วถิ ีธรรมวถิ ไี ทย และครอบครัวศึกษาและความ ปลอดภยั ในชีวติ สอนโดย อาจารย์ขวญั ตา จ่นั อด๊ิ โทร. 083-989-3239
วถิ ีธรรมวถิ ไี ทย (พระพทุ ธศาสนา)หน่วยที่ 1 ความรู้เบือ้ งต้นเกย่ี วกบั ศาสนาหน่วยที่ 2 ความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนาหน่วยท่ี 3 พระพทุ ธประวตั ิหน่วยท่ี 4 พทุ ธธรรมเพอื่ ชีวติหน่วยท่ี 5 พระสงฆ์และหน้าที่ ชาวพทุ ธ
ครอบครัวศึกษาและความปลอดภัยในชีวติหน่วยที่ 1 พฒั นาการของมนุษย์หน่วยท่ี 2 การดูแลและส่งเสริมสุขภาพตาม พฒั นาการของมนุษย์หน่วยที่ 3 ครอบครัวศึกษาและการสร้างสัมพนั ธภาพ กบั คนในครอบครัวและสังคมหน่วยที่ 4 ชีวติ สมรสหน่วยที่ 5 การต้งั ครรภ์และการเลยี้ งดูบุตร
เกณฑ์การประเมนิ ผลการเรียนพฤติกรรม 10 คะแนนทดสอบย่อย 30 คะแนนสมุด+งานส่ง 20 คะแนนสอบกลางภาค 20 คะแนนสอบปลายภาถ 20 คะแนน
ประมวลการสอน วชิ าวถิ ีธรรมวถิ ไี ทยสัปดาห์ท่ี 1 ความรู้เบือ้ งต้นเกย่ี วกบั ศาสนาสัปดาห์ที่ 2 ศาสนาท่สี าคญัสัปดาห์ท่ี 3 วนั สาคญั ทางศาสนาสัปดาห์ท่ี 4 ความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนา + ทดสอบย่อยสัปดาห์ที่ 5 พทุ ธประวตั ิสัปดาห์ที่ 6 พทุ ธสาวกตวั อย่างสัปดาห์ที่ 7 พทุ ธธรรมเพอื่ ชีวติสัปดาห์ที่ 8 หน้าทชี่ าวพทุ ธสัปดาห์ท่ี 9 สอบกลางภาคเรียนท่ี 1
ประมวลการสอน วชิ าครอบครัวศึกษาและ ความปลอดภัยในชีวติสัปดาห์ท่ี 10 พฒั นาการของมนุษย์สัปดาห์ที่ 11 การเปลย่ี นแปลงด้านร่างกายและอารมณ์สัปดาห์ที่ 12 ครอบครัวศึกษา + ทดสอบย่อยสัปดาห์ที่ 13 ชีวติ สมรสสัปดาห์ท่ี 14 การต้งั ครรภ์สัปดาห์ท่ี 15 การคบเพอ่ื นต่างเพศ + ทดสอบย่อยสัปดาห์ที่ 16 การสร้างความปลอดภยั ในชุมชนสัปดาห์ที่ 17 ทบทวนบทเรียนสัปดาห์ที่ 18 สอบปลายภาคเรียนท่ี 1
คำอธิบำยรำยวิชำ• ศึกษำเกี่ยวกบั พฒั นำกำรของมนุษย์ สุขภำพอนำมยั กำร วำงแผนชีวติ ครอบครัว กำรสมรส กำรต้งั ครรภ์ กำรมีบุตร กำรเลิกคู่ครองกำรประกอบอำชีพ กำรสร้ำงควำมปลอดภยั ในกำรดำเนินชีวติ เพ่ือกำรดำรงชีวติ ท่ีสอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมไทย• ศึกษำเก่ียวกบั พทุ ธประวตั ิ พทุ ธธรรมเพ่ือชีวติ และสงั คม กำรบริหำรจิต และ กำรเจริญปัญญำ พระสงฆก์ บั กำร เผยแพร่พระพทุ ธศำสนำและพฒั นำสงั คม หนำ้ ท่ีชำวพทุ ธ และศำสนพิธี
