Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเพาะขยายพันธุ์ไม้น้ำ

การเพาะขยายพันธุ์ไม้น้ำ

Description: การเพาะขยายพันธุ์ไม้น้ำ

Search

Read the Text Version

วชิ าการขยายพนั ธ์ุไม้นา้ รหสั วิชา ๒๕๐๑-๒๖๐๘ จานวน ๓ หนว่ ยกิต

จุดประสงค์รายวชิ า เพ่ือให้ ๑. เข้าใจหลกั การและกระบวนการขยายพนั ธ์ุ และปลกู ไม้นา้ ๒. สามารถวางแผน เตรียมการและดาเนินการขยายพนั ธ์ุ และ ปลูกไม้นา้ อย่างมีระบบตามหลกั การและ กระบวนการ โดย คานึงถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างค้มุ ค่าและผลกระทบ ตอ่ สภาพแวดล้อม ๓. มีเจตคติท่ีดีตอ่ งานอาชีพขยายพนั ธ์ุไม้นา้ และมีกิจนิสยั ใน การทางานด้วยความรับผิดชอบรอบคอบ ขยนั และอดทน

สมรรถนะรายวชิ า ๑. แสดงความรู้เบือ้ งต้นเกี่ยวกบั หลกั การและกระบวนการขยายพนั ธ์ุไม้นา้ ๒. วางแผนการขยายพนั ธ์ไุ ม้นา้ ตามความต้องการของตลาดและสภาพพืน้ ท่ี ๓. เตรียมสถานที่ วสั ดอุ ปุ กรณ์และพรรณไม้นา้ ตามหลกั การและกระบวนการ ๔. ขยายพนั ธ์ุ/ปลกู ไม้นา้ ตามหลกั การและกระบวนการ ๕. ดแู ลรักษาพรรณไม้นํ้าตามหลกั การและกระบวนการ ๖. เพ่ิมมลู คา่ /นาพรรณไม้นา้ ไปใช้ประโยชน์ตามหลกั การและกระบวนการ ๗. บนั ทกึ ข้อมลู การปฏิบตั งิ านและต้นทนุ การผลติ ตามหลกั การ ๘. จดั ทาบญั ชีรายรับ-รายจ่ายการขยายพนั ธ์ุ และจาหน่ายพรรณไม้นา้

คาอธิบายรายวชิ า ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับ ความสาคัญ การตลาดและ สภาวการณ์ของพรรณไม้ การขยายพันธ์ุไม้นา้ เศรษฐกิจ การปลูก และการดแู ลรักษา การบรรจุและการลาเลียง การจดั ต้พู รรณไม้นา้ การคานวณต้นทุนการผลิต การบันทึกข้อมูลการปฏิบตั ิงาน การ จาหนา่ ย และการทาบญั ชีเบอื ้ งต้น

เกณฑ์การประเมิน ➢ จิตพสิ ยั ๒๐ % ➢งานกลมุ่ /รายงาน ๒๐% ➢งานศกึ ษางานวิจยั และนาเสนอ ๒๐% ➢ปฎิบตั งิ านขยายพนั ธ์ุไม้นา้ ๑๐% ➢สอบเก็บคะแนน ๑๐% ➢สอบปลายภาค ๒๐%

หน่วยที่ ๑ ความหมายและความสาคญั ของ พรรณไม้นา้

ความหมายของพรรณไม้นา้ ?

“พชื ขนึ้ อยู่ในนา้ โดยท่พี ชื นัน้ อาจจะเจริญลอยท่ผี วิ นา้ เจริญ อย่ใู ต้นา้ เจริญโผล่ขนึ้ เหนือนา้ หรือ เจริญอย่ตู ามชายนา้ ริมตล่ิง หรือริมคูคลอง และ รวมถงึ พชื ท่ชี อบเจริญอยู่ตามท่นี า้ ขังแฉะ”

“พชื ท่ตี ้องขึน้ อยู่ในนา้ เป็ นระยะเวลาหน่ึงในช่วง ชีวิต หรือพชื ท่มี ีเมลด็ งอกในนา้ หรืองอกใน พนื้ ดนิ ใต้นา้ แล้วเจริญอยู่ในนา้ ในช่วงระยะเวลา หน่ึง”

การจดั จาแนกพรรณไม้นา้ ? 1. การจาแนกออกตามแหล่งนา้ ทพี่ รรณไม้นา้ ขน้ อย่ 2.การจดั จาแนกออกตามลักษณะทางนิเวศวิทยาท่พี รรณไม้นา้ นัน้ ขนึ้ อยู่ 3.การจัดจาแนกตามหลกั ของการจาแนกอาณาจักรพืช

