Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือปฏิบัติงานหลักการดำเนินการทางวินัย

คู่มือปฏิบัติงานหลักการดำเนินการทางวินัย

Published by leangbeer, 2022-08-05 08:24:17

Description: คู่มือปฏิบัติงานหลักการดำเนินการทางวินัย

Search

Read the Text Version

๑ คูม่ ือปฏิบัติงานหลัก เร่อื ง การดำเนินการทางวินัย จัดทำโดย นายชตุ ินันท์ จันทร์ยวง งานนติ ิการ กองบรหิ ารงานบุคคล สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลยั ราชภัฏอตุ รดติ ถ์

๓ คำนำ คู่มอื ปฏบิ ัตงิ านหลักเล่มนจี้ ัดทำตามประกาศ ก.พ.อ. เรือ่ ง มาตรฐานกำหนดตำแหน่งและการ แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อบังคับ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอุตรดติ ถ์ วา่ ด้วยการกำหนดระดับตำแหน่งและการแต่งตั้งพนักงานมหาวิทยาลัย สายสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น พ.ศ. ๒๕๕๖ และประกาศมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินบุคคล เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งท่ีสูงขึ้น ตำแหน่งประเภททั่วไป ระดับชำนาญงาน และระดับชำนาญงานพิเศษ ตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะหรือเชี่ยวชาญเฉพาะ ระดับชำนาญการ และระดับชำนาญการพิเศษ ลงวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งเป�นเอกสาร แสดงเส้นทางการทำงานหลักตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวนการ โดยระบุขั้นตอนการดำเนินการ ต่าง ๆ โดยคู่มือปฏิบัติงานหลักมคี วามสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิบัติงาน เพื่อช่วยให้หน่วยงานมีคู่มือไว้ ใชใ้ นการปฏิบัติงาน และช่วยใหผ้ ูป้ ฏิบตั งิ านใหม่สามารถศกึ ษางานได้อย่างรวดเร็ว สามารถปฏบิ ัติงาน ได้อย่างถูกต้อง ทำให้งานของหน่วยงานดำเนินไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพมากขนึ้ วตั ถุประสงค์ของการจัดทำคู่มือปฏบิ ัติงานหลักเก่ียวกับการดำเนินการทางวินัย เพ่ือให้ทราบ หลักเกณฑ์ วิธีการดำเนินการทางวินัยตั้งแต่ได้รับทราบเหตุแห่งการกระทำที่เกี่ยวข้องกับวินัย ให้ สามารถดำเนินการได้ทันท่วงที ผู้บริหารมีความเข้าใจในเบื้องต้นในการพิจารณาสั่งการอย่างหนึ่ง อย่างใด เพื่อให้การดำเนินการทางวินัยเป�นไปโดยถูกต้องตามขั้นตอนที่กำหนด มิให้ต้องเริ่ม กระบวนการทางวินัยใหม่ รวมถึงเป�นการกำหนดขั้นตอนเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยให้เข้าใจได้ อย่างรวดเรว็ ชัดเจน ถกู ตอ้ ง โดยเฉพาะคณะกรรมการสอบสวนทางวนิ ยั ท่ีมเิ คยปฏบิ ตั หิ นา้ ทก่ี รรมการ สอบสวนทางวนิ ยั มากอ่ น ใหม้ คี วามเขา้ ใจท่ีถกู ตอ้ งและเป�นไปตามขนั้ ตอนท่กี ำหนด อนึ่ง คู่มือปฏิบัติงานหลักเล่มนี้ ได้มีการตรวจสอบในการจัดทำจากผู้อำนวยการ กองบริหารงานบคุ คล และผ้ทู ี่มสี ่วนเกย่ี วข้อง มาแลว้ ครง้ั หนึง่ สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้ให้ความรู้และคำแนะนำ ขอขอบคุณ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ที่ได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการจัดทำคู่มือปฏิบัติงาน หลักเล่มนี้ ตลอดจนเพื่อนร่วมงานที่สนับสนุนส่งเสริมให้ข้อสังเกตและตรวจสอบคู่มือปฏิบัติงาน หลกั เลม่ น้ีใหส้ ามารถจัดทำไดอ้ ยา่ งสำเรจ็ นายชุตนิ ันท์ จันทร์ยวง นิติกร สิงหาคม ๒๕๖๕

๔ สารบัญ หน้า คำนำ …………………………………………………………………………………………………… สารบญั ……………………………………………………………………………………………….. สว่ นที่ ๑ บริบทมหาวทิ ยาลยั ๑ ๑.๑ ประวตั ิมหาวิทยาลัยราชภฏั อุตรดิตถ์ ๑ ๑.๒ ปรัชญา วสิ ัยทัศน์ พนั ธกจิ และวตั ถุประสงคข์ องมหาวิทยาลัย ๓ ๑.๓ อตั ลักษณ์ เอกลกั ษณ์ สญั ลักษณป์ ระจำมหาวทิ ยาลัยและ ๔ ประเดน็ ยุทธศาสตร์ ๑.๔ โครงสรา้ งการแบ่งสว่ นราชการของมหาวิทยาลัย ๖ โครงสร้างองค์กร (Organization chart) โครงสรา้ งการบรหิ ารมหาวทิ ยาลยั ส่วนท่ี ๒ บริบทกองบริหารงานบคุ คล ๘ ๑.๑ โครงสร้างการบรหิ ารจัดการกองบริหารงานบุคคล ๘ ๑.๒ โครงสรา้ งการบรหิ าร (Administration chart) ๙ ๑.๓ โครงสรา้ งการปฏิบัตงิ าน (Activity chart) ๙ ๑.๔ โครงสร้างงานนติ ิการ ๑๐ ส่วนท่ี ๓ ขนั้ ตอนการปฏิบัติงาน ๑๒ ๑. การดำเนินการทางวนิ ัย ๑๒ ๒. แผนภูมขิ ัน้ ตอนการดำเนนิ การทางวนิ ัย และกระบวนดำเนนิ การทางวนิ ัย ๑๕ ข้ันตอนท่ี ๑ การรบั เรอ่ื งรอ้ งเรยี นหรือกล่าวหา ๒๐ ๑.๑ พิจารณาเร่อื งรอ งเรียนเบ้อื งตน ๒๐ ๑.๒ เสนอความเหน็ ตอผ้บู รหิ าร ๒๐ ๑.๓ ผบู้ รหิ ารพจิ ารณาสงั่ การ ๒๑ ขน้ั ตอนที่ ๒ การจัดทำคำส่ังแตง่ ต้ังคณะกรรมการสอบสวน ๒๓ ๒.๑ พจิ ารณาและรวบรวมรายช่อื บคุ คลท่เี หมาะสมในการแตง่ ต้ัง ๒๓ เป�นคณะกรรมการสอบสวน ๒.๒ เสนอรายชอ่ื บุคคลเพอ่ื แตง่ ตงั้ เป�นคณะกรรมการสอบสวน ๒๓ ๒.๓ ประสานทาบทามผ้ทู ่สี มควรเป�นคณะกรรมการสอบสวน ๒๔ ๒.๔ ขออนุญาตหน่วยงานตน้ สังกัดของผสู้ มควรเปน� คณะกรรมการสอบสวน ๒๔ ๒.๕ จัดทำคำส่ังแต่งตงั้ คณะกรรมการสอบสวน ๒๔ ๒.๖ แจง้ คำสัง่ แตง่ ต้ังคณะกรรมการสอบสวน ๒๔

๕ ขน้ั ตอนที่ ๓ การจดั เตรยี มเอกสารประกอบการประชมุ หน้า ๓.๑ นัดหมายคณะกรรมการสอบสวนกำหนดวนั ประชมุ ๓๒ ๓.๒ จัดทำหนังสือเชิญประชมุ คณะกรรมการสอบสวน ๓๒ ๓.๓ จดั ทำระเบยี บวาระการประชุม ๓๒ ๓.๔ จดั ทำเอกสารลงชอ่ื ผเู้ ข้าร่วมประชมุ ๓๒ ๓.๕ จดั ทำบนั ทึกประจำวนั ทมี่ กี ารสอบสวน ๓๓ ๓.๖ จัดทำรายงานการประชมุ ๓๓ ๓.๗ จดั ทำเอกสารเกี่ยวกบั การเบิกจา่ ยค่าตอบแทนคณะกรรมการสอบสวน ๓๓ ๓๓ ขน้ั ตอนที่ ๔ การเข้ารว่ มประชมุ และนำเสนอขอ้ มลู ๔๔ ๔.๑ เสนอข้อมูลของเอกสารพยานหลกั ฐาน ๔๔ ๔.๒ เสนอขอ้ มลู ประวัตขิ องผู้ถกู กลา่ วหา ๔๔ ๔.๓ บันทึกการประชุมและดแู ลความเรยี บรอ้ ยในการประชมุ ๔๔ ๔๖ ขัน้ ตอนที่ ๕ การจัดทำหนังสือแจ้งและอธบิ ายข้อกลา่ วหา ๔๖ ๕.๑ จัดทำหนังสือเชญิ ผู้ถูกกล่าวหามาพบคณะกรรมการสอบสวน เพ่อื แจง้ และอธิบายข้อกล่าวหา ๔๖ ๕.๒ เชญิ ผถู้ กู กล่าวหารบั ฟง� การแจ้งและอธบิ ายขอ้ กล่าวหา ๔๖ ๕.๓ แจง้ สิทธิและหนา้ ท่ีของผู้ถูกกลา่ วหา ๔๗ ๕.๔ สอบถามผูถ้ กู กลา่ วหาว่าไดก้ ระทำการตามทถ่ี ูกกล่าวหาหรอื ไม่อยา่ งไร ๕๔ ๖๐ ข้นั ตอนที่ ๖ การรวบรวมพยานหลักฐานที่เกีย่ วกบั เรอื่ งทีก่ ลา่ วหา ๖๐ ขัน้ ตอนท่ี ๗ การจัดทำหนงั สือแจง้ ขอ้ กลา่ วหาและสรุปพยานหลกั ฐานสนบั สนนุ ขอ้ กลา่ วหา ๖๐ ๗.๑ จัดทำหนังสือหรือบนั ทกึ เพือ่ เชญิ ผู้ถูกกลา่ วหามาพบ คณะกรรมการสอบสวน ๖๐ ๖๕ ๗.๒ จัดทำบันทกึ การแจง้ ข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลกั ฐาน ๖๙ สนับสนุนข้อกล่าวหา ๖๙ ๖๙ ๗.๓ สอบถามผถู้ กู กลา่ วหาวา่ จะยื่นคำชแ้ี จงแกข้ อ้ กล่าวหาหรอื ไม่ ขั้นตอนที่ ๘ การรวบรวมพยานหลกั ฐานทผ่ี ถู้ กู กลา่ วหาอา้ ง ขนั้ ตอนท่ี ๙ การจดั ทำรายงานการสอบสวน ๙.๑ จัดทำรา่ งรายงานการสอบสวน ๙.๒ จดั ทำรายงานการสอบสวนฉบับสมบูรณแ์ ละเสนอรายงานการสอบสวน

ขั้นตอนท่ี ๑๐ การจดั ทำคำสง่ั ลงโทษ ๖ ๑๐.๑ ศึกษาข้อกฎหมายที่เกย่ี วขอ้ งในการออกคำสงั่ ๑๐.๒ จัดทำคำส่ังลงโทษ หน้า ๑๐.๓ เสนอคำสง่ั ลงโทษ ๗๖ ๑๐.๔ แจ้งผกู้ ระทำผดิ วนิ ยั มารับทราบคำสงั่ ลงโทษ ๗๖ ๗๖ ภาคผนวก ๗๖ ขอ้ บังคับมหาวิทยาลยั ราชภฏั อุตรดติ ถ์ วา่ ด้วย การสอบสวนพิจารณา ๗๖ การดำเนินการทางวนิ ัย พ.ศ. ๒๕๖๓ ๘๕ ประวตั ิผู้เขียน ๑๑๑

๑ ส่วนที่ ๑ บรบิ ทของมหาวทิ ยาลัย ๑.๑ ประวตั มิ หาวิทยาลยั ราชภัฏอตุ รดติ ถ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ตั้งอยู่เลขที่ ๒๗ ถนนอินใจมี ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ในที่ดินราชพัสดุ มีเนื้อที่ ๔๒ ไร่เศษ มีชื่อเรียกว่า “โรงเรียนฝ�กหัดครูประกาศนียบตั รจังหวัดอุตรดิตถ์” เป�ดสอนหลักสูตรประกาศนียบตั ร จังหวัด (ว.) และเป�ดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรครูประชาบาล (ป.ป.) โดยมีประวัติพัฒนาการ ตามลำดบั ดงั น้ี โรงเรียนฝ�กหดั ครูอุตรดิตถ์ วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ ไดเ้ ปล่ยี นชอ่ื เป�น “โรงเรียนฝ�กหัด ครูอุตรดิตถ์” และเป�ดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรครูมูล (ป.) จนถึงป� พ.ศ. ๒๔๙๘ จึงได้เป�ดสอน หลกั สตู ร ประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา (ป.กศ.) และเลกิ สอนหลกั สตู รอนื่ ๆ วิทยาลัยครูอุตรดิตถ์ วันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ ได้ยกฐานะเป�น “วิทยาลัยครู อุตรดิตถ์” เป�ดสอนถึงระดับประกาศนียบัตรวิชาการศกึ ษาชั้นสูง (ป.กศ. สูง) ป� พ.ศ. ๒๕๑๒ได้มีการ ขยายปริมาณงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อจำนวนนักเรียนที่ต้องการเข้าเรียนในวิทยาลัยครูมากข้ึน และความต้องการครูมีมาก จนต้องเป�ดสอนให้แก่บุคลากรภายนอก (ภาคค่ำ) ป� พ.ศ. ๒๕๑๓ เป�ดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรครูประถม (ป.ป.) เพิ่มขึ้น ตามความต้องการของต้นสังกัดต่างๆ ป� พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้มกี ารตราพระราชบัญญตั วิ ิทยาลยั ครขู ึ้นแล้ว วทิ ยาลยั ครอู ุตรดิตถไ์ ด้รับการยกฐานะ เป�นวิทยาลัยครู ตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ ทำให้วิทยาลัยครูมีฐานะ เป�นสถาบันอุดมศึกษาผลิตครูระดับ ป.กศ. และป.กศ. ชั้นสูง ตามหลักสูตรสภาการฝ�กหัดครูและ เปลี่ยนการจัดสอนภาคนอกเวลามาเป�นการสอนฝ�กหัดครูต่อเนื่องแทนประวัติความเป�นมาของ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ANNUAL REPORT ๒๐๑๗ UTTARADIT RAJABHAT UNIVERSITY ๑๗ ป� พ.ศ. ๒๕๒๑ เริ่มเป�ดสอนถึงระดับปริญญาตรี (ค.บ.) เลิกผลิตครูในโครงการฝ�กหัดครู ภาคต่อเนื่อง โดยที่สถาบันได้เล็งเห็นว่าครูและบุคลากรทางการศึกษาประจำการในจังหวัดอุตรดิตถ์ แพร่ และน่าน ซง่ึ เป�นเขตรับผิดชอบของสถาบัน ยงั มีวฒุ ิต่ำกวา่ ปริญญาตรี เปน� จำนวนมาก ประกอบ กับต้นสังกัดของครูเหล่านี้มีความต้องการจะพัฒนาครูของตนให้มีความรู้และสมรรถภาพสูงข้ึน สถาบันโดยความเห็นชอบของสภาฝ�กหัดครูจึงได้จัดให้มีการอบรมครู และบุคลากรทางการศึกษา ประจำการ (อคป.) ขึ้น เป�นรุ่นแรกใน ป� พ.ศ. ๒๕๒๒ ป� พ.ศ. ๒๕๒๔ ทางวิทยาลัยได้ขอจัดสรรท่ดี นิ ตำบลหมอนไม้ ประมาณ ๔๐๐ไร่ แต่ทางจังหวัดได้ขอจดั สรรให้หน่วยงานอืน่ ๆ ด้วย และส่วนหนึ่งได้ จัดทำเป�นสนามกฬี าจังหวัดอุตรดติ ถ์ และได้แบ่งสรรที่ดินให้แก่วิทยาลัยครูอุตรดิตถ์ สถาบันได้เขา้ ไป ป�กหลักเขตและวัดพื้นที่เรียบร้อย ในป� พ.ศ. ๒๕๓๐ มีเนื้อที่ ๙๒ ไร่ ๒ งาน ๘ ตารางวา ซึ่งวิทยาลัย ได้พัฒนาที่ดินผืนนี้เป�นศูนย์ฝ�กประสบการณ์วิชาชีพทางการเกษตร และเป�นศูนย์วิจัยค้นคว้าทาง เกษตรและเทคโนโลยีป�พ.ศ. ๒๕๒๖ ได้เริ่มเป�ดสอนหลักสูตรวิชาเอกเทคนิคการอาชีพ ระดับ ป.กศ. ชั้นสูง ๕ สาขาวิชา ซึ่งนับว่าได้เริ่มขยายฐานทางวิชาการและวิชาชีพ ออกไปอีกก้าวหน่ึง

๒ ป� พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติวิทยาลัยครู พ.ศ. ๒๕๑๘ มีสาระสำคัญให้วิทยาลัยครู เป�นสถาบันศึกษาและวิจัยทางการสอนวิชาการต่างๆ และผลิตครูถึงระดับปริญญาตรี ทำให้วิทยาลัย ครมู ฐี านะเป�นสถาบนั อดุ มศึกษาหรือมหาวิทยาลยั จงึ ได้เปด� สอนวิชาการสาขาอืน่ ในระดับอนุปริญญา เพิ่มขึ้น ในป�การศึกษา ๒๕๒๘ เป�นป�แรก ๔ สาขา ได้แก่ ออกแบบประยุกต์ศิลป์, พืชศาสตร์, ไฟฟ้า และนเิ ทศศาสตร์ ป� พ.ศ. ๒๕๒๙ ไดจ้ ัดการศึกษาสำหรบั บคุ ลากรประจำการ (กศ.บป.) ขนึ้ เป�นร่นุ แรก ในสาขาวิชาการศึกษาและสาขาวิชาการอืน่ ทั้งระดับอนุปริญญาและระดบั ปริญญาตรีป� พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้เป�ดโรงเรียนสาธิตชั้นเด็กเล็กและชั้นอนุบาล ตามที่สภาฝ�กหัดครูอนุมัติ และมีโครงการขยายเป�ด ชั้นประถมป�ที่ ๑ ในป�การศึกษา ๒๕๓๑ ป� พ.ศ. ๒๕๓๓ วิทยาลัยครูอุตรดิตถ์ ได้ร่วมกับสถาบัน บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า (NIDA) เพื่อเป�ดสอนปริญญาโททางรัฐประศาสนศาสตร์ ภาคพิเศษ เป�นรุ่นแรก ตามโครงการ NIDA-UTC และ ในป� พ.ศ. ๒๕๓๔ วิทยาลัยครูอุตรดิตถ์ ได้ร่วมมือกับหอการค้าจังหวัดอุตรดิตถ์ ในการเป�ดสอนภาคพิเศษ สำหรับสมาชิกหอการค้า เพื่อรับ ปรญิ ญาทางบริหารธุรกิจ และยกมาตรฐานทางการคา้ ของจงั หวดั อุตรดติ ถ์ตามโครงการ EBD-UTC สถาบันราชภัฎอุตรดิตถ์ วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ ๙ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทาน ชื่อ “สถาบันราชภัฎ”แทนวิทยาลัยครู สถาบันราชภัฎอุตรดิตถ์ จึงมีฐานะเป�นส่วนราชการหนึ่งของสำนักงานสภาสถาบันราชภัฎ การดำเนินงานของสถาบันขึ้นอยู่กับขอบข่ายที่กำหนดไว้ ตามพระราชบัญญัติสถาบันราชภัฎ พ.ศ. ๒๕๓๗ โดยมีสภาสถาบนั ราชภฎั และสภาประจำสถาบนั ราชภัฎอตุ รดิตถด์ งั กลา่ วเป�นผู้กำหนด เมื่อวันท่ี ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลท่ี ๙ ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งได้นำประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗ และมีผล บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗ เป�นต้นไปมีผลทำให้สถาบันราชภัฏทั่วประเทศได้ ยกฐานะขึ้นเป�นมหาวิทยาลัยราชภัฏ ป�จจุบันมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์มีรองศาสตราจารย์ ดร.พินิติ รตะนานุกูล เป�นนายกสภามหาวิทยาลัยและมีรองศาสตราจารย์ ดร.สุภาวิณี สัตยาภรณ์ เป�นอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์ ตั้งอยู่เลขที่ ๒๗ ถนนอินใจมี ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ทิศเหนือติดกับถนนอินใจมี ทิศใต้ติดต่อกับสถานีสื่อสารและ โทรคมนาคมของกระทรวงมหาดไทย ทิศตะวันออกติดกับวิทยาลัยสารพัดช่างอุตรดิตถ์และแขวงการ ทางอุตรดิตถ์ที่ ๑ ทิศตะวันตกติดกับถนนเลาะคลองชลประทาน รวมพื้นที่วิทยาเขตหมอนไม้ และ ลำรางทุ่งกะโล่ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์จะมีพื้นที่ทั้งสิ้น ๒,๒๗๐ ไร่ ๓ งาน ๘๗ ตารางวา ซง่ึ แบ่งส่วนได้ ดังน้ี ส่วนกลางมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ส่วนกลางมีพื้นที่ ๑๙๐ ไร่ ๑ งาน ๗๙ ตารางวา สถานที่นี้นักศึกษาทุกคณะจะต้องมาทำกิจกรรมต่างๆที่วิทยาเขตส่วนกลาง ในส่วนนี้เป�นที่ตั้งของ สำนกั งานอธกิ ารบดี หน่วยงานต่างๆของมหาวทิ ยาลยั ที่ต้ังคณะ ๔ คณะ ๒ วิทยาลัยของมหาวิทยาลัย คอื

๓ คณะครุศาสตร์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม คณะวิทยาการจัดการ คณะมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ บณั ฑิตวิทยาลัย และวิทยาลยั นานาชาติ และอีกส่วนหน่ึงเป�นโรงเรยี นสาธติ มหาวทิ ยาลัย ราชภฏั อตุ รดติ ถ์ วิทยาเขตหมอนไม้ เป�นที่ตั้งของคณะเกษตรศาสตร์ ศูนย์ฝ�กประสบการณ์วิชาชีพทาง การเกษตร และเป�นศูนย์วิจัยค้นคว้าทางเกษตรและเทคโนโลยี มีเนื้อที่ ๙๒ ไร่ ๒ งาน ๘ ตารางวา ตงั้ อยทู่ ่ีเลขที่ ๓ บ้านหมอนไม้ ตำบลปา่ เซ่า อำเภอเมืองจังหวัดอุตรดติ ถ์ สว่ นใหญ่จะเป�นอาคารเรียน ของคณะเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตลำรางทุ่งกะโล่ เป�นการขยายวิทยาเขตนี้ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ระหว่างการก่อสร้าง ตั้งแต่ป�พ.ศ. ๒๕๕๓ ถึง ๒๕๖๗ รวมระยะเวลา ๑๕ ป� การจัดตั้งเป�นการแก้ไขป�ญหาเนื้อที่ของ มหาวิทยาลยั ส่วนกลางไม่เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอนแก่นกั ศึกษาจึงขยายวิทยาเขตมาจดั ตง้ั ณ บริเวณลำรางบึงทงุ่ กะโล่ โดยมีแนวคดิ ว่ามหาวิทยาลยั ท้องถนิ่ การสร้างอาคารต้องสูงไม่เกิน ๓ ช้ัน และมีความกลมกลนื กบั ศิลปะของธรรมชาติเพือ่ เป�นแหล่งเรียนรู้ของคนในชุมชนและท้องถิ่น มีเนื้อที่ ๒,๐๐๐ ไร่เป�นที่ตั้งของอาคารต่างๆ เช่น อาคารสาธารณสุขศาสตร์ของสาขาสาธารณสุขศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี อาคารคณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี อาคารบริการวิชาการ อาคารศูนย์ พัฒนาทรพั ยากรมนุษยภ์ ูมภิ าคอาเซยี น เป�นต้น พื้นที่การศึกษาวิทยาเขตนอกจังหวัดอุตรดิตถ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์วิทยาลัยน่าน อำเภอเวยี งสา จังหวดั นา่ น และมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดติ ถ์ ศูนย์วทิ ยบรกิ ารอำเภอลอง จังหวัดแพร่ ๑.๒ ปรชั ญา วิสัยทศั น์ พันธกจิ และวัตถุประสงค์ ปรชั ญา “มหาวทิ ยาลยั เพื่อการศกึ ษาและพัฒนาชุมชนท้องถิน่ ” วิสยั ทศั น์ “สถาบนั อดุ มศึกษาร่วมพฒั นาชุมชนทอ้ งถ่นิ ให้มีความเขม้ แข็งและยัง่ ยนื ” พันธกจิ ๑. ผลิตบณั ฑิตดี มีคณุ ภาพในการพัฒนาชมุ ชน ทอ้ งถน่ิ ๒. ผลิตและพัฒนาครอู ย่างมีคณุ ภาพตามมาตรฐานของคุรสุ ภา ๓. วจิ ัยบรกิ ารวิชาการถ่ายทอดในเทคโนโลยี สร้างองค์ความร้แู ละนวัตกรรม ๔. ทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรมโดยน้อมนำแนวพระราชดำริมาใช้ในการพัฒนาชุมชน ท้องถ่นิ ๕. สรา้ งเครือข่ายและความรว่ มมือภาคเี ครอื ข่ายทกุ ภาคสว่ น เพ่ือรว่ มพฒั นาท้องถิ่น ๖. พฒั นาระบบการบรหิ ารจดั การมหาวทิ ยาลัยดว้ ยหลกั ธรรมาภิบาล วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อผลติ บัณฑิตดี มีคณุ ภาพในการพฒั นาชมุ ชน ทอ้ งถิ่น ๒. เพ่อื ผลิตและพัฒนาครูอย่างมคี ณุ ภาพตามมาตรฐานของคุรุสภา ๓. เพ่ือวจิ ยั บรกิ ารวชิ าการถ่ายทอดในเทคโนโลยี สร้างองคค์ วามรแู้ ละนวัตกรรม

๔ ๔. เพื่อทำนุบำรงุ ศลิ ปะและวัฒนธรรม โดยนอ้ มนำแนวพระราชดำริมาใชใ้ นการพัฒนาชุมชน ท้องถิ่น ๕. เพือ่ สร้างเครอื ข่ายและความรว่ มมือภาคเี ครอื ข่ายทุกภาคสว่ น เพอ่ื ร่วมพฒั นาท้องถิน่ ๖. เพอื่ พฒั นาระบบการบรหิ ารจัดการมหาวิทยาลัยด้วยหลักธรรมาภิบาล ๑.๓ อัตลกั ษณ์ เอกลักษณ์ สญั ลกั ษณป์ ระจำมหาวทิ ยาลัยและประเดน็ ยุทธศาสตร์ อตั ลักษณ์ “ดี เกง่ มจี ิตอาสา พัฒนาให้เป�นผูป้ ระกอบการ” เอกลกั ษณ์ “การเป�นมหาวทิ ยาลยั ท่ีมีการปฏิบัติงานบรู ณาการพันธกิจแบบมีส่วนร่วม” สัญลกั ษณ์ประจำมหาวิทยาลัย ตราสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย คือ รูปพระราชลัญจกรประจำพระองค์ รัชกาลที่ ๙ มีลักษณะเป�นตรางารูปไข่ กว้าง ๕ เซนติเมตร สูง ๖.๗ เซนติเมตร รูปพระที่นั่งอัฏฐทิศอุทุมพรราช อาสน์ ประกอบดว้ ยวงจักร กลางวงจกั รมีอักขระเปน� อุ หรอื เลข ๙ รอบ ๆ มรี ัศมี แปลความหมายว่า “ทรงมีพระบรมเดชานุภาพในแผ่นดิน” ด้านบนของตรามีอักษรข้อความว่า “มหาวิทยาลัยราชภัฏ อุตรดติ ถ”์ ด้านล่างของตรามีขอ้ ความวา่ “UTTARADIT RAJABHAT UNIVERSITY” ตราสญั ลกั ษณ์ประจำมหาวทิ ยาลยั มี ๕ สี ซึง่ มคี วามหมาย ดังน้ี สีน้ำเงิน แทนค่า สถาบันพระมหากษัตริย์ผู้ให้กำเนิด และพระราชทานนาม “มหาวิทยาลัย ราชภฏั ” อันแปลวา่ นักปราชญ์แหง่ พระราชา สเี ขยี ว แทนค่า แหล่งทีต่ งั้ ของมหาวทิ ยาลัยในแหล่งธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อมทีส่ วยงาม สที อง แทนคา่ ความเจรญิ รงุ่ เรืองทางภมู ปิ �ญญาสีสม้ แทนคา่ ความรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรม ท้องถนิ่

๕ สีขาว แทนค่า ความคิดอันบริสุทธิ์ของนักปราชญ์แห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดลุ ยเดช สีเขียว - เหลอื ง สปี ระจำมหาวิทยาลัยราชภฏั อุตรดิตถ์ สีประจำมหาวิทยาลัย คือ เขียว - เหลือง หมายถึง มหาวิทยาลัยอุดมศึกษาของท้องถิ่นท่ี พร้อมด้วยความสงบร่มเย็น ความมีระเบียบและสมานสามัคคีเหมาะที่จะเป�นสถานศึกษาหาความรู้ ผลิตบณั ฑติ ที่มคี วามรู้คณุ ธรรม ตน้ ไมป้ ระจำมหาวิทยาลยั คือ ตน้ หางนกยูงฝรั่ง ประเด็นยทุ ธศาสตร์ ยทุ ธศาสตร์ที่ ๑ พนั ธกิจสัมพันธก์ ับการพฒั นาท้องถนิ่ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การผลติ ครู และบณั ฑติ ดีมีคุณภาพ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การยกระดับคุณภาพการศึกษา ยุทธศาสตรท์ ่ี ๔ การพัฒนาระบบการบริหาร

๖ ๑.๔ โครงสรา้ งการแบง่ ส่วนราชการของมหาวิทยาลยั การแบ่งส่วนราชการภายในมหาวิทยาลัย เป�นไปตามกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการ ในมหาวิทยาลยั ราชภฏั อุตรดิตถ์ กระทรวงศกึ ษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซ่ึงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๒ ตอนที่ ๒๐ ก หน้า ๘๐ ลงวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๔๘ และประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การแบ่งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งประกาศในราชกิจจา นเุ บกษา เล่ม ๑๒๓ ตอนท่ี ๗๔ ง หนา้ ๒๘ ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๔๙ ประกอบดว้ ย คณะครุศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะเกษตรศาสตร์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สำนักงานอธิการบดี สำนักวิทยบริการและ เทคโนโลยสี ารสนเทศ และสถาบนั วจิ ัยและพัฒนา และมสี ว่ นราชการในสำนักงานอธิการบดีทำหน้าท่ี สนับสนุนการจัดการศึกษาอีก ๕ ส่วนราชการ คือ กองกลาง กองนโยบายและแผน กองบริการ การศกึ ษา กองบริหารงานบุคคล และกองพัฒนานักศกึ ษา โครงสร้างองค์กร (Organization chart) โครงสร้างการแบง่ สว่ นราชการตามกฎกระทรวง มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอุตรดิตถ์ คณะครุศาสตร์ สำนักงานอธิการบดี คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ สถาบันวิจยั และพฒั นา สำนักวทิ ยบรกิ ารและเทคโนโลยี คณะวทิ ยาการจัดการ คณะเกษตรศาสตร์ สารสนเทศ คณะเทคโนโลยอี ุตสาหกรรม

๗ โครงสรา งการบริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดติ ถ

๘ สว่ นท่ี ๒ บรบิ ทกองบรหิ ารงานบุคคล ๑.๑ โครงสรา้ งการบริหารจดั การกองบริหารงานบคุ คล กองบริหารงานบุคคล สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ เป�นหน่วยงานใน ส่วนราชการของสำนักงานอธิการบดี โดยจัดตั้งตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การแบ่งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งประกาศในราชกิจจา นุเบกษา เล่ม ๑๒๓ ตอนที่ ๗๔ ง หน้า ๒๘ ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๔๙ ทำหน้าที่ประสานและ สนับสนนุ วัตถุประสงค์ของมหาวทิ ยาลยั โดยมีหน้าที่หลกั ในงานบริหารและบริการประสานสนบั สนนุ ดูแลผลประโยชน์และอำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรภายในมหาวิทยาลยั ไดแ้ ก่ขา้ ราชการพลเรือน ในสถาบนั อดุ มศึกษา พนกั งานมหาวิทยาลัย พนักงานราชการ ลกู จ้างประจำ พนกั งานช่วั คราว และ บุคลากรภายนอก โดยดำเนินงานใหเ้ ปน� ไปอยา่ งมีระบบรวดเร็วและมปี ระสทิ ธภิ าพ ปรชั ญา “บรหิ ารจดั การ ใหบ้ รกิ ารอยา่ งมีประสิทธภิ าพ” วิสัยทศั น์ “กองบรหิ ารงานบุคคล เป�นหนว่ ยงานที่ทำงานอย่างเป�นระบบ ใหบ้ ริการอยา่ งมคี ุณภาพ ให้ ครอบคลุมทุกภารกจิ ” พันธกจิ “ดำเนินการประสานส่งเสรมิ และสนับสนนุ งานดา้ นบุคลากร มงุ่ เนน้ การพัฒนาทรัพยากร บุคคลของมหาวิทยาลยั ให้มีคุณภาพเพ่ือความพร้อมในการเปลีย่ นแปลงขององคก์ ารอย่างตอ่ เนอื่ ง” วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อประสานภารกิจดำเนินการงานต้านบริหารงานบุคคลให้เป�นไปตามแผนพัฒนา แนวนโยบายของมหาวิทยาลัยและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของ ประเทศตามยทุ ธศาสตร์การพฒั นาชาติ ๒. เพื่อให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยมีศักยภาพและคุณภาพมีความรอบรู้คู่คุณธรรมเพื่อ รองรับการเปลย่ี นแปลง และนำพามหาวทิ ยาลยั ไปสูก่ ารยอมรบั ในระดับสากล ๓. เพื่อให้บริการงานด้านฐานข้อมูลแก่ฝ่ายบริหารในนำไปใช้เพื่อเป�นประโยชน์ในการ ตดั สนิ ใจด้านการบริหารอย่างมปี ระสทิ ธิภาพและกอ่ ใหเ้ กดิ ประสิทธผิ ล ภาระหน้าทีข่ องกองบริหารงานบคุ คล กองบริหารงานบุคคลมีภาระหน้าที่ดูแล รับผิดชอบเกี่ยวกับบริหารงานบุคลากรทั้งหมดของ มหาวิทยาลัย ตั้งแต่แรกบรรจุ จนถึงเกษียณอายุราชการ จัดเก็บข้อมูลประวัติของบุคลากร การตรวจสอบประวัติ ดูแล ดำเนินการด้านผลประโยชน์ของบุคลากรในมหาวิทยาลัย อันได้แก่ ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาสายวิชาการ ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา สายสนับสนุน ลูกจ้างประจำ พนักงานราชการ พนักงานมหาวิทยาลัยสายวิชาการ มหาวิทยาลัย สายสนับสนุน พนักงานมหาวิทยาลัย (พ) และพนักงานจ้างชั่วคราว รายเดือน รายวัน รวมถึง

๙ ผ้เู กษยี ณอายุราชการ พึงจะไดร้ ับท้งั ทางตรงและทางอ้อม ตงั้ แตก่ ารเรม่ิ เขา้ ปฏิบัติงานจนออกจากงาน ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเกษียณอายุราชการ การลาออก โยกย้าย โอนย้าย สับเปลี่ยนตำแหน่ง อกี ท้ังยังประสานงานกับส่วนราชการท่ีเก่ยี วข้องกบั งานในหน้าทีท่ ั้งภายในจงั หวัด และส่วนกลาง เช่น สำนกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนกั งานคลงั เขต กองทุนบำเหนจ็ บำนาญขา้ ราชการ กองทุน สำรองเลี้ยงชีพลูกจ้างประจำ สำนักงานประกันสังคม กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง สำนักงาน คลังเขต คลังจังหวัด เป�นต้น รวมถึงส่วนราชการภายในมหาวิทยาลัยในดำเนินการเก่ียวข้องกับงานที่ รับผิดชอบการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าปฏิบัติงานในมหาวทิ ยาลัย และงานด้านนิติการจะดูแลในด้าน กฎหมายให้แก่มหาวิทยาลัยโดยงานหลักๆในฝ่ายจะเป�นการสอบสวนหาข้อมูลข้อเท็จจริงในกรณี ลูกจ้างอาจารย์ข้าราชการกระทำความผิดทำหน้าที่ในการร่างระเบียบต่างๆของมหาวิทยาลัยการ ตรวจสอบสญั ญาจ้างตา่ งๆกบั หนว่ ยงานภายนอกและภายในมหาวทิ ยาลัย กองบริหารงานบคุ คล สามารถแบง่ เปน� งานหลัก ๆ ดงั นี้ ๑. งานบรหิ ารงานทั่วไป ๒. งานบรหิ ารงานบคุ คล ๓. งานอตั รากำลังและคา่ ตอบแทน ๔. งานกำหนดตำแหนง่ และแต่งตงั้ ๕. งานนิติการ ๑.๒ โครงสร้างการบรหิ าร (Administration chart) อธกิ ารบดี สำนักงานอธกิ ารบดี กองบรหิ ารงานบคุ คล ๑.๓ โครงสรา้ งการปฏิบตั งิ าน (Activity chart) กองบริหารงานบคุ คล งานบริหารงานท่ัวไป งานบริหารงานบุคคล งานอัตรากำลงั และคา่ ตอบแทน งานกำหนดตำแหน่งและแตง่ ตง้ั งานนิตกิ าร

๑๐ โครงสร้างบุคลากรกองบริหารงานบุคคล สำนกั งานอธิการบดี ๑.๔ โครงสร้างงานนิติการ งานนติ กิ าร เป�นหน่วยงานในสังกัดกองบรหิ ารงานบคุ คล สำนักงานอธิการบดี ได้รบั การจดั ต้ัง ขึ้นตามประกาศมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ เรื่อง การแบ่งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยราชภัฏ อุตรดิตถ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ มีพันธกิจหลักในการดำเนินการด้านนิติการและวินัยของบุคลากร รวมถึงการ ดำเนนิ การในเรือ่ งตา่ งๆ ดงั นี้ ๑. รา่ งหรือแกไ้ ขเพม่ิ เติมกฎ ระเบยี บ ข้อบงั คบั คำส่ัง และประกาศของมหาวิทยาลัย ๒. จดั ทำนิตกิ รรมหรอื เอกสารท่มี ีผลผูกพันทางกฎหมาย ๓. ศึกษาพิจารณาใหค้ วามเหน็ ท้งั ในข้อกฎหมาย และข้อเทจ็ จรงิ ในการรา่ งกฎหมาย ๔. เสนอความเหน็ ในการตคี วามและวินจิ ฉยั ป�ญหากฎหมาย