ศาสนา ศาสนาเป็ นหลกั ยดึเหน่ียวในการดาเนินชีวติ ให้แก่มนุษย์ ทาให้มนุษย์มที พี่ งึ่ ทางจติ ใจ สามารถอดทนความยากลาบาก มีพลงั ท่ีจะทาความดี มพี ลงั ทจ่ี ะต่อสู้เพอื่ ให้ตวั เองหลดุ พ้นออกจากห้วงแห่งความทุกข์
บทที่1 ความร้เู บ้อื งต้นเก่ียวกับศาสนา ศาสนา (Religion) คอื ลทั ธคิ วามเชอื่ ของมนุษย์โดยมหี ลกั แสดงกาเนดิ และสน้ิ สุดของโลก โดยมหี ลกัคาสอน หลกั การ หรอื ขอ้ ปฏบิ ตั ิ สาหรบั การพฒั นาตนเองใหเ้ ป็นสมาชกิ ทด่ี ขี องสงั คม
จุดกาเนิดศาสนามลู เหตุของการเกิดศาสนา 1. อวชิ ชา = ความไมร่ ู้ 2. ภยั = ความกลวั 3. ศรทั ธา = ความภกั ดี 4. ความต้องการเหตุผล 5. ความต้องการทพ่ี งึ่ ทางใจ 6. ความต้องการความสงบสุขของสงั คม
ความหมายของศาสนา ศาสนา คอื ลทั ธิความเช่ือถอื ของมนุษย์อนั มหี ลกั คอืแสดงกาเนิดและความสิ้นสุดของโลกเป็ นต้น อนั เป็ นไปในฝ่ ายปรมัตถ์ประการหน่ึง แสดงหลกั ธรรมเกย่ี วกบับุญบาปอนั เป็ นไปในฝ่ ายศีลธรรมประการหนึ่ง พร้อมท้งั ลทั ธิพธิ ีทีก่ ระทาตามความเห็นหรือตามาส่ังสอนในความเช่ือถอื น้ัน ๆ
ศำสนำเป็นคำสอนที่ไดม้ ำจำกศำสดำผคู้ น้ พบคำสอน น้นั โดยศำสดำไดร้ ับมำจำกส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิสูงสุด หรือ โดยกำรคน้ พบดว้ ยตนเอง และไดน้ ำคำสอนน้นั มำ เผยแพร่แก่ผคู้ นในสงั คม จนแพร่หลำยกลำยเป็นส่ิง ยดึ เหนี่ยวในกำรดำเนินชีวติ แก่ผคู้ นหลำยยคุ หลำย สมยั
ความสาคญั ของศาสนาศำสนำมีควำมสำคญั ต่อมนุษยท์ ่ีสำคญั มี 7ประกำรคือ 1. เป็นท่ีพ่งึ ทำงใจและเป็นเคร่ืองยดึ เหนี่ยวจิตใจ
2. เป็นแหล่งกำเนิดจริยธรรม3. เป็นบรรทดั ฐำนในกำร ดำเนินชีวิต4. เป็นกลไกควบคุมสงั คม5. เป็นแห่งกำเนิดศิลปะและ วฒั นธรรม6. เป็นมรดกของสงั คม7. ทำใหค้ นเป็นมนุษยท์ ี่ สมบรูณ์
ลกั ษณะของศาสนา มี 4 ประการคอื1. เป็นคำสอนที่เป็นนำมธรรม2. เป็นคำสอนเกี่ยวกบั หลกั ศีลธรรม3. เป็นคำสง่ั สอนที่กล่ำวถึงจุดมุ่งหมำย สูงสุด เช่น กำรนิพพำน , กำรหลุดพน้ จำกวฎั สงั สำร4. เป็นหลกั เกณฑใ์ นกำรประกอบพิธี กรรมทำงศำสนำ
ปัจจุบันมศี าสนา 10 ศาสนา คอื1. ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู 6. ศาสนาเชน2. ศาสนาพทุ ธ 7. ศาสนาขงจือ๊3. ศาสนาเต๋า 8. ศาสนาชาวปารซี4. ศาสนาคริสต์ 9. ศาสนายูดาย5. ศาสนาอสิ ลาม 10. ศาสนาซิกข์
องค์ประกอบของศาสนา มี 6 ประการ คอื• ศาสดาหรือผู้ประกาศศาสนา• คาสอนในศาสนา• สาวกหรือผู้สืบทอดศาสนา• ศาสนสถาน• สัญลกั ษณ์หรือเครื่องหมาย• ประเพณหี รือพธิ ีกรรม
ศาสนากบั การดาเนินชีวติ1. ให้มคี วามอดทน มุ่งมน่ั ยดึ ธรรมะ และความถูก ต้อง2. ให้มคี วามอ่อนน้อมถ่อมตน เรียบง่าย ประหยดั3. ให้รู้จกั รับฟังความคดิ เห็น เคารพความคดิ เห็นท่ี แตกต่าง
ศาสนาสาคญั ของโลก 1. ศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู 2. ศาสนาพุทธ 3. ศาสนาครสิ ต์ 4. ศาสนาอสิ ลาม
พระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาพทุ ธเป็ นศาสนาท่ีมีพระพทุ ธเจา้ เป็ นศาสดามีพระธรรมท่ีพระพทุ ธองคต์ รสั สอนไว้เป็ นหลกั คาสอนสาคญั สิ่งเคารพสงู สดุ พระพทุ ธศาสนาเรยี กว่า พระรตั นตรยั
พระธรรมและพระวินยั เก็บในคมั ภีร์เรยี กว่า \"พระไตรปิ ฎก“ ไดแ้ ก่วินยั ปิ ฎก - วินยั หรอื ศีลของภิกษ ุ ภิกษณุ ีสตุ ตนั ตปิ ฎก - พระธรรมทว่ั ไป และเรอ่ื งราวต่าง ๆอภิธรรมปิ ฎก - ธรรมะที่เป็ นปรมตั ถธ์ รรมหรอื ธรรมะท่ีแสดงถึงสภาวะลว้ น ๆ ไมม่ ีการสมมตุ ิ
หลกั ทว่ั ไป ซึ่งเป็ นหัวใจของพระพทุ ธศาสนาคือ โอวาทปาฏิโมกข์ 1. การไม่ทาบาปท้งั ปวง หมายถงึ เว้นจากการประพฤติชั่ว ท้งั ทางกาย วาจา ใจ 2. กระทาความดี หมายถงึ การยงั กศุ ล ( ทาความดี )ให้ถงึ พร้อม ท้งั กาย วาจา ใจ 3. ทาจติ ใจให้บริสุทธ์ิ ได้แก่ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง
หลกั ธรรมคุ้มครองโลก หิริ โอตปั ปะหิริ - ความละอายต่อบาปกรรมโอตัปปะ - ความเกรงกลวั ต่อบาปกรรม
กรรม คอื การกระทาทางกาย วาจา หรือใจกรรมแบ่งออกเป็ น 2 ประเภท คอื 1. กศุ ลกรรม กรรมดี ได้แก่ การกระทาด้วยความไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง เช่น การให้ทาน รักษาศีล เมตตากรุณาเออื้ เฟื้ อต่อผู้อน่ื ด้วยจติ ทบี่ ริสุทธ์ิ 2. อกศุ ลกรรม กรรมช่ัว ได้แก่ การกระทาที่ประกอบด้วยความชั่ว ความโลภ ความโกรธพยาบาท เป็ นต้น
ทางเกดิ ของกรรมแสดงออกได้ 3 ทาง 1. ทางกาย เรียกว่า กายกรรม เช่น ไม่ฆ่าสัตว์ไม่ลกั ทรัพย์ ฯลฯ 2. ทางวาจา เรียกว่า วจกี รรม เช่น ไม่พดู เทจ็ไม่พูดหยาบคาย ฯลฯ 3. ทางใจ เรียกว่า มโนกรรม เช่น ไม่โลภไม่พยาบาท ฯลฯ
หลกั ความสาเร็จอทิ ธิบาท 4 ได้แก่ 1. ฉันทะ คอื ความพอใจในสิ่งน้ัน 2. วริ ิยะ คอื ความขยนั หมัน่ เพยี รทจี่ ะทาในสิ่งน้ัน 3. จิตตะ คอื เอาใจใส่ไม่จดจ่อ 4. วมิ ังสา คอื พจิ ารณาไตร่ตรองอย่างละเอยี ด
หลกั การสังเคราะห์สังคหวตั ถุ 4... 1. ทาน คอื การเออื้ เฟื้ อแบ่งปันกนั 2. ปิ ยวาจา คอื การพูดจาไพเราะอ่อนหวาน 3. อตั ถจริยา คอื การบาเพญ็ ประโยชน์ต่อกนั 4. สมานัตตา คอื การวางตนให้เข้ากนั ได้
หลกั ธรรมทเ่ี ป็ นความจริงแห่งสัจธรรมไตรลกั ษณ์ 3 อนิจจัง คอื ความไม่เท่ียงแท้ของสรรพส่ิงในโลก ทุกขงั คอื ความเป็ นทุกข์ ความเสื่อมของสรรพส่ิงในโลก อนัตตา คอื ความไม่มตี วั ตน
ศาสนาพราหม์-ฮินดู
ประวตั ศิ าสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู ศาสนาพราหมณ์เป็ นศาสนาทเี่ ก่าแก่ เป็ นต้นกาเนิดของศาสนาพทุ ธ คริสต์ อสิ ลาม ศาสนาพราหมณ์ต่างจากศาสนาอน่ื คอื ไม่มี ศาสดา นับถอื คมั ภีร์พระเวท ภักดตี ่อพระ พรหม พระวษิ ณุ พระศิวะ และเช่ือในเร่ือง ของกรรมและการเวยี นว่ายตายเกดิ
หลกั ความเช่ือและจุดหมายสูงสุด “เชื่อว่า พระพรหมเป็ นเทพเจ้าสูงสุด ทรง เป็ นผู้สร้างโลกและสรรพสิ่งตลอดท้งั กาหนด โชคชะตาของคนและสัตว์” ““เชื่อว่า วญิ ญาณเป็ นอมตะ ต้องเวยี นว่ายตาย เกดิ อยู่ร่าไป เป็ นไปตามอานาจกรรมทไ่ี ด้กระทาไว้ จนกว่าจะสิ้นกเิ ลส จงึ จะเข้าสู่นิพพาน”
ศาสนาพราหม์-ฮินดู1. หลกั อาศรม4*พรหมจารี = ห้ามสมรส*คฤหัสถ์ = วยั ครองเรือน*วานปรัสถ์ = วยั แสวงหาความสงบ*สันยาสี = หลดุ พ้นจากวฏั สังสารเรียกว่า “ปรมาตมันหรือพรหมนั ”
2. หลกั ปุรุษารถะหรือประโยชน์4*อรรถ = การแสวงหาทรัพย์*กาม = แสวงหาความสุขทางโลก*ธรรม = ถงึ ความพร้อมด้วยคุณธรรม*โมกษะ = ความเป็ นอสิ ระทางวญิ ญาณ
3. หลกั ปรมาตมนั และโมกษะ ศำสนำพรำหณ์ถือวำ่ เป็นพลงั ทำงธรรมชำติ เป็ นอมตะไม่มีสิ้นสุด ชีวำตมนั หรืออำตมนั ส่วนบุคคล คือ ชีวติ หรือ วญิ ญำณของคนสัตว์ ท่ีมำจำกกำรเวยี นวำ่ ยตำยเกิด เมื่อชีวติ สิ้น
ศาสนาอสิ ลามประวตั ศิ าสนา เกดิ ในประเทศซาอุดอิ ารเบีย เมอื่ พทุ ธศักราช 1133 เป็ นศาสนาประจาชาตขิ องประเทศซาอดุ อิ าร เบีย จากน้ันกข็ ยายไปสู่ประเทศต่างๆ ในทวปี แอฟริกา สู่ประเทศปากสี ถาน บังคลาเทศ อนิ เดยี จนี มาเลเซีย อนิ โดนีเซีย และทวปี เอเซีย
นิกายของศาสนา 1. นิกายซุนนี ส่วนใหญ่จะอยู่ในอาหรับ, แอฟริกา และเตอรกี ใช้หมวกสีขาวเป็ น สัญลกั ษณ์ 2. นิกายชิอะห์ ส่วนใหญ่จะอยู่ในประเทศ อหิ ร่าน อริ ัก และอนิ เดยี สวมหมวกสีแดง เป็ นสัญลกั ษณ์
การเผยแพร่ศาสนา นบมี ูฮัมหมดั ได้รับเทวะโองการออก ประกาศศาสนา ต่อมาได้วางระเบียบ ปกครองให้นบเี ป็ นผู้ปกครองสูงสุด และ ให้ยดึ อลั กรุ อานเป็ นแบบฉบบั ตาม มัสยดิ ต่างๆ
หลกั ธรรมสาคญั ของศาสนาอสิ ลาม มี 2 ประการ คอื1. หลกั ศรัทธา 6 ประการ คอื• 1.1 ศรัทธาต่อพระอลั ลอฮฺ คอื นบั ถือพระอลั ลอฮฺ พระองคเ์ ดียว เพรำะเชื่อวำ่ เป็นผสู้ ร้ำงสรรพสิ่ง และ ทรงอยเู่ หนือกำลเวลำ,สถำนท่ี,เป็นผพู้ พิ ำกษำมนุษย์ วนั สุดทำ้ ย
1.2 ศรัทธาต่อบรรดามะลาอกี ะฮห์ว่ามีจริง มะลาอกี ะห์ หมายถึง คนรับใช้ของพระเจ้า ทาหน้าท่ีเป็ นคนกลางระหว่างพระเจ้ากบั ศาสดา เป็ นวญิ ญาณท่มี องไม่เห็น1.3 ศรัทธาในคมั ภรี ์อลั กรุ อาน ชาวมุสลมิ ต้องศรัทธาคมั ภรี ์อลั กรุ อานเพราะเป็ นพระวจนะของพระอลั ลอฮฺ
1.4 ศรัทธาต่อบรรดาศาสนฑูตมีศำสนฑูตท้งั หมด 25 ท่ำนๆแรก คือ นบอี าดมัท่ำนสุดทำ้ ย คอื นบีมุฮัมมดั1.5 ศรัทธาในวนั พพิ ากษาโลกชำวมุสลิมเชื่อวำ่ โลกน้ีตอ้ งมีวนั แตกสลำย เรียกวำ่ “วนั กยี ะมะห์”1.6 ศรัทธาในกฎกาหนดสภาวะของพระเจ้า
2. หลกั ปฏิบัติ 5 ประการ คือ• 2.1 การปฏบิ ัติญาณตน• 2.2 การละหมาด วนั ละๆ 5เวลำ คือ เชำ้ กลำงวนั เยน็ พลบค่ำ กลำงคืน ต้งั แต่ 10 ป่ี หรือเรำมมีรอบเดือน• 2.3 การถอื ศิลอด ในเดือน รอมฏอน คือเดือน 9• 2.4 การบริจาคทรัพย์ ร้อยละ 2.5 ของรำยได้• 2.5 การประกอบพธิ ีฮัจญ์ ข้อห้ามคือ ดื่มเหลำ้ เล่นกำรพนนั คิดดอกเบ้ียเงินใหก้ ยู้ มืรับประทำนเน้ือหมูและสตั วท์ ่ีไดเ้ ชือดและตำยเอง
ศำสนำคริสต์• คริสต์มาจากคาว่า คริสตอส คอื ผู้ทไี่ ด้รับให้เป็ น ตวั แทนพระเจ้า เช่ือว่าพระเจ้าเป็ นผู้ไถ่บาป ให้ มนุษย์ มี 3 นิกาย โรมันคาทอริกออร์ธอร์ดอกซ์ และโปรเตสแตนต์• จุดมุ่งหมายสูงสุดคอื สวรรค์และเข้าถึงพระเจ้า• หลกั ธรรมจะปรากฎในคมั ภีร์ไบเบิล
ศาสนาครสิ ต์ (ต่อ)นกิ ายของศาสนา 1. นกิ ายโรมนั คาทอลกิ เจรญิ ในประเทศอติ าลี ปอร์ตุเกส สเปน ฝรง่ั เศส ไอร์แลนด์ 2. นกิ ายออร์ธอร์ดอกซ์ เจรญิ ในทวปี ยุโรป ทวปี เอเซยี ทวปี อาฟรกิ า 3. นกิ ายโปรเตสแตนท์ เจรญิ ในประเทศเยอรมนั เดนมาร์ก นอร์เว สวเีดน องั กฤษ และสหรฐั อเมรกิ า
หลกั ความเช่ือและจุดหมายสูงสุด “เช่ือว่า มพี ระเจ้าสูงสุดเพยี งองค์เดยี วเป็ น ผู้สร้างโลก และสรรพสิ่ง พระเจ้าองค์น้ันกค็ อื พระยะโฮวาห์ ซ่ึงเป็ นพระเจ้าองค์เดยี วกบั ศาสนายูดา และเชื่อว่าเมอ่ื คนตายแล้ว ไม่สูญ เพราะวญิ ญาณเป็ นอมตะ จะคอยวนั พพิ ากษา โลก โดยพระเจ้าจะเป็ นผู้ช่วยให้รอดจากการ พพิ ากษาในวนั ตดั สินโลก”
ศาสนาคริสต์หลกั ธรรมที่สาคญั1. บาปกาหนด2. หลกั แห่งความรักมี 2 แบบ คอื รักพระเจ้ากบั มนุษย์และ มนุษย์กบั มนุษย์3. หลกั ตรีเอกานุภาพ คอื พระบดิ า พระบุตร พระจติ4. บัญญตั ิ 10 ประการ
หลกั คาสอน บญั ญตั ิ 10 ประการ4 ขอ้ แรกเป็นเรอ่ื งเกย่ี วกบั ความรกั ของเราต่อพระเจา้ 1. อย่ามพี ระเจ้าอน่ื ใดนอกเหนือจากเรา 2. อย่าทารูปเคารพสาหรับตน 3. อย่าออกพระนามพระเจ้าของเจ้าอย่างไม่สมควร 4. จงระลกึ ถึงวนั สะบาโต
6 ข้อหลงั เป็ นเรื่องเกย่ี วกบั ความรักต่อเพอ่ื นมนุษย์ด้วยกนั 5. จงให้เกยี รติแก่บดิ ามารดาของเจ้า 6. อย่าฆ่าคน 7. อย่าล่วงประเวณผี วั เมียเขา 8. อย่าลกั ทรัพย์ 9. อย่าเป็ นพยานเท็จใส่ร้ายเพอ่ื นบ้าน 10. อย่าโลภในสิ่งใดๆ ซ่ึงเป็ นของของเพอื่ นบ้าน
หลักธรรม 1. ศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดู - คมั ภรี ์พระเวท หรอื ไตรเวท / คมั ภรี ์อุปนษิ ทั 2. ศาสนาพุทธ - พระไตรปิฎก 3. ศาสนาครสิ ต์ - คมั ภรี ์ไบเบลิ 4. ศาสนาอสิ ลาม - คมั ภรี ์อลั -กุรอาน / อลั -ฮะดษิ
นักบวช 1. ศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดู - พราหมณ์ 2. ศาสนาพุทธ - พระสงฆ์ 3. ศาสนาครสิ ต์ - บาทหลวง 4. ศาสนาอสิ ลาม - โต๊ะอหิ มา่ ม
ศาสนสถาน 1. ศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดู - เทวาลยั 2. ศาสนาพุทธ - วดั 3. ศาสนาครสิ ต์ - โบสถ์ 4. ศาสนาอสิ ลาม - มสั ยดิ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199