1. การจาแนกออกตามแหล่งนา้ ที่พรรณไม้นา้ ขน้ อย่ เชน่ ลาธาร หนอง บงึ ตามแมน่ า้ ตา่ งๆ

2.การจดั จาแนกออกตามลกั ษณะทางนิเวศวทิ ยาท่ีพรรณไม้นา้ น้ันขน้ อย่ พรรณไม้นา้ ได้ถูกแบ่งออกเป็ น 4 ประเภทใหญ่ 1. พืชโผลเ่ หนือนา้ (emergent plants) 2. พืชใต้นา้ (submerged plants) 3. พืชลอยนา้ (free-floating plants) 4. พืชใบลอยนา้ (floating-leaved plants)



1. พืชโผล่เหนือนา้ (emergent plants) ➢ ลาต้นใต้ดินและบางสว่ นของต้นอยใู่ ต้นา้ แต่ บางสว่ นของต้นอยเู่ หนือระดบั นา้ ➢ สว่ นใหญ่เป็นไม้ล้มลกุ ➢ มกั เป็นพืชใบเลีย้ งเด่ียว ➢ พบตามชายฝั่งทะเลและตามแหลง่ นา้ จืดทว่ั ไป ➢ มกั เป็นพืชวงศ์ Poaceae

หญ้าคา ธูปฤาษี เผือก กกกลม

พชื ตามชายชายฝ่ังทะเล -โกงกางใบเลก็ (Rhizophora apiculata) -โกงกางใบใหญ่ (R. mucronata) -โปรงขาว (Ceriops decandra) -โปรงแดง (C. tagal) -ลาพ(ู Sonneratia casiolaris) -ลาแพน (S. ovata) -แสมขาว (Avicennia alba) -แสมดา (A. officinalis) -ปรงทะเล (Acrostichum aureum)

ปรงทะเล โกงกางใบเลก็ โปรงแดง ลาพู ลาแพน

2. พืชใต้นา้ (submerged plants) ➢ ทกุ สว่ นของต้นอยใู่ นนา้ ➢ มีรากยดึ ติดกบั พนื ้ ท้องนา้ (แตบ่ างชนิดอาจไมม่ ี) ➢ โดยทว่ั ไปเป็นพืชล้มลกุ ➢ ไมม่ ีปากใบและสารคิวติน ➢ แลกเปล่ยี นก๊าซผา่ นเนือ้ เย่ือผิวใบโดยตรงสามาร ดดู ซมึ C ในรูป HCO3 ➢ ในแหลง่ นา้ จืดสว่ นใหญ่อยใู่ นวงศ์ Hydrocharitaceae เช่น -สาหร่ายหางกระรอก -สนตั ะวาใบพาย

สาหร่ายหางกระรอก สนั ตะวาใบพาย สาหร่ายพงุ ชะโด สาหร่ายข้าวเหนียว

3. พืชลอยนา้ (free-floating plants) ➢ รากลอยอยใู่ ต้นา้ สว่ นใบ ก้านใบลอยอย่ผู ิวนา้ หรือเหนือผิวนา้ ➢ ต้นพืชสามารถถกู พดั ไปกบั กระแสนา้ ได้ ➢ เป็นไม้ล้มลกุ ท่ีมีอตั ราการเจริญสงู มาก ➢ ขยายพนั ธ์ไุ ด้ง่ายโดยวิธี fragmentation ➢ ถกู จดั เป็นวชั พืชที่สาคญั ของโลก ➢ พืชลอยนา้ สว่ นใหญ่มีโครงสร้างที่เออื ้ ต่อการ ลอยนา้ ➢ ก้านใบทีพ่ อง ➢ ทนุ่ ลอยนา้ ของผกั กระเฉด

❑ มีจานวนไม่มากชนิดเม่ือเทยี บกบั พืชโผล่ เหนือนา้ /พชื ใต้นา้ -ผกั ตบชวา (Eichhorniacrassipes) -จอก (Pistiastratiotes) -จอกหหู นู (Salviniacucullata) -แหนเป็ดเลก็ (Lemnaaquatica) -แหนแดง (Azollapinnata) -ผกั กระเฉด (Neptuniaoleracea) -ผกั บ้งุ (Ipomeaaquatica

ผกั ตบชวา จอกหหู นู แหนแดง จอกแหน แหนเป็ด ผกั กระเฉด

4. พืชใบลอยนา้ (floating-leaved plants) ➢ มีลาต้นใต้ดนิ จมอยใู่ ต้นา้ ➢ ชกู ้านใบยาวเพื่อสง่ ตวั ใบให้ลอยอยผู่ ิวนา้ ➢ ก้านใบสามารถยืดยาวตามระดบั นา้ ➢ ลาต้นใต้ดินแตกไหลได้ ➢ ใบมีหลายรูปแบบ กลม รูปไข่ หวั ใจ ➢ พบปากใบด้านผิวใบท่ีสมั ผสั อากาศ

