในอดตี แตกตา่ งจากในปัจจุบนั เนอ่ื งจากภายในโลกและบนผิว โลกมกี ระบวนการเปลยี่ นแปลงทางธรณีวทิ ยาทาใหร้ ูปรา่ งของทวปี และมหาสมทุ รเปลยี่ นไป หรอื นักเรยี น อาจตอบตามความคดิ ของตนเอง เชน่ มีลกั ษณะเหมือนกัน) 4. ครูกล่าวเชื่อมโยงเข้าสู่กิจกรรม โดยตั้งประเด็นคาถามว่า สิ่งใดที่ทาให้นักเรียนคิดว่าโลกในอดีตกับ ปจั จุบันไม่เหมือนกัน (แนวตอบ รูปรา่ งของทวีปบางทวีปอาจต่อเขา้ กันได้)

62 ขั้นท่ี 2 : ขนั้ สารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครใู หน้ กั เรียนสืบค้นขอ้ มูลเกีย่ วกับการสารวจบรเิ วณพืน้ มหาสมทุ ร แลว้ ครูถามนกั เรยี นว่า การสารวจมหาสมทุ ร ทาโดยวธิ กี ารใด และใครเป็นผู้สารวจ (แนวตอบ สารวจด้วยเรอื ของกองทพั เรอื ในชว่ งสงครามโลกคร้ังทีส่ อง โดยนักธรณีวทิ ยาในกองทัพเรอื เปน็ ผู้ทาการสารวจ) -วธิ ีการสารวจ และเครือ่ งมือทีใ่ ช้ในการมหาสมุทรมอี ะไรบ้าง (แนวตอบ สารวจสัณฐานบรเิ วณพื้นมหาสมทุ รโดยใช้คลื่นโซนาร์ สารวจสภาพความเป็นแม่เหล็กของหิน โดยใชเ้ ครอ่ื งวัดคา่ สนามแม่เหลก็ และใช้เคร่อื งมือเกบ็ ตวั อย่างหนิ บนพ้นื มหาสมทุ รมาหาอายุ) -นกั เรียนคิดว่าหลักฐานทางธรณีวทิ ยาท่ีพบมีอะไรบ้าง (แนวตอบ ธรณสี ัณฐานบนพ้นื มหาสมทุ ร ไดแ้ ก่ สันเขากลางสมทุ ร และหบุ เขาทรดุ อายุของหินบรเิ วณพน้ื มหาสมทุ ร ภาวะแมเ่ หล็กบรรพกาล) ข้นั ที่ 3 : ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) 1. ครูกลา่ วเชอ่ื มโยงเขา้ สเู่ น้ือหาตอ่ ไป โดยต้งั ประเด็นคาถาม ดงั น้ี • ธรณีสัณฐานบรเิ วณพืน้ มหาสมทุ รบอกให้ทราบถงึ ขอ้ มลู ใด (แนวตอบ มหาสมทุ รมกี ารแผ่ขยายออกทบ่ี รเิ วณสนั เขากลางสมุทร) • อายขุ องหินบรเิ วณพืน้ มหาสมทุ รบอกให้ทราบถงึ ข้อมูลใด (แนวตอบ หินบนพืน้ มหาสมุทรมีอายนุ อ้ ยทส่ี ดุ บริเวณสนั เขากลางสมุทร และมีอายุมากขน้ึ เมื่ออยู่ห่าง ออกไปทง้ั สองข้างของสนั เขากลางสมุทร ข้อมูลอายุของหนิ ยงั แสดงสมมาตรซ้ายและขวาโดยมสี ันเขากลาง สมทุ รเป็นแกนสมมาตร) • ภาวะแม่เหลก็ บรรพกาลบอกให้ทราบถึงข้อมูลใด (แนวตอบ รูปแบบการเรียงตัวของสารแม่เหล็กในหินที่สมมาตรกนั ระหว่างสองข้างของสันเขากลาง สมุทร ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั ขอ้ มูลอายุหินบนพน้ื มหาสมุทร) • ทฤษฎกี ารแผ่ขยายพ้นื มหาสมทุ รสนบั สนุนแนวคิดของทฤษฎที วปี เลือ่ นอยา่ งไร (แนวตอบ ทฤษฎกี ารแผ่ขยายพื้นสมทุ รอธิบายวา่ พนื้ มหาสมทุ รมกี ารแผ่ขยายออกไปจากแนวสันเขา กลางสมุทรเนื่องจากการแทรกดันของแมกมาข้ึนมาบนเปลอื กโลก ซึ่งสนับสนุนแนวคิดของทฤษฎี ทวีป เลือ่ น ว่าทวีปเคลือ่ นที่แยกออกจากกันเนอ่ื งจากมหาสมทุ รมกี ารแผ่ขยายออก)

63 ขั้นที่ 4 : ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ขอ้ สรุปเกีย่ วกบั ทฤษฎีการแผ่ขยายพื้นมหาสมทุ ร โดยอาจมี แนวทางสรุป ดงั น้ี “ทฤษฎีการแผ่ขยายพน้ื สมุทรอธิบายวา่ พน้ื มหาสมุทรมีการแผข่ ยายออกไปจากแนวสันเขากลาง สมุทรเนื่องจากการแทรกดันของแมกมาขึ้นมาบนเปลือกโลก” โดยทฤษฎีการแผ่ขยายพื้นมหาสมุทร มี หลกั ฐานทางธรณวี ิทยาทส่ี นับสนุนแนวคดิ ดังนี้ สันเขากลางสมุทร เปน็ บริเวณทมี่ ีการแทรกดันของแมกมาข้นึ มาบนเปลอื กโลก ทาใหเ้ ปลือกโลก โก่งตัวขึ้นและแตกออกจากกัน เปลือกโลกส่วนที่บางจะทรุดตัวลงเกิดเป็นหุบเขาทรุด ลาวาที่อุณหภูมิ ลดลงจะแข็งตัวเป็นหินที่เป็นส่วนหนึ่งของเปลือกโลก การแทรกดันอย่างต่อเนื่องของแมกมาทาให้เกดิ แรงดันขึน้ ทีเ่ ปลือกโลก ก่อนเคลื่อนทอ่ี อกห่างจากแนวสนั เขากลางสมทุ ร การนาเครื่องวัดความเข้มของสนามแม่เหล็กตรวจวัดสภาพความเป็นแม่เหล็กของหิน พบว่ามี รูปแบบการเรยี งตวั ของสารแมเ่ หลก็ ในหนิ ท่สี มมาตรกันระหวา่ งสองข้างของสันเขากลางสมุทร หินบนพืน้ มหาสมทุ รที่อยู่ใกล้กับแนวสนั เขากลางสมุทรจะมอี ายุนอ้ ยกว่าหินบนพื้นมหาสมุทรที่ อยู่ห่างออกไป จากการแทรกดันของแมกมาอย่างต่อเนื่องทาให้เกิดเปลือกโลกมหาสมุทรขึ้นใหม่ ตลอดเวลาเป็นสาเหตทุ าใหพ้ ื้นมหาสมุทรแผข่ ยายออกไป ข้ันท่ี 5 : ขั้นประเมนิ (Evaluation) 1. ครตู รวจสอบผลการทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน 2. ครูประเมินผล โดยการสังเกตการตอบคาถาม การรว่ มกันทาผลงาน และการนาเสนอผลงาน 3. ครูประเมนิ การปฏิบัตกิ ารจากการทาใบงานที่ 2.1 เร่อื ง ทฤษฎธี รณีแปรสณั ฐาน

64 9. การวัดและประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธวี ัด เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การประเมนิ หรอื สิ่งท่ตี ้องการจะวดั และ -ประเมินจากการ - 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก ประเมินผล ตอบคาถามของ 1.นักเรยี นสามารถอธบิ ายแนวคิด นักเรยี น 3 =ดี 3 =ดี ทฤษฎีเกย่ี วกับการเคลอื่ นทข่ี อง แผ่นธรณี(K) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ 2.นักเรียนสามารถ อธิบาย -ประเมนิ จากการ - 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก หลักฐานทางธรณวี ิทยาทส่ี นบั สนุน ตอบคาถามของ 3 =ดี 3 =ดี การเคลอ่ื นท่ขี องแผน่ ธรณี(K) นกั เรียน 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ 3.นกั เรยี นสามารถอธิบายสาเหตุ -ประเมนิ จากการ - 4 =ดีมาก 4 =ดีมาก และกระบวนการเคลอื่ นท่ขี องแผ่น ตอบคาถามของ 3 =ดี 3 =ดี ธรณี และระบผุ ลทเ่ี กดิ จากการ นกั เรยี น 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ เคลื่อนที่ของแผน่ ธรณี(K) 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง 4.นักเรียนสามารถนาเสนอทฤษฎี -ประเมินจาก - 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก เกี่ยวกับการเคลือ่ นที่ของแผน่ ธรณี ความคดิ 3 =ดี 3 =ดี ได(้ P) สร้างสรรค์ที่ 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ ผูเ้ รยี นได้แสดง 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ ความคิดเหน็ 5.นักเรียนสามารถทางานรว่ มกบั -การสังเกต - 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก ผูอ้ นื่ ได้อยา่ งสรา้ งสรรค์ ยอมรับ ความคดิ เหน็ ของสมาชกิ ในกลมุ่ ได้ 3 =ดี 3 =ดี (A) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง

65 สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น วิธีวัด เคร่อื งมือวัด เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ (ตามหัวข้อที่ 5) 1.ความสามารถในการคดิ สังเกต แบบประเมินใบงาน 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง 2.ความสามารถในการแก้ปญั หา สังเกต แบบประเมนิ ใบงาน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ 3.ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี สังเกต แบบประเมนิ ใบงาน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง

66 ทักษะของผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี 21 วิธีวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ แบบประเมิน 1.ทกั ษะดา้ นการคิดอย่างมี การสงั เกต พฤติกรรม 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก รายบุคคล วจิ ารณญาณและทกั ษะในการ 3 =ดี 3 =ดี แบบประเมนิ แกป้ ญั หา (Critical thinking and พฤติกรรม 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ รายบคุ คล problem solving) 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ แบบประเมิน 2.ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์และ การสงั เกต พฤติกรรม 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก รายบุคคล นวตั กรรม (Creativity and 3 =ดี 3 =ดี innovation) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ 3.ทักษะด้านความร่วมมอื การ การสงั เกต 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก ทางานเป็นทมี และภาวะผ้นู า (Collaboration , teamwork 3 =ดี 3 =ดี and leadership) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง 4.ทกั ษะดา้ น การสอ่ื สาร การสงั เกต แบบประเมิน 4 =ดีมาก 4 =ดีมาก สารสนเทศ และรเู้ ท่าทนั สอ่ื พฤติกรรม 3 =ดี 3 =ดี (Communication information รายบคุ คล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ and media literacy) 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ 5.ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning การสงั เกต แบบประเมนิ 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก Skills) พฤตกิ รรม 3 =ดี 3 =ดี รายบคุ คล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง

67 ตารางเกณฑก์ ารประเมินผลต่างๆ เกณฑก์ ารประเมนิ ดมี าก ระดับคะแนน ดี 4 พอใช้ 3 ปรับปรุง 2 1 10. กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ...... 11. บันทึกผลหลังการสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน นักเรยี นทั้งหมดจานวน.....................คน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จานวนนกั เรียนทผ่ี ่าน จานวนนกั เรยี นท่ีไม่ผา่ น 1 จานวนคน รอ้ ยละ จานวนคน ร้อยละ 2 3 12. ปัญหา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................

68 13. ข้อเสนอแนะ .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชือ่ ..................................................................ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ....................................... () ลงชอื่ ................................................................ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ () ลงช่ือ.......................................................... รองผ้อู านวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ (……………………………………………..)

69 ความเหน็ ของหวั หน้าสถานศกึ ษา ไดท้ าการตรวจแผนการเรียนรขู้ อง....................................................แล้วมีความคดิ เหน็ ดงั นี้ เปน็ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคญั มาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม  ยงั ไมเ่ น้นผูเ้ รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ลงชื่อ........................................................................................ ( …………………………………..……………………………………… ) ผ้อู านวยการโรงเรียน…………………………………………………………..

70 ใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง ทฤษฎธี รณีแปรสัณฐาน คาช้แี จง : ใหน้ กั เรียนสรปุ ความรเู้ กีย่ วกับทฤษฎีธรณีแปรสณั ฐานในรูปแบบของแผนผงั ความคิด และนาเสนอ ผลงาน

71 ใบงานที่ 2.1 เร่อื ง ทฤษฎธี รณแี ปรสัณฐาน คาชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความรเู้ ก่ยี วกับทฤษฎธี รณีแปรสณั ฐานในรปู แบบของแผนผังความคดิ และนาเสนอ ผลงาน ทฤษฎที วีปเลือ่ น ทวีปในปัจจุบันอยู่ติดกันเป็นแผ่นดินเดียว เรียกว่า พันเจีย ในเวลาต่อมาพันเจียเริ่มแยกตัวออกจากกนั ออกเป็นสองทวปี ขนาดใหญ่ชื่อ ลอเรเซยี และกอนด์ วานา และทั้งสองทวีปก็มีการแยกตัวออกจากกันช้า ๆ จนมีลกั ษณะดงั เช่นปัจจบุ ัน ทฤษฎกี ารแผข่ ยายพืน้ มหาสมทุ ร พื้นมหาสมุทรมีการแผ่ขยายออกไปจากแนวสันเขา กลางสมุทรเนื่องจากการแทรกดันของแมกมาขึ้นมา บนเปลือกโลก ทฤษฎธี รณีแปรสณั ฐาน ธรณีภาคแตกออกเป็นแผ่น เรียกว่า แผ่นธรณี และ เคลื่อนที่อย่างช้า ๆ อยู่บนฐานธรณีภาค เนื่องจาก การพาความร้อนของแมกมาในฐานธรณีภาค ซึ่งมี การเคล่ือนที่ 3 รปู แบบ ได้แก่ แนวแผ่นธรณีเคล่ือนที่ หากัน แนวแผ่นธรณีเคลื่อนที่แยกออกจากกัน แนว แผน่ ธรณีเคลื่อนที่ผา่ นกัน

72 แผนการเรียนร้ทู ่ี 6 สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอ่ื ง รปู แบบการเคลือ่ นท่ีของแผ่นธรณีภาค เวลา 6 ชวั่ โมง 1.มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้วี ดั เข้าใจกระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในโลก ธรณีพบิ ตั ิภัยและผลตอ่ สงิ่ มีชีวิตและสงิ่ แวดล้อม รวมท้งั การศึกษาลาดบั ชน้ั หิน ทรพั ยากรธรณี แผนที่ และการนาไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวชว้ี ดั 1.อธิบายระบสุ าเหตุและอธิบายแนวรอยต่อของแผน่ ธรณที สี่ มั พนั ธก์ บั การเคลื่อนที่ของแผน่ ธรณพี รอ้ ม ยกตวั อย่างหลักฐานทางธรณีวทิ ยาทพ่ี บ 3.จุดประสงค์การเรยี นรู้ ด้านพุทธพิ สิ ยั 1.1 นกั เรยี นสามารถอธิบายแนวคดิ ทฤษฎเี ก่ียวกบั การเคลอื่ นที่ของแผ่นธรณี(K) 1.2 นักเรยี นสามารถ อธบิ ายหลกั ฐานทางธรณีวิทยาทสี่ นบั สนุนการเคลื่อนทีข่ องแผ่นธรณี(K) 1.3 นกั เรยี นสามารถอธบิ ายสาเหตุ และกระบวนการเคลือ่ นทข่ี องแผ่นธรณี และระบุผลทเี่ กดิ จากการ เคลือ่ นท่ขี องแผ่นธรณี(K) ดา้ นทกั ษะพิสยั 1.4 นักเรียนสามารถนาเสนอทฤษฎเี กี่ยวกับการเคลอ่ื นท่ขี องแผ่นธรณีได้(P) ด้านเจตพิสยั 1.5 นกั เรยี นสามารถทางานร่วมกับผู้อืน่ ไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์ ยอมรับความคดิ เหน็ ของสมาชิกในกลมุ่ ได้ (A)

73 4. สาระสาคญั นกั วิทยาศาสตรศ์ ึกษาธรณสี ณั ฐานบรเิ วณแนวรอยตอ่ ของแผ่นธรณี และอธบิ ายวา่ ธรณีสัณฐานต่าง ๆ เกิด จากลักษณะการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีที่แตกต่างกัน ได้แก่ แนวแผ่นธรณีแยกตัวออกจากกัน แนวแผ่นธรณี เคลื่อนทเี่ ขา้ หากัน และแนวแผน่ ธรณเี คลอ่ื นทีผ่ ่านกนั ตามแนวระดับ การเคลือ่ นที่ของแผ่นธรณที ้งั 3 รูปแบบ ทา ให้เกดิ ธรณีสัณฐาน เช่น ร่องลกึ ก้นสมุทร หมู่เกาะภูเขาไฟรูปโค้ง แนวภูเขาไฟ แนวเทือกเขา หุบเขาทรุดสันเขา กลางสมทุ ร และธรณพี ิบตั ภิ ยั เชน่ แผน่ ดินไหว ภเู ขาไฟระเบดิ สึนามิ บริเวณขอบของแผน่ ธรณี 5. สาระการเรียนรู้ การพาความรอ้ นของแมกมาภายในโลก ทาให้เกิดการเคลอื่ นทขี่ องแผ่นธรณี ตามทฤษฎธี รณแี ปรสัณฐาน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้สารวจพบหลักฐานทางธรณีวิทยา ได้แก่ ธรณีสัณฐาน และธรณีโครงสร้างที่บริเวณแนว รอยต่อของแผน่ ธรณี เชน่ ร่องลึกก้นสมุทร หมูเ่ กาะภเู ขาไฟรูปโค้ง แนวภูเขาไฟ แนวเทือกเขา หบุ เขาทรุดและสนั เขากลางสมุทร รอยเลื่อน นอกจากนี้ยังพบการเกิดธรณีพิบัติภัยที่บริเวณ แนวรอยต่อของแผ่นธรณี เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ ซึ่งหลักฐานดังกล่าวสัมพันธ์กับรูปแบบ การเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี นักวิทยาศาสตร์จึงสรุปได้ว่าแนวรอยต่อของแผ่นธรณีมี 3 รูปแบบ ได้แก่ แนวแผ่นธรณีแยกตัว แนวแผ่นธรณี เคลื่อนทเี่ ข้าหากนั แนวแผน่ ธรณเี คลอ่ื นท่ผี า่ นกันในแนวราบ 6. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ความสามารถในการสอ่ื สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแก้ปญั หา  ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ทกั ษะของผู้เรยี นในศตวรรษท่ี 21 (3R 8C + 2L) (จดุ เนน้ สู่การพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน)  ทกั ษะการอ่าน (Reading)  ทักษะการ เขียน (Writing)  ทกั ษะการ คดิ คานวณ (Arithmetic)  ทักษะดา้ นการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ปญั หา (Critical thinking and problem solving) ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรค์และนวตั กรรม (Creativity and innovation)

74 ทกั ษะด้านความร่วมมอื การทางานเป็นทีม และภาวะผูน้ า (Collaboration , teamwork and leadership) ทกั ษะดา้ นความเขา้ ใจตา่ งวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) ทกั ษะดา้ น การสอื่ สาร สารสนเทศ และร้เู ท่าทันสอื่ (Communication information and media literacy) ทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) ทักษะอาชีพและทกั ษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทกั ษะการเปลย่ี นแปลง (Change)  ทกั ษะการเรยี นรู้ (Learning Skills) ภาวะผนู้ า (Leadership) 7. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน - ใบงานท่ี 2.1 เรื่อง ทฤษฎธี รณีแปรสัณฐาน - ใบงานท่ี 2.2 เร่อื ง การเคลือ่ นที่ของแผ่นธรณี 8. การจัดการเรียนรู้ รูปแบบการจดั การเรียนรู้ ใชร้ ูปแบบการเรยี นรูแ้ บบสบื เสาะหาความรู้ ( 5E ) ขัน้ ท่ี 1 : ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูถามคาถามเพอื่ เป็นการเปดิ ประเด็นชกั ชวนนักเรยี นคุยวา่ นกั เรียนคดิ ว่าเปลอื กโลกเกดิ การเคลอ่ื นทไี่ ด้ หรอื ไม่ โดยครูให้นกั เรยี นอภิปรายเพื่อหาคาตอบอย่างอสิ ระ 2. ครกู ระตนุ้ ความสนใจ โดยครูตั้งคาถามเพอื่ ใหน้ กั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ ดังน้ี • การเคล่ือนท่ีของแผ่นธรณตี ามทฤษฎีธรณแี ปรสณั ฐานมีลกั ษณะเปน็ อย่างไร (แนวตอบ ธรณภี าคแตกออกเป็นแผน่ หลายแผน่ เรยี กวา่ แผ่นธรณี แผน่ ธรณแี ตล่ ะแผน่ มรี ูปแบบการ เคลือ่ นทที่ ่ีแตกตา่ งกนั ) • จากทฤษฎกี ารแผ่ขยายพืน้ มหาสมทุ ร แผน่ ธรณบี รเิ วณท่ีมหาสมทุ รมกี ารแผ่ขยายมรี ปู แบบการ เคล่ือนทอี่ ย่างไร (แนวตอบ แผน่ ธรณเี คลอื่ นทีแ่ ยกออกจากกัน)

75 ขนั้ ที่ 2 : ขน้ั สารวจและคน้ หา (Exploration) 1. ให้นักเรียนสบื ค้นขอ้ มลู เกีย่ วกบั ธรณีพบิ ตั ภิ ัยบรเิ วณแนวรอยต่อของแผ่นธรณี แลว้ ครูถามคาถามว่า • บริเวณแนวแผน่ ธรณเี คล่อื นทอ่ี อกจากกนั พบธรณพี ิบัติภยั ใดบ้าง (แนวตอบ แผ่นดินไหวระดับตนื้ และภูเขาไฟระเบิด) • บรเิ วณแนวแผ่นธรณเี คล่อื นที่หากัน พบธรณพี บิ ัติภัยใดบา้ ง (แนวตอบ แผน่ ดินไหวระดบั ลกึ ภูเขาไฟระเบดิ และสนึ ามิ ) • บรเิ วณแนวแผน่ ธรณีเคล่อื นท่ผี า่ นกนั พบธรณีพิบตั ิภยั ใดบ้าง (แนวตอบ แผ่นดนิ ไหวระดบั ตนื้ ) ขนั้ ที่ 3 : ขนั้ อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการทากิจกรรม โดยครูตั้งคาถามเพื่อให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกัน แสดงความคิดเหน็ ดังน้ี • ดินน้ามันมกี ารเปล่ยี นแปลงอยา่ งไร เม่อื ถกู แรงมากระทา (แนวตอบ เมื่อออกแรงดนั ดนิ น้ามันจะโกง่ ตัวขน้ึ เมอ่ื ออกแรงดึงดนิ น้ามันจะขาดออกจากกนั ) • การเปลี่ยนแปลงของดนิ น้ามัน เปรยี บเทยี บกับการเปลย่ี นแปลงของเปลือกโลกได้อย่างไร (แนวตอบ เปลือกโลกทีม่ ีสมบตั ิเป็นของแข็งแบบพลาสติกคล้ายกับดนิ น้ามันจะมีการเปล่ียนแปลงคลา้ ย กับดนิ นา้ มนั เกิดเป็นรอยคดโค้ง หรือแนวเทือกเขา) • ขนมปังกรอบมีการเปลย่ี นแปลงอย่างไร เม่อื ถูกแรงมากระทา (แนวตอบ เม่ือออกแรงดนั ขนมปังกรอบจะโกง่ ตัวขึ้นเลก็ น้อยและแตกหักออกจากนั เมอ่ื ออกแรงดึงขนม ปงั กรอบจะแตก และแยกออกจากกัน) • การเปลย่ี นแปลงของขนมปงั กรอบ เปรียบเทยี บกบั การเปล่ียนแปลงของเปลือกโลกได้อย่างไร (แนวตอบ เปลือกโลกที่มีสมบัติเป็นของแข็งแบบแข็งแกร่งคล้ายกับขนมปงั กรอบจะมีการเปลี่ยนแปลง คล้ายกบั ขนมปงั กรอบ เกิดเปน็ รอยแตก หรอื รอยเล่อื น)

76 ข้ันท่ี 4 : ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายเพ่ือให้ได้ข้อสรุปเก่ยี วกบั ผลการเคลอ่ื นทข่ี องแผน่ ธรณี โดยอาจมแี นวทาง สรปุ แสดงดังตาราง แนวแผน่ ธรณี ชนดิ ของแผน่ ธรณี ธรณสี ณั ฐาน เหตกุ ารณ์ทางธรณี บรเิ วณที่พบ สันเขากลางสมุทร การแผ่ขยายพืน้ สมุทร มหาสมุทร แยกออกจากกัน หุบเขาทรุด แผน่ ดนิ ไหว แอตแลนตกิ มหาสมุทร-มหาสมุทร ภูเขาไฟระเบิด หบุ เขาทรุด แผ่นดนิ ไหว หุบเขาทรุดแอฟริกา เข้าหากนั ทวปี -ทวปี ภูเขาไฟระเบิด ตะวนั ออก ทวปี -ทวีป แนวเทอื กเขา เทอื กเขาหมิ าลยั ทวีป-มหาสมุทร แนวเทอื กเขา แผน่ ดินไหวระดบั ลึก เทอื กเขาแอนดสี มหาสมุทร-มหาสมทุ ร ร่องลกึ ก้นสมุทร เขตมุดตัว เกาะสมุ าตรา ผ่านกันในแนว มหาสมทุ ร-มหาสมุทร แนวภูเขาไฟรูปโค้ง แผน่ ดินไหวระดบั ลึก ประเทศญปี่ ุ่น ระดับ รอ่ งลกึ ก้นสมทุ ร ภูเขาไฟระเบิด เขตมดุ ตวั มหาสมทุ ร ทวปี -ทวปี - แผ่นดินไหวระดบั ลกึ แอตแลนติก ภูเขาไฟระเบิด รอยเลอ่ื น - แผ่นดนิ ไหว ซานแอนเดรยี ส แผ่นดนิ ไหว ขนั้ ที่ 5 : ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) 1. ครตู รวจสอบผลการทาแบบทดสอบหลังเรยี น 2. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสังเกตการตอบคาถาม การรว่ มกันทาผลงาน และการนาเสนอผลงาน 3. ครปู ระเมินการปฏบิ ตั ิการจากการทาใบงานที่ 2.2 เร่ือง การเคล่อื นท่ีของแผ่นธรณี

77 9. การวัดและประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธวี ัด เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การประเมนิ หรอื สิ่งท่ตี ้องการจะวดั และ -ประเมินจากการ - 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก ประเมินผล ตอบคาถามของ 1.นักเรยี นสามารถอธบิ ายแนวคิด นักเรยี น 3 =ดี 3 =ดี ทฤษฎีเกย่ี วกับการเคลอื่ นทข่ี อง แผ่นธรณี(K) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ 2.นักเรียนสามารถ อธิบาย -ประเมนิ จากการ - 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก หลักฐานทางธรณวี ิทยาทส่ี นบั สนุน ตอบคาถามของ 3 =ดี 3 =ดี การเคลอ่ื นท่ขี องแผน่ ธรณี(K) นกั เรียน 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ 3.นกั เรยี นสามารถอธิบายสาเหตุ -ประเมนิ จากการ - 4 =ดีมาก 4 =ดีมาก และกระบวนการเคลอื่ นท่ขี องแผ่น ตอบคาถามของ 3 =ดี 3 =ดี ธรณี และระบผุ ลทเ่ี กดิ จากการ นกั เรยี น 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ เคลื่อนที่ของแผน่ ธรณี(K) 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง 4.นักเรียนสามารถนาเสนอทฤษฎี -ประเมินจาก - 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก เกี่ยวกับการเคลือ่ นที่ของแผน่ ธรณี ความคดิ 3 =ดี 3 =ดี ได(้ P) สร้างสรรค์ที่ 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ ผูเ้ รยี นได้แสดง 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ ความคิดเหน็ 5.นักเรียนสามารถทางานรว่ มกบั -การสังเกต - 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก ผูอ้ นื่ ได้อยา่ งสรา้ งสรรค์ ยอมรับ ความคดิ เหน็ ของสมาชกิ ในกลมุ่ ได้ 3 =ดี 3 =ดี (A) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง

78 สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น วิธีวัด เคร่อื งมือวัด เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ (ตามหัวข้อที่ 5) 1.ความสามารถในการคดิ สังเกต แบบประเมินใบงาน 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง 2.ความสามารถในการแก้ปญั หา สังเกต แบบประเมนิ ใบงาน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ 3.ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี สังเกต แบบประเมนิ ใบงาน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง

79 ทักษะของผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี 21 วิธีวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ แบบประเมิน 1.ทกั ษะดา้ นการคิดอย่างมี การสงั เกต พฤติกรรม 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก รายบุคคล วจิ ารณญาณและทกั ษะในการ 3 =ดี 3 =ดี แบบประเมนิ แกป้ ญั หา (Critical thinking and พฤติกรรม 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ รายบคุ คล problem solving) 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ แบบประเมิน 2.ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์และ การสงั เกต พฤติกรรม 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก รายบุคคล นวตั กรรม (Creativity and 3 =ดี 3 =ดี innovation) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ 3.ทักษะด้านความร่วมมอื การ การสงั เกต 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก ทางานเป็นทมี และภาวะผ้นู า (Collaboration , teamwork 3 =ดี 3 =ดี and leadership) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง 4.ทกั ษะด้าน การสอ่ื สาร การสงั เกต แบบประเมิน 4 =ดีมาก 4 =ดีมาก สารสนเทศ และรเู้ ท่าทนั สอ่ื พฤติกรรม 3 =ดี 3 =ดี (Communication information รายบคุ คล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ and media literacy) 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ 5.ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning การสงั เกต แบบประเมนิ 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก Skills) พฤตกิ รรม 3 =ดี 3 =ดี รายบคุ คล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง

80 ตารางเกณฑก์ ารประเมินผลต่างๆ เกณฑก์ ารประเมนิ ดมี าก ระดับคะแนน ดี 4 พอใช้ 3 ปรับปรุง 2 1 10. กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ...... 11. บันทึกผลหลังการสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน นักเรยี นทั้งหมดจานวน.....................คน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จานวนนักเรยี นทผ่ี า่ น จานวนนักเรียนที่ไม่ผา่ น 1 จานวนคน ร้อยละ จานวนคน ร้อยละ 2 3 12. ปญั หา/อปุ สรรค/แนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................

81 13. ข้อเสนอแนะ .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชือ่ ..................................................................ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ....................................... () ลงชอื่ ................................................................ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ () ลงช่ือ.......................................................... รองผ้อู านวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ (……………………………………………..)

82 ความเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา ไดท้ าการตรวจแผนการเรยี นรู้ของ....................................................แล้วมีความคดิ เหน็ ดงั นี้ เป็นแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ การจดั กจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม  ยังไมเ่ นน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ลงชือ่ ........................................................................................ ( …………………………………..……………………………………… ) ผู้อานวยการโรงเรยี น…………………………………………………………..

83 ใบงานที่ 2.2 เรอื่ ง การเคลอื่ นที่ของแผ่นธรณี คาช้แี จง : ใหน้ กั เรียนสรปุ ความรเู้ กี่ยวกบั การเคลอ่ื นทข่ี องแผน่ ธรณใี นรปู แบบของแผนผงั ความคดิ และนาเสนอ ผลงาน

84 ใบงานท่ี 2.2 เร่อื ง การเคลอื่ นทขี่ องแผน่ ธรณี คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความรเู้ กีย่ วกับการเคลอ่ื นท่ีของแผน่ ธรณใี นรปู แบบของแผนผงั ความคดิ และนาเสนอ ผลงาน รปู แบบการเคล่ือนทข่ี องแผ่นธรณี แนวแผน่ ธรณีเคล่ือนท่ีออกจากกัน แนวแผน่ ธรณีเคลือ่ นท่ีหากนั แนวแผ่นธรณีเคลือ่ นทีผ่ ่านกนั ผลจากการเคลือ่ นท่ี ผลจากการเคลื่อนท่ี ผลจากการเคลอ่ื นที่ ธรณีสัณฐาน ธรณพี ิบตั ภิ ัย ธรณสี ัณฐาน ธรณพี บิ ตั ภิ ัย แผน่ ดนิ ไหว รอยเลอ่ื น สนั เขากลาง รอ่ งลกึ ก้นสมทุ ร สมทุ ร แนวเทอื กเขา หบุ เขาทรุด หมเู่ กาะภูเขาไฟรปู โคง้ แผ่นดนิ ไหว แผน่ ดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ

85 แผนการเรียนรู้ที่ 3 วชิ า โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ เรอื่ ง ธรณพี ิบตั ภิ ยั มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละผลการเรียนรู้ กลุ่มสารการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ( ฉบบั ปรบั ปรุง 2560 )

86 แผนการเรียนรู้ท่ี 7 สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 เรอื่ ง ธรณพี บิ ัติภยั เวลา 12 ช่ัวโมง 1.มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ดั เขา้ ใจกระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก ธรณพี ิบัติภัยและผลตอ่ สงิ่ มชี ีวติ และสง่ิ แวดล้อม รวมท้ัง การศกึ ษาลาดบั ชน้ั หิน ทรัพยากรธรณี แผนท่ี และการนาไปใช้ประโยชน์ 2. ตวั ช้ีวดั 1. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิดภเู ขาไฟระเบิด และปัจจัยท่ีทาให้ความรุนแรงของการปะทุและรูปร่าง ของภูเขาไฟแตกตา่ งกนั รวมทง้ั สืบคน้ ขอ้ มูลพืน้ ทีเ่ สย่ี งภัย ออกแบบและนาเสนอแนวทางการเฝ้าระวงั และ การปฏบิ ตั ิตนให้ปลอดภัยได้ 2. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด ขนาดและความรุนแรง และผลจากแผ่นดินไหว รวมทั้งสืบค้นข้อมูล พน้ื ทีเ่ ส่ียงภัย ออกแบบและนาเสนอแนวทางการเฝ้าระวังและการปฏิบัตติ นใหป้ ลอดภัยได้ 3. อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด และผลจากสึนามิ รวมทั้งสืบค้นข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย ออกแบบและ นาเสนอแนวทางการเฝ้าระวังและการปฏบิ ตั ิตนให้ปลอดภัยได้ 3.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นพทุ ธพิ ิสัย 1.1 นกั เรียนสามารถอธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกดิ ภเู ขาไฟระเบดิ โดยโดยใช้แบบจาลอง(K) 1.2 นกั เรยี นสามารถอธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิด ขนาดและความรนุ แรงของแผ่นดนิ ไหว โดยใช้ แบบจาลอง(K) 1.3 นักเรียนสามารถอธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด จากสนึ ามิโดยใช้แบบจาลอง(K) ด้านทกั ษะพิสยั 1.4 นักเรยี นสามารถสืบคน้ และนาเสนอขอ้ มลู พนื้ ทเ่ี สยี่ งภัย และผลจากการเกิดภูเขาไฟระเบิด(P)

87 ดา้ นเจตพิสัย 1.5 นักเรียนสามารถทางานร่วมกับผู้อ่ืนไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์ ยอมรบั ความคดิ เหน็ ของสมาชกิ ในกลมุ่ ได้ (A) 4. สาระสาคัญ ภูเขาไฟ คือ ลักษณะธรณีสัณฐานที่เกิดจากการปะทุของแมกมา แก๊ส และเถ้าภูเขาไฟจากภายในโลก ภูเขาไฟมีรูปร่างแตกต่างกันหลายลักษณะขึ้นอยู่กับความรุนแรงในการปะทุ มักพบหนาแน่นบริเวณรอยตอ่ ระหวา่ งแผ่นธรณี ซ่ึงผลจากการระเบดิ ของภูเขาไฟมีทั้งประโยชน์และโทษ จงึ ตอ้ งศกึ ษาแนวทางในการเฝ้าระวงั และการปฏิบัติตนใหป้ ลอดภัย แผ่นดินไหว คือ การสั่นสะเทือนของแผ่นดินที่รับรู้ได้ ณ จุดใดจุดหนึ่งบนโลก เกิดจากการปลดปล่อย พลังงานทส่ี ะสมไว้ในเปลือกโลกออกมาในรูปของคลนื่ ไหวสะเทือน ซ่ึงมสี าเหตจุ ากกระบวนการในธรรมชาติ และ กิจกรรมของมนุษย์ ส่งผลให้สิ่งก่อสร้างเสียหาย เกิดอันตรายต่อชวี ิตและทรัพยส์ ิน จึงต้องศึกษาแนวทางในการ เฝ้าระวงั และการปฏบิ ัตติ นให้ปลอดภยั สนึ ามิ คือ คลนื่ นา้ ทเ่ี กิดจากมวลน้าถกู แทนท่ีในปรมิ าณมหาศาล มีลกั ษณะทแี่ ตกตา่ งจากคลื่นนา้ ท่วั ไป คอื คลื่นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง มีความยาวคล่ืนยาวมาก ความสูงคลื่นน้อยเม่ืออยู่ในน้าลึก ส่วนมากจะเกดิ ใน ทะเลหรือมหาสมุทร และสามารถเคล่ือนท่ีในมหาสมุทรได้เป็นระยะทางหลายพันกิโลเมตร เมื่อคลื่นเคล่ือนท่ี เข้าสู่ชายฝง่ั ความเร็วจะลดลง และความสงู คล่ืนจะเพม่ิ ข้นึ จงึ ทาให้พืน้ ทีบ่ รเิ วณชายฝ่ังบางบรเิ วณเปน็ พน้ื ที่เสี่ยง ภยั จงึ ตอ้ งศกึ ษาแนวทางในการเฝ้าระวัง และการปฏบิ ัติตนใหป้ ลอดภยั 5. สาระการเรียนรู้ 1. ภูเขาไฟระเบดิ เกดิ จากการแทรกดันตวั ของหินหนดื ขึ้นมาตามสว่ นเปราะบางหรือรอยแตกบนเปลือกโลกมัก พบหนาแน่นบริเวณรอยต่อระหวา่ งแผ่นธรณี ทาใหบ้ รเิ วณดงั กลา่ วเปน็ พืน้ ที่เส่ยี งภัย ความรนุ แรงของการปะทุ และรูปร่างของภูเขาไฟท่ีแตกตา่ งกันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของหินหนืด ผลจากภูเขาไฟระเบดิ มีทั้งประโยชน์ และโทษ จงึ ตอ้ งศกึ ษาแนวทางในการเฝา้ ระวงั และการปฏบิ ัติตนให้ปลอดภัย 2. แผ่นดินไหวเกดิ จากการปลดปล่อยพลงั งานทส่ี ะสมไว้ของเปลอื กโลกในรปู ของคลนื่ ไหวสะเทอื นแผ่นดนิ ไหวมี ขนาดและความรุนแรงแตกต่างกัน ทาลายทรัพย์สิน ศูนย์เกิดแผ่นดินไหวมักอยู่บริเวณรอยต่อของแผ่นธรณี และพนื้ ทภี่ ายใตอ้ ิทธิพลของการเคลื่อนของแผ่นธรณที ่ีระดบั ความลึกต่างกัน ใหบ้ ริเวณดงั กล่าวเป็นพื้นที่เส่ียง ภยั แผน่ ดินไหว ซึง่ ส่งผลใหส้ ่ิงกอ่ สรา้ งเสียหาย เกิดอนั ตรายต่อชวี ิตและทรัพย์สิน 3. สึนามิ คือ คลื่นน้าที่เกิดจากการแทนที่มวลน้าในปริมาณมหาศาล ส่วนมากจะเกิดในทะเลหรือมหาสมุทร โดยคลนื่ มีลักษณะเฉพาะ คือ ความยาวคล่นื มากและเคล่ือนท่ีดว้ ยความเร็วสงู เมอ่ื อย่กู ลางมหาสมทุ รจะมีความ สูงคลื่นนอ้ ย และอาจเพิม่ ความสงู ขนึ้ อย่างรวดเร็วเม่ือคล่นื เคลอ่ื นทผี่ า่ นบรเิ วณนา้ ต้นื

88 6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ความสามารถในการสอ่ื สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา  ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ทักษะของผเู้ รียนในศตวรรษท่ี 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสูก่ ารพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน)  ทกั ษะการอา่ น (Reading)  ทักษะการ เขียน (Writing)  ทกั ษะการ คดิ คานวณ (Arithmetic)  ทักษะดา้ นการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณและทกั ษะในการแกป้ ัญหา (Critical thinking and problem solving) ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and innovation) ทกั ษะด้านความร่วมมอื การทางานเป็นทีม และภาวะผ้นู า (Collaboration , teamwork and leadership) ทักษะดา้ นความเขา้ ใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) ทกั ษะดา้ น การส่ือสาร สารสนเทศ และรู้เทา่ ทันสอ่ื (Communication information and media literacy) ทกั ษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing) ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทกั ษะการเปลย่ี นแปลง (Change)  ทักษะการเรยี นรู้ (Learning Skills) ภาวะผู้นา (Leadership) 7. ชิ้นงานหรือภาระงาน - ใบงานท่ี 3.1 เรือ่ ง ภูเขาไฟระเบิด - ใบงานที่ 3.2 เร่อื ง ผลจากการเกิดแผ่นดินไหว

8. การจัดการเรยี นรู้ 89 แผนฯ ที่ 1 : ภูเขาไฟระเบิด วธิ สี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 4 ชั่วโมง แผนฯ ที่ 2 : แผน่ ดนิ ไหว เวลา 4 ช่ัวโมง วธิ สี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 4 ชั่วโมง แผนฯ ท่ี 3 : สนึ ามิ (รวมเวลา 12 ชั่วโมง) วธิ ีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

90 แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 คาช้ีแจง : ให้นักเรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. นักวทิ ยาศาสตร์ใช้เครอ่ื งมือใดวดั คล่นื ไหวสะเทือน 6. แผน่ ดนิ ไหวทีร่ ูส้ ึกได้ในประเทศไทยส่วนใหญม่ ีศูนยเ์ กดิ 1. ไซสโมแกรม 2. ไซสโมมิเตอร์ แผ่นดินไหวอยใู่ นประเทศใด 3. ริกเตอร์สเกล 4. มัลติมเิ ตอร์ 1. ลาว 2. เมียนมา 5. เมอร์คัลลีกราฟ 4. เวยี ดนาม 3. สิงคโปร์ 2. ข้อใดเป็นมาตราวัดขนาดของแผ่นดินไหว 5. อนิ โดนีเซีย 1. มาตราเมตรกิ 2. มาตราอังกฤษ 7. หากเกิดแผ่นดนิ ไหวในขณะที่นักเรยี นกาลงั เรยี นหนังสือ 3. มาตราริกเตอร์ 4. มาตราเมอรค์ ัลลี อยูใ่ นห้องเรยี น ควรปฏิบัติอย่างไร 5. มาตราเมอรค์ ลั ลปี รับปรุง 1. มดุ ตวั อยใู่ ต้โต๊ะทม่ี ีความแขง็ แรง 3. เหตกุ ารณใ์ นข้อใดไมไ่ ด้เปน็ สาเหตใุ หเ้ กิดแผน่ ดินไหว 2. รบี ปิดประตูและหน้าต่างให้มิดชิด 1. การกักเก็บน้าในเขือ่ นขนาดใหญ่ 3. รบี ว่ิงออกจากห้องเรียนให้เรว็ ที่สดุ 2. การผุพังทางเคมีของเปลอื กโลก 3. การทดลองระเบิดปรมาณูใต้ดิน 4. หากมีลิฟต์ ใหร้ บี ใชล้ ิฟตเ์ พื่อออกจากอาคาร 4. การปะทขุ องภเู ขาไฟอย่างรนุ แรง 5. การเคลื่อนทีเ่ ขา้ หากันของแผ่นธรณี 5. รีบไปอย่บู รเิ วณใกล้กับกาแพงที่มีความแข็งแรง 4. ข้อใดกล่าวเกยี่ วกับสึนามไิ มถ่ กู ตอ้ ง 8. เมือ่ เกิดเหตกุ ารณภ์ ูเขาไฟระเบิด มีหลายส่งิ ท่ปี ะทุ 1. ความเร็วของคลื่นจะข้ึนอยู่กบั ความลึก ออกมาจากภเู ขาไฟ ยกเว้นข้อใด 2. มกั เกิดข้ึนบริเวณชายฝ่งั มหาสมุทรแปซฟิ กิ 3. เกิดข้ึนทกุ ครั้งเม่ือเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.5 ตาม 1. เถา้ ภเู ขาไฟ 2. แกส๊ มาตรารกิ เตอร์ขึ้นไป 3. ลาวา 4. เศษหิน 4. เป็นคลนื่ น้าทเี่ คลอื่ นทดี่ ้วยความเร็วสงู เม่ืออยู่กลาง 5. หยดนา้ มหาสมทุ ร 5. เม่ืออยู่กลางมหาสมุทรจะมีความสูงคลน่ื น้อย แต่ 9. บริเวณใดทม่ี โี อกาสเกดิ ภูเขาไฟระเบดิ มากท่สี ุด เมอื่ เขา้ ใกล้ชายฝงั่ ความสงู คลื่นจะเพิ่มมากขน้ึ 1. แนวเทือกเขาหิมาลยั 2. บริเวณกลางมหาสมุทรแปซฟิ กิ 3. แนวสันเขากลางมหาสมทุ รแปซฟิ กิ 4. บรเิ วณวงแหวนแห่งไฟ 5. เหตกุ ารณ์สึนามิเมอ่ื วนั ท่ี 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 5. แนวสันเขากลางมหาสมทุ รแอตแลนติก เกดิ จากแผน่ ดินไหวท่ีมีศนู ย์เกิดแผ่นดินไหวอย่บู ริเวณ 10. วงแหวนแห่งไฟคอื พืน้ ทบ่ี รเิ วณใด 1. บริเวณรอบมหาสมทุ รแปซฟิ กิ ประเทศใด 1. ญีป่ ุ่น 2. กัมพชู า 2. บรเิ วณประเทศอินโดนีเซียทเ่ี กดิ สนึ ามิ 3. สงิ คโปร์ 4. ฟลิ ปิ ปนิ ส์ 3. แนวรอยต่อของเทือกเขาเอลป์ในทวปี ยุโยป 5. อนิ โดนเี ซีย 4. บรเิ วณเทือกเขากลางมหาสมทุ รแอตแลนตกิ 5. แนวรอยต่อของเทือกเขาหมิ าลัยในทวปี เอเชีย

91 แบบทดสอบหลังเรียน คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. เม่ือเกิดเหตกุ ารณ์ภูเขาไฟระเบดิ มีหลายสิ่งทีป่ ะทุออกมา 6. ขอ้ ใดเปน็ มาตราวัดขนาดของแผ่นดนิ ไหว จากภูเขาไฟ ยกเว้นขอ้ ใด 1. มาตราเมตรกิ 2. มาตราองั กฤษ 1. เถา้ ภูเขาไฟ 2. แกส๊ 3. มาตราริกเตอร์ 4. มาตราเมอรค์ ลั ลี 3. ลาวา 4. เศษหนิ 5. มาตราเมอร์คัลลปี รบั ปรงุ 5. หยดน้า 7. แผน่ ดนิ ไหวที่ร้สู กึ ได้ในประเทศไทยสว่ นใหญม่ ีศูนย์เกิด 2. วงแหวนแหง่ ไฟคือพน้ื ทบ่ี ริเวณใด แผน่ ดินไหวอยใู่ นประเทศใด 1. บริเวณรอบมหาสมทุ รแปซิฟิก 1. ลาว 2. เมยี นมา 2. บรเิ วณประเทศอนิ โดนเี ซียที่เกดิ สนึ ามิ 3. สงิ คโปร์ 4. เวียดนาม 3. แนวรอยต่อของเทือกเขาเอลป์ในทวีปยโุ ยป 4. บริเวณเทอื กเขากลางมหาสมุทรแอตแลนตกิ 5. อินโดนีเซยี 5. แนวรอยต่อของเทือกเขาหมิ าลยั ในทวีปเอเชีย 3. บรเิ วณใดท่ีมีโอกาสเกดิ ภเู ขาไฟระเบิดมากท่ีสุด 8. หากเกิดแผ่นดนิ ไหวในขณะท่นี ักเรยี นกาลังเรียนหนังสือ 1. แนวเทือกเขาหิมาลัย อยู่ในห้องเรียน ควรปฏิบัตอิ ยา่ งไร 2. บรเิ วณกลางมหาสมทุ รแปซิฟิก 3. แนวสันเขากลางมหาสมทุ รแปซิฟกิ 1. มดุ ตวั อยใู่ ตโ้ ตะ๊ ทีม่ ีความแข็งแรง 2. รบี ปดิ ประตแู ละหน้าตา่ งใหม้ ิดชิด 3. รีบว่งิ ออกจากห้องเรียนให้เร็วที่สดุ 4. หากมลี ฟิ ต์ ให้รีบใช้ลิฟต์เพื่อออกจากอาคาร 4. บรเิ วณวงแหวนแห่งไฟ 5. รีบไปอย่บู ริเวณใกล้กบั กาแพงท่ีมคี วามแขง็ แรง 5. แนวสันเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก 9. ขอ้ ใดกล่าวเกี่ยวกับสนึ ามไิ มถ่ กู ตอ้ ง 4. เหตกุ ารณใ์ นขอ้ ใดไม่ไดเ้ ปน็ สาเหตใุ ห้เกิดแผ่นดินไหว 1. ความเร็วของคลื่นจะข้ึนอยู่กับความลกึ 1. การกักเก็บน้าในเขือ่ นขนาดใหญ่ 2. มกั เกดิ ขึ้นบริเวณชายฝง่ั มหาสมุทรแปซฟิ กิ 2. การผุพังทางเคมีของเปลือกโลก 3. เกดิ ขึน้ ทุกคร้งั เมื่อเกิดแผ่นดนิ ไหวขนาด 6.5 ตาม 3. การทดลองระเบดิ ปรมาณูใต้ดนิ 4. การปะทุของภเู ขาไฟอย่างรุนแรง มาตราริกเตอรข์ ึ้นไป 4. เป็นคลื่นน้าทเ่ี คลื่อนท่ีด้วยความเร็วสงู เม่ืออยู่กลาง 5. การเคล่อื นทเี่ ขา้ หากันของแผ่นธรณี มหาสมทุ ร 5. นักวทิ ยาศาสตรใ์ ชเ้ ครอ่ื งมือใดวัดคล่ืนไหวสะเทือน 5. เม่ืออยู่กลางมหาสมุทรจะมคี วามสงู คลนื่ นอ้ ย แตเ่ ม่อื เข้าใกลช้ ายฝ่งั ความสูงคล่ืนจะเพมิ่ มากข้ึน 1. ไซสโมแกรม 2. ไซสโมมิเตอร์ 10. เหตุการณส์ ึนามเิ มือ่ วนั ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 เกดิ 3. ริกเตอร์สเกล 4. มลั ติมิเตอร์ จากแผ่นดินไหวทมี่ ีศูนยเ์ กดิ แผ่นดินไหวอยบู่ ริเวณ 5. เมอรค์ ัลลกี ราฟ ประเทศใด 1. ญ่ีปุน่ 2. กัมพูชา 3. สงิ คโปร์ 4. ฟิลปิ ปินส์

92 การวดั และประเมนิ ผล จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ ีวัด เครือ่ งมอื วัด เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ หรอื สง่ิ ทต่ี ้องการจะวดั และ ประเมนิ ผล 1.นักเรยี นสามารถอธบิ ายสาเหตุ -ประเมนิ จากการ - 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก กระบวนการเกดิ ภเู ขาไฟระเบิดโดย ตอบคาถามของ 3 =ดี 3 =ดี โดยใชแ้ บบจาลอง(K) นักเรยี น 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง 2.นักเรียนสามารถอธิบายสาเหตุ -ประเมนิ จากการ - 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก กระบวนการเกิด ขนาดและความ ตอบคาถามของ 3 =ดี 3 =ดี รุนแรงของแผ่นดินไหว โดยใช้ นักเรียน แบบจาลอง(K) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ 3.นักเรียนสามารถอธิบายสาเหตุ -ประเมินจากการ - 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก กระบวนการเกิด จากสึนามิโดยใช้ ตอบคาถามของ 3 =ดี 3 =ดี แบบจาลอง(K) นกั เรยี น 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง 4.นักเรียนสามารถสืบค้นและ -ประเมนิ จาก - 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก นาเสนอข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย และ ความคดิ 3 =ดี 3 =ดี ผลจากการเกดิ ภเู ขาไฟระเบิก(P) สร้างสรรคท์ ่ี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ ผ้เู รยี นได้แสดง 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ ความคดิ เหน็ 5.นกั เรยี นสามารถทางานรว่ มกบั -การสงั เกต - 4 =ดีมาก 4 =ดีมาก ผอู้ ่ืนได้อย่างสร้างสรรค์ ยอมรับ ความคดิ เหน็ ของสมาชกิ ในกลมุ่ ได้ 3 =ดี 3 =ดี (A) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ

93 สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น วิธีวัด เคร่อื งมือวัด เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ (ตามหัวข้อที่ 5) 1.ความสามารถในการคดิ สังเกต แบบประเมินใบงาน 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง 2.ความสามารถในการแก้ปญั หา สังเกต แบบประเมนิ ใบงาน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ 3.ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี สังเกต แบบประเมนิ ใบงาน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง

94 ทักษะของผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี 21 วิธีวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ แบบประเมิน 1.ทกั ษะดา้ นการคิดอย่างมี การสงั เกต พฤติกรรม 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก รายบุคคล วจิ ารณญาณและทกั ษะในการ 3 =ดี 3 =ดี แบบประเมนิ แกป้ ญั หา (Critical thinking and พฤติกรรม 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ รายบคุ คล problem solving) 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ แบบประเมิน 2.ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์และ การสงั เกต พฤติกรรม 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก รายบุคคล นวตั กรรม (Creativity and 3 =ดี 3 =ดี innovation) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ 3.ทักษะด้านความร่วมมอื การ การสงั เกต 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก ทางานเป็นทมี และภาวะผ้นู า (Collaboration , teamwork 3 =ดี 3 =ดี and leadership) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง 4.ทกั ษะดา้ น การสอ่ื สาร การสงั เกต แบบประเมิน 4 =ดีมาก 4 =ดีมาก สารสนเทศ และรเู้ ท่าทนั สอ่ื พฤติกรรม 3 =ดี 3 =ดี (Communication information รายบคุ คล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ and media literacy) 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ 5.ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning การสงั เกต แบบประเมนิ 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก Skills) พฤตกิ รรม 3 =ดี 3 =ดี รายบคุ คล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง

95 ตารางเกณฑก์ ารประเมินผลต่างๆ เกณฑก์ ารประเมนิ ดมี าก ระดับคะแนน ดี 4 พอใช้ 3 ปรับปรุง 2 1 10. กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ...... 11. บันทึกผลหลังการสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน นักเรยี นทั้งหมดจานวน.....................คน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จานวนนกั เรียนทผ่ี ่าน จานวนนกั เรยี นท่ีไม่ผา่ น 1 จานวนคน รอ้ ยละ จานวนคน ร้อยละ 2 3 12. ปัญหา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................

96 13. ข้อเสนอแนะ .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชือ่ ..................................................................ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ....................................... () ลงชอื่ ................................................................ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ () ลงช่ือ.......................................................... รองผ้อู านวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ (……………………………………………..)

97 ความเหน็ ของหวั หน้าสถานศกึ ษา ไดท้ าการตรวจแผนการเรียนรขู้ อง....................................................แล้วมีความคดิ เหน็ ดงั นี้ เปน็ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้  เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคญั มาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม  ยงั ไมเ่ น้นผูเ้ รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ลงชื่อ........................................................................................ ( …………………………………..……………………………………… ) ผ้อู านวยการโรงเรียน…………………………………………………………..

98 แผนการเรียนร้ทู ่ี 8 สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชั้น มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง ภเู ขาไฟระเบดิ เวลา 4 ช่ัวโมง 1.มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ัด เขา้ ใจกระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลก ธรณพี บิ ัตภิ ยั และผลตอ่ สง่ิ มชี วี ิตและสงิ่ แวดล้อม รวมทั้ง การศึกษาลาดบั ช้ันหนิ ทรัพยากรธรณี แผนท่ี และการนาไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวช้วี ัด 1. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกดิ ภเู ขาไฟระเบิด และปจั จัยทท่ี าให้ความรนุ แรงของการปะทแุ ละรปู ร่าง ของภเู ขาไฟแตกตา่ งกัน รวมทงั้ สบื คน้ ข้อมลู พน้ื ทเ่ี สยี่ งภัย ออกแบบและนาเสนอแนวทางการเฝา้ ระวังและ การปฏบิ ตั ิตนใหป้ ลอดภัยได้ไ 3.จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ด้านพทุ ธพิ สิ ยั 1.1 นักเรยี นสามารถอธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิดภเู ขาไฟระเบิดโดยโดยใชแ้ บบจาลอง(K) 1.2 นกั เรียนสามารถอธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด ขนาดและความรนุ แรงของแผน่ ดนิ ไหว โดยใช้ แบบจาลอง(K) 1.3 นักเรยี นสามารถอธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิด จากสึนามิโดยใชแ้ บบจาลอง(K) ด้านทกั ษะพิสยั 1.4 นกั เรยี นสามารถสบื ค้นและนาเสนอข้อมลู พ้นื ทเ่ี สย่ี งภยั และผลจากการเกดิ ภเู ขาไฟระเบิด(P) ดา้ นเจตพิสัย 1.5 นักเรียนสามารถทางานรว่ มกับผู้อน่ื ไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ ยอมรับความคดิ เหน็ ของสมาชกิ ในกลุม่ ได้ (A)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook