๑๔๐ หมวด ๔ ข้าราชการรฐั สภาฝ่ายการเมือง มาตรา ๙๒ ตาแหนง่ ข้าราชการรัฐสภาฝา่ ยการเมอื ง มดี ังตอ่ ไปน้ี (๑) ทป่ี รกึ ษาประธานรฐั สภา (๒) ที่ปรึกษารองประธานรัฐสภา (๓) ที่ปรกึ ษาประธานสภาผแู้ ทนราษฎร (๔) ทีป่ รึกษาประธานวฒุ ิสภา (๕) ทปี่ รกึ ษารองประธานสภาผแู้ ทนราษฎร (๖) ที่ปรกึ ษารองประธานวุฒสิ ภา (๗) ท่ปี รึกษาผนู้ าฝา่ ยค้านในสภาผแู้ ทนราษฎร (๘) โฆษกประธานสภาผ้แู ทนราษฎร (๙) โฆษกประธานวุฒสิ ภา (๑๐) โฆษกผู้นาฝา่ ยคา้ นในสภาผู้แทนราษฎร (๑๑) เลขานกุ ารประธานรฐั สภา (๑๒) เลขานุการรองประธานรฐั สภา (๑๓) เลขานกุ ารประธานสภาผแู้ ทนราษฎร (๑๔) เลขานุการประธานวฒุ สิ ภา (๑๕) เลขานุการรองประธานสภาผูแ้ ทนราษฎร (๑๖) เลขานกุ ารรองประธานวฒุ ิสภา (๑๗) เลขานกุ ารผนู้ าฝา่ ยคา้ นในสภาผแู้ ทนราษฎร (๑๘) ผู้ชว่ ยเลขานกุ ารประธานรฐั สภา (๑๙) ผู้ช่วยเลขานุการรองประธานรัฐสภา (๒๐) ผชู้ ่วยเลขานกุ ารประธานสภาผู้แทนราษฎร (๒๑) ผู้ชว่ ยเลขานุการประธานวุฒสิ ภา (๒๒) ผชู้ ว่ ยเลขานกุ ารรองประธานสภาผูแ้ ทนราษฎร (๒๓) ผู้ชว่ ยเลขานกุ ารรองประธานวฒุ สิ ภา (๒๔) ผชู้ ่วยเลขานุการผนู้ าฝา่ ยค้านในสภาผู้แทนราษฎร ขา้ ราชการรฐั สภาฝา่ ยการเมืองตามวรรคหนง่ึ จะมีจานวนเท่าใดให้เปน็ ไปตามอัตราใน บัญชีทา้ ยพระราชบญั ญัตินี้ ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองตอ้ งไม่เป็นข้าราชการซ่งึ มตี าแหน่งหรือเงินเดือนประจา และให้นาคณุ สมบตั ทิ ัว่ ไปและลกั ษณะตอ้ งหา้ มตามมาตรา ๓๗ วรรคหนึ่ง เว้นแต่ ข. (๑) และ (๒) มาใช้ บังคับกับขา้ ราชการรฐั สภาฝา่ ยการเมืองโดยอนุโลม ฯลฯ ฯลฯ
๑๔๑ บทเฉพาะกาล มาตรา ๙๗ ให้ ก.ร. ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๑๘ ซ่งึ ปฏบิ ตั ิหน้าทอี่ ยใู่ นวันก่อนวันท่ีพระราชบญั ญตั นิ ้ีใช้บังคับปฏิบัติหน้าที่ ก.ร. ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภาตามพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา ตามพระราชบัญญัติน้ีต่อไปจนกว่าจะครบวาระตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๑๘ ให้ดาเนินการจดั ให้มีการเลือกกรรมการผู้แทนข้าราชการรัฐสภาสามัญซงึ่ ขา้ ราชการ รัฐสภาสามัญในสังกัดสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และข้าราชการรัฐสภาสามัญในสังกัด สานักงานเลขาธิการวุฒิสภาเลือกตามมาตรา ๑๓ ให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ พระราชบัญญตั นิ ใ้ี ช้บงั คับ ฯลฯ ฯลฯ ผ้รู ับสนองพระบรมราชโองการ อภสิ ิทธิ์ เวชชาชวี ะ นายกรฐั มนตรี ๒.๓.๒.๒ โครงสร้างของรา่ งพระราชบัญญตั แิ ก้ไขเพมิ่ เตมิ ๔๑ เมือ่ พระราชบัญญตั ิประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว อาจเกิดความจาเป็น ในเวลาต่อมาท่ีจะตอ้ งมีการแก้ไขเนื้อหาสาระของพระราชบัญญัติทใ่ี ชบ้ ังคับนั้น การแก้ไขเน้ือหาสาระ ของพระราชบัญญตั ิทีใ่ ช้บังคับน้ัน โดยหลักต้องจดั ทาเป็นพระราชบัญญตั ิ ในรปู แบบของพระราชบัญญัติ แกไ้ ขเพิม่ เติม เพื่อบญั ญัติสาระในการแกไ้ ขเพิม่ เตมิ หรอื ยกเลกิ บทบัญญัติของกฎหมายทบี่ ังคบั ใช้ในเร่อื งน้ัน ๔๑ สานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า, คู่มือแบบการร่างกฎหมาย, ๓๗๗ – ๓๗๙.
๑๔๒ โครงสร้างของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมเป็นรูปแบบเดียวกับ โครงสร้างตามแบบกฎหมายท่ัวไปของพระราชบญั ญตั ิ ซ่งึ สามารถแสดงใหเ้ หน็ ได้ ดังน้ี
๑๔๓
๑๔๔
๑๔๕ โดยหลักการแก้ไขเพิม่ เติมจะมแี บบของร่างกฎหมายอยู่ ๓ แบบ ด้วยกัน คือ การแก้ไขมาตรา การเพ่ิมมาตราหรือเพิ่มวรรค และการยกเลกิ มาตรา๔๒ ปรากฏดงั น้ี ๑) การแก้ไขมาตรา การแก้ไขมาตรา คือ การยกเลิกบทบัญญัติที่ใช้บังคับอยู่ โดยใช้ บทบัญญตั ใิ หม่เข้ามาแทน ซึ่งจะมีมาตราคลมุ ของรา่ งพระราชบญั ญัติในฉบบั นัน้ ๆ (ก) การแก้ไขทั้งมาตรา มาตรา .. ใหย้ กเลกิ ความในมาตรา .. แห่งพระราชบัญญัติ (ชอื่ กฎหมาย) พ.ศ. .... และให้ใช้ ความตอ่ ไปนีแ้ ทน “มาตรา .. (เนือ้ ความใหม่ที่ประสงคจ์ ะให้เกิดขึ้นในพระราชบัญญัต)ิ ...” - กรณีแก้ไขหลายมาตราในมาตราคลุมเดียวกัน จะต้องเป็นมาตราทีต่ ่อเน่อื งกันเท่านน้ั - หากมาตราท่ีจะแก้ไขดังกล่าวเคยถูกแก้ไขเพิ่มเติม มาก่อนก็ต้องอ้างพระราชบัญญัติฉบับสุดท้ายที่แก้ไขมาตรานี้ด้วย ถ้าเป็นการแก้ไขหลายมาตรา ท่ีต่อเนื่องกัน หากปรากฏว่ามีการแก้ไขเพ่ิมเติมไม่พร้อมกัน กรณีนี้จะต้องแยกมาตราคลุมเพ่ือแสดง การแกไ้ ขออกจากกัน - ถ้าเป็นการแก้ไขตั้งแต่สองมาตราขึ้นไป จะต้องใช้ คาว่า “และ” เปน็ คาเชือ่ มไว้หน้ามาตราสดุ ทา้ ยที่จะแกไ้ ข เชน่ “ให้ยกเลกิ ความในมาตรา .. มาตรา .. และมาตรา .. แหง่ พระราชบญั ญตั .ิ ..... พ.ศ. ....” ๔๒ สุชยั งามจิตตเ์ ออื้ , ความร้ทู ว่ั ไปเกยี่ วกบั การร่างกฎหมายและความจาเปน็ ในการวิเคราะหส์ ถานการณ์ กับรา่ งกฎหมายและการใหค้ วามเห็นทางกฎหมาย, เอกสารประกอบการบรรยายโครงการฝึกอบรมการพัฒนาข้าราชการ ในตาแหนง่ นิตกิ รใหเ้ ป็นนกั กฎหมายนติ ิบัญญัติ, (กรงุ เทพฯ: สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า, มปป), ๖๙ – ๗๗.
๑๔๖ (ข) การแก้ไขวรรคในมาตรา มาตรา .. ให้ยกเลกิ ความในวรรค .. ของมาตรา .. แห่งพระราชบญั ญัติ ............ พ.ศ. .... และ ให้ใชค้ วามต่อไปนี้แทน “........................ (เนือ้ ความในวรรคของมาตรานั้น ๆ ทปี่ ระสงคจ์ ะแก้ไข)...” - เช่น พระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมาย วธิ ีพจิ ารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๔๒ “มาตรา ๑๑ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่ง และวรรคสอง ของมาตรา ๑๙๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไข เพิม่ เตมิ ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความแพ่ง (ฉบบั ท่ี ๑๒) พ.ศ. ๒๕๓๔ และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปนี้แทน” (ค) การแกไ้ ขอนมุ าตรา มาตรา .. ให้ยกเลกิ ความใน (..) ของมาตรา .. แหง่ พระราชบัญญัติ................พ.ศ. .... และให้ ใชค้ วามต่อไปนแี้ ทน “………………(เนอ้ื ความในอนุมาตราที่จะแก้ไขเพม่ิ เติม)...” - การแก้ไขอนุมาตราที่ต่อเนื่องกันต้ังแต่สองอนุมาตรา ขนึ้ ไปในมาตราคลุมเดยี วกัน ใหใ้ ชห้ ลกั เกณฑเ์ ดยี วกบั การแก้ไขมาตราหลายมาตราที่ตอ่ เนื่องกัน - การแก้ไขอนุมาตรา นอกจากจะต้องระบุเฉพาะ อนุมาตราทเ่ี กยี่ วขอ้ งเทา่ น้ันแล้ว ยงั ตอ้ งระบุถงึ เลขมาตราซึ่งเปน็ ท่ีมาของอนุมาตราดงั กล่าวด้วย เชน่ “(..) (..) และ (..) ของมาตรา .. แห่งพระราชบัญญัติ ............” - ถ้าปรากฏว่ามาตราซึ่งเป็นท่ีมาของอนุมาตราประกอบ ไปด้วยหลายวรรคด้วยกัน การระบุไว้ในมาตราคลุมกจ็ ะต้องอ้างอิงถึงวรรคซ่ึงเป็นที่มาของอนุมาตราดงั กล่าว เอาไว้ด้วย (ง) การแก้ไขเฉพาะบางวรรคในอนมุ าตรา ในกรณที ่ีอนมุ าตราหน่ึงประกอบไปดว้ ยหลายวรรคดว้ ยกัน รปู แบบกจ็ ะเป็นเชน่ เดยี วกับการแกไ้ ขวรรคในมาตรา คอื “ให้ยกเลิกความในวรรค...ของ (..) ของมาตรา .. แห่งพระราชบญั ญตั ิ...............................”
๑๔๗ (จ) การแก้ไขหมวดหมู่ (ในท่ีนี้จะอ้างเพียง “หมวด” และ “ส่วน” เพ่ือประกอบการ ยกตัวอย่าง) กรณีน้ีจะต้องระบุหมายเลขของหมวด/ส่วน ชื่อหมวด/ส่วน มาตราในหมวด/ส่วนทุกมาตรา แต่ถ้าเป็นการแก้ไขเฉพาะ “ส่วน” ซึ่งแยกย่อยออกมาจาก “หมวด” ก็จะต้องระบุหมายเลขหมวด และช่ือหมวด เอาไวด้ ้วย มาตรา .. ให้ยกเลิกความในส่วนท่ี .. ... (ชอ่ื สว่ น)... มาตรา .. และมาตรา .. ของหมวด .. ... (ชอ่ื หมวด)... แห่งพระราชบัญญัติ..................... พ.ศ. .... และใหใ้ ช้ความต่อไปน้ีแทน “ส่วนที่ .. ...(ช่ือสว่ น)... มาตรา .. ...(เน้อื ความใหม่).. . มาตรา .. ...(เนือ้ ความใหม่)... มาตรา .. ...(เนอ้ื ความใหม่)... ตัวอย่างเช่น - พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๖ ให้ยกเลิกความในส่วนที่ ๘ การจัดการกองทุน ส่วนบุคคล มาตรา ๑๓๓ มาตรา ๑๓๔ มาตรา ๑๓๕ มาตรา ๑๓๖ มาตรา ๑๓๗ มาตรา ๑๓๘ มาตรา ๑๓๙ และมาตรา ๑๔๐ ของหมวด ๔ ธุรกิจหลักทรัพย์ แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ และให้ใชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน “ส่วนที่ ๘ การจัดการกองทุนส่วนบคุ คล มาตรา ๑๓๓ ในการจดั การกองทนุ สว่ นบคุ คล ให้บรษิ ัทหลกั ทรัพยจ์ ัดการด้วยความ ซ่ือสัตย์สุจริตและระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของผู้มอบหมายให้จัดการกองทุนส่วนบุคคล โดยใช้ ความรู้ความสามารถเยย่ี งผู้ประกอบวชิ าชพี ฯลฯ ฯลฯ ” ๒) การเพมิ่ มาตราหรอื เพิ่มวรรค หลักคือ หากเป็นการเพิ่มมาตราต่อจากมาตราสุดท้ายของ พระราชบัญญัติก็สามารถกาหนดเลขมาตราใหม่ต่อเน่ืองกันได้ แต่ถ้าเป็นการเพ่ิมมาตราแทรกเข้ามา
๑๔๘ ระหว่างมาตราท่ใี ช้บังคบั อยู่ ๒ มาตรา ก็จะใช้ / แทน ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ให้เปลี่ยนแปลงจากเดิม ทเ่ี ป็น “ปกติสงั ขยา” มาเปน็ ระบุเลขมาตราเป็น “/” แทน เชน่ ต้องการแทรกมาตราใหม่ระหว่างมาตรา ๕ และมาตรา ๖ ทีม่ ีอยู่เดิม ก็ใหก้ าหนดเลขมาตราใหมเ่ ปน็ มาตรา ๕/๑ มาตรา ๕/๒ มาตรา .. ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ../๑ มาตรา ../๒ และมาตรา ../๓ แห่ง พระราชบัญญตั .ิ ....... พ.ศ. .... “มาตรา ../๑ ..................(เน้ือความที่เพ่ิมเขา้ มาใหม่)............... “มาตรา ../๒ ..................(เนือ้ ความที่เพมิ่ เขา้ มาใหม)่ ............... “มาตรา ../๓ ..................(เนอื้ ความที่เพิ่มเขา้ มาใหม่)...............” ตวั อย่างเชน่ พระราชบญั ญตั ริ ถยนต์ (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๔๗ มาตรา ๒๒ ให้เพ่ิมความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๕๘/๑ แห่ง พระราชบญั ญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ “มาตรา ๕๘/๑ ผู้ขับรถรับจ้างบรรทุกคนโดยสารผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามข้อกาหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๕ (๑๕/๑) ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน หา้ พันบาท” (ก) การเพ่ิมวรรคในมาตรา มาตรา .. ใหเ้ พ่มิ ความต่อไปน้ีเปน็ วรรค ......ของมาตรา .. แหง่ พระราชบัญญตั ิ ......... พ.ศ. .... “…………………………….(เนื้อความของวรรคใหม่ทเ่ี พิม่ เข้ามา)………………” (ข) การเพิ่มวรรคในอนุมาตรา ตัวอย่างเช่น - พระราชบญั ญตั คิ นเข้าเมือง (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๒๓ มาตรา ๓ ให้เพ่ิมความต่อไปนี้เป็นวรรคสามใน (๑) ของ มาตรา ๑๒ แหง่ พระราชบญั ญัตคิ นเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ “การตรวจลงตราตาม (๑) ให้เสียค่าธรรมเนียมตามท่ี กาหนดในกฎกระทรวง”
๑๔๙ (ค) การเพ่ิมอนมุ าตรา มาตรา .. ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็น (.. /๑) (.. /๒) และ (.. /๓) ของมาตรา .. แห่ง พระราชบัญญตั ิ............................ พ.ศ. .... “(.. /๑) ...(เนอ้ื ความท่เี พ่ิมใหม)่ ... (.. /๒) ...(เนอ้ื ความที่เพิ่มใหม่)... (.. /๓) ...(เนอ้ื ความท่ีเพิ่มใหม)่ ...” ตวั อยา่ งเชน่ - พระราชบัญญตั คิ วบคมุ อาคาร (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๑๑ ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็น (๕) และ (๖) ของ มาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติ ควบคมุ อาคาร (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ “(๕) รับขึ้นทะเบียนและเพิกถอนการขึ้นทะเบียน เป็นผตู้ รวจสอบ (๖) ปฏิบตั กิ ารอ่ืนตามท่ีบัญญัตไิ วใ้ นพระราชบญั ญตั นิ ้ี” (ง) การเพิ่มหมวดหมู่ ประกอบด้วยหลกั เกณฑด์ ังต่อไปน้ี - การแสดงการเพิ่มหมวดหมู่ในมาตราคลุม ต้องระบุ หมายเลขหมวด / ส่วน ช่อื หมวด/สว่ น และเลขมาตราในหมวด/ส่วนทุกมาตรา มาตรา .. ใหเ้ พิ่มความตอ่ ไปน้ีเป็นสว่ นที่ ../๑ ...(ชอ่ื สว่ น)... มาตรา ../๑ มาตรา ../ ๒ และมาตรา ../๓ แหง่ พระราชบัญญัต.ิ ...........................พ.ศ. .... “สว่ นที่ ../๑ ...(ชอ่ื ส่วน)...” มาตรา ../๑ ...(เนอ้ื ความที่เพ่ิมใหม่)... มาตรา ../๒ ...(เนื้อความทีเ่ พิ่มใหม่)... มาตรา ../๓ ...(เน้อื ความทเี่ พ่ิมใหม่)...
๑๕๐ - กรณีทเี่ ป็นการแกไ้ ข “สว่ น” ซึง่ แยกยอ่ ยออกมา จาก “หมวด” เพื่อให้ทราบที่มาของ “สว่ น” ดงั กลา่ ว กต็ ้องระบุหมายเลขหมวด และชื่อหมวดเอาไว้ดว้ ย มาตรา .. ใหเ้ พ่ิมความต่อไปน้ีเป็นสว่ นที่ ../๑ ...(ชื่อส่วน)... มาตรา ../๑ มาตรา ../๒ และมาตรา ../๓ ของหมวด .. ...(ช่ือหมวด)... แห่งพระราชบญั ญตั ิ............................พ.ศ. .... “สว่ นท่ี ../๑ ...(ชื่อสว่ น)...” มาตรา ../๑ ...(เนื้อความทเี่ พ่ิมใหม)่ ... มาตรา ../๒ ...(เน้อื ความทเ่ี พ่ิมใหม่)... มาตรา ../๓ ...(เน้ือความทเ่ี พ่ิมใหม่)... ๓) การยกเลกิ มาตรา (ก) การยกเลกิ ทง้ั มาตรา ให้ระบุเลขมาตราท่ีต้องการยกเลิก ซึ่งหากมาตราดังกล่าว เคยถกู แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ มาก่อน กใ็ หอ้ า้ งพระราชบัญญัติฉบับแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ ครั้งสดุ ท้ายไว้ดว้ ย มาตรา .. ใหย้ กเลิกมาตรา . . และมาตรา .. แหง่ พระราชบัญญัติ........ พ.ศ. .... (ข) แบบการยกเลิกวรรคในมาตรา มาตรา .. ให้ยกเลิกวรรค ... ของมาตรา . . และมาตรา .. แหง่ พระราชบัญญัต.ิ ....... พ.ศ. .... (ค) การยกเลิกอนุมาตรา ตอ้ งระบดุ ้วยว่า อนุมาตราท่ียกเลิกดังกล่าวเป็นของมาตราใด หากอนมุ าตาดงั กล่าวถูกแก้ไขเพิ่มเติมมาก่อน กใ็ ห้อา้ งพระราชบัญญัตฉิ บับแก้ไขเพ่ิมเติมคร้งั สุดท้ายเอาไว้ดว้ ย มาตรา .. ให้ยกเลิก (..) ของมาตรา .. แหง่ พระราชบญั ญัต.ิ ........ พ.ศ. .... ถ้ามาตราซ่ึงเป็นทีม่ าของอนุมาตราดังกล่าวประกอบไปด้วย หลายวรรคด้วยกัน ลักษณะก็จะเป็นเช่นเดยี วกบั การแก้ไขอนุมาตรา คือ จะต้องระบุวรรคซึ่งเปน็ ที่มา ของอนมุ าตราด้วย โดยรูปแบบของถ้อยคาจะเป็นดังนี้ มาตรา .. ให้ยกเลกิ (..) ของวรรค ... ของมาตรา .. แหง่ พระราชบญั ญัติ................... พ.ศ. ....
๑๕๑ ๒.๓.๒.๓ โครงสร้างของพระราชบญั ญัติยกเลกิ ๔๓ การยกเลิกพระราชบัญญัติที่มีผลใช้บังคับทั้งฉบับโดยสิ้นเชิง ต้องจัดทาเป็นพระราชบัญญัติในรูปแบบพระราชบัญญัติยกเลิก โครงสร้างของพระราชบัญญัติยกเลิก เป็นรูปแบบเดียวกบั โครงสร้างตามแบบกฎหมายท่ัวไปของพระราชบญั ญตั ิ โดยเนื้อหามีลักษณะพิเศษ บางประการซึ่งแตกต่างจากพระราชบัญญัติท่ัวไปและพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ซ่ึงสามารถแสดง ใหเ้ ห็นได้ ดงั น้ี รา่ ง ชื่อร่างพระราชบญั ญตั ิ พระราชบัญญตั ิ ยกเลิกพระราชบญั ญัติ.................... พ.ศ. .... พระปรมาภิไธยและวันที่ทรงลงพระ ปรมาภิไธย ................................................................................................... พระบรมราชโองการ .................................................................. โดยท่เี ป็นการสมควรยกเลิกกฎหมายว่าดว้ ย.............................. คาปรารภ ................................................................................................... บทจากัดสิทธแิ ละเสรภี าพ ................................................................... ชื่อร่างพระราชบัญญัติ มาตรา ๑ พระราชบัญญตั นิ เี้ รียกว่า “พระราชบญั ญตั ิยกเลกิ ... ................ พ.ศ. ....” มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศใน วนั บังคบั ใช้ ราชกิจจานุเบกษาเปน็ ต้นไป มาตรา ๓ ใหย้ กเลกิ พระราชบัญญตั .ิ ........................... บทยกเลิกพระราชบญั ญตั ทิ ่ีใช้บงั คับ มาตรา ๔ ................................................................................. บทฉพาะกาล ............................................................................................................................ มาตรา ๕ ใหร้ ฐั มนตรีวา่ การกระทรวง...รกั ษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี มาตรารกั ษาการ ผูร้ บั สนองพระบรมราชโองการ ................................................ นายกรฐั มนตรี ๔๓ สานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า, คมู่ ือแบบการร่างกฎหมาย, ๔๑๗ – ๔๒๐.
๑๕๒ ส่วนการยกเลิกกฎหมายอื่น เช่น ประกาศหรือคาสั่งของคณะปฏิวัติ หากมเี นอื้ หาเป็นการใช้บังคับกับบคุ คลทว่ั ไปดังเช่นพระราชบัญญัติซึง่ เปน็ กฎหมายของฝ่ายนิตบิ ัญญัติแล้ว การยกเลิกประกาศหรือคาส่ังดังกล่าวก็ต้องกระทาโดยรูปแบบของพระราชบัญญัติยกเลิก ตามนัยความเห็น คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะท่ี ๗ ) บันทึกเรื่อง หารือเกี่ยวกับการขอยกเลิกคาสั่ง ของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน (เร่ืองเสร็จท่ี ๕๖๗/๒๕๓๕) ซึ่งมีรูปแบบเช่นเดียวกันกับพระราชบัญญัติ ยกเลกิ ทุกประการ แตกต่างเพียงชือ่ ของกฎหมายท่ีต้องการยกเลิกวา่ เปน็ ประกาศหรือคาส่งั ของคณะปฏวิ ัติเท่านั้น ตัวอย่างเช่น พระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติป้องกันการกระทาอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. ๒๔๙๕ พ.ศ. ๒๕๔๓
๑๕๓ ๒.๔ กฎ ระเบียบ ประกาศ ๒.๔.๑ หลักเกณฑ์ในการยกร่างกฎ ระเบียบ ประกาศ กระบวนการในการยกร่างกฎหมายลาดับรอง นายธรรมนิตย์ สุมันตกุล อดตี รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เคยเขียนบทความในส่วนของหัวใจในการยกร่างกฎหมาย ลาดับรองไว้ว่า กฎหมายลาดบั รองแตล่ ะฉบับจะใช้เวลามากน้อยตา่ งกัน ความซับซ้อนก็ตา่ งกัน การรา่ ง กฎหมายลาดับรอง เรียกว่าเป็น “web of legal requirement” แปลได้ว่ามีเรื่องที่เช่ือมโยงกันอยู่ เพราะฉะนั้นส่ิงสาคัญในการยกร่างจงึ เป็นข้อมูลต่าง ๆ ท่เี กีย่ วข้อง คือ การหาเครอื ขา่ ยของข้อมูลในทาง กฎหมาย บางครั้งอาจต้องทาวิจัย (major research) ผู้คนท่ีได้รับผลกระทบ รวมท้ังมิติทางการเมือง (political dimension) เช่น การชว่ ยเหลือเกษตรกรท่ีไม่ได้รับความเป็นธรรมในการผลติ และตลาดล้มเหลว จะทาอย่างไร เร่ืองเหล่าน้ีมีกรอบในกฎหมายแม่บทอยู่แล้ว แต่เจ้าหน้าท่ีจะวางการออกกฎหมายลาดับรอง เพื่อกาหนดอย่างไร บางครั้งเป็นปัญหากฎหมายแม่บท จงึ ต้องแก้กฎหมายแม่บทก่อน แต่บางครง้ั สามารถ แก้ทางบริหารได้ หรือเปลี่ยนวิธีทางานของเจ้าหน้าที่ก็ได้ หรือบุคลากรหรือเครื่องไม้เครื่องมือไม่พอ รัฐไม่มีงบประมาณสนับสนุนเพราะเอาไปทาเรื่องอ่ืนท่ีสาคัญกว่า บ่อยคร้ังเรื่องด่วนเป็นปัญหามาจาก แรงกดดนั จากมวลชนหรือกลุม่ ผลประโยชน์ เป็นต้น๔๔ กระบวนการทางานสาหรับเจ้าหน้าท่ี (The Process of Rulemaking) ก็คงคร่าว ๆ เท่าน้ัน แต่หลายขั้นตอนจาเป็นมาก ตรงนี้มี Game Theory มันมีขึ้นก่อนช้ันการตรวจพิจารณาของ สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสียอีก สานักงานฯ เพียงแต่มาดูว่ามันมีเหตุผลไหม และเขียนกัน ตรงความต้องการหรือไม่ และเป็นธรรมแก่สังคมหรือไม่ ขั้นตอนที่ ๑ หลักเร่ิมต้นของการออกกฎ จะต้องมีกฎหมายแม่บทให้อานาจ เพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกฎหมายแม่บท โดยในขั้นตอนที่ ๑ ผู้ร่างจะต้องมีข้อพิจารณา ดังน้ี ๑) ให้เจ้าพนักงานใช้ดุลพินิจเพียงใด ๒) วิธีพิจารณาเป็นอย่างไร ๓) กฎเร่ืองเดียวกันท่ีเคยออกมาเป็นอย่างไร มีมากน้อยเพียงใด ประเด็นนี้เป็นสิ่งสาคัญมากเพราะการไม่ให้ใช้ดุลพินิจเลย ก็จะปรับเข้ากับ สถานการณ์ไม่ได้ แต่การให้ใช้ดุลพินิจมากเกินไป อาจเป็นช่องทางรับเงินเพื่ออานวยความสะดวก หรือช่วยเหลือเฉพาะเพื่อนฝูง วิธีพิจารณาก็สาคัญมากเพราะมันจะเป็นการแสดงถึงความโปร่งใส การพิจารณากฎที่มีมาก่อนก็สาคัญเพราะดูจานวนกฎท่ีมันเป็น red type หรือข้อขัดข้องในอดีต ๔๔ ธรรมนิตย์ สุมันตกุล, การจัดทากฎหมายลาดับรอง, สืบค้นจาก http://web.krisdika.go.th, (๘ มิถุนายน ๒๕๖๑)
๑๕๔ การทางานร่างกฎหมายต้องคานึงถึงส่วนประกอบในร่างกฎหมายที่เป็น ส่วนสาคัญ คือ ต้องมี substantive, procedure, enforcement และ sanction ของกฎหมาย ในเรื่องนั้น โดยทั้ง ๔ ส่วนนี้ อาจอยู่ในกฎหมายคนละฉบับก็ได้ แต่ต้องมีให้ครบ มิฉะนั้นแม้จะ เขียนส่วนใดส่วนหน่ึงให้ดีเลิศอย่างไร แต่ไม่มีส่วนอื่นจนครบ กฎหมายจะใช้ไม่ได้เลย ซึ่งส่วนนี้อยู่ ในขั้นตอนท่ี ๖ คือ การตรวจสอบกฎหมายอ่ืนในแนวนอน (horizon review) ข้ันตอนท่ี ๒ เจ้าหน้าที่ผู้ยกร่างจะต้องคานึงถึงอะไรบ้าง ๑) อานาจในกฎหมายแม่บทบอกว่าให้ต้องทาอะไรบ้าง (๑) จะต้องดาเนินการภายในกาหนดเมื่อใด (๒) กฎหมายบังคับให้ต้องดาเนินการอะไร ๒) ความพร้อมของทรัพยากรและบุคลากรในองค์กรมีหรือไม่ (๑) ผู้นาในทางนโยบาย (๒) เจ้าหน้าท่ีอาวุโส (๓) คณะกรรมการท่ีปรึกษา (๔) เจ้าหน้าที่ (๕) ที่ปรึกษา (๖) เจ้าหน้าที่ภาคสนาม (๗) เจ้าหน้าที่ท่ีมีหน้าที่บังคับการกฎหมาย (๘) ข้อเสนอแนะปรับปรุง ๓) ทรัพยากรภายและบุคลากรนอกองค์กร (๑) รัฐสภา (๒) คณะรัฐมนตรี (๓) องค์กรอ่ืน (๔) หน่วยงานท่ีทาหน้าท่ีรับคาร้องเรียน ข้ันตอนท่ี ๓ อานาจในการดาเนินการออกกฎ ๑) การวางลาดับความสาคัญ Priority-setting system ๒) หน่วยงานท่ีอนุมัติกระบวนการ Agency approval process ๓) ทาให้จาก idea เป็น action ข้ันตอนที่ ๔ การวางแผนการออกกฎ (Planning the rulemaking) ๑) คานึงว่าเป้าประสงค์คืออะไร (Goals of the rule) ๒) หลักกฎหมายท่ีเก่ียวข้อง (Legal requirements)
๑๕๕ ๓) ข้อมูลในการยกร่าง ไม่ว่าเทคนิคหรือการเมือง (Information requirements - technical and political) ๔) คานึงถึงแผนในการมีส่วนร่วม (Participation plan) (๑) เจ้าหน้าท่ีด้วยกันเอง (Internal agency constituencies) (๒) บุคคลภายนอกท่ีได้รับผลกระทบ (Affected groups, firms, and individuals) ๕) แหล่งข้อมูลอ่ืนที่สาคัญ (Securing necessary resources) ๖) คณะงาน (Assigning staff) การวางแผนทาให้หน่วยงานท่ีออกกฎพิจารณาถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น ปัญหาแรก คือใครในองค์กรควรเป็นผู้ดาเนินการ การตัดสินใจว่าหน่วยงานใดเป็นผู้ดาเนินการมีวิธกี ารอยู่หลายวิธกี าร อาจเป็นการใช้อานาจร่วมกันหลายหน่วย กฎมีความสาคัญมากเพียงใด ปัญหามีมากมายหรือไม่ก็อยู่ใน ขน้ั ตอนการวางแผนนี้ การเลือกใช้คนก็มาจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือเป็นผู้ปฏิบัติท่ีอยู่ในขอบเขต ของปัญหานั้น ซึ่งต้องเป็นตัวหลัก (key person) เม่ือเลือกคณะทางานแล้วก็จะวางแผน อะไรเป็นวัตถุประสงค์ เพื่อตอบปัญหาน้ี ต้องพิจารณากฎหมายแม่บท ความเป็นมา วิธกี ารแก้ปัญหา ถ้าต้องการข้อมลู ก็ไปหา ซ่ึงอาจจะพบกับ ปัญหาอื่น และอาจเห็นว่าข้อมูลที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอ ซึ่งอาจให้มีคณะอื่นหาข้อเท็จจริงเพิ่ม ขอใช้ งบประมาณเพิ่ม อาจใช้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยก็ได้ โดยอาจขอความเห็นจากข้างนอก หรือขอความเห็น จากท่ีปรึกษา จากน้ันอาจขอคาแนะนาจากเจ้าหน้าท่ีระดับอาวุโส หรือผู้กาหนดนโยบายทางการเมือง และควรเตรียมร่างแผนงานเบ้ืองต้น (substantive and procedural direction) พร้อมกัน ซึ่งจะช่วย สร้างความเข้าใจและการตัดสินใจที่ไม่ล่าช้า ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สาคัญ แม้ว่าจะยังไม่ได้มีกฎ ที่ชัดเจนก็ตาม แต่ก็จะทาให้เห็นแนวทางการทางานในเบื้องต้น (major policy issues) ขั้นตอนท่ี ๕ เริ่มยกร่าง (Developing the Draft Rules) ๑) การเก็บรวบรวมข้อมูล (Collection of information ๒) การวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis of information) ๓) การศึกษาผลกระทบ (Impact studies – paper works, small business, environment, etc.) ๔) การปรึกษาหารือภายในหน่วยงานของรัฐ (Internal consultations) ๕) การปรึกษาหารือกับหน่วยงานภายนอกอย่างไม่เป็นทางการ (External consultation (informal)) ๖) ร่างเป็นภาษากฎหมาย (Draft Language of preamble and rule)
๑๕๖ ๗) เตรียมแผนการใช้หรือการดาเนินงานไว้ด้วย (Implementation plan) ในข้ันตอนนี้จะพิจารณาเน้ือหาของกฎ ผลกระทบ การดาเนินการของราชการส่วนกลางหรือองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น จะต้องมีการรายงาน การเก็บข้อมูลอีกหรือไม่ ในขั้นตอนน้ีการรับฟังความคิดเห็น อย่างกว้างขวางทั้งภายในและภายนอกมีด้วยเหตุผลสองประการ คือ ประการแรก ผู้ที่มีข้อเท็จจริง และเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทาให้กฎหมายลาดับรองมีผล และยังเป็นตัวหลักในการบริหารกฎหมาย ลาดับรอง ประการท่ีสอง แม้ว่าการรับฟังความคดิ เห็นของบุคคลภายนอกอย่างเป็นทางการยังไม่ต้องทา จนกว่าจะยกร่างเสร็จ แต่การดาเนินการดังกล่าวสามารถใช้เป็นประโยชน์ได้ เม่ือส้ินสุดข้ันตอนน้ีจะได้หลักสาคัญๆ ของกฎหมายลาดับรอง และเป็นร่าง คร่าวๆ และอาจจะต้องมีการจัดทารายงานหรือผลวิเคราะห์ว่าได้พิจารณาปัจจัยในทางกฎหมายแล้ว ทั้งในส่วนของสาระบัญญัติและวิธีสบัญญัติ (narrative explanation และ procedural requirement) ทจ่ี ะทาให้การบงั คับใชบ้ รรลุผล เจ้าหนา้ ท่ีจะได้รวู้ ธิ ีปฏิบตั ิ ใช้กฎหมาย และบังคับกฎหมาย และช่วยเหลือ ผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งคือยุทธศาสตร์ในการสื่อสาร (communication strategy) เป็นการสื่อสารต่อ ชุมชนและสังคมถึงหน้าที่ความรับผิดชอบที่จะมีข้ึนและช่วยให้มีการถือปฏิบัติตาม (compliance assistance) และช่วยกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก (small business) ถา้ มีผลกระทบ หรอื อาจร่างคู่มือ ปฏิบัติ (best practices) ในขั้นตอนน้ีไปด้วยก็ได้ ข้ันตอนท่ี ๖ ทบทวนร่างอีกคร้ัง (Internal Review of the Draft Rule) ๑) การทบทวนร่างในแนวราบ (Horizontal review) หมายถงึ ว่าสอดคล้องกับ กฎหมายอื่นๆ ท่ีใกล้เคียงประอยู่ในลักษณะเดียวกันหรือไม่ ๒) ศึกษาโครงการอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงว่ามีหรือไม่ (Other program offices) ๓) ความเห็นของที่ปรึกษา (General Council) ๔) วิเคราะห์ในทางนโยบายอีกคร้ัง (Policy analysts) ๕) พิจารณาในส่วนของ R&D และพิจารณาว่าสามารถนามาใช้ประโยชน์ ได้หรือไม่ (Research and development) ๖) พิจารณาว่าเจ้าหน้าท่ีภาคสนามมีความพร้อมหรือไม่ (Field and enforcement offices) ๗) ความเห็นของกลุ่มต่างๆ (Advisory groups) ๘) การทบทวนในแนวด่ิง (Vertical review) ว่าสอดคล้องกับกฎหมายอ่ืน ในแนวด่ิงหรือไม่ เช่น ขัดกับกฎหมายแม่บทหรือไม่ เกินอานาจท่ีกาหนดหรือไม่ เป็นการมอบอานาจ ต่อหรือไม่
๑๕๗ ๙) พิจารณาความร่วมมือของหน่วยงานอื่นที่ต้องรับหน้าท่ีต่อ เช่น การปรับ หรือฟ้องร้องดาเนินคดีManagement chain) ๑๐) พิจารณาความเห็นของผู้บังคับบัญชา (Political leadership of office and agency) ขั้นตอนในส่วนนี้จะยากหรือง่ายข้ึนอยู่กับความพร้อมของข้ันตอนท่ี ๕ จะต้องมีการพิจารณาท้ังแนวราบและแนวด่ิง (horizontally and vertically) ดังท่ีกล่าวมาแล้ว หรือไม่ การทบทวนในแนวราบ คือ การพิจารณาความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในระหว่างหน่วยงาน หลายหน่วยงานในแนวราบว่า กฎนั้นมีผลอะไรหรอื ไม่ ท่ีอยู่ในอานาจหน้าท่ีดาเนนิ งานของหน่วยงาน อื่นน้ัน ถ้าหากมกี ระทบสามารถตกลงกันไดห้ รือไม่ Vertical review เก่ียวข้องกับที่ปรึกษา (supervisors) และเจ้าหน้าท่ีระดับสูง (senior officials) เนื่องจาก กฎถูกยกร่างขึ้นจากเจา้ หน้าท่ใี นระดับล่าง การพิจารณาทบทวนนเ้ี พ่ือให้ แน่ใจว่ากฎสอดคล้องกับภาพรวมของนโยบายของหน่วยงานและการบังคับใช้ราบร่ืน (overall program operations and general agency policy) การทบทวนในระดับนี้มีมากน้อยเพียงใดก็แตกต่างไป ในระหวา่ งหน่วยงาน ข้ันตอนที่ ๗ การหารือกับองค์กรภายนอก (External Review of the Draft Rules) ๑) Office of Management and Budget ๒) Congress (informal) ๓) Interest groups ๔) Other agencies ข้ันตอนน้ีเป็นตัวอย่างของประเทศสหรัฐอเมริกา หน่วยงานภายนอกหลาย หน่วยงานอาจขอร้องให้ทบทวนร่าง โดยเฉพาะหน่วยงานท่ีมีอานาจหน้าท่ีใกล้เคียงกัน หรือมีหน้าท่ี เฉพาะในเร่ืองน้ัน ตัวอย่างเช่น หน่วยงานเกี่ยวกับการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Council on Environment Quality of environment impact statement) และบทบาทอานาจหน้าท่ีของ Small Business Administration in the Flexibility Act ๑๙๙๖ หน่วยงานท่ีทาหน้าที่นี้ คือ Office of Management and Budget ตามที่มีอานาจจาก Paperwork Reduction Act และ executive orders อีกหลายฉบับ เพื่อต้องการให้กฎที่จะออกนั้นไม่เป็นภาระต่อประชาชน (deregulation) หรืออีกนยั หน่ึงกฎนน้ั ตอ้ งเปน็ smart regulation ขั้นตอนที่ ๘ การตรวจทานและจัดพิมพ์หลักการของร่าง (Revision and Publication of a Draft Rule) - Notice of purposed Rulemaking transmitted to Federal Register
๑๕๘ ขั้นตอนน้ีก็เป็นของประเทศสหรัฐอเมริกาเช่นกัน การตรวจทานและจัดพิมพ์ ร่างอาจเป็นงานประจา (routine matter) แต่เนื่องจาก Federal Register บังคับให้ต้องจัดทาตาม กฎหมาย Administrative Procedure Act ๑๙๖๔ ก็ต้องนาไปประกาศใน FR แต่อันที่จริงนั้นการ ทาให้ประชาชนทราบกม็ อี ยู่หลายวิธี ทง้ั ที่งา่ ยๆ และยงุ่ ยากมาก ข้นั ตอนที่ ๙ การรับฟังความคดิ เหน็ (Public Participation) ๑) Receipt of written comment ๒) Conduct of hearings or public meeting ๓) Review and analysis of public input ๔) Draft responses to public input ความเห็นของประชาชนอาจเข้ามาโดยหลายทาง อาจเปน็ หนงั สอื จัดประชุม รับฟัง กฎหมายบางฉบับอาจกาหนดวธิ ีการรบั ฟงั ความคดิ เห็นไว้โดยเฉพาะ ถ้ากฎหมายไมม่ ีกาหนดไว้ การรับฟังความคิดเห็นแค่ไหนก็แล้วแต่ความสาคัญและผลประโยชน์ของปัญหา ซ่ึงบางครั้งกระทา เพยี งการประชาสัมพันธก์ ไ็ ด้ การรับฟังความคดิ เหน็ ท้งั ผเู้ หน็ ด้วยและไมเ่ หน็ ด้วย ข้ันตอนท่ี ๑๐ ในท้ายที่สุดจะมีทางเลือกหลายทาง (Action on the Draft Rule) ทางเลอื กมีดงั น้ี (Choice of alternative) ๑) ใช้ได้ ไมต่ ้องแกไ้ ข (Prepare final rule with no change) ๒) ปรับร่าง ฯ เล็กน้อย และพิจารณาอีกคร้ังหน่ึง (Prepare final rule with minor change) ๓) รบั ฟังความคดิ เห็นอกี คร้ัง (Another round of public participation) ๔) ยกร่างเสร็จ แต่มีการปรับเล็กน้อยและนาประกาศใช้ (Prepare final rule with major change) ๕) ยกเลิก ใช้ไม่ได้ ต้องดาเนินการยกร่างข้ึนใหม่ (Abandon rulemaking and start over) ๖) ตอ้ งเปลีย่ นแนวคดิ ใหม่ทงั้ หมด (Abandon rulemaking altogether) ๗) หากเป็นกรณีตาม ๑๐.๖ ให้นาไปประกาศหลักการใหม่ใน FR (prepare appropriate notice for Federal Register) ๘) หากเปน็ กรณตี าม ๑๐.๕ ใหด้ าเนินการใหมต่ าม ๑๐.๓
๑๕๙ ขน้ั ตอนที่ ๑๑ กิจกรรมภายหลังการออกกฎ (Post-Rulemaking Activities) ๑) Staff interpretations เจา้ หนา้ ท่เี ตรยี มคาอธิบายในเร่อื งดังกลา่ ว ๒) Technical corrections อาจจะต้องมีการทบทวนปรับเปล่ียนเทคนิค เพราะอาจจะมาจากเทคโนโลยเี ปลี่ยนไป การบงั คับใชไ้ ม่ได้ ๓) Respond to petition for reconsideration เตรียมการกระบวนการรับคาร้อง อุทธรณ์ หรอื กระบวนการตกลงยอมความ ๔) Prepare for litigation เตรยี มรบั มือกบั การฟ้องรอ้ งดาเนินคดี บางกรณีไม่เปน็ ไปตามลาดบั ขา้ งตน้ กฎหมายลาดบั รองทม่ี เี นอื้ หาเป็นงานประจา กไ็ ม่จาเปน็ ต้องดาเนนิ การตามข้ันตอนน้ี๔๕ ในการยกร่างกฎหมายลาดับรอง นอกจากจะต้องพิจารณาขั้นตอนการ ดาเนินงานดังกล่าวแล้ว การยกร่างกฎหมายลาดับรองยังต้องพิจารณาในส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย สรุปได้ดงั นี้ ๑) การออกกฎหมายลาดับรองในเรอื่ งใดจะต้องมีบทบัญญัติระบุให้อานาจ ในการออกกฎหมายลาดับรองในเรอ่ื งนนั้ อย่างชัดเจน กล่าวคือ ฝ่ายบริหารจะมีอานาจจดั ทากฎหมาย ลาดับรองได้ ต่อเม่ือมีกฎหมายแม่บทให้อานาจไว้โดยชัดแจ้งหรือโดยปริยาย ซ่ึงกฎหมายแม่บทน้ัน อาจเป็นรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติหรือกฎหมายอื่นท่ีมีค่าบังคับเสมอกับพระราชบัญญัติ เน้ือหา สาระในข้อกาหนดของกฎหมายลาดับรองต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายให้อานาจไว้ วิธีการออก และวธิ ใี ชบ้ งั คับกฎหมายลาดับรองต้องเปน็ ไปตามวธิ ที ่ีกาหนดไวใ้ นกฎหมายแม่บท กรณีท่ีกฎหมายแม่บทระบุให้อานาจในการออกกฎกระทรวงเพ่ือกาหนด กิจการอ่ืนเพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายน้ัน ต้องพิจารณาว่ากฎหมายแม่บทนั้นมีบทบัญญัติให้อานาจ ออกกฎในเร่ืองน้ันเพ่ือท่จี ะให้มีการกระทาการอย่างใดอย่างหน่ึงเพ่ือกาหนดรายละเอยี ดในการปฏิบัติ เกย่ี วกับการนัน้ หรือไม่ ฝา่ ยปกครองจะออกกฎโดยอาศัยอานาจตามบทบญั ญัติของกฎหมายในมาตรา รักษาการที่กาหนดให้ออกกฎกระทรวงกาหนดกิจการอ่ืนเพ่ือปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินั้นเพียง มาตราเดยี วไมไ่ ด้ ๒) การจัดทากฎหมายลาดับรองจะต้องจัดทาหรือยกร่างโดยไม่ให้มีผลเป็น การแกไ้ ขกฎหมายแม่บท หรือ ไม่ใหม้ ผี ลเปน็ การเกนิ อานาจหรือขยายหลักการของกฎหมายแม่บท ๓) กฎหมายลาดับรองจะมีบทกาหนดโทษโดยตนเองไม่ได้ ผู้ฝ่าฝืนข้อกาหนด ของกฎหมายลาดับรอง จะถูกลงโทษตามบทบัญญัติของกฎหมายแม่บท เว้นแต่ในกรณีของกฎหมาย ลาดับรองที่ออกในระหว่างทีป่ ระเทศอยใู่ นภาวะไม่ปรกติ เชน่ มีภาวะสงครามโดยอาจมีการจดั ทาหรือ ๔๕ เรอื่ งเดียวกนั .
๑๖๐ ตรากฎหมายลาดับรองที่มบี ทกาหนดโทษได้ แต่จะตอ้ งมีกฎหมายแม่บทมอบอานาจการออกกฎหมาย ลาดับรองในลักษณะเช่นนน้ั แกฝ่ ่ายบริหารโดยชดั แจ้งและโทษทีก่ าหนดโดยกฎหมายลาดับรองจะต้อง ไมเ่ กินกวา่ โทษข้นั สงู ท่กี ฎหมายแม่บทกาหนด ๔) กฎหมายลาดับรองจะบัญญัติมอบอานาจให้ฝา่ ยบรหิ ารไปออกกฎหมาย ต่อไปอีกทอดหนึ่งไม่ได้ เว้นแต่จะเป็นการมอบอานาจให้เจ้าหน้าที่วางระเบียบข้อบังคับเพื่อกาหนด รายละเอยี ดปลีกย่อย ๒.๔.๒ แบบของกฎ ระเบียบ ประกาศ ๒.๔.๒.๑ กฎกระทรวง ๑) ชอ่ื ของกฎกระทรวง๔๖ เน่อื งจากในอดีตท่ีผา่ นมา มีปัญหาการกาหนดชื่อของกฎกระทรวง สืบเน่ืองจากกรณีการแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการต่าง ๆ ซ่ึงมาตรา ๘ ฉ แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ แผ่นดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๓ บัญญัติให้ออกเป็นกฎกระทรวง โดยเมื่อหากใช้ช่ือของกฎกระทรวง ตามแนวทางปฏิบัติในขณะนี้จะต้องใช้ชื่อเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นการแบ่งส่วนราชการใดก็ตามว่า “ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๕” การใช้ชอ่ื กฎกระทรวงข้างต้นนี้ จะไมอ่ าจทราบได้จากชอ่ื ของกฎกระทรวงว่าเป็นการแบ่งส่วน ราชการของส่วนราชการใด จนกว่าจะพิจารณาในเนื้อหา รวมทั้งหากจะมีการแก้ไขเพ่ิมเติมการแบ่งส่วน ราชการของสว่ นราชการนน้ั ต่อไปอกี หลายครัง้ แลว้ กฎกระทรวงเก่ยี วกับการแบง่ ส่วนราชการของหน่วยงานนั้น ก็จะกระจัดกระจายอยู่หลายแห่งตามฉบับการออกกฎกระทรวง ซึ่งจะมีแต่ตัวเลขเรียงลาดับต่อไปเร่ือย ๆ โดยไมร่ วู้ า่ ฉบับใดแกไ้ ขฉบับใด จากปัญหาข้างต้นจะเห็นได้ว่า ปัญหาช่ือของกฎกระทรวงน้ี มิได้มีแต่เฉพาะกฎกระทรวงเก่ียวกับการแบ่งส่วนราชการดังกล่าวเท่านั้น แต่เป็นปัญหาของช่ือกฎกระทรวง ทั้งหมดที่จะใช้อย่างไรให้เกิดความเหมาะสม และทราบเนื้อหาเพื่อความสะดวกในการตรวจค้น จึงได้มีการแต่งตง้ั กรรมการกฤษฎกี าคณะพิเศษ เพือ่ พิจารณาแนวทางการกาหนดช่ือของกฎกระทรวง ดงั กล่าว ซ่ึงเหน็ ควรให้มีการวางรปู แบบของชือ่ กฎกระทรวง ดังน้ี (๑) รูปแบบกฎหมายทุกประเภท ได้แก่ พระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อบังคับท้องถิ่น จะกาหนดชื่อของกฎหมายให้เข้าใจ ๔๖ สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เร่ืองเสร็จท่ี ๔๘๔/๒๕๔๓ เรื่อง การวางแบบกฎหมาย (ชื่อของ กฎกระทรวง), กันยายน ๒๕๔๓.
๑๖๑ เนื้อหาสาระของกฎหมายฉบับนั้นว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องใด ซึ่งทาให้เกิดความชัดเจนในการค้นหา กฎหมายได้ง่าย ในปัจจุบันคงมีแต่เพียงกฎหมายในรูปแบบกฎกระทรวงเท่านั้นที่ส่วนใหญ่ยังไม่มี ชื่อกากับไว้ให้ทราบว่าเป็นเร่ืองเกี่ยวข้องกับเร่ืองใด ทาให้ยุ่งยากในการค้นหากฎกระทรวงท่ีจะนามาใช้ ให้ได้ครบถ้วน และเกิดความความสับสนเมื่อมีการแก้ไขกฎกระทรวงเหล่านั้น จึงควรกาหนด รูปแบบกฎกระทรวงให้มีช่ือทแี่ สดงเนอื้ หาสาระให้เป็นไปในลกั ษณะเดียวกบั กฎหมายในรูปแบบอื่น ๆ (๒) เม่ือได้กาหนดช่ือที่เป็นเนื้อหาสาระของกฎกระทรวงไว้แล้ว กฎกระทรวงแต่ละฉบับจึงมีเน้ือหาสาระเป็นเอกเทศจากกัน และไม่ควรระบุฉบับที่ของกฎกระทรวง เรียงลาดับต่อเน่ืองกันไปดังทีป่ ฏิบัตอิ ยู่ในปัจจุบัน เพราะฉบับท่ีของกฎกระทรวงในลักษณะดังกล่าวจะไม่ มีความสัมพันธ์กบั ชือ่ ท่ีแสดงเนื้อหาสาระของกฎกระทรวงแต่ละฉบับอีกต่อไป ด้วยเหตนุ ้ี จงึ ควรใช้ระบบ เดยี วกบั พระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกา โดยถอื ว่ากฎกระทรวงท่ีมีการระบุชือ่ เน้ือหาสาระในเรื่องใด ไว้เป็นครั้งแรกเป็นฉบับท่ีหนึ่งและหากมีการแก้ไขเพ่ิมเติมในเรื่องเดียวกันนั้นต่อไปก็จะเป็นฉบับท่ี ๒ ฉบับที่ ๓ ฯลฯ ตามลาดับ (๓) กฎกระทรวงฉบับหน่ึงควรจะกาหนดเฉพาะเร่ืองใดเร่ืองหน่ึง ตามท่ีมีบทมาตราใดของพระราชบัญญัติให้อานาจออกกฎกระทรวงในเร่ืองนั้นไว้ และการใช้ชื่อของ กฎกระทรวงให้ใชต้ รงกบั เนื้อหาสาระท่ีกาหนดในกฎกระทรวงนั้น ส่วนการแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาสาระ ของกฎกระทรวงนั้นในภายหลัง แม้จะแก้ไขเพียงบางเรื่องอันมีฐานที่มาเพียงบางมาตราก็ให้ใช้ชื่อ กฎกระทรวงตามฉบับท่ีหนึ่ง เพ่ือคงความเป็นกฎกระทรวงฉบับเดียวกันไว้ จ า กห ลักก า ร ดังก ล่า ว ข้า ง ต้น จึงกาห น ด วิธีก าร ตั้งชื่อ กฎกระทรวง ดังน้ี (ก) กรณีท่ีเป็นกฎกระทรวงใหม่ - กฎกระทรวงฉบับแรก ชื่อของกฎกระทรวงจะแสดงเนื้อหาสาระให้เปน็ ไป ในลักษณะเดยี วกับกฎหมายในรูปแบบอ่ืน ๆ โดยกฎกระทรวงฉบับแรกน้ีจะไม่เรยี กว่า ฉบับที่ ๑ - กฎกระทรวงฉบับท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม ช่ือของกฎกระทรวงฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมไม่จาต้อง ระบุว่าเป็นกฎกระทรวงที่ออกตามกฎหมายใด เพราะจะทาให้ชื่อกฎกระทรวงยาวมาก อีกทั้งได้มี การระบุบทอาศัยอานาจไว้ในอารัมภบทอย่แู ล้ว ซ่งึ เป็นการสอดคล้องกับแนวทางของร่างพระราชกฤษฎีกา ทถ่ี ือปฏิบัติกันอยู่
๑๖๒ ตัวอย่าง - กฎกระทรวงแบง่ ส่วนราชการกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลงั พ.ศ. ๒๕๕๑ - กฎกระทรวงกาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการกระจายอานาจการบริหารและการจัด การศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๐ - กฎกระทรวงสถานทเ่ี กบ็ รกั ษานา้ มันเชอ้ื เพลิง พ.ศ. ๒๕๕๑ ตัวอยา่ ง - กฎกระทรวงแบง่ สว่ นราชการสานกั งานอยั การสงู สุด (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙ - กฎกระทรวงแบ่งสว่ นราชการกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๙ - กฎกระทรวงกาหนดหลักเกณฑ์ปฏิบัติสาหรับผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการช่ังตวงวัด (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙ (ข) กรณีเป็นกฎกระทรวงเดิม โดยที่กฎกระทรวงที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันยังมี รูปแบบที่แตกต่างกัน และยังใช้ระบบการเรียงลาดับฉบับที่ติดต่อกันไปโดยต่อเนื่อง ทาให้การใช้ รูปแบบกฎกระทรวงที่กาหนดใหม่ยังไม่อาจนาไปใช้บังคับได้ทันที เพราะจะทาให้กระทบถึงกฎกระทรวง ท้ังหมด ฉะน้ัน แนวทางปฏิบัติจึงควรเป็น ดังน้ี - กรณีท่ีกฎกระทรวงฉบับเดิมมีอยู่แล้ว ถ้ามีการ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงฉบับน้ันในภายหลัง ให้ใช้รูปแบบเดิมท่ีมิได้ระบุชื่อกฎกระทรวงและเรียงลาดับ ฉบับทต่ี อ่ เน่อื งกันไป ตวั อยา่ ง - กฎกระทรวงฉบับแรก คือ “กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๒๑๘ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ออกตามความใน ประมวลรัษฎากรว่าด้วยการจาหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้” และต่อมามีการออกกฎกระทรวงในเร่ือง อ่ืนเป็นฉบับที่ ๒๑๙ และฉบับที่ ๒๒๐ หลังจากน้ันมีการแก้ไขเพิม่ เติมกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๒๑๘ ดงั กล่าวให้ ใช้เป็น “กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๒๒๑ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในประมวลรษั ฎากรว่าด้วยการจาหน่ายหนี้ สญู จากบญั ชลี ูกหน้ี” - กฎกระทรวงฉบับแรกคือ “กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ออกตามความใน พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕” ถ้ามีการแก้ไขกฎกระทรวงที่เคยออกไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการ แก้ไขกฎกระทรวงฉบับใดต้ังแต่ฉบับท่ี ๑ ถึงฉบับท่ี ๔ การกาหนดรูปแบบกฎกระทรวงฉบับที่แก้ไขให้ใช้ เปน็ “กฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ออกตามความในพระราชบัญญตั ิการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕”
๑๖๓ - กรณีมีการออกกฎกระทรวงรูปแบบเดิมเป็น ฉบับท่ีต่าง ๆ ไว้แล้ว แต่ต่อมาจะมีการออกกฎกระทรวงเรื่องใหม่ที่ไม่เก่ียวข้องกับกฎกระทรวงท่ีเคย ใชบ้ งั คับอยู่เดิม กรณีน้ีให้ใช้กฎกระทรวงแบบใหม่ที่มีการกาหนดช่ือกฎกระทรวง - กรณีท่ีมีการยกเลิกกฎกระทรวงเดิมและกาหนด กฎกระทรวงข้ึนใหม่ในเร่ืองนั้นให้ใช้รูปแบบกฎกระทรวงท่ีกาหนดใหม่โดยให้กาหนดชื่อของกฎกระทรวงนั้น และถ้าต่อมามีการแก้ไขกฎกระทรวงดังกล่าวก็กาหนดเป็นฉบับท่ี ๒ เรียงตามลาดับต่อไปสาหรับกฎกระทรวง ในเรื่องนั้น ท้ังนี้ เพื่อให้การกาหนดชื่อกฎกระทรวงเข้ารูปแบบ ให้มากที่สุด ในการแก้ไขกฎกระทรวงในเนื้อหาสาระจานวนมาก สมควรพิจารณาปรับปรุงทั้งฉบับ โดยใช้รูปแบบกฎกระทรวงแบบใหมท่ ี่มีการกาหนดชื่อ ๒) บทอาศยั อานาจ กฎกระทรวงเป็นกฎหมายลาดับรองท่ีต้องอ้างท่ีมาของการออก กฎกระทรวงเชน่ เดียวกับการออกกฎหมายลาดับรองอื่น ๆ และแบบการอ้างก็เช่นเดยี วกับพระราชกฤษฎีกา รวมทั้งการอ้างบทอาศัยอานาจในกรณีที่เน้ือหาของกฎกระทรวงเป็นการจากัดสิทธิและเสรีภาพของ ประชาชนก็มีแบบในทานองเดยี วกันดว้ ย (๑) บทอาศัยอานาจตามกฎหมาย ตวั อยา่ ง - กฎกระทรวงว่าด้วยการกาหนดคดีพเิ ศษเดิม ตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดี พเิ ศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๔ มาตรา ๑๐ (๑) และมาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติ บางประการเก่ียวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๓๗ มาตรา ๔๘ มาตรา ๕๘ มาตรา ๒๓๗ และ มาตรา ๒๓๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทาได้โดยอาศัยอานาจตาม บทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยการเสนอแนะของคณะกรรมการ คดีพเิ ศษออกกฎกระทรวงไว้ ดงั ต่อไปนี้
๑๖๔ (๒) บทอาศัยอานาจที่เป็นการจากัดสิทธิและเสรีภาพของ ประชาชน ตวั อย่าง - กฎกระทรวงกาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขการให้กู้ต่อของกระทรวงการคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และมาตรา ๒๕ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซ่ึงแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหน้ีสาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังออกกฎหมายไว้ ดังต่อไปนี้ - กฎกระทรวงว่าด้วยการโฆษณาเคร่ืองด่ืมที่มีสว่ นผสมของแอลกอฮอล์และเครื่องด่ืม ทผี่ สมกาเฟอนี ในโรงภาพยนตรแ์ ละทางป้ายโฆษณา พ.ศ. ๒๕๔๗ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๘ และมาตรา ๒๒ วรรคสอง (๕) แห่งพระราชบัญญัติ คมุ้ ครองผบู้ รโิ ภค พ.ศ. ๒๕๒๒ อนั เป็นพระราชบัญญัติทมี่ บี ทบัญญัตบิ างประการเกี่ยวกับการจากัดสทิ ธิ และเสรีภาพของบุคคลซ่ึงมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๙ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๕๐ ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทาได้โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย นายกรฐั มนตรีออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปน้ี ๓) วันใช้บังคับ วันใช้บังคับของกฎกระทรวงจะไม่กาหนดไว้ในกฎกระทรวง ทงั้ น้ี เนอ่ื งจากพระราชบญั ญัตแิ มบ่ ททุกฉบับทใ่ี ห้อานาจออกกฎกระทรวงจะกาหนดไว้แล้ววา่ กฎกระทรวง เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นอันใช้บังคับได้ ในกรณีกฎกระทรวงที่ออกตามความในประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะเห็นได้ว่าได้กาหนดวันใช้บังคับกฎกระทรวงไว้ด้วย เนื่องจากประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่มีข้อความท่ีระบุวันใช้บังคับกฎกระทรวงไว้ อย่างไรก็ตาม ก็มีกฎกระทรวง หลายบางฉบบั ท่กี าหนดวนั ใช้บังคับไว้ด้วย ซึง่ เปน็ ขอ้ ยกเวน้ ตวั อยา่ ง - กฎกระทรวงจัดตั้งสานักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท แต่งตั้งนายทะเบียนและกาหนด หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการในการจดทะเบยี นหา้ งหนุ้ ส่วนและบรษิ ัทจากดั พ.ศ. ๒๕๔๙ ขอ้ ๙ กฎกระทรวงนใ้ี ห้ใช้บังคับตัง้ แตว่ นั ถัดจากวนั ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเปน็ ต้นไป - กฎกระทรวงฉบบั ท่ี ๓๔ (พ.ศ. ๒๕๕๒) ออกตามความในพระราชบัญญตั ภิ าษีสรรพสามติ พ.ศ. ๒๕๒๗ ว่าดว้ ยบรกิ ารทีผ่ ปู้ ระกอบกิจการสถานบริการมสี ทิ ธิได้รับการยกเวน้ ภาษี ข้อ ๓ กฎกระทรวงนใ้ี ห้ใช้บงั คบั ต้งั แต่วันท่ี ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นตน้ ไป
๑๖๕ ๔) การแบ่งหมวดหมู่ กฎกระทรวงไม่จาเป็นต้องมีหมวดหมู่เสมอไปขึ้นอยู่กับว่า เน้ือหาของกฎกระทรวงนน้ั สั้นหรือยาว กฎกระทรวงท่ีมคี วามยากมากอาจจาเปน็ ต้องแบ่งหมวดหมู่ ตัวอยา่ ง - กฎกระทรวงฉบับท่ี ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติเคร่ืองแบบ ตารวจ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๗ (ฉบับท่ี ๒) สว่ นท่ี ๑ เครอ่ื งแบบตารวจชาย หมวด ๑ ชนดิ ของเครื่องแบบ หมวด ๒ สว่ นของเครอื่ งแบบ สว่ นท่ี ๒ เครอื่ งแบบตารวจหญิง หมวด ๑ ชนิดของเครือ่ งแบบ หมวด ๒ ส่วนของเครอ่ื งแบบ สว่ นที่ ๓ เครอ่ื งแบบพิเศษ หมวด ๑ เคร่ืองแบบตารวจดบั เพลงิ หมวด ๒ เครื่องแบบตารวจกองตรวจคนเข้าเมอื ง หมวด ๓ เครอื่ งแบบตารวจดรุ ยิ างค์ หมวด ๔ เคร่ืองแบบตารวจที่ทาหน้าที่ซอ่ มเครอื่ งยนต์ หมวด ๕ เครือ่ งแบบตารวจน้า หมวด ๖ เคร่อื งแบบตารวจท่ีขับรถจักรยานยนต์ในขบวนเสด็จพระราชดาเนิน หมวด ๗ เครอื่ งแบบข้าราชการตารวจกองบนิ ตารวจ หมวด ๘ เสอื้ กนั ฝนและเสือ้ กันหนาว ส่วนที่ ๔ อินทรธนูและเคร่ืองหมายยศ ส่วนที่ ๕ เคร่อื งหมายจาพวกและเครอ่ื งหมายสงั กดั สว่ นท่ี ๖ เครื่องหมายอ่ืน ๆ หมวด ๑ ปา้ ยช่ือ เครอ่ื งหมายที่อกเสือ้ และอนิ ทรธนู หมวด ๒ เคร่ืองหมายปลอกแขนเสือ้ หมวด ๓ เครอ่ื งหมายพเิ ศษ ส่วนท่ี ๗ การใช้เคร่อื งแบบ สว่ นท่ี ๘ เบ็ดเตล็ด
๑๖๖ ๕) การยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติม การใช้ถ้อยคาของการยกเลิก เพ่ิมหรือแก้ไขเพ่ิมเติม มีแบบ เช่นเดียวกับการยกเลิกเพ่ิม หรือแก้ไขเพ่ิมเติมพระราชกฤษฎีกา ซึ่งมีลักษณะดังต่อไปนี้ (๑) กรณีท่ีเป็นการยกเลิก จะใช้ถ้อยคาว่า “ข้อ.. ใหย้ กเลกิ ความในขอ้ … แห่งกฎกระทรวง……….” (๒) กรณีท่ีเปน็ การเพิ่มความ จะใชถ้ ้อยคาวา่ “ขอ้ .. ให้เพิ่มความตอ่ ไปนี้เปน็ ขอ้ ... แหง่ กฎกระทรวง……….” (๓) ถ้าเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม จะใช้ถ้อยคาว่า “ข้อ .. ให้ยกเลิกความในข้อ.. แห่งกฎกระทรวง...และให้ ใช้ความต่อไปน้ีแทน” ตวั อยา่ ง - กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทรัพยากรน้า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดล้อม (ฉบบั ท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๕๑ ขอ้ ๑ ให้ยกเลิกความใน (๑๑) – (๑๘) ของข้อ ๒ แหง่ กฎกระทรวงแบง่ ส่วนราชการ กรมทรพั ยากรน้า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๔๕ และให้ใช้ความตอ่ ไปน้ี แทน “(๑๑) – (๒) สานกั งานทรพั ยากรน้าภาค ๑ – ๑๐” - กฎกระทรวงว่าดว้ ยกลมุ่ ภารกจิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๖ ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๒ แห่งกฎกระทรวงว่าด้วยกลุ่มภารกิจ พ.ศ. ๒๕๔๕ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนีแ้ ทน “ข้อ ๒๒ ให้กลุ่มภารกิจของส่วนราชการตามหมวด ๑ ปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อ รัฐมนตรีเว้นแต่กลุ่มภารกิจของกระทรวงการต่างประเทศ ให้ปฏิบัติราชการข้ึนตรงต่อปลัดกระทรวง แตใ่ หร้ ายงานโดยตรงต่อรัฐมนตรอี ีกทางหนึ่งด้วย” ๖) ผู้ลงนามของรัฐมนตรีในกฎกระทรวง การออกกฎหมายในระดับกฎกระทรวง โดยปกติรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงจะเป็นผลู้ งนามในกฎหมาย แต่หากรัฐมนตรวี ่าการกระทรวงประสงค์จะมอบอานาจดังกล่าว ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการเป็นผู้ลงนามในกฎกระทรวงแทนจะทาได้หรือไม่ คณะกรรมการกฤษฎีกาได้เคยให้ความเห็นไว้ต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ (บันทึกความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่ือง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงลงนามในกฎกระทรวงแทน รฐั มนตรวี า่ การกระทรวง (ทปี่ ระชุมใหญ่กรรมการร่างกฎหมาย)... (เรื่องเสร็จที่ ๔๗๗/๒๕๒๒) ดังนี้
๑๖๗ (๑) กรณีท่ีรักษาราชการแทน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง ลงนามในกฎกระทรวงในระหว่างท่ีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงได้ เพราะผู้รักษาราชการแทนย่อมมีอานาจเช่นเดียวกับผู้ที่ตนแทน และอานาจหน้าที่นั้นย่อมรวมถึง อานาจหน้าทีใ่ นการลงนามในกฎกระทรวงในฐานะผ้รู ักษาราชการแทนรัฐมนตรวี า่ การกระทรวงด้วย (๒) กรณีท่ีได้รับมอบอานาจให้ปฏิบัติราชการแทน การออก กฎกระทรวงเพ่ือให้การปฏบิ ัติการเปน็ ไปตามความมุ่งหมายของพระราชบัญญตั ิแตล่ ะฉบบั เป็นอานาจ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงในการบริหารงานทั่วไปตามพระราชบัญญัติน้ัน ๆ และอยู่ในความหมาย ของคาว่า “อานาจในการปฏิบัติหรือดาเนินการตามกฎหมาย” ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการ แผ่นดิน การทพี่ ระราชบัญญัติต่าง ๆ บัญญัติว่าให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมีอานาจออกกฎกระทรวง เพ่ือการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติน้ัน มิได้ประสงค์เป็นการกาหนดให้เป็นอานาจเฉพาะตัวแก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแตป่ ระการใด ประกอบกับกฎหมายมิได้บญั ญัติกาหนดการมอบอานาจไว้เป็นอย่างอ่ืน ในลักษณะที่เป็นการจากัดอานาจรัฐมนตรีในการมอบอานาจ รัฐมนตรีช่วยว่าการจึงเป็นผู้ลงนาม ในกฎกระทรวงแทนได้ ๒.๔.๒.๒ ระเบียบ การร่างระเบียบตามแบบของระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงาน สารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖ กาหนดรปู แบบของระเบียบและการกรอกรายละเอียดในแบบระเบยี บ ดงั นี้ ๑) ช่ือของระเบียบ ประกอบด้วย (๑) ชื่อของส่วนราชการที่ออกระเบียบ ตวั อยา่ ง - ระเบียบกระทรวงพาณิชยว์ ่าด้วยหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขในการอนุญาตให้ส่งกาแฟ ออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ - ระเบยี บรัฐสภา วา่ ด้วยชมรมกีฬาสมาชิกรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๔๕ - ระเบียบรัฐสภา ว่าด้วยการดาเนินการเก่ียวกับร่างพระราชบัญญัติที่ได้รับความเห็นชอบ ของรัฐสภาแล้ว พ.ศ. ๒๕๔๕ - ระเบียบรัฐสภา ว่าด้วยการวจิ ัยขององคก์ ารรฐั สภาระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๑ - ระเบียบสภาผแู้ ทนราษฎร ว่าด้วยการเปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมาธกิ าร พ.ศ. ๒๕๔๖
๑๖๘ ตัวอยา่ ง (ต่อ) - ระเบียบสภาผู้แทนราษฎร ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการร้องขอและการโฆษณาชี้แจง ข้อเท็จจริงเน่ืองจากการกล่าวถ้อยคาในท่ีประชุมสภาอันเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหาย พ.ศ. ๒๕๔๒ - ระเบียบกระทรวงพาณิชยว์ ่าด้วยหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขในการอนุญาตให้สง่ กาแฟ ออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ - ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าดัวย หลักเกณฑ์การปฏิบัติ เกยี่ วกบั ความรบั ผิดทางละเมิดของเจา้ หน้าท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ - ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๕- ระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดทาและการพิจารณาร่างกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรอื ประกาศ โดยกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. ๒๕๒๒ - ระเบียบคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการว่าด้วยอานาจหน้าท่ีวิธีพิจารณา และองค์คณะ ในการพจิ ารณาและวนิ จิ ฉัยของคณะกรรมการวนิ ิจฉยั การเปิดเผยข้อมลู ข่าวสาร พ.ศ. ๒๕๔๒ - ระเบยี บกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการเบิกจ่าย การเกบ็ รกั ษา การจัดการกองทุน และค่าใช้จ่าย ในการดาเนนิ งานของกองทุนทดแทนผปู้ ระกนั ภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๔๓ จากตัวอย่างของระเบียบข้างต้น จะเห็นได้ว่าช่ือของระเบียบนั้นจะกาหนด ตามหน่วยงานผู้ออกระเบียบ ไม่ว่าเป็นส่วนราชการระดับกระทรวง กรม หรือคณะกรรมการ แต่อย่างไรก็ตาม การจะใช้ชื่อระเบียบขององค์กรใดนั้น กฎหมายแม่บทส่วนใหญ่จะระบุอยู่แล้วว่าให้ออกเป็นระเบียบใด แต่ในบางครั้งกฎหมายแม่บทเองก็ไม่มีความชัดเจน เช่น พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของ เจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ “มาตรา ๑๓ ให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีระเบียบเพื่อให้เจ้าหน้าที่ซึ่งต้องรับผิดตาม มาตรา ๘ และมาตรา ๑๐ สามารถผ่อนชาระเงินที่จะต้องรับผิดนั้นได้ โดยคานึงถึงรายได้ ฐานะ ครอบครัว และความรับผิดชอบ และพฤติการณ์แห่งกรณีประกอบด้วย” แต่เม่ือออกระเบียบผู้ยกร่างได้จัดทาเป็น “ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี” ๔๗ ๔๗ ธรรมนิตย์ สมุ นั ตกลุ , การจดั ทากฎหมายลาดับรอง.
๑๖๙ (๒) ชื่อระเบียบ ระบุสาระสาคัญโดยย่อของระเบียบ โดยใส่ไว้ต่อท้ายจาก คาว่า “ว่าด้วย” ตัวอย่าง - ระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรีวา่ ด้วยผูป้ ระสานงานคณะรัฐมนตรีและรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๑ - ระเบียบกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่าด้วยทุนส่งเสริมร้านค้าชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๑ - ระเบียบสานักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ว่าด้วยแนวทางการรับเรื่องร้องเรียน และการตรวจสอบข้อเทจ็ จรงิ พ.ศ. ๒๕๕๑ - ระเบยี บสานักนายกรฐั มนตรวี ่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๑ - ระเบียบกรมปศุสัตว์ว่าด้วยข้อมูลข่าวสารราชการกรมปศุสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๒) ฉบับท่ี ถา้ เป็นระเบียบทกี่ ล่าวถึงเป็นคร้งั แรกในเร่ืองนั้น ไม่ตอ้ งลงว่าเป็นฉบับ ท่เี ทา่ ใด แต่ถ้าเป็นระเบียบเร่ืองเดียวกันทีม่ กี ารแก้ไขเพิ่มเตมิ ให้ลงเป็นฉบบั ท่ี ๒ และท่ีถัด ๆ ไปตามลาดบั ตัวอย่าง - ระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรี ว่าด้วยการป้องกันอุบัตภิ ยั แหง่ ชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๖ - ระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการขอและรับข้ึนทะเบียนเป็นผู้ทาหน้าที่นักจิตวิทยา หรอื นกั สงั คมสงเคราะห์ตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๖ - ระเบียบ ก.พ.ว่าด้วยทุนของรัฐบาล (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ - ระเบียบกรมการจัดหางานว่าด้วยการยกเลิกระเบียบและประกาศกรมการจัดหางาน ที่เก่ียวกับการประกันตนกรณีว่างงาน (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ๓) พ.ศ. ให้ลงตัวเลขของปีพุทธศักราชท่ีออกระเบียบ ตัวอย่าง - ระเบียบเทศบาลตาบลแมส่ าย วา่ ดว้ ยข้อมลู ขา่ วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๕๑ - ระเบียบคณะกรรมการสรรหา วา่ ด้วยวธิ ีการเสนอรายชื่อและสาขาวชิ าผทู้ รงคุณวุฒิเพื่อเข้ารับ การสรรหาเป็นสมาชกิ สภาพัฒนาการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๕๑ - ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการชาระภาษีรถประจาปีผ่านระบบอินเทอร์เน็ต พ.ศ. ๒๕๕๑ - ระเบียบมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยว่าด้วยการจ่ายเงินรายได้ในการแข่งขันกีฬา พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๗๐ ๔) คาปรารภของระเบยี บ ไม่มีกฎเกณฑ์หรือแบบที่แน่นอนตายตัว แต่ต้องระบุให้ชัดเจน แสดงถึงแหล่งที่มาของการออกระเบียบ นอกจากนี้ อาจกล่าวถึงหลักการและวัตถุประสงค์กว้าง ๆ ก็ได้ เพื่อประโยชน์ในการตีความตามระเบียบ ตัวอย่าง - ระเบียบสภาผู้แทนราษฎรวา่ ด้วยการจดั กระทู้ถามสดเข้าระเบียบวาระการประชุม พ.ศ. ๒๕๔๐ อาศัยอานาจตามข้อ ๑๑๕ ของข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๔๐ ประธานสภาผู้แทนราษฎรจึงออกระเบียบสภาผู้แทนราษฎร ว่าด้วยการจัดกระทู้ถามสดเข้าระเบียบวาระ การประชุมเพื่อเป็นแนวปฏิบตั ติ ามมาตรา ๑๘๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ ไว้ ดังตอ่ ไปน้ี - ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยที่ได้มีการตราพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ขึ้นและ กฎหมายดังกล่าวมีหลักการเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากแนวทางปฏิบัติ ในเร่ืองความรับผิดทางแพ่งท่ีทางราชการถือปฏิบัติในปัจจุบัน โดยได้แยกความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าท่ี ออกเป็นเหตุท่ีเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าท่ีและที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ โดยเมื่อมีความเสียหายเนื่องมาจาก การปฏิบัติหน้าที่น้ัน หน่วยงานของรัฐจะต้องรับภาระชดใช้ค่าเสียหายไปก่อนส่วนเจ้าหน้าท่ีของรัฐจะรับผิด ชดใช้ค่าเสียหายต่อหน่วยงานของรัฐเพียงใดน้ัน ให้ไปไล่เบ้ียต่อในภายหลัง โดยจะยึดหลักว่าจะเรียกเอาแก่ เจ้าหน้าที่ของรัฐเฉพาะกรณีความเสียหายนั้นเกิดขึ้นโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้น นอกจากนี้ในกรณีท่เี จ้าหน้าท่ีของรัฐต้องรบั ผิดชดใช้ค่าเสียหายให้เจ้าหน้าท่ขี องรัฐสามารถผ่อนชาระค่าสินไหม ทดแทนได้ โดยคานึงถึงรายได้ ฐานะ ครอบครัวและความรับผิดชอบและพฤติการณ์แห่งกรณีประกอบด้วย สาหรับความเสียหายที่เกิดจากการท่ีไม่ใช่การปฏิบัติหน้าท่ี เจ้าหน้าท่ีของรัฐจะต้องถูกฟ้องและชดใชค้ ่าสินไหม ทดแทนเป็นการส่วนตัวโดยไม่เก่ียวกับทางราชการสมควรวางระเบียบกาหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับ ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของ เจ้าหนา้ ที่ พ.ศ.๒๕๓๙ คณะรฐั มนตรจี งึ มมี ติใหว้ างระเบียบไว้ ดังตอ่ ไปนี้ - ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยเงินบาเหน็จพนักงานและลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการการเลือกต้ังว่าด้วยเงินบาเหน็จพนักงาน และลูกจา้ งให้เหมาะสมยง่ิ ขน้ึ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๒๓๖ (๑) ของรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย มาตรา ๕ มาตรา ๑๐ (๒) และมาตรา ๓๒ (๕) และ (๖) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย คณะกรรมการการเลือกต้ัง พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบกับมติคณะกรรมการการเลือกต้ังในการประชุมครั้งที่๙๑/ ๒๕๕๑ เม่ือวนั ท่ี ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการการเลือกตง้ั จึงวางระเบียบไวด้ ังตอ่ ไปน้ี
๑๗๑ ตวั อย่าง (ต่อ) - ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยประมวลจริยธรรม คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ขา้ ราชการและลูกจา้ งสานักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยท่ีรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๗๙ กาหนดให้มาตรฐาน ทางจริยธรรมของข้าราชการ หรือเจา้ หน้าที่ของรัฐแต่ละประเภท เป็นไปตามประมวลจริยธรรมท่ีกาหนดข้ึน โดยมีกลไกและระบบในการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งกาหนดข้ันตอนการลงโทษ คณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจึงกาหนดมาตรฐานทางจริยธรรม เพ่ือให้คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ขา้ ราชการ และลูกจา้ งสานกั งานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต แหง่ ชาติยึดถือปฏิบตั ิและเปน็ ไปตามเจตนารมณข์ องรฐั ธรรมนูญดงั กล่าว อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๒๗๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และมาตรา ๑๐๗ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ จึงออกระเบยี บไว้ ดังตอ่ ไปน้ี ๕) บทอาศัยอานาจ โดยท่ัวไปแล้วระเบียบต้องมีบทอาศัยอานาจอันเป็นที่มาของการออก ระเบียบ จากตัวอย่างระเบยี บสานักนายกรัฐมนตรวี ่าดว้ ยคณะกรรมการผชู้ ่วยรฐั มนตรี พ.ศ. ๒๕๔๖ ขา้ งตน้ ระเบยี บดงั กลา่ วออกโดยอาศยั อานาจตามความในมาตรา ๑๑ (๖) (๘) และ (๙) แหง่ พระราชบญั ญตั ิระเบยี บ บรหิ ารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ อันเป็นอานาจของนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลในการกากับ ดูแลการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีอานาจที่จะแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษา วางระเบียบปฏิบัติราชการ เพ่ือให้การบริหารราชการเป็นไปโดยรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ และ ดาเนนิ การอ่ืนใดในการปฏิบัติตามนโยบายโดยเฉพาะอานาจตามมาตรา ๑๑ (๘) ดังกล่าวนี้ ได้มกี ารใชอ้ ย่าง กวา้ งขวางในการออกระเบียบเพอ่ื จัดการบรหิ ารราชการตา่ งๆ กรณีท่ีระเบียบมีเน้ือหาเป็นการจากัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ต้องอา้ งบทอาศัยอานาจด้วย เน่อื งจาก รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ไดบ้ ัญญตั วิ ่า “มาตรา ๒๖ การตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจากัดสิทธหิ รือเสรีภาพ ของบุคคลต้องเป็นไปตามเง่ือนไขท่ีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่รัฐธรรมนูญมิได้บัญญัติเงื่อนไขไว้ กฎหมายดังกล่าวต้องไม่ขัดตอ่ หลักนิติธรรม ไม่เพ่ิมภาระหรือจากัดสทิ ธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควร แก่เหตุ และจะกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนษุ ย์ของบคุ คลมิได้ รวมทั้งต้องระบุเหตผุ ลความจาเป็นในการ จากดั สทิ ธิและเสรีภาพไวด้ ้วย กฎหมายตามวรรคหนึ่ง ต้องมผี ลใช้บงั คับเป็นการทั่วไป ไมม่ ุ่งหมายให้ ใช้บังคบั แก่กรณใี ดกรณีหนง่ึ หรอื แก่บุคคลใดบคุ คลหน่ึงเป็นการเจาะจง”
๑๗๒ ดังนั้น การออกระเบียบท่ีมีเน้ือหาเป็นการจากัดสิทธิและเสรีภาพ ของประชาชนต้องอ้างบทอาศัยอานาจด้วยเช่นเดียวกับพระราชกฤษฎีกาและกฎกระทรวง ในบางกรณีการออกระเบียบเพื่อประโยชน์ในการวางแนวทางการบริหาร ราชการแผ่นดินได้ก้าวไปไกลถึงการไม่อ้างอานาจแม่บทใด ๆ เลย เพราะถือว่าคณะรัฐมนตรีมีอานาจ ในฐานะฝ่ายบริหาร (ทั้งราชการบริหารส่วนกลาง ราชการบริหารส่วนภูมิภาค และราชการบริหาร ส่วนท้องถ่นิ รวมทง้ั รฐั วิสาหกจิ ) ซ่ึงจะเห็นได้วา่ ระเบยี บสานักนายกรฐั มนตรี ว่าดัวยหลักเกณฑก์ ารปฏิบัติ เกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ไม่ได้อ้างแม่บทใดเลย ท้ังที่แม่บทกาหนดให้ คณะรัฐมนตรีออกระเบียบ จะมีแต่คาปรารภท่ีเขียนยาวมาก แสดงที่มาและสาเหตุในการออกระเบียบ แล้วกล่าวว่าคณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้วางระเบียบไว้ดังต่อไปน้ี เหตุผลท่ีเป็นเช่นน้ีเนื่องจากระเบียบฉบับนี้ ประสงค์ให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งอยู่ภายใต้กฎหมายนี้ การอ้างมาตรา ๑๑ (๘) แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฯ อาจมีข้อจากัดในกรณีหน่วยงานของรัฐที่เปน็ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และรัฐวิสาหกิจหรือองค์การมหาชน ระเบียบจึงกล่าวไว้ลอย ๆ เพื่อประสงค์จะให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้ออก ระเบยี บดังกล่าว และใชก้ ับทกุ หน่วยงานของรัฐท่ีมพี ระราชกฤษฎกี ากาหนดให้เปน็ หนว่ ยงานของรัฐได้๔๘ อย่างไรก็ตาม หากเป็นระเบียบปฏิบัติภายในของส่วนราชการแล้ว ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นย่อมออกระเบียบใช้ในองค์การน้ันได้เสมอ โดยไม่ต้องอ้าง แม่บทใด เพราะหัวหน้าหน่วยงานย่อมมีอานาจในการบริหารองค์กรนั้นอยู่ในตัว เช่น ปลัดกระทรวง มีอานาจรับผิดชอบควบคุมราชการประจาในกระทรวง ตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ บริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ หรืออธิบดีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบการปฏิบัติ ราชการในกรม ตามมาตรา ๓๒๔๙ ตวั อย่าง (กรณจี ากัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน) - ระเบียบว่าด้วยการจับ ควบคุม ค้น การทาสานวนสอบสวนและดาเนินคดีกับผู้กระทา ความผดิ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเก่ียวกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ อาศัยอานาจตามมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการ ส่อื สาร ออกระเบยี บไว้ ดังตอ่ ไปนี้ ๔๘ สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา, การวางแบบกฎหมาย. ๔๙ ธรรมนิตย์ สุมนั ตกลุ , การจดั ทากฎหมายลาดับรอง.
๑๗๓ ตวั อย่าง (กรณีปกต)ิ - ระเบียบกรมวิชาการเกษตรว่าด้วยหลักเกณฑ์การอนุญาตห้องปฏิบัติการตรวจสอบคุณภาพ วัตถอุ ันตรายพ.ศ. ๒๕๔๖ เพ่ือให้การดาเนินงานเก่ียวกับการตรวจสอบคุณภาพวัตถุอันตราย เป็นไปอย่างเหมาะสมมี ประสิทธิภาพ กรมวิชาการเกษตรจงึ วางระเบียบไว้ ดงั ตอ่ ไปนี้ - ระเบียบกรมวิชาการเกษตรว่าด้วยการตรวจสอบลักษณะของพันธ์ุพืชท่ีขอจดทะเบียนเป็น พันธุ์พืชใหม่ พ.ศ. ๒๕๔๖ อาศัยอานาจตามข้อ ๙ แห่งกฎกระทรวงกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจดทะเบียน การพิจารณาคาขอจดทะเบยี น การประกาศโฆษณาคาขอจดทะเบียนและแบบหนงั สือสาคัญแสดงการจดทะเบียน พันธุ์พืชใหม่ พ.ศ. ๒๕๔๖ ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธ์ุพืช พ.ศ. ๒๕๔๒ อธิบดีกรมวิชาการ เกษตรออกระเบยี บไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี - ระเบียบกรมทรัพยากรธรณีว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการโอนใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนญุ าตประกอบกิจการน้าบาดาล พ.ศ. ๒๕๔๐ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๒๐ ทวิ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติน้าบาดาล พ.ศ. ๒๕๒๐ ซง่ึ เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตนิ ้าบาดาล (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ และมาตรา ๒๕ วรรคสอง แห่งพระราชบญั ญัติ นา้ บาดาล พ.ศ. ๒๕๒๐ กรมทรพั ยากรธรณีจงึ วางระเบยี บไว้ ดังตอ่ ไปนี้ - ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการประเมินเทียบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐานและการศึกษา ระดบั อดุ มศึกษาระดับตา่ กว่าปริญญา พ.ศ. ๒๕๕๑ ด้วยกระทรวงศึกษาธิการเห็นสมควรปรับปรุงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการประเมิน เทียบระดับการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน และการศกึ ษาระดับอดุ มศกึ ษา ระดับตา่ กว่าปริญญาให้เหมาะสมย่ิงขึน้ อาศัยอานาจตามความในขอ้ ๓ แห่งกฏกระทรวงว่าด้วยการแบ่งระดับและการเทียบระดับการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั พ.ศ. ๒๕๔๖ รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธิการจึงวางระเบยี บไว้ดงั ต่อไปน้ี - ระเบยี บสานกั นายกรัฐมนตรวี า่ ดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖ โดยท่ีเป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๐๖ เสียใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น คณะรฐั มนตรีจึงวางระเบยี บไว้ ดังตอ่ ไปนี้ ๖) การแบ่งหมวดหมู่ มีหลักเกณฑ์เช่นเดียวกับพระราชกฤษฎีกาและกฎกระทรวง โดยให้ เรยี งขอ้ ความทีจ่ ะใชเ้ ปน็ ระเบียบเปน็ ขอ้ ๆ โดยให้ ขอ้ ๑ เปน็ ชอ่ื ระเบยี บ ข้อ ๒ เป็นวันใช้บังคบั กาหนดว่าให้ ใช้บังคับต้ังแต่เมื่อใดและข้อสุดท้ายเป็นข้อผู้รักษาการ ระเบียบใดถ้ามีมากข้อหรือหลายเร่ืองจะแบ่งเป็น หมวดกไ็ ด้ โดยใหย้ า้ ยข้อผ้รู ักษาการไปเป็นขอ้ สดุ ท้ายกอ่ นที่จะขึ้นหมวด ๑
๑๗๔ ตัวอย่าง ระเบียบ ก.ต.ช. ว่าด้วยการรับคาร้องเรียนหรือข้อเสนอแนะของประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๙ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๘ (๑) และ (๖) แห่งพระราชบัญญัติตารวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ และมติ ก.ต.ช. ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๔๘ เม่ือวันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงออกระเบียบ ก.ต.ช. เพื่อวางแนวทางปฏิบัติเมื่อมีการร้องเรียนหรือมีข้อเสนอแนะต่อ ก.ต.ช. กต.ตร.กทม. กต.ตร.จังหวดั หรอื กต.ตร.สถานตี ารวจ ไวด้ งั ตอ่ ไปน้ี ข้อ ๑ ระเบียบนเี้ รยี กว่า “ระเบยี บ ก.ต.ช. ว่าด้วยการรับคาร้องเรียนหรือข้อเสนอแนะ ของประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๒ ระเบียบนใ้ี ห้ใชบ้ ังคบั ตัง้ แต่วันถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นตน้ ไป ... ข้อ ๔ ให้ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติรักษาการตามระเบียบน้ี และให้มีอานาจวินิจฉัย ปญั หาตีความเกี่ยวกบั การปฏบิ ัติ รวมท้งั กาหนดแนวทางปฏบิ ตั ิตามระเบยี บน้ี หมวด ๑ บททว่ั ไป ขอ้ ๕ ผรู้ ้องเรียนหรอื ผูเ้ สนอแนะอาจนาคาร้องเรยี นหรือข้อเสนอแนะมายื่นด้วยตนเอง มอบให้ผู้อ่ืนมายื่นแทน ส่งทางไปรษณีย์ โทรสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือโดยวิธีการอื่นใดท่ี ก.ต.ช. กต.ตร.กทม. กต.ตร.จังหวดั หรือ กต.ตร.สถานตี ารวจ กาหนดข้ึนตามที่เหน็ สมควรแลว้ แต่กรณี ให้ ก.ต.ช. กต.ตร.กทม. กต.ตร.จังหวัด หรือ กต.ตร.สถานีตารวจ แล้วแต่กรณี รับคาร้องเรียน หรือข้อเสนอแนะที่ส่วนราชการอน่ื แจ้งให้ทราบไว้พิจารณา หากเห็นวา่ มีลกั ษณะตามข้อ ๙ และหรือ ข้อ ๑๓ แลว้ แตก่ รณี ...
๑๗๕ ๗) ผู้รักษาการตามระเบียบ (๑) นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการ (๒) ปลัดสานักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการ เช่น ระเบียบสานัก นายกรัฐมนตรวี ่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๒๓ (๓) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอ่ืนเป็นผู้รกั ษาการ เช่น ระเบียบสานัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยในการจ้างเอกชนทาการสารวจและทาแผนที่ พ.ศ. ๒๕๔๔ (รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงกลาโหมเปน็ ผ้รู กั ษาการ) (๔) บุคคลอื่น เช่น ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยกองทุน พัฒนาชนบท พ.ศ. ๒๕๓๕ (คณะอนุกรรมการกองทุนพัฒนาชนบทเป็นผู้รักษาการ) ระเบียบสานัก นายกรฐั มนตรีว่าด้วยการประสานงานในการปฏบิ ตั ิตามพระราชบัญญตั ปิ ้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ พ.ศ. ๒๕๔๔ (เลขาธิการ ป.ป.ง. เป็นผูร้ ักษาการ) (๕) ไม่มีการกาหนดผู้รักษาการตามระเบียบ เช่น ระเบียบสานัก นายกรฐั มนตรีวา่ ดว้ ยการลาของขา้ ราชการ พ.ศ. ๒๕๒๐ แนวทางการกาหนดบุคคลผู้รักษาการในระเบียบ๕๐ สรุปได้ ดังนี้ (๑) การกาหนดผู้รักษาการตามระเบียบ ให้กาหนดจากผู้ซึ่งมีหน้าท่ี จะต้องกากับดูแลการปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบ ไม่ใช่กาหนดจากผู้มีหน้าท่ีต้องปฏิบัติให้เป็นไปตาม ระเบียบ (๒) ในกรณีท่ีผู้ออกระเบียบและผู้มีหน้าท่ีต้องกากับดูแลการปฏิบัติ ให้เป็นไปตามระเบียบเป็นบุคคลเดียวกัน ในกรณีนี้ถือได้ว่าผู้ออกระเบียบมีหน้าท่ีกากับดูแลการปฏิบัติให้ เป็นไปตามระเบยี บอยแู่ ล้ว ดังนน้ั จึงไมต่ อ้ งกาหนดใหม้ ผี รู้ ักษาการอีก (๓) ในกรณีท่ีผู้ออกระเบียบและผู้ซ่ึงมีหน้าที่จะต้องกากับดูแลการ ปฏิบัตใิ ห้เปน็ ไปตามระเบยี บไมใ่ ชบ่ ุคคลเดียวกัน ในกรณนี ้ใี ห้ถอื ปฏบิ ตั ิดังนี้ (ก) ในกรณีที่ผู้ซ่ึงมีหน้าท่ีจะต้องกากับดูแลการปฏิบัติให้ เป็นไปตามระเบยี บเป็นบุคคลคนเดียว ใหก้ าหนดผู้นนั้ เป็นผู้รกั ษาการ (ข) ในกรณีท่ีผู้ซึ่งมีหน้าที่จะต้องกากับดูแลการปฏิบัติให้ เป็นไปตามระเบียบเป็นคณะบุคคล เช่น คณะกรรมการ ในกรณีนี้ถือได้ว่าคณะกรรมการจะต้องมีหน้าท่ี ร่วมกันในการกากับดูแลการปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบ การกาหนดให้ประธานกรรมการแต่เพียงผู้เดียว เป็นผรู้ ักษาการจึงไมเ่ หมาะสม ดงั นั้น ในกรณนี ้ีใหก้ าหนดคณะบุคคลเป็นผรู้ กั ษาการ ๕๐ หนังสือสงั่ การของเลขาธกิ ารคณะกรรมการกฤษฎกี า ลงวนั ท่ี ๒๖ ธนั วาคม ๒๕๔๓.
๑๗๖ ๘) ประกาศ ณ วันที่ ให้ลงตัวเลขของวันท่ี ชื่อเต็มของเดือน และตัวเลขของปีพุทธศักราช ท่อี อกระเบยี บ ๙) ลงชื่อ ให้ลงลายมือชื่อผู้ออกระเบียบและพิมพ์ช่ือเต็มของเจ้าของลายมือช่ือ ไว้ใตล้ ายมอื ช่ือ ๑๐) ตาแหน่ง ให้ลงตาแหน่งของผู้ออกระเบียบ ตัวอย่าง - ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการประเมินเทียบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐานและการศึกษา ระดบั อุดมศกึ ษาระดบั ต่ากวา่ ปรญิ ญา พ.ศ. ๒๕๕๑ ฯลฯ ประกาศ ณ วันท่ี ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ สมชาย วงศส์ วสั ดิ์ รฐั มนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร - ระเบียบกรมวิชาการเกษตรว่าด้วยหลักเกณฑ์การอนุญาตห้องปฏิบัติการตรวจสอบคณุ ภาพวัตถุ อนั ตรายพ.ศ. ๒๕๔๖ ฯลฯ ประกาศ ณ วนั ที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ฉกรรจ์ แสงรกั ษาวงศ์ อธบิ ดกี รมวชิ าการเกษตรประกาศ - ระเบยี บ ก.ต.ช. วา่ ด้วยการรบั คารอ้ งเรยี นหรอื ขอ้ เสนอแนะของประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๙ ฯลฯ ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙ พันตารวจโท ทกั ษิณ ชนิ วตั ร นายกรฐั มนตรี ประธานกรรมการนโยบายตารวจแห่งชาติ
๑๗๗ ๑๑) การยกเลิกหรือแก้ไขเพ่ิมเติม มีหลักเกณฑ์เช่นเดียวกับพระราชกฤษฎีกาและกฎกระทรวง ๒.๔.๒.๓ ประกาศ ๑) โครงสร้างของประกาศ ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ.๒๕๒๖ ข้อ ๒๐ ได้กาหนดเกี่ยวกับการจัดทาประกาศไว้ว่า ในการจัดทาประกาศให้จัดทาด้วยกระดาษตราครุฑโดยมี รายละเอียดดังนี้ (๑) ประกาศ ให้ลงชื่อส่วนราชการท่ีออกประกาศ (๒) เรื่อง ให้ลงช่ือเรื่องท่ีประกาศ (๓) ข้อความ ให้อ้างเหตุผลท่ีต้องออกประกาศและข้อความที่ ประกาศ (๔) ประกาศ ณ วันท่ี ให้ลงตัวเลขของวันท่ี ชื่อเต็มของเดือน และ ตัวเลขของปีพุทธศักราชที่ออกประกาศ (๕) ลงช่ือ ให้ลงช่ือผู้ออกประกาศ และพิมพ์ช่ือเต็มของเจ้าของ ลายมือชื่อไว้ใต้ลายมือช่ือ (๖) ตาแหน่ง ให้ลงตาแหน่งของผู้ออกประกาศ ๒) หลักเกณฑ์การยกร่างประกาศ (๑) ช่ือของประกาศ (ก) ชอื่ หนว่ ยงานทอ่ี อกประกาศ ช่ือหน่วยงานที่ออกประกาศนั้นจะกาหนดตามชื่อของ สว่ นราชการผ้อู อกประกาศ หรือช่ือของหน่วยงาน หรือองค์กรที่ออกประกาศ ตัวอย่าง - ประกาศกรมทะเบียนการคา้ เรอ่ื ง ............................................................. พ.ศ. .... - ประกาศคณะกรรมการตลุ าการศาลยตุ ิธรรม เรอื่ ง .................................... พ.ศ. .... - ประกาศกระทรวงคมนาคม เรอ่ื ง ............................................................... พ.ศ. .... - ประกาศกระทรวงการคลัง เรือ่ ง ................................................................ พ.ศ. .... - ประกาศกระทรวงคมนาคม เรือ่ ง ............................................................... พ.ศ. .... - ประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่อื ง ............................................................. พ.ศ. .... - ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เร่ือง ........................................................... พ.ศ. .... - ประกาศสานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร เรื่อง ................................ พ.ศ. ....
๑๗๘ (ข) ชื่อเร่ือง ระบสุ าระสาคัญของเรื่องโดยย่อ ท่ีส่วนราชการ หรือหน่วยงาน หรือองค์กรที่ออกประกาศประสงค์จะประกาศ เช่น กระทรวงคมนาคมประสงค์จะประกาศเกี่ยวกับ หลักเกณฑ์หรือวิธีการที่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติในเวลาที่มีการสั่งหรือนาเข้าส่ิงของจากต่างประเทศ ซง่ึ ถกู กาหนดให้บรรทุกโดยเรือไทย ก็จะระบุชื่อเรื่องซึ่งเป็นสาระสาคัญโดยย่อของเรื่องดังกล่าวไว้ ต่อท้ายจากช่ือของประกาศ ตัวอย่าง - ประกาศกระทรวงคมนาคม เร่ือง การปฏบิ ัติเก่ียวกับการส่ังหรือนาเขา้ มาจากต่างประเทศ ซ่ึงของท่ีกาหนดให้บรรทุกโดยเรือไทย พ.ศ.๒๕๕๑ (๒) คาปรารภ คาปรารภของประกาศไม่มีแบบท่ีแน่นอนตายตัว แต่ควรเขียน ให้ชัดเจน โดยแสดงท่ีมาของการออกประกาศหรือจะกล่าวถึงหลักการและวัตถุประสงค์ไว้กว้าง ๆ ก็ได้ เพื่อประโยชน์ของผู้อ่านท่ีจะสามารถเข้าใจได้ทันที ตัวอย่าง - ประกาศกรมทะเบียนการค้า เร่ือง การตรวจสอบให้คารับรองเครื่องชั่งตวงวัดนอกสถานที่ พ.ศ. ๒๕๔๕ ตามมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติมาตราช่ังตวงวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้บัญญัติว่า ในกรณี เครื่องช่ังตวงวัดที่จะต้องตรวจสอบติดตรึงกับท่ีหรือยากแก่การเคลื่อนย้ายหรือมีจานวนมาก ผู้ยื่นคาขอ จะขอให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีไปตรวจสอบนอกสถานที่สานักงานกลางหรือสานักงานสาขาก็ได้ โดยเสียค่า ทาการใหแ้ ก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผูป้ ฏิบัติงานตามอัตราที่กาหนดในกฎกระทรวง และจ่ายค่าพาหนะเดินทาง ให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่เท่าท่ีจาเป็นและใช้จ่ายไปจริง ดังนั้น เพื่อให้การย่ืนคาขอให้พนักงานเจ้าหน้าท่ี ไปตรวจสอบให้คารับรองเครื่องช่ังตวงวัดนอกสถานท่ีเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อธิบดีกรมทะเบียน การคา้ จงึ ออกประกาศไว้ ดงั ต่อไปน้ี - ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับการสั่งหรือนาเข้ามาจากต่างประเทศ ซง่ึ ของที่กาหนดใหบ้ รรทกุ โดยเรอื ไทย พ.ศ.๒๕๕๑ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ การปฏิบัติเก่ียวกับการสั่งหรือนาเข้ามาจาก ต่างประเทศ ซึง่ ของทก่ี าหนดให้บรรทุกโดยเรือไทยใหม้ ีความเหมาะสมกับการปฏิบตั ิราชการดังกล่าว
๑๗๙ (๓) บทอาศัยอานาจ โดยท่ัวไปแล้วประกาศต้องมีบทอาศัยอานาจอันเป็นท่ีมาของ การออกประกาศ แต่หากเป็นประกาศท่ีเป็นการวางแนวปฏิบัติภายในของส่วนราชการแล้ว ผู้บังคับบัญชา ของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นย่อมออกระเบียบใช้ในองค์การนั้นได้เสมอ โดยไม่ต้องอ้างแม่บทใด เพราะหัวหน้าหน่วยงานย่อมมีอานาจในการบริหารองค์กรน้ันอยู่ในตัว เช่น ปลัดกระทรวงมีอานาจ รับผิดชอบควบคุมราชการประจาในกระทรวง ตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ แผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ หรืออธิบดีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบการปฏิบัติราชการในกรม ตามมาตรา ๓๒ แห่งกฎหมายเดียวกันน้ี ตัวอยา่ ง - ประกาศคณะกรรมการตุลาการศาลยตุ ิธรรม เรือ่ ง กาหนดตาแหน่งข้าราชการตุลาการ ทเี่ รยี กชอ่ื อยา่ งอืน่ อาศยั อานาจตามความในมาตรา ๑๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบขา้ ราชการ ฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมกาหนดให้มีตาแหน่ง ขา้ ราชการตุลาการท่ีเรียกช่ืออย่างอื่น โดยเทียบกับตาแหน่งข้าราชการตุลาการ ตามมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง ดังตอ่ ไปน้ี - ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับการส่ังหรือนาเข้ามาจาก ตา่ งประเทศซึง่ ของท่ีกาหนดใหบ้ รรทุกโดยเรือไทย พ.ศ.๒๕๕๑ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัตสิ ่งเสริมการพาณชิ ยนาวี พ.ศ. ๒๕๒๑ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงคมนาคมออกประกาศ ดังตอ่ ไปนี้ - ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการลดอัตราภาษีสาหรับน้ามัน แก๊สโซฮอล์ พ.ศ.๒๕๕๑ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๐๓ แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.๒๕๒๗ ซง่ึ แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามติ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ.๒๕๓๔ และประกาศกระทรวงการคลัง เร่ือง ลดอตั ราภาษีสรรพสามิต (ฉบับท่ี ๘๒) ลงวันท่ี ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีกาหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการลดอัตราภาษีสาหรับน้ามันแก๊สโซฮอล์ โดยออกประกาศไว้ ดงั ต่อไปนี้
๑๘๐ (๔) วันใช้บังคับ วนั ใช้บังคับของประกาศจะเขยี นแตกต่างกนั ออกไป ในบางฉบับ ไดใ้ ช้ความวา่ “ทั้งน้ี ตง้ั แต่วนั ที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๖ เปน็ ต้นไป” หรือใช้ความว่า “ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ มถิ ุนายน ๒๕๔๖” หรือมิฉะน้ันก็อาจใช้ควบคู่กนั ว่า “ท้ังน้ี ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” และ “ให้ไว้ ณ วนั ท่ี ๒๓ มถิ ุนายน ๒๕๔๖” แล้วลงชอ่ื ผู้มีอานาจออกประกาศ นอกจากนี้ วันใช้บังคับของประกาศอาจลงวันที่ย้อนหลัง หรือกาหนดให้ใช้ในอนาคตได้เสมอ อย่างไรก็ตาม ต้องคานึงถึงความเหมาะสมและข้อเท็จจริงด้วย บางกรณีอาจกาหนดให้ใช้ย้อนหลังไม่ได้ ท้ังนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะท่ี ๖) ได้เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับเร่ืองดังกล่าวไว้ ดงั น้ี “... เมื่อพระราชบัญญัติกาหนดราคาสินค้าและป้องกันการผกู ขาด พ.ศ. ๒๕๒๒ เพียงแต่กาหนดให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยมิได้มีบทบัญญัติใดกาหนดให้ ประกาศคณะกรรมการซ่ึงออกโดยอาศัยอานาจตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมผี ลใช้บังคับตั้งแต่เมื่อใด จึงต้องถือว่ามีผลใช้บังคับในวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เพราะวันที่ประกาศในราชกิจจา นุเบกษาน้ันเป็นวันที่ถือว่าบุคคลท่ัวไปได้ทราบประกาศน้ันแล้ว หากกฎหมายประสงค์จะให้มีผลใช้ บังคับนอกเหนือไปจากวนั ท่ีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ก็จะต้องระบุวนั ใช้บังคับโดยชัดแจ้งในตัวกฎหมาย น้ันเอง ด้วยเหตุผลดังกล่าวประกาศของคณะกรรมการซ่ึงออกโดยอาศัยอานาจตามความในพระราชบัญญัติ กาหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงต้องถือว่ามีผลใช้บังคับในวันท่ีประกาศใน ราชกิจจานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป”๕๑ (๕) การแบ่งหมวดหมู่ โดยทั่วไปแล้วประกาศมักจะไม่ยาว ดังน้ัน การแบ่งหมวดหมู่ อาจไม่จาเป็น แต่ก็ไม่เป็นข้อจากัดเสียทีเดียว เพราะหากในประกาศมีเน้ือหาที่ยาวมาก ก็ควรแบ่งหมวดหมู่ เพ่ือให้เกิดความสะดวกในการใช้และการทาความเข้าใจประกาศ ซึ่งการดาเนินการจะเป็นเช่นเดียวกัน กับการแบ่งหมวดหมู่ในกฎหมายลาดับรองประเภทอื่น ๆ ที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว (๖) การยกเลิกหรือแก้ไขเพ่ิมเติม การยกเลิกหรือแก้ไขเพ่ิมเติมประกาศน้ันไม่มีหลักเกณฑ์ท่ี กาหนดไว้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ดี ควรใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการการยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกา หรือกฎกระทรวง และมขี ้อสังเกตว่าถ้าเป็นไปได้ควรยกเลิกประกาศฉบับเดิมแล้วร่างข้นึ ใหม่ เพราะจะสะดวก ในการอ้างอิงและค้นหาได้มากกว่า ซ่ึงโดยมากประกาศจะไม่ยาวและสามารถกาหนดส่ิงที่ต้องการใหม่ ได้อยู่แล้ว๕๒ ๕๑ สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า, เร่ืองเสรจ็ ที่ ๑๙๓/๒๕๒๕. ๕๒ เรือ่ งเดยี วกนั , ๑๒๔-๑๒๖.
๑๘๑ ๒.๔.๓ ตัวอย่างรปู แบบของร่างกฎ ระเบยี บ และประกาศ ๒.๔.๓.๑ ร่างกฎกระทรวง ตัวอย่าง แบบบันทึกหลักการและเหตุผลของกฎกระทรวง บันทึกหลักการและเหตุผล ประกอบร่างกฎกระทรวง..................... พ.ศ. .... หลักการ กาหนด.........................................................................(กฎกระทรวงใหม่) แก้ไขเพ่ิมเติมข้อ ..... แห่งกฎกระทรวง ............................ เพ่ือ ..... (กฎกระทรวงแก้ไข เพ่ิมเติม) เหตุผล เน่ืองจาก/โดยท่ี .......................... จึงจาเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ หมายเหตุ การเขยี นเหตุผลจะกาหนดในลักษณะกวา้ ง ๆ โดยต้องให้ทราบถึง ความมุ่งหมายหรือเจตนารมณ์ในการออกกฎกระทรวงดังกล่าวด้วย
๑๘๒ ตวั อย่าง แบบของร่างกฎกระทรวง รา่ ง กฎกระทรวง .................................. พ.ศ. .... อาศยั อานาจตามความในมาตรา .. แหง่ พระราชบัญญัติ ....................................................... (อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกบั มาตรา .. ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บญั ญัตใิ ห้กระทาได้โดยอาศยั อานาจตาม บทบญั ญัติแหง่ กฎหมาย) รฐั มนตรวี ่าการกระทรวง .................................. ออกกฎกระทรวงไว้ ดังตอ่ ไปน้ี ขอ้ ๑ ขอ้ ๒ (เน้ือหาของกฎกระทรวง) ข้อ ๓ ข้อ ๔ (วันใช้บังคับ ถา้ ตอ้ งการกาหนดเปน็ กรณพี ิเศษ) ใหไ้ ว้ ณ วันท่ี พ.ศ. .... รฐั มนตรวี า่ การกระทรวง .........................
๑๘๓ ตัวอย่าง แบบของร่างกฎกระทรวงแก้ไขเพ่ิมเตมิ ร่าง กฎกระทรวง .................................. (ฉบบั ท่ี ..) พ.ศ. .... อาศัยอานาจตามความในมาตรา .. แห่งพระราชบญั ญัติ ..................................................... (อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ประกอบกับมาตรา .. ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทาได้โดยอาศัยอานาจตาม บทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมาย) รัฐมนตรีวา่ การกระทรวง .................................... ออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปน้ี ขอ้ ๑ ข้อ ๒ (เน้อื หาของกฎกระทรวง) ขอ้ ๓ ข้อ ๔ (วันใช้บังคับ ถา้ ตอ้ งการกาหนดเปน็ กรณพี เิ ศษ) ใหไ้ ว้ ณ วันที่ พ.ศ. .... รฐั มนตรวี ่าการกระทรวง .........................
๑๘๔ ๒.๔.๓.๒ ร่างระเบยี บ ตัวอย่าง แบบของระเบียบ (แบบที่ ๕) ท้ายระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖
๑๘๕ ตัวอย่าง แบบของระเบียบ ระเบยี บ ก.พ. วา่ ดว้ ยการขอและการพิจารณายกเว้นในกรณที ขี่ าดคุณสมบัตทิ ัว่ ไป พ.ศ. ๒๕๓๕ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๘ (๕) ละมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ ก.พ. ออกระเบยี บไว้ดงั ต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยการขอและการพิจารณายกเว้น ในกรณีที่ขาด คณุ สมบัติทั่วไป พ.ศ. ๒๕๓๕” ขอ้ ๒ ระเบียบนใ้ี หใ้ ชบ้ ังคบั ตงั้ แต่บดั นี้เปน็ ต้นไป ขอ้ ๓ ผูใ้ ดขาดคุณสมบัติท่ัวไปในการที่จะเข้ารบั ราชการเปน็ ข้าราชการพลเรอื นตามมาตรา ๓๐ (๗) (๙) (๑๐) (๑๑) (๑๒) (๑๓) หรือ (๑๔) และเป็นกรณีท่ี ก.พ. อาจพิจารณายกเว้นให้เข้ารับราชการได้ ตามมาตรา ๓๐ วรรคสอง ถ้าผู้นั้นประสงค์จะขอให้ ก.พ. พิจารณายกเว้นในกรณีท่ีขาดคุณสมบัติทั่วไป เพื่อจะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนโดยมีผู้มีเกียรติอันควรเช่ือถือได้ไม่น้อยกว่าสองคนเป็นผู้รับรอง ความประพฤติ ก็ให้ย่ืนคาขอตามแบบ ยว.๑ และหนังสือรับรองตามแบบ ยว.๒ ท้ายระเบียบนี้ พร้อมท้ัง เอกสารทเ่ี กี่ยวข้อง .... ข้อ ๗ ในกรณีที่ ก.พ. ได้พิจารณาลงมติสาหรับผู้ขอยกเว้นในกรณีที่ขาดคุณสมบัติทั่วไป รายใดและผู้น้ันไม่ได้รับการยกเว้น การขอให้ ก.พ. พิจารณายกเว้นในกรณีท่ีขาดคุณสมบัติทั่วไปอีก ผู้นั้นจะขอได้ต่อเมื่อเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วไม่น้อยกว่าหน่ึงปีนับแต่วันที่ ก.พ. ลงมติ ขอ้ ๘ ให้เลขาธกิ าร ก.พ. รักษาการตามระเบียบน้ี ประกาศ ณ วนั ท่ี ๓๐ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๓๕ (ลงชอื่ ) เกษม สุวรรณกลุ (นายเกษม สุวรรณกุล) รองนายกรัฐมนตรี ผ้รู บั มอบหมายจากนายกรฐั มนตรี ประธาน ก.พ.
๑๘๖ ๒.๔.๓.๓ รา่ งประกาศ ตวั อย่าง แบบของประกาศ (แบบที่ ๗) ท้ายระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีวา่ ด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖
๑๘๗ ๒.๕ ข้อบังคับการประชุมสภา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๒๘ วรรคหนึ่ง กาหนดให้ สภาผ้แู ทนราษฎรและวุฒิสภามีอานาจตราขอ้ บังคับการประชุมเกีย่ วกับการเลือกและการปฏิบัติหน้าทีข่ อง ประธานสภา รองประธานสภา เรื่องหรือกิจการอันเป็นหน้าท่ีและอานาจของคณะกรรมาธิการสามัญแต่ละคณะ การปฏิบัติหน้าทแ่ี ละองค์ประชุมของคณะกรรมาธิการ วธิ ีการประชุม การเสนอและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญและร่างพระราชบัญญัติ การเสนอญัตติ การปรึกษา การอภิปราย การลงมติ การบันทึก การลงมติ การเปิดเผยการลงมติ การตั้งกระทู้ถาม การเปิดอภิปรายท่ัวไป การรักษาระเบียบและความเรียบร้อย และการอื่นที่เกี่ยวขอ้ ง รวมท้ังมีอานาจตราข้อบังคับเกี่ยวกับประมวลจริยธรรมของสมาชิกและกรรมาธิการ และกจิ การอ่ืนเพอื่ ดาเนินการตามบทบัญญตั แิ หง่ รัฐธรรมนญู ส่วนข้อบังคับการประชุมรัฐสภานั้น รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๕๖(๑๑) บัญญัติให้รัฐสภาต้อง ประชุมร่วมกัน ในการตรา โดยในระหว่างที่ยังไม่มีข้อบังคับการประชุมรัฐสภา รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๕๗ บญั ญตั ใิ ห้ใชข้ อ้ บงั คับการประชุมสภาผแู้ ทนราษฎรโดยอนุโลมไปพลางก่อน ท้งั นี้ ในการประชมุ ร่วมกันของ รฐั สภาใหน้ าบทบญั ญตั ิแห่งรัฐธรรมนูญท่ีใช้แก่สภาทัง้ สองมาใช้บังคบั โดยอนุโลม เวน้ แต่ในเร่ืองการตั้ง คณะกรรมาธกิ าร กรรมาธกิ ารซึ่งต้ังจากผู้ซ่งึ เปน็ สมาชิกของแต่ละสภาจะต้องมจี านวนตามหรือใกลเ้ คียงกับ อัตราส่วนของจานวนสมาชกิ ของแตล่ ะสภา ๒.๕.๑ หลกั เกณฑใ์ นการยกรา่ งขอ้ บงั คับการประชมุ สภา ๑) คาปรารภของรา่ งขอ้ บงั คับการประชมุ ฯ จะอ้างถึงกฎหมายที่ให้อานาจออกข้อบังคับ เช่น อาศัยอานาจตาม ความในมาตรา ๑๒๘ ประกอบมาตรา ๒๖๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สภานิติบัญญัติ แหง่ ชาตจิ ึงตราข้อบังคับการประชุมสภานติ บิ ัญญตั แิ ห่งชาติขึน้ ไว้ ดงั ต่อไปน้ี ๒) ช่อื ของร่างข้อบงั คับการประชมุ ฯ ข้อบังคับการประชุม ฯ ข้อ ๒ จะกาหนดวันมีผลใช้บังคับของข้อบังคับ การประชุมน้นั ซ่งึ ส่วนใหญจ่ ะกาหนดให้มผี ลต้ังแต่วนั ถัดจากวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
๑๘๘ ๓) บทนยิ ามศพั ทท์ ่ีใช้ในร่างขอ้ บงั คับการประชุม ฯ ข้อบังคับการประชุม ฯ ข้อ ๔ จะเป็นการอธิบายความหมายของ คาศัพทท์ ใี่ ช้ในขอ้ บงั คับ ๔) เนอ้ื หาสาระในรา่ งข้อบังคับการประชุม ฯ คว ร แ บ่ง เนื้อ ห า ข อ ง ข้อบัง คับ กา ร ป ร ะ ชุม ออ ก เป็น ห ม ว ด แ ล ะส่ว น ตามสาระสาคัญที่รัฐธรรมนูญกาหนด เพื่อให้ข้อบังคับการประชุมมีเนื้อหาที่เป็นระบบและง่ายต่อ การสบื คน้ ๕) ผูร้ ักษาการตามขอ้ บงั คบั การประชมุ ฯ หากข้อบงั คับการประชมุ ฉบับน้นั ไม่มีการแบ่งหมวด ให้กาหนดข้อบังคับ ท่ีว่าด้วยผู้รักษาการตามข้อบังคับไว้ในข้อสุดท้าย แต่ถ้ามีการแบ่งเป็นหมวดให้นาข้อผู้รักษาการไป กาหนดเปน็ ขอ้ สุดทา้ ยก่อนที่จะข้ึนหมวด ๑ ๖) การปรับปรงุ แก้ไขข้อบังคับการประชุม ฯ ๒.๕.๒ หลักเกณฑใ์ นการเสนอและพิจารณาร่างข้อบังคบั การประชมุ สภา ๑) สิทธใิ นการริเร่ิมเสนอร่างข้อบงั คบั การประชมุ ฯ สิทธิในการริเร่ิมเสนอร่างข้อบังคับการประชุมสภา เป็นเรื่องที่จากัดอยู่แต่ ภายในองค์กรเท่าน้ัน กล่าวคอื สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎรมีสิทธิริเร่มิ เสนอให้มีการตราข้อบังคับการประชุม สภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภามีสิทธิริเริ่มเสนอให้มีการตราข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา และสมาชิก ทั้งสองสภาร่วมกันมีสิทธิริเริ่มเสนอให้มีการตราข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ดังนั้น บุคคลอ่ืนหรือองค์กร ภายนอกไม่มีสิทธิในการริเร่ิมเสนอให้มีการตราข้อบังคับการประชุมสภา ซึ่งรายละเอียดจะกาหนดไว้ใน ข้อบงั คับการประชมุ ของแตล่ ะสภา ๒) การลงมตใิ หค้ วามเห็นชอบรา่ งขอ้ บังคบั การประชุม ฯ (๑) รา่ งข้อบงั คบั การประชุมสภาผ้แู ทนราษฎร การลงมติให้ความเห็นชอบร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เม่ือสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบแล้วไม่จาต้องส่งไปยังวุฒิสภาเพ่ือพิจารณาแต่อย่างใด โดยสามารถ ทจ่ี ะนาไปประกาศใชเ้ พื่อเป็นข้อบังคับการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรได้ทนั ที (๒) รา่ งข้อบังคบั การประชุมวฒุ ิสภา ในการลงมติให้ความเห็นชอบข้อบังคับการประชุมวุฒิสภาก็มีลักษณะ เดียวกัน กลา่ วคือ เมื่อวุฒิสภาลงมติให้ความเห็นชอบแล้วก็สามารถมผี ลใช้บงั คับได้ทันทีโดยไม่จาเป็นต้อง ผ่านความเหน็ ชอบจากสภาผู้แทนราษฎรอกี
๑๘๙ (๓) รา่ งขอ้ บังคับการประชุมรฐั สภา ในการตราข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ต้องพิจารณาโดยท่ีประชุม ร่วมกันของรัฐสภา และเม่ือท่ีประชุมร่วมกันของรัฐสภาลงมติให้ความเห็นชอบแล้วก็สามารถท่ีจะนา ประกาศใช้ได้ตอ่ ไป ซึง่ รายละเอยี ดจะกาหนดไวใ้ นขอ้ บังคับการประชมุ ของแต่ละสภา ๓) ขั้นตอนก่อนการประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาของร่างข้อบังคับการประชมุ ฯ การตราข้อบังคับการประชุมสภาเกิดจากผลการลงมติของสภาใดสภาหน่ึง เพียงสภาเดียว กล่าวคือ เม่ือร่างข้อบังคับการประชุมสภาผ่านการลงมติของท่ีประชุมสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือรัฐสภาแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา หรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี จะลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ทันที โดยไม่ต้องนาข้ึนทูลเกล้า ฯ ให้พระมหากษัตริย์ ทรงลงพระปรมาภไิ ธยแต่อยา่ งใด ๔) สาระสาคญั ทค่ี วรกาหนดในข้อบงั คบั การประชุม ฯ ไดแ้ ก่ (๑) การเลือกและการปฏบิ ัตหิ น้าทีข่ องประธานสภา รองประธานสภา (๒) เรื่องหรือกิจการอันเป็นหน้าท่ีและอานาจของคณะกรรมาธิการสามัญ แตล่ ะคณะ (๓) การปฏิบตั ิหน้าทีแ่ ละองค์ประชุมของคณะกรรมาธกิ าร (๔) วธิ กี ารประชุม (๕) การเสนอและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และร่างพระราชบญั ญัติ (๖) การเสนอญตั ติ (๗) การปรกึ ษา (๘) การอภปิ ราย (๙) การลงมติ (๑๐) การบันทึกการลงมติ (๑๑) การเปดิ เผยการลงมติ (๑๒) การตงั้ กระทถู้ าม (๑๓) การเปดิ อภิปรายทวั่ ไป (๑๔) การรักษาระเบียบและความเรยี บรอ้ ย และการอืน่ ที่เกย่ี วขอ้ ง (๑๕) การมีอานาจตราข้อบังคับเก่ียวกับประมวลจริยธรรมของสมาชิก และกรรมาธกิ าร (๑๖) การดาเนินกจิ การอื่นเพ่ือดาเนินการตามบทบญั ญตั ิแห่งรฐั ธรรมนูญ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241