ดอกบวั ทกุ ชนิด

3.การจัดจาแนกตามหลกั ของการจาแนกอาณาจกั รพืช กลุ่มแอลจี กล่มุ ไบรโอไฟต์ กลุ่มเฟิ ร์น กลุ่มพืชมีเมลด็

แบบทดสอบ การแบ่งกล่มุ พรรณไม้นา้ ตามลกั ษณะทางนิเวศวทิ ยา













ความสาคัญของพรรณไม้นา้ พชื นา้ เป็นองค์ประกอบสาคญั ในระบบนิเวศ สามารถ สรุปบทบาทหน้าท่ีและประโยชน์ได้ดงั นี ้ 1. แหลง่ อาหาร 2. แหลง่ ที่อยอู่ าศยั 3. ตวั กรองธรรมชาติ 4. เพม่ิ ออกซเิ จน 5. พืชเศรษฐกิจ 6. การปรับปรุงคณุ ภาพนา้

1. แหล่งอาหาร ➢ เป็นอาหารของสัตว์ ➢ เป็นอาหารของมนุษย์ เช่น -ขา้ ว -กา้ นดอกบวั สาย -ผล รากของบวั หลวง -ช่อดอกตาลปัตรฤาษี ผกั บุง้ ผกั กระเฉด

2. แหล่งทอี่ ย่อาศัย ➢ เป็นที่อยขู่ อง -สตั วน์ ้า -สตั วค์ ร่ึงบกคร่ึงน้า -แมลง -นก -สตั วเ์ ล้ือยคลาน ➢ เอ้ือต่อการเป็นระบบนิเวศที่ สมบูรณ์

3. ตัวกรองธรรมชาติ ➢ ชะลอความเร็วของกระแสน้าได้ มีผลดีต่อ การตกตะกอนสารแขวนลอยท่ีมากบั น้า ➢ มีผลใหร้ ะยะเวลาการขงั ของน้านานข้ึน ➢ ทาใหพ้ ชื มีเวลานานพอท่ีจะดูดซบั สารอาหาร ➢ แหล่งน้าท่ีมีพชื ลอยน้าจะลดปริมาณสาหร่าย สีเขียวลงได้

4. เพมิ่ ออกซิเจน ➢ พชื มีการสงั เคราะห์และปลดปลอ่ ย O2 ➢ รากพชื หรือโครงสร้างอยา่ งอ่ืนท่เี ออื ้ ตอ่ การ เกบ็ O2 ➢ บริเวณท่มี ีพืชนา้ มากกจ็ ะมีออกซเิ จนมาก ➢ ใช้ในการบาบดั นา้ เสีย

5. พืชเศรษฐกจิ ➢ พืชหลายชนิดนามาใช้ในเชิงพาณิชย์ เช่น ไม้ ประดบั ตู้ ปลา ตกแตง่ สวนนา้ ตกแตง่ อาคาร ➢ บวั หลวง ขายดอก จดั สวน ➢ ประเทศจีน สง่ ออกเมลด็ บวั อบแห้ง และชา จากเกสรตวั ผู้

6. การปรับปรุงคุณภาพนา้ ➢ เป็นตวั ดกั กรองตะกอนหรือปล่อย O2 ลงสู่ แหล่งน้า ➢ บาบดั น้าเสียโดยช่วยดูดซบั สารอินทรียห์ รือ โลหะหนกั ➢ กรณีบาบดั โดยช่วยดูดสารอินทรีย์ สามารถ นา พืชไปทา ป๋ ุยหมกั ได้ ➢ ตวั อยา่ งพชื ที่นามาบาบดั น้าเสีย -ผกั ตบชวา -จอก -จอกหูหนู -แหน -กก -พชื ตระกูลหญา้

ชีววทิ ยาพรรณไมน้ ้า 38 เร่ืองปัจจยั ทางกายภาพที่มีผลต่อพรรณไมน้ ้า

หน่วยท่ี ๒ ประโยชน์และโทษของพรรณไม้นา้

1. ใช้ประโยชน์ในการเป็ นอาหารมนุษย์

2.ใช้ประโยชน์ในการทาเป็ นเคร่ืองจักสาน

3. ใช้ประโยชน์ในการเป็ นพืชสมุนไพร

4.ใช้ประโยชน์ในการเป็ นไม้ประดบั

5.ใช้ประโยชน์ในการบาบดั นา้ เสีย

6.ใช้ประโยชน์ในการเป็ นอาหารสัตว์นา้

โทษของพรรณไม้นา้

1.เป็ นโทษด้านการคมนาคม

2. เป็ นโทษด้านการชลประทาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook