การศกึ ษาสภาพความพร้อมและเงื่อนไขแหง่ ความสาเร็จของโรงเรียนหลกั ที่มีผลต่อ การควบรวมโรงเรียนขนาดเลก็ ในจงั หวดั ชมุ พร ของ สานกั งานศึกษาธิการจังหวดั ชมุ พร สานกั งานศึกษาธิการจงั หวัดชมุ พร สานักงานศึกษาธกิ ารภาค 5 สานกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ
บทคัดยอ่ การศึกษาคร้ังนมี้ วี ัตถปุ ระสงคเ์ พ่อื ศึกษาความพรอ้ มของโรงเรยี นหลักทม่ี ผี ลต่อการควบ รวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพรและเพ่ือศึกษาเง่ือนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียนหลักท่ีมี ผลต่อการควบรวมโรงเรยี นขนาดเลก็ ในจงั หวดั ชุมพร ประชากรที่ใช้ในการศึกษาคร้ังนี้คือ ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน ผู้ปกครองนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและผู้นาชุมชน ในโรงเรียนหลัก สังกัดสานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน จานวน 27 โรงเรียน จานวน 135 คน กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการศึกษา ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน ผู้ปกครองนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานและผู้นาชุมชน ในโรงเรียนหลัก สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานจาก 4 อาเภอ จานวน 10 โรงเรียน จานวน 50 คน ท่ีได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ใน การศึกษาครั้งน้ี คือ แบบสัมภาษณ์และแบบสอบถาม สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย คา่ รอ้ ยละ คา่ เฉลย่ี และคา่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษา พบวา่ 1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง ซ่ึงเป็นผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน ผู้ปกครองนักเรียน ผู้นาชุมชนและคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานอย่างละ 1 คน ในโรงเรียนหลัก สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานในจังหวัดชุมพร จานวน 50 คน โดยจาแนกออกเป็น ผู้บริหารโรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 17.78 ครูผู้สอน คิดเป็นร้อยละ 24.44 คณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พนื้ ฐาน คิดเป็นร้อยละ 15.56 ผู้ปกครองนักเรียน คิดเป็นร้อยละ 24.44 และผนู้ าชุมชน คิดเป็นรอ้ ยละ 17.78 2. ความพร้อมของโรงเรียนหลักท่ีส่งผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัด ชุมพร 4 ด้านโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( X =4.44, S.D.=0.68) เมื่อจาแนกเป็นรายด้านพบว่า อันดับที่ 1 คือด้านการบริหารงานบุคคล ( X =4.51,S.D.= 0.69) รองลงมาคือด้านการบริหารงาน วิชาการ ( X =4.46, S.D.= 0.58) ด้านการบริหารงานท่ัวไป ( X =4.45, S.D.= 0.61) และอันดับ สุดทา้ ยคือ ด้านการบรหิ ารงานงบประมาณ ( X =4.33, S.D.=0.83) 3. เง่ือนไขความสาเร็จของโรงเรียนหลักที่ส่งผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กใน จังหวัดชุมพร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( X =4.22,S.D.= 0.95) เมื่อจาแนกเป็นรายข้อพบว่า อันดับท่ี 1 คือ โรงเรียนได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอก หรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ( X =4.48,S.D.=0.78) รองลงมาผู้บริหารและครูโรงเรียนหลักและโรงเรียนที่มาควบรวมมี ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ( X =4.40, S.D.=1.07) โรงเรียนหลักมีการประชาสัมพันธ์ผลงานท่ีประสบ ความสาเร็จให้โรงเรียนอ่ืน ๆ ทราบ ( X =4.38, S.D.=0.61) โรงเรียนมีการจัดหาวัสดุ ส่ือ อุปกรณ์ เพ่ือรองรับนักเรียนการควบรวม ( X =4.38,S.D.=0.91) โรงเรียนมีการจัดหลักสูตรเสริมท่ีตอบสนอง ความต้องการของผู้ปกครองและผู้เรียน เช่น ดนตรี กีฬา ภาษา ทักษะชีวิต เป็นต้น ( X =4.33, S.D.=0.80) โรงเรียนมีการจัดเตรียมอาหารกลางวันสาหรับนักเรียนที่มาเรียนรวม ( X =4.27, S.D.=1.05) โรงเรียนมีการใช้ครูและบุคลากรร่วมกันระหว่างโรงเรียนหลักและโรงเรียนท่ีมาควบรวม
( X =4.18, S.D.=0.98) โรงเรียนหลักมีข้อมูลสารสนเทศของนักเรียนรายบุคคลทุกคนในโรงเรียน ขนาดเล็ก ( X = 4.02,S.D.=1.03) โรงเรียนหลักมีการเชิญชวนผู้ปกครองของนักเรียนในโรงเรียน ขนาดเลก็ เขา้ รว่ มกจิ กรรมของโรงเรียนหลกั ( X = 3.96, S.D.=1.07) โรงเรยี นมีการจัดหาค่าพาหนะใน การเดินทางของนักเรยี นทีม่ าเรียนรวม ( X = 3.82, S.D.=1.23) คาสาคัญ : ความพร้อม, เงื่อนไขแห่งความสาเร็จ, โรงเรยี นหลัก,โรงเรียนขนาดเล็ก
กิตตกิ รรมประกาศ การศึกษาสภาพความพร้อมและเง่ือนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียนหลักที่มีผลต่อการ ควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็กในจังหวัดชุมพรสาเร็จลุลว่ ง ด้วยความอนุเคราะหจ์ าก ดร.สุรินทร์ แก้วมณี ศึกษาธิการภาค 5 นายทรงศักดิ์ โต๊ะทอง รองศึกษาธิการจังหวัดระนอง รักษาการในตาแหน่ง ศึกษาธิการจังหวัดชุมพร ท่ีให้ความกรุณาเมตตาสละเวลาให้คาแนะนาและตรวจแก้ไขข้อบกพร่อง ต่าง ๆ เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาคร้ังน้ี ผู้ศึกษาขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้ ขอขอบพระคุณ ดร.สุรินทร์ แก้วมณี ศึกษาธิการภาค 5 นายสุนาจ แก้วสุข ผู้อานวยการ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพัทลุง เขต 1 ดร.ธีติมา ถาวรรัตน์ ศึกษานิเทศก์เช่ียวชาญ สานกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวดั สุราษฎรธ์ านี นายนิพนธ์ พรหมเมศร์ ผอู้ านวยการกลุ่มนเิ ทศ ติดตามและ ประเมินผล สานักงานศึกษาธิการจังหวัดสงขลา และนายเผชิญ อุปนันท์ ผู้อานวยการกลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผล สานักงานศึกษาธิการจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่กรุณาตรวจแก้ไขและ ใหค้ าแนะนาที่เป็นประโยชน์ในการสร้างเคร่ืองมอื ท่ีใช้ในการศึกษาให้สมบรู ณ์ ขอบคุณสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 1 สานักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 2 ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน กรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน ผู้นาชุมชนและตัวแทนผู้ปกครอง จานวน 10 โรงเรียน ประกอบด้วย 1) โรงเรียนชุมชนมาบอามฤต 2) โรงเรียนบ้านวังช้าง 3) โรงเรียนเมืองชุมพรบ้านเขาถล่ม 4) โรงเรียนวัดพิชัยยาราม 5) โรงเรียน วัดบางลึก 6) โรงเรียนบ้านกลาง 7) โรงเรียนบ้านหนองเรือ 8) โรงเรียนบ้านงาช้าง 9) โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 3 และ 10) โรงเรียนบา้ นวังปลา ทุกท่านท่กี รุณาให้ข้อมูลในการศกึ ษาคร้ังนี้ สุดทา้ ยน้ี ผู้ศึกษาขอน้อมระลกึ ถึงพระคณุ อันสูงสุดของบิดา มารดา ขอกราบขอบพระคุณ อาจารย์ทุกท่านที่ได้อบรมสั่งสอน ถ่ายทอดความรู้ ช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุนและเป็นกาลังใจแก่ ผศู้ กึ ษาจนประสบความสาเร็จ กลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผล สานกั งานศึกษาธิการจงั หวดั ชมุ พร
สารบญั หนา้ บทคดั ย่อภาษาไทย............................................................................................................................ ก กิตติกรรมประกาศ............................................................................................................................. ข สารบญั ............................................................................................................................. ....................ค สารบญั ตาราง.....................................................................................................................................จ บทท่ี 1 บทนา ....................................................................................................................................1 ความเป็นมาและความสาคัญของปญั หา................................................................................1 วตั ถุประสงค์ของการศึกษา ...................................................................................................5 กรอบแนวคิดการศึกษา.........................................................................................................5 ขอบเขตของการศึกษา ..........................................................................................................5 นิยามศัพท์เฉพาะ ..................................................................................................................6 ประโยชนท์ ่คี าดวา่ จะไดร้ บั ....................................................................................................6 บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ทเ่ี กีย่ วข้อง .............................................................................................7 การบรหิ ารการศึกษา ............................................................................................................7 การบริหารสถานศึกษาข้นั พื้นฐานตามแนวปฏิรปู การศึกษา ............................................... 10 การบริหารโรงเรียนขนาดเลก็ ............................................................................................. 18 การบรหิ ารแบบควบรวม .................................................................................................... 25 มโนทศั นเ์ กยี่ วกบั คณุ ภาพโรงเรียน ..................................................................................... 38 ยทุ ธศาสตร์และเง่ือนไขสู่ความสาเร็จ ................................................................................. 42 บรบิ ทการจัดการศกึ ษาของโรงเรยี นหลกั สานกั งานศึกษาธกิ ารจังหวดั ชุมพร...................... 48 งานวจิ ัยทเ่ี ก่ยี วข้อง............................................................................................................. 61 บทท่ี 3 วธิ ดี าเนนิ การศึกษา............................................................................................................. 77 ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ งที่ศกึ ษา..................................................................................... 77 เครือ่ งมือที่ใช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล............................................................................... 78 การสรา้ งและการหาคุณภาพเครือ่ งมือ ............................................................................... 78 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ....................................................................................................... 80 การวิเคราะห์ขอ้ มูล ............................................................................................................ 81 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล......................................................................................................... 82 ตอนที่ 1 ผลการศกึ ษาความพรอ้ มของโรงเรียนหลักที่มีผลต่อการควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็ก ในจงั หวัดชมุ พร .................................................................................................... 82 ตอนที่ 2 ผลการศกึ ษาเง่ือนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรยี นหลกั ท่มี ผี ลต่อการควบรวม โรงเรยี นขนาดเลก็ ในจงั หวดั ชุมพร...................................................................................... 88
สารบญั (ตอ่ ) หนา้ บทที่ 5 สรุปผลการศึกษา อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ.................................................................. 92 สรปุ ผลการศึกษา ............................................................................................................... 92 อภปิ รายผล........................................................................................................................ 95 ข้อเสนอแนะ ...................................................................................................................... 97 บรรณานกุ รม................................................................................................................................... 99 ภาคผนวก ก รายชอื่ ผู้เช่ยี วชาญในการตรวจสอบเครอื่ งมอื ................................................................ 104 ข เคร่ืองมือท่ีใช้ในการศกึ ษา ............................................................................................ 106 ค การหาคุณภาพเคร่อื งมือ .............................................................................................. 112 ง ผลการวิเคราะหแ์ บบสมั ภาษณ์ ..................................................................................... 117 จ ผลการวิเคราะหแ์ บบสอบถาม ...................................................................................... 121 คณะผวู้ จิ ยั ..................................................................................................................................... 126
สารบัญตาราง หน้า ตารางที่ 2.1 แสดงการควบรวมโรงเรยี นขนาดเลก็ ปีการศึกษา 2554-2561.............................. 23 ตารางที่ 2.2 ตวั ชวี้ ดั เป้าประสงค์และคา่ เป้าหมาย (Indicators)................................................ 49 ตารางท่ี 2.3 การจัดการศกึ ษาของหนว่ ยงานทางการศึกษาในพ้นื ท่จี งั หวัดชมุ พรจาแนก ตามระดับการศึกษา ปกี ารศึกษา 2562............................................................... 51 ตารางท่ี 2.4 จานวนสถานศกึ ษาทเ่ี ปดิ สอนในพน้ื ที่จงั หวดั ชุมพร จาแนกตามระดบั การศึกษาและ สงั กัด ปกี ารศึกษา 2562 ..................................................................................... 51 ตารางท่ี 2.5 แสดงจานวนสถานศกึ ษาในแตล่ ะหน่วยงานทางการศึกษาในพื้นท่จี ังหวัดชมุ พร ปกี ารศกึ ษา 2562 .............................................................................................. 52 ตารางที่ 2.6 แสดงจานวนสถานศกึ ษาในพ้ืนทีจ่ งั หวดั ชมุ พร จาแนกตามขนาดสถานศึกษา ปีการศึกษา 2562................................................................................................. 53 ตารางที่ 2.7 แสดงรายชอ่ื โรงเรยี นในอาเภอเมืองในสงั กดั เขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษา ชมุ พร เขต 1 และสังกัดเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 11 ........................... 54 ตารางที่ 2.8 แสดงรายชอื่ โรงเรียนในอาเภอทา่ แซะในสงั กดั เขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษา ชมุ พร เขต 1......................................................................................................... 55 ตารางท่ี 2.9 แสดงรายชอื่ โรงเรยี นในอาเภอปะทวิ ในสงั กัดเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษา ชุมพร เขต 1 ....................................................................................................... 55 ตารางท่ี 2.10 แสดงรายช่อื โรงเรียนในอาเภอสวีในสังกัดเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษา ชมุ พร เขต 2 และสงั กดั เขตพ้นื ที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 ........................... 56 ตารางที่ 2.11 แสดงรายช่อื โรงเรยี นในอาเภอท่งุ ตะโกในสังกัดเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษา ชมุ พร เขต 2......................................................................................................... 57 ตารางที่ 2.12 แสดงรายช่ือโรงเรียนในอาเภอหลงั สวนในสังกัดเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษา ชมุ พร เขต 2 และสงั กดั เขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 11 ........................... 58 ตารางที่ 2.13 แสดงรายชอ่ื โรงเรียนในอาเภอพะโต๊ะในสังกัดเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษา ชมุ พร เขต 2........................................................................................................... 59 ตารางที่ 2.14 แสดงรายชื่อโรงเรยี นในอาเภอละแมในสังกดั เขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษา ชมุ พร เขต 2........................................................................................................... 59 ตารางที่ 2.15 ผลการสรปุ แผนบรหิ ารจัดการโรงเรียนขนาดเลก็ ของจังหวัดชมุ พร ....................... 60 ตารางท่ี 3.1 แสดงกลุม่ ตวั อย่างโรงเรียนหลกั จานวน 10 โรง ................................................... 77 ตารางที่ 4.1 ผลการวิเคราะห์แบบสัมภาษณ์เกี่ยวกับความพร้อมของโรงเรียนหลักท่ีมีผลต่อ การควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็กในจังหวดั ชุมพร .................................................... 82 ตารางท่ี 4.2 แสดงคา่ เฉล่ียและค่าสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานของการศกึ ษาความพร้อมของ โรงเรยี นหลักท่สี ง่ ผลตอ่ การควบรวมโรงเรยี นขนาดเลก็ ในจังหวัดชมุ พร ด้านการบริหารงานวิชาการ.................................................................................. 84
สารบญั ตาราง (ตอ่ ) หน้า ตารางท่ี 4.3 แสดงค่าเฉล่ียและคา่ ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานของการศึกษาความพร้อมของ โรงเรียนหลักทส่ี ่งผลต่อการควบรวมโรงเรยี นขนาดเลก็ ในจังหวดั ชุมพร ตารางที่ 4.4 ดา้ นการบริหารงานงบประมาณ ........................................................................... 85 แสดงคา่ เฉล่ยี และค่าส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานของการศึกษาความพร้อมของโรงเรียน ตารางท่ี 4.5 หลักที่สง่ ผลต่อการควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็กในจงั หวัดชมุ พร ด้านการบรหิ ารงานบุคคล..................................................................................... 86 ตารางท่ี 4.6 แสดงค่าเฉล่ียและค่าสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานของการศึกษาความพร้อมของโรงเรียน ตารางท่ี 4.7 หลักท่ีสง่ ผลต่อการควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็กในจังหวดั ชุมพร ตารางท่ี 4.8 ดา้ นการบรหิ ารงานท่ัวไป...................................................................................... 87 แสดงผลการวเิ คราะห์ความพรอ้ มของโรงเรยี นหลกั ที่สง่ ผลตอ่ การควบรวมโรงเรียน ขนาดเลก็ ในจงั หวัดชุมพร 4 ด้าน.......................................................................... 88 แสดงผลการวเิ คราะห์แบบสัมภาษณ์เกย่ี วกับเงือ่ นไขแหง่ ความสาเร็จของโรงเรยี น หลกั ท่ีมีผลต่อการควบรวมโรงเรยี นขนาดเลก็ ในจงั หวัดชุมพร............................... 88 แสดงคา่ เฉลย่ี และค่าสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานของการศึกษาเงอ่ื นไขความสาเรจ็ ของ โรงเรียนหลกั ที่ส่งผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชมุ พร ................ 90
บทท่ี 1 บทนำ ควำมเป็นมำและควำมสำคญั ของปัญหำ การจดั การศึกษาตามแผนการศึกษาแห่งชาติยึดหลักการศึกษา 1) หลักการจัดการศึกษาเพ่ือ ปวงชน (Education for All) เป็นการจัดการศึกษาเพ่ือให้ประชาชนทุกคน ทุกช่วงวัย ต้ังแต่ เด็กปฐมวัย วัยเรียน วัยทางาน และผู้สูงวัยมีโอกาสในการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้ แต่ละบุคคลได้พัฒนาตามความพร้อมและความสามารถให้บรรลุขีดสูงสุด มีความรู้ทักษะ และ คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ในการดารงชีวิตและการอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคม รวมท้ังมีสมรรถนะ ในการทางาน เพื่อการประกอบอาชีพตามความถนัดและความสนใจ สอดคล้องกับความต้องการ ของตลาดงานและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ อันจะนาไปพัฒนาตนเอง ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ แผนการศึกษาแห่งชาติ จึงต้องกาหนดเป้าหมาย การจัดการศึกษาท่ี ครอบคลมุ โดยไมป่ ลอ่ ยปละละเลยหรอื ทง้ิ ใครไวข้ ้างหลัง (No one left behind) 2) หลกั การจัดการ ศึกษาเพื่อความเท่าเทียมและท่ัวถึง (Inclusive Education) เป็นการจัดการศึกษาสาหรับผู้เรียน ทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้เรยี นกลุ่มปกติ กลุ่มด้อยโอกาส ท่ีมีความยากลาบากและขาดโอกาส เน่ืองด้วยสภาวะทางเศรษฐกิจและภูมิสังคม ซ่ึงรฐั ต้องดูแลจัดสรรทรัพยากรทางการศึกษา สนับสนุน ผู้เรียนกลุ่มน้ีให้ได้รับการศึกษาตามศักยภาพและความพร้อมอย่างเท่าเทียม กลุ่มท่ีมีความต้องการ จาเป็นพิเศษ ซึ่งหมายรวมถึงกลุ่มผู้มีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา สังคม อารมณ์ การส่ือสารและการเรียนรู้หรือร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพ รวมท้ังบุคคลซ่ึงไม่สามารถพ่ึงตนเองได้ หรือไม่มผี ู้ดูแล รฐั ตอ้ งจดั ให้บุคคลดงั กล่าวมีสิทธิและโอกาสได้รบั การศึกษาร่วมกับเด็กปกตใิ นกรณีที่ สามารถเรียนได้ เพ่ือให้เขาได้มีโอกาสเรียนรู้แลกเปล่ียนความรู้ความคิด และปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่น ในสังคม หรือจัดให้เป็นพิเศษตามระดับความบกพร่อง นอกจากนี้ บุคคลซ่ึงมีความสามารถพิเศษ รัฐต้องจัดรูปแบบการศึกษาที่เหมาะสม โดยคานึงถึงความสามารถของบุคคลน้ัน ด้วยเหตุผลสาคัญ คือ บุคคลท่ีมีความสามารถพิเศษเป็นทรัพยากรท่ีสาคัญของประเทศ หากจัดการศึกษารูปแบบปกติ อาจทาให้ไมส่ ามารถพัฒนาบุคคลดังกล่าว ให้มีความรูความสามารถตามศักยภาพของเขาได้ รัฐจึงมี หน้าท่ีลงทุนพิเศษสาหรบั บุคคลเหล่านี้ และถือเป็นสิทธิของบุคคลซ่ึงมีความสามารถพิเศษ ที่จะได้รับ บริการทางการศึกษาทีเ่ หมาะสม สาหรับการพัฒนาศกั ยภาพของตน แผนการศกึ ษาแห่งชาติ จงึ ตอ้ ง กาหนดยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนา ท่ีครอบคลุมการดูแลและพัฒนาบุคคลทุกกลุ่มเป้าหมาย อย่างเท่าเทียมและท่ัวถึง 3) หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางการดารงชีวิตและ การประพฤติปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับ เพื่อการดารงชีวิตในสังคมอย่างพอเพียงเท่าทันและ เป็นสุข การศึกษาจึงต้องพัฒนาผู้เรียนให้มีความรอบรู้ มีทักษะที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็วของสังคมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอก โดยยึดหลักความพอประมาณท่ีเป็นความพอดี
2 ที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อ่ืน มีการตัดสินใจที่มีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเกี่ยวข้อง ตลอดจนคานึง ถึงผลที่คาดว่าจะเกิดข้ึนจากการกระทาน้ัน ๆ อย่างรอบคอบ และมีภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัว ซึ่งเป็นการเตรียมตัว ให้พร้อมรับผลกระทบและการ เปล่ียนแปลงด้านต่าง ๆ ท่ีจะเกิดขึ้น โดยคานึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีคาดว่าจะ เกิดขึ้นในอนาคตท้ังใกล้และไกล โดยใช้ความรอบรู้เก่ียวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องอย่างรอบด้าน มีความรอบคอบท่ีจะนาความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เช่ือมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและ ความระมัดระวังในข้ันปฏิบัติ มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซ่ือสัตย์สุจริต อดทน พากเพียร และใช้สติปัญญาในการดาเนินชีวิต 4) หลักการมีสวนร่วมของทุกภาคสวนของสังคม (All for Education) การจัดการศึกษาอย่างมีคณุ ภาพและมีประสิทธิภาพให้กับประชาชนทุกคน เป็นพนั ธกิจ ที่ตอ้ งอาศัยการมีส่วนร่วมของสังคมทุกภาคส่วน เนื่องจากรฐั ต้องใช้ทรัพยากรจานวนมาก ในการจัด การศึกษาที่ต้องครอบคลุมทุกช่วงวัย ทุกระดับการศึกษาและทุกกลุ่มเป้าหมาย ด้วยรูปแบบวิธีการ ที่หลากหลาย สนองความต้องการและความจาเป็นของแต่ละบุคคลและสนองยุทธศาสตร์ชาติ และ ความจาเป็นในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รัฐจึงต้องให้ความสาคัญและสนับสนุน การมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครวั ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กร เอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอ่ืนในการจัดการศึกษา โดยบุคคล กลุ่มบุคคล หรือองค์กรต่าง ๆ จะได้รับการส่งเสริมให้เข้าร่วมจัดการศึกษา เสนอแนะ กากับติดตามและสนับสนุนการจัดการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ ตามความพร้อมเพ่ือประโยชน ของสงั คมโดยรวม (แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2560 – 2579, 2560) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2553 ถือว่าเป็นเจตนารมณ์และความพยามยามอย่างแรงกล้าท่ีจะทาการปฏิรูป การศึกษาไทย โดยเริ่มต้ังแต่การจัดทารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และ มาตรา 54 รัฐต้องดาเนินการให้เด็กทุกคนไดร้ ับการศกึ ษาเป็นเวลาสิบสองปี ต้ังแต่กอ่ นวยั เรียนจนจบ การศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย รัฐต้องดาเนินการให้เด็กเล็กได้รับการดูแล และพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษาตามวรรคหน่ึง เพื่อพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และ สติปัญญาให้สมกับวัย โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินและภาคเอกชน เข้ามามีส่วนร่วมในการดาเนินการด้วย รัฐต้องดาเนินการให้ประชาชนได้รับการศึกษาตาม ความต้องการในระบบต่าง ๆ รวมท้ังส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต (สานักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ, 2561) ในหมวด 4 แนวการจัดการศึกษามาตรา 22 การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสาคัญท่ีสุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ ในส่วนมาตรา 23 การจัดการศึกษาท้ังการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษา ตามอัธยาศัย ต้องเน้นความสาคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้และบูรณาการตาม ความเหมาะสมของแต่ละระดับการศึกษาในเรื่องต่อไปนี้ 1) ความรู้เร่ืองเก่ียวกับตนเอง และ ความสมั พนั ธข์ องตนเองกบั สังคม ได้แก่ ครอบครัว ชมุ ชน ชาติ และสังคมโลก รวมถึงความรู้เกยี่ วกับ ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสังคมไทย และระบบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 3) ความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้ง
3 ความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์เรื่องการจัดการ การบารุงรักษาและการใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มอยา่ งสมดุลย่งั ยนื 3) ความรเู้ กี่ยวกบั ศาสนา ศลิ ปะ วัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทยและการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา 4) ความรู้และทักษะด้านคณิตศาสตร์และ ด้านภาษาเน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง 5) ความรู้ และทักษะในการประกอบอาชีพและ การดารงชวี ิตอยา่ งมคี วามสุข (สานักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ, 2542) คุณภาพการศึกษาไทยในปัจจุบัน ผลการพัฒนายังไมเ่ ป็นท่ีน่าพึงพอใจ เน่ืองจากผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน มีคะแนนต่ากว่าค่าเฉล่ียมากและต่ากว่าหลายประเทศ ในแถบเอเชีย ส่วนประเด็นคุณธรรมจริยธรรมของเด็กและเยาวชน ยังต้องมีการพัฒนาเพิ่มข้ึน นอกจากน้ีคุณภาพของกาลังแรงงานอายุ 15 ปี ขึ้นไป ยังไม่ตรงกับความต้องการของตลาดงานและ ผู้เรียนมัธยมศึกษาตอนปลายประเภทอาชีวศึกษา ซ่ึงมีสัดส่วนน้อยกว่าประเภทสามัญศึกษา ทาให้มี การขาดแคลนแรงงานระดับกลาง ส่วนแรงงานท่ีสาเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษา มีจานวนเพิ่มข้ึน ทุกปี แต่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาดงานและยังมีสมรรถนะหรือคุณลักษณะอ่ืน ๆ ท่ีไม่ตรงตาม ความต้องการของสถานประกอบการ ทาให้มีผู้ว่างงานอยู่จานวนมาก จึงจาเป็นต้อง ให้ความสาคัญกับการพัฒนาผู้เรียนและกาลังแรงงาน ท่ีมีทักษะและคุณลักษณะท่ีพร้อม เพ่ือตอบสนองต่อความตอ้ งการของภาคส่วนต่าง ๆ โดยจะต้องมีการวิเคราะหค์ วามต้องการกาลงั คน เพ่ือวางเป้าหมายการจัดการศึกษา ทั้งเพ่ือการผลิตกาลังคนเข้าสู่ตลาดงานและการพัฒนากาลังคน เพ่อื ยกระดบั คุณภาพกาลงั แรงงานให้สูงข้ึน (แผนการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2560 – 2579, 2560) สาเหตุสาคญั ประการหนง่ึ ของคุณภาพและโอกาสของผู้เรียน คือ โรงเรียนขนาดเล็กในสังกัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานที่มีแนวโน้มจะมจี านวนเพิม่ ขนึ้ ประกอบกับประเทศไทย กาลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยและมีจานวนประชากรในวัยเรียนลดลง ส่งผลให้โรงเรียนในสังกัดสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน มีแนวโน้มปรับเปล่ียนจากโรงเรียนขนาดใหญ่หรือขนาดกลาง เป็นโรงเรียนขนาดเล็กเพิ่มมากข้ึนอย่างต่อเนื่อง โรงเรียนขนาดเล็กทาให้เกิดปัญหาสาคัญ โดยเฉพาะ ต้นทุนในการจัดการเรียนการสอนที่สูงกว่าโรงเรียนขนาดใหญ่ รัฐบาลต้องใช้งบประมาณมากกว่า หรือจ่ายแพงกว่าในการจัดการเรียนการสอนโรงเรียนขนาดเล็ก ประสิทธิภาพการสอนลดลง เน่ืองจากขาดแคลนวัสดุ อุปกรณ์ และเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนการศึกษา รวมถึงปัญหาโรงเรียน ไม่มีผู้บริหาร ซึ่งครูและผู้บริหารมีส่วนสาคัญอย่างยิ่งในการที่จะพัฒนาคุณภาพการศึกษา ส่งผลให้ โรงเรียนขนาดเล็กไม่สามารถจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับโรงเรียนขนาดกลาง และขนาดใหญไ่ ด้ สานักงานศึกษาธิการจังหวัดชุมพร เป็นหน่วยงานในสังกัดสานักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ จัดต้ังขึ้นตามคาสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 3 เมษายน 2560 เพื่อปฏิบัติภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการ เก่ียวกับการบริหารและจัดการศึกษาท่ีกฎหมาย กาหนดการปฏิบัติราชการตามอานาจหน้าท่ีนโยบายและยุทธศาสตร์ของส่วนราชการต่าง ๆ ทีม่ อบหมาย และให้มีอานาจหน้าท่ีในเขตจังหวัด ส่งเสริมและสนับสนนุ การจดั การศึกษาในทุกระดับ ทุกประเภท และทุกสังกัดในจังหวัด จึงมีบทบาทสาคัญในการท่ีจะขับเคลื่อนนโยบายในการแก้ไข ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กดงั กล่าวขา้ งต้น และพบว่าสาเหตุสาคัญของโรงเรียนขนาดเลก็ คือ ส่วนใหญ่
4 ประสบปัญหาสาคัญอย่างน้อย 3 ประการ ประกอบด้วย 1) โรงเรียนแต่ละแห่งได้รับการจัดสรร งบประมาณค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาจากรัฐบาล โดยคิดเป็นรายหัวนักเรียน ซ่ึงการจัดสรร งบประมานในลักษณะดังกล่าว ส่งผลให้โรงเรียนขนาดเล็กที่มีจานวนนักเรียนน้อย อยู่ในสถานะ ที่เสียเปรียบ กล่าวคือ ได้รับงบประมาณน้อยกว่าโรงเรียนขนาดใหญ่ท่ีมีจานวนนักเรียนมากกว่า ส่งผลให้โรงเรียนขนาดเล็กขาดท้ังอุปกรณ์ เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา ทาให้ประสิทธิภาพการเรียน การสอนลดลง 2) ปัญหาการขาดแคลนครูท่ีมีความเช่ียวชาญเฉพาะทาง และจานวนครูไม่ครบ ช้ันเรียน เนื่องจากสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กาหนดสัดส่วนครู 1 คน ต่อ นักเรียน 20 คน ซ่ึงสัดส่วนดังกล่าวทาให้เกิดปัญหาในการจัดสรรครูแก่นักเรียนบางแห่งที่มีจานวน นักเรียนน้อย ดังน้ันโรงเรียนดังกล่าว จึงประสบปัญหาครูไม่ครบชั้นเรียนและครูไม่ครบทุกสาขา รายวิชา 3) โรงเรียนขนาดเล็กส่วนใหญ่อยู่ในชุมชนขนาดเล็ก ประชากรมีฐานะยากจน ทาให้ไม่มี ศกั ยภาพในการระดมทรัพยากรเพื่อนามาชว่ ยสนับสนุนการจัดการศึกษาใหก้ ับโรงเรยี น จากปญั หาดงั กลา่ วส่งผลในดา้ นประสทิ ธภิ าพการบรหิ ารจดั การ ไดแ้ ก่ 1) ปัญหาด้านการบริหารจัดการ พบว่า โรงเรียนขนาดเล็กจานวนหน่ึงอยู่ในพื้นท่ีลักษณะ พิเศษ ท่ีมีพ้ืนท่ีห่างไกลความเจริญ อยู่บนเขาสูง บนเกาะ ครูและนักเรียนมีปัญหาในการเดินทาง ทาให้ขาดผู้บรหิ ารสถานศึกษา และจะเปิดรบั การบรรจแุ ต่งตัง้ ผ้บู ริหารสถานศกึ ษาใหม่ ทาให้ผู้บริหาร โรงเรียนขนาดเล็กส่วนใหญ่ ขาดทักษะในการบริหารจัดการโรงเรียน และปัญหาอีกประการหนึ่งคือ การอพยพเคล่อื นย้ายของประชากรวัยเรียนที่ย้ายติดตามผู้ปกครองไปรับจ้างทางานต่างถิ่น ทาใหเ้ กิด ปญั หาอปุ สรรคในการจัดการเรียนการสอน และการบรหิ ารจดั การโรงเรยี นใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ 2) ปัญหาด้านการเรียนการสอน พบว่าเม่ือครูไม่ครบช้ันเรียน และครูส่วนใหญ่ขาดทักษะ ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบบูรณาการการสอนหลายชั้นเรียน ครูไม่สามารถสอน เต็มเวลาเต็มความสามารถ เน่ืองจากมีภารกิจด้านการส่งเสริมการจัดการศึกษาเทียบเท่าโรงเรียน ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ขาดสื่อ เทคโนโลยี ประกอบการเรยี นการสอน และแหลง่ เรยี นรู้ เนื่องจาก มีงบประมาณจากัดตามจานวนนกั เรยี น ดังจะเห็นได้จากปัญหาด้านคุณภาพการจัดการศึกษาค่อนข้างต่า และจากผลการประเมิน คุณภาพภายนอกรอบสอง พบว่า โรงเรียนขนาดเล็ก (นักเรียนต่ากว่า 300 คน) มีจานวนร้อยละ 2 อยู่ในระดับปรับปรุง ร้อยละ 67.91 อยู่ในระดับพอใช้ และร้อยละ 29.99 อยู่ในระดับดี และเมื่อ ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่า นักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็กในช่วงชั้นในทุกพื้นที่ มีค่าเฉล่ีย ผลสัมฤทธิ์การเรยี นรตู้ า่ กว่านักเรียนในโรงเรยี นขนาดอนื่ (สานักงานกรรมาธกิ าร 3, 2559) มติคณะรฐั มนตรีในคราวประชุม วันที่ 7 ตลุ าคม พ.ศ. 2562 เห็นชอบตามมตคิ ณะกรรมการ การกาหนดเป้าหมายและนโยบายกาลังคนภาครัฐ ในการประชุมครั้งท่ี 2/2562 เม่ือวันท่ี 20 มีนาคม 2562 เกี่ยวกับการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพ่ือให้การดาเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีบังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ขอให้สานักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษาทุกเขต พิจารณาดาเนินการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กที่มีระยะห่างจากโรงเรียนในสังกัด สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ในตาบลเดียวกันน้อยกว่า 6 กิโลเมตร ให้บังเกิดผล อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาให้เพิ่มสูงขึ้น เพ่ิมประสิทธิภาพการจัดการเรียน การสอนและลดภาระค่าใช้จา่ ยงบประมาณด้านบคุ ลากรและการบริหารจัดการ
5 จากความสาคัญข้างต้น สานักงานศึกษาธิการจังหวัดชุมพร จึงมีความจาเป็นที่ต้องศึกษา สภาพความพร้อมและเงื่อนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียนหลักที่มีผลต่อการควบรวมโรงเรียน ขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร เพื่อเป็นการยกระดับและพัฒนาคุณภาพการศึกษาและมาตรฐาน การศึกษาในโรงเรียนขนาดเล็กด้วยการ “ควบรวมโรงเรียน” เพ่ือเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา โรงเรียนขนาดเล็ก และเป็นแนวทางในการยกระดับการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสทางการศึกษาและการเรียนรู้ ให้คนไทยทุกคนได้เรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างมคี ณุ ภาพในทกุ ระดับทกุ ประเภทการศกึ ษา วตั ถปุ ระสงค์ของกำรศกึ ษำ 1. เพื่อศึกษาความพร้อมของโรงเรียนหลักท่ีมีผลต่อการควบรวมโรงเรียน ขนาดเล็ก ในจังหวดั ชมุ พร 2. เพ่ือศึกษาเง่ือนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียนหลักที่มีผลต่อการควบรวมโรงเรียน ขนาดเล็กในจงั หวัดชมุ พร กรอบแนวคิดกำรศกึ ษำ สานักงานศึกษาธิการจังหวัดชุมพร ได้ศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎีและดาเนินการศึกษา ตามกรอบแนวคดิ การวิจัย ดังน้ี - แนวคดิ ทฤษฎี เกีย่ วกบั การบรหิ ารงาน - สภาพความพร้อมของโรงเรียนหลัก วิชาการ งานบคุ ลากร งานงบประมาณ ที่มผี ลต่อการควบรวมโรงเรยี นขนาดเลก็ และงานบรหิ ารทัว่ ไป - เง่อื นไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียนหลกั - สภาพการดาเนินงานของโรงเรียนหลัก ท่มี ีผลตอ่ การควบรวมโรงเรียนขนาดเลก็ - สภาพการดาเนนิ งานของโรงเรียนขนาดเลก็ - งานวจิ ัยทเ่ี ก่ยี วข้องกับโรงเรียนคณุ ภาพ ประจาตาบลหรือโรงเรยี นหลัก - งานวิจัยที่เกีย่ วข้องกบั โรงเรียนขนาดเล็ก ขอบเขตของกำรศกึ ษำ 1. ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง 1.1 ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน ผู้ปกครองนักเรียน กรรมการสถานศึกษา และผู้นาชุมชนในโรงเรียนหลัก สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน จานวน 27 โรงเรยี นจานวน 135 คน 1.2 กลมุ่ ตัวอยา่ งท่ใี ช้ในการศกึ ษา ไดแ้ ก่ผ้บู ริหารโรงเรียน ครผู ูส้ อน ผู้ปกครองนกั เรียน
6 กรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานและผู้นาชุมชนของโรงเรียนหลัก สังกัดสานักงานคณะกรรมการ การศึกษาข้ันพื้นฐานจาก 4 อาเภอ จานวน 10 โรงเรียน ท่ีได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ดังน้ี 1) ผบู้ ริหารโรงเรียนจานวน 10 คน 2) ครผู สู้ อน จานวน 10 คน 3) ผ้ปู กครองนักเรยี น จานวน 10 คน 4) กรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน จานวน 10 คน 5) ผนู้ าชมุ ชน จานวน 10 คน 2. เน้อื หาที่ใชใ้ นการศึกษา ได้แกส่ ภาพความพร้อมและเงอื่ นไขแห่งความสาเร็จ ข้อเสนอแนะ แนวทางการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กของโรงเรียนหลักที่มีผลต่อการควบรวมโรงเรียน ขนาดเล็ก ดา้ นวิชาการ ด้านบคุ ลากร ดา้ นงบประมาณ และด้านบริหารงานทั่วไป 3. ระยะเวลาในการวิจัย ปกี ารศึกษา 2562 (ธันวาคม 2562 ถงึ กุมภาพนั ธ์ 2563) นยิ ำมศัพทเ์ ฉพำะ 1. โรงเรยี นหลกั หมายถึง โรงเรยี นท่ีอยู่ในแผนบริหารจัดการโรงเรยี นขนาดเล็กทไี่ ปเรียนรวม ประจาปีงบประมาณ 2563 – 2565 ในจงั หวัดชุมพร 2. โรงเรียนขนาดเล็ก หมายถึง โรงเรียนท่ีมีนักเรียนไม่เกิน 120 คน ที่อยู่ในแผนบริหาร จัดการโรงเรียนขนาดเลก็ ทไ่ี ปเรียนรวม ประจาปงี บประมาณ 2563 – 2565 ในจังหวัดชมุ พร 3. สภาพความพร้อมของโรงเรียนหลัก หมายถึง ประสิทธิภาพของการบริหารงาน ด้านวิชาการ ด้านบุคลากร ด้านงบประมาณ และด้านบริหารงานทั่วไป ท่ีโรงเรียนขนาดเล็ก มาควบรวม 4. เง่ือนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียนหลัก หมายถึง ขอ้ ปฏิบัติ ข้อตกลง หรือส่ิงที่ส่งผลให้ การควบรวมโรงเรยี นประสบความสาเรจ็ 5. การควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก หมายถึง การนานักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็ก มาควบ รวมกบั นักเรียนในโรงเรียนหลกั ประโยชน์ท่คี ำดว่ำจะไดร้ ับ 1. ได้ทราบผลการศึกษาความพร้อมของโรงเรียนหลักที่มีผลต่อการควบรวมโรงเรียน ขนาดเล็กในจงั หวัดชมุ พร 2. ได้ทราบเงอื่ นไขแห่งความสาเรจ็ ของโรงเรยี นหลักทมี่ ีผลต่อการควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็ก ในจงั หวดั ชุมพร 3. ได้แนวทางการควบรวมโรงเรียนขนาดเลก็ ในจังหวัดชุมพร 4. นาผลการวจิ ัยไปพัฒนาคุณภาพโรงเรยี นหลักตามนโยบายกระทรวงศึกษาธกิ าร
7 บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง ผู้ศึกษาได้ศึกษาจากเอกสารและงานวิจัยที่เก่ียวข้องเพื่อเป็นพื้นฐานความคิดนาไปสู่ กรอบความคิดในการวิจยั และเป็นข้อมลู ประกอบการวเิ คราะห์และการอภปิ รายผลในการวิจัย ต่อไปน้ี 1. การบริหารการศึกษา 2. การบรหิ ารสถานศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐานตามแนวปฏิรปู การศึกษา 3. การบริหารโรงเรยี นขนาดเลก็ 4. การบรหิ ารแบบควบรวม 5. มโนทัศนเ์ กีย่ วกับคณุ ภาพโรงเรียน 6. ยทุ ธศาสตรแ์ ละเง่ือนไขสู่ความสาเร็จ 7. บรบิ ทการจดั การศกึ ษาของโรงเรียนหลกั สานกั งานศึกษาธกิ ารจังหวดั ชมุ พร 8. งานวจิ ัยท่ีเกีย่ วขอ้ ง 8.1 งานวจิ ยั ในประเทศ 8.2 งานวิจยั ตา่ งประเทศ การบริหารการศกึ ษา 1. ความหมายของการบรหิ ารการศกึ ษา การศึกษาเป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาคนในสังคมโดยเฉพาะเยาวชนที่เป็นกาลังของชาติที่จะ ขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศชาติให้มีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป บุคคลเหล่านี้จึงต้องอาศัยการศึกษา ท่ีมาจากการบริหารจัดการท่ีดีและมีประสิทธิภาพ ซึ่งนักวิชาการต่าง ๆ ได้ให้ความหมายของ การบริหารการศกึ ษาไวด้ งั นี้ ภารดี อนนั ต์นาวี (2551, น.1) ใหค้ วามหมายการบรหิ าร เปน็ กิจกรรมของคนตัง้ แต่ 2 คน มีการรว่ มมือกนั ทากิจกรรมอย่างใดอยา่ งหนึง่ โดยใชเ้ ทคนิคตา่ ง ๆ เพอื่ ใหบ้ รรลุวตั ถุประสงค์ร่วมกนั สุธรรม ธรรมทัศนานนท์ (2554, น.51) ให้ความหมายการบริหารการศึกษาว่า คือ การดาเนินงานของกลุ่มบุคคลเพื่อพัฒนาคนให้มีท้ังคุณภาพท้ังความรู้ ความคิด ความสามารถและ ความเป็นคนดีท่ีหมายถึงการดาเนินงานของกลุ่มบุคคล ซ่ึงอาจเปน็ การดาเนินงานของครูใหญ่รว่ มกับ ครูน้อยในโรงเรียน อธิการบดีรว่ มกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัย รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธกิ ารร่วมกับ อธิบดีกรมต่าง ๆ ครูอาจารย์ในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ กลุ่มบุคคลเหล่าน้ีต่างร่วมมือพัฒนาคนให้มี คุณภาพทั้งส้ิน การจะพัฒนาคนให้มีคุณภาพได้น้ัน จะต้องมีการดาเนินการในการเรียนการสอน การจดั กิจกรรม การวดั ผล การจัดอาคารสถานท่ี และเพ่อื ใหน้ กั เรยี นเป็นคนดีมวี ินัยและอน่ื ๆ
8 Goods (1973, น.145) ไดใ้ ห้ความหมายของการบริหารการศึกษาไว้ 2 ประการ 1. การบริหารการศึกษา หมายถึง การทาการควบคุมจัดการเรื่องต่าง ๆ ทั้งหมดของ โรงเรียน ร่วมกับการบริหารงานธุรการ โดยมุ่งไปสู่งานของโรงเรียนซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของ การศกึ ษา 2. การบริหารการศึกษา หมายถึง การทาการควบคุมและจัดกระบวนการทั้งหมดของ โรงเรียน เช่น การบริหารบุคคลท่ีเป็นครูของนักเรียน การวางแผนการเรียนการสอน การวางแผ น กจิ กรรมตามหลักสตู ร ประกอบดว้ ยกระบวนการใหม่ 5 ประการ คอื 2.1 การวางแผน (Planning) 2.2 การจัดสรรทรพั ยากรการบริหาร (Allocation) 2.3 การกระตุ้นกาลังใจ (Stimulation) 2.4 การประสานงาน (Coordination) 2.5 การประเมินผล (Evaluation) สรุปว่า การบริหารการศึกษา เป็นกระบวนการทางานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ในการทางาน ร่วมกัน เพื่อให้การดาเนินกิจกรรมให้สาเร็จตามเป้าหมายท่ีองค์การกาหนดไว้ นักบริหารบางท่าน ให้ความหมายของ “การบริหาร” (Administration) ไว้ว่าเป็นศิลปะของการทางานให้สาเร็จได้ โดยใช้บุคคลอ่ืนให้เปน็ ผู้กระทา ส่วนอีกความหมายหน่ึงก็ว่าเป็นกระบวนการของการวางแผนการจัด องค์การ การส่ังการและการควบคุมกาลังความพยายามของสมาชิกในองค์การและใชท้ รัพยากรอื่น ๆ เพอ่ื ความสาเร็จของเป้าหมายขององค์การทไ่ี ด้กาหนดไว้ 2. หลักการบรหิ าร (Administration Principles) นกั ทฤษฎีทนี่ าเสนอทฤษฎกี ารจดั การตามหลักการบรหิ าร มีความเชอื่ วา่ ในการท่จี ะทาให้ การทางานขององค์การบรรลุเป้าหมายน้ัน จะต้องมีการกาหนดหน้าที่ของคนที่เป็นผู้บริหารและ หลักการบรหิ ารงานเพอื่ ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัตงิ าน นกั ทฤษฎีท่นี าเสนอทฤษฎนี ้ีประกอบด้วย Henri Fayo (ปิยนันท์ สวัสดิ์ศฤงคาร,2561,น.378-386; อ้างอิงจาก Henri Fayol, n.d.) เห็นว่านักบริหารจะต้องทาหน้าท่ีทางการบริหาร ซึ่งประกอบด้วย การวางแผน (Planning) การจัดองค์การ (Organizing) การส่ังการ (Commanding) การประสานงาน (Coordination) และ การควบคุม (Controlling) ประการท่ีสอง นักบริหารจะต้องทราบถึงหลักการบริหารท่ีสาคัญๆ ซง่ึ Fayol ได้นาเสนอหลักการบริหารทมี่ ปี ระสิทธิผล ดงั นี้ คอื 1. หลักของการแบ่งงานกันทา (Division of Work) ในการบริหารน้ันจะมีงานเกิดขึ้น เป็นจานวนมาก ดังนั้นนักบริหารจะต้องแบ่งงานท่ีเกิดขึ้นเป็นจานวนมากให้บุคลากรท่ีเป็นสมาชิก องค์การรับเอางานไปทา โดยเนน้ ความชานาญและความเช่ียวชาญเฉพาะของบคุ ลากรท่ีอยู่ในองค์การ ทง้ั นีเ้ พ่อื ใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพในการทางานสงู สดุ ตามหลักเศรษฐศาสตร์ 2. หลักท่ีเก่ียวกับอานาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility) ในการบริหารนั้นบุคลากรผู้ทไี่ ดร้ ับมอบหมายงานใหท้ าจะเกิดความผกู พันต่อผู้บงั คับบัญชาในลกั ษณะ ของความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย ดังน้ันในการท่ีจะทาให้งานท่ีได้รับมอบหมายนั้นสาเร็จ จะตอ้ งมกี ารกาหนดอานาจหน้าทใี่ ห้เหมาะสมกบั ความรบั ผิดชอบท่บี ุคลากรมี
9 3. หลักของความมีระเบียบวินัย (Discipline) ระเบียบวินัย คือ ข้อตกลงกติกาท่ีใช้ ร่วมกันของบุคลากรองค์การ ระเบียบวินัยจะเป็นกรอบในการควบคุมพฤติกรรมของบุคลากรองค์การ ให้เปน็ ไปในทิศทางที่เออื้ ตอ่ การบรรลเุ ปา้ หมายหรอื วตั ถุประสงค์ขององค์การ 4. หลักของการมีผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว (Unity of Command) บุคลากรที่เป็น สมาชิกองค์องค์การน้ัน จะต้องฟังคาส่ังจากเจ้านายเพียงคนเดียว เพื่อป้องกันความสับสนในการ ปฏิบัตงิ าน การสัง่ งานใด ๆ ต้องเปน็ ไปตามลาดบั สายการบงั คับบัญชา 5. หลักของการมีเป้าหมายเดียวกัน (Unity of Direction) ในการทางานนั้น บุคลากร ขององค์การจะต้องมีเป้าหมายเดียวกัน ดังน้ันกิจกรรมการทางานของบุคลากร ทุกคนจะต้อง สอดคลอ้ งและเป็นไปในทศิ ทางเดยี วกันเพือ่ ให้บรรลุจุดมุ่งหมายเดียวกนั 6. หลักของผลประโยชน์ส่วนตัวมีความสาคัญน้อยกว่าผลประโยชน์ขององค์การ (Subordination of Individual to the General Interest) ผลประโยชน์ของบุคลากรท่ีเป็นสมาชิก องค์การมีความสาคัญน้อยกว่าผลประโยชน์ส่วนรวมขององค์การ ดังน้ันในการทางานสมาชิกองค์การ จะต้องทมุ่ เทเสียสละในยามทีอ่ งค์การต้องการความชว่ ยเหลอื ท้ังในยามปกติ และในยามวิกฤต 7. หลักของการกาหนดค่าตอบแทนและวิธีการจ่ายค่าตอบแทน (Remuneration and Methods) การจ่ายค่าตอบแทนให้แก่บุคลากรขององค์การ ควรท่ีจะให้มีความยุติธรรมและ ตอบสนองความพึงพอใจทง้ั ของสมาชิกองค์การ และผูบ้ ริหารเท่าท่ีจะพึงทาได้ 8. หลักของการรวมอานาจ (Centralization) ในการบริหารน้ัน อานาจในการตัดสินใจ ควรท่ีจะรวมไว้ทจ่ี ดุ ศูนยก์ ลาง เพ่ือท่จี ะใหส้ ามารถควบคุมส่วนตา่ ง ๆ ไวไ้ ด้ เช่น อานาจในการอนมุ ัติ เงิน อานาจในการบริหารงานบคุ คล เป็นต้น 9. หลักการจัดสายการบังคับบัญชา (Scalar Chain) จะต้องมีการจัดสายการบังคับ บัญชาในการบริหารงานองค์การ เพ่ือที่จะให้ทราบถึงลักษณะของอานาจหน้าท่ีความรับผิดชอบ ตลอดจนไปถึงลักษณะของการตดิ ต่อส่ือสาร 10. หลักของความเป็นระเบียบเรียบร้อย (Order) ในการบริหารน้ัน จะต้องมีการจัด สถานท่ีทางาน ตลอดจนวัสดุส่ิงของให้เอื้อต่อการปฏิบัติงานและเสริมสร้างบรรยากาศในที่ทางาน ให้น่าทางาน 11. หลักของความเสมอภาค (Equity) ในการบริหารงานนั้นคนที่เป็นผู้บริหารจะต้อง ให้ความเสมอภาคและมีความยุติธรรมต่อผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นเร่ือง ของการแบ่งงานใหท้ า การพจิ ารณาความดคี วามชอบ ตลอดจนการแก้ปญั หาขอ้ ขัดแย้งในการทางาน 12. หลักของความม่ันคงในการทางาน (Stability of Tenure) สาหรับการบริหารงานน้ัน จะต้องทาให้ผู้ใต้บังคับบัญชา มีความรู้สึกว่าตัวของเขามีความม่ันคงในการปฏิบัติงาน เช่น การจัดให้มี การเซ็นสัญญาจ้างงานซึ่งกาหนดระยะเวลาในการจ้างท่ีชัดเจนและเป็นธรรม การจัดสภาพแวดล้อม ในการทางานใหน้ ่าทางาน และการจัดเครือ่ งป้องกนั อนั ตรายทอ่ี าจเกดิ ข้ึนจากการทางาน 13. หลักของความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Initiative) ในการบริหารงานน้ัน ผู้บริหารที่เก่ง และฉลาด จะต้องรู้จักนาเอาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของผู้ใต้บังคับบัญชามาใช้ประโยชน์ ในการทางาน ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของผู้ใต้บังคับบัญชา อาจได้มาจากการระดมสมอง หรือ การปรกึ ษาหารอื เพ่อื แกไ้ ขปัญหารว่ มกัน
10 14. หลักของความสามัคคี (Esprit de Corps) ในการบริหารงานน้ัน ในการที่จะทาให้ งานบรรลุเป้าหมายนั้น จะต้องมีการสร้างความเป็นน้าหน่ึงใจเดียวกันให้เกิดขึ้นในการทางาน ซึ่งอาจจะทาได้โดยการจัดให้มกี จิ กรรมระหว่างสมาชิกรว่ มกนั เช่น การจัดงานกีฬา การจัดทัศนศึกษา ดงู าน การจดั งานเล้ียง เปน็ ตน้ สรุปความสาคัญ ของการบริหารการศึกษา เป็นกระบวนการพัฒ นาคนให้มี ความสมบูรณ์พร้อมทั้งด้านรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญา เพื่อให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ เป็นกาลังสาคัญในการพัฒนาด้านต่าง ๆ สู่ความเจริญรุ่งเรือง ดังนั้นการบริหารการศึกษาจาต้องมี หลักในการบริหารจัดการที่ดี โดยต้องยึดหลักการแบ่งงานกันทา มีความรับผิดชอบ มีระเบียบวินัย ในการปฏิบัติหน้าที่และการเป็นผู้บังคับบัญชา รวมถึงใต้บังคับบัญชาท่ีดี มีเป้าหมายเดียวกัน ในการบรหิ ารจดั การ และทสี่ าคัญที่สดุ คอื ยดึ หลกั ของผลประโยชนส์ ่วนรวมเปน็ สาคัญ การบรหิ ารสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานตามแนวปฏิรปู การศึกษา 1. ความหมายของการบรหิ ารสถานศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ ได้กาหนดการกระจายอานาจไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (2546) ได้กระจายอานาจ การบริหารและการจัดการศึกษา 4 ด้าน ไปยังเขตพื้นท่ีการศึกษาและสถานศึกษา ตามมาตรา 39 จึงทาให้การบริหารการศึกษาจัดเป็นกลุ่ม ดังนี้ การบริหารงานวิชาการ การบริหารงบประมาณ การบริหารงานบุคคล และการบริหารงานทัว่ ไป 2. ขอบขา่ ยการบรหิ ารสถานศึกษา การกาหนดขอบข่ายงานการจัดการศึกษาได้วางกรอบงานหลักตามท่ีพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 (มาตรา 39) กาหนดให้ กระทรวงกระจายอานาจการบริหารและการจัดการศึกษา ทางด้านวิชาการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคลและการบริหารท่ัวไป ไปยังคณะกรรมการสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาและ สถานศกึ ษาโดยตรง พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับท่ี 3 พ.ศ. 2553 (2553, น.2) มาตรา 37 การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน โดยคานึงถึงระดับของการศึกษาขั้นพื้นฐาน จานวน สถานศึกษา จานวนประชากร วัฒนธรรมและความเหมาะสมด้านอื่น ๆ ด้วย และยังได้กาหนด ขอบข่ายความรับผิดชอบงาน ควรวางกรอบงานหลักตามท่ีกาหนดในพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 แยกส่วน ตามงานที่จะต้องปฏิบัติจริง จากนั้นจึงแยกกาหนดบทบาทและหน้าท่ีความรับผิดชอบของเขตพ้ืนท่ี การศึกษาและสถานศึกษาให้ชัดเจนไว้ 4 ด้าน ดังต่อไปน้ี (สานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพน้ื ฐาน, 2550, น. 158-171) 2.1 ดา้ นการบริหารงานวิชาการ 1) หลกั การและแนวคิด
11 1.1) ยึดหลักให้สถานศึกษาจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาให้เป็นไปตามกรอบ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาความต้องการของชุมชนและ สังคมอย่างแท้จริง โดยมคี รู ผู้บรหิ าร ผู้ปกครองและชมุ ชน มีสว่ นร่วมในการดาเนนิ งาน 1.2) มุ่งส่งเสริมสถานศึกษาให้จัดกระบวนการการเรียนรู้โดยถือว่าผู้เรียน มคี วามสาคญั สูงสดุ 1.3) มุ่งส่งเสริมให้ชุมชนและสังคมมีส่วนร่วมในการกาหนดหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ รวมทั้งเปน็ เครือขา่ ยและแหลง่ การเรยี นรู้ 1.4) มงุ่ จดั การศึกษาให้มคี ุณภาพและมาตรฐาน โดยจัดใหม้ ดี ชั นชี ว้ี ดั คณุ ภาพ การจัดหลกั สตู รและกระบวนการเรียนรู้ และสามารถตรวจสอบคุณภาพการจดั การศึกษาไดท้ ุกช่วงชั้น ทัง้ ระดบั เขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาและสถานศึกษา 1.5) มุ่งส่งเสริมให้มีการร่วมมือเป็นเครือข่าย เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพและ คณุ ภาพในการจัดการพฒั นาการศกึ ษา 2) ขอบข่ายภารกิจ 2.1) การพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา 2.2) การพฒั นากระบวนการเรียนรู้ 2.3) การวดั ผล ประเมินผล และการเทียบโอนผลการเรียน 2.4) การประกันคุณภาพภายในและมาตรฐานการศึกษา 2.5) การพัฒนาการใชส้ อื่ และเทคโนโลยีเพ่อื การศึกษา 2.6) การพัฒนาและสง่ เสรมิ ใหม้ ีแหลง่ เรียนรู้ 2.7) การวจิ ยั พัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา 2.8) การสง่ เสริมชมุ ชนให้มีความเขม้ แขง็ ทางวิชาการ 2.2 ดา้ นการบรหิ ารงบประมาณ 1) หลกั การและแนวคดิ 1.1) ยึดหลักความเท่าเทียมกันและความเสมอภาคทางโอกาสการศึกษา ของผู้เรียนในการจัดสรรงบประมาณ เพื่อจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐานโดยรัฐจัดสรรเงินอุดหนุนเป็น ค่าใช้จ่ายรายบุคคลสาหรับผู้เรียนในระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ให้แก่สถานศึกษาของรัฐและเอกชน อยา่ งเทา่ เทยี มกัน และจัดสรรเพ่มิ เติมใหแ้ ก่ผเู้ รียนท่มี ีลกั ษณะพิเศษตามความจาเปน็ 1.2) มุ่งเน้นการเสริมสร้างประสิทธิภาพและประสทิ ธิผลของระบบการจดั การ งบประมาณ โดยให้เขตพ้ืนท่ีการศึกษาและสถานศึกษา มีความเป็นอิสระในการตัดสินใจ มีความคลอ่ งตัวควบคูก่ ับความโปร่งใสและความรับผิดชอบ ท่ีตรวจสอบได้จากผลสาเร็จของงานและ ทรพั ยากรทใ่ี ช้ 1.3) ยึดหลักการกระจายอานาจในการบริหารจัดการงบประมาณโดยจัดสรร งบประมาณ ให้เปน็ วงเงนิ แก่เขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาและสถานศกึ ษา 1.4) มุ่งพัฒ นาขีดความสามารถในการบริหารจัดการงบประมาณ ตามมาตรฐานการจดั การทางการเงนิ ท้งั 7 ด้าน คอื (1) การวางแผนงบประมาณ
12 (2) การคานวณต้นทนุ ผลผลติ (3) การจดั ระบบการจัดหาพัสดุ (4) การบรหิ ารทางการเงินและการควบคุมงบประมาณ (5) การรายงานทางการเงินและผลการดาเนนิ งาน (6) การบรหิ ารสินทรัพย์ (7) การตรวจสอบภายใน 1.5) มุ่งส่งเสริมการระดมทรัพยากรและการลงทุนด้านงบประมาณการเงิน และทรัพยส์ ินจากทกุ ส่วนของสงั คมมาใช้เพื่อการจัดและพฒั นาการศึกษา โดยมขี อบข่ายภารกจิ ดังน้ี (1) การจดั ต้ังงบประมาณ (2) การจดั สรรงบประมาณ (3) การตรวจสอบติดตามและประเมินสภาพการใชจ้ า่ ยงบประมาณ (4) การระดมทรัพยากรและการลงทนุ เพือ่ การศึกษา (5) การบรหิ ารการเงนิ (6) การบริหารบญั ชี (7) การบริหารพสั ดแุ ละสนิ ทรัพย์ 2.3 ด้านการบรหิ ารงานบคุ คล 1) หลกั การและแนวคดิ 1.1) ยดึ หลกั การบรหิ ารเพื่อให้เกิดการพฒั นาบุคลากรอยา่ งต่อเน่ือง 1.2) ยึดหลกั ความเปน็ อสิ ระในการบรหิ ารงานบุคคลของเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษา และสถานศึกษา ตามนโยบายกฎหมายและหลกั เกณฑ์ที่กาหนด 1.3) ยึดหลักธรรมาภิบาล โดยมขี อบข่ายภารกจิ งาน คือ (1) การวางแผนอตั รากาลงั (2) การกาหนดตาแหนง่ และวทิ ยฐานะขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา (3) การเกลย่ี อัตรากาลงั ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา (4) การสรรหาและบรรจแุ ต่งตั้ง (4.1) การสรรหาและบรรจแุ ต่งตัง้ (4.2) การทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการและการเตรียมความพร้อมและ พฒั นาอยา่ งเข้มแข็ง (5) การยา้ ยขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา (5.1) การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาภายใน เขตพน้ื ที่การศึกษา (5.2) การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต่างเขตพื้นท่ี การศกึ ษา (6) การเปล่ียนแปลงสถานภาพวชิ าชีพ (7) เงินเดือนและค่าตอบแทน (8) การเล่ือนข้นั เงินเดอื น
13 (9) การพฒั นาขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา (10) การลาศึกษาต่อ (11) การประเมินผลการปฏบิ ัตงิ าน (12) การส่งเสรมิ และยกย่องเชดิ ชเู กยี รติ (13) มาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณวชิ าชพี (14) การสง่ เสรมิ วนิ ัยสาหรับขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (15) การดาเนินการทางวนิ ัยและการลงโทษข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศกึ ษา (16) การสง่ั พักราชการการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน (17) การรายงานการดาเนนิ การทางวินัยและการลงโทษ (18) การอุทธรณ์ (19) การรอ้ งทุกข์ (20) การออกจากราชการ (21) การขอรับใบอนญุ าตและการขอต่อใบอนญุ าตประกอบวิชาชีพ (22) งานทะเบยี นประวตั ขิ ้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา (23) งานยกเว้นคณุ สมบัติ (24) งานเครือ่ งราชอิสรยิ าภรณ์ (25) งานเลขานุการ อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนท่ีการศึกษา (สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน, 2550, น.158-171) 2.4 ด้านการบรหิ ารทว่ั ไป 1) หลกั การและแนวคดิ 1.1) ยึดหลักให้สถานศึกษามีความเป็นอิสระในการบริหารและจัดการศึกษา ด้วยตนเองใหม้ ากทีส่ ดุ โดยเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษามีหน้าที่กากบั ดแู ลส่งเสรมิ สนับสนุนและประสานงานใน เชงิ นโยบาย ใหส้ ถานศึกษาจดั การศึกษาใหเ้ ป็นไปตามนโยบายและมาตรฐานการศึกษาของชาติ 1.2) มุ่งส่งเสริมประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบริหารและการจัด การศึกษาและสถานศึกษาตามหลักการการบริหารงานที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธ์ิของงานเป็นหลัก โดยเน้น ความโปร่งใสความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ตามกฎเกณฑ์กติกา ตลอดจนการมีส่วนร่วมของบุคคล ชุมชน และองคก์ รท่ีเกยี่ วข้อง 1.3) มุ่งพัฒนาองค์กรท้ังระดับเขตพื้นท่ีการศึกษาและสถานศึกษาให้เป็น องค์กรสมัยใหม่ โดยนานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมาะสม สามารถเช่ือมโยงติดตอ่ สื่อสาร กันได้อย่างรวดเร็ว ด้วยระบบเครือข่ายและเทคโนโลยีท่ที ันสมัย 1.4) การบริหารงานทั่วไป เป็นกระบวนการสาคัญท่ีช่วยประสานส่งเสริม และสนับสนุนให้การบริหารงานอ่ืน ๆ บรรลุผลตามมาตรฐานคุณภาพและเป้าหมายที่กาหนดไว้ โดยมีบทบาทหลักในการประสานส่งเสริมสนับสนุนและการอานวยความสะดวกต่าง ๆ ในการให้
14 บริหารการศึกษาทุกรูปแบบท้ังการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ตามบทบาทของสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา สถานศึกษา ตลอดจนการจัดและให้บริการการศึกษา ของบุคคล ชมุ ชน องคก์ ร หนว่ ยงาน และสถาบนั สงั คมอ่ืน โดยมขี อบข่ายภารกิจงาน ดังน้ี (1) การพัฒนาระบบและเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศ (2) การประสานงานและพัฒนาเครือข่ายการศกึ ษา (3) การวางแผนการศึกษา (3.1) แผนพฒั นาการศกึ ษาหรอื แผนกลยทุ ธ์ (3.2) แผนพฒั นาการศกึ ษาประจาปแี ละแผนปฏิบัติงานประจาปี (4) งานวจิ ยั เพื่อพัฒนานโยบายและแผน (5) การจัดระบบการบริหารและพัฒนาองค์กร (6) การพฒั นามาตรฐานการปฏิบตั ิงาน (7) งานเทคโนโลยีเพอื่ การศึกษา (8) งานเลขานุการคณะกรรมการเขตพ้ืนท่ีการศึกษา (9) การดาเนนิ งานธุรการ ดา้ นการเงินการคลัง บญั ชแี ละพัสดุ (10) การอานวยการด้านบคุ ลากร (11) การดูแลอาคารสถานท่แี ละสง่ิ แวดล้อม (12) การจดั ทาสามะโนผเู้ รียน (13) การรับนกั เรยี น (14) การจดั ต้งั ยบุ รวมหรอื เลิกสถานศึกษา (15) การอานวยการและประสานงานการจัดการศึกษาในระบบ นอกระบบตามอัธยาศัย (16) การระดมทรพั ยากรเพอื่ การศกึ ษา (17) การทัศนศกึ ษา (18) การสง่ เสรมิ งานกิจกรรมนักเรยี น (19) การประชาสัมพันธง์ านการศกึ ษา (20) การสง่ เสริมสนบั สนุนและประสานการจดั การศกึ ษาของบุคคล ชมุ ชน องคก์ าร หน่วยงาน และสถาบนั สงั คมอ่ืนท่จี ัดการศกึ ษา (21) งานประสานราชการกับส่วนภมู ภิ าคและสว่ นท้องถิ่น (22) งานกากับดูแลสถานศึกษาติดตามตรวจสอบประเมินผลและรายงาน (23) การจัดระบบการควบคุมภายในหน่วยงาน 3. การบริหารสถานศกึ ษาข้ันพืน้ ฐานตามแนวปฏิรูปการศกึ ษา การปฏิรปู การศึกษามีความมุ่งหมายท่จี ะจัดการศึกษาเพ่ือพฒั นาคนไทยใหเ้ ปน็ มนษุ ย์ ที่สมบูรณ์เป็นคนดี มีความสามารถและมีความสุข การดาเนินการให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีพลังและ มีประสทิ ธิภาพ จึงจาเป็นตอ้ งมีการกระจายอานาจให้สถานศึกษาให้ชัดเจน ซ่ึงไดม้ ีการกาหนดเรอ่ื งน้ี ไว้อย่างชัดเจนในมาตรา 39 ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับปัจจุบัน ซึ่งกระทรวง
15 ศึกษาธิการ ได้กาหนดแนวทางการบริหารสถานศึกษาไว้ในคู่มือการบริหารสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ที่เป็นนิติบุคคล โดยจาแนกงานบริหารสถานศึกษาออกเป็น 4 ด้าน คือ ด้านการบริหารวิชาการ ดา้ นการบริหารงบประมาณ ด้านการบรหิ ารงานบุคคลและด้านการบริหารงานท่วั ไป ซ่ึงจะไดน้ าเสนอ รายละเอยี ดแตล่ ะงาน ดงั นี้ (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2549, น.33-37) 1) ด้านการบริหารวชิ าการ กระทรวงศึกษาธกิ ารไดก้ าหนดกรอบงานด้านวิชาการ เพื่อกระจายอานาจไปยัง สถานศึกษา ให้มีความอิสระคล่องตัวรวดเร็วและสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรยี น สถานศึกษา และชมุ ชน รวมทง้ั การมสี ่วนร่วมจากผู้ทมี่ ีส่วนเกี่ยวขอ้ ง มีขอบข่ายและภารกจิ ดงั นี้ 1.1) การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์หลักสูตร การศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. 2551 สาระแกนกลางของกระทรวงศึกษาธิการ มีการวิเคราะห์ สภาพแวดล้อม ขอ้ มูลสารสนเทศเก่ียวกบั สภาพปญั หาและความต้องการของสังคมชมุ ชน เพื่อกาหนด วิสัยทัศน์ ภารกิจ เป้าหมาย และคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ โดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายและจัดทา โครงสร้างหลักสูตรและสาระต่าง ๆ ท่ีกาหนด ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ เป้าหมาย และคุณลักษณะ ท่ีพึงประสงค์ โดยมีการบูรณาการเนื้อหาสาระ ท้ังในกลุ่มสาระการเรียนรู้เดียวกัน และระหว่าง กลุ่มสาระการเรยี นร้ตู ามความเหมาะสม 1.2) การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ควรสง่ เสริมใหค้ รูจดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้ตามสาระและหนว่ ยการเรยี นรู้ โดยเนน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคัญ สอดคล้องกบั ความสนใจ ความถนัดของผู้เรียน รวมท้ังมีการจัดบรรยากาศและส่ิงแวดล้อม แหล่งเรียนรู้ให้เอื้อต่อการจัด กระบวนการเรียนรู้ และมีการนาภูมิปัญญาท้องถ่ิน ชุมชน ผู้ปกครอง เข้ามามีส่วนร่วมในการจัด การเรยี นการสอนตามความเหมาะสม 1.3) การวัดผลประเมินผลและเทียบโอนผลการเรียน โดยเน้นการประเมิน ตามสภาพจริงอย่างต่อเนอ่ื งจากกระบวนการปฏิบัติและผลงาน 1.4) การวจิ ัยเพอื่ พัฒนาคุณภาพการศึกษา สง่ เสริมใหม้ ีการศกึ ษาวเิ คราะหว์ ิจยั การบริหารและการพัฒนาคุณภาพงานวิชาการในภาพรวมของสถานศึกษา โดยประสานงาน ความรว่ มมือกบั สถานศกึ ษาอ่นื องคก์ าร หนว่ ยงานและสถาบันอน่ื 1.5) การพัฒนาสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา ควรมีการวิเคราะห์ ความจาเป็นในการใช้สื่อนวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอน โดยส่งเสริมให้มี การผลิตพัฒนาส่ือและนวัตกรรมการเรียนการสอน รวมท้ังประสานความร่วมมือในการผลิต จัดหา พัฒนา และการใชส้ ือ่ เทคโนโลยีเพือ่ การศกึ ษาจากบคุ คล องคก์ าร หน่วยงาน และสถาบนั อนื่ 1.6) การพฒั นาแหลง่ เรยี นรู้ โดยการสารวจแหล่งเรยี นรูท้ ้งั ภายในและภายนอก สถานศึกษา ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกในการจัดตั้งส่งเสริมพัฒนาแหล่งเรียนรู้ที่ใช้ ร่วมกนั 1.7) การนิเทศการศึกษา จดั ระบบการนิเทศงานวิชาการและการเรยี นการสอน ภายในสถานศึกษา ในรูปแบบท่ีหลากหลายและเหมาะสมกับสถานศึกษา และประสานงานกับ เขตพน้ื ทกี่ ารศึกษา เพ่ือพฒั นาระบบและกระบวนการนเิ ทศ
16 1.8) การแนะแนวการศึกษา จัดระบบการแนะแนวที่เชื่อมโยงกับระบบดูแล ช่วยเหลือนักเรียนและกระบวนการเรียนการสอนโดยความร่วมมือของผู้เก่ียวข้องทุกฝ่ายท้ังภายใน และภายนอกสถานศึกษา 1.9) การพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา มีการวางแผนและ ดาเนินการตามแผนพัฒนาตามระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา มีการประสานความร่วมมือ กั บ ส ถ าน ศึ ก ษ า แ ล ะ ห น่ ว ย งา น อ่ื น ใน ก า ร ป รั บ ป รุ ง แ ล ะ พั ฒ น า ร ะ บ บ ป ร ะ กั น คุ ณ ภ า พ ภ า ย ใน ประสานงานกับเขตพ้ืนที่การศึกษา เพ่ือการประเมินคุณภาพการศึกษาตามระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาภายในเขตพื้นท่ีการศึกษา และประสานงานกับสานักงานรับรองมาตรฐานการศึกษาและ ประเมินคณุ ภาพการศึกษา เพื่อเปน็ ฐานในการพฒั นาอย่างเปน็ ระบบและต่อเนอ่ื ง 1.10) การส่งเสริมความรู้ด้านวิชาการแก่ชุมชน ศึกษาสารวจความต้องการ สนับสนุนงานวิชาการแก่ชุมชน ให้ความรู้ทางวิชาการเพื่อการพัฒนาทักษะวิชาชีพและคุณภาพชีวิต ของประชาชนในท้องถิน่ รวมทั้งใหเ้ ขา้ มามีส่วนร่วมในกจิ กรรมทางวิชาการ โดยการแลกเปลยี่ นเรียนรู้ ประสบการณร์ ะหวา่ งบุคคล ครอบครวั ชุมชน ทอ้ งถนิ่ 1.11) การประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถานศึกษาอื่น ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือการพัฒนางานวิชาการกับสถานศึกษา ท้ังของรัฐ เอกชน และองค์การ ปกครองส่วนท้องถิ่น ท้ังบริเวณใกล้เคียงภายในเขตพ้ืนท่ีการศึกษา หรือต่างเขตพ้ืนท่ีการศึกษา มกี ารสรา้ งเครือขา่ ยความร่วมมอื ในการพฒั นาวิชาการกบั องค์การตา่ งๆ 1.12) การส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์การ หน่วยงานและสถาบันอ่ืนท่ีจัดการศึกษา สารวจและศึกษาข้อมูลการจัดการศึกษาความต้องการ ในการได้รับการสนับสนุนด้านวิชาการ อาจจัดให้มีการแลกเปล่ยี นเรยี นรใู้ นการจดั การศึกษา ระหว่าง บุคคล ครอบครัว องคก์ าร หนว่ ยงานหรือสถาบันการศึกษาอืน่ 2) ด้านการบริหารงบประมาณ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดก้ าหนดกรอบการบริหารงานงบประมาณ เพือ่ ความเปน็ อิสระในการบริหารจัดการให้มีความคล่องตัว โปร่งใสตรวจสอบได้ ยึดหลักการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ และบริหารงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน ให้มีการหาประโยชน์ทางการศึกษา ส่งผลให้เกิดคุณภาพ ท่ดี ีขึน้ ต่อผูเ้ รยี น มีขอบข่ายงานและภารกจิ ดงั นี้ 2.1) การจัดทาและเสนอของบประมาณ ได้แก่การวิเคราะหแ์ ละพฒั นานโยบาย ทางการศึกษา การจัดทาแผนกลยุทธ์หรือแผนพัฒนาการศึกษา การวิเคราะห์ความเหมาะสม การเสนอของบประมาณ 2.2) การจัดสรรงบประมาณ ได้แก่ การจัดสรรงบประมาณในสถานศึกษา การเบิกจา่ ยและการอนมุ ตั งิ บประมาณ การโอนเงินงบประมาณ 2.3) การตรวจสอบติดตามประเมินผลและรายงานผลการใช้เงินและ ผลการดาเนินงาน ได้แก่ การตรวจสอบติดตามการใช้เงินและผลการดาเนินงาน การประเมินผล การใชเ้ งนิ และผลการดาเนนิ งาน
17 2.4) การระดมทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา ได้แก่ การจัดการทรัพยากร การระดมทรัพยากร การจัดหารายได้และผลประโยชน์ กองทุนกู้ยืมเพ่ือการศึกษา กองทุนสวัสดิการ เพ่อื การศึกษา 2.5) การบรหิ ารการเงนิ ไดแ้ ก่ การเบกิ เงนิ จากคลงั การรับเงนิ การเกบ็ รกั ษาเงนิ การจา่ ยเงิน การนาส่งเงนิ การกันเงินไวเ้ บิกเหล่อื มปี 2.6) การบริหารบัญชี ได้แก่ การจัดทาบัญชีการเงิน การจัดทารายงานทาง การเงนิ และงบการเงิน 2.7) การบริหารพัสดุและสินทรัพย์ ได้แก่ การจัดทาระบบฐานข้อมูลสินทรัพย์ ของสถานศกึ ษา การจดั หาพัสดุ การกาหนดแบบรูปรายการ หรือคณุ ลักษณะเฉพาะ และจัดซ้อื จดั จา้ ง การควบคุมดูแลบารุงรกั ษาและจาหนา่ ยพัสดุ 3) ดา้ นการบริหารงานงานบคุ คล กระทรวงศึกษาธกิ ารได้กาหนดกรอบการบริหารงานบคุ คลในสถานศึกษาใหเ้ ปน็ ภารกิจท่ีสาคัญท่ีมุ่งส่งเสริมให้สถานศึกษา สามารถปฏิบัติงานเพื่อตอบสนองภารกิจการดาเนินงาน ด้านบริหารบุคคล ให้เกิดความคล่องตัวอิสระภายใต้กฎหมายระเบียบเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้รับการพัฒนามีความรู้ความสามารถ มีขวัญและกาลังใจ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ มีความม่ันคงและก้าวหน้าในวิชาชีพ ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพ การศกึ ษาของผูเ้ รยี นเป็นสาคญั โดยมีขอบขา่ ยและภารกจิ โดยสรปุ ดังนี้ 3.1) การวางแผนอตั รากาลงั และกาหนดตาแหนง่ 3.2) การสรรหาและการบรรจแุ ตง่ ตง้ั 3.3) การเสรมิ สรา้ งประสทิ ธิภาพในการปฏบิ ตั ิราชการ 3.4) วนิ ัยและการรักษาวินัย 3.5) การออกจากราชการ 4) ดา้ นการบรหิ ารทั่วไป สาหรับด้านการบริหารท่ัวไป กระทรวงศึกษาธิการได้กาหนดขอบข่ายให้เป็นงาน ทเี่ กี่ยวข้องกับการจัดระบบบริหารองค์การให้บรกิ ารบรหิ ารงานอนื่ ๆ บรรลุผลตามมาตรฐานคุณภาพ และเป้าหมายที่กาหนดไว้โดยมีบทบาทหลักในการประสานส่งเสริมสนับสนุนและการอานวยการ ความสะดวกต่าง ๆ ในการให้บริการการศึกษาทุกรูปแบบ มุ่งพัฒนาสถานศึกษาให้ใช้นวัตกรรมและ เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม ส่งเสริมในการบริหารและการจัดการศึกษาของสถานศึกษาตามหลักการ บริหารงานท่ีม่งุ เน้นผลสัมฤทธ์ิของงานเป็นหลัก โดยเนน้ ความโปร่งใส ความรับผิดชอบท่ีตรวจสอบได้ ตลอดจนการมีส่วนร่วมของบุคคล ชุมชน และองค์การท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือให้การจัดการศึกษามี ประสิทธิภาพและประสทิ ธิผล โดยฝ่ายงานบริหารท่ัวไปของสถานศกึ ษาจะตอ้ งดาเนนิ การเรื่องต่อไปน้ี 4.1) การดาเนนิ งานธรุ การ 4.2) งานเลขานกุ ารคณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้นื ฐาน 4.3) การพฒั นาระบบและเครอื ข่ายข้อมลู สารสนเทศ 4.4) การประสานและพฒั นาเครือขา่ ยการศกึ ษา 4.5) การจดั ระบบการบริหารและพฒั นาองคก์ าร
18 4.6) งานเทคโนโลยีสารสนเทศ 4.7) การส่งเสรมิ สนบั สนนุ ดา้ นวิชาการ งบประมาณ บคุ ลากรและบรหิ ารทั่วไป 4.8) การดแู ลอาคารสถานทแ่ี ละสภาพแวดลอ้ ม 4.9) การจัดทาสามะโนผู้เรียน 4.10) การรบั นักเรยี น 4.11) การสง่ เสริมและประสานงานการจดั การศึกษาในระบบนอกระบบและตามอธั ยาศัย 4.12) การระดมทรัพยากรเพอ่ื การศกึ ษา 4.13) การสง่ เสรมิ งานกจิ การนกั เรียน 4.14) การประชาสัมพนั ธ์งานการศึกษา 4.15) การสง่ เสรมิ สนับสนุนและประสานงานการจดั การศกึ ษาของบคุ คลชุมชน องค์การ หน่วยงาน และสถาบนั สังคมอนื่ ทจ่ี ัดการศึกษา 4.16) งานประสานราชการกับเขตพ้ืนที่การศกึ ษาและหน่วยงานอนื่ 4.17) การจัดระบบการควบคมุ ภายในหนว่ ยงาน 4.18) งานบรกิ ารสาธารณะ 4.19) งานท่ไี มไ่ ดร้ ะบไุ ว้ในงานอนื่ การบริหารโรงเรยี นขนาดเลก็ 1. สภาพปัญหาของโรงเรยี นขนาดเลก็ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (2554, น.2) จากการศึกษาสภาพปัญหา ของโรงเรียนขนาดเล็กที่ผ่านมา พบว่า โรงเรียนขนาดเล็กส่วนใหญ่ประสบปัญหาคล้ายคลึงกัน ใน 4 ด้าน คือ ด้านการบริหารจัดการ ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านความพร้อมทางปัจจัยของ โรงเรียนและดา้ นการมีส่วนรว่ มในการพัฒนาโรงเรยี นซง่ึ ในแตล่ ะดา้ น มรี ายละเอียดพอสังเขป ดังนี้ 1) ปัญหาด้านการบริหารจดั การ การจัดการศึกษาในอดีต รัฐบาลมุ่งเน้นการจัดต้ังโรงเรียนให้ครอบคลุมทุกพื้ นที่ ที่มีประชากรอาศัยอยู่ เพ่ือการขยายโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนทุกคนได้เข้าเรยี น แต่ในปัจจุบัน ความจาเป็นดังกล่าวได้ลดลง ประกอบกับประชากรมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ตั้งแต่ตอนต้น ดังนั้นจึงทาให้มีโรงเรียนขนาดเล็กจานวนมาก ซ่ึงโรงเรียนดังกล่าวมีอัตราส่วนครู ต่อนักเรียน นักเรียนต่อห้องเรียน ต่ากว่ามาตรฐาน ค่าใช้จ่ายต่อนักเรียน 1 คน สูงกว่าโรงเรียนขนาด อ่ืน ๆ นอกจากน้ี ยังมีโรงเรียนขนาดเล็กอีกจานวนหนึ่ง ท่ีอยู่ในพ้ืนท่ีที่มีลักษณะพิเศษ เช่น พื้นท่ี ห่างไกลความเจริญ พ้ืนท่ีบนภูเขาสูง บนเกาะ ชายขอบของประเทศ เป็นต้น ซ่ึงนักเรียนในโรงเรียน ลกั ษณะดังกล่าว มีปัญหาในการเดินทางไปเรียน ท้ังโรงเรียนยังขาดแคลนวัสดุ อุปกรณ์ ผู้อานวยการ โรงเรียนขนาดเล็กส่วนใหญ่ยังขาดทักษะในการบริหารจัดการโรงเรียน ซึ่งมีบริบทที่ต่างไปจาก โรงเรยี นขนาดอ่ืน ๆ ส่งผลให้คุณภาพการจัดการศกึ ษายังไม่เป็นทีน่ ่าพอใจ
19 2) ปญั หาดา้ นการเรียนการสอน ในด้านการเรียนการสอนนั้น พบว่า ครูสว่ นใหญ่ขาดทกั ษะในการจัดกิจกรรมการเรียน การสอนในสภาพท่ีครูไม่ครบช้ันและนักเรียนมีจานวนน้อยในแต่ละช้ัน ครูสอนไม่เต็มเวลาและ เต็มความสามารถ เพราะมีภารกิจอื่นท่ีนอกเหนือจากการเรียนการสอนที่ครูจานวนหนึ่งต้องปฏิบัติ ทง้ั ในสังกัดเดียวกนั และจากตา่ งสังกัด หลกั สตู รและแผนการจัดการเรยี นรู้ ไม่สอดคล้องกับบรบิ ทของ โรงเรียน ส่ือการเรียนการสอนและแหล่งการเรียนรู้มีจานวนจากัด ซึ่งมีสาเหตุมาจากโรงเรียนได้รับ งบประมาณน้อย ซ่งึ ในทา้ ยทส่ี ุด ก็ส่งผลใหน้ ักเรยี นมีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนต่าไปด้วย 3) ปัญหาดา้ นความพร้อมเก่ียวกบั ปจั จยั สนับสนุน ในการจัดสรรงบประมาณให้กับโรงเรียนที่ผ่านมาได้ใช้เกณฑ์การจัดสรรหลาย ๆ เกณฑ์ ซ่ึงขนาดโรงเรียนก็เป็นเกณฑ์หนึ่งในการจัดสรร เนื่องจากมีการคานึงถึงประสิทธิภาพในการ ใช้จ่ายงบประมาณ ดังนั้นจึงทาให้โรงเรียนขนาดเล็ก ไดร้ ับจดั สรรบคุ ลากร งบประมาณ วัสดุ อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ ส่ิงก่อสร้าง เป็นจานวนน้อย สภาพอาคารเก่า ชารุดทรุดโทรม เนื่องจากก่อสร้างมาเป็น เวลานาน คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ยังมีไม่เพียงพอ โรงเรียนไม่สามารถระดมทรัพยากรจากผู้ปกครอง ชมุ ชนได้มากนกั เน่อื งจากผู้ปกครองและชุมชนดงั กลา่ วมีความยากจน สาหรับตวั ป้อนดา้ นนักเรยี นน้ัน พบวา่ นกั เรยี นในโรงเรยี นขนาดเลก็ สว่ นใหญม่ าจากครอบครวั ที่ยากจน 4) ปัญหาด้านการมีสว่ นร่วมในการจัดการศกึ ษา ที่ผ่านมาน้ัน ถึงแม้ว่าจะมตี ัวแทนของชุมชนและองค์กรต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการ จัดการศึกษาในรูปของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานก็ตาม แต่บทบาทของคณะกรรมการ ดังกล่าวยังมีไม่มากนัก และหากกล่าวถึงการประสานงานกับหน่วยงาน องค์กรอื่น ทั้งภาครัฐและ เอกชนด้วยแล้ว เกือบจะกล่าวได้ว่ามีน้อยมาก หรือไม่มีเลย ในบางพ้ืนท่ี ชุมชน ผู้ปกครองมีฐานะ ยากจนไม่สามารถส่งเสริมสนับสนุนการดาเนินงานของโรงเรียนและการเรียนของบุตรหลานได้ เทา่ ท่ีควร 2. รูปแบบการบรหิ ารจัดการโรงเรียนขนาดเลก็ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (2554, น.5-8) ได้สารวจนวัตกรรมการพัฒนา โรงเรียนขนาดเลก็ ท่ีสามารถดาเนินการได้ประสบผลสาเรจ็ เพ่อื เผยแพร่ประชาสมั พันธแ์ ละเปน็ ข้อมูลในการ กาหนดนโยบายการพัฒนาประสิทธิภาพโรงเรียนขนาดเล็ก ซ่ึงมีรูปแบบนวัตกรรมท่ีสอดคล้องกัน สามารถ นามาสังเคราะห์เป็นรูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก จานวน 7 รูปแบบ ซ่ึงสามารถนาไป ประยุกต์ใช้เปน็ แนวทางในการบริหารจดั การโรงเรยี นใหม้ ีประสิทธภิ าพได้ ดังน้ี รปู แบบท่ี 1 การจัดการเรยี นรู้แบบรวมชั้นเรียน รปู แบบการจัดการเรียนรู้แบบรวมชั้นเรียน ประกอบด้วย การจัดการเรียนรู้แบบช่วงช้ัน และการเรยี นรูแ้ บบคละชั้นโดยวิธีการยบุ ชนั้ เรยี น ให้โรงเรยี นทีม่ ีครูไม่ครบชน้ั สามารถจดั การเรียนการสอน ในชั้นเรียนได้โดยไม่ทิ้งห้องเรียน โรงเรียนจึงสามารถนาไปปรับใช้ในการจัดการเรียนรู้ ให้สอดคล้องและ เหมาะสมกบั บรบิ ทของโรงเรยี น ทสี่ ่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผูเ้ รยี นได้ รปู แบบที่ 2 การบรู ณาการหลักสูตร การบูรณาการหลกั สตู ร (Integration) คอื การนาความรมู้ ารวบรวมประมวลไว้ใน
20 หน่วยเดียวกัน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนบรรลุถึงจุดมุ่งหมายของหน่วยบูรณาการ ซึ่งหน่วยบูรณาการนี้ จะช่วยสะท้อนให้เห็นถึงสภาพความเป็นจริงของการใช้ชีวิตอีกด้วย เพราะการดารงชีวิตของมนุษย์ ในปจั จุบันต้องอาศัยหลายอย่างมาผสมผสานกลมกลืนกันเพ่ือทาให้เกิดความสุข ไม่ได้แยกเป็นส่วน ๆ ดังนั้นวิชาต่าง ๆ ควรจัดให้ผสมผสานกลมกลืนกันไป การพัฒนาหลักสูตรเป็นภารกิจสาคัญของ สถานศึกษา เพราะจะทาให้การนาหลักสูตรไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสภาพปัญหา และความต้องการของสถานศึกษา โดยเฉพาะอย่างย่ิงโรงเรยี นท่ีมคี รูไม่ครบชน้ั มคี วามจาเปน็ อยา่ งย่ิง ที่จะต้องพัฒนาหลักสูตรให้มีความสอดคล้องกับสภาพปัญหาท่ีเป็นอยู่ การนาหลักสูตรไปใช้จึงจะ บงั เกิดผลตามท่ีตอ้ งการ รปู แบบที่ 3 ความรว่ มมอื จากชุมชน การบริหารจัดการศึกษาโรงเรียนขนาดเล็กให้มีคุณภาพ นับเป็นปัญหาสาคัญและ เร่งด่วนของทุกสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา เพราะแนวโน้มของประชากรลดลง ทาให้มีโรงเรียน ขนาดเล็กเพ่ิมมากขึ้นทุกปี ซึ่งโรงเรียนขนาดเล็กจะขาดแคลนครู มีครูไม่ครบชั้น ไม่ตรงวิชาเอก โดยเฉพาะวิชาหลัก งบประมาณไม่เพียงพอ ขาดสื่อเทคโนโลยีที่นามาใช้ในการจัดการเรียนการสอน ทาให้โรงเรยี นขนาดเล็กมปี ระสทิ ธภิ าพในการจดั การศึกษาต่า ซ่งึ หากรองบประมาณจากทางราชการ และการจัดสรรอัตรากาลังให้เพียงพอคงเปน็ ไปได้ยาก จาเป็นทีโ่ รงเรียนขนาดเล็กต้องแก้ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ด้วยการบริหารและจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพด้วยรปู แบบความร่วมมอื จากผู้มีสว่ นเกี่ยวข้อง โรงเรียนจงึ จะประสบผลสาเรจ็ รปู แบบท่ี 4 การใช้ ICT ในการพัฒนาคุณภาพ เทคโนโลยีทางการศึกษา เป็นหัวใจของการแก้ปัญหาและพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาหลายแห่ง จึงได้นาเทคโนโลยีมาใช้อย่างหลากหลาย เช่น ใช้รถ คอมพิวเตอร์เคลื่อนท่ี (Mobile Unit) เพ่ือให้บริการห้องเรียนคอมพิวเตอร์เคล่ือนที่ สาหรับนักเรียน ในโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ห่างไกล ได้มีโอกาสเข้าถึงส่ือการเรียนรู้จากคอมพิวเตอร์ การส่งเสริม การเรียนการสอนด้วยการรับสัญญาณการสอนทางไกลจากโรงเรียนไกลกังวลหัวหิน และการเรียนรู้ จากหอ้ งสมดุ เคล่อื นท่ี รปู แบบท่ี 5 รปู แบบโรงเรียนเครือข่าย โรงเรียนขนาดเล็กท่ีมีนักเรียนต่ากว่า 120 คน ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีปัญหาด้าน การบริหารจัดการให้มีคุณภาพ จากสาเหตุการขาดแคลนบุคลากร วัสดุอุปกรณ์ สามารถดาเนินการ จัดการศึกษาในรูปแบบโรงเรียนเครือข่าย การรวมโรงเรียนในลักษณะต่าง ๆ ได้โดยโรงเรียนและ โรงเรียนเครือข่ายวางแผนการดาเนินการร่วมกัน ซ่ึงจะทาให้การบริหารจัดการโรงเรียนมี ประสทิ ธภิ าพมากขนึ้ รูปแบบที่ 6 ผสมผสานด้วยวิธีการหลากหลาย ในการพัฒนาโรงเรียนขนากเล็ก ได้เปิดโอกาสให้โรงเรียนขนาดเล็กคิดหาวิธีพัฒนา เพ่ือยกระดับคุณภาพด้วยรูปแบบของตนเอง ให้บรรลุผลสาเร็จตามสภาพปัญหาและบริบทของ แต่ละโรงเรียน และจากการวิเคราะห์ข้อมูลการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กในสังกัด พบว่า โรงเรียน ขนาดเล็กที่มีการพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาด้วยวิธีที่หลากหลาย เช่น การบูรณาการ
21 หลักสูตร การรวมช้ันเรียน การใช้เทคโนโลยี และการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยนาวิธีการดังกล่าวมา ผสมผสานในการดาเนินงาน ซ่ึงเปน็ รูปแบบท่ที าใหโ้ รงเรียนจานวนมากประสบผลสาเร็จ รปู แบบท่ี 7 การบรหิ ารจดั การทีม่ ีประสิทธิภาพ โรงเรียนขนาดเล็กท่สี ามารถบรหิ ารจดั การไดป้ ระสบผลสาเรจ็ ในรูปแบบและวธิ ีการ ต่าง ๆ มีจานวนมาก ปัจจัยหลักแห่งความสาเร็จของการบริหารโรงเรียนให้มีประสิทธิ ภาพ คือ ผู้บริหารต้องมีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการสถานศึกษา มีวิสัยทัศน์ มีภาวะผู้นาพร้อม บริหารการเปลี่ยนแปลง มีความเป็นประชาธิปไตย ยึดหลักการบริหารแบบมีส่วนร่วม มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นแบบอย่างท่ีดี เป็นที่ยอมรับของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียท้ังภายในและภายนอกสถานศึกษา สามารถใช้มิตรภาพและใจที่มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายการทางานพร้อมกันระหว่างครูและชุมชนโดยใช้ หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กลา่ วโดยสรปุ นวัตกรรมการพฒั นาคุณภาพการบรหิ ารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กนัน้ มีหลากหลายรูปแบบท่ีจะนาไปปรับใช้ในการบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็ก เพ่ือนาไป สู่การพัฒนาประสิทธิภาพและรูปแบบการดาเนินงานที่จะมุ่งไปสู่การจัดกระบวนเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียน เป็นสาคัญ มุ่งประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน ผู้เรียนได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพ โดยคานึงถึงสภาพ ความเป็นจริง และบริบทต่าง ๆ ของโรงเรียนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของชุมชน ทอ้ งถน่ิ 3. นโยบายการดาเนินงานควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็ก สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ได้พิจารณาการดาเนินการรวมโรงเรียน ขนาดเลก็ โดยมที ศิ ทางการดาเนนิ งานสอดคล้องกบั นโยบายสาคัญ ดงั น้ี 1) การปฏิรปู การศึกษาในทศวรรษทสี่ อง (พ.ศ. 2552-2561) ได้กาหนดวสิ ยั ทัศน์“คนไทย ได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ” และกาหนดประเด็นสาคัญของระบบการศึกษาและการเรียนรู้ ทต่ี ้องการปฏิรูปอยา่ งเรง่ ด่วน 4 ประการหลกั คือ หลักการที่ 1 พัฒนาคุณภาพคนไทยยุคใหม่ท่ีมีนิสัยใฝ่เรียนรู้ สามารถเรียนรู้ด้วย ตนเองและแสวงหาความรู้อย่างตอ่ เนื่อง มีความสามารถในการสื่อสาร สามารถคิดวิเคราะห์แกป้ ัญหา คิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีจิตสาธารณะ มีระเบียบวินัย มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม มีจิตสานึกและ ความภูมิใจในความเป็นไทย ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข รังเกียจการทุจริตและต่อต้านการซื้อสิทธ์ิ ขายเสียง สามารถก้าวทันโลก มีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่สมบูรณ์ ห่างไกลยาเสพติด เป็นกาลังคนที่มีคุณภาพ มีทักษะความรู้พื้นฐานท่ีจาเป็น สมรรถนะ ความรู้ ความสามารถ สามารถทางานได้อย่างมีประสิทธภิ าพ หลักการท่ี 2 พัฒนาคุณภาพครูยุคใหม่ท่ีเป็นผู้เอ้ืออานวย ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ เปน็ วชิ าชีพทมี่ ีคุณค่า มีระบบกระบวนการผลิตและพัฒนาครู และบุคลากรทางการศกึ ษาท่มี ีคณุ ภาพ มาตรฐานเหมาะสมกับการเปน็ วิชาชพี ชั้นสูง หลักการที่ 3 พัฒนาคุณภาพสถานศึกษา และแหล่งเรียนรู้ยุคใหม่ โดยพัฒนาคุณภาพ สถานศึกษาทกุ ระดับและทกุ ประเภทให้สามารถเป็นแหลง่ เรยี นรทู้ ี่มีคุณภาพ
22 หลักการที่ 4 พัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการใหม่ ท่ีมุ่งเน้นการกระจายอานาจ สู่สถานศึกษา เขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาและองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ รวมทงั้ การมสี ว่ นร่วมของผู้ปกครอง ชุมชนและภาคเอกชน และทุกภาคส่วน มีระบบการบริหารจัดการท่ีมีความโปร่งใสเป็นธรรม ตรวจสอบได้ มกี ารบรหิ ารจดั การการเงนิ และงบประมาณทีเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั 2) มาตรการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ของคณะกรรมการกาหนดเป้าหมายอัตรากาลัง พลภาครัฐ (คปร.) โดยมติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันท่ี 27 ตุลาคม 2552 เห็นชอบแนวทางการจัด อัตรากาลังและการบริหารจัดการในภารกิจการศึกษาขั้นพ้ืนฐานตามข้อเสนอของคณะกรรมการ กาหนดเป้าหมายและนโยบายกาลังคนภาครัฐ (คปร.) กาหนดมาตรการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ และให้กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับหน่วยงานที่เก่ียวข้องดาเนินการแก้ปัญหาด้วยการบริหารจัดการ ประกอบดว้ ย 5 ยทุ ธศาสตร์ ดงั น้ี ยทุ ธศาสตร์ท่ี 1 การปรับบทบาทภาครัฐเพ่ือดาเนินภารกิจการศึกษาขั้นพนื้ ฐานอยา่ งมีคุณภาพ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การบรหิ ารจดั การให้มจี านวนโรงเรียนสอดคล้องกับความจาเปน็ ของพ้ืนท่ี ยุทธศาสตร์ท่ี 3 การบริหารจัดการกาลังคนให้สมดุลและสอดคล้องกับภารกิจด้าน การศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน ยุทธศาสตร์ที่ 4 การบริหารทรัพยากรด้านการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพและเกิด ประสทิ ธผิ ล ยุทธศาสตร์ท่ี 5 การพัฒนาฐานข้อมูลเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการในภารกิจด้าน การศึกษาข้นั พนื้ ฐานอย่างมปี ระสิทธิภาพ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ตระหนักถึงความสาคัญของนโยบาย ดังกล่าว จึงเป็นความจาเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องวางรากฐานการศึกษาใหม่เพื่อยกระดับคุณภาพ การศึกษา และเพ่ิมประสิทธิภาพการจัดการศึกษาให้สูงข้ึน ดังน้ัน มาตรการสาคัญประการหน่ึง ในนโยบายและยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง คือ การรวมโรงเรียน ขนาดเล็ก รวมท้ังเป็นการตอบสนองต่อมาตรการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ของคณะกรรมการ กาหนดเป้าหมายและนโยบายกาลังคนภาครัฐ (คปร.) โดยมติคณะรฐั มนตรีเมือ่ วันที่ 27 ตุลาคม 2552 ได้ระบสุ าระสาคัญที่เกย่ี วข้อง ดงั น้ี (สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา, 2554) 1. เพิ่มประสิทธิภาพและลดความสูญเปล่าของโรงเรียนขนาดเล็กด้วยมาตรการ ที่เหมาะสม ได้แก่ การควบรวม การปรับปรุงประสิทธิภาพ การสร้างเครือข่าย ตลอดจนสนับสนุน ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา โดยมีการจัดทาแผนที่ต้ังสถานศึกษา (SchoolMapping) และแผนดาเนินงานแบบข้นั บันไดภายในปี 2561 2. จัดให้มีการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในพ้ืนที่ เพื่อให้เกิดขนาดท่ีเหมาะสมโดย ชดเชยค่าเดินทางแกพ่ ่อแม่ ท้ังน้ีเพ่ือให้สามารถจดั สรรอัตรากาลังของครูและงบประมาณท่ีเสริมสร้าง การพฒั นาคุณภาพได้อยา่ งเต็มที่ 3. เร่งดาเนินการให้โรงเรียนขนาดเล็กมีคุณภาพดีขึ้น ด้วยวิธีการที่หลากหลาย อาทิ ส่งเสริมโรงเรียนดีประจาตาบล การควบรวมและถ่ายโอนสถานศึกษาขนาดเล็ก ซึ่งไม่ได้อยู่ในพ้ืนที่ ทรุ กันดาร หา่ งไกลและให้การอดุ หนุนคา่ ยานพาหนะ
23 4. ใช้ระบบงบประมาณและทรัพยากรทางการศึกษาเป็นส่ิงจูงใจในการแก้ปัญหา โรงเรยี นท่ีมีขนาดเล็กมาก จนไม่สามารถพัฒนาประสิทธิภาพของการจัดการศึกษาได้ โดยให้ควบรวม เป็นโรงเรียนท่ีสามารถบริหารจัดการเพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ (สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา, 2553) วัตถุประสงค์ เพื่อลดจานวนโรงเรียนขนาดเล็กให้เหมาะสมกับความจาเป็นของพ้ืนท่ีนาไป สู่การเพิ่ม คุณภาพและประสิทธิภาพทางการศึกษารองรับนโยบายและยุทธศาสตร์การขับเคล่ือนการปฏิรูป การศึกษาในทศวรรษที่สอง และมาตรการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ของคณะกรรมการกาหนด เป้าหมายและนโยบายกาลงั คนภาครัฐ (คปร.) มติคณะรฐั มนตรเี มือ่ วนั ที่ 27 ตุลาคม 2552 เป้าหมาย ภายในปีการศึกษา 2561 จานวนโรงเรียนขนาดเล็กลดลง ร้อยละ 50 โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ดงั นี้ ระยะท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2554-2556 ภายในปีการศึกษา 2556 จะสามารถรวมโรงเรียนได้ จานวน 5,627 โรงเรียน โดยให้ เร่งรัดดาเนนิ การตามเป้าหมายทีก่ าหนด ดังนี้ 1. ภายในปกี ารศึกษา 2554 รวมโรงเรียนที่มีจานวนนกั เรียนไมเ่ กนิ 20 คน จานวน 581 โรงเรียน 2. ภายในปีการศึกษา 2555 รวมโรงเรียนที่มจี านวนนักเรยี นไมเ่ กนิ 40 คน จานวน 1,964 โรงเรยี น 3. ภายในปกี ารศึกษา 2556 รวมโรงเรียนท่มี ีจานวนนกั เรยี นไมเ่ กิน 60 คน จานวน 3,082 โรงเรยี น สาหรับโรงเรียนท่ีมีจานวนนักเรียน 61-120 คน หากมีความพร้อมสามารถดาเนินการรวม โรงเรยี นได้ ระยะท่ี 2 ปีการศึกษา 2557-2559 ภายในปีการศึกษา 2559 รวมโรงเรียนที่มีจานวนนักเรียนไม่เกิน 100 คน จานวน 6,395 โรงเรียน อยา่ งน้อยร้อยละ 50 ระยะท่ี 3 ปีการศกึ ษา 2560-2561 ภายในปีการศึกษา 2561 รวมโรงเรียนท่ีมีจานวนนกั เรยี นไม่เกิน 120 คน จานวน 2,372 โรงเรยี น อยา่ งน้อยรอ้ ยละ 50 ตารางท่ี 2.1 แสดงการควบรวมโรงเรียนขนาดเลก็ ปีการศึกษา 2554-2561 ปีการศึกษา ควบรวมโรงเรียน จานวน หมายเหตุ ทมี่ ีนกั เรยี น โรงเรียน ระยะท่ี 1 2554 รวม 5,627 โรงเรียน 2555 0-20 581 2556 21-40 1,964 ดาเนินการกับโรงเรียนขนาดเลก็ ท่มี ี 41-60 3,081 ความพร้อมประมาณร้อยละ 50 ระยะท่ี 2 2557-2559 6,395 ดาเนินการกับโรงเรยี นขนาดเลก็ ที่มี 61-100 ความพร้อมประมาณรอ้ ยละ 50 2,372 ระยะท่ี 3 2560-2561 101-120
24 คาจากดั ความ โรงเรียนขนาดเล็ก หมายถึง โรงเรียนประถมศึกษาหรือโรงเรียนมัธยมศึกษาที่มีนักเรียน ตัง้ แต่ 120 คนลงมา รวม หมายถึง การรวมที่ตั้งอยู่ใกล้กันต้ังแต่สองแห่งข้ึนไป เพ่ือให้การบริหารและ จัดการศกึ ษามปี ระสิทธภิ าพ เกิดผลดแี ก่ผเู้ รยี นทัง้ ในดา้ นสิทธิโอกาสและคณุ ภาพการศึกษา เลิก หมายถึง การเลิกโรงเรียนขั้นพ้ืนฐาน สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้นั พื้นฐาน แผนดาเนินงานแบบขั้นบันได หมายถึง กระบวนการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กโดย กาหนดเป้าหมาย และระยะเวลาดาเนนิ การอย่างชดั เจน โรงเรยี นหลกั หมายถงึ โรงเรยี นท่รี บั นักเรียนจากโรงเรยี นมารวม โรงเรยี นมารวม หมายถงึ โรงเรียนท่มี าเรยี นรวมกบั โรงเรยี นหลกั โรงเรียนลักษณะพิเศษท่ีได้รับการยกเว้น หมายถึง โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในพ้ืนที่พิเศษ (ห่างไกล กันดาร ภูเขา เกาะ ชายแดนและพ้ืนท่ีเส่ียงภัย) ไม่สามารถรวมกับโรงเรียนใดได้ ให้จัด การเรียนการสอนตามปกตโิ ดยไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการเขตพื้นท่ีการศึกษา ภาพความสาเรจ็ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ได้กาหนดภาพความสาเร็จของ การดาเนนิ การรวมโรงเรยี นไวเ้ ป็น ดงั น้ี 1. ดา้ นประสทิ ธิภาพ 1.1 จานวนโรงเรยี นขนาดเล็กลดลงเหมาะสมกบั ความจาเป็นของพ้นื ที่ 1.2 การบรหิ ารจดั การบุคลากรมคี วามสมดุลและสอดคลอ้ งกับภารกจิ 1.3 การบริหารจดั การทรพั ยากรดา้ นการศึกษามีประสทิ ธภิ าพและเกดิ ประสทิ ธิผล 2. ด้านคุณภาพ 2.1 โรงเรยี นมีคณุ ภาพได้มาตรฐาน 2.2 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการทดสอบระดับชาติสูงกว่าค่าเฉลี่ย ระดบั ประเทศ 3. ด้านโอกาสทางการศกึ ษา เพ่ิมโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้ในโรงเรียนดีที่มีคุณภาพ ด้วยนโยบายการพัฒนา คุณภาพ ประสิทธิภาพ และการปฏิบัติงานภาครัฐ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียน จึงมี ความจาเป็นต้องปรับเปล่ียนการดาเนินการให้เกิดคุณภาพและประสิทธิภาพ สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน จึงตระหนักถึงความสาคัญอย่างยง่ิ ในการดาเนินการรวมโรงเรียน ขนาดเลก็ ในคร้ังน้ี โดยกาหนดแนวการดาเนินงานเสนอแนะไว้ในส่วนต่อไป (สานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน, 2554, น.5-8) นอกจากน้ีตามมติคณะรัฐมนตรี เม่ือวันที่ 7 ตุลาคม 2562 เห็นชอบตามมติ คณะกรรมการกาหนดเป้าหมายและนโยบายกาลังคนภาครัฐในการประชุมคร้ังที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2562 เกี่ยวกับการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในสังกัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษา ข้นั พ้ืนฐานให้บงั เกิดผลอย่างเป็นรปู ธรรม “ให้ดาเนินการควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็กท่ีมีระยะห่างจาก
25 โรงเรียนในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในตาบลเดียวกันน้อยกว่า 6 กิโลเมตร ให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม” โดยได้แจ้งให้ สานักงานศึกษาธิการจังหวัด ร่วมมือกับสานักงาน เขตพืน้ ที่การศึกษา สถานศึกษา และภาคีเครือข่ายที่เก่ียวขอ้ งในการจดั ทาแผนบริหารจัดการโรงเรียน ขนาดเลก็ โดยเน้นตาบลเป็นฐาน โดยแตล่ ะจังหวดั จะมคี ณะทางานบูรณาการ ทีม่ ภี าครฐั เอกชนและ ประชาชน เป็นกลไกในการขับเคลื่อนแผนบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กในระดับจังหวัดและ แต่ละจังหวัด ยังสามารถแต่งตั้งคณะทางานเพื่อจัดทาแผนระดับอาเภอได้อีกด้วย (สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน,2562, น.1) กล่าวโดยสรุปว่า การดาเนินงานควบรวมโรงเรียนของสานักงานคณะกรรมการศึกษา ขั้นพื้นฐานจะประสบผลสาเร็จน้ัน จะต้องดาเนินการพัฒนาไปพร้อมกันท้ัง 3 ด้าน คือ ด้าน ประสิทธิภาพเพื่อให้สัดส่วนของโรงเรียนมีความเหมาะสมกับบุคลากรและความ จาเป็นของพ้ืนที่ ด้านประสิทธิภาพเพื่อการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนมีประสิทธภิ าพและเกิดประสิทธิผลโดยผ้เู รียน มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนท่ีสูงขึ้น และด้านโอกาสทางการศึกษาเพ่ือส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีโอกาส รับการศึกษาที่มีประสทิ ธภิ าพเท่าเทยี มกนั ทุกคน การบรหิ ารแบบควบรวม 1. นโยบายการบรหิ ารการศึกษาโรงเรยี นขนาดเล็ก นโยบายการบริหารการศึกษาโรงเรียนขนาดเล็ก (สานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพื้นฐาน, 2554, น.5-8) สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานได้กาหนดนโยบาย การบริหารการศึกษาโรงเรียนขนาดเล็ก ตามแนวทางมาตรการเชิงกลยุทธ์ของคณะกรรมการกาหนด เปา้ หมายและนโยบายกาลังคนภาครฐั มสี าระสาคัญคือ 1.1 เพิ่มประสิทธิภาพและความสูญเปล่าของโรงเรียนขนาดเล็กด้วยมาตรการท่ีเหมาะสม ได้แก่ การควบคุม การปรับปรุงประสิทธิภาพ การสร้างเครือข่าย ตลอดจนการสนับสนุนทุกภาคส่วน เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา โดยมีการจัดทาแผนท่ีต้ังสถานศึกษาและแผนการดาเนินงาน ตามแบบข้นั บนั ไดภายในปี 2561 1.2 จัดให้มีการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในเขตพ้ืนที่ เพ่ือให้เกิดขนาดท่ีเหมาะสม โดยชดเชยค่าเดินทางแก่พ่อแม่ ทั้งน้ีเพ่ือให้สามารถดาเนินการให้โรงเรียนขนาดเล็กมีคุณภาพดียิ่งขึ้น ด้วยวิธีการที่หลากหลาย อาทิ ส่งเสริมโรงเรียนดีประจาตาบล การควบรวมและถ่ายโอนสถานศึกษา ขนาดเล็ก ซงึ่ ไมไ่ ดอ้ ยใู่ นพ้ืนทก่ี นั ดาร ห่างไกลและใหก้ ารอุดหนนุ ค่าพาหนะ 1.3 เร่งการดาเนินการให้โรงเรียนขนาดเล็กมีคุณภาพดียิ่งขึ้น ด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย อาทิ ส่งเสริมโรงเรียนดีประจาตาบล การควบรวมและถ่ายโอนสถานศึกษาขนาดเล็ก ซึ่งไม่ได้อยู่ใน พนื้ ทีก่ ันดาร หา่ งไกลและใหก้ ารอุดหนนุ คา่ พาหนะ 1.4 ใช้ระบบงบประมาณและประชากรเป็นส่ิงจูงใจในการแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก มากจนไม่สามารถพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กได้ โดยให้การควบรวมเป็นโรงเรียนที่สามารถบริหารจัดการ ใช้ทรัพยากรท่เี หมาะสมและมีประสทิ ธิภาพ (สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน, 2554, น.7)
26 2. แนวการดาเนินงานรวมโรงเรียนขนาดเลก็ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน (2554, น.9-20) ในการดาเนินงานรวม โรงเรียนขนาดเล็ก ตามนโยบายและยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษท่ีสอง เพื่ อ ให้ บ ร ร ลุ ต า ม เป้ า ห ม า ย ค ว า ม ส า เร็ จ ข อ ง ส า นั ก ง า น ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ก า ร ศึ ก ษ า ขั้ น พื้ น ฐ า น มีแนวดาเนนิ การบริหารจัดการ และบทบาทหนา้ ท่ขี องหน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ดงั น้ี 2.1 การบรหิ ารจดั การรวมโรงเรยี นขนาดเล็ก การ “รวม” โรงเรียนขนาดเล็ก สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานได้ กาหนดเป้าหมายโรงเรยี นและชว่ งเวลาในการดาเนินการ ดงั นี้ 1) การรวมโรงเรียน ระยะที่ 1 (ปกี ารศึกษา 2554-2556) 1.1) ปกี ารศึกษา 2554 สาหรับโรงเรียนที่มนี ักเรยี นไม่เกนิ 120 คน ในการวางแผนรวมโรงเรียนตามเป้าหมาย ระยะท่ี 1 ในปีการศึกษา 2554 ใชข้ ้อมลู การเกณฑ์เด็กเขา้ เรียนในเดือนธันวาคม 2553 หากโรงเรียนใดมีนักเรยี นไมเ่ กิน 20 คน ให้ไป จดั การเรียนการสอนร่วมกับโรงเรียนอื่นก่อน แล้วดาเนนิ การรวมให้เสร็จส้ินภายในปีการศึกษา 2554 สาหรับโรงเรียนที่เป็นโรงเรียนที่ต้ังอยู่ในพ้ืนท่ีพิเศษ (ห่างไกล กันดาร ต้ังอยู่บนภูเขา เกาะ ชายแดน และพื้นท่ีเสี่ยงภัย) และไม่ประสงค์จะรวมกับโรงเรียนอ่ืน ต้องจัดทาแผนพัฒนาคุณภาพการจัด การศึกษา 3 ปี เสนอคณะกรรมการเขตพื้นท่ีการศึกษาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบการยกเว้น ไม่ต้องไปรวมกับโรงเรยี นอื่น 1.2) ปกี ารศกึ ษา 2555 สาหรบั โรงเรยี นทม่ี นี กั เรยี นไม่เกนิ 40 คน ในการวางแผนรวมโรงเรียนตามเป้าหมาย ระยะที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ใช้ ข้อมูลการเกณฑ์เด็กเข้าเรียนในเดือนธันวาคม 2554 หากโรงเรียนใดมีนักเรียนไม่เกิน 40 คน ให้ไป จดั การเรียนการสอนร่วมกับโรงเรยี นอ่ืนก่อน แล้วดาเนนิ การรวมใหเ้ สรจ็ สน้ิ ภายในปีการศึกษา 2555 กรณียกเว้น สาหรับโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่เกิน 40 คนไม่ประสงค์ จะไปรวมกบั โรงเรยี นอืน่ โดยมหี ลักเกณฑ์และแนวทางในการดาเนินการดังตอ่ ไปน้ี 1.2.1) เป็นโรงเรียนท่ีตั้งอยู่ในพื้นท่ีพิเศษ (ห่างไกล กันดารต้ังอยู่บนภูเขา เกาะ ชายแดนและพ้ืนท่เี ส่ยี งภยั ) หรือ 1.2.2) จัดการศกึ ษาอยา่ งมคี ณุ ภาพ ประกอบดว้ ย 1.2.2.1) มีผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนจากการประเมินคุณภาพระดบั ชาติ (O-NET) ในปีการศึกษาที่ผ่านมาเท่ากับหรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศใน 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ หลกั คือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม และภาษาองั กฤษ 1.2.2.2) ได้รับการรับรองจากสานักงานรับรองมาตรฐานและ การประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ให้โรงเรียนท่ีถูกยกเว้นจัดทาแผนพัฒนาคุณภาพ การศึกษา 3 ปี เสนอคณะกรรมการเขตพ้ืนท่ีการศึกษา เพ่ือพิจารณาให้ความเห็นชอบการยกเว้น ไมต่ อ้ งไปรวมกับโรงเรยี นอืน่ 1.2.3) ปีการศึกษา 2556 สาหรับโรงเรียนที่มีนักเรียนไม่เกิน 60 คน ในการ วางแผนรวมโรงเรียนตามเป้าหมาย ระยะที่ 1 ปีการศึกษา 2556 ใช้ข้อมูลการเกณฑ์เด็กเข้าเรียน
27 ในเดือนธันวาคม 2555 หากโรงเรียนใดมีนักเรียนไม่เกิน 60 คน ให้ไปจัดการเรียนการสอนร่วมกับ โรงเรียนอ่นื กอ่ น แลว้ ดาเนนิ การรวมให้เสร็จสนิ้ ภายในปกี ารศึกษา 2556 กรณียกเว้น สาหรับโรงเรยี นขนาดเลก็ ที่มีนกั เรยี นไม่เกิน 60 คนไมป่ ระสงค์ จะไปรวมกับโรงเรยี นอืน่ โดยมหี ลักเกณฑ์และแนวทางในการดาเนนิ การดงั ต่อไปนี้ 1) เปน็ โรงเรียนที่ตง้ั อยู่ในพ้นื ท่ีพเิ ศษ (หา่ งไกล กนั ดารตงั้ อยู่บน ภเู ขา เกาะ ชายแดน และพนื้ ทเี่ สย่ี งภยั 2) จดั การศกึ ษาอยา่ งมคี ุณภาพ ประกอบด้วย 2.1) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการประเมินคุณภาพระดับชาติ (O-NET) ในปีการศึกษาที่ผ่านมาเท่ากับหรือสูงกว่าค่าเฉล่ียของประเทศใน 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ หลกั คือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรมและภาษาองั กฤษ 2.2) ได้รับการรับรองจากสานักงานรับรองมาตรฐานและ การประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ให้โรงเรียนท่ีถูกยกเว้นจัดทาแผนพัฒนาคุณภาพ การศึกษา 3 ปี เสนอคณะกรรมการเขตพ้ืนท่ีการศึกษา เพ่ือพิจารณาให้ความเห็นชอบการยกเว้น ไม่ตอ้ งไปรวมกบั โรงเรยี นอืน่ เพื่อให้การบริหารจัดการรวมโรงเรียนขนาดเล็กตามแผน ระยะที่ 1 (ปีการศึกษา 2554- 2556) จะเกิดผลประสิทธิภาพและประสิทธิผล จึงกาหนดบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ในแต่ละระดับ ดังน้ี ระดบั เขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษา 1. ศกึ ษาขอ้ มลู โรงเรียนนาดเลก็ ในปจั จบุ ันและคาดการณ์อนาคตทั้งด้านจานวน นักเรียน สภาพเศรษฐกิจ สภาพของชุมชน สภาพพื้นที่ใกล้เคียง การคมนาคมเพื่อจัดกลุ่มและ พจิ ารณากาหนดแผนท่ตี ง้ั โรงเรยี น (School Mapping) 2. จัดประชุมผู้อานวยการโรงเรียนขนาดเล็ก เพ่ือช้ีแจงแนวทางดาเนินงานและ กาหนดรูปแบบการดาเนนิ งานร่วมกัน 3. แต่งตั้งคณะกรรมการดาเนินงานให้มีหน้าที่ดูแล ให้คาปรึกษาให้การ ช่วยเหลือ แนะนา กากับ นิเทศ ติดตาม ประเมินผลและรายงานผลในการดาเนินการรวมโรงเรียน ขนาดเล็ก 4. ประชุมชี้แจงสร้างความเข้าใจแก่ชุมชน ตัวแทนผู้ปกครองคณะกรรมการ สถานศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน องค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ และผ้มู ีสว่ นเกีย่ วข้อง 5. ประชุมผู้บริหารและครูผู้สอนของโรงเรียนขนาดเล็กทุกคน เพื่อวางแผน การบรหิ ารจัดการใหโ้ รงเรียนที่มนี ักเรียนไม่เกิน 60 คน ดาเนินการรวมโรงเรียน โดยคัดเลือกโรงเรียน ขนาดเล็กหรือขนาดอ่ืน ๆ ที่เหมาะสม มีความพร้อมท้ังด้านอาคารเรียน สถานที่และบุคลากรให้เป็น โรงเรียนหลักและกาหนดโรงเรยี นทีจ่ ะมารวม 6. ส่งเสริมสนบั สนุนการบรหิ ารจดั การและทรพั ยากรตา่ ง ๆใหโ้ รงเรยี น 7. คณะกรรมการเขตพ้ืนที่การศึกษาให้ความเห็นชอบ และสานักงานเขตพื้นที่ การศึกษา ประกาศรวมโรงเรียน พร้อมท้ังรายงานผลการรวมโรงเรียนต่อสานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขน้ั พืน้ ฐานทกุ ไตรมาส
28 ระดบั โรงเรียน 1. ประชุมชี้แจงสร้างความเข้าใจแก่ชุมชน ตัวแทนผู้ปกครองคณะกรรมการ สถานศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินและผมู้ สี ่วนเก่ียวข้องอื่น 2. กรณีโรงเรียนท่ีได้รับการยกเวน้ ให้จัดการศึกษาตอ่ ไป โดยจัดทาแผนพัฒนา คุณภาพการศึกษา 3 ปี ท่ีชัดเจนในการเพิ่มคุณภาพการศึกษา ท้ังด้านการบริหารงานบุคคล การบรหิ ารงานวชิ าการ การบรหิ ารงานงบประมาณ และการบริหารงานทว่ั ไป เสนอตอ่ คณะกรรมการ สถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และรายงานสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา โดยให้คณะกรรมการเขตพื้นท่ี การศึกษาให้ความเหน็ ชอบ 2) การรวมโรงเรียน ระยะท่ี 2 (ปกี ารศึกษา 2557-2559) โรงเรียนที่มีนักเรียนไม่เกิน 100 คน ให้ดาเนินการรวมกับโรงเรียนอ่ืนโดย โรงเรียนท่ไี มป่ ระสงคจ์ ะไปรวมกับโรงเรียนอน่ื ตอ้ งจัดการศกึ ษาอย่างมีคุณภาพ ดงั น้ี 2.1) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการประเมินคุณภาพระดับชาติ (O-NET) ในปีการศึกษาที่ผ่านมาเท่ากับหรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศใน 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้หลัก คือ ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และภาษาองั กฤษ 2.2) ได้รับการรับรองจากสานักงานรับรองมาตรฐานและการประเมินคุณภาพ การศกึ ษา (องค์การมหาชน) ทั้งนี้ เมื่อส้ินปีการศึกษา 2559 ให้รวมโรงเรียนท่ีนักเรียนไม่เกิน 100คน อย่างนอ้ ยรอ้ ยละ 50 3) การรวมโรงเรียน ระยะที่ 3 (ปีการศึกษา 2560-2561) โรงเรียนที่มีนักเรียนไม่เกิน 120 คน ให้ดาเนินการรวมกับโรงเรียนอื่นโดย โรงเรียนที่ไม่ประสงคจ์ ะไปรวมกับโรงเรยี นอนื่ ต้องจดั การศกึ ษาอย่างมีคณุ ภาพ ดังนี้ 3.1) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการประเมินคุณภาพระดับชาติ (O-NET) ในปีการศึกษาท่ีผ่านมาเท่ากับหรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศใน 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้หลัก คือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม และภาษาอังกฤษ 3.2) ได้รับการรับรองจากสานักงานรับรองมาตรฐานและการประเมินคุณภาพ การศึกษา (องคก์ ารมหาชน) ท้ังน้ี เมอื่ สน้ิ ปีการศกึ ษา 2561 ให้รวมโรงเรียนทีน่ ักเรียนไม่เกนิ 120 คน อย่างนอ้ ยร้อยละ 50 (สานกั งานคณะกรรมการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน, 2554, น.3-5) 2.2 การบรหิ ารจดั การบุคลากร แนวทางดาเนินการก่อนการประกาศรวมโรงเรยี น ในการรวมโรงเรียน โดยนานักเรียนตั้งแต่ 2 โรงเรียนขึ้นไป ไปเรียนรวมกันก่อน จะดาเนินการรวม จาเป็นต้องมีการดาเนินการเบ้ืองต้น เพ่ือลดปัญหาหรือความขัดแย้งที่จะเกิดข้ึน และยังเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการรวมมีแนวทางดาเนนิ การ ดังน้ี ระดับโรงเรียน 1. ผอู้ านวยการโรงเรยี น กรณีท่ี 1 โรงเรียนทีไ่ ปรวมไม่มผี ู้อานวยการโรงเรียน ให้ผู้อานวยการโรงเรยี นหลัก ทาหน้าท่ใี นการบรหิ ารจัดการใหค้ รอบคลมุ ทุกภาระงานการบรหิ ารจัดการศึกษาโรงเรียน
29 กรณีท่ี 2 โรงเรียนที่ไปรวมมีผู้อานวยการโรงเรียน ให้ผู้อานวยการโรงเรียน ท้ังโรงเรียนหลักและโรงเรียนมารวม บริหารร่วมกันโดยกาหนดบทบาท หน้าท่ี และความรับผิดชอบ ตามความสามารถ หรือตามความเหมาะสม ทั้งนี้การแบง่ ความรับผดิ ชอบต้องเกิดจากข้อตกลงร่วมกัน จนกว่าจะมีการเปลย่ี นแปลง 1. ผู้อานวยการโรงเรียน ดาเนินการจัดการศึกษาโดยกาหนดบทบาท หน้าที่และ ความรับผิดชอบสาหรับครูผู้สอนทั้งในโรงเรียนหลักและโรงเรียนมารวมในการจัดการเรียนการสอน และภาระงานอนื่ ๆ 2. ผู้อานวยการโรงเรียนโรงเรียนหลักและโรงเรียนมารวมจะได้รับการพิจารณา เป็นกรณพี ิเศษในการย้ายภายในเขตหรอื การย้ายข้ามเขตพ้นื ท่ีการศึกษา 3. ในกรณีท่ีเกิดการรวมโรงเรียนแล้ว สามารถร่วมกันบริหารจัดการจนทาให้ โรงเรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านคุณภาพการศึกษา จะได้รับขวัญกาลังใจเป็นกรณีพิเศษ เช่น การให้เกยี รตบิ ัตรยกย่องชมเชย ระดับสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานหรือการพิจารณา ความดีความชอบ 2. ครผู สู้ อน 2.1 ครผู ู้สอนโรงเรียนมารวม มีสทิ ธิขอยา้ ยไปโรงเรียนอนื่ ท่ีเกินเกณฑ์ไดใ้ นกรณีที่ เป็นสาขาท่ีขาดแคลนท้ังน้ีต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ท่ี ก.ค.ศ. กาหนดและหากประสงค์ขอย้ายให้ได้รับ การพจิ ารณาเปน็ กรณพี เิ ศษ 2.2 ครูผู้สอนโรงเรียนมารวมท่ีประสงค์จะขอย้ายไปยังโรงเรียนอื่นที่มีครูต่ากว่า เกณฑ์ท่ี ก.ค.ศ. กาหนดให้ได้รับการพจิ ารณายา้ ยไดท้ ันที 2.3 ครูผู้สอนโรงเรียนมารวม หากประสงค์ท่ีจะพัฒนา/ศึกษาต่อในสาขา ทีข่ าดแคลนจะไดร้ ับการพิจารณาใหท้ ุนศึกษาต่อเป็นกรณพี ิเศษ 3. บคุ ลากรสนบั สนนุ การสอน ในการรวมโรงเรียน ให้บุคลากรสนับสนุนการสอน เช่น ลูกจ้างพนักงานราชการ พนักงานธุรการ ครูอัตราจ้างหรือพนักงานบริการอื่น ๆ จากโรงเรียนมารวมปฏิบัติหน้าที่ที่โรงเรียน หลกั จนกวา่ จะมีการเปลย่ี นแปลง 4. คณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน ในระยะเริ่มแรกก่อนมีการประกาศรวมโรงเรียน ให้คณะกรรมการสถานศึกษา ข้ันพื้นฐานของแต่ละโรงเรียน ยังคงสถานะเป็นคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียน น้ัน ๆ อยู่ ให้คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานท้ังของโรงเรียนหลักและโรงเรียนมาเรียนรวม ร่วมกันในการจัดการศึกษาที่โรงเรียนหลัก จนกว่าจะมีประกาศรวมโรงเรียนแล้วให้เสนอแต่งต้ัง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานคณะใหม่ ตามหลักเกณฑ์ที่กาหนด แต่ท้ังน้ีควรให้ครอบคลุม และเหมาะสมกบั บรบิ ทของโรงเรยี นใหมห่ ลังรวมโรงเรยี นแล้ว ระดบั สานักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษา ในการเตรียมการก่อนการรวมโรงเรียนและหลังการรวมโรงเรียน สานักงานเขตพื้นที่ การศกึ ษา มแี นวทางดาเนินการ ดังน้ี
30 1. อ.ก.ค.ศ. เขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประกาศเป็นนโยบายท่ีจะไม่บรรจุแต่งตั้งตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรียนท่ีมีนักเรียนไม่เกิน 60 คน ท่ีว่างลงทุกกรณีเว้นแต่สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ขึ้นบัญชไี ว้ 2. ในการประกาศผู้ที่ได้รับการคัดเลือกบริหารโรงเรียนของสานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาให้แนบท้ายประกาศ จะไม่มีการบรรจุแต่งต้ังผู้อานวยการโรงเรียน ที่มีนักเรียนไม่เกิน 60 คน 3. ตาแหน่งว่างของผู้อานวยการโรงเรียนในสังกัด ให้สงวนตาแหน่งไว้เพื่อรองรับ การรับยา้ ย ผู้อานวยการโรงเรียนท่เี กิดจากการรวมดงั นี้ กรณีท่ี 1 สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษา ไมม่ ีบัญชีผูไ้ ด้รับการคัดเลอื กผอู้ านวยการ โรงเรียน หากมีตาแหน่งว่างให้พิจารณาผู้อานวยการโรงเรียนมารวมก่อนหากมีตาแหน่งว่างเหลือ ใหเ้ ปดิ สอบ กรณีท่ี 2 สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา มีบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกผู้อานวยการ โรงเรียนท่ีข้ึนบัญชีไว้ หากมีตาแหน่งว่างให้พิจารณาแต่งต้ังผู้อานวยการโรงเรียนจากโรงเรียนมารวม เปน็ พิเศษ 4. ในกรณีท่ีผู้อานวยการโรงเรียนมารวม มีความประสงค์จะเปล่ียนตาแหน่ง เปน็ ตาแหนง่ อนื่ ๆ ให้ อ.ก.ค.ศ. สามารถดาเนินการได้ตามหลักเกณฑข์ อง ก.ค.ศ. กาหนด 5. ในกรณีท่ีผู้อานวยการโรงเรียนโรงเรียนหลักและโรงเรียนมารวม เสนอขอย้าย ภายในเขตหรอื การยา้ ยขา้ มเขต ให้เขตพื้นทกี่ ารศึกษาดาเนนิ การเสนอ อ.ก.ค.ศ.พจิ ารณาเปน็ พิเศษ 6. ในกรณีท่ีเกิดการรวมโรงเรียนแล้ว สามารถร่วมกันบริหารจัดการจนทาให้ โรงเรยี นเกดิ การเปล่ียนแปลงทางดา้ นคุณภาพการศกึ ษา โดยเฉพาะด้านผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นสงู ขึ้น เท่ากับหรือมากกว่าค่าเฉลี่ยระดับประเทศ ใน 5 กลุ่มสาระหลัก ให้เขตพ้ืนท่ีการศึกษาดาเนินการ พจิ ารณาสร้างขวัญกาลังใจ เช่น การให้เกยี รติบตั รยกย่อง ชมเชย หรอื เสนอ อ.ก.ค.ศ.พจิ ารณาความดี ความชอบเปน็ กรณพี เิ ศษ 7. ในการบริหารอัตรากาลัง หลังจากรวมโรงเรียนได้แล้ว ให้จัดครูในโรงเรียนหลัก ใหค้ รบตามเกณฑ์ท่ี ก.ค.ศ. กาหนดทั้งตาแหน่งผอู้ านวยการโรงเรียน ครผู ู้สอน และบคุ ลากรสนบั สนุน การสอน 8. กรณีครูโรงเรียนมารวม ขอย้ายไปโรงเรียนอ่ืนท่ีเกินเกณฑ์ในสาขาวิชา ทีข่ าดแคลน ให้อ.ก.ค.ศ. เขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษา เสนอ ก.ค.ศ. พจิ ารณาอนุมัติกรณพี ิเศษเฉพาะราย 9. กรณีที่ครูโรงเรียนมารวม สมัครใจไปปฏิบัติหน้าที่ที่โรงเรียนอ่ืนที่มีอัตรากาลังต่า กว่าเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. กาหนด ให้เขตพื้นที่การศึกษาดาเนินการเสนอ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา พจิ ารณาตดั โอนตาแหน่งและอตั ราเงนิ เดือนตามตัว เพ่อื ประโยชนข์ องทางราชการ 10. บุคลากรสนับสนุนการสอนอื่น ๆ ให้เขตพ้ืนที่การศึกษาดาเนินการบริหาร อตั รากาลงั ตามความเหมาะสม โดยคานึงถึงประโยชน์ที่โรงเรียนหลักจะได้รับสูงสุด ระดับสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ดาเนินการประสานกับสานักงาน คณะกรรมการขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) และหนว่ ยงานท่เี กยี่ วข้องเพ่อื ให้
31 สอดคล้องกบั แนวทางการบรหิ ารจดั การบคุ ลากรในการรวมโรงเรียน ดังนี้ 1. เสนอ ก.ค.ศ. กาหนดอัตรากาลังของสายงานบริหารสถานศึกษาตาแหน่ง ผอู้ านวยการสถานศึกษามากกว่า 1 ตาแหน่งขึ้นไป เพื่อรองรับการลดตาแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาที่ เกิดจากการดาเนินงานรวมโรงเรียนขนาดเล็ก เพ่ือรองรับการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง 2. ขอยกเว้นระเบยี บ กฎหมายทีเ่ กี่ยวข้อง ประกอบดว้ ย 2.1 หลกั เกณฑแ์ ละวิธีการยา้ ยข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา หลักเกณฑ์เดมิ ข้อ 1 การยา้ ยเพ่ือพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา กรณีท่ีสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาหรือสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ มีความจาเป็นต้องมีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษาใด ให้พิจารณาย้ายผู้บริหาร สถานศึกษาที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณเ์ หมาะสม ไปดารงตาแหน่งในสถานศกึ ษานั้นได้ ท้ังนี้ให้มีการประสานความเข้าใจและความร่วมมือกับผู้บริหารสถานศึกษาดังกล่าว ก่อนท่ีจะย้ายมา ดารงตาแหน่งด้วย หลักเกณฑข์ อยกเว้น ขอ้ 1 การยา้ ยเพือ่ พัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา 1. กรณีที่สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ มคี วามจาเปน็ ตอ้ งมกี ารพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาในสถานศกึ ษาใด ใหพ้ ิจารณาย้ายผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาท่ีมี ความรู้ความสามารถและประสบการณ์เหมาะสมไปดารงตาแหน่งในสถานศึกษาน้นั ได้ ทัง้ นีใ้ ห้มกี ารประสาน ความเขา้ ใจและความร่วมมือกบั ผู้บริหารสถานศกึ ษาดงั กล่าวก่อนท่ีจะยา้ ยมาดารงตาแหนง่ ดว้ ย 2. กรณีท่ีสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา หรือสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา พิเศษ มีการรวมโรงเรียนขนาดเล็กเพ่ือรองรับการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษท่ีสอง ให้สามารถย้าย ผู้บริหารสถานศึกษาของโรงเรียนท่ีมารวมไปดารงตาแหน่งผู้อานวยการสถานศึกษา 2 คนข้ึนไป ในโรงเรียนหลักหรือโรงเรยี นขนาดกลางขนึ้ ไปได้ 2.2 หลักเกณฑ์และวิธีการเกล่ียอัตรากาลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษา หลกั เกณฑ์เดมิ ข้อ 1 ให้ตัดโอนตาแหน่งและอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษาจากหน่วยงานทางการศึกษาท่ียุบ รวม หรือเลิกไปกาหนดในหน่วยงานการศึกษาที่มี อัตรากาลังต่ากว่าเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. กาหนดและเพ่ือตัดโอนตาแหน่งหรืออัตราเงินเดือนแล้ว หน่วยงาน การศึกษา ให้พิจารณาตัดโอนตาแหน่งและอัตราเงินเดือนไปกาหนดในหน่วยงานการศึกษาที่ถูกรวมก่อน เป็นลาดบั แรก หลักเกณฑข์ อยกเว้น ข้อ 1 ให้ตัดโอนตาแหน่งและอัตราเงินเดือน ข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา จากหน่วยงานทางการศึกษาที่ยุบ รวม หรือเลิก ไปกาหนดในหน่วยงานการศึกษาท่ีมี อตั รากาลังต่ากวา่ เกณฑ์ท่ี ก.ค.ศ. กาหนด และเพื่อตัดโอนตาแหนง่ หรืออัตราเงินเดือนแล้ว หน่วยงาน การศึกษา ให้พิจารณาตัดโอนตาแหน่งและอัตราเงินเดือนไปกาหนดในหน่วยงานการศึกษาท่ีถูกรวม
32 ก่อนเป็นลาดับแรก ยกเวน้ ตาแหน่งและอตั ราเงนิ เดือนทีเ่ กิดจากการดาเนนิ งานรวมโรงเรียนขนาดเล็ก เพื่อรองรับการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง สามารถไปกาหนดในหน่วยงานการศึกษาที่มี อตั รากาลังไดโ้ ดยไม่มเี งื่อนไข 2.3 จัดหาทุนเพื่อการศึกษาต่อสาหรับผู้อานวยการโรงเรียนและครูโรงเรียน มารวมทมี่ คี วามประสงคท์ ่จี ะพฒั นา/ศกึ ษาตอ่ ในสาขาท่ีขาดแคลน 2.3 การบรหิ ารงานวชิ าการ จากการศึกษาสภาพปัญหาพบว่า โรงเรียนขนาดเล็กส่วนใหญ่ประสบปัญหาด้านการบริหาร จัดการ ด้านการจัดการเรียนรู้ ด้านความพร้อมทางปัจจัยของโรงเรียนและด้านการมีส่วนร่วม เพ่ือให้การ ดาเนนิ งานมีประสิทธิภาพ จึงกาหนดแนวปฏบิ ตั ิการพฒั นาโรงเรยี นขนาดเล็กในการเรยี นรวม ดังนี้ 1. งานพัฒนาหลกั สตู รในระยะเริม่ แรกใหด้ าเนินการดังน้ี 1.1) แต่งต้ังคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการของโรงเรียนร่วมกัน ระหว่างโรงเรียนหลักและโรงเรยี นมารวม โดยผอู้ านวยการโรงเรยี นโรงเรียนหลักเปน็ ผูล้ งนามแตง่ ต้งั 1.2) คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการของโรงเรียน ศึกษา วิเคราะห์ เอกสารหลักสูตร วิเคราะห์สภาพแวดล้อม บริบทของโรงเรียนหลักและโรงเรียนมารวมเพื่อกาหนด วิสัยทศั น์ ภารกจิ เปา้ หมาย โดยการมีสว่ นร่วมของทุกฝ่ายทเี่ กยี่ วขอ้ ง 1.3) คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการของโรงเรียน ปรับปรุงและ พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาท่ีสอดคล้องกับบริบท สภาพแวดล้อมของโรงเรียนหลักและโรงเรียน มารวม ทั้งนใ้ี หด้ าเนนิ การตามกระบวนการจดั ทาหลักสูตรสถานศึกษา 1.4) ครนู าหลกั สตู รสถานศึกษามาวางแผนการจดั การเรียนรูร้ ่วมกัน 2. งานพัฒนากระบวนการเรียนรู้ 2.1) ครูจัดกระบวนการเรียนรู้ เพื่อปรับสภาพพื้นฐานความรู้ความสามารถของ นักเรียน เพ่ือใหเ้ กดิ การเรยี นรู้รว่ มกันอยา่ งมคี ุณภาพ 2.2) พฒั นาครใู ห้ตรงกับภาระงานท่ไี ด้รับมอบหมาย 2.3) ผู้อานวยการโรงเรียนหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมายนิเทศ ติดตาม กากับการจัด กิจกรรมการเรยี นรู้ทีเ่ นน้ ผู้เรยี นเป็นสาคญั 3. งานวัดประเมินผล กาหนดระเบียบวา่ ดว้ ยการวัดและประเมนิ ผลของโรงเรียนหลกั และโรงเรียนมารวม มาพิจารณาร่วมกันเพ่ือกาหนดให้เป็นระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลเดยี วกนั และใหใ้ ชร้ ะเบียบ การวัดและประเมนิ ผลรว่ มกัน 4. งานประกันคณุ ภาพการศกึ ษา โรงเรียนหลักและโรงเรียนมารวมจัดทาระบบประกันคุณภาพภายในร่วมกันเพ่ือ รองรับการประเมินภายนอก 5. การมอบหมายภาระงาน 5.1 สารวจความรู้ ความสามารถของครู เพื่อวางแผนในการมอบหมายภาระงาน ใหด้ าเนินการ เชน่ การประจาชน้ั การประจากลุ่มสาระการเรยี นรู้ การดาเนนิ การตามโครงการต่าง ๆ เป็นตน้ 5.2 มอบหมายภารกิจให้สอดคล้องกับความรูค้ วามสามารถของครูแตล่ ะคน
33 6. งานธุรการประจาชนั้ เรยี น 6.1 ให้โรงเรียนหลักและโรงเรียนมารวม ใช้เอกสารธุรการประจาชั้นเรียนของ โรงเรียนเดิมไปก่อน จนกว่าจะมีการประกาศรวมโรงเรียน ส่วนผู้จัดทาเอกสารธุรการประจาชั้นเรียน ให้เปน็ หน้าที่ของครปู ระจาช้นั /ประจากลุม่ สาระการเรยี นรู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย 6.2 การเกบ็ รักษาเอกสาร/หลักฐานท่เี ก่ยี วข้อง หลังจากรวมโรงเรยี นใหด้ าเนินการ ตามระเบียบกฎหมายท่ีเกยี่ วข้อง 6.3 การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 7. งานนิเทศภายในโรงเรยี น ให้ผู้อานวยการโรงเรียนหลักและผู้อานวยการโรงเรียนมารวม ร่วมกันพิจารณา แต่งต้ังคณะกรรมการ/ผู้รับผิดชอบการนิเทศภายในและทาการนิเทศภายในอย่างเป็นระบบต่อเน่ือง โดยผู้อานวยการโรงเรียนหลกั เป็นผู้ลงนามแต่งต้งั 8. งานวิจยั 8.1 ผู้อานวยการโรงเรียนหลักและผู้อานวยการโรงเรียนมารวม ส่งเสริมให้ครูทาวิจัย ในชั้นเรียนเพ่อื แกป้ ัญหาด้านการเรียนรขู้ องนักเรยี น และนาผลการวจิ ยั มาแลกเปลย่ี นเรียนรู้ร่วมกนั 8.2 ผู้อานวยการโรงเรียนหลักและผู้อานวยการโรงเรียนมารวม ร่วมกันศึกษา วเิ คราะห์และจดั ทาวจิ ยั เพอ่ื การบริหารและการพัฒนาคุณภาพนักเรยี นในภาพรวมของโรงเรยี น 9. งานแกป้ ญั หาการเรียนรู้ 9.1 จัดทาข้อมูลนักเรียนรายบุคคล เพ่ือคัดกรองเพ่ือคัดกรองแยกกลุ่มและปรับ พ้ืนฐานความรู้ของนกั เรยี นให้ใกล้เคียงกนั 9.2 จัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เพ่ือป้องกัน แก้ไข ส่งเสริมการพัฒนาผู้เรียน ให้มีศักยภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ และดาเนินการจัดกิจกรรมท่ีสร้างสัมพันธภาพท่ีดี ในการ อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เช่น การจัดกิจกรรมบายศรีสู่ขวัญรับเพื่อนใหม่ กิจกรรมค่ายสร้างสรรค์ หรือกจิ กรรมอ่ืน ๆ ตามความเหมาะสม 10. งานสอ่ื นวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษา 10.1 โรงเรียนหลักและโรงเรียนมารวม นาสื่อ นวตั กรรมและเทคโนโลยีทางการ ศึกษา มาใช้จัดการเรียนการสอนร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าโดยโรงเรียนหลักจัดเก็บ บารุงรกั ษา ซ่อมแซมใหพ้ รอ้ มใช้งาน โดยจดั ทาทะเบยี นควบคมุ ไว้อย่างเป็นระบบ 10.2 พัฒนาครูให้มีความรู้ความสามารถในการผลิต จัดหาและใช้สื่อ อุปกรณ์ การเรยี นการสอนอย่างมีประสทิ ธภิ าพ 11. งานหอ้ งสมดุ / แหล่งเรยี นรู้ 11.1 จัดและพัฒนาสถานที่ห้องสมุดในโรงเรียนหลัก ให้เหมาะสมกับเป็นแหล่ง ค้นคว้าหาความรู้ โดยนาเอกสาร วารสารและหนังสือห้องสมุดในโรงเรียนมารวม มาจัดไว้ท่ีโรงเรียน หลกั เพือ่ ใหม้ ีวสั ดุ ครุภัณฑ์ และเคร่อื งอานวยความสะดวกทเ่ี พียงพอกับจานวนนกั เรยี นทเี่ พิ่มมากขนึ้ 11.2 การดูแล เก็บรักษา ซ่อมบารุง ครุภัณฑ์ ให้อยู่ในสภาพท่ีดีมอบหมายให้ ผู้บริหารโรงเรยี นหลักเป็นผ้รู ับผดิ ชอบ
34 11.3 สารวจและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทั้งในและนอกโรงเรียน รวมท้ังนาภูมิปัญญา ทอ้ งถนิ่ มาร่วมกันจดั การเรียนรู้ เพ่ือนาไปสูก่ ารสรา้ งเครือขา่ ยความร่วมมือทางวิชาการ 12. การเผยแพร่/ประชาสมั พันธ์ ดาเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ผลการดาเนินงานในการรวมโรงเรียน เพอื่ การสร้างความเขา้ ใจและรายงานผลการดาเนินงานอย่างภาคภมู ใิ จ 2.4 การบรหิ ารการเงนิ พัสดุ ทด่ี ิน อาคารสถานทีแ่ ละสนิ ทรพั ยอ์ ่นื ๆ การรวมโรงเรียนขนาดเล็กจะต้องมีแนวทางการบริหารจัดการ เงิน พัสดุและ ทรัพย์สิน และกาหนดบทบาท หน้าท่ีของโรงเรียน สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาและสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ดังนี้ 2.4.1 แนวทางการบริหารการเงนิ พัสดุ และทรพั ย์สนิ ประกอบด้วย 2.4.1.1 การบรหิ ารการเงนิ และงบประมาณ 1. โรงเรียนมารวม จัดทาข้อมูลนักเรียน ข้อมูลครู บุคลากรที่ไป ปฏบิ ตั งิ านในโรงเรียนหลัก รายงานสานักงานเขตพนื้ ที่การศึกษา เพื่อตรวจสอบและรายงานสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐานทราบต่อไป 2. โรงเรียนมารวมร่วมกับโรงเรียนหลัก ตรวจสอบและจัดทาบัญชี ทรัพย์สิน งบประมาณ หน้ี สทิ ธแิ ละการผูกพันท้ังหมดตามระเบยี บของทางราชการใหเ้ สรจ็ สนิ้ โดยเร็ว 3. เงินอุดหนุนรายหัวนักเรียน ให้จัดไปตามตัวนักเรียน โดยโอนเข้า บญั ชโี รงเรียนหลักหรอื โรงเรียนอื่นทีน่ กั เรยี นไปเรยี นรวม 4. เงินงบประมาณ เงินนอกงบประมาณ เงินรายได้โรงเรียน สิทธิ หน้ี และการผูกพนั ให้โอน ใหโ้ รงเรยี นหลกั 5. เงินงบประมาณจากส่วนราชการอื่น เช่น งบประมาณโครงการ อาหารเสริม (นม) โครงการอาหารกลางวัน ให้แจ้งส่วนราชการเจ้าของงบประมาณทราบ เพอ่ื ดาเนนิ การตามกฎหมาย ระเบียบ ของสว่ นราชการน้ันต่อไป 6. เงนิ ทีต่ ้องนาส่งเป็นรายได้แผน่ ดินใหด้ าเนินการนาส่งโดยเรว็ 2.4.1.2 การบริหารการพสั ดุ 1. วสั ดุ ครุภณั ฑ์ โอนให้โรงเรียนหลกั หรือจาหนา่ ยตามสภาพของวัสดุ ครุภัณฑ์ 2. ท่ดี นิ (1) กรณีโรงเรียนมารวมได้รับอนุญาตใช้ท่ีดินของส่วนราชการหรือ หน่วยงานอ่ืน เช่น กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์ุพืช สานักงานปฏิรูปท่ีดินเพื่อ เกษตรกรรม (ส.ป.ก.) สานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หรือวดั ให้ตรวจสอบการถือกรรมสทิ ธ์ิ หรือสิทธิครอบครอง รวมทั้งเอกสารสิทธ์ิ รายงานสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาเพื่อประสานงานกับ ส่วนราชการ / หน่วยงานเจ้าของที่ดิน ดาเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเฉพาะของส่วนราชการ/ หน่วยงานเจา้ ของที่ดินนัน้ ๆ (2) กรณีโรงเรียนมารวมได้รับบริจาคท่ีดิน ให้ตรวจสอบสภาพ การถือกรรมสิทธ์ิ เอกสารสิทธิ์ รายงานสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา กรณีโอนให้โอนให้โรงเรียนหลัก
35 กรณีจาหน่ายต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้น ฐาน ตามระเบียบ กระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการบริหารจัดการและขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่ของสถานศึกษา ข้ันพื้นฐานท่ีเป็นนติ บิ คุ คลในสานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา พ.ศ. 2546 (3) กรณี ขอใช้ท่ีราชพัสดุ โรงเรียนมารวมตรวจสอบสิทธิ ครอบครอง หรือสิทธิการใช้เอกสารสาคัญการขอใช้ การอนุญาต แล้วรายงานสานักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษาทราบและปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 ทั้งกรณีขอใช้ประโยชน์และไม่ขอใช้ ประโยชน์ 3. ทรัพย์สินอ่ืน ดาเนินการตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย การพัสดุ พ.ศ. 2535 และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เติม โดยโอนให้โรงเรียนหลกั 4. เอกสารสาคัญให้โอนให้โรงเรียนหลัก ท้ังนี้ เม่ือมีการรวมหรือเลิกโรงเรียนให้สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ดาเนินการ ให้โรงเรยี นมารวมและโรงเรียนหลักตรวจสอบทรัพย์สินและชาระบัญชี ตลอดจนโอนหรือ จาหน่ายให้เสรจ็ สน้ิ โดยเรว็ 2.4.2 การกาหนดบทบาท หน้าที่ของโรงเรียน สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาและ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน ดังนี้ 1) ระดับโรงเรยี น ในระยะเร่ิมแรกก่อนมีการประกาศรวมโรงเรียน ให้โรงเรียนมารวมนาวัสดุ ครุภณั ฑ์มาใช้ประโยชนร์ ่วมกันที่โรงเรียนหลัก และดาเนินการดังนี้ ขน้ั ที่ 1 การเตรียมการให้โรงเรยี นมารวมกับโรงเรียนหลักทาบัญชีทรัพย์สิน อาคาร สถานท่ีท้ังหมด ท้ังมีมูลค่าทางบัญชีหรือไม่มีมูลค่าทางบัญชี ที่ยังคงสภาพการใช้งานอยู่ตาม ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรวี า่ ด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และทแี่ ก้ไขเพิม่ เติม ขัน้ ที่ 2 การสง่ มอบ ให้ส่งมอบบัญชีทรัพยส์ ินให้โรงเรียนหลกั โดยเรว็ นับแต่ วันท่ีมีประกาศการรวมโรงเรียนตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับส่งงานในหน้าที่ ราชการ พ.ศ. 2524 และคาสั่งสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ที่ 108/2547ลงวันที่ 9 มกราคม 2547 เร่ือง มอบอานาจการมอบโอนพสั ดุ ขน้ั ท่ี 3 การดาเนนิ การหลงั การสง่ มอบ 1. ให้โรงเรียนที่ได้รับโอนตรวจนับและจัดทาทะเบียนพัสดุเพ่ือจัด หมวดหมู่ พร้อมทั้งออกหมายเลขครภุ ณั ฑ์ 2. กรณีการเงิน งบประมาณ ให้นาฝากธนาคารและลงบัญชีใหเ้ ป็นปจั จบุ นั 2) ระดับสานักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา 1. แตง่ ตง้ั คณะกรรมการการบรหิ ารจัดการ เก่ียวกบั การเงิน พสั ดใุ นการรวมโรงเรียน 2. สนบั สนุน กากับ ติดตาม 3. การดาเนนิ งาน และรายงาน สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน 3) ระดบั สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน 3.1 เสนอคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (กพฐ.) กาหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการ การตรวจสอบทรัพย์สินและชาระบัญชี รวมทั้งการโอนหรือจาหน่ายทรัพย์สิน ที่ยัง
36 คงเหลืออยู่ในกรณี ท่ีมีการประกาศ ยุบ รวม เลิก โรงเรียนตามท่ีกาหนดไว้ในระเบียบ กระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการบริหารจัดการและขอบเขตการปฏิบัติ หน้าท่ีของสถานศึกษา ขัน้ พน้ื ฐานทเ่ี ป็นนิตบิ คุ คลในสงั กัดเขตพื้นท่ีการศึกษา พ.ศ. 2546 3.2. สนับสนุน กากับ ติดตามการดาเนินงาน และรายงานสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน 2.5 การบริหารจดั การ การเดินทางไปเรยี นกรณีรวมโรงเรียน สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กาหนดแนวทางการบริหารจัดการ การเดินทางมาเรียน หลักเกณฑ์ เงือ่ นไข การจัดตั้งและจัดสรรงบประมาณ สาหรับชดเชยค่าเดินทาง แก่พ่อแม่ ผู้ปกครอง ค่ายานพาหนะ ค่าจ้างเหมาบริการ โดยกาหนดแนวทางการดาเนินงานของ หน่วยงานใน แตล่ ะระดับ ดังนี้ 2.5.1 การกาหนดบทบาท หน้าที่ของโรงเรียน สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาและ สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน ดังนี้ ระดบั โรงเรยี น โรงเรียนมารวมดาเนินการในช่วงระยะเวลาที่อยู่ระหว่างการรวมและเมื่อมี การประกาศรวมแลว้ ใหเ้ ปน็ หน้าท่ีของโรงเรียนหลกั การดาเนนิ การ ดังน้ี 1) จดั ทาขอ้ มูลพ้นื ฐานนักเรยี นโรงเรยี นมารวม ประกอบดว้ ย 1.1 รายช่ือนกั เรยี น จาแนกเป็นรายชนั้ โดยมเี ลข 13 หลกั กากับ 1.2 พ้ืนท่ีเขตบริการโรงเรียนมารวม ทั้งต้องนาไปปรับรวมเป็นพ้ืนท่ีบริการของ โรงเรียนหลกั 1.3 ประชากรวยั เรยี น ที่ตอ้ งได้รบั การศึกษาในพน้ื ทีเ่ ขตบริการโรงเรียนมารวม 1.4 ระยะทาง สภาพการคมนาคมจากบา้ นไปโรงเรยี นหลัก 1.5 วิธกี ารเดนิ ทางของนักเรียนเป็นรายคน 1.6 รายช่ือประชากรวัยเรียนทจ่ี ะเข้าเรียนในเขตพื้นท่ีบริการของโรงเรียน มารวมในแต่ละปกี ารศกึ ษา 2)สนับสนุนงบประมาณคา่ พาหนะนักเรียนสาหรบั การบรหิ ารจดั การโรงเรียนมารวมดงั นี้ 2.1) สาหรับนักเรยี นของโรงเรยี นมารวมทีม่ าเรยี นโรงเรยี นหลกั 2.2) สาหรับนักเรียนที่เข้าใหม่ในปีการศึกษาต่อ ๆ มา ที่มีอายุเข้าเกณฑ์ ระดบั ปฐมวยั และเข้าเกณฑก์ ารศึกษาภาคบังคับและมชี ่อื อยู่ในทะเบียนบ้านในเขตบรกิ ารของโรงเรียน มารวมให้ได้รบั คา่ พาหนะจนจบการศึกษาชนั้ สงู สุดของโรงเรียนหลกั 3) กรณีนักเรียนไม่ได้ไปเรียนท่ีโรงเรียนหลักแต่ไปเรียนท่ีโรงเรยี นอื่นในสังกัด สานักงานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษาเดยี วกันใหโ้ รงเรียนน้นั เสนอของบประมาณ 4) รายงานผลการใชง้ บประมาณค่าพาหนะนกั เรยี น ระดับสานกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษา 1) จัดทาแผนทกี่ ารศึกษา (School Mapping) กาหนดพ้นื ที่บริการโรงเรียนหลักและโรงเรียนมารวม 2) ตรวจสอบ / วเิ คราะห์ ขอ้ มลู ทีโ่ รงเรียนรวมเสนอของบประมาณ
37 3) เสนอสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐานพจิ ารณาจดั สรรงบประมาณ 4) แจ้งจัดสรรงบประมาณท่ีได้รับจากสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขนั้ พ้นื ฐานให้โรงเรยี นทราบ 5) นเิ ทศ ติดตาม กากับการดาเนนิ งานใหเ้ ป็นไปตามนโยบายและรายงานผล ระดบั สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน 1) ตรวจสอบ / วิเคราะห์ ข้อมูลที่สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาเสนอขอ งบประมาณ 2) จัดสรรงบประมาณให้สานกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษา 3) นเิ ทศ ตดิ ตาม กากับการดาเนนิ งานให้เปน็ ไปตามนโยบาย 4) นาเสนอคณะรัฐมนตรี เพ่ือขอสนับสนุนค่าพาหนะนักเรียนในปีต่อ ๆ ไป ทม่ี ชี ่ือในเขตพ้นื ทบ่ี ริการของโรงเรียนมารวมหรือโรงเรียนที่ถูกเลิก 2.5.2 หลักเกณฑ์และเง่ือนไขการจัดตั้งและจัดสรรงบประมาณทางการบริหาร จัดการการเดินทางของนกั เรยี นไปเรยี นกรณีรวม 1) กรณีค่าพาหนะ (ใชง้ บประมาณปี พ.ศ.2555) 1.1 จัดสรรให้ตามระยะทางจากบ้านถึงโรงเรยี นหลกั กรณกี ารคมนาคมสะดวก (1) ไม่เกนิ 3 กิโลเมตร คนละ 10 บาทต่อวนั (2) มากกวา่ 3–10 กโิ ลเมตร คนละ 15 บาทตอ่ วัน (3) มากกว่า 10 กิโลเมตรข้ึนไป คนละ 20 บาทต่อวัน จานวน 200 วนั ต่อคนตอ่ ปีการศกึ ษา 1.2 จัดสรรให้ตามระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียนหลัก กรณีการคมนาคม ในพื้นทพ่ี เิ ศษตามระเบียบกระทรวงการคลงั (1) เท่าทจ่ี ่ายจริงแตไ่ มเ่ กนิ ตามขอ้ ตกลงกับกระทรวงการคลงั (2) จ้างเหมายานพาหนะรบั ส่งนักเรยี น เช่น กรณีเช่าเหมาเรอื เปน็ ลา เช่าเหมารถยนต์ เปน็ ต้น 2) กรณีค่าจา้ งเหมาบริการ 2.1 จัดสรรค่าจ้างเหมาบรกิ ารให้โรงเรยี นมารวมหรือโรงเรียนหลักบริหาร จัดการดว้ ยวิธีการทเี่ หมาะสม จา้ งเหมายานพาหนะรบั ส่งนกั เรียนจากโรงเรยี นมารวม 2.2 จดั สรรให้ผปู้ กครองท่รี บั ส่งนักเรียนไปโรงเรียนหลกั 3) กรณีจัดสรรยานพาหนะให้โรงเรียนหลักหรือกรณีที่โรงเรียนได้รับ การบรจิ าคยานพาหนะสาหรบั รบั -สง่ นักเรียน 3.1 จดั สรรจกั รยานสาหรบั นกั เรียนบา้ นใกล้ เพอื่ ทดแทนค่าพาหนะ 3.2 จัดสรรยานพาหนะ เช่น รถยนต์ เรือ ให้โรงเรียนหลักเพื่อใช้รับ –ส่ง นักเรยี น จดั สรรค่าน้ามันเชอื้ เพลิงและค่าบารุงรักษายานพาหนะให้กบั โรงเรียนหลักท่ีได้รับการจัดสรร ยานพาหนะหรือได้รบั บรจิ าค 4) การประกันอบุ ตั ิเหตุ
38 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานต้ังงบประมาณให้กับสานักงาน เขตพ้ืนที่การศึกษา สาหรับดาเนินการจัดทาประกันอบุ ัติเหตุหมู่ให้กับนักเรียนที่มาเรียนโรงเรียนหลัก (ทั้งนีจ้ ะเสนอเรือ่ งเข้า ครม. ใหอ้ นมุ ัตหิ ลักการเสนอขอตงั้ งบประมาณปี 2556) สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานคาดหวังว่า แนวทางการดาเนินงานควบรวม โรงเรียนขนาดเล็กดังกล่าว จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปฏิบัติงานของสานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษา อนั จะสง่ ผลให้การบริหารจัดการศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและคณุ ภาพ (สานักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน, 2554, น.13-18) มโนทศั นเ์ กยี่ วกบั คณุ ภาพโรงเรยี น คุ ณ ภ าพ ข อ งโร ง เรี ย น เป็ น อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ท่ี ส า คั ญ ใน ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า ให้ ส า เร็ จ ต า ม วัตถุประสงค์ นับว่าเป็นความท้าทายในการดาเนินงาน โดยเฉพาะผู้บริหารโรงเรียนท่ีจะต้องแสดง ความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการ จะต้องกากับและติดตาม ตรวจสอบปรับปรุงพัฒนา ผลสัมฤทธ์ิทางวิชาการของโรงเรียนและนักเรียน จัดทามาตรฐานการปฏิบัติการท้ังการเรียนการสอน และการทางานของครูและเจ้าหน้าที่ นอกจากน้ียังต้องพิจารณาอัตราการออกกลางคันของนักเรียน และความพึงพอใจของบุคลากร ตลอดจนจดั โรงเรยี นให้เปน็ สังคมแหง่ การเรยี นรู้ 1. ความหมายคณุ ภาพโรงเรียน นกั วชิ าการและนักการศึกษาได้ใหค้ วามหมายของคาวา่ คุณภาพโรงเรยี น ดังน้ี กรมวิชาการ (2540, น. 2–3) กล่าวว่า คุณภาพการศึกษา หมายถึง การที่ผู้เรียน เกิดคุณลักษณะต่าง ๆ ครบถ้วนตามความคาดหวังของหลักสูตร อันเป็นผลมาจากการท่ีหน่วยงาน และบุคคลทุกระดับทุกฝ่าย ทั้งจากส่วนกลางและส่วนท้องถ่ิน ร่วมกับชุมชนจัดการศึกษา ท่ีมีประสิทธิภาพ ได้แก่ นโยบายที่ชัดเจน การจัดทรัพยากรท่ีเหมาะสม บุคลากรทางการศึกษา มีคุณภาพ สภาพเศรษฐกิจและสังคมท่ีเอ้ืออานวย ผู้เรียนมีความพร้อม หลักสูตร ส่ือ วัสดุ อุปกรณ์ มคี ุณภาพ ทอ้ งถ่นิ ให้ความร่วมมอื และสนับสนนุ สมศักด์ิ ดลประสิทธ์ิ (2542, น.8) กล่าวว่า คุณภาพการศึกษา หมายถึง การจัดการ ศึกษาให้มีคุณภาพตรงความมุ่งหมายของผู้ใช้บริหาร ตรงตามาตรฐานการศึกษาและสอดคล้องกับ ความต้องการของผ้รู บั บรกิ ารโดยโดยใชก้ ระบวนการบริหารการศึกษาที่มีคุณภาพ ธร สุนทรายุทธ (2551, น.470) ได้นิยามคุณภาพทางการศึกษา หมายถึง ผลผลิตรวม ของสถาบันการศึกษา ที่ได้ผลงานเป็นผู้สาเร็จการศึกษา ผลงานและผลการจัดการศึกษา ทป่ี ระกอบด้วยคุณลักษณะหรือคณุ สมบัติของผู้ผลิตน้ัน อนั จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าหรือ ผู้ท่ีเกีย่ วข้องและมีผลกระทบตอ่ สังคม โดยรวมในทางทด่ี นี า่ ปรารถนา สรปุ ไดว้ ่า คุณภาพการศกึ ษาหรือคุณภาพของโรงเรียน เป็นผลมาจากการจดั การศึกษา ท่ีมีการทางานเป็นระบบ มีจุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ท่ีชัดเจน มีการวางแผนและดาเนินงาน ตามแผน เพ่ือทาให้ผู้เรียนซึ่งเป็นผลผลิตเกิดการพัฒนาท้ังด้านร่างกาย สติปัญญาและจิตใจ มีคุณธรรม จริยธรรม บรรลุตามจุดหมายท่ีกาหนด อีกทั้งเป็นท่ียอมรับของประชาชนและชุมชน
39 โดยมีผู้บริหาร ครู นักเรียน บุคคลอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้อง วัสดุ อุปกรณ์ การบริหารจัดการ รวมถึง สภาพ แวดล้อมอ่นื ๆ เปน็ สว่ นสาคญั ทที่ าให้การศึกษามีคณุ ภาพ 2. ลกั ษณะของโรงเรยี นทมี่ ีคณุ ภาพ คุณภาพโรงเรียนเป็นประเด็นปัญหาหน่ึงท่ีสังคมไทยกาลังให้ความสาคัญในอันดับต้น ๆ กระทรวงศึกษาธิการกาลังพยายามที่ปรับคุณภาพโรงเรียนด้วยการปฏิรูปการศึกษา ลักษณะของโรงเรียน ท่ีมีคุณภาพน้ัน ได้มีนักวิชาการและนักการศึกษาด้านการบริหารการศึกษา ให้ความคิดเห็นแตกต่างกัน สรปุ ไดด้ งั นี้ กรมการศึกษาและการอบรม (Department of Education & Learning) แห่งรัฐ วิคตอเรียของประเทศออสเตรเลีย ได้ใช้ “โมเดลโรงเรียนคุณภาพ” เป็นแนวทางในการขับเคล่ือน คุณภาพของการจัดการเรียนการสอนแบบมืออาชีพ ให้แก่โรงเรียนในสังกัดรัฐบาล จนทาให้เกิด ความสาเร็จในการจัดการศึกษา ส่งผลให้ผู้เรียนมีคุณภาพและบรรลุตามเป้าหมายที่กาหนดไว้ โรงเรียนท่ีมีคุณภาพเป็นโรงเรียนที่มีองค์ประกอบท่ีสาคัญ 8 ประการ ดังน้ี (สานักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน, 2553, น.67) 1. ความเป็นผู้นามืออาชพี ของผ้บู ริหารสถานศึกษา 2. การใหค้ วามสาคญั กับการเรียนรูข้ องผูเ้ รียนและการจัดการเรยี นการสอนของครู 3. การกาหนดวิสยั ทัศนแ์ ละเปา้ หมายการพัฒนารว่ มกันของบุคลากรท่ีเก่ยี วข้อง 4. การจดั การเรยี นการสอนท่กี าหนดเปา้ หมายการพฒั นาอยา่ งชัดเจน 5. การกาหนดความคาดหวังท่ีตอ้ งการใหผ้ เู้ รียนสามารถบรรลถุ งึ ได้ 6. การสรา้ งโรงเรยี นให้เป็นชุมชนแหง่ การเรียนรู้ 7. การสร้างความรู้สกึ รบั ผิดชอบในการจัดการศึกษา 8. การสนับสนุน ส่งเสริมและสร้างสภาพแวดล้อมแห่งการเรียนรู้ท่ีเอ้ือต่อการพัฒนาคุณภาพ ผเู้ รียน เซอร์จิโอแวนนิ (Sergiovani,2001, pp.124-125) ได้กล่าวถึงลักษณะของโรงเรียนท่ีมี คุณภาพสูง 13 ประการ ประกอบดว้ ย 1. มีการวางแผนด้านหลักสูตร (Planned Curriculum) 2. ผา่ นความเหน็ ชอบตอ่ หลักสูตรของคณะกรรมการบรหิ ารโรงเรียน (School Board Approved Curriculum) 3. เกณฑ์จบหลกั สูตรทอี่ ยู่ในระดบั สงู (Strong Graduation Requirement) 4. การสง่ เสริมวิชาการทีม่ ากกวา่ มาตรฐาน (Academic Offerings That Go Beyond the Basics) 5. มีบรรยากาศที่เอ้อื ต่อการเรียนรู้ (Positive Learning Climate) 6. อตั ราการมาเรียนของนักเรียนสูงและการออกกลางคันต่า (Good Attendance and Low Dropout Rates) 7. งบประมาณสาหรับนกั เรยี นมอี ัตราสงู (High Per Pupil Expenditure) 8. สัดสว่ นนกั เรยี นตอ่ ครตู ่า (Low Pupil - Teacher Ratio)
40 9. ห้องสมุดและสื่อการเรยี นการสอนท่ีสมบูรณ์ (Superior Library and Media Programs) 10. สภาพทางกายภาพของโรงเรียนท่ีดงึ ดดู ใจ (Attractive Campus) 11. ครูมีความรู้ดเี ยี่ยม (Solid Gold) 12. ผบู้ รหิ ารโรงเรยี นท่มี ีความเอาใจใส่ (Principal Who Cares) 13. มกี ารจัดเก็บข้อมูลของนักเรยี นทป่ี ระสบความสาเร็จ (Record of Student Achievement) นอกจากน้ี ออนสไตน์ (Ornstein, 2003, p.474 cited in Lunenburg & Ornstein, 2004, pp.411-412) ไดส้ รุปเกณฑ์ความมีคณุ ภาพของโรงเรียนประถมศึกษามี 12 ประการ คอื 1. ผลคะแนนจากผลสอบอ้างองิ ปกติ 2. คะแนนจากการเทียบกบั เกณฑอ์ ้างองิ 3. คะแนนจากแบบทดสอบทค่ี รสู รา้ งข้ึน 4. คะแนนจากผลผลติ คอื ความคดิ รวบยอดของนักเรียน 5. ความเห็นของครแู ละผบู้ รหิ ารเกย่ี วกบั การบรรลเุ ปา้ หมายของนักเรยี น 6. ความคิดเหน็ ของผปู้ กครองและชมุ ชน 7. การมสี ่วนรว่ มของนกั เรยี นในกิจกรรมเสริมหลักสตู ร 8. รางวัลท่ีนักเรยี นได้รบั 9. อัตราการมาเรียน 10. จานวนวสั ดุ สื่อ ที่นักเรียนยืมจากหอ้ งสมุด 11. คุณภาพความสามารถในโปรแกรมอนื่ ๆ เช่น งานศลิ ปะ ดนตรแี ละการแสดง 12. การใหก้ ารสนับสนุนของชมุ ชนต่อโรงเรยี น การศึกษากรณีตัวอย่างโรงเรียนดีมีคุณภาพ ในระดับมัธยมศึกษาขนาดกลาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการดาเนินกิจกรรมของโรงเรียนดีมีคุณภาพในมัธยมศึกษาขนาดกลาง ในด้านปัจจัย กระบวนการ และผลผลิต จากโรงเรียนท่ีเข้าเกณฑ์โรงเรียนดีมีคุณภาพ คือ โรงเรียน ที่ผ่านการประเมินของ สมศ.ในระดับดี หรือเป็นโรงเรียนที่ได้รับรางวัลพระราชทานจานวน 4 โรง เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการสัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษา จานวน 4 คน ครูจานวน 38 คน ระหว่างวันที่ 29 มิถนุ ายน - 20 กรกฎาคม 2548 จากการศึกษาพบวา่ 1. ปัจจัยที่นาไปสู่โรงเรียนดีท่ีทาให้ผู้เรียนมีคุณภาพ ประกอบด้วยผู้นาและบุคลากร มีความเข้มแข็ง การบรหิ ารจดั การ และการมสี ว่ นรว่ มของผู้ปกครองและชุมชน ดงั น้ี 1.1 ผู้นาและบุคลากรมีความเข้มแข็งประกอบด้วย การนาองค์กร การพัฒนา บคุ ลากรและการดแู ลคุณธรรมจริยธรรมครู 1.2 การนาองค์กรผู้บริหารโรงเรียนดีมีคุณภาพเป็นผู้ที่มีภาวะผู้นา และมีความสามารถ ในการบริหารจัดการ มีคุณธรรมจริยธรรม เป็นแบบอย่างท่ีดี มีความเป็นประชาธิปไตย และบริหารงานแบบ มสี ่วนรว่ ม 1.3 การพัฒนาบุคลากร สถานศึกษาได้ส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรทุกคนได้เข้า ร่วมการประชุมอบรม สัมมนา ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน เพ่ือพัฒนาเสริมสร้างความรู้ด้าน การเรยี นการสอน การบรหิ ารจดั การ หลักสตู ร ตลอดจนการทางานเป็นทมี
41 1.4 การดูแลคุณธรรมจริยธรรมครูโรงเรียนได้เสริมสร้างระเบียบวินัย ให้ทุกคน ยอมรับในกติการ่วมกัน ส่งเสริมให้ครูปฏิบัติตนตามหลักศาสนา มีทัศนคติที่ดีต่ออาชีพ ความเข้าใจ และเอาใจใส่ ผู้เรยี นทกุ คนอย่างสมา่ เสมอ 2. การบริหารจัดการ พบว่า ผู้บริหารมีการบริหารงานแบบกระจายอานาจ เน้นให้ ทุกคนเขา้ มามสี ่วนรว่ มในการวางแผน ร่วมคิด รว่ มทา สร้างใหค้ รเู กิดศรทั ธา โดยทาตัวเป็นแบบอย่าง แก่ครูให้ขวัญและกาลังใจ สาหรับยุทธศาสตร์การวางแผนดาเนินงานมีการกาหนดทิศทางการทางาน โดยทุกงานต้องชัดเจน ทิศทางการทางานต้องมุ่งไปที่ “เด็ก” มีการกาหนดปฏิทินการปฏิบัติงานของ กลุ่มโดยวางแผนเป็นเดือน สัปดาห์ และวัน มีการนิเทศ ติดตามและประเมินผลอย่างถูกต้อง ครอบคลุมกิจกรรมของโรงเรียนและตรงกับความต้องการใช้งาน และมกี ารใชอ้ าคารสถานที่อยา่ งเป็น ระบบ 3. การมีส่วนร่วมของผูป้ กครองและชุมชน พบวา่ ผปู้ กครองและชุมชนมคี วามสมั พันธแ์ ละให้ ความร่วมมือกับโรงเรียน คือ ร่วมเป็นคณะกรรมการของโรงเรียนและภาคีเครือข่ายโรงเรียน เชิญผู้ปกครอง และชุมชนเข้ามาร่วมจัดการศึกษา พัฒนาการศึกษาให้ข้อมูลพัฒนาโรงเรียน และให้คาปรกึ ษาท่ีดกี ับชุมชน โดยการส่งคณะครูและนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมที่ชุมชนเป็นผู้จัด นอกจากน้ีผู้ปกครองและชุมชนได้เข้ามา ช่วยสอดส่องพฤติกรรมนักเรียน เป็นวิทยากร/ภูมิปัญญา เป็นแหล่งเรียนรู้ในการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียน สนบั สนนุ งบประมาณ และวัสดุอปุ กรณ์ประกอบการเรยี นการสอน 4. การจัดการทางด้านวิชาการท่ีเป็นกระบวนการนาไปสู่โรงเรียนดีท่ีทาให้ผู้เรียน มีคุณภาพ ได้แก่ หลักสูตรสถานศึกษา การจัดการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศและระบบการดูแล ชว่ ยเหลอื นกั เรียน 5. หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนต้องสร้างหลักสูตรของตนเอง โดยมีหลักสูตร แกนกลางเปน็ กรอบทศิ ทางในการจดั ทาหลกั สูตรสถานศกึ ษา มมี าตรฐาน 6. การเรียนรู้ เป็นข้อกาหนดคุณภาพของผู้เรียน และการบริหารจัดการเน้น การมีส่วนร่วมของฝ่ายบริหาร ครู บุคลากร และชุมชน เพื่อให้สนองความต้องการของชุมชนและ ทอ้ งถิ่น ดังน้นั จึงจาเป็นต้องจัดทาหลักสูตรแบบมีสว่ นร่วม โดยเปิดโอกาสใหผ้ ู้ปกครองและผู้แทนของ ชมุ ชนเข้ามารว่ มวางแผน 7. การเรียนรู้ โรงเรียนมีระบบการเรียนรู้ คือ มีการวิเคราะห์หลักสูตรการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน วิเคราะห์ผู้เรียน ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้ แต่ละ หน่วย มีการผลิตและพัฒนานวัตกรรม พัฒนาแหล่งเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ นิเทศติดตาม/ แลกเปล่ียนเรียนรู้ ประเมินผลการเรียนรู้ การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ การวิจัยพัฒนาการเรียน การสอนอย่างต่อเนื่อง และบันทึกสรุปผลรายงานในการจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาระต่าง ๆ มีกระบวนการและวิธีการที่หลากหลาย โดยผู้สอนต้องคานึงถึงพัฒนาการทางด้านร่างกายและ สติปัญญา วิธีการเรียนรู้ ความสนใจ และความสามารถของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละช่วงช้ั น มีวิธีการจัดการเรียนการสอนที่หลากหลาย เช่น การเรียนรู้ด้วยตัวเอง เรียนรู้ร่วมกัน เรียนรู้จาก ธรรมชาติ เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง เรียนรู้แบบบูรณาการ เรียนรู้ผ่านสื่อต่างๆ รวมท้ังภูมิปัญญา ชาวบ้านท่ีชว่ ยในการถ่ายทอดประสบการณ์ให้นักเรียนได้เรียนร้ตู ามส่ือที่นกั เรียนสนใจ มกี ารวัดและ ประเมนิ ผลตามสภาพจริงและใช้การวจิ ยั เปน็ สว่ นหนึง่ ของกระบวนการเรียนรู้
42 8. ระบบสารสนเทศ โรงเรียนมีและใช้ระบบสารสนเทศในด้านการบริหารจัดการ และด้านการเรียนรู้ เพื่อให้บุคลากรที่เก่ียวข้องและชุมชนได้รับรู้เก่ียวกับผลการปฏิบัติงานแล ะ ข่าวสารต่าง ๆ ของโรงเรียน ข้อมูลสารสนเทศของโรงเรียนมีความสาคัญน้ัน หากโรงเรียนมีระบบ ข้อมูลสารสานเทศเกี่ยวกับนักเรียน ครู และผู้บริหาร ตลอดจนผลการดาเนินงานของโรงเรียน ครบถ้วนถูกต้อง เป็นปัจจุบัน ตรงกับความต้องการและสามารถนาไปใช้ทันต่อการใช้งาน อย่างต่อเน่ืองแล้ว จะเป็นประโยชน์และมีความสาคัญต่อการตัดสินใจและการวางแผนบริหารงาน ทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพยิ่งข้ึน 9. ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนมีระบบการดาเนินงาน คือ การรู้จัก นักเรียนเป็นรายบุคคล การคัดกรองนักเรียน การส่งเสริมนักเรียน การป้องกันและช่วยเหลือนักเรียน และการส่งต่อ การจัดกิจกรรมดูแลช่วยเหลือนักเรียนเป็นการประสานสัมพันธ์กับผู้ปกครองและ นักเรียนอย่างสม่าเสมอ โดยมีกระบวนการดาเนินงานดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างมีข้ันตอน พร้อมด้วยวิธีการและเครื่องมือการทางานท่ีชัดเจน โดยมีครูประจาชั้นเป็นบุคลากรหลัก ในการ ดาเนินการมีประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับครูท่ีเกี่ยวข้องหรือบุคลากรภายนอก รวมทั้ง การสนบั สนุนสง่ เสรมิ จากโรงเรยี น 10. คุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เป็นผลผลิตของการจัดการ การศึกษา คุณภาพของผู้เรียนด้านความรู้ความสามารถทางวิชาการ พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงขึ้นและมีคะแนนเฉล่ียของแต่ละกลุ่มสาระเพิ่มข้ึน นักเรียน มีความสามารถในการวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ เรียนรู้ด้วยตัวเอง และนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจาวันได้ สาหรับความรู้ความสามารถในการแข่งขัน พบว่า นักเรียนบางคนมีความสามารถ และผลการเรียนดีเด่น สามารถสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนในการแข่งขันต่าง ๆ ได้ ซ่ึงสอดคล้องกับ จุดหมายของหลักสูตรการศึกษาขั้นพน้ื ฐานท่ีเน้นให้ผ้เู รียนมีความสร้างสรรค์ ใฝ่รู้ ใฝ่เรยี น รกั การอ่าน รักการเรียนและรักการค้นคว้า มีความรู้อันเป็นสากลรู้เท่าทันการเปล่ียนแปลง และความก้าวหน้า ทางวิทยาการมีทักษะและศักยภาพในการจัดการ การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยี ปรับวิธีการคิด วิธีการทางานได้เหมาะสมกับสถานการณ์ สาหรับคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของนักเรียน พบว่า โรงเรียนมีการจัดกิจกรรมให้นักเรียนมีความประพฤติที่แสดงออกอย่างเหมาะสมกับวัย มีคุณธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีความอดทนเสียสละเพื่อส่วนรวม สามารถทางานร่วมกับผู้อ่ืนได้ มีทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง มีทักษะในการทางาน มีสุนทรียภาพด้านศิลปะ ดนตรี และกีฬา ปฏิบัติตนตามหลักเบ้ืองต้นของสาสนา ตระหนักในคุณค่า ของภูมิปัญญาไทย และนาภูมิปัญญาไทยมาประยุกต์ใช้ รู้คุณค่า มีจิตสานึกและมีส่วนร่วมในการ อนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ มีสขุ ภาพแขง็ แรงและจิตใจแจ่มใส ยทุ ธศาสตร์และเงอ่ื นไขสู่ความสาเรจ็ 1. ยทุ ธศาสตร์สคู่ วามสาเรจ็ ของการบริหารจดั การ การกาหนดจุดมุ่งหมายและภารกิจเพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้การพัฒนาประสิทธิภาพ การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134