Series 1 »‚ 2016 á¹Ç·Ò§ÇÔ¹¨Ô ©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷ӧҹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis â´Â ¹ÒÂá¾·ÂÍ´ØÅ º³Ñ ±¡Ø ØÅ ¡Å‹ØÁȹ٠¡ÒÃá¾·Âà ©¾Òзҧ´ŒÒ¹ÍÒªÕÇàǪÈÒÊμÃአÅÐàǪÈÒÊμÊÊèÔ§áÇ´ÅÍŒ Á âç¾ÂÒºÒŹ¾Ã˜μ¹ÃÒª¸Ò¹Õ ¡ÃÁ¡ÒÃá¾·Â ¡ÃзÃǧÊÒ¸ÒóʢØ
Series 1 »‚ 2016 á¹Ç·Ò§ÇÔ¹¨Ô ©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis â´Â ¹ÒÂá¾·ÂÍ ´ÅØ Â º³Ñ ±Ø¡ÅØ ¡ÅØ‹ÁÈٹ¡ÒÃá¾·Âà ©¾Òзҧ´ŒÒ¹ÍÒªÇÕ àǪÈÒÊμÃá ÅÐàǪÈÒÊμÃÊèÔ§áÇ´ÅŒÍÁ âç¾ÂÒºÒŹ¾ÃμÑ ¹ÃÒª¸Ò¹Õ ¡ÃÁ¡ÒÃá¾·Â ¡ÃзÃǧÊÒ¸ÒÃ³ÊØ¢
¤Òí ¹Òí การวินิจฉัยโรคจากการทํางานถือเปนเร่ืองสําคัญ เนื่องจากโรคจากการทํางานนั้นเกิดใน คนวยั ทํางาน ซึง่ เปนวัยท่ีสาํ คญั สําหรับสงั คมและเศรษฐกิจของประเทศ ถาคนวัยทํางานเจบ็ ปวยหรือ ไมสบาย ก็ไมสามารถหาเลี้ยงครอบครัวได และทําใหงานท่ีทําอยูตองหยุดชะงักลง และมีผลเสีย ตอเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ ปจจุบันการวินิจฉัยโรคจากการทํางานในประเทศไทยคอนขาง มีปญหาเน่ืองจากไมคอยมีการวินิจฉัย ทั้งน้ีเนื่องจากแพทยสวนใหญไมรูจักสภาพแวดลอมและ กระบวนการทาํ งาน ทาํ ใหไ มค นุ เคยกบั การซกั ประวตั กิ ารทาํ งาน นอกจากนยี้ งั กลวั ปญ หาทางกฏหมาย ทจี่ ะเกดิ จากการวนิ จิ ฉยั โรคจากการทาํ งานแลว ไมใ ช อกี ทงั้ ยงั ไมม รี ะบาดวทิ ยาของโรคจากการทาํ งาน ท่ชี ัดเจน ทําใหการวนิ จิ ฉยั โรคจากการทํางานคอ นขางลําบากและสุดทายโรคจากการทํางานจะมาหา แพทยด ว ยอาการของโรคทวั่ ไป ดงั นนั้ การวนิ จิ ฉยั และรกั ษาใหห ายแบบโรคทวั่ ไปจงึ เพยี งพอแลว สาํ หรบั แพทยท ่วั ไป ทาํ ใหผปู ว ยไมห ายขาดเนอ่ื งจากไมไ ดแ กไ ขที่สาเหตุ คูม อื ฉบับนแ้ี บงเปน หา สวน ในสวนแรกจะเปน การแนะนํา Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis–NSODD ซง่ึ จะเปน นวตกรรมทท่ี าํ ใหก ารวนิ จิ ฉยั โรคจากการทาํ งานเปน มาตรฐาน มากขนึ้ และแพทยแ ตล ะคนกจ็ ะวนิ จิ ฉยั โรคในแนวทางเดยี วกนั สว นทสี่ องจะเปน แนวทางการวนิ จิ ฉยั โรคในประเทศตาง ๆ ซึ่งใชเปนแนวทางในการวินิจฉัยโรค โดยแนวทางฉบับที่นําเสนอนี้ เปนเพียง แนวทางแบบกวา ง ๆ และไมไ ดล งรายละเอยี ดในโรคแตล ะโรค ในปจ จบุ นั มกี ารพยายามใชค า มาตรฐาน ตาง ๆ เพ่ือใชในการวินิจฉัยโรค จะตองระมัดระวังเนื่องจากโดยท่ัวไปแลว ในการวินิจฉัยโรคตาง ๆ การตรวจพิเศษ เปนการตรวจเพื่อยืนยันผลการตรวจวินิจฉัยจากโรค การซักประวัติและการตรวจ รางกายเทาน้ัน และคามาตรฐานน้ันถาเกินก็จะเปนอันตรายตอสุขภาพและถาต่ํากวาคามาตรฐาน ท่ีกําหนด ก็ไมรับประกันวาจะไมเปนอันตรายตอสุขภาพ ดังจะเห็นจากการที่ ACGIH มีการปรับคา มาตรฐานตํ่าลงทกุ ป พึงระลึกไวเ สมอวาคา มาตรฐานเหลา น้ีมไี วเพอ่ื ปรับสภาพแวดลอมในการทํางาน ไมใ ชป รบั สขุ ภาพ การปองกนั โดยการทําใหม คี า เหลานี้ตา่ํ ทีส่ ุดเทาที่จะทาํ ไดจ ะเปนประโยชนโ ดยตรง เพ่ือลดการสัมผัสแนวทางตาง ๆ ที่นํามาใหดูน้ีจะไดนํามาเปรียบเทียบความสําคัญของแนวทางใน แตล ะขอ โดยในสว นทส่ี ามจะเปน การสงั เคราะหจ ากการสงั เกตแนวทางในแตล ะอยา งแลว จงึ มากาํ หนด เปน หลกั การในการทาํ NSODD สว นทสี่ เ่ี ปน ตวั อยา งการใช NSODD ในการวนิ จิ ฉยั โรคจากการทาํ งาน สวนท่หี า คอื แบบฟอรม ตา ง ๆ ในการซกั ประวัติและตรวจรา งกายของโรงพยาบาลนพรตั นราชธานี
ซึ่งใชคูกับการใช NSODD จะทําใหสมบูรณย่ิงขึ้น มักจะมีขอสงสัยวาแนวทาง NSODD น้ีตางกับ มาตรฐานการวนิ จิ ฉยั อยา งไร คงจะกลา วครา ว ๆ วา ถา เปน แพทยท ว่ั ไป การใช NSODD จะมปี ระโยชนม าก ทาํ ใหมีความมน่ั ใจในการวนิ จิ ฉยั โรคทวั่ ไปวา เกดิ จากการทํางานหรอื ไมม ากขึ้น และถา ตรงตามหัวขอ ท่ีกําหนดย่ิงไดมากขอเทาไร ก็ยิ่งมีความถูกตองมากเทานั้น สวนเรื่องแนวทางการวินิจฉัยโรคหรือ criteria for diagnosis นัน้ เหมาะสาํ หรับแพทยเ ฉพาะทางทต่ี อ งการความถูกตอ งแมน ยาํ เพราะตอ ง มีการอางอิงเกณฑในแตละหัวขอโรค ดังนั้น แนวทาง NSODD นี้จึงมีประโยชนมาก ซึ่งแมแต แพทยเ ฉพาะทางกย็ งั สามารถนาํ มาใชต รวจสอบหวั ขอ ทตี่ นเองลงไวใ นเวชระเบยี นวา ถกู ตอ งหรอื ไมไ ดด ว ย นายแพทยอ ดุลย บัณฑุกุล หวั หนากลมุ ศูนยการแพทยเฉพาะทางดา นอาชีวเวชศาสตร และเวชศาสตรส่งิ แวดลอ ม โรงพยาบาลนพรตั นราชธานี
ÊÒúÑÞ หนา 1 1. แนะนํา NSODD 2 1.1 ข้ันตอนมาตรฐานในการวินจิ ฉยั โรคจากการทาํ งาน 3 1.2 ตารางแสดง NSODD 4 1.3 แนวทางการใช Nine steps 7 2. แนวทางการวินจิ ฉัยโรคจากการทํางานในประเทศตาง ๆ 8 2.1 Epidemiologic evidence: updated Hill criteria 9 2.2 แนวทางเวชปฏบิ ตั ิของแพทยอ าชวี เวชศาสตร (สมาคมแพทย 9 อาชวี เวชศาสตรแ ละเวชศาสตรส ง่ิ แวดลอ มอเมรกิ นั (American Colledge of Occupational & Environmental Medicine) 10 2.3 แนวทางการประเมนิ สาเหตแุ ละการวินจิ ฉยั โรคและอบุ ตั เิ หตุ 10 ของสมาคมแพทยอ เมรกิ า (American Medical Association) โดยการใชหลักการและวธิ ีการของสถาบันอาชวี อนามัยและ 11 ความปลอดภยั แหง ชาติ และสมาคมแพทยอ าชวี เวชศาสตรแ ละ 11 เวชศาสตรสิ่งแวดลอมอเมริกา (NIOSH/ACOEM Method) 13 2.4 แนวทางการวนิ จิ ฉัยโรคของประเทศไตห วนั 2.5 Current Occupational and Environmental Medicine (Joseph LaDou) 2.6 แนวทางจาก Hunter’s Disease of Occupations 2.7 แนวทางในการวินิจฉยั โรคจากการทาํ งานของ EU 2.8 แนวทางวนิ จิ ฉยั โรคของประเทศเนเธอรแ ลนด
ÊÒúÞÑ (μÍ‹ ) หนา 15 3. การสงั เคราะหและการสรา ง NSODD 19 4. ตัวอยางการใช NSODD ในการวนิ จิ ฉยั โรคจากการทํางาน 20 4.1 ตวั อยา งการใช NSODD ในการวนิ จิ ฉยั การสญู เสยี การไดย นิ จาก เสยี งดงั เหตอุ าชีพ โรคหูตึงจากเสียงดงั เหตอุ าชพี 26 (Occupational noise induced hearing loss-NIHL) 32 37 4.2 ตัวอยางการใช NSODD ในการวนิ ิจฉยั โรคพษิ ตะกัว่ 42 4.3 ตวั อยา งการใช NSODD ในการวินจิ ฉัยโรคปอดฝุนทราย 48 4.4 ตวั อยา งการใช NSODD ในการวนิ จิ ฉยั โรคหอบหดื จากการทาํ งาน 55 4.5 ตวั อยา งการใชNSODDในการวนิ จิ ฉยั โรคพษิ อารเ ซนกิ จากการทาํ งาน 61 4.6 ตวั อยา งการใช NSODD ในการวนิ จิ ฉยั โรคผวิ หนงั จากการทาํ งาน 66 4.7 ตวั อยางการใช NSODD ในการวินจิ ฉัยกลุมอาการชองขอมือ 4.8 ตัวอยา งการใช NSODD ในการวินิจฉยั โรคความกดดนั อากาศ 73 4.9 ตวั อยา งการใช NSODD ในการวนิ ิจฉัยโรคจากแคดเมยี มหรอื 81 สารประกอบของแคดเมียม 4.10 ตวั อยางการใช NSODD ในการวนิ จิ ฉัยโรคแอสเบสโตสสิ 82 83 5. แบบฟอรม ตา ง ๆ ท่ีเปน ประโยชนใ นการซกั ประวัตโิ รคจาก การทํางาน 84 85 5.1 แบบฟอรม nine steps in occupational disease diagnosis 5.2 แบบฟอรม ทว่ั ไปในการซกั ประวตั ผิ ปู ว ยเพอื่ วนิ จิ ฉยั โรคจากการ ประกอบอาชพี 5.3 แบบฟอรม ซักประวัติเจบ็ ปว ยดว ยโรคจากการทาํ งาน 5.4 แบบฟอรมการตรวจรางกาย
ÊÒúÞÑ (μ‹Í) หนา 5.5 แบบฟอรมสรปุ แฟม 87 5.6 แบบซักประวัติอาชพี ในผูป ว ยทม่ี อี าการบาดเจ็บของกระดกู 88 และกลามเน้อื 89 5.7 แบบซกั ประวตั อิ าชพี ในผปู ว ยทมี่ อี าการโรคทางเดนิ หายใจและปอด 90 5.8 แบบซกั ประวัติอาชีพในผปู ว ยท่มี ปี ญหาการไดย ิน 91 5.9 แบบซักประวตั ิอาชีพในผูปว ยท่ีมอี าการทางผวิ หนัง 92 5.10 แบบซกั ประวตั อิ าชพี ในผปู ว ยทมี่ ปี ญ หาโรคทางตาและการมองเหน็
1 á¹Ð¹Òí Nine Steps in Occupational Disease Diagnosis-NSODD á¹Ç·Ò§ÇÔ¹¨Ô ©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ 1 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
1 á¹Ð¹Òí Nine Steps in Occupational Disease Diagnosis-NSODD 1.1 Nine Steps of Occupational Diseases Diagnosis ขนั้ ตอนมาตรฐานในการวนิ จิ ฉัยโรคจากการทาํ งาน ขน้ั ตอนมาตรฐานทั้ง 9 ขนั้ ตอน ในการวนิ จิ ฉัยโรคจากการทาํ งานมีดังนี้ 1. มีโรคเกิดข้ึนจรงิ 2. มีสารเคมหี รอื กระบวนการท่ีทําใหเ กิดโรคอยูในสถานทีท่ าํ งานของผูปวยนั้น 3. มีการสัมผัสสิ่งคุกคามน้ัน ซึ่งจะไดจากการซักประวัติการทํางาน การเก็บตัวอยาง จากสงิ่ แวดลอม ประวตั ิการใชเครอื่ งปอ งกนั อนั ตรายสว นบุคคลจากตวั ผูป วย 4. มีลําดับกอนหลังในการเกดิ โรค ไดแ ก มีการสัมผสั กอ นจงึ จะมีอาการ 5. การสมั ผสั นนั้ มรี ะยะเวลานานพอ หรอื มคี วามเขม ขน พอทจ่ี ะทาํ ใหเ กดิ โรค โดยดจู าก ขอ มลู ทางระบาดวทิ ยา การเกบ็ ตวั อยา งพเิ ศษ เชน จากเลอื ด หรอื การตรวจพเิ ศษอน่ื ๆ 6. มีขอ มูลทางวิทยาการระบาดสนับสนนุ 7. ไดท าํ การวินจิ ฉัยแยกสาเหตขุ องโรคท่เี กดิ นอกเหนอื จากการทาํ งานแลว 8. ไดพิจารณาปจจัยอ่ืน ๆ ท่ีสนับสนุนหรือคัดคาน เชน อาการของโรคอาจดีขึ้น เมื่อไมม ีการสัมผสั หรือเม่ือผปู วยหยุดงาน มกี ารใชเ ครอื่ งปองกนั อันตรายสว นบคุ คล หรอื ไมม ีการใช 9. นาํ ปจ จยั ทง้ั หมดมาพจิ ารณาเพอื่ วินิจฉยั โดยขน้ั ตอนท้ังหมดไมไ ดเ รยี งตามลําดบั ความสําคญั แตข อ 1–5 จดั วามีสว นสําคญั มาก ไมมีนํ้าหนักในแตละขอ ย่ิงซักประวัติและตรวจรางกายไดตรงตามที่กําหนดไวมากขอเทาไร ก็ยิ่งมี ความถูกตองมากเทาน้ัน และสามารถนําไปตรวจสอบในเวชระเบียนที่บันทึกไวไดวาครบถวนถูกตอง ก่ขี อแลว 2 á¹Ç·Ò§Ç¹Ô Ô¨©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
1.2 ตารางแสดง NSODD 1. มีโรคเกดิ ขนึ้ จรงิ มกี ารวนิ จิ ฉยั โรคเกดิ ขน้ึ มกี ารตรวจวนิ จิ ฉยั เพอื่ ยนื ยนั วา เกดิ โรค มกี ารตรวจรกั ษาโดยแพทยผเู ชย่ี วชาญ เชน เปน โรคหอบหืด 2. มีสารเคมีหรือกระบวนการท่ีทําใหเกิดโรค มีการซักประวัติ และตรวจรางกาย พบมีเสียงหวีดบริเวณ อยูใ นสถานทที่ ํางานของผูป วยนน้ั หลอดลม มไี อเสยี งกอ ง ตรวจสมรรถภาพปอดพบเปน แบบอดุ กนั้ จากการซักประวัติหรือการเดินสํารวจสถานที่ทํางานพบวา 3. มีการสัมผัสส่ิงคุกคามนั้น ซ่ึงจะไดจากการ มกี ารใชส ารเคมใี นกระบวนการผลติ หรอื มกี ระบวนการทาํ งาน ซักประวัติการทํางาน การเก็บตัวอยางจาก หรอื สภาพแวดลอ มทท่ี าํ ใหเ กดิ โรคทผ่ี ปู ว ยเปน ขน้ึ เชน ตรวจพบ สิง่ แวดลอม จากตวั ผูปวย กระบวนการทท่ี าํ ใหเ กดิ โรคในสถานทท่ี าํ งาน หรอื คน literature พบวา สารเคมที ผ่ี ปู ว ยสมั ผสั สามารถทาํ ใหเ กดิ โรคทผ่ี ปู ว ยเปน ได 4. มีลําดับกอนหลังในการเกิดโรค ไดแก โรคจากการทํางานจะเกิดขึ้นไมไดถาไมมีการสัมผัส ดังน้ัน มกี ารสัมผัสกอ น จึงจะมีอาการ การซักประวัติการสัมผัสจึงมีความสําคัญ ประวัติการสัมผัส จะไดจากการซักประวัติส่ิงแวดลอมในการทํางานของผูปวย 5. การสัมผัสนั้นมีระยะเวลานานพอ หรือมี เชน เสียงดังมากจนตองตะโกน แสดงวานาจะมีเสียงดังเกิน ความเขม ขน พอทจี่ ะทาํ ใหเ กดิ โรค โดยดจู าก 90 dB ในท่ที ํางาน หรือมีฝุน มากจนมองเห็น แสดงวามฝี นุ ใน ขอ มลู ทางระบาดวทิ ยาการ เกบ็ ตวั อยา งพเิ ศษ ทที่ าํ งานมาก เปน ตน นอกจากนย้ี งั ไดจ ากหลกั ฐาน clip video เชน จากเลือด หรอื การตรวจพเิ ศษอ่นื ๆ ของโทรศัพทของผูปวยก็ได ถาไมแนใจอาจจะตองซัก ประวตั กิ ารตรวจสงิ่ แวดลอ มในการทาํ งานของผปู ว ย เพอื่ ดวู า เกินมาตรฐานหรอื ไม นอกจากน้ี ประวตั กิ ารใชเ ครื่องปองกนั อันตรายสวนบคุ คลก็มีความสาํ คญั ผปู ว ยเปน โรคนหี้ ลงั จากเขา ทาํ งาน เชน ผปู ว ยมอี าการ ชาแขน ชาขา กอ นเขาทาํ งาน ก็ไมใ ชโ รคจากการทํางาน โรคจากการทาํ งานกม็ ี onset ในการเกดิ โรคเหมอื นโรคตดิ เชอื้ คือ ตองมีการสัมผัสมาระยะเวลาหนึ่งจึงจะเกิดโรค ดังนั้น การซกั ประวตั ริ ะยะเวลาการทาํ งานจงึ มคี วามสาํ คญั นอกจากน้ี agent ทสี่ มั ผสั นน้ั จะตอ งมปี รมิ าณมากพอทจี่ ะทาํ ใหเ กดิ โรคได ขอ มลู เหลา นี้ นอกจากการซกั ประวตั แิ ลว อาจตอ งอาศยั ขอ มลู ทางระบาดวิทยาและการเก็บตัวอยางพิเศษอื่น ๆ จากเลือด ปสสาวะ หรือการตรวจพิเศษอ่ืนดวย เชน โรคแอสเบสตอส ตอ งมีการสัมผัสอยางนอ ย 15-20 ป จึงมอี าการ เปนตน á¹Ç·Ò§Ç¹Ô ¨Ô ©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ 3 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
6. มขี อ มลู ทางวทิ ยาการระบาดสนบั สนุน Agent หรือ process การทาํ งานท่ีจะทําใหเกดิ โรค จะตอ งมี ขอมูลทางระบาดวิทยาสนับสนุนวามีการเกิดโรคขึ้นจริง 7. ไดทําการวินิจฉัยแยกสาเหตุของโรคที่เกิด ในตา งประเทศ ในประเทศ หรอื ในสถานทท่ี าํ งานแหลง เดยี วกนั นอกเหนือจากการทาํ งานแลว เชน โรคซิลโิ คสิส เคยมกี ารเกิดขึน้ ในโรงงานนแ้ี ลว เคยมีเกดิ ขนึ้ ในประเทศไทย และมเี กดิ ข้นึ ในตา งประเทศ 8. ไดพิจารณาปจจัยอื่น ๆ ที่สนับสนุนหรือ โรคจากการทํางาน มีอาการเหมือนโรคท่ัว ๆ ไป ดังนั้น คดั คา น เชน อาการของโรคอาจดขี นึ้ เมอ่ื ไมม ี เวลาวนิ จิ ฉยั ตอ งมกี ารแยกโรคอนื่ ทมี่ อี าการคลา ยกนั ออกไป การสมั ผสั หรอื เมื่อผปู วยหยุดงาน มกี ารใช เพ่ือใหแนใจวาเปนโรคที่มีสาเหตุจากการทํางาน เชน เคร่ืองปองกันอันตรายสวนบุคคล หรือไมมี โรคปลายประสาทอกั เสบจาก solvent ทเ่ี กดิ ในคนอายุ 45 ป การใช ที่เปน เบาหวาน ตอ งแยกวาไมไ ดเกิดจากเบาหวานดวย มกี ารพจิ ารณาปจจัยสนบั สนุนหรอื คดั คาน เชน เม่ือหยดุ งาน 9. นําปจจัยท้ังหมดมาพิจารณาเพ่ือวินิจฉัย ผปู ว ยไมม อี าการหอบเลย แตเ วลาทาํ งานจะมอี าการหอบ หรอื มีการสัมผสั กอน จึงจะมอี าการ ผูปวยมีการใชเครื่องปองกันอันตรายสวนบุคคลตลอดเวลา และเสยี งไมด งั เกินคามาตรฐาน ไมค วรเปนหูตึง เมอื่ นาํ ปจ จยั ทง้ั หมดมาพจิ ารณา เชน มโี รคจรงิ มอี าการแสดง ซึ่งสามารถเกดิ จาก agent ในทีท่ าํ งานนนั้ มกี ารสมั ผสั ซ่ึงได ระยะเวลาทส่ี ามารถทําใหเปน โรค มคี วามเขมขนของสารนัน้ เพียงพอท่จี ะทาํ ใหเกดิ โรค มกี ารวนิ จิ ฉยั แยกโรคแลว คิดวาไม เกิดจากสาเหตุอื่น ดังนัน้ ผูปวยนาจะเปน โรคจากการทํางาน 1.3 แนวทางการใช Nine steps การใช nine steps ก็คือการทบทวนความครบถวนของประวตั ิการทํางาน และการตรวจ พิเศษอนื่ ๆ นัน่ เอง เมือ่ ครบท้ัง 9 ขน้ั ตอน กส็ ามารถวนิ จิ ฉยั วา เปนโรคจากการทาํ งานไดอยา งถกู ตอง อยา งไรกต็ ามยงั มขี น้ั ตอนบางขน้ั ใน Nine Steps ซง่ึ สามารถขา มขน้ั ตอนได เชน ขนั้ ตอนท่ี 8 ซงึ่ บางโรค อาจจะไมมีปจจัยเหลานี้ อยางไรก็ตามการใช Nine Steps จัดเปนนวัตกรรมของการวินิจฉัยโรค จากการทาํ งาน ซงึ่ ทาํ ใหว นิ จิ ฉยั โรคไดม นั่ ใจมากขนึ้ และทาํ ใหม าตรฐานการวนิ จิ ฉยั โรคจากการทาํ งาน ของแพทยทุกทา นเหมอื นกัน 4 á¹Ç·Ò§Ç¹Ô ¨Ô ©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
ดงั นัน้ เมอ่ื จะทาํ การวินิจฉยั โรคจากการทาํ งาน ใหทบทวน 9 ขน้ั ตอน คอื 1. มโี รคเกิดขึ้นจรงิ 2. มีสารเคมหี รือกระบวนการท่ีทาํ ใหเกดิ โรคอยูในสถานทีท่ าํ งานของผูป ว ยน้ัน 3. มีการสัมผัสสิ่งคุกคามนั้น ซ่ึงจะไดจากการซักประวัติการทํางาน การเก็บตัวอยางจาก ส่ิงแวดลอ ม ประวัตกิ ารใชเครือ่ งปอ งกนั อนั ตรายสวนบุคคลจากตวั ผูป ว ย 4. มีลาํ ดับกอ นหลังในการเกดิ โรค ไดแ ก มกี ารสมั ผัสกอ นจงึ จะมอี าการ 5. การสัมผัสนั้นมีระยะเวลานานพอ หรือมีความเขมขนพอที่จะทําใหเกิดโรค โดยดูจาก ขอ มลู ทางระบาดวิทยา การเก็บตัวอยา งพิเศษอน่ื ๆ 6. มขี อมูลทางวทิ ยาการระบาดสนับสนนุ 7. ไดท าํ การวินิจฉัยแยกสาเหตขุ องโรคทเ่ี กดิ นอกเหนอื จากการทาํ งานแลว 8. ไดพิจารณาปจจัยอ่ืน ๆ ที่สนับสนุนหรือคัดคาน เชน อาการของโรคอาจดีข้ึนเมื่อไมมี การสัมผัส หรอื เมอื่ ผปู วยหยุดงาน มกี ารใชเครอื่ งปองกันอันตรายสว นบคุ คลหรือไมม กี ารใช 9. นําปจ จยั ท้งั หมดมาพจิ ารณาเพือ่ วนิ จิ ฉัยหรือใช Key words งา ย ๆ 1. เปนโรค 2. มสี าเหตุ 3. มีการสัมผัส 4. มลี าํ ดับกอนหลงั 5. มี onset หรือความเขมขน 6. มี evidence based ยนื ยนั 7. มี Differential Diagnosis 8. มปี จจัยสนับสนนุ 9. มกี ารพรรณา Nine Steps ไดมาจากการพิจารณาแนวทางวินิจฉัยโรคจากตําราตาง ๆ ซึ่งมีรากฐาน ดังท่ีแสดงใหเหน็ ตอไปนี้ á¹Ç·Ò§Ç¹Ô ¨Ô ©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ 5 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
6 á¹Ç·Ò§ÇÔ¹Ô¨©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
2 á¹Ç·Ò§¡ÒÃÇ¹Ô ¨Ô ©ÂÑ âä¨Ò¡ ¡Ò÷Òí §Ò¹ã¹»ÃÐà·ÈμÒ‹ § æ á¹Ç·Ò§ÇÔ¹¨Ô ©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ 7 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
2 á¹Ç·Ò§¡ÒÃÇ¹Ô ¨Ô ©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ ã¹»ÃÐà·ÈμÒ‹ § æ 2.1 Epidemiologic evidence: updated Hill criteria Austin Bradford Hill, “The Environment and Disease: Association or Causation?,” Proceedings of the Royal Society of Medicine, 58 (1965), 295-300 • มีลําดับเวลาโดยมีเหตุกอนแลวจึงมีผลตามมา (temporality) หมายความวาจะตอง มกี ารสมั ผสั สงิ่ คกุ คามหรอื อนั ตรายกอ นเปน โรคตามมา โดยระยะเวลาตง้ั แตม กี ารสมั ผสั จนถงึ เปน โรคนน้ั จะมรี ะยะเวลาตา งกนั ออกไป • ความเก่ียวขอ งกนั ระหวา งตนเหตแุ ละผลทเ่ี กิดขึ้นจะตองมีกําลงั มากพอ (Strength of the association) ยงิ่ ความเกยี่ วขอ งมกี าํ ลงั มาก หรอื แสดงใหเ หน็ ชดั ไดม ากเทา ไร กย็ งิ่ แสดงวา โอกาส ทเ่ี ม่ือการสมั ผสั สาร A กจ็ ะเกดิ เหตุการณ B มากข้นึ เทา นน้ั • มีความสัมพันธระหวางขนาดการสัมผัสและอาการแสดงของโรค (Dose-response, biological gradient) ถา มสี มั ผสั สารกอโรคในขนาดมากหรือระยะเวลานานก็จะย่ิงมโี อกาสเปน โรค มากขนึ้ ถาสมั ผสั ขนาดนอ ยโอกาสที่จะเกิดก็นอยลงตาม • ไมวา จะคึกษาอยา งไร ผลก็ออกมาเหมอื นกัน (Consistency among studies) • สามารถทํานายผลได (predictive performance) เม่ือนําไปใชในการทดลอง หรือ ในสภาพอืน่ สามารถนาํ มาทาํ นายผลไดว า นา จะเกิดอาการหรืออาการแสดงน้ันข้ึน • มีหลักฐานจากการศึกษาในสัตวทดลอง (Experimental evidence from animal model) มีโรคเกดิ ในสัตวทดลองเม่อื มกี ารสัมผัส • สามารถนําไปประยุกตใชกับโรคที่ใกลเคียงกัน (Analogy) เม่ือนําไปใชในกรณีอื่น กส็ ามารถใชท าํ นายผลทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ ได เชน ฟมู ของอลมู เิ นยี มทาํ ใหเ กดิ ไขจ ากไอของโลหะ ฟมู ของเหลก็ ก็นา จะทําใหเกดิ ไดเชน กัน • มคี วามเฉพาะของความเกยี่ วขอ ง (Specific of the association) • สามารถอธิบายได (Plausibility: operant biomechanism, pathophysiology) สามารถอธบิ ายไดด ว ยเหตผุ ลทางชวี วทิ ยา และพษิ วทิ ยาของการเกิด • สามารถแกไ ขได (Reversibility) เมอื่ นาํ สง่ิ ทส่ี มั ผสั ออกไป กจ็ ะไมเ กดิ เหตกุ ารณข นึ้ หรอื อาการและอาการแสดงน้นั กลับคืนสูภาวะปกติ • มคี วามเกยี่ วเนอ่ื งระหวา งความเกยี่ วขอ งกบั ความรอู น่ื ๆ (Coherence of the association with other knowledge) 8 á¹Ç·Ò§ÇÔ¹Ô¨©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
2.2 แนวทางเวชปฏบิ ตั ขิ องแพทยอ าชวี เวชศาสตร (สมาคมแพทยอ าชวี เวชศาสตร และเวชศาสตรส่ิงแวดลอมอเมริกัน (American Colledge of Occupational & Environmental Medicine) McCunney ed. A practical Approach to Occupational and Environmental Medicine 3rd ed. โรคทเ่ี กีย่ วเน่อื งกบั การทาํ งาน (work-relatedness) 1. มีหลักฐานวาเปนโรค เชน มีการสนับสนุนหรือมีการตรวจพิเศษยืนยันวาเปนโรคจริง (Evidence of disease) 2. มรี ะบาดวิทยา เคยมโี รคนี้เกิดขนึ้ แลว (Epidemiology) 3. มีหลกั ฐานการสัมผัส (Evidence of exposure) 4. มีการวินจิ ฉัยแยกโรค (Consideration of other relevant factors) 5. มีความชดั เจนของหลกั ฐาน (Validity of testimony) 6. มีการสรุปผล (Conclusion) 2.3. แนวทางการประเมนิ สาเหตแุ ละการวนิ จิ ฉยั โรคและอบุ ตั เิ หตขุ องสมาคมแพทย อเมรกิ า (American Medical Association) โดยการใชห ลกั การและวธิ กี ารของสถาบนั อาชีวอนามัยและความปลอดภัยแหงชาติและสมาคมแพทยอาชีวเวชศาสตรและ เวชศาสตรสงิ่ แวดลอมอเมรกิ า (NIOSH/ACOEM Method) 1. ชี้บงหลักฐานของโรค (Identify evidence of disease) 2. ทบทวนและประเมนิ หลกั ฐานทางระบาดวทิ ยาทม่ี อี ยเู กยี่ วกบั สาเหตทุ เ่ี กย่ี วขอ ง (Review and assess the available epidemiologic evidence for a causal relationship) 3. หาหลกั ฐานและประเมนิ การสมั ผสั (obtain and assess the evidence of exposure) 4. พิจารณาสาเหตปุ จจยั อ่นื ๆ ( Consider other relevant factors) 5. พิจารณาความชัดเจนของหลักฐานตาง ๆ (Judge the validity of testimony) 6. สรา งบทสรปุ เกยี่ วกบั ความเกยี่ วเนอ่ื งกบั การทาํ งานในคนทปี่ ระเมนิ (Form conclusion about work-relatedness in the person undergoing evaluation) á¹Ç·Ò§ÇÔ¹Ô¨©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ 9 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
2.4 แนวทางการวนิ ิจฉยั โรคของประเทศไตห วนั Wang JD. Basic principles and practical applications in epidemiological research. World Scientific Pub. Singapore. 2002. 1. มีหลักฐานการเปน โรค (evidence of disease) 2. มีหลักฐานการสัมผัส (evidence of exposure) 3. มลี าํ ดบั เวลาการสมั ผสั สง่ิ กอ โรคกอ นมอี าการ โดยมกี ารสมั ผสั หลงั เขา ทาํ งาน (temporality) 4. มหี ลักฐานทางระบาดวิทยา (epidemiological evidence) 5. มกี ารวินิจฉัยแยกโรคอ่นื (kind of/reasonably ruling out other diseases) 6. เขากันไดกับบัญชโี รค (consistency) จากตาํ ราอาชวี เวชศาสตร 2.5 Current Occupational and Environmental Medicine (Joseph LaDou) Current Occupational & Environmental Medicine: 4th edition. Ladou J. editor อาการประวตั ขิ องการเจ็บปว ยปจจุบนั • คณุ ทํางานอะไร • คณุ คิดวาสาเหตุของความเจบ็ ปวยน้ีเกีย่ วขอ งกบั งานของคณุ หรือไม? • อาการของคุณดขี ้ึนหรือเลวลงเมือ่ อยทู ี่บานหรืออยใู นทีท่ าํ งานหรอื ไม? การทบทวนระบบ • คณุ มกี ารสมั ผสั สงิ่ เหลา นใี้ นการทาํ งานปจ จบุ นั หรอื งานกอ นหนา นหี้ รอื ไม? (ฝนุ ฟล ม สารเคมี รงั สี หรือเสียงดงั ) การทบทวนการสมั ผสั โดยใชแบบสอบถาม • สอบถามเกี่ยวกับการทํางานใหละเอียดข้นึ • ทบทวนงานทท่ี าํ ตงั้ แตอดีตจนถงึ ปจจุบันและหาความเก่ียวของในการสมั ผสั ตรวจสอบความเชอ่ื มโยงระหวา งงานและอาการนาํ • หลักฐานทางคลินิก • การสํารวจความเกีย่ วขอ งในลาํ ดบั เวลาโดยละเอียด • มีคนอ่ืนมีปญ หาสขุ ภาพแบบเดียวกันหรือไม? 10 á¹Ç·Ò§Ç¹Ô ¨Ô ©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
แนวทางจาก Hunter’s Disease of Occupations 2.6 Hunter’s Diseases of Occupations. 9th edition. Edited by Peter J. Baxter, Peter H. Adams, Tar-Ching Aw, Anne Cockcroft and J. Malcolm Harrington • ผลตอ สุขภาพจะตอ งเขา กับอาการและอาการแสดงของโรคจากการทาํ งานทส่ี งสัย • จะตอ งมกี ารสัมผสั ทีพ่ อเพียง • ระยะเวลาจะตองถกู ตอ ง - มรี ะยะแฝงท่ีเหมาะสม - มกี ารสมั ผัสกอ นมอี าการทางคลนิ กิ • มกี ารวนิ ิจฉัยแยกโรค • มคี วามแนน อนในการวนิ จิ ฉยั และยนื ยันทางกฎหมายได แนวทางในการวนิ ิจฉยั โรคจากการทาํ งานของ EU 2.7 Information notices on occupational diseases: a guide to diagnosis. European Commission. 2009. • อาการทางคลนิ กิ จะตอ งเขา ไดก บั อาการทเ่ี กดิ จากการสมั ผสั สารหรอื กระบวนการทาํ งานนน้ั และการตรวจเพือ่ วนิ ิจฉยั จะตองไดผ ลเหมาะสม • จะตองมีขอบงช้ีวามีการสัมผัสเพียงพอ โดยการซักประวัติ การตรวจวัดทางสุขศาสตร อุตสาหกรรม ผลการตรวจทางหอ งปฏบิ ัติการ และประวัตขิ องการสมั ผัสสิ่งคกุ คามมากเกินปกติ • ระยะเวลาระหวางการสัมผัสและอาการจะตองมีเวลาท่ีเหมาะสมสําหรับแตละโรค จะตองมีการสมั ผสั กอนมีอาการ แตมีขอยกเวนในบางกรณี เชน โรคหอบหดื จากการทํางาน อาจจะ ตรวจพบประวัตโิ รคหอบหดื ตอนเปน เดก็ หรอื มอี าการกอ นมีการสมั ผสั สารนัน้ ในการทํางาน ซงึ่ ไมได ตัดการวินจิ ฉัยโรคทิง้ ไปทเี ดียว • จะตองมีการวินิจฉัยแยกโรค มีโรคท่ีไมไดเกิดจากการทํางานหลายโรคท่ีมีอาการคลาย โรคจากการทาํ งาน ซ่ึงจะตอ งคดิ ถึงเม่ือทาํ การวินจิ ฉัยแยกโรค á¹Ç·Ò§Ç¹Ô Ô¨©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ 11 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
สิง่ ท่ีจะตองพจิ ารณาประกอบ • ขนาดสมั ผสั นอ ยทสี่ ดุ (Minimum intensity of exposure) เปน ระดบั สมั ผสั ซง่ึ นอ ยทส่ี ดุ ทจี่ ะทาํ ใหเ กดิ โรค ถา ตา่ํ กวา นไ้ี มน า จะทาํ ใหเ ปน โรค หลกั การนใี้ ชก บั สารทก่ี อ พษิ สาํ หรบั สารกอ มะเรง็ และภูมิแพนั้นไมสามารถท่ีจะหาระดับตํ่าสุดได อยางไรก็ตามในสารกอมะเร็งบางตัว เปนไปไดที่จะ หาระดับทีเ่ ร่มิ มผี ลตอ รา งกาย สารกอภูมิแพเ องก็ตอ งอาศยั การสัมผัสครง้ั ตอ ไปเพื่อเปน ตวั กระตุน • ระยะเวลาการสมั ผัสท่นี อยทส่ี ดุ (Minimum duration of exposure) เปนระยะเวลา การสัมผสั ทน่ี อ ยทสี่ ุดท่สี ามารถทาํ ใหเกิดโรคได ถา สมั ผัสสัน้ กวานไี้ มนาจะทาํ ใหเ ปนโรค • ระยะเวลาหลังการสมั ผัสนานท่สี ดุ (Maximum latent period) หมายถึง ระยะเวลาที่ เร่ิมหลังหยุดการสัมผัส ซึ่งถานานกวานี้ก็ไมนาจะใชโรคจากสาเหตุการสัมผัสสารน้ัน เชน เสนเลือด หัวใจตีบแบบฉับพลัน เกิดหลังการสัมผัสคารบอนมอนออกไซดในระยะหน่ึงปหลังหยุดการสัมผัส ก็ไมนา จะเกดิ จากสาเหตนุ ้ี • ระยะเวลานําท่ีสั้นที่สุด (Minimum induction period) เปนระยะเวลาท่ีส้ันที่สุด โดยเร่มิ จากการสมั ผัสไปจนถงึ เริ่มเปน โรค ซึ่งถาใชเ วลานอ ยกวา นี้ก็ไมน า จะเปน โรคจากการสัมผัสน้นั เชน โรคมะเรง็ ปอดทเ่ี กดิ ในระยะเวลาสองสามปห ลงั จากการสมั ผสั กไ็ มน า จะใชโ รคมะเรง็ จากแอสเบสตอส การใชคา จาํ กดั การสัมผัสจากการทาํ งานในอากาศ • ถา มสี ง่ิ คกุ คามในบรรยากาศกจ็ ะมกี ารหายใจเขา ไป การตรวจวดั ทางอากาศจงึ เปน เรอ่ื งสาํ คญั นกั สขุ ศาสตรอ ุตสาหกรรมจะวดั ปรมิ าณส่ิงคกุ คามเปรยี บเทียบกบั OELs ขอจํากดั คือ การวดั น้ีไมไ ด ทาํ เพอ่ื การวนิ จิ ฉยั โรคจากการทาํ งาน แตม ปี ระโยชนว า มกี ารสมั ผสั ในทท่ี าํ งานเกนิ กวา ขอ จาํ กดั นนั้ และ เกดิ จากการควบคมุ การสัมผัสทไ่ี มดี การทมี่ ีการสัมผสั มากในแตละคนชวยสนบั สนนุ ในการวินจิ ฉยั วา เปนไปไดท ่จี ะเปน โรคจากการทํางาน OELs บางชนิดจะแตกตา งตามหนวยงานที่สรา งข้นึ มา ซงึ่ บงถึง ความไมแนนอนในการจัดทํามาตรฐานบนขอมูลที่มีจํากัด และบนปรัชญาและวิธีการคิดของแตละ หนว ยงาน ทใี่ ชก นั อยมู าก คอื ของ ACGIH (American Conference of Governmental Industrial Hygienists, Inc) ซึ่งมีการปรับปรุงทุกป ในฝงประเทศยุโรป (EU) ก็มีการใช SCOEL (Scientific Committee on Occupational Exposure Limits) ซง่ึ จะตอ งระวงั เมอื่ นาํ มาใชป ระกอบการวนิ จิ ฉยั โรค จากการทาํ งาน การตรวจทางชวี ภาพ (Biological Monitoring) • การตรวจทางชีวภาพ เชน การตรวจเลือดหรือปสสาวะเพื่อหาสารพิษหรือปริมาณ ของสารพิษเปนวิธกี ารเพื่อคน หาการสมั ผสั ในคนทํางาน เปนการยนื ยนั วา มีการสัมผสั หรอื การสัมผัส จาํ นวนมาก การวนิ จิ ฉยั ผลเฉยี บพลนั จากพษิ สารเคมจี ะไดร บั การยนื ยนั ถา มสี ารเคมนี น้ั อยใู นเลอื ดหรอื 12 á¹Ç·Ò§Ç¹Ô Ô¨©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
ปสสาวะในปรมิ าณมากเกินปกติ มีมาตรฐานการตรวจทางชีวภาพ เชน Biologic Exposure Indices หรอื Biological Monitoring Guidance Values ซงึ่ ไมไ ดใ ชเ ฉพาะในการวนิ จิ ฉยั โรค คา ตา ง ๆ เหลา น้ี มากจากหนว ยงาน เชน BAT (เยอรมน)ี HSE (the Health & Safety Executive ของประเทศองั กฤษ) และ ACGIH ซง่ึ บง วา การสมั ผสั เกดิ จากการควบคมุ สง่ิ คกุ คามในการทาํ งานไมด พี อ ดงั นน้ั การนาํ มาใช เพื่อสนับสนุนการวินิจฉัยโรค จึงตองระวังเนื่องจากวัตถุประสงคหลักของคาเหลานี้คือการควบคุม การสมั ผสั สง่ิ คุกคามในที่ทาํ งานเทา นน้ั มีหลักฐานวาโรคจากการทาํ งานบางอยา งจะมีลกั ษณะทส่ี าํ คัญทีจ่ ะบง ชี้ ไดแก • การทอ่ี าการเลวลงขณะทํางาน อาการจะดีขน้ึ เม่ือไมไ ดอ ยูใ นสถานทีท่ ํางาน • กลุมคนที่มีอาการที่มาจากท่ีทํางานเดียวกัน ซึ่งตองระวังเนื่องจากบางคร้ังปจจัย ในท่ีทาํ งานจะเสรมิ กนั กบั ปจ จัยอนื่ ทไ่ี มไดเ กิดจากการทาํ งาน แนวทางวินิจฉยั โรคของประเทศเนเธอรแลนด 2.8 นํามากจาก D. Spreeuwers et al. Diagnosing and reporting of occupational diseases: a quality improvement study. Occupational Medicine 2008 58(2):115-121 • การวินจิ ฉัยโรค • การประเมินโอกาสทจ่ี ะเกี่ยวของกบั การทาํ งาน โดยดจู ากหลักฐานทต่ี พี มิ พใ นวารสาร • มกี ารประเมินการสัมผสั • วินจิ ฉยั แยกโรค • สรุปความเกย่ี วเน่อื งจากการทาํ งาน á¹Ç·Ò§Ç¹Ô Ô¨©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ 13 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
14 á¹Ç·Ò§ÇÔ¹Ô¨©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
3 ¡ÒÃ椄 à¤ÃÒÐËáÅСÒÃÊÌҧ NSODD á¹Ç·Ò§Ç¹Ô Ô¨©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ 15 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
3 ¡ÒÃÊѧà¤ÃÒÐËá ÅСÒÃÊÃÒŒ § NSODD เปรียบเทียบแนวทางการวนิ จิ ฉัยโรค American College of Occupational and Environmental Medicine NIOSH/ACOEM Method ประเทศไ ตหวัน Ladou และ Hunter EU Netherlands มีหลักฐานวาเปนโรค (Evidence of disease) + +++++ มรี ะบาดวทิ ยา (Epidemiology) + มีหลกั ฐานการสมั ผัส (Evidence of exposure) + +++ + มีการวนิ ิจฉยั แยกโรค + (Consideration of other relevant factors) +++++ มีความชัดเจนของหลกั ฐาน (Validity of testimony) + มีการสรปุ ผล (Conclusion) + +++++ มลี ําดับเวลา (temporality) เขา กันไดกับบัญชโี รค (consistency) + ผลตอสุขภาพจะตอ งเขากับอาการและอาการแสดง ++ ของโรคจากการทํางานทส่ี งสยั จะตอ งมกี ารสมั ผัสท่พี อเพียง +++ ขนาดสัมผัสนอยทสี่ ุด + (Minimum intensity of exposure) ระยะเวลาการสัมผัสท่ีนอยที่สดุ + (Minimum duration of exposure) ระยะเวลาหลงั การสมั ผสั นานทส่ี ดุ + (Maximum latent period) + ระยะเวลานาํ ทสี่ นั้ ทส่ี ดุ (Minimum induction period) + + + 16 á¹Ç·Ò§ÇÔ¹Ô¨©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
สรปุ nine steps ท้งั 9 ขัน้ ตอน คือ 1. มโี รคเกิดขึน้ จรงิ 2. มีสารเคมหี รือกระบวนการที่ทาํ ใหเกดิ โรคอยูในสถานทที่ ํางานของผปู ว ยน้นั 3. มกี ารสมั ผสั สง่ิ คกุ คามนนั้ ซง่ึ จะไดจ ากการซกั ประวตั กิ ารทาํ งาน การเกบ็ ตวั อยา ง จากสง่ิ แวดลอ ม ประวัตกิ ารใชเครอ่ื งปองกนั อนั ตรายสว นบคุ คลจากตัวผปู วย 4. มีลาํ ดับกอ นหลังในการเกดิ โรค ไดแ ก มกี ารสัมผัสกอนจึงจะมีอาการ 5. การสัมผัสน้ันมีระยะเวลานานพอ หรือมีความเขมขนพอที่จะทําใหเกิดโรค โดยดจู ากขอมูลทางระบาดวทิ ยา การเก็บตัวอยา งพิเศษอื่น ๆ 6. มขี อมูลทางวิทยาการระบาดสนบั สนนุ 7. ไดทาํ การวนิ ิจฉยั แยกสาเหตขุ องโรคทเ่ี กดิ นอกเหนอื จากการทาํ งานแลว 8. ไดพิจารณาปจจัยอื่น ๆ ที่สนับสนุนหรือคัดคาน เชน อาการของโรคอาจดีขึ้น เมื่อไมมีการสัมผัส หรือเม่ือผูปวยหยุดงาน มีการใชเครื่องปองกันอันตรายสวนบุคคล หรือไมมกี ารใช หนังสืออางอิง: 1. Austin Bradford Hill, “The Environment and Disease: Association or Causation?,” Proceedings of the Royal Society of Medicine, 58 (1965), 295-300. 2. D. Spreeuwers et al. Diagnosing and reporting of occupational diseases: a quality improvement study.Occupational Medicine 2008 58(2): 115-121 3. Information notices on occupational diseases: a guide to diagnosis. European Commission. 2009. 4. Ladou J ed. Current Occupational & Environmental Medicine: 4th edition. McGraw Hill. Newyork. 2006. 5. McCunney ed. A practical Approach to Occupational and Environmental Medicine 3rd ed. Lippincott Williams & Wilkins. 2003. 6. Peter J. Baxter J et al. Hunter’s Diseases of Occupations. 9th edition. A Horder Arnold Publication. 2000. 7. Wang JD. Basic principles and practical applications in epidemiological research. World Scientific Pub. Singapore. 2002. á¹Ç·Ò§Ç¹Ô ¨Ô ©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ 17 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
18 á¹Ç·Ò§ÇÔ¹Ô¨©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
4 μÇÑ ÍÂÒ‹ §¡ÒÃ㪌 NSODD 㹡ÒÃÇÔ¹Ô¨©ÂÑ âä¨Ò¡ ¡Ò÷Òí §Ò¹ á¹Ç·Ò§ÇÔ¹Ô¨©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ 19 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
4 μÇÑ Í‹ҧ¡ÒÃ㪌 NSODD 㹡ÒÃÇÔ¹Ô¨©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ 4.1 ตวั อยา งการใช NSODD ในการวนิ จิ ฉัยการสูญเสยี การไดยินจากเสียงดังเหตุ อาชีพโรคหูตึงจากเสียงดังเหตุอาชีพ (Occupational noise induced hearing loss-NIHL) 1. Definition โรคหูตงึ จากเสยี งดังเหตอุ าชพี (occupational noise –induced hearing loss-NIHL) คอื การสญู เสยี การไดย นิ แบบ sensorineural (sensorineural hearing loss) โดยเกดิ จากการสมั ผสั เสียงดงั ในทที่ าํ งาน นอกจากน้ียงั เกิดจากการสัมผสั แบบเฉียบพลัน เชน acoustic trauma จากแรงระเบิด หรอื การสมั ผัสเรอ้ื รัง 2. สิ่งคกุ คามในอาชพี เสียงหรอื เสียงดงั ทไ่ี มตองการซงึ่ มีความเขม เกินคา มาตรฐาน (threshold limit value 85 เดซิเบลเอ) 3. อาชีพสําคัญและการสัมผสั 1. คนงานเกีย่ วกบั อากาศยาน 2. คนงานกอ สรา ง 3. ชาวนา 4. คนงานโรงงานเหล็ก 5. คนงานโรงงานตดั โลหะ 6. งานเหมืองแร 7. คนสอนยิงปน 8. ทหาร 9. อาชพี อื่น ๆ ท่มี เี สยี งดงั 20 á¹Ç·Ò§Ç¹Ô ¨Ô ©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
แหลงสัมผัสไดแ ก 1. เครือ่ งจกั ร 2. เครือ่ งขุดเจาะดว ยลม 3. เครือ่ งบด 4. เครอื่ งพนทราย 5. โรงงานโลหะ 6. โรงสี 7. เคร่ืองปนดาย 4. เกณฑวินจิ ฉยั โรค อาการและอาการแสดง NIHL ชนิดเฉียบพลันจะแสดงอาการของการเจ็บหู มีเสียงหึ่ง (tinnitus) มีเลือดออก หรอื เวียนศรี ษะ (giddiness) จะมกี ารสูญเสียการไดย นิ ซึ่งอาจเปน ขางเดียวหรือสองขาง และอาจจะ เปน ชนดิ conductive hearing loss หรือ sensorineual hearing loss NIHL ชนิดเรื้อรัง จะมีการดําเนินโรคแบบคอยเปนคอยไปในระยะเวลานาน และอาจ แสดงอาการมเี สยี งหงึ่ ในหเู ปน ๆ หาย ๆ หรอื ตลอดเวลาในหสู องขา ง และจะมกี ารสญู เสยี ความชดั เจน ของการไดยินคําพูดอยางชา ๆ ทําใหเกิดความเขาใจยากและไมสามารถสนทนาได ในระยะทาย ๆ จะสูญเสียการไดยินในทุกความถ่ี ในระยะแรกการไดยินท่ีระดับเฉล่ียท่ีความถี่ตํ่า 500, 1000 และ 2000 เฮริ ท ไดยนิ ดีกวา ทร่ี ะดบั เฉลี่ยที่ความถ่ี 3000, 4000 และ 6000 เฮริ ท á¹Ç·Ò§ÇÔ¹¨Ô ©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ 21 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
การตรวจทดสอบ - positive Rinne test หรอื Weber test (มกี ารไดยนิ มากกวา ในหขู า งดีกวา ) หรอื ทาํ Schwabach test - pure tone audiometry (sensorineural hearing loss typically affecting frequencies at 3000-6000 Hertz with a dip at 4000 Hertz) - เมอื่ สญู เสยี การไดย นิ ในระยะแรก ภาพบนั ทกึ การไดย นิ (Audiogram) มลี กั ษณะเปน รปู อกั ษร วี คอื มจี ดุ ตก (notch) ทบ่ี รเิ วณ 4,000 เฮริ ท ซ (3,000 – 6,000 เฮริ ท ซ) โดยพจิ ารณาเทยี บกบั 2,000 และ 8,000 เฮิรท ซ ซง่ึ มักเปนท้งั สองขางพอ ๆ กนั (bilateral) ภาพบันทึกการไดยินจะเปลี่ยนแปลงไปเม่ือสัมผัสกับเสียงดังนานขึ้น โดยจะสูญเสียการไดยินมากข้ึนในความถี่อื่น ๆ ดวย ในท่ีสุดจะมีภาพบันทึกการไดยินเปนแบบ sensorineural hearing loss อยา งชดั เจน ซงึ่ จะแยกจาก sensorineural hearing loss จากสาเหตอุ นื่ ๆ เชน หูเสื่อมเหตุอายมุ าก (presbycusis) ไดย าก 5. เกณฑก ารสมั ผสั 1 ความเขมขนของเสยี งและการสมั ผสั อยางนอยท่สี ุดที่จะทําใหม ีอาการ ความเส่ียงของการเกิด occupational NIHL จัดวาตํ่าถาสัมผัสเสียงดังนอยกวา 85 เดซิเบลเอ ในเวลาเฉลยี่ 8-hour time-weighted average-TWA หรือเม่อื มกี ารปรบั คาขึ้นกบั ระยะ เวลาการสัมผสั เสยี งในการทํางาน แตจ ะเพิ่มขน้ึ ชดั เจนเมื่อมีการสัมผสั มากข้ึนเหนือระดบั น้ี ระยะเวลาการสมั ผสั เสียง ความเขม ของเสยี งทยี่ อมรบั ได (ช่วั โมง) (เดซิเบลเอ) 24 80 16 82 8 85 4 88 2 91 1 94 0.5 97 0.25 100 22 á¹Ç·Ò§Ç¹Ô Ô¨©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
6. การวินิจฉยั แยกโรค การสญู เสยี การไดย ินยงั เกิดไดจากสาเหตุอืน่ นอกเหนอื จากเสยี งดงั ในทีท่ าํ งาน (เสียงดัง ทุกชนิด ทําใหส ูญเสยี การไดย ินได) ดงั นน้ั จะตองคิดถงึ เมอื่ มีการวนิ ิจฉัยโรค การสูญเสยี การไดย นิ เหตุ อาชพี สาเหตุอื่น ๆ ที่พบบอยไดแก: 1. โรคหตู งึ แตก าํ เนดิ (อาจเกยี่ วขอ งกบั การตดิ เชอื้ หดั เยอรมนั ไขห วดั ยา ในขณะมารดา ต้งั ครรภ หรือจากความผิดปกตจิ ากการคลอด) 2. familial hearing loss 3. โรคในวยั เดก็ เชน โรคหดั ซงึ่ จะทาํ ใหห ตู งึ ทง้ั สองขา ง โรคคางทมู ซง่ึ อาจทาํ ใหห ตู งึ ขา งเดยี ว โรคสมองอกั เสบ เยื่อหมุ สมองอักเสบ ฝใ นสมอง เปนตน 4. การใชย าทเ่ี ปน พษิ ตอ การไดย นิ (ototoxic drug) เชน streptomycin, gentamycin, neomycin 5. ประวัตอิ ันตรายท่ศี ีรษะซ่ึงอาจทําใหเ กดิ หตู งึ เฉียบพลนั 6. ประวตั ิการฉายแสงระดบั ลึก (deep x-ray Rx) ท่ีบรเิ วณศีรษะและคอ 7. presbycusis ในคนทอ่ี ายมุ ากกวา 50 ป 8. conductive hearing loss เชน จากการตดิ เชอื้ ในหชู ั้นกลางหรือแกว หูทะลุ 9. การสมั ผสั สารเคมที เี่ ปน พษิ ตอ การไดย นิ เชน carbon monoxide และตวั ทาํ ละลาย เชน carbon disulphide, xylene และ toluene ในการทาํ งานอาจทาํ ใหเกดิ หตู ึงไดเ ชนกนั 10. การฟงเพลงเสยี งดงั 7. หนังสืออา งองิ 1. ACOEMTaskForceonOccupationalHearingLoss.OccupationalNoise-Induced Hearing Loss. JOEM Jan 2012. Vol 54(1); 106-108. 2. European Commission. 2009. Noise induced hearing loss, Information notices on occupational diseases: a guide to diagnosis (pp 54-57). Luxembourg: Office for Official Publications of the European Communities. ec.europa.eu/social/BlobServlet?docId=3155&langId=en. 3. Health and Safety Executive (UK). Noise Induced Hearing Loss. www. hse.gov.uk 4. Occupational Safety and Health Administration. Occupational Noise Exposure. www.osha.gov 5. European Agency for Safety and Health at Work. Noise At Work. https:// osha.europa.eu á¹Ç·Ò§ÇÔ¹Ô¨©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ 23 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
ตัวอยางการใช NSODD ในการวินจิ ฉัยโรคการไดยินเสอ่ื มจากเสยี งดัง ขน้ั ตอนการวนิ จิ ฉัยโรคการไดยนิ เส่ือม ตัวอยาง จากเสยี งดัง มกี ารตรวจสมรรถภาพการไดย นิ ผดิ ปกติ มอี าการหตู งึ หรอื มี Tinnitus 1. มีโรคเกดิ ข้นึ จริง • ถามอาการ tinnitus และการไดยินเสยี ประวัตทิ างการแพทย • ถามหาสาเหตอุ นื่ ๆ ทจี่ ะทาํ ใหก ารไดย นิ เสยี เชน การไดย นิ เสยี การวนิ ิจฉยั โรค แตก าํ เนดิ การไดย นิ เสยี หลงั เยอื่ หมุ สมองอกั เสบ จากอายุ การมบี า น 2. มี agents ท่ีทําใหเกิดโรคอยูใน หมุน หรืออบุ ัติเหตุ สง่ิ แวดลอ มในการทาํ งานนนั้ (อาชพี ทีเ่ สย่ี ง) • การวินจิ ฉยั โรคจะตองถกู ตอ ง • ระดบั การไดย นิ ที่ 4 kHz จะตอ งมากกวา 25 เดซเิ บล 3. มีการสัมผัสสิ่งคกุ คามนัน้ • มคี วามแตกตา งระหวา งหซู า ยและหขู วาที่ 4 kHz ประมาณ 15 dB 4. มลี าํ ดบั เวลากอ นหลงั ในการ เกดิ โรค • ไมม อี าการแสดงของโรคอนื่ ๆ ทท่ี าํ ใหก ารไดย นิ เสยี จากประวตั ิ 5. การสมั ผัสมรี ะยะเวลานานพอ และ • ถามเรอื่ งเสยี งดงั ในทที่ าํ งาน โดยถามการตรวจวดั เสยี งในทที่ าํ งาน • จะตอ งถามประวัตอิ าชีพ โดยใหถ ามอาชีพที่เคยทาํ ทงั้ หมดวา มีความเขม ขนของ agent มากพอ มกี ารสมั ผสั เสยี งทม่ี ากกวา 85 เดซเิ บลหรอื ไม ถา มใี หถ ามระยะเวลา การสัมผัส ใหถามการวัดระดับเสียงในที่ทํางานดวย (ถามี) อาชีพ ของผปู ว ยท่ที ําใหสงสยั - คนงานเกย่ี วกับอากาศยาน - คนงานกอ สราง - ชาวนา - คนงานโรงงานเหล็ก - คนงานโรงงานตดั โลหะ - งานเหมอื งแร - คนสอนยงิ ปน - ทหาร - อาชีพอ่ืน ๆ ที่มเี สียงดัง ทาํ งานวนั ละ 8 ชว่ั โมง ทาํ งานเปนเวลานาน ไมไ ดใ สอุปกรณปองกัน เชน ear plug หรือ ear muff มอี าการหลงั ทาํ งานโดยมปี ระวตั ริ ะยะเวลาการทาํ งานประวตั กิ ารสมั ผสั มีการสมั ผสั เสยี งดังเกนิ 85 เดซิเบลเอมาหลายป 24 á¹Ç·Ò§ÇÔ¹¨Ô ©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
ข้ันตอนการวนิ จิ ฉยั โรคการไดยนิ เสอื่ ม ตัวอยา ง จากเสยี งดงั มรี ายงานโรคการไดย นิ เสอื่ มจากอาชพี และอยใู นบญั ชโี รคของกองทนุ 6. มีขอมูลทางระบาดวิทยา สนบั สนุน เงนิ ทดแทน การเกิดโรค ใหถ ามประวตั กิ ารสมั ผสั เสยี งดงั กวา 85 เดซเิ บล นอกเหนอื จากการ ทํางาน 7. การวินจิ ฉยั แยกโรค ไมมีการสัมผัสเสียงดังนอกเหนือท่ีทํางาน ทําการตรวจการไดยิน อยา งถกู ตอ ง 8. ไดพ จิ ารณาปจ จยั อน่ื ทส่ี นบั สนนุ หรอื ขอ สรปุ ของโรคการไดย นิ เสอื่ มจากการทาํ งาน มกี ารวนิ จิ ฉยั และโคด คดั คา น ICD-10 code H 83.3 และมีประวัติการสมั ผสั เสียงในทท่ี าํ งานเกนิ 85 เดซเิ บล ประมาณ 6 เดือน ตามประวัตหิ รอื ยืนยนั โดยการวดั ใน 9. การพิจารณาตัดสนิ โรค ทที่ ํางาน Checklist ท่ี OPD card เพื่อดวู า ครบ 9 ขอหรอื ไม มโี รคจรงิ ทาํ งานในทซ่ี ่งึ มเี สียงดงั ทํางานวันละ 8 ชั่วโมง ตรวจพบหูตงึ จรงิ ทกุ วนั เปน เวลาหลายป ไมเคยมีอาการมากอ น ทํางานในที่ซึ่งมีเสียงดัง มีเพื่อนรวมงานเคยปวย กอนเขา งานไมมีอาการ ตองตะโกนคุยกนั เปนโรคหตู ึง ถามีผลการตรวจกอน จงึ ไดยิน ไมมกี ารใส เขา งานกด็ ี เครอื่ งปอ งกนั ไดพิจารณาขอ มลู ไมเคยเปนโรค หรือกิน ไมเคยฟงเพลงดวยหูฟง ทง้ั หมดแลว คือ เปนโรค ยาท่ีทําใหประสาทการ ไมเ ทีย่ วเทคบาร หรอื จริง สมั ผัสเสยี งดังขนาด ไดยนิ เสีย รอ งคาราโอเกะ มากเปนระยะเวลานาน จรงิ DDx โรคอน่ื ๆ แลว เชน ผูปวยมีอาการหตู งึ ถกู สงมาปรกึ ษาวา เกิดจากการทาํ งานหรือไม ตรวจพบผปู วยมีหูตงึ ชนิด NIHL จรงิ มีประวตั ิทาํ งานในทมี่ เี สียงดัง ตองตะโกนคุยกันจึงไดย ิน ทํางานมา 5 ป ไมมที ่ปี ดหู ปฏเิ สธยาแกป วด มเี พ่อื นรว มงานเคยเปน มากอ น ปฏิเสธฟง เพลงดวยหฟู ง รายน้ีลงประวัตคิ รบ 9 ขอ เปนโรคหูตึงจากการทํางาน á¹Ç·Ò§ÇÔ¹Ô¨©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ 25 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
4.2 ตัวอยา งการใช NSODD ในการวินจิ ฉยั โรคพิษตะกั่ว โรคที่เกิดจากตะก่วั อนินทรยี และสารประกอบ 1. นยิ ามโรค โรคที่เกิดจากการดูดซึมเอาตะกั่วอนินทรีย และสารประกอบของมันเขาสูรางกาย เปน จํานวนมาก 2. สง่ิ คุกคามทางอาชีพ ตะกว่ั อนินทรีย : Lead oxide, Metallic Lead และ Lead salts 3. อาชีพสาํ คัญและการสมั ผสั 1. การทําเหมอื งแรตะกั่ว 2. การทําแบตเตอร่ี 3. งานเชื่อมโลหะ ตัดโลหะ 4. งานขดั ผวิ โลหะ 5. งานทาสี หรือพนสี 6. งานทําเหล็กกลา 7. โรงงานผลติ เซมคิ อนดัคเตอร อิเลคโทรนิค และคอมพิวเตอร 8. โรงงานพมิ พ Silk Screen 9. อุตสาหกรรมผลติ และบรรจุยากาํ จัดศตั รูพชื 10. โรงงานทาํ เซรามิก 11. โรงงานเคร่ืองประดบั โลหะ 12. อซู อ มรถยนต อูซอ มเรือ 13. โรงงานอตุ สาหกรรมสี 14. โรงงานอุตสาหกรรมผลติ ทอ แผน โลหะ ชุบโลหะ 15. โรงพมิ พ โรงหลอตวั พิมพ 16. โรงงานผลิตกระสุนปน 17. อาชพี อื่น ๆ ท่ีตอ งสมั ผัสกับตะกัว่ อนนิ ทรยี ในการทาํ งาน 26 á¹Ç·Ò§Ç¹Ô ¨Ô ©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
การสมั ผสั ตะกว่ั อนินทรยี เ ขาสูร า งกายไดสองทาง คอื ทางการหายใจและการกิน การกนิ เปน ทาง เขา สรู า งกายทสี่ าํ คญั ในเดก็ และในคนทาํ งานทมี่ สี ขุ นสิ ยั ไมด ี ตะกว่ั อนิ ทรยี เ ขา สรู า งกายทางการหายใจ และทางผวิ หนงั เมือ่ เขา สูรางกายแลว ในระยะแรกจะอยูในรูปของ Lead phosphate ซึ่งจะกระจาย ไปตามเนือ้ เยื่อออ นตาง ๆ เชน สมอง ปอด ตบั มา ม ไขกระดูก เสนผม เปน ตน หลงั จากน้ันบางสว น จะเขา ไปสะสมท่ีกระดูกในสภาพ lead triphosphate โดยรอยละ 30 จะสะสมในเน้อื เย่ือออ น และ อีกรอยละ 70 จะสะสมในกระดูก การเกิดพิษตะกั่วน้ันจะข้ึนกับปริมาณในเน้ือเย่ือออน ซึ่งตะก่ัว จะทาํ ใหก ารทาํ งานของเซลลต า ง ๆ ในเนอ้ื เยอื่ นน้ั ผดิ ปกตไิ ป โดยเฉพาะในระยะทเ่ี นอื้ เยอ่ื มกี ารเจรญิ เตบิ โต นอกจากน้ันในสภาวะที่รางกายมีความเครียดเกิดข้ึน เชน การต้ังครรภ มีไข หรือมีภาวะสมดุลของ กรดดางผิดปกติ ตะก่ัวจะออกจากกระดูก เขาไปในเลือด และกระจายเขาสูเนื้อเย่ือออนมากขึ้น จงึ ทําใหจ ากเดิมทีไ่ มมีอาการ มีอาการเฉียบพลนั ทันที 4. เกณฑว นิ จิ ฉยั โรค อาการและอาการแสดง * โรคพิษตะก่ัวเฉยี บพลนั 1. ปวดทอ ง (colicky) 2. ซดี มาก 3. ไตวายเฉียบพลนั 4. อาการทางระบบประสาท (สมองอักเสบ ชัก โคมา ความรูสึกผิดปกติ ปวด และ กลามเน้ือออ นแรง) * โรคพิษตะกั่วเร้ือรงั ออ นเพลีย ออ นแรง 1. ปวดขอ และปวดกลามเน้อื 2. ซดี 3. ชา ขอมือ ขอ เทา กระดกไมข ้ึน จากปลายประสาทอักเสบ 4. เปนหมนั 5. แทง 6. ไตวายเรอื้ รงั 7. เสน ตะกั่วทเี่ หงือก (A blue-purplish line on the gums) á¹Ç·Ò§Ç¹Ô ¨Ô ©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ 27 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
5. เกณฑก ารสมั ผัส - ระดับเกิน 60 ไมโครกรัม/เดซลิ ิตร รว มกบั มีอาการและอาการแสดง - คามาตรฐานในรางกาย ACGIH BEI (2011): Lead in blood at not critical time = 30 ug/dl (Except women of child bearing potential = 10 ug/dl) การตรวจสภาพแวดลอ มในการทํางานตามกฏหมายไทย ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอ่ื งความปลอดภัยในการทาํ งานเก่ยี วกับภาวะแวดลอ ม (สารเคมี) ตามประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ที่ 103 ลงวนั ที่ 16 มนี าคม 2515 กาํ หนดใหความเขมขน เฉล่ียตลอดระยะเวลาการทํางานปกติของตะก่ัว และสารประกอบอนินทรียของตะก่ัว เทากับ 0.2 มลิ ลกิ รมั ตอ ลูกบาศกเ มตร 6. การวนิ จิ ฉัยแยกโรค 1. โรคใสต ่งิ อกั เสบ 2. โรคซีดจากสาเหตุอ่ืน ๆ เชน ธาลสั ซเี มยี การขาดเหลก็ 3. โรคปลายประสาทอกั เสบจากโลหะหนักชนดิ อนื่ โรคเบาหวาน 4. โรคไตวายเร้ือรงั จากสาเหตุอ่ืน 5. โรคอื่น ๆ ทมี่ อี าการเหมอื นโรคพิษตะกัว่ 7. หนังสืออางองิ 1. อดุลย บัณฑุกุล บรรณาธิการ. แนวทางและเกณฑการวินิจฉัยโรคจากการทํางาน (ฉบับจัดทําพุทธศักราช 2547). สํานักงานกองทุนเงินทดแทน สํานักงาน ประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ศูนยอาชีวเวชศาสตรและเวชศาสตรส่ิงแวดลอม โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กรมการแพทย 2. European Commission. 2009. Lead (Annex I, No. 112), Information notices on occupational diseases: a guide to diagnosis (pp 54-57). Luxembourg: Office for Official Publications of the European Communities. Retrieved from ec.europa.eu/social/BlobServlet? docId=3155&langId=en. 28 á¹Ç·Ò§Ç¹Ô ¨Ô ©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
3. Kosnett MJ. Lead in Poisoning & Drug Overdose. Olsen KR ed., 6th edition. McGrawhill 2011. 4. Lewis RL, Kosnett MJ. Metals in Current Occupational & Environmental Medicine. Ladou J, Harrison RJ ed, 4th edition. Lange 2007. 5. Baxter PJ, Igisu H. Lead in Hunter’s Diseases of Occupations. Baxter PJ, Aw TC, Cockcroft A, Durrington P and Harrington JM ed. 10th edition. CRC Press. 2010. á¹Ç·Ò§ÇÔ¹¨Ô ©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ 29 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
ตัวอยา งการใช NSODD ในการวินจิ ฉยั โรคพิษตะก่ัว ขน้ั ตอนการวินิจฉัย ตวั อยา ง โรคพิษตะก่วั 1. มโี รคเกิดข้ึนจรงิ มกี ารซกั ประวตั แิ ละตรวจรา งกายตามอาการทผี่ ปู ว ยมาหา เชน ซดี 2. มี agents ทท่ี ําใหเ กิดโรคอยูใน กต็ รวจพบอาการซดี จรงิ การทาํ งานทมี่ สี ารตะกวั่ อนนิ ทรยี แ ละสว นประกอบของมนั สิ่งแวดลอมในการทํางานน้ัน (อาชพี ทเี่ สีย่ ง) 1. การทาํ เหมอื งแรต ะกว่ั 2. การทาํ แบตเตอร่ี 3. มีการสมั ผสั สงิ่ คกุ คามนั้น 3. งานเชอ่ื มโลหะ ตดั โลหะ 4. มีลําดบั กอนหลังในการเกดิ โรค 4. งานขดั ผวิ โลหะ 5. การสัมผสั มีระยะเวลานานพอ และ 5. งานทาสี หรอื พน สี 6. งานทาํ เหลก็ กลา มคี วามเขมขนของ agent มากพอ 7. โรงงานผลติ เซมคิ อนดคั เตอร อเิ ลคโทรนคิ และคอมพวิ เตอร 6. มขี อมูลระบาดวทิ ยาสนับสนนุ 8. โรงงานพมิ พ Silk Screen 9. อตุ สาหกรรมผลติ และบรรจยุ ากาํ จดั ศตั รพู ชื การเกิดโรค 10. โรงงานทาํ เซรามกิ 11. โรงงานเครอื่ งประดบั โลหะ 12. อซู อ มรถยนต อซู อ มเรอื 13. โรงงานอตุ สาหกรรมสี 14. โรงงานอตุ สาหกรรมผลติ ทอ แผน โลหะ ชบุ โลหะ 15. โรงพมิ พ โรงหลอ ตวั พมิ พ 16. โรงงานผลติ กระสนุ ปน 17. อาชพี อนื่ ๆ ทตี่ อ งสมั ผสั กบั ตะกวั่ อนนิ ทรยี ใ นการทาํ งาน มีประวัติทํางานกับฟูม หรือไอของสารตะก่ัว ไมมีเคร่ืองปองกัน อันตรายท่เี พียงพอ ไมเ คยมอี าการหรอื โรคชนดิ เดยี วกนั กอ นเขา มาทาํ งาน(ดจู ากโอพดี กี ารด ) ผลการตรวจตะกว่ั ในเลอื ดมากเกนิ 60 ไมโครกรมั ตอ เดซลิ ติ ร เคยมีโรคพิษตะก่ัวเกิดข้ึนแลวในโรงงานนั้น (มีหรือไมมีก็ได) เคยมี โรคพิษตะกั่วรายงานในเมอื งไทยแลว 30 á¹Ç·Ò§ÇÔ¹Ô¨©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
ข้ันตอนการวินิจฉัย ตัวอยา ง 7. มกี ารวนิ ิจฉยั แยกโรค แยกโรคท่ีมอี าการคลายพษิ ตะกัว่ เชน อาการซดี จากการขาดเหลก็ 8. ไดพ ิจารณาปจจัยอ่ืน ๆ ที่สนับสนุน โรคปลายประสาทอักเสบจากสาเหตอุ ่ืน ๆ เปน ตน หรือคัดคา น ไมมี 9. การพจิ ารณาตดั สินโรค 1. มีอาการของโรคพิษตะกั่ว 2. มีประวตั กิ ารทํางานในอาชพี ท่เี สีย่ ง 3. ระดบั ตะก่วั ในเลอื ดสงู 4. การตรวจทางหอ งปฏบิ ตั กิ ารในเรอื่ งผลกระทบของตะกว่ั ตอ รา งกาย 5. มกี ารวินิจฉัยแยกโรคอื่นแลว Checklist ท่ี OPD card เพือ่ ตรวจสอบวา ครบ 9 ขอหรือไม มีอาการปวดทอง ซักประวัติพบวา มีสาร ในที่ทาํ งานมสี ารตะกั่ว ขอมือตก เปนโรคไตใน ตะกั่วในที่ทํางาน ฟงุ กระจายมาก อายุนอย ตรวจพบเปน การระบายอากาศไมดี โรคจริง ทํางานมาเปน เวลานาน ไมมีหนา กาก กอนเขาทํางานไมเคย ระดับตะกั่วในเลือดเกิน เคยมเี พ่ือนคนงานเปน เปน โรคนม้ี ากอ น 60 ไมโครกรัม/เดซลิ ติ ร การตรวจเลอื ด มอี าการ มตี ะกว่ั ในเลอื ด วนิ ิจฉยั แยกโรคแลว ไดม าตรฐาน เกนิ สภาพแวดลอ ม มกี ารสมั ผสั ตะกว่ั มาก เปน เวลานาน เชน ผูปวยมาดวยอาการซีด ปวดทอง ตรวจพบซีด ไมพบสาเหตุปวดทอง พบวาทํางาน โรงงานตะก่ัว มีฝุนตะกั่วฟุงกระจายมาก ไมมีหนากาก สุขอนามัยไมดี ตรวจเลือดพบตะกั่วเกิน 60 มคก/ดล เคยมีเพือ่ นคนงานเปนแลว รายน้คี รบ 9 ขอ เปนโรคพิษตะก่วั จากการทาํ งาน á¹Ç·Ò§Ç¹Ô Ô¨©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ 31 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
4.3 ตวั อยา งการใช NSODD ในการวนิ จิ ฉัยโรคปอดฝุนทราย โรคปอดฝุนทรายเร้อื รงั 1. คําจํากดั ความ โรคปอดฝุนทราย (silicosis) เปน chronic interstitial fibrotic disease ของปอด ซงึ่ เกดิ จากการสมั ผสั กับ free crystalline silica ขนาดสงู เปน เวลานาน 2. สง่ิ คุกคามทางอาชีพ ฝุน ซึ่งมี free crystalline silicon dioxide 3. อาชีพหลกั และการสมั ผัส 1. การขดุ เจาะพน้ื ดินท่มี หี ินเปน องคประกอบเพ่ือทาํ เหมืองแร ขดุ อุโมงค 2. โรงโมห นิ หรอื ระเบดิ หนิ 3. การผลติ กระเบื้องและอิฐทนไฟ หรอื ผงแรอ โลหะ 4. การขดั ผิวผลติ ภัณฑเ ซรามกิ 5. การพน ทรายเพอ่ื กัดสนิมโลหะ หรือการแกะสลักกระจก 6. การเลอ่ื ย ตดั แตง หรอื ขดั หนิ เพอ่ื นาํ ไปใชง าน เชน ทาํ วสั ดปุ พู นื้ ทาํ ครก ตกแตง สวน ปายหลมุ ศพ เปนตน 7. การนาํ ซลิ ิกาไปใชเปน วัตถุดบิ หรือสว นประกอบในการผลติ เชน หลอมแกว 8. ทาํ แมพ มิ พเ พอ่ื หลอโลหะ 4. เกณฑการวนิ จิ ฉัยโรค อาการและอาการแสดง หายใจลําบากเวลาออกแรง ตอมาจะเปนแมไ มไดออกแรง และมอี าการไอ มเี สมหะมาก หายใจมเี สียงวด๊ี เมอื่ มีหลอดลมถกู อดุ กัน้ เรื้อรังหรือหอบหดื การตรวจวินิจฉัย - ภาพรังสีปอด มีภาพรังสีปอดผิดปกติ ความรุนแรงสามารถแยกโดยการอานฟลมมาตรฐานของ ILO (International Labour Office (ILO) System of Classification of Radiographs of Pneumoconiosis 2000) ซึ่งจะพบตง้ั แตร ะดบั 1/0 ขน้ึ ไป small round nodular lesion หรือ opacities ในบริเวณปอดสว นบน hilar adenopathy และ lymph node calcification. 32 á¹Ç·Ò§Ç¹Ô ¨Ô ©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
- การตรวจสมรรถภาพปอด ใน simple silicosis การตรวจสมรรถภาพปอดจะพบวาปกติ และเมือ่ เปน มากขึน้ จะพบลกั ษณะแบบปด ก้นั (restrictive) และมี FVC, FEV1, TLC และ lung compliance ลดลง รวมทงั้ มกี ารลดลงของ Diffusion capacity - Chest Computerised Axial Tomography (CAT) scans Chest CT (High Resolution CT Scan, HRCT) จะพบ confluent lesions ในบรเิ วณทเ่ี คย graded simple Silicosis ในภาพรงั สปี อด Chest CT จะพบความผดิ ปกตใิ นระยะแรก ทย่ี ังตรวจไมพ บความผิดปกติในภาพรงั สีปอด Chest CT ชว ยในการประเมินการมีอยูของ nodules และระดับของการเปลย่ี นแปลงของ emphysematous ใน complicated silicosis. อยางไรกต็ าม Chest CT ไมจาํ เปน ในการวินจิ ฉยั โรคซิลโิ คสิสเร้อื รงั แตชว ยในกรณี border line cases. - Lung Biopsy ไมแ นะนําใหท าํ 5. เกณฑก ารสัมผสั 1. ความเขมขน นอยท่ีสุดท่ที ําใหเกิดโรค ระดบั ทย่ี อมรบั ไดใ นการสมั ผสั crystalline silica ตอ งไมม ากกวา 50 mcg/cubicmeter. 2. ระยะเวลาการสมั ผสั นอ ยที่สุด ตองสมั ผัส crystalline silica อยา งนอย 5 ป 3. ระยะแฝงนานสุด ไมมี 6. การวนิ ิจฉัยแยกโรค 1. วัณโรค 2. Sarcoidosis 3. Hypersensitivity pneumonitis 4. Collagen diseases - Scleroderma - Rheumatoid Arthritis 5. Metastatic Lung cancer 6. Histoplasmosis á¹Ç·Ò§ÇÔ¹¨Ô ©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ 33 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
7. หนังสืออางอิง 1. Chang KC, Leung C, Tam M. Tuberculosis risk factors in a silicotic cohort in Hong Kong. Int J Tuberc Lung Dis 2001; 5:177-84. 2. Davis GS. Agents causing interstitial disease:silica. In: Harber P, Schenker MB, Balmes JR, editors. Occupational and environmental respiratory disease. Missouri: Mosby, 1996, 373-99. 3. Donovan Jr JR, Lockey JE. Other pneumoconioses. In: Rosenstock L, Cullen MR, Brodkin CA, Redlich CA, editors. Textbook of clinical occupational and environmental medicine. Philadelphia: Elsevier Saunders, 2005, 408-17. 4. Hessel PA, Gamble JF, Gee JB, Gibbs G, Green FH, MorganWK, et al. Silica, silicosis, and lung cancer: a response to a recent working group report. J Occup Environ Med 2000; 42: 704-20. 5. Balmes JR. Occupational lung diseases in Current Diagnosis & Treatment Occupational & Environmental Medicine, Ladou J, Harrison R ed. 5th edition, Lange 2014 34 á¹Ç·Ò§Ç¹Ô ¨Ô ©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
ตัวอยางการใช NSODD ในการวนิ จิ ฉัยโรคปอดฝุนทราย 1. มโี รคเกดิ ขนึ้ จริง มีอาการและอาการแสดงของการหอบเหนอื่ ย ไอ มีผล X ray ปอด เขา ไดก ับโรคปอดของผปู ว ย 2. มี agents ท่ีทาํ ใหเ กิดโรคอยูใน 1. การขุดเจาะพนื้ ดนิ ทีม่ หี นิ เปน องคป ระกอบเพอ่ื ทําเหมืองแร ส่ิงแวดลอ มในการทาํ งานน้ัน (อาชพี ท่เี สยี่ ง) ขุดอโุ มงค 2. โรงโมหินหรือระเบดิ หิน 3. มีการสัมผสั ส่งิ คุกคามน้ัน 3. การผลติ กระเบอื้ งและอิฐทนไฟ หรอื ผงแรอ โลหะ 4. การขัดผวิ ผลติ ภณั ฑเซรามกิ 4. มีลําดบั กอ นหลงั ในการเกดิ โรค 5. การพน ทรายเพอ่ื กัดสนมิ โลหะ หรอื การแกะสลักกระจก 6. การเลอ่ื ย ตดั แตง หรอื ขดั หนิ เพื่อนาํ ไปใชงาน เชน ทาํ วัสดปุ ูพ้ืน 5. การสมั ผัสมรี ะยะเวลานานพอ และมคี วามเขม ขน ของ agent ทําครก ตกแตง สวน ปายหลุมศพ เปนตน มากพอ 7. การนาํ ซลิ ิคาไปใชเ ปน วตั ถดุ ิบหรอื สวนประกอบในการผลติ เชน 6. มขี อ มลู ระบาดวิทยา สนบั สนุน หลอมแกว การเกดิ โรค 8. ทําแมพ ิมพเ พ่อื หลอ โลหะ ทาํ งานในบรเิ วณทม่ี ฝี นุ ทรายมาก การระบายอากาศไมด ี การปอ งกนั 7. มีการวินิจฉยั แยกโรค อนั ตรายไมเ หมาะสม 8. ไดพ จิ ารณาปจ จัยอ่ืน ๆ ทส่ี นบั สนนุ ไมเ คยมีอาการกอ นเขาทํางาน หรือมีผลการตรวจรา งกายกอ น เขาทาํ งานปกติ หรอื คัดคา น มีการทํางานสัมผัสอยางนอยมากกวา 10 ปข ้นึ ไป 9. การพจิ ารณาตัดสนิ โรค มปี รมิ าณฝนุ แรในบรรยากาศของการทํางาน จํานวนมาก เคยมีผูมีอาการเชนน้ีในโรงงานเดียวกนั แลว มกี ารวนิ จิ ฉัยแยกโรคปอดปด กนั้ อ่ืน ๆ การสูบบุหรีท่ ําใหอาการแยลงเรว็ เม่ือพิจารณาแลว มีครบท้งั 8 ขอ กน็ าทจี่ ะเปนโรคจากการทาํ งาน á¹Ç·Ò§ÇÔ¹¨Ô ©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ 35 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
Checklist ที่ OPD card เพอ่ื ตรวจสอบวาครบ 9 ขอ หรือไม มีอาการไอแหง หอบ ซักประวัติพบวา มีการ ในท่ีทํางานมีฝนุ ทราย เหนอื่ ย CXR พบรอยโรค ทํางานสัมผัสฝุนทราย ฟุงกระจายมาก เชน Lung Function test มากเปนเวลานาน ตดั หนิ การระบายอากาศ ผดิ ปกตแิ บบ restrictive ไมด ี ไมใ สห นา กากปอ งกนั กอนเขาทาํ งานไมเ คย ทาํ งานมาเปน เวลานาน เคยมเี พือ่ นคนงานเปน เปน โรคนีม้ ากอ น ตรวจ CXR พบรอยโรค วินจิ ฉัยแยกโรคแลว สบู บหุ รจี่ ะทาํ ใหม อี าการ มอี าการไอ ทาํ งานสมั ผสั เรว็ ขน้ึ เปน เวลานาน สภาพ แวดลอ มการทํางานไมด ี เชน ผปู ว ยอายุ 45 มาดวยอาการไอแหง หอบ เปน มา 3 เดือนรกั ษามาหลายครั้งไมด ขี ึน้ แพทยส งสยั โรคจากการทาํ งานสง มาปรกึ ษา ผปู ว ยมปี ระวตั ทิ าํ งานสกดั หนิ สมั ผสั ฝนุ ทรายมากทท่ี าํ งาน มฝี ุนฟุง กระจายมาก มีอาการเม่ือทาํ งานได 15 ป CXR พบเขาไดก บั โรค pneumoconiosis ตาม ILO classification มีเพ่ือนรวมงานเคยเปนมากอน รายน้ีประวัติครบทั้ง 9 ขอ วินิจฉัยวาเปนโรคปอด ฝุน ทรายจากการทํางาน 36 á¹Ç·Ò§ÇÔ¹Ô¨©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
4.4 ตัวอยางการใช NSODD ในการวนิ จิ ฉัยโรคหอบหดื จากการทํางาน โรคหอบหดื จากการทาํ งาน 1. คําจํากัดความ โรคหอบหดื จากการทาํ งานเปน โรคทมี่ กี ารอดุ กนั้ ของหลอดลมชวั่ คราว และ/หรอื มกี าร ไวตอ การกระตนุ มากเกนิ ของหลอดลมจากสารที่พบในสิง่ แวดลอ มในการทํางาน 2. ส่ิงคุกคามทางอาชพี เกิดจากสารหลายอยางในสิ่งแวดลอมในที่ทํางาน ไดแก สารนํ้าหนักโมเลกุลสูงหรือตํ่า ซ่ึงมีลักษณะเฉพาะในแตล ะกลุม เชน สารนํา้ หนักโมเลกุลสงู สตั วทดลอง อาหารทะเล ปู ตัวไร แมลง ฝุนแปง ถงุ มอื ยางธรรมชาติ เอนซยั มของ แบคทีเรยี ฝนุ castor bean และ vegetable gums สารนํ้าหนักโมเลกุลตํา่ Isocyanates, acid anhydrides, amines, platinum salts, cobalt 3. อาชีพทีส่ ําคญั และการสมั ผัส การทาํ งานหรอื สมั ผสั กบั สารกอ โรคชนดิ นน้ี า้ํ หนกั โมเลกลุ ตาํ่ เชน สารยดึ ตดิ สารเคลอื บ ตาง ๆ สารเคมที ี่ใชในกระบวนการผลิตโพลเิ มอร ผลิตอพี อกซีย และไอทเี่ กดิ จากการชบุ เช่ือม หลอม โลหะตา ง ๆ ลักษณะงานท่ีเสย่ี งตอการสัมผัสสารกลุมน้ี ไดแ ก - อตุ สาหกรรมการผลิตสารยึดติด อีพอกซยี - งานเคลอื บ ฉาบผวิ วสั ดุดวยแลคเกอร หรือโพลียูรีเธน - งานเช่อื ม บัดกรีโลหะ - งานทา พน สรี ถยนต การทาํ งานสมั ผสั สารกอ โรค ชนดิ นา้ํ หนกั โมเลกลุ สงู เปน สารทเี่ กดิ จากผลผลติ ทางชวี ภาพ ไดแ ก เชอ้ื รา แบคทเี รยี แมลง พชื ตา ง ๆ เชน เครอื่ งเทศ กาแฟ ละหงุ ถวั่ เหลอื ง เกสรดอกไม แปง ฯลฯ พบในลกั ษณะงานที่มกั สัมผัสสารกลุม นี้ ไดแก - อุตสาหกรรมการผลติ อาหาร á¹Ç·Ò§ÇÔ¹¨Ô ©ÑÂâä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ 37 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
- อตุ สาหกรรมการผลิตกาแฟ - อุตสาหกรรมการผลติ แปง ขนมปง - การทําเฟอรนเิ จอร โดยมีระยะเวลาการสมั ผัสสารกอโรคตั้งแต 2 สปั ดาหข ึน้ ไป 4. เกณฑก ารวินจิ ฉัยโรค โรคหอบหืดจากการทํางาน วินิจฉัยโดยการซักประวัติยืนยันความเก่ียวของระหวาง การเกดิ อาการ และการสมั ผัสในทท่ี ํางาน อาการและอาการแสดง อาการของโรคหอบหืดจากการทํางานไมตางจากโรคหอบหืดทั่วไป ไดแก ไอ หายใจ มเี สยี งวด๊ี แนน หนา อก หายใจลาํ บาก ถา ฟง จะมเี สยี ง rhonchi โดยทวั่ ไป คนทห่ี อบจะมชี ว งไมม อี าการ ในชวงระหวา งการเปน สองคร้งั ประวัติที่เก่ยี วเนอ่ื งกัน - ไมมีประวัติวาเคยเปนมากอน (อยางไรก็ตามการมีประวัติวาเคยเปนมากอนตั้งแต เดก็ (childhood asthma) กไ็ ม rule out การวนิ จิ ฉัยโรคหอบหดื จากการทาํ งาน) - การมสี ารที่ทําใหห อบหดื ในท่ีทาํ งาน - อาการดีข้ึนระหวางที่ไมมีการสัมผัส (วันสุดสัปดาหหรือวันหยุด) และมีอาการอีก เม่ือกลับเขาทาํ งาน การตรวจวนิ จิ ฉัยทีเ่ กีย่ วขอ ง - Serial Peak Expiratory Flow Rate (PEFR) แสดงความแตกตา งชัดเจนกอ นและ หลงั เขาทาํ งาน - การใช Pre และ post beta-agonist bronchodilator spirometry เพ่อื ยืนยนั reversible airflow obstruction - Bronchial provocation tests ชวยยืนยันผูปวยหอบหืดแตตองทําโดยคนที่มี ประสบการณ และเคยทาํ การทดสอบนแ้ี ลว 5. เกณฑก ารสัมผสั ความเขมขนนอยที่สุด และระยะเวลานอยท่ีสุดที่สัมผัสแลวมีอาการจะเปลี่ยนตาม ความไวของคนงานตอสารในทที่ ํางานน้ัน 38 á¹Ç·Ò§Ç¹Ô ¨Ô ©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
1. สาํ หรับสารระคายเคือง การสัมผัสปรมิ าณมากจะทําใหเ กดิ อาการทนั ที 2. สาํ หรบั สารกอ ภมู แิ พ อาการจะเกดิ ภายในสปั ดาหห รอื หลายปห ลงั จากนน้ั ไมม รี ะยะ เวลาแฝงนานท่สี ุดทีส่ ามารถกาํ หนดได 6. การวนิ ิจฉยั แยกโรค 1. Chronic Obstructive Pulmonary Diseases 2. โรคตดิ เช้อื ในปอด 3. โรคหอบหดื ทีเ่ ปน อยแู ลว หรือไมใชจ ากการทาํ งาน 7. หนงั สอื อางอิง 1. Balmes JR. Occupational lung diseases in Current Diagnosis & Treatment Occupational & Environmental Medicine, Ladou J, Harrison R ed. 5th edition, Lange 2014 2. European Commission. 2009. Lead (Annex I, No. 112), Information notices on occupational diseases: a guide to diagnosis (pp 54-57). Luxembourg: Office for Official Publications of the European Communities. Retrieved from ec.europa.eu/social/BlobServlet?docId=3155&langId=en. 3. Occupational Asthma. http://www.ilo.org/iloenc/part-i/respiratory- system/item/412-occupational-asthma 4. Cullinan P, Taylor AN. Occupational asthma in Hunter’s Diseases of Occupations. Baxter PJ, Aw TC, Cockcroft A, Durrington P and Harrington JM ed. 10th edition. CRC Press. 2010. á¹Ç·Ò§ÇÔ¹Ô¨©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ 39 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
ตวั อยางการใช NSODD ในการวนิ ิจฉัยโรคหอบหืดจากการทํางาน 1. มีโรคเกิดข้นึ จรงิ มีอาการและอาการแสดงของโรคหอบหืดจริง มีการตรวจพบ หรือ 2. มี agents ทีท่ าํ ใหเกดิ โรคอยใู น ยืนยันโดยการซกั ประวตั ิ ตรวจสมรรถภาพปอด การทํางานหรือสัมผัสกับสารกอโรคชนิดน้ีน้ําหนักโมเลกุลต่ํา เชน ส่ิงแวดลอ มในการทํางานนั้น สารยดึ ตดิ สารเคลอื บตา ง ๆ สารเคมที ใ่ี ชใ นกระบวนการผลติ โพลเิ มอร (อาชีพที่เสีย่ ง) ผลิตอีพอกซีย และไอท่ีเกิดจากการชุบ เช่ือม หลอมโลหะตาง ๆ ลกั ษณะงานทเ่ี สี่ยงตอการสมั ผสั สารกลุม น้ี ไดแ ก 3. มีการสมั ผัสสิง่ คุกคามน้นั 4. มลี าํ ดับกอ นหลังในการเกิดโรค - อุตสาหกรรมการผลิตสารยึดตดิ อพี อกซีย 5. การสัมผสั มรี ะยะเวลานานพอ - งานเคลอื บ ฉาบผิววสั ดดุ วยแลคเกอร หรือโพลยี รู ีเธน - งานเชอ่ื ม บัดกรีโลหะ และมคี วามเขม ขนของ agent - งานทา พนสรี ถยนต มากพอ การทํางานสัมผัสสารกอ โรค ชนดิ นา้ํ หนักโมเลกุลสงู เปนสารท่เี กดิ 6. มีขอมูลระบาดวทิ ยา สนบั สนนุ จากผลผลติ ทางชวี ภิ าพ ไดแ ก เชอื้ รา แบคทเี รยี แมลง พชื ตา ง ๆ เชน การเกดิ โรค เครื่องเทศ กาแฟ ละหุง ถ่วั เหลือง เกสรดอกไม แปง ฯลฯ พบใน 7. มกี ารวนิ จิ ฉยั แยกโรค ลกั ษณะงานทมี่ ักสัมผสั สารกลมุ น้ี ไดแ ก - อตุ สาหกรรมการผลติ อาหาร - อตุ สาหกรรมการผลิตกาแฟ - อุตสาหกรรมการผลิตแปง ขนมปง - การทําเฟอรนเิ จอร ทาํ งานในบรเิ วณทม่ี สี ารกอ ใหเ กดิ อาการหอบหดื การระบายอากาศ ไมดี การปอ งกนั อันตรายไมเ หมาะสม ไมเคยมีอาการกอนเขาทํางาน หรือมีผลการตรวจรางกายกอนเขา ทาํ งานปกติ มีประวัติการทํางานมากกวา 2 สัปดาหข้ึนไป ไมมีการกําหนดคา มาตรฐาน มีการตรวจหาสารท่สี ัมผัสท่ีกอใหเ กิดโรคในทที่ ํางาน เคยมีผมู ีอาการเชน น้ใี นโรงงานเดียวกันแลว การตรวจถูกตอ ง และมกี ารวินิจฉยั ของแพทย 40 á¹Ç·Ò§ÇÔ¹Ô¨©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷íÒ§Ò¹ Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
8. ไดพ จิ ารณาปจ จยั อน่ื ๆ ที่ สนบั สนนุ ในระยะแรกของโรค อาการตา ง ๆ จะดขี นึ้ ในชว งวนั หยดุ แตถ า ยงั ได หรือคดั คา น รับสารกอ โรคตอ ไปเรื่อย ๆ อาการกจ็ ะมอี ยตู ลอด ไมเ ปล่ียนแปลง ระหวางวนั หยดุ กับวนั ทาํ งาน 9. การพจิ ารณาตดั สินโรค เมอื่ พจิ ารณาตามเกณฑท งั้ 8 ขอ แลว พบวา เขา ไดท ง้ั หมด จงึ วนิ จิ ฉยั วาเกดิ จากการทาํ งานได Checklist ท่ี OPD card เพื่อตรวจสอบวาครบ 9 ขอหรือไม เปนโรคหอบหืดจริง ซักประวตั พิ บวา ทาํ งาน ในที่ทํางานมีฝุนของสาร กับสารกอภูมิแพ ฟุงกระจายมาก การ ในอาชีพตา ง ๆ ระบายอากาศไมด ี ไมม ีหนากาก ไมเคยเปนโรคหอบหืด ทํางานเกิน 2 สปั ดาห เคยมีเพื่อนคนงานเปน มากอน ขน้ึ ไป วินิจฉัยแยกโรคหอบหดื เวลาหยุดงาน หรือไมได มีอาการหอบ ทํางานใน จากสาเหตอุ นื่ แลว สมั ผสั จะไมม อี าการหอบ งานทม่ี ีสารกอ ภมู แิ พ มีการสัมผัส นาจะเปน โรคจากการทาํ งาน เชน ผูป วยมีอาการไอ หอบเหนือ่ ย ไมเ คยเปน มากอน เปน หลังทาํ งานได 6 เดอื น ทํางาน ทําขนมปง ฝนุ แปงเยอะมาก มีเพอื่ นคนงานเปน วันเสารอาทติ ยไมเ ปน รายนปี้ ระวัตคิ รบ เปนโรคจาก การทาํ งาน á¹Ç·Ò§Ç¹Ô ¨Ô ©ÂÑ âä¨Ò¡¡Ò÷Òí §Ò¹ 41 Nine Steps in Occupational Diseases Diagnosis
Search