๙๐ มาตรา ๕ ................................................................................... มาตรา ๕ – ๗ เนอ้ื หา .............................................................................................................................. หรือสาระทีจ่ ะกาหนด .................................................................... บทเฉพาะกาล มาตรา ๖ ................................................................................... มาตรารกั ษาการ .............................................................................................................................. ..................................................................... มาตรา ๗ ................................................................................... .............................................................................................................................. ...................................................................... มาตรา ๘ ................................................................................... .............................................................................................................................. ....................................................................... มาตรา ๙ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง...รักษาการตาม พระราชบัญญตั ินี้ ผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ ................................................ นายกรฐั มนตรี บัญชีทา้ ยพระราชบัญญตั ิ บญั ชที า้ ยพระราชบญั ญตั ิ....................................... พ.ศ. .... ๑. .................................... .. บาท ๒. .................................... .. บาท ๓. .................................... .. บาท ๔. .................................... .. บาท ๕. .................................... .. บาท
๙๑ โดยมีเนือ้ หาของแต่ละเร่ือง เรยี งลาดับตามโครงสรา้ งพระราชบัญญัติ ดังนี้ ๑) บนั ทึกหลักการและเหตุผล ความมุง่ หมายในการมีบันทึกหลกั การของรา่ งพระราชบัญญตั ิ คอื (ก) เพื่อให้ผู้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติทราบถึงขอบเขตในการมี หรือแก้ไขเพ่ิมเติมพระราชบัญญัติน้ัน ๆ โดยเฉพาะกรณีท่ีเป็นพระราชบัญญัติฉบับแก้ไขเพ่ิมเติม หลักการที่กาหนดขึ้นและแสดงไว้จะเป็นข้อมูลผูกมัดและขอบเขตของการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ทั้งในชั้นการพิจารณาของสภาผแู้ ทนราษฎร คณะกรรมาธิการของสภาผแู้ ทนราษฎร และวุฒิสภา (ข) เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ไปตามข้อบังคับการประชมุ สภาผแู้ ทนราษฎร ความมงุ่ หมายของการมีบนั ทึกเหตผุ ล คือ (ก) เพ่ือแสดงให้สาธารณชนทราบถึงเหตุผลหรือความจาเป็นท่ีจะต้องมี หรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายฉบับนั้น ซึ่งเม่ือมีการนาลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ก็จะกลายเป็น เคร่ืองมือประการหนึ่งในการพิจารณาหรือค้นหาเจตนารมณ์ของกฎหมาย หรือใช้ประกอบในการใช้ บงั คับหรือตคี วามกฎหมาย (ข) เพอ่ื ให้เป็นไปตามขอ้ บงั คับการประชุมสภาผ้แู ทนราษฎร๑๘ แบบของบันทกึ หลักการ การพิจารณาร่างกฎหมายของประเทศไทยในชั้นสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา ในวาระท่ีหนึ่งน้ัน (วาระรับหลักการ) จะพิจารณาความถูกต้องเหมาะสมของหลักการของร่างกฎหมายก่อน ส่วนรายละเอียดของถ้อยคาจะเป็นเช่นไรนั้นจะพิจารณากันภายหลัง เพราะฉะนั้น ข้อบังคับการประชุม สภาผู้แทนราษฎรหรือข้อบังคับการประชุมวุฒิสภาจะกาหนดเสมอว่าร่างพระราชบัญญัติต้องระบุ หลกั การไว้ด้วย ๑๙ แม้ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. .... ซึ่งอาจจะกาหนดรายละเอียดเก่ียวกับการรับฟังความคิดเห็นของผู้เก่ียวข้องประกอบการ เสนอร่างกฎหมายตามมาตรา ๗๗ ของรฐั ธรรมนูญหรือรายละเอยี ดอนื่ ๆ เพ่ิมขึ้นจากที่เคยกาหนดใน ขอ้ บังคับการประชุมฉบับที่ผ่าน ๆ มา แต่ก็น่าจะคงให้มีบันทกึ หลักการและเหตุผลประกอบการเสนอ ร่างพระราชบัญญัติเช่นเดิม เช่นเดียวกับข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๑๐๙ ประกอบข้อ ๑๐๑๒๐ ๑๘ เรื่องเดียวกัน, ๓๒. ๑๙ ธรรมนิตย์ สุมันตกุล. ,การร่างกฎหมายเบื้องต้น: แบบของกฎหมาย, ๔๐. ๒๐ ข้อ ๑๐๙ การเสนอร่างพระราชบัญญัติ ให้นาความในข้อ ๑๐๑ ข้อ ๑๐๒ และข้อ ๑๐๓ มาใช้บังคับ โดยอนโุ ลม
๙๒ เพ่ือให้การร่างพระราชบัญญัติเป็นไปตามแบบและข้อบังคับการประชุม จงึ สรุปแบบการเขียนหลักการของร่างพระราชบญั ญัตใิ น ๓ ลักษณะ ดังน้ี (๑) กรณีให้มกี ฎหมายเปน็ ครงั้ แรก ตัวอย่าง หลักการ ให้มีกฎหมายว่าด้วย...(ระบชุ ่อื พระราชบญั ญัติ)... (๒) กรณียกเลิกกฎหมายเดมิ ทั้งฉบับ และยกร่างขน้ึ ใหม่ ให้ใช้ถ้อยคาว่า ปรบั ปรุงกฎหมายว่าด้วยการนัน้ ตวั อยา่ ง หลักการ ปรบั ปรุงกฎหมายวา่ ดว้ ย...(ระบุชื่อพระราชบัญญตั )ิ ... (๓) กรณีการแก้ไขเพ่ิมเติมกฎหมาย หมายถึง การเพิ่มมาตราลงไปใน พระราชบญั ญตั ิท่ีใช้บงั คบั อยู่ หรอื การแกไ้ ขบทบญั ญัตเิ ดิมบางมาตราให้เหมาะสมขึน้ ตวั อย่าง หลกั การ แกไ้ ขเพ่ิมเติม...(ระบุช่ือพระราชบญั ญัติ)...เพื่อ...(ระบุเรอื่ งหรอื กล่มุ เร่ืองทีแ่ ก้ไข เพ่มิ เติม)... (แก้ไขเพม่ิ เติมมาตรา..) ข้อ ๑๐๑ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญต้องแบ่งเป็นมาตรา และต้องมีบันทึกประกอบ ดงั ต่อไปน้ี (๑) หลักการแหง่ รา่ งพระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนญู (๒) เหตผุ ลในการเสนอรา่ งพระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู (๓) บันทกึ วิเคราะหส์ รปุ สาระสาคญั ของรา่ งพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ หลักการแห่งร่างพระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู น้นั ใหก้ าหนดโดยชดั แจ้ง
๙๓ ตัวอย่าง (๔) กรณีที่มีหลักการของเรอื่ งท่ีจะแก้ไขเพมิ่ เติมมาก หลกั การ แกไ้ ขเพิ่มเตมิ ...(ระบชุ ่ือพระราชบัญญตั )ิ ...ดงั ตอ่ ไปนี้ ( ) ...(ระบุเรือ่ งหรอื กลุ่มเรือ่ งที่ประสงคจ์ ะแกไ้ ขเพ่ิมเติม)... (แก้ไขเพิม่ เติมมาตรา..) ( ) ...(ระบุเร่อื งหรือกลมุ่ เรือ่ งท่ปี ระสงคจ์ ะเพิม่ )... (เพม่ิ เติมมาตรา..) ( ) ...(ระบเุ รื่องหรอื กลุ่มเรื่องท่ปี ระสงคจ์ ะยกเลิก)... (ยกเลิกมาตรา..) (๕) กรณีการยกเลิกกฎหมายอนื่ ตวั อย่าง หลกั การ ยกเลิก ...(ชือ่ กฎหมาย)... ตัวอยา่ ง หลักการ ยกเลกิ ...(ชอื่ กฎหมาย)... และ...(ชอ่ื กฎหมาย)... แบบของบันทกึ เหตุผล การเขียนบันทึกเหตุผลในพระราชบัญญัติ ทั้งในกรณีพระราชบัญญัติใหม่ พระราชบัญญัติฉบับแก้ไขเพิ่มเติม หรือพระราชบัญญัติยกเลิกกฎหมายอื่น มีแนวทางในการปฏิบัติ เป็นอย่างเดียวกัน คือ ต้องเขียนบรรยายเหตุผลของการมีกฎหมาย การปรับปรุง การแก้ไขเพิ่มเติม และการยกเลิกดังกล่าว ส่วนการเขียนบรรยายเหตุผลน้ัน จะสั้นหรือยาวในวรรคเดียวหรือแยกเขียน เปน็ เรอ่ื ง ๆ ก็แล้วแต่ความเหมาะสม โดยมีรูปแบบทั่วไปดังต่อไปน้ี เน่อื งจาก / โดยที่ ............................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ....................................................................................................................................... ......................... ........................................................................................จงึ จาเปน็ ต้องตราพระราชบญั ญัตินี้
๙๔ ตัวอยา่ ง ร่างพระราชบัญญัติการกลับเป็นผปู้ ระกันตน พ.ศ. .... การร่างบันทึกเหตุผลน้ีผู้ร่างกฎหมายพึงระลึกเสมอว่า การเขียนเหตุผล ของร่างพระราชบัญญัติควรกระทาด้วยความระมัดระวัง ซ่ึงผู้ร่างกฎหมายต้องลาดับความคิดว่า ปญั หาเดิมเปน็ อย่างไร ทาไมต้องแก้ไขหรือมีกฎหมายนน้ั รวมทั้งหลกั โดยรวมเปน็ อย่างไร เป็นต้น ไม่ใช่กลา่ ว แต่เพียงว่ากฎหมายเดิมล้าสมัยหรือใช้มาเป็นเวลานาน สมควรปรับปรุงให้สอดคล้องกับกาลสมัย ซึ่งไมใ่ ช่ชค้ี วามเปน็ มาเปน็ ไปของรา่ งกฎหมายไว้เลย ๒๑ ๒) ชอื่ ร่างพระราชบัญญตั ิ ร่างพระราชบัญญัติทุกฉบับต้องมีชื่อเพื่อแสดงให้ทราบถึงสาระสาคัญ และขอบเขตในการใช้บังคับของร่างพระราชบัญญัติน้ัน และชื่อของร่างพระราชบัญญัติจะปรากฏอยู่ ๒ แห่ง คือ ในส่วนหวั เร่อื งและในรา่ งมาตรา ๑ โดยมรี ูปแบบดังน้ี ๒๑ ธรรมนิตย์ สุมนั ตกุล. การร่างกฎหมายเบ้อื งตน้ : แบบของกฎหมาย, ๔๕.
๙๕ (๑) ชอื่ ร่างพระราชบญั ญัติในส่วนหัวเรอ่ื ง โดยมีรูปแบบใน ๓ ลกั ษณะ คือ (ก) รา่ งพระราชบัญญตั ฉิ บับแรก ร่าง พระราชบัญญตั ิ .................. พ.ศ. .... ข) รา่ งพระราชบัญญัติฉบบั แก้ไขเพิ่มเติม ร่าง พระราชบัญญัติ ..................(ฉบบั ท่ี ..) พ.ศ. .... ค) ร่างพระราชบัญญตั ิยกเลิกกฎหมายอ่นื ร่าง พระราชบัญญตั ิ ยกเลกิ ...(ชือ่ กฎหมายทจี่ ะยกเลกิ ).. พ.ศ. .... รา่ ง พระราชบญั ญตั ิ ยกเลกิ ...(ช่ือกฎหมายท่จี ะยกเลกิ )... (ชอ่ื กฎหมายทจ่ี ะยกเลิก)... และ...(ชอื่ กฎหมายท่จี ะยกเลิก)... พ.ศ. ....
๙๖ รา่ ง พระราชบัญญตั ิ ยกเลิกกฎหมายบางฉบบั ที่/ซ่ึง...(ระบเุ หตผุ ล)... พ.ศ. .... ช่ือร่างพระราชบัญญัติในส่วนหัวเรื่องน้ีไม่จัดว่าเป็นเนื้อหาของพระราชบัญญัติที่มี ผลบงั คบั ใช้บงั คบั เนอ่ื งจากเนอ้ื หาของพระราชบญั ญตั เิ ร่ิมตน้ ที่มาตรา ๑ (๒) ช่อื ร่างพระราชบญั ญตั ิในร่างมาตรา ๑ นอกจากการกาหนดชื่อร่างพระราชบัญญัติในส่วนหัวเรื่องแล้ว ยังมีการกาหนดชอ่ื รา่ งพระราชบญั ญัตไิ วใ้ นร่างมาตรา ๑ ของรา่ งพระราชบัญญัติฉบบั เดียวกนั อนั เป็น ส่วนของตัวกฎหมาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกาหนดใช้บังคับว่า กฎหมายที่ตราข้ึนนั้นมีช่ือว่าอย่างไร และต้องอ้างชื่ออย่างไร ดังนั้น ช่ือพระราชบัญญัติที่กาหนดในร่างมาตรา ๑ จึงต้องเป็นชื่อเดียวกับท่ี กาหนดในส่วนหัวเรอื่ ง โดยมรี ูปแบบดงั นี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญตั ิน้ีเรียกว่า “พระราชบัญญัติ.................... พ.ศ. ....” ตัวอย่าง พระราชบญั ญตั ิ แก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความแพ่ง (ฉบับท่ี ๓๐) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑ พระราชบญั ญตั นิ ้ีเรียกว่า “พระราชบัญญัติแกไ้ ขเพม่ิ เติมประมวลกฎหมาย วธิ พี ิจารณาความแพ่ง (ฉบบั ที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๖๐” การกาหนดชื่อร่างพระราชบัญญัติในส่วนหัวเรื่องหรือในร่างมาตรา ๑ เปน็ รูปแบบการเขยี นให้เป็นไปตามโครงสร้างของพระราชบัญญัติ โดยผู้รา่ งต้องคานึงถึงการใชถ้ ้อยคา เพ่ือกาหนดเป็นชื่อพระราชบัญญัติ ซ่ึงต้องสอดคล้องกับกฎหมาย ทาให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ว่าเป็น การใช้บังคับกฎหมายในเรื่องใด และมีความหมายถูกต้องตามหลักพจนานุกรมด้วย เพื่อให้บุคคล ทั่วไปสามารถรู้และเข้าใจตรงกัน ซึ่งโดยหลักการแล้วชื่อร่างพระราชบัญญัติในบทบัญญัติมาตรา ๑ ต้องเหมือนกบั ชื่อรา่ งพระราชบญั ญัตใิ นส่วนหวั เรื่อง เพื่อไมใ่ หเ้ กิดปัญหาในการอา้ งชอ่ื พระราชบัญญัติ การตั้งช่ือกฎหมายควรหลีกเล่ียงการใช้คาว่า “ว่าด้วย” หรือ “การ” นาหน้าชื่อกฎหมายและใช้ช่ือกฎหมายให้ตรงกับเน้ือหากฎหมาย ซึ่งคาท้ังสองคาดังกล่าวเป็นคาท่ีใช้ใน กฎหมายเก่า จึงควรหลีกเล่ยี ง เว้นแต่กฎหมายฉบับใดมีความจาเป็นท่ตี อ้ งใชค้ าดงั กล่าวก็ใหค้ งไว้
๙๗ ๓) พระปรมาภิไธยและวันทีท่ รงลงพระปรมาภไิ ธย ในสว่ นน้ีจะเปน็ สว่ นท่ีปรากฏพระปรมาภิไธยและวันท่ีทรงลงพระปรมาภิไธย ของพระมหากษัตริย์ในฐานะที่ทรงเปน็ ผู้ตรากฎหมาย โดยจะปรากฏเมือ่ รา่ งกฎหมายได้ผา่ นความเหน็ ชอบ ของรัฐสภาและประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว ท้ังน้ี ในช้ันของการยกร่างกฎหมาย ผู้ทาหน้าท่ียกร่าง กฎหมายจะเว้นส่วนดังกล่าวไว้โดยทาเป็นเส้นประ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดาเนินการ กรอก ข้อความในภายหลัง ตวั อย่าง รา่ ง พระราชบญั ญัติ คุ้มครองประชาชนในการขายฝากท่ดี ินเพ่อื การเกษตรกรรมหรือทอ่ี ยอู่ าศัย พ.ศ. .... พระปรมาภิไธย และวันที่ทรงลง พระปรมาภิไธย ๔) พระบรมราชโองการ/พระราชโองการ ในส่วนนี้จะเปน็ ขอ้ ความทีแ่ สดงว่าการตรากฎหมายเป็นพระบรมราชโองการ หรือพระราชโองการของพระมหากษัตริย์ โดยจะปรากฏเมื่อร่างกฎหมายได้ผ่านความเห็นชอบของ รัฐสภาและประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว ท้ังน้ี ในชั้นของการยกร่างกฎหมาย ผู้ทาหน้าท่ียกร่างกฎหมาย จะเว้นส่วนดังกล่าวไว้โดยทาเป็นเส้นประไว้ประมาณบรรทัดครึ่ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดาเนนิ การกรอกข้อความในภายหลงั รา่ ง พระราชบัญญตั ิ คุ้มครองประชาชนในการขายฝากทด่ี นิ เพ่ือการเกษตรกรรมหรือท่ีอยู่อาศยั พ.ศ. .... พระบรมราชโองการ/ พระราชโองการ
๙๘ ๕) คาปรารภ เพอ่ื ทราบถงึ ขอบเขตของพระราชบัญญัติ คาปรารภเป็นอารัมภบทของกฎหมายท่ีกล่าวถึงอานาจและที่มาในการตรา พระราชบัญญัติ ซึ่งตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุขน้ัน พระมหากษัตริย์ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าสมควรมี แก้ไขเพิ่มเติม ปรับปรุง หรือยกเลิกกฎหมายใดโดยคาแนะนาและยินยอมของรัฐสภา คาปรารภจึงเป็นท่ีที่บอกให้ ทราบถงึ ทม่ี า ความจาเปน็ รวมทัง้ เป้าหมายในการตรากฎหมาย แบบกฎหมายในส่วนของคาปรารภส่วนท่ีแสดงพระราชอานาจของสถาบัน พระมหากษัตริย์ในการประกาศใช้บังคับพระราชบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ ด้วยความเห็นชอบของ ฝ่ายนิติบัญญัติ โดยพระราชบัญญัตินั้นได้ผ่านการพิจารณาตามกระบวนการนิติบัญญัติตามที่ รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้น้ัน ในช้ันที่ยังเป็นร่างพระราชบัญญัติ จะไม่มีการใส่ข้อความใด ๆ ในส่วนนี้ไว้ เมื่อร่างพระราชบัญญัติได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาให้ใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ความในส่วนนี้ จะกาหนดขึ้นในข้ันตอนการจัดทาพระราชบัญญัติเพ่ือทูลเกล้าฯ พระมหากษัตริย์เพ่ือลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้เป็นกฎหมาย และจะปรากฏในพระราชบัญญัติที่ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งแบบ กฎหมายทั่วไปปรากฏเป็นดังน้ี๒๒ “…………………………………………………………………………………………………….. คาปรารภเพอ่ื ทราบถงึ ............................................................................................................................................” ขอบเขตของพระราชบญั ญตั ิ .................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ................................................................................... .................................................................................................................... .................................................................................... จึงทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไวโ้ ดยคาแนะนา และยนิ ยอมของรฐั สภา ดังตอ่ ไปน้ี ส่วนแบบกฎหมายของคาปรารภในส่วนท่ีมุ่งหมายแจ้งใหท้ ราบว่ากฎหมาย ท่ีตราขึ้นใช้บังคับน้ัน เป็นกฎหมายใหม่ที่ไม่เคยมีการใช้บังคับมาก่อน หรือเป็นเพียงกฎหมายที่แก้ไข เพิ่มเติมกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ หรือกฎหมายท่ีปรับปรุงกฎหมายท่ีใช้บังคับอยู่ หรือเป็นกฎหมายยกเลิก กฎหมายท่ีใช้บังคับอยู่ นั้น ต้องกาหนดไว้ตั้งแต่ช้ันยกร่างพระราชบัญญัติ โดยเริ่มต้นด้วยถ้อยคาว่า “โดยท่เี ป็นการสมควร...” ๒๒ สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา.คู่มือแบบการรา่ งกฎหมาย, ๖๗.
๙๙ โดยมรี ปู แบบหลกั ๔ กรณี คือ (๑) กรณีคาปรารภของพระราชบญั ญตั ิฉบับแรก โดยทเ่ี ปน็ การสมควรมีกฎหมายวา่ ดว้ ย.......... โดยทเ่ี ปน็ การสมควรมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ด้วย..................... (๒) กรณพี ระราชบญั ญัติฉบบั แก้ไขเพ่มิ เตมิ โดยที่เป็นการสมควรแกไ้ ขเพิ่มเตมิ กฎหมายว่าด้วย........................ โดยทีเ่ ป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายประกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วย..................... โดยทเ่ี ป็นการสมควรแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมาย....................... (๓) กรณพี ระราชบัญญัตปิ รับปรุง โดยทเ่ี ป็นการสมควรปรบั ปรงุ กฎหมายว่าด้วย........................ โดยท่เี ป็นการสมควรปรับปรงุ กฎหมายประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ย..................... โดยที่เป็นการสมควรปรบั ปรงุ กฎหมายวา่ ดว้ ย................และกฎหมายว่าดว้ ย........... (๔) กรณีพระราชบัญญตั ยิ กเลิก โดยทเ่ี ปน็ การสมควรยกเลิกกฎหมาย…………………………
๑๐๐ ตัวอย่าง พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการตรวจเงินแผ่นดนิ พ.ศ. ๒๕๖๑ “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการ โปรดเกลา้ ฯใหป้ ระกาศว่า โดยท่ีเปน็ การสมควรมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดนิ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้มีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจากัดสิทธิ และเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๗ ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย บญั ญัตใิ หก้ ระทาไดโ้ ดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัตแิ ห่งกฎหมาย เหตุผลและความจาเป็นในการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าท่ีของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงิน แผ่นดินสามารถดาเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพอันจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ซ่ึงการตรา พระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญน้ีสอดคล้องกับเงอื่ นไขที่บัญญัตไิ ว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจกั รไทยแลว้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญขึ้นไว้โดย คาแนะนาและยินยอมของสภานิตบิ ญั ญตั แิ หง่ ชาตทิ าหน้าทร่ี ฐั สภา ดงั ตอ่ ไปน้ี ๖) บทจากดั สทิ ธแิ ละเสรภี าพของบคุ คลตามรัฐธรรมนูญ บทจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มีขึ้นด้วยความมุ่ง หมาย ดังตอ่ ไปน้ี (๑) เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย ท่ีบัญญัตวิ ่า “การตรากฎหมายท่ีมีผลเป็นการจากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลต้อง เป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกรณีท่ีรัฐธรรมนูญมิได้บัญญัติเงื่อนไขไว้ กฎหมาย ดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เพิ่มภาระหรือจากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควร แก่เหตุ และจะกระทบต่อศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลมิได้ รวมทั้งต้องระบุเหตุผลความจาเป็น ในการจากัดสทิ ธแิ ละเสรภี าพไว้ด้วย กฎหมายตามวรรคหนึ่ง ต้องมีผลใช้บังคับเป็นการท่ัวไป ไม่มุ่งหมายให้ ใชบ้ งั คบั แกก่ รณีใดกรณีหนึ่งหรือแกบ่ คุ คลใดบคุ คลหนงึ่ เปน็ การเจาะจง ” (๒) เพ่ือประกาศหรือแสดงให้ทราบโดยทั่วไปว่า พระราชบัญญัติท่ีใช้ บังคับนั้น มีบทบัญญัติบางมาตราที่มีผลเป็นการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ
๑๐๑ แห่งราชอาณาจักรไทย โดยระบุอย่างชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติรับรองไว้ และใหอ้ านาจในการตรากฎหมายท่ีมีผลเป็นการจากัดสทิ ธิและเสรีภาพดังกลา่ วในมาตราใด๒๓ ปัจจุบัน คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ประชุมพิจารณา ๒๔ โดยเทียบเคยี งกับแนวทางการร่างกฎหมายท่ีมผี ลเปน็ การจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลให้สอดคล้อง กับมาตรา ๒๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ และมาตรา ๒๙ ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ แล้ว เห็นว่าแม้มาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทยจะมีบทบัญญัติท่ีแตกต่างจากมาตรา ๒๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ และมาตรา ๒๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ก็ตาม แต่ยังคงมีหลักการและสาระทานองเดียวกัน เมื่อการร่างกฎหมายที่มีผลเป็นการจากัดสิทธิ และเสรีภาพของบุคคลตาม มาตรา ๒๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ และมาตรา ๒๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้เคยระบุบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนญู ท่ใี หอ้ านาจในการตรากฎหมายท่ีมีผลเป็นการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลไว้ใน คาปรารภ การร่างกฎหมายท่ีมีผลเป็นการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามมาตรา ๒๖ ของรฐั ธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย จึงสมควรระบุบทบัญญัติท่ีให้อานาจในการตรากฎหมายท่ีมีผลเป็นการจากัดสิทธิ และเสรีภาพไว้ในคาปรารภเช่นกัน นอกจากนี้ เมื่อมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้กาหนดให้การตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลต้องระบุเหตุผล ความจาเป็นในการจากัดสิทธิและเสรีภาพไว้ด้วย คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) จึงได้กาหนด แนวทางการเขียนคาปรารภเกี่ยวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพตามมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทยไวใ้ นคาปรารภ โดยกาหนดเปน็ ๒ สว่ น ดังน้ี ส่วนที่หนึ่ง คงหลักการเดียวกับการอ้างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ที่ให้อานาจในการตรากฎหมายท่ีมีผลเป็นการจากัดสิทธิและเสรีภาพในเรื่องน้ัน ทานองเดียวกับ พระราชบัญญัติทีต่ ราข้ึนในชว่ งท่รี ัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ และรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๕๐ ใช้บงั คบั กล่าวคอื กาหนดไวใ้ นวรรคสองของคาปรารภ ส่วนท่ีสอง เพิ่มความข้ึนเป็นวรรคสามของคาปรารภ เพื่อระบุถึงเหตุผล ความจาเป็นในการตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจากัดสิทธิและเสรีภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตรากฎหมาย ท่ีเป็นไปตามเง่ือนไขท่ีบัญญัติไวใ้ นรฐั ธรรมนูญ หรือเป็นกรณีท่ีรฐั ธรรมนูญมิได้บัญญัตเิ ง่อื นไขไวก้ ็ตาม รวมท้ังระบุด้วยว่ากฎหมายท่ีตราข้ึนดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เป็นการเพิ่มภาระหรือจากัด สิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุและไม่กระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคล ๒๓ เรอ่ื งเดียวกัน, ๗๕. ๒๔ เร่ืองเสร็จท่ี ๔๗๙/๒๕๖๐. บันทึกสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เร่ือง การกาหนดแนวทางการตรวจ และจัดทาร่างกฎหมายให้สอดคล้องกบั มาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
๑๐๒ ตลอดจนกฎหมายท่ีตราขึ้นนั้นมีผลใชบ้ ังคับเป็นการทั่วไป ไมม่ ุ่งหมายให้ใช้บงั คับแก่กรณีใดกรณีหนึ่ง หรอื แก่บุคคลใดบุคคลหน่ึงเป็นการเจาะจง ตามทบี่ ัญญตั ไิ วใ้ นมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย สาหรับแนวทางในการเขียนบทจากัดสิทธิเสรีภาพเพื่อให้เป็นไปตาม การพิจารณาทั้งสองส่วนข้างตน้ สมควรใชร้ ปู แบบ ดงั นี้ โดยท่ีเปน็ การสมควร........................................................................................... บทจากดั สิทธิและเสรภี าพ พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจากัดสิทธิและ ส่วนท่ี ๑ เสรีภาพ ของบุคคล ซ่ึงมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา .. มาตรา .. และมาตรา .. ของ ; รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทาได้ โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่ง บทจากัดสทิ ธิและเสรภี าพ กฎหมาย ๒๕ ส่วนที่ ๒ ...... (อธิบายเหตุผลความจาเป็นในการจากัดสิทธิหรือเสรีภาพ และ ; กฎหมายฉบับนี้ไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เพิ่มภาระหรือจากัดสิทธิหรือเสรีภาพของ บุคคลเกินสมควรแก่เหตุ ไม่กระทบต่อศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคล มีผลใช้บังคับ เป็นการทว่ั ไป และไมม่ ุ่งหมายใหใ้ ชบ้ ังคับแก่กรณีใดกรณหี นง่ึ หรือแกบ่ คุ คลใดบคุ คลหน่ึง เปน็ การเจาะจง ตามมาตรา ๒๖ ของรฐั ธรรมนญู ).......๒๖ ........................................................................................................................... ..................................................... อนึ่ง หลักการเดียวกันข้างต้นนี้ จะได้นาไปใช้กับการตราพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนูญและการตราพระราชกาหนดดว้ ย แนวทางการเขียนคาปรารภของคณะกรรมการกฤษฎีกาข้างต้น เป็นการเพิ่มเติมเน้ือหาของการเขียนคาปรารภในส่วนที่มีผลเป็นการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ทไ่ี ม่เคยมมี าก่อน โดยเพิ่มเหตุผลความจาเป็นของการจากัดสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งแตกต่างกับตัวอย่าง และคาอธิบายในคู่มือแบบการร่างกฎหมาย ของคณะกรรมการกฤษฎีกา ฉบับปี ๒๕๕๑ และคู่มือ ๒๕ วรรคนี้เขียนบทบญั ญัตขิ องรัฐธรรมนูญที่กาหนดเป็นเงื่อนไขในการจากดั สทิ ธิและเสรีภาพทปี่ รากฏใน เนื้อหาของพระราชบัญญัติ (ตามแนวทางที่เคยดาเนินการไว้ ในร่างกฎหมายตามรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. ๒๕๔๐ และ พ.ศ. ๒๕๕๐) ๒๖ เพิ่มความเป็นวรรคสามเพ่ืออธิบายถึงเหตุผลความจาเป็นในการตรากฎหมายฉบับน้ัน ๆ รวมทั้ง อธบิ ายลกั ษณะของกฎหมายท่ตี ราขนึ้ ว่า เปน็ ไปตามหลกั นิตธิ รรม ไมเ่ พ่ิมภาระหรอื จากดั สิทธหิ รอื เสรีภาพของบคุ คล เกินกวา่ เหตุ ไมก่ ระทบตอ่ ศักดศิ์ รคี วามเป็นมนุษยข์ องบุคคล มผี ลใชบ้ ังคับเป็นการทั่วไป และไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับ แก่กรณีใดกรณีหนึ่ง หรือแก่บุคคลใดบุคคลหน่ึงเป็นการเจาะจง ซึ่งเป็นหลักการพ้ืนฐานตามรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. ๒๕๖๐
๑๐๓ แนวทางการยกร่างกฎหมาย สานกั กฎหมาย สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร ดังน้ัน แบบกฎหมาย ที่มีผลเป็นการจากัดสิทธิและเสรีภาพน้ีจึงเป็นแบบใหม่และเป็นแนวทางท่ีผู้ร่างกฎหมายต้องยึดถือ ปฏิบตั เิ พราะเป็นความสอดคล้องตามรัฐธรรมนญู ในเรื่องการตรากฎหมายโดยตรง ตวั อยา่ ง พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ด้วยการตรวจเงนิ แผ่นดนิ พ.ศ. ๒๕๖๑ … โดยทเี่ ปน็ การสมควรมีกฎหมายประกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยการตรวจเงินแผ่นดนิ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้มีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพ ของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกบั มาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัตใิ ห้ กระทาได้โดยอาศยั อานาจตามบทบัญญตั ิแหง่ กฎหมาย เหตุผลและความจาเป็นในการจากัดสิทธิและเสรภี าพของบคุ คลตามพระราชบญั ญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี้ เพ่ือให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผ้วู ่าการตรวจเงินแผ่นดินสามารถ ดาเนนิ การไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพอันจะเปน็ ประโยชน์ต่อสาธารณะ ซึ่งการตราพระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ นส้ี อดคล้องกบั เงื่อนไขที่บญั ญัติไว้ในมาตรา ๒๖ ของรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทยแลว้ … ตวั อย่าง พระราชบญั ญตั เิ ขตพฒั นาพิเศษภาคตะวนั ออกพ.ศ. ๒๕๖๑ ... โดยทเ่ี ปน็ การสมควรมกี ฎหมายว่าดว้ ยเขตพฒั นาพิเศษภาคตะวนั ออก พระราชบัญญัติน้ีมีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๔ และมาตรา ๓๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้ กระทาไดโ้ ดยอาศยั อานาจตามบทบญั ญัตแิ หง่ กฎหมาย เหตุผลและความจาเป็นในการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัติน้ี เพ่ือดาเนินการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกให้เป็นระบบและโดยสอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างย่ิงการส่งเสริมการประกอบพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ทันสมัย สร้างนวัตกรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งการตราพระราชบัญญัตินีส้ อดคล้องกับเง่ือนไขท่บี ัญญตั ไิ ว้ ในมาตรา ๒๖ ของรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยแลว้ …
๑๐๔ ตวั อยา่ ง พระราชกาหนดการบรหิ ารจดั การการทางานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ... โดยท่เี ป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการทางานของคนต่างด้าวและกฎหมายว่าด้วย การนาคนต่างด้าวมาทางานกับนายจ้างในประเทศ พระราชกาหนดนี้มีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซ่ึงมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๒๘ มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๘ และมาตรา ๔๐ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทาได้โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย พระราชกาหนดนี้มีสาระสาคญั เปน็ การบริหารจัดการการทางานของคนตา่ งดา้ วเปน็ ไปอยา่ งมรี ะบบ และมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยกาหนดหลักเกณฑก์ ารนาคนตา่ งดา้ วมาทางานกบั นายจา้ งในประเทศและการทางานของคน ตา่ งด้าว และให้มีคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทางานของคนตา่ งดา้ วซง่ึ มีอานาจกาหนดนโยบาย และกากับการบริหารจัดการการทางานของคนต่างด้าว ซึ่งพระราชกาหนดน้ีมีบทบัญญัติบางประการที่มีผล เป็นการจากัดสทิ ธิและเสรีภาพในชวี ิตและร่างกายของบุคคล เสรีภาพในเคหสถานของบคุ คล เสรีภาพของบคุ คล ในการเขยี น การพิมพ์ และการโฆษณา สทิ ธใิ นทรพั ย์สนิ ของบุคคล และเสรภี าพของบุคคลในการประกอบอาชพี โดยมี การจากัดสิทธิและเสรีภาพเพียงเท่าที่จาเป็นเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการการทางานของคนต่างด้าวให้ เปน็ ไปอยา่ งมรี ะบบและมีประสทิ ธิภาพ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๗๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจึงทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกาหนดขึ้นไว้ ดังต่อไปน้ี ... ๗) วันใชบ้ งั คบั วันใช้บังคับของกฎหมายมีไว้เพ่ือประกาศแก่ประชาชนถึงการใช้กฎหมาย เพ่ือกาหนดสภาพบังคับของกฎหมายว่ามีผลใช้บังคับต้ังแต่เม่ือใด ซ่ึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติที่ได้รับความเห็นชอบ ของรัฐสภาแล้ว ให้นายกรัฐมนตรีนาขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลง พระปรมาภิไธย และเม่ือประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลว้ ให้ใช้บังคับเปน็ กฎหมายได้๒๗ อย่างไรก็ตาม พระราชบัญญัติท่ีลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็อาจกาหนดวันของการมีผลบังคับใช้ไว้ด้วยก็ได้ ทงั้ น้ี เพอ่ื ความเหมาะสมของกฎหมายแต่ละฉบบั ๒๗ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย มาตรา ๘๑ วรรคสอง
๑๐๕ แบบกฎหมาย แบบของวันใช้บังคบั ของพระราชบัญญตั ปิ รากฏใน ๒ แบบ ดงั น้ี (ก) แบบหลัก โดยท่ัวไป วันใช้บังคับกฎหมายจะกาหนดให้ใช้บังคับในวันถัดจาก วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพ่ือให้ประชาชนหรือผู้อยู่ใต้บังคับแห่งกฎหมายได้รับทราบล่วงหน้าว่า กฎหมายจะใช้บังคับหลังจากวันท่ีมีการลงประกาศกฎหมายโดยเปิดเผยในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และถือได้ว่ามีความชัดเจนในระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายโดยจะเร่ิมต้นใช้บังคับกฎหมายต้ังแต่ เวลา ๐๐.๐๑ นาฬกิ าเปน็ ตน้ ไปซึง่ มรี ูปแบบการเขยี นดงั น้ี มาตรา ๒ พระราชบัญญตั ินี้ให้ใช้บังคบั ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เปน็ ต้นไป (ข) แบบทเี่ ปน็ ข้อยกเวน้ แบบที่เป็นข้อยกเวน้ นี้ มีขน้ึ เพื่อให้กฎหมายสอดคล้องกบั สภาวการณ์ กับนโยบาย และเหตผุ ลความจาเปน็ สาหรับกฎหมายฉบับน้นั ๆ โดยมรี ูปแบบท่ตี า่ งกัน ดังนี้ - กรณใี ห้พระราชบัญญัตมิ ีผลใชบ้ ังคบั ทันที มาตรา ๒ พระราชบญั ญัตนิ ้ีให้ใชบ้ ังคบั ตง้ั แต่วันประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเป็นต้นไป - กรณีให้พระราชบัญญัตมิ ีผลใชบ้ ังคบั ในอนาคต มาตรา ๒ พระราชบญั ญัตนิ ี้ให้ใช้บังคับตงั้ แต่วันที่...เปน็ ตน้ ไป มาตรา ๒ พระราชบัญญตั ินี้ให้ใช้บงั คับเม่ือพ้นกาหนด...วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจา นุเบกษาเปน็ ตน้ ไป - กรณีให้พระราชบัญญัติมีผลใช้บงั คบั ย้อนหลงั มาตรา ๒ พระราชบญั ญัตนิ ้ใี หใ้ ช้บงั คบั ตั้งแตว่ ันท่.ี ..เปน็ ตน้ ไป
๑๐๖ เงอื่ นไขท่ีสาคัญในการกาหนดใหพ้ ระราชบัญญัติมีผลใชบ้ ังคับ ย้อนหลัง มี ๓ ประการ๒๘ (ก) กาหนดวันเดือนปีท่ีใช้บังคับไว้แน่นอน ซึ่งเป็นวันก่อนวัน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จะไม่มีการกาหนดเป็นช่วงระยะเวลาย้อนหลังไปในอดีตเป็นอันขาดเพ่ือ ป้องกันปญั หาในการนับระยะเวลา (ข) มีเหตุผลความจาเป็นเก่ียวกับประโยชน์ส่วนรวม ความ สงบเรียบร้อยของประชาชนหรือความมั่นคงของประเทศ รวมท้ังกรณีท่ีมีเหตุจาเป็นเร่งด่วน หรือเพ่ือ ความต่อเนื่องของสภาพบังคับหรือมาตรการทางกฎหมาย โดยกาหนดให้กฎหมายใหม่มีผลใช้บังคับ ต่อเนื่องกฎหมายเดิมท่ีถูกยกเลิกหรือสิ้นผลไป เพื่อเป็นการเยียวยาความเสียหายย้อนหลังไปถึง ช่วงเวลาท่ีกฎหมายเก่าถูกยกเลิกและยังไม่มกี ฎหมายใหมม่ ารองรบั (ค) การบัญญัติกฎหมายย้อนหลังจะต้องไม่ขัดหรือแย้งกับ บทบัญญัติรัฐธรรมนูญด้วย กล่าวคือ ต้องไม่บัญญัติให้ใช้บังคับกฎหมายย้อนหลังให้เป็นโทษหรือเป็น ผลรา้ ยแก่ผูไ้ ด้รบั ผลของกฎหมายนน้ั ย่ิงกว่าโทษหรือผลรา้ ยทไ่ี ด้รับอยใู่ นปจั จุบัน หลกั ห้ามมิใหก้ ฎหมายมีผลย้อนหลัง (Rueckwirkungsverbot) เป็นหลักหนึ่งของหลักกฎหมายทั่วไป แต่สาหรับหลักห้ามมิให้กฎหมายมีผลย้อนหลังในทางกฎหมาย อาญานั้นเป็นข้อห้ามโดยเด็ดขาด โดยข้อห้ามดังกล่าวเป็นการห้ามองค์กรนิติบัญญัติในการบัญญัติ กฎหมายเพื่อให้กฎหมายมีผลย้อนหลังสาหรับการกระทาอย่างใดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในอดีตให้เป็น ความผิดตามกฎหมายท่ีออกมาภายหลังหรือเรียกว่าเป็นการกาหนดองค์ประกอบความผิดให้มีผล ย้อนหลัง และห้ามมิให้บัญญัติกฎหมายเพ่ือกาหนดโทษท่ีมีอยู่ให้สูงข้ึนในลักษณะท่ีเป็นการย้อนหลัง รวมท้ังห้ามมิให้ผู้พิพากษาใชก้ ฎหมายอาญาย้อนหลงั เพ่ือลงโทษบคุ คล หลักการดังกล่าวได้รับการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทยฉบับถาวรมาโดยตลอด ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ มาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “บุคคลไม่ต้องรับโทษอาญา เว้นแต่ได้กระทาการอันกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาท่ีกระทานั้น บัญญัติเป็นความผิดและกาหนดโทษไว้ และโทษที่จะลงแก่บุคคลนั้นจะหนักกว่าโทษที่บัญญัติไว้ ในกฎหมายที่ใช้อยใู่ นเวลาทกี่ ระทาความผดิ มไิ ด้” ๒๙ ๒๘ สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา, คู่มอื แบบการรา่ งกฎหมาย, ๙๑-๙๒. ๒๙ บรรเจดิ สงิ คะเนติ,. หลักกฎหมายมหาชน หลักนิติธรรม / นติ ิรฐั ในฐานะ “เกณฑ”์ จากัดอานาจรฐั , (กรงุ เทพฯ: ; วญิ ญชู น, ๒๕๖๐), ๑๔๒.
๑๐๗ - กรณีใช้ท้องทเ่ี ปน็ ตวั กาหนดวันใช้บงั คบั กฎหมาย มาตรา ๒ พระราชบัญญตั ิน้ีใหใ้ ช้บงั คับใน (กาหนดท้องท่ี) เม่ือพ้นกาหนด...วันนบั แตว่ นั ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป สาหรับ (กาหนดท้องท่ี) อน่ื นอกจากท่รี ะบุไว้ในวรรคหน่ึง การใช้บังคบั ตาม พระราชบัญญตั ินใ้ี หเ้ ปน็ ไปตามทีร่ ฐั มนตรีว่าการกระทรวง...ประกาศ มาตรา ๒ พระราชบญั ญตั นิ ใ้ี ห้ใชบ้ งั คบั ตัง้ แต่วันถัดจากวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และ จะบงั คับในท้องที่ใด มีบริเวณเพียงใด ใหต้ ราเป็นพระราชกฤษฎีกา/กฎกระทรวง - กรณที ี่กฎหมายบางหมวดหรือบางมาตราใช้บงั คบั ในวนั อืน่ ท่ี แตกต่างจากวนั ประกาศใช้กฎหมายทงั้ ฉบับ มาตรา ๒ พระราชบัญญตั ินใี้ ห้ใชบ้ งั คบั เม่ือพน้ กาหนด...วันนบั แต่วนั ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นตน้ ไปเว้นแต่มาตรา .. มาตรา .. และมาตรา .. ใหใ้ ช้บงั คบั ตั้งแตว่ ันถัดจากวัน ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๒ พระราชบญั ญัตนิ ี้ให้ใชบ้ งั คับตงั้ แต่วนั ถัดจากวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป เว้นแต่มาตรา .. มาตรา .. และมาตรา .. ให้ใช้บงั คบั เมื่อพ้นกาหนด...วันนับแต่วันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นตน้ ไป การกาหนดวันใช้บังคับกฎหมาย ต้องพิจารณาจากวัตถุประสงค์หรือ เจตนารมณ์ของกฎหมายในแต่ละเรื่องที่มีความแตกต่างกัน ส่วนรูปแบบที่กาหนดเป็นมาตรฐาน ตาแหน่งของบทบัญญตั วิ ันใช้บังคับของพระราชบัญญตั ิจะบัญญัติวันใช้บงั คับเปน็ มาตรา ๒ เสมอ ๘) บทยกเลกิ กฎหมาย บทยกเลิกกฎหมายมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุว่ากฎหมายใดจะถูกยกเลิก ไม่ใช้บังคับอีกต่อไป โดยหลักการยกเลิกกฎหมายต้องระบุชื่อกฎหมายท่ีจะยกเลิกให้ชัดเจนและครบถ้วน ทุกฉบับ โดยพระราชบัญญัติต้องถูกยกเลิกโดยกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติหรือกฎหมายที่มี ค่าบังคับเท่าพระราชบัญญัติ เช่น พระราชกาหนด ประกาศของคณะปฏิวัติ หรือประกาศคณะรักษา ความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ซึ่งผู้ร่างกฎหมายต้องทราบว่าประสงค์จะยกเลิกกฎหมายเร่ืองใดบ้าง
๑๐๘ อะไรบ้าง โดยพิจารณาและตรวจสอบให้ถูกต้องว่า ในการตรากฎหมายที่ตนยกร่างกฎหมายฉบับใด จะถูกยกเลิกบ้าง ไมว่ ่าจะเป็นการยกเลกิ ทง้ั ฉบบั หรอื ยกเลกิ บางเรือ่ ง โดยปกติตาแหน่งของบทยกเลิกกฎหมายจะบัญญัติไว้เป็นมาตรา ๓ เสมอ และมรี ปู แบบของกฎหมาย ดงั น้ี (ก) การยกเลกิ กฎหมายฉบับเดียว มาตรา .. ใหย้ กเลิกพระราชบญั ญตั ิ................... (ข) การยกเลกิ หลายฉบับ มาตรา .. ใหย้ กเลิก (๑) พระราชบญั ญัต.ิ ........................ (๒) พระราชบญั ญตั ิ.........................(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... (๓) พระราชบญั ญัต.ิ ........................(ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. .... (ค) การยกเลิกกฎหมายฉบับอ่ืน ๆ ซง่ึ ไม่ใช่กฎหมายฉบบั เดยี วกัน มาตรา .. ใหย้ กเลกิ (๑) พระราชบัญญัต.ิ ........................ (๒) พระราชบัญญัติ.........................(ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. .... (๓) พระราชบัญญตั ิ.........................(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. .... (๔) พระราชบญั ญตั .ิ ........................ ในการยกเลิกกฎหมาย ผู้รา่ งกฎหมายไม่ควรกาหนดบทยกเลิกกฎหมาย ในลักษณะเป็นบทยกเลิกบทบัญญัติท่ีขัดหรือแย้งกับกฎหมาย ในรูปแบบของบทกวาด (Sweeping clause) หรือที่เรียกว่า “บทยกเลิกบทบัญญัติท่ีขัดหรือแย้ง” ลักษณะการเขยี นเช่นนี้มิได้ระบุเฉพาะเจาะจงว่า ยกเลิกกฎหมายฉบับใด ตัวอย่างเช่น “…บรรดากฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับอ่ืนใดซึ่งขัดหรือแย้งกบั บทบัญญัติ น้ี ใหใ้ ช้พระราชบัญญตั นิ ้ี…” ยกเว้น หากกฎหมายใหม่มีฐานะเป็น “กฎหมายกลาง”(Uniform Law) เชน่ พระราชบญั ญัติวธิ ีปฏิบัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งเปน็ กฎหมายกลางทก่ี าหนดให้วธิ ปี ฏิบัติ ราชการทางปกครองตามกฎหมายต่าง ๆ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตดิ ังกล่าว และยังได้กาหนดมีเงื่อนไข ในเรื่องมาตรฐานว่าถ้ามาตรฐานในการปฏิบัตริ าชการไม่ต่ากว่าพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองแล้ว ก็ให้เป็นไปตามกฎหมายน้ัน ข้อยกเว้นดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นความจาเป็นพิเศษที่จะต้องมีบทยกเลิก
๑๐๙ กฎหมายในลักษณะบทกวาดได้ และกฎหมายที่ออกมาภายหลังจะบัญญัติขัดแย้งกับกฎหมายกลาง ก็ไม่ถือว่ามีผลเป็นการยกเว้นกฎหมายกลางที่ออกมาก่อน เว้นแต่จะเป็นบทบัญญัติท่ีขัดแย้งโดยตรง และชัดแจ้ง๓๐ ๙) บทนิยาม บทนิยามกาหนดข้ึนเพื่อความมุ่งหมายในการให้หรืออธิบายความหมาย ของถ้อยคาหรือข้อความที่ใช้ในกฎหมาย เน่ืองจากการเขยี นถ้อยคาในบทบญั ญัตขิ องกฎหมายน้ันอาจ มีความหมายที่ไม่แน่นอนหรือมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน จึงต้องกาหนดบทนิยามข้ึนเพ่ืออธิบายความหมาย หรือขอบเขตถ้อยคาหรือข้อความในการร่างกฎหมายท่ีแน่นอนและชัดเจน เพ่ือให้ผู้ใช้กฎหมายเข้าใจ ความหมายของถ้อยคาหรือข้อความในกฎหมายตรงกันโดยมีความมุ่งหมาย ๒ ประการ คือ อธิบาย ความหมายของถ้อยคาในการร่างกฎหมาย และใช้แทนข้อความในกฎหมายนั้นหรืออธิบายศัพท์ทาง เทคนิคในการยอ่ คาหรือขอ้ ความในกฎหมายน้นั รูปแบบในการเขียนบทนิยาม (ก) ในกรณที เ่ี ป็นบทนยิ ามในพระราชบัญญัติฉบับแรก มาตรา .. ในพระราชบญั ญัตินี้ “……………” หมายความว่า.................................................... (ข) ในกรณีทเ่ี ป็นการแกไ้ ขบทนยิ ามในพระราชบัญญตั ิ มาตรา .. ให้ยกเลิกความในมาตรา .. แหง่ พระราชบัญญตั ิ..............และใหใ้ ชค้ วาม ตอ่ ไปน้ีแทน มาตรา .. ให้ยกเลกิ ความในบทนิยามคาว่า “……….” ในมาตรา .. แห่งพระราชบญั ญัติ ...........และให้ใชค้ วามต่อไปน้ีแทน มาตรา .. ให้ยกเลิกความในบทนยิ ามคาว่า “……….”“……….” และ “……….” ในมาตรา .. แหง่ พระราชบญั ญตั .ิ ..........................และให้ใชค้ วามตอ่ ไปน้ีแทน ๓๐ สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า, คมู่ อื แบบการรา่ งกฎหมาย, ๑๒๔ -๑๒๕.
๑๑๐ (ค) ในกรณีท่เี ปน็ การเพ่ิมเติมบทนิยามในพระราชบญั ญัติ มาตรา .. ใหเ้ พิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา .. แหง่ พระราชบัญญัต.ิ .............................. มาตรา .. ให้เพ่ิมบทนิยามคาว่า “………” “……….” และ “………” ระหว่างบทนิยามคาว่า “………” และคาว่า “………..” ในมาตรา ...... แหง่ พระราชบัญญัติ........................... (ง) ในกรณีทีเ่ ปน็ การยกเลิกบทนิยาม มาตรา .. ใหย้ กเลกิ บทนยิ ามคาว่า “………..” ในมาตรา .. แหง่ พระราชบญั ญัต.ิ ................. แนวทางการเขยี นบทนิยาม๓๑ (๑) นิยามควรอย่สู ว่ นต้นของกฎหมายเสมอก่อนท่ีจะกล่าวถงึ เนอ้ื ความ อันเป็นบทบังคับกฎหมาย ซึ่งก็เป็นไปตามตรรกะ คือ ต้องกล่าวให้ผู้อ่านกฎหมายให้ทราบล่วงหน้าก่อน ดังจะเห็นได้ว่า บทนิยามมักขึ้นต้นด้วยความว่า “มาตรา .. ในพระราชบัญญัติน้ี ...” แล้วจึงกล่าวถึง นยิ ามแตล่ ะคาแต่อยา่ งไรก็ตาม หากเปน็ นยิ ามท่ีต้องการให้มคี วามหมายเฉพาะท่ี เช่น เพือ่ ใชใ้ นมาตรา นั้น ๆ หรือเฉพาะในหมวดนั้นเท่าน้ัน ก็สามารถกระทาได้ ซ่ึงจะขึ้นต้นโดยใช้คาว่า “เพ่ือประโยชน์แห่ง มาตราน้ี ...” หรือ “ในหมวดน้ี ...” หรือ “ในส่วนน้.ี ..” (๒) นยิ ามอาจขยายความหมายของคา ให้หมายความรวมถึงสิง่ อื่นดว้ ย โดยอาจใชค้ าวา่ “หมายความว่า .......และให้หมายความรวมถงึ ...........ด้วย” (๓) ความหมายของคาทเี่ กนิ จากความเข้าใจปกติ (๔) ความหมายคา ๆ เดียวกันในกฎหมายต่างกันก็อาจให้ความหมาย ต่างกันได้แล้วแต่วัตถุประสงค์ของกฎหมาย เช่น “อาคาร” ตามพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๔๙๖ และ “อาคาร” ตามพระราชบัญญัติควบคมุ อาคาร พ.ศ. ๒๕๓๕ ย่อมแตกตา่ งกนั เปน็ ต้น (๕) ถ้านิยามถึงสง่ิ ที่ซับซ้อนมาก ควรใชเ้ ทคนิคของการแบ่งเป็นอนุย่อย (๖) กรณีท่ีต้องการขยายการใช้บังคับกฎหมาย ซ่ึงต้องการให้ยืดหยุ่น หรือเทคโนโลยีหรือความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ท่ีอาจเปล่ียนแปลงได้ จะใช้วิธีการเขียนให้ไปเพ่ิม ๓๑ ธรรมนิตย์ สมุ นั ตกุล, การรา่ งกฎหมายเบ้อื งตน้ : แบบของกฎหมาย, ๖๙ - ๗๖.
๑๑๑ ความหมายโดยโดยการตราพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง หรือประกาศต่อไปก็ได้ หรือโดยใช้คาว่า “เป็นตน้ ” ลงทา้ ย หรอื ใชค้ ากวา้ งตามหลงั (ejusdem generis) (๗) นิยามสามารถอ้างเชื่อมโยงความหมายระหว่างกฎหมายต่างฉบับ กันได้ เพื่อไม่ต้องเขียนซ้าอีก (๘) การเรียงคานิยาม นิยามจะเรียงจากคาที่เป็นหัวใจของร่างกฎหมาย และมีความสาคัญไปตามลาดับ จนในที่สุดจะกล่าวถึงคณะกรรมการ เลขาธิการ สานักงาน และรัฐมนตรี ตามลาดับ (๙) หลีกเลี่ยงการนิยามโดยไม่จาเป็น คาใดที่ต้องการให้สังคมพัฒนาเอง ก็ไม่ควรนิยาม เช่น คาว่า “วัตถุลามก” ไม่ปรากฏมีนิยามอยู่ในกฎหมายใด และหากไม่มีนิยามแล้วก็จะ ถอื เอาตามคาท่ีเขา้ ใจโดยทั่วไป หรือคาในกฎหมายอ่ืนที่ใกล้เคียงและเปน็ กฎหมายไม่มีวัตถุประสงค์ท่ี ขัดหรือแย้งกัน เช่น คาว่า“ทางหลวง” ในพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๑๘ ไม่ได้นิยามไว้ จึงถือเอา ตามกฎหมายวา่ ด้วยทางหลวง เป็นตน้ (๑๐) การร่างกฎหมายที่เนื้อความควรเป็นสาระบัญญัติ (บทบังคับ) ไม่ควรนามาเขียนในส่วนที่เป็นนิยาม ทั้งที่เป็นการอธิบายความหมายทานองเดียวกับนิยาม ก็ควร นาไปเขียนเป็นเน้ือหาของมาตราในพระราชบัญญัติ (๑๑) การแก้ไขเพิ่มเติมหรือการเพ่ิม (แทรก) คานิยามมแี บบการเขยี นดงั นี้ ตัวอย่าง การแก้ไขเพมิ่ เตมิ พระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๓ ให้ยกเลิกบทนิยามคาว่า “เงินกองทุน” ในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติ การธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความตอ่ ไปนแี้ ทน “เงนิ กองทุน” หมายความวา่ (๑) ทุนชาระแล้วซ่ึงรวมทั้งส่วนล้ามูลค่าที่ธนาคารพาณิชย์ได้รับและเงินท่ีธนาคารพาณิชย์ ไดร้ บั จากการออกใบสาคญั แสดงสทิ ธิที่จะซือ้ หนุ้ ของธนาคารพาณิชยน์ ้ัน (๒) ทุนสารอง (๓) เงินสารองท่ีได้จัดสรรจากกาไรสุทธิเม่ือสิ้นงวดการบัญชีตามมติที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น หรือตามข้อบังคับของธนาคารพาณิชย์ แต่ไม่รวมถึงเงินสารองสาหรับการลดค่าของสินทรัพย์และเงิน สารองเพอ่ื การชาระหนี้
๑๑๒ ตวั อย่าง การเพิม่ นิยามเขา้ ไปในพระราชบัญญตั ิ พระราชบญั ญัติการธนาคารพาณชิ ย์ (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๔ ให้เพ่ิมบทนิยามคาว่า “บัตรเงินฝาก” ระหว่างคาว่า “ให้สินเชื่อ” และคาว่า “รัฐมนตรี” ในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบญั ญตั กิ ารธนาคารพาณิชย์ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ “บัตรเงินฝาก” หมายความว่า ตราสารซ่ึงเปล่ียนมือได้ท่ีธนาคารพาณิชย์ออกให้แก่ ผู้ฝากเงินเพื่อเป็นหลักฐานการรับฝากเงินและเพื่อแสดงสิทธิของผู้ทรงตราสารที่จะได้รับเงินฝาก คืนเมื่อส้ินระยะเวลาอันกาหนดไว้ โดยจะมีการกาหนดดอกเบี้ยไว้ด้วยหรือไม่ก็ได้” ๑๐) มาตรารักษาการ มาตรารักษาการในพระราชบัญญัติมีขึ้นเพื่อกาหนดผู้รกั ษาการตามกฎหมาย เพอื่ ให้มีรฐั มนตรีเป็นผมู้ ีหน้าทด่ี แู ลปฏิบตั กิ ารให้เป็นไปตามกฎหมาย ในชั้นยกร่างกฎหมายและตรวจพิจารณากฎหมาย จึงต้องมีการพิจารณาว่า การปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายน้ัน ๆ สมควรจะมอบให้เป็นหน้าท่ีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใด จึงจะทาให้งานดาเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ของกฎหมาย แล้วจึงกาหนด บทบัญญัติวา่ ด้วยผูร้ กั ษาการตามกฎหมายตามแบบกฎหมายตอ่ ไป เม่ือกฎหมายมีบทบัญญัติมาตรารักษาการ โดยกาหนดให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงใดเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายแล้ว รัฐมนตรผี ู้นั้นมีหน้าท่ีในการควบคุมหรือกากับให้มีการ ปฏิบัติตามกฎหมายท่ีบัญญัติไว้ ในกรณีท่ีกฎหมายฉบับใดกาหนดให้มีรัฐมนตรีว่าการหลายกระทรวง เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามกฎหมายก็เป็นหน้าท่ีของรัฐมนตรีดังกล่าวท่ีจะดาเนินการในส่วนท่ี เกยี่ วกบั อานาจหน้าท่ีของตน โดยตอ้ งมกี ารประสานงานหรอื ปรกึ ษาหารอื กบั กระทรวง ทบวง กรมอื่น ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง ตาแหน่งของบทบัญญัติว่าด้วยมาตรารักษาการจะปรากฏในส่วนต่าง ๆ ของพระราชบญั ญตั ิดังนี้ กรณีแรก กรณีพระราชบญั ญัติฉบบั นัน้ มีการแบง่ หมวดหมู่ ให้กาหนดไว้ ในบทท่ัวไป โดยอยู่ต่อจากบทนิยามของพระราชบัญญัติและอยู่ก่อนการแบ่งหมวดหมู่ เช่น พระราชบัญญัติ ตารวจแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗
๑๑๓ กรณีท่ีสอง กรณีที่พระราชบัญญัตินั้นไม่มีการแบ่งหมวดหมู่ ให้กาหนด ไว้เป็นมาตราสดุ ทา้ ยของพระราชบญั ญตั ิ ๓๒ แบบของการเขยี นมาตรารักษาการ (ก) กรณีผู้รักษาการคนเดยี ว มาตรา .. ใหน้ ายกรัฐมนตร/ี รฐั มนตรีว่าการกระทรวง/ทบวง...รักษาการตาม พระราชบัญญัตินี้ ตวั อยา่ งเช่น พระราชบญั ญัติการจัดการหุน้ ส่วนและหุ้นของรฐั มนตรี พ.ศ. ๒๕๔๓ “ มาตรา ๒๐ ให้นายกรัฐมนตรรี ักษาการตามพระราชบัญญตั นิ ้ี ” มาตรา .. ให้นายกรฐั มนตร/ี รฐั มนตรวี า่ การกระทรวง/ทบวง...รกั ษาการตามพระราชบัญญตั ินี้ และให้มีอานาจ...กับออกกฎกระทรวง...เพ่อื ปฏบิ ัติการตามพระราชบัญญัติน้ี กฎกระทรวงนน้ั เมอื่ ไดป้ ระกาศในราชกจิ จานุเบกษาแล้ว ใหใ้ ชบ้ ังคบั ได้ ตัวอยา่ งเชน่ พระราชบญั ญตั ิระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื นในสถาบนั อุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ “ใหร้ ฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี และมีอานาจออกกฎกระทรวงเพอ่ื ปฏบิ ตั ิการตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ กฎกระทรวงนัน้ เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ให้ใชบ้ ังคับได้” มาตรา .. ให้ประธาน...รักษาการตามพระราชบญั ญัตินี้ ตัวอย่างเชน่ พระราชบญั ญัตริ ะเบียบขา้ ราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ “มาตรา ๕ ใหป้ ระธานรฐั สภารกั ษาการตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี” มาตรา .. ใหป้ ระธาน...รักษาการตามพระราชบญั ญัตินี้และใหม้ ีอานาจ...เพ่ือปฏิบตั ิการ ตามพระราชบัญญตั ินี้ ๓๒ สานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า, อ้างแล้ว. หน้า ๒๑๖ – ๒๑๘.
๑๑๔ ตวั อยา่ งเช่น พระราชบญั ญัติระเบยี บข้าราชการฝ่ายตลุ าการศาลยตุ ิธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ “มาตรา ๕ ให้ประธานศาลฎกี ารกั ษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ ให้ประธานศาลฎีกาโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม มีอานาจออกข้อบงั คับเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ขอ้ บงั คับน้นั เม่อื ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ใหใ้ ช้บังคบั ได้” (ข) กรณีผู้รักษาการตัง้ แต่สองคนขนึ้ ไป มาตรา .. ใหน้ ายกรฐั มนตรี/รฐั มนตรีวา่ การกระทรวง... และรฐั มนตรวี า่ การกระทรวง/ ทบวง ...รักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี ตัวอยา่ งเช่น พระราชบัญญตั ิกองทนุ สนบั สนุนการสร้างเสริมสขุ ภาพ พ.ศ. ๒๕๔๔ “มาตรา ๔ ให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสขุ รกั ษาการตามพระราชบัญญตั นิ ้ี” มาตรา .. ให้นายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวง... รัฐมนตรีว่าการกระทรวง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง/ทบวง ...รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ในส่วนที่เกี่ยวกับอานาจ และหน้าที่ของตน ตวั อยา่ งเชน่ พระราชบัญญัติปอ้ งกนั และปราบปรามการกระทาอันเปน็ โจรสลดั พ.ศ. ๒๕๓๔ “มาตรา ๒๙ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตนิ ี้ในส่วนที่เก่ียวกับอานาจหน้าที่ของแตล่ ะกระทรวง”
๑๑๕ มาตรา .. ให้นายกรฐั มนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวง/ทบวง... รัฐมนตรวี า่ การกระทรวง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง/ทบวง ...รักษาการตามพระราชบัญญัติน้ีและให้มีอานาจ...กับออก กฎกระทรวง...เพอ่ื ปฏบิ ตั ิการตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี ตวั อย่างเชน่ พระราชบัญญตั ิจัดสรรรายได้ประเภทภาษีมลู ค่าเพ่ิมและภาษีธรุ กิจเฉพาะ ให้แก่ราชการสว่ นท้องถน่ิ พ.ศ. ๒๕๓๔ “มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงมหาดไทยมีอานาจ ออกกฎกระทรวงเพื่อปฏบิ ัติการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี กฎกระทรวงนน้ั เม่ือได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ให้ใชบ้ งั คบั ได้” มาตรา .. ให้นายกรัฐมนตรี/รฐั มนตรวี ่าการกระทรวง/ทบวง... รฐั มนตรีว่าการกระทรวง และรฐั มนตรีวา่ การกระทรวง/ทบวง/ประธาน...รกั ษาการตามพระราชบัญญัตนิ ้แี ละใหม้ ีอานาจ...กบั ออกกฎกระทรวง...เพื่อปฏิบตั ิการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ที งั้ น้ี เทา่ ทเ่ี กย่ี วกับอานาจหน้าที่ของตน ตวั อยา่ งเช่น พระราชบัญญัติธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๕ “ให้ รั ฐมนตรี ว่ าการกระทรวงการคลั งและรั ฐมนตรี ว่ าการกระทรวง อุตสาหกรรมรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และให้มีอานาจออกกฎกระทรวงและประกาศเพื่อปฏิบัติการ ตามพระราชบัญญตั ิน้ี ทงั้ นี้ เท่าท่ีเก่ยี วกับอานาจหนา้ ที่ของตน กฎกระทรวงและประกาศน้นั เมือ่ ได้ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแล้วใหใ้ ช้ บังคบั ได้” หมายเหตุ๓๓ (๑) ในบทมาตรากาหนดผู้รักษาการ อาจกาหนดอานาจของผู้รักษาการ ให้มีอานาจออกกฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ตลอดจนแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และกาหนดกิจการอื่น เพ่ือปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติน้ันไว้ด้วย ซึ่งผู้รักษาการจะออกกฎ ข้อบังคับ ระเบียบ และกาหนด ๓๓ สานักกฎหมาย สานักงานเลขาธกิ ารสภาผ้แู ทนราษฎร, คมู่ อื แนวทางการยกรา่ งกฎหมาย, (กรุงเทพฯ: สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผูแ้ ทนราษฎร, ๒๕๕๑), ๑๑๖ - ๑๑๗.
๑๑๖ กิจการในเร่ืองใดได้ ก็ต่อเมื่อมีบทบัญญัติเนื้อหากาหนดให้ออกกฎ ข้อบังคับระเบียบหรือกาหนดกิจการ ในเร่ืองน้ันไว้ สาหรับการแต่งต้ังพนักงานเจ้าหน้าท่ี ก็ต้องแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าท่ีตามท่ีบทบัญญัติ เน้อื หากาหนดใหม้ ีไว้ (๒) พระราชบัญญัติยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเดิม และไม่ได้เพ่ิมภาระหน้าที่ใดแก่ผู้รักษาการตามกฎหมาย ไม่ต้องมีมาตราผู้รักษาการ เว้นแต่มีมาตรา เอกเทศ (เชน่ บทเฉพาะกาล) ซงึ่ ผูร้ ักษาการต้องกระทาการสิง่ หนึง่ ส่ิงใด ๑๑) บทเฉพาะกาล “…บทเฉพาะกาลที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นบทบัญญัติท่ียกเว้น เน้ือหาในรัฐธรรมนูญ ซึ่งจาเป็นต้องมีข้ึนเพ่ือแก้ไขปัญหาในช่วงเปล่ียนผ่านระหว่างการบังคับใช้ รัฐธรรมนูญฉบับก่อนกับฉบับปัจจุบัน เพื่อให้การบังคับใช้รัฐธรรมนูญเป็นไปอย่างราบรื่นและ เหมาะสมกับสภาพบ้านเมืองในระยะเริ่มแรก รวมทั้งเพื่อให้องค์กรต่าง ๆ สามารถปฏิบัติหนา้ ที่ตามท่ี รัฐธรรมนูญบัญญัติต่อไปได้อย่างต่อเน่ือง โดยมิให้เกิดช่องว่างอันจะส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่ต้อง หยุดชะงักจนกว่ากลไกท่ีกาหนดขึ้นใหม่หรือใช้บังคับน้ันมีความพร้อมหรือสามารถ ดาเนินการได้ แลว้ แต่กรณี...”๓๔ ข้อความข้างต้น เป็นการให้เหตุผลของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการมี และหน้าท่ีของบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ ที่เห็นว่าบทเฉพาะกาลมีเพ่ือเช่ือมรัฐธรรมนูญฉบับก่อน กับปัจจุบันไม่ให้เกิดปัญหาหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่าน และมิให้เกิดช่องว่างต่อ การปฏบิ ัตหิ น้าทีจ่ นกว่ากลไกใหม่จะมคี วามพร้อมหรอื ดาเนินการได้ กรณีพระราชบัญญัติ ๓๕บทเฉพาะกาล เป็นบทบัญญัติท่ีใช้เป็น เคร่ืองมือเชื่อมต่อระหว่างกฎหมายสองฉบับเม่ือมีการตรากฎหมายหรือเปลี่ยนแปลงกฎหมาย (transitional period) และผู้ร่างกฎหมายต้องการให้ใช้บังคับกับเหตุการณ์บางอย่างท่ีเกิดขึ้นก่อน กฎหมายใหม่ใชบ้ ังคับหรอื กับเหตุการณท์ ่ีเกิดข้ึนในระหว่างเวลาท่ีกฎหมายเดิมส้ินผลและกฎหมายใหม่ ใชบ้ ังคบั โดยพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ใหค้ วามหมายของคาว่า “บทเฉพาะ กาล” ไว้ว่า “บทบญั ญัติของกฎหมายท่ีบัญญตั ิเก่ียวกับผลกระทบของการใช้บงั คบั กฎหมายใหม่ทม่ี ตี ่อ กรณีที่เกิดข้ึนก่อนกฎหมายใหม่ใช้บังคับหรือวิธีดาเนินการกับกรณีข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ที่เกิดข้ึน กอ่ นหรอื ในวันใช้บังคับกฎหมายใหม่ หรือท่ีเกิดข้ึนในระยะเวลาที่กาหนดภายหลงั จากที่กฎหมายใหม่ ใชบ้ ังคับแลว้ ” ๓๔ คาวนิ จิ ฉยั ศาลรฐั ธรรมนูญ ที่ ๑/๒๕๖๑ ๓๕ ธรรมนติ ย์ สุมันตกุล,การรา่ งกฎหมายเบอ้ื งตน้ : แบบของกฎหมาย, ๑๒๖ – ๑๒๗.
๑๑๗ กรณีท่พี ระราชบัญญัติใดจาเปน็ ต้องมีบทเฉพาะกาลหรือไม่น้ัน ต้องพิจารณา โครงสร้างของกฎหมายเก่าและกฎหมายใหม่ ถ้ามีความแตกต่างในสาระของกฎหมายและต้องการ ให้มีความต่อเนื่องของการบังคับใช้ ต้องมีบทเฉพาะกาลเสมอ การท่ีพระราชบัญญัติบางฉบับไม่มีบท เฉพาะกาลอาจเป็นเพราะนโยบายหรือเจตนารมณ์ของกฎหมายประสงค์ใหเ้ ปน็ เชน่ นน้ั เช่น พระราชบญั ญัติสิทธิบัตร (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้แกไ้ ขเพ่ิมเติม องค์ประกอบและคุณสมบัติของคณะกรรมการสิทธิบัตรขึ้นใหม่แทน มีการเพิ่มคุณสมบัติของกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิและเพ่ิมจานวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน เม่ือยกเลิกบทบัญญัติดังกล่าวโดยไม่มีบท เฉพาะกาลรองรับเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการชุดเดิมไว้ จึงมีผลทาให้คณะกรรมการ ชุดเดิมท้งั หมดตอ้ งพ้นจากตาแหน่ง และต้องแต่งต้ังใหม่ กฎหมายใหม่ไม่มีบทเฉพาะกาล ยกเว้นในเรอ่ื งคุณสมบัติให้แก่ผู้ท่ีย่ืนคาขอ ตามกฎหมายเก่าซ่ึงมิได้กาหนดคุณสมบัติของผู้ขอไว้ ดังนั้น ผู้ที่ยื่นคาขอไว้ตามกฎหมายเก่า แต่ไม่มี คุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายใหม่ ย่อมขาดคุณสมบัติของผู้ขออาชญาบัตรหรือประทานบัตรท่ีจะ ไดร้ บั การพิจารณาอนุญาต แบบกฎหมายของการเขียนบทเฉพาะกาล เน่ืองจากเรื่องที่นามากาหนดเป็นบทเฉพาะกาลในกฎหมายแต่ละฉบับมี ความหลากหลายของข้อเท็จจริงค่อนข้างมาก รูปแบบการเขียนบทเฉพาะกาลจึงไม่สามารถกาหนด แบบกฎหมายของบทเฉพาะกาลทแี่ นน่ อนตายตัวได้ แตส่ ามารถแบ่งได้เป็น ๔ กลุ่มดังน้ี กลุ่มท่ี ๑ บทเฉพาะกาลรองรับการบรหิ าร เพื่อรองรับสงิ่ ต่าง ๆ ท่ีเกีย่ วขอ้ งหรือมผี ลต่อการบริหาร ไมว่ ่าจะเปน็ เรื่องของ การดาเนินงาน ผู้ทีเ่ กี่ยวข้องกับการบรหิ าร และทรพั ยส์ นิ ในทางบรหิ าร รองรับกรรมการตามกฎหมาย ฉบับเดิมอยู่ในตาแหน่งต่อไปจนกว่าจะถึงคราวออกตามวาระ รองรับผู้ซึ่งดารงตาแหน่งตามกฎหมาย ฉบับเดิมอยู่ในวันท่ีพระราชบัญญัติประกาศในราชกิจจานุเบกษา คงดารงตาแหน่งต่อไปจนกว่าจะมี การแต่งตั้งผู้ซ่ึงดารงตาแหน่งตามกฎหมายฉบับปรับปรุงรองรับการโอนส่ิงต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการบริหาร ของหนว่ ยงานของรัฐตามกฎหมายฉบบั เดมิ ไปเปน็ ของหนว่ ยงานตามกฎหมายฉบบั ใหม่ ฯลฯ
๑๑๘ ตัวอย่าง มาตรา .. ให้ผู้ดารงตาแหน่ง...(ช่ือตาแหนง่ ตามกฎหมายฉบับเดิม)...ซึ่งดารงตาแหนง่ อยู่ ในวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คงดารงตาแหน่งต่อไปจนกว่าจะได้... (ดาเนินการแต่งตั้งผู้ดารงตาแหน่งตามวิธีการทก่ี ฎหมายฉบับปรบั ปรงุ กาหนด)...ตามพระราชบัญญัติ นี้ ทั้งน้ี ต้องไม่เกิน...(ระยะเวลาในการดาเนินการแต่งตั้งผู้ดารงตาแหน่งดังกล่าว)...นับแต่วันท่ี พระราชบัญญตั นิ ี้ใช้บงั คับ ในระหว่างที่ยังไม่มีข้อบังคับเกี่ยวกับการประชุมของ...(ช่ือคณะกรรมการตามกฎหมาย ใหม่)...ตามมาตรา .. (ระบุเลขมาตราท่ีจัดตั้งคณะกรรมการ)...ให้นาบทบัญญัติแห่ง...(ชื่อกฎหมาย ฉบับเดมิ )...ว่าด้วยเร่อื งน้ใี ชบ้ งั คับไปพลางกอ่ น ตวั อยา่ งเชน่ พระราชบญั ญตั ิมหาวิทยาลยั รามคาแหง พ.ศ. ๒๕๔๑ “มาตรา ๕๖ ให้ผู้ดารงตาแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการ สภามหาวิทยาลัยอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ปฏิบัติหน้าที่นายก สภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยตามพระราชบัญญัตินี้จนกว่าจะได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ แต่งต้ังนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ และมีการ เลือกตั้งกรรมการสภามหาวิทยาลัยตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ต้องไม่เกินหนึ่งรอ้ ยแปดสิบวันนับแต่ วันท่ีพระราชบญั ญตั ินีใ้ ชบ้ ังคบั ในระหว่างที่ยังไม่มีข้อบังคับเกี่ยวกับการประชุมของสภามหาวิทยาลัยตาม มาตรา ๑๙ ให้นาบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยรามคาแหง พ.ศ. ๒๕๑๔ ว่าด้วยเร่ืองนี้ มาใช้บังคับไปพลางกอ่ น” ตัวอยา่ ง มาตรา .. ใหโ้ อนบรรดา...(ส่ิงทใี่ ช้ในการบริหารขององค์กรเดิมทม่ี ีอย)ู่ ...ของ...(ช่อื องค์กร เดิมตามกฎหมายฉบับเดิม)...ทม่ี ีอยู่ในวนั ทีพ่ ระราชบัญญตั ิน้ีประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเป็นของ ...(ช่ือองคก์ รเดิมหรอื ช่อื องค์กรใหม่ตามกฎหมายฉบบั ใหม่)...ตามพระราชบัญญัตนิ ี้
๑๑๙ ตัวอย่างเชน่ พระราชบัญญตั ิการเคหะแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๓๗ “มาตรา ๔๓ ให้โอนกิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ ทุน ความรับผิด งบประมาณ พนักงานและลูกจ้างของการเคหะแห่งชาติที่มีอยู่ในวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ประกาศในราช กิจจานเุ บกษาไปเปน็ ของ กคช. ตามพระราชบัญญัตนิ ้ี” กลมุ่ ที่ ๒ บทเฉพาะกาลทม่ี ีหลักการเพ่ือรองรบั สทิ ธปิ ระโยชน์ของบุคคล เพื่อรองรับคาร้องหรือคาขอ หรือใบอนุญาตที่ได้ตามกฎหมายฉบับเดิม รับรองการกระทาหรือสิทธิของบุคคลตามกฎหมายฉบับเดิม หรือค่าตอบแทนของบุคคลที่เคยได้รับตาม กฎหมายฉบับเดิม มาตรา .. ...(บุคคลที่เคยได้รับสิทธิตามพระราชบัญญัติฉบับเดิม)...อยู่ก่อนวันท่ี พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ให้มีสิทธิ...(กาหนดประเภทของสิทธติ ามกฎหมายฉบับใหม่ท่ีบคุ คลน้ันจะ ไดร้ ับ)...ตามทบ่ี ญั ญัติไว้ในพระราชบญั ญตั ินดี้ ้วย ตัวอยา่ งเชน่ พระราชบัญญัติกองทนุ บาเหนจ็ บานาญขา้ ราชการ พ.ศ. (ฉบบั ที่ ๓) ๒๕๔๖ “มาตรา ๗ ผู้รับบานาญซ่ึงได้รับบานาญอยู่ก่อนวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ ใช้บังคบั ใหม้ ีสิทธิได้รบั บาเหน็จดารงชีพตามทีบ่ ัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตนิ ีด้ ว้ ย” กลุ่มท่ี ๓ บทเฉพาะกาลท่มี ีหลกั การเพือ่ รองรับกฎหมายลาดบั รอง เพื่อช่วยให้การปฏิบัติการตามกฎหมายฉบับใหม่สามารถดาเนินการต่อไป ได้อยา่ งตอ่ เน่ืองไม่ติดขดั จนกว่ากฎหมายลาดบั รองฉบับใหม่จะใชบ้ งั คับ แต่ตอ้ งไม่เกนิ ระยะเวลาท่ีกาหนด มาตรา .. บรรดา ... (ประเภทกฎหมายลาดับรอง)...ท่ีออกตาม...(ชื่อกฎหมายฉบับ เดิม)...ท่ีใช้บังคับอยู่ในวันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าท่ีไม่ขัดหรือแย้ง กบั พระราชบัญญัติน้ี จนกว่าจะม.ี .. (ประเภทกฎหมายลาดบั รอง)...ตามพระราชบญั ญตั ินใี้ ช้บงั คับ การดาเนินการออก...(ประเภทกฎหมายลาดับรอง)...ตามวรรคหนึ่ง ให้ดาเนินการให้ แล้วเสร็จภายใน...ปี นับแต่วันท่ีพระราชบัญญัติใช้บังคับ หากไม่สามารถดาเนินการได้ให้รัฐมนตรี รายงานเหตผุ ลทไี่ ม่อาจดาเนินการได้ต่อคณะรฐั มนตรที ราบ
๑๒๐ ตวั อย่างเช่น พระราชบัญญตั ิการพฒั นาและส่งเสริมพลงั งาน พ.ศ. ๒๕๓๕ “มาตรา ๓๙ บรรดาพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง หรือคาส่ังท่ีออกตาม พระราชบัญญัติการพลังงานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๔๙๖ ที่ใช้บังคับอยู่ก่อนหรือในวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้จนกว่าจะมี พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ระเบียบ หรอื คาสั่งตามพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคบั แต่ต้องไม่เกินหนึ่งปีนบั แต่วันที่พระราชบัญญัติ นีใ้ ช้บังคับ” กล่มุ ที่ ๔ บทเฉพาะกาลทมี่ ีหลักการพเิ ศษ หลักการพิเศษบางอย่างเช่น มิให้นาบทบัญญัติบางมาตราในกฎหมาย ใหม่มาใช้บังคับ ให้ถือว่าการใดอย่างหนึ่งตามกฎหมายฉบับเดิมเป็นการอย่างใดอย่างหนึ่งตามกฎหมาย ฉบบั ใหม่ รบั รองการดาเนินการตามกฎหมายฉบบั เดมิ ทย่ี ังไม่แลว้ เสรจ็ ฯลฯ มาตรา .. มิให้นาบทบัญญัตติ าม...(ระบุบทบัญญัติใดตามกฎหมายฉบับใหม่ท่ีกาหนดให้ ต้องปฏิบัติ)...แห่งพระราชบัญญัติน้ีมาใช้บังคับแก่...(ระบุการใดหรือบุคคลใด)...ก่อนวันที่พระราชบัญญัติ ใชบ้ งั คบั ตัวอยา่ งเช่น พระราชบญั ญัติประกนั วนิ าศภัย พ.ศ. ๒๕๓๕ “มาตรา ๑๑๙ มิให้นาบทบัญญัติตามมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติ นี้มาใช้บังคับแก่ผู้ท่ีเป็นกรรมการ ผู้จัดการ พนักงาน บุคคลผู้มีอานาจในการจัดการ หรือท่ีปรึกษาของ บรษิ ทั ตามมาตรา ๑๑๒ อย่แู ล้วโดยชอบก่อนหรอื ในวันท่พี ระราชบัญญัตนิ ้ีใช้บงั คับ” มาตรา .. ใหถ้ ือวา่ ... (เร่ืองใดเรื่องหนึ่งตามท่ีกฎหมายฉบับเดิมให้การรับรองหรือคุ้มครอง)... ตาม...(ช่ือกฎหมายฉบับเดิม)... ก่อนวนั ที่พระราชบญั ญัตินใ้ี ช้บังคับ เปน็ ...(เร่ืองใดเรื่องหน่งึ ตามที่ กฎหมายฉบบั ใหมร่ บั รองหรือคมุ้ ครอง)...ตามพระราชบัญญัตินี้ ตัวอย่างเชน่ พระราชบญั ญัติสงวนและคุ้มครองสตั ว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ “มาตรา ๖๒ ให้ถือว่าสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทท่ี ๑ และสัตว์ป่าคุ้มครอง ประเภทที่ ๒ ที่กาหนดข้นึ ตามกฎกระทรวงท่อี อกตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตวป์ ่า พ.ศ. ๒๕๐๓ เป็นสัตว์ป่าค้มุ ครองตามพระราชบญั ญตั ิน้ี”
๑๒๑ มาตรา .. ...(การดาเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งตามท่ีกาหนดในกฎหมายฉบับเดิมท่ีค้าง การดาเนินการอยู่ก่อนกฎหมายฉบับใหม่ใช้บังคับ)...ตาม...(ช่ือกฎหมายฉบับเดิม)...อยู่ก่อนวันท่ี พระราชบญั ญตั นิ ใ้ี ช้บังคบั ใหอ้ ยูใ่ นบังคบั ของ (ชื่อกฎหมายฉบบั เดมิ )...จนกวา่ จะถึงทสี่ ุด ตัวอยา่ งเชน่ พระราชบญั ญตั ิเคร่ืองหมายการค้า พ.ศ.๒๕๓๔ “มาตรา ๑๒๑ การอุทธรณ์คาสั่งหรือคาวินิจฉัยของนายทะเบียน และการคดั ค้านการจดทะเบยี นตามพระราชบัญญตั ิเครอ่ื งหมายการคา้ พทุ ธศักราช ๒๔๗๔ ที่คา้ งพิจารณา อยู่ก่อนวันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ให้อยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมาย การคา้ พุทธศักราช ๒๔๗๔ จนกวา่ จะถึงทสี่ ุด” ๑๒) บัญชที า้ ยพระราชบัญญตั ิ บัญชีและตารางท้ายพระราชบัญญัติ เป็นส่วนหนึ่งของพระราชบัญญัติ ที่เป็นเครอ่ื งมือในการนารายละเอียดเนื้อหาของกฎหมาย ที่อาจมีอยู่มากหรืออาจเพ่ิมเติมในภายหลังอีก มากาหนดแยกออกไปจากสว่ นที่เป็นกฎหมาย ท้ังนี้ เพ่ือให้พระราชบัญญัติมีเนื้อหาเฉพาะแต่หลกั การ และกรอบของกฎหมาย ซึ่งช่วยทาให้กฎหมายซับซ้อนน้อยลงได้ ๓๖ กรณีมีความจาเป็นต้องกาหนดบัญชีท้าย พระราชบัญญัติหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเนื้อหาสาระของพระราชบัญญัติน้ันเองว่าจาเป็นต้องมีบัญชีท้าย พระราชบัญญัตหิ รือไม่ เนอ้ื หาในพระราชบญั ญตั บิ างเรือ่ ง เชน่ อัตราเงินเดอื นหรอื เงินประจาตาแหน่ง ค่าจ้างหรือค่าตอบแทนอย่างอ่ืน อัตราภาษี อัตราค่าธรรมเนียม หรือลักษณะของความผิดหลาย ๆ ลักษณะ หากนามาเขียนในบทบัญญัติแต่ละมาตรา ทาใหบ้ ทบัญญัตนิ ้ันมีเนื้อหาค่อนข้างยาวและเย่ินเย้อ และการแก้ไขเพ่ิมเติมสาระในเร่ืองเหล่าน้ีต้องมีอยู่บ่อยคร้ัง แต่สามารถกระทาได้โดยแยกออกจาก เนื้อหาในส่วนอื่น ๆ จึงกาหนดรายละเอียดที่สาคัญบางเรื่องเหล่านั้นในบัญชีท้ายพระราช บัญญัติ แทนการกาหนดไว้ในเน้อื หารายมาตราของพระราชบัญญัติ๓๗ สาหรบั การรา่ งกฎหมายของไทยไดใ้ ชบ้ ัญชีและตารางทา้ ยเพ่ือประโยชน์ ๕ กรณ๓ี ๘ ดังน้ี (๑) กาหนดค่าธรรมเนยี ม เช่น ค่าธรรมเนียมคาขอ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ค่าขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต ค่าต่อใบอนุญาต ค่าแก้ไขหรือเพ่ิมเติมทะเบียนและใบอนุญาตค่าหนังสือ ๓๖ ธรรมนติ ย์ สมุ นั ตกุล, การร่างกฎหมายเบอ้ื งตน้ : แบบของกฎหมาย, ๑๕๒. ๓๗ สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, คมู่ ือแบบการร่างกฎหมาย, ๒๙๓. ๓๘ ธรรมนิตย์ สุมนั ตกุล, การร่างกฎหมายเบอื้ งต้น: แบบของกฎหมาย, ๑๕๒ – ๑๕๕.
๑๒๒ รับรองการข้ึนทะเบียน กาหนดอัตราภาษี เช่น บัญชีท้ายพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ พระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ พระราชบญั ญตั ิเช้อื โรคและพิษจากสตั ว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ หรอื ประมวลรษั ฎากร ตวั อย่าง พระราชบญั ญตั กิ ารขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ “มาตรา ๘๕ เพ่ือประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีรถตามพระราชบัญญัติน้ี กรมการขนส่งทางบกจะกาหนดเวลาการชาระภาษีรถประจาปีสาหรับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการ ขนส่งแตล่ ะรายก็ได้ และใหค้ านวณภาษตี ามน้าหนกั รถตามอตั ราในบัญชที ้ายพระราชบญั ญตั นิ ้ี...” บัญชอี ตั ราภาษรี ถตามมาตรา ๘๕ (๑) รถท่ใี ช้ในการขนส่งประจาทาง การขนสง่ ไม่ประจาทาง การขนส่งโดยรถขนาดเล็ก และการขนส่งสว่ นบุคคล ใหจ้ ัดเก็บภาษปี ระจาปี ดงั นี้ รถทีใ่ ช้ในการ รถท่ีใชใ้ นการ รถทใี่ ช้ในการ รถทใี่ ช้ในการ น้าหนักรถเป็นกโิ ลกรัม ขนสง่ ขนส่ง ขนสง่ โดยรถ ขนสง่ สว่ น ประจาทาง ไม่ประจาทาง ขนาดเล็ก บุคคล ไม่มากกวา่ ๕๐๐ กิโลกรมั ๓๐๐ บาท ๔๕๐ บาท ๓๐๐ บาท ๑๕๐ บาท ตั้งแต่ ๕๐๑ ถงึ ๗๕๐ กโิ ลกรมั ๔๐๐ บาท ๖๐๐ บาท ๔๐๐ บาท ๓๐๐ บาท ตั้งแต่ ๗๕๑ ถึง ๑,๐๐๐ กโิ ลกรัม ๕๐๐ บาท ๗๕๐ บาท ๕๐๐ บาท ๔๕๐ บาท ตั้งแต่ ๑,๐๐๑ ถึง ๑,๒๕๐ กิโลกรมั ๖๐๐ บาท ๙๐๐ บาท ๖๐๐ บาท ๘๐๐ บาท ตั้งแต่ ๑,๒๕๑ ถงึ ๑,๕๐๐ กโิ ลกรมั ๗๐๐ บาท ๑,๐๕๐ บาท ๗๐๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท ตั้งแต่ ๑,๕๐๑ ถงึ ๑,๗๕๐ กโิ ลกรมั ๙๐๐ บาท ๑,๓๕๐ บาท ๙๐๐ บาท ๑,๓๐๐ บาท ตง้ั แต่ ๑,๗๕๑ ถงึ ๒,๐๐๐ กโิ ลกรมั ๑,๑๐๐ บาท ๑,๖๕๐ บาท ๑,๑๐๐ บาท ๑,๖๐๐ บาท ตง้ั แต่ ๒,๐๐๑ ถงึ ๒,๕๐๐ กิโลกรัม ๑,๓๐๐ บาท ๑,๙๕๐ บาท ๑,๓๐๐ บาท ๑,๙๐๐ บาท ตง้ั แต่ ๒,๕๐๑ ถึง ๓,๐๐๐ กโิ ลกรมั ๑,๕๐๐ บาท ๒,๒๕๐ บาท ๑,๕๐๐ บาท ๒,๒๐๐ บาท ตั้งแต่ ๓,๐๐๑ ถงึ ๓,๕๐๐ กโิ ลกรัม ๑,๗๐๐ บาท ๒,๕๕๐ บาท ๒,๔๐๐ บาท ตง้ั แต่ ๓,๕๐๑ ถงึ ๔,๐๐๐ กโิ ลกรัม ๑,๙๐๐ บาท ๒,๘๕๐ บาท ๒,๖๐๐ บาท ตง้ั แต่ ๔,๐๐๑ ถงึ ๔,๕๐๐ กิโลกรัม ๒,๑๐๐ บาท ๓,๑๕๐ บาท ๒,๘๐๐ บาท ตง้ั แต่ ๔,๕๐๑ ถึง ๕,๐๐๐ กโิ ลกรัม ๒,๓๐๐ บาท ๓,๔๕๐ บาท ๓,๐๐๐ บาท ตั้งแต่ ๕,๐๐๑ ถงึ ๖,๐๐๐ กิโลกรมั ๒,๕๐๐ บาท ๓,๗๕๐ บาท ๓,๒๐๐ บาท ตั้งแต่ ๖,๐๐๑ ถึง ๗,๐๐๐ กิโลกรมั ๒,๗๐๐ บาท ๔,๐๕๐ บาท ๓,๔๐๐ บาท ตั้งแต่ ๗,๐๐๑ กิโลกรัม ขึ้นไป ๒,๙๐๐ บาท ๔,๓๕๐ บาท ๓,๖๐๐ บาท (๒) รถตาม (๑) ทใี่ ช้พลงั งานไฟฟ้า หรอื ใชพ้ ลังงานทดแทน พลงั งานอนุรักษ์สงิ่ แวดล้อม หรอื พลังงานอย่างประหยัด ตามทกี่ าหนดใน กฎกระทรวง ให้จดั เกบ็ ภาษปี ระจาปใี นอตั ราก่ึงหน่ึงของอตั ราที่กาหนดไว้ตาม (๑) (๓) รถตาม (๑) ที่ใชก้ ๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นก๊าซไฮโดรคารบ์ อนที่ประกอบดว้ ยก๊าซมเี ทนเป็นส่วนใหญเ่ ปน็ เชอ้ื เพลงิ ใหจ้ ดั เกบ็ ภาษปี ระจาปี ดงั นี้ (ก) ระบบเชื้อเพลิงทใี่ ช้ก๊าซธรรมชาติดังกลา่ วเพยี งอย่างเดียว ให้จัดเกบ็ ในอตั รากึ่งหน่ึงของอัตราท่ีกาหนดไว้ตาม (๑) (ข) ระบบเชือ้ เพลงิ ท่ีใช้กา๊ ซธรรมชาตดิ งั กล่าวรว่ มหรอื สลับกับนา้ มันเชอ้ื เพลิงให้จัดเกบ็ ในอัตราสามในส่ขี องอัตราทก่ี าหนดไว้ตาม (๑)
๑๒๓ ตวั อยา่ ง พระราชบญั ญัตเิ ชอ้ื โรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ “มาตรา ๕ ให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุ ขรักษาการตาม พระราชบัญญัติน้ี และให้มี อานาจแต่งต้ังและถอดถอนพนักงานเจ้าหน้าท่ี กับออกกฎกระทรวง ประกาศ และกาหนดกจิ การอ่ืน เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญตั ินี้ รวมทั้งออกกฎกระทรวงกาหนด ค่าธรรมเนยี มไม่เกนิ อตั รา ท้ายพระราชบญั ญตั นิ ี้ และลดหรอื ยกเว้นค่าธรรมเนียม”
๑๒๔ กฎกระทรวง กำหนดค่ำธรรมเนยี มและยกเว้นคำ่ ธรรมเนียมกำรดำเนนิ กำรเกยี่ วกับเชื้อโรคและพษิ จำกสตั ว์ พ.ศ. ๒๕๖๐ อำศัยอำนำจตำมควำมในมำตรำ ๕ วรรคหน่ึง แห่งพระรำชบัญญัติเช้ือโรคและพิษจำกสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงสำธำรณสขุ ออกกฎกระทรวงไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ข้อ ๑ ใหก้ ำหนดค่ำธรรมเนยี ม ดงั ต่อไปน้ี (๑) หนงั สอื รบั รองกำรแจ้งผลติ เชอ้ื โรคและพษิ จำกสตั ว์ ฉบบั ละ ๒,๐๐๐ บำท (๒) หนังสอื รับรองกำรแจ้งนำเขำ้ เชอื้ โรคและพิษจำกสัตว์ ฉบับละ ๒,๐๐๐ บำท (๓) หนังสอื รบั รองกำรแจ้งสง่ ออกเชือ้ โรคและพิษจำกสตั ว์ ฉบบั ละ ๒,๐๐๐ บำท (๔) หนังสือรับรองกำรแจ้งขำยเช้อื โรคและพษิ จำกสตั ว์ ฉบับละ ๒,๐๐๐ บำท (๕) หนังสือรบั รองกำรแจง้ นำผำ่ นเชอ้ื โรคและพษิ จำกสตั ว์ ฉบับละ ๒,๐๐๐ บำท (๖) หนงั สือรบั รองกำรแจง้ มไี วใ้ นครอบครองเชอ้ื โรค และพษิ จำกสตั ว์ ฉบบั ละ ๒,๐๐๐ บำท (๗) ใบอนญุ ำตผลติ เชอื้ โรคและพษิ จำกสตั ว์ ฉบบั ละ ๔,๐๐๐ บำท (๘) ใบอนญุ ำตนำเข้ำเช้อื โรคและพิษจำกสัตว์ ฉบับละ ๔,๐๐๐ บำท (๙) ใบอนุญำตส่งออกเชือ้ โรคและพษิ จำกสัตว์ ฉบับละ ๔,๐๐๐ บำท (๑๐) ใบอนญุ ำตขำยเชื้อโรคและพษิ จำกสัตว์ ฉบบั ละ ๔,๐๐๐ บำท (๑๑) ใบอนุญำตนำผำ่ นเช้อื โรคและพษิ จำกสตั ว์ ฉบับละ ๔,๐๐๐ บำท (๑๒) ใบอนญุ ำตมไี ว้ในครอบครองเช้ือโรคและพิษจำกสตั ว์ ฉบบั ละ ๔,๐๐๐ บำท (๑๓) ใบแทนหนังสือรบั รองกำรแจง้ ฉบบั ละ ๕๐๐ บำท (๑๔) ใบแทนใบอนญุ ำต ฉบับละ ๕๐๐ บำท (๑๕) คำขอใบอนุญำตตำม (๗) ถงึ (๑๒) ฉบบั ละ ๑๐๐ บำท (๑๖) คำขอใบแทนหนงั สอื รบั รองกำรแจง้ หรือใบแทนใบอนุญำตตำม (๑๓) และ (๑๔) ฉบับละ ๑๐๐ บำท (๑๗) คำขอแกไ้ ขเปลีย่ นแปลงรำยกำร ในหนังสอื รับรองกำรแจ้ง ฉบับละ ๑๐๐ บำท (๑๘) คำขอแก้ไขเปล่ียนแปลงรำยกำรในใบอนญุ ำต ฉบับละ ๑๐๐ บำท (๑๙) กำรตอ่ อำยุหนงั สอื รับรองกำรแจง้ หรอื ใบอนุญำต ครงั้ ละเทำ่ กับคำ่ ธรรมเนียมหนังสอื รับรองกำรแจ้ง หรือใบอนญุ ำตประเภทนั้น ๆ แตล่ ะฉบับ ขอ้ ๒ ให้ยกเว้นค่ำธรรมเนียมตำมข้อ ๑ (๘) และ (๙) แก่กระทรวง ทบวง หรือกรม ในกรณีที่มี กำรนำเข้ำหรือส่งออกเชื้อโรคและพิษจำกสัตว์สำหรบั กำรศึกษำวจิ ัยร่วมกับหน่วยงำนวิชำกำรต่ำงประเทศ เพ่ือประโยชน์ ในกำรควบคุมโรค กำรป้องกันโรค และกำรบำบดั โรค
๑๒๕ (๒) กาหนดรายชื่อกฎหมายท่ีต้องการยกเลิก เนื่องจากคณะรัฐมนตรี มีนโนบายในการเสนอยกเลิกกฎหมายจานวนมาก การนาไปไปเขียนเป็นมาตราในพระราชบัญญัติ อาจจะกระทาได้ แตก่ ็จะทาใหก้ ฎหมายยาวมาก จงึ จาเป็นต้องกาหนดไว้เป็นบญั ชีท้ายพระราชบัญญัติ ตัวอย่าง พระราชบัญญัติยกเลิกกฎหมายบางฉบับท่ี หมดความจาเป็น หรือซ้าซ้อนกบั กฎหมายอนื่ พ.ศ. ๒๕๕๘ “มาตรา ๓ ใหย้ กเลกิ กฎหมายตามทีร่ ะบุในบัญชที ้ายพระราชบัญญตั นิ ี้” บัญชที า้ ยพระราชบัญญตั ิ ยกเลกิ กฎหมายบางฉบับท่ีหมดความจาเป็นหรือซ้าซ้อนกบั กฎหมายอน่ื พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑. พระราชบญั ญตั คิ วบคุมและจดั การกิจการหรือทรัพย์สินของคนตา่ งดา้ วบางจาพวกในภาวะคับขัน พทุ ธศักราช ๒๔๘๔ ๒. พระราชบญั ญัติส่งเสริมสนิ ค้าขาออก พ.ศ. ๒๕๐๓ ๓. พระราชบญั ญตั สิ ่งเสรมิ สินค้าขาออก (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๙ ๔. พระราชบญั ญตั ิควบคุมการเชา่ เคหะและท่ดี ิน พ.ศ. ๒๕๐๔ ๕. พระราชบัญญัติควบคมุ การเช่าเคหะและที่ดนิ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๐๙ ๖. พระราชบัญญัติควบคมุ การเช่าเคหะและท่ีดนิ (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๑๑ ๗.พระราชบญั ญัตปิ ้องกนั การกระทาบางอย่างในการขนส่งสินคา้ ขาออกทางเรอื พ.ศ. ๒๕๑๑ ๘. พระราชบญั ญตั ิสถานสนิ เช่ือทอ้ งถิน่ พ.ศ. ๒๕๑๘ ๙. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบบั ที่ ๔๕ ลงวนั ท่ี ๑๗ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๕ ๑๐. ประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ ฉบับที่ ๗๖ ลงวนั ที่ ๑๑ กมุ ภาพนั ธ์ พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๕ ๑๑. ประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบบั ท่ี ๒๕๒ ลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๕ (๓) กาหนดรายการฐานความผิด ซ่ึงมีผลเป็นการกาหนดขอบเขตการใช้ กฎหมายไปในตวั ด้วย ตัวอย่าง พระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และคา่ ทดแทนและค่าใช้จ่าย แก่จาเลยในคดอี าญา พ.ศ. ๒๕๔๔ “มาตรา ๑๗ ความผิดท่ีกระทาต่อผู้เสียหายอันอาจขอรับค่าตอบแทน ไดต้ ้องเป็นความผดิ ตามรายการท่รี ะบไุ ว้ทา้ ยพระราชบญั ญัติน้ี
๑๒๖ รายการท้ายพระราชบัญญัติคา่ ตอบแทนผูเ้ สยี หาย และค่าทดแทนและคา่ ใช้จ่ายแกจ่ าเลยในคดอี าญา พ.ศ. ๒๕๔๔ ความผิดท่ีกระทาต่อผู้เสียหายซึ่งทาให้ผู้เสียหายอาจขอรับค่าตอบแทนได้ตามมาตรา ๑๗ ได้แก่ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๒ ดังตอ่ ไปน้ี ลักษณะ ๖ ความผดิ เกย่ี วกับการกอ่ ให้เกดิ ภยันตรายตอ่ ประชาชน มาตรา ๒๒๔ มาตรา ๒๓๘ ลักษณะ ๙ ความผดิ เกย่ี วกับเพศ มาตรา ๒๗๖ ถึงมาตรา ๒๘๗ ลกั ษณะ ๑๐ ความผดิ เกยี่ วกับชีวิตและรา่ งกาย หมวด ๑ ความผิดต่อชวี ิต มาตรา ๒๘๘ ถงึ มาตรา ๒๙๔ หมวด ๒ ความผิดตอ่ ร่างกาย มาตรา ๒๙๕ ถงึ มาตรา ๓๐๐ หมวด ๓ ความผิดฐานทาให้แท้งลูก มาตรา ๓๐๑ ถงึ มาตรา ๓๐๕ หมวด ๔ ความผิดฐานทอดทิง้ เด็ก คนป่วยเจบ็ หรือคนชรา มาตรา ๓๐๖ ถึงมาตรา ๓๐๘ ลักษณะ ๑๑ ความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพและชอื่ เสยี ง หมวด ๑ ความผิดตอ่ เสรภี าพ มาตรา ๓๐๙ มาตรา ๓๑๐ มาตรา ๓๑๑ มาตรา ๓๑๒ ทวิ มาตรา ๓๑๓ ลักษณะ ๑๒ ความผิดเกี่ยวกับทรพั ย์ หมวด ๑ ความผิดฐานลักทรพั ย์และวง่ิ ราวทรพั ย์ มาตรา ๓๓๖ หมวด ๒ ความผิดฐานกรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชงิ ทรัพย์ และปล้นทรัพย์ มาตรา ๓๓๗ มาตรา ๓๓๙ มาตรา ๓๓๙ ทวิ มาตรา ๓๔๐ มาตรา ๓๔๐ ทวิ หมวด ๘ ความผิดฐานบุกรกุ มาตรา ๓๖๕
๑๒๗ (๔) กาหนดกิจการที่อนุญาตให้กระทาหรือไม่ให้กระทา เช่น การกาหนดการ เล่นพนันในบัญชีท้ายของพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ หรือ พระราชบัญญัติการประกอบ ธุรกิจของคนตา่ งดา้ ว พ.ศ. ๒๕๔๒ ตวั อย่าง พระราชบัญญัตกิ ารประกอบธรุ กิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ “มาตรา ๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๑๐ และมาตรา ๑ (๑) ห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจท่ีไม่อนุญาตให้คนต่างด้าว ประกอบกจิ การดว้ ยเหตุผลพเิ ศษตามทีก่ าหนดไวใ้ นบัญชหี นงึ่ (๒) ห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจท่ีเก่ียวกับความปลอดภัยหรือ ความมั่นคงของประเทศธุรกจิ ที่มีผลกระทบต่อศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี และหัตถกรรมพื้นบ้าน หรือธุรกิจที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม ตามท่ีกาหนดไว้ในบัญชีสอง เว้นแต่ จะไดร้ ับอนญุ าตจากรฐั มนตรโี ดยการอนุมัตขิ องคณะรัฐมนตรี (๓) หา้ มมิให้คนตา่ งด้าวประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไมม่ ีความพรอ้ มท่ีจะ แข่งขนั ในการประกอบกจิ การกับคนต่างด้าว ตามท่ีกาหนดไว้ในบัญชีสาม เว้นแต่จะไดร้ ับอนญุ าตจาก อธิบดโี ดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ” บัญชีท้ายพระราชบญั ญัติการประกอบธรุ กจิ ของคนต่างดา้ ว พ.ศ. ๒๕๔๒ บญั ชีหน่งึ ธุรกิจที่ไม่อนญุ าตให้คนต่างด้าวประกอบกจิ การด้วยเหตุผลพิเศษ (๑) การทากจิ การหนงั สือพิมพ์ การทากจิ การสถานวี ิทยุกระจายเสียงหรือสถานวี ทิ ยโุ ทรทัศน์ (๒) การทานา ทาไร่ หรือทาสวน (๓) การเล้ยี งสตั ว์ (๔) การทาป่าไม้และการแปรรูปไม้จากป่าธรรมชาติ (๕) การทาการประมงเฉพาะการจบั สัตวน์ า้ ในน่านนา้ ไทยและในเขตเศรษฐกจิ จาเพาะของ ประเทศไทย (๖) การสกดั สมนุ ไพรไทย (๗) การคา้ และการขายทอดตลาดโบราณวัตถุของไทยหรือทมี่ คี ุณคา่ ทางประวตั ิศาสตรข์ อง ประเทศ (๘) การทาหรือหลอ่ พระพุทธรูป และการทาบาตร (๙) การค้าทดี่ นิ
๑๒๘ บญั ชสี อง ธรุ กจิ ทีเ่ ก่ยี วกับความปลอดภัยหรือความม่นั คงของประเทศหรอื มผี ลกระทบต่อ ศิลปวฒั นธรรม จารีตประเพณี หตั ถกรรมพ้นื บา้ น หรือทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม หมวด ๑ ธุรกจิ ท่ีเก่ียวกับความปลอดภยั หรือความม่นั คงของประเทศ (๑) การผลติ การจาหน่าย และการซ่อมบารุง (ก) อาวธุ ปืน เครอื่ งกระสนุ ปืน ดนิ ปนื วตั ถุระเบิด (ข) ส่วนประกอบของอาวุธปืน เคร่อื งกระสุนปืน และวัตถุระเบดิ (ค) อาวธุ ยุทโธปกรณ์ เรอื อากาศยาน หรือยานพาหนะทางการทหาร (ง) อปุ กรณ์หรือสว่ นประกอบของอุปกรณส์ งครามทกุ ประเภท (๒) การขนสง่ ทางบก ทางนา้ หรือทางอากาศในประเทศ รวมถึงกจิ การการบินในประเทศ หมวด ๒ ธุรกจิ ท่ีมีผลกระทบต่อศิลปวฒั นธรรม จารตี ประเพณี และหัตถกรรมพ้นื บ้าน (๑) การคา้ ของเก่า หรือศิลปวัตถุ ซึง่ เปน็ งานศิลปกรรม หัตถกรรมของไทย (๒) การผลิตเคร่ืองไม้แกะสลัก (๓) การเลยี้ งไหม การผลิตเส้นไหมไทย การทอผา้ ไหมไทย หรือการพมิ พล์ วดลายผา้ ไหมไทย (๔) การผลิตเครื่องดนตรีไทย (๕) การผลติ เครื่องทอง เคร่ืองเงนิ เคร่อื งถม เครื่องทองลงหนิ หรอื เคร่ืองเขนิ (๖) การผลติ ถว้ ยชามหรอื เครื่องป้นั ดนิ เผาที่เป็นศิลปวัฒนธรรมไทย หมวด ๓ ธุรกจิ ที่มผี ลกระทบตอ่ ทรัพยากรธรรมชาติหรอื ส่ิงแวดลอ้ ม (๑) การผลติ นา้ ตาลจากอ้อย (๒) การทานาเกลอื รวมทั้งการทาเกลอื สินเธาว์ (๓) การทาเกลอื หิน (๔) การทาเหมอื ง รวมทัง้ การระเบดิ หรอื ย่อยหนิ (๕) การแปรรูปไมเ้ พอ่ื ทาเคร่ืองเรอื นและเครือ่ งใชส้ อย
๑๒๙ บญั ชสี าม ธรุ กจิ ที่คนไทยยงั ไม่มคี วามพร้อมที่จะแข่งขนั ในการประกอบกิจการกับคนต่างดา้ ว (๑) การสขี ้าว และการผลติ แปง้ จากขา้ วและพืชไร่ (๒) การทาการประมง เฉพาะการเพาะเลย้ี งสัตว์นา้ (๓) การทาป่าไม้จากป่าปลูก (๔) การผลติ ไม้อดั แผน่ ไมว้ ีเนียร์ ชิปบอร์ด หรือฮาร์ดบอร์ด (๕) การผลติ ปนู ขาว (๖) การทากิจการบริการทางบัญชี (๗) การทากิจการบริการทางกฎหมาย (๘) การทากิจการบริการทางสถาปตั ยกรรม (๙) การทากจิ การบริการทางวิศวกรรม (๑๐) การก่อสรา้ ง ยกเว้น (ก) การก่อสร้างสิ่งซึ่งเป็นการใหบ้ ริการพืน้ ฐานแกป่ ระชาชนด้านการสาธารณูปโภค หรือการคมนาคมทต่ี ้องใช้เคร่ืองมือ เคร่ืองจกั ร เทคโนโลยหี รือความชานาญในการ ก่อสรา้ งเป็นพิเศษ โดยมีทนุ ขั้นตา่ ของคนตา่ งดา้ วตัง้ แตห่ า้ ร้อยลา้ นบาทข้ึนไป (ข) การกอ่ สรา้ งประเภทอ่นื ตามทกี่ าหนดในกฎกระทรวง (๑๑) การทากิจการนายหนา้ หรอื ตวั แทน ยกเว้น (ก) การเป็นนายหนา้ หรอื ตวั แทนซอ้ื ขายหลักทรัพย์หรอื การบรกิ ารทเี่ กย่ี วกบั การซ้ือ ขายลว่ งหน้าซึง่ สินค้าเกษตรหรือตราสารทางการเงินหรือหลกั ทรัพย์ (ข) การเป็นนายหน้าหรือตวั แทนซอ้ื ขายหรือจัดหาสนิ ค้าหรือบรกิ ารทจ่ี าเป็นต่อการ ผลติ หรอื การใหบ้ ริการของวสิ าหกจิ ในเครือเดยี วกนั (ค) การเปน็ นายหน้าหรือตวั แทนซอ้ื ขาย จดั ซ้ือหรือจดั จาหนา่ ยหรอื จดั หาตลาดท้ังใน ประเทศและต่างประเทศเพอ่ื การจาหน่ายซ่งึ สนิ คา้ ทผ่ี ลติ ในประเทศหรือนาเขา้ มา จากตา่ งประเทศอันมลี ักษณะ เปน็ การประกอบธรุ กิจระหว่างประเทศ โดยมีทุนข้นั ตา่ ของคนต่างด้าวตั้งแตห่ นง่ึ ร้อยลา้ นบาทข้ึนไป (ง) การเป็นนายหน้าหรอื ตัวแทนประเภทอ่ืนตามทกี่ าหนดในกฎกระทรวง (๑๒) การขายทอดตลาด ยกเวน้ (ก) การขายทอดตลาดที่มลี ักษณะเป็นการประมูลซ้ือขายระหว่างประเทศที่มใิ ชก่ าร ประมลู ซ้ือขายของเก่า วัตถุโบราณ หรอื ศลิ ปวตั ถุซึง่ เป็นงานศิลปกรรม หัตถกรรม หรือโบราณวัตถุของไทย หรือทีม่ ีคณุ คา่ ทางประวตั ิศาสตร์ของประเทศ (ข) การขายทอดตลาดประเภทอ่ืนตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง
๑๓๐ (๑๓) การคา้ ภายในเก่ยี วกบั ผลิตภัณฑ์หรอื ผลติ ผลทางการเกษตรพน้ื เมืองทีย่ ังไม่มกี ฎหมาย หา้ มไว้ ยกเวน้ การซื้อขายสนิ คา้ เกษตรลว่ งหน้าในตลาดสินคา้ เกษตรลว่ งหน้าแห่ง ประเทศไทย โดยไม่มีการส่งมอบหรือรับมอบสินค้าเกษตรภายในประเทศ (๑๔) การคา้ ปลีกสนิ ค้าทุกประเภททมี่ ีทุนข้ันต่ารวมทง้ั สน้ิ น้อยกวา่ หนึง่ ร้อยลา้ นบาท หรอื ทมี่ ี ทนุ ข้ันตา่ ของแตล่ ะร้านคา้ นอ้ ยกว่ายส่ี ิบลา้ นบาท (๑๕) การค้าส่งสนิ ค้าทุกประเภทที่มที ุนข้ันตา่ ของแตล่ ะรา้ นค้าน้อยกว่าหนึง่ รอ้ ยล้านบาท (๑๖) การทากจิ การโฆษณา (๑๗) การทากจิ การโรงแรม เวน้ แตบ่ ริการจดั การโรมแรม (๑๘) การนาเท่ียว (๑๙) การขายอาหารหรือเครอ่ื งดื่ม (๒๐) การทากิจการเพาะขยายหรอื ปรับปรงุ พันธุ์พชื (๒๑) การทาธุรกจิ บริการอนื่ ยกเวน้ ธรุ กิจบริการที่กาหนดในกฎกระทรวง (๕) แนบทา้ ยอนสุ ัญญาหรือความตกลง ตัวอย่าง พระราชบัญญัติว่าด้วยเอกสิทธิและความคุ้มกันทางกงสุล พ.ศ. ๒๕๔๑ “มาตรา ๓ ให้รัฐผู้ส่งคณะทาการทางกงสุล สถานทาการทางกงสุล หัวหน้าสถานทาการทางกงสุล เจ้าพนักงานกงสุล ลูกจ้างทางกงสุล สมาชิกในคณะเจ้าหน้าท่ีฝ่าย บริการ บุคคลในครอบครัวของสมาชิกในสถานทาการทางกงสุล และสมาชิกในคณะคนรับใช้ส่วนตัว รวมตลอดถึงสถานที่ บรรณสารทางกงสุล และบรรดาทรัพย์สินของสถานทาการทางกงสุลและของ สมาชิกในสถานทาการทางกงสุลหรือของบุคคลในครอบครัวของสมาชิกในสถานทาการทางกงสุล ตามที่ระบุไว้ในอนุสญั ญากรุงเวียนนาวา่ ดว้ ยความสัมพันธ์ทางกงสุล ซง่ึ ทาเม่ือวันท่ี ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๖ ท้ายพระราชบัญญัติน้ี ได้รับเอกสิทธิและความคุ้มกันทางกงสุลตามท่ีกาหนดไว้ในอนุสัญญา ดังกล่าว”
๑๓๑ อนุสญั ญากรุงเวียนนาวา่ ด้วยความสัมพนั ธท์ างกงสลุ รัฐภาคแี ห่งอนสุ ญั ญานี้ โดยระลึกว่า ได้มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางกงสุลระหว่างประชาชนของชาติต่าง ๆ ตั้งแต่ โบราณกาลมา โดยคานงึ ถงึ ความมงุ่ ประสงค์และหลักการของกฎบตั รสหประชาชาติ เก่ียวกบั ความเสมอภาค ทางอธิปไตยของรัฐ การธารงสันติภาพและความม่ันคงระหว่างประเทศ และการส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตร ระหวา่ งชาติ โดยพิจารณาว่า ท่ีประชุมของสหประชาชาติในเรื่องการติดตอ่ และความคุ้มกันทางทูตได้ลงมติ รับอนุสญั ญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางทตู ซงึ่ ได้เปดิ ใหล้ งนามกนั เมือ่ วนั ที่ ๑๘ เมษายน ค.ศ. ๑๙๖๑ โดยเชื่อว่า การมีอนุสัญญาระหวา่ งประเทศวา่ ด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล เอกสิทธแิ ละความคมุ้ กัน จะมีส่วนช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างชาติด้วย แม้ระบบรัฐธรรมนูญและสังคมของชาติเหล่านั้น จะแตกตา่ งกัน โดยตระหนักว่า ความมุ่งประสงค์ของเอกสิทธิและความคุ้มกันเช่นว่าน้ี มิใช่เพ่ือเป็นคุณประโยชน์ แก่ตัวบคุ คล แต่เพอ่ื ประกนั การปฏิบัติหนา้ ท่ีอย่างมีประสิทธภิ าพของสถานทาการทางกงสุลในนามรัฐของตน โดยยืนยันว่า กฎเกณฑ์แห่งกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศคงใช้บังคับต่อไปใน เร่ืองทม่ี ิได้กาหนดไว้อยา่ งชัดแจ้งโดยบทบัญญัติของอนุสญั ญานี้ ได้ตกลงกันดงั ตอ่ ไปนี้ ขอ้ ๑ บทนิยาม … ฯลฯ … ฯลฯ ขอ้ ๗๙ ตวั บทท่ีถกู ตอ้ ง ต้นฉบับของอนุสัญญานี้ซ่ึงตัวบทภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษารัสเซีย และภาษา สเปน มคี วามถูกตอ้ งเทา่ เทียมกนั จะมอบไว้กับเลขาธิการสหประชาชาติผู้ซง่ึ จะสง่ สาเนาทไ่ี ด้รบั รองแลว้ ไปยงั รัฐ ทงั้ ปวงทอี่ ยู่ในประเภทหนง่ึ ประเภทใดในส่ปี ระเภทที่ระบไุ วใ้ นข้อ ๗๔ เพ่ือเป็นพยานแก่การนี้ ผู้มีอานาจเต็มซ่ึงลงนามข้างท้าย โดยได้รับมอบอานาจโดยถูกต้อง เพ่ือการนี้จากรฐั บาลของตน ไดล้ งนามอนสุ ญั ญานี้ ทา ณ กรงุ เวียนนา เม่ือวนั ที่ ยีส่ บิ สี่ เมษายน ครสิ ต์ศักราช หนึง่ พันเกา้ ร้อยหกสิบสาม
๑๓๒ ๑๓) การแบ่งหมวดหมูก่ ฎหมาย การแบ่งหมวดหมู่กฎหมายเป็นเทคนิคการร่างกฎหมายที่นามาใช้ เพื่อแบ่งแยกและจัดเรียงเนื้อหาสาระตามลาดับความสาคัญของเร่ืองออกเป็นกลุ่ม ๆ โดยความมุ่งหมาย เพื่อให้ผู้ใช้กฎหมายและผู้อยู่ใต้บังคับกฎหมายมีความรู้ความเข้าใจในเน้ือหาของกฎหมายเป็นอย่างดี ตลอดจนยังทาใหก้ ารอา่ นและคน้ หาเรื่องท่ีต้องการทราบเปน็ ไปได้อย่างรวดเร็ว๓๙ การแบง่ หมวดหมู่กฎหมาย๔๐ (๑) ต้องพิจารณาโครงสร้างของร่างกฎหมายฉบับนั้นก่อนว่ามีเน้ือหา มากนอ้ ยเพยี งใด (๒) หากเนื้อหาสาระของกฎหมายน้ันสั้น ก็จะไม่มีการแบ่งหมวดหมู่ แต่ถ้าเนื้อหาของกฎหมายน้ันยาว ก็จะแบ่งเป็น “หมวด” “ส่วนท่ี” และ “มาตรา” แต่ถ้ามี โครงสร้างยาวมากหรือประสงค์จะจัดทาเป็นประมวลกฎหมายแล้ว ก็จะจัดแบ่งโครงสร้างออกเป็น “บรรพ” “ลักษณะ” “หมวด” “สว่ นท่ี” และ “มาตรา” (๓) จัดลาดับเน้ือหาสาระของกฎหมายโดยเรื่องเดียวกันควรอยู่ใน หมวดเดียวกนั (๔) บทบัญญัติทั่วไปต้องอยู่ในลาดับก่อนบทบัญญัติเฉพาะเรื่อง และบทบญั ญตั ิทั่วไปต้องมาก่อนบทเฉพาะกาล (๕) ในกรณีท่ีมีการเพ่ิมบทบัญญัติท้ังภาค หมวด หรอื ส่วน ซึ่งจาเป็นต้อง ลาดับเลขภาค หมวด หรือส่วน ด้วยนั้น ให้ถือตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันท่ี ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๓ (เปลี่ยน “มาตรา..ทวิ” เป็น “มาตรา ../๑”) โดยกาหนดว่า แบบกฎหมายทั้ง ๔ หัวข้อดังต่อไปนี้ให้ นาไปใช้กับ “ภาค ..” “หมวด ..” และ “ส่วนที่ ..” หรอื การแบ่งหมวดหมู่กฎหมายทเี่ รยี กชื่ออยา่ งอื่น ด้วย โดยให้ใชก้ ับกฎหมายทุกประเภท ไมว่ ่าจะเป็นพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง หรอื ระเบยี บ ฯลฯ (ก) กรณีท่ีกฎหมายใดยังไม่เคยมีการเพิ่มมาตราขึน้ ใหม่ในระหว่าง มาตราเดิม ถ้าจะมีการเพ่ิมมาตราใหม่ในภายหลัง ให้เป็นระบบตัวเลข คือ มาตรา ../๑ มาตรา ../๒ ตอ่ เนอื่ งกัน (ข) กรณีที่กฎหมายใดมีการเพิ่มมาตราขึ้นใหม่ไว้แล้วตามแบบ สันสกฤต ถ้าต้องเพม่ิ มาตราใหมต่ ่อเน่อื งจากมาตราอ่นื ทมี่ ใิ ช่มาตราทเ่ี พิม่ ไว้เดมิ ใหใ้ ชร้ ะบบตัวเลข ๓๙ สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า, คูม่ อื แบบการร่างกฎหมาย, ๓๑๕. ๔๐ สุชยั งามจิตตเ์ อื้อ, ความรู้ท่ัวไปเก่ียวกับการรา่ งกฎหมายและความจาเป็นในการวิเคราะหส์ ถานการณ์ กบั ร่างกฎหมายและการให้ความเหน็ ทางกฎหมาย, เอกสารประกอบการบรรยายโครงการฝกึ อบรมการพัฒนาข้าราชการ ในตาแหนง่ นติ ิกรใหเ้ ปน็ นักกฎหมายนติ ิบญั ญตั ิ, (กรงุ เทพฯ: สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา, มปป), ๓๙ – ๔๘.
๑๓๓ (ค) หากมีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตราที่ใช้แบบภาษาสันสกฤตที่เพ่ิมเติม ไว้ทงั้ หมด ให้เปลยี่ นไปใช้ระบบตัวเลขแทนทั้งหมด (ง) กรณีที่กฎหมายใดมีการเพ่ิมมาตราขึ้นใหม่ไว้แล้ว โดยใช้แบบ สันสกฤตถ้าต้องการเพ่ิมมาตราใหม่อีกโดยเป็นมาตราต่อเนื่องกับมาตราเดิมที่เคยเพิ่มไว้แล้ว ให้ใช้ ระบบภาษาสันสกฤตตอ่ เนื่องกันไป เพื่อเปน็ ลาดับตามภาษาเดียวกนั (๖) การเพิ่มเติมหมวดโดยมีการเพิ่มมาตราตั้งแต่หนึ่งถึงสิบมาตรา ให้ใชถ้ อ้ ยคาว่า “ให้เพิ่มความต่อไปนเี้ ปน็ หมวด ... ช่ือหมวด ... มาตรา .. มาตรา .. และมาตรา .. แห่ง พระราชบญั ญตั ิ ............” (๗) การเพิ่มเติมหมวดโดยมีมาตราเกินสิบมาตรา ให้ใช้ถ้อยคาว่า “ให้เพิม่ ความตอ่ ไปนีเ้ ปน็ หมวด ... ชือ่ หมวด ... มาตรา .. ถงึ มาตรา .. แห่งพระราชบัญญตั ิ ...........” ตวั อย่างรปู แบบของกฎหมาย ร่าง พระราชบญั ญัติ .......... พ.ศ. .... ________________ ……………………… ……………………… ……………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………….. โดยทเี่ ปน็ การสมควรมี (ปรบั ปรุง) กฎหมายว่าด้วย……………………………………………….… ................................................................................................................................. ....... ...................................... มาตรา ๑ พระราชบัญญัตนิ ้เี รยี กวา่ “พระราชบญั ญตั ิ............................... พ.ศ. ....” มาตรา ๒ พระราชบญั ญัติน้ีใหใ้ ชบ้ งั คบั ตั้งแต่ ........................ มาตรา ๓ ให้ยกเลิก (๑) พระราชบัญญัติ ........................ พ.ศ. .... (๒) พระราชบญั ญัติ ........................ พ.ศ. ....
๑๓๔ มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญตั ิน้ี “..........................” หมายความว่า ............................................................................. “..........................” หมายความวา่ ............................................................................. มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ................................(และรัฐมนตรีว่าการ กระทรวง............) รักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และให้มีอานาจแต่งต้ังพนักงานเจ้าหน้าท่ีกับออก กฎกระทรวงและประกาศเพ่ือปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติน้ี (ตามส่วนที่เกี่ยวข้องกับอานาจหน้าที่ ของแต่ละกระทรวง) กฎกระทรวงและประกาศน้นั เมื่อได้ประกาศในราชกจิ จานุเบกษา ใหใ้ ช้บังคบั ได้ หมวด ๑ (ชื่อเรื่อง) ________________ มาตรา .. .......................................................................................................................... ......................................................................... หมวด ๒ (ชื่อเรอื่ ง) ________________ มาตรา .. ......................................................................................................................... ......................................................................... หมวด ๓ (ช่อื เรอ่ื ง) ________________ มาตรา .. ......................................................................................................................... .........................................................................
๑๓๕ หมวด ๔ บทเบ็ดเตล็ด ________________ มาตรา .. ......................................................................................................................... ......................................................................... หมวด ๕ บทกาหนดโทษ ________________ มาตรา .. ......................................................................................................................... ......................................................................... บทเฉพาะกาล ________________ มาตรา .. ......................................................................................................................... ......................................................................... ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ ................................... นายกรฐั มนตรี
๑๓๖ ในกรณีที่เนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติมีรายละเอียดปลีกย่อยมาก หากกาหนดเป็นหมวดเพียงอย่างเดียวจะไม่ครอบคลุมเร่ืองที่เก่ียวข้องทั้งหมด อาจจะใช้วิธีการกาหนด แบ่งเป็น “ส่วนท”่ี หมวด ๑ (ชื่อเรื่อง) ________________ มาตรา .. ......................................................................................................................... ......................................................................... หมวด ๒ (ช่ือเรื่อง) สว่ นท่ี ๑ (ชื่อเรอื่ ง) ________________ มาตรา .. ......................................................................................................................... ......................................................................... ส่วนที่ ๒ (ชอื่ เรอ่ื ง) ________________ มาตรา .. ......................................................................................................................... .........................................................................
๑๓๗ ตัวอย่างเชน่ พระราชบัญญตั ริ ะเบียบขา้ ราชการรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ พระราชบัญญัติ ระเบยี บข้าราชการรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ภมู ิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วนั ที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เปน็ ปีท่ี ๖๖ ในรัชกาลปจั จุบนั พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยทีเ่ ป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าดว้ ยระเบยี บขา้ ราชการฝ่ายรฐั สภา พระราชบัญญัตนิ ี้มีบทบัญญัติบางประการเกีย่ วกับการจากัดสิทธแิ ละเสรีภาพของบคุ คล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๓ มาตรา ๔๓ และมาตรา ๖๔ ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย บัญญตั ใิ หก้ ระทาไดโ้ ดยอาศัยอานาจตามบทบญั ญัติแห่งกฎหมาย จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบญั ญัติขึน้ ไว้โดยคาแนะนาและยินยอม ของรฐั สภา ดังตอ่ ไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญตั นิ ีเ้ รียกว่า “พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔” มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นตน้ ไป มาตรา ๓ ให้ยกเลกิ (๑) พระราชบัญญตั ิระเบยี บข้าราชการฝา่ ยรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๑๘ (๒) พระราชบัญญตั ิระเบียบข้าราชการฝา่ ยรฐั สภา (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๒๑ (๓) พระราชบัญญตั ิระเบยี บข้าราชการฝา่ ยรฐั สภา (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๓๑ (๔) พระราชบญั ญตั ิระเบียบข้าราชการฝ่ายรฐั สภา (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๓๕ (๕) พระราชบญั ญัตริ ะเบยี บข้าราชการฝา่ ยรัฐสภา (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๘ (๖) พระราชบัญญตั ิระเบยี บขา้ ราชการฝา่ ยรฐั สภา (ฉบบั ที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๓๘ มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญัตนิ ี้ “ข้าราชการรฐั สภา” หมายความวา่ บคุ คลซง่ึ ไดร้ บั การบรรจุและแตง่ ตั้งใหเ้ ป็น ข้าราชการตามพระราชบญั ญัตินี้ “ประธานรฐั สภา” หมายความวา่ ประธานรัฐสภาตามบทบัญญัตแิ หง่ รฐั ธรรมนูญ “รองประธานรัฐสภา” หมายความวา่ รองประธานรฐั สภาตามบทบัญญตั แิ ห่งรฐั ธรรมนูญ “ก.ร.” หมายความวา่ คณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา “รัฐสภา” หมายความว่า สภาผ้แู ทนราษฎรและวุฒิสภาตามบทบัญญัติแหง่ รัฐธรรมนญู มาตรา ๕ ให้ประธานรัฐสภารักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี หมวด ๑ บทท่วั ไป มาตรา ๖ การจดั ระเบยี บข้าราชการรฐั สภาตอ้ งเป็นไปเพือ่ ผลสัมฤทธิต์ ่อภารกจิ ของ ทางราชการ ความมีประสิทธิภาพ และความคุ้มค่า โดยให้ข้าราชการปฏิบัติราชการอย่างมีคุณภาพ คณุ ธรรม และมีคุณภาพชีวิตทีด่ ี ฯลฯ ฯลฯ หมวด ๒ คณะกรรมการขา้ ราชการรฐั สภา มาตรา ๑๓ ให้มีคณะกรรมการคณะหนง่ึ เรียกว่า “คณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา” เรียกโดยย่อ ว่า “ก.ร.” ประกอบด้วย ประธานรัฐสภาเป็นประธานกรรมการ รองประธานรัฐสภา เป็นรองประธานกรรมการ เลขาธิการ ก.พ. เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เลขาธิการวุฒิสภา ผู้ทรงคุณวุฒิจานวนแปดคนซ่ึงสภา ผู้แทนราษฎรเลือกจานวนส่ีคน วุฒิสภาเลือกจานวนส่ีคน และผู้แทนข้าราชการรัฐสภาสามัญจานวนส่ีคน ซ่ึงข้าราชการรัฐสภาสามัญในสังกัดสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเลือกกันเองจานวนสองคน และ ข้าราชการรัฐสภาสามญั ในสงั กัดสานักงานเลขาธิการวฒุ ิสภาเลือกกนั เองจานวนสองคน เป็นกรรมการ ให้ประธานรัฐสภาแต่งตั้งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรหรือเลขาธิการวุฒิสภาคนใด คนหนงึ่ เป็นเลขานกุ าร ก.ร. ฯลฯ ฯลฯ
๑๓๙ หมวด ๓ ข้าราชการรฐั สภาสามัญ ส่วนที่ ๑ การจัดระเบียบข้าราชการรฐั สภาสามัญ มาตรา ๒๔ การจัดระเบียบข้าราชการรัฐสภาสามัญตามพระราชบัญญัตินี้ให้คานึงถึง ระบบคณุ ธรรม ดังต่อไปน้ี (๑) การรับบุคคลเพ่ือบรรจุเข้ารับราชการและแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งต้องคานึงถึง ความรู้ ความสามารถของบุคคล ความเสมอภาค ความเปน็ ธรรม และประโยชนข์ องทางราชการ (๒) การบริหารทรัพยากรบุคคล ต้องคานึงถึงผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพของ องคก์ รและลกั ษณะของงาน โดยไม่เลือกปฏิบตั อิ ยา่ งไมเ่ ป็นธรรม (๓) การพิจารณาความดีความชอบ การเลื่อนตาแหน่ง และการให้ประโยชน์อื่นแก่ ขา้ ราชการตอ้ งเป็นไปอย่างเป็นธรรมโดยพิจารณาจากผลงาน ศักยภาพ และความประพฤติและจะนา ความคดิ เห็นทางการเมอื งหรอื สงั กดั พรรคการเมืองมาประกอบการพิจารณามิได้ (๔) การดาเนินการทางวนิ ัย ตอ้ งเปน็ ไปดว้ ยความยุตธิ รรมและโดยปราศจากอคติ (๕) การบรหิ ารทรพั ยากรบุคคลตอ้ งมคี วามเป็นกลางทางการเมือง ฯลฯ ฯลฯ ส่วนที่ ๗ การอทุ ธรณ์และการร้องทุกข์ มาตรา ๘๗ ผูใ้ ดถกู ส่ังลงโทษตามพระราชบญั ญตั นิ ีห้ รือถูกส่งั ใหอ้ อกจากราชการตาม มาตรา ๘๓ (๑) (๓) (๕) (๖) (๗) และ (๘) ผู้นน้ั มสี ทิ ธอิ ุทธรณต์ อ่ ก.ร. ภายในสามสิบวนั นับแต่วนั ทราบหรอื ถือว่าทราบคาสง่ั การอุทธรณ์และการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่กาหนด ในกฎ ก.ร. ฯลฯ ฯลฯ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241