แผนการจัดการเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 ปีการศกึ ษา 2564 เสนอ ผศ.ดร.อินทริ า รอบรู้ จัดทาโดย นาย จริ วฒั น์ สุวรรณรงค์ รหัสนกั ศึกษา 61131114013 แผนการจัดการเรียนรู้นี้เปน็ สว่ นหนงึ่ ของรายวชิ า PTC3601 การออกแบบการจัดการเรยี นรู้ทางเทคโนโลยีการศกึ ษาและคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์ สาขาวชิ าเทคโนโลยกี ารศกึ ษาและคอมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สวนสุนนั ทา
คาํ อธบิ ายรายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี กลมุ สาระการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 1 รหัสวิชา ว32193 เวลา 40 ชัว่ โมง ศึกษาและวิเคราะหสถานการณหรือความตองการที่คํานึงถึงผูใชดวยการคิดเชิงออกแบบ และความรู ทางดานวทิ ยาศาสตร คณิตศาสตร และศาสตรอื่นๆ เพื่อทําความเขาใจปญหาอยางลึกซ้ึง และรอบดาน เพื่อพฒั นาวธิ ีการแกปญหาที่ตรงความตองการ พัฒนาโครงงานเพ่ือแกปญหาจากสถาน การณที่ตนเองสนใจโดยใช กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ศึกษาการพัฒนาผลงาน การสราง ประโยชนจากผลงาน และการคุมครอง ทรพั ยสินทางปญญาเพ่อื นาํ ความรูไปประยุกตใชในการพัฒนา หรือสรางประโยชนจากผลงานของตนเอง และเผยแพรประชาสัมพันธผลงานของตนเองใหเปนที่รูจัก และกอใหเกิดประโยชน ตวั ชี้วัด ว 4.1 เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 1. ประยุกตใชความรูและทกั ษะจากศาสตรตางๆ รวมทั้งทรัพยากร ในการทาํ โครงงานเพือ่ แกปญหา หรือพฒั นางาน รวมทั้งหมด 1 ตวั ชีว้ ัด
คานา หนงั สอ่ื เรียนอิเล็กทรอนิกส์ รายวิชาเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ได้จัดทําข้ึนเพ่ือใช้เป็น ส่ือประกอบการเรียนการสอน สําหรับนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 โดยผู้สร้างส่ือได้แบ่งเนื้อหาของ หนงั สือเรียนอิเล็กทรอนิกส์ ดังนี้ 1. ความรู้และการคิดเชิงออกแบบเพ่ือการแก้ปัญหา 2. โครงงานกับ การแก้ปญั หา และ 3. การสร้างประโยชน์จากผลงาน ผู้สร้างส่ือหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์ จะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนรู้ และเป็นส่วนสําคัญในการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ โอกาสนดี้ ว้ ย ผจู้ ดั ทํา นาย จิรวฒั น์ สุวรรณรงค์ รหสั นกั ศกึ ษา 61131114013
สารบัญ หนา้ เรอ่ื ง 1-16 17-52 • คมู่ อื การใชง้ าน 53-79 • แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1 80-99 เรอ่ื ง ความรู้และการคดิ เชงิ ออกแบบเพ่อื การแก้ปญั หา 100-114 • แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง โครงงานกบั การแกป้ ญั หา • แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 3 เรื่อง การสร้างประโยชนจ์ ากผลงาน • ภาคผนวก
1 ค่มู ือการใชง้ าน สาหรับครูและนักเรียน
2 ชดุ ท่ี 1 ความรแู้ ละการคดิ เชงิ ออกแบบเพ่ือการแกป้ ญั หา คาช้ีแจงเก่ยี วกับกจิ กรรมการเรียนรู้ 1. กิจกรรมการเรียนรู้ แผนท่ี 1 เรอ่ื ง ความรู้และการคิดเชงิ ออกแบบเพอื่ การแกป้ ญั หา รายวชิ าเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) สาหรบั นักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 2. กิจกรรมการเรยี นรู้นป้ี ระกอบด้วย 1. คาชแี้ จงเกยี่ วกบั กิจกรรมการเรียนรู้ 2. คาช้แี จงสาหรบั ครู 3. คาชีแ้ จงสาหรับนักเรียน 4. แบบทดสอบก่อนเรยี น – หลงั เรียน 5. ใบความรู้ 6. กิจกรรม 7. บรรณานกุ รม 3. กิจกรรมการเรยี นรู้นีใ้ ชเ้ วลาเรยี น 8 ชวั่ โมง ก่อนศึกษากิจกรรมการเรียนรู้ใหน้ ักเรยี น ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เรอื่ ง ความรู้และการคิดเชงิ ออกแบบเพือ่ การแก้ปญั หา จานวน 10 ขอ้ 4. หลังจากศึกษากจิ กรรมการเรยี นรู้จบแล้วทาแบบทดสอบหลงั เรยี น เรอื่ ง ความรแู้ ละการ คิดเชิงออกแบบเพื่อการแก้ปัญหา จานวน 10 ขอ้
3 คาชีแ้ จงสาหรับครู 1. ก่อนนากจิ กรรมการเรียนรู้ไปใชจ้ ดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนครูควรศกึ ษากิจกรรมการเรยี นรใู้ ห้ รอบคอบ จากคมู่ ือการใชก้ จิ กรรมการเรียนรใู้ ห้เข้าใจ 2. ศกึ ษาแผนการจดั การเรยี นรู้ ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวัง สาระการเรยี นรู้ กระบวนการเรยี นรูก้ ารวดั ผล ประเมนิ ผล ตลอดจนแหล่งการเรียนรู้ ในแตล่ ะกิจกรรมการเรยี นร้ใู ห้เข้าใจอยา่ งชัดเจน 3. ครูควรเตรียมกจิ กรรมการเรียนรู้ ซงึ่ ประกอบด้วย ผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวงั แบบทดสอบก่อนเรียน ใบ ความรู้ กิจกรรม แบบทดสอบหลังเรยี น ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ให้ครบถ้วน 4. ก่อนสอนครคู วรช้แี จงบทบาทและหน้าทีข่ องผู้เรยี น และกาหนดข้อตกลงรว่ มกัน 5. ใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เร่อื ง ความรู้และการคิดเชิงออกแบบเพ่อื การแกป้ ัญหา จานวน 10 ข้อ เพ่อื ประเมินความรพู้ ้ืนฐานของนกั เรยี น 6. ครแู จกกจิ กรรมการเรยี นรใู้ ห้นักเรียนศกึ ษา และอธิบายใหน้ กั เรยี นได้ปฏิบตั ิได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 7. ดาเนินการสอนตามกิจกรรมการเรียนรู้ที่กาหนดไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ 8. ขณะประกอบกิจกรรมครคู วรเป็นท่ีปรกึ ษาใหค้ าแนะนากบั นกั เรยี นที่มปี ัญหา โดยเน้นให้นักเรยี นได้รว่ ม คิดรว่ มทาจากการปฏิบตั จิ ริงเพอ่ื สรปุ ผลการเรียนรู้ 9. ถา้ มีนกั เรยี นเรียนไมท่ ัน ครูควรใหค้ าแนะนาหรอื อาจมอบหมายงานหรอื ให้นักเรียน นาใบความรู้ สอ่ื ดิจทิ ัลท่สี อนในกิจกรรมการเรียนรู้ไปศึกษาเพ่มิ เติมในเวลาวา่ ง 10.หลงั จากนกั เรยี นทาใบกจิ กรรมเสรจ็ เรยี บรอ้ ย ครูและนกั เรยี นร่วมกันเฉลยใบกจิ กรรมและอธิบาย เพิ่มเติมจากใบกจิ กรรมวา่ ทาไมถึงตอบอย่างนี้ 11. การจดั ชน้ั เรยี นใหน้ ักเรียนน่ังเป็นกลุม่ เพือ่ ฝกึ ทกั ษะการทางานกลุ่มรว่ มกบั ผูอ้ ่ืน 12.เม่ือนักเรียนทากจิ กรรมทุกอยา่ งเสรจ็ ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น เพื่อวัดความรคู้ วามเขา้ ใจ แลว้ นาผลการทดสอบก่อนเรยี น – หลงั เรียน มาเปรยี บเทียบ เพื่อทราบผลการพัฒนาการเรยี นของ นักเรยี น
4 คาช้ีแจงสาหรบั นักเรยี น 1. ก่อนศกึ ษากจิ กรรมการเรียนรู้ นกั เรียนอา่ นคาชี้แจงและคาแนะนาสาหรบั นักเรยี นใหเ้ ข้าใจ 2. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี นกิจกรรมการเรยี นรู้ ชดุ ท่ี 1 เร่อื ง ความรู้และการคดิ เชงิ ออกแบบเพื่อการ แก้ปญั หา จานวน 10 ข้อ 3. ศกึ ษาใบความร้อู ยา่ งตัง้ ใจ และรว่ มแสดงความคดิ เหน็ ในกล่มุ อย่างมเี หตผุ ล 4. ฝกึ ปฏิบตั ิกิจกรรมตามความสามารถของตน 5. ตอบคาถามจากกจิ กรรมดว้ ยความตัง้ ใจ 6. ตรวจคาตอบจากเฉลยกิจกรรม 7. เมอื่ เรียนกิจกรรมการเรยี นรู้ ชุดท่ี 1 เร่อื ง ความรู้และการคดิ เชิงออกแบบเพือ่ การแก้ปญั หา จบแลว้ ใหท้ าแบบทดสอบหลงั เรียน จานวน 10 ขอ้ ดว้ ยความรอบคอบและมนั่ ใจ 8. ในการทากจิ กรรมแตล่ ะกิจกรรมการเรยี นรู้ ขอใหน้ กั เรยี นทาดว้ ยความต้ังใจ ให้ความร่วมมือ และมี ความซือ่ สตั ย์ตอ่ ตนเองใหม้ ากท่สี ุด 9. ถ้านกั เรยี นเรยี นไมท่ ันหรือเรียนยงั ไมเ่ ข้าใจ ใหร้ ับกิจกรรมการเรยี นรไู้ ปศกึ ษา เพม่ิ เตมิ นอกเวลาเรียน เพอื่ ให้เขา้ ใจมากยงิ่ ขึ้น
5 สาระสาคัญ การวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาอย่างรอบด้านภายใต้กรอบความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่ืนๆ รวมท้ังการใช้แนวคิดเชิงออกแบบร่วมกับการทางานตามกระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถพิจารณากิจกรรมและปัญหาท่ีเกิดในสถานการณ์และ บรบิ ทต่างๆ ช่วยให้ผเู้ รียนวเิ คราะหแ์ ละเขา้ ใจผใู้ ชง้ านซง่ึ เป็นกลุ่มบุคคลผู้นา เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาไปใช้ใน ชีวติ ประจาวนั สาระการเรียนรู้ การทาโครงงาน เป็นการประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะจากศาสตร์ต่างๆ รวมท้ังทรัพยากรในการ สรา้ งหรอื พฒั นาชิ้นงานหรือวิธกี าร เพ่ือแก้ปัญหาหรืออานวยความสะดวกในการทางาน ผลการเรยี นรู้ท่ีคาดหวัง เป็นบทเรียนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความสาคัญของความรู้ทาง ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่นเพ่ือใช้แก้ปัญหา กระบวนการออกแบบหรือการคิดเชิง ออกแบบ เพ่ือให้สามารถประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ทาความเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้งและพัฒนาวิธีการ แก้ปัญหาท่ตี รงกบั ความตอ้ งการ
6 สอ่ื การเรยี นและกจิ กรรม การออกแบบและเทคโนโลยี ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5 - บทท่ี 1 (google.com) หมายเหตุ : - ลงิ ค์นีจ้ ะประกอบไปดว้ ย แบบทดสอบ, ใบกจิ กรรม, ใบความร,ู้ และส่อื VDO
7 ชดุ ท่ี 2 โครงงานกบั การแก้ปญั หา คาช้แี จงเก่ยี วกบั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. กิจกรรมการเรยี นรู้ แผนท่ี 2 เรือ่ ง โครงงานกบั การแกป้ ญั หา รายวิชาเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) สาหรบั นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 2. กิจกรรมการเรียนร้นู ้ปี ระกอบดว้ ย 1. คาชี้แจงเกยี่ วกบั กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. คาชี้แจงสาหรับครู 3. คาชี้แจงสาหรบั นกั เรียน 4. แบบทดสอบกอ่ นเรียน – หลังเรียน 5. ใบความรู้ 6. กจิ กรรม 7. บรรณานุกรม 3. กจิ กรรมการเรยี นรู้นีใ้ ช้เวลาเรยี น 20 ชัว่ โมง ก่อนศึกษากจิ กรรมการเรียนรใู้ ห้นักเรียนทา แบบทดสอบก่อนเรียน เรือ่ ง โครงงานกับการแกป้ ัญหา จานวน 10 ข้อ 4. หลงั จากศึกษากจิ กรรมการเรียนรู้จบแล้วทาแบบทดสอบหลงั เรียน เร่ืองโครงงานกบั การ แก้ปัญหา จานวน 10 ข้อ
8 คาช้ีแจงสาหรบั ครู 1. ก่อนนากจิ กรรมการเรียนรูไ้ ปใช้จดั กิจกรรมการเรียนการสอนครูควรศึกษากจิ กรรมการเรียนรู้ให้ รอบคอบ จากคู่มอื การใช้กจิ กรรมการเรียนรใู้ ห้เข้าใจ 2. ศึกษาแผนการจดั การเรียนรู้ ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวงั สาระการเรยี นรู้ กระบวนการเรียนรู้การวัดผล ประเมินผล ตลอดจนแหลง่ การเรยี นรู้ ในแต่ละกิจกรรมการเรียนรใู้ ห้เขา้ ใจอย่างชดั เจน 3. ครคู วรเตรยี มกิจกรรมการเรียนรู้ ซึง่ ประกอบดว้ ย ผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวังแบบทดสอบก่อนเรียน ใบความรู้ กจิ กรรม แบบทดสอบหลังเรียน ตลอดจนอุปกรณต์ า่ งๆ ใหค้ รบถ้วน 4. กอ่ นสอนครคู วรช้ีแจงบทบาทและหนา้ ที่ของผ้เู รยี น และกาหนดขอ้ ตกลงร่วมกนั 5. ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน เร่อื ง โครงงานกับการแกป้ ัญหา จานวน 10 ข้อ เพ่ือประเมินความรพู้ นื้ ฐานของนักเรียน 6. ครูแจกกจิ กรรมการเรียนรู้ใหน้ ักเรยี นศกึ ษา และอธิบายใหน้ ักเรยี นได้ปฏบิ ัตไิ ดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 7. ดาเนนิ การสอนตามกจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ีกาหนดไวใ้ นแผนการจดั การเรยี นรู้ 8. ขณะประกอบกจิ กรรมครคู วรเปน็ ทป่ี รึกษาให้คาแนะนากบั นกั เรียนทม่ี ีปญั หา โดยเนน้ ใหน้ ักเรยี นไดร้ ว่ ม คิดร่วมทาจากการปฏบิ ัติจริงเพอื่ สรุปผลการเรียนรู้ 9. ถา้ มีนักเรยี นเรยี นไมท่ ัน ครคู วรใหค้ าแนะนาหรืออาจมอบหมายงานหรอื ใหน้ กั เรยี น นาใบความรู้ สื่อดจิ ทิ ัลทส่ี อนในกจิ กรรมการเรียนรู้ไปศกึ ษาเพิม่ เติมในเวลาวา่ ง 10.หลังจากนักเรียนทาใบกจิ กรรมเสร็จเรยี บรอ้ ย ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั เฉลยใบกิจกรรมและอธิบาย เพิ่มเติมจากใบกจิ กรรมว่าทาไมถงึ ตอบอย่างนี้ 11. การจัดชั้นเรียนให้นกั เรยี นน่งั เป็นกล่มุ เพ่ือฝกึ ทกั ษะการทางานกลุ่มร่วมกับผ้อู ่ืน 12.เม่ือนกั เรียนทากิจกรรมทกุ อยา่ งเสรจ็ ใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น เพือ่ วัดความรคู้ วามเข้าใจ แล้วนาผลการทดสอบก่อนเรยี น – หลงั เรยี น มาเปรียบเทียบ เพ่ือทราบผลการพัฒนาการเรียนของ นกั เรยี น
9 คาชแี้ จงสาหรบั นกั เรียน 1. ก่อนศกึ ษากจิ กรรมการเรียนรู้ นกั เรยี นอ่านคาชแี้ จงและคาแนะนาสาหรบั นกั เรียนให้เขา้ ใจ 2. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นกิจกรรมการเรยี นรู้ ชุดที่ 2 เรื่อง โครงงานกับการแกป้ ัญหา จานวน 10 ขอ้ 3. ศกึ ษาใบความรอู้ ย่างตง้ั ใจ และร่วมแสดงความคิดเห็นในกล่มุ อยา่ งมเี หตผุ ล 4. ฝึกปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตามความสามารถของตน 5. ตอบคาถามจากกิจกรรมดว้ ยความตั้งใจ 6. ตรวจคาตอบจากเฉลยกจิ กรรม 7. เมอ่ื เรยี นกิจกรรมการเรียนรู้ ชุดท่ี 2 เรอ่ื ง โครงงานกบั การแกป้ ญั หา จบแล้ว ให้ทาแบบทดสอบหลงั เรียน จานวน 10 ข้อ ดว้ ยความรอบคอบและม่นั ใจ 8. ในการทากิจกรรมแตล่ ะกิจกรรมการเรียนรู้ ขอให้นักเรียนทาดว้ ยความตง้ั ใจ ใหค้ วามรว่ มมือ และ มีความซ่อื สตั ย์ตอ่ ตนเองใหม้ ากทส่ี ดุ 9. ถ้านักเรยี นเรียนไม่ทันหรอื เรียนยงั ไมเ่ ข้าใจ ให้รับกิจกรรมการเรียนรไู้ ปศึกษา เพมิ่ เตมิ นอกเวลาเรียน เพื่อใหเ้ ข้าใจมากยิง่ ขึน้
10 สาระสาคญั โครงงาน เป็นการศกึ ษาทีเ่ ปิดโอกาสให้นกั เรียนศึกษาค้นคว้าหาความร้แู ละลงมือปฏบิ ตั ิด้วยตนเอง ในเรื่องใดเร่ืองหนึ่งท่ีต้องการรู้คา ตอบให้ลึกซึ้ง โดยใช้กระบวนการหรือวิธีการท่ีมีระบบ ภายใต้การดูแล และให้คาปรกึ ษาของครหู รือผ้เู ชยี่ วชาญตง้ั แตก่ ารเลอื กหัวข้อเร่ืองท่ีจะทาโครงงาน การกาหนดขอบเขตการ วางแผนดาเนินงานและขั้นตอน และลงมอื ปฏบิ ตั ติ ามแผนที่วางไว้ จนได้ข้อสรปุ ท่ีเปน็ คาตอบในเร่อื งน้นั ๆ การทาโครงงานเพ่ือแก้ปัญหาด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมมีจุดเน้นในด้านของการนา แนวคดิ หลกั การหรือทฤษฎที างวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และความรู้จากศาสตร์อ่ืนๆ มาบูรณาการเพ่ือ พัฒนาสิ่งของเครื่องใช้หรือวิธีการเพื่อการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการของมนุษย์ ผ่านกระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยสารวจสถานการณ์ปัญหาท่ีสนใจ เพ่ือกาหนดปัญหาหรือความต้องการเป็น หัวข้อโครงงาน แล้วรวบรวมข้อมูลและแนวคิดท่ีเกี่ยวข้องกับปัญหา ออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา ท่ีมี การวางแผนการทางานอย่างเป็นขั้นตอนเพ่ือแก้ปัญหา ทดสอบ ประเมินผล ปรับปรุงแก้ไขวิธีการ แก้ปัญหาหรือชิน้ งาน และนาเสนอวธิ ีการแก้ปัญหา สาระการเรยี นรู้ 1) การทาโครงงาน เป็นการประยุกต์ใช้ความรู้ และทักษะจากศาสตร์ต่างๆ รวมทั้งทรัพยากรใน การสรา้ งหรอื พฒั นาช้ินงานหรือวิธกี าร เพอื่ แก้ปญั หาหรอื อานวยความสะดวกในการทางาน 2) การทาโครงงานการออกแบบและเทคโนโลยี สามารถดาเนินการได้ โดยเริ่มจากการสารวจ สถานการณ์ปญั หาทส่ี นใจ เพื่อกาหนดหัวข้อโครงงาน แล้วรวบรวมข้อมูลและแนวคิดท่ีเกี่ยวข้องกับปัญหา ออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา วางแผน และดาเนินการแก้ปัญหา ทดสอบ ประเมินผล ปรับปรุงแก้ไข วิธีการแก้ปญั หาหรือช้ินงาน และนาเสนอวธิ ีการแกป้ ัญหา ผลการเรียนรู้ที่คาดหวงั เป็นบทเรยี นที่มุง่ เน้นให้ผูเ้ รียนมีความรู้ความสามารถในการพัฒนาโครงงานโดยผ่านกระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรมเพือ่ ให้สามารถนา ไปแก้ปัญหาท่ตี นเองสนใจ
11 ส่อื การเรยี นและกจิ กรรม การออกแบบและเทคโนโลยี ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 - บทที่ 2 (google.com) หมายเหตุ : - ลงิ ค์น้จี ะประกอบไปด้วย แบบทดสอบ, ใบกจิ กรรม, ใบความร,ู้ และส่อื VDO
12 ชุดท่ี 3 การสร้างประโยชน์จากผลงาน คาช้ีแจงเก่ยี วกบั กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. กจิ กรรมการเรยี นรู้ แผนที่ 3 เร่อื ง การสรา้ งประโยชนจ์ ากผลงาน รายวิชาเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) สาหรบั นักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 2. กิจกรรมการเรียนร้นู ป้ี ระกอบดว้ ย 1. คาช้แี จงเกีย่ วกับกิจกรรมการเรยี นรู้ 2. คาช้แี จงสาหรบั ครู 3. คาชแ้ี จงสาหรบั นักเรียน 4. แบบทดสอบกอ่ นเรียน – หลังเรียน 5. ใบความรู้ 6. กิจกรรม 7. บรรณานกุ รม 3. กิจกรรมการเรยี นรนู้ ้ีใช้เวลาเรยี น 12 ชวั่ โมง ก่อนศึกษากจิ กรรมการเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทา แบบทดสอบกอ่ นเรียน เร่ือง การสรา้ งประโยชนจ์ ากผลงาน จานวน 10 ข้อ 4. หลงั จากศกึ ษากิจกรรมการเรียนรูจ้ บแลว้ ทาแบบทดสอบหลังเรยี น เรอื่ งโครงงานกับการ แกป้ ัญหา จานวน 10 ข้อ
13 คาชี้แจงสาหรบั ครู 1. กอ่ นนากจิ กรรมการเรยี นรูไ้ ปใชจ้ ัดกจิ กรรมการเรียนการสอนครคู วรศกึ ษากิจกรรมการเรียนร้ใู ห้ รอบคอบ จากคู่มือการใชก้ ิจกรรมการเรยี นร้ใู หเ้ ข้าใจ 2. ศึกษาแผนการจดั การเรียนรู้ ผลการเรียนรทู้ ่คี าดหวัง สาระการเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้การวัดผล ประเมนิ ผล ตลอดจนแหล่งการเรยี นรู้ ในแตล่ ะกิจกรรมการเรียนรูใ้ ห้เขา้ ใจอยา่ งชดั เจน 3. ครคู วรเตรียมกจิ กรรมการเรียนรู้ ซ่งึ ประกอบด้วย ผลการเรยี นรูท้ ี่คาดหวังแบบทดสอบกอ่ นเรียน ใบความรู้ กิจกรรม แบบทดสอบหลงั เรยี น ตลอดจนอปุ กรณ์ตา่ งๆ ให้ครบถว้ น 4. กอ่ นสอนครคู วรช้แี จงบทบาทและหน้าทีข่ องผเู้ รยี น และกาหนดข้อตกลงรว่ มกัน 5. ใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เร่อื ง การสรา้ งประโยชน์จากผลงาน จานวน 10 ขอ้ เพ่ือประเมนิ ความรูพ้ นื้ ฐานของนักเรยี น 6. ครูแจกกจิ กรรมการเรียนรู้ใหน้ ักเรยี นศึกษา และอธบิ ายให้นกั เรยี นไดป้ ฏบิ ตั ไิ ด้อยา่ งถูกต้อง 7. ดาเนนิ การสอนตามกิจกรรมการเรยี นรู้ที่กาหนดไวใ้ นแผนการจดั การเรียนรู้ 8. ขณะประกอบกิจกรรมครคู วรเปน็ ท่ีปรึกษาใหค้ าแนะนากับนักเรยี นที่มีปัญหา โดยเนน้ ใหน้ กั เรียนไดร้ ว่ ม คดิ รว่ มทาจากการปฏบิ ตั จิ รงิ เพอื่ สรุปผลการเรยี นรู้ 9. ถ้ามนี กั เรยี นเรยี นไมท่ นั ครูควรให้คาแนะนาหรอื อาจมอบหมายงานหรือให้นกั เรียน นาใบความรู้ สื่อดจิ ทิ ัลที่สอนในกิจกรรมการเรียนรไู้ ปศกึ ษาเพมิ่ เตมิ ในเวลาวา่ ง 10.หลงั จากนกั เรยี นทาใบกจิ กรรมเสร็จเรียบร้อย ครูและนกั เรียนร่วมกันเฉลยใบกจิ กรรมและอธิบาย เพ่ิมเตมิ จากใบกิจกรรมวา่ ทาไมถึงตอบอยา่ งนี้ 11. การจดั ชัน้ เรียนใหน้ กั เรยี นน่งั เปน็ กลมุ่ เพือ่ ฝกึ ทกั ษะการทางานกลุ่มร่วมกับผู้อื่น 12.เมื่อนกั เรยี นทากิจกรรมทุกอยา่ งเสรจ็ ให้นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน เพ่อื วดั ความรคู้ วามเข้าใจ แลว้ นาผลการทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน มาเปรียบเทยี บ เพือ่ ทราบผลการพัฒนาการเรยี นของ นักเรยี น
14 คาชแ้ี จงสาหรับนักเรียน 1. ก่อนศึกษากิจกรรมการเรยี นรู้ นักเรียนอา่ นคาชี้แจงและคาแนะนาสาหรับนักเรียนให้เขา้ ใจ 2. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี นกจิ กรรมการเรยี นรู้ ชดุ ท่ี 3 เร่ือง การสรา้ งประโยชน์จากผลงาน จานวน 10 ข้อ 3. ศึกษาใบความรอู้ ยา่ งตั้งใจ และร่วมแสดงความคิดเห็นในกลมุ่ อย่างมเี หตผุ ล 4. ฝึกปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตามความสามารถของตน 5. ตอบคาถามจากกจิ กรรมดว้ ยความตั้งใจ 6. ตรวจคาตอบจากเฉลยกจิ กรรม 7. เม่อื เรียนกจิ กรรมการเรยี นรู้ ชุดที่ 3 เรอ่ื งการสรา้ งประโยชน์จากผลงาน จบแล้ว ใหท้ าแบบทดสอบหลงั เรียน จานวน 10 ข้อ ด้วยความรอบคอบและม่ันใจ 8. ในการทากจิ กรรมแตล่ ะกิจกรรมการเรียนรู้ ขอให้นกั เรียนทาด้วยความตั้งใจ ให้ความร่วมมือ และ มคี วามซ่อื สตั ย์ต่อตนเองใหม้ ากท่สี ุด 9. ถา้ นกั เรียนเรียนไมท่ ันหรอื เรยี นยังไม่เขา้ ใจ ให้รบั กจิ กรรมการเรยี นรู้ไปศกึ ษา เพม่ิ เตมิ นอกเวลาเรยี น เพอื่ ให้เข้าใจมากยิง่ ขึ้น
15 สาระสาคญั การสร้างประโยชน์จากผลงาน เป็นการพัฒนาผลงานท้ังที่เป็นช้ินงาน (ผลิตภัณฑ์) หรือท่ีเป็น วิธีการในการแก้ปัญหา ศึกษา ค้นคว้า วิจัยและพัฒนา คิดสร้างสรรค์ โดยบูรณาการความรู้ทาง วทิ ยาศาสตร์ร่วมกับศาสตร์ต่าง ๆ เพื่อให้ผลงานมีมลู ค่าเพม่ิ ขึ้น คาว่า “มูลค่า” นอกจากจะหมายถึงราคา ของส่ิงของนั้นแล้วในทางการตลาดยังหมายถึงคุณค่าทางจิตใจที่ได้จากการประเมินค่าส่ิงใดส่ิงหนึ่ง หาก ผลงานท่ีพัฒนาขึ้นน้ันมีความแปลกใหม่ และไม่เคยมีผู้ใดคิดทา มาก่อน ผู้สร้างก็จะได้ผลงานใหม่ท่ีเรียก วา่ นวตั กรรรมซ่ึงเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของผู้สร้าง และได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย นอกจากนี้ยัง สามารถสร้างประโยชน์ด้วยการนาเสนอผลงานต่อสาธารณะเพ่ือพัฒนาต่อยอดผลงานในเชิงพาณิชย์ หรือ เพ่อื การประกอบอาชีพในอนาคต สาระการเรียนรู้ การทาโครงงานเป็นการประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะจากศาสตร์ต่างๆ รวมทั้งทรัพยากรในการ สรา้ งหรอื พฒั นาชิน้ งานหรือวิธีการ เพื่อแก้ปญั หาหรืออานวยความสะดวกในการทางาน ผลการเรียนรู้ท่คี าดหวงั เปน็ บทเรยี นทีม่ งุ่ เน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการพัฒนาผลงาน การสร้างประโยชน์ จากผลงาน และการคุ้มครองทรพั ย์สินทางปัญญาของตนเองและผู้อื่น เพ่ือให้เกิดความเข้าใจและสามารถ นาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาหรือสร้างประโยชน์จากผลงานของตนเอง และการเผยแพร่ ประชาสัมพนั ธ์ผลงานของตนเองให้เป็นท่ีรู้จกั และกอ่ ให้เกิดประโยชน์
16 ส่อื การเรยี นและกจิ กรรม การออกแบบและเทคโนโลยี ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 - บทที่ 3 (google.com) หมายเหตุ : - ลงิ คน์ ี้จะประกอบไปดว้ ย แบบทดสอบ, ใบกจิ กรรม, ใบความร,ู้ และส่อื VDO
17 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่อื ง ความรแู้ ละการคิดเชิงออกแบบเพื่อการแกป้ ัญหา
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 1 18 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) สาระที่ 4 เทคโนโลยี หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง ความร้แู ละการคิดเชงิ ออกแบบเพอ่ื การแกป้ ญั หา ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 เรือ่ ง ความรแู้ ละการคดิ เชงิ ออกแบบเพื่อการแกป้ ญั หา เวลาเรยี น 8 ชวั่ โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคํานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอนและเป็นระบบใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทํางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่า ทัน และมีจรยิ ธรรม ตัวช้วี ัด ประยกุ ตใ์ ช้ความรแู้ ละทักษะจากศาสตรต์ า่ ง ๆ รวมทง้ั ทรพั ยากรในการทําโครงงานเพ่ือแก้ปัญหา หรอื พัฒนางาน 2. สาระการเรียนรู้ การทําโครงงาน เปน็ การประยุกตใ์ ชค้ วามร้แู ละทักษะจากศาสตรต์ า่ งๆ รวมทั้งทรัพยากรในการสร้าง หรอื พฒั นาชิน้ งานหรือวธิ กี าร เพ่ือแกป้ ัญหาหรอื อํานวยความสะดวกในการทาํ งาน 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3.1 อธิบายประโยชนข์ องการคดิ เชงิ ออกแบบ 3.2 วเิ คราะหส์ ถานการณห์ รอื ความต้องการท่คี ํานึงถึงผู้ใชด้ ้วยการคิดเชงิ ออกแบบและความรู้ จากศาสตรต์ ่าง ๆ 4. ทักษะและกระบวนการ 1. ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2. ทกั ษะการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ 3. ทกั ษะการสอื่ สาร 4. ทกั ษะการทํางานรว่ มกับผู้อนื่ 5. ความรเู้ ดิมท่นี กั เรียนตอ้ งมี ธรรมชาตขิ องเทคโนโลยี ได้แก่ ความหมายและการเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยี ระบบทางเทคโนโลยี ที่ซับซ้อน ตลอดจนผลกระทบของเทคโนโลยี ได้ลงมือปฏิบัติเพื่อวางแผนและทํางานอย่างเป็นระบบตาม กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม (engineering design process) โดยใช้เทคนิคหรือวิธีการต่างๆ มาช่วย ในการวิเคราะห์ปัญหา กําหนดประเด็นและรวบรวมข้อมูล ออกแบบ วางแผนและสร้างชิ้นงาน ทดสอบ ประเมนิ ผล ปรบั ปรุงแกไ้ ขชนิ้ งาน และนาํ เสนอผลการแกป้ ญั หา
19 6. สาระสําคัญ การวิเคราะหส์ ถานการณ์ปัญหาอยา่ งรอบดา้ นภายใต้กรอบความรทู้ างด้านวทิ ยาศาสตรค์ ณิตศาสตร์ และศาสตร์อน่ื ๆ รวมทงั้ การใชแ้ นวคดิ เชิงออกแบบร่วมกับการทาํ งานตามกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม จะชว่ ยใหผ้ ู้เรียนสามารถพิจารณากิจกรรมและปญั หาทเี่ กดิ ในสถานการณ์และบรบิ ทตา่ งๆ ช่วยให้ผเู้ รียน วเิ คราะห์และเข้าใจผูใ้ ชง้ านซ่งึ เปน็ กลุ่มบคุ คลผ้นู าํ เทคโนโลยีท่ถี ูกพฒั นาไปใช้ในชวี ติ ประจาํ วัน 7. ส่ือและอปุ กรณ์ 7.1 ใบกิจกรรม เร่อื ง เวลา(นาที) ใบกิจกรรมท่ี สาํ รวจก่อนสรา้ ง 30 สรา้ งอยา่ งมีความรู้ 45 กิจกรรมเสนอแนะท่ี 1 ปฏิบตั งิ านอยา่ งมีทกั ษะ 45 กิจกรรมเสนอแนะท่ี 2 พฒั นาแนวคดิ พิชิตปัญหา 60 กิจกรรมเสนอแนะท่ี 3 คิดอยา่ งไรใหค้ มุ้ ทนุ 30 กิจกรรมเสนอแนะท่ี 4 ชว่ ยคณุ สมารท์ หาจุดคมุ้ ทนุ 60 กิจกรรมเสนอแนะท่ี 5 ชว่ ยคณุ สมารท์ วางระบบนา้ํ 60 ความรูก้ บั การออกแบบสนามฟตุ บอล 60 กิจกรรม 1.1 ประมวลกระบวนการคดิ 30 กิจกรรม 1.2 การใชค้ วามรูแ้ ละการคิดเชิงออกแบบ กิจกรรม 1.3 60 เพ่อื แกป้ ัญหาจากสถานการณท์ ่ีสนใจ กิจกรรมเสนอแนะท่ี 6 กิจกรรมทา้ ยบท 7.2 อ่ืน ๆ -
20 8. แนวทางการจัดการเรยี นรู้ 1) ผู้สอนนําเข้าสูบ่ ทเรียน โดยเปดิ โอกาสใหผ้ ูเ้ รยี นแสดงความคิดเหน็ ในประเด็นท่วี า่ “เทคโนโลยใี น ชีวติ ประจําวัน ถกู คดิ คน้ ขึน้ จากสาเหตใุ ดบา้ ง” แนวคาํ ตอบ 1. ความตอ้ งการของมนุษย์ในการใช้ชีวิต o ตอ้ งการเพิ่มประสทิ ธิภาพในการสอื่ สารและคมนาคม เช่น โทรศัพทม์ ือถอื ดาวเทยี ม อนิ เทอรเ์ นต็ รถยนต์ รถไฟ รถไฟฟา้ ใต้ดนิ เครอ่ื งบนิ o ต้องการความสะดวกสบายในการใชช้ ีวติ ส่วนตัว เชน่ โทรทศั น์ ตู้เย็น เครือ่ งปรบั อากาศ เตา อบไมโครเวฟ เครือ่ งซักผา้ เครอื่ งล้างจาน เครอื่ งดดู ฝนุ่ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ตู้ATM ตบู้ รกิ ารเคร่ืองดมื่ อัตโนมัติ เคร่ีองจาํ หนา่ ยต๋วั ภาพยนตร์ o ตอ้ งการสิง่ อาํ นวยความสะดวกในการเรียนหรอื การทํา งาน เชน่ คอมพิวเตอร์เครื่องพิมพ์ เครอื่ งสแกนบัตรนกั เรียน ระบบยืม-คนื หนังสือห้องสมดุ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ o ตอ้ งการเพิม่ ความปลอดภัยในการใช้ชีวติ เช่น กล้องวงจรปดิ ระบบตดั ไฟฟา้ อตั โนมตั ิ อปุ กรณ์ตรวจจบั ควนั ไฟในอาคาร สัญญาณกนั ขโมย 2. ขอ้ จาํ กัดทางกายภาพหรอื สภาพแวดล้อม o ความจําเปน็ ในการใช้พนื้ ท่ที มี่ ีอยู่อย่างจาํ กัด เช่น เฟอร์นเิ จอรอ์ เนกประสงค์ การจดั การพ้ืนที่จอดรถใต้ดนิ หรอื พืน้ ทจ่ี อดรถหลายช้นั o ความจําเป็นในการอนรุ กั ษ์สภาพแวดลอ้ ม เชน่ เซลล์แสงอาทติ ย์ (Solar cell) กังหนั ลมผลิตไฟฟา้ ระบบบาํ บัดนา้ํ เสยี กงั หันน้าํ ชัยพฒั นา ยานยนตอ์ นรุ กั ษพ์ ลงั งาน 2) ผ้สู อนต้ังคาํ ถามชวนคดิ ว่า “นักเรยี นคิดวา่ ในการสร้างเทคโนโลยที ตี่ อบสนองได้ตรงความตอ้ งการ ของผใู้ ช้ ผูส้ ร้างเทคโนโลยีจะทราบความต้องการของผใู้ ชไ้ ด้อยา่ งไร” และนักเรียนรว่ มกนั อภปิ ราย แนวคําตอบ 1. การสมั ภาษณ์ (interview) ซึง่ อาจเปน็ การสัมภาษณโ์ ดยตรงหรือผา่ นช่องทางการสอื่ สาร อืน่ เช่น ส่ือสงั คมออนไลน์ โดยคําถามทใ่ี ช้ตอ้ งชัดเจนตรงประเดน็ และมลี กั ษณะเปน็ คําถาม ปลายเปดิ สามารถรวบรวมขอ้ มลู ทไี่ มจ่ ํากดั คาํ ตอบและไดผ้ ลการสัมภาษณ์ทนั ที การสัมภาษณ์มักนยิ มใช้ในการวบรวมข้อมูลเชิงคณุ ภาพเก่ียวกับความคิดเหน็ หรอื ความรสู้ กึ 2. การสํารวจ (survey) ทาํ โดยสรา้ งแบบสาํ รวจทกี่ ําหนดคาํ ถามเพื่อคน้ หาข้อมูลหรือ ความเหน็ ทีต่ ้องการ เช่น การสํารวจความพงึ พอใจของผู้ใช้งานเทคโนโลยีทมี่ ีอยเู่ ดิม 3. การสงั เกต (observe) เปน็ วธิ ีที่ใชส้ ําหรบั รวบรวมขอ้ มลู จากเหตุการณ์ สถานการณ์ หรอื พฤตกิ รรมที่มีการเปลย่ี นแปลงไป เชน่ การสงั เกตพฤตกิ รรมการทงิ้ ขยะของนักเรยี น
21 3) ผสู้ อนจุดประกายเพือ่ สง่ เสรมิ ความคิดแกน่ ักเรียน ในประเดน็ ท่วี า่ การรวบรวมข้อมลู ความ ต้องการของผใู้ ชง้ าน สามารถทาํ ไดห้ ลายวธิ ี และใหน้ ักเรียนทํากจิ กรรมเสนอแนะที่ 1 เร่ือง “สํารวจกอ่ น สรา้ ง” กิจกรรมที่ 1 เร่อื ง สํารวจกอ่ นสรา้ ง o ผู้เรยี นวเิ คราะห์สถานการณต์ วั อย่างท่ีกําหนดให้ ตอ่ ไปน้ี “นายสมารท์ เปน็ นกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 และเปน็ สมาชิกชุมนุมผพู้ ทิ ักษ์รักสง่ิ แวดล้อมซึง่ ต้องการคิดคน้ เทคโนโลยที ่ี ช่วยส่งเสริมความสะอาดของโรงเรียน ” o ผู้เรียนเลือกวธิ ีการรวบรวมข้อมูลความต้องการของผู้ใช้งาน o ผู้เรยี นออกแบบและสรา้ งเคร่ืองมือท่สี อดคลอ้ งกับวธิ กี ารทใี่ ชใ้ นการรวบรวมข้อมูลความ ตอ้ งการของผใู้ ช้งานเทคโนโลยี o ผเู้ รียนแบง่ กลุ่ม 3-4 คน หรือตามความเหมาะสม โดยแต่ละกลุม่ แลกเปล่ยี นเรียนรแู้ ละคดั เลือก วธิ ีการและเคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นการรวบรวมข้อมูล แลว้ นาํ เสนอต่อครูและเพื่อนในชัน้ เรียนใน ประเดน็ ตอ่ ไปน้ี o สาเหตุท่ีเลือกวธิ ีการรวบรวมข้อมูล o สาเหตทุ ี่ออกแบบและกาํ หนดรายละเอียดตา่ งๆ ของเคร่อื งมือ 4) ผู้สอนสรปุ ความสําคัญของการทราบความต้องการของผใู้ ชง้ านกอ่ นทผี่ ้สู ร้างจะดําเนนิ การสร้าง เทคโนโลยหี รือนวตั กรรม 5) ผู้สอนต้งั ประเดน็ คําถามวา่ “นักเรยี นคิดว่าเทคโนโลยสี ่งผลทางดา้ นบวกและด้านลบ ต่อการใช้ ชีวิตประจําวนั ของนกั เรียน ครอบครัว หรือชุมชนทน่ี ักเรยี นอาศัยอยู่อยา่ งไร” และเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรยี นแต่ละ กลุ่มแสดงความคิดเห็นและอภิปรายรว่ มกนั
22 แนวคาํ ตอบ ผลกระทบดา้ นบวก ผลกระทบด้านลบ 1. เทคโนโลยชี ว่ ยเสริมคุณภาพชวี ติ ใหด้ ขี น้ึ 1. เทคโนโลยีลดความสําคัญและโอกาสในการ เพ่มิ ความสะดวกสบายในการใชช้ วี ติ และ ส่อื สารระหวา่ งบุคคลในชีวิตประจําวัน เช่น ประสิทธภิ าพในการทํางาน มกี ารประยกุ ตใ์ ชก้ ับ การสือ่ สารผ่านอุปกรณด์ จิ ทิ ลั แทนการพดู คยุ เคร่ืองอํานวยความสะดวกภายในบ้าน เช่น ระหวา่ งบุคคลในชีวติ จรงิ เครือ่ งใช้ไฟฟา้ และสถานท่หี รือจุดให้บริการ ต่างๆ เช่น ตู้ ATM หรือ เครื่องจํา หน่ายต๋ัว โดยสารอัตโนมตั ิ 2. เทคโนโลยีชว่ ยเพิ่มชอ่ งทางในการสอ่ื สารและ 2. หากข้อมลู ท่สี ่อื สารหรอื เผยแพร่ดังกล่าวเปน็ การรบั ร้ขู า่ วสาร เชน่ การส่อื สารผา่ น ขอ้ มลู เทจ็ หรือกอ่ ให้เกิดความเสยี หายกับผ้อู ืน่ อินเทอรเ์ น็ต สมารท์ โฟน สมารท์ ทวี ี ทํา ใหเ้ กดิ ย่อมกอ่ ใหเ้ กิดความเสยี หายใหแ้ กผ่ ู้ทไี่ ด้รับผล การกระจาย ขอ้ มลู ไปท่ัวทุกหนแหง่ ได้โดยง่าย กระทบน้ันในเวลาอันรวดเร็วและมผี ลอยา่ ง รวมทั้งถนิ่ ทรุ กันดาร ทาํ ใหม้ กี ารกระจายโอกาส กวา้ งขวาง ในการเรียนร้ผู า่ นระบบสอ่ื สารทางไกล 3. เทคโนโลยีช่วยลดระยะเวลาในการเดินทาง 3. ความต้องการใชบ้ ริการเคร่อื งบินหรือรถไฟฟา้ เช่น การโดยสารเคร่ืองบินหรือรถไฟฟ้าท่ี ท่มี ากขน้ึ จงึ ต้องใชพ้ ลงั งาน หรอื เชอ้ื เพลิงเพ่อื สามารถช่วยให้ผู้รับบริการเดินทางถึงท่ีหมายได้ การทํางานทมี่ ากขนึ้ ด้วย ซึ่งมผี ลต่อการหาแหล่ง เรว็ กว่าการเดนิ ทางโดยรถยนต์สว่ นบุคคล พลงั งานมาใช้และผลกระทบจากการใชพ้ ลงั งาน หรือเทคโนโลยที มี่ ากข้ึน 6) ผเู้ รยี นแตล่ ะกล่มุ สบื คน้ และศกึ ษาตัวอย่างนวัตกรรม จากเวบ็ ไซต์ http://ipst.me/9182 แล้ว คดั เลือกนวัตกรรมที่กลุ่มสนใจ จาํ นวน 3 หวั ขอ้ (ผู้สอนอาจเปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รยี นใชอ้ ปุ กรณ์ดิจิทัล เช่น สมาร์ต โฟน ช่วยในการสืบค้นข้อมลู เพ่ิมเตมิ เก่ยี วกับหวั ข้อที่กล่มุ ผ้เู รยี นสนใจ) หัวข้อ นวตั กรรม 1 “COS” รถบรกิ ารกํา จดั ซากสัตว์ 2 ระบบจัดส่งเอกสารกํากบั ยาสําหรบั ผู้ปว่ ยนอก 3 “Apple Monkey” อาหารเสรมิ สําหรับเดก็ เล็กกลุ่มภูมิแพอ้ าหารทง้ั 8 ชนิด 4 ระบบห้องปฏิบัติการทางการแพทยแ์ บบอตั โนมตั ิ 5 “ลณิชา” ไซเดอร์พร้อมดื่ม จากขา้ วไรซเ์ บอรร์ ่ี 6 ระบบการผลติ แตงโมอินทรีย์ภายใตส้ ภาพโรงเรอื นพื้นทีล่ ุม่ 7 “SmileFax” ระบบรับส่งแฟกซ์ผา่ นสมารท์ โฟน 8 ขา้ วพองอินทรยี ช์ นดิ ละลายในปาก 9 โยเกิร์ตจากมะพรา้ วอนิ ทรยี ์ 10 “Retort Box” เครือ่ งฆา่ เชอ้ื อาหารระบบพน่ นา้ํ ในอตุ สาหกรรมครัวเรอื น
23 7) ผสู้ อนให้ผเู้ รยี นแตล่ ะกล่มุ แบ่งปนั หวั ข้อนวัตกรรมและเหตผุ ลทส่ี นใจ ผ่านวิธกี ารตา่ งๆ ตัวอยา่ ง เช่น o กระดานรวมหวั ข้อ โดยผู้สอนเตรียมกระดานพลาสตกิ ลกู ฟกู (พีพบี อร์ดหรือฟวิ เจอรบ์ อรด์ ) ให้ผู้เรียนแต่ ละกลุ่มเขยี นนวตั กรรมทส่ี นใจ ท้ัง 3 หวั ข้อพรอ้ มเหตุผลประกอบ ลงบนกระดาษโน้ตแลว้ นาํ ไปติดบน กระดาน เพอ่ื แลกเปล่ียนความคิดเหน็ กบั ผูเ้ รียนกล่มุ อื่นๆ o กระดานรวมหวั ข้อออนไลน์ โดยผสู้ อนสรา้ งพนื้ ท่แี บง่ ปนั ความคดิ เห็นผา่ นสอื่ สังคมออนไลน์ เช่น https://padlet.com/ ใหผ้ เู้ รยี นโพสต์ (post) แบง่ ปันหวั ข้อนวตั กรรมทส่ี นใจได้ทงั้ ในรปู แบบขอ้ ความ รปู ภาพ หรอื คลปิ วิดโี อตามความตอ้ งการของผเู้ รยี น 8) ผ้สู อนจดุ ประกายความคิดแก่ผเู้ รยี นดว้ ยคํา ถามวา่ “นกั เรียนคิดวา่ ผ้สู ร้างนวัตกรรมที่กล่มุ นักเรียนสนใจ จาํ เป็นตอ้ งมคี วามรู้ความเข้าใจเรอื่ งใดบ้าง” ให้ผู้เรยี นศกึ ษาเนอ้ื หา หัวข้อ 1.1.1 ความรู้ พน้ื ฐานในหนังสอื เรยี น แลว้ ทํากจิ กรรมที่ 2 เร่ือง “สรา้ งอย่างมคี วามรู้” กิจกรรมท่ี 2 เร่อื ง สร้างอยา่ งมคี วามรู้ 1. ผเู้ รยี นแต่ละกลุ่ม วเิ คราะห์นวัตกรรมทสี่ นใจทัง้ 3 หวั ขอ้ ในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี • นวตั กรรมแตล่ ะหวั ข้อจําเปน็ ตอ้ งอาศัยความรู้พืน้ ฐานเกย่ี วข้องกบั สาระวชิ า ทฤษฎีหลักการ ด้านใดบา้ ง เพ่อื ใหป้ ระสบผลสําเร็จในการสรา้ ง • หากผู้สร้างขาดความร้คู วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั สาระวิชา ทฤษฎี หลักการเหลา่ น้นั แลว้ จะกอ่ ใหเ้ กิด ผลกระทบตอ่ การสรา้ งหรอื การใช้งานนวัตกรรมอย่างไร 2. ผเู้ รยี นแตล่ ะกลมุ่ นําเสนอหน้าช้ันเรียน โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรยี นกล่มุ อ่นื แสดงความคิดเห็น เสนอแนะเพ่ิมเติม หรือถามคาํ ถามเก่ยี วกับผลการวิเคราะห์ของกล่มุ นาํ เสนอ
24 9) ผสู้ อนจุดประกายความคิดแกผ่ ้เู รียนด้วยคํา ถามวา่ “นอกจากความร้พู ้นื ฐานทเ่ี กีย่ วข้องกบั นวัตกรรมนกั เรยี นคิดวา่ มสี ่ิงใดทผ่ี ู้สร้างควรรู้และใหค้ วามสาํ คญั เพ่อื ให้เกดิ ทกั ษะท่ดี ใี นการสรา้ งนวัตกรรม” ใหผ้ ้เู รียนศึกษาเนอื้ หา หัวข้อ 1.1.2 ความรแู้ ละทกั ษะในการปฏิบตั ิงาน ในหนังสอื เรียนแลว้ ทํากจิ กรรมที่ 3 เร่อื ง “ปฏิบัติงานอยา่ งมีทกั ษะ กจิ กรรมที่ 3 เรือ่ ง ปฏบิ ัติงานอยา่ งมที ักษะ 1. ผู้เรียนแต่ละกล่มุ อภิปรายร่วมกนั เกี่ยวกับนวตั กรรมท่ีสนใจท้งั 3 หัวขอ้ วา่ จําเป็นตอ้ งใช้ ความร้แู ละทกั ษะในการปฏิบัติงานด้านใดต่อไปนีบ้ ้าง และแต่ละด้านเกี่ยวข้องกบั การสร้างนวตั กรรม หรือมผี ลกระทบต่อผ้ใู ชน้ วตั กรรมอย่างไร • ข้อบังคบั ทางกฎหมาย • คุณธรรมจรยิ ธรรม • จรรยาบรรณ • การส่ือสาร • ความคดิ สรา้ งสรรค์ • การคิดเชงิ ระบบ • การคดิ อย่างมีวิจารณญาณ • การทาํ งานร่วมกับผอู้ ืน่ 2. ผ้เู รยี นแต่ละกลุม่ สรา้ งผังมโนทศั น์ (Mind map) เพือ่ แสดงความคิดเชื่อมโยงระหวา่ ง นวัตกรรมและความร้ดู ้านตา่ งๆ รวมทง้ั ความรูแ้ ละทกั ษะในการปฏบิ ตั ิงานทเ่ี ก่ียวขอ้ ง แล้วนําเสนอ หนา้ ชน้ั เรียน 10) ผู้สอนและผู้เรียนรว่ มกนั อภปิ รายเพอ่ื สรุปเก่ียวกบั ความสําคัญของความรูพ้ ้นื ฐานความรูแ้ ละ ทกั ษะในการปฏบิ ัตงิ าน ที่ส่งผลตอ่ การออกแบบเทคโนโลยีและนวัตกรรม 11) ผเู้ รียนศึกษาเนือ้ หาหวั ขอ้ 1.2 การคดิ เชงิ ออกแบบกบั การแก้ปญั หา ซึง่ ประกอบด้วยการระบุ และตีความปญั หา การพฒั นาแนวคดิ และการสร้างแนวทางการแกป้ ัญหา แลว้ ทํากิจกรรมท่ี 4 เร่ือง “พฒั นา แนวคิดพชิ ิตปญั หา”
25 9) ผสู้ อนจุดประกายความคิดแกผ่ ู้เรียนดว้ ยคาํ ถามวา่ “นอกจากความรูพ้ ืน้ ฐานที่เก่ียวขอ้ งกับ นวัตกรรมนกั เรียนคดิ วา่ มสี ิง่ ใดท่ีผู้สรา้ งควรรู้และใหค้ วามสําคัญเพื่อใหเ้ กิดทกั ษะที่ดใี นการสร้างนวัตกรรม” ใหผ้ ูเ้ รียนศึกษาเนื้อหา กิจกรรมที่ 4 เรอื่ ง พัฒนาแนวคดิ พชิ ิตปญั หา 1. ผูเ้ รียนแตล่ ะกลมุ่ จบั สลากเลือกสถานการณ์ 1 สถานการณ์ ต่อไปน้ี สถานการณ์ท่ี 1 : หมบู่ า้ นแหง่ หน่ึง มีขยะจาํ นวนมากจนสง่ กล่นิ เหม็นไปท่วั หมู่บา้ น เนอื่ งจากในช่วงหา้ ปีทผี่ า่ นมา มีประชากร ในหมบู่ ้านเพมิ่ ขนึ้ หลายเท่า โดยมถี งั ขยะใบใหญอ่ ยู่เพยี ง 2 ถงั ที่หนา้ หมบู่ า้ น และมีการเกบ็ ขยะจากส่วนกลางทกุ ๆ 7 วนั ซึ่งไม่เพยี งพอกบั การทิ้งขยะของประชากรในหมบู่ ้าน รวมถงึ ของเสียและขยะจากร้านอาหารตามส่ังภายในหมู่บา้ น โดยเฉพาะช่วงเช้าและเยน็ ในแต่ละวัน สถานการณท์ ี่ 2 : ครอบครวั หนึง่ มที ีด่ นิ จาํ นวน10 ไร่ ซ่ึงภายในทดี่ นิ มแี หลง่ น้ํา แต่เน่ืองจากสมาชกิ ครอบครวั ไมไ่ ดท้ าํ การเกษตร และสมาชกิ ในครอบครวั ตอ้ งออกจากบา้ นไปทํา งานทุกวนั จันทรถ์ ึงศกุ ร์ ที่ดินดังกล่าวจึงกลายเป็นท่ีดนิ รก ร้างไมเ่ กิดประโยชน์ แหล่งนาํ้ ไมส่ ะอาดและมีวัชพืชขึ้นจาํ นวนมาก มสี ตั วเ์ ลอ้ื ยคลานชกุ ชุมในช่วงฤดูฝน ซึง่ กระทบ กับความปลอดภยั ของเพอ่ื นบ้านใกล้เคียง สถานการณ์ท่ี 3 : โรงอาหารของโรงเรียนแหง่ หนึง่ มีพ้นื ทก่ี วา้ ง 20 เมตร ยาว 50 เมตร เปน็ รูปสี่เหล่ียมผืนผา้ และมีท่ตี ัง้ ร้านอาหารกระจายตามจุดต่าง ๆ ทั่วโรงอาหารจํานวน 10 รา้ น แต่เกิดปญั หาการบรกิ ารอาหารในช่วงพักกลางวนั ให้แก่นกั เรยี น ม.ต้น จํานวน 1000 คน และม.ปลาย จํานวน 1000 คน เนอ่ื งจากนักเรยี นใช้เวลานานในการรอซอื้ อาหาร และหลายครง้ั ที่ภาชนะบางรา้ นมีไม่เพียงพอใหบ้ รกิ าร โดยตอ้ งรอภาชนะจากพนักงานล้างท่เี กบ็ ภาชนะไปลา้ ง นอกโรงอาหาร 2. ผเู้ รยี นแต่ละกลุ่ม วิเคราะห์สถานการณ์ในประเดน็ ต่อไปนี้ (5W: What, Why, When, Where, Who) • ปัญหาของสถานการณ์คอื อะไร • ทาํ ไม/สาเหตใุ ดจงึ เกดิ เปน็ ปัญหา • ปัญหาเกิดขน้ึ เมอ่ื ใด • ปัญหาเกดิ ขึน้ ท่ใี ด • บุคคล/กลุ่มบคุ คลใดท่เี กย่ี วขอ้ งกับปญั หา 3. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนําเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น โดยเปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นกลมุ่ ท่เี ลือกสถานการณเ์ ดยี วกนั และกลมุ่ ท่เี ลือก สถานการณ์ต่างกนั แสดงความคดิ เห็นเสนอแนะเพิม่ เตมิ หรอื ถามคําถามเก่ยี วกับผลการวเิ คราะหข์ องกลุ่มนําเสนอ 4. ผู้เรียนแต่ละกล่มุ สืบค้นและรวบรวมขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ จากแหล่งข้อมูลท่ีหลากหลายเกีย่ วกับองค์ประกอบหรือสภาวะ แวดลอ้ มของสถานการณ์ท่ไี ด้รบั มอบหมาย แล้วนําข้อมลู /สารสนเทศทรี่ วบรวมไดม้ าพจิ ารณาร่วมกันในกลมุ่ เพอ่ื พฒั นาแนวคดิ ในการแก้ปญั หา 5. ผ้เู รียนแต่ละกลมุ่ เขียนแผนภาพแสดงรายละเอียดของแนวคิดในการแกป้ ัญหาอย่างเป็นระบบพร้อมท้ังอ้างอิง แหล่งขอ้ มลู ทีส่ ืบค้น (สามารถทํา ได้ด้วยวธิ ีการเขียนลงบนกระดาษปรู๊ฟ (news-print) หรือ ใช้ซอฟต์แวรใ์ นการสร้าง แผนภาพ)
26 6. ผู้สอนใหผ้ ู้เรยี นใช้คลาวด์คอมพวิ ตงิ (could computing) เชน่ กเู กิลไดร์ฟ (google drive) หรือเวบ็ ไซต์ www.padlet.com ในการแบ่งปันแผนภาพรายละเอียดของแนวคิดในการแก้ปัญหาของกลุ่มตนเองกบั กล่มุ อืน่ แล้ว ให้แต่ละกลมุ่ แสดงความคิดเหน็ ดว้ ยการเขียนขอ้ มูลย้อนกลบั (feedback) สง่ คนื ให้กล่มุ ท่ีเป็นเจา้ ของแผนภาพเพ่อื ปรบั ปรุงพฒั นาแนวคดิ ให้เหมาะสมสาํ หรบั การนาํ ไปสรา้ งตน้ แบบ (prototype) เพื่อทดสอบกบั สถานการณจ์ รงิ 7. ผู้สอนสมุ่ กลุ่มผูเ้ รยี น สถานการณล์ ะ 1 กลมุ่ เพ่ือนาํ เสนอประกอบแผนภาพรายละเอียดของแนวคิดและ แนวทางในการแกป้ ญั หา พรอ้ มทง้ั เกณฑก์ ารประเมินสมรรถนะของวธิ ีการแก้ปญั หาทีส่ รา้ งข้นึ 12) ผู้เรียนศึกษากรณีศึกษาของนายสมาร์ท (หนงั สือเรียนหนา้ 12–13) แลว้ ทาํ กจิ กรรมที่ 5 เรือ่ ง “คิดอยา่ งไรให้ค้มุ ทนุ ” กิจกรรมที่ 5 เร่อื ง คดิ อยา่ งไรใหค้ ุม้ ทุน 1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่ม วิเคราะห์สถานการณ์ตอ่ ไปนี้ “นายสมาร์ทตอ้ งการขายสลัดผักในงานเปิดตลาดหมู่บา้ นเกษตร โดยมวี ัตถุดิบปรมิ าณชนดิ ละ10 กิโลกรมั โดยมี ต้นทนุ การผลติ วตั ถุดบิ ดงั นี้ • กะหลา่ํ ปลี กิโลกรมั ละ 10 บาท • ข้าวโพด กโิ ลกรัมละ 10 บาท • กรีนโอค๊ กิโลกรมั ละ 20 บาท • มะเขือเทศเชอรร์ ี กโิ ลกรมั ละ 20 บาท จากการสํารวจความตอ้ งการของเพ่ือนบ้านส่วนใหญใ่ นหมู่บ้าน พบวา่ ตอ้ งการรับประทานสลัดทผ่ี สมผกั ท้ัง 4 ชนดิ ปรมิ าณตอ่ หน่วย 300-500 กรัม ราคาไม่เกนิ 20 บาท” 2. ผู้เรยี นแต่ละกล่มุ จะช่วยนายสมาร์ทคิดวางแผนการขายอย่างไร ในประเด็นตอ่ ไปน้ี • โอกาสทสี่ ามารถขายสลดั ผักไดจ้ ํานวนกห่ี นว่ ย • ควรขายราคาต่อหนว่ ยราคาเท่าไรเพ่ือไม่ใหข้ าดทุน • ควรขายราคาตอ่ หน่วยราคาเทา่ ไรเพื่อให้ได้กําไรสูงสดุ 3. ผู้เรียนแตล่ ะกลุ่ม สรา้ งตารางสารสนเทศเพ่อื ประกอบการตัดสนิ ใจของนายสมาร์ท (ผ้สู อนอาจแนะนาํ ใหผ้ เู้ รียน สร้างตารางดว้ ยวิธกี ารเขยี นบนกระดาษ สรา้ งด้วยซอฟต์แวร์ หรอื สรา้ งดว้ ยการใช้บรกิ ารคลาวด์ เชน่ google spreadsheet) 4. ผสู้ อนสมุ่ กลุ่มผ้เู รยี น 2-3 กลุ่ม เพ่ือนําเสนอหน้าช้ันเรยี น และเปิดโอกาสใหผ้ ูเ้ รยี นกลมุ่ อ่นื แสดงความคิดเห็นใน ประเดน็ ของการวางแผนท่เี หมือนหรอื แตกตา่ งจากกลมุ่ ที่นาํ เสนอ 5. ผู้สอนและผเู้ รียนอภิปรายรว่ มกัน เพ่อื สรปุ วิธีการขายทีด่ ีทส่ี ุดเพอื่ ช่วยนายสมารท์ ขายสลัดผักในงานเปิดตลาด หมบู่ ้านเกษตร 13) ผ้เู รยี นศึกษากราฟความสมั พันธข์ องปริมาณการผลติ และการขาย ตน้ ทุน กําไรและการคํานวณ จุดคุ้มทุน แลว้ ทาํ กิจกรรม 1.1 ชว่ ยคณุ สมารท์ หาจุดคมุ้ ทนุ แนวคาํ ตอบ จากความหมายของ “ต้นทุนคงท่ี” คอื คา่ ใช้จ่ายที่มีลกั ษณะคงท่ี ไม่เปลี่ยนแปลงตามปริมาณของสนิ ค้าท่ี ผลิต ดงั นน้ั ไมว่ า่ ค่าบนแกน X ของกราฟ ซึง่ แสดงปรมิ าณการผลิตจะเพ่ิมขึ้นเทา่ ไรกต็ าม คา่ ของต้นทนุ คงทีจ่ ะเทา่ เดิมเสมอ และคา่ 40,000 บนแกน Y หรอื ค่าที่ตําแหนง่ (0, 40,000) คอื ค่าของต้นทุนรวมเม่ือยงั ไมม่ ีการผลติ หรือ ต้นทุนผันแปร ตัวอยา่ งเช่น คา่ เชา่ ทดี่ นิ สาํ หรับต้นทุนผนั แปร เปน็ ตน้ ทุนที่เพ่มิ ข้ึนเมอื่ มีการเพิม่ การผลติ ดังนัน้ เมือ่ ปรมิ าณผลผลติ เพม่ิ ขึน้ (คา่ บนแกน X) ตน้ ทุนผนั แปรจึงเพ่ิมตาม ตวั อย่างเชน่ เม่ือตอ้ งการเพมิ่ ผลผลติ ทาง การเกษตร เกษตรกรต้องซื้อเมลด็ พนั ธุม์ ากขึ้นตามไปดว้ ย
27 กจิ กรรม 1.1 ช่วยคุณสมารท์ หาจดุ คุม้ ทุน สมมตุ วิ า่ นักเรยี นละเพ่ือนอีก 3 คน เปน็ ทมี ออกแบบทีช่ ่วยนายสมารท์ ออกแบบฟารม์ อัจฉริยะให้นกั เรยี น วิเคราะหจ์ ุดคมุ้ ทนุ ในการลงทุนผลติ พืชทั้ง 4 ชนิด แลว้ ตอบคาํ ถามต่อไปนี้ • นกั เรียนตอ้ งการข้อมลู อะไรบา้ งในการวิเคราะห์จดุ ค้มุ ทนุ • จุดคมุ้ ทุนของพชื ท้ัง 4 ชนดิ มีคา่ เท่าไหร่ (ต้องผลิตก่หี น่วย และรายไดร้ วมเปน็ เงินเท่าไร) • นายสมาร์ท มเี น้อื ทรี่ วม 5 ไร่ และวางแผนวา่ จะใชพ้ ื้นที่ 1 ไรส่ าํ หรับอย่อู าศยั และเลีย้ งสัตวอ์ นื่ ๆ และอกี 4 ไร่ จะแบง่ เปน็ สัดสว่ นเพือ่ ปลูกพืชทั้ง 4 ชนดิ ชนดิ ละ 1 ไร่ จะคุ้มทนุ หรือไม่ • จากจุดคมุ้ ทุนทีค่ าํ นวณได้ นกั เรียนจะแนะนาํ ให้นายสมารท์ ปรบั แผนการปลกู พชื ทั้ง 4 ชนดิ อยา่ งไร • หากต้องปรบั เปลย่ี นชนดิ ของพืชที่จะปลกู นักเรียนควรปรบั แก้ขอบเขตของปัญหาหรือไมแ่ ละควรปรับเป็น อยา่ งไร แนวคาํ ตอบ เป้าหมายของกจิ กรรมนี้ คอื นอกจากเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรียนได้ฝกึ วเิ คราะห์ปัญหาจากโจทย์ที่หนังสือกําหนด โดยเรม่ิ จากการวิเคราะห์สาระสําคัญของโจทย์และเลือกข้อมูลท่ีจํา เป็นต่อการแก้ปัญหา และลองหาจุดคุ้มทุนแล้ว กิจกรรมต้องการให้ผู้เรียนฝึกทักษะการสืบค้นข้อมูลท่ีต้องการจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือในสื่อต่างๆ ด้วยดังน้ัน เม่ือผู้สอนใชก้ จิ กรรมนี้ในชนั้ เรียน จงึ ควรใหผ้ ูเ้ รยี นไดส้ บื ค้นข้อมลู ทตี่ ้องใช้ในการสร้างกราฟหรือคํานวณจุดคุ้มทุนโดย อาจจะเริม่ ตน้ จากการสืบคน้ จากเวบ็ ไซตข์ องกระทรวงเกษตรและสหกรณซ์ ึง่ ได้ใหไ้ ว้ในหนังสือเรียนสาํ หรับแนวคําตอบ หรอื แนวทางการทาํ กจิ กรรมเป็นดังนี้ 1. สืบค้นขอ้ มลู ที่ผู้เรียนตอ้ งการ เชน่ ราคาขายผักแตล่ ะชนดิ ตอ่ หน่วย ปริมาณการขายต้นทนุ ในการผลิต โดยอาจสืบค้นจากแหล่งขอ้ มลู ทน่ี า่ เชื่อถอื เช่น สื่อสิ่งพมิ พต์ ่างๆ วิทยุ โทรทัศนอ์ นิ เทอรเ์ นต็ หรอื สอบถาม ผู้ขายผกั แตล่ ะชนิดโดยตรง 2. ผูเ้ รยี นสามารถนําข้อมลู ที่สบื ค้นได้จากข้อ 1. มาใช้สร้างกราฟ หรือใชส้ ูตรในการคาํ นวณหาจุดคมุ้ ทุน 3. เมื่อได้คา่ จุดคุ้มทนุ ผสู้ อนสามารถให้ผเู้ รียนแลกเปล่ยี นและเปรยี บเทียบค่าทห่ี าได้กับเพอ่ื นๆ แลว้ ตดั สนิ ใจว่า การปลกู พืชทั้ง 4 ชนดิ โดยใชพ้ ื้นทช่ี นดิ ละ 1 ไร่ จะคุ้มทนุ หรอื ไมโ่ ดยใหผ้ เู้ รยี นอธบิ ายเหตุผล 4. ให้ผูเ้ รยี นตัดสนิ ใจว่าจะปลกู พชื ชนดิ ใดบา้ งจากข้อมูลที่ผ้เู รียนไดจ้ ากข้อ 1-3 โดยให้เหตุผลประกอบ ท้ังน้ี สามารถปรับเพม่ิ หรือลดพ้ืนที่ในการปลูกพืชแตล่ ะชนิดไดเ้ พ่อื ใหไ้ ดก้ ําไรจากการปลูกมากท่ีสุด หรืออาจจะ เลอื กไมป่ ลกู พืชบางชนดิ เชน่ ผเู้ รียนอาจให้เหตุผลว่าต้องปลกู พืชชนดิ หน่งึ จํา นวนกี่ปีหรอื ก่คี รัง้ จงึ จะคุ้มทุม หรือมีต้นทนุ ผันแปรสูงเปน็ จํานวนกีบ่ าท ทําใหไ้ มค่ ้มุ คา่ การลงทุน 5. จากขอ้ มูล ผูเ้ รยี นอาจตดั สินใจวา่ ควรปลูกพืชเพียง 3 ชนิด โดยไม่ปลกู กะกลาํ่ ปลี ผูเ้ รยี นอาจเสนอปรับ ขอบเขตของปัญหาเป็นดังนี้ “นายสมาร์ทตอ้ งการปรบั เปลย่ี นฟาร์มของตนเองให้เป็นฟารม์ อจั ฉริยะเพื่อลดต้นทุนในการจ้างคนงาน และต้องการเพ่ิมปริมาณและคณุ ภาพของผลผลติ ทางการเกษตร โดยการติดตามสภาพแวดล้อมภายในฟาร์ม และควบคุมให้อยใู่ นสภาวะทีเ่ หมาะสมกับการเจริญเตบิ โตของพืช 3 ชนดิ ไดแ้ ก่ ข้าวโพด มะเขือเทศเชอรี และ กรนี โอ๊ค” 14) ผเู้ รยี นแตล่ ะกลุม่ นาํ เสนอผลทไ่ี ดจ้ ากการระดมความคดิ เพื่อชว่ ยคณุ สมารท์ หาจดุ คุม้ ทนุ ในการ ออกแบบฟารม์ อัจฉรยิ ะ โดยผู้เรียนและผสู้ อนรว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกบั วิธีการหาจุดคุ้มทนุ ของแต่ละกลุ่ม 15) ผูเ้ รยี นแต่ละกลุม่ ศึกษาสถานการณก์ ารพฒั นาแนวคดิ ในการแกป้ ญั หาของนายสมาร์ทแลว้ ทาํ กจิ กรรม 1.2 ชว่ ยคุณสมาร์ทวางระบบนํา้
28 กิจกรรม 1.2 ช่วยคุณสมาร์ทวางระบบนาํ้ สมมตุ ิวา่ นักเรยี นและเพือ่ นอกี 3 คน เปน็ ทมี ออกแบบที่ช่วยนายสมารท์ ออกแบบฟารม์ อัจฉริยะให้นกั เรียนวาง แผนการวางระบบน้าํ ในโรงเรือนสําหรับปลกู มะเขือเทศของนายสมาร์ท แล้วตอบคําถามต่อไปน้ี • นักเรียนต้องการข้อมูลอะไรบา้ ง • อปุ กรณ์ทตี่ ้องใชใ้ นการวางระบบนํ้า มอี ะไรบา้ ง • วาดภาพรา่ งของระบบนา้ํ สาํ หรับโรงเรือนมะเขอื เทศ แนวคาํ ตอบ เปา้ หมายของกจิ กรรมน้ีคือ การฝกึ ทกั ษะความคดิ สร้างสรรค์ โดยให้ผู้เรยี นไดว้ างแผนโดยใช้ข้อมลู จากขอ้ มูล หลายๆ แหลง่ เชน่ การสบื คน้ ขอ้ มลู จากอินเทอร์เนต็ การหาขอ้ มลู ราคาอปุ กรณ์จากท้องตลาด และฝึกทักษะการ ส่อื สารโดยการสร้างภาพรา่ ง ดงั นนั้ การดาํ เนนิ งานของผเู้ รยี นจึงเร่ิมจากการศึกษาขอ้ มลู ตัวอย่างระบบนํา้ ภายใน โรงเรยี นในหนงั สอื เรียนหนา้ 16-20 แลว้ สบื คน้ ข้อมูลเพ่มิ เติมจากอินเทอร์เน็ตเพอ่ื หาทางเลือกอ่นื จากตัวอยา่ งของ เกษตรกรทท่ี าํ จริง หลงั จากน้ันผเู้ รยี นต้องทราบข้อมูลพืน้ ทที่ ง้ั หมดทตี่ อ้ งการใชส้ รา้ งโรงเรอื น ตดั สินใจเลือกอปุ กรณ์ที่ ตอ้ งการใชซ้ ึ่งอปุ กรณ์หลัก ๆ ทตี่ อ้ งการ เช่น ถังหรืออุปกรณ์เก็บนํ้า ป๊ัมน้ํา วาล์ว ทอ่ นํา้ หวั หยด ฯลฯ และกาํ หนด ปริมาณทจ่ี ําเป็นต้องใช้ แลว้ จงึ ร่างภาพ ทงั้ น้ี ผู้สอนต้องคอยกระต้นุ และแนะนาํ ใหผ้ ู้เรียนพิจารณาเร่ืองของตน้ ทุน ดว้ ย พร้อมท้งั พยายามส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนอธิบายเหตผุ ลในการเลือกใชอ้ ุปกรณแ์ ละปรมิ าณท่เี ลือกใช้ 16) ผเู้ รยี นแตล่ ะกลุม่ นําเสนอผลทไี่ ดจ้ ากการระดมความคิดเพื่อช่วยคณุ สมารท์ วางระบบน้ํา 17) ผู้สอนให้ผเู้ รียนแต่ละกลุม่ ลงคะแนนเสียง (vote) เลอื กระบบน้ําสําหรบั โรงเรอื นมะเขอื เทศ ที่แต่ ละกลุม่ เหน็ ว่ามคี วามเปน็ ไปได้และมปี ระสิทธิภาพสูงสุด ด้วยวธิ กี ารลงคะแนน ตวั อย่างเชน่ o การยกมือลงคะแนน โดยแตล่ ะกลมุ่ สามารถยกมือให้คะแนนแก่กล่มุ ทเ่ี ลือก จํานวน 3 กลุ่ม แล้วนับ คะแนนรวม เรียงลาํ ดบั จากกลุ่มที่ไดค้ ะแนนมากที่สดุ ไปนอ้ ยทส่ี ุด จากนัน้ ผู้สอนถามเหตุผลท่ผี ู้เรียน แต่ละกล่มุ เลอื กลงคะแนนให้แกร่ ะบบของกลมุ่ ท่ผี เู้ รียนเลอื ก o การหยอ่ นบตั รลงคะแนน โดยแต่ละกลุม่ เขยี นช่อื กลุ่มที่เลอื ก จํานวน 3 กลุ่ม ลงกระดาษบตั ร ลงคะแนน พร้อมใหเ้ หตุผลประกอบการตัดสินใจ นําใสล่ งในกลอ่ งรับคะแนน แล้วนับคะแนนรวม เรยี งลําดับจากกลุ่มท่ไี ดค้ ะแนนมากทสี่ ดุ ไปน้อยท่สี ดุ o การลงคะแนนออนไลน์ โดยผ้สู อนสร้างฟอรม์ การลงคะแนนบนคลาวด์ เชน่ google form แตล่ ะ กลมุ่ เลอื กลงคะแนน จํานวน 3 กลมุ่ พรอ้ มระบเุ หตุผล แลว้ ผ้สู อนสรุปและแสดงคะแนนรวมใน รูปแบบสารสนเทศแก่ผู้เรียน 18) ผสู้ อนและผเู้ รยี นรว่ มกนั อภิปราย เพ่ือสรปุ ความสาํ คญั ของการออกแบบตามแนวทางการ แก้ปัญหารวมถึงการทดสอบและปรบั ปรุงการทํางานของระบบเปน็ ระยะ 19) ผูส้ อนจุดประกายผ้เู รียนว่า จากการช่วยแก้ปัญหาสถานการณ์ของนายสมารท์ ทีต่ ้องการสรา้ ง ฟาร์มอจั ฉริยะ ผู้เรยี นสามารถนาํ กระบวนการคดิ ไปปรับใชก้ ับสถานการณ์อน่ื ทผ่ี ้เู รยี นเคยมปี ระสบการณ์ได้ 20) ผู้เรียนแตล่ ะกลุ่มทาํ กจิ กรรม 1.3 ความรู้กับการออกแบบสนามเดก็ เลน่
29 กจิ กรรม 1.3 ความรู้กบั การออกแบบสนามเด็กเล่น นกั เรยี นไดย้ ินข่าววา่ ในชุมชนของนักเรยี นต้องการสร้างสนามเด็กเลน่ ในพืน้ ทีส่ วนสาธารณะที่อยู่ทางทศิ ตะวันตกของชมุ ชน และอยหู่ ่างจากแหลง่ นา้ํ ท่สี าํ คญั ของชุมชน ซึ่งอยทู่ างทิศตะวนั ออกของสวนสาธารณะประมาณ 100 เมตร แหลง่ น้าํ ยังคงมีระบบนเิ วศที่สมบูรณ์ และทางทศิ ใตข้ องสวนสาธารณะเป็นโรงเรยี นประถมศกึ ษาทีม่ ี นกั เรียนประมาณ 150 คน ในชุมชนของนกั เรยี นมีเดก็ ในวัยแรกเกดิ ถึง 5 ขวบประมาณ 100 คน นักเรยี นและเพอื่ นอกี 3 คน ได้รบั เลือกเปน็ ตวั แทนของสมาชกิ ในชมุ ชนไปเปน็ คณะทาํ งานออกแบบสนามเด็ก เล่นทตี่ รงกบั ความตอ้ งการของชุมชน ใหน้ กั เรยี นและเพือ่ นรว่ มทีม ช่วยกันออกแบบสนามเด็กเลน่ โดยใชก้ ระบวนการ ยอ่ ยของการคดิ เชงิ ออกแบบในการทาํ งาน o นักเรียนคดิ วา่ ขอ้ มูลเกีย่ วกบั การสรา้ งสนามเด็กเล่นขา้ งต้นเพียงพอสําหรบั การวเิ คราะห์หรอื ไม่ o นักเรยี นคิดวา่ ต้องทราบข้อมลู อะไรเพ่มิ เตมิ บ้างเพื่อวเิ คราะหส์ ถานการณ์นี้ และนักเรียนจะหาข้อมลู นั้น อย่างไร o เมือ่ ได้รับข้อมูลท่ตี ้องการแล้ว นักเรียนจะวิเคราะห์ข้อมูลอยา่ งไร เพ่อื ใหไ้ ด้กรอบของปญั หาท่ชี ัดเจน o ขอบเขตของปญั หาที่นกั เรียนวเิ คราะหไ์ ดค้ ืออะไร o นักเรยี นตอ้ งการความรู้เรอื่ งอะไรบา้ งในการแกป้ ญั หาน้ีใหส้ ําเร็จ ยกตวั อยา่ งความรทู้ ่ตี ้องใช้ o นักเรยี นจะใชค้ วามรนู้ น้ั เพ่อื แกป้ ัญหาย่อยอะไร หรอื ดาํ เนินการขน้ั ตอนใดและใช้อยา่ งไร o นักเรียนเขยี นภาพร่าง หรือแผนภาพแสดงแนวทางการแก้ปัญหาท่นี ักเรยี นออกแบบโดยยอ่ แนวคําตอบ กิจกรรมน้ีเป็นกิจกรรมปลายเปิดที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้คิดออกแบบสนามเด็กเล่นตามจินตนาการแต่ใน ขณะเดยี วกนั กอ็ ยู่ภายใตข้ อ้ มลู เง่ือนไข บรบิ ทและความต้องการใช้ชุมชนเป็นสําคัญ เป้าหมายสําคัญของกิจกรรมคือ การให้ผูเ้ รยี นฝกึ ใช้แนวคิดของการคิดเชิงออกแบบซ่ึงเน้นการออกแบบที่เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการของ ผู้ใช้หรือชุมชน และคํานึงถึงผลกระทบที่จะเกิดข้ึนจากการสร้างสนามเด็กเล่นในหลายๆ มิติ เช่น งบประมาณ สิ่งแวดล้อม สังคมนอกจากการคดิ เชิงออกแบบทเ่ี นน้ ผูใ้ ช้หรอื ผู้มสี ่วนได้ส่วนเสีย และแง่คดิ เชิงสังคมแล้ว กจิ กรรมนี้ยัง ตอ้ งการใชผ้ ู้เรยี นใช้ความรวู้ ทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ รวมถงึ เทคโนโลยีในการออกแบบด้วย ข้อมลู ที่กําหนดไวใ้ นโจทย์เปน็ ข้อมลู เบอื้ งตน้ ท่ีไม่เพียงพอต่อการวเิ คราะห์เพ่ือออกแบบสนามเดก็ เลน่ ผู้เรียน ตอ้ งวิเคราะหข์ ้อมลู จากสงิ่ ทโ่ี จทย์ให้มา โดยผู้สอนอาจเสนอแนะดังนี้ o ใหผ้ ู้เรยี นลองบอกตําแหนง่ ของสถานท่ี หรือภูมปิ ระเทศของสถานที่ท่ีชมุ ชนตอ้ งการสรา้ งสนามเด็กเลน่ เช่น พ้ืนท่ีสนามเดก็ เล่นอย่ทู างดา้ นใด ลกั ษณะพ้ืนเปน็ อย่างไร มที างเดนิ เข้าออกอยา่ งไร หากขบั รถมาจะมี พ้นื ที่จอดรถหรือไม่ อยา่ งไร เคร่ืองเล่นอยู่ทีใ่ ดของพืน้ ท่ีความสวา่ งในตอนกลางคืนเปน็ อย่างไร o ผู้เรียนคิดวา่ เด็กอายกุ ่ีขวบ หรอื ช่วงวยั ใดที่จะมาใชส้ นามเดก็ เลน่ ถา้ เปน็ เด็กเลก็ จะมาคนเดียว หรือไม่ จะมบี คุ คลใดบา้ งเข้ามาในสนามเด็กเลน่ ดังนนั้ ในแต่ละวันจะมีคนใช้สนามเด็กเล่นมาก น้อยเพียงใด o เดก็ แตล่ ะช่วงวัยใชส้ นามเด็กเลน่ ในรูปแบบใดบ้าง ใช้เครอื่ งเลน่ อะไรบา้ ง และเลน่ แบบใด o ผู้เรยี นคดิ ว่าจะใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ําหรอื ไม่ หรอื คิดว่าแหลง่ น้าํ เปน็ สงิ่ ท่ีอนั ตราย (ผู้เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สามารถมคี วามเห็นแตกต่างกนั แต่ความคดิ เห็นนัน้ จะสง่ ผลถงึ การออกแบบ สนามเด็กเล่น เช่น ผเู้ รยี นบางกลมุ่ อาจจะคิดวา่ แหล่งนา้ํ อาจจะอันตราย สาํ หรับเด็ก จงึ ตอ้ งมรี ั้วกั้นและตอ้ งวางเครอ่ื งเล่นหา่ งจากสนาม ในขณะท่ีผู้เรียนบางกลุม่ อาจจะ คิดวา่ อาจจะนําน้ําในแหลง่ นํ้ามาใชป้ ระโยชน์หรือจัดสวนหย่อมรอบๆ แหลง่ นํ้า)
30 ในการทาํ กจิ กรรม ผู้สอนอาจเร่ิมจากการแนะนํา ให้ผู้เรียนทบทวนข้ันตอนย่อยของการคิดเชิง ออกแบบ และเร่ิมจากการเก็บข้อมูลเพ่ิมเติมโดยสร้างแบบสัมภาษณ์และสัมภาษณ์คนในชุมชนของ ผู้เรียนวา่ หากจะสรา้ งสนามเดก็ เล่น สมาชกิ ในชุมชนของผ้เู รยี นต้องการอะไรในสนามเด็กเลน่ บ้าง จากกิจกรรมในหน้า 22 ของหนงั สือเรยี น ผู้เรยี นตอ้ งอภิปรายหาขอ้ สรุป และวเิ คราะห์ข้อมูล ภายในกลุ่ม ขอ้ ความในกรอบท่ีเป็นรูปหลอดไฟ เป็นเพียงคําถามนําซ่ึงช่วยแนะนําให้ผู้เรียนได้เร่ิมต้น นึกถึงข้อมูลและการนํา ข้อมูลมาใช้เพื่อตัดสินใจ แต่สิ่งท่ีผู้เรียนต้องลงมือปฏิบัติและส่งงาน คือ ระบุขอบเขตของปญั หา ความรทู้ ใ่ี ชแ้ ละภาพรา่ งหรือแผนภาพแสดงแนวทางการแก้ปัญหา 21) ผเู้ รยี นแต่ละกลมุ่ นําเสนอแนวทางการแก้ปัญหาการออกแบบสนามเด็กเล่นของชมุ ชน ในรูปแบบ การนาํ เสนอสถานการณส์ มมตใิ นชมุ ชนประกอบด้วย 4 บทบาทหลกั คอื • ทีมคณะทาํ งาน รบั บทบาทโดย กลุม่ ผนู้ ําเสนอ • กล่มุ ผู้แทนชุมชุน รบั บทบาทโดย ผู้เรียนกลุ่มอน่ื • กลมุ่ เดก็ ในชุมชน รบั บทบาทโดย ผู้เรยี นกลุ่มอน่ื • ผู้ปกครองของเด็ก รบั บทบาทโดย ผู้เรยี นกลมุ่ อ่นื ผู้สอนและผเู้ รยี นอภปิ รายร่วมกัน เพื่อสรปุ ขอ้ ดแี ละขอ้ ควรพัฒนาของสนามเด็กเลน่ แตล่ ะแบบ 22) ผู้สอนกระต้นุ ผเู้ รยี นให้เกดิ การตกผลึกความคิดดว้ ยการใช้คาํ ถามชวนคิด “นกั เรยี นคิดวา่ การคิด เชงิ ออกแบบ และ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม มีความสัมพนั ธก์ ันอยา่ งไร และผู้พฒั นาเทคโนโลยี ใช้ ทั้ง 2 กระบวนการน้ใี นการทํางานตา่ งกันอยา่ งไร” แนวคําตอบ ทั้งสองกระบวนการเป็นกรอบการดําเนินงาน หรือแนวทางการดําเนินงานเพ่ือแก้ปัญหา หรือ พัฒนางานอย่างเปน็ ข้ันตอนเหมือนกัน โดยเริ่มต้นจากการระบุปัญหา กล่าวคือ ต้องทราบสาเหตุของ ปัญหา ศึกษาความต้องการของผู้ใช้ และเงื่อนไขรวมถึงผลกระทบในหลายแง่มุม ต้องมีการรวบรวม ข้อมูลและความรู้ทุกขั้นตอนการดําเนินงาน แล้วจึงเลือกข้อมูลหรือองค์ความรู้ที่ต้องใช้เพื่อออกแบบ วิธกี ารแก้ปญั หา และกําหนดขนั้ ตอนการทํางาน ลงมือดําเนินการเพ่ือสร้างต้นแบบทดสอบโดยอาจให้ ผู้ใช้หรือกลุ่มเป้าหมายได้มีส่วนร่วมในการทดสอบและประเมินประสิทธิภาพของช้ินงานหรือวิธีการ เก็บข้อมูลย้อนกลับจากกลุ่มผู้ใช้แล้วนํามาปรับปรุงผลงาน ในการปรับปรุงผู้พัฒนาอาจหาข้อมูลหรือ ความรู้เพม่ิ เตมิ
31 23) ผเู้ รยี นแต่ละกลุ่ม ระดมความคิดจากประสบการทํากิจกรรมทผ่ี า่ นมาประกอบกับการศึกษาเนื้อหา ในหนังสือเรียนและแผนภาพแสดงองค์ประกอบของการสร้างเทคโนโลยี ทํากิจกรรมที่ 6 เร่ือง “ประมวล กระบวนการคดิ ” กจิ กรรมที่ 6 เรอื่ ง ประมวลกระบวนการคดิ 1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่ม เปรียบเทียบ การคิดเชิงออกแบบ และ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมใน ประเด็นตอ่ ไปนี้ • เปา้ หมายและองคป์ ระกอบทจี่ าํ เปน็ ของการคดิ เชิงออกแบบ • เปา้ หมายและองค์ประกอบทจ่ี าํ เป็นของกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม • ความสัมพันธร์ ะหว่างการคิดเชงิ ออกแบบและกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม 2. ผู้เรียนแตล่ ะกลมุ่ เขียนผลการวิเคราะหท์ ่ีได้จากการอภปิ รายกลมุ่ ในแบบฟอรม์ /แบบฟอร์มออนไลน์ ท่ผี ูส้ อนเตรยี มไว้ให้ แนวคาํ ตอบ ระบปุ ญั หา รวบรวมข้อมลู ออกแบบวิธกี าร ดําเนิน ทดสอบ นําเสนอ การแกป้ ญั หา ประเมินปรับปรุ ง ศึกษาปญั หาโดย ศกึ ษาวิธีการดูแล การสมั ภาษณ์ พชื ทเ่ี ลอื กปลกู ใน ออกแบบ สรา้ งโรงเรือน ทดสอบ ในสถานการณน์ ี้ นายสมารท์ ฟารม์ ศกึ ษาข้อมูลทาง ศึกษาวธิ ีเช่อื มตอ่ โครงสร้าง ตอ่ ระบบนาํ้ การทํางาน อาจจะไมม่ กี ารนํา การตลาดของ อุปกรณใ์ นฟารม์ ผลผลติ ทาง หรอื โรงเรือน โรงเรือน ระบบนํ้า เซน็ เซอร์ ของระบบยอ่ ย เสนอท่ชี ดั เจน การเกษตร หาข้อมลู ทเ่ี กย่ี ว ศึกษาพ้ืนทีใ่ น กับการเช่อื มต่อ และการสง่ และอปุ กรณ์ แตล่ ะระบบ ทีด่ ินของนาย ข้อมูลจาก สมาร์ท อินเตอรเ์ นต็ หรือ ข้อมูล สือ่ สาร ระหว่างท่ีดําเนิน รวบรวมขอ้ มูล ดาวเทียม ราคาวัสดุ ออกแบบการจดั เพาะต้นกล้า การแก้ปญั หา อปุ กรณ์ ท่เี ป็นต้นทนุ วางตน้ พชื และลงปลูก ทดลองระบบ คาํ นวนหา จุดคุ้มทุน เขยี น flowchart เขยี นโปรแกรม ทุก เขียนขอบเขต ของปัญหา สาํ หรับการเขียน ระบบ โปรแกรม
32 24) ผู้เรียนและผู้สอนอภิปรายร่วมกัน เพ่ือสรุปความสัมพันธ์ระหว่างการคิดเชิงออกแบบและ กระบวนการคิดเชิงวิศวกรรม โดยผู้สอนอาจยกตัวอย่างสถานการณ์อ่ืน ๆ ที่สามารถพบเห็นได้ใน ชวี ิตประจําวนั เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนมองปญั หาที่อาจเกดิ ขึ้นจากสถานการณร์ อบตัว แนวคําตอบ สถานการณ์ที่ 1 : ปัญหาสัตวเ์ ลยี้ งไมไ่ ดร้ บั การให้อาหารเมอ่ื เจา้ ของกลับบ้านไม่ตรงเวลาหรือ ไมม่ คี นอยบู่ ้าน สถานการณท์ ่ี 2 : ปัญหาการสน้ิ เปลืองเงินซื้ออุปกรณใ์ นครวั หลายชนดิ และความไมเ่ ปน็ ระเบยี บ ในการจัดวาง สถานการณท์ ี่ 3 : ปัญหาการไม่มีน้ํารดตน้ ไม้ดอกไม้ประดบั บรเิ วณบา้ นในชว่ งวันทนี่ า้ํ ประปาไม่ไหล 25) ผู้เรยี นแตล่ ะกล่มุ ทํากิจกรรมท้ายบท กิจกรรมทา้ ยบท ให้นักเรียนเลือกสถานการณ์ท่ีเป็นปัญหาในโรงเรียนหรือชุมชน แล้วออกแบบวิธีการเพ่ือแก้ ปัญหาหรือสถานการณ์ท่ีเลือก โดยเขียนอธิบายการทํางานแต่ละข้ันตอนตั้งแต่การวิเคราะห์ขอบเขต ของปัญหา การรวบรวมและตัดสินใจเลือกขอ้ มูล การใชข้ อ้ มลู เพ่อื แกป้ ญั หา และแนวทางการแกป้ ัญหา
33 9. การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการวดั เครื่องมอื ทใี่ ชว้ ดั เกณฑก์ ารประเมนิ การผ่าน รายการประเมิน การอภิปราย คะแนน 31-40 หมายถึง ดมี าก สังเกตพฤติกรรม การอภิปราย การอธบิ ายประโยชนข์ องการคิด คะแนน 21-30 หมายถึง ดี เชิงออกแบบ ตรวจใบกจิ กรรม ใบกจิ กรรม 1.1 คะแนน 11-20 หมายถึง พอใช้ การวิเคราะห์สถานการณ์ สังเกตพฤติกรรม (การพฒั นาแนวคิด) คะแนน 1-10 หมายถงึ ปรับปรุง หรอื ความต้องการทคี่ าํ นึงถงึ ผู้ใชด้ ้วยการคิดเชิงออกแบบ สังเกตพฤติกรรม ใบกิจกรรม 1.2 ผ้เู รียนได้ระดับคณุ ภาพ ดี และความร้จู ากศาสตรต์ ่างๆ สังเกตพฤตกิ รรม (การสรา้ งแนวทาง ขน้ึ ไปถือวา่ ผ่าน สงั เกตพฤติกรรม ทักษะการสื่อสาร สงั เกตพฤตกิ รรม การแกป้ ญั หา) หมายเหตุ : การประเมินทแี่ สดง ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ ใบกิจกรรม 1.3 เป็นไปตามประเด็นการประเมิน ทกั ษะการคิดอยา่ งมี (การแกป้ ญั หาด้วย และระดบั คะแนนในหัวขอ้ ที่ วิจารณญาณ การคิดเชงิ ออกแบบ) 1. การอธิบายประโยชนข์ องการคดิ ทกั ษะการทํางานรว่ มกับผูอ้ นื่ กจิ กรรมท้ายบท (การแก้ปัญหาดว้ ย เชงิ ออกแบบ และหวั ข้อท่ี การคดิ เชิงออกแบบ) 2. การวเิ คราะหส์ ถานการณห์ รอื ความตอ้ งการทีค่ ํานงึ ถึงผใู้ ช้ดว้ ย แบบสังเกต การคดิ เชงิ ออกแบบและความรู้ พฤตกิ รรม แบบสงั เกต จากศาสตร์ต่าง ๆ พฤติกรรม แบบสังเกต ผู้เรียนไดร้ ะดับคณุ ภาพ ดี ข้ึนไป พฤตกิ รรม ถือวา่ ผ่าน แบบสงั เกต พฤตกิ รรม (ดเู กณฑ์การประเมนิ ในภาคผนวก)
34 เกณฑ์การวดั และประเมนิ ผล ประเดน็ การ 4 ระดับคะแนน 1 ประเมิน อธบิ ายประโยชน์ 32 อธบิ ายประโยชน์ ของการคดิ เชงิ อธิบายประโยชน์ อธบิ ายประโยชน์ ของการคดิ เชิง 1. การอธิบาย ออกแบบ ซ่งึ แสดง ของการคิดเชิง ของการคดิ เชิง ออกแบบ ประโยชน์ ใหเ้ ห็นถงึ ออกแบบ โดยมี ออกแบบ โดยมีการ โดยไม่มีการ ของการคดิ เชิง ความสําคัญกับ การเช่อื มโยงกับ เช่อื มโยงกับ เชอ่ื มโยงกบั การ ออกแบบ การแก้ปัญหาท่ี การแกป้ ัญหาให้ การแก้ปญั หาให้ผ้ใู ช้ แก้ปญั หาให้ผใู้ ช้ ตอ้ งเชอื่ มโยงกับ ผู้ใช้ ผทู้ ่ีเกย่ี วข้อง ผูท้ ่เี ก่ยี วขอ้ ง ผทู้ ี่เก่ยี วข้อง ผู้ใช้ ผทู้ ี่เก่ยี วข้อง ซึ่งต้องเชือ่ มโยง แต่ไม่ได้ใหค้ วาม ไมไ่ ด้ให้ความสาํ คัญ อยา่ งชดั เจนและ กบั บริบทหรือ สําคัญกับความจํา กับการระบบุ รบิ ท จําเป็นต้องเช่อื ม เงื่อนไขทเ่ี กีย่ วข้อง เปน็ ที่ตอ่ มกี ารระบุ หรือเงอื่ นไขท่ี โยงกับบริบท เกยี่ วข้อง หรือเงอื่ นไขท่ี บริบทหรือเง่อื นไขที่ เก่ียวข้องอย่าง เกย่ี วขอ้ ง ถกู ต้องและชัดเจน
35 2. การวเิ คราะหส์ ถานการณห์ รอื ความตอ้ งการท่คี าํ นงึ ถงึ ผใู้ ชด้ ว้ ยการคดิ เชิงออกแบบและความรู้ จากศาสตรต์ า่ ง ๆ (กิจกรรมทา้ ยบท) 2.1 การระบแุ ละตคี วามปัญหา ประเดน็ การ ระดบั คะแนน ประเมนิ 4 3 2 1 การระบุสาเหตุ ระบสุ าเหตุ หรอื ระบุสาเหตุ หรอื ระบุสาเหตุ หรอื ระบสุ าเหตุ หรอื สาระสาํ คญั ของ สาระสาํ คญั ของ สาระสาํ คญั ของ สาระสาํ คญั ของ สาระสาํ คญั ของ ปัญหาและ ปัญหาโดย ปัญหาโดย ปัญหาโดย ปัญหาโดยไมไ่ ด้ กาํ หนดขอบเขต คาํ นงึ ถงึ ผใู้ ช้ คาํ นงึ ถึงผใู้ ช้ คาํ นงึ ถงึ นาํ ขอ้ มลู ท่ี ของปัญหา และผทู้ ่เี ก่ียวขอ้ ง และผทู้ ่เี ก่ียวขอ้ ง ผใู้ ชห้ รอื ผทู้ ่ี รวบรวมมา ไดอ้ ยา่ งชดั เจน ได้ เก่ียวขอ้ งบางสว่ น ประกอบการ สอดคลอ้ งกบั โดยใชข้ อ้ มลู ท่ี โดยใชข้ อ้ มลู พิจารณา และระบุ ขอ้ มลู รวบรวมมา ท่รี วบรวมมา ปัญหาได้ ท่รี วบรวมมา ประกอบการ ประกอบการ ไมถ่ กู ตอ้ ง เพ่อื ใชก้ าํ หนด กาํ หนดปัญหา กาํ หนดปัญหา ปัญหาและ และขอบเขตของ และขอบเขต ขอบเขตของ ปัญหา ของปัญหา ปัญหาโดย ไดอ้ ยา่ งชดั เจน แตข่ าดความ คาํ นงึ ถงึ ความ สมบรู ณ์ ตอ้ งการ ขอ้ จาํ กดั หรอื เง่อื นไขตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และชดั เจน
36 ประเดน็ การประเมนิ ระดับคะแนน การวเิ คราะห์และทาํ ความเข้าใจเกีย่ วกบั 43 2 1 ผใู้ ช้และผู้ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง วิเคราะห์ผู้ใชผ้ ู้ท่ี วเิ คราะหผ์ ใู้ ช้ผทู้ ี่ วเิ คราะหผ์ ้ใู ชผ้ ทู้ ่ี ระบผุ ใู้ ช้ หรือ ผูท้ ี่ การรวบรวมขอ้ มูลที่ จาํ เป็นต่อการ เกยี่ วข้องกับปญั หา เกย่ี วข้องกับปญั หา เกีย่ วขอ้ งกบั ปัญหาได้ เกี่ยวข้องกับปญั หาได้ แก้ปญั หา ไดค้ รบถ้วนรวบรวม ได้ครบถ้วนรวบรวม ครบถ้วน แต่รวบรวม แต่ไมค่ รบถว้ น ข้อมูลพนื้ ฐาน ขอ้ มูลพืน้ ฐานและ ขอ้ มูลพน้ื ฐานท่ี ขอ้ จํากัดและความ ความตอ้ งการของ เกย่ี วข้องกบั บคุ คล ตอ้ งการของบุคคลที่ บุคคล ดังกลา่ วไดไ้ ม่ครบถ้วน จําเป็นตอ่ การ ซงึ่ จาํ เป็นตอ่ การ แก้ปญั หา แก้ปัญหาได้ ได้หลากหลาย ครบถว้ น ครบถ้วน พอเพียง ตอ่ การนาํ ไปพัฒนา แนวคดิ ในการ แก้ปัญหา สืบคน้ และรวบรวม สืบคน้ และรวบรวม สบื คน้ และรวบรวม สบื ค้นและรวบรวม ขอ้ มลู ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับ ข้อมลู ท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั ข้อมูลทเี่ กย่ี วขอ้ งกับ ขอ้ มูลทเี่ ก่ยี วข้องกับ ปัญหาดว้ ยวิธีการท่ี ปญั หาจาก ปญั หาจากแหล่งขอ้ มูล ปญั หา หลากหลายจาก แหล่งข้อมลู ท่ี ที่นา่ เชอ่ื ถือได้ข้อมูลท่ี แตแ่ หล่งข้อมลู ที่ แหลง่ ข้อมลู ท่ี น่าเชือ่ ถอื ไดข้ ้อมลู ที่ ถูกตอ้ งแตไ่ มเ่ พียงพอ สบื ค้น น่าเชอ่ื ถือได้ข้อมลู ท่ี ถูกตอ้ งเพยี งพอตอ่ ต่อการแก้ปัญหา ไม่น่าเชอื่ ถอื ไดข้ ้อมูลท่ี ถกู ต้อง เพยี งพอต่อ การแก้ปัญหา ไม่ถูกตอ้ งไมส่ อดคลอ้ ง การแกป้ ญั หา กบั ปญั หา
37 2.2 การพฒั นาแนวคดิ ประเดน็ การ ระดบั คะแนน ประเมิน 4 32 1 ประเมินและ ประเมินและ ประเมินและ การประเมินและ ประเมินและ ตดั สนิ ใจเลอื ก ขอ้ มลู ไม่ ตดั สนิ ใจเลอื ก ตดั สนิ ใจเลอื ก ตดั สนิ ใจเลอื ก ตดั สนิ ใจเลอื ก สอดคลอ้ ง ขอ้ มลู ความรูท้ ่จี าํ ขอ้ มลู ได้ ขอ้ มลู ได้ ขอ้ มลู ได้ กบั การแกป้ ัญหา เป็นตอ่ การ สอดคลอ้ งกบั สอดคลอ้ งกบั สอดคลอ้ งกบั การ แกป้ ัญหา การแกป้ ัญหา การแกป้ ัญหา แกป้ ัญหา อยา่ งเป็นระบบ อยา่ งเป็นระบบ ไดข้ อ้ มลู ถกู ตอ้ ง ไดข้ อ้ มลู ถกู ตอ้ ง และสามารถ และสามารถ กาํ หนดขอ้ มลู ท่ี กาํ หนดขอ้ มลู ท่ี ตอ้ งการสบื คน้ ตอ้ งการสบื คน้ เพ่มิ เตมิ ได้ เพ่มิ เติมได้ โดยรวบรวม ขอ้ มลู ท่จี าํ เป็นตอ่ การ แกป้ ัญหาได้ ครบถว้ น
38 ประเด็นการ ระดับคะแนน ประเมนิ 4 3 2 1 การพจิ ารณาหน้าที่ พัฒนาแนวคิดใน พัฒนาแนวคิดใน พัฒนาแนวคดิ ใน พัฒนาแนวคิดใน องค์ประกอบท่ี การแกป้ ญั หาได้ การแก้ปญั หาได้ การแก้ปัญหาได้ การแกป้ ญั หาได้ จําเปน็ และการ อย่างหลากหลาย 2-3 แนวคดิ โดย 1 แนวคิดโดยมี 1 แนวคิดโดยไมม่ ี พัฒนาแนวคดิ ใน มคี วามเป็นไปได้ มีรายละเอยี ดของ รายละเอยี ดของ รายละเอียดของ การแกป้ ญั หา ในการนําไป หน้าทห่ี รอื หนา้ ทหี่ รือ หนา้ ท่ีหรอื ใชแ้ กป้ ัญหา องค์ประกอบที่ องค์ประกอบทีจ่ าํ องคป์ ระกอบที่จํา โดยมรี ายละเอียด จาํ เปน็ ต่อการ เป็นต่อการ เป็นตอ่ การ ของหน้าท่หี รือ แก้ปัญหาอยา่ ง แก้ปญั หาอยา่ ง แก้ปัญหา องค์ประกอบ ชัดเจน และเลอื ก ชดั เจน อย่างชัดเจน ทจ่ี ําเปน็ ต่อการ แนวคิดใน แก้ปัญหาอย่าง การแก้ปญั หาได้ ชัดเจนและเลอื ก สอดคลอ้ งกับผูใ้ ช้ แนวคดิ ใน ผู้ทเี่ กี่ยวข้องและ แกป้ ญั หาได้ ขอบเขตของ สอดคลอ้ งกบั ผูใ้ ช้ ปญั หา ผู้ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งและ ขอบเขตของ ปญั หา การเขียนภาพร่าง เขียนภาพรา่ ง เขียนภาพร่าง เขยี นภาพร่าง เขียนภาพร่าง หรอื แผนภาพแสดง หรอื แผนภาพ หรือแผนภาพ หรือแผนภาพแสดง หรอื แผนภาพไม่ รายละเอยี ดของ แสดงรายละเอยี ด แสดงรายละเอียด รายละเอยี ดของ ละเอียดขาดขอ้ มูล แนวคิดในการ ของแนวคดิ ใน ของแนวคิดในการ แนวคดิ ในการ เป็นส่วนใหญแ่ ละไม่ แก้ปญั หา การแก้ แก้ปญั หาได้ แก้ปัญหา สามารถสือ่ สารให้ ปัญหาไดอ้ ย่าง สามารถสอ่ื สารให้ แต่ยังขาดขอ้ มลู ผู้อื่นเขา้ ใจตรงกนั ละเอยี ด แสดง ผู้อ่นื เขา้ ใจตรงกนั บางส่วนและไม่ ขอ้ มลู ครบถว้ น สามารถส่ือสารให้ สามารถสอื่ สารให้ ผอู้ นื่ เข้าใจตรงกัน ผูอ้ ่นื เข้าใจตรงกัน
39 2.3 การสรา้ งแนวทางการแกป้ ัญหา ประเด็นการ ระดบั คะแนน ประเมนิ 4 3 2 1 การสรา้ งตน้ แบบ สร้างผลงานได้ สร้างผลงานได้ สร้างผลงานได้ตรง สร้างผลงานได้ไม่ ในการแก้ปัญหา ตรงตามแนวคดิ ตรงตามแนวคดิ ตามแนวคิดที่ เสรจ็ และไมต่ รง ทอี่ อกแบบไว้ ทอี่ อกแบบไว้ ออกแบบไว้ แต่ ตามแนวคดิ เสร็จ และ เสร็จสมบรู ณ์ ผลงานไมส่ มบรู ณ์ ทอ่ี อกแบบไว้ สามารถนาํ ไปใช้ แต่สามารถ สามารถนาํ ไปใช้ ทดสอบกบั ผใู้ ช้ นําไปใชท้ ดสอบ ทดสอบกบั ผู้ใช้ หรอื ผทู้ ่เี ก่ียวข้อง กับผใู้ ช้หรอื หรอื ผู้ที่เกี่ยวขอ้ งได้ ได้ทัง้ หมด ผ้ทู เี่ กยี่ วขอ้ งได้ เพียงบางส่วน เพียงบางสว่ น การทดสอบกบั มกี ารกําหนด มีการกําหนด มกี ารกําหนดเกณฑ์ ผลงานไม่สามารถ ผ้ใู ช้ เกณฑ์ เกณฑ์ การทดสอบผลงาน ใชท้ ดสอบกับ การทดสอบ การทดสอบ ผลงานสามารถใช้ ผ้ใู ชง้ านได้ และไม่ ผลงานผลงาน ผลงานผลงาน แก้ปัญหากับผู้ใช้ มกี ารเกบ็ ขอ้ มลู ผล สามารถ สามารถใช้ ได้เพียงบางส่วน การทดสอบ แก้ปัญหาผูใ้ ช้ได้ แกป้ ญั หากบั ผู้ใช้ และมกี ารเกบ็ อย่างสมบูรณ์ ไดเ้ ป็นส่วนใหญ่ ขอ้ มลู ผลการ และมกี ารเกบ็ แต่ยังมี ทดสอบ ข้อมูลผลการ ข้อบกพร่อง และ ทดสอบ มกี ารเกบ็ ขอ้ มูล ผลการทดสอบ
40 ประเดน็ การ ระดับคะแนน ประเมนิ 4 32 1 การนาํ ผลการ นําผลการ ไม่มกี ารนาํ ผลการ ทดสอบและข้อมูล ทดสอบและ นาํ ผลการ นําผลการทดสอบ ทดสอบ หรือขอ้ มลู ย้อนกลับ ขอ้ มลู ย้อนกลบั ยอ้ นกลบั มาเพือ่ เพือ่ ปรับปรุงแก้ไข มาเพือ่ ปรับปรงุ ทดสอบ และขอ้ มลู ปรับปรุงผลงาน แกไ้ ขสอดคล้อง กับผลงานไดเ้ ป็น และขอ้ มูลยอ้ น ย้อนกลับมาเพื่อ ส่วนใหญแ่ ละ สามารถกําหนด กลับมาเพือ่ ปรับปรงุ แกไ้ ข แนวทางการ พัฒนาผลงาน ปรบั ปรงุ แกไ้ ข สอดคล้องกบั เพม่ิ เติมได้ สอดคล้องกับ ผลงานได้เพียง ผลงานได้เป็น บางส่วน ส่วนใหญ่
41 เกณฑก์ ารประเมนิ (กจิ กรรม 1.1 ชว่ ยคณุ สมาร์ทหาจุดคุ้มทนุ ) ประเด็นการประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 กาํ หนดประเด็น กําหนดประเด็น การรวบรวมขอ้ มูลที่ สบื ค้นและรวบรวม 32 สบื ค้นและรวบรวม จาํ เปน็ ต่อ ข้อมูลท่เี กยี่ วขอ้ ง กําหนดประเดน็ กาํ หนดประเดน็ ข้อมูลที่เกยี่ วข้อง การวเิ คราะห์ กับการวิเคราะห์ สบื คน้ และรวบรวม สบื คน้ และรวบรวม กับการวเิ คราะห์ จุดค้มุ ทนุ ในการ จุดคุม้ ทุนด้วย ข้อมลู ทเี่ กีย่ วข้อง ข้อมูลทเ่ี ก่ียวขอ้ ง จุดคมุ้ ทุน ลงทนุ ผลิต วิธีการที่ กับการวเิ คราะห์ กบั การวเิ คราะห์ แต่แหล่งข้อมูลท่ี พชื 4 ชนิด หลากหลายจาก จุดค้มุ ทนุ จาก จดุ ค้มุ ทุนจาก สบื คน้ ไมน่ ่า แหลง่ ข้อมูลที่ แหล่งข้อมูลที่ แหล่งขอ้ มูลท่ี เชอื่ ถอื นา่ เช่อื ถอื นา่ เช่ือถือไดข้ ้อมูล นา่ เชือ่ ถือไดข้ ้อมูล ไดข้ ้อมูลที่ ไดข้ อ้ มูล ท่ถี ูกต้องเพียงพอ ที่ถกู ต้อง ไม่ถูกตอ้ ง ทถ่ี กู ตอ้ ง ตอ่ การแกป้ ญั หา แตไ่ ม่เพยี งพอตอ่ ไม่สอดคลอ้ งกับ เพียงพอต่อ ปัญหา การแกป้ ญั หา การแก้ปญั หา การหาจุดค้มุ ทนุ โดย หาจุดคุ้มทนุ โดยการ หาจุดคุ้มทนุ โดยการ หาจดุ คุ้มทุนโดยการ หาจดุ คุ้มทนุ โดยการ การสร้างกราฟหรือ จากการ สร้างกราฟหรือการ สร้างกราฟหรือการ สร้างกราฟหรอื การ สร้างกราฟหรอื การ คาํ นวณเพือ่ ตัดสินใจ เลือกปลกู พชื คํานวณไดอ้ ย่าง คาํ นวณไดอ้ ยา่ ง คํานวณได้อยา่ ง คํานวณไดไ้ ม่ถกู ตอ้ ง ถูกต้อง สมบรู ณ์ ถกู ต้องสมบรู ณ์ ถกู ตอ้ ง ไมส่ ามารถนํามาใช้ รวมท้งั สามารถ แต่อธบิ ายเหตผุ ลใน แต่ไม่สามารถอธบิ าย อธิบายเหตุผลในการ เปรยี บเทียบและ การเปรยี บเทียบ เหตผุ ลในการ เปรียบเทียบตดั สินใจ อธบิ ายเหตุผลในการ ตดั สินใจเลอื กชนิด เปรยี บเทียบตัดสินใจ เลอื กชนดิ พืชท่ีจะ ตัดสนิ ใจเลอื กชนิด พชื ทจ่ี ะปลูกขาดการ เลือกชนดิ พืชทจี่ ะ ปลูก พืชทจ่ี ะปลกู ไดอ้ ยา่ ง ให้เหตุผลท่ีเหมาะสม ปลูก เป็นเหตเุ ป็นผลจาก บางสว่ น ข้อมลู
42 ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 การกําหนด นาํ ข้อมูลจากการ นาํ ข้อมลู จาก นําขอ้ มูลจาก นําขอ้ มลู จาก ขอบเขตของปัญหา วเิ คราะห์มา การวิเคราะห์มา การวิเคราะหม์ า การวเิ คราะหม์ า ใหมโ่ ดยใชข้ อ้ มลู กําหนดขอบเขต กําหนดขอบเขต กําหนดขอบเขต กําหนดขอบเขต จากการวเิ คราะห์ ของปัญหาใหมไ่ ด้ ของปัญหาใหม่ได้ ของปัญหาใหม่ ของปญั หาใหม่ อยา่ งเหมาะสม อยา่ งเหมาะสม ท่ีสอดคล้องกับ ซ่งึ เปล่ยี นแปลง และอธิบาย แต่การอธบิ าย การแกป้ ญั หา จากเดมิ เพียง เหตุผล เหตุผลขาดความ แตข่ าดความ เล็กนอ้ ยหรอื ไดอ้ ย่างถกู ต้อง สมเหตสุ มผล เหมาะสม ยงั ไมเ่ หมาะสม ชัดเจนและ บางสว่ น บางส่วนและ เปน็ เหตเุ ปน็ ผล อธิบายเหตุผลได้ เพยี งเล็กนอ้ ย การรวบรวมข้อมลู กาํ หนดประเด็น กําหนดประเดน็ กาํ หนดประเด็น กาํ หนดประเดน็ ทจ่ี ําเปน็ ต่อการวาง สืบค้นและ สืบคน้ และ สบื ค้นและ สืบค้นและ ระบบนํา้ รวบรวมข้อมลู ที่ รวบรวมขอ้ มูลท่ี รวบรวมขอ้ มลู ท่ี รวบรวมข้อมูลท่ี เกี่ยวขอ้ งกับการ เก่ียวข้องกับ เกยี่ วขอ้ งกับ เกีย่ วขอ้ งกับ วางระบบนาํ้ ด้วย การวางระบบน้ํา การวางระบบน้ํา การวางระบบนํา้ วธิ ีการที่ จากแหลง่ ข้อมูลท่ี จากแหล่งขอ้ มลู ที่ แต่แหลง่ ข้อมูลที่ หลากหลายจาก น่าเชอื่ ถอื นา่ เชื่อถอื สืบคน้ ไม่ แหล่งขอ้ มลู ที่ ได้ข้อมลู ท่ถี ูกต้อง ไดข้ อ้ มูลท่ีถูกต้อง นา่ เชอื่ ถือ น่าเชื่อถือได้ เพียงพอตอ่ แต่ไมเ่ พียงพอตอ่ ไดข้ อ้ มูล ข้อมลู ทถี่ ูกตอ้ ง การแกป้ ญั หา การแก้ปัญหา ทไ่ี มถ่ ูกต้องไม่ เพียงพอตอ่ สอดคล้องกับ การแกป้ ัญหา ปญั หา
43 ประเด็นการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 32 พัฒนาแนวคดิ ใน การออกแบบ พฒั นาแนวคิดใน พฒั นาแนวคดิ ใน พัฒนาแนวคดิ ใน การวางระบบน้ํา การวางระบบน้าํ การวางระบบนา้ํ ในโรงเรือนได้ 1 การวางระบบนาํ้ การวางระบบนาํ้ ในโรงเรือนได้ ในโรงเรอื นได้ 1 แนวคิดโดยมี 2-3 แนวคดิ แนวคดิ โดยมี รายละเอียดของ ในโรงเรือนและ ในโรงเรอื น โดยมีรายละเอียด รายละเอยี ดของ ชนิดและจาํ นวน ของชนิดและ ชนดิ และจํานวน อุปกรณท์ จ่ี ําเปน็ อธิบายเหตุผลใน ได้อยา่ ง จาํ นวนอุปกรณ์ อปุ กรณท์ จ่ี าํ เปน็ ต่อการแก้ปญั หา ทจี่ าํ เปน็ ต่อการ ตอ่ การแก้ปญั หา ไมช่ ัดเจน การตัดสนิ ใจเลอื ก หลากหลาย แกป้ ญั หาอย่าง อยา่ งชดั เจน หรือไม่มี ชัดเจนและเลือก ชนดิ และจํานวน มคี วามเปน็ ไปได้ แนวคิดในการ แก้ปญั หาได้ อปุ กรณ์ทต่ี ้องการ ในการนาํ สอดคลอ้ งกับผู้ใช้ ผทู้ เี่ ก่ยี วข้องและ ไปใชแ้ ก้ปญั หา ขอบเขต ของปัญหาโดย โดยมีรายละเอียด อธิบายเหตผุ ลใน การตดั สินใจ ของชนิดและ จาํ นวนอุปกรณท์ ่ี จําเปน็ ตอ่ การ แก้ปญั หาอยา่ ง ชัดเจนและเลือก แนวคดิ ใน แกป้ ญั หาได้ สอดคล้องกบั ผู้ใช้ ผู้ทเี่ กยี่ วขอ้ งและ ขอบเขตของ ปญั หา
44 ประเดน็ การประเมิน 4 ระดับคะแนน 1 32 การเขยี นภาพร่าง เขยี นภาพร่าง เขียนภาพรา่ ง เขยี นภาพรา่ ง เขียนภาพร่าง หรือแผนภาพแสดง หรอื แผนภาพ หรือแผนภาพ หรือแผนภาพ หรือแผนภาพ รายละเอยี ดของ แสดงรายละเอยี ด แสดงรายละเอียด แสดงรายละเอียด แสดงระบบนํ้า ระบบนา้ํ สาํ หรับ ของระบบน้ํา ของระบบนา้ํ ของระบบนา้ํ สําหรบั โรงเรือน โรงเรือน สาํ หรับโรงเรือน สาํ หรบั โรงเรอื น สําหรบั โรงเรอื น ได้ไมล่ ะเอียดขาด ได้อย่างละเอียด ไดส้ ามารถ ได้แตย่ งั ขาด ข้อมูลเปน็ แสดงขอ้ มูล สอ่ื สารใหผ้ ู้อ่นื ขอ้ มลู บางสว่ น ส่วนใหญ่และ ครบถว้ น เข้าใจตรงกัน และไมส่ ามารถ ไมส่ ามารถสื่อสาร สามารถส่ือสารให้ สื่อสารใหผ้ ้อู น่ื ให้ผูอ้ นื่ เข้าใจ ผอู้ ื่นเขา้ ใจตรงกัน เข้าใจตรงกัน ตรงกนั
45 เกณฑก์ ารประเมิน (กิจกรรม 1.3 ความรู้กบั การออกแบบสนามเด็กเล่น) ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 ระบสุ าเหตุหรอื การระบสุ าเหตุ ระบุสาเหตหุ รอื ระบุสาเหตุหรือ ระบุสาเหตหุ รอื สาระสําคญั ของ การสร้างสนาม สาระสําคญั และ สาระสาํ คญั ของ สาระสาํ คญั ของ สาระสาํ คัญของ เดก็ เลน่ โดยไมไ่ ด้ กาํ หนดขอบเขตของ การสรา้ งสนาม การสรา้ งสนาม การสรา้ งสนาม นาํ ขอ้ มลู การออกแบบสนาม เดก็ เลน่ โดยคาํ นงึ เด็กเลน่ โดย เด็กเลน่ โดยคํานึง ทรี่ วบรวมมา เดก็ เล่น ผู้ใชแ้ ละผูท้ ่ี คํานึงผใู้ ช้ ผูใ้ ชห้ รือผู้ท่ี ประกอบการ และผทู้ ่เี ก่ียวข้อง เกี่ยวขอ้ งบางส่วน พจิ ารณาและ เกีย่ วขอ้ งไดอ้ ยา่ ง กาํ หนดขอบเขต การออกแบบ ชดั เจนสอดคลอ้ ง ได้โดยใชข้ ้อมูลท่ี โดยใช้ข้อมูลท่ี สนามเด็กเล่นได้ไม่ ถกู ตอ้ ง กับข้อมลู ท่ี รวบรวมมา รวบรวมมา รวบรวมมาเพื่อใช้ ประกอบการ ประกอบการ กาํ หนดขอบเขต กําหนดขอบเขต กาํ หนดขอบเขต ของการออกแบบ ของการออกแบบ ของการออกแบบ สนามเด็กเล่นโดย สนามเดก็ เลน่ ได้ สนามเด็กเล่น คาํ นึงความ อยา่ งชดั เจน แตข่ าดความ ตอ้ งการขอ้ จํา กดั สมบูรณ์ หรอื เงอ่ื นไขต่างๆ ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง และชดั เจน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120