หน่วยการเรยี นรู้ งานและพลงั งาน หนา้ 95 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) การประยกุ ตใ์ ชค้ วามรเู้ กย่ี วกบั กำลังในชีวิตประจำวันได้ 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) การวเิ คราะห์และคำนวณหาปริมาณทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับกำลัง 4.3 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1) มวี ินยั 2) มจี ิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ ม่งุ มนั่ ในการทำงาน 5. ช้นิ งานหรือภาระงานทแ่ี สดงผลการเรียนรู้ แบบฝกึ หดั 6. การประเมนิ เคร่ืองมือ เกณฑ์ วิธีการ แบบฝึกหดั เพ่มิ เตมิ ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึ้นไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหดั เพ่ิมเตมิ ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึ้นไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพื่อบนั ทกึ แบบฝกึ ทกั ษะ ข้อคำถามอัตนยั ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึน้ ไป สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ดา้ น เพื่อวดั ความสามารถในการสอื่ สาร ความคดิ และการสอ่ื สาร ได้แก่ การอธบิ าย การเขยี น 3. สังเกต สมั ภาษณ์ บนั ทึก แบบสังเกตพฤติกรรม มีวินยั ใฝ่ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรยี นรู้ และม่งุ มน่ั ในการทำงาน วนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ข้นั นำเขา้ สู่บทเรียน 1.1 ให้นักเรยี นเดนิ และว่ิงข้ึนบนั ไดอาคารเรยี น 1.2 นกั เรยี นทั้งหมดร่วมกนั ยกตัวอย่างการเคลอื่ นย้ายวตั ถุ ร่วมกันอภิปรายถึงองคป์ ระกอบของ กำลงั รวมทง้ั ผลท่ีจะเกิดขึน้ จากการทำงาน 1.3 นกั เรยี นร่วมกนั ตัง้ คำถามเกย่ี วกับสง่ิ ทตี่ อ้ งการเรยี นรู้ แลว้ บันทกึ เปน็ ขอบเขตและ เป้าหมายทตี่ อ้ งการเรียนรู้
หน่วยการเรยี นรู้ งานและพลงั งาน หนา้ 96 2. ขัน้ สำรวจและคน้ พบ 2.1 แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มละ 4 คน 2.2 นักเรยี นแต่ละกล่มุ รว่ มกันสืบคน้ และศึกษากำลัง 2.3 นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ อภปิ รายร่วมกนั ถึงกำลงั 3. ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป 3.1 นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการศกึ ษากำลงั 3.2 นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ได้ผลการศึกษาเหมือนกนั หรอื ตา่ งกนั อย่างไร เพราะเหตใุ ด 3.3 ครูตัง้ คำถามวา่ - กำลังเกดิ ขน้ึ ได้อย่างไร - กำลงั 1 วัตต์ มคี วามหมายวา่ อยา่ งไร - เหตใุ ดการว่งิ ขน้ึ บันไดจงึ เหน่ือยกวา่ การเดินขึ้นบนั ได ทง้ั ทไี่ ดง้ านเทา่ กัน - 1 กำลงั ม้า มคี วามหมายวา่ อยา่ งไร 3.4 นักเรยี นท้ังหมดรว่ มกนั สรุปผลจากการสืบค้นและศกึ ษากำลัง 4. ขน้ั ขยายความรู้ 4.1 นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ เสนอแนวคิดในการแกป้ ัญหาโจทยเ์ ร่ืองกำลัง - เครื่องยนตข์ องเรอื ลำหน่งึ ทำงานในอัตรา 3000 จูลต่อวินาที ทำให้เรอื แล่นไปในแนวตรง ดว้ ยอัตราเรว็ คงตัว 9.0 กโิ ลเมตรตอ่ ช่วั โมง จงหาแรงขบั ของเครื่องยนต์ท่ีทำใหเ้ รอื ลำน้ีแล่นไป - ในการสาวโซเ่ สน้ หนง่ึ ยาว 6 เมตร มีนำ้ หนกั เมตรละ 10 นวิ ตนั โซแ่ วนไวก้ บั ขอบดาดฟา้ ใช้ เวลาสาวขนึ้ ไปจนหมดเส้นในเวลา 10 วนิ าที ตอ้ งใชก้ ำลงั ในการสาวเฉล่ียเทา่ ไร 4.2 นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ เสนอแนวคิดในการนำความเขา้ ใจเรื่องกำลงั ไปใชป้ ระโยชน์ 5. ขั้นประเมิน 5.1 ใหน้ ักเรียนแต่ละคนยอ้ นกลับไปอ่านบนั ทึกประสบการณเ์ ดิม ส่งิ ที่ต้องการรู้ และ ขอบเขตเปา้ หมาย แล้วพูดและบนั ทึกส่งิ ท่ไี ด้เรยี นรู้ และตรวจสอบว่าได้เรียนรู้ตามท่ีต้งั เป้าหมายครบถ้วนหรือไม่ เพียงใด ถ้ายังไม่ครบถ้วนจะทำอย่างไรตอ่ ไป (อาจสอบถามให้ครูอธิบายเพ่ิมเติม สอบถามให้เพื่อนอธบิ าย หรือ วางแผนสืบคน้ เพ่ิมเตมิ ) 5.2 ให้นักเรียนทำแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนดา้ นพทุ ธิพสิ ัย 5.3 ให้นักเรยี นบนั ทกึ หลงั เรียน 5.4 ครใู หค้ ะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคะแนนจติ วิทยาศาสตร์ จาก เกณฑ์การให้คะแนน สมดุ บันทึก รายงานการทดลอง และผลงาน หากขอ้ มลู ไม่เพียงพอใช้วิธีสมั ภาษณเ์ พมิ่ เตมิ
หนว่ ยการเรียนรู้ งานและพลงั งาน หน้า 97 8. สื่อการเรียนร้/ู แหล่งเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี นการเรยี นร้พู น้ื ฐานและเพ่มิ เตมิ ฟสิ กิ ส์ เล่ม 1 2. เอกสารประกอบบทเรยี น เรือ่ ง งานและพลงั งาน 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet วชิ าฟสิ ิกส์ - บทเรียน งานและกำลงั https://www.youtube.com/watch?v=nMOCxIl_nsc&list=PLeJGvKa_RJ_ YrzdKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=7
หน่วยการเรยี นรู้ งานและพลังงาน หน้า 98 9. สรุปผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาปริมาณที่เกี่ยวข้องกับกำลัง และการประยุกต์ใช้ ความรู้เกี่ยวกับกำลัง จากการสืบคน้ การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งาน และพลังงาน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 97.1 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบ คำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่าน เกณฑ์ท้งั หมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถวิเคราะหแ์ ละคำนวณหาปริมาณท่ีเกีย่ วข้องกับกำลงั โดยมีนักเรยี น ร้อยละ 97.1 ผ่าน เกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนท่ีไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการ ซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสรมิ โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑท์ ง้ั หมด) . ................................................................................................................................................................................... 9.3 ด้านคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผา่ นตามเกณฑ์ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 ของนักเรียนทงั้ หมด . 9.4 ปญั หาอุปสรรค นักเรยี นขาดทกั ษะทางดา้ นการคิดคำนวณ การแทนคา่ และการแก้สมการ คณิตศาสตรท์ จี่ ำเป็น ครูผสู้ อน ต้องทบทวนความรู้พื้นฐานดังกล่าว ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำกิจกรรมในบทเรียน . ลงชอ่ื วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์.) วนั ที.่ ................................................. ลงชือ่ .......................................................คู่นิเทศ (นายตฤณธวิ ฒั น์ ภญิ โญชัยภัทร) วนั ท.่ี .................................................
หนว่ ยการเรยี นรู้ งานและพลงั งาน หนา้ 99 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 13 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 งานและพลงั งาน เรื่อง เครื่องกล กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว31206 ชื่อรายวิชา ฟิสกิ ส์ เพิม่ เตมิ 2 ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง ผูส้ อน นางสาววจิ ติ ตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เข้าใจธรรมชาตทิ างฟิสกิ ส์ปรมิ าณและกระบวนการวัด การเคล่อื นท่แี นวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนที่ของนวิ ตัน กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวตั ถุ งาน และกฎการอนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตัม การเคล่ือนที่แนวโค้ง รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 2. อธิบายและคำนวณพลังงานจลน์ พลังงานศักย์ พลังงานกล ทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างงานกบั พลังงานจลน์ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งงานกับพลังงานศกั ย์โนม้ ถ่วง ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งขนาดของแรงท่ีใช้ดงึ สปริง กับระยะที่สปริงยืดออกและความสัมพันธ์ ระหว่างงานกับพลังงานศักย์ยืดหยุ่น รวมทั้ง อธิบายความสัมพันธ์ ระหว่างงานของแรงลัพธ์ และพลังงานจลน์ และคำนวณงานที่เกิดขน้ึ จากแรงลพั ธ์ 3. อธิบายกฎการอนุรักษ์พลังงานกลรวมทั้ง วิเคราะห์และคำนวณปริมาณต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการ เคล่อื นทขี่ องวัตถุในสถานการณ์ต่างๆโดยใช้กฎการอนรุ กั ษ์พลังงานกล 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เครื่องกลอยา่ งงา่ ย ไดแ้ ก่ คาน รอก พ้นื เอียง ล้อกบั เพลา ลิม่ และสกรู การทำงานของเครื่องกลอยา่ งง่าย ใช้หลักการของงาน 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) เครอ่ื งกลและประสทิ ธภิ าพของเครื่องกล 2) แหล่งพลงั งาน และการใช้พลงั งานอยา่ งประหยัด 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธิบายเกี่ยวกบั เครื่องกลและประสทิ ธภิ าพของเครื่องกล
หนว่ ยการเรียนรู้ งานและพลงั งาน หน้า 100 2) อธบิ ายเกี่ยวกับแหลง่ พลังงานการใชพ้ ลังงานอยา่ งประหยดั 3) คำนวณหาปริมาณท่เี ก่ียวขอ้ งกับเครื่องกลและประสิทธิภาพของเครอื่ งกล 4.3 คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1) มวี ินยั 2) มีจิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งม่ันในการทำงาน 5. ชน้ิ งานหรือภาระงานที่แสดงผลการเรียนรู้ แบบฝึกหัด 6. การประเมิน เคร่ืองมือ เกณฑ์ วิธีการ แบบฝึกหัดเพ่มิ เตมิ ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ข้นึ ไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หดั เพิ่มเตมิ ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขึน้ ไป 2. ตรวจแบบฝึก เพื่อบนั ทึก แบบฝึกทกั ษะ ขอ้ คำถามอตั นัย ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ข้ึนไป สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ด้าน เพือ่ วัดความสามารถในการสือ่ สาร ความคดิ และการสอ่ื สาร ได้แก่ การอธบิ าย การเขียน 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บันทึก แบบสงั เกตพฤติกรรม มีวินยั ใฝ่ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มี เรยี นรู้ และมงุ่ ม่ันในการทำงาน วินัย ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ มนั่ ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ข้ันนำเขา้ สู่บทเรียน 1.1 ครูตั้งคำถามนักเรียนว่า ในแต่ละวนั น้ันเราได้ขอ้ งเกี่ยวกบั สิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง (แนวคำตอบ กรรไกรตดั กระดาษ ช้อน ตะเกียบ ชะแลง ฯลฯ) 1.2 ครอู ภปิ รายรว่ มกับนักเรียนว่าสิ่งทย่ี กตัวอย่างมานน้ั เรยี กว่า เคร่อื งกล ซ่ึงประกอบไปด้วย เคร่ืองกลอย่างง่าย และเครอ่ื งกลท่ีมีความสลับซับซ้อน และครูก็ใหค้ วามหมายของเครื่องกลว่า “เป็นเคร่ืองมือที่ ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน บางชนดิ อาจช่วยผอ่ นแรง บางชนดิ อาจไม่ช่วยผ่อนแรง แตท่ ุกชนิดไม่ช่วย ผอ่ นงาน” 1.3 ครูชี้ให้นักเรียนเห็นข้อแตกต่างการเรียนเรื่องเครื่องกลในเรื่องสมดุลกลกับเรื่องงานและ พลงั งานวา่ ในทนี่ ีจ้ ะเนน้ ที่ประสิทธภิ าพของเครือ่ งกลเปน็ หลัก
หน่วยการเรียนรู้ งานและพลังงาน หน้า 101 2. ขน้ั สำรวจและคน้ พบ 2.1 ครูอธิบายหลักการทำงานของเครื่องกลอย่างง่าย (เพิ่มเติมจากเรื่องสมดุลกล) 3 รายการ ไดแ้ ก่ รอก ลอ้ และเพลา คานดดี คานงดั ตามรายละเอยี ดในส่วนทเี่ ป็นเนื้อหา ใบความรูท้ ี่ 6 โดยมสี าระสำคญั ดังนี้ เครื่องกลทกุ ชนิดจะใหง้ านแก่เราได้ กต็ ่อเมอื่ เราตอ้ งใหง้ านแกเ่ ครื่องกลนน้ั กอ่ น งานทเ่ี ราได้รับจากเครือ่ งกล ยอ่ ม น้อยกว่างานที่เราให้แก่เครื่องกลเสมอ ทั้งนี้เพราะงานที่เราให้แก่เครื่องกลบางส่วนต้องสูญเสียไปเนื่องจากแรง เสียดทานหรือความฝืดของเคร่ืองกล ดังนั้นถ้าใช้หลักการของงานหรือกฎการอนุรักษ์พลังงานอธิบายการทำงาน ของเคร่อื งกลจะได้ ถา้ งานของแรงเสียดทานมีคา่ น้อยมาก เม่อื เทียบกับงานทไ่ี ด้รับ ถือไดว้ า่ งานของแรงเสยี ดทาน เป็นศนู ย์ 2.2 ครถู ามนักเรยี นวา่ มกี าตม้ น้ำ อยู่ 2 ใบใสน่ ้ำเท่ากนั ใหพ้ ลังงานไฟฟ้าเท่ากัน เวลาผา่ นไป 10 นาทีกาใบท่ี 1 เดือดก่อนใบที่ 2 ถามว่ากาตม้ นำ้ ใบไหนมีประสทิ ธภิ าพมากกว่ากัน 3. ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป 3.1 ครูนำอภปิ รายร่วมกับนกั เรียนวา่ เครื่องกลนั้น ในทางอุดมคตินั้นจะให้ประสทิ ธิภาพสูงสดุ 100 เปอรเ์ ซน็ ต์ แต่ในทางปฏิบตั ิแล้ว จะเกิดงานเนือ่ งจากแรงเสียดทาน ทำให้ประสทิ ธภิ าพ ไมเ่ ตม็ ร้อยหรอื งานที่ ได้รบั จะมคี า่ น้อยกว่างานท่ีให้เข้าไป 3.2 ครชู ี้ให้นักเรียนเหน็ ว่าประสิทธิภาพของเครือ่ งกลเปน็ ส่ิงท่ีประชาชนท่ัวไปควรทราบ เพราะ จะช่วยให้สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ได้อย่างถูกต้องและประหยัด ทางสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมได้ออก ใบรบั รองคณุ ภาพสินค้า ISO 9002 และบอกประสทิ ธิภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นเบอร์ 1 ถงึ 5 (เพ่ือความเข้าใจ ง่ายของประชาชน) โดยที่เบอร์ 5 เป็นสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุด หมายความว่า ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยสุด ใน กลุ่มสนิ ค้าประเภทเดยี วกนั ที่มกี ำลงั เท่ากนั 3.3 ครูยกตวั อยา่ งหลกั การทำงานของรอกตามใบความรู้ 3.4 ครใู ห้คำแนะนำเรอ่ื งการใช้พลังงานอย่างประหยัดใหน้ ักเรียนเข้าใจ ตัวอย่างเช่น การใช้แสง สว่างจากหลอดไฟฟ้าอ่านหนังสือ ความสว่างที่ตกบนหน้ากระดาษต้องเพียงพอที่สายตาจะรับรู้ได้ ไม่มากหรือ นอ้ ยจนเกนิ ไปและตอ้ งเปดิ ไฟในบริเวณท่ตี อ้ งการอ่านหนงั สอื เท่าน้ัน -เมื่อมองในภาพรวม ประชาชนที่มีฐานะปานกลางและยากจน จะใช้พลังงานอย่างประหยดั อยู่ แล้ว เพราะไม่มีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟฟ้าสูง เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำร้อน เครื่องซักผ้า เครื่องล้างจาน ผ้ทู ่ีใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าอยา่ งไมป่ ระหยัด คอื กลุ่มคนท่มี ฐี านะ ตอ้ งมีการรณรงคใ์ ห้คนกลุ่มน้ีประหยัด จึงจะได้ผล - การใช้พลังงานอยา่ งประหยดั มีผลตอ่ การอนรุ ักษแ์ หล่งพลงั งาน เพราะเม่ือเราใช้พลงั งานไฟฟ้า นอ้ ยลง กจ็ ะลดการใช้นำ้ มันเชือ้ เพลงิ ถา่ นหินและทรพั ยากรธรรมชาตอิ ื่นๆ 3.5 ครชู ้แี ละย้ำใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ ความหมายของการประหยัดคือ การใช้อย่างคุม้ ค่าและเป็น ประโยชน์ ไม่ใช่การไม่ใช้เลย เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ เช่น เราต้องการใช้เก้าอี้
หนว่ ยการเรยี นรู้ งานและพลังงาน หนา้ 102 โต๊ะ บ้านเรือน ที่ทำจากไม้ กต็ อ้ งมีการตัดไมม้ าใช้ การปลกู ป่าทดแทน การควบคุมการตัดไม้ให้ถกู หลกั วิชาจึงเป็น สิง่ ที่จำเปน็ กับการอนรุ กั ษธ์ รรมชาติ การตัดสนิ ใจท่มี เี หตุผล พจิ ารณาทั้งส่วนดี ส่วนเสียให้รอบคอบจึงจะเป็นการ คดิ แบบวิทยาศาสตร์ 4. ขั้นขยายความรู้ 4.1 ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นสอบถามเนื้อหาเรื่อง เครื่องกล แหล่งพลังงานและการใช้พลังงาน ว่ามีส่วนไหนทีย่ ังไมเ่ ข้าใจและให้ความรู้เพิม่ เตมิ ในสว่ นนั้น 5. ขั้นประเมิน ครนู ำอภปิ ราย สรปุ เนอ้ื หา ดว้ ยคำถามตอ่ ไปน้ี 5.1 ทำไมเครื่องกลจึงไม่สามารถผ่อนงานได้ (เพราะว่า จากกฎการอนุรักษ์พลังงานกล่าวว่า พลังงานรวมของวัตถจุ ะไมส่ ญู หายไปไหน แต่อาจเปลย่ี นรูปจากรปู หนงึ่ ไปเป็นอกี รูปหนึ่งได้) 5.2 ประสิทธิภาพของเครื่องกล หาได้จากอะไร (ประสิทธิภาพของเครื่องกล คือ กำลังที่ได้รับ จากเครื่องกล ส่วนดว้ ยกำลงั ที่ใหก้ บั เครื่องกล หรือ งานท่ีได้รับจากเครื่องกล ส่วนด้วยงานที่ใหก้ ับเครอ่ื งกล) 5.3 เปรียบเทียบการใช้พลังงานของกลุม่ คนที่มฐี านะและยากจนในกรณีการใช้นำ้ มันเชือ้ เพลงิ (กล่มุ คนทมี่ ีฐานะ จะใชร้ ถยนต์ทมี่ ีเคร่ืองยนต์ขนาดใหญ่เกินความจำเป็น สว่ นคนยากจนหรอื ผู้มีรายได้น้อย ก็จะ ใช้บริการขนสง่ มวลชนของรฐั ซึ่งเป็นการใช้พลังงานอย่างประหยดั อยู่แลว้ ) 5.4 ใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน เพือ่ วัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นวิชาฟิสิกส์ 2 เรือ่ ง งาน และพลังงาน 8. สือ่ การเรียนร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น งานและพลังงาน 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมดุ 2. Internet วิชาฟสิ กิ ส์ - บทเรยี น เครื่องกล https://www.youtube.com/watch?v=rZL4pHlcluk&list=PLeJGvKa_RJ_Yrz dKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=14 การใชง้ านจริงของ สกรู วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสิกส์ https://www.youtube.com/watch?v=mkBcxYYMiP8&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=190
หนว่ ยการเรยี นรู้ งานและพลงั งาน หน้า 103 การใช้งานจริงของพื้นเอยี ง วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=04PKkGUD0jI&list=PLgm36wXFlxy8d GUu1KxkAET426QvKsZTr&index=191 การทำงานของลอ้ และเพลา วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสกิ ส์) https://www.youtube.com/watch?v=GZfPaFaCL7Y&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=192 คอ้ นงัดตะปู วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสกิ ส์) https://www.youtube.com/watch?v=8NV5d0bQQ78&list=PLgm36wXFlxy 8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=193 ใชค้ านงัดยกวัตถขุ ้ึนในแนวดิ่ง วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=i2ouh2oCnP8&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=194 การใชง้ านของรอกเดยี่ วเคลอื่ นท่ี วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ กิ ส)์ https://www.youtube.com/watch?v=GiOtvlgbFUE&list=PLgm36wXFlxy8d GUu1KxkAET426QvKsZTr&index=195 การใช้งานของรอกเดย่ี วตายตัว วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสกิ ส์) https://www.youtube.com/watch?v=3CCSRjEjOOg&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=196
หนว่ ยการเรียนรู้ งานและพลงั งาน หน้า 104 9. สรุปผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อ ศึกษาเกี่ยวกับ เครื่องกลและประสิทธภิ าพของเครื่องกล แหล่งพลังงาน และการใช้พลังงานอย่างประหยัด จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสาร ประกอบบทเรียน เร่ือง งานและพลังงาน โดยมีนกั เรียน รอ้ ยละ 73 ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขน้ึ ไป (รอ้ ย ละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) สว่ นนักเรยี นทไ่ี ม่ผา่ นเกณฑ์ ดำเนินการซอ่ มเสริม โดยภายดำเนินการ ซ่อมเสรมิ แลว้ ผ่านเกณฑท์ ัง้ หมด) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถ อธิบายเกี่ยวกับเครื่องกลและประสิทธิภาพของเครื่องกล อธิบายเกี่ยวกับแหล่ง พลังงานการใช้พลังงานอย่างประหยัด วิคเราะห์และคำนวณหาปริมาณที่เกี่ยวข้องกับเครื่องกลและ ประสิทธิภาพของเครื่องกล โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของ คะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไมผ่ ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสรมิ แล้ว ผา่ นเกณฑ์ทั้งหมด) . 9.3 ดา้ นคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ของนกั เรยี นท้ังหมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค นักเรียนขาดทักษะทางด้านการคิดคำนวณ การแทนค่าและการแกส้ มการ คณิตศาสตรท์ ่จี ำเป็น ครผู ู้สอน ต้องทบทวนความรู้พื้นฐานดังกล่าว ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำกิจกรรมในบทเรียน . ลงชือ่ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์) วันท่.ี ................................................. ลงชอื่ .......................................................ค่นู เิ ทศ (นายตฤณธวิ ฒั น์ ภญิ โญชยั ภัทร) วันที่..................................................
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตัมและการชน หน้า 105 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 14 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 โมเมนตมั และการชน เรอื่ ง โมเมนตมั กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31206 ชอ่ื รายวิชา ฟิสิกส์เพ่มิ เติม 2 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลาเรยี น 2 ช่วั โมง ผสู้ อน นางสาววจิ ติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั /ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคล่อื นท่ขี องนิวตัน กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวตั ถุ งาน และกฎการอนุรกั ษ์พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตมั การเคลอ่ื นทีแ่ นวโคง้ รวมท้งั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 5. อธบิ ายและคำนวณโมเมนตมั ของวตั ถแุ ละการดลจากสมการและพนื้ ทีใ่ ต้กราฟความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรง ลัพธก์ บั เวลารวมท้ัง อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหวา่ งแรงดลกับ โมเมนตัม 6.ทดลองอธบิ าย และคำนวณปริมาณต่างๆ ท่เี กี่ยวกับการชนของวัตถุในหน่ึงมิติทง้ั แบบ ยืดหยุ่นไม่ยืดหยุ่น และการดีดตวั แยกจากกัน ในหนงึ่ มิติซง่ึ เปน็ ไปตามกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตัม 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด โมเมนตัม เป็นปริมาณที่บอกให้ทราบสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยขึ้นอยู่กับมวลของวัตถุและความเร็ว ของวตั ถุน้นั เปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์ ดงั น้นั การเปลยี่ นขนาดหรือทศิ ของความเรว็ กจ็ ะมผี ลตอ่ การเปลย่ี นแปลงของวัตถุ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ความหมายของโมเมนตัม 2) ปรมิ าณท่ีเก่ยี วข้องกบั โมเมนตมั 3) การคำนวณหาโมเมนตมั ของวัตถุ
หนว่ ยการเรียนรู้ โมเมนตัมและการชน หน้า 106 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธิบายความหมายของโมเมนตัม 2) บอกปรมิ าณทีเ่ กี่ยวข้องกับโมเมนตมั 3) คำนวณหาโมเมนตัมของวัตถุ 4.3 คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1) มวี ินยั 2) ใฝเ่ รยี นรู้ 3) มุ่งมนั่ ในการทำงาน 5. ชิ้นงานหรือภาระงานที่แสดงผลการเรียนรู้ ใบงาน เรอ่ื ง โมเมนตมั 6. การประเมนิ เครอื่ งมอื เกณฑ์ วธิ กี าร แบบฝกึ หัดเพมิ่ เติม ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขน้ึ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหดั เพมิ่ เติม ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ขนึ้ ไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพือ่ บันทึก แบบฝกึ ทักษะ ขอ้ คำถามอตั นัย ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขน้ึ ไป สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ดา้ น เพ่ือวัดความสามารถในการส่อื สาร ความคดิ และการสอื่ สาร ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขียน 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บนั ทึก แบบสงั เกตพฤติกรรม มวี นิ ัย ใฝ่ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรียนรู้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน วนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มนั่ ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น 1.1 ครูกล่าวทักทายนักเรียน ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยถามนักเรียนวา่ กีฬาที่นักเรียนเคยเล่นมีกีฬา อะไรบ้างและเม่ือเราออกแรงรับลกู บอลที่กำลังเคล่ือนที่ดว้ ยความเรว็ ตา่ งๆ กนั ขนาดของแรงรับลกู บอลในแต่ละครั้ง จะตา่ งกันหรือไม่ 1.2 นกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายในแตล่ ะกลมุ่ พรอ้ มทัง้ บันทึกความเห็นของกลมุ่ 1.3 ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลมุ่ นำเสนอความเห็นของกลมุ่
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตมั และการชน หน้า 107 2. ขั้นสำรวจและคน้ พบ 2.1 ครแู จกใบความรู้ เรื่อง โมเมนตมั ให้นกั เรยี น 2.2 นกั เรียนทำใบงาน เร่ือง โมเมนตมั โดยศกึ ษาจากใบความร้แู ละหนังสอื เรยี น 2.3 นกั เรยี นฟังการบรรยาย เรื่อง โมเมนตมั 3. ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรปุ ครเู พ่มิ เตมิ เนื้อหาสาระ เรือ่ ง โมเมนตมั ทเ่ี ห็นว่ายงั ไม่สมบรู ณเ์ พอื่ เปน็ การเพ่มิ ความรใู้ ห้มากยง่ิ ขึ้น 4. ข้นั ขยายความรู้ 4.1 ครูและนักเรยี นช่วยกันสรุปเน้อื หาสาระ 4.2 ครูแจกแบบฝึกทักษะ เรอื่ ง โมเมนตัม ให้นกั เรยี นทำ 4.3 ครเู ฉลยใบงาน และแบบฝึกทกั ษะ ให้นกั เรยี นฟงั หนา้ ชั้น 5. ข้นั ประเมนิ 5.1 ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ความเขา้ ใจของการทำใบงาน 5.2 การอภปิ รายหน้าช้นั เรียน 5.3 สงั เกตความสนใจ ความกระตอื รือร้นในการเรียนรู้ 8. สอ่ื การเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 สอ่ื การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี นฟสิ ิกส์เพิ่มเติม เล่ม 2 2. ฐานขอ้ มลู Internet 3. ใบงาน เรื่อง 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หน้า 108 9. สรุปผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรยี นใหค้ วามร่วมมอื ในการทำกจิ กรรมเพือ่ ศกึ ษา ความหมายของโมเมนตัม ปริมาณที่เกี่ยวข้องกับ โมเมนตัม และการคำนวณหาโมเมนตัมของวัตถุ จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสาร ประกอบบทเรียน เร่ือง โมเมนตัมและการชน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขนึ้ ไป (ร้อย ละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบายความหมายของโมเมนตัม บอกปริมาณที่เกี่ยวข้องกับโมเมนตัม และคำนวณหา โมเมนตัมของวัตถุ โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบ คำถาม) . ........................................................................................................................................................................................ 9.3 ด้านคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมอื ในการทำกจิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรยี นมีความรับผิดชอบ มคี วามมงุ่ ม่ันใน การทำงาน ทำใบงานเสร็จตามท่ีได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานท่ีไดร้ บั มอบหมายผ่านตาม เกณฑ์ คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 ของนักเรยี นทงั้ หมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ลงชอ่ื วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วนั ท่.ี ................................................. ลงชือ่ .......................................................คู่นิเทศ (นายตฤณธิวฒั น์ ภญิ โญชัยภัทร) วันท่.ี .................................................
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หน้า 109 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 15 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 โมเมนตมั และการชน เรอื่ ง แรงกบั การเปลี่ยนสภาพการเคลอื่ นที่ กลุ่มสาระฯวิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว31206 ชือ่ รายวชิ า ฟิสกิ ส์ เพิ่มเตมิ 2 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลาเรียน 2 ช่วั โมง ผ้สู อน นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นที่ของนวิ ตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรักษพ์ ลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตัม การเคล่อื นที่แนวโค้ง รวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 5. อธิบายและคำนวณโมเมนตมั ของวัตถแุ ละการดลจากสมการและพื้นทใี่ ต้กราฟความสัมพันธ์ระหวา่ งแรง ลัพธก์ ับเวลารวมทง้ั อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหวา่ งแรงดลกบั โมเมนตมั 6.ทดลองอธิบาย และคำนวณปริมาณต่างๆ ทเี่ กย่ี วกบั การชนของวตั ถุในหน่งึ มิติท้งั แบบ ยืดหยุ่นไม่ยืดหยุ่น และการดีดตัวแยกจากกัน ในหน่งึ มิตซิ ง่ึ เป็นไปตามกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตมั 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด โมเมนตัม หมายถึงปริมาณความพยายามของวัตถุที่จะเคลื่อนที่ โมเมนตัมเป็นปริมาณเวคเตอร์ที่มีทิศ เดยี วกบั ความเร็ว อตั ราการเปลีย่ นโมเมนตัมของวัตถกุ บั เวลาหมายถึงการที่แรงลพั ธท์ ่ีกระทำกับวตั ถุทีข่ ณะใด ๆ จะมี คา่ เท่ากับอตั ราการเปล่ียนโมเมนตัมของวัตถทุ ่ขี ณะนน้ั ท้งั ขนาดและทศิ ทาง 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1) โมเมนตมั 2) การเปลย่ี นแปลงโมเมนตมั 3) การประยกุ ต์ใชค้ วามสมั พันธ์ระหว่างแรงกับการเปล่ียนโมเมนตมั ในการแก้ปญั หา
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 110 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธิบายการเปลย่ี นแปลงโมเมนตัม 2) คำนวณหาปริมาณทเี่ กยี่ วขอ้ งกับโมเมนตมั และการเปล่ียนแปลงโมเมนตัม 3) ประยกุ ตใ์ ช้ความสมั พนั ธร์ ะหว่างแรงกบั การเปลี่ยนโมเมนตมั ในการแก้ปญั หา 4.3 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1) มวี นิ ัย 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) ม่งุ ม่ันในการทำงาน 5. ชน้ิ งานหรือภาระงานท่แี สดงผลการเรยี นรู้ 1. นำเสนอผลการศกึ ษาแรงกับการเปล่ยี นสภาพการเคลื่อนที่ 6. การประเมิน เครอ่ื งมือ เกณฑ์ วธิ ีการ แบบฝึกหดั เพ่ิมเตมิ ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ข้ึนไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหดั เพิ่มเติม ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขน้ึ ไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพอื่ บนั ทกึ แบบฝกึ ทักษะ ข้อคำถามอัตนยั ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขึน้ ไป สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน ด้าน เพือ่ วัดความสามารถในการสอื่ สาร ความคิด และการส่ือสาร ได้แก่ การอธบิ าย การเขียน 3. สังเกต สมั ภาษณ์ บนั ทกึ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มวี ินยั ใฝ่ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ มี เรยี นรู้ และมงุ่ มั่นในการทำงาน วนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ ม่ันใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ขัน้ นำเข้าสบู่ ทเรียน 1.1 ให้นกั เรยี นคนหนึง่ ผลกั รถทดลองแลว้ อีกคนหน่ึงใชม้ อื ก้นั ให้รถหยุด 1.2 นักเรียนทัง้ หมดร่วมกันยกตัวอยา่ งการเปลีย่ นสภาพการเคลื่อนทีข่ องวัตถุ ร่วมกันอภิปรายถึง ความพยายามที่จะทำให้วตั ถหุ ยุดเคล่อื นท่ี รวมทั้งผลที่จะเกิดขนึ้ จากการกระทำ 1.3 ให้นักเรียนร่วมกันกำหนดขอบเขตและเป้าหมายของการเรียนรู้ จากเนื้อหาที่เกี่ยวกับเรื่อง โมเมนตัม 2. ขน้ั สำรวจและค้นพบ 2.1 แบง่ นักเรยี นเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตมั และการชน หน้า 111 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาแรงกบั การเปล่ยี นสภาพการเคลอื่ นที่ 3. ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ 3.1 นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการศกึ ษาแรงกับการเปลีย่ นสภาพการเคล่ือนที่ 3.2 นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มไดผ้ ลการศกึ ษาเหมือนกันหรอื ตา่ งกันอยา่ งไร เพราะเหตุใด 3.3 ครูตัง้ คำถามวา่ - ความยากง่ายของการหยุดขวดน้ำเป็นอย่างไร เมื่อใช้เวลาเท่ากันแต่ปล่อยที่ระดับความสูง ตา่ งกนั - ความยากง่ายของการหยุดขวดน้ำเป็นอย่างไร เมื่อปล่อยที่ระดับความสูงเท่ากันแต่ใช้เวลา ต่างกัน - โมเมนตัมหมายถึงอะไร - อตั ราการเปลีย่ นโมเมนตมั ของวัตถุตอ่ เวลาแปลความได้วา่ อย่างไร 3.4 นกั เรยี นทง้ั หมดรว่ มกนั สรปุ ผลจากการศึกษาโมเมนตมั 4. ขนั้ ขยายความรู้ 4.1 นักเรยี นแต่ละกลุ่มเสนอแนวคดิ ในการแก้ปญั หาโจทยเ์ ร่ืองโมเมนตมั - ถ้ารถไฟฟา้ BTS มีผู้โดยสารเต็ม มีมวล 96 ตัน วิ่งด้วยความเร็ว 108 km/hr จะมีโมเมนตมั เท่าใด และเปน็ ก่ีเท่าของรถบรรทุกทม่ี ีมวล 16 ตนั ทีว่ ง่ิ อยู่ด้วยความเรว็ 54 km/hr - เครอื่ งยนตข์ องรถท่ีมีมวล 1.5 ตัน ต้องใช้แรงผลักทีพ่ น้ื ใดเพอื่ เคล่อื นท่ีจากหยุดนิง่ จนมีความเร็ว 72 km/hr ในเวลา 10 วินาที 4.2 ใหน้ ักเรยี นเสนอแนวคดิ ในการนำความเข้าใจเร่ืองโมเมนตัมไปใชป้ ระโยชน์ 4.3 นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั สรุปเชื่อมโยงความคดิ เก่ียวกบั โมเมนตมั 5. ข้นั ประเมิน 5.1 ให้นกั เรยี นทำแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น 5.2 ให้นกั เรยี นบันทึกหลังเรียน 8. ส่อื การเรียนร/ู้ แหลง่ เรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรียนฟิสิกส์เพ่มิ เติม เลม่ 2 2. ฐานขอ้ มลู Internet 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หน้า 112 9. สรุปผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม และการประยุกต์ใช้ ความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับการเปลี่ยนโมเมนตัมในการแก้ปัญหาจากสถานการณ์ที่กำหนดให้ จากการ สืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง โมเมนตัมและการชน โดยมีนักเรียน รอ้ ยละ 97.1 ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนกั เรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสรมิ โดยภายดำเนนิ การซ่อมเสรมิ แล้ว ผ่านเกณฑ์ทง้ั หมด) . 9.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบาย และคำนวณหาการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม สามาระประยุกต์ใช้ความสัมพันธ์ ระหวา่ งแรงกบั การเปลย่ี นโมเมนตัมในการแกป้ ญั หาจากสถานการณท์ ี่กำหนดให้ โดยมนี ักเรียน รอ้ ยละ 9.1 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม)ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการ ซ่อมเสรมิ โดยภายดำเนนิ การซ่อมเสริมแลว้ ผ่านเกณฑท์ ัง้ หมด) . ........................................................................................................................................................................................ 9.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นกั เรยี นให้ความรว่ มมอื ในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ นักเรยี นมีความรับผิดชอบ มคี วามมุ่งมน่ั ใน การทำงาน ทำใบงานเสรจ็ ตามท่ไี ด้รับมอบหมาย และมผี ลสำเรจ็ ของการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายผ่านตาม เกณฑ์ คดิ เปน็ ร้อยละ 100 ของนกั เรยี นทง้ั หมด . 9.4 ปัญหาอุปสรรค นักเรียนขาดทักษะทางด้านการคิดคำนวณ การแทนค่าและการแก้สมการ คณิตศาสตร์ที่จำเป็น ครูผู้สอน ต้องทบทวนความรู้พื้นฐานดังกล่าว ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำกิจกรรมในบทเรียน . ลงชื่อ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วันท่ี.................................................. ลงชือ่ .......................................................คนู่ เิ ทศ (นายตฤณธิวัฒน์ ภญิ โญชัยภัทร) วนั ท.่ี .................................................
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 113 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 16 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 โมเมนตัมและการชน เร่อื ง แรงและการเปลยี่ นโมเมนตัม กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31206 ชื่อรายวิชา ฟิสิกส์ เพมิ่ เติม 2 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4 เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง ผสู้ อน นายตฤณธวิ ัฒน์ ภญิ โญชัยภัทร โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชว้ี ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นท่ีของนวิ ตัน กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ ักษ์พลงั งานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตัม การเคล่อื นท่ีแนวโคง้ รวมทงั้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 5. อธบิ ายและคำนวณโมเมนตัมของวัตถุและการดลจากสมการและพ้นื ที่ใตก้ ราฟความสัมพันธร์ ะหว่างแรง ลพั ธ์กับเวลารวมท้งั อธิบายความสมั พันธ์ระหว่างแรงดลกบั โมเมนตัม 6.ทดลองอธบิ าย และคำนวณปริมาณต่างๆ ทเ่ี ก่ียวกบั การชนของวตั ถุในหนงึ่ มิติทั้งแบบ ยืดหยุ่นไม่ยืดหยุ่น และการดีดตัวแยกจากกัน ในหนึง่ มิตซิ ่งึ เปน็ ไปตามกฎการอนุรักษ์ โมเมนตัม 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด กฎการเคลอ่ื นทีข่ อ้ ทสี่ องของนวิ ตันและนำกฎนไ้ี ปหาความสมั พันธ์ระหว่างแรงและโมเมนตัม ของวัตถุ จากสมการ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ความสมั พนั ธร์ ะหว่างแรงและโมเมนตัม 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธิบายความสัมพันธ์ระหวา่ งแรงและโมเมนตมั 2) วิเคราะห์ อภิปราย และสรปุ เกยี่ วกบั ความสมั พันธร์ ะหวา่ งแรงกบั การเปล่ียนโมเมนตมั
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 114 4.3 คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) มีวินยั 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) มุ่งมนั่ ในการทำงาน 5. ชน้ิ งานหรอื ภาระงานท่แี สดงผลการเรยี นรู้ 1. ทำใบงาน เร่ือง แรงและการเปลีย่ นโมเมนตมั 6. การประเมนิ เคร่อื งมือ เกณฑ์ วิธกี าร แบบฝกึ หัดเพ่มิ เติม ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขนึ้ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหัดเพม่ิ เตมิ ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพ่อื บันทกึ แบบฝึกทกั ษะ ข้อคำถามอตั นัย ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ด้าน เพ่อื วดั ความสามารถในการส่ือสาร ความคิด และการสือ่ สาร ได้แก่ การอธบิ าย การเขยี น 3. สังเกต สัมภาษณ์ บนั ทกึ แบบสังเกตพฤตกิ รรม มวี ินยั ใฝ่ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ มี เรยี นรู้ และมุ่งม่นั ในการทำงาน วนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ ม่นั ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ขนั้ นำเขา้ สู่บทเรยี น 1.1 ครูกล่าวทักทายนักเรียน และนำเข้าสู่บทเรียนโดยการถามนักเรียนว่า “เมื่อนักเรียนแตะ ฟุตบอลนนั้ จะมโี มเมนตัมเปลี่ยนไปหรือไม่” 1.2 ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายว่า “เมอ่ื นกั เรียนแตะฟุตบอลนนั้ จะมีโมเมนตัมเปล่ยี นไปหรือไม่ 2. ขน้ั สำรวจและคน้ พบ 2.1 ครแู จกใบความรู้ เร่ือง แรงและการเปลยี่ นโมเมนตมั ใหน้ ักเรียน 2.2 นักเรียนทำใบงาน เรื่อง แรงและการเปลี่ยนโมเมนตัม โดยศึกษาจาก ใบความรู้และหนังสือ เรียน 3. ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรปุ ครูเพิ่มเติมเน้ือหาสาระ เรื่อง แรงและการเปลีย่ นโมเมนตัม ที่เห็นวา่ ยังไมส่ มบูรณ์เพ่ือเป็นการเพม่ิ ความรูใ้ หม้ ากยง่ิ ข้นึ
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หน้า 115 4. ขั้นขยายความรู้ 4.1 ครูและนกั เรยี นชว่ ยกนั สรปุ เน้อื หาสาระ 4.2 ครูแจกแบบฝกึ ทกั ษะ เรื่อง แรงและการเปล่ยี นโมเมนตมั ให้นกั เรียนทำ 4.3 ครเู ฉลยใบงาน และแบบฝึกทักษะ ใหน้ ักเรยี นฟงั หน้าชนั้ 5. ขั้นประเมิน 5.1 ตรวจสอบความถูกต้อง ความเข้าใจของการทำใบงาน 5.2 การอภปิ รายหน้าช้นั เรียน 5.3 สงั เกตความสนใจ ความกระตือรอื รน้ ในการเรียนรู้ 8. สอื่ การเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 8.1 สอื่ การเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี นฟิสิกสเ์ พม่ิ เตมิ เล่ม 2 2. ฐานข้อมูล Internet 3. ใบงาน เรอ่ื ง แรงและการเปลี่ยนโมเมนตมั 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 116 9. สรุปผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแรงและโมเมนตัม จาก การสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง โมเมนตัมและการชน โดยมี นักเรียน ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) สว่ นนกั เรียนทีไ่ ม่ผา่ นเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนนิ การซ่อมเสรมิ แล้ว ผ่านเกณฑท์ งั้ หมด) 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงและโมเมนตัม วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับการเปลี่ยนโมเมนตัม โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนทไี่ ม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซอ่ มเสริม โดยภายดำเนินการ ซอ่ มเสริมแลว้ ผา่ นเกณฑ์ทั้งหมด) . ........................................................................................................................................................................................ 9.3 ด้านคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นกั เรยี นใหค้ วามร่วมมอื ในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นกั เรียนมีความรบั ผดิ ชอบ มีความมงุ่ มัน่ ใน การทำงาน ทำใบงานเสร็จตามทไ่ี ด้รบั มอบหมาย และมผี ลสำเร็จของการทำงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายผ่านตาม เกณฑ์ คิดเป็น รอ้ ยละ 100 ของนกั เรียนทง้ั หมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค นักเรียนขาดทักษะทางด้านการคิดคำนวณ การแทนค่าและการแก้สมการ คณิตศาสตร์ที่จำเป็น ครูผู้สอน ต้องทบทวนความรู้พื้นฐานดังกล่าว ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำกิจกรรมในบทเรียน . ลงชอื่ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์.) วนั ที่.................................................. ลงชอ่ื .......................................................คู่นเิ ทศ (นายตฤณธวิ ฒั น์ ภญิ โญชัยภทั ร) วันท่.ี ................................................. .
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หนา้ 117 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 17 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 โมเมนตมั และการชน เรื่อง การดลและแรงดล 1 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31206 ชอื่ รายวิชา ฟิสกิ ส์ เพ่ิมเติม 2 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 เวลาเรียน 2 ชั่วโมง ผสู้ อน นายตฤณธวิ ฒั น์ ภิญโญชัยภัทร โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนทข่ี องนิวตัน กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตัม การเคลอ่ื นท่ีแนวโค้ง รวมท้ังนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 5. อธบิ ายและคำนวณโมเมนตัมของวัตถแุ ละการดลจากสมการและพ้ืนทใ่ี ตก้ ราฟความสมั พันธร์ ะหวา่ งแรง ลัพธ์กบั เวลารวมทั้ง อธิบายความสัมพนั ธร์ ะหว่างแรงดลกับ โมเมนตมั 6.ทดลองอธบิ าย และคำนวณปริมาณต่างๆ ท่ีเกย่ี วกบั การชนของวัตถุในหน่ึงมิติทง้ั แบบ ยืดหยุ่นไม่ยืดหยุ่น และการดดี ตัวแยกจากกนั ในหนึ่งมติ ซิ งึ่ เป็นไปตามกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตมั 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด แรงที่กระทำต่อวัตถุในขณะที่กระทบกันในช่วงเวลาสั้น ๆ เรียกว่าแรงดล ปริมาณแรงที่กระทำต่อวัตถุใน ช่วงเวลาสั้น ๆ หรือปริมาณของแรงดลในช่วงเวลาสั้น ๆ เรียกว่าการดล หรือ การดลหมายถึงอัตราการเปลี่ยน โมเมนตมั ในช่วงเวลาส้ัน ๆ หรอื F t = P = mv – mu 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1) การดลและแรงดล 2) ความสมั พนั ธ์ระหว่างแรงกบั เวลา
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หน้า 118 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) บอกความหมายของแรงดลและการดล 2) อธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหว่างแรงกับเวลา 4.3 คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทำงาน 5. ช้นิ งานหรือภาระงานทีแ่ สดงผลการเรยี นรู้ 1. นำเสนอผลการสืบค้นการดลและแรงดล 6. การประเมิน เครื่องมอื เกณฑ์ วิธกี าร แบบฝกึ หดั เพิ่มเตมิ ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขนึ้ ไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หดั เพ่ิมเติม ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ข้ึนไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพอ่ื บนั ทึก แบบฝึกทักษะ ขอ้ คำถามอตั นยั ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ขึน้ ไป สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น ดา้ น เพ่อื วัดความสามารถในการส่อื สาร ความคดิ และการสอ่ื สาร ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขยี น 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บนั ทึก แบบสังเกตพฤติกรรม มีวนิ ยั ใฝ่ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มี เรยี นรู้ และมงุ่ มัน่ ในการทำงาน วินยั ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมน่ั ใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ขัน้ นำเข้าสู่บทเรยี น 1.1 นักเรียนปล่อยไข่ลงบนฟองน้ำ 1.2 นักเรียนทั้งหมดร่วมกันยกตัวอย่างการเคลื่อนที่ของวัตถุไปกระทบกับสิ่งอื่นจนหยุด ร่วมกัน อภปิ รายถงึ แรงที่กระทำตอ่ วัตถุเมอ่ื กระทบส่งิ อ่ืน รวมทง้ั ผลท่ีจะเกดิ ขึน้ จากการกระทำ 1.3 ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั ตั้งคำถามเก่ยี วกับสงิ่ ท่ตี อ้ งการรู้ จากเนอ้ื หาท่เี กย่ี วกบั เรื่องการดลและแรงดล 2. ขั้นสำรวจและค้นพบ 2.1 แบง่ นกั เรียนเป็นกลุม่ กลุ่มละ 5 คน 2.2 นักเรียนแตล่ ะกลุ่มวางแผนสบื ค้นการดลและแรงดล
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตมั และการชน หนา้ 119 2.3 นกั เรยี นแต่ละกลุม่ สืบคน้ การดลและแรงดล 3. ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 3.1 นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ นำเสนอผลการสืบคน้ การดลและแรงดล 3.2 นักเรยี นแต่ละกล่มุ ไดผ้ ลการสบื คน้ เหมือนกนั หรือตา่ งกนั อย่างไร เพราะเหตุใด 3.3 ครูตงั้ คำถามวา่ - การดลหมายถงึ อะไร 3.4 นกั เรียนทงั้ หมดร่วมกันสรปุ ผลจากการสืบค้นการดลและแรงดล 4. ข้ันขยายความรู้ 4.1 นกั เรยี นแต่ละกลุ่มเสนอแนวคดิ ในการแกป้ ัญหาโจทย์เร่ืองการดลและแรงดล 4.2 ให้นักเรียนเสนอแนวคิดในการนำความเข้าใจเร่อื งการดลและแรงดลไปใช้ประโยชน์ 4.3 นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันสรุปเกี่ยวกบั การดลและแรงดล 5. ขั้นประเมนิ 5.1 ให้นักเรียนแต่ละคนย้อนกลับไปอ่านบันทึกประสบการณ์เดิม สิ่งที่ต้องการรู้ และขอบเขต เป้าหมาย แลว้ ตรวจสอบว่าได้เรยี นรู้ตามทต่ี ัง้ เป้าหมายครบถ้วนหรือไมเ่ พยี งใด ถ้ายงั ไม่ครบถ้วนจะทำอย่างไรตอ่ ไป 5.2 นกั เรยี นบนั ทึกหลังเรียน 8. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี นฟิสกิ สเ์ พม่ิ เตมิ เลม่ 2 2. ฐานขอ้ มูล Internet http://www. phutti.net/elearning/dang/impulse.htm 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 120 9. สรุปผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาเกี่ยวกับการดลและแรงดล จากการสืบค้น การศึกษา จากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง โมเมนตัมและการชน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่าน เกณฑใ์ นระดับดี ข้ึนไป (รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอฺธิบายความหมายของแรงดลและการดลและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับเวลา โดยมนี ักเรียน รอ้ ยละ 97.1 ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขึน้ ไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรยี นที่ ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด) ........................................................................................................................................................................................ 9.3 ด้านคณุ ลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนใหค้ วามรว่ มมือในการทำกจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ นักเรียนมคี วามรับผดิ ชอบ มคี วามมุ่งมัน่ ใน การทำงาน ทำใบงานเสรจ็ ตามท่ไี ดร้ บั มอบหมาย และมีผลสำเรจ็ ของการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายผ่านตาม เกณฑ์ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 ของนักเรยี นท้งั หมด . 9.4 ปัญหาอุปสรรค นักเรียนขาดทักษะทางด้านการคิดคำนวณ การแทนค่าและการแก้สมการ คณิตศาสตร์ที่จำเป็น ครูผู้สอน ต้องทบทวนความรู้พื้นฐานดังกล่าว ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำกิจกรรมในบทเรียน . ลงช่ือ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์.) วนั ท่ี.................................................. ลงชื่อ.......................................................คนู่ ิเทศ (นายตฤณธิวัฒน์ ภญิ โญชยั ภัทร) วันที.่ .................................................
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 121 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 18 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 โมเมนตมั และการชน เร่ือง การดลและแรงดล2 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31206 ช่อื รายวิชา ฟิสิกส์ เพมิ่ เตมิ 2 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 เวลาเรียน 2 ชว่ั โมง ผ้สู อน นายตฤณธิวัฒน์ ภิญโญชยั ภทั ร โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลื่อนท่ีของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวตั ถุ งาน และกฎการอนุรกั ษ์พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตมั การเคลอื่ นท่ีแนวโค้ง รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 5. อธิบายและคำนวณโมเมนตมั ของวตั ถุและการดลจากสมการและพ้นื ท่ใี ต้กราฟความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งแรง ลพั ธก์ บั เวลารวมท้ัง อธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างแรงดลกบั โมเมนตัม 6.ทดลองอธบิ าย และคำนวณปรมิ าณต่างๆ ที่เก่ียวกบั การชนของวัตถุในหนึ่งมิติท้ังแบบ ยืดหยุ่นไม่ยืดหยุ่น และการดดี ตัวแยกจากกัน ในหนงึ่ มิตซิ ึง่ เป็นไปตามกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตมั 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การดล คอื การเปลยี่ นแปลงโมเมนตัมในชว่ งเวลาสนั้ ๆ การทาใหม้ ีการเปล่ยี นแปลงโมเมนตัมในช่วงเวลาส้ัน นน้ั จะต้องใช้แรงอยา่ งมาก ผลทต่ี ามมาจะทำให้วตั ถุทเ่ี กิดการดล จะไดร้ ับพลังงานอย่างมากด้วย การดลและแรงดล นั้นเปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์ ขนึ้ อยู่กับ การเปลยี่ นแปลงของความเร็ว 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1) สมการและพน้ื ทใ่ี ตก้ ราฟความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงลพั ธ์กบั เวลา 2) ความสมั พันธร์ ะหว่างแรงดลกับโมเมนตัม 3) การประยกุ ต์ใช้ความรูเ้ ก่ียวกับ โมเมนตัมของวัตถุ การดล และแรงดลในการแกป้ ญั หา
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 122 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) คำนวณการดลจากสมการและพน้ื ทีใ่ ต้กราฟความสมั พันธร์ ะหวา่ งแรงลัพธ์กับเวลา 2) วเิ คราะห์ อภิปราย และสรปุ เก่ยี วกับความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงดลกบั โมเมนตัม 3) ประยุกตใ์ ชค้ วามรู้เกย่ี วกบั โมเมนตัมของวตั ถุ การดล และแรงดลในการแก้ปัญหา 4.3 คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1) มีวินยั 2) ใฝเ่ รยี นรู้ 3) มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 5. ชนิ้ งานหรอื ภาระงานท่แี สดงผลการเรียนรู้ 1. แบบฝึกหดั 6. การประเมิน วิธกี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์ 1. ตรวจแบบฝึกหดั เพม่ิ เตมิ แบบฝึกหดั เพิ่มเติม ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขึน้ ไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 2. ตรวจแบบฝึก เพ่อื บันทกึ แบบฝกึ ทกั ษะ ข้อคำถามอัตนัย ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขน้ึ ไป สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน ดา้ น เพ่อื วัดความสามารถในการสื่อสาร ความคิด และการสื่อสาร ได้แก่ การอธบิ าย การเขยี น 3. สังเกต สมั ภาษณ์ บันทึก แบบสังเกตพฤตกิ รรม มีวินัย ใฝ่ ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ขนึ้ ไป คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรยี นรู้ และมงุ่ มนั่ ในการทำงาน วนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มน่ั ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขั้นนำเขา้ ส่บู ทเรยี น 1.1 นักเรียนและครูร่วมสนทนาเกี่ยวกับ เรื่องการหยุดรถ อย่างกระทันหัน เพื่อนำไปสู่คำถามทีว่ า่ “การหยุดรถ อยา่ งกระทันหัน ผลทเี่ กดิ ขน้ึ กบั รถ และคนในรถมีอะไรบ้าง อย่างไร” 1.2 นักเรียนตอบขอ้ ซักถามของครูวา่ “ การหยดุ รถ อย่างกระทันหนั ผลที่เกดิ ขึ้นกบั รถ และคนใน รถมีอะไรบ้าง อยา่ งไร ” 2. ขนั้ สำรวจและค้นพบ 2.1 ครูแจกใบความรเู้ ร่อื ง การดลและแรงดล ให้นกั เรยี น 2.2 นักเรยี นทำแบบฝึกทักษะเรื่อง การดลและแรงดล ในหนงั สอื เรียน 2.3 นกั เรียนสบื ค้น เร่ือง การดลและแรงดล
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หน้า 123 3. ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป ครูเพิ่มเติมเนื้อหาสาระ เรื่อง การดลและแรงดล ที่เห็นว่ายังไม่สมบูรณ์เพื่อเป็นการเพิ่มความร้ใู ห้ มากยิ่งขึ้น 4. ขั้นขยายความรู้ 4.1 ครแู ละนักเรยี นชว่ ยกนั สรุปเน้ือหาสาระ 4.2 ครเู ฉลยแบบฝึกทักษะใหน้ ักเรยี นฟงั หนา้ ชั้น 5. ขน้ั ประเมนิ 5.1 ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ความเข้าใจของการทำแบบฝึกทกั ษะ 5.2 การอภปิ รายหน้าช้ันเรียน 5.3 สังเกตความสนใจ ความกระตอื รือรน้ ในการเรยี นรู้ 5.4 นักเรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียนจำนวนขอ้ สอบ 2 ข้อ 8. สือ่ การเรียนร/ู้ แหล่งเรียนรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี นฟิสกิ ส์เพ่มิ เตมิ เล่ม 2 2. ฐานขอ้ มูล Internet 3. ใบงาน เรอื่ ง 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 124 9. สรปุ ผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นกั เรยี นใหค้ วามร่วมมอื ในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาความสมั พันธร์ ะหว่างแรงดลกับโมเมนตมั สมการและ พ้นื ท่ใี ตก้ ราฟความสัมพนั ธร์ ะหว่างแรงลพั ธ์กับเวลา การประยกุ ตใ์ ชค้ วามรูเ้ กีย่ วกับ โมเมนตมั ของวตั ถุ การ ดล และแรงดลในการแกป้ ญั หา จากการสบื ค้น การศกึ ษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เร่ือง โมเมนตัมและการชน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบ คำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผา่ นเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑ์ ทัง้ หมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถคำนวณการดลจากสมการและพื้นที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรงลัพธ์กับเวลา วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแรงดลกับโมเมนตัม และสามารถประยุกต์ใช้ ความรู้เกี่ยวกับ โมเมนตัมของวัตถุ การดล และแรงดลในการแก้ปัญหา โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่าน เกณฑ์ในระดบั ดี ข้ึนไป (รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนกั เรยี นที่ไมผ่ ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อม เสรมิ โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแลว้ ผ่านเกณฑ์ท้งั หมด) . 9.3 ด้านคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นกั เรียนให้ความร่วมมอื ในการทำกจิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจ นกั เรียนมีความรับผดิ ชอบ มีความมงุ่ ม่ันใน การทำงาน ทำใบงานเสรจ็ ตามทไ่ี ด้รับมอบหมาย และมผี ลสำเร็จของการทำงานทีไ่ ด้รับมอบหมายผ่านตาม เกณฑ์ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 ของนักเรียนทงั้ หมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค นักเรียนขาดทักษะทางด้านการคิดคำนวณ การแทนค่าและการแก้สมการ คณิตศาสตร์ที่จำเป็น ครูผู้สอน ต้องทบทวนความรู้พื้นฐานดังกล่าว ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำกิจกรรมในบทเรียน . ลงชอื่ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์.) วนั ท.่ี ................................................. ลงชอ่ื .......................................................คูน่ เิ ทศ (นายตฤณธวิ ัฒน์ ภิญโญชัยภัทร) วนั ท.่ี .................................................
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 125 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 19 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 โมเมนตมั และการชน เร่ือง การชนในหน่งึ มติ ิ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31206 ชือ่ รายวิชา ฟิสกิ ส์ เพิ่มเตมิ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4 เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง ผู้สอน นายตฤณธวิ ัฒน์ ภิญโญชยั ภัทร โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้วี ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นท่ีของนวิ ตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษพ์ ลงั งานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตัม การเคล่ือนท่ีแนวโคง้ รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 5. อธิบายและคำนวณโมเมนตัมของวัตถแุ ละการดลจากสมการและพ้นื ท่ใี ต้กราฟความสมั พันธ์ระหว่างแรง ลพั ธก์ ับเวลารวมท้งั อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหว่างแรงดลกับ โมเมนตมั 6.ทดลองอธบิ าย และคำนวณปริมาณต่างๆ ทเ่ี ก่ียวกับการชนของวตั ถุในหน่ึงมิติทั้งแบบ ยืดหยุ่นไม่ยืดหยุ่น และการดีดตัวแยกจากกนั ในหน่ึงมิติซึง่ เป็นไปตามกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตัม 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การชนกันของวัตถุในระบบโดดเดี่ยว (คือ ระบบที่ไมมีแรงภายนอกมากระทำ) จะมีการอนุรักษโมเมนตัม เสมอ แตอ่ าจจะไม่จำเปน็ ตองอนุรักษพ์ ลังงาน เพราะพลังงานจลนบ์ างสว่ นสามารถเปลี่ยนรปู เปน็ พลงั งานความร้อน เสียง หรืออาจจะเปล่ยี นรูปเป็นพลงั งานศักยย์ ืดหยนุ่ เนอ่ื งจากการเปลย่ี นรปู รา่ งของวตั ถุในขณะชนกนั โดยกรณีการ ชนท่จี ะศึกษาจะแบ่งออกเป็น 2 กรณคี ือ การชนใน 1 มติ ิและการชนใน 2 มิติ การชนแบบ 1 มติ ิ คือ การชนของวตั ถุทอี่ ยู่ในระนาบเดยี วกนั เมอื่ มีการชนแลว้ การเคลอ่ื นท่ีของวัตถุท้ังสอง ก็จะอยใู่ นแนวเดียวกัน เนอื่ งจากเปน็ การชนผ่านจุดศูนยก์ ลางมวล 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1) การชนในหนึ่งมติ ิ
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หน้า 126 2) ชนแบบยืดหยนุ่ และการชนแบบไมย่ ืดหยุน่ 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธิบายการชนในหนงึ่ มิติ 2) ทดลองการชนของวัตถุในหนึ่งมิติเพื่ออธิบายการชนแบบยืดหยุ่นและการชนแบบไม่ยืดหยุ่น 4.3 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1) มีวนิ ัย 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) มงุ่ มนั่ ในการทำงาน 5. ชิน้ งานหรือภาระงานที่แสดงผลการเรียนรู้ 1. การทดลอง เรอื่ ง การชนในหนึ่งมติ ิ 6. การประเมนิ เคร่อื งมือ เกณฑ์ วธิ ีการ แบบฝกึ หดั เพ่ิมเตมิ ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ข้ึนไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหัดเพิม่ เตมิ ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ข้ึนไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพอ่ื บันทกึ แบบฝกึ ทักษะ ข้อคำถามอัตนัย ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขนึ้ ไป สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ด้าน เพ่อื วดั ความสามารถในการส่อื สาร ความคดิ และการสอื่ สาร ได้แก่ การอธบิ าย การเขียน 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บนั ทึก แบบสงั เกตพฤติกรรม มีวินยั ใฝ่ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรียนรู้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน วินยั ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มน่ั ใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ขั้นนำเขา้ สู่บทเรียน 1.1 ครนู ำเข้าสู่บทเรียนโดยถามว่า “เหตุใดลูกบิลเลียดลูกหน่ึงวิง่ เข้าชนลูกบิลเลียดอีกลูกหนึ่งแล้ว เราจะเห็นวา่ บางครัง้ ลูกบิลเลยี ดทว่ี ่ิงเข้าชนหยดุ การเคล่อื นที่ บางครงั้ ลกู บลิ เลยี ดที่ถูกชนเคล่ือนทอ่ี อกไป บางครั้งทั้ง สองลูกเคลอื่ นทไี่ ปดว้ ยกนั หรือเคล่อื นที่ไปคนละทิศทาง เหตใุ ดจึงเป็นเช่นนน้ั ” 1.2 นักเรียนตอบข้อซักถามของครูวา่ “เหตุใดลูกบิลเลียดลูกหนึ