๑๙๐ ทั้งน้ี เพื่อให้การปฏิรูปการปฏิบัติงานในรัฐสภาเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ในทางปฏิบัติ อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นไปตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ จึงควรมีการจัดทาข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา โดยกาหนดเร่อื งดังกล่าวไว้ในข้อบังคับการประชุม ๕๓ ๑) จัดทายุทธศาสตร์การปฏิบัติงานของรัฐสภาสู่ความมั่นคงเป็นหนึ่งในหลัก ของอานาจอธปิ ไตยอยา่ งแทจ้ รงิ กาหนดเปา้ หมายและระยะเวลาที่จะบรรลเุ ป้าหมายอยา่ งชดั เจน ๒) จัดทาแผนการปฏิบัติงานประจาปีและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของ สภาผู้แทนราษฎร วฒุ สิ ภา รฐั สภา และคณะกรรมาธิการ พร้อมทง้ั รายงานให้แต่ละสภาทราบทุกปี ๓) กาหนดระยะเวลาเผยแพร่ผลการปฏิบัติงานของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา และคณะกรรมาธิการของแต่ละสภาให้เป็นท่ีแพร่หลายโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพอ่ื ให้ประชาชนสามารถรบั ทราบและเข้าถงึ ข้อมลู ดงั กล่าว ๔) การปกป้องและรักษาไวซ้ ่ึงมติของอานาจอธิปไตยในส่วนงานนิติบัญญัติ ให้เป็นอานาจ สูงสุดของประเทศท่ีฝ่ายสมาชิกรัฐสภาจะต้องปกป้องรักษามติของฝ่ายนิติบัญญัติไว้ให้ เปน็ อานาจสูงสดุ เช่นเดียวกบั อานาจฝ่ายบรหิ ารและอานาจฝ่ายตลุ าการ ๕) ฝ่ายนิติบัญญัติต้องรักษาไว้ซึ่งอานาจฝ่ายนิติบัญญัติ โดยไม่ใช้อานาจ และมตใิ นสภาผแู้ ทนราษฎรหรือวฒุ สิ ภาขา้ งมากทข่ี าดธรรมาภิบาล หรือขาดคณุ ธรรมจรยิ ธรรม ๖) ให้ดาเนินการเลือกประธานวุฒิสภาโดยเร็วในกรณีท่ีไม่มีประธานวุฒิสภา และรองประธานวฒุ ิสภาในระหว่างไม่มสี ภาผูแ้ ทนราษฎร ซึ่งประธานวฒุ ิสภาต้องทาหน้าทปี่ ระธานรัฐสภา ตามบทบัญญตั ิรฐั ธรรมนญู มาตรา ๘๐ ๗) การเสนอและการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ให้กาหนดใหก้ ารตรากฎหมาย ที่มีผลเป็นการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญั ติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกรณีท่ีรัฐธรรมนูญมิได้บัญญัติเง่ือนไขไว้ กฎหมายดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เพิ่มภาระ หรือจากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุและจะกระทบ ต่อศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ ของบุคคลมิได้ รวมทั้งต้องระบุเหตุผลความจาเป็นในการจากัดสิทธิและเสรีภาพ ไว้ด้วย ตามบทบัญญัติ รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง ให้กาหนดให้มีการตรวจสอบว่าก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ ได้มีการรับฟังความ คิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบท่ีอาจเกิดข้ึนจากกฎหมายอย่างรอบด้าน และเป็นระบบ รวมทั้งได้เปิดเผยผลการรับฟังความเห็นและการวิเคราะห์นั้นต่อประชาชนหรือไม่ ๕๓ สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สานักกรรมาธิการ ๒ ปฏิบัติหน้าที่สานักงานเลขาธิการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูป ประเทศ,การปฏิรูปการปฏิบัติงานในรัฐสภา, รายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลอ่ื นการปฏริ ปู ประเทศ, (๒๕๖๐), ๑๙ – ๒๐.
๑๙๑ และนามาประกอบการพิจารณา ในกระบวนการตรากฎหมายทุกข้ันตอน ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา ๗๗ วรรคสอง (๘) การเสนอและการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ให้กาหนดไว้ ในข้อบังคับการประชุมร่วมกันของรัฐสภาให้เข้าใจข้ันตอนและการดาเนินการตามที่ รัฐธรรมนูญบญั ญัติ ตามบทบญั ญตั มิ าตรา ๑๓๐ – มาตรา ๑๓๒ (๙) องคป์ ระชุมสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ในกรณีที่มสี มาชิกรัฐสภาถูกร้อง ต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกว่าสมาชิกภาพของสมาชิกคนใดคนหน่ึงน้ันสิ้นสุดลงตามมาตรา ๑๐๑ หรือ มาตรา ๑๑๑ แล้วแต่กรณีและศาลรัฐธรรมนูญมีคาสั่งใหส้ มาชิกผู้ถูกรอ้ งหยุดปฏิบัตหิ น้าท่ี จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคาวินิจฉัย มิให้นับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาที่หยุด ปฏิบัติหน้าที่นั้นเป็นจานวนสมาชิก ทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภาตามบทบัญญัติ รัฐธรรมนูญ มาตรา ๘๒ (๑๐) กาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการให้สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา เปิดเผย รายงาน การประชุมและบันทึกออกเสียงลงคะแนนของสมาชิกแต่ละคนให้ประชาชนทราบได้ทั่วไป ทั้งนี้ ให้เปิดเผยข้อมูลทางเว็บไซต์ของแต่ละสภา เพ่ือให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้โดยง่าย เว้นแต่กรณกี ารประชมุ ลบั หรอื การออกเสยี งลงคะแนนเป็นการลบั ตามบทบัญญัติรฐั ธรรมนูญ มาตรา ๑๒๐ วรรคสี่ (๑๑) กาหนดหลักเกณฑ์การดาเนินงานของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้คือ ไม่ซ้าซ้อนกัน และในการสอบหาข้อเท็จจริง คณะกรรมาธิการจะมอบอานาจหรือมอบหมายให้บุคคลหรือคณะบุคคลใดกระทาการแทนมิได้ ตามบทบัญญตั ริ ัฐธรรมนญู มาตรา ๑๒๙ วรรคสอง วรรคสาม (๑๒) ให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเปิดเผยบันทึกการประชุม รายงาน การดาเนินการ รายงานการสอบหาข้อเท็จจรงิ หรือรายงานการศึกษา แล้วแต่กรณีของคณะกรรมาธิการ ให้ประชาชน ทราบเวน้ แตส่ ภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภาแลว้ แต่กรณีมีมติมใิ ห้เปิดเผย ตามบทบัญญัติ รฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๒๙ วรรคหก (๑๓) กาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ ตามบทบัญญัติรฐั ธรรมนูญ มาตรา ๒๕๖ (๑๔) การเสนอและการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติท่ีจะตราขึ้น เพ่ือดาเนินการ ตามหมวด ๑๖ การปฏริ ูปประเทศ ตามบทบญั ญตั ริ ัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๗๐ (๑๕) การจัดส่งหนังสือนัดประชุม ระเบียบวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา และคณะกรรมาธิการ ให้จัดส่งทางส่ืออิเล็กทรอนิกส์และให้นาข้อมูลตามระเบียบ
๑๙๒ วาระการประชุม ลงในระบบฐานข้อมูลการประชุมสามารถเรียกดูได้เป็นการประหยัดการใช้กระดาษ และเป็นการลดขั้นตอน การทางานของพนกั งานเจา้ หน้าทีแ่ ละของสมาชิกของท้ังสองสภา (๑๖) การติดตามผลการดาเนินงานของรัฐสภาให้กาหนดไว้ในข้อบังคับ การประชุมสภา (๑๗) การให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอความคดิ เห็นในงานหรือการร่าง กฎหมายต่าง ๆ และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกจิ การงานของสภาผ้แู ทนราษฎร วุฒสิ ภาและรฐั สภา นอกจากน้ี ยังมีเน้ือหาในส่วนของการรับฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์ ผลกระทบเพื่อประกอบการพิจารณาร่างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา ซ่ึงกฎหมายว่าด้วย หลักเกณฑ์การจัดทาร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย กาหนดให้เป็นไปตาม ข้อบังคับที่สภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภากาหนด (ปัจจุบันอยู่ระหว่างดาเนินการพิจารณาและร่าง เน้ือหาของข้อบงั คบั ในสว่ นนี้เพอื่ รองรับกฎหมายดงั กลา่ ว) ๒.๕.๓ แบบของร่างขอ้ บังคบั การประชุมสภา ๒.๕.๓.๑ บนั ทกึ หลกั การและเหตุผล (กรณรี ่างข้อบังคบั การประชมุ ฉบับใหม่) บันทึกหลักกำรและเหตผุ ล ประกอบรำ่ งข้อบังคบั กำรประชุม[รฐั สภำ/สภำผู้แทนรำษฎร/วฒุ สิ ภำ] พ.ศ. .... หลกั การ ใหม้ ีข้อบังคับกำรประชุม[รัฐสภำ/สภำผูแ้ ทนรำษฎร/วุฒสิ ภำ] เหตผุ ล โดยที่ [อ้ำงเหตุผลโดยย่อเพื่อแสดงถึงควำมมุ่งหมำยที่ต้องออกข้อบังคับ] จึงจำเป็นต้อง ตรำขอ้ บงั คบั นี้
๑๙๓ ๒.๕.๓.๒ บนั ทกึ หลกั การและเหตผุ ล(กรณรี ่างขอ้ บังคับการประชุมแกไ้ ขเพิม่ เติม) บนั ทึกหลกั กำรและเหตุผล ประกอบรำ่ งข้อบงั คับกำรประชุม[รฐั สภำ/สภำผ้แู ทนรำษฎร/วุฒิสภำ] (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... หลกั การ แกไ้ ขเพิ่มเติมขอ้ บังคับกำรประชุม[รัฐสภำ/สภำผแู้ ทนรำษฎร/วฒุ สิ ภำ] พ.ศ. .... ดังตอ่ ไปน้ี (๑) ปรับปรุงวธิ กี ำร.............................................................................................................. ..........................................................................................................................(แก้ไขเพ่ิมเติมขอ้ ..) (๒) กำหนดใหม้ ีคณะกรรมำธิกำรวสิ ำมัญ............................................................................. ..........................................................................................................................(แก้ไขเพ่ิมเตมิ ขอ้ ..) (๓) แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ชอื่ และอำนำจหน้ำทีข่ องคณะกรรมำธกิ ำร.................(แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ขอ้ ..) เหตุผล (๒) เนอื่แงบจบำรกา่ขง้อขบ้อังบคังบั คกับำกรปารรปะรชะุมช[รมุ ัฐสสภภาำ/สภำผู้แทนรำษฎร/วุฒิสภำ] พ.ศ. .... ซึ่งใชบ้ ังคับอยู่ ในปัจจุบ-นั ไมแ่สบอบดรค่าลงอ้ ขง้อกบับังสคถับำนกกาำรรปณรแ์ะลชะุมแสนภวาปฏบิ ตั ขิ อง...[อ้ำงเหตผุ ลโดยย่อเพอื่ แสดงถงึ ควำมมุ่งหมำย ท่ีตอ้ งแกไ้ ขเพิ่มเตมิ ข้อบังคบั ] จงึ จำเป็นต้องตรำขอ้ บังคบั น้ี
๑๙๔ ๒.๕.๓.๓ รา่ งขอ้ บังคบั การประชมุ สภา (ฉบบั ใหม่) ร่ำง ขอ้ บงั คบั กำรประชมุ [รัฐสภำ/สภำผแู้ ทนรำษฎร/วุฒสิ ภำ] พ.ศ. .... อำศัยอำนำจตำมควำมในมำตรำ .. ของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย [รัฐสภำ/สภำ ผู้แทนรำษฎร/วุฒิสภำ]จึงตรำขอ้ บงั คบั กำรประชมุ [รัฐสภำ/สภำผู้แทนรำษฎร/วฒุ สิ ภำ]ขึ้นไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ขอ้ ๑ ขอ้ บงั คับน้ีเรียกวำ่ “ขอ้ บงั คับกำรประชุม[รฐั สภำ/สภำผู้แทนรำษฎร/วฒุ สิ ภำ] พ.ศ. ....” ขอ้ ๒ ขอ้ บงั คับน้ใี หใ้ ช้บงั คับตง้ั แต่ .............................................................เป็นตน้ ไป ข้อ ๓ .......................................................................................................................... ขอ้ ๔ .......................................................................................................................... หมวด .. [ช่ือหมวด] ส่วนที่ .. [ชื่อสว่ น] ขอ้ ๕ ........................................................................................................................... ข้อ ๖ ........................................................................................................................... บทเฉพำะกำล ขอ้ ............................................................................................................................. ประกำศ ณ วนั ท่ี พ.ศ. .... () ประธำน[รฐั สภำ/สภำผู้แทนรำษฎร/วฒุ ิสภำ]
๑๙๕ ๒.๕.๓.๔ ร่างข้อบังคับการประชมุ สภา (แกไ้ ขเพ่ิมเติม) ร่ำง ข้อบังคบั กำรประชุม[รฐั สภำ/สภำผู้แทนรำษฎร/วฒุ ิสภำ] (ฉบับท่ี ..) พ.ศ. .... อำศัยอำนำจตำมควำมในมำตรำ ... ของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย [รัฐสภำ/สภำ ผ้แู ทนรำษฎร/วุฒสิ ภำ]จึงตรำขอ้ บงั คบั กำรประชมุ [รัฐสภำ/สภำผู้แทนรำษฎร/วฒุ สิ ภำ]ข้ึนไว้ ดงั ต่อไปนี้ ขอ้ ๑ ขอ้ บงั คับนีเ้ รียกวำ่ “ข้อบังคับกำรประชุม[รัฐสภำ/สภำผแู้ ทนรำษฎร/วุฒิสภำ] (ฉบบั ที่ ..) พ.ศ. ....” ขอ้ ๒ ข้อบังคบั น้ใี หใ้ ชบ้ งั คับตงั้ แต่ ............................................................เปน็ ตน้ ไป ขอ้ ๓ ให้ยกเลกิ ควำมในข้อ .. แหง่ ข้อบังคบั กำรประชมุ [รฐั สภำ/สภำผู้แทนรำษฎร/วฒุ สิ ภำ] พ.ศ. .... และให้ใช้ควำมตอ่ ไปนี้แทน “ขอ้ .. …………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………….................................” ข้อ ๔ ใหย้ กเลกิ ควำมในวรรค .. ของขอ้ .. แหง่ ขอ้ บงั คบั กำรประชมุ [รฐั สภำ/สภำผแู้ ทนรำษฎร/ วุฒสิ ภำ] พ.ศ. .... และใหใ้ ช้ควำมต่อไปนแ้ี ทน “……………………………………………………………………………………………………………................... ............………………………………………………………………………………………………………………...................” ขอ้ ๕ ให้เพมิ่ ควำมตอ่ ไปน้ีเปน็ ข้อ .. แหง่ ขอ้ บังคับกำรประชุม [รฐั สภำ/สภำผู้แทนรำษฎร/ วฒุ สิ ภำ] พ.ศ. .... “ขอ้ .. ……………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………….................................” ขอ้ ๖ ใหเ้ พิ่มควำมต่อไปนี้เป็นหมวด .. [ช่ือหมวด] ข้อ .. แห่งข้อบังคับกำรประชุม [รัฐสภำ/สภำผ้แู ทนรำษฎร/วุฒสิ ภำ] พ.ศ. .... “หมวด .. [ชือ่ หมวด] ข้อ .. ................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................” ขอ้ (สุดท้ำย) ผรู้ ักษำกำรตำมขอ้ บังคบั (ถำ้ มกี ำรแบง่ เปน็ หมวด ใหน้ ำขอ้ ผรู้ กั ษำกำรไป กำหนดเปน็ ขอ้ สุดทำ้ ยกอ่ นที่จะข้ึนหมวด ๑) ประกำศ ณ วันท่ี พ.ศ. .... () ประธำน[รฐั สภำ/สภำผู้แทนรำษฎร/วุฒสิ ภำ]
บทที่ ๓ เทคนคิ และขอ้ พึงระวังในการใหบ้ รกิ ารยกรา่ งกฎหมาย งานด้านการรา่ งกฎหมายเพื่อสนับสนนุ กระบวนการนติ ิบัญญตั ิของรัฐสภาถอื เปน็ ภารกิจ สาคัญของสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยมีสานักกฎหมายซ่ึงมีอานาจหน้าท่ีในการจัดทา ร่างกฎหมาย ตามความต้องการให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการ ส่วนราชการและประชาชน ศึกษา วิเคราะห์เก่ียวกับกฎหมายเพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอ แก้ไขปรับปรุงหรือยกเลิก กฎหมาย ศึกษา วิเคราะห์ร่างกฎหมายท่ีเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อประกอบการพิจารณาให้กับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ติดตามและประสานการจัดทาร่างกฎหมายในข้ันพิจารณาของที่ประชุมสภา ผู้แทนราษฎร ที่ประชุมวุฒิสภา ท่ีประชุมรัฐสภา และท่ีประชุมคณะกรรมาธิการ รวมทั้งศึกษา วิเคราะห์ กฎหมายที่ใช้บังคับ เพ่ือเสนอปรับปรุงหรือให้มีกฎหมายใหม่ อันจะเป็นกลไกในการดาเนินการเพื่อให้เกิด ประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม หรือการบริหารประเทศ บุคลากรผู้ปฏิบัติงานในสานัก กฎหมายจึงจาเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการยกร่างกฎหมายทั้งในทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ ตลอดจน ทกั ษะในการให้บรกิ ารงานร่างกฎหมาย ดังนน้ั เน้อื หาของบทท่ี ๓ น้ีจงึ กล่าวถึงเทคนิคและขอ้ พึงระวัง ในการให้บริการยกร่างกฎหมายซ่ึงสังเคราะห์จากประสบการณ์ของผู้ปฏิบัติงานภายในสานักกฎหมาย เพอ่ื เป็นประโยชน์และเป็นแนวทางปฏบิ ตั ิงานดา้ นการให้บรกิ ารยกรา่ งกฎหมายต่อไป ๓.๑ การให้บริการยกร่างกฎหมายของสานกั กฎหมาย๑ เมื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการ หรือประชาชนท่ัวไป มีความประสงค์จะร่าง กฎหมาย ก็สามารถมาติดต่อขอรับบริการยกร่างกฎหมายได้ที่หอ้ งหน่วยเฉพาะกิจ สานักกฎหมาย ซ่ึงจะมี นติ กิ รหมุนเวียนกันมาให้บริการ โดยมีขน้ั ตอนการปฏิบัติงาน ดังนี้ ขั้นตอนท่ี ๑ การทาความเข้าใจกับปัญหาและความเป็นมาของเรื่อง เพ่ือเป็นข้อมูล เบ้อื งต้น ซึ่งต้องประกอบด้วย ๑) ต้องทราบความเป็นมาของเรื่องเพียงพอที่ผู้ยกร่างจะมองเห็นภาพ โดยรวมของสภาพปัญหาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ๑ สณั ห์ชยั สินธุวงษ์, การพัฒนาศักยภาพของนิติกรให้เป็นนักกฎหมายนิตบิ ัญญัติในงานร่างกฎหมาย : ศึกษากรณีสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, รายงานวิชาการหลักสูตรการพัฒนานักบริหารระดับสูงสาหรับ ข้าราชการรฐั สภาสามัญ รุ่นที่ ๙ , กรุงเทพฯ: สถาบนั พระปกเกลา้ , ๒๕๖๐, ๒๐.
๑๙๗ ๒) ผู้ขอให้ยกร่างต้องกาหนดนโยบายและแจ้งวัตถุประสงค์หลัก ในการมกี ฎหมายใหช้ ัดเจน และผยู้ กร่างต้องเขา้ ใจโดยปราศจากข้อสงสัยในวตั ถปุ ระสงค์นั้น ๓) ต้องกาหนดวิธีการดาเนินการที่ชัดเจนเพ่ือท่ีจะนาไปสู่วัตถุประสงค์ หลกั น้นั ๔) ต้องมีการหารือร่วมกับผู้ขอให้ยกร่างที่เป็นผู้กาหนดนโยบายให้ได้ คาตอบที่ผู้ยกร่างสามารถวางแผนได้ ขั้นตอนที่ ๒ การวิเคราะห์กลไกของกฎหมาย เพื่อนานโยบายมาศึกษาวิเคราะห์ และกาหนดกลไกของกฎหมาย ซง่ึ ต้องประกอบดว้ ย ๑) การจัดทาโครงสร้างหรือหัวข้อของกฎหมายว่ามีก่ีหัวข้อที่จาเป็นต้องมี ในกฎหมาย เพื่อให้บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ ๒) การวิเคราะห์แต่ละหัวข้อว่ามีปัญหาข้อกฎหมายหรือข้อขัดข้อง ในการใชก้ ฎหมายอย่างไร ๓) ต้องมีความรู้ความเข้าใจเกยี่ วกบั เคร่ืองมือในการช่วยกาหนดกลไก ของกฎหมาย ดงั น้ี (๑) ระบบกฎหมายของไทยทีใ่ ชบ้ งั คบั ในปจั จุบนั และในอดีต (๒) กระบวนการตรากฎหมาย (๓) ลักษณะหรือลาดบั ชัน้ ของกฎหมาย (๔) รเู้ นอ้ื หาของกฎหมายทุกฉบับ (๕) รกู้ ลไกของกฎหมายท่ีเก่ียวข้องแตล่ ะฉบบั (๖) กฎหมายต้องไม่ขัดแย้งกัน ๔) ต้องมคี วามรู้ความเข้าใจเกยี่ วกบั ระบบการบรหิ ารงาน ดงั น้ี (๑) กฎหมายจะบังคับใช้ได้ไม่ใช่มีเพียงบทลงโทษอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์กรบังคับใชก้ ฎหมายที่เหมาะสม (๒) ต้องรู้ว่ากรณีใดควรเป็นอานาจของรัฐมนตรี/ปลัดกระทรวง/ อธิบดี หรือควรเปน็ คณะกรรมการ (๓) ควรทาโดยเจ้าหนา้ ทหี่ รือเอกชน / การออกแบบองคก์ ร ๕) ตอ้ งมคี วามรู้ความเข้าใจเรื่องเทคนิคของเร่ืองท่จี ะตรากฎหมาย ๖) ต้องทราบสภาพปญั หากฎหมายทเี่ กี่ยวขอ้ งกับเรือ่ งน้นั ๗) ตอ้ งมีความรเู้ ร่อื งการเปรียบเทียบกฎหมายตา่ งประเทศ
๑๙๘ ข้ันตอนท่ี ๓ การเขียนกฎหมาย เป็นขั้นตอนการยกร่างเป็นกฎหมาย ซึ่งต้องใช้ กระบวนการในการคิดและเขยี นเปน็ ข้อความใหต้ รงความมุ่งหมาย ซึง่ มขี อ้ พจิ ารณาดังนี้ ๑) การยกร่างกฎหมายใหม่ ต้องมีเนื้อหาครบถ้วนจบกระบวนการ ในฉบับเดียว ท้ังกรณี ผู้บริหารกฎหมาย/ผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย/วิธีปฏิบัติตามกฎหมาย/การควบคุม หรือบังคับใช้กฎหมาย ๒) การยกร่างกฎหมายแก้ไขเพ่ิมเติม กฎหมายแกไ้ ขเพ่ิมเติมเป็นการยกเลิก ข้อความเดมิ และนาข้อความใหม่เข้าไปแทนที่ จะต้องพิจารณาดังน้ี (๑) กฎหมายท่ีแก้ไขเพ่ิมเติมมีความสอดคล้องและไปกันได้กับ กฎหมายเดิมหรือไม่ รวมท้งั ระยะเวลาการใช้กฎหมายด้วย (๒) กฎหมายที่แก้ไขใหม่ ถ้าต่อมาถูกยกเลิก กฎหมายเก่าไม่กลับคืนมา (ถ้าจะเอาหลกั การเดิมก็ต้องเขียนใหม่) (๓) กฎหมายทีแ่ กไ้ ขอาจแยกเป็นบทตา่ งหากก็ได้ ขน้ั ตอนที่ ๔ การตรวจสอบกฎหมายทย่ี กร่างเสร็จ ๑) เมื่อยกร่างกฎหมายเสร็จแล้ว จะต้องตรวจสอบขั้นสดุ ท้ายก่อนเสนอ รา่ งกฎหมาย ๒) การตรวจสอบร่างกฎหมาย นอกจากตรวจสอบภาพรวมของกฎหมาย ทั้งฉบบั แล้ว ควรตรวจสอบในเร่ืองดังนด้ี ้วย (๑) การใช้ถ้อยคา/การใชว้ รรคตอน (๒) ผลกระทบกับกฎหมายอืน่ (อาจมีกฎหมายที่แกไ้ ขใหม่อกี ) (๓) การอ้างองิ ตวั บทกฎหมายภายในร่าง (๔) การกาหนดคานยิ าม / คาทม่ี คี วามหมายเฉพาะ (๕) บทกาหนดโทษ (๖) การแบ่งหมวดหมู่ (๗) การใชต้ วั เลข
๑๙๙ แผนผงั แสดงกระบวนการใหบ้ รกิ ารยกรา่ งกฎหมายของสานักกฎหมาย สมาชิกฯ ตดิ ตอ่ ขอรบั บรกิ ารห้อง หน่วยเฉพาะกิจ นิติกรค้นควา้ ข้อมลู ท่เี ก่ียวข้องเพือ่ ใช้ในการยกรา่ งกฎหมาย นติ ิกรดาเนนิ การยกรา่ งกฎหมาย ณเหจอ้้าหงหนนา้ ท่วยบี่ เนัฉทพึกาะขกอ้ ิจมูลพิมพ์ นิตกิ รตรวจทานความถกู ตอ้ ง ไมถ่ ูกตอ้ ง ผูบ้ งั คบั บญั ชาฯตรวจสอบ ถูกต้อง ไมค่ รบถว้ น ความถูกตอ้ งตามมาตรฐาน ครบถ้วน ไม่สมบูรณ์ สมบูรณ์ สง่ มอบรา่ งกฎหมายใหส้ มาชิกรบั งานและลงชอ่ื รับงานในใบให้บรกิ าร
๒๐๐ ๓.๒ เทคนคิ ในการให้บริการยกร่างกฎหมาย๒ ด้วยเหตุที่การปฏิบัติงานด้านการยกร่างกฎหมายเป็นงานท่ีจาเป็นต้องใช้ความรู้ ความสามารถหลายด้าน ทั้งการทาความเข้าใจสาระสาคัญของกฎหมายเพื่อจะได้ยกร่างกฎหมายให้ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้ขอรับบริการ องค์ความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีการยกร่างกฎหมาย ในเร่ืองประเภท โครงสร้างหรือแบบของกฎหมาย การเขียนและใช้ถ้อยคาในกฎหมายไปจนถึงการตรวจสอบความถูกต้อง สอดคล้องกับบทกฎหมายฉบับอื่น ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ปฏิบัติงานจะต้องใช้ความรู้ ความสามารถและความละเอียดรอบคอบ ภายในระยะเวลาอันจากัด เทคนิคการปฏิบัติงานจาก ประสบการณ์ของผู้ปฏิบัติงานรุ่นพ่ีจึงมีประโยชน์สาหรับรุ่นน้องเป็นอย่างมาก เพื่อป้องกันมิให้เกิด ปัญหาในลักษณะเดิมขึ้นซ้า และเพื่อให้รุ่นน้องมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ในกรณีตา่ ง ๆ ดังน้ี ๑) กรณีท่ีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผมู้ าขอรับบริการขอให้ยกร่างพระราชบัญญัติ ขึ้นใหม่ หรือแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ แต่เมื่อพิจารณาแล้วมีความซ้าซ้อนกับกฎหมายที่มีอยู่ แล้ว แต่สมาชิก ฯ ยังคงมีความประสงคท์ ีจ่ ะรา่ งกฎหมายนน้ั ๆ สามารถดาเนนิ การไดต้ ามขน้ั ตอนดังต่อไปนี้ ขัน้ ตอนท่ี ๑ กรณที ก่ี ฎหมายนั้นมีความซ้าซ้อน ให้อธิบายถงึ เหตุผลวา่ กฎหมาย ฉบับน้ันไม่จาเป็นต้องมีข้ึนอีกเน่ืองจากมีการบัญญัติกฎหมายในเร่ืองดังกล่าวแล้ว หากมีความประสงค์ จะเพิ่มเติม ขอให้ยกร่างเป็นพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมจะเหมาะสมกว่า ในกรณีท่ีสมาชิก ยงั คงยนื ยนั ความประสงค์ใหป้ ฏิบัติตามข้ันตอนที่ ๒ ขนั้ ตอนท่ี ๒ หากสมาชิก ฯ ยังยืนยันให้ปฏิบัติเช่นน้ัน ให้นิติกรผู้รับเรื่องทา บนั ทึกเหตผุ ลของการไม่ควรยกร่างไวเ้ ป็นลายลักษณ์อกั ษรแนบท้ายรา่ งพระราชบญั ญัติทีจ่ ัดทา ๒) กรณีที่ร่างพระราชบัญญัติที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้มาขอรับบริการ ต้องการนั้น อาจก่อให้เกิดผลกระทบกับบุคคลภายนอกหรือหน่วยงานอื่น ซึ่งอยู่นอกขอบวัตถุท่ี ประสงค์ของกฎหมายท่ีเป็นแม่บท ทาให้เกิดปัญหาในการบังคับใช้ เช่น ก่อให้เกิดการก่อต้ังองค์กรขึ้นใหม่ หรือเปลยี่ นแปลง หรือกระทบกระเทอื นต่ออานาจหน้าท่ขี ององค์กร ฯลฯ สามารถดาเนินการไดต้ ามขัน้ ตอนดังต่อไปน้ี ขั้นตอนที่ ๑ กรณีมีการแก้ไขกฎหมายและมีผลกระทบต่ออานาจหน้าที่ของ องค์กรท่ีมีอยู่แต่เดิมแล้ว ให้นิติกรผู้รับเรื่องแนะนาว่าหากสมาชิกฯ มีความประสงค์จะให้มีการ ดาเนินการในเรื่องดังกล่าว ควรใช้วิธีการแก้ไขเพิ่มเติมในกฎหมายแม่บทที่ให้อานาจองค์กรที่มีอยู่ ๒ เร่อื งเดยี วกัน, ๑๓ – ๑๕
๒๐๑ เดิมแทน เพราะการยกร่างกฎหมายเพื่อต้ังองค์กรใหม่ข้ึนมา นอกจากขอบข่ายอานาจอาจทับซ้อนกับ องค์กรเดิมแลว้ อาจเป็นการสนิ้ เปลืองทรพั ยากรหรือบุคลากรโดยไม่จาเปน็ ข้ันตอนท่ี ๒ หากสมาชิกฯ ยังยืนยันให้ปฏิบัติเช่นนั้น ให้นิติกรผู้รับเรื่องทา บนั ทึกเป็นลายลกั ษณอ์ ักษรแนบทา้ ยรา่ งกฎหมายดงั กล่าว ๓) กรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้มาขอรับบริการได้มาขอให้การยกร่าง พระราชบัญญตั ทิ ี่มรี ูปแบบหรือเน้ือหาท่ีไมส่ ามารถเป็นไปไดใ้ นทางปฏบิ ตั ิ สามารถดาเนนิ การได้ตามข้นั ตอนดังตอ่ ไปนี้ ข้ันตอนที่ ๑ กรณีท่ีไม่ชัดเจนในหลักการหรือเจตนารมณ์ของกฎหมายท่ีสมาชิก ฯ ต้องการให้ร่าง ให้ทาการสอบถามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเด็นที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ยกร่าง กฎหมาย หากยังคงไม่ได้ความชัดเจน ใหน้ ิตกิ รพยายามหากฎหมายใกล้เคยี งมาเทียบเพอื่ ปรบั แก้ไขให้ ใกล้เคียงกับแนวความคิดของสมาชิก ฯ มากทส่ี ดุ ในกรณีทรี่ ่างกฎหมายมชี ่อื หรอื รปู แบบหรือเนอื้ หาไม่สามารถเปน็ ไปไดใ้ นทางปฏิบัติ นิติกรผู้รับเรื่องต้องอธิบายถึงหลักปฏิบัติโดยทั่วไปในเรื่องน้ัน ๆ และชี้แจงให้เห็นว่าหลักการของ กฎหมายทีส่ มาชิก ฯ เสนอใหร้ า่ งน้นั ไมส่ ามารถเปน็ ไปได้ในทางปฏิบตั ิเพราะเหตุใด ขนั้ ตอนที่ ๒ หากสมาชิก ฯ ยังยืนยันให้ร่างกฎหมายเช่นนั้น ให้นิติกรผู้รับเร่ือง ทาบนั ทึกเป็นลายลกั ษณ์อักษรแนบท้ายร่างกฎหมายดังกล่าว ๔) กรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้มาขอรับบริการมอบหมายให้ผู้ช่วยเป็น ผู้ประสานงานติดต่อกับนิติกรผู้ร่างกฎหมาย ซ่ึงอาจทาให้ได้รับประเด็นท่ีไม่ชัดเจน และไม่ตรงตาม ความประสงค์ของสมาชิก ฯ และอาจทาให้ต้องมกี ารแก้ไขหลายครงั้ ให้นิติกรผู้ร่างกฎหมายประสานงานกับสมาชิก ฯ โดยตรง เพื่อให้ทราบความประสงค์ ท่ีแท้จริงและรายละเอียดอันจาเป็นในการยกร่างกฎหมาย แต่หากไม่สามารถติดต่อได้ ก็ให้สอบถาม รายละเอยี ดจากผู้ช่วยให้มากท่สี ุด ๕) กรณีท่ีสมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรหรือผมู้ าขอรบั บริการขอให้รา่ งกฎหมายและขอรับ ร่างกฎหมายภายในเวลาอันจากัด ซึ่งนิติกรผู้รับเรื่องได้พิจารณาเนื้อหาของกฎหมายแล้วไม่สามารถ ดาเนินการได้ทัน (เช่น ต้องการภายในวันเดียวกันนั้นเอง หรือให้เวลาทางานเพียงสองถงึ สามวัน อันเป็นการขัดกับหลักการร่างกฎหมายที่จะต้องมีการศึกษาหาความรู้ในเรื่องที่ต้องการยกร่าง อย่างละเอียดรอบคอบเสียก่อน ซึ่งอาจทาให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น และตัวกฎหมายก็ไม่สามารถ บังคบั ใช้ไดจ้ ริง โดยตอ้ งการทง้ั ความรวดเร็วและคณุ ภาพดไี ปพร้อมกัน) กรณีเช่นน้ีนิติกรผู้รับเรื่องทาการช้ีแจงด้วยวาจาและขอระยะเวลาในการทางานเพ่ิม เพื่อประโยชน์ของการยกร่างกฎหมายให้มีประสิทธิภาพ แต่หากทางสมาชิก ฯ ยังยืนยันให้ปฏิบัติเช่นนั้น นิติกรกต็ ้องดาเนินการตามความประสงค์
๒๐๒ ๖) กรณีทสี่ มาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรอื ผูม้ าขอรบั บรกิ ารนาร่างกฎหมายทไี่ ม่เป็นไปตาม รูปแบบมาให้แก้ไข นิติกรผู้รับเร่ืองชี้แจงให้สมาชิก ฯ ทราบถึงรูปแบบในการแก้ไขเพ่ิมเติมกฎหมาย และดาเนินการแกไ้ ขเพ่ิมเติมร่างกฎหมายน้ัน เพื่อให้เป็นไปตามรูปแบบของกฎหมายต่อไป ๗) กรณีที่ร่างกฎหมายที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้มาขอรับบริการต้องการ เป็นเพียงการแก้ไขเล็กน้อย เช่น แก้ไขเพียง ๑ มาตรา ซ่ึงสามารถแปรญัตติในสภาได้เน่ืองจากกฎหมาย กาลังเข้าสู่การพิจารณาของสภา แต่สมาชิกต้องการให้ทาเป็นร่างกฎหมายฉบับใหม่ภายใต้ชื่อ ตน เป็นผู้เสนอ ในกรณีน้ีสามารถดาเนินการได้โดยการแปรญัตติ ซ่ึงนิติกรผู้รับเรื่องอาจชี้แจงว่า สามารถดาเนินการโดยวิธกี ารดังกลา่ วจะเปน็ การเหมาะสมและรวดเรว็ กว่ามาก แต่ในกรณที ่ีสมาชิก ฯ ยังคงยืนยันท่ีจะให้ดาเนินการยกร่างเป็นกฎหมาย ให้นิติกรผู้รับเร่ืองทาการเสนอความคิดเห็นด้วยวาจา ไปก่อน หากสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรยังยืนยนั ให้ปฏิบัติเชน่ นั้นก็ใหด้ าเนินการตามความประสงค์ ๘) กรณีทตี่ ้องการศกึ ษาค้นคว้าข้อมลู เพ่ิมเตมิ สาหรบั การยกรา่ งกฎหมาย นติ ิกรผู้รบั ผิดชอบควรดาเนินการศึกษาหาขอ้ มูลเพิ่มเตมิ จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ อาทิ เอกสารทางราชการ งานวิจัย บทความวิชาการ วารสาร นิตยสาร สงิ่ พมิ พ์ตา่ ง ๆ ตลอดจนกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องท้ังในและต่างประเทศ Search Engine หรือสอบถามจากนักวิชาการผู้เช่ียวชาญจาก กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ หรอื สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๙) กรณีท่ีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้มาขอรับบริการให้ร่างกฎหมายในเร่ืองเดียวกัน หลายคน ซึ่งอาจมปี ระเดน็ บางอยา่ งแตกตา่ งกนั นติ ิกรผูร้ ับเรอ่ื งควรประสานงานกับกลมุ่ งานต่าง ๆ ในสานกั กฎหมายเพื่อตรวจสอบ ว่าเนื้อหาของกฎหมายท่ีได้รับมอบหมายน้ันเป็นเร่ืองเดียวกันหรือไม่ ซ้าซ้อนกันหรือไม่ แตกต่างกัน หรือไม่ หากซ้าซ้อนควรนาร่างกฎหมายฉบับเดิมมาปรับปรุงแก้ไข ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีความสอดคล้องตามความต้องการของทา่ นสมาชิก ฯ ๑๐) กรณีที่ยกร่างกฎหมายแล้วเสร็จ สมาชิก ฯ จะนาร่างกฎหมายนั้นยื่นต่อสานัก การประชุมเพื่อบรรจุระเบียบวาระ ในบางคร้ังเจ้าหน้าที่สานักการประชุมอาจมีความเข้าใจไม่ตรงกับ นิติกรผู้ร่างกฎหมาย นิติกรผู้ยกร่างกฎหมายจะต้องช้ีแจงและทาความเข้าใจเพ่ือหาข้อยุติในปัญหาของ ร่างกฎหมายนั้น ๆ โดยหารือระหว่างสมาชิก ฯ นิติกรผู้ยกร่าง และเจ้าหน้าที่สานักการประชุม เพ่ือหาข้อยุติและแนวทางแกไ้ ขตอ่ ไป
๒๐๓ ๓.๓ ข้อพึงระวังในการยกร่างกฎหมาย ๓.๓.๑ การยกรา่ งรัฐธรรมนูญแก้ไขเพม่ิ เติม คาวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ ๑๕-๑๘/๒๕๕๖ ได้วางบรรทัดฐานไว้ในประเด็นท่ี เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ที่มีลักษณะเป็นการกระทาเพื่อให้ได้มา ซึ่งอานาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่มีผู้เสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภา มีเนื้อความไม่ตรงกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่ได้มีการแจกจ่ายให้สมาชิกรัฐสภาพิจารณา ในวาระท่ีหนึง่ ขน้ั รบั หลักการ ซึง่ จากการตรวจสอบพยานหลกั ฐาน เชื่อได้วา่ รา่ งรฐั ธรรมนูญแก้ไขเพ่มิ เติม ท่ีเสนอให้สมาชิกรัฐสภาพิจารณาในวาระท่ีหนึ่งขั้นรับหลักการมิใช่ร่างเดิมท่ีผู้เสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา ย่ืนต่อสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แต่เป็นร่างท่ีจัดพิมพ์ขึ้นใหม่ซึ่งมีการเพ่ิมเติม เปล่ียนแปลงหลักการท่ีสาคัญจากร่างเดิมหลายประการ โดยไม่ปรากฏว่ามีสมาชิกรัฐสภาร่วมลงชื่อ เสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่จัดทาขึ้นใหม่แต่อย่างใด จึงมีผลเท่ากับว่าการดาเนินการ ในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่รัฐสภารับหลักการ เป็นไปโดยมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๙๑(๑) วรรคหน่ึง นอกจากนี้ เน้ือหาของร่าง รัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับท่ีมาของสมาชิกวุฒิสภา มีลักษณะเป็นการทาลาย สาระสาคัญของการมีสองสภานาไปสู่การผูกขาดอานาจรัฐ ตัดการมสี ่วนร่วมของปวงประชาหลากสาขา หลายอาชีพ เป็นการเปิดช่องให้ผู้ร่วมกระทาการครั้งนี้มีโอกาสได้มาซึ่งอานาจในการปกครอง โดยวิธีการที่มิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไข เพิ่มเติม ในเรอื่ งกระบวนการตรากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ด้วยการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรและสมาชกิ วุฒิสภาที่จะบัญญัติขึ้นใหม่ ได้รวบรัดให้มีการประกาศใช้โดยไม่ต้องปฏิบัติตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๑ ที่จะต้องส่งร่างกฎหมายให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตรวจสอบความชอบด้วย รัฐธรรมนูญก่อน จึงเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มีเนื้อความที่เป็นสาระสาคัญขัดแย้งต่อหลักการ พื้นฐานและเจตนารมณข์ องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ จากคาวินจิ ฉัยดังกล่าว ผปู้ ฏบิ ัติงานด้านการยกร่างกฎหมาย มขี ้อพึงระวัง ดังนี้ ๑) รา่ งรัฐธรรมนูญแกไ้ ขเพิ่มเติม นอกจากจะต้องไม่มีผลเป็นการเปล่ียนแปลง การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือเปลี่ ยนแปลงรูปแบบ ของรัฐแล้ว ยังจะต้องไม่มีเนื้อความที่ขัดแย้งต่อหลักการพื้นฐานและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ หรือขัดกบั หลักการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอกี ดว้ ย
๒๐๔ ๒) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติว่าการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญให้กระทาได้โดยการเสนอญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ ซ่ึงต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของ สภาผู้แทนราษฎร หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจานวนไมน่ ้อยกว่าหนึ่งในห้า ของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา หรือจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจานวน ไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคนตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย โดยญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติม ต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต่อรัฐสภาและให้รัฐสภาพิจารณาเป็นสามวาระ ดังน้ัน หากมีกรณีท่ีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซ่ึงเป็นผู้เสนอญัตติขอให้แก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ ขอให้ ผู้ปฏิบัติงานด้านการยกร่างกฎหมายแก้ไขข้อความในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ก่อนท่ีบรรจุวาระ ซึ่งมิใช่เป็นการแก้ไขในเร่ืองผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เช่น พิมพ์ผิด หากแต่เป็นการแก้ไขข้อความท่ี แตกต่างไปจากร่างเดิม ผู้ปฏิบัติงานต้องแจ้งให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นผู้เสนอญัตติ ดาเนินการให้สมาชิกรัฐสภาร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญท่ีจัดทาข้ึนใหม่อีกครั้ง มิฉะน้ันจะมีผลเท่ากับว่าการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นไปโดยมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ตามทศี่ าลรฐั ธรรมนูญไดม้ คี าวินิจฉยั ไว้ ๓.๓.๒ การยกรา่ งพระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญ โดยท่ีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณ าจักรไทย มาตรา ๒๗๕ กาหนดให้ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญท่ีต้ังข้ึนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑) พุทธศักราช ๒๕๕๘ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี ๒) พุทธศักราช ๒๕๕๙ เป็นผู้จัดทาร่าง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทัง้ ๑๐ ฉบบั และปัจจุบนั คณะกรรมการรา่ งรัฐธรรมนูญได้จดั ทา ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง ๑๐ ฉบับนั้นเสร็จสิ้นแล้ว ดังน้ัน จึงไม่อาจมีการยกร่าง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่นอกเหนือจาก ๑๐ ฉบับท่ีปรากฏในรัฐธรรมนูญ คงมีเพียงการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเท่าน้ันท่ีอาจมีข้ึนได้ และด้วยเหตุที่ รัฐธรรมนูญกาหนดให้การตราพระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญกระทาเช่นเดียวกบั พระราชบัญญัติ ดังนั้น จึงสามารถใช้ข้อพึงระวังในการยกร่างพระราชบัญญัติในหัวข้อที่ ๓.๓.๓ เป็นข้อพึงระวัง ในการยกร่างพระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนูญด้วยเช่นกนั
๒๐๕ ๓.๓.๓ การยกร่างพระราชบญั ญัติ ๑) การยกร่างพระราชบัญญัติ นอกจากจะต้องดาเนินการให้ถูกต้องตามแบบ โครงสร้าง และเจตนารมณ์ของผู้เสนอแล้ว ยังจะต้องมีเนื้อหาที่สอดคล้องและไม่ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะร่างพระราชบัญญัติท่ีจากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลซ่ึงได้รับการรับรองไว้ โดยชัดแจ้งในรัฐธรรมนูญ ผู้ยกร่างจะต้องพิจารณาเง่ือนไขหรือเหตุในการจากัดสิทธิหรือเสรีภาพ ตามที่รัฐธรรมนูญกาหนด โดยพิจารณาคาพิพากษาหรือคาวินิจฉัยของศาลฎีกา ศาลปกครองสูงสุด หรอื ศาลรฐั ธรรมนญู รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาประกอบดว้ ย เชน่ คาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ ๓/๒๕๕๙ กรณีพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๙ ที่บัญญัติว่า ในกรณีท่ีการกระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของนิติบุคคลใด ให้ถือว่า หุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือผู้มีอานาจในการดาเนินงานในกิจการของ นิติบุคคลน้ัน หรือผู้ซ่ึงรับผิดชอบในการดาเนินงานของนิติบุคคลในเรื่องนั้น เป็นตัวการร่วมในการกระทา ความผิดด้วย เว้นแต่ จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนรู้เห็นในการกระทาความผดิ นั้น ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า เป็นการสันนิษฐานความผิดอาญาของผู้ต้องหาหรือจาเลย โดยไม่ปรากฏว่าผู้ต้องหา หรือจาเลยได้กระทาการหรือมีเจตนาประการใดเกี่ยวกับการกระทาความผิดนั้น ขัดกับหลักพ้ืนฐาน ว่าด้วยความรับผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ ท่ีบัญญัติว่า “บุคคลจะต้องรับ ผิดในทางอาญาก็ต่อเม่ือได้กระทา...” ขัดกับหลักนิติธรรมที่ว่า โจทก์ในคดีอาญาต้องมีภาระการพิสูจน์ถึง การกระทาความผิดของจาเลยให้ครบองค์ประกอบของความผิด นอกจากน้ี ยังเป็นการนาบุคคลเข้าสู่ กระบวนการดาเนินคดีอาญาให้ต้องตกเป็นผู้ต้องหาหรือจาเลย ซึ่งทาให้บุคคลอาจถูกจา กัดสิทธิ และเสรภี าพ เช่น การถูกจบั กุม หรอื ถูกคุมขัง โดยไม่มพี ยานหลกั ฐานโดยสมควร จากคาวินจิ ฉัยดังกล่าว ผู้ยกร่างกฎหมายจึงต้องพึงระวังมิใหร้ ่างกฎหมาย มีเนื้อหาที่เป็นการสันนิษฐานความผิดอาญาของผู้ต้องหาหรือจาเลย โดยไม่ปรากฏว่าผู้ต้องหา หรอื จาเลยได้กระทาการหรือมีเจตนาประการใดเก่ียวกับการกระทาความผิดน้ัน ซึ่งขัดกับหลักพื้นฐาน ว่าด้วยความรับผิดทางอาญาและขัดกับหลักนติ ิธรรม ตามทศ่ี าลรัฐธรรมนูญได้เคยมคี าวินจิ ฉัยไว้ ๒) หากร่างพระราชบัญญัติที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือประชาชน ขอให้ดาเนินการยกร่างมีเนื้อหาเก่ียวกับการตั้งข้ึน ยกเลิก ลด เปล่ียนแปลง แก้ไข ผ่อน หรือวางระเบียบ การบังคับอันเก่ียวกับภาษีหรืออากร การจัดสรร รับ รักษา หรือจ่ายเงินแผ่นดิน หรือการโอน งบประมาณรายจ่ายของแผ่นดิน การกู้เงิน การค้าประกัน การใช้เงินกู้ หรือการดาเนินการที่ผูกพัน ทรัพย์สินของรัฐ เงินตราเกี่ยวด้วยการเงิน ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๓๔ ถือว่าเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน ผู้ยกร่างกฎหมายจะต้องให้คาแนะนาแก่ผู้ขอให้ยกร่าง วา่ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจะเสนอได้ก็ต่อเมื่อมีคารับรองของนายกรัฐมนตรีเท่าน้ัน หรือหากมีกรณี
๒๐๖ เป็นท่ีสงสัยว่าร่างพระราชบัญญัตินั้น เป็นร่างพระราชบัญญัติเก่ียวด้วยการเงินหรือไม่ รัฐธรรมนูญ ฯ มาตรา ๑๓๔ ก็ได้บัญญัติให้เป็นอานาจของท่ีประชุมร่วมกันของประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธาน คณะกรรมาธิการสามัญของสภาผู้แทนราษฎรทุกคณะเป็นผู้วินิจฉัย ดังน้ัน หากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือประชาชนไม่ประสงค์จะส่งร่างพระราชบัญญัติน้ันไปให้นายกรัฐมนตรีรับรอง ผยู้ กร่างกฎหมายก็จะต้อง ปรบั แก้ไขเนื้อหาของรา่ งพระราชบัญญตั มิ ิให้เข้าขา่ ยเรือ่ งหน่งึ เร่ืองใดตามมาตรา ๑๓๔ แห่งรัฐธรรมนญู ฯ ๓.๔ คุณสมบัตพิ น้ื ฐานของผู้รา่ งกฎหมาย๓ ๑) มคี วามรอบรู้กฎหมาย ความรอบรู้กฎหมายไม่ได้หมายถึงความเชี่ยวชาญกฎหมายท้ังหมด ความรอบรู้ กฎหมาย หมายถึง รู้พื้นฐานของกฎหมาย รู้หลักกว้าง ๆ ของกฎหมายที่มีอยู่ในประเทศ อย่างน้อยรู้หลัก กฎหมายท่ีเป็นกฎหมายกลาง ต้องรู้ว่าเร่ืองแต่ละเรื่องมีกฎหมายกลางกาหนดไว้ว่าอย่างไร เวลาร่าง กฎหมายจะต้องไม่กระทบ ซ้าซ้อนหรือขัดกัน หรือทาให้มีผลไปลบล้างหรือยกเว้นกฎหมายกลาง เหล่านั้นมากน้อยเพียงใด หรือจาเป็นจะต้องยึดหลักกฎหมายกลางเหล่านั้นไว้มากน้อยเพียงใด เพื่อไม่ให้ผิดแบบการร่างกฎหมายเกินควร กฎหมายกลาง ได้แก่ กฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายอาญา กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กฎหมาย การเงิน เงินคงคลัง วิธีการงบประมาณ กฎหมายระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายลักษณะ ปกครองทอ้ งที่ และกฎหมายภาษีอากร ๒) ต้องหม่นั ใฝห่ าความรู้ ทาได้หลายวธิ ี คือ การอา่ น การฟงั การสังเกต การถาม การคน้ และการตรวจสอบ ๓) มีความอดทนในการเรยี นรู้ เพ่ือใหเ้ กดิ ทักษะความชานาญในการรา่ งกฎหมาย ๔) มคี วามรู้พ้ืนฐานของงานรา่ งกฎหมาย รู้วัตถุประสงค์ของกฎหมายว่า กฎหมายเป็นการกาหนดกฎเกณฑ์ที่สังคม ประสงค์ ซ่ึงอาจเป็นการสั่งให้ทา ให้งดเว้นการกระทา หรือวางกติกาให้ทา การร่างกฎหมายจึงต้องสื่อ ความหมายของกฎเกณฑ์หรือกติกาน้ันให้คนอื่นเข้าใจตรงตามที่ต้องการ โดยอย่างน้อยจะต้องคานึงถึง บุคคลที่เกี่ยวข้อง ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มท่ีได้รับผลกระทบโดยตรงจากกฎหมาย กลุ่มท่ีมีบทบาทให้คาแนะนา หรอื มีสว่ นเก่ียวข้องทางออ้ มกับกฎหมาย และกลุม่ ผนู้ ากฎหมายไปบังคบั ใช้ เชน่ ตารวจ อยั การ ศาล เปน็ ตน้ ๓ เร่อื งเดยี วกัน, ๑๕.
บรรณานุกรม หนงั สอื ภาษาไทย กาญจนารัตน์ ลวี โิ รจน.์ การจดั ทาและแก้ไขเพมิ่ เติมรัฐธรรมนูญ. นนทบรุ ี: สถาบนั พระปกเกล้า; ๒๕๔๔. __________. สารานุกรมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย เรื่อง การจัดทาและแก้ไขเพมิ่ เตมิ รัฐธรรมนูญ. กรุงเทพฯ: ๒๕๔๐. ณัฐกร วิทิตานนท์. หลักรัฐธรรมนูญเบ้ืองต้น. พิมพ์คร้ังท่ี ๑. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั ; ๒๕๕๓. เดโช สวนานนท์. แนวทางการศึกษารฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. ๒๕๔๐. กรงุ เทพฯ: วที ีซี คอมมวิ นเิ คชัน; ๒๕๔๑. ดาริ บุรณะนนท์. กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกต้ังและกฎหมายพรรคการเมือง. กรุงเทพฯ: นิติธรรม; ๒๕๓๗. ธรรมนติ ย์ สุมันตกุล. การรา่ งกฎหมายเบื้องต้น: แบบของกฎหมาย. กรงุ เทพฯ: วญิ ญชู น; ๒๕๕๘. นันทวัฒน์ บรมานันท์. บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญกับการปฏิรูปการเมือง. กรุงเทพฯ: สถาบันนโยบายศึกษา; ๒๕๔๑. บรรเจิด สิงคะเนติ. หลักกฎหมายมหาชน หลักนิติธรรม / นิติรัฐ ในฐานะ “เกณฑ์” จากัดอานาจรัฐ. กรงุ เทพฯ: วญิ ญชู น; ๒๕๖๐. บวรศักด์ิ อุวรรณโณ. รวมคาบรรยายสานักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา วิชา กฎหมาย รฐั ธรรมนูญ คร้งั ที่ ๑. กรงุ เทพฯ: ๒๕๕๑. ประวีณ ณ นคร. เทคนิคการร่างกฎหมาย. กรุงเทพฯ: สวัสดิการสานักงาน ก.พ.; ๒๕๔๓.
๒๐๘ ไพโรจน์ ขัยนาม. สถาบันการเมืองและกฎหมายรัฐธรรมนูญ ภาค ๑. กรุงเทพมหานคร: สารศึกษาการพิมพ์; ๒๕๒๔. มานิตย์ จุมปา. ความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกับกฎหมาย. พิมพ์คร้ังที่ ๖. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย; ๒๕๔๘. ___________. ความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกับกฎหมาย. พิมพ์คร้ังที่ ๑๔. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั ; ๒๕๕๙. วรเจตน์ ภาคีรัตน์. กฎหมายปกครอง ภาคทัว่ ไป. พิมพค์ รั้งที่ ๑. กรงุ เทพ: สานกั พมิ พ์นติ ิราษฎร์; ๒๕๕๔. วษิ ณุ เครืองาม. กฎหมายรัฐธรรมนญู . กรงุ เทพมหานคร: สานกั พิมพน์ ิตบิ รรณการ; ๒๕๐๓. __________. กฎหมายรัฐธรรมนูญ. พมิ พ์ครงั้ ที่ ๓. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์นิติบรรณการ; ๒๕๓๐. หยุด แสงอทุ ัย. การรา่ งกฎหมาย (ในอนสุ รณ์งานพระราชทานเพลงิ ศพ ศาสตราจารย์ ดร.หยุด แสงอุทัย). กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั บพิธการพิมพ์ จากัด; ๒๕๒๓. ___________. ความร้เู บอ้ื งต้นเกย่ี วกับกฎหมายทวั่ ไป. พิมพ์คร้ังท่ี ๑๕. กรุงเทพฯ: ประกายพรึก; ๒๕๔๕ สานกั กฎหมาย. คมู่ อื แนวทางการยกร่างกฎหมาย. กรงุ เทพฯ: สานกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร; ๒๕๕๑. สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. คู่มือการรา่ งกฎหมายและแบบของกฎหมาย (ปรับปรุงครงั้ ท่ี ๑). กรุงเทพฯ: สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า; ๒๕๕๐. ___________. คมู่ ือแบบการร่างกฎหมาย. กรุงเทพฯ: สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา; ๒๕๕๑ สานกั งานเลขานุการ ก.ร. คมู่ ือการปฏิบัตงิ านของสานกั งานเลขานุการ ก.ร. กรุงเทพฯ: สานักงานเลขาธกิ าร สภาผู้แทนราษฎร; ๒๕๖๐.
๒๐๙ วิทยานิพนธ,์ สารนพิ นธ,์ เอกสารทางวิชาการ กาญจนารัตน์ ลวี ิโรจน์. วทิ ยานิพนธ์นติ ิศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . กรงุ เทพฯ: ๒๕๓๓. การร่างกฎหมาย. คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะอนุกรรมาธิการติดตามมติของสภานิติบัญญัติ แห่งชาติ. รายงานผลการพิจารณาศึกษา. การดาเนินการตามมาตรา ๗๗ วรรคสอง ของ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย กรณีการตรากฎหมายลาดบั รอง. กรงุ เทพฯ: มปป. จเร พันธุ์เปรื่อง. เอกสารประกอบการเสวนา. (โครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อส่งเสริมและพัฒนา ประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากร). กรุงเทพฯ: สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร; ๒๕๕๑. การยกรา่ งกฎหมาย ชัยวัฒน์ วงศ์วัฒนศานต์. เอกสารประกอบการฝึกอบรมนิติกร หลักสูตรการร่างกฎหมาย (คร้ังที่ ๑). กรุงเทพฯ: สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา; ๒๕๓๑. สุชัย งามจิตต์เอ้ือ. เอกสารประกอบการบรรยายโครงการฝึกอบรมการพัฒนาข้าราชการในตาแหน่งนิติกร ให้เป็นนักกฎหมายนิติบัญญัติ. กรุงเทพฯ: สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา; มปป. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการร่างกฎหมายและความจาเป็นในการวิเคราะห์สถานการณ์ กับร่างกฎหมายและการให้ความเห็นทางกฎหมาย. สัณหช์ ัย สนิ ธุวงษ์. รายงานวิชาการตามหลักสูตรการพฒั นานักบริหารระดบั สงู สาหรับขา้ ราชการรฐั สภาสามัญ รุ่นที่ ๙. กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า; ๒๕๖๐. การพัฒนานักกฎหมายนิติบัญญัติ ในงานรา่ งกฎหมาย : ศกึ ษากรณีสานักงานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร. สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา.บันทึกสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรือ่ งเสร็จที่ ๑๙๓/๒๕๒๕. __________. บันทึกสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กันยายน ๒๕๔๓ เร่ืองเสร็จท่ี ๔๘๔/๒๕๔๓ เร่อื ง การวางแบบกฎหมาย (ช่ือของกฎกระทรวง).
๒๑๐ __________. หนังสือสั่งการของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ลงวนั ท่ี ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๓. ___________. บันทึกกองกฎหมายต่างประเทศ เร่ือง รายงานผลการสืบค้นการใช้ “และ” “หรือ” และ “และ/หรอื ” ในส่วนของการรา่ งกฎหมายของตา่ งประเทศ (๒ ธันวาคม ๒๕๔๕). __________. บันทึกกองกฎหมายไทย เร่ือง การใช้คาว่า “และ” “หรือ” และ “และ/หรือ” (๑๗ ธนั วาคม ๒๕๔๕). ___________. บนั ทึกการประชมุ ฝา่ ยรา่ งกฎหมาย ครงั้ ที่ ๔๙/๒๕๔๕ (๒๕ ธนั วาคม ๒๕๔๕). __________. บันทึกสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จท่ี ๔๗๙/๒๕๖๐. เร่ือง การกาหนด แนวทางการตรวจและจัดทาร่างกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย. กรุงเทพฯ: ๒๕๖๐. __________. เรื่องเสร็จที่ ๘๒๔/๒๕๖๑ ร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทาร่างกฎหมาย และการประเมนิ ผลสมั ฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. .... สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สานักกรรมาธกิ าร ๒ ปฏิบตั ิหน้าทส่ี านักงานเลขาธกิ ารสภาขับเคล่อื น การปฏริ ูปประเทศ. รายงานของคณะกรรมาธกิ ารขบั เคล่ือนการปฏิรูปประเทศดา้ นการเมือง สภาขบั เคล่ือนการปฏิรูปประเทศ. ๒๕๖๐. การปฏิรปู การปฏิบตั ิงานในรฐั สภา. วารสาร, จลุ สาร มนตรี รูปสุวรรณ. วารสารนิติศาสตร์. ธันวาคม ๒๕๒๘; ควรศึกษากฎหมายรัฐสภา (Parliamentary Law) ในคณะนิตศิ าสตร์หรือไม?่ . อภิวัฒน์ สุดสาว. จุลนิติ. มี.ค. – เม.ย ๖๐. กระบวนการตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐.
๒๑๑ เอกสารภาษาต่างประเทศ Marcel Prèlot. Droit Parlementaire francais, Cours I.E.P. ๑๙๕๗-๑๙๕๘. Les cours de droit . Eeskine May’s Treatise on the Law, Privileges. Proceeding and Usage of Parliament. ๒๐ed. Butterworths, London. ๑๙๙๓. สอ่ื อิเล็กทรอนกิ ส์ จนั ทมร สีหาบญุ ลี. พระราชบัญญัติ. สืบคน้ จาก http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title (๘ มิถนุ ายน ๒๕๖๑). ทะนงศักด์ิ สุระคาแหง. พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ. สืบค้นจาก http//wiki.kpi.ac.th/index.php?title (๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑) ธรรมนิตย์ สมุ ันตกุล. การจดั ทากฎหมายลาดับรอง, สบื ค้นจาก http://web.krisdika.go.th. (๘ มิถุนายน ๒๕๖๑) ธรรมนิตย์ สุมันตกลุ . ภาษากฎหมาย - Plain Language?. สบื ค้นจาก http://web.krisdika.go.th/ pdfPage.jsp?type=act&actCode=89 วิษณุ เครืองาม. วารสารสถาบันพระปกเกล้า ฉบับที่ ๑ ๒๕๕๐. เขาร่างรัฐธรรมนูญกันอย่างไร. สบื ค้นจาก http://wiki.kpi.ac.th (๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๑) สานักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร, รัฐสภาระหว่างประเทศ, สบื คน้ จากhttps://www.parliament.go.th/ ewtadmin/ewt/parliament_parcy/ewt_news.php?nid=13753, (๒๕ มถิ ุนายน ๒๕๖๑) สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ประกาศ/ระเบียบ/คาส่ังเกี่ยวกับสภาผู้แทนราษฎร. สืบค้นจาก https://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parliament_parcy/main.php?fi lename=gennews_home. (๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๑) http://www.law.moi.go.th/๒๕๕๑/lawdep๒๕๕๑.doc
๒๑๒ http://web.krisdika.go.th/data/legalform/lawSubform/pdf-kidsadeeka.pdf กฎหมาย, คาวนิ ิจฉยั ศาลรฐั ธรรมนญู รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย คาวนิ จิ ฉยั ศาลรฐั ธรรมนญู ที่ ๓/๒๕๕๙ คาวนิ จิ ฉัยศาลรฐั ธรรมนูญ ท่ี ๑/๒๕๖๑
ภาคผนวก
nsiu~3uu/t%1u 984 - UJU.,% - us., nrsn'lar nnr, rm- naa., ds - dua.
(m) i 0 ~ ~ z y 4 q d . i ~ . a J A ? u n i ~ ~ y r y i n 1 ~ u r n ~ (b)~ o a ~ ~ r y ~ u A ' n ~ n ~ d ~ a ~ a ~ u r ~ ? a l n l s o y r y ~ ~ ~ u i o l r i o y ' l ? r u i i r r r ~ c ~ i n u ' q ~u~a~:r:w6 i ~ ~ n ~ o ~ m \" n ~ n r ~ n Z u n 1 ~ ~ ~ n n ~ m ~ R ' i R ' ~ s ~ ~ Z ? ' 6 a u (a)~ ~ ~ ~ ~ l ~ ~ i ) 4 ~ ~ d ~ ~ l 5 ~ l 0 ~ ~ l 9 1 n ' ~ u~z~nunido:nr~oa~uIM'm~ns::~it~~~~~~~1iu~~~o~~1m~n\"oci~un'oi~ (d)~ ~ n ' i n u m o i q n i a ~ ~ u a Y ~ i m ~ ~ wuiaz::~nu~nsd.rAu-dndu~ ~ 8 ~ nirn'nmr~o~ynisZ%~ay~im~zni~moo1qni'11n'iu0yLr~y1~m~ ~ s l ~ ~ n q w a u w n i ~ ~ o s i o o i q nisl6Yuaytyn u a r o i o ~ i i n i ~ n s a o a o u n i a i ~ ~ ~ u n i s m i u d l A ~ u o ~ ~ i ~ ~ d i u u i c i ? u ~U*u C Y d i ~ ~ & u ~ n ~ n ~ d ~ ~ u ? ~ ~ n ? s 6 1 ~ : : d i 6 9 ~ u ~ i ~ ~ 1 u ~ ~ o y ~ 1 ~ u n H ~ tuoyryin d u u ' r y ~ ~ ~ ~ u n 5 s ~ l n u ' r y ~ ~ n i ~ d i ~ 7 u f l ? 1 u ~ z ~ ~ n t ~ n i 5 ~ o 1 a ~ un4niamni>W.PI. bat: (0l M ' ~ i ~ ~ u u r n n l u ~ a b a i ' ~ ~ ~ ~ n f l u i I # ~ ~ o d i ~ ~ u m a i u a ~ m ~ lunisnooy~imu a u r n s u ' & n 1 ~ ~ M ' ~ 6 ~ ' 1 ~ \" ~ ~ r ] ~ : : 1 ~ ~ i n ~ ~ n i s o o y ~ i m ~ rz.d n~sii~n~wuiudo~fi~;iiirruucl~::nlMs'snusnrdii~Z6~4u.srviid 4 1 ~ 3n1a~ddi~(rurduii6urdunwfiiwnIG:irncu::naaunY i~nA u~wo~?m~id G)ai.rng~n~w7uni~ri7n'ufiaucpliion1'1uniJo (b)5ii90~0twim 44 6)~~k&n~~i~b~dd0l~~~5a~914~~nl~~ ~~wiahud.iznouni~liiu~o~o~~wGid~~~::diuio~iun~w~u (d)~ u i s ~ 1 ~ i ~ o ~ ~ & i ~ n i 5 ~kuoi$ui7su'n~uioainuni~~$~7u P~w 7dha6o~ d.sI u n s ~ ~ i ~ ~ u R ~ i s ~ u u ~ ~ zina~sd5oui5n~1itf.i1aommio4 n'uu6nrnomd~~ioldd (a)n n 6 i r m m ~ u ~ o u u ~ h 1 n i ' 1 u m ~ ~ ~ n ~ : : n ' 1 ~ ~ n i s ~ o ~ ~ i ~ ~ ~ n i ~ mssmw&u'lai<ir9u (b)f l w n ~ m n i ~ a f i i n u ' i h ~ n P m ~ d d o ~ ~ m ~ u n i ~ ~ ~ d u ~ n i n i m ~ i i ~ i i s ~ i u d a n~i ~~on~~u~~~uo~ ~? u ~ i u u a a i ~ d a ~ o o : : n \" o ~ ~ ~ n i ~ ~ n ' vliooio~~u~n-icu?udoa$~u ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ i ~ ~ ~ ~ ~ i ~ 5 8 ~ ~ l J eenoin$diljb ( m ) W f i w m l h u n s ' p ~ ' s ~ B u r l m n m mr5suuvi~8unounmrns ..dn'iwsldrruiu.irKunii (dn ~ m n i s ~ ~ u 6, u ~ w w ~ u m w ~uaai::undi.if~ii~u~unld~R'i'~~ cif7u~rjtuiaeiiuuua~~unasuni7~um~~oi~in'lwurn~urvrjid1iu~abuin~i~sduiu'n tudsruin~~ ~ ~ i ~ n i s ~ ~ z n ~ s u n i s v l ' ( ~ ~ u i n ~ a ~ nr~am~ g5n~1o~n~.w~. : : d ~ ~ u ~ n a n i f r d o a o i n o i 7 u n l i ~ &u ~A\"n d i ~ i i u u i n ~ o ~ t ~ ~ ? i u ~ ~ ~ ~ : : n ~ ~ n i ~ ~ o i ' 1 ~ 1 n a 4 ~ ~ z 4 ' irduaa'otoduh uazluns.-I~- vlun~suni~Tm~~i$uuO(ia~ N ~ ~ ~ ~ U ~ I ~ ~ U ~ U ~ U ~ Q uf~ a n d n d o u c j n ~ u a ~ n ' n ~ s ~ u n i a ~ ~ u d i u ~ ~ ~ri~uu~din~.rsaumni5' 4i f~ium i ~ o ~ 6 i ~ u
a'. ni~p'RviingnuwrdiKu~m a ' . ~~ i i ~ ~ n ' i ~ ~ ~ ~ u n l ~ ~ m v i l n ~ nnu>iouudr1wnzn' ~a'in1 ~0 o4 ~oun.iau~i~ud16~ wmnquuiuY~um8uuu.so-h...................................................................................... . \"k\"unr8 i~nflmiu~iaur~J.~lur~~..o...~....'.I..m.....u...x......................................................... - -a'.b i ~ n s o u ~ u n ~ r m r i oJ~ u \" ~ ~ ~ ~ w o d a ~ n ' u n i s w u i u d i u i o ~ i ~ w ~ ~ f ~ u ~ o ~ ~ u n ye~a~nuaufiarotii..~...l.r...............................................................................................
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241