๑๑ ๕. ตอบข้อหารอื ปญ� หากฎหมายและทางปฏบิ ตั ิทางกฎหมาย ๖. ศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์หรือสังเคราะห์งานทางด้านกฎหมายเพื่อปรับปรุงกฎหมายและ ระเบยี บเก่ียวข้องกบั หน่วยงานท่ีรบั ผดิ ชอบ ๗. การดำเนนิ การทางวนิ ยั ของบุคลากร ตลอดจนการพจิ ารณาเรือ่ งร้องทุกข์ หรือการอทุ ธรณ์ ของบุคลากร ๘. การดำเนนิ คดีปกครอง/คดอี าญา/คดแี พง่ หรือคดีอน่ื ๆ ๙. การดำเนนิ การเกย่ี วกับความรบั ผดิ ทางละเมดิ และแพ่ง ๑๐. ติดตามและประสานงานการดำเนินคดีเพื่อให้การดำเนินการเป�นไปด้วยความถูกต้อง โปรง่ ใสเป�นธรรม ๑๑. ให้บริการวิชาการด้านต่างๆ เช่น ให้คำปรึกษา แนะนำ ในการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่ นักศึกษา ๑๒. การดำเนนิ การสืบสวนขอ้ เทจ็ จริง ๑๓. การดำเนนิ การบังคับคดี/ทวงถามการชำระหนผี้ มู้ หี นี้สินต่อมหาวทิ ยาลัย ๑๔. ตรวจทานสญั ญาจา้ งบคุ ลากรและสญั ญาคำ้ ประกัน ๑๕. ปฏิบัตงิ านด้านพัสดุ เชน่ ตรวจสัญญา คณะกรรมการตา่ ง ๆ เก่ยี วกบั การพัสดุ ๑๖. งานด้านสัญญาใหท้ นุ การศึกษาสำหรบั บคุ ลากรมหาวิทยาลยั ๑๗. การจดั ทำสัญญากบั หนว่ ยงานหรอื บุคคลภายนอก ๑๘. จดั เก็บขอ้ มลู เบ้ืองต้นและให้บรกิ ารขอ้ มลู ทางวิชาการ เกยี่ วกับข้อกฎหมาย ๑๙. งานเผยแพรก่ ฎ ขอ้ บังคบั ระเบยี บ ประกาศ คำส่ังของมหาวิทยาลัย ๒๐. งานด้านธรุ การ และงานอ่ืนทีไ่ ดร้ ับมอบหมายจากผบู้ งั คับบัญชา

๑๒ สว่ นที่ ๓ ข้ันตอนการปฏิบตั ิงาน การดำเนินการทางวินยั การดำเนินการทางวินัย หมายถึง การดำเนินการหรือกระบวนการทั้งหลายที่จะต้องกระทำเป�นกระบวนการ ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เมื่อข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา ลูกจ้างประจำ และพนักงานราชการ มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัย และผู้มีอำนาจตามกฎหมายได้พิจารณา เห็นว่ากรณีมีมูล จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน การดำเนินการทางวินัย จึงเป�นวิธีการแสวงหาข้อเท็จจริง กรณีเกี่ยวกับการที่บุคลากรของมหาวิทยาลัยดำเนินการอื่นใดที่นอกเหนือไปจากอำนาจหน้าที่และเป�นการ ดำเนินการที่ไม่สุจริตหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งการดำเนินการทางวินัยก็เพื่อเป�นหลักประกันความยุติธรรม ใหก้ บั บุคลกรกรณที ีถ่ ูกกล่นั แกลงหรือถูกใสร่ า้ ยจากบุคคลอ่นื ป�จจุบันมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ มีบุคลากรหลายประเภท ได้แก่ ข้าราชการพลเรือนใน สถาบันอุดมศึกษา พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา ลูกจ้างประจำ และพนักงานราชการ ซึ่งอยู่ภายใต้บทบัญญัติแห่ง กฎหมาย ระเบียบ ขอ้ บงั คบั เก่ียวกบั การบริหารงานบุคคลที่แตกต่างกนั ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา เป�นไปตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๑๑ ของประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง มาตรฐานการ สอบสวนพิจารณาเพื่อการลงโทษทางวินัยข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา และข้อบังคับมหาวิทยาลัย ราชภัฏอุตรดติ ถ์ วา่ ด้วย การสอบสวนพิจารณาการดำเนินการทางวนิ ยั พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒. พนักงานในสถาบันอุดมศึกษา เป�นไปตามมาตรา ๖๕/๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกอบกับข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่าด้วย การสอบสวนพจิ ารณาการดำเนนิ การทางวนิ ัย พ.ศ. ๒๕๖๓ ๓. ลูกจ้างประจำ เป�นไปตามหมวด ๕ ของระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วย ลูกจ้างประจำส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๗ ๔. พนักงานราชการเป�นไปตามข้อ ๑๖ ของประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรื่อง แนวทางการดำเนินการทางวินัยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกอบกับข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏ อตุ รดิตถ์ วา่ ดว้ ย การสอบสวนพจิ ารณาการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. ๒๕๖๓

๑๓ ดังกล่าวมาข้างต้น หากพิจารณาพระราชบัญญัติ ระเบียบ และข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวกับการบริหารงาน บคุ คลของบคุ ลากรมหาวิทยาลยั แต่ละประเภทแลว้ จะพบวา่ พระราชบัญญตั ิ ระเบยี บ และขอ้ บงั คับนนั้ ๆ ได้กำหนดให้ วินัย การรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัยของบุคลากรมหาวิทยาลัยให้สภามหาวิทยาลัยออกข้อบังคับท่ี เกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยได้ เว้นแต่กรณีของลูกจ้างประจำที่กำหนดให้วินัย การรักษาวินัย การดำเนินการ ทางวนิ ัย การอทุ ธรณ์และการรอ้ งทุกข์ เป�นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการ ที่กำหนดไว้ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วย ลูกจ้างประจำส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๗ ในส่วนกรณีการอุทธรณ์และร้องทุกข์ได้กำหนดในข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่าด้วย การบริหารงานบุคคลของพนักงานมหาวิทยาลัย โดยกำหนดไว้สำหรับการอุทธรณ์และร้องทุกข์เป�นการเฉพาะ ซึ่งเป�นไปตามขอ้ บังคับมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุตรดิตถ์ วา่ ดว้ ย การอุทธรณแ์ ละการรอ้ งทกุ ข์ พ.ศ. ๒๕๖๓ กล่าวคือ วินัย การรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย บุคลากรของมหาวิทยาลัยจะต้องพิจารณา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกอบกับประกาศ กฎ ข้อบังคับ ก.พ.อ. ในเรื่องท่ี เกี่ยวข้อง และระเบียบ หรือข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่าด้วย การบริหารงานบุคคลประเภทนั้นๆ รวมทั้งระเบียบ หรือข้อบังคับที่สภามหาวิทยาลัย ได้ตราออกใช้บังคับเกี่ยวกับเรื่องน้ันๆ ในขั้นตอนกระบวนการ วินัย การรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ โดยเฉพาะ ซึ่งโทษทางวินัย แบ่งออกเปน� ๒ ประเภท คือ ๑. การกระทำความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ได้แก่ การกระทำความผิดวินัยที่จะได้รับโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน และลดเงินเดือนให้เหมาะสมตามสมควรแก่กรณีความผิด ซึ่งหากมีเหตุอันควรลดหย่อนโทษ จะพิจารณาลดโทษนั้น เช่น จากการลงโทษลดเงินเดือนเป�นการตัดเงนิ เดือน หรือจากการลงโทษตัดเงินเดือนเปน� การลงโทษภาคทณั ฑก์ ็ได้ ๒. การกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ได้แก่ การกระทำความผิดวินัยที่จะต้องได้รับโทษปลดออก หรือไล่ออก ซึ่งจะต้องให้เหมาะสมกับความร้ายแรงแห่งกรณีความผิด หากมีเหตุอันควรลดหย่อนโทษจะลดโทษ จากการลงโทษไล่ออกจากราชการ เป�นการลงโทษปลดออกราชการก็ได้ เว้นแต่การกระทำความผิดวินัยนั้นเป�น การทุจรติ ตอ่ หนา้ ทรี่ าชการ แม้มเี หตุลดหยอ่ นโทษก็ไม่อาจนำเหตนุ ัน้ มาลดหย่อนโทษเปน� ปลดออกได้ การนำเงินที่ ทจุ ริตไปแล้วมาคืน หรือมเี หตุอันควรปราณอี ่นื ใด ไมเ่ ปน� เหตุลดหยอ่ นโทษลงเป�นปลดออกจากราชการ

๑๔ ในฐานะนิติกร จะต้องศึกษาและทำความเข้าใจให้ชัดเจน เพื่อให้การดำเนินการทางวินัย ดำเนินไปด้วย ความเรียบรอ้ ยและถูกต้องตามกฎหมาย โดยขนั้ ตอนการดำเนนิ การทางวนิ ยั มี ๑๐ ข้นั ตอน ดงั นี้ ๑. การรับเร่ืองรอ้ งเรยี นหรือกลา่ วหา ๒. การจดั ทำคำสง่ั แตง่ ต้งั คณะกรรมการสอบสวน ๓. การจดั เตรียมเอกสารประกอบการประชุม ๔. การเขา้ รว่ มประชุมและนำเสนอข้อมูล ๕. การจัดทำหนงั สอื แจ้งและอธิบายขอ้ กล่าวหา ๖. การรวบรวมพยานหลักฐานทเ่ี กยี่ วกับเรือ่ งที่กลา่ วหา ๗. การจัดทำหนงั สอื แจง้ ข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานสนับสนนุ ข้อกล่าวหา ๘. การรวบรวมพยานหลักฐานท่ผี ถู้ ูกกลา่ วหาอ้าง ๙. การจัดทำรายงานการสอบสวน ๑๐. การจดั ทำคำสง่ั ลงโทษ

๑๕ แผนภูมขิ ั้นตอนการดำเนนิ การทางวนิ ยั ๑. การรับเรอ่ื งร้องเรียนหรือกลา่ วหา ๒. การจดั ทำคำส่ังแต่งตงั้ คณะกรรมการสอบสวน ๓. การจดั เตรยี มเอกสารประกอบการประชมุ ๔. การเขา้ ร่วมประชุมและนำเสนอข้อมลู ๕. การจัดทำหนงั สือแจ้งและอธิบายข้อกล่าวหา ๖. การรวบรวมพยานหลกั ฐานที่เกีย่ วกับเรื่องที่กลา่ วหา ๗. การจดั ทำหนังสือแจ้งขอ้ กลา่ วหาและสรปุ พยานหลกั ฐานสนับสนุนข้อกลา่ วหา ๘. การรวบรวมพยานหลักฐานทีผ่ ้ถู กู กล่าวหาอา้ ง ๙. การจดั ทำรายงานการสอบสวน ๑๐. การจดั ทำคำสง่ั ลงโทษ

๑๖ กระบวนดำเนินการทางวนิ ยั ตามขอ บังคบั มหาวิทยาลัยราชภฏั อุตรดิตถ วาดวย การสอบสวนพิจารณาการดำเนนิ การทางวนิ ัย พ.ศ. ๒๕๖๓ 1. ๑. ประธานกรรมการ ต้องมนี ติ กิ ร หรือผ้จู บทางกฎหมาย หรอื ฝก� อบรมด้านวนิ ัยหรอื ๒. กรรมการ - เลขานุการ มีประสบการณ์ดา้ นการดำเนนิ การทางวนิ ยั อยา่ งน้อย ๑ คน อธิการบดี คณบดี ผอ. หวั หนา หนว ยงาน - ผชู้ ว่ ยฯ คณะกรรมการสอบสวน หากแตง่ ต้งั กรรมการสอบสวนไมถ่ ูกตอ้ งตามข้อ ๘ ใหก้ ารสอบสวนท้ังหมดเสยี ไป และให้แต่งตัง้ อยา งนอย ๓ คน (ขอ ๘) กรรมการสอบสวนใหม่ (ข้อ ๔๓) คำสง่ั แตงตง้ั ตองระบุ ๑. ชือ่ ,ตำแหนง ของผูถกู กลา วหา เรอื่ งที่กลา วหา คณะกรรมการสอบสวน (ขอ ๙) ๒. ชอื่ ,ตำแหนงของคณะกรรมการสอบสวน ๓. ใหม ีสาระสำคญั ตามแบบ สว.๑ ทายขอ บังคบั ดำเนนิ การแล้ว คำสั่งมหาวทิ ยาลัยฯท.ี่ ...........................ส่งั ณ วนั ท.่ี ........................................... ยงั ไมด่ ำเนนิ การเพราะ................................................................................................................... 2. คำส่งั แตงต้งั กรรมการฯ - ลงช่ือ,วนั ท่ที ราบคำส่งั ฯ มีสทิ ธคิ ดั คานคณะกรรมการฯ ได (โดย ไมอ าจแจง/ไมยอมรบั คำสัง่ ฯ - มอบสำเนาคำสง่ั แตง ต้งั ฯ ทำเปนหนังสือยื่นตอผูแตงตั้งภายใน แจง ผถู ูกกลา วหา ส  ง ส ำ เ น า ค ำ ส ั ่ ง ฯ ท า ง ไ ป ร ษ ณ ี ย ๑๕ วันนับแตวันที่ทราบ หรือวัน (ขอ ๑๐) ลงทะเบียนตอบรับ เมื่อพน ๑๕ วัน ทราบเหตุแหงการคัดคานและแสดง ถอื วารับทราบคำส่ังฯแลว เหตผุ ลแหง การคดั คานดวย) คัดคานคณะกรรมการสอบสวน มเี หตผุ ล ส่งั ใหผูถกู คดั คานพน จากการเปน แจงผลการคัดคานใหผูคัดคาน ภายใน ๑๕ วนั ขอ ๑๐(๒) ไมม เี หตุผล คณะกรรมการฯ และแตงตั้ง คณะกรรมการสอบสวนขนึ้ ใหมแ ทน สัง่ ยกคำคดั คา นภายใน ๑๕ วัน นับแตไ ดรับหนังสอื คัดคาน แจงใหผ ูถกู กลาวหาทราบ (คำสง่ั ยกใหเ ปน ทสี่ ดุ ) ดำเนินการแจง คำสง่ั แตง ตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ วนั ท่ี .............................. และผูถกู กลา วหา คดั คา น/ไมคัดคา น ยงั ไมด ำเนินการเพราะ...................................................................................................................

๑๗ 3. แจง ประธานและคณะกรรมการสอบสวน (ขอ ๑๔) สงหลักฐานการรับทราบ/ถือวารับทราบคำสั่งฯ และ เอกสารหลกั ฐานเรอ่ื งท่กี ลา วหาใหประธานกรรมการโดย ใหป ระธานลงช่อื วันทีท่ ราบไวเ ปน หลักฐาน ดำเนนิ การแลววันที่ ...................................................................................................................... ยังไมดำเนินการเพราะ................................................................................................................... ประชมุ กรรมการวางแนวทางการสอบสวนและแจง - มีกรรมการไมนอยกวา กึง่ หนง่ึ ของจำนวนกรรมการทงั้ หมด - ตองมีประธานรวมประชุมดวย กรณีจำเปนใหเลือกกรรมการคน 4. ใหผูถูกกลาวหาทราบภายใน ๑๕ วันนับแตวันท่ี หน่ึงทำหนาท่ีแทนประธาน - การลงมติใหถือเสียงขางมาก ถา เทา กนั ใหประธานในทปี่ ระชมุ ออก ประธานทราบคำสั่ง (ขอ ๑6 + ขอ 22(1)) เสยี งเพ่มิ เปน เสียงชขี้ าด ดำเนนิ การแลว ประชมุ ในวนั ท.ี่ .................................................................................................... ยังไมดำเนนิ การเพราะ................................................................................................................... เรียกผถู ูกกลา วหามารับทราบขอกลา วหา ๑. อธบิ ายวา ผถู กู กลาวหากระทำการใด เมือ่ ใด อยา งไร (สว.๒) (สว.๒) ภายใน ๑๕ วันนบั แตว นั ทป่ี ระธาน ๒. แจง สิทธิ - ไดร ับแจง สรปุ พฐ.ที่สนับสนุนขอ กลา วหา รับทราบคำส่ังแตง ตง้ั ฯ ทำบนั ทกึ ตามแบบ สว.๒ 5. วนั สุดทาย วันที่....................................... - ใหถ อยคำ/ชแี้ จง อาง/นำพยานหลกั ฐานมาสบื จำนวน 2 ฉบบั ให แกขอกลา วหา ๑. ผถู กู กลา วหา 1 ฉบบั (ขอ 22(1) + ขอ ๒๔) ๒. เกบ็ ในสำนวน 1 ฉบบั รับสารภาพ แจงใหทราบวาเปนความผิดวินัยกรณีใด บันทึกถอยคำ รับสารภาพและเหตุผล และสาเหตุไวดวย จะสอบสวน ถามผถู กู กลา วหาวา ไดทำตามท่ีถกู กลา วหา ตอไปหรอื ไมก ็ไดตามเหน็ สมควร หรือไม อยา งไร (ขอ ๒4 วรรคสาม) ปฏเิ สธ ดำเนินการสอบสวนเพอื่ รวบรวบรวมพยานหลกั ฐานท่ีเกย่ี วขอ งตอ ไป ดำเนินการแลว โดยเรยี กผถู กู กลาวหามารบั ทราบขอกลา วหาพรอมกบั แจง สทิ ธิใหท ราบ ยังไมดำเนินการเพราะ....................................................................................................... รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวของกับ คณะกรรมการสอบสวนรวบรวมพยานหลกั ฐานทีส่ นับสนนุ ขอกลา วหาและ พจิ ารณาวา พยานหลกั ฐานใดสนบั สนุนขอ กลาวหา และเปนความผิดวินยั 6. ขอกลาวหาภายใน ๖๐ วันนับแตวันแจง กรณีใด มาตราใดเพอ่ื แจงผถู กู กลา วหาตอไป ขอ กลา วหาตามแบบ (สว.๒) ขอ 22 (2) ดำเนินการแลวเสร็จเมอ่ื ................................................................................................................. ยังไมดำเนนิ การเพราะ...................................................................................................................

๑๘ 7. แจงขอกลา วหาและสรปุ พยานหลกั ฐาน - ระบุขอ กลา วหาตามพยานหลกั ฐานวา ผดิ กรณใี ด ทำบนั ทกึ ตามแบบ สว.๓ จำนวน 2 ฉบบั ให - สรุปพยานหลกั ฐาน โดยระบุวันเวลา สถานทแี่ ละ ๑. ผถู ูกกลา วหา 1 ฉบบั ภายใน๑๕วนั นับแตร วบรวม การกระทำทส่ี นบั สนนุ ขอกลา วหาใหท ราบ พยาน ๒. เก็บในสำนวน 1 ฉบบั พยานหลกั ฐานเสรจ็ (ขอ 25) บคุ คลจะระบุชอ่ื หรอื ไมก็ได แจง เมอ่ื วนั ท่ี............................................ ถามผถู กู กลา วหาวา จะยืน่ คำชี้แจง ย่ืนคำช้ีแจง ไมเ กนิ ๑๕วันนับแตทราบขอ กลาวหาและสรปุ พยานหลกั ฐานที่ ขอ กลาวหาเปน หนังสือหรือไม ไมย น่ื สนบั สนุนขอ กลา วหา (สว.3) สามารถโตแยง และแสดงพฐ./ (ขอ 25 วรรคสาม) ใหถ อ ยคำเพิ่มเตมิ แกข อ กลา วหาได ใหผ ถู ูกกลาวหาใหถ อ ยคำและนำสืบแกข อ กลาวหา โดยผูถูกกลา วหาจะนำพยานหลกั ฐานมาเอง/ อา งพยานหลกั ฐานแลว ขอใหคณะกรรมการสอบสวนเรยี กมากไ็ ด ผถู ูกกลาวหาประสงคย ื่นคำชีแ้ จง ดำเนนิ การแลว ผูถ ูกกลา วหายน่ื คำชีแ้ จงแกข อ กลาวหาเมื่อวนั ท่ี................................ ครบกำหนดวันที่ ........................... ยังไมดำเนนิ การเพราะ................................................................................................ ๘. รวบรวมพยานหลกั ฐานของผูถูกกลาวหา คณะกรรมการรวบรวมพยานหลักฐานตามขอโตแยงของผูถูกกลาวเพื่อใช ประกอบการวินิจฉัยตอไป หากเห็นวา พยานหลักฐานใดจะทำใหการสอบสวน ภายใน ๖๐ วนั นบั แตว ันแจงสรปุ ลาชาโดยไมจำเปน หรือมิใชพยานหลักฐานในประเด็นสำคัญจะงดสอบสวน พยานหลกั ฐานสนับสนุนขอ กลาวหา พยานหลักฐานนั้นก็ได แตตองบันทึกเหตุนั้นไวในบันทึกประจำวันที่มีการ ตามแบบ (สว.๓) (ขอ 22(๔)) ดำเนินการรวบรวมพยานหลกั ฐานของผูถกู กลา วหาแลวเสรจ็ ยังไมดำเนินการเพราะ................................................................................................................... ประชุมพิจารณาลงมติ และทำรายงานเสนอ - พจิ ารณาลงมติวาผูถ กู กลาวหากระทำผิดวินัยหรอื ไม กรณีใด มาตราใด และควรรับโทษสถานใดทำรายงานการสอบสวนตามแบบ สว.๖ เสนอผสู ง่ั แตง ตง้ั ๙. ผูสั่งแตงตั้งฯภายใน ๓๐วันนับแตวันที่ คณะกรรมการกรรมการสอบสวนผใู ดมคี วามเหน็ แยง ใหท ำความเหน็ แยงแนบไวก ับ รายงานการสอบสวน รวบรวม พยานหลักฐานของผูถูกกลาวหา ภายใน..................................................... (ขอ 22 (5) + ขอ ๓9 + ขอ 40) ดำเนนิ การพจิ ารณาลงมติและจดั ทำรายงานการสอบสวนแลวเสรจ็ ยงั ไมด ำเนนิ การเพราะ...................................................................................................................

๑๙ การขยายระยะเวลาสอบสวน ครั้งละไมเ กนิ ๖๐ วนั หากเกิน ๒๗๐ วัน ตอ งรายงานเหตุผลใหผูส ่งั แตงตง้ั เพื่อรายงานให ก.บ.ม. ทราบ ๑๐. (ถา มี) (ขอ 22 วรรคสองและ - ขยายครั้งที่ ๑ เสนออธิการบดี วนั ที.่ ......................................ถงึ วันท่.ี ............................... - ขยายครงั้ ท่ี ๒ เสนออธกิ ารบดี วนั ที่.......................................ถงึ วันท่.ี .............................. วรรคหา) - ขยายครงั้ ที่ ๓ เสนออธิการบดี วันที.่ ......................................ถงึ วนั ท่ี............................... รวมใชเวลาสอบสวนท้ังสน้ิ ....................................วนั นบั แตวันท่ีประธานรับทราบคำสง่ั

๒๐ ขน้ั ตอนท่ี ๑ การรับเร่ืองรอ้ งเรียนหรือกล่าวหา การรับเรื่องการดำเนินการทางวินัยนั้น โดยส่วนใหญ่เรื่องวินัยนั้นจะเป�นเรื่องที่มีการกล่าวหา หรือ ร้องเรยี นต่อผู้บังคบั บญั ชาชน้ั ต้น หรอื ผู้บังคับบัญชาเหนอื ชัน้ ขน้ึ ไป หรอื รอ้ งเรยี นผ่านยงั ผทู้ ี่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง หรอื มีการแจง้ ผ่านทางผู้บังคบั บญั ชา หรอื แจง้ ตามช่องทางการเสนอหนังสอื ร้องเรียนทม่ี หาวิทยาลัยกำหนดไว้ ในฐานะนิติกร เมื่อไดรับเรื่องรองเรียนหรือกลาวหาจากหนวยงาน หรือไดรับมอบหมายจากผูบริหาร จะทำความเห็นเสนอผบู ริหาร ดังน้ี ๑.๑ พิจารณาเรื่องรองเรียนเบื้องตน วาเขาขายเปนเรื่องรองเรียนหรือไม โดยพิจารณาว่าในหนังสือ ร้องเรียนมีการลงลายมือชื่อผู้ร้องเรียนหรือไม่ ผู้ร้องมีตัวตนจริงหรือไม่ ถ้าหากไม่มีตัวตนที่แท้จริงแล้วก็เข้าลักษณะ บัตรสนเท่ห์ ซึ่งมหาวิทยาลัยจะรับพิจารณาเฉพาะรายที่ระบุหลักฐานกรณีแวดล้อมปรากฏชัดแจ้ง และมีการ ชี้พยานหลักฐาน หรือพยานบุคคลแน่ชัดเท่านั้น หากเป�นบัตรสนเท่ห์ ที่มีลักษณะที่กล่าวอ้างเลื่อนลอย หรือไม่มี พยานหลกั ฐานเพยี งพอ มหาวทิ ยาลยั จะไมร่ ับไว้พิจารณา กรณีที่รับเรื่องร้องเรียนไว้พิจารณา ให้เสนอมหาวิทยาลัยแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงว่ามีมูลความผิดวินัยหรือไม่ โดยการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ควรมีการตั้งกรรมการอย่างน้อย ๓ คน แต่ถ้าหากอธิการบดีหรือผู้มีอำนาจสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เห็นวา่ เรอ่ื งท่ีมีการร้องเรียน มขี ้อมลู หรอื พยานหลกั ฐานท่ีปรากฏแนช่ ดั ว่ามีการกระทำความผิดวินัยอย่างแน่นอน แล้ว จะไม่สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงก็ได้ เนื่องจากมหาวิทยาลัยไม่ได้มีกฎหมายหรือข้อบังคับที่ วางหลักเกี่ยวกับขั้นตอนการสืบสวนข้อเท็จจริงไว้ ดังนั้น หากอธิการบดีหรือผู้มีอำนาจสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวน ไม่ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง แต่มอบหมายให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดไปเป�นผู้ดำเนินการสืบหา ขอ้ เทจ็ จรงิ เปน� ทางลบั ก็เปน� ได้ ท้งั น้ี ขั้นตอนการพจิ ารณาในเบื้องต้นของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง จึงไม่ได้ มีกำหนดระยะเวลาไว้ ซึ่งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง จะดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง รวบรวม พยานหลกั ฐานทีส่ ำคัญท้ังหมด ตรวจสอบหลกั ฐาน เอกสารต่างๆ การบนั ทกึ ถอ้ ยคำของบุคคล และการทำรายงาน ผลการสืบสวนข้อเท็จจรงิ ให้อธกิ ารบดหี รอื ผมู้ อี ำนาจสั่งแต่งตง้ั คณะกรรมการสอบสวนทราบ ๑.๒ เสนอความเห็นตอผู้บริหาร เพื่อพิจารณารายงานผลการสืบสวนข้อเท็จจริง ในเบื้องต้นว่ากรณี ดังกล่าวนั้น เป�นกรณีที่มีการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงหรือไม่อย่างไร หรือเป�นกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง หรือไม่อย่างไร หรือไม่มีมูลความผิดวินัย หรือเป�นกรณีที่การกล่าวหานั้นมีหลักฐาน ตามสมควรหรือไม่อย่างไร โดยรองอธิการบดีที่กำกับดูแลงานนิติการ รวมถึงนิติกร จะต้องเป�นผู้ที่กลัน่ กรองเรื่องเพื่อเสนอความเห็นเบื้องต้น โดยจะยดึ ถือความเห็นของคณะกรรมการสบื สวนข้อเทจ็ จริงเปน� หลักเสนอไปยังอธิการบดหี รือผมู้ ีอำนาจสั่งแต่งต้ัง คณะกรรมการสอบสวน และจะพจิ ารณาในประเด็น ดังนี้

๒๑ ๑.๒.๑) พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงและตรวจสอบข้อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ มติ หรอื คำสั่งอืน่ ใดทเ่ี ก่ยี วข้องกับเร่ืองท่ีมีการกลา่ วหา เพือ่ เสนอความเห็นทางกฎหมายในเบื้องตน้ ประกอบในการ สั่งการของอธิการบดีหรือผู้มีอำนาจสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ว่าเรื่องที่มีการกล่าวหามีมูลความผิดวินัย หรอื ไม่ หากมมี ูลเป�นความผิดวินยั รา้ ยแรงหรอื ไมร่ า้ ยแรงตามกฎหมายใด ๑.๒.๒) หากเรื่องที่มีการกล่าวหามีมูลความผิดวินัย ให้พิจารณากรณีการกระทำผิดวินัย อย่างรา้ ยแรงหรือไม่อย่างไร รองอธกิ ารบดีที่กำกบั ดูแลงานนิติการรวมถงึ นิติกร จะตอ้ งพจิ ารณาความร้ายแรงแห่ง กรณีตามท่ีกำหนดไวใ้ นหมวด ๕ และหมวด ๖ แห่งพระราชบัญญัติระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื นในสถาบนั อดุ มศึกษา ในกรณีที่เป�นข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา หรือพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในกรณีที่ เป�นลูกจ้างประจำ หรือที่กำหนดไว้ในข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่าด้วย การบริหารงานบุคคลของ พนกั งานมหาวิทยาลัย กรณีท่ีเป�น พนกั งานมหาวิทยาลัย(พ) และพนักงานราชการ ซึ่งมหาวิทยาลยั กำหนดให้เร่ือง วินัยให้นำวิธีการทางวินัยสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัยมาใช้กับพนักงานมหาวิทยาลัย(พ) และพนักงานราชการ และกรณีบุคลกรประเภทอื่นให้พิจารณาให้เป�นไปตามกฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับสำหรับบุคลากรประเภทน้ัน โดยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับ มีการกำหนดไว้อย่างชดั แจ้งว่าการกระทำหรือผู้ที่ถูกกลา่ วหา น้ันไดก้ ระทำการในลักษณะใดเปน� การกระทำท่เี ขา้ ลักษณะแห่งการกระทำทีร่ ้ายแรงหรอื ไมร่ ้ายแรงแลว้ แต่กรณี ๑.๒.๓) หากเรื่องที่มีการกล่าวหามีมูลความผิดวินัย ให้พิจารณากรณีการกระทำความผิดว่าเป�น ความผิดทป่ี รากฏชดั แจ้งหรือไม่อย่างไร สำหรับกรณีท่เี ป�นความผิดชดั แจ้งนัน้ เปน� ไปตามกฎ ก.พ.อ. หรอื กฎ ก.พ. ซง่ึ กำหนดให้อธกิ ารบดหี รอื ผูบ้ ังคบั บญั ชาจะลงโทษทางวนิ ยั โดยไม่สอบสวนก็ได้ ๑.๒.๔) พิจารณาผู้ที่ถูกกล่าวหาเป�นบุคลากรประเภทใด เนื่องจากบุคลากรในมหาวิทยาลัยน้ันมี อยู่หลายประเภท เช่น ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พนักงานมหาวิทยาลัย พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว ผู้ที่จ้างเหมาบริการ ซึ่งบุคลากรแต่ละประเภทนั้นมีสถานะทางกฎหมายที่แตกต่าง กัน เมื่อมีเรื่องที่ถูกกล่าวหาทางวินัย จะต้องพิจารณาดำเนินการให้เป�นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือ สัญญาจา้ งของบคุ ลากรแตล่ ะประเภทน้นั ๑.๓ ผู้บริหารพิจารณาสั่งการ เมื่ออธิการบดีหรือผู้มีอำนาจสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ได้รับ ความเห็นในเบือ้ งต้นพรอ้ มท้ังขอ้ เทจ็ จรงิ และข้อกฎหมายแล้ว จะสง่ั การใหน้ ติ ิกรดำเนนิ การ ดังน้ี ๑.๓.๑) หากเป�นเรือ่ งที่ไมม่ ีมลู ควรกล่าวหาวา่ กระทำผดิ วินยั กใ็ ห้ยุติเรอื่ ง และแจ้งให้ผู้ร้องทราบโดยเร็ว ๑.๓.๒) หากเป�นเรื่องที่มีมูลควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัย ก็ให้ดำเนินการทางวินัยตามประเภท ความร้ายแรงของความผิดทีส่ ั่งการ ทั้งนี้ การพิจารณาดำเนินการทางวินัยนั้น ให้ดำเนินการทางวินัยและพิจารณา สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามประเภทของบุคลากรและตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรประเภทนั้น ตอ่ ไป

๒๒ ปญ� หา ๑. ผ้ทู ี่รอ้ งเรยี นมกั ปกปด� ชอื่ เน่อื งจากเกรงกลัวว่าจะไมป่ ลอดภยั ๒. การสง่ เร่อื งจากผู้บงั คบั บัญชาชนั้ ตน้ มายังมหาวทิ ยาลัยเปน� ไปด้วยความล่าช้า ๓. การร้องเรียนเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยส่วนมากเป�นเรื่องเลื่อนลอย ปราศจากหลักฐานในการ กล่าวหา ๔. หวั หนา้ หนว่ ยงานมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกีย่ วกับกระบวนการทางวนิ ัยของลูกจา้ งเหมาบริการ แนวทางการแก้ไขป�ญหา ๑. ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับชั้นความลับ กรณีที่มีผู้ร้องเรียนหรือแจ้งเรื่องวินัยให้กับมหาวิทยาลัย ซึ่งจะถูก ปกป�ดชื่อเปน� ความลับ ๒. กำหนดแนวทางการรบั เรอ่ื งและการพจิ ารณาเรื่องของผบู้ งั คับบญั ชาใหเ้ ปน� ไปตามแนวปฏบิ ตั ิ ๓. สร้างความรู้ความเขา้ ใจให้กบั บุคลากรเกีย่ วกับเรือ่ งวนิ ัย โดยการจัดอบรม หรือแจกเอกสารสร้างความรู้ ความเข้าใจในเบื้องต้น โดยมีเนื้อหาไมซ่ บั ซ้อนเข้าใจได้ ๔. จำแนกประเภทของบุคลากรในมหาวิทยาลัยและลักษณะกระบวนการทางวินัยของบุคลากรแต่ละ ประเภท ข้อเสนอแนะ เมอ่ื อธกิ ารบดหี รือผมู้ ีอำนาจสงั่ แต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวน ไดท้ ราบข้อเทจ็ จรงิ ข้อกฎหมายในเบ้ืองต้น แล้ว ก่อนสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เห็นควรให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงในเบื้องต้น ทุกกรณี ทั้งนี้ เพื่อเป�นหลักประกันแห่งความยุติธรรมให้กับผู้ที่ถูกกล่าวหา เนื่องจากหากมหาวิทยาลัยแต่งต้ัง คณะกรรมการสอบสวนโดยพลันผูถ้ ูกกล่าวหาอาจเสยี สิทธิบางประการได้

๒๓ ขน้ั ตอนท่ี ๒ การจดั ทำคำสั่งแต่งต้งั คณะกรรมการสอบสวน เม่อื มหาวิทยาลัยโดยอธิการบดี หรือผมู้ ีอำนาจสงั่ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามข้อ ๗ ของข้อบังคับ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุตรดิตถ์ ว่าดว้ ย การสอบสวนพจิ ารณาการดำเนนิ การทางวินยั พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้รับความเหน็ ใน เบื้องต้นพร้อมทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายและหากเห็นว่า สมควรให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเกี่ยวกับ เรอ่ื งที่มกี ารกระทำผดิ วนิ ัย ในฐานะนิตกิ ร เมอื่ ไดร้ ับมอบหมายใหร้ ับผดิ ชอบจัดทำคำสัง่ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึง่ มีขั้นตอน ดังน้ี ๒.๑ พิจารณาและรวบรวมรายชื่อบุคคลที่เหมาะสมในการแต่งตั้งเป�นคณะกรรมการสอบสวน โดยประสานงานเบ้ืองตน้ กับผู้อำนวยการกองบรหิ ารงานบคุ คลและหรือผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดี และหรือ รองอธิการบดีท่ีกำกับดูแลงานนิติการ เพื่อสรุปเรื่องเบ้ืองต้นว่ามีความเกีย่ วข้องกับเรื่องใด เป�นบคุ ลากรประเภทใด และเห็นควรให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านใด เพื่อเสนอมหาวิทยาลัยเพื่อ พิจารณาแต่งตั้งให้เป�นคณะกรรมการสอบสวน และให้เป�นไปตามข้อ ๘ และข้อ ๙ ของข้อบังคับมหาวิทยาลัย ราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่าด้วย การสอบสวนพิจารณาการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. ๒๕๖๓ สำหรับรายชื่อบุคคลที่จะเป�น คณะกรรมการสอบสวนนั้นต้องพิจารณาเงื่อนไขสำคญั ดงั นี้ ประกอบด้วย ๒.๑.๑) ผู้ที่จะเป�นคณะกรรมการสอบสวนจะต้องไม่มีส่วนได้เสียกับผู้ที่ถูกกล่าวหา ผู้ที่จะเป�น คณะกรรมการสอบสวนจะต้องไม่มีสภาพร้ายแรงท่ีจะทำการสอบสวนได้ ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติวิธพี ิจารณาทาง ปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และทแี่ ก้ไขเพิ่มเตมิ ๒.๑.๒) ผู้ที่จะเป�นประธานคณะกรรมการสอบสวนจะต้องเป�นผู้ที่ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าหรือ เทยี บเทา่ ผู้ท่ีถูกกลา่ วหา ๒.๑.๓) ผู้ที่จะเป�นคณะกรรมการสอบสวนควรมาจากผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่ถูก กล่าวหา ๒.๑.๔) ในคณะกรรมการสอบสวนจะต้องมีนิติกรหรือมีผู้ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมายอย่างน้อย หน่ึงคนร่วมเป�นคณะกรรมการสอบสวน ๒.๒ เสนอรายชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป�นคณะกรรมการสอบสวน เมื่อได้พิจารณาผู้ที่สมควรเป�น คณะกรรมการสอบสวนแล้ว ให้เสนอรายชื่อเบื้องต้นของบุคคลดังกล่าวให้อธิการบดีหรือผู้สั่งมีอำนาจสั่งแต่งต้ัง คณะกรรมการสอบสวน เป�นผู้พิจารณาเลือกรายชื่อผู้ที่สมควรเป�นคณะกรรมการสอบสวน โดยให้นิติกร เป�นฝ่าย เลขานุการหรือเป�นกรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการสอบสวนดังกล่าว เพื่อทำหน้าที่รับผิดชอบงานด้าน ธุรการของคณะกรรมการสอบสวน หรือกรณีที่อธิการบดี หรือผู้มีอำนาจสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เห็นสมควรให้บุคคลภายนอกเป�นคณะกรรมการสอบสวน ก็ให้เสนอนิติกรเจ้าของสำนวนเป�นเลขานุการหรือ ผูช้ ่วยเลขานกุ ารในคณะกรรมการสอบสวนเพ่ือทำหน้าทธ่ี รุ การในคณะกรรมการสอบสวนดว้ ย

๒๔ ๒.๓ ประสานทาบทามผู้ที่สมควรเป�นคณะกรรมการสอบสวน เมื่ออธิการบดี หรือผู้มีอำนาจสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวน ได้พิจารณาเลือกรายชื่อแล้ว งานนิติการ โดยนิติกรเจ้าของสำนวนในฐานะธุรการในการ ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน จะต้องประสานทาบทามไปยังผู้ที่สมควรเป�นคณะกรรมการสอบสวน เพอื่ เชิญมาเปน� คณะกรรมการสอบสวนทางโทรศัพท์ในเบื้องต้น ๒.๔ ขออนุญาตหน่วยงานต้นสังกัดของผู้สมควรเป�นคณะกรรมการสอบสวน เมื่อผู้สมควรเป�น คณะกรรมการสอบสวนตกลงหรือตอบรับที่จะเป�นคณะกรรมการสอบสวนแล้ว นิติกรจะต้องจัดทำบันทึกหรือ หนงั สอื เชญิ เพื่อเป�นคณะกรรมการสอบสวนไปยังรายช่ือดงั กล่าว เพือ่ ขออนุญาตหน่วยงานต้นสังกดั และเก็บไว้เป�น หลักฐาน รายละเอยี ดปรากฏตามแบบฟอรม์ ตัวอย่างที่ ๑ และตัวอย่างท่ี ๒ ๒.๕ จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยการจัดทำคำสั่งนั้น นิติกรจะเน้นไปที่การดำเนินการ สอบสวนข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พนักงานมหาวิทยาลัยและพนักงานราชการ ซึ่งเป�นบุคลากร ส่วนใหญ่ของมหาวิทยาลัย โดยข้อ ๙ ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่าด้วย การสอบสวนพิจารณา การดำเนินการทางวินัย พ.ศ. ๒๕๖๓ กำหนดให้มีสาระสำคญั ตาม (แบบ สว ๑.) กล่าวคือต้องระบชุ ื่อ ตำแหน่งของ ผู้ถูกกล่าวหา เรื่องที่กล่าวหา ตำแหน่งของผู้ได้รับแต่งตั้งเป�นคณะกรรมการสอบสวน รายละเอียดปรากฏตาม แบบฟอร์ม ตัวอย่างที่ ๓ เมื่อได้จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ให้นำเสนอคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ต่อรองอธิการบดีที่กำกับดูแลงานนิติการ เพื่อตรวจพิจารณา เมื่อรองอธิการที่กำกับดูแลงานนิติการ ได้ตรวจ พิจารณาแล้ว ก็ให้เสนอคำสงั่ ต่ออธกิ ารบดหี รือผู้มีอำนาจส่ังแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวน โดยไม่ต้องนำเข้าระบบ ธุรการของมหาวทิ ยาลยั เนอื่ งจากคำสัง่ ดงั กลา่ ว เปน� คำสงั่ ลับ ไมค่ วรเปด� เผยตอ่ บุคคลภายนอกยกเว้นแต่ผู้ที่มีส่วน เกี่ยวข้อง เมื่ออธิการบดี หรือผู้มีอำนาจสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เห็นชอบอนุมัติคำสั่งดังกล่าวแล้ว ใหน้ ติ กิ ร ดำเนินการออกเลขคำสง่ั แต่งต้งั คณะกรรมการสอบสวนต่อไป ๒.๖ แจ้งคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เมื่ออธิการบดี หรือผู้มีอำนาจสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวน ได้ลงนามอนุมัติคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ตามข้อ ๑๐ ของข้อบังคับมหาวิทยาลัย ราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่าด้วย การสอบสวนพิจารณาการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. ๒๕๖๓ กำหนดให้ผู้สั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวนดำเนนิ การแจ้งคำส่ังแตง่ ตัง้ คณะกรรมการสอบสวนให้ผู้ทม่ี ีส่วนเกย่ี วขอ้ งรับทราบ ซึ่งนิติกร ในฐานะฝ่ายเลขานุการ จะต้องดำเนินการ ดงั น้ี ๒.๖.๑) แจ้งคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนให้กับผู้ถูกกล่าวหาทราบโดยเร็ว พร้อมทั้งให้ ลงลายมือชื่อวัน เดือน ป�ที่รับทราบคำสั่ง หากผู้ถูกกล่าวหาไม่ยอมรับคำสั่ง ให้ส่งสำเนาคำสั่งทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนตอบรับไปให้ผู้ถูกกล่าวหา ณ ที่อยู่ของผู้ถูกกล่าวหา หากล่วงพ้นสิบห้าวัน ให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาได้ รบั ทราบคำส่ังแตง่ ต้ังคณะกรรมการสอบสวนแล้ว

๒๕ ทั้งนี้ ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ต้องแจ้งสิทธิหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหา ทราบดว้ ย พรอ้ มทงั้ แจง้ ด้วยวา่ ผู้ถูกกลา่ วหามสี ิทธิคดั ค้านประธานคณะกรรมการสอบสวน และกรรมการสอบสวน โดยผถู้ ูกกล่าวหามสี ิทธคิ ัดค้านดงั กลา่ วภายในสิบหา้ วัน นบั แตว่ นั ท่ีไดร้ บั ทราบคำสง่ั แต่งตัง้ คณะกรรมการสอบสวน หากเม่ือผู้ถูกกล่าวหาได้มีการคัดคา้ นประธานคณะกรรมการสอบสวนหรือกรรมการสอบสวน ให้ อธิการบดีหรือผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาสั่งการอย่างหนึ่งอย่างใดภายในสิบห้าวันนับแต่วันท่ี ได้รับหนังสือคัดค้านประธานคณะกรรมการสอบสวนหรือกรรมการสอบสวน หากอธิการบดีหรือผู้สั่งแต่งตั้งคณะ กรมการสอบสวนไม่ได้สั่งการอย่างหนึ่งอย่างใดภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือคัดค้าน ให้ถือว่าผู้ที่ถูก คัดค้านพ้นจากการเป�นกรรมการสอบสวน และให้ประธานกรรมการสอบสวนรายงานไปยังผู้สั่งแต่งต้ัง คณะกรรมการสอบสวนเพ่อื พิจารณาดำเนินการต่อไป รายละเอียดปรากฏตามแบบฟอร์ม ตัวอยา่ งท่ี ๔ ๒.๖.๒) แจง้ คำส่งั แต่งตง้ั คณะกรรมการสอบสวนใหผ้ ูท้ ่ีไดร้ บั แตง่ ตง้ั ให้เปน� คณะกรรมการสอบสวน พร้อมทั้งสง่ เอกสารหลักฐานที่เกีย่ วข้องให้กับประธานคณะกรรมการสอบสวนตามที่กำหนดไว้ในขอ้ บังคับดังกล่าว ขา้ งต้น

๒๖ ตัวอย่างที่ ๑ แบบฟอร์มหนงั สอื เชิญเปน� คณะกรรมการสอบสวน (กรณเี ปน� บคุ คลภายนอกมหาวิทยาลัย)

๒๗ ตัวอย่างที่ ๒ แบบฟอร์มบนั ทึกเชิญเปน� คณะกรรมการสอบสวน (กรณเี ปน� บุคคลภายในมหาวิทยาลัย)

๒๘

๒๙ ตวั อย่างท่ี ๓ แบบฟอร์มคำส่ังแตง่ ต้ังคณะกรรมการสอบสวน (แบบ สว.๑)

๓๐ ตัวอยา่ งท่ี ๔ แบบฟอร์มหนงั สอื แจง้ คำสง่ั แตง่ ตง้ั คณะกรรมการสอบสวน

๓๑ ป�ญหา ๑. ผทู้ ต่ี อบรับเปน� คณะกรรมการสอบสวนมนี อ้ ย ๒. ขาดผเู้ ชี่ยวชาญเฉพาะเรือ่ งที่เกี่ยวขอ้ งกบั เรือ่ งทีก่ ล่าวหา ๓. ผถู้ ูกกล่าวหาบา่ ยเบีย่ งท่ีจะรบั ทราบคำสงั่ แต่งตง้ั คณะกรรมการสอบสวน แนวทางการแก้ไขป�ญหา ๑. สรา้ งความเข้าใจถงึ ภาระงานที่จะได้รับเมื่อมหาวทิ ยาลัยแตง่ ตั้งใหเ้ ป�นคณะกรรมการสอบสวน ๒. มอบหมายให้นิติกรเข้ารว่ มประชุม อบรม สัมมนา เพื่อสร้างเครือข่ายและหาผู้ที่มีความรู้ความเชีย่ วชาญ จากคำแนะนำของนิตกิ รที่เป�นเครอื ขา่ ย ๓. ติดต่อโดยตรงไปยังผู้ถูกกล่าวหาเพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจถึงกระบวนการขั้นตอนและสิทธิหน้าที่ ของผูถ้ ูกกล่าวหา เพื่อใหผ้ ้ถู กู กลา่ วหามคี วามสบายใจเพ่ิมมากขนึ้ ขอ้ เสนอแนะ ๑. เห็นควรเพิ่มค่าตอบแทนคณะกรรมการสอบสวนที่เป�นบุคลากรภายในให้เทียบเท่ากรรมการที่มาจาก บคุ คลภายนอก ๒. เหน็ ควรเพ่มิ ภาระงานให้กบั บุคคลทเี่ ป�นคณะกรรมการสอบสวน

๓๒ ข้นั ตอนท่ี ๓ การจดั เตรยี มเอกสารประกอบการประชุม การจัดเตรียมเอกสารประกอบการประชุม เป�นหน้าที่ของนิติกรจะต้องดำเนินการจัดทำก่อนการ ประชมุ เมือ่ อธิการบดหี รือผ้สู ง่ั แตง่ ต้ังคณะกรรมการสอบสวนไดม้ ีคำสัง่ แต่งตงั้ คณะกรรมการสอบสวนและประธาน คณะกรรมการสอบสวนได้รับทราบคำส่ังแต่งตัง้ คณะกรรมการสอบสวนพร้อมทั้งเอกสารหลักฐานต่างๆ แลว้ นิติกร ในฐานะฝ่ายเลขานกุ ารหรือในฐานะกรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการสอบสวนจะต้องจัดเตรียมเอกสารท่ี เกี่ยวข้องกับการประชุมของคณะกรรมการสอบสวน เช่น หนังสือหรือบันทึกเชิญประชุม การขออนุญาตใช้ห้อง ประชุม เอกสารระเบียบวาระการประชุม เอกสารลงลายมือชื่อผู้เข้าร่วมประชุม เอกสารการเบิกจ่ายเบี้ยประชุม คณะกรรมการสอบสวน ตลอดจนรายงานการประชุม เป�นต้น เพื่อให้การดำเนินการประชุมเป�นไปด้วยความ เรยี บรอ้ ย ซงึ่ มีขัน้ ตอน ดังนี้ ๓.๑ นัดหมายคณะกรรมการสอบสวนกำหนดวนั ประชมุ เมือ่ ประธานคณะกรรมการสอบสวน ไดร้ บั ทราบ คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนพร้อมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องจะต้องมอบฝ่ายเลขานุการจัดทำหนังสือเชิญ คณะกรรมการสอบสวนมาประชุม เมื่อฝ่ายเลขานุการได้รับแจ้งจากประธานคณะกรรมการสอบสวนแล้วจะต้อง ประสานนัดคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาวัน เวลา และสถานที่ ในการประชุมที่ตรงกันเพื่อดำเนินการประชุม เมื่อได้วันเวลาที่ตรงกันแล้วลำดับต่อไปก็จะต้องหาห้องประชุมที่ว่างตรงกับวันเวลาที่ได้ทำการนัดหมาย คณะกรรมการสอบสวน โดยการขออนุญาตใช้ห้องประชุม จะใช้การโทรศัพท์ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของ หนว่ ยงานที่เป�นผดู้ ูแลรบั ผิดชอบหอ้ งประชมุ สำหรบั การประชมุ คณะกรรมการสอบสวนของมหาวทิ ยาลยั โดยหลัก จะใช้ห้องประชุม ชั้น ๕ อาคารภูมิราชภัฏ หากห้องประชมุ ไม่ว่าง จะต้องขอใช้ห้องประชมุ อื่น โดยประสานติดต่อ ขอใชห้ ้องประชมุ จากหน่วยงานท่ีเปน� ผดู้ ูแลรับผดิ ชอบหอ้ งประชมุ นน้ั ๓.๒ จัดทำหนังสือเชิญประชุมคณะกรรมการสอบสวน เมื่อได้นัดหมายคณะกรรมการสอบสวนตามวัน เวลาและสถานที่แลว้ จะตอ้ งจัดทำหนงั สอื หรือบันทกึ เชญิ ประชมุ คณะกรรมการสอบสวนทันที รายละเอยี ดปรากฏ ตามแบบฟอร์ม ตัวอย่างที่ ๕ และ ตัวอย่างที่ ๖ เนื่องจากข้อ ๒๒ ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่าด้วย การสอบสวนพิจารณาการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้กำหนดระยะเวลาในการสอบสวนไว้อย่าง ชัดเจน ทำให้คณะกรรมการสอบสวน ต้องดำเนินการสอบสวนตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแต่ละขั้นตอน ตามขอ้ บงั คบั มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อตุ รดติ ถ์ ว่าดว้ ย การสอบสวนพจิ ารณาการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. ๒๕๖๓ ๓.๓ จัดทำระเบียบวาระการประชุม เมื่อได้กำหนดวันเวลาสถานที่ในการประชุมเรียบร้อยแล้ว นิติกร ในฐานะฝ่ายเลขานุการ จะต้องประสานประธานกรรมการและกรรมการทุกท่านเพ่ือแจ้งใหส้ ่งเรือ่ งเพื่อเข้าในวาระ การประชุมหากไม่มี ฝ่ายเลขานุการจะต้องตรวจสอบว่าในการประชุมในแต่ละครั้งจะต้องนำเสนอเอกสารหรือ หลักฐานอื่นใดเพื่อเสนอคณะกรรมการสอบสวนหรือไม่อย่างไร และจะต้องนำเสนอวาระที่สำคัญที่จะต้องแจ้งให้

๓๓ คณะกรรมการสอบสวนทราบ และจัดทำระเบยี บวาระการประชุมพร้อมทั้งเอกสารการประชุมส่งให้คณะกรรมการ สอบสวนตอ่ ไป รายละเอียดปรากฏตามแบบฟอร์ม ตวั อยา่ งท่ี ๗ ๓.๔ จัดทำเอกสารลงชื่อผู้เข้าร่วมประชุม เป�นเอกสารที่นิติกรซึ่งเป�นฝ่ายเลขานุการจะต้องจัดเตรียมไว้ ด้วย เพื่อแสดงให้เหน็ วา่ มผี ใู้ ดเข้าประชมุ หรือเข้าร่วมประชุม และเป�นเอกสารหลักฐานทแี่ สดงให้เหน็ ว่าการประชุม ของคณะกรรมการสอบสวนเป�นไปตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๗ ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่าด้วย การสอบสวนพิจารณาการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. ๒๕๖๓ หรือไม่และครบองค์ประชุมหรือไม่ รายละเอียด ปรากฏตามแบบฟอร์ม ตวั อยา่ งที่ ๘ ๓.๕ จัดทำบันทึกประจำวันที่มีการสอบสวน เป�นการบันทึกร่องรอยการดำเนินการของคณะกรรมการ สอบสวนตั้งแต่เริ่มประชุมครั้งแรกจนถึงการเสนอรายงานการประชุมต่ออธิการบดี ซึ่งเป�นไปตามที่กำหนดไว้ใน ข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่าด้วย การสอบสวนพิจารณาการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. ๒๕๖๓ รายละเอยี ดปรากฏตามแบบฟอร์ม ตัวอย่างท่ี ๙ ๓.๖ จัดทำรายงานการประชุม เป�นเอกสารที่แสดงให้ทราบว่าในการประชุมแต่ละครั้งคณะกรรมการ สอบสวนได้ประชุมเรื่องใด พิจารณาเรื่องใด และเป�นไปตามขั้นตอนที่กำหนดหรือไม่ อีกทั้งข้อ ๑๗ ของข้อบังคับ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอุตรดิตถ์ วา่ ดว้ ย การสอบสวนพิจารณาการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. ๒๕๖๓ กำหนดให้เมื่อมี การประชุมคณะกรรมการสอบสวนจะต้องจัดทำรายงานการประชุมเก็บไวใ้ นสำนวนดว้ ย อีกท้ังหากคณะกรรมการ สอบสวนท่านใดมีความเห็นประการใดหรือมีความเห็นแย้งก็ให้บันทึกไว้ในรายงานการประชุมด้วย รายละเอียด ปรากฏตามแบบฟอรม์ ตวั อย่างที่ ๑๐ ๓.๗ จัดทำเอกสารเกี่ยวกับการเบิกจ่ายค่าตอบแทนคณะกรรมการสอบสวน สำหรับอัตราการเบิกจ่าย ค่าตอบแทนคณะกรรมการสอบสวนนั้น มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ได้มีประกาศเกี่ยวกับการเบิกจ่าย ค่าตอบแทนของคณะกรรมการสอบสวน ตามระเบียบมหาวิทยาลยั ราชภฏั อุตรดิตถ์ ว่าด้วย เบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในอตั ราการเบกิ จา่ ยคา่ ตอบแทนคณะกรรมการสอบสวน ดังน้ี

๓๔ อัตราการเบกิ จ่ายค่าตอบแทนคณะกรรมการสอบสวน โดยนิติกร ซึ่งเป�นฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสอบสวน จะต้องดำเนินการจัดทำเอกสารหนังสือ ขออนุญาตดำเนินการเพื่อเบิก-จ่ายค่าตอบแทน และเอกสารหลักฐานการจ่ายเงิน สำหรับอัตราการเบิกจ่าย ค่าตอบแทนคณะกรรมการสอบสวน สามารถเบิกจ่ายตามอัตราที่มหาวิทยาลัยกำหนด โดยจัดทำหลักฐานการ จ่ายเงนิ ตามแบบฟอรม์ หลกั ฐานการจา่ ยเงนิ รายละเอยี ดปรากฏตามแบบฟอรม์ ตวั อย่างที่ ๑๑

๓๕ ตัวอยา่ งท่ี ๕ แบบฟอร์มหนงั สอื เชญิ ประชุมคณะกรรมการสอบสวน (กรณเี ปน� บุคคลภายนอกมหาวทิ ยาลยั )

๓๖ ตัวอยา่ งท่ี ๖ แบบฟอร์มหนงั สอื เชญิ ประชุมคณะกรรมการสอบสวน (กรณเี ปน� บุคคลภายในมหาวทิ ยาลยั )

๓๗ ตัวอยา่ งท่ี ๗ แบบฟอร์มระเบียบวาระการประชุม

๓๘ ตวั อย่างท่ี ๘ แบบฟอร์มเอกสารลงชอ่ื ผ้เู ขา้ ประชุม

๓๙ ตัวอยา่ งท่ี ๙ แบบฟอร์มบนั ทกึ ประจำวนั ท่ีมกี ารสอบสวน

๔๐

๔๑ ตวั อย่างท่ี ๑๐ แบบฟอร์มรายงานการประชุมคณะกรรมการสอบสวน

๔๒ ตัวอย่างที่ ๑๑ แบบฟอร์มหลักฐานการจ่ายเงิน

๔๓ ป�ญหา ๑. คณะกรรมการสอบสวนติดภารกิจราชการอน่ื ทำให้ตอ้ งเล่ือนวนั ประชุมออกไป ๒. หอ้ งประชุมไมว่ า่ งตรงกบั การนดั หมายประชุมคณะกรรมการสอบสวน ๓. การขออนุญาตเบิกจ่ายเงินในช่วงต้นป�งบประมาณเป�นไปได้ช้า และไม่ทราบแหล่งเบิกที่แน่นอน เนื่องจากอย่รู ะหว่างการนำเขา้ ระบบของกองนโยบายและแผน แนวทางการแกไ้ ขป�ญหา ๑. ในวาระอืน่ ๆ ใหเ้ สนอนดั หมายการประชมุ ครง้ั ถดั ไปไว้ในวาระอน่ื ๆ ก่อนเลกิ ประชมุ ๒.ในการนัดหมายประชมุ คณะกรรมการสอบสวน ใหต้ รวจสอบห้องประชมุ ไปพร้อมกัน ๓. ในต้นป�งบประมาณในการเบิกจ่ายจ่าตอบแทนคณะกรรมการสอบสวนให้ขออนุมัติจากเงินกองทุน สนับสนนุ การบริหารมหาวทิ ยาลัยไปพรางก่อน ขอ้ เสนอแนะ ๑. ในการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนมหาวิทยาลยั ควรแตง่ ตงั้ คณะกรรมการสอบสวนจากผ้ทู ี่มีเวลาเต็มท่ี ให้กับการทำงานด้านสอบสวน ๒.เห็นควรให้มหาวิทยาลัยจัดเตรียมห้องประชมุ ย่อยเพ่ิมขึ้น เน่อื งจากห้องประชมุ ทว่ี ่างส่วนมากจะเป�นห้อง ประชมุ ใหญ่ไมเ่ หมาะสมกับจำนวนคณะกรรมการสอบสวนทมี่ ีประมาณ ๓ ถึง ๕ คน ๓. มหาวิทยาลัยควรนำเข้าระบบแผนงานงบประมาณด้านค่าตอบแทนหรือค่าใช้จ่ายประจำเป�นลำดับแรก ก่อนนำเขา้ ระบบแผนงานงบประมาณดา้ นอนื่

๔๔ ขนั้ ตอนที่ ๔ การเขา้ รว่ มประชุมและนำเสนอข้อมูล ในขั้นตอนของการเข้าร่วมประชุมและนำเสนอข้อมูลนี้ ก่อนเริ่มประชุม ในฐานะนิติกรซึ่งเป�น ฝ่ายเลขานุการ จะต้องเตรียมความพร้อมของห้องประชุม เครื่องบันทึกเสียง ตลอดจนอาหารว่าง และ ฝ่ายเลขานุการ จะต้องจัดเตรียมเอกสารเกี่ยวกับการประชุมตามขั้นตอนที่ ๓ ให้เรียบร้อยก่อนการประชุม โดยใน ส่วนของการเขา้ รว่ มประชุมและนำเสนอขอ้ มลู ฝา่ ยเลขานกุ าร จะมีข้ันตอนการดำเนินงาน ดังน้ี ๔.๑ เสนอข้อมูลของเอกสารพยานหลักฐาน ซึ่งฝ่ายเลขานุการ จะเป�นผู้รวบรวมเอกสารพยานหลักฐาน ต่างๆ ที่จะใช้ประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวน โดยในเสนอข้อมูลเอกสารพยานหลักฐานน้ี ฝ่ายเลขานุการ จะจัดทำบัญชีเอกสารพยานหลักฐานและใส่เลขหน้ากำกับในเอกสารประกอบการประชุม เพื่อให้ เกิดความสะดวกและง่ายต่อการสืบค้นในระหว่างการพิจารณาเอกสารของคณะกรรมการสอบสวน และฝ่ายเลขานุการ จะต้องศึกษาข้อมูลของเอกสารอย่างละเอียด เพื่อเตรียมนำเสนอข้อมูลต่อคณะกรรมการ สอบสวน หากคณะกรรมการสอบสวนมีประเด็นข้อสงสัยในเอกสารประกอบการประชุม จะได้ชี้แจงและนำเสนอ ข้อมูลให้แก่คณะกรรมการสอบสวนได้อย่างชัดเจน หรือเชิญผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อมูลต่อคณะกรรมการ สอบสวน เพราะหากเปน� การประชุมครั้งแรก คณะกรรมการสอบสวน อาจจะตอ้ งทราบข้อมูลให้ครบถว้ น เพ่ือที่จะ พิจารณาวางแนวทางในการสอบสวนได้อย่างถูกต้อง ๔.๒ เสนอข้อมูลประวัติของผู้ถูกกล่าวหา ฝ่ายเลขานุการ ซึ่งอยู่ในสังกัดกองบริหารงานงานบุคคล จะมีข้อมูลของผู้ถูกกล่าวหาอยู่แล้ว ฝ่ายเลขานุการ จึงต้องรวบรวมประวัติและความประพฤติของผู้ถูกกล่าวหา เพื่อเตรียมนำเสนอข้อมูลต่อคณะกรรมการสอบสวนให้ทราบถึงประวัติและความประพฤติของผู้ถูกกล่าวหา ดงั กลา่ ว ๔.๓ บันทึกการประชุมและดูแลความเรียบร้อยในการประชุม เมื่อเข้าร่วมการประชุม ฝ่ายเลขนุการ จะเป�นผู้บันทึกรายละเอียดของการประชุมและสรุปมติที่ประชุมของคณะกรรมการสอบสวน เมื่อคณะกรรมการ สอบสวน ได้ลงมติในแต่ละวาระของการประชุม ซึ่ง ส่วนใหญ่นิติกร ในฐานะเป�นฝ่ายเลขานุการ จะใช้เครื่อง บันทึกเสียง บันทึกเสียงการประชุมเพื่อความแม่นยำและถูกต้องของรายละเอียดของการประชุม และเพื่อใช้ ประกอบในการจัดทำรายงานการประชุม ตลอดจนดูแลความเรียบร้อยในการประชุม ไม่ว่าจะเป�นการดูแลเรื่อง อาหารว่าง การลงชื่อเข้าร่วมประชุม และการรับเบี้ยประชุมของคณะกรรมการสอบสวนที่เข้าร่วมประชุมใน แต่ละครง้ั เป�นต้น

๔๕ ป�ญหา ๑. การพิจารณาแนวทางการสอบสวนในครง้ั แรกอาจกำหนดประเดน็ การสอบสวนไมค่ รบถ้วน ๒. สำนวนของคณะกรรมการสอบสวนทีไ่ ด้รับครัง้ แรกยังไม่มีความชัดเจนในเรอ่ื งท่ีกลา่ วหา ๓. มหาวิทยาลัยสง่ ประวตั ขิ องผู้ถูกกล่าวหามาเพียงแฟ้มประวัติโดยไม่แจง้ ความประพฤติ แนวทางการแก้ไขปญ� หา ๑. เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการสอบสวน เพื่อกำหนดประเด็นการสอบสวนใหม่ เพื่อให้ครบถ้วน และ เพื่อให้การสอบสวนเปน� ไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย ๒. เชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น เลขานุการคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงหรือคณะกรรมการสืบสวน ข้อเทจ็ จรงิ มาใหถ้ ้อยคำตอ่ คณะกรรมการสอบสวน ในเบ้ืองต้นเพื่อให้ทราบท่ีมาท่ีไปของเร่ืองท่กี ลา่ วหา ๓. ให้มีการสอบถ้อยคำพยานแวดล้อมเกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวหาจากพยานบุคคลเพื่อให้ทราบถึงประวัติหรือ ความประพฤติของผู้ถูกกลา่ วหา ขอ้ เสนอแนะ ๑. ควรพจิ ารณาแนวทางการสอบสวนทกุ ครั้งทมี่ ีการประชุมคณะกรรมการสอบสวน ๒. เห็นควรให้มหาวิทยาลัยกำหนดประเด็นและเรื่องที่กล่าวหาเบื้องต้นในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวนใหม้ คี วามชัดเจนครบทกุ ประเดน็ ทีก่ ลา่ วหา ๓. มหาวิทยาลัยควรกำหนดบุคคลที่ใกล้ชิดกับผู้ถูกกล่าวหาเสนอต่อคณะกรรมการสอบสวนเพื่อเป�นพยาน ในส่วนของประวตั ิและความประพฤติ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook