วิจยั ในชัน้ เรยี น ประจาปีการศึกษา 2564 โรงเรียนบ้านรูสะมิแล สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาปตั ตานี เขต 1
ชื่อเรือ่ ง การพฒั นาทกั ษะการวาดภาพระบายสี ชอื่ ผู้วิจัย นางณฐั นี หะยีสะอิ หนว่ ยงาน โรงเรียนบ้านรสู ะมิแล ปีท่ีวจิ ัย ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 1.) ความสำคญั และทมี่ าของปัญหา จากการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน ปีการศึกษา 2564 ภาคเรียนที่ 2 ในสถานการณ์ โรคระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าโควดิ ๑๙ ได้จดั ประสบการณ์การจดั การเรียนการสอนแบบ on- hand ผวู้ จิ ยั ไดส้ ังเกตเห็นวา่ เดก็ 3 คน มีพัฒนาการด้านการวาดภาพระบายสี มีลกั ษณะนี้ 1. ภาพท่ีวาดแลว้ ลายเสน้ ไมค่ งที่ 2. ภาพวาดผวู้ จิ ัยดูแล้วไมท่ ราบว่าเปน็ ภาพอะไร และเม่ือถามเด็กกต็ อบได้ไม่ตรงกบั ภาพท่ีวาด 3. การระบายสีออกนอกเส้นเลอะเทอะ ไม่สวยงาม ไม่ตรงกบั สภาพจริงหรือธรรมชาติ 4. ไมต่ ้ังใจและไมช่ อบวาดภาพเนอ่ื งจากตอบว่าวาดไม่เป็นผู้วจิ ยั จึงใช้กจิ กรรมสรา้ งสรรค์ในการ แก้ปญั หาเพ่อื พัฒนาทักษะการวาดภาพระบายสเี พ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะในการวาดภาพระบายสี 2.) วตั ถุประสงคข์ องการวิจัย 1. เพือ่ ให้เด็กมคี วามสามารถในการวาดภาพระบายสีไดส้ วยงามมากข้ึน 2. เพื่อให้เด็กเกดิ ความคดิ สร้างสรรค์ และจนิ ตนาการในการวาดภาพระบายสี 3. เพอ่ื ให้เด็กมีทศั นคติท่ีดตี ่องานศิลปะมีใจรักวาดภาพ 3.) ความสำคญั ของการวจิ ัย เด็กที่ไม่มที ักษะการพัฒนาดา้ นต่างๆสามารถทำได้ถา้ ครสู ังเกต และหาวิธที เ่ี หมาะสมโดยฝึก ทกั ษะนั้นๆจะสามารถพฒั นาในทางที่ดีขนึ้ มาไดบ้ า้ งตามศักยภาพของเด็ก 4.) ขอบเขตของการวิจัย เพือ่ แก้ปัญหาในการจัดประสบการณ์ให้กับเดก็ ที่มีปัญหา 1. ศกึ ษาระดับความสามารถในการวาดภาพระบายสี 2. วิธกี ารทใี่ ช้ คอื การตรวจผลงาน 5.) ตัวแปรการศึกษา 1. ตวั แปรต้น จัดกิจกรรมใหเ้ ด็กใช้แบบฝกึ ทกั ษะ 2. ตวั แปรตาม เด็กมีความสามารถในการวาดภาพระบายสี 6.) วธิ กี ารดำเนนิ การวจิ ัย นวตั กรรมในการฝึกทักษะช่วงละ 1 เดือน โดยใชแ้ บบฝกึ ทักษะท่ีกำหนดไว้เป็นกิจกรรมดงั นี้ 6.1 ใหว้ าดภาพระบายสกี อ่ นการใช้แบบฝึกหดั 1 ครั้ง 6.2 ใช้แบบฝกึ ทกั ษะตามขัน้ ตอนที่กำหนดไว้ในกิจกรรม
7.) เคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ นการวิจัย - แบบฝกึ ทกั ษะ - การสังเกต - การตรวจผลงาน - การเก็บรวมรวบข้อมลู 8.) การรวบรวมข้อมลู โดยการศึกษาจากชิ้นงานท่ีเดก็ สง่ ใบงาน และคลิปวดิ ีโอ 9.) การวิเคราะห์ข้อมลู เด็กที่มีปญั หาการลากเสน้ ไม่คงท่จี ะสง่ ผลต่อการเรียนรู้ต่อไป แนวทางทีแ่ กไ้ ข 1. ฝกึ การลากเส้นตามรอยเส้นปะเปน็ ระยะเวลา 4 สปั ดาห์ 2. ฝึกวาดภาพระบายสีตามรอยเส้นปะเปน็ ระยะเวลา 4 สปั ดาห์ 3. ฝึกวาดภาพระบายสีตามความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ 6 สปั ดาห์ 10.) ผลการวิเคราะห์ เมือ่ เปรยี บเทียบจากการวาดภาพระบายสกี ่อนทำการวจิ ัยพบว่าการวาดภาพ เดก็ ไมส่ ามารถ บอกว่าเป็นภาพอะไรแตผ่ วู้ ิจยั ใชว้ ิธีถามเพื่อนๆ กม็ องไม่ออกมาเป็นภาพตามท่ีกล่าว การระบายสี ออกนอกเสน้ แต่เม่ือได้ทำแบบฝึกลายเส้นเปน็ ระยะเวลา 4 สปั ดาห์ ฝึกวาดภาพระบายสีตามรอย เส้นปะเปน็ ระยะเวลา 4 สัปดาหแ์ ละฝึกวาดภาพระบายสตี ามความคิดสรา้ งสรรค์และจนิ ตนาการ 6 สปั ดาห์ สงั เกตเห็นวา่ เดก็ มีทักษะในการวาดภาพระบายสีพฒั นาในทางท่ีดขี ึน้ ระดบั หนึ่ง คอื เด็ก สามารถวาดภาพออกมาแลว้ เพื่อนๆ ครรู วมถงึ ตัวเด็กสามารถมองและบอกได้ว่าเป็นภาพอะไร 11.) สรุปผลจากการวจิ ยั เดก็ ท่ีไมม่ ที ักษะในการวาดภาพระบายสสี ามารถฝึกทักษะได้จนเปน็ ท่นี า่ พอใจ และเม่อื เด็กมที ักษะในการวาดภาพเป็นรปู ภาพท่ีชดั เจนมากขึ้น การระบายสีได้จะดูสวยงามอยใู่ น ขอบเขต มีความคดิ สร้างสรรค์ และจนิ ตนาการไดด้ ีในระดับหนึ่ง 12.) ข้อเสนอแนะ ควรฝกึ กล้ามเนอ้ื มือให้เด็กมคี วามแขง็ แรง โดยการใชว้ ิธกี ารป้นั ดินน้ำมัน
รายงานการวจิ ัยในชั้นเรยี น (Classroom Action Research) เร่อื ง การพัฒนาทักษะการอ่าน โดยใช้บัญชีคาพ้ืนฐาน ของนักเรยี นชนั้ อนุบาล 2 ผู้วจิ ยั นางบุษบา เจ๊ะเละ โรงเรียนบ้านรสู ะมแิ ล อาเภอเมือง จังหวดั ปัตตานี
รายงานการวิจัยในชน้ั เรยี น ชื่อวิจัย การพฒั นาทกั ษะการอ่าน โดยใช้บญั ชีคาพืน้ ฐานของนักเรียนช้ันอนุบาล 2 ผู้วิจยั นางบุษบา เจ๊ะเละ หน่วยงาน โรงเรียนบา้ นรูสะมิแล ปที ี่วจิ ยั ปีการศกึ ษา 2564 จากงานวิจัยการอ่านของคนไทยในปี 2552 พบว่าการทาให้คนไทยอ่านหนังสือเพิ่มข้ึนต้องเริ่มต้ังแต่ คนเรายังเป็นเด็กเล็กๆ คือต้องเร่ิมตั้งแต่การเรียนการสอนในระดับปฐมวัย และผู้ที่อบรมเล้ียงดูจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในการปลูกฝังการรักการอ่านอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับวัยของเด็ก ไม่ใช่การสอนเขียนอ่านอย่าง เป็นทางการในตอนแรก เพราะเด็กเรยี นรู้จากการเล่น กิจกรรมท่ีจัดให้กับเด็กต้องเป็นกิจกรรมท่ีให้เด็กได้กระทา หรอื ได้ลงมอื ปฏิบัตอิ ยา่ งมีความสขุ มคี วามสนุกสนานเพลดิ เพลิน พรอ้ มกบั การเรียนรู้ไปด้วย จากคาบอกเล่าของ อาจารย์ ดารารัตน์อุทัยพยักค์ กล่าวว่า การให้เด็กได้มีพัฒนาการทางภาษา คือ เด็ก เล็ก ๆ มีความพร้อมด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน ซ่ึงเป็นเรื่องท่ีครู จาเป็นต้องเข้าใจพัฒนาการของเด็กและวิธีท่ีจะ พัฒนาให้เด็กมีความพร้อมดังกล่าว ดังนั้น การจัดประสบการณ์ทางภาษาแบบสมดุล หรือ Balanced Literacy Approach มีความหมายง่าย ๆ คือ เป็นการสอนภาษาท่ีผสมผสานแนวคิดในการสอนภาษาที่สัมพันธ์กับลักษณะ หน้าท่ีของภาษา และการสอนทักษะย่อยทางภาษาเข้าด้วยกัน สาหรับลักษณะสาคัญของการจัดประสบการณ์ทาง ภาษาแบบสมดลุ มดี ังนี้ 1. การสอนอ่านเขียนภาษาไทย ในระดับปฐมวัยจะเป็นการสอนที่ไม่เคร่งเครียด ไม่เป็นทางการ แต่เป็น การสอนทใี่ หเ้ ดก็ ไดป้ ฏบิ ัติกจิ กรรมด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลิน และมเี จตคตทิ ดี่ ตี ่อการเรียนภาษา 2. การใช้ภาษาอย่างมีจุดมุ่งหมาย ครูเป็นผู้จัดเตรียมโอกาสให้เด็กได้อ่านเขียนผ่านกิจกรรมที่มี ความหมายต่อเด็ก ไม่ใช่กิจกรรมท่ีตั้งใจฝึกทักษะย่อยทางภาษา เด็กได้เลือกอ่านและเขียนอย่างอิสระต ามความ สนใจและตามศักยภาพของตน 3. การมีส่วนร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ทางภาษา ครูต้องวางแผนการจัดการเรียนรู้สาหรับเด็กท่ีกระตุ้นให้ เดก็ ตอ้ งการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมการอา่ นการเขียน เพอื่ ใหเ้ ดก็ ได้เรยี นร้ภู าษาแบบลงมือกระทา เช่น - เดก็ ได้อ่านวรรณกรรมสาหรับเด็กจริงๆ ไม่ใช่อา่ นหนงั สือหดั อ่านท่แี ยกทกั ษะย่อยทางภาษา - เดก็ ไดเ้ ขยี นเพือ่ การสือ่ สารงา่ ย ๆ ไมใ่ ชห่ ดั เขียนเส้นต่าง ๆ 4. ความรบั ผดิ ชอบ เดก็ จะเป็นผูร้ บั ผิดชอบการเรียนร้ขู องตนเอง ทงั้ การทางานตามท่ีได้รับมอบหมายจาก ครู และงานที่เด็กริเร่ิมขึ้นเอง ท้ังท่ีทาตามลาพังและทาร่วมกันกับเพื่อน โดยมีครูคอยให้คาแนะนา และเป็น แบบอยา่ งของความรับผิดชอบต่องานตา่ ง ๆ นน้ั 5. การทดลองกับภาษา ครูเป็นผู้กระตุ้นและให้กาลังใจแก่เด็ก เพื่อให้เด็กกล้าคาดเดาหรือคาดคะเนคาท่ี จะอา่ นและเขยี น โดยครูต้องสรา้ งให้เดก็ เกดิ ความม่นั ใจวา่ จะไม่ถูกตาหนิ ทาใหเ้ ดก็ ได้ทดลองกบั ภาษา
6. การเลือก ครูจัดเตรียมโอกาสให้เด็กคัดเลือกหนังสือที่สนใจมาอ่าน ได้เลือกทากิจกรรมการเขียนท่ีครู เตรียมไวอ้ ยา่ งหลากหลาย โดยเดก็ จะตอ้ งเป็นผู้ตดั สินใจเลือกด้วยตนเอง ที่กล่าวข้างต้นเป็นลักษณะสาคัญกว้าง ๆ ของการสอนภาษาแบบสมดลุ ครู พ่อแม่ ผ้ปู กครอง หรือผูเ้ กย่ี วข้องต้องเข้าใจถึงลักษณะสาคัญทั้งภาพรวมทั้งหมด และภาพย่อยของภาษา ที่จะทาให้เด็กได้มีความพร้อมก่อน ท่ีจะอ่านและเขียนอย่างเป็นทางการ ถ้าเราเตรียม สภาพแวดลอ้ มและตวั เด็กไม่พร้อมแล้ว เด็กก็จะเกลียด การเรียนภาษาในที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเด็กโตขึ้น ซ่ึงโอกาส ท่ีจะปลูกฝังให้เด็กประทับใจในการเรียนภาษา ย่อมมีน้อยลงไปทุกที เพราะความไม่ชอบภาษาจะเพ่ิมอยู่ ตลอดเวลา ขณะเดยี วกนั ผใู้ หญก่ ใ็ ช้วธิ ีเดิม ๆ และวิธีเดียวคือ บังคับให้เด็กเอาหนังสือมาน่ังอ่าน ท้ัง ๆที่เด็กไม่ชอบ หรือให้นง่ั เขยี นหนงั สอื หรือน่ังทาการบา้ น ในขณะท่ีเด็กมกี จิ กรรมอ่นื ๆ ซ่งึ น่าสนใจมากกว่าเช่น การดูโทรทัศน์ ถ้า มีลักษณะหรือเหตุการณ์เช่นนี้ไปเร่ือย ๆ เราก็จะประสบความล้มเหลวในการเรียนการสอนภาษา ฉะน้ันเราควรที่ จะต้องเริม่ ให้เด็กรกั การเรียนภาษาในแนวทางทที่ าให้เดก็ ประทบั ใจตงั้ แต่เริ่มแรก คือ ระดับปฐมวัยถ้าเป็นการอ่าน เราสามารถนาวิธีการสอนภาษาแบบสมดุลมาใช้ในลักษณะการเตรียมความพร้อมในการอ่านเพ่ือสร้างนิสัยรักการ อา่ น รู้จกั หนงั สอื ดังนี้ - เลา่ นทิ านให้เด็กฟงั ทุกวนั - อา่ นหนงั สือรว่ มกบั เด็กและสนทนาพูดคุยเกยี่ วกบั เรอื่ งในหนงั สือ - ฝึกอา่ นคากลอน - ฝึกใหร้ ้จู กั ตวั พยัญชนะ สระ และคาโดยใช้เกม / กิจกรรม - ฝกึ ใหค้ นุ้ เคยกบั หนังสอื เปดิ หนา้ หนงั สอื และเข้าใจเรื่องจากภาพ จากการที่ผู้วิจัยได้ปฏิบัติการสอนที่โรงเรียนบ้านรูสะมิแล โดยทาการสอนในระดับช้ันอนุบาลปีที่2 มี จานวนนักเรียนท้ังหมด 26 คน มีการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ 6 กิจกรรมหลักและส่งเสริมทักษะทางวิชาการ ให้กับเด็ก ผู้วิจัยได้เล็งเห็นถึงความสาคัญของการอ่านของเด็กปฐมวัย เพ่ือจะไปต่อยอดการเรียนรู้ในระดับชั้น ประถมตอ่ ไป วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพ่ือให้เด็กมีทักษะในการอ่านไดด้ ียงิ่ ขนึ้ 2. เพือ่ ให้เด็กนาทกั ษะที่ได้รับไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ขอบเขตของการวจิ ยั 1. ประชากร นักเรียนช้นั อนุบาล 2 จานวน 26 คน 2. ตวั แปรทฤษฎีศึกษา ตวั แปรต้น จดั กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ฝกึ ทักษะการอ่านโดยใชบ้ ัญชคี าพ้ืนฐาน ตวั แปรตาม ทักษะการอ่าน
เครอื่ งมือท่ีใช้ในการทาวจิ ัย แบบบันทกึ การอา่ นของนักเรยี น ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถึง เด็กอา่ นบัญชีคาพ้ืนฐานไดด้ ีมาก 3 หมายถึง เด็กอา่ นบัญชีคาพ้ืนฐานได้ดี 2 หมายถึง เด็กอ่านบัญชีคาพ้นื ฐานได้ปานกลาง 1 หมายถึง เด็กอา่ นบญั ชีคาพ้ืนฐานควรปรบั ปรุง วธิ ีการดาเนินการ 1. คุณครูสังเกตและบนั ทึกการอา่ นบัญชีคาพ้ืนฐาน 2. คณุ ครจู ัดกจิ กรรมเสริมประสบการณ์ให้นกั เรียนอา่ นบญั ชีคาพ้นื ฐานดงั นี้ กจิ กรรมที่ 1 ให้นักเรียนแตล่ ะคนออกมาอา่ นบัญชคี าพ้นื ฐาน ชดุ ผัก กจิ กรรมที่ 2 ใหน้ กั เรยี นแต่ละคนออกมาอา่ นบัญชีคาพน้ื ฐาน ชดุ สตั ว์ กิจกรรมท่ี 3 ให้นกั เรียนแต่ละคนออกมาอ่านบัญชีคาพ้นื ฐาน ชดุ สิ่งของ การวเิ คราะหข์ ้อมูล สงั เกตการและบนั ทึกการอา่ นบญั ชีคาพ้นื ฐาน ชดุ ต่างๆ สรปุ ผลการวิจัย ภายหลงั จากการจัดกิจกรรมฝึกทักษะการอ่าน โดยใช้บัญชีคาพ้ืนฐาน ชุดต่างๆ พบว่านักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนบา้ นรูสะมิแล จานวน 26คน มีทักษะในการอ่านไดด้ ยี ่ิงข้ึน ข้อเสนอแนะ 1. ตอ้ งมีการตอ่ ยอดการอา่ นนาไปใช้ในกจิ กรรมดา้ นอนื่ ๆด้วย 2.นักเรียนท่ีผู้ปกครองท่ีผู้ปกครองไม่ค่อยใส่ใจการการอ่านขงนักเรียนเท่าท่ีควร ทาให้นักเรียนมี พฒั นาการอา่ นได้ชา้ กว่านักเรียนคนอ่นื ๆ ประโยชน์ท่ีได้รบั จากการทาวิจัย 1. เด็กมีทกั ษะการอ่านได้ดียิง่ ขน้ึ 2. เด็กนาทักษะท่ีไดร้ บั ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้
เอกสารอา้ งอิง อภญิ ญา ทหราวานชิ . (2553).การอา่ นของเด็กปฐมวยั . เขา้ ถึงได้ จาก: www.sl.ac.th/html_edu/sl/temp_emp_research/549.doc(วันทท่ี ค่ี ้นข้อมูล : 2 มีนาคม2563). กลยุ า ตนัตผิลาชวี ะ.( 2551).การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้สาหรบั เดก็ ปฐมวยั .กรุงเทพฯ : เบรน-เบสบ๊คุส.์ กณฑั ิมา. (2553).รายงานการวิจยั . เขา้ ถงึ ได้จาก:http://www.lopburi1.go.th (วนั ท่ีท่คี ้นข้อมลู : 2 มีนาคม2563). ศรสี ดาุ คมภั รี ์ภทรั . (2549).วิจัยศึกษาเกีย่ วกบั การจดั ประสบการณก์ ารเล่านิทานแบบร่วมมือ. เขา้ ถึงได้จาก http://sangtianmyproductions.blogspot.com/2008/12/1.html(วันท่ีที่คน้ ข้อมลู : 2 มีนาคม2563).
แผนการจัดกิจกรรม กจิ กรรมท่ี 1 อ่านบัญชคี าพื้นฐาน ชุด ผกั จดุ ประสงค์ เพื่อให้เด็กอา่ นคาที่กาหนดได้ วิธีการดาเนินกิจกรรม ครูหยิบคาพ้ืนฐาน ชุด ผัก ผลไม้ ให้นักเรียนแต่ละคนออกมาอ่านบัญชีคาพื้นฐานตามท่ี กาหนดให้
แบบบนั ทกึ การอา่ นคาพน้ื ฐาน ช้นั อนบุ าลปีที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรยี นบา้ นรสู ะมิแล ท่ี ชอื่ – สกลุ คาพน้ื ฐาน รวมคาท่ีอ่านได้ มะนาว ผักชี พรกิ แครอท ๑ ด.ช. มูฮมั หมดั ริฟอัฏ มซู อ /// / 4 ๒ ด.ช. มูฮมั หมัดอมั รู เจะมาซอ / / / / 4 ๓ ด.ช. มูฮาหมดั ซฟั วาน บากา /// / 4 ๔ ด.ช. อิสมาแอ แม --- - - ๕ ด.ช. มฮู มั หมดั เตาฟิก เจะดาโอะ - - - - - ๖ ด.ช. อาบูฮรู อยเราะห์ มะแอ /// / 4 ๗ ด.ช. อามนี อาแวกอื จิ / / / / 4 ๘ ด.ช. อริ ฟาน แวเด็ง - - - - - ๙ ด.ช. ฟรุ กอน หะมะ / / / / 4 ๑o ด.ช. ศราวุธ สะหมาน / / / / 4 ๑๑ ด.ช. มฮู าหมดั อาลีฟ ยโู ซะ /// / 4 ๑๒ ด.ช. มูฮาหมัดซาบิต อาแว -// - 2 ๑๓ ด.ญ. นูรนิ บือราเฮง //- - 2 ๑๔ ด.ญ. อาฟียะห์ มะหมงิ /// / 4 ๑๕ ด.ญ. ซเู ฟยี วาแม / / / / 4 ๑๖ ด.ญ. นรู ไอนี กาแจ / / / / 4 ๑๗ ด.ญ. นัสรนี อาแวสนิ /// / 4 ๑๘ ด.ญ. อามีรา่ เจะเลาะ /// / 4 ๑๙ ด.ญ. นกิ สั มา เปาะเฮาะ / - - - 1 ๒O ด.ญ. นรู ดารียา มะนุ /-/ - 2 ๒๑ ด.ญ. นรุ อารซี า สาแลแม --- - - ๒๒ ด.ญ. นสั รนิ สนอมวงศ์ / / / / 4 ๒๓ ด.ญ. โรไกยา มูอมั เมด ลามีน ซลิ ลา - - - - - ๒๔ ด.ช. อบั ดุลวารีส สะแม /// / 4 ๒๕ ด.ช. ต่วนราฟาแอล ยามลี เู ด็ง /// / 4 ๒๖ ด.ญ. ฮาวา สอื แต - - - - - ลงชื่อ (นางบษุ บา เจ๊ะเละ) ........../........../.........
กิจกรรมท่ี 2 อา่ นบัญชคี าพ้ืนฐาน ชดุ สตั ว์ จดุ ประสงค์ เพื่อใหเ้ ดก็ อา่ นคาที่กาหนดได้ วธิ ีการดาเนินกจิ กรรม ครูหยิบคาพน้ื ฐาน ชดุ สตั ว์ ใหน้ ักเรยี นแต่ละคนออกมาอา่ นบญั ชคี าพ้นื ฐานตามท่ีกาหนดให้
แบบบันทกึ การอ่านคาพน้ื ฐาน ช้นั อนบุ าลปที ่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรียนบา้ นรูสะมิแล ท่ี ชือ่ – สกลุ คาพ้ืนฐาน รวมคาท่ีอ่านได้ กลว้ ย พริก บา้ น ถนน 4 ๑ ด.ช. มูฮัมหมัดรฟิ อฏั มซู อ /// / 4 4 ๒ ด.ช. มฮู มั หมดั อัมรู เจะมาซอ / / / / - - ๓ ด.ช. มูฮาหมัดซฟั วาน บากา /// / 4 4 ๔ ด.ช. อสิ มาแอ แม --- - - 4 ๕ ด.ช. มูฮมั หมัดเตาฟิก เจะดาโอะ - - - - 4 4 ๖ ด.ช. อาบูฮูรอยเราะห์ มะแอ /// / ๔ ๔ ๗ ด.ช. อามีน อาแวกอื จิ / / / / 4 4 ๘ ด.ช. อิรฟาน แวเดง็ - - - - 4 4 ๙ ด.ช. ฟุรกอน หะมะ / / / / 4 1 ๑o ด.ช. ศราวธุ สะหมาน / / / / 2 - ๑๑ ด.ช. มูฮาหมดั อาลีฟ ยูโซะ /// / 4 - ๑๒ ด.ช. มฮู าหมัดซาบติ อาแว /// / 4 4 ๑๓ ด.ญ. นูริน บอื ราเฮง /// / - ๑๔ ด.ญ. อาฟยี ะห์ มะหมงิ /// / ๑๕ ด.ญ. ซูเฟยี วาแม / / / / ๑๖ ด.ญ. นรู ไอนี กาแจ / / / / ๑๗ ด.ญ. นัสรีน อาแวสนิ /// / ๑๘ ด.ญ. อามีรา่ เจะเลาะ /// / ๑๙ ด.ญ. นิกสั มา เปาะเฮาะ / - - - ๒O ด.ญ. นรู ดารยี า มะนุ /-/ - ๒๑ ด.ญ. นรุ อารซี า สาแลแม --- - ๒๒ ด.ญ. นัสริน สนอมวงศ์ / / / / ๒๓ ด.ญ. โรไกยา มูอัมเมด ลามนี ซิลลา - - - - ๒๔ ด.ช. อับดุลวารสี สะแม /// / ๒๕ ด.ช. ต่วนราฟาแอล ยามีลเู ดง็ /// / ๒๖ ด.ญ. ฮาวา สือแต - - - - ลงชื่อ (นางบุษบา เจะ๊ เละ) ........../........../.........
กจิ กรรมท่ี 3 อ่านบัญชคี าพ้ืนฐาน ชุด สิ่งของ จดุ ประสงค์ เพื่อใหเ้ ดก็ อา่ นคาที่กาหนดได้ วธิ กี ารดาเนนิ กิจกรรม ครหู ยบิ คาพน้ื ฐาน ชดุ สัตว์ ให้นกั เรียนแตล่ ะคนออกมาอ่านบญั ชีคาพน้ื ฐานตามที่ กาหนดให้
แบบบันทกึ การอ่านคาพ้นื ฐาน ชัน้ อนุบาลปีท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรยี นบา้ นรูสะมแิ ล ท่ี ช่ือ – สกลุ คาพ้ืนฐาน รวมคาท่ีอ่านได้ รม่ ช้อน ตู้ ตะกรา้ ๑ ด.ช. มูฮมั หมดั รฟิ อัฏ มซู อ /// / 4 ๒ ด.ช. มูฮมั หมัดอมั รู เจะมาซอ / / / / 4 ๓ ด.ช. มูฮาหมัดซัฟวาน บากา /// / 4 ๔ ด.ช. อิสมาแอ แม --- - - ๕ ด.ช. มฮู ัมหมัดเตาฟิก เจะดาโอะ - - - - - ๖ ด.ช. อาบูฮรู อยเราะห์ มะแอ /// / 4 ๗ ด.ช. อามีน อาแวกือจิ / / - / ๓ ๘ ด.ช. อิรฟาน แวเดง็ - - - - - ๙ ด.ช. ฟุรกอน หะมะ / / / / 4 ๑o ด.ช. ศราวุธ สะหมาน / / / / 4 ๑๑ ด.ช. มฮู าหมัดอาลฟี ยูโซะ /// / 4 ๑๒ ด.ช. มูฮาหมดั ซาบติ อาแว /-/ - 2 ๑๓ ด.ญ. นูริน บอื ราเฮง /// - ๓ ๑๔ ด.ญ. อาฟยี ะห์ มะหมงิ /// / 4 ๑๕ ด.ญ. ซูเฟยี วาแม / / / / 4 ๑๖ ด.ญ. นูรไอนี กาแจ / / / / 4 ๑๗ ด.ญ. นัสรนี อาแวสนิ /// / 4 ๑๘ ด.ญ. อามีร่า เจะเลาะ /// / 4 ๑๙ ด.ญ. นกิ ัสมา เปาะเฮาะ / / - / ๓ ๒O ด.ญ. นูรดารียา มะนุ /-/ - 2 ๒๑ ด.ญ. นรุ อารีซา สาแลแม --- - - ๒๒ ด.ญ. นัสรนิ สนอมวงศ์ / / / / 4 ๒๓ ด.ญ. โรไกยา มูอมั เมด ลามีน ซลิ ลา - - - - - ๒๔ ด.ช. อบั ดุลวารสี สะแม /// / 4 ๒๕ ด.ช. ตว่ นราฟาแอล ยามีลเู ด็ง /// / 4 ๒๖ ด.ญ. ฮาวา สอื แต - - - - - ลงชื่อ (นางบุษบา เจ๊ะเละ) ........../........../.............
ชอ่ื งานวจิ ัย การพัฒนาทกั ษะการอ่านและการเขยี นโดยใชก้ ิจกรรมศิลปะสรา้ งสรรค์และสื่อการเขียนของ นกั เรียนชั้นอนุบาลปที ่ี 3 ชื่อผู้วิจยั นางสุภาพร กเู ดรด์ าเกง็ หน่วยงาน โรงเรียนบ้านรูสะมแิ ล ปีทีว่ จิ ัย 2564 ความสำคญั และที่มาและความสำคัญ เดก็ อนบุ าลปีที่ 3 ช่วงอายรุ ะหว่าง 3 – 6 ปี ควรได้รับการส่งเสริมพัฒนาการทั้ง 4 ดา้ นไปพร้อมๆกัน คือ ด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา เพื่อเตรียมความพร้อมในการเรียนระดับสูงต่อไป การ อ่านและการเขียนสามารถจัดประสบการณ์ บูรณาการให้เด็กได้ ในกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ กิจกรรมเสริม ประสบการณ์ กจิ กรรมกลางแจ้ง กิจกรรมเสรแี ละกิจกรรมเกมการศกึ ษา ผ้วู ิจยั เหน็ ว่า การจดั กจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรค์ ทำใหเ้ ด็กได้รบั การพฒั นาความคิดสร้างสรรค์จากการ ทำกิจกรรมที่เดก็ ริเริ่มและครูริเริม่ สามารถส่งเสริมดา้ นการอ่านได้จากผลงานทางศิลปะ ซึ่งเป็นรูปธรรมและ การเขียนตัวหนังสือและนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ส่วนใหญ่มีปัญหาด้านการอ่านและการเขียน เช่น การออก เสยี งไมช่ ัดเจนและเขยี นตามรอยประไมค่ ่อยตรงรอย ซ่งึ การอา่ นออกเสียงและการเขียนดังกล่าว เปน็ พื้นฐาน ที่นักเรียนจะต้องเรียนรู้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องส่งเสริมจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้นักเรียนได้ฝึกฝน การอ่านและการเขียนอย่เู ปน็ ประจำ ดังนน้ั การจัดกจิ กรรมสรา้ งสรรค์ ยงั ช่วยฝกึ ทกั ษะการใช้กลา้ มเนื้อมัดเล็ก การประสานสัมพันธ์ ระหว่างมือกับตาจะสามารถ ช่วยให้ผู้เรียนมีกล้ามเน้ือมือที่แข็งแรง ส่งผลดีต่อการเขียน ภาพ เขียนสัญลกั ษณ์ ตัวหนงั สอื ตวั เลขไดด้ ี นอกจากนนั้ การจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์และสื่อชุดฝึกการ เขียนคำพื้นฐาน เป็นวิธีการหนึ่งที่มีความสำคัญและดึงดูดความสนใจของเด็กให้กลับมาอยากที่จะอ่านและ เขียนและยังเป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็กรู้สึกสนุกสนาน รักการอ่าน การเขียน เกิดทัศนคติที่ดีต่อการอ่าน การ เขยี นและสามารถนำไปใช้ในชวี ิตประจำวันได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือพฒั นาทักษะการอ่านและการเขยี นของเด็กนกั เรยี นชนั้ อนุบาลปีท่ี 3 2. เพอ่ื เปรียบเทียบคะแนนกอ่ นและหลังการใชก้ ิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์และส่ือชดุ ฝกึ การพฒั นา ทกั ษะการเขยี นบัญชคี ำพ้นื ฐานอนุบาล สมมุติฐาน เม่อื จดั กจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์และสื่อชุดฝกึ การพฒั นาทักษะการเขยี นแล้ว ความสามารถในทักษะ ดา้ นการอ่านและการเขียนกอ่ นและหลังมคี วามแตกตา่ งกนั
ขอบเขตการวจิ ัย 1. ประชากร /นกั เรยี นกล่มุ เปา้ หมาย นกั เรียนชาย – หญิง ชน้ั อนุบาลปที ่ี 3 โรงเรยี นบ้านรสู ะมิแล จำนวน 10 คน 2. เน้อื หาท่ีใช้ในการวจิ ยั ชดุ ฝกึ การพฒั นาทักษะการเขียนคำพื้นฐาน 3. ระยะเวลาที่ใชใ้ นการวิจัย ธันวาคม 2564 - มกราคม 2565 ตวั แปรทศ่ี กึ ษา ตวั แปรตน้ การใช้กิจกรรมศลิ ปะสร้างสรรค์และสอื่ ชดุ ฝึกการพฒั นาทักษะการเขยี นคำพ้ืนฐาน ตวั แปรตาม การอ่านและการเขียนของนักเรยี นชนั้ อนบุ าลปีท่ี 3 วิธดี ำเนินการวจิ ยั กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านรูสะมิแล จำนวน 10 คน ได้มาโดยการเลือกนักเรยี นทีอ่ ่านภาพจากงานศิลปะ แล้วออกเสียงได้ไม่ถูกต้องและเขียนไม่ได้โดยผู้วจิ ัยจะใช้ เครื่องมือในการทดลอง คือ ศิลปะสร้างสรรค์และสื่อการอ่าน แบบทดสอบการอ่าน การเขียน แบบประเมิน พฤติกรรมพัฒนาการการอ่าน การเขียน ก่อน – หลัง โดยนำไปทดลองใชเ้ ป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ ละ 2 คร้งั ครง้ั ละ 40 นาที รวม 16 ครัง้ แล้ว นำมาวเิ คราะห์ หาคา่ เฉล่ยี ( X ) คา่ ร้อยละ และนำมาเปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์กอ่ นและหลงั การจดั กจิ กรรมสรา้ งสรรคแ์ ละส่ือการอ่าน การเขยี น สว่ นนักเรียนท่ีไมไ่ ดท้ ำการทดลอง ผู้วจิ ัยจะจัดกจิ กรรม ใหก้ บั เดก็ คอื กจิ กรรมวาดภาพระบายสีตาม จนิ ตนาการ การเลา่ เร่อื งราวเก่ยี วกบั ภาพโดยจะใหเ้ ดก็ พดู เป็นประโยค เครื่องมือทีใ่ ชใ้ นการวจิ ยั 1. กจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์วาดภาพระบายสี 2. แบบทดสอบการอา่ น – การเขยี นกอ่ นและหลัง 3. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมพฒั นาการ การอ่าน การเขียน ก่อนและหลัง การรวบรวมขอ้ มลู การเก็บรวบรวมข้อมลู มขี ้นั ตอนในการดำเนินการดังน้ี 1. ดภู าพ บอกคำจากภาพ 2. ฝกึ อา่ นคำ 3. แจกชดุ ฝึกการอา่ น การเขียนบัญชีคำพน้ื ฐานอนุบาล 4. ชดุ ฝึกโยงคำกบั ภาพ 5. ชุดฝกึ เขยี นคำจากภาพ 6.
สรุปผลการวิจัย ผลการวิจัยพบว่า การใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์และสื่อการอ่าน การเขียนส่งผลให้นักเรียน ชน้ั อนุบาลปที ี่ 3 จำนวน 10 คน มีประสิทธิภาพในด้านการอ่านออกเสียงที่ถูกต้อง ชดั เจน การเขียนก็สามารถ บังคับกล้ามเนื้อมือในการเขียนให้ตรงตามเส้นประที่กำหนดและสามารถเขียนตัวหนังสือ พยัญชนะ ท่ี กำหนดใหไ้ ด้มากขน้ึ เพ่มิ สงู ข้นึ จากเดิม ถอื ว่าการเรียนการสอนจัดอยูใ่ นระดับคณุ ภาพทเี่ พิ่มขนึ้
วิจัยในชน้ั เรยี น ชื่อวจิ ัย : การใช้แบบฝกึ การอา่ นสะกดคาและแจกลูกแบบออนไลน์ เพ่อื พัฒนาความสามารถใน การอ่านออกของนักเรยี น ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรยี นบา้ นรูสะมิแล ผูท้ าการวิจัย : นางอรุณี วงศ์สรุ ยิ ะ สภาพปัญหา : ในการสอนด้านภาษา ไม่วา่ ภาษาใดก็ตาม ตอ้ งเน้นการสอนทักษะเบื้องต้น คือ การฟัง พดู อ่าน และเขยี น เพราะถอื ว่าทักษะทางภาษาดังกลา่ ว เป็นเคร่ืองมือทส่ี าคัญทสี่ ุดในการ ดารงชีวติ การจดั การเรยี นการสอนจงึ มุง่ ฝกึ ฝนให้นักเรยี นเกิดความคล่องแคล่วทั้ง 4 ด้าน เพอ่ื ช่วยให้ พัฒนาการทางภาษาของนักเรียนได้เพิ่มพนู ขนึ้ ตามวัย และวุฒิภาวะ โดยเฉพาะการอ่านภาษาไทยเป็นส่ิง สาคญั ในการวางรากฐานการเรียน โดยทัว่ ไปการที่จะให้นักเรยี นเกดิ ทักษะการอา่ น และสามารถอา่ นได้ ถกู ต้องคล่องแคล่วนัน้ จาเปน็ ตอ้ งอาศยั การฝึกฝนการอา่ นสะกดคา และแจกลกู ตั้งแต่ พยัญชนะ สระ คา และประโยค เพ่ือใหน้ ักเรียนสามารถอ่านหนังสือต่างๆได้ การฝึกทักษะจึงจาเปน็ ต้องอาศัยแบบฝึก เพอ่ื เป็นการทบทวนความเข้าใจและฝึกฝนส่ิงทยี่ ังบกพร่องอยู่ ใหพ้ ัฒนาข้นึ ตามความสามารถที่นักเรียน ควรจะทาได้ จากการจดั การเรยี นการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยในชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 พบวา่ นกั เรียนสว่ นใหญ่มปี ัญหาในเรอ่ื งการอ่าน สะกดคา และแจกลูก ครจู ึงมีความสนใจที่จะพัฒนา ประสบการณ์ทางภาษาใหก้ บั นกั เรยี นในเร่อื งการอ่าน สะกดคา และแจกลูก ใหเ้ ปน็ ไปตามเปา้ หมายที่ หลกั สตู รกาหนด สาเหตุ : เกิดจากนกั เรียนไมร่ ้จู ักพยัญชนะ สระ คาอ่านว่าอย่างไร นกั เรยี นเป็นกลมุ่ สองภาษา (ภาษาไทย+ภาษามาลายู ) ซ่งึ ใช้สอ่ื สารในชีวติ ประจาวัน นักเรียนขาดการฝึกทักษะทางภาษาอยา่ งสมา่ เสมอ ปญั หาการวจิ ัย : แบบฝกึ การอ่านสะกดคา และแจกลูกสามารถพฒั นาการอา่ นสะกดคา และแจกลูก ของนักเรยี นได้หรือไม่ และผลเป็นอยา่ งไร เป้าหมายการวิจยั : เพอื่ พฒั นาความสามารถในการอ่านสะกดคา และแจกลกู ของนักเรียน ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรียนบ้านรูสะมิแล
วิธีการวิจยั 1. กลุ่มตวั อย่างได้แก่ นกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี นบา้ นรูสะมิแล จานวน 5 คน ไดแ้ ก่ ที่ ชอื่ -นามสกลุ รู้พยัญชนะไทย รสู้ ระ หมายเหตุ มาก ปาน นอ้ ย มาก ปาน นอ้ ย ออกเสียงสองภาษา กลาง ออกเสียงสองภาษา กลาง ออกเสียงสองภาษา ออกเสียงสองภาษา 1 เดก็ หญิงอายูนี มาซามู ออกเสยี งสองภาษา 2 เดก็ หญงิ อัมญาดา เปาะแว 3 เด็กหญงิ นุรตสั นมี ขะมิโดย 4 เด็กหญิงนูรมี อาบูบากา 5 เด็กหญิงนูรซูฮัยฟามี เจะหลง 2. ตัวแปรท่ีศึกษา ตัวแปรตน้ แบบฝึกการอา่ นสะกดคา และแจกลูก ตัวแปรตาม ความสามารถในการอ่านของนักเรียนแต่ละคน 3. เครื่องมอื ที่ใช้ในการวจิ ัย ที่ เคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ นการวจิ ัย 1 แบบทดสอบวดั ความสามรถในการอ่านสะกดคา และแจกลูก 2 แบบฝึกการอา่ น สะกดคา และแจกลูก 3 แบบบันทึกการอ่านของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล
4. การเก็บรวบรวมข้อมูล - ทดสอบก่อนเรียนโดยใช้แบบทดสอบวัดความสามารถในการอา่ นสะกดคา และแจกลูก - ทดลองใช้แบบฝึกการอา่ นสะกดคา และแจกลูก ( เรม่ิ ตั้งแตว่ ันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 28 กมุ ภาพนั ธ์ 2565 ) สปั ดาหล์ ะ 1 ครัง้ ครง้ั ละ 1 ชั่วโมง รวมทง้ั ส้ิน 12 คร้ัง เป็นเวลา 3 เดอื น - ทดสอบหลงั เรียน โดยใช้แบบทดสอบวดั ความสามารถในการอา่ น สะกดคา การวเิ คราะหข์ ้อมลู - วเิ คราะหค์ ะแนนความสามารถในการอ่าน ด้วยคา่ สถิติพนื้ ฐาน ได้แก่คา่ มชั ณิมเลขคณิต - เปรียบเทียบความก้าวหนา้ ระหว่างก่อน และหลงั การใช้แบบฝึก ท่ี ช่ือ-นามสกลุ ก่อนใช้แบบฝึก หลงั ใช้แบบฝึก หมายเหตุ มาก ปาน น้อย มาก ปาน นอ้ ย ออกเสยี งสองภาษา กลาง ออกเสยี งสองภาษา กลาง ออกเสยี งสองภาษา ออกเสียงสองภาษา 1 เด็กหญงิ อายูนี มาซามู ออกเสยี งสองภาษา 2 เดก็ หญิงอัมญาดา เปาะแว 3 เดก็ หญิงนุรตสั นีม ขะมโิ ดย 4 เดก็ หญงิ นูรมี อาบูบากา 5 เดก็ หญงิ นูรซูฮัยฟามี เจะหลง สรุปผลการวิจัย: หลังจากได้ทดลองใชแ้ บบฝึกการอ่านสะกดคา และแจกลูกเพ่อื พัฒนา ความสามารถในการอา่ นของนักเรยี น ผลปรากฏวา่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 โรงเรยี นบ้านรูสะมิแล จานวน 5 คน มคี วามสามารถในการอ่านสะกดคาและแจกลูกไดส้ ูงข้นึ กวา่ เดิม ซ่งึ ช่วยในการพัฒนาการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย และกลุ่มสาระอ่ืนๆ ใน ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 ใหด้ ีข้ึนอีกด้วย ขอ้ เสนอแนะ : - นักเรียนท่ีมีข้อบกพร่องหรือความกา้ วหน้าชา้ ต้องให้เวลาการฝกึ ฝนเพิ่มขน้ึ - นักเรยี นควรได้รบั การส่งเสริม หรอื ไดร้ บั การพฒั นาความสามารถในการอา่ นอยา่ งตอ่ เนื่อง - บางช่วงเวลานักเรยี นไม่มีความพร้อมอนิ เตอรเ์ นต
ภาพผนวก
ช่ือเรือ่ ง การพฒั นาทักษะการอา่ นสะกดและจดจาคาศััพทคค าามมมายคาศััพทภค าษาอังกฤษโดยใช้ บตั รคารปู ภาพ (Flash card ) ของนักเรียนชัน้ ประถมศัึกษาปีที่ 2/1 ชือ่ ผู้าิจยั นางสาาชมฟา้ จนั ทาเิ ศัษ มนา่ ยงาน โรงเรยี นบา้ นรสู ะมิแล สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศักึ ษาปัตตานี เขต 1 ปที ่าี ิจัย ปกี ารศัึกษา 2564 1. ประาัติ / คาามเป็นมาและคาามสาคญั ของปญั มา ในโลกปจั จบุ นั ภาษาองั กฤษเป็นอกี ภาษาหน่ึงทมี่ ีความสาคัญ เป็นภาษาทป่ี ระชากรส่วนใหญ่ใน โลกใช้เพอ่ื การตดิ ต่อสือ่ สาร หรือทาการคา้ ระหว่างกัน หลายประเทศใชภ้ าษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ ซง่ึ สอดคล้องกับ (Fox News Point, 2018) ได้จดั อนั ดับ “10 อนั ดบั ภาษาทใ่ี ชพ้ ดู มากท่สี ดุ ในโลก” จงึ นบั ได้วา่ ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางภาษาหน่งึ ท่ถี ูกใช้เพ่ือการติดตอ่ สอื่ สารให้กับประชาคมโลก ดงั ทีก่ ฎบัตรสมาคม แห่งประชาชาตเิ อเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ได้กาหนดไวใ้ นข้อท่ี 34 ภาษาทีใ่ ชท้ างงานในอาเซียน คือ ภาษาองั กฤษ “working language” (กรมอาเซียน, กระทรวงการต่างประเทศ, 2558) ดังนน้ั ในการเรียนรภู้ าษาองั กฤษจึงมี ความสาคัญในชีวิตประจาวัน เพราะเปน็ อีกภาษาหน่ึงท่ีสาหรับการติดต่อสื่อ และแสวงหาความรู้ หลักสตู ร แกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ จึงมคี วามมงุ่ หวงั ให้ ผู้เรียนมเี จตคตทิ ่ีดตี ่อภาษาต่างประเทศ สามารถใชภ้ าษาต่างประเทศส่ือสารในสถานการณ์ตา่ ง ๆ แสวงหา ความรู้ ประกอบอาชพี และศึกษาต่อในระดบั ที่สูงขนึ้ (กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2551, หนา้ 221) จาก ความสาคัญดังทไี่ ด้กล่าวมานี้ ผูว้ จิ ัยเหน็ ว่าภาษาอังกฤษมคี วามสาคัญ ควรไดร้ ับการส่งเสริมและ พฒั นาใหน้ กั เรียนมที ักษะการใชภ้ าษาองั กฤษ โดยเฉพาะทักษะการอา่ นคา การเข้าใจ และความสามารถใน การจดจาความหมายคาศพั ท์ภาษาองั กฤษ ซ่ึงเปน็ พื้นฐานอันสาคญั ที่จะชว่ ยใหน้ กั เรียนสามารถค้นคว้า และ เพม่ิ ความรู้ต่างๆ ในอนาคต จากการสอนภาษาอังกฤษระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 ทผี่ ่านมา พบวา่ นกั เรียนสว่ นใหญ่ยังขาดทักษะ การอา่ นคา และจดจาความหมายของคาศพั ท์ภาษาอังกฤษได้ไมน่ าน ผวู้ ิจัยจึงได้หาวิธกี ารท่ีจะดาเนนิ การเพื่อ ช่วยเหลอื แก้ปญั หา และพฒั นาใหน้ กั เรียนได้เกิดทกั ษะการอ่านและจดจาความหมายคาศพั ทภ์ าษาอังกฤษ มากย่ิงขึน้
ดังนน้ั ในการพัฒนาและเพ่ิมเตมิ ทักษะอา่ นและจดจาความหมายของคาศัพท์ภาษาอังกฤษของนกั เรยี น ผู้วจิ ัยจึงเลอื กวิธีการสอนการอ่านและการจดจาความหมายคาศัพทภ์ าษาอังกฤษโดยใช้บัตรคารูปภาพ (Flash card) 1. าัตถปุ ระสงคกค าราจิ ยั เพ่อื เปรยี บเทยี บผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นก่อนเรยี นและหลังเรียนด้านทกั ษะการอา่ นสะกดคาและ จดจาคาศัพทภ์ าษาอังกฤษโดยใช้บัตรคารูปภาพ (Flash card) 2. ประชากร / กลุ่มตาั อย่าง กลุม่ ตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2/1 จานวน 18 คน ตัาแปรต้น คอื การสอนโดยใช้บตั รคารปู ภาพ ตัาแปรตาม คือ ความสามารถในอ่าน การจดจาความหมายคาศัพท์โดยการใช้บตั รคารูปภาพ 3. เครอ่ื งมือท่ีใช้ในการศัึกษา 3.1 แบบฝึกทกั ษะคาศัพท์ภาษาองั กฤษ 3.2 บัตรคา รูปภาพ 3.3 แผนการจดั การเรียนรู้ 3.4 แบบทดสอบผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนคาศัพทภ์ าษาองั กฤษ ใช้วดั ผลก่อนเรียนและหลังเรียน 4 าธิ ดี าเนนิ การ 4.1 ศกึ ษาหลักสตู รการศึกษาขน้ั พื้นฐาน / หลักสตู รสถานศกึ ษา 4.2 ศึกษาแนวคิด ทฤษฏี ตาราเก่ียวกับการสอนอา่ นและการจดจาความหมายคาศัพท์ ภาษาอังกฤษโดยใช้บัตรคารปู ภาพ รปู ภาพ (Flash card) 4.3 วเิ คราะหห์ ลักสตู รและจดั ทาแผนการจดั การเรยี นรู้ 4.4 ทดสอบก่อนเรียน การอ่านคาและบอกความหมายคาศัพท์ภาษาอังกฤษ และตรวจให้คะแนน 4.5 ดาเนนิ การสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ 4.6 ทดสอบหลังเรียนและตรวจให้คะแนน 4.7 วเิ คราะหผ์ ลขอ้ มลู หาคา่ เฉลี่ย และร้อยละ ของคะแนนก่อนเรียน หลังเรียน 5 สรปุ ผลการาจิ ัย
การทดลองในครั้งนี้ ผลท่ีไดส้ อดคล้องกบั วัตถุประสงค์ทต่ี ั้งไว้ กลา่ ววา่ “เพอื่ เปรยี บเทียบ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนก่อนเรียนและหลังเรยี นดา้ นทักษะการอา่ นสะกดคาและจดจาคาศัพท์ ภาษาอังกฤษโดยใชบ้ ัตรคารูปภาพ (Flash card) ผลปรากฏว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ นกั เรียนหลงั เรยี นสูงกว่าก่อนเรยี น โดยมีคะแนนเฉล่ียกอ่ นเรียน 41.11 และ หลงั เรยี น 76.67 ซง่ึ คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน สงู กว่าท่ีต้ังไว้ (ร้อยละ 70) 6 ข้อเสนอแนะการนาไปใช้ การฝกึ ฝนจดจาความหมายคาศัพทโ์ ดยใช้ (Flash card) เป็นสื่อการเรียนการสอนสามารถ ชว่ ยให้นักเรยี นพัฒนาทักษะการอา่ นภาษาอังกฤษและจดจาความหมายของคาได้ดีขึ้น ดังน้ันจงึ ควร นาการใช้บตั รคารูปภาพเปน็ ส่ือการเรยี นการสอนไปใช้กับนักเรยี นท่ีมีปัญหาการอ่านและจดจา คาศัพท์ภาษาองั กฤษในระดบั อื่น เพื่อชว่ ยเหลอื ให้นกั เรียนในการพฒั นาและเพ่มิ ทักษะการอา่ นและ จดจาคาได้ง่ายข้ึน นอกจากนี้ควรนาไปพฒั นาและปรับใช้ร่วมกบั คอมพิวเตอร์เพอื่ ใหเ้ ปน็ ส่ือการ เรียนการสอนในรูปแบบมัลติมเี ดียเพ่ือใช้ในการเรียนการสอนทัง้ วชิ าภาษาอังกฤษและวิชาอ่ืนดว้ ยใน โอกาสต่อไป
เอกสารอา้ งอิง พรสวรรค์ สิปอ้ .(2550). สุดยอดาธิ สี อนภาษาอังกฤษนาไปส่กู ารจัดการเรียนร้ขู องครูยุคใมม่ กรุงเทพฯ อักษรเจรญิ ทัศน์ ธนติ า วัชรพชิ ิตชัย.(2555). “การเปรยี บเทียบผลสัมฤทธ์แิ ละความคงทนในการเรยี นรู้คาศพั ทภ์ าษาองั กฤษ ดว้ ยการสอนแบบใช้เกมและบัตรคาศัพท์”. (วิทยานิพนธป์ ริญญาครศุ าสตร์มหาบัณฑติ .มหาวิทยาลยั ราชภัฎราไพพรรณี). นติ ยา สุวรรณศรี.(2539). เพลงและเกมประกอบการเรียนการสอนภาษาองั กฤษ. (พิมพ์ครง้ั ท่ี 4) กรงุ เทพฯ : ตน้ ออ้ บรมัตถ์ จนั ทพันธ์.(2559). “ การเปรยี บเทียบผลการเรียนรวู้ ิชาภาษาองั กฤษของนักเรียนช้นั ประถมศึกษา ปที ่ี 1 โดยการสอนโดยใช้บทเพลงและการสอนแบบปกติ ”. (สารนิพนธ์ปรญิ ญามหาบัณฑติ , มหาวิทยาลัยรามคาแหง)
ชือ่ เร่ือง การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอาหรับ โดยใช้ชุดฝึกดุอาอฺในชีวิตประจำวัน ของนักเรียน ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 ผ้วู จิ ัย นางสาวซารูนี ลาเต๊ะ หนว่ ยงาน โรงเรยี นบ้านรูสะมิแล สำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษาปตั ตานี เขต 1 ปที ่ีวิจัย 2564 ความสำคัญ/หลกั การ/แนวคดิ ภาษาเป็นเครื่องมือส่ือความคิดและความเข้าใจที่มนุษย์ติดต่อสื่อสารกันและกัน ชนชาติหนึ่งๆอาจมี ภาษาเดียวหรือหลายภาษาได้ แต่ละคนแต่ละชาติต่างก็ใช้ภาษาในการสื่อความหมาย ภาษาพูดและภาษาเขียน เป็นการถ่ายทอดความคดิ ความรู้สกึ และความเข้าใจเพ่ือส่ือความหมายใหผ้ ู้อื่นเข้าใจ ดังนั้นการจัดกจิ กรรม การ เรยี นการสอนนอกจากจะต้องคํานึงถึงความถูกตอ้ งในการถ่ายทอดความคิด การสอ่ื สารและยังตระหนักถึงหลักสูตร ที่ต้องการให้ผู้เรียนสามารถอ่านภาษาอาหรับ ดุอาอฺซึ่งเป็นภาษาที่ใช้สําหรับการใช้ในชีวิตประจําวัน การทําอิบา ดะห์และยังเป็นการพัฒนาการเรียนรู้ การติดต่อสื่อสาร การแสวงหาความรู้ ในวิชาต่างๆลึกซ้ึงได้ อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ การอ่านภาษาอาหรบั โดยใช้ชุดฝกึ ดอุ าอใฺ นชีวิตประจำวนั มีความสาํ คัญท่ีจําเป็นต้องเสริมสร้างและ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ในการเรียนทางด้านทักษะการอ่าน การออกเสียง และการเขียนให้เกิดประสิทธิภาพ เพราะการ อ่านภาษาอาหรับ โดยใช้ชุดฝึกดุอาอฺในชีวิตประจำวัน เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาของนักเรียนช้ัน ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 นกั เรยี นไมส่ ามารถอา่ นภาษาอาหรับได้ คอ่ นข้างอ่านได้บา้ งไม่ไดบ้ ้าง ออกเสียงไมค่ อ่ ยถูก และ เขียนไม่ค่อยได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่จะต้องแก้ไขเพื่อให้นักเรียนสามารถอ่านได้ เขียนได้ และ ออกเสียงถูกต้อง เพราะ ภาษาอาหรับเป็นภาษาทีต่ อ้ งใช้ในการดําเนินชีวติ ประจาํ วันในแต่ละวนั เช่น การละหมาด 5 เวลา อ่านอัลกรุอ่าน อ่านดุอาอฺ และอื่นๆ ซึ่งถ้านักเรียนอ่านภาษาอาหรับไม่ได้ สะกดไม่ถูก นักเรียนจะอ่านซูเราะฮในละหมาดไม่ถูก สาเหตุทน่ี ักเรยี นอ่านไม่ได้ เพราะวา่ พนื้ ฐานในการเรยี นฟรั ดูอนี ยงั ไม่แนน่ หรอื ผู้ปกครองบางคนไม่ให้ความสําคัญ ไมเ่ นน้ และใหค้ วามสนใจในเรอ่ื งศาสนา จากสถานการณ์ปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของเชือ้ ไวรสั โคโรนา (COVID -19 ) ทำให้การจัดการเรียน การสอนในรูปแบบออนไลน์ ทำให้นักเรียนมีปัญหาในการเรียนแบบออนไลน์ ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ขาดอุปกรณ์การสื่อสารในการเรียน บางคนไม่สามารถเข้าเรียนได้เนื่องจากผู้ปกครองไปทำงาน จากการ สังเกตของครูผู้สอนวิชาอิสลามศกึ ษาในระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียนบ้านรูสะมิแล สำนักงานเขตพืน้ ที่ การศกึ ษาประถมศึกษาปตั ตานี เขต 1 ทำให้นกั เรยี นอา่ นไม่ได้ สระกดไม่ได้ ออกเสียงไมช่ ัด เขียนไมไ่ ด้ ซึ่งเป็น ปัญหาใหญ่ในเรือ่ งอสิ ลาม ซ่งึ ครูผสู้ อนจึงศึกษาและสร้างแบบฝึกทักษะพัฒนาใหน้ ักเรยี นอ่านไดเ้ ขียนได้ ออกเสียง ถูกต้อง ขน้ึ มาเพอ่ื ให้นักเรียนช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 1 ไดฝ้ ึกทกั ษะการอา่ นภาษาอาหรับ ดอุ าอใฺ นชวี ติ ประจำวัน ซึ่ง เมื่ออ่านได้ ออกเสียงชัดเจน สิ่งที่ตามมา คือเขียนภาษาอาหรับได้ การจัดการเรียนการสอน ผู้สอนมีจุดมุ่งหมาย เพื่อพัฒนาให้นักเรียนเกิดทักษะ อ่าน เขียน ฟัง และ ออกเสียงชัดเจน โดยเฉพาะทักษะการอ่านเป็นทักษะที่มี ความสําคัญในชีวติ ประจําวนั ที่นักเรยี นต้องใช้ในการดํารงชีวิตในอิสลาม จึงทำให้มีการจัดทำวิจัยในชั้นเรียนเรื่อง การพฒั นาทักษะการอา่ นภาษาอาหรบั โดยใช้ชุดฝกึ การอา่ นดอุ าอใฺ นชวี ติ ประจำวัน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ท่ี 1 ขึ้น
วัตถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ ใหน้ ักเรียนมีความสามารถในการอา่ นภาษาอาหรบั 2. เพือ่ ให้นักเรยี นมกี ารออกเสียงภาษาอาหรับได้ถกู ต้อง 3. เพือ่ ให้นกั เรียนสามารถอา่ นดุอาอฺในชวี ติ ประจำวนั ไดถ้ ูกตอ้ ง 3. เพื่อให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านรูสะมิแล สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาปตั ตานี เขต 1 มีผลสมั ฤทธท์ิ างการอ่านภาษาอาหรบั สงู ขึ้น ขอบเขตการวิจยั นักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 ประจำปกี ารศึกษา 2564 โรงเรยี นบ้านรสู ะมิแล จำนวน 22 คน ตวั แปรท่ีศึกษา ไดแ้ ก่ ชุดฝกึ ดอุ าอฺในชีวติ ประจำวนั จำนวน 3 ชดุ ตวั แปรตน้ ไดแ้ ก่ ความสามารถในการอ่านภาษาอาหรบั ตัวแปรตาม เคร่ืองมอื ในการวจิ ัย 1. ชุดฝึกดอุ าอฺในชีวิตประจำวนั จำนวน 3 ชดุ ระยะเวลาดำเนนิ การ ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 วิธดี ำเนนิ การ 1. ศึกษาสภาพปญั หาและวิเคราะหแ์ นวทางการแก้ปัญหา 2. เลอื กกลุ่มเป้าหมายนักเรียนชน้ั ป.1 จำนวน 22 คน 3. ทดสอบความสามารถในการอ่านภาษาอาหรบั โดยใชช้ ดุ ฝกึ ดอุ าอฺในชีวิตประจำวนั ชุดที่ 1-3 4. ทดสอบความสามารถในการท่องภาษาอาหรับ โดยใช้ชุดฝกึ ดุอาอฺในชวี ติ ประจำวนั ชดุ ที่ 1-3 5. วดั ความสามารถในการอ่านภาษาอาหรบั โดยใชช้ ุดฝกึ ดุอาอใฺ นชีวติ ประจำวนั ชุดที่ 1-3 6. วัดความสามารถในการท่องภาษาอาหรบั โดยใช้ชดุ ฝึกดุอาอใฺ นชีวติ ประจำวนั ชดุ ที่ 1-3 7. เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 8. สรปุ และวิเคราะหผ์ ลการวิจยั สรุปผลการวจิ ัย ผู้วิจัยได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลของนักเรียนจำนวน 22 คน จากการอ่านภาษาอาหรับ โดยใช้ชุดฝกึ ดอุ าอฺในชีวติ ประจำวนั มจี ำนวนทงั้ หมด 3 ชดุ จากการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ก่อนใช้ชุดฝึกดุอาอฺในชีวิตประจำวัน นักเรียนอ่านดุอาอฺคำกล่าว – รับสลาม ดุอาอฺก่อนนอน – ตื่นนอน และดุอาอฺก่อน – หลังรับประทานอาหาร นักเรียนอ่านได้ 48.18 % จากร้อยละ 100
และท่องดุอาอฺคำกล่าว – รับสลาม ดุอาอฺก่อนนอน – ตื่นนอน และดุอาอฺก่อน – หลังรับประทานอาหาร ครั้งท่ี 1 ได้ 41.82 % จากรอ้ ยละ 100 และเม่อื นกั เรียนไดฝ้ ึกทกั ษะครง้ั ท่ี 1 นักเรยี นมกี ารเปลย่ี นแปลง โดยท่ี ครั้งที่ 1 อ่านดุอาอฺคำกล่าว – รับสลาม ดุอาอฺก่อนนอน – ตื่นนอน และดุอาอฺก่อน – หลังรับประทาน อาหาร นักเรยี นอ่านได้ 73.64 % จากร้อยละ 100 และทอ่ งดุอาอคฺ ำกล่าว – รับสลาม ดุอาอฺกอ่ นนอน – ต่ืนนอน และดอุ าอฺกอ่ น – หลงั รบั ประทานอาหาร ครั้งท่ี 1 นักเรียนทอ่ งได้ 58.18 % จากร้อยละ 100 ครั้งท่ี 2 อ่านดุอาอฺคำกล่าว – รับสลาม ดุอาอฺก่อนนอน – ตื่นนอน และดุอาอฺก่อน – หลังรับประทาน อาหาร นักเรียนอ่านได้ 80.00 % จากร้อละ 100 ท่องดุอาอฺดุอาอฺคำกล่าว – รับสลาม ดุอาอฺก่อนนอน – ตื่นนอน และดอุ าอฺก่อน – หลงั รบั ประทานอาหาร คร้ังท่ี 2 นักเรียนท่องได้ 78.18 % จากรอ้ ยละ 100 และครั้งที่ 3 อ่านดุอาอฺดุอาอฺคำกล่าว – รับสลาม ดุอาอฺก่อนนอน – ตื่นนอน และดุอาอฺก่อน – หลัง รับประทานอาหาร นักเรยี นอา่ นได้ 95.45 % จากร้อยละ 100 และทอ่ งดุอาอดฺ อุ าอคฺ ำกล่าว – รบั สลาม ดอุ าอกฺ อ่ น นอน – ตืน่ นอน และดอุ าอกฺ ่อน – หลงั รบั ประทานอาหาร ครั้งท่ี 3 นักเรยี นทอ่ งได้ 90.91% จากร้อยละ 100 จึงสรุปได้ว่านักเรียนเมื่อมีกิจกรรมมากระตุ้นจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งแบบฝึกทักษะนี้สามารถที่จะ นำไปใช้กับหลายๆวิชาได้ และเมื่อนักเรียนสอบ นักเรียนสามารถที่จะทำข้อสอบได้คะแนนสูงกว่าเดิม ซึ่งถือว่า นักเรียนผ่านผลสมั ฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอาหรับ เขยี นได้และ ออกเสียงได้ถูกต้อง ข้อเสนอแนะ ผ้วู ิจยั ขอเสนอแนะแนวทางเพ่ือนำข้อค้นพบในการวจิ ยั ไปใช้ในการพฒั นาการเรียนการสอนคอื 1. ครคู วรหาวิธีสรา้ งความสนใจให้กับวิชาศาสนาเพอื่ ใหผ้ เู้ รียนมีความรกั และสนุกสนานในการเรียน 2. ครคู วรใชจ้ ิตวทิ ยาในการโน้มนา้ วจติ ใจใหน้ กั เรียนให้ความรว่ มมือในการมวี นิ ยั ในตนเองด้านวินัยใน หอ้ งเรียนรวมทงั้ เหน็ คณุ ค่าของผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น ข้อเสนอแนะในการทำวจิ ัยครั้งตอ่ ไป 1. การวจิ ยั ครั้งต่อไปควรศกึ ษาส่อื การสอนให้น่าสนใจเพอ่ื ให้วชิ านี้เปน็ วิชาทเ่ี ด็กอยากเรียนมาก 2. การวิจยั ครง้ั ตอ่ ไปควรศึกษาปัจจัยทมี่ ผี ลตอ่ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน
ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล ผ้วู จิ ัยจะนำเสนอผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ทไ่ี ดเ้ ก็บรวบรวมข้อมูลจากนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2/2564 โรงเรียนบ้านรูสะมิแล สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานีเขต 1 ตามแนวทางการศึกษาการฝึกทกั ษะการอ่านภาษาอาหรับ โดยใชช้ ุดฝึกดุอาอใฺ นชีวิตประจำวัน ตารางท่ี 1 ผลคะแนนจากการฝกึ ทักษะอ่านภาษาอาหรบั โดยใช้ชุดฝึกดุอาอใฺ นชวี ติ ประจำวนั ลำดบั ชื่อ – สกลุ อา่ น ท่อง อ่านดอุ าอฺ ทอ่ งดอุ าอฺ อ่านดุอาอฺ ท่องดอุ าอฺ อา่ นดอุ าอฺ ทอ่ งดอุ าอฺ ครงั้ ที่ 3 ครัง้ ที่ 3 ดุอาอฺ ดอุ าอฺ คร้งั ที่ 1 คร้งั ท่ี 1 ครัง้ ที่ 2 ครั้งที่ 2 ก่อนใช้ ก่อนใช้ 1 ด.ช.มฮู ำหมดั ไฟศอล สาและ 1 1 3 2 4 3 4 4 2 เดก็ ชายนูรมาน ยโู ซะ 22 4 3 4 455 3 เดก็ หญิงโซเฟียนี ซีรอมัน 32 4 3 4 4 5 4 4 เดก็ หญงิ นรู ฮายาตี บากา 33 5 2 4 4 5 5 5 ด.ช.มฮู ำหมัดรอมฎอน สาและ 2 2 4 3 4 4 4 5 6 เดก็ หญิงนุรซาฟีร่า อมู า 12 3 3 4 354 7 เดก็ หญงิ อายูนี มะซาบู 32 4 2 4 455 8 เดก็ หญิงอัมญาดา เปาะแว 32 5 3 4 4 5 5 9 เด็กชายนิฟาเดล ลาเต๊ะ 23 3 4 4 455 10 ด.ช.มฮู มั มัดไฟศอล เจะดาโอะ 3 3 4 4 4 5 5 4 11 เด็กชายฮากมี นี อปี ง 21 3 2 4 4 5 4 12 เดก็ ชายมูฮำหมดั ไซฟู บากา 33 4 4 4 4 5 5 13 เด็กหญิงนรู อยั รนิ เจะยอ 31 4 2 4 4 5 4 14 เดก็ หญงิ นุรตสั นมี ขะมิโดย 31 4 3 4 4 5 5 15 เดก็ ชายอารีฟีน บอื ราเฮง 32 4 3 4 4 5 5 16 เดก็ ชายอัสตณิ แวหามะ 33 5 3 4 455 17 เด็กหญิงนรู มี อาบูบากา 33 5 3 4 455 18 เด็กหญงิ นรู ฮานฟี า มะแอ 21 3 2 4 4 4 5 19 เด็กหญงิ นรู ฟริ ดาวส์ เจะแม 21 2 2 4 4 4 4 20 เด็กชายอลิ ยาส สมแี ล 22 2 3 4 3 5 4 21 เด็กชายฟิกรี สาแลแม 23 3 4 4 4 5 4 22 เด็กหญิงนูรซูฮัยฟามี เจะหลง 2 3 3 4 4 4 4 4 รวม 53 46 81 64 88 86 105 100 ร้อยละ 48.18 41.82 73.64 58.18 80.00 78.18 95.45 90.91
จากตารางคะแนนแบบฝกึ ทักษะ จากตารางจะเหน็ วา่ นกั เรียนมีการเปลีย่ นแปลงจากกอ่ นใช้แบบฝึกทกั ษะคะแนนตํ่ามากแต่พอใชแ้ บบฝกึ ทักษะ 3 ครั้งนักเรียนมกี ารเปล่ยี นแปลงเห็นไดช้ ัด โดยคิดเป็นรอ้ ยละ100 ซง่ึ นกั เรียนมีการกระตือรือรน้ ในการ พฒั นาตนเองใหม้ ีความขยันในการอา่ นภาษาอาหรับ ของชุดฝกึ ดุอาอใฺ นชวี ติ ประจำวนั สรุปเป็นตารางดังนี้ อา่ นดุอาอฺ ท่องดอุ าอฺ อา่ นดุอาอฺ ทอ่ งดุอาอฺ อ่านดอุ าอฺ ท่องดอุ าอฺ คร้ังที่ 1 ครง้ั ท่ี 1 ครง้ั ที่ 2 คร้งั ท่ี 2 คร้ังที่ 3 ครง้ั ที่ 3 อ่านดุอาอฺ ทอ่ งดอุ าอฺ ก่อนใช้ กอ่ นใช้ 48.18% 41.82% 73.64% 58.18% 80.00% 78.18% 95.45% 90.91%
ชดุ ฝึกท่ี 1
ชดุ ฝึกท่ี 2
ชดุ ฝึกท่ี 3
ชื่องานวิจัย การพัฒนาทักษะการอ่านและเขยี นสะกดคำพื้นฐาน โดยใชส้ อื่ การเรียนรผู้ สม Interactive Multimedia ของนักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 2/1 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี น บา้ นรูสะมแิ ล ชื่อผู้วจิ ัย นางซลั มา หมี อะด้ำ หนว่ ยงาน โรงเรียนบา้ นรูสะมแิ ล ปที ว่ี ิจัย 2564 ความสำคญั และที่มาของปัญหา จากสภาพปัญหาการจัดการเรยี นรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนรายวิชาภาษาไทย พบว่า มี นักเรียนที่มีปัญหาด้านการออกเสียงพยัญชนะ การสับสนเสียงอักษรสูง-อักษรต่ำ ในด้านการเขยี นวรรณยกุ ต์ การ สบั สนระหวา่ งสระเสียงสั้น-ยาว การสบั สนสระเปลย่ี นรปู -ลดรูป และสระประสมทม่ี สี ่วนประกอบของรปู สระหลาย ส่วน ซึ่งมีความคล้ายคลึงกัน และมีความยากต่อการจดจำ ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์การวัด และประเมินผลที่กำหนด ครูผู้สอนจึงนำสื่อการเรียนรู้ผสม Interactive Multimedia มาพัฒนาทักษะด้านการ อ่านและเขียนสะกดคำ โดยเน้นคำพื้นฐานในระดับชั้นเรียนประถมศึกษาปีที่ 2 เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและ เขียน ซง่ึ จะส่งผลให้ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นใหส้ ูงขึ้น และเพอ่ื ตอ่ ยอดการเรียนรูใ้ นรายวิชาอื่นๆ ต่อไป วัตถปุ ระสงค์ของการวิจยั 1. เพื่อพฒั นาทักษะการอา่ นและเขียนสะกดคำพ้นื ฐาน ของนักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 2/1 2. เพอ่ื ศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น เร่ือง การอ่านและการเขียนคำมาตราตัวสะกดกอ่ นและหลงั การ จัดการเรยี นรู้ ด้วยใชส้ อื่ การเรยี นรผู้ สม Inteactive Multimedia สำหรับนักเรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 2/1 ขอบเขตการวจิ ัย 1. ประชากร/กล่มุ ตวั อยา่ ง คือนักเรียนชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 2/1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนบ้านรสู ะมแิ ล จำนวน 18 คน 2. เนื้อหาทใี่ ชใ้ นการวจิ ัย เรือ่ ง คำพื้นฐาน วชิ าภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 2 ตามมาตราตัวสะกด 3. ระยะเวลาที่ใช้ในการวิจยั ธันวาคม 2564 - มกราคม 2565 ตัวแปรท่ีศึกษา ตวั แปรตน้ คอื วธิ ีการสอนโดยใช้การเรยี นรู้ผสม Inteactive Multimedia ตวั แปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการอา่ นและเขียนคำพ้ืนฐาน วิธีการดำเนินการวิจัย 1. ศึกษาหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เพือ่ ออกแบบหน่วยการเรียนรทู้ ี่สอดคล้องกับมาตรฐาน และตัวชี้วดั 2. ศึกษาการจดั การเรยี นรตู้ ามหลกั การพัฒนาทักษะการอ่านและเขยี นสะกดคำ
3. จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ Active learning ตามหลักการพัฒนาทักษะการอ่าน และเขยี นสะกดคำ โดยใช้สื่อการเรยี นรูผ้ สม Interactive Multimedia มาออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน 4. จดั ทำส่ือและนวัตกรรมตามท่ไี ดอ้ อกแบบไว้ 5. จัดการเรียนการสอนตามทักษะการอ่านและเขียนสะกดคำ โดยใช้สื่อการเรียนรู้ผสม Interactive Multimedia 6. พฒั นาสอ่ื และนวัตกรรมใหม้ คี วามน่าสนใจ เขา้ ใจง่าย และนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ดว้ ยตนเอง 7. ประเมินผลการอา่ นและเขียนสะกดคำของผู้เรียน 8. นำผลสะท้อนในการใชส้ ื่อและนวัตกรรม บนั ทกึ ขอ้ มลู ในระบบสารสนเทศผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนเพ่ือ ประเมนิ การเรยี นรู้ นำขอ้ มลู ทีไ่ ดพ้ ัฒนาผลการเรียนรใู้ ห้ผเู้ รียนบรรลุตาม วตั ถปุ ระสงค์ท่ีตั้งไว้ เครอ่ื งมอื ในการวจิ ยั 1. แบบฝึกทักษะการอา่ นและเขียนสะกดคำพน้ื ฐานภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 จากชุดส่อื การ เรยี นรู้ผสม Interactive Multimedia 2. แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างดา้ นการอ่านและการเขียนสะกดคำพนื้ ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 การรวบรวมข้อมูล การเกบ็ รวบรวมข้อมลู มีขั้นตอนในการดำเนนิ การดังนี้ 1. ทดสอบก่อนเรยี น (Pre-test) ด้วยแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนเร่อื ง การอา่ นและเขยี น สะกดคำพืน้ ฐานภาษาไทย 2. ดำเนนิ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ ระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนการ สอนได้บันทึกคะแนนการทำกิจกรรมและการทำแบบฝึกทักษะไวท้ ุก 3. ทดสอบหลังเรียน (Post-test) การวิเคราะห์ขอ้ มลู ข้อมูลที่รวบรวมได้จากแบบทดสอบอ่านคำพื้นฐานก่อนเรียนและหลังเรียน นำมาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) แลว้ เปรียบเทยี บคะแนนความกา้ วหน้าของนักเรียนแตล่ ะคน ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล จากการวิจยั พบว่า นักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 2/1 โรงเรียนบา้ นรูสะมิแล ทั้งหมดรวม 18 คน มี การทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน แล้วจึงดำเนินการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อการเรียนรู้ผสม Interactive Multimedia ฝกึ ทกั ษะการอ่านและการเขยี นคำมาตราตัวสะกด สำหรับนกั เรียนช้ันประถมศึกษาปี ที่ 2/1 หลังจากนั้นจึงทำการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียน แล้วจึงนำผลมาเก็บรวบรวม ข้อมูลก่อนเรียนและ หลังเรยี นทร่ี วบรวมได้จากเครือ่ งมือที่ผวู้ ิจัยสร้างขนึ้ มาจำแนกผลการเรียนรู้ ดังน้ี สรปุ ไดว้ า่ นกั เรยี นทง้ั 18 คน มีความก้าวหน้าในการจัดการเรียนรู้ทกั ษะการอา่ นและการเขียนสะกดคำ พน้ื ฐาน
โดยใช้ส่อื การเรยี นร้ผู สม Interactive Multimedia ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ่ี 2/1 ประกอบการเรยี นรู้ นกั เรยี นมีคะแนนเฉลี่ยความสามารถในทักษะการอา่ นและการเขยี นสะกดคำพ้นื ฐานภาษาไทย จากการ ทดสอบก่อนเรยี น เทา่ กบั 9.11 คดิ เปน็ ร้อยละ 45.56 ทดสอบหลังเรยี น เท่ากบั 14.78 คิดเป็นร้อยละ 73.89 แสดงให้เห็นว่านักเรียนมีความก้าวหนา้ ในการอ่านและเขียนสะกดคำพื้นฐานภาษาไทยสูงข้ึน สรุปผลการวิจัย การพัฒนาทักษะการอ่านและการเขยี นสะกดคำพื้นฐาน โดยใชส้ อ่ื การเรียนรผู้ สม Interactive Multimedia ของนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 2/1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนบา้ นรสู ะมแิ ล พบวา่ นกั เรียนมีผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นหลังเรียนสงู กว่าก่อนเรียน อภิปรายผล 1. นกั เรียนมคี วามสามารถในการอ่านและการเขยี นสะกดคำพนื้ ฐานภาษาไทยดขี ึ้น 2. นักเรียนอ่านและเขยี นคำพ้ืนฐานในภาษาไทยได้ถกู ต้องมากขนึ้ 3. นักเรียนสามารถพัฒนาทักษะด้านการอ่านและการเขียนสะกดคำได้ดีขึ้น และสามารถนำไปใช้ใน ชีวติ ประจำวันได้ ตารางแสดงผลการทดสอบก่อนและหลังการใช้สื่อการเรียนรู้ผสม Interactive Multimedia ของนักเรียนช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 2/1 จำนวนนักเรยี น ระดบั คณุ ภาพ กอ่ นใชส้ ือ่ ผลการทดสอบ ร้อยละ ทัง้ หมด 1 ร้อยละ หลังใชส้ ่ือ 33.33 ดมี าก 5 5.55 6 33.33 18 ดี 3 27.78 6 16.67 พอใช้ 9 16.67 3 16.67 ปรับปรงุ 50.00 3 ขอ้ เสนอแนะ 1. ในการปฏบิ ตั ิแต่ละครั้งควรมีการยืดหยนุ่ เวลา เพราะนักเรียนแตล่ ะคนมศี ักยภาพในการเรยี นรู้ ต่างกนั 2. การใชส้ อ่ื ในการจัดการเรียนการสอนอยา่ งสม่ำเสมอจะทำใหน้ ักเรียนมพี ฒั นาการอา่ นทดี่ ีขนึ้
แบบบันทึกคะแนนการเรียนการสอนโดยใช้ส่ือการเรยี นรผู้ สม Interactive Multimedia ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 2/1 ปีการศึกษา 2564 ท่ี ชอื่ ผลคะแนนการทดสอบ ผลตา่ ง 1 เด็กชายมูฮำหมัดฟิตรี อามะ กอ่ นเรยี น (20) หลังเรียน (20) +5 2 เดก็ หญิงฮาดีบะห์ อมุ าร +9 3 เด็กชายมูฮำหมัดบูคอรี เจะ๊ โซะ 6 11 +7 4 เด็กชายอับดลุ เลาะ สาและ 11 20 +10 5 เด็กหญิงลาตีฟะห์ แวดอเลาะ 10 17 +3 6 เด็กหญงิ นุรฟาตีฮะห์ มะ 12 22 +3 7 เด็กชายมฮู ัมหมัดอันวา มะหะ 15 18 +5 8 เด็กหญิงอัสมะห์ บาฮะ 14 17 +5 9 เดก็ หญิงนูรซี า กโู น 27 +4 10 เดก็ หญงิ นรู ฮมั ซะห์ สะนิ 38 +4 11 เดก็ หญงิ นสิ รีน มซู อ 48 +3 12 เดก็ ชายอมิ รอน อาแว 37 +5 13 เด็กชายมูฮาหมดั ซาฟติ ย์ สนิ 17 20 +7 14 เด็กชายอบั ดลุ มูฮัยมนี มะสาแม 13 18 +7 15 เด็กชายซาฟริ ตาเหร์ 4 11 +13 16 เด็กชายซกู ิฟรี เจะหลง 6 13 +3 17 เดก็ หญิงนรุ อมี าน ฮามะ 4 17 +4 18 เด็กหญิงนูรลุ ญันนะฮ์ อาลี 11 14 +5 16 20 รวม 13 18 ร้อยละ 164 266 45.56 73.89
ชอื่ งานวจิ ยั การสง่ เสริมทกั ษะการอา่ นคำโดยใชช้ ุดฝกึ ทักษะการอ่านบัญชคี ำพื้นฐานภาษาไทย ของนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 2/2 ชอื่ ผวู้ จิ ยั ครเู กลยี วขวญั บุญพรหม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ความสำคญั และทมี่ า ภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาตไิ ทยทจี่ ำเป็นในการสื่อสารของมนุษย์ การสอ่ื สารของมนุษย์ใชท้ ักษะท่ี สำคญั หลายทกั ษะ เช่น ฟัง พดู อา่ น เขียน ดว้ ยความสำคญั ดงั กล่าว หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ได้ กำหนดใหภ้ าษาไทยเปน็ ทักษะทีต่ ้องฝึกฝนจนเกิดความชำนาญในการใชภ้ าษาเพ่ือการ ส่ือสาร การ เรยี นรอู้ ย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อนำไปใช้ในชีวติ จริง กระทรวงศึกษาธกิ าร (2551 : 37) ดงั น้นั เด็กไทยทกุ คนควรเรียนรแู้ ละใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกตอ้ งทกุ โอกาส ซงึ่ การเรยี นการสอน ภาษาไทยเป็นทักษะที่ตอ้ งฝึกฝนจนเกดิ ความชำนาญ ในการใชภ้ าษาเพือ่ การสอื่ สาร การอา่ นและการฟัง เป็น ทักษะของการรบั รูเ้ ร่อื งราว ความรู้ ประสบการณ์ สว่ นการพดู และการเขียนเป็นทกั ษะของการ แสดงออกด้วยการ แสดงความคดิ เห็น ความร้แู ละประสบการณ์ การเรียนภาษาไทยจงึ ต้องเรยี นเพอื่ การ สอ่ื สาร ใหส้ ามารถรับร้ขู ้อมลู ข่าวสารไดอ้ ยา่ งพินิจพิเคราะห์ สามารถนำความรู้ ความคิดมาเลอื กใชเ้ รยี บ เรียงคำมาใชต้ ามหลกั ภาษาได้ถกู ต้อง ตรงตามความหมาย กาลเทศะและใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธภิ าพ วมิ ลรัตน์ สนุ ทรโรจน์ (2549 : 80) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ม่งุ พฒั นาผู้เรียนทุกคน ซ่งึ เป็น กำลังของ ชาติให้เปน็ มนุษยท์ ่ีมีความสมดลุ ทง้ั ด้านรา่ งกาย ความรู้ คุณธรรม มจี ติ สำนกึ ในความเป็น พลเมืองไทยและเป็นพล โลก ยดึ ม่ันในการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ์ทรง เปน็ ประมุข มคี วามรู้และทักษะ พ้ืนฐาน รวมทง้ั เจตคติที่จำเป็นตอ่ การศึกษาตอ่ การประกอบอาชีพและ การศึกษาตลอดชวี ิต โดยมงุ่ เน้นผ้เู รยี น เปน็ สำคัญบนพ้นื ฐานความเช่ือวา่ ทุกคนสามารถเรียนรู้และ พฒั นาตนเองไดเ้ ต็มตามศักยภาพกระทรวงศึกษาธกิ าร (2551 : 4) ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (Covid-19) สง่ ผลให้เกดิ ปรับเปลี่ยน วธิ กี ารจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนตามยุคความปกตริ ปู แบบใหม่ (New Normal) ทำให้การเรียนการสอนตอ้ งใช้ เทคโนโลยมี ากขึ้น เพื่อหลีกเลย่ี งการสัมผัสและพบปะกันโดยตรงจากการเรยี นการสอนแบบเผชญิ หนา้ (Face to face teaching and learning) ครูผสู้ อนทุกคนมีการรับรูแ้ ละมพี ฤติกรรมเปลีย่ นไปตามสถานการณ์ โดยคณะครู และบุคลากรโรงเรยี นบ้านรสู ะมิแลทุกคนได้พยายามพัฒนา ศึกษา เขา้ รบั การอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการ เพื่อฝึกทักษะ ด้านการนำเทคโนโลยสี ารสนเทศรปู แบบตา่ งๆ ท่หี ลากหลาย มาสนับสนุนและปรบั ใช้ในการเรยี นรู้ให้กับนักเรียน ครจู ะสง่ ลิงคต์ ่างๆ ใหส้ ง่ คลปิ ท่ตี ่างๆ สง่ ใบงาน การบา้ น ทุกกลุม่ สาระการเรยี นรู้ ฯลฯ ซึ่งรอตรวจใบงานในไลน์ กลมุ่ ตลอดทงั้ วนั และจัดการเรยี นการสอนในรูปแบบ On- line โดยสอนทำใบงานต่างๆและตรวจใหค้ ะแนนใน ช่วั โมง และรอตรวจใบงานในไลน์กล่มุ ตลอดทงั้ วัน ในปจั จุบันวชิ าภาษาไทยจะประสบกบั ปญั หานักเรียนขาดทักษะการอา่ น ซงึ่ เปน็ ทักษะท่ีมีความสำคัญ และไมไ่ ด้รับการส่งเสรมิ อย่างต่อเนอื่ ง นกั เรียนไม่สามารถอา่ นคำได้ถูกต้องและแมน่ ยำและจากการสังเกตของ ครผู สู้ อนวิชาภาษาไทยในระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 2/2 นักเรยี นบางสว่ นยงั อ่านสะกดคำได้ไม่ถูกต้อง อีกทงั้ ยังไดก้ ารส่งเสริมทักษะการอา่ นคำโดยใช้ชดุ ฝึกทักษะการอา่ นบัญชคี ำพ้นื ฐานภาษาไทย ของนกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 2/2
จดุ มงุ่ หมายการวจิ ยั เพื่อสง่ เสรมิ ทักษะการอ่านบัญชีคำพ้ืนฐานให้ได้มากขนึ้ ตวั แปรท่ศี กึ ษา จำนวนนักเรียนชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 2/2 จำนวน 18 คน กรอบแนวคิดในการวจิ ยั การวิจยั คร้งั นีเ้ ปน็ การศกึ ษาเพื่อส่งเสรมิ การอ่านบัญชคี ำพื้นฐาน วิชาภาษาไทยของนกั เรียนระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2/2 จำนวน 18 คน ผวู้ ิจยั ได้ทำแบบฝึกอ่านคำพน้ื ฐานเก่ยี วกับวชิ าภาษาไทยซง่ึ มีความยาก ง่ายกบั ระดับชั้นของนักเรยี น จำนวน 5 ชดุ กจิ กรรมบัญชคี ำพนื้ ฐาน และใชก้ ารเสรมิ แรงโดยใชค้ ำชมเชยและ ให้คะแนนระหว่างทำกิจกรรม เพอ่ื พัฒนาการอา่ นบญั ชีคำพ้นื ฐานให้สูงขึน้ ประโยชนท์ ่คี าดวา่ จะไดร้ บั 1. นกั เรยี นอ่านสะกดบัญชีคำพ้นื ฐานไดถ้ กู ต้อง 2. มีผลสัมฤทธท์ิ างการอ่าน สะกดคำสงู ขน้ึ 3. นักเรียนสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวนั ในเรือ่ งการอา่ นได้ ขอบเขตการวจิ ยั ในการวจิ ัยครงั้ น้ี เปน็ การสร้างแบบฝึกเพ่ือสง่ เสรมิ การอ่าน สะกดบัญชีคำพ้ืนฐานวชิ าภาษาไทย โดยใช้ แบบฝึก บญั ชีคำพ้นื ฐาน 5 ชุดกจิ กรรม เพอื่ พฒั นาการอา่ น สะกดคำพน้ื ฐาน ในการเรยี นวิชาภาษาไทยของ นกั เรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 2/2 มขี อบเขตการวิจัยดังนี้ 1. ประชากร นักเรยี นช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 2/2 จำนวน 18 คน 2. เน้ือหาวชิ าภาษาไทย การอ่าน สะกดคำ คำพ้ืนฐาน ระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 2 จำนวน 5 ชดุ กจิ กรรม ดงั นี้ กิจกรรมชดุ ท่ี 1 ชุดทักษะการอ่านเคำพน้ื ฐานหมวด ก กิจกรรมชุดท่ี 2 ชดุ ทกั ษะการอา่ นเคำพื้นฐานหมวด ก และ ข กิจกรรมชดุ ที่ 3 ชดุ ทักษะการอ่านเคำพน้ื ฐานหมวด ข และค กิจกรรมชุดที่ 4 ชดุ ทักษะการอา่ นเคำพืน้ ฐานหมวด ค, ง และจ กจิ กรรมชุดท่ี 5 ชุดทักษะการอา่ นเคำพน้ื ฐานหมวด จ,ฉ และช วธิ ดี ำเนินการวจิ ยั ระยะเวลาในการดำเนนิ งาน วนั เดือน ปี กิจกรรม หมายเหตุ 14 – 25 ก.ค. 64 - ศึกษาสภาพปัญหาและวเิ คราะหแ์ นวทางการแกป้ ัญหา 3 ส.ค. 64 - เลอื กกลุ่มเป้าหมายนกั เรียนชน้ั ป.2/2 จำนวน 18 คน 19 ส.ค.-1ก.ย.64 - ทดสอบกอ่ นเรยี น ผูว้ ิจัยทำการบันทกึ -วัดความสามารถในการอ่านบญั ชีคำพน้ื ฐาน โดยใช้ชุด คะแนน กจิ กรรม 1, 2 1 ก.ย. – 26 ต.ค64 - วดั ความสามารถในการอ่านบญั ชีคำพนื้ ฐาน โดยใช้ชดุ ผูว้ ิจัยทำการบนั ทึก กิจกรรม ชุดที่ 3, 4, 5 คะแนน -ทดสอบหลงั เรยี น 2 – 13 พ.ย.64 - เก็บรวบรวมข้อมลู - สรุปและวิเคราะห์ผลการวิจัย - จัดทำรปู เล่ม
เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั 1. ชดุ กจิ กรรมฝึกทักษะการอา่ นคำพืน้ ฐานจำนวน 5 ชุด 2. การเสรมิ แรงระหวา่ งปฏบิ ัติกิจกรรม คำยกย่องชมเชย การให้คะแนน 3. สถิติทใี่ ชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ คา่ เฉลี่ย ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ผู้วิจัยได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมลู ของนกั เรียนจำนวน 18 คน จากการอ่านแบบฝึกทักษะการอ่าน สะกดคำ โดยแบบฝึกทักษะการอ่านบญั ชีคำพืน้ ฐาน มีจำนวนท้งั หมด 5 ชุดกจิ กรรม ชุดกจิ กรรมที่ 1 ชุดทักษะการอา่ นบัญชีคำพน้ื ฐานหมวด ก นักเรยี นสามารถอา่ นบญั ชคี ำพืน้ ฐานหมวด ก ได้ถูกต้อง คิดเปน็ ร้อยละ 66.94 ชดุ กิจกรรมที่ 2 ชุดทกั ษะการอ่านบญั ชีคำพ้นื ฐานหมวด ก และ ข นักเรยี นสามารถอ่านบญั ชคี ำพ้นื ฐานหมวด ก และ ข ไดถ้ ูกต้อง คิดเป็นร้อยละ 61.11 ชุดกจิ กรรมท่ี 3 ชดุ ทกั ษะการอ่านบัญชีคำพ้ืนฐานหมวด ข และค นกั เรยี นสามารถอ่านบญั ชีคำพนื้ ฐานหมวด ข และคได้ถูกต้อง คดิ เปน็ ร้อยละ 63.05 ชุดกจิ กรรมที่ 4 ชุดทักษะการอ่านบัญชคี ำพื้นฐานหมวด ค, ง และจ นักเรยี นสามารถอ่านบัญชคี ำพนื้ ฐานหมวด ค, ง และจ ได้ถูกต้อง คดิ เปน็ ร้อยละ 64.44 ชดุ กิจกรรมที่ 5 ชุดทักษะการอา่ นบญั ชคี ำพ้นื ฐานหมวด จ,ฉ และช นกั เรียนสามารถอ่านบญั ชคี ำพน้ื ฐานหมวด จ,ฉ และช ไดถ้ ูกต้อง คิดเปน็ ร้อยละ 76.38 นกั เรียนบางส่วนยงั อ่านและสะกดคำในชดุ กิจกรรมทัง้ 5 ชุด ไดไ้ ม่คล่องไดท้ ำการฝกึ การอ่านบัญชคี ำพ้ืนฐาน หลัง เวลาทก่ี ำหนด สรปุ ผลการศกึ ษาวจิ ยั จากการศึกษาและวเิ คราะห์คะแนนที่ได้จากผลการสอบก่อนเรียนและหลังเรียนเก่ียวกับทกั ษะการอ่าน สะกดคำบญั ชีคำพืน้ ฐาน ของนักเรยี นระดบั ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 2/2 ในคร้ังที่ 1 คดิ ค่าร้อยละไดเ้ ทา่ กบั 65.26 และครั้งที่ 2 ได้ค่าร้อยละ 78.44 แสดงให้เห็นว่านักเรียนมีพัฒนาด้านการอ่าน สะกดคำเพ่ิมข้ึนจากเดิม นักเรียนสามารถทำคะแนนได้ดีเป็นลำดับท่ีนา่ พอใจ และจากการวเิ คราะห์ผลการทดสอบเปน็ รายบุคคลยังพบวา่ มีนกั เรียนที่เรยี นอ่อนมากๆ เท่าน้ันทคี่ ะแนนจะไมเ่ พ่ิมขึ้นหรอื เท่ากบั ครงั้ ที่ 1 ซ่งึ จะตอ้ งมกี ารวิเคราะหเ์ ปน็ รายบคุ คลต่อไป การเสริมแรงขณะปฏบิ ัติกจิ กรรมชว่ ยใหน้ ักเรียนมีกำลังใจและทำงาน และได้คะแนนดีขึ้น ขอ้ เสนอแนะ 1. การสรา้ งแบบฝกึ ทักษะการอา่ น สะกดคำพื้นฐาน อาจใช้รูปแบบอืน่ นอกไปจากชุดกจิ กรรม ชุดที่ 1 – 5 โดยอาจจะทำได้ในรปู ของการเขยี นตามคำบอก จับคโู่ ยงภาพกบั คำก็ได้ ตามแตผ่ วู้ ิจัยจะจัดทำ 2. ในการวจิ ยั คร้ังตอ่ ไป อาจเพ่ิมกลุ่มตวั อย่างขนึ้ หรืออาจจัดทำวิจัยกลุม่ นักเรยี น เรยี นอ่อนมากๆ เพื่อ หาแนวทางช่วยเหลอื ตอ่ ไป 3. การให้กำลังใจ คำยกย่อง ชมเชย ทำให้นักเรียนมีกำลงั ใจมากขึน้ ในการทำชดุ กิจกรรม ครูควรใช้ใน ทุก ๆ ข้นั ตอนของการปฏิบตั งิ านและการสอน
ตารางสรปุ การประเมนิ ผลการอา่ นบัญชคี ำพน้ื ฐาน ของนกั เรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2/2 (ครง้ั ท่ี 1) ชดุ ท่ี1 แบบฝกึ อา่ นบญั ชคี ำพน้ื ฐาน รวม ชุดท2ี่ ชุดที3่ ชุดที4่ ชุดที่5 เลข ชอ่ื -สกลุ บัญชคี ำ บญั ชคี ำ บัญชคี ำ บญั ชคี ำ บัญชคี ำ ร้อยละ ท่ี พ้ืนฐาน พนื้ ฐาน พืน้ ฐาน พ้ืนฐาน พ้นื ฐาน หมวด ก หมวด ก หมวด ข หมวด ค, หมวด จ,ฉ (50) และ ข (10) และค ง และจ และช (10) 12 24 (10) (10) (10) 16 32 1 เด็กชายมฮู ำหมดั อัฟนนั สาและ 2 31 62 1 225 23 46 2 เด็กชายมฮู ำหมดั ซุรรี อามะ 2 35 70 2 435 32 64 3 เดก็ ชายมฮู ำหมดั ฆัยรุส ดแี ย 6 38 76 5 767 36 72 4 เดก็ ชายมฮู ำหมดั ไฟซอน กาหลง 4 33 66 3 556 29 58 5 เด็กหญิงฮดู า สะแลแม 8 30 60 7 668 24 48 6 เดก็ หญิงยามลี ะห์ กมาลอ 6 34 68 5 768 28 56 7 เด็กชายรฎิ วาน สาและ 7 25 50 7 978 40 100 8 เด็กชายมฮู ัมหมดั อาลี เจะมาซอ 8 11 22 7 678 12 24 9 เดก็ หญงิ ยามลี ะห์ เจะ๊ อามะ 6 6 768 65.26 10 เดก็ หญิงอาฟาณี หามะ 5 5 667 11 เด็กหญงิ สุชานี บือราเฮง 5 5 767 12 เดก็ ชายนาวาวี สามะ 8 7 658 13 เด็กชายมฮู ัมหมดั อซั ฮา เจะอบุ ง 6 6 868 14 เดก็ หญิงรอกเี ยาะ สะนิ 5 5 657 15 เด็กชายมฮู มั หมดั ฟดิ าอี อาแว 4 4 656 16 เดก็ หญงิ นซุ ลี า สาแลแม 8 8 888 17 เด็กชายมฮู มั หมดั กโู น 2 1 224 18 เด็กชายมฮู ัมหมดั นัสรนิ ปูเตะ 2 1 225 รวมคะแนน 94 85 93 94 123 รอ้ ยละ 52.22 47.22 51.66 52.22 68.33
ตารางสรปุ การประเมนิ ผลการอา่ นบญั ชคี ำพนื้ ฐาน ของนกั เรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2/2 (ครงั้ ท่ี 2) แบบฝกึ อา่ นบญั ชคี ำพ้นื ฐาน ชดุ ท1ี่ ชดุ ที่2 ชุดที่3 ชุดที่4สระ ชุดท่ี5 บัญชคี ำ บัญชคี ำ บัญชี บัญชีคำ บญั ชีคำ พ้นื ฐานหมวด คำ พน้ื ฐาน พ้นื ฐาน เลข ชอ่ื -สกลุ พ้นื ฐาน ก และ ข (10) พน้ื ฐาน หมวด ค, หมวด รวม รอ้ ยละ ท่ี หมวด ก จ,ฉ (50) (10) หมวด ง และจ ข (10) และช และค (10) (10) 1 เดก็ ชายมฮู ำหมดั อัฟนัน สาและ 5 5 55 5 25 50 2 เด็กชายมฮู ำหมดั ซรุ รี อามะ 5 5 44 5 23 46 3 เด็กชายมฮู ำหมดั ฆยั รสุ ดีแย 10 10 9 9 10 48 96 4 เด็กชายมฮู ำหมดั ไฟซอน กาหลง 6 6 66 6 30 60 5 เดก็ หญิงฮดู า สะแลแม 10 10 10 10 10 50 100 6 เดก็ หญงิ ยามลี ะห์ กมาลอ 9 8 88 9 42 84 7 เด็กชายรฎิ วาน สาและ 10 9 10 10 10 49 98 8 เดก็ ชายมฮู มั หมดั อาลี เจะมาซอ 10 8 9 9 10 46 92 9 เดก็ หญงิ ยามลี ะห์ เจะ๊ อามะ 10 10 9 10 10 49 98 10 เด็กหญิงอาฟาณี หามะ 8 9 79 8 41 82 11 เด็กหญิงสุชานี บือราเฮง 8 7 78 9 39 78 12 เด็กชายนาวาวี สามะ 10 8 9 8 10 45 90 13 เดก็ ชายมฮู มั หมดั อซั ฮา เจะอุบง 10 5 9 9 10 46 92 14 เดก็ หญิงรอกเี ยาะ สะนิ 8 7 77 9 38 76 15 เด็กชายมฮู มั หมดั ฟิดาอี อาแว 8 7 88 9 40 80 16 เดก็ หญงิ นซุ ลี า สาแลแม 10 10 10 10 10 50 100 17 เด็กชายมฮู ัมหมดั กโู น 5 4 34 5 21 42 18 เด็กชายมฮู มั หมดั นัสรนิ ปเู ตะ 5 4 44 7 24 48 รวมคะแนน 147 135 134 138 152 78.44 ร้อยละ 81.67 75.00 74.44 76.66 84.44
ภาคผนวก ชดุ กิจกรรมบญั ชคี ำพื้นฐาน จำนวน 5 ชดุ
บรรณานกุ รม การศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. 2554. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน ภาษาไทย ชดุ ภาษาเพอ่ื ชวี ติ วรรณคดลี ำนำ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 2. กรุงเทพมหานคร :โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพร้าว. . 2553. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐานภาษาไทย ชดุ ภาษาเพอื่ ชวี ติ ภาษาพาทชี นั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว. ศิวกานต์ ปทมุ สูต.ิ 2554. เดก็ อ่านไมอ่ อกเขยี นไม่ไดแ้ กง้ ่ายนดิ เดยี ว กรงุ เทพมหานคร : นวสาสน์ การพิมพ์ พลทู รพั ย์ ไชยภกั ด.ี สอื่ การเรยี นการสอน ชดุ ฝกึ เสรมิ ทกั ษะ การอา่ นและการเขยี นภาษาไทย. แบบหดั อา่ นภาษาไทย สำหรบั ชนั้ ประถมศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร : หจก.ทิพยวสิ ทุ ธิ์ เวบ็ ไซต์ครอู ัพเดตดอทคอม บญั ชีคำพื้นฐาน ระดบั ประถมศึกษาปที ี่ 1-6
ช่อื เร่อื ง การพัฒนาทกั ษะการเขยี นเร่ืองตามจนิ ตนาการ ของนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษา ปีที่ 3/1 ทจี่ ดั การเรียนรู้โดยใช้บนั ไดบรู ณาการ 5 ข้นั ท่ีอิงปรากฏการณ์ ชื่อผู้วิจัย สมใจ คงสุข หน่วยงาน โรงเรยี นบ้านรูสะมิแล สานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาปัตตานี เขต 1 ปที ี่วิจัย 2564 ความสาคญั /หลกั การ/แนวคิด 1. ความสาคญั และท่ีมา การเขียน คือ การถา่ ยทอดความรู้ ความคิด ความรสู้ ึก ความต้องการตลอดจนประสบการณ์ ตา่ งๆ ของผ้เู ขียนผ่านตัวอักษรไปยังผรู้ บั สารเพื่อจดุ ประสงคใ์ ดจุดประสงคห์ นึง่ จึงจาเป็นอย่างย่งิ ที่ ผู้เขยี นตอ้ ง เรียบเรยี งเนื้อหาใหเ้ ปน็ ระบบ เพื่อสอื่ สารออกมาได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพและเกิด สมั ฤทธผิ ล การเรยี นการสอนภาษาไทยต้องอาศัยความสัมพนั ธก์ ันของทกั ษะ 4 ด้าน คอื ฟงั พูด อ่าน และ เขียน ซงึ่ ทักษะการเขยี นน้ันมีความซบั ซ้อนมากที่สดุ ดังที่ สนิท ต้งั ทวี ( 2528 : 153) แสดง ความคิดไว้ว่า “ทักษะการเขียนเป็นเร่ืองที่ค่อนข้างยากกว่าทกั ษะอ่ืนๆ เพราะการเขียนเปน็ การ สอ่ื สารที่มขี น้ั ตอนหลายอยา่ ง เช่น ผเู้ ขียนจะตอ้ งนึกคดิ ก่อนว่าจะเขยี นอย่างไร จงึ จะมีความหมายตรง กบั ความคิดของตนเองทีต่ ้องการจะถ่ายทอด” ด้วยทักษะการเขียนมคี วามซับซอ้ นมากกว่าทักษะอ่นื ๆ น้เี อง ซ่งึ สอดคลอ้ งกับประสบการณ์ การสอนของครู ทพี่ บว่า นักเรียนเขียนเร่อื งได้ใจความนอ้ ยมาก เขยี นเรื่องส้ันๆ หว้ นๆ เขยี นวกไป เวียนมา เนอ่ื งจากขาดเนื้อหาที่จะนามาเขยี น และยังใช้ภาษาไม่ถูกต้องอีกดว้ ย จากความสาคญั และ เหตผุ ลดงั กล่าว ผูส้ อนจึงมีแนวคดิ ทวี่ ่า ถ้าครูลองนาหัวข้อเรอ่ื งหรอื เร่ืองราวท่ีเกย่ี วกับปรากฏการณ์ที่ เกดิ ขน้ึ ในชวี ติ ประจาวนั ของนักเรียน มาเป็นตวั นาใหเ้ กิดความคิดในการเล่าเรือ่ ง จะช่วยใหก้ ารเขียน เล่าเร่ืองของนกั เรียนมคี วามล่ืนไหลมากข้ึน เพราะนักเรยี นได้รับรู้เหตุการณ์นั้นๆจริง และ ปรากฏการณ์อาจจะช่วยสร้างความคิดสรา้ งสรรค์ของนักเรียนในการเขยี นเรื่องได้ ทาให้ผวู้ ิจัยสนใจท่ี จะพฒั นาทกั ษะการเขยี นของนักเรยี นให้เพิ่มขนึ้ ดว้ ยการจดั การเรยี นร้โู ดยใช้บนั ไดบูรณาการ 5 ข้ัน ทอี่ ิงปรากฏการณ์ 2. วัตถุประสงค์ เพอื่ เปรยี บเทียบความสามารถด้านการเขยี นเรอ่ื งตามจนิ ตนาการของนกั เรยี น ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3/1 ก่อนและหลังการจดั การเรยี นรู้ด้วยบันไดบรู ณาการ 5 ขน้ั ทอี่ งิ ปรากฏการณ์
3. ขอบเขตการศกึ ษา 3.1 ประชากร ท่ีใชใ้ นการศึกษา ได้แก่ นกั เรียนชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3/1 โรงเรียน บา้ นรสู ะมแิ ลสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 จานวน 24 คน 3.2 ระยะเวลาในการศึกษา ระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการศึกษา คือ ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 จานวน 10 ชัว่ โมง 4. ตัวแปรที่ศกึ ษา ตวั แปรต้น การจดั การเรียนรโู้ ดยใช้บนั ไดบรู ณาการ 5 ขัน้ ท่ีอิงปรากฏการณ์ ตวั แปรตาม ความสามารถด้านการเขียนเร่ืองตามจนิ ตนาการของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 3/1 ทจี่ ัดการเรยี นรโู้ ดยใช้บันไดบรู ณาการ 5 ขนั้ องิ ปรากฏการณ์ 5 นิยามศัพท์เฉพาะ 5.1 บนั ไดบรู ณาการ 5 ขั้น หมายถงึ ขนั้ การจดั การเรยี นรู้ ซึ่งเป็นการจัดการเรียนรทู้ ี่เน้น การบูรณาการปรากฏการณ์ท่ีเกิดขึ้นในชวี ติ ประจาวนั ของนักเรียน ดังนี้ ขนั้ ที่ 1 สรา้ งความรู้ ความเข้าใจ ข้นั ที่ 2 ใฝ่บรู ณาการงานชีวติ ขัน้ ท่ี 3 ฝกึ คิด อ่าน เขียน ขั้นที่ 4 แลกเปล่ียนประสบการณ์ ขน้ั ที่ 5 นาผลงานส่กู ารพัฒนาตนเอง 5.2 ปรากฏการณ์ หมายถึง เหตกุ ารณต์ า่ งๆ ทเี่ กิดข้นึ ในชีวติ ประจาวันของนักเรียน นามา จัดทาเป็นหน่วยการเรียนรู้ เพื่อมาพัฒนาทักษะการเขียนของนกั เรยี น 5.3 นักเรียนหมายถงึ นักเรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนบ้านรูสะมิแล สานักงาน เขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 1 ปีการศึกษา 2564 จานวน 24 คน 5.4 แบบทดสอบหมายถึง แบบทดสอบวดั ความสามารถดา้ นการเขียนเรื่องตามจินตนาการ ทผ่ี ้วู จิ ัยสรา้ งขน้ึ เพ่ือทดสอบนักเรยี นก่อนเรียนและหลังเรียน 6. เคร่อื งมอื ท่ีใช้ 6.1 แผนการจัดการเรียนรู้การเขยี นเร่ืองตามจินตนาการ ท่ีจดั การเรียนร้โู ดยใชบ้ ันได บูรณาการ 5 ข้ัน ท่ีองิ ปรากฏการณ์ 6.2 แบบทดสอบวัดความสามารถการเขียนเร่อื งตามจินตนาการ ข้ันตอนการพัฒนาเคร่ืองมือ ดังน้ี 1 ศกึ ษาข้อมลู จากหลกั สตู ร มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชวี้ ดั เน้ือหาสาระ การวัดและ ประเมินผล และส่ือการสอนของกล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ตาม หลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ข้นั พืน้ ฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ 2560) และหลกั สูตร สถานศึกษาโรงเรียนบ้านรูสะมแิ ล กลุม่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย 2. กาหนดเนื้อหาจากมาตรฐาน ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขียน เขยี นส่อื สาร เขยี น เรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเร่ืองราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงาน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125