.การประเมินสิง่ แวดลอม (exposure assessment) เชน - MSDSs - การตรวจระดับตะกว่ั ในอากาศ - การเดินสํารวจโรงงาน/สง่ิ แวดลอม .ขอคําปรึกษา จากทมี สหวชิ าชพี • อาชีวเวชศาสตร • สขุ ศาสตรอตุ สาหกรรม • หนว ยงานสาธารณสุขทเ่ี กี่ยวของ .การเฝาระวังทางการแพทย (medical surveillance) - ตดิ ตามเฝาคมุ ระดบั ตะกวั่ ในเลอื ด (Follow-up BLLs) - ตดิ ตามการประเมนิ ทางคลนิ กิ (Follow-up clinical assessments) .การยา ยออกจากการสมั ผสั .การใหย าขบั ตะกั่ว (Chelation Therapy) การใหความรูใ นการดูแลสขุ ภาพ • ตดิ ตงั้ อา งลา งมอื หอ งเปลยี่ นเสอื้ ผา หอ งอาบนาํ้ ใหค นงานไดใ ช เมอ่ื เสร็จจากการปฏิบตั งิ าน • จัดหาเคร่ืองปองกันอันตรายสวนบุคคลใหคนงานไดสวมใส เชน หนากากกรองอากาศท่ีเหมาะสม ถงุ มือ ชดุ ปฏิบัตงิ าน เคร่อื งชวยหายใจ และ รองเทาบูท ในขณะที่คนงานลงไปซอมหรือทําความสะอาดถังเก็บน้ํามันผสม ตะกว่ั อนิ ทรีย 150 แนวทางการวนิ จิ ฉัยโรคจากส่ิงแวดลอ ม เลม 2 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพิษปรอท และโรคพษิ ตะก่วั )
• ใหความรูเร่ืองสุขอนามัยสวนบุคคลในการทํางานแกคนงาน และ ดแู ลใหค นงานปฏิบตั ติ ัว ดงั น้ี o ลา งหนาและมอื กอนกิน ดืม่ หรอื สูบบหุ ร่ี o กิน ด่ืม หรอื สบู บหุ ร่ีในบรเิ วณปลอดจากฝนุ และฟว มตะก่วั รวมทัง้ เก็บอาหารและบุหรีใ่ นที่ปลอดภัย ไมนาํ อาหาร หรือเคร่อื งดื่มเขาไปบรโิ ภคในขณะปฏบิ ตั ิงาน o สวนหนา กากปอ งกนั ฝนุ และฟว ม ตะกว่ั อยา งถกู ตอ งและเหมาะสม o เปล่ยี นเสอ้ื ผาชดุ ปฏบิ ัตงิ านกอนเขา ทํางาน เปลีย่ นเสื้อผา และ อาบนา้ํ ชําระลา งรา งกายทันทที นี่ ํา้ มันผสมตะกั่วอนิ ทรยี ห กรด เส้อื ผา o ชําระรางกายหลงั เสรจ็ งานทกุ วัน และเปล่ียนเสื้อผา ชดุ ปฏิบัติ งานเกบ็ ไวในท่เี กบ็ เสื้อผา ของโรงงาน ไมค วรนํากลบั บา น o ควนแยกซกั เสื้อผาตา งหากจากเสอ้ื ผาคนอ่ืนในครอบครัว การประเมนิ สงิ่ แวดลอ มเพอ่ื การเฝา ระวงั (EXPOSURE INVESTIGATION) การประเมินสิ่งแวดลอมเพ่ือการเฝาระวังเปนมาตรการเชิงรุกในการ ปอ งกนั การสมั ผสั สารตะกวั่ โดยขน้ั ตน ตอ งคน หาแหลง กอ มลภาวะ(ตะกว่ั ) กอ น เพอื่ นาํ ไปสกู ารนาํ การดาํ เนนิ มาตรการในการควบคมุ การสมั ผสั กบั ปจ จยั เสย่ี ง ในส่ิงแวดลอม ในการคนหาแหลงกอมลภาวะสารตะกั่ว มักไดจากการซัก ประวัติของผูสัมผัสสารตะกั่วทั้งท่ีเกิดจากงานอาชีพหรือสิ่งแวดลอมนอกงาน อาชพี จากเอกสารกาํ กบั สารเคมี MSDS และ รายงานผลการตรวจสง่ิ แวดลอ ม เชน ระดบั ตะกัว่ ในอากาศ แนวทางการวนิ จิ ฉยั โรคจากสง่ิ แวดลอม เลม 2 151 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพิษปรอท และโรคพษิ ตะกัว่ )
การเฝา ระวงั ทางการแพทย (Medical Surveillance) การเฝา ระวงั ทางการแพทยเ ปน การเฝา ระวงั ในตวั บคุ คลทม่ี ปี จ จยั เสย่ี ง วตั ถปุ ระสงคข องการเฝา ระวงั ประกอบดว ย ประการทหี่ นงึ่ การประเมนิ การรบั สัมผัสปจจัยเสี่ยงเขาสูรางกาย โดยการตรวจหาสารน้ันเมื่อเขาสูรางกายแลว หรอื เรยี กวา การตรวจหา Biomarker ของสารนนั้ สาํ หรับกรณขี องสารตะก่วั การตรวจระดบั ตะกัว่ ในเลือด (Blood Lead Level) เปนเครอ่ื งมอื ท่ดี ีทีสุดที่ มีอยูในปจจุบันท่ีใชในการเฝาระวังการรับสัมผัสสารตะก่ัวเขาสูรางกาย ทง้ั ทางการกนิ การหายใจ และ การสัมผัสผา นทาง และ ระดับตะก่ัวในเลอื ด เปนตัวแทนที่ดีที่สุดในการประเมินการรับสัมผัสดังที่กลาวมาแลวในเร่ืองการ ตรวจสารตะกว่ั ในเลอื ด ประการทสี่ องของการเฝา ระวงั ทางการแพทย คอื การ เฝาระวังผลกระทบตอสุขภาพ โดยการตรวจหาผลของปจจัยสิ่งคุกคามตอ สุขภาพในที่น้ีคือ การตรวจหาผลกระทบของพิษตะกั่วตออวัยวะตางๆของ รา งกาย การตรวจระดับตะก่วั เปนระยะๆ (blood lead level monitoring) เปนการตรวจสอบสถานะตะก่ัวในรางกายขณะนั้น ถาพบวา ระดับตะกั่วอยู ในชว ง 10-24 ไมโครกรัม/เดซิลิตร แสดงวา ยังคงมกี ารรับสัมผสั สารตะกว่ั อยู อยางตอเน่อื ง หากระดบั ตะก่ัวมากกวา 25 ไมโครกรมั /เดซิลติ รขน้ึ ไปแสดงวา มีการรับสมั ผัสตะกวั่ จนอาจเกิดอันตรายตอสขุ ภาพ นอกจากนีก้ ารนําผลการ ตรวจระดับตํ่ามาเปรียบเทียบกับผลการตรวจครั้งกอน สามารถบงบอกถึง มาตรการทางอาชวี อนามยั ในการควบคมุ หรอื ลดการสมั ผสั สารตะกว่ั ทผี่ า นมา มปี ระสทิ ธภิ าพหรอื ไม โดยดไู ดจ ากแนวโนม ของระดบั ตะกว่ั ของกลมุ คนทเ่ี สยี่ ง ถาระดับตะกั่วมีแนวโนมเพิ่มข้ึนแสดงวามาตรการควบคุมการสัมผัสท่ีผานมา ไมมีประสิทธภิ าพเพียงพอ ควรตองมกี ารปรับปรุงแกไ ข 152 แนวทางการวนิ จิ ฉยั โรคจากสิ่งแวดลอ ม เลม 2 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพิษปรอท และโรคพษิ ตะกวั่ )
สาํ หรบั OSHA กาํ หนดใหน ายจา ง ทมี่ ลี กู จา งทที่ าํ งานในสภาพแวดลอ ม ทมี่ รี ะดบั ตะกวั่ ในอากาศท่ี 8-hr TWA ≥ 30 μg/m3 นานมากกวา 30 วนั ตอ ป ตองจัดใหมีโครงการเฝาระวังทางการแพทยจากพิษตะกั่ว ศูนยสุขภาพแหง รัฐนิวยอรก (New York Department of Health) ไดออกคําแนะนํา (Recommendation) เกย่ี วกบั แนวทางการเฝา คมุ ระดบั ตะกวั่ ในเลอื ดของคน ทาํ งานตามความสมคั รใจ เพอ่ื ใชใ นการเฝา ระวงั ทางการแพทยส าํ หรบั คนงาน กลุมเสีย่ งตอ พษิ ตะกัว่ (ตารางที่ 9) คําแนะนําดงั กลา วซึง่ สูงกวา มาตรฐานขอ กําหนดของ OSHA โดยแนะนําใหนายจางตองจัดการเฝาคุมระดับตะก่ัวใน เลือด ดวยการตรวจระดับตะกัว่ ในเลอื ดเปน ระยะ โดยตรวจคร้ังแรก กอนเร่ิม ทํางานสัมผัสกับสารตะก่ัวในคนงานทุกราย ตรวจติดตาม ทุกเดือนในชวง 3 เดอื นแรก เพอ่ื เปน การประเมนิ ประสทิ ธภิ าพของมาตรการควบคมุ และลดการ สมั ผสั สารตะกัว่ ของนายจา ง หลงั จากน้นั อาจลดความถี่การตรวจลงเหลือทกุ 6 เดอื นได เมอื่ ระดบั ตะกั่วในเลอื ด < 25 ไมโครกรมั /เดซลิ ิตร (0.48 μmol/L) และ ถา ในการตรวจเฝาคุมดงั กลา วพบวา คนงานมรี ะดับตะกั่วในเลือดเพ่มิ สูง ≥10 ไมโครกรมั /เดซลิ ติ ร (0.24 μmol/L) เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ครงั้ กอ น นายจา ง ตองกลับไปประเมินมาตรการควบคุมและลดการสัมผัสสารตะก่ัวใหม และ ปรบั ปรงุ ใหด ขี นึ้ สาํ หรบั รายงานผลการตรวจระดบั ตะกว่ั ในเลอื ด ตอ งแจง ผล ใหลกู จางทราบเปนรายบุคคลเพือ่ ทราบวา ระดบั ตะกัว่ ลดลง คงที่ หรอื เพมิ่ ข้ึนจากเดิม พรอมท้ังรายงานผลการตรวจของลูกจางท้ังหมดตอนายจางเพ่ือ การนําไปวิเคราะหผลของมาตรการควบคุมและลดการสัมผัสสารตะกั่วของ นายจางทดี่ ําเนินการอยู แนวทางการวนิ ิจฉัยโรคจากสงิ่ แวดลอม เลม 2 153 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพษิ ปรอท และโรคพิษตะก่วั )
ตารางที่ 9 แนวทางการเฝา คมุ ระดบั ตะกวั่ ในเลอื ดของคนทาํ งานตาม ความสมคั รใจ* ตรวจคร้งั แรก กอนเริ่มทํางานสัมผสั กบั สารตะกว่ั ในคนงานทกุ ราย ตรวจทุกเดอื น - ชว ง 3 เดือนแรก และ - คร้งั ลา สดุ BLL > 25 ไมโครกรัม/เดซลิ ติ ร (และถา คร้งั ลาสุด BLL ≥ 50 ไมโครกรัม/เดซลิ ิตร ตองงดสมั ผัสและ ตรวจซํา้ ภายใน 2 สัปดาห) หรือ - ระดบั ตะกว่ั เพม่ิ ขน้ึ จากการตรวจครง้ั กอ น ≥ 10 ไมโครกรมั /เดซลิ ติ ร ภายหลัง 3 เดอื นแรก ตรวจทุก 2 เดอื น - เม่อื BLL < 25 ไมโครกรัม/เดซิลติ ร เปนระยะเวลา 3 เดือน และ - ระดบั ตะกว่ั เพม่ิ ขนึ้ จากการตรวจครง้ั กอ น < 10 ไมโครกรมั /เดซลิ ติ ร ตรวจทุก 6 เดอื น - เมือ่ BLL < 25 ไมโครกรมั /เดซิลิตร เปนระยะเวลา 6 เดอื น และ - ระดับตะกว่ั เพิ่มข้ึนจากการตรวจครงั้ กอน < 10 ไมโครกรมั /เดซลิ ติ ร * คําแนะนํานี้สูงกวาเกณฑท ่ี OSHA กําหนด ควรมกี ารดดั แปลงใหเ หมาะสม ในแตล ะทอ งถนิ่ 154 แนวทางการวนิ จิ ฉยั โรคจากส่งิ แวดลอ ม เลม 2 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพิษปรอท และโรคพิษตะก่ัว)
แนวทางการดแู ลรกั ษาสมั ผสั สารตะกวั่ การรกั ษาภาวะพิษตะกว่ั ในการรกั ษาภาวะพษิ ตะกว่ั สงิ่ สาํ คญั ทต่ี อ งทาํ เปน อนั ดบั แรก คอื การคน หา แหลง ตะกั่ว ที่ผูปว ยรับสมั ผสั และ ยา วออกจากการรับสมั ผสั ท้ังจากในงาน อาชพี และนอกงานอาชพี และสง่ิ แวดลอ ม แลว จงึ ทาํ การรกั ษาอาการพษิ ทเี่ กดิ ขนึ้ ตามหลกั การแพทย สาํ หรบั การรกั ษาดว ยยาขบั โลหะ (Chelatng agents) หรอื ไมน น้ั ขน้ึ กบั การพิจารณาปจ จยั ตางๆ รวมกนั อยางถีถ่ วน ไดแ ก 1. กลุม อายุของผูปว ย 2. ระดับตะก่ัวในเลือด 3. อาการและอาการแสดงของภาวะพิษตะกั่ว 4. ระยะเวลาของการสมั ผสั สารตะก่วั ทงั้ น้ี มขี อ ควรตระหนกั บางประการ ไดแ ก ยาขบั โลหะเปน กลมุ ยาทอ่ี าจ มีผลขางเคียงจากการใชยาได และการใหยาขับโลหะในระยะยาวในขณะที่ ผูปวยยังมีการสัมผัสตะก่ัวอยู เพื่อปองกันภาวะพิษจากตะก่ัวเปนสิ่งท่ีไม ควรกระทาํ การรกั ษาภาวะพิษตะกัว่ ในผูใหญ ในผูใหญการใหยาขับตะกั่วมีท่ีใชในกรณีท่ีระดับตะกั่วในเลือดสูง และหรือมีอาการและอาการแสดงของพิษตะก่ัวโดยเปนเพียงความเห็นของ ผเู ชยี่ วชาญเทา นน้ั ยงั ไมม หี ลกั ฐานการศกึ ษาทางการแพทย (evidence-based medicine) รบั รอง โดยมขี อ พจิ ารณาในการใหย าขบั ตะกว่ั ในกรณพี บผปู วยมี ระดับตะกัว่ ในเลือดสูงหรือแสดงอาการเปน พิษตะกวั่ ดงั น้ี แนวทางการวินจิ ฉยั โรคจากส่งิ แวดลอม เลม 2 155 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพิษปรอท และโรคพษิ ตะกว่ั )
- กรณไี ดร บั พษิ เฉยี บพลนั การใหย า chelating agents เพอื่ เปน การเรง การขบั ตะกว่ั ออกจากรา งกาย และชว ยลดอาการพิษเฉยี บ - กรณไี ดร บั พิษเร้อื รงั ใชปจ จยั ดา น ระดับตะกว่ั ในเลอื ด อาการทาง คลนิ ิก ระยะเวลาที่สัมผสั ระยะเวลาท่ีมีอาการ และโรคประจาํ ตวั ที่ มอี ยเู ดมิ มาเปน ขอ พจิ ารณาการตดั สนิ ใจใหย าขบั ตะกวั่ (chelating agents) แตโ ดยทวั่ ไปแลว ผทู ม่ี รี ะดบั ตะกวั่ มากกวา 100 ไมโครกรมั / เดซลิ ติ ร มกั มอี าการและอาการแสดงพษิ ตะกวั่ ใหเ หน็ หรอื เสย่ี งตอ การเกดิ encephalopathy หรอื โรคลมชกั จงึ แนะนาํ ใหย าขบั ตะกวั่ สว นกรณอี ื่นๆ มคี าํ แนะนาํ ดงั แสดงในตารางที่ 10 ตารางที่ 10 ขอ พจิ ารณาในการตดั สนิ ใจใหย าขบั ตะกวั่ (chelating agents คา ระดับตะกั่วในเลือด ขอบง ชี้ (ไมโครกรัม/เดซิลติ ร) >100 แนะนําใหท กุ ราย 80 – 100 พิจารณาใหไดแ มไ มม อี าการพษิ 50 - 79 พจิ ารณาใหเ มอ่ื มอี าการพษิ ตะกัว่ ≥ 40 ขึ้นไป พิจารณาใหเม่อื มีอาการพิษตะก่วั และใหง ดการสัมผสั นาน อยางนอย ๒ สัปดาหแ ลวระดับตะกัว่ ยังสงู อยไู มลดลง 156 แนวทางการวนิ ิจฉยั โรคจากสิ่งแวดลอ ม เลม 2 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพษิ ปรอท และโรคพษิ ตะกว่ั )
สาํ หรบั ขนาดและการใชย าขบั ตะกว่ั มดี งั นี้ 1. CaNa2 EDTA ใชใ นขนาด 0.5-1 กรมั / ตารางเมตร จนถงึ 1.5 กรมั /ตารางเมตร ตอ วัน โดยฉดี เขา หลอดเลือดดําชาๆ หรอื เขา กลา มเนอื้ ลกึ ๆ หรือใชย าขนาด 1 กรมั หยดเขา หลอดเลอื ดดาํ ชา ๆ ใหห มดในเวลา 1 ชว่ั โมง ใหว นั ละ 2 ครง้ั นาน ไมเ กิน 5 วนั ตดิ ตอ กนั 2. Dimercaprol (BAL) ใชร ว มกบั CaNa2 EDTA โดยใชข นาด 2.5 มลิ ลกิ รมั / กิโลกรมั ฉดี เขา กลา มเนือ้ ทุก 4 ชัว่ โมง เปน เวลาไมเ กิน 5 วัน 3. D-penicillamine ใหข นาด 20 - 40 มิลลิกรมั /กโิ ลกรมั /วัน แตไมเกนิ 1 กรัม กินกอนอาหาร 1-2 ช่วั โมง ยาชนดิ น้ีใชร กั ษานาน 3 -6 เดือน ใหผลดใี น ผูป ว ยระยะเรอ้ื รงั 4. DMSA (Succimer) เปนยากินที่ใชไดดีในการรักษาโรคพิษตะก่ัวในเด็ก โดยใชใ นขนาด 350 มลิ ลกิ รมั /ลกู บาศกเมตร ทกุ 8 ชวั่ โมง เปน เวลา 5 วนั ตามดวยขนาด 350 มลิ ลกิ รัม/ลกู บาศกเ มตร ทกุ 12 ชว่ั โมง ตอ อีก 14 วัน อาการขา งเคยี ง ไดแก คล่นื ไส อาเจียน และถายเหลว สําหรบั ในผูใหญค วาม เห็นผูเชยี่ วชาญแนะนําใหใ ชขนาด 500 มก. วันละ 2 ครง้ั นาน 2 สัปดาห ในการรักษาดวยยาเหลาน้ีควรมีการตรวจติดตามการทํางานของไต ตรวจปสสาวะ และตรวจนับเม็ดเลือดดวยเสมอ เพ่ือเฝาระวังผลอันไมพึง ประสงคจ ากการใชย า หากมีอาการเหลานี้ตองหยุดการรกั ษาดว ยยาขับโลหะ ทนั ที ผลการรกั ษาโดยรวมสาํ หรบั ผปู ว ยทไี่ ดร บั ตะกว่ั เรอ้ื รงั อาจไมไ ดผ ลดเี ทา ผปู ว ยท่ีไดรับตะกวั่ เฉยี บพลันหรอื ไดเปน ชว งเวลาสนั้ ๆ ดังนัน้ ผูปว ยภาวะพษิ แนวทางการวนิ จิ ฉยั โรคจากสงิ่ แวดลอ ม เลม 2 157 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพษิ ปรอท และโรคพิษตะกัว่ )
ตะก่ัวเรอื้ รงั ยงั อาจมีความผิดปกตหิ ลงเหลอื ในระยะยาวจากพษิ ตะก่วั ได เชน ความผดิ ปกตใิ นระบบประสาทกลางและระบบประสาทสว นปลาย และไตเสอื่ ม สภาพเร้อื รัง ในกรณีของหญิงตงั้ ครรภ อาจพิจารณาใหยาขบั ตะกัว่ ในกรณีท่เี ห็นวา กอ ใหเ กิดประโยชนต อ มารดามากกวา ความเสย่ี งทอ่ี าจจะเกดิ ขน้ึ ตอ ทารก แต ในปจ จบุ นั ยงั ไมท ราบถงึ ผลของยาขบั ตะกว่ั ตอ ทารกในครรภห รอื ทารกแรกเกดิ สําหรับมารดาทก่ี ําลงั ไดร บั ยายาขบั ตะกัว่ อยูไมควรใหนมแกทารก กรณกี ารนาํ ยาขบั ตะกว่ั มาใชเ พอื่ การปอ งกนั (Prophylactic chelation therapy) ในผูสัมผัสสารตะกั่วอยางตอเน่ือง ทาง OSHA ถือเปนขอหาม ไมใหใ ช การรกั ษาภาวะพษิ ตะกว่ั ในเดก็ เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ผใู หญแ ลว เดก็ จะไดร บั ผลกระทบตอ สขุ ภาพมากกวา ผใู หญ โดยเฉพาะผลตอระบบประสาท เนอื่ งจากเปน ชว งท่มี ีการเจรญิ เตบิ โต และการพัฒนาการของสมองพบมากท่ีสุด ทําใหเด็กไวตอความเปนพิษตอ ตะกั่วมากกวาผูใหญ การคนหาเด็กที่มีการสัมผัสสารตะก่ัวและใหการดูแล รกั ษาในระยะเรมิ่ แรกจงึ มคี วามสาํ คญั และชว ยลดผลกระทบตอ พฒั นาการทาง สมองของเด็กเล็ก ถาพบระดับตะก่ัวในเลือด 10-45 ไมโครกรัม/เดซิลิตร ควรยา ยเดก็ ออกจากแหลง ทกี่ อ ใหเ กดิ การสมั ผสั และเมอื่ มรี ะดบั ตะกวั่ ในเลอื ด สงู กวา 45 ไมโครกรัม/เดซิลิตร ควรพิจารณารักษาดว ยยาขบั ตะกั่ว การใหย า ขบั ตะก่วั (chelation therapy) และการเฝาระวังผลขา งเคียง ดตู ารางท่ี 11 และ การติดตามระดบั ตะกัว่ ภายหลังการรกั ษา ดูตารางท่ี 12 158 แนวทางการวนิ ิจฉยั โรคจากสงิ่ แวดลอม เลม 2 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพษิ ปรอท และโรคพษิ ตะกวั่ )
ตารางท่ี 11 การใหย าขบั ตะกว่ั (chelation therapy) และการเฝา ระวงั ผล ขา งเคยี ง ระดบั ตะกั่วในเลือด การใหยาขบั ตะกั่ว การเฝา ระวงั (μg/dL) ผลขา งเคยี ง < 25 ไมแ นะนาํ - 25-69 DMSA หรือ succimer oral form CBC 10มก/ม2 ทกุ 8 ชม. นาน 3 วนั หรือ Lever Function ให ทกุ 12 ชม. นาน 2 สปั ดาห Test ตรวจระดับตะกวั่ ในเลือดซ้าํ ภายหลงั การรักษา ครบที่ 24 ชม. และ 21วัน >70 Calcium disodium EDTA ขนาด 30-50 มก/ ตรวจ CBC, มอี าการพษิ แตไมม ี กก/วันหรือ 1-1.5 กรมั / ม2 เจอื จางดวย NSS or BUN, Cr & U/A encephalopathy D5W เปน 2-4 มก/มล ใหท างเสนเลือด นาน ทกุ วัน 3-5 วนั หรอื แบง ฉีดเขา กลามทกุ 8 ชม. ภายหลังใหยา 3 วัน แลว อาการดขี ึ้นอาจเปล่ียน เปน ยากินได Lead BAL (Dimercaprol) ใชร วมกับ Calcium ตรวจ CBC, encephalopathy disodium EDTAเทานัน้ ขนาด 3-4 มก/กก. BUN, Cr & U/A (75มก./ ม2) ฉีดเขากลามทันที และ ทกุ 4-6 ชม. ทุกวัน นาน 3 วัน Calcium disodium EDTA เรม่ิ 4 ชม. หลงั ให BAL หน่ึงคร้ัง ขนาด 1-1.5 กรมั / ม2 เจอื จางดวย NSS or D5W เปน 2-4 มก/มล ใหทางเสน เลือด ดําในn 24 ชม, อาจใหน าม 5 วันตดิ ตอ กัน แนวทางการวนิ ิจฉยั โรคจากส่งิ แวดลอม เลม 2 159 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพษิ ปรอท และโรคพิษตะกั่ว)
ตารางท่ี 12 ตารางตรวจตดิ ตามระดบั ตะกวั่ ภายหลงั การรกั ษา ระดบั ตะกวั่ ในเลอื ด (μg/dL) การติดตามระยะแรก การตดิ หลงั ระดบั ตะกว่ั ลดลง 10-14 3 เดอื น 6-9 เดือน 15-19 1-3 เดือน 3-6 เดอื น 20-24 1-3 เดอื น 1-3 เดือน 25-44 2 สปั ดาห-1 เดอื น 1 เดอื น > 45 เรว็ เทา ท่ที าํ ได ใหยาขับตะกว่ั และ FU การรักษาภาวะพษิ ตะกั่วอินทรยี ภาวะพิษตะกั่วอินทรียไมสามารถรักษาดวยยาขับโลหะได ใหดําเนิน การไดโ ดยการปอ งกนั การสมั ผสั ตะกวั่ เพม่ิ เตมิ และการรกั ษาตามอาการเทา นนั้ การตง้ั ครรภแ ละใหนมบตุ ร หลกั ในการเฝา ระวงั และปอ งกนั ทารกขณะทอ่ี ยใู นครรภแ ละหลงั คลอด ใหปลอดพิษสารตะก่ัว คือ การเฝาระวังที่แหลงกําเนิดสารตะก่ัว สารตะกั่ว สามารถเขา สรู า งกายของทารกผา นทางสายสะดอื ขณะอยใู นครรภม ารดา และ จากการด่ืมนมมารดาหลงั จากการคลอด การปอ งกันพิษตะกวั่ ในทารกจึงเนน ท่ีแหลงกําเนิด CDC ของสหรัฐไดใหคําแนะนําวา สําหรับหญิงต้ังครรภ ควรรกั ษาระดบั ตะกวั่ ใหต าํ่ กวา 5 ไมโครกรมั /เดซลิ ติ ร ตงั้ แตม กี ารปฏสิ นธแิ ละ ตลอดอายกุ ารตัง้ ครรภ และ ควรไดรบั แคลเซยี มเสริเพื่อลดการดดู ซมึ ลดการ สลายตะกั่วออกจากกระดูก เน่ืองจากแคลเซียมไมละลายในไขมัน ปริมาณ ความเขมขนของตะก่ัวในน้ํานมจึงนอยกวาความเขมขนของตะก่ัวในเลือด 160 แนวทางการวนิ ิจฉยั โรคจากสง่ิ แวดลอม เลม 2 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพิษปรอท และโรคพิษตะก่วั )
เมอื่ คาํ นงึ ถงึ คณุ ประโยชนท จี่ ะไดร บั จากการเลย้ี งทารกดว ยนาํ้ นมมารดา CDC จึงยังคงแนะนําใหมารดาที่มีระดับตะก่ัวในเลือดตํ่ากวา 40 ไมโครกรัมตอ เดซลิ ติ รสามารถเลยี้ งทารกดว ยนา้ํ นมตนเองได แตเ นอื่ งจากตะกวั่ ในนา้ํ นมถกู ดูดซึมไดดีในทารก การตัดสินใจใหนํ้านมจึงตองพิจารณาแลวแตละกรณี ขอสาํ คญั คอื ถา มารดามีระดบั ตะกว่ั ในเลือดสูง หรือสงสัยจะมีการสัมผัสสาร ตะกวั่ ตอ งรบี แหลง สมั ผสั นน้ั ทงั้ จากงานอาชพี นอกงานอาชพี และสงิ่ แวดลอ ม และใหก ารแกไ ข ขณะเดยี วกนั ก็ monitor ระดบั ตะกวั่ ในทารก เมอ่ื แกไ ขปญ หา ตา งๆ แลวระดับตะกวั่ ในทารกยงั ไมลดลง ควรงดการใหน้าํ นม กระสนุ ปน ตกคา งในรา งกาย ผูไดร บั บาดเจ็บจากกระสนุ ปน บรเิ วณใบหนา ศีรษะ และ บรเิ วณลาํ คอ เศษตะก่ัวจากกระสุนปนอาจถูกกลืนลงสูระบบทางเดินอาหารและถูกดูดซึม เขา สรู า งกายมผี ลทาํ ใหร ะดบั ตะกวั่ สงู ขนึ้ อยา งรวดเรว็ ในวนั แรกหลงั ไดร บั บาด เจบ็ ได เมอ่ื พบเศษตะกว่ั ตกคา งในทางเดนิ อาหารจากตรวจภาพรงั สี การกาํ จดั ออกสามารถทาํ ใหร ะดบั ตะกวั่ ลดลงในสองสามสปั ดาหถ ดั มา กรณเี ศษกระสนุ ปน ตกคา งในสว นอน่ื ของรา งกายถา ตกคา งบรเิ วณทมี่ กี ารดดู ซมึ ตะกวั่ ไดด ี เชน บริเวณขอตอซ่ึงมีความเส่ียงทําใหระดับตะก่ัวสูง ควรปรึกษากับศัลยแพทย พจิ ารณาเอาออก กรณที มี่ เี ศษตะกวั่ ตกคา งอยู ควรสง ตรวจหาระดบั ตะกว่ั เบอ้ื ง ตน สาํ หรบั การเปรยี บเทยี บ (Baseline) แลว ตรวจตดิ ตามระดบั ตะกว่ั เปน ระยะ กรณีท่ีคิดวาอยูในตําแหนงที่มีการดูดซึมได กรณีพบตะก่ัวอยูท่ีกลามเนื้อ ไมต อ งตรวจตดิ ตามระดบั ตะกวั่ ถา แนใ จวา ไมเ คลอ่ื นยา ยไปยงั ตาํ แหนง ทม่ี กี าร ดดู ซึม แนวทางการวนิ ิจฉัยโรคจากสิง่ แวดลอ ม เลม 2 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพิษปรอท และโรคพษิ ตะกั่ว) 161
การปอ งกนั ภาวะพษิ ตะกวั่ การควบคุมทางวิศวกรรม 1. จัดใหมีระบบระบายอากาศในสถานที่ทํางานที่เหมาะสมทั้งชนิด เฉพาะที่ และชนดิ ท่วั ไป เพอื่ ทีจ่ ะกําจดั ควนั ไอ หรอื ฝนุ ของตะกว่ั ออกไปจาก จดุ กาํ เนดิ แตต อ งระมดั ระวงั ไมใ หเ กดิ การพดั กลบั ของฝนุ ตะกว่ั ทก่ี าํ จดั ออกไป แลว กลับเขา มาในสถานทท่ี าํ งานอีก 2. มีการกักเก็บ รวบรวมควัน ไอ หรือฝุนตะก่ัวใหรวมอยูท่ีเดียวกัน เพื่อปอ งกนั การกระจายออกไปในอากาศ 3. แยกกระบวนการปฏิบัติงานที่เกี่ยวของกับตะกั่วใหออกหางจากที่ ทํางานท่ัวไป หรอื กนั้ บริเวณใหเ ปนสดั สว น เพือ่ ปองกันคนงานแผนกอ่ืนๆ ไม ใหไดร บั ไอ หรอื ฝุน ตะก่ัว 4. ทําความสะอาดบรเิ วณทีท่ าํ งาน ตลอดจนอปุ กรณในการทาํ งานให สะอาดปราศจากฝนุ ละอองของตะกว่ั โดยเฉพาะพน้ื ของโรงงานตองทําความ สะอาดอยา งสม่ําเสมอ 5. การตรวจระดับตะกั่วในบรรยากาศการทํางานเปนประจําอยาง สมํ่าเสมอ เม่ือพบวาเกิน 0.15 มิลลิกรัม/ลูกบาศกเมตรของอากาศ ตองรีบ ดาํ เนินการแกไขและปรบั ปรุง 162 แนวทางการวินจิ ฉัยโรคจากส่ิงแวดลอ ม เลม 2 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพษิ ปรอท และโรคพษิ ตะกว่ั )
รายการอา งองิ 1. โยธิน เบญจวัง, รศ นพ สมั มน โฉมฉาย, อดลุ ย บณั ฑกุ ุล. โรคพิษโลหะ หนกั . ใน ตาํ ราอาชวี เวชศาสตร. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พร าชทณั ฑ 2554: 691-710 2. สรุ จติ สุนทรธรรม. เอกสารเรื่อง ลกู นอ ยฉลาด จากปราศพษิ ตะก่วั 3. ATSDR. Toxicologicalc Profile for Lead. US Department of Health & Human Services, Public Health Service, Agency for Toxic Sub- stances and Disease Registry, Atlanta, GA 2007. Available at: http:// www.atsdr.cdc.gov/toxprofiles/tp.asp?id=96&tid=22 (Accessed on July 20, 2011). 4. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Childhood lead poisoning from commercially manufactured French ceramic dinnerware--New York City, 2003. MMWR Morb Mortal Wkly Rep 2004; 53:584. 5. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Lead poi- soning in pregnant women who used Ayurvedic medications from India--New York City, 2011-2012. MMWR Morb Mortal Wkly Rep 2012; 61:641. 6. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Lead poi- soning associated with use of litargirio--Rhode Island, 2003. MMWR Morb Mortal Wkly Rep 2005; 54:227. แนวทางการวินิจฉัยโรคจากสิง่ แวดลอ ม เลม 2 163 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพษิ ปรอท และโรคพิษตะกั่ว)
7. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Infant lead poisoning associated with use of tiro, an eye cosmetic from Nige- ria--Boston, Massachusetts, 2011. MMWR Morb Mortal Wkly Rep 2012; 61:574. 8. Fischbein A, Hu H. Occupational and environmental exposure to lead. In: Environmental and Occupational Medicine, Rom WN, Markowitz SB (Eds), Lippincott Williams & Wilkins, Philadelphia 2007. p.958. 9. Gulson BL, Mahaffey KR, Jameson CW, et al. Mobilization of lead from the skeleton during the postnatal period is larger than during pregnancy. J Lab Clin Med 1998; 131:324. 10. Lead Exposure in Adult-A Guide for Health Care Provider. Available at: http://www.health.ny.gov/publications/2584/ 11. Medical Management Guidelines for Lead-Exposed Adults Revised 04/24/2007. Available at: http://www.aoec.org/docu- ments/positions/MMG_FINAL.pdf 12. Moszynski P. Lead poisoning in Nigeria causes “unprecedent- ed” emergency. BMJ 2010; 341:c4031. 13. Ni Z, Hou S, Barton CH, Vaziri ND. Lead exposure raises su- peroxide and hydrogen peroxide in human endothelial and vas- cular smooth muscle cells. Kidney Int 2004; 66:2329. 164 แนวทางการวินจิ ฉัยโรคจากส่ิงแวดลอ ม เลม 2 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพิษปรอท และโรคพษิ ตะก่ัว)
14. Riess ML, Halm JK. Lead poisoning in an adult: lead mobili- zation by pregnancy? J Gen Intern Med 2007; 22:1212. 15. Saper RB, Phillips RS, Sehgal A, et al. Lead, mercury, and ar- senic in US- and Indian-manufactured Ayurvedic medicines sold via the Internet. JAMA 2008; 300:915. 16. Struzy ska L, Walski M, Gadamski R, et al. Lead-induced abnormalities in blood-brain barrier permeability in experimental chronic toxicity. Mol Chem Neuropathol 1997; 31:207. 17. USA Case Definition of Adult (including Occupational) & Child Elevated Blood Lead Levels (EBLL). Available at: http://www.lead. org.au/fs/fst72.html 18. Valentine WN, Paglia DE, Fink K, Madokoro G. Lead poisoning: association with hemolytic anemia, basophilic stippling, erythrocyte pyrimidine 5’-nucleotidase deficiency, and intraerythrocytic accu- mulation of pyrimidines. J Clin Invest 1976; 58:926. 19. Wright RO, Schwartz J, Wright RJ, et al. Biomarkers of lead exposure and DNA methylation within retrotransposons. Environ Health Perspect 2010; 118:790. 20. Wu Y, Liu Y, Ni N, et al. High lead exposure is associated with telomere length shortening in Chinese battery manufacturing plant workers. Occup Environ Med 2012; 69:557 แนวทางการวนิ จิ ฉัยโรคจากสิง่ แวดลอม เลม 2 165 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพิษปรอท และโรคพษิ ตะก่วั )
พมิ พที่ โรงพมิ พเทพเพญ็ วานสิ ย โทรศัพท 0-2455-9468-71 โทรสาร 0-2455-9472 166 แนวทางการวนิ จิ ฉยั โรคจากส่ิงแวดลอม เลม 2 (โรคจากมลภาวะในอากาศ โรคพิษปรอท และโรคพิษตะกวั่ )
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168