Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือ เรื่อง e-Learning

หนังสือ เรื่อง e-Learning

Published by abhichat.a, 2016-07-25 23:36:21

Description: e-Learning_Book

Keywords: อภิชาติ,abhichat.com

Search

Read the Text Version

บทท่ี 7 ระบบจดั การเรียนการสอน การเกบ็ ขอ้ มูลพ้นื ฐานของผู้เรยี น สถิติการเขา้ เรียน การร่วมกจิ กรรมการเรียน การส่อื สารปฏสิ มั พนั ธ์ ระหว่างผเู้ รยี นกบั ผสู้ อน และผเู้ รยี นกบั ผเู้ รยี นดว้ ยกนั รวมถงึ การวดั และประเมนิ ผล เป็นตน้ จาํ เป็นอย่างยง่ิ ทผ่ี สู้ อนและผเู้ รยี นจะตอ้ งเรยี นรทู้ จ่ี ะสอน และเรยี นในระบบ LMS ของสถาบนั 2. องคป์ ระกอบหลกั ของระบบจดั การเรียนการสอน ระบบจดั การเรยี นการสอนหรอื ระบบ LMS ประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบหลกั 3 ระบบทส่ี าํ คญั ไดแ้ ก่ (1) ระบบจดั การรายวชิ า (2) ระบบสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ และ (3) ระบบจดั การขอ้ มลู โดยมรี ายละเอยี ด ดงั ต่อไปน้ี 2.1. ระบบจดั การรายวิชา (Course Management) เป็นส่วนของการจดั การเกย่ี วกบั ระบบ การเรยี นการสอน ซง่ึ เป็นหน้าทข่ี องผสู้ อนเป็นผจู้ ดั ทาํ ระบบจดั การรายวชิ าถอื เป็นหวั ใจสาํ คญั ของอเี ลริ น์ นิง เน่อื งเป็นการจดั การเกย่ี วกบั บทเรยี น (Courseware) ประกอบดว้ ยสว่ นสาํ คญั ดงั น้ี (1) ส่วนสรา้ งเนื้อหา เป็นสว่ นทใ่ี ชจ้ ดั ทําเน้ือหาและบรรจุลงในระบบ โดยใชเ้ คร่อื งมอื ทท่ี าง ระบบจดั ให้ สามารถใชง้ านไดด้ ที งั้ กบั เน้อื หาในรปู แบบเน้นขอ้ ความ (Text based) และเน้อื หาในรปู แบบเน้น สอ่ื เคลอ่ื นไหว (Streaming Media) ทงั้ ยงั สามารถรองรบั ไฟลข์ อ้ มูลทงั้ หมดต่าง ๆ ไดเ้ กอื บทุกชนิด ทาํ ใหผ้ ูส้ อน สรา้ งรายวชิ ามคี วามสะดวกในการจดั ทาํ เน้อื หาโดยสะดวกได้ (2) ส่วนกาํ หนดกิจกรรมการเรียน เป็นส่วนท่กี ําหนดกจิ กรรมการเรยี นให้ผู้เรยี นปฏบิ ตั ิ หลงั จากเน้ือหาจากสว่ นเน้อื หาแลว้ หรอื กาํ หนดใหน้ กั ศกึ ษาเน้อื หาจากแหล่งขอ้ มลต่าง ๆ ตามทผ่ี สู้ อนกาํ หนด (3) ส่วนประกอบบทเรียน ไดแ้ ก่ แหลง่ ขอ้ มลู ต่าง ๆ ภาพประกอบ แหลง่ เรยี นรู้ ทใ่ี ชป้ ระกอบ บทเรยี นของผเู้ รยี น รวมถงึ การชแ้ี จงแนะนําต่าง ๆ ทเ่ี กย่ี วกบั การเรยี นในรายวชิ า (4) ส่วนการวดั และการประเมินการเรยี นรู้ เป็นระบบการจดั ทาํ แบบฝึกหดั และแบบทดสอบ สาํ หรบั ผูเ้ รยี น เพ่อื ฝึกทกั ษะ ความสามารถในการคดิ รวมถงึ เป็นการวดั ความรู้ ความคดิ ของผูเ้ รยี นท่ไี ด้ เรียนรู้จากบทเรียน เป็นการประเมินศักยภาพในการเรียนรู้ของผู้เรียน และผู้เรียนจะทราบผล การทดสอบทนั ทหี ลงั จากสอบเสรจ็ หรอื อาจมการเฉลยคาํ ตอบ หรอื วธิ กี ารอ่นื ๆ แลว้ แต่การออกแบบระบบ การเรยี นรู้ของผูส้ อน การจดั ทําแบบวดั ความรูต้ ่าง ๆ รวมถงึ สามารถนําผลมาวเิ คราะหห์ าคุณภาพของ เคร่อื งมอื ได้ เชน่ การหาความเทย่ี ง (Reliability) และความตรง (Validity) ของแบบวดั ทส่ี รา้ งขน้ึ140 อีเลริ นนงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice

บทท่ี 7 ระบบจัดการเรยี นการสอน ภาพท่ี 7.1 ภาพระบบการจดั การเรยี นการสอน ในหลกั สตู ร e-learning Professional ของ TCU หลกั สตู ร e-learning Professional 2.2. ระบบส่งเสริมการเรียนรู้ (Support Management) เป็นระบบช่วยเหลอื ในการจดั ทําบทเรยี นของครผู สู้ อน และช่วยในการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นโดยใชเ้ ทคโนโลยเี วบ็ เป็นเคร่อื งมอื หลกั ประกอบดว้ ย (1) โปรแกรมจดั ทาํ บทเรยี น ทค่ี รสู อนสามารถบรรจุขอ้ มลู เน้ือหา คําสงั่ กจิ กรรมและขอ้ มลูอ่นื ๆ ลงในระบบไดโ้ ดยง่าย รวมถงึ การใสภ่ าพประกอบ ภาพเคล่อื นไหว ภาพวดี ทิ ศั น์ หรอื ไฟลข์ อ้ มูลต่าง ๆซง่ึ ผเู้ รยี นกส็ ามารถสรา้ งเน้ือหาตามทค่ี รผู สู้ อนกาํ หนดกจิ กรรมไวไ้ ดด้ ว้ ยวธิ กี ารเดยี วกนั กบั ครผู สู้ อน (2) ระบบการติดต่อส่ือสาร เป็นสว่ นทผ่ี เู้ รยี นใชต้ ดิ ต่อกบั ครผู สู้ อนดว้ ยชอ่ งทางตดิ ต่อต่าง ๆท่ที างระบบจดั ให้ระหว่างผูส้ อนกบั ผู้เรียน ผู้เรียนกบั ผู้เรียนด้วยกนั ได้แก่ กระดานข่าว (Web board)หอ้ งสนทนา (Chat room) จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-mail) และ/ หรอื การตดิ ต่อผ่านกลอ้ งวดี ทิ ศั น์ (Webcam)ในกรณที ใ่ี ชเ้ ครอื ขา่ ยสญั ญาณความเรว็ สงู อเี ลิรนนงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 141

บทที่ 7 ระบบจดั การเรียนการสอน ภาพที่ 7.2 ภาพระบบสอ่ื เสรมิ การเรยี นรู้ หลกั สตู ร e-learning Professional โดยใชL้ MS (Moodle) 2.3. ระบบจดั การขอ้ มลู (Data Management) เป็นระบบการจดั การดา้ นฐานขอ้ มลู ซง่ึ ทําหน้าท่ี บรหิ ารจดั การขอ้ มูลต่างๆ ของรายวชิ าท่เี จา้ ของเป็นผู้ดูแลและบรหิ ารจดั การไดด้ ว้ ยตนเอง มสี ่วนสาํ คญั ดงั น้ี (1) ส่วนการจดั การข้อมูลผู้สอน เป็นส่วนดําเนินเก่ียวกับผู้สอน ได้แก่ การกําหนด คุณสมบตั ขิ องผเู้ รยี น การกาํ หนดรหสั ผ่าน การอนุมติ การตดั สทิ ธผิ ์ เู้ รยี น ตลอดจนการเรยี กดขู อ้ มลู ต่าง ๆ เกย่ี วกบั ผเู้ รยี น (2) ส่วนการจดั การข้อมูลผู้สอน เป็นส่วนดําเนินเก่ียวกับผู้สอน ได้แก่ การกําหนด คุณสมบตั ขิ องผสู้ อน และผูส้ อนร่วม การแกไ้ ขขอ้ มูลของเจา้ ของรายวชิ า ตลอดจนการเรยี กดูขอ้ มูลต่าง ๆ ของผสู้ อนของเจา้ ของรายวชิ า (3) ส่วนการกําหนดค่าปฏิ บัติ การต่าง ๆ เป็นส่วนท่ีกําหนดค่าปฏิบัติการต่าง ๆ เชน่ ระยะเวลาในการเรยี น การทดสอบ การปฏบิ ตั กิ จิ กรรม หรอื การสง่ งาน เป็นตน้ (4) ส่วนรายงานผลการเรียน เป็นสว่ นทผ่ี สู้ อนสามารถเรยี กดผู ลการเรยี น หรอื คา่ สถติ ติ ่าง ๆ ของรายวชิ า เช่น สถิติผลการเรยี น สถิติผู้เขา้ ใช้บทเรยี น สถิติการส่งงาน ผลการทดสอบ ทงั้ ผู้สอนและ ผเู้ ขา้ เรยี น (5) ส่วนการจดั การไฟล์ เป็นส่วนดําเนินเก่ยี วกบั การโอนยา้ ย การจดั เกบ็ การจดั กระทํา และการแกไ้ ขขอ้ มลู ของแต่ละรายวชิ า142 อเี ลิรนนงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice

บทที่ 7 ระบบจัดการเรียนการสอน ภาพท่ี 7.3 ภาพระบบจดั การขอ้ มลู สว่ นของรายงานผลการเรยี น หลกั สตู ร e-Learning Professional โดยใชL้ MS (Moodle) 3. ผใู้ ช้งานระบบจดั การเรยี นการสอน สาํ หรบั ผใู้ ชง้ านในระบบจดั การเรยี นการสอน หรอื LMS สามารถทจ่ี ะแบง่ ไดเ้ ป็น 3 กลมุ่ หลกั ๆ คอื(1) กลุ่มผูบ้ รหิ ารระบบ (2) กลุ่มผสู้ อนหรอื ผสู้ รา้ งเน้ือหาการเรยี น และ (3) กลุ่มผเู้ รยี น โดยมรี ายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี 3.1. กลุม่ ผบู้ ริหารระบบ (Administrator) ทาํ หน้าทใ่ี นการตดิ ตงั้ ระบบ LMS การกําหนดค่าเรมิ่ ต้นของระบบ การสาํ รองฐานขอ้ มลู การจดั การฐานขอ้ มลู นักเรยี น การกาํ หนดสทิ ธกิ์ ารเป็นผสู้ อน การนํารายวชิ าเขา้รวมถงึ การควบคุมแกไ้ ขจดั การระบบ LMS ทงั้ หมด 3.2. กลุ่มผ้สู อนหรือผ้สู ร้างเนื้อหาการเรียน (Instructor /Teacher) ทําหน้าท่ใี นการนําส่อืการเรยี นเขา้ ระบบ เพมิ่ เน้ือหา บทเรยี นต่าง ๆ เขา้ ระบบ อาทิ ขอ้ มูลรายวชิ า เอกสารประกอบการสอนการตดิ ตามพฤตกิ รรมผเู้ รยี น การสอ่ื สารกบั ผเู้ รยี นและกลมุ่ ผเู้ รยี น การประเมนิ ผูเ้ รยี นโดยสรา้ งแบบทดสอบทงั้ แบบปรนยั อตั นยั การใหค้ ะแนนตรวจสอบกจิ กรรมผเู้ รยี น ตอบคาํ ถาม และการใหข้ อ้ มลู ป้อนกลบั 3.3. กลุ่มผ้เู รียน (Student/Guest) คอื นักเรยี น นกั ศกึ ษาทส่ี มคั รเขา้ เรยี นตามหวั ขอ้ รายวชิ าหรอื หลกั สตู รต่าง ๆ มหี น้าทศ่ี กึ ษาจากสาระตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมายจากผสู้ อน เคร่อื งมอื ช่วยสง่ เสรมิ การคดิและการเรยี นรู้ เคร่อื งมอื ช่วยการทํางาน (My working space, calendar, my note, my bookmark เป็นต้น)การดูสถติ ิการเรยี น คะแนนสอบ การส่อื สารกบั ผสู้ อน และเพ่อื น ตลอดจนการส่งการบา้ นและเกบ็ ขอ้ มูลการบา้ น อเี ลิรน นงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 143

บทท่ี 7 ระบบจดั การเรยี นการสอน 4. ลกั ษณะของระบบการจดั การเรียนการสอน ระบบจดั การเรยี นการสอน (ระบบ LMS) สามารถจาํ แนกลกั ษณะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คอื กลมุ่ ทห่ี น่ึง แบ่งตามลกั ษณะธุรกจิ และกลมุ่ ทส่ี องแบ่งตามการทาํ งาน รายละเอยี ดดงั น้ี 4.1 ระบบจดั การเรยี นการสอนหรอื ระบบ LMS ทใ่ี ชใ้ นปจั จุบนั มหี ลากหลาย เช่น Blackboard, Desire2Learn Moodle, ATutor แต่ไม่วา่ จะเป็นระบบ LMS ใดกส็ ามารถจาํ แนกไดอ้ ย่างน้อย 3 ลกั ษณะ คอื 1.ระบบ LMS ทม่ี บี รษิ ทั ผพู้ ฒั นาเป็นเจา้ ของ (Commercial LMS) มกี ารขายระบบ LMS พรอ้ มบรกิ าร โดยคดิ เป็นค่าใชจ้ ่ายเป็นรายปี เช่น Blackboard WebCT Desire2Learn เป็นตน้ ภาพท่ี 7.3 ตวั อย่าง ระบบ LMS Blackboard ทม่ี า: http://anz.blackboard.com/sites/international/globalmaster/144 อเี ลิรนนิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice

บทท่ี 7 ระบบจัดการเรียนการสอน ภาพท่ี 7.4 ตวั อย่าง ระบบ LMSทม่ี า: www.desire2learn.com, http://www.brightspace.com/ อเี ลิรน นิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice 145

บทท่ี 7 ระบบจดั การเรียนการสอน 2.ระบบ LMS แบบเปิดเผยรหสั (Open source LMS) เชน่ TCU-LMS, Moodle, ATutor, Claroline เป็นตน้ ภาพที่ 7.5 ตวั อยา่ ง ระบบ TCU- LMS ทม่ี า: www.ThaiCyberU.go.th146 อีเลิรนนงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice

บทที่ 7 ระบบจัดการเรียนการสอน ภาพที่ 7.6 ตวั อยา่ ง ระบบ LMS Moodleทม่ี า: https://moodle.org/, http://iectech.blogspot.com/2011/06/moodle.html อีเลริ นนงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice 147

บทที่ 7 ระบบจดั การเรียนการสอน ภาพท่ี 7.7 ตวั อย่าง ระบบ LMS ATutor ทม่ี า: http://www.atutor.ca/ ภาพท่ี 7.8 ตวั อยา่ ง ระบบ LMS Claroline ทม่ี า: http://www.claroline.net/148 อีเลริ นนงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice

บทที่ 7 ระบบจดั การเรยี นการสอน 3. ระบบ LMS ท่อี นุญาตใหเ้ ฉพาะสถาบนั สมาชกิ นําไปใช้ โดยสมาชกิ จะต้องเสยี ค่าสมาชกิ และร่วมในกจิ กรรมต่าง ๆ เช่น Sakai Project เป็นตน้ ภาพท่ี 7.9 ตวั อย่าง ระบบ LMS Sakai Project ทม่ี า: https://sakaiproject.org/ อเี ลริ น นงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice 149

บทท่ี 7 ระบบจดั การเรียนการสอน 4.2 จาํ แนกเครอ่ื งมอื ในระบบ LMS ตามการทํางานของผูใ้ ชง้ านระบบ สามารถจําแนกระบบ LMS ได้ 3 ลกั ษณะดว้ ยกนั ดงั น้ี 1. การรองรบั การทํางานของผใู้ ชผ้ ดู้ แู ลระบบ ไดแ้ ก่ (1) การนํารายวชิ าเขา้ (2) การจดั การฐานขอ้ มลู นกั เรยี น (3) การสาํ รองขอ้ มลู เป็นตน้ 2. การรองรบั การทํางานของผสู้ อน (อาจารย์และผูช้ ่วยสอน) ได้แก่ (1) การนําส่อื การเรยี นเขา้ ระบบ (2) การตดิ ตามพฤตกิ รรมการเรยี นของนักเรยี น (3) การส่อื สารกบั นกั เรยี น/กลุ่มนกั เรยี น (เคร่อื งมอื ประกาศ, ปฏทิ นิ ของรายวชิ า) (4) การสรา้ งแบบทดสอบ (5) การใหข้ อ้ มลู ป้อนกลบั (6) การประเมนิ ผล 3. การรองรบั การทํางานของผู้เรยี น ได้แก่ (1) เคร่อื งมอื ช่วยส่งเสรมิ การคดิ และการเรยี นรู้ (2) เคร่อื งมอื ช่วยการทาํ งาน (My working space, calendar, my note, my bookmark เป็นตน้ ) (3) การดสู ถติ ิ การเรยี น คะแนนสอบ (4) การสอ่ื สารกบั อาจารย/์ เพอ่ื น (5) การสง่ การบา้ นและเกบ็ ขอ้ มลู การบา้ น ระบบ LMS ทจ่ี าํ แนกตามทาํ งานของผใู้ ชร้ ะบบนนั้ สามารถสรุปไดเ้ ป็นแผนภาพดงั ต่อไปน้ี ภาพท่ี 7.10 แผนภาพสรปุ ลกั ษณะของระบบ LMS ทจ่ี าํ แนกตามการทาํ งานของผใู้ ชร้ ะบบ150 อเี ลริ น นิง: จากทฤษฎีสูการปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice

บทท่ี 7 ระบบจัดการเรียนการสอน 5. ระบบจดั การเรยี นการสอน: กรณีศึกษาการใช้ Moodle LMS การจดั การเรยี นการสอนแบบอเี ลริ น์ นงิ นนั้ การจดั การหอ้ งเรยี นเสมอื นเป็นเร่อื งทส่ี าํ คญั เพราะการเรยี นการสอนจะเกิดขน้ึ ได้อย่างเป็นระบบก็จะต้องมีการใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์สําหรบั จัดการเรียนการสอนมกี ารจดั ทาํ เอกสาร ตดิ ตามและรายงานผลการเรยี น หอ้ งเรยี นและกจิ กรรมการส่อื สารอเี ลริ น์ นิง ซง่ึ ระบบLMS ดงั กลา่ วทน่ี ยิ มใชม้ ากทส่ี ดุ คอื Moodle (Modular Object-Oriented Dynamic Learning Environment) ภาพที่ 7.11 การใช้ Moodle ทม่ี า: http://digitalagepage.com/Welcome/?p=87 Moodle เป็นระบบการจดั การเรยี นการสอนแบบซอฟทแ์ วรเ์ ปิดเผยรหสั ทไ่ี ดร้ บั ความนิยมกนั อย่างกวา้ งขวาง มกี ารนําไปใชง้ านมากกวา่ 200 ประเทศทวั่ โลก ตดิ ตงั้ ระบบ Moodle LMS ในเซริ ฟ์ เวอรม์ ากกว่า46,000 เซริ ฟ์ เวอร์ มรี ายวชิ ามากกวา่ 3 ลา้ นรายวชิ า ทาํ ให้ Moodle ไดร้ บั การพฒั นาโปรแกรมอย่างต่อเน่ืองและรวดเรว็ การนําระบบ Moodle LMS มาใชเ้ พ่อื การเรยี นการสอนอเี ลริ น์ นิงกนั อย่างแพรห่ ลายโดยเฉพาะในประเทศไทยมกี ารใชง้ าน Moodle LMS ถงึ รอ้ ยละ 90 ในทน่ี ้ีจงึ ขอแนะนํา Moodle LMS เป็นกรณีศกึ ษาโดยองคป์ ระกอบทส่ี าํ คญั ของ Moodle LMS มดี งั น้ี 5.1 เครอื่ งมอื ในการนําเสนอเนื้อหา Disseminate tools เครอ่ื งมอื ในการนําเสนอเน้ือหา ขอ้ มลูขา่ วสาร ความรู้ ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แบบนําเสนอความรูโ้ ดยตรง (Tutorial) แบบจําลองสถานการณ์(Simulation) แบบทดสอบและฝึกปฏบิ ตั ิ (Drill and Practice) แหล่งทรพั ยากรเพมิ่ เตมิ ในรูปแบบของไฟล์โฟลเดอร์ เพจ IMS Content package, Glossary และ URL ฯลฯ อีเลิรน นงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 151

บทท่ี 7 ระบบจดั การเรียนการสอน ภาพที่ 7.12 ตวั อย่างเครอ่ื งมอื ลงิ คไ์ ปยงั แหลง่ ความรตู้ ่าง ๆ ทม่ี า: http://lms3.thaicyberu.go.th/moodle/mod/resource/view.php?id=3100 5.2 เครอ่ื งมือในการสื่อสาร (Communication tools) เพ่อื ใชง้ านทงั้ กบั ระหว่างผูเ้ รยี นและ ผสู้ อน ทงั้ ในรูปแบบระหว่างบุคคล บุคคลกบั กลุ่ม หรอื ภายในกลุ่ม ทงั้ การสอ่ื สารแบบทางเดยี ว (ประกาศ ขา่ ว) และแบบสองทาง (แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ) มกี ลุ่มยอ่ ย คอื เครอ่ื งมอื ทร่ี องรบั การส่อื สารแบบประสาน เวลา (Synchronous communication tools) คอื รองรบั การสอ่ื สารในเวลาเดยี วกนั เคร่อื งมอื ดงั กล่าว ไดแ้ ก่ Chat, Private message และเคร่อื งมอื ทร่ี องรบั การสอ่ื สารแบบไม่ประสานเวลา (Asynchronous communication tools) เครอ่ื งมอื ดงั กลา่ วไดแ้ ก่ wiki, blog, forum, และ assignment เป็นตน้ ภาพท่ี 7.13 ตวั อยา่ งหอ้ งแชท152 อีเลริ นนิง: จากทฤษฎีสูก ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice

บทท่ี 7 ระบบจดั การเรยี นการสอน 5.3 เคร่อื งมือสนับสนุนการเรียน (Support tools) เคร่อื งมอื ทร่ี องรบั ใหผ้ เู้ รยี นไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ิไม่ว่าจะเป็นการปฏบิ ตั ิด้วยตนเอง หรอื การปฏบิ ตั เิ ป็นกลุ่ม เพ่อื ใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ และเขา้ ใจเน้ือหาจากประสบการณ์ตรง เหน็ ผลจากการลงมอื ปฏบิ ตั ิ เคร่อื งมอื ดงั กล่าวไดแ้ ก่ workshop, lesson, wiki, blog,forum, และ assignment เป็นตน้ ภาพท่ี 7.14 ตวั อย่างการ assignment ใหผ้ เู้ รยี นทาํ กจิ กรรม 5.4 เครอื่ งมือประเมินผลการเรียน (Assessment tools) เคร่อื งมอื ในการตรวจ ประเมนิ ความรู้ความเขา้ ใจของผเู้ รยี น ทงั้ การประเมนิ ระหว่างการเรยี น (formative assessment) และการประเมนิ รวบยอด(summative assessment) โดยมกี ารใหข้ อ้ มูลป้อนกลบั แก่ผเู้ รยี น รวมถงึ เคร่อื งมอื ในการประมวลผลขอ้ มลูสถติ ใิ หก้ บั ผสู้ อน เช่น สถติ กิ ารเรยี น คะแนน เคร่อื งมอื ดงั กล่าวไดแ้ ก่ assignment, quiz, choice, blog และกจิ กรรมอ่นื ๆ ทส่ี ามารถตรวจประเมนิ ไดจ้ าก assignment เช่น database, feedback, forum, workshop,glossary, และ survey (ใชใ้ นกรณวี ดั ประเมนิ เจตคต)ิ เป็นตน้ อีเลริ นนงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice 153

บทที่ 7 ระบบจัดการเรยี นการสอน ภาพที่ 7.15 ตวั อยา่ งการประเมนิ โดยใหผ้ เู้ รยี นสรุปความรู้ ในหลกั สตู รผเู้ ชย่ี วชาญอเี ลริ น์ นิง154 อเี ลิรน นงิ : จากทฤษฎสี ูการปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice

บทท่ี 7 ระบบจัดการเรยี นการสอน 5.5 เคร่ืองมือจดั สภาพแวดล้อมทางการเรียน (Environment system) เคร่อื งมอื ทเ่ี ป็นสภาพแวดล้อมในการเรยี น การควบคุมผู้เข้าส่รู ะบบ การตรวจสอบสทิ ธใิ นการใช้ระบบ และการทํางานเบ้ืองหลังอ่ืน ๆ เช่น การป้องกนั ความล้มเหลวของระบบ การสํารองข้อมูล การฟ้ืนคืนสภาพ ฯลฯโดยผดู้ แู ลระบบ (Admin) จะเป็นผตู้ งั้ ค่าต่าง ๆ ใหเ้ ป็นพน้ื ฐาน เป็นตน้ ภาพที่ 7.16 ตวั อยา่ งการใช้ Moodle ในหลกั สตู รผเู้ ชย่ี วชาญอเี ลริ น์ นิง อเี ลิรน นิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice 155

บทท่ี 7 ระบบจัดการเรียนการสอน6. การใช้งานระบบจดั การเรียนการสอน ในสว่ นน้ี ขอยกตวั อย่างการสอนแบบอเี ลริ น์ นิง ดว้ ยระบบ LMS ดา้ นกจิ กรรมการเรยี นการสอนเคร่อื งมอื ปฏสิ มั พนั ธก์ บั ผเู้ รยี น และการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โดยสรุปลกั ษณะระบบ LMS กบั กจิ กรรมการเรยี นการสอนและวธิ กี ารใชง้ านในระบบ LMS ดงั แสดงรายละเอยี ดดงั ตารางต่อไปน้ีตารางที่ 1 การสรุปการเรยี นแบบอเี ลริ น์ นงิ และเครอ่ื งมอื จากระบบ LMSการเรยี นการสอนอีเลิรน์ นิง เครอื่ งมอื จากระบบ LMSขอ้ มลู พน้ื ฐานผเู้ รยี น ความสนใจต่อการเขา้ • การเขา้ ใชง้ าน ( log in)เรยี น และความสนใจต่อเน้อื หา และกจิ กรรม • โฟลเดอรข์ อ้ มลู ผเู้ รยี นการเรยี นจากเน้ือหาและสอ่ื แบบดจิ ติ อล • โปรแกรมเกบ็ สถติ กิ ารเขา้ เรยี นการใชง้ านจาก ระบบ • โฟลเดอรเ์ น้อื หา และสอ่ื การสอนแบบดจิ ติ อลการรว่ มกจิ กรรมการเรยี นโดยการอภปิ ราย • กระดานสนทนา (web board) กระดานขา่ วแสดงความคดิ เหน็ • การสนทนาแบบทนั ทที นั ใด (chat)การสอ่ื สาร/ปฏสิ มั พนั ธ์ • ประกาศรายวชิ า (Bulletin Board )และกระดานแนะนําแหลง่ เรยี นรแู้ หลง่ ขอ้ มลู เพ่อื ศกึ ษา สนทนาเพม่ิ เตมิ ภายในอนิ เทอรเ์ นต็ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง • จดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-mail) • การประชุมทางไกล (video conference) • เช่อื มโยงไปเวบ็ ไซตท์ เ่ี กย่ี วขอ้ ง (web link)การวดั และประเมนิ ผลแบบทนั ทที นั ใดและการ • โปรแกรมแสดงผลการเรยี น และใหผ้ ลยอ้ นกลบัประเมนิ ผลโดยรวม • โฟลเดอรเ์ กบ็ คะแนน สถติ ผิ ลการเรยี น กรณีศกึ ษาการใชร้ ะบบจดั การเรยี นการสอน TCU - LMS และ Moodle เป็นตวั อยา่ งการนําระบบจัดการเรียนการสอน มาใช้เพ่ือการจัดการเรียนการสอนแบบอีเลิร์นนิงเต็มรูปแบบของโครงการมหาวทิ ยาลยั ไซเบอรไ์ ทย สาํ นกั งานคณะกรรมการการอุดมศกึ ษา156 อีเลริ น นิง: จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice

บทที่ 7 ระบบจดั การเรยี นการสอนภาพท่ี 7.17 หน้าจอหลกั ของหลกั สตู รผเู้ ชย่ี วชาญอเี ลริ น์ นิง ทเ่ี ปิดสอนผา่ นระบบจดั การเรยี นการสอน Moodle ภาพที่ 7.18 หน้าจอหลกั ของระบบ TCU – LMS อเี ลริ น นงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice 157

บทท่ี 7 ระบบจัดการเรียนการสอน การใชง้ านระบบ LMS ควรมขี อ้ พจิ ารณาแนวทางการเลอื กใชร้ ะบบ LMS สามารถสรุปประเดน็ ได้ ดงั ต่อไปน้ี 1) ประเดน็ ดา้ นความพรอ้ มของทมี งานสนบั สนุนดา้ นเทคนคิ ของสถาบนั การศกึ ษาฯ หากสถาบนั ขาดทมี งาน การเลอื กใชร้ ะบบจดั การเรยี นรูท้ ม่ี ผี ู้ให้บรกิ ารดูแล สนับสนุน ใหค้ ําปรกึ ษาด้านเทคนิคจะลด ปญั หาและอปุ สรรคต่างๆได้ อาจจะเลอื กระบบจดั การเรยี นรทู้ ข่ี าย หรอื ระบบจดั การเรยี นรแู้ บบเปิดเผยรหสั ทม่ี บี รษิ ทั ผใู้ หบ้ รกิ ารดา้ นเทคนคิ (Service Provider) กไ็ ด้ 2) เป้าหมายการใช้งาน หากการใชง้ านมวี ตั ถุประสงคท์ ่ชี ดั เจน เช่น การใชร้ ะบบจดั การเรยี นรู้ เพ่ือพฒั นาคุณภาพการสอน เพ่ือพฒั นากระบวนการประเมินผล ฯลฯ ด้วยเหตุผลเฉพาะอาจจะต้อง เปรยี บเทยี บความสามารถของเคร่อื งมอื ท่มี อี ยู่ในระบบจดั การความรู้ก่อนตดั สนิ ใจ (สามารถตรวจสอบ คุณสมบตั ขิ องแต่ละ LMS พรอ้ มเปรยี บเทยี บไดท้ ่ี (http://www.edutools.info) 3) การเขา้ กนั ได้กบั ระบบสารสนเทศขององค์กร หลาย ๆ องค์กรทม่ี รี ะบบสารสนเทศอยู่ เช่น ระบบการลงทะเบยี นนกั ศกึ ษา ระบบตดิ ตามและประเมนิ ผลผเู้ รยี น ฯลฯ อาจจะตอ้ งคํานึงถงึ ความเขา้ กนั ได้ ของเทคโนโลยที ใ่ี ชใ้ นแต่ละระบบสารสนเทศ ก่อนตดั สนิ ใจเลอื กใช้ ตามท่ีบทน้ีได้กล่าวถึงระบบจดั การเรียนการสอนท่ีถือเป็นหัวใจในการจดั การเรียนการสอน อเี ลริ น์ นิงมาแลว้ โดยไดก้ ล่าวถงึ (1) ความหมายระบบจดั การเรยี นการสอน (2) องคป์ ระกอบหลกั ของระบบ จดั การเรยี นการสอน (3) ผู้ใชง้ านระบบจดั การเรยี นการสอน (4) ลกั ษณะของระบบการจดั การเรยี นรู้ (5) ระบบจดั การเรยี นรู:้ กรณีศกึ ษาการใช้ Moodle LMS และ (6) การใชง้ านระบบจดั การเรยี นการสอน และในส่วนสุดท้ายได้เสนอประเด็นท่ีควรพิจารณาแนวทางการเลือกใช้ระบบ LMS โดยทัง้ หมดน้ีได้ องิ จากประสบการณ์ตรงของผู้เขยี นอนั จะเป็นแนวทางท่เี ป็นประโยชน์ในการนําไปประยุกต์ใช้ระบบ LMS เพอ่ื ใหก้ ารเรยี นการสอนอเี ลริ น์ นิงสมบรู ณ์แบบทส่ี ดุ158 อเี ลิรน นิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice

บทที่ 8 การพัฒนาอเี ลริ นนงิ : แนวคิดการเรยี นแบบผสมผสาน ในบทน้ีจะขอกลา่ วถงึ การพฒั นาอเี ลริ น์ นิง โดยเน้นทบ่ี รบิ ทการเรยี นแบบผสมผสานทเ่ี ป็นการจดั การเรยี นการสอนในหอ้ งเรยี นปกติ และการจดั การเรยี นการสอนแบบอเี ลริ น์ นิง บทน้ีประกอบดว้ ยหวั ขอ้ หลกั ๆ ท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั แนวคดิ เกย่ี วกบั การเรยี นแบบผสมผสาน ดงั ต่อไปน้ี (1) ความหมายของเกย่ี วกบั การเรยี นแบบผสมผสาน (2) องคป์ ระกอบของการเรยี นแบบผสมผสาน (3) รูปแบบการจดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสาน และ (4) การออกแบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน 1. ความเข้าใจเก่ียวกบั การเรยี นแบบผสมผสาน 1. การผสมผสานเทคโนโลยกี ารเรยี นการสอนบนเวบ็ (Web-based technology) กบั การเรยี นในชนั้ เรยี นแบบดงั้ เดมิ เพ่อื ใหบ้ รรลุเป้าหมายของการจดั การศกึ ษา 2. การผสมผสานวธิ สี อนท่หี ลากหลายเขา้ ด้วยกนั เพ่อื ให้ได้ผลลพั ธท์ ด่ี ที ส่ี ุดจากการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน ซง่ึ อาจจะใชห้ รอื ไม่ใชเ้ ทคโนโลยกี ารเรยี นการสอนกไ็ ด้ 3. การผสมผสานเทคโนโลยกี ารเรยี นการสอนทุกรูปแบบกบั การเรยี นการสอนในชนั้ เรยี นแบบดงั้ เดมิ ทม่ี กี ารเผชญิ หน้าระหว่างผเู้ รยี นกบั ผสู้ อน 4. การผสมผสานเทคโนโลยกี ารเรยี นการสอนกบั การทาํ งานจรงิ นอกจากแนวคดิ เกย่ี วกบั การเรยี นการสอนแบบผสมผสาน ยงั มนี ักวชิ าการและนักการศกึ ษาไดใ้ ห้ความหมายของการเรยี นการสอนแบบผสมผสานไวห้ ลากหลาย ดงั น้ี Smith (2001) ไดใ้ หน้ ิยามของการเรยี นการสอนแบบผสมผสานว่า เป็นการจดั การเรยี นการสอนทางไกลโดยใชเ้ ทคโนโลยที ท่ี นั สมยั เช่น โทรทศั น์ อนิ เทอรเ์ น็ต ขอ้ ความเสยี งและการประชุมทางโทรศพั ท์ผสมผสานกบั การจดั การศกึ ษาแบบดงั้ เดมิ Coil and Moonen (2001) กล่าวว่าการเรยี นการสอนแบบผสมผสานเป็นการผสมผสานระหว่างการเรียนแบบเผชิญหน้ากับการเรียนแบบออนไลน์เข้าด้วยกัน ซ่ึงมีทัง้ ส่วนประกอบท่ีเป็นการเรียนในห้องเรยี นและการเรยี นแบบออนไลน์โดยใชอ้ งคป์ ระกอบของการเรยี นแบบออนไลน์เตมิ เตม็ ในช่องว่างของการเรยี นในหอ้ งเรยี น อีเลริ นนงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 159

บทที่ 8 การพัฒนาอเี ลริ นนงิ : แนวคิดการเรยี นแบบผสมผสาน Driscoll (2002:1) กล่าวว่าการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน เป็นการผสมผสานเทคโนโลยกี ารสอน ในทุกรปู แบบ เชน่ วดิ โี อเทป ซดี รี อม การเรยี นการสอนผ่านเวบ็ ภาพยนตร์ เขา้ กบั การเรยี นแบบเผชญิ หน้า ระหวา่ งผเู้ รยี นกบั ผสู้ อน Garnham and Kaleta (2002) ใหน้ ยิ ามการเรยี นการสอนแบบผสมผสานว่า เป็นการเรยี นทด่ี ที ส่ี ุด เน่ืองจากเป็นการผสมผสานการจดั การเรยี นการสอนโดยการเลอื กใชค้ ุณลกั ษณะท่ดี ที ่สี ุดของการสอนใน ห้องเรยี นและคุณลกั ษณะทด่ี ที ่สี ุดของการสอนออนไลน์เขา้ ดว้ ยกนั เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นสามารถเรียนรูไ้ ดอ้ ย่าง อสิ ระ ทาํ ใหเ้ กดิ การเรยี นทก่ี ระฉบั กระเฉง และสามารถลดเวลาในการเขา้ ชนั้ เรยี นได้ Voos (2003) ใหน้ ิยามของการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน ว่าเป็นการผสมผสานการเรยี นแบบ เผชญิ หน้ากบั การเรยี นโดยใชส้ อ่ื ออนไลน์เขา้ ดว้ ยกนั ซง่ึ เป็นรปู แบบการเรยี นการสอนทช่ี ว่ ยใหป้ ระหยดั เวลา และลดการใชท้ รพั ยากรได้ Thorne (2003) ให้ความหมายของการเรียนการสอนแบบผสมผสานว่าเป็นข้อแนะนํา ในการปรบั ปรุงการเรยี นรู้ทท่ี า้ ทายและพฒั นาความต้องการสว่ นบุคคล การเรยี นการสอนแบบผสมผสานน้ี เป็นการรวมนวตั กรรมและความกา้ วหน้าหน้าทางเทคโนโลยเี ขา้ ดว้ ยกนั ดว้ ยการมปี ฏสิ มั พนั ธบ์ นการเรยี น แบบออนไลน์และการมสี ว่ นร่วมในการเรยี นแบบดงั้ เดมิ การเรยี นการสอนแบบผสมผสานน้ีมสี ว่ นสนบั สนุน และชว่ ยใหก้ ารเรยี นรดู้ ขี น้ึ โดยการตดิ ต่อแบบสว่ นตวั กบั ผสู้ อน Harriman (2004) กล่าวว่าการเรยี นการสอนแบบผสมผสานว่า เป็นการผสมระหว่างการเรยี น การสอนออนไลน์ กบั การเรยี นแบบเผชญิ หน้าเขา้ ดว้ ยกนั โดยมเี ป้าหมายเพ่อื ให้ผเู้ รยี น เรยี นไดอ้ ย่างเตม็ ตามศกั ยภาพ และบรรลเุ ป้าหมายของการเรยี น สรุปความหมายของการเรยี นการสอนแบบผสมผสานว่าเป็นการเรยี นการสอนทผ่ี สมสานระหว่าง การเรยี นแบบอเี ลริ ์นนิงหรอื การเรยี นออนไลน์และการเรยี นการสอนในห้องเรยี นปกติ โดยเลอื กใชเ้ ทคนิค วธิ กี ารของการเรยี นแต่ละรปู แบบใหเ้ หมาะสมกบั กบั กจิ กรรมการเรยี นรนู้ นั้ ๆ เพ่อื ทําความเขา้ ใจถงึ แนวการจดั การเรยี นการสอนแบบหอ้ งเรยี นปกติและการเรยี นการสอนแบบ อเี ลริ น์ นิง Sloan Consortium (2005) ไดน้ ําเสนอสดั ส่วนการจดั การศกึ ษาทงั้ สอนรูปแบบน้ีไวแ้ สดงค่าเป็น รอ้ ยละเพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจง่ายขน้ึ คอื 1. จดั การเรยี นแบบปกตไิ ม่มกี ารใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศหรอื เวบ็ ไซตเ์ พ่อื การสอน คดิ เป็นรอ้ ยละ 0 2. จดั การเรยี นการสอนทใ่ี ชเ้ ทคโนโลยบี นเวบ็ ไซต์เพ่อื อาํ นวยความสะดวกในการสอน โดยอาจใช้ เทคโนโลยรี ปู แบบของการจดั การเรยี น LMS เป็นเวบ็ ช่วยการเรยี น คดิ เป็นสดั สว่ นรอ้ ยละ 1-29 3. การเรยี นแบบผสมผสาน เป็นการเรยี นท่ใี ช้เทคโนโลยบี นเวบ็ เพ่อื นําเสนอเน้ือหา โดยใช้วชิ า แบบอเี ลริ น์ นิง หรือออนไลน์ ผสมกบั การเรยี นการสอนในห้องเรยี นปกตกิ บั ผู้เรยี นกลุ่มเดยี วกนั และวชิ า เดยี วกนั คดิ สดั สว่ นเป็นรอ้ ยละ 30-79160 อเี ลริ น นิง: จากทฤษฎสี ูการปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice

บทที่ 8 การพฒั นาอีเลริ น นิง: แนวคิดการเรียนแบบผสมผสาน 4. การเรยี นการสอนออนไลน์เป็นการเรยี นการสอนทน่ี ําเสนอเน้อื หา กจิ กรรมการเรยี นทงั้ หมดผ่านระบบอนิ เทอร์เน็ตชนิดเต็มรูปแบบ โดยทวั่ ไป รูปแบบน้ีจะไม่มีการพบปะระหว่างผู้เรียน ผู้สอน คดิ เป็นสดั สว่ นรอ้ ยละมากกว่า 80 เพอ่ื ใหเ้ หน็ ภาพชดั เจนขน้ึ สามารถสรปุ ดงั ตารางดา้ นลา่ งตารางที่ 8.1 ตารางแสดงสดั สว่ นการจดั การเรยี นการนําเสนอเน้อื หาและประเภทการเรยี นการสอน ประเภท รายละเอียด สดั ส่วนของการ ลกั ษณะกิจกรรมการเรียนการสอน นําเสนอเนื้อหา การเรยี นการสอน ทางอินเทอรเ์ น็ต แบบปกติ เป็นจดั การเรียนการสอนแบบในห้องเรียน รอ้ ยละ 0 - หอ้ งเรยี นปกติ(Traditional) ปกติ โดยการเขยี น หรอื การบรรยาย ไม่มี การใชเ้ ทคโนโลยบี นเวบ็ เพอ่ื นําเสนอเน้อื หาแบบการใชเ้ วบ็ เป็นการเรยี นการสอนทใ่ี ชเ้ ทคโนโลยบี นเวบ็ รอ้ ยละ 1-29 - หอ้ งเรยี นปกติเพ่อื ชว่ ยการเรยี น เพ่ืออํานวยความสะดวกในการสอน โดย - สอ่ื ในหอ้ งเรยี นปกติการสอน (Web เทคโนโลยที ่ใี ช้อาจอยู่ในรูปแบบของระบบ - กจิ กรรม บรหิ ารจดั การวชิ า (Course Management - สอ่ื เวบ็ ไซต์ Facilitated) System) เป็นการเรยี นการสอนทม่ี กี ารใชเ้ ทคโนโลยี รอ้ ยละ 30-79 - หอ้ งเรยี นปกติแบบผสมผสาน บนเวบ็ เพอ่ื นําเสนอเน้ือหา โดยวธิ กี ารสอน - หอ้ งเรยี นออนไลน์(Blended/Hybrid) แบบผสมผสาน (Blended Online) โดยการนํา เอาวธิ กี ารสอนแบบออนไลน์ กบั วธิ พี บปะ ผู้เรียนในห้องเรียน (Face-to-face) มาใช้ ดว้ ยกนั ภายในวชิ าเรยี นเดยี วกนัแบบออนไลน์ เป็ นก าร เรีย น กา รส อน ท่ีนํ าเ สน อเ น้ือ ห า มากกวา่ - หอ้ งเรยี นออนไลน์ (Online) ทัง้ หมดผ่านการเรียนออนไลน์ชนิดเต็ม รอ้ ยละ 80 รูปแบบ และโดยทัว่ ไปรูปแบบการเรียน แ บ บ น้ี จ ะ ไ ม่ มี ก า ร พ บ ป ะ กับ ผู้ เ รี ย น ใ น หอ้ งเรยี นเลย (No face-to-face) อเี ลิรน นิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice 161

บทท่ี 8 การพฒั นาอีเลริ น นิง: แนวคิดการเรยี นแบบผสมผสาน 2. องคป์ ระกอบของการเรยี นแบบผสมผสาน องคป์ ระกอบของการจดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสาน มี 4 องค์ประกอบ (Rovai and Jordan(2004)) ดงั น้ี 1. การผสมผสานส่ือผสมและทรัพยากรเสมือนในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (blended multimedia and virtual internet resources) โดยประกอบไปดว้ ย Video/DVD, Virtual Field Trips, Interactive Websites, Software Packages, และ Broadcasting 2. การผสมผสานโดยใช้ Classroom Websites ในการสรา้ งสภาพแวดลอ้ มในการจดั การเรยี น การสอนแบบผสมผสาน สําหรับประกาศข่าวสาร งานท่ีมอบหมาย รับส่งการบ้าน การประเมินผล การประกาศผลการเรียน เป็นต้น โดยผู้สอนอาจจะสร้างเว็บไซต์เพ่ือการเรียนการสอนด้วยตนเอง หรอื อาจจะทาํ การเช่อื มโยงไปยงั เวบ็ ไซตท์ เ่ี กย่ี วขอ้ ง 3. การผสมผสานโดยใชร้ ะบบจดั การหลกั สตู ร (Course Management Systems) ในการจดั การเรยี น การสอนแบบผสมผสานผสู้ อนใชร้ ะบบจดั การหลกั สตู ร เพ่อื ช่วยในการตดิ ต่อสอ่ื สารและการจดั การกจิ กรรม การเรยี นการสอนในหอ้ งเรยี น 4. การผสมผสานโดยการใชป้ ฏสิ มั พนั ธแ์ บบประสานเวลาและไม่ประสานเวลา (Synchronous and Asynchronous Discussions) โดยการเรยี นการสอนน้ีเป็นการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนในหอ้ งเรยี น แบบปกตกิ บั การเรยี นแบบออนไลน์เขา้ ดว้ ยกนั โดยการใชเ้ ทคโนโลยขี องการเรยี นแบบออนไลน์เพ่อื เขา้ มา เตมิ ในสว่ นของสงิ่ แวดลอ้ มในการเรยี นแบบเผชญิ หน้าคอื การประยุกต์ใชก้ ารตดิ ต่อส่อื สารผ่านการสนทนา แบบประสานเวลาและต่างเวลา โดยผู้สอนเป็นผู้กําหนดหัวข้อในการสนทนา อํานวยความสะดวก ในการสนทนา จัดบรรยากาศในการเรียนให้เหมือนกับการสนทนาระหว่างผู้เรียนในห้องเรียน โดย Donaldson and Conrad (2002) ไดใ้ หข้ อ้ เสนอแนะในการเลอื กการจดั การปฏสิ มั พนั ธแ์ บบประสาน เวลาและปฏสิ มั พนั ธไ์ ม่ประสานเวลา ว่า ควรคํานึงถงึ จุดเดนิ และจุดดอ้ ยของการปฏสิ มั พนั ธแ์ ต่ละแบบ คอื การปฏสิ มั พนั ธแ์ บบไมป่ ระสานเวลา (Asynchronous Discussions) เหมาะสาํ หรบั การสอ่ื สารเป็นรายบุคคล โดยรปู แบบปฏสิ มั พนั ธเ์ ปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นมชี ว่ งเวลาในกาสะทอ้ นความคดิ ของตนเองในแบบทย่ี ดื หยุ่นเพ่อื ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลของผเู้ รยี น ในขณะท่ปี ฏสิ มั พนั ธ์แบบประสานเวลา (Synchronous Discussions) เหมาะสําหรบั การทํากจิ กรรมกลุ่มทผ่ี เู้ รยี นทุกคนต้องการไดข้ อ้ สรุปหรอื การตอบสนองจาก สมาชกิ ภายในกลุ่ม และควรจดั เป็นกลุ่มเลก็ นอกจากน้ี Donald Clark (2003: 12-22) ไดแ้ บง่ องคป์ ระกอบของการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน เป็น 12 กลุ่ม โดยจดั เป็น 2 องค์ประกอบ คือ องค์ประกอบด้านออนไลน์ (Online) 6 องค์ประกอบ ดา้ นออฟไลน์ (Offline) 6 องคป์ ระกอบ ดงั น้ี162 อีเลริ น นงิ : จากทฤษฎสี ูการปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice

บทที่ 8 การพฒั นาอเี ลริ น นงิ : แนวคิดการเรียนแบบผสมผสาน 1. ด้านออนไลน์ (Online) 6 องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ 1.1 เน้ือหาการเรยี นแบบออนไลน์ (Online Learning Content) ประกอบดว้ ย (1) แหล่งทรพั ยากรการเรยี นพน้ื ฐาน (2) การปฏสิ มั พนั ธด์ า้ นเน้ือหาทวั่ ไป (3) การปฏสิ มั พนั ธ์ดา้ นเน้อื หาเฉพาะดา้ น (4) การสนบั สนุนดา้ นการปฏบิ ตั กิ าร และ (5) สถานการณ์จาํ ลอง 1.2 ผูส้ อนอเิ ลก็ ทรอนิกส,์ ผูช้ แ้ี นะอเิ ลก็ ทรอนิกสห์ รอื ทป่ี รกึ ษาอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-tutoring,e-coaching or e-mentoring) ประกอบด้วย (1) ผูส้ อนอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (2) ผูช้ แ้ี นะอเิ ลก็ ทรอนิกส์(3) ผปู้ ระสานงานอเิ ลก็ ทรอนิกส์ และ (4) การใหผ้ ลยอ้ นกลบั 1.3 การเรยี นรู้ร่วมกนั แบบออนไลน์ (Online Collaborative Learning) ประกอบด้วย(1) การร่วมมอื แบบต่างเวลา ไดแ้ ก่ อเี มล์ กระดานข่าว และ (2) การร่วมมอื แบบประสานเวลา ได้แก่การสนทนา การใชข้ อ้ มลู รว่ ม การประชมุ โดยใชเ้ สยี ง การประชุมผา่ นวดี ทิ ศั น์ และหอ้ งเรยี นเสมอื น 1.4 การจดั การความรแู้ บบออนไลน์ (Online Knowledge Management) ประกอบดว้ ย(1) การสบื คน้ ฐานความรู้ (2) แหล่งขอ้ มลู (3) เอกสารและการเรยี นคน้ ขอ้ มลู และ (4) การซกั ถามผเู้ ชย่ี วชาญ 1.5 เวบ็ ไซต์ (Website) ประกอบดว้ ย (1) เคร่อื งมอื การสบื คน้ (2) เวบ็ ไซต์ (3) กลมุ่ ผใู้ ชง้ านและ (4) เวบ็ ไซตด์ า้ นธุรกจิ 1.6 การเรยี นแบบเคล่อื นท่ี (Mobile Learning) ประกอบดว้ ย (1) เคร่อื งคอมพวิ เตอรแ์ บบแลป็ ทอป (2) เครอ่ื งคอมพวิ เตอรแ์ บบพกพา และ (3) โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นท่ี 2. ดา้ นออฟไลน์ (Offline) 6 องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ 2.1 การเรยี นในทท่ี าํ งาน (Workplace Learning) ประกอบดว้ ย (1) ผจู้ ดั การเรยี นการสอนเป็นผพู้ ฒั นาการเรยี นการสอน (2) การเรยี นรใู้ นขณะปฏบิ ตั งิ าน (3) การเรยี นแบบโครงการ (4) การฝึกงาน(5) การตดิ ตามผล (6) การมอบหมายงาน และ (7) การเยย่ี มชมนอกสถานท่ี 2.2 ผู้สอน ผู้ช้ีแนะหรือท่ีปรึกษาในชนั้ เรียน (Face-to-Face tutoring, Coachingor Mentoring) ประกอบดว้ ย (1) ผสู้ อน (2) ผชู้ แ้ี นะ (3) ทป่ี รกึ ษา และ (4) ขอ้ มลู ป้อนกลบั 2.3 หอ้ งเรยี นแบบปกติ (Classroom) ประกอบดว้ ย (1) การสอนแบบบรรยายหรอืการนําเสนองาน (2) การสอน (3) การฝึกปฏบิ ตั ิ (4) การสมั มนา (5) บทบาทสมมติ (6) สถานการณ์จาํ ลองและ (7) การประชมุ 2.4 สอ่ื สงิ่ พมิ พ์ (Printed Media) ประกอบดว้ ย (1) หนงั สอื (2) นิตยสาร (3) หนงั สอื พมิ พ์(4) แบบฝึกหดั และ (5) วารสาร 2.5 สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (Electronic media) ประกอบดว้ ย (1) เทปคาสเซทท์ (2) ซดี ี (3) วดิ โี อเทป (4) ซดี รี อม และ (5) ดวี ดี ี 2.6 ส่อื สาํ หรบั เผยแพร่ (Broadcast media) ประกอบดว้ ย (1) โทรทศั น์ (2) วทิ ยุ และ(3) โทรทศั น์ทม่ี ปี ฏสิ มั พนั ธ์ อีเลิรน นิง: จากทฤษฎสี กู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice 163

บทท่ี 8 การพฒั นาอเี ลริ นนงิ : แนวคิดการเรียนแบบผสมผสานตารางที่ 8.2 แสดงองคป์ ระกอบของการเรยี นแบบผสมผสานองคป์ ระกอบออฟไลน์ องคป์ ระกอบออนไลน์การเรียนในท่ีทาํ งาน • ผูจ้ ดั การเรยี นการสอน เนื้อหาการเรยี นแบบ • แหล่งทรพั ยากร(Workplace Learning) เป็นผู้พฒั นาการเรยี น ออนไลน์ การเรยี นพน้ื ฐาน การสอน • การปฏสิ มั พนั ธ์ • การเรีย นรู้ในขณ ะ ดา้ นเน้อื หาทวั่ ไป ปฏบิ ตั งิ าน • การปฏสิ มั พนั ธด์ า้ น • การเรยี นแบบโครงการ เน้ือหาเฉพาะดา้ น • การฝึกงาน • การตดิ ตามผล • การสนบั สนุน • การมอบหมายงาน ดา้ นการปฏบิ ตั กิ าร • การเยย่ี มชมนอกสถานท่ี • สถานการณ์จาํ ลองผสู้ อน ผชู้ ี้แนะหรอื • ผสู้ อน ผสู้ อนอิเลก็ ทรอนิกส,์ • ผสู้ อนอเิ ลก็ ทรอนิกส์ที่ปรกึ ษาในห้องเรยี น • ผชู้ แ้ี นะ ผชู้ ี้แนะอิเลก็ ทรอนิกส์ • ผชู้ แ้ี นะอเิ ลก็ ทรอนิกส์ปกติ (Face-to-Face • ทป่ี รกึ ษา หรอื ท่ีปรกึ ษาtutoring, Coaching • ขอ้ มลู ป้อนกลบั อิเลก็ ทรอนิกส์ • ผปู้ ระสานงานor Mentoring) อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-tutoring, e-coaching or • การใหผ้ ลยอ้ นกลบั e-mentoring)ห้องเรียนแบบปกติ • การสอนแบบบรรยาย การเรยี นรรู้ ว่ มกนั • การร่วมมอื แบบต่าง(Classroom) หรอื การนําเสนองาน แบบออนไลน์ เวลา ไดแ้ ก่ อเี มล์ (Online Collaborative กระดานขา่ ว • การสอน Learning) • การฝึกปฏบิ ตั ิ • การร่วมมอื แบบ • การสมั มนา ประสานเวลา ไดแ้ ก่ • บทบาทสมมติ การสนทนา • สถานการณ์จาํ ลอง • การประชุม • การใชข้ อ้ มลู ร่วม, การประชมุ โดยใช้ เสยี ง,การประชุม ผา่ นวดี ทิ ศั น์และ หอ้ งเรยี นเสมอื น164 อเี ลริ นนงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice

บทท่ี 8 การพฒั นาอีเลิรนนงิ : แนวคดิ การเรียนแบบผสมผสานองคป์ ระกอบออฟไลน์ องคป์ ระกอบออนไลน์ส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์ • เทปคาสเซทท์ เวบ็ (The Web) • เคร่อื งมอื สบื คน้(Distributable • ซดี ี • เวบ็ ไซต์electronic media) • วดิ โี อเทป • กล่มุ ผใู้ ชง้ าน • ซดี รี อม • เวบ็ ไซตด์ า้ นธุรกจิ • ดวี ดี ีส่ือสาํ หรบั เผยแพร่ • โทรทศั น์ การเรยี น • เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์(Broadcast media) • วทิ ยุ แบบเคลอื่ นที่ แบบแลปทอป (Mobile Learning) • โทรทศั นท์ ม่ี ี • เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ ปฏสิ มั พนั ธ์ แบบพกพา • โทรศพั ทเ์ คล่อื นท่ี นอกจากน้ี Carman (2003: 2) ไดใ้ หแ้ นวคดิ เกย่ี วกบั รูปแบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสานว่ามอี งคป์ ระกอบทงั้ หมด 5 สว่ นดว้ ยกนั ดงั น้ี 1. เหตุการณ์สด (Live Events) เป็นรูปแบบของการเรยี นการสอนแบบประสานเวลาทผ่ี สู้ อนกบั ผเู้ รยี นมสี ว่ นร่วมในการเรยี นในเวลาเดยี วกนั เคร่อื งมอื ทใ่ี ชไ้ ดแ้ ก่ หอ้ งเรยี นเสมอื น 2. การเรยี นตามอตั ราการเรยี นรู้ของผูเ้ รยี น (Self-Paced Learning) เป็นประสบการณ์การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นทเ่ี รยี นในแต่ละคน โดยผเู้ รยี นใชร้ ะยะเวลาเรยี นตามความสามารถของผูเ้ รยี นแต่ละคนเอง เคร่อื งมอื ทใ่ี ชไ้ ดแ้ ก่ เครอ่ื งมอื ปฏสิ มั พนั ธ์ บทเรยี นผา่ นเวบ็ หรอื ซดี รี อมเพ่อื การเรยี นการสอน 3. การเรยี นแบบร่วมมือ (Collaboration) เป็นการจดั สง่ิ แวดล้อมทางการเรียนให้ผู้เรยี นสามารถตดิ ต่อสอ่ื สารกบั ผอู้ ่นื ได้ โดยใชเ้ คร่อื งมอื ไดแ้ ก่ ไปรษณียอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส,์ การอภปิ ราย, การสนทนาออนไลน์ 4. การประเมินผล (Assessment) เป็นการวัดและประเมินความรู้ของผู้เรียน โดยใช้การประเมนิ ผลก่อนเรยี นเพ่อื ตรวจสอบความรพู้ น้ื ฐานของผเู้ รยี นกอ่ นทจ่ี ะเรยี น วดั และประเมนิ ผลหลงั เรยี นเพ่อื วดั และประเมนิ ความรู้ ความสามารถว่ามคี วามกา้ วหน้าเพยี งใด 5. อุปกรณ์สนับสนุน (Performance Support Materials) อุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการทํางานสามารถสง่ เสรมิ ความคงทนในการจาํ และการสง่ ผ่านความรไู้ ดเ้ ป็นอย่างดี โดยใชเ้ คร่อื งมอื ไดแ้ ก่ มอื ถอื แบบพกพา,เอกสารแหลง่ อา้ งองิ , การใหค้ วามชว่ ยเหลอื ในงาน อีเลิรนนงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 165

บทท่ี 8 การพฒั นาอีเลิรน นงิ : แนวคิดการเรียนแบบผสมผสาน 3. รปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสาน ในดา้ นรปู แบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสานนนั้ ไดม้ นี กั วชิ าการหลายท่านนําเสนอแนวคดิ ของ รปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสานไว้ สามารถสรุปแนวคดิ ต่าง ๆ ไดด้ งั น้ี Nick Van Dam (2003) กลา่ วถงึ รปู แบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสานวา่ มี 3 รปู แบบ กล่าวคอื 1. การเรียนการสอนแบบเผชิญหน้า เป็นการเรียนการสอนท่ีผู้สอนและผู้เรียนอยู่ในสถานท่ี เดยี วกนั เวลาเดยี วกนั 2. การเรยี นดว้ ยตนเองบนเวบ็ การเรยี นการสอนชนิดน้ีเป็นการเรยี นการสอนแบบต่างเวลา หรอื การเรยี นแบบรว่ มมอื โดยทผ่ี เู้ รยี นใชเ้ ทคโนโลยใี นการเรยี นการสอน แต่ไม่ไดเ้ ช่อื มต่อกบั ผเู้ รยี นคนอ่นื หรอื ผสู้ อนในเวลาเดยี วกนั 3. การเรยี นการสอนผา่ นเครอื ขา่ ย เป็นการใชเ้ ทคโนโลยใี นการจดั การเรยี นการสอน โดยทผ่ี เู้ รยี น และผสู้ อนอยใู่ นเวลาเดยี วกนั แต่ต่างสถานทก่ี นั เป็นรปู แบบการเรยี นการสอนแบบประสานเวลา Singh and Reed (2001) เสนอรปู แบบของการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน 3 รปู แบบดงั น้ี 1. รปู แบบการประสานเวลาทางกายภาพ รปู แบบน้ีเป็นการสอนในหอ้ งเรยี นโดยผสู้ อน ใชก้ ารฝึก ปฏบิ ตั ใิ นหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร และการศกึ ษานอกสถานท่ี 2. รปู แบบการประสานเวลาทางออนไลน์ รูปแบบน้ีใชก้ ารประชุมทางอเิ ลก็ ทรอนิกส,์ หอ้ งเรยี น เสมอื น, การสมั มนาทางเวบ็ และการกระจายเสยี งทางเครอื ขา่ ย รวมทงั้ การใหค้ าํ ปรกึ ษาและการสนทนาออนไลน์ 3. รูปแบบต่างเวลา, เรยี นด้วยความสามารถทางการเรยี นรูข้ องตนเอง รูปแบบน้ี ใช้เอกสาร และเวบ็ เพจ, การอบรมโดยใชค้ อมพิวเตอรเ์ ป็นฐาน, การประเมนิ ผล, การสํารวจ, สถานการณ์จําลอง , ระบบตดิ ตามพฤตกิ รรมผเู้ รยี น, ชุมชนการเรยี นรอู้ อนไลน์ และกระดานสนทนา Driscoll (2002) ไดเ้ สนอรปู แบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสานไว้ 4 รปู แบบ 1. การผสมผสานเทคโนโลยกี ารเรยี นการสอนบนเวบ็ (Web-based technology) กบั การเรยี นใน ชนั้ เรยี นแบบดงั้ เดมิ เพ่อื ใหบ้ รรลุเป้าหมายของการจดั การศกึ ษา 2. การผสมผสานวธิ สี อนทห่ี ลากหลายเขา้ ดว้ ยกนั เพ่อื ให้ไดผ้ ลลพั ธ์ทด่ี ที ่สี ุดจากการจดั กจิ กรรม การเรยี นการสอน ซง่ึ อาจจะใชห้ รอื ไมใ่ ชเ้ ทคโนโลยกี ารเรยี นการสอนกไ็ ด้ 3. การผสมผสานเทคโนโลยกี ารเรยี นการสอนทุกรูปแบบกบั การเรยี นการสอนในชนั้ เรยี นแบบ ดงั้ เดมิ ทม่ี กี ารเผชญิ หน้าระหว่างผเู้ รยี นกบั ผสู้ อน 4. การผสมผสานเทคโนโลยกี ารเรยี นการสอนกบั การทาํ งานจรงิ166 อเี ลริ นนิง: จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice

บทท่ี 8 การพฒั นาอเี ลิรนนิง: แนวคดิ การเรยี นแบบผสมผสานPurnima Valiathan (2002) ไดจ้ ดั รปู แบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน เป็น 3 รปู แบบดงั น้ี 1. การพฒั นาการเรียนด้านทกั ษะ (Skill-driven learning) เป็นการเรียนท่ผี สมผสานระหว่างการเรยี นตามอตั ราความเรว็ ในการเรยี นของผเู้ รยี นแต่ละคน กบั การสอนโดยผสู้ อนเป็นผู้อํานวยความสะดวกและใหก้ ารสนบั สนุนในการเรยี นเพ่อื พฒั นาความรแู้ ละทกั ษะในการเรยี นตารางที่ 8.3 องคป์ ระกอบของรปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสานโดยเน้นการพฒั นาการเรยี นดา้ นทกั ษะ รายการ ใช้เทคโนโลยี ไมใ่ ช้เทคโนโลยีการประกาศ • จดหมาย • ระบบบรหิ ารจดั การเรยี น • โทรศพั ท์สว่ นการอธบิ ายภาพรวม การสอนผ่านเครอื ขา่ ย (LMS)การเรียนตามอัตราเร็วใน • การเรยี นในหอ้ งเรยี นการเรยี นของผเู้ รยี นแต่ละคน • ไปรษณยี อ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ • ไปรษณยี อ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ • บทความ • การสมั มนาทางเวบ็ • หนงั สอื • เวบ็ เพ่อื การสอน • การสอนงาน • หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ • การฝึกอบรมระหวา่ ง • สถานการณ์จาํ ลอง ปฏบิ ตั งิ านการตอบขอ้ ซกั ถาม • ไปรษณยี อ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ • การประชุมแบบเผชญิ หน้าการสาธติ • คาํ ถามทพ่ี บบ่อยการปฏบิ ตั ิ • การประชุมผ่านเวบ็ • การเรยี นในหอ้ งเรยี นการแจง้ ผลป้อนกลบั • สถานการณ์จาํ ลองความใกลช้ ดิ ระหวา่ งเรยี น • สถานการณ์จาํ ลอง • การใหท้ าํ แบบฝึกหดัการทดสอบ ในสมุดแบบฝึกหดั • ไปรษณียอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ • การประชุมแบบเผชญิ หน้า • ไปรษณียอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ • ใบรายงานผลการเรยี น • การสมั มนาทางเวบ็ • การเรยี นในหอ้ งเรยี น • การทดสอบผา่ นเวบ็ • การทดสอบในหอ้ งเรยี น อเี ลริ น นิง: จากทฤษฎสี กู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice 167

บทที่ 8 การพัฒนาอเี ลิรนนงิ : แนวคิดการเรยี นแบบผสมผสาน 2. การพฒั นาการเรยี นดา้ นเจตคติ (Attitude-driven learning)โดยการผสมผสานสอ่ื ทห่ี ลากหลายสาํ หรบั แต่ละสถานการณ์เพอ่ื ใชเ้ ป็นสอ่ื กลางในการสง่ ผ่านความรเู้ พ่อื พฒั นาพฤตกิ รรมเฉพาะดา้ นของผเู้ รยี นตารางท่ี 8.4 องคป์ ระกอบของรปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสานโดยเน้นการพฒั นาการเรยี นดา้ นเจตคติ รายการ ใช้เทคโนโลยี ไมใ่ ช้เทคโนโลยีการประกาศ • ระบบจัดการเรียนการสอน • จดหมาย (LMS) • ไปรษณยี อ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์สว่ นการอธบิ ายภาพรวม • ไปรษณียอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ • การเรยี นในหอ้ งเรยี น • การสมั มนาทางเวบ็การเรียนตามอัตราเร็วในการ • เวบ็ เพอ่ื การสอน • บทความ • หนงั สอืเรยี นของผเู้ รยี นแต่ละคน • หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ • สถานการณ์จาํ ลอง • สมดุ แบบฝึกหดัการตอบขอ้ ซกั ถาม • ไปรษณียอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ • การประชมุ แบบเผชญิ หน้า • คาํ ถามทพ่ี บบ่อย กบั ผเู้ ชย่ี วชาญ • การสนทนาออนไลน์การประเมนิ ผล • สถานการณ์จาํ ลอง • การทดสอบการเรยี นรรู้ ่วมกนั • การสมั มนาทางเวบ็ • บทบาทสมมตกิ บั เพอ่ื น • การสนทนาการปฏบิ ตั ิ • สถานการณ์จาํ ลอง • บทบาทสมมตกิ บั เพ่อื นผลป้ อนกลับและความใกล้ชิด • ไปรษณยี อ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ • การเรยี นในหอ้ งเรยี นระหว่างเรยี น • การสมั มนาทางเวบ็168 อเี ลริ น นงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice

บทท่ี 8 การพฒั นาอีเลิรน นิง: แนวคิดการเรยี นแบบผสมผสาน 3. การพฒั นาการเรยี นดา้ นความสามารถ (Competency-driven learning) เป็นการผสมผสานเครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการสนบั สนุนการสรา้ ง การจดั การองคค์ วามรู้ โดยมผี สู้ อนเป็นผใู้ หค้ ําแนะนําในการพฒั นาความสามารถของผเู้ รยี นตารางท่ี 8.5 องคป์ ระกอบของรปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสานโดยเน้นการพฒั นาการเรยี นดา้ นความสามารถ รายการ ใช้เทคโนโลยี ไมใ่ ช้เทคโนโลยีการแนะแนวทางในการเรยี น • ไปรษณยี อ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ • โทรศพั ท์การสรา้ งชุมชนการเรยี นรู้ • พน้ื ทบ่ี นอนิ เทอรเ์ นต็ หรอื • การเรยี นเป็นกลมุ่การปฏบิ ตั ิ อนิ ทราเน็ต • การประชมุ แบบเผชญิ หน้าการอภปิ ราย • ไปรษณียอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ • การฝึกปฏบิ ตั กิ าร • การอภปิ รายเป็นคณะ • โทรศพั ท์การลงขอ้ สรปุ เกย่ี วกบั ปญั หา • สถานการณ์จาํ ลอง • การประชมุ แบบเผชญิ หน้ารปู แบบการเรยี น • การอภปิ รายเป็นคณะ • ฝึกปฏบิ ตั กิ าร • การสนทนาออนไลน์ • โทรศพั ท์ • การประชุมแบบเผชญิ หน้า • ไปรษณยี อ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ • การสนทนาออนไลน์ • เอกสาร • การเกบ็ ขอ้ มลู ในการเรยี น โดยใชร้ ะบบบรหิ ารจดั การ เรยี นการสอนผ่านเครอื ขา่ ย อีเลิรน นงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 169

บทท่ี 8 การพฒั นาอเี ลริ นนงิ : แนวคดิ การเรยี นแบบผสมผสาน Donald Clark (2003: 34-40) ไดแ้ บง่ รปู แบบของการเรยี นการสอนแบบผสมผสานไว้ 4 แบบ ดงั น้ี 1. รปู แบบองคป์ ระกอบ รปู แบบองคป์ ระกอบ (Component) น้ี เป็นรปู แบบของการเรยี นการสอนทใ่ี ชส้ อ่ื การเรยี น การสอนและวธิ กี ารเรยี นการสอนแยกออกจากกนั ในแต่ละประเภท โดยท่ีส่อื และวธิ กี ารแต่ละวธิ กี ารจะมี บทบาทและหน้าทเ่ี ป็นของตนเอง โดยรูปแบบน้ีจะเป็นวิธีการเรียนการสอนแบบผสมผสานท่งี ่ายทส่ี ุดท่ี เหมาะสมกบั ผเู้ รยี นทม่ี ปี ระสบการณ์ มกี ารกํากบั ตนเอง ทร่ี วู้ ่าตนเองจะเรยี นอย่างไรและรวู้ ธิ กี ารเรยี นรขู้ อง ตนเองวา่ ควรจะใชแ้ หลง่ การเรยี นรชู้ นดิ ใด ในรปู แบบน้ี สรปุ เป็นแผนภาพดา้ นล่าง ภาพที่ 8.1 แผนภาพรปู แบบองคป์ ระกอบ (Component) 2. รปู แบบผสม รปู แบบผสม (Integrated) รูปแบบน้ีไดร้ บั การออกแบบมาเพ่อื ทจ่ี ะผสมผสานองค์ประกอบ ทัง้ หลายให้อยู่ในโครงสร้างเดียว โดยแต่ละองค์ประกอบถูกออกแบบให้เช่ือมโยงกันทัง้ หมด โดยมี องคป์ ระกอบดงั น้ี 1. การออกแบบตวั หนงั สอื โลโก้ แม่แบบ ใหเ้ ป็นแบบแผนเดยี วกนั ทงั้ หมด 2. การเช่อื มโยงจากจุดหน่งึ ไปยงั จดุ อน่ื ๆ เช่นจากการเรยี นแบบ e-learning ไปสกู่ ารเรยี น แบบร่วมมอื , จากเอกสารไปยงั เวบ็ ไซต์ 3. ความเป็นอสิ ระในการฝึกปฏบิ ตั ิ170 อเี ลริ น นิง: จากทฤษฎีสูการปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice

บทท่ี 8 การพัฒนาอีเลริ น นิง: แนวคดิ การเรียนแบบผสมผสาน 4. การประเมนิ ผล โดยเลอื กรปู แบบการประเมนิ ผลทเ่ี หมาะสม ไมว่ า่ จะเป็นการประเมนิ ทางออนไลน์ทท่ี าํ ไดท้ งั้ การประเมนิ ผลระหวา่ งเรยี นและการประเมนิ ผลหลงั เรยี น สรปุ องคป์ ระกอบรปู แบบผสมไดด้ งั ภาพ 8.2 ภาพที่ 8.2 แผนภาพรปู แบบผสม 3. รปู แบบความรว่ มมอื (Collaborative) รปู แบบความร่วมมอื (Collaborative) จะเป็นการรวมองคป์ ระกอบต่างๆ และนํากจิ กรรมการเรยี นทจ่ี ดั ใหผ้ เู้ รยี นมารวมผเู้ รยี นกนั ชว่ ยเหลอื , การอาํ นวยความสะดวก, การทบทวนทงั้ ทางเผชญิ หน้าหรอืแบบผ่านเคร่อื งมอื ในอนิ เทอรเ์ นต็โดยมรี ปู แบบของความรว่ มมอื แบง่ เป็น 3 ระดบั ดงั น้ี 1. หน่ึงต่อหน่ึง โดยใชเ้ คร่อื งมอื ส่อื สารคอื ไปรษณียอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส,์ ระบบบรหิ ารการเรยี นการสอนผา่ นเครอื ขา่ ย (LMS) 2. หน่งึ ต่อหลายคน โดยใชค้ วามสมั พนั ธท์ างไซเบอรใ์ นการตดิ ต่อสอ่ื สาร 3. กลุม่ เป็นการแบง่ ปนั ขอ้ มลู ขา่ วสารการเรยี นรู้ การชว่ ยเหลอื กนั การดแู ลซง่ึ กนั และกนั สรปุ รปู แบบความรว่ มมอื ไดด้ งั แผนภาพ 8.3 อเี ลิรนนิง: จากทฤษฎสี กู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 171

บทท่ี 8 การพัฒนาอีเลริ น นงิ : แนวคิดการเรียนแบบผสมผสาน ภาพที่ 8.3 แผนภาพรปู แบบความร่วมมอื 4. รปู แบบแผข่ ยาย รปู แบบแผ่ขยาย (Expansive) รูปแบบน้ีจะเป็นแบบไรพ้ รมแดน โดยใชอ้ งคป์ ระกอบต่างๆ จากการเรียนไปสู่การทํางาน, การใช้เอกสารเป็นแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้,การใช้ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในอนิ เทอรเ์ นต็ , การใชเ้ วบ็ รวมถงึ การเรยี นแบบกระตอื รอื รน้ (active Learning) ซง่ึ เป็นการใชส้ อ่ื และทรพั ยากร รวมทงั้ วธิ กี ารเรยี นทห่ี ลากหลายผสมผสานกนั ในการเรยี นรู้ สรุปแนวคดิ รปู แบบแผข่ ยาย ดงั ภาพ 8.4 ภาพท่ี 8.4 แผนภาพรปู แบบแผข่ ยาย (Expansive)172 อเี ลริ น นิง: จากทฤษฎสี ูการปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice

บทที่ 8 การพัฒนาอเี ลริ น นิง: แนวคิดการเรียนแบบผสมผสาน 4. การออกแบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน การออกแบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสานนัน้ มสี ถาบนั การศกึ ษาองคก์ รต่าง ๆ ได้นําเสนอแนวทางในการออกแบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสานไว้ เพ่อื เป็นประโยชน์ในการนําไปประยุกต์ใชใ้ ห้เหมาะสมกบั บรบิ ทของแต่ละองคก์ ร และหน่วยงานต่าง ๆ จงึ ขอสรุปแนวทางไวด้ งั ต่อไปน้ี The Training Place (2004) ไดน้ ําเสนอแนวการออกแบบการเรยี นการสอนกล่าวถงึ การนําADDIE มาออกแบบต่อไปและการออกแบบปฏิสมั พนั ธ์ แบบผสมผสานว่าประกอบไปด้วยขนั้ ตอนดงั ต่อไปน้ี 1. การวเิ คราะหแ์ ละวางแผน (Analysis and Planning) 2. การออกแบบ (Design Solutions) 3. การพฒั นา (Development) 4. การนําไปใช้ (Implementation) 5. การประเมนิ ผล (Evaluation) จากแนวคดิ รปู แบบการจดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสานทก่ี ลา่ วมาแลว้ Singh (2003) ได้เสนอรปู แบบของการเรยี นการสอนแบบผสมสานไวด้ งั น้ี 1. การผสมผสานการเรียนแบบออฟไลน์และออนไลน์ เป็นรูปแบบท่ีง่ายท่ีสุด โดยการเรียนแบบออนไลน์หมายถึงการเรียนผ่านระบบอนิ เทอรเ์ น็ตหรอื อนิ ทราเน็ต ส่วนการเรยี นแบบออฟไลน์นนั้ หมายถงึ การเรยี นในชนั้ เรยี นปกติ ผสู้ อนจะใช้ชอ่ งทางทงั้ สองอยา่ งน้ีรว่ มกนั ในการจดั การเรยี นการสอน 2. การผสมผสานการเรยี นดว้ ยตนเองและการเรียนแบบรว่ มมือ การเรยี นดว้ ยตนเอง จะเป็นการเรยี นดว้ ยความต้องการและความพร้อมของผูเ้ รยี นเองสว่ นการเรยี นแบบร่วมมอื นนั้ จะอาศยั การสอ่ื สารระหว่างผเู้ รยี นในการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ 3. การผสมผสานระหวา่ งการเรียนแบบมีโครงสรา้ งและแบบไม่มีโครงสรา้ ง การเรยี นแบบมโี ครงสรา้ งจะพบในการจดั เน้อื หาสาระในหนงั สอื ตํารา สว่ นการเรยี นแบบไมม่ โี ครงสรา้ งนนั้ พบไดใ้ นทท่ี าํ งาน ซง่ึ อาจจะไดจ้ ากการตดิ ต่อสอ่ื สาร การพดู คุยแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ 4. การผสมผสานเนื้อหาทวั่ ไปและเนื้อหาเฉพาะ เน้ือหาแบบทัว่ ไปนัน้ สามารถนํามาเป็นเน้ือหาเฉพาะได้โดยใช้ประสบการณ์ทัง้ ในหอ้ งเรยี นและออนไลน์ ซ่ึงปจั จุบนั เน้ือหาทงั้ หลายจะทําให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน SCROM ท่ีสามารถนําเน้อื หานนั้ ไปใชร้ ว่ มกนั ได้ อีเลริ นนิง: จากทฤษฎสี กู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice 173

บทท่ี 8 การพัฒนาอีเลริ นนิง: แนวคิดการเรียนแบบผสมผสาน 5. การผสมผสานการเรยี นแบบฝึ กปฏิบตั ิและการลงมอื ทาํ ความพอดขี องการเรยี นแบบผสมผสานคอื การเตมิ เตม็ การเรยี นรดู้ ว้ ยการฝึกฝนฝึกปฏบิ ตั ิและการช่วยเหลอื สนบั สนุนผเู้ รยี น รวมทงั้ การสรา้ งสภาพแวดลอ้ มในการเรยี นทเ่ี หมาะสมแก่ผเู้ รยี น เพ่อื ใหก้ ารเขา้ ใจง่ายถงึ การแบ่งรูปแบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน ผูเ้ ขยี นจงึ ขอสรุปแนวคดิ ของนกั วชิ าการต่าง ๆ ไวด้ งั ตารางดา้ นลา่ งน้ีตารางท่ี 8.6 แนวคดิ ของนกั วชิ าการในรปู แบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสานDonald Clark (2003) รปู แบบการเรียนแบบผสมผสานNick Van Dam (2003) 1. รปู แบบองคป์ ระกอบ 2. รปู แบบผสมSingh and Reed (2001) 3. รปู แบบความรว่ มมอืPurnima Valiathan (2002) 4. รปู แบบแผ่ขยายSingh (2003) 1. การเรยี นการสอนแบบเผชญิ หน้า เป็นการเรยี นการสอนทผ่ี สู้ อน และผเู้ รยี นอย่ใู นสถานทเ่ี ดยี วกนั เวลาเดยี วกนั 2. การเรยี นดว้ ยตนเองบนเวบ็ การเรยี นการสอนชนดิ น้ีเป็นการเรยี น การสอนแบบต่างเวลา หรอื การเรยี นแบบรว่ มมอื โดยทผ่ี เู้ รยี นใช้ เทคโนโลยใี นการเรยี นการสอน แต่ไม่ไดเ้ ชอ่ื มต่อกบั ผเู้ รยี นคนอ่นื หรอื ผสู้ อนในเวลาเดยี วกนั 3. การเรยี นการสอนผา่ นเครอื ขา่ ย เป็นการใชเ้ ทคโนโลยใี นการจดั การเรยี นการสอน โดยทผ่ี เู้ รยี นและผสู้ อนอย่ใู นเวลาเดยี วกนั แต่ ต่างสถานทก่ี นั เป็นรปู แบบการเรยี นการสอนแบบประสานเวลา 1. รปู แบบการประสานเวลาทางกายภาพ 2. รปู แบบการประสานเวลาทางออนไลน์ 3. รปู แบบต่างเวลา, เรยี นดว้ ยความสามารถทางการเรยี นรขู้ องตนเอง 1. การพฒั นาการเรยี นดา้ นทกั ษะ (Skill-driven learning) 2. การพฒั นาการเรยี นดา้ นเจตคติ (Attitude-driven learning) 3. การพฒั นาการเรยี นดา้ นความสามารถ (Competency-driven learning) 1. การผสมผสานการเรยี นแบบออฟไลน์และออนไลน์ 2. การผสมผสานการเรยี นดว้ ยตนเองและการเรยี นแบบรว่ มมอื 3. การผสมผสานระหว่างการเรยี นแบบมโี ครงสรา้ งและแบบไมม่ ี โครงสรา้ ง 4. การผสมผสานเน้ือหาทวั่ ไปและเน้ือหาเฉพาะ 5. การผสมผสานการเรยี นแบบฝึกปฏบิ ตั แิ ละการลงมอื ทาํ174 อีเลริ น นงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice

บทที่ 8 การพัฒนาอีเลิรนนงิ : แนวคดิ การเรียนแบบผสมผสาน โดยในแต่ละขนั้ ตอนมรี ายละเอยี ดดงั น้ี 1.การวิเคราะหแ์ ละวางแผน (Analysis and Planning) 1.1 วเิ คราะหผ์ เู้ รยี น, คุณสมบตั ,ิ องคก์ ร,การเรยี นร,ู้ ความตอ้ งการของระบบ 1.2 วเิ คราะหท์ รพั ยากรทส่ี นบั สนุนการจดั การเรยี นการสอน 1.3 วเิ คราะหค์ วามตอ้ งการของผเู้ รยี น การวางแผน การนําไปใช้ การทดสอบ และประเมนิ ผล 1.4 วเิ คราะหแ์ ผนงาน กระบวนการทาํ งาน การนําไปใชเ้ พ่อื การพฒั นาและปรบั ปรงุ รปู แบบกระบวนการทาํ งาน 1.5 วเิ คราะหค์ วามตอ้ งการพน้ื ฐาน 2. การออกแบบ (Design Solutions) ประกอบด้วย 2.1 กาํ หนดจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.2 ออกแบบใหเ้ หมาะสมกบั ความแตกต่างระหว่างบคุ คล 2.3 ออกแบบใหเ้ หมาะสมกบั ประเภทของการเรยี นรู้ 2.4 ออกแบบบรบิ ททเ่ี กย่ี วขอ้ ง เช่น บา้ น, ทท่ี าํ งาน, หอ้ งเรยี น, การฝึกปฏบิ ตั ,ิ การเรยี น แบบรว่ มมอื 2.5 ออกแบบคุณลกั ษณะผู้เรยี น เช่น การกํากบั ตนเอง, เพ่อื นช่วยเพ่อื น, ผู้ฝึกสอน และ ผเู้ รยี น, ผแู้ นะนําและผเู้ รยี น, ผจู้ ดั การและผเู้ รยี น 3. การพฒั นา (Development) แบง่ เป็น 3 องคป์ ระกอบ ดงั น้ีตารางที่ 8.7 แสดงองคป์ ระกอบของการออกแบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสานในสว่ นของการพฒั นาแบบไมป่ ระสานเวลา แบบประสานเวลา แบบเผชิญหน้า (Face-to-Face)(Asynchronous) (Synchronous) • หอ้ งเรยี น• ไปรษณียอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ • การประชมุ ทางเสยี ง • หอ้ งปฏบิ ตั กิ าร • การพบปะพดู คยุ• กระดานขา่ ว • การประชุมทางวดิ โี อ • การประชมุ • มหาวทิ ยาลยั• การสนทนา • การประชุมผ่านดาวเทยี ม • การฝึกปฏบิ ตั งิ านนอกสถานท่ี • ทป่ี รกึ ษา• ฐานความรู้ • หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารออนไลน์• เครอ่ื งมอื การเรยี น • หอ้ งเรยี นเสมอื น• ระบบบรหิ ารจดั การเน้ือหา • การประชุมออนไลน์• ระบบบรหิ ารจดั การเรยี นการสอน • การอภปิ รายออนไลน์ อีเลริ นนงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 175

บทที่ 8 การพฒั นาอีเลริ นนงิ : แนวคดิ การเรยี นแบบผสมผสาน แบบไม่ประสานเวลา แบบประสานเวลา แบบเผชิญหน้า (Asynchronous) (Synchronous) (Face-to-Face)• เคร่อื งมอื การเรยี นรทู้ างเวบ็ • เพอ่ื นชว่ ยเพ่อื น• เวบ็ ไซต์ • กลมุ่ ผเู้ ชย่ี วชาญ• ระบบการคา้ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ • กลมุ่ สนบั สนุน• ระบบตดิ ตามพฤตกิ รรม • การปฐมนเิ ทศ • การอภปิ ราย การเรยี น• บทความ• หนงั สอื• คาํ ถามทถ่ี กู พบบ่อย• สถานการณ์จาํ ลอง• การอบรมดว้ ยระบบ คอมพวิ เตอร์• ซดี รี อม• วดิ โี อ• การตดิ ตามการสง่ การบา้ น• การทดสอบและประเมนิ ผล• แบบสอบถาม• การประชุมทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 4. การนําไปใช้ (Implementation) โดยพิจารณาบุคคลท่ีเก่ียวข้องกบั การเรียนการสอนได้แก่ ผู้เรียน ผู้จดั การ เพ่ือนผฝู้ ึกสอนแหล่งทรพั ยากรและองค์กร นอกจากน้ียงั ใหพ้ จิ ารณาถงึ ประเดน็ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั องค์กรแผนการนําไปใช,้ แผนการใชเ้ ทคโนโลยี และความตอ้ งการอ่นื ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 5. การประเมินผล (Evaluation) เป็นการประเมนิ ว่าจะวดั อะไรและใชอ้ ะไรเป็นเกณฑม์ าตรฐานในการวดั176 อเี ลริ น นงิ : จากทฤษฎีสูก ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice

บทท่ี 8 การพฒั นาอเี ลริ นนงิ : แนวคิดการเรียนแบบผสมผสาน Learning and Teaching Unit, University of Western Sydney (2013) ไดเ้ สนอการออกแบบหน่วยการเรยี นดว้ ยการเรยี นแบบผสมผสาน วา่ ควรประกอบไปดว้ ย 5 ขนั้ ตอนคอื 1. การวางแผน (Planning) เป็นการวางแผนการสอนทจ่ี ะบรู ณาการ การเรยี นแบบผสมผสานในหน่วยการเรยี น หรอื ในรายวชิ า 2. การออกแบบ (Designing) เป็นการออกแบบกจิ กรรมการเรยี นและการประเมนิ และลงมอืเขยี นแผนการสอน หรอื แนวทางการจดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสานตามทว่ี างไว้ 3. การนําไปใช้ (Implementing) จดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสานตามทอ่ี อกแบบไว้ 4. การประเมิน (Evaluating) โดยประเมินผลท่ีเกิดจากการจัดการเรียนการสอนท่ีออกแบบไวท้ งั้ ประเมนิ ระหวา่ งสอนและภายหลงั การเรยี นการสอน 5. การพฒั นาต่อเน่ือง (Making Improvements) นําผลทไ่ี ดร้ บั จดั การประเมนิ การจดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสาน มาเป็นแนวทางปรบั ปรุงหรอื พฒั นาการจดั การเรยี นการสอนในครงั้ ต่อไป นอกจากน้ี Bathand Bourke (2010) ไดเ้ สนอกระบวนการออกแบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสานโดยใชว้ ธิ รี ะบบแสดงไว้ 5 แนวทาง คอื 1. การวางแผน (Planning) เป็นการวางแผนเพอ่ื นําการเรยี นแบบผสมผสานมาใชใ้ นรายวชิ า 2. การออกแบบ (Designing) และการพฒั นา (Developing) เป็นขนั้ ตอนทอ่ี อกแบบและพฒั นากระบวนการเรยี นการสอนแบบผสมผสานในบรบิ ทของการจดั การเรยี นการสอน พจิ ารณาออกแบบให้เหมาะสมกบั กลุม่ ผเู้ รยี น จุดประสงคก์ ารเรยี นเน้อื หา กจิ กรรมและวธิ กี ารสอน ตลอดจนการประเมนิ ผลการเรยี น 3. การนําไปใช้ (Implementing) เป็นขนั้ ทน่ี ําการออกแบบทพ่ี ฒั นาแลว้ ไปใชจ้ ดั การเรยี น 4. การทบทวน (Reviewing) เพอ่ื รวบรวมขอ้ มลู ประเมนิ ผลการจดั การเรยี นการสอนทผ่ี ่านมา 5. การปรบั ปรงุ (Improving) เพอ่ื นําผลการประเมนิ ทไ่ี ดร้ บั จากทุก ๆ ขนั้ ตอนการจดั การเรยี นการสอนจากผสู้ อน จากผเู้ รยี น เพอ่ื นําไปปรบั ปรงุ และวางแผนการจดั การเรยี นการสอนครงั้ ต่อไป อเี ลริ น นงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice 177

บทท่ี 8 การพฒั นาอีเลิรนนงิ : แนวคิดการเรียนแบบผสมผสาน สรปุ แผนภาพการออกแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน ได้ดงั นี้ การวางแผนการปรบั ปรุง การออกแบบ การทบทวน การนําไปใช จากกระบวนการออกแบบการเรยี นการสอนทก่ี ล่าวมาแลว้ ผอู้ ่านสามารถนําไปออกแบบการเรยี นการสอนของท่านได้ โดยเฉพาะในขนั้ ตอนการออกแบบ ซง่ึ เป็นขนั้ ทผ่ี สู้ อนปจั จุบนั น้ีใหค้ วามนิยมจดั การเรยี นการสอนแบบผสมผสานกนั มาก จงึ ขอเสนอตวั อยา่ งการออกแบบดงั ตารางดา้ นล่างตารางท่ี 8.8 ตวั อย่างการออกแบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน จาํ นวน กจิ กรรมการเรยี นการสอนสปั ดาหท์ ่ี หวั ขอ้ /รายละเอยี ด ชวั่ โมง การเรยี นในชนั้ เรยี น การเรยี นออนไลน์1 บทบาท ความสาํ คญั ของ 3 - ชแ้ี จงประมวลรายวชิ า - แนะนําแหล่งการเรยี นรทู้ างเทคโนโลยแี ละนวตั กรรม - แนะนํารปู แบบการเรยี น อนิ เทอรเ์ นต็การศกึ ษา การสอน - อภปิ รายผา่ นกระดานสนทนา2 ปรชั ญาการศกึ ษา/บทบาท 3 - การนําเสนอครงั้ ท่ี 1 - การนําเสนอผลการสบื คน้และแนวโน้มการใช้ การศกึ ษาคน้ ควา้ บทบาท - อภปิ รายรว่ มกนั บนเทคโนโลยแี ละนวตั กรรม และแนวโน้มการใช้ กระดานสนทนาการศกึ ษา เทคโนโลยแี ละนวตั กรรม การศกึ ษา - บรรยาย - อภปิ ราย ซกั ถาม178 อเี ลิรน นิง: จากทฤษฎีสูการปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice

บทที่ 8 การพัฒนาอเี ลริ นนงิ : แนวคดิ การเรยี นแบบผสมผสาน จาํ นวน กจิ กรรมการเรยี นการสอนสปั ดาหท์ ่ี หวั ขอ้ /รายละเอยี ด ชวั่ โมง การเรยี นในชนั้ เรยี น การเรยี นออนไลน์3 การรบั รู้ /การเรยี นรู้ / 3 - บรรยาย - อภปิ รายร่วมกนั บนกระดาน การสอ่ื ความหมาย - อภปิ ราย ซกั ถาม สนทนา4 ทฤษฎกี ารเรยี นการสอน/ 3 - บรรยาย - อภปิ รายรว่ มกนั บนกระดานทฤษฎกี ารสรา้ งความรู้ - อภปิ ราย ซกั ถาม สนทนาดว้ ยตนเอง5 ระบบการเรยี นการสอน 3 - บรรยาย - อภปิ รายรว่ มกนั บนกระดานและการออกแบบการเรยี น - อภปิ ราย ซกั ถาม สนทนาการสอน ในบทน้ไี ดน้ ําเสนอเน้ือหาทผ่ี ่านมาดา้ น 1) ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การเรยี นแบบผสมผสาน2) องค์ประกอบของการเรียนแบบผสมผสาน 3) รูปแบบการจดั การเรียนการสอนแบบผสมผสาน และ4) การออกแบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน หวั ข้อทงั้ หมดน้ีได้เสนอแนวคดิ ท่จี ะพฒั นาอีเลริ ์นนิงในวธิ กี ารหน่ึง คอื ใชอ้ เี ลริ ์นนิงผสมกบั การเรียนในหอ้ งเรยี นปกติ ซง่ึ จะเขา้ กบั บรบิ ทในการจดั การเรยี นรายวชิ า หลกั สตู ร ของบางสถาบนั ทย่ี งั มสิ ามารถจดั การเรยี นแบบอเี ลริ น์ นงิ ใหอ้ อนไลน์เตม็ รปู แบบได้ อีเลิรน นิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice 179

บทท่ี 8 การพัฒนาอเี ลริ น นงิ : แนวคดิ การเรยี นแบบผสมผสาน180 อีเลิรนนงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice

บทที่ 9 สถาบนั การศกึ ษาแบบอีเลิร์นนิง สถาบันการศึกษาแบบอีเลิรนนิง เกิดจากการจัดการเรียนการสอนแบบอิเลิรนนิงตั้งแตระดับรายวิชา สาขาวิชา หลกั สูตร หลาย ๆ หลักสูตร เปนคณะวิชา และเปนสถาบัน หรือมหาวิทยาลัยตามลําดับนอกจากนี้องคกร หนวยงานหลาย ๆ แหงในปจจุบันยังมีการใชอีเลิรนนิงเพ่ือการศึกษาอบรม การพัฒนาบคุ ลากรและใหการศึกษาตลอดชีวิต ดังน้ันจึงขอเรียกหนวยงานที่มีการจัดการเรียนการสอนแบบอีเลิรนนิงวาสถาบันการศกึ ษาแบบอเี ลริ น นิงในบทน้ีนําเสนอหัวขอ (1) สถาบนั การศึกษาแบบอเี ลิรนนิง (2) กรณีศกึ ษาสถาบนั การศึกษาแบบอเี ลิรนนงิ (3) องคป ระกอบของสถาบนั การศึกษาแบบอเี ลริ น นงิ (4) แนวปฏิบัตกิ ารจัดการสถาบนั การศึกษาอเี ลริ นนิงใหมคี ุณภาพ 1. สถาบันการศึกษาแบบอีเลิรนนิง สถาบันการศึกษาแบบอีเลิรนนิงอาจเรียกในช่ืออื่น ๆ อาทิ มหาวิทยาลัยออนไลน หรือมหาวิทยาลัยไซเบอร ซ่ึงหมายถึง สถาบันที่มีการดําเนินกิจกรรมดานวิชาการ และการบริหารจัดการสถาบัน ในลักษณะของการศึกษาทางไกลที่ใชเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารเปนสื่อกลางเช่ือมตอประสานใหจดั การศึกษา เสมอื นการจดั การศึกษาในสถาบันการศึกษาแบบปกติ แบบมีหองเรียน รูปแบบการดําเนินงานของสถาบันการศึกษาแบบอีเลิรนนิง รวบรวมแนวคิดที่มีการศึกษาไวสามารถสรุปรปู แบบของสถาบนั การศกึ ษาแบบอเี ลิรน นิง ออกเปน 4 แนวคิด ดังน้ี แนวคิดท่หี นง่ึ นาํ เสนอรปู แบบสถาบนั การศึกษาแบบอีเลริ น นงิ ออกเปน 5 รูปแบบ คอื 1. สถาบันท่ัวไป ท่ีมโี ปรแกรมหลายรปู แบบ เปดสอนทง้ั ระบบปกติ และระบบออนไลน 2. สถาบันซ่ึงสอนทางไกล โดยการใชส ่อื สงิ่ พิมพเ ปน หลกั มกี ารใชไ อซีทีเพือ่ เสรมิ การเรียนการสอน 3. สถาบันลักษณะที่เปนตัวแทน (broker) เพื่อรับดําเนินการจัดการโปรแกรมหลักสูตรการจดั การเรยี นการสอนจากสถาบนั อ่นื ๆ ขอดขี องสถาบันลักษณะน้ี คอื มีความยืดหยุนในการลงทะเบียนเรยี น และถายโอนหนวยกิตได 4. สถาบันซึง่ เปน ผูจัดหาขอมูล และเครื่องอํานวยความสะดวก สถาบันลักษณะน้ีชวยสนับสนุนความตองการของผูเรยี น และสถาบันเชน University for Industry อเี ลริ นนงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ตั ิ e-Lerning: from theory to practice 181

บทที่ 9 สถาบันการศึกษาแบบอเี ลริ นนงิ 5. สถาบันซึ่งสรางโดยไมมีวัตถุประสงคจะสอนผูเรียนโดยตรง แตมีอํานาจที่จะใหใบปริญญา และใหบริการอน่ื ๆ เชน The Western Governors University ในสหรฐั อเมรกิ า ภาพที่ 9.1 หนาเว็บไซต ของ University for Industry ทมี่ า: http://www.ufi.co.uk/ ภาพที่ 9.2 หนาเว็บไซต ของ Western Governors University ทมี่ า:http://www.wgu.edu/182 อีเลิรน นงิ : จากทฤษฎีสูการปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice

บทท่ี 9 สถาบนั การศกึ ษาแบบอีเลริ ์นนิง แนวคดิ ทส่ี อง ที่ทาํ ใหเกดิ รปู แบบของสถาบันการศึกษาแบบอีเลิรนนิง คือ ความเจริญอยางรวดเร็วของภาคเอกชน มกี ารแบง รปู แบบของมหาวิทยาลัยออกเปน 3 รูปแบบ ดงั นี้ 1. สถาบันที่ตง้ั ขนึ้ แสวงหากาํ ไร เชน University of Phoenix , Jones International Universityจดุ ประสงคการจดั ตงั้ เพือ่ สอนโดยตรงใหก ับกลุม เปาหมายในตลาด 2. สถาบันที่รวมมือกันหลาย ๆ สถาบันเปนเครือขายเพื่อสนองความตองการในการฝกอบรมเฉพาะทาง เพ่ือใหไ ดการรบั รองอยางเปน ทางการ เชน Telecom academy 3. สถาบันเนนการบริการวิชาการเฉพาะดาน มีการจัดเก็บคาบริการวิชาการ เชน การบริการใหค าํ ปรึกษา การจดั โครงการสนบั สนนุ ทางดา นเทคนคิ เปนตน ภาพที่ 9.3 หนาเว็บไซต ของ University of Phoenix ท่มี า: http://www.phoenix.edu/ อเี ลิรน นิง: จากทฤษฎสี กู ารปฏิบัติ e-Lerning: from theory to practice 183

บทท่ี 9 สถาบนั การศึกษาแบบอเี ลริ น นิง ภาพที่ 9.4 หนา เวบ็ ไซต ของ Jones International University ท่มี า: http://www.jiu.edu/ ภาพที่ 9.5 หนาเว็บไซต ของ Telecom academy ท่ีมา: http://www.telecomsacademy.com184 อีเลริ น นงิ : จากทฤษฎีสูการปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice

บทท่ี 9 สถาบนั การศึกษาแบบอีเลริ ์นนิง แนวคดิ ทีส่ าม แบงรปู แบบของสถาบันการศกึ ษาแบบอเี ลิรนนิง ออกเปน 4 รูปแบบ คือ 1. สถาบนั ที่มีรูปแบบ Single Mode มจี ดุ เนน ท่ีจะออกแบบ และสอนรายวชิ าทางไกล การบริหารจดั การตาง ๆ เชน การวางแผนการใชงบประมาณ การจดั หาบุคลากร และทรัพยากรตาง ๆ มีจุดมุงหมายเพอ่ื การศึกษาทางไกลเทานนั้ 2. สถาบันแบบ Dual Mode มีการสอนทั้งในช้ันเรียนในมหาวิทยาลัย และเพิ่มชองทางการสอนแบบอีเลริ น นงิ 3. สถาบันแบบ Mixed Mode ซึ่งมีทั้งการสอนทางไกลแบบอีเลิรนนิง และการสอนปกติในสถาบันโดยใชผูสอนชดุ เดียวกัน 4. สถาบัน ลักษณะสมาคม เกดิ จากการรวมตวั กนั ของสถาบันตาง ๆ เพือ่ เปน หนุ สว นในการสอนแบบทางไกล ภายใตการบริหารจัดการของหนวยงานเดยี วกนั แนวคดิ ท่ีส่ี สถาบันการศึกษาแบบอีเลิรนนิงแบง เปน 2 รปู แบบ ดังนี้ 1. เปนลักษณะความรวมมือ (Consortium) ระหวางสถาบันอุดมศึกษาตาง ๆ โดยสถาบันการศึกษาแบบอเี ลิรนนิงจะเปนตัวกลางเชื่อมตอระหวางมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยในภูมิภาคตางๆที่รวมมือกันกอตั้งโดยแบงใชทรัพยากรที่สถาบันการศึกษาแตละแหงมีอยูและมีขอตกลงรวมกันท่ีจะรับรองผลการเรียนของสถาบันการศึกษาที่เปนสมาชิก นักศึกษาที่เขาเรียนในสถาบันการศึกษาแบบอีเลิรนนิงรูปแบบนี้สามารถเลือกเรียนหลักสูตรของมหาวิทยาลัยใดก็ไดท่ีเปนสมาชิก และสามารถเทียบโอนรายวิชากันไดเชน สถาบนั การศกึ ษาแบบอีเลริ นนงิ แคลิฟอรเนยี และสถาบันการศึกษาแบบอเี ลิรน นงิ ไคลด เปนตน 2. เปน สถาบันการศึกษาแบบอีเลิรนนิง ที่มีหนวยงานที่มีอํานาจในการใหปริญญาใหมเปนผูจัดตั้งข้ึน โดยปกติจะทํางานรวมกับมหาวิทยาลัยท่ีมีอยูแลว มหาวิทยาลัยรูปแบบนี้จะทําหนาที่เปนธนาคารหนวยกิต (Credit bank) มีพ้ืนที่สําหรับเก็บสะสมหนวยกิตของนักศึกษาท่ีเรียนจากสถาบันตางๆ และนับหนวยกิตของหลักสูตรปริญญาของสถาบันการศึกษาแบบอีเลิรนนิง ตัวอยางมหาวิทยาลัยในรูปแบบน้ีเชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแหง ชาติ (National Technological University : NTU) และมหาวทิ ยาลัยฟน ิกส(The University of Phoenix) เปน ตน อีเลริ นนงิ : จากทฤษฎีสกู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 185

บทที่ 9 สถาบนั การศึกษาแบบอเี ลิรน นงิ ภาพที่ 9.6 หนาเว็บไซต มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยแี หง ชาติ (National Technological University : NTU) ทม่ี า: http://www.ntu.edu.sg/ ภาพท่ี 9.7 หนา เว็บไซต มหาวทิ ยาลัยฟนิกส (The University of Phoenix) ท่ีมา: http://www.phoenix.edu/186 อเี ลิรน นิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice

บทท่ี 9 สถาบนั การศกึ ษาแบบอีเลิร์นนิง จากท้ังส่ีแนวคิด ของการแบงรปู แบบของสถาบันกาศึกษาแบบอเี ลริ น นงิ ที่กลา วมาขา งตน เพือ่แสดงการเปรียบเทยี บแนวคดิ เหลาน้นั ใหช ัดเจนขนึ้ สามารถสรุปดังตารางดานลา งตารางท่ี 9.1 สรุปแนวคิดการจดั ตงั้ สถาบนั การศกึ ษาแบบอีเลริ น นิงแนวคดิ รปู แบบ ลกั ษณะ 1. สถาบนั ทว่ั ไป ท่มี โี ปแกรม เปดสอนทัง้ ระบบปกติ และระบบออนไลน หลายรูปแบบ 2. สถาบันสอนทางไกล ใชสือ่ ส่งิ พิมพเปน หลัก มีการใช ไอซีทเี พ่ือเสรมิ การเรียนการสอนแนวคดิ ท่ี 3. สถาบันลกั ษณะท่ีเปน รั บ ดํ า เ นิ น ก า ร จั ด ก า ร โ ป ร แ ก ร ม ห ลั ก สู ต ร ก า ร จั ด 1 ตัวแทน (broker) การเรียนการสอนจากสถาบันอ่ืน ๆ ขอดีของสถาบัน ลักษณะน้ี คือ มีความยืดหยุนในการลงทะเบียนเรียน และ ถายโอนหนวยกิตได 4. สถาบันซงึ่ เปนผจู ดั หาขอ มูล สถาบันลักษณะน้ีชวยสนับสนุนความตองการของผูเรียน และเครือ่ งอาํ นวยความ และสถาบนั เชน University for Industry สะดวก 5. สถาบนั ซึง่ สรางโดยไมม ี สอนผเู รยี นโดยตรง แตม ีอาํ นาจทจ่ี ะใหใบปริญญา วตั ถปุ ระสงค และใหบ รกิ ารอน่ื ๆ เชน The Western Governors University ในสหรฐั อเมรกิ า 1.สถาบันทตี่ ง้ั ข้นึ แสวงหากาํ ไร จุดประสงคการจดั ตั้งเพ่อื สอนโดยตรงใหก ับกลมุ เปาหมายใน ตลาด 2.สถาบนั ทร่ี วมมอื กันหลาย ๆ เปนเครอื ขา ย เพือ่ สนองความตองการใน การฝก อบรม เฉพาะแนวคดิ ท่ี สถาบัน ทาง เพอ่ื ใหไดก ารรับรองอยางเปน ทางการ เชน South2 Africa Telecom 3.สถาบันเนนการบรกิ าร ดาน มีการจัดเก็บคาบริการวิชาการ เชน การบริการให วิชาการเฉพาะ คําปรกึ ษา การจดั โครงการสนับสนนุ ทางดานเทคนิค เปนตน อีเลริ นนงิ : จากทฤษฎสี กู ารปฏบิ ัติ e-Lerning: from theory to practice 187

บทท่ี 9 สถาบันการศึกษาแบบอีเลิรน นงิแนวคิด รปู แบบ ลกั ษณะแนวคิดท่ี 1. สถาบันท่มี รี ปู แบบ Single มจี ดุ เนน ทจ่ี ะออกแบบ และสอนรายวิชาทางไกล การบรหิ าร จัดการตา ง ๆ เชน การวางแผนการใชงบประมาณ การจดั หา 3 Mode บคุ ลากร และทรพั ยากรตาง ๆ มจี ดุ มุง หมายเพือ่ การศกึ ษา 2. สถาบันแบบ Dual Mode ทางไกลเทานั้น มีการสอนทง้ั ในช้ันเรียนในมหาวิทยาลัย และเพิ่มชองทาง การสอนแบบอเี ลิรน นิง 3. สถาบนั แบบ Mixed Mode มีทั้งการสอนทางไกลแบบอีเลิรนนิง และการสอนปกติใน สถาบัน โดยใชผ ูสอนชดุ เดยี วกัน 4. สถาบันลกั ษณะสมาคม เกิดจากการรวมตวั กนั ของสถาบันตาง ๆ เพ่ือเปนหุนสวนใน การสอนแบบทางไกล ภายใตการบริหารจัดการของ หนวยงานเดียวกนั 1. เปน ลกั ษณะความรวมมอื โดยสถาบันการศึกษาแบบอีเลิรนนิงจะเปนตัวกลางเชื่อมตอ (Consortium) ระหวางมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยในภูมิภาคตางๆท่ีรวมมือแนวคิดท่ี กันกอต้ังโดยแบงใชทรัพยากรที่สถาบันการศึกษาแตละแหง 4 มี อ ยู แ ล ะ มี ข อ ต ก ล ง ร ว ม กั น ที่ จ ะ รั บ ร อ ง ผ ล ก า ร เ รี ย น ข อ ง สถาบันการศึกษาที่เปนสมาชิก นักศึกษาท่ีเขาเรียนใน สถาบนั การศึกษาแบบอีเลิรนนิงรูปแบบน้ี สามารถเลือกเรียน หลักสูตรของมหาวิทยาลัยใดก็ไดที่เปนสมาชิก และสามารถ เทยี บโอนรายวชิ ากนั ได 2. เปนสถาบันการศึกษาแบบ โดยปกติจะทํางานรวมกับมหาวิทยาลัยท่ีมีอยูแลว อีเลิรนนิง ที่มีหนวยงานท่ีมี มหาวิทยาลัยรูปแบบน้ีจะทําหนาท่ีเปนธนาคารหนวยกิต อํานาจในการใหปริญญาใหม (Credit bank) มีพื้นที่สําหรับเก็บสะสมหนวยกิต เปน ผูจดั ตงั้ ขึ้น ของนักศึกษาท่ีเรียนจากสถาบันตาง ๆ และนับ ห น ว ย กิ ต ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ป ริ ญ ญ า ข อ ง ส ถ า บั น ก า ร ศึ ก ษ า แบบอีเลริ นนงิ188 อีเลิรน นิง: จากทฤษฎีสูก ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice

บทท่ี 9 สถาบนั การศึกษาแบบอีเลริ ์นนิง นอกจากนส้ี ถาบันการศกึ ษาอเี ลิรนนงิ ในฐานะทเี่ ปนสถาบันที่จดั การศกึ ษาทางไกลรูปแบบหน่ึงน้ันจงึ ทาํ ใหส ามารถแบงกลุมของสถาบันการศึกษาแบบอีเลิรนนิงโดยใชโครงสรางองคกรและการจัดการศึกษาภายในสถาบันไดเ ปน 4 กลมุ คือ 1. การพัฒนาจากสถาบันการศึกษาที่มีการจัดการศึกษาทางไกล (Existing higher educationinstitutions that have or are developing distance education program) เชน eCornell, NYU Online, theUniversity of Illinois On-line, University of Maryland University College, Rio Salado CommunityCollege, the SUNY Learning Network and Virtual Temple. ภาพท่ี 9.8 University of Maryland University College ที่มา: http://www.umuc.edu/ 2. การรว มทุนกนั ระหวา งภาคธรุ กิจกบั สถาบนั อดุ มศกึ ษาในลกั ษณะของมหาวทิ ยาลยับรรษัท (Corporate-university Joint Ventures) เชน Blackboard, Campus Pipeline, eCollege,WebCT, Unext.com, Cenquest, Fathom, Global Education Network, Quisic and Universitas อเี ลิรนนิง: จากทฤษฎีสกู ารปฏิบตั ิ e-Lerning: from theory to practice 189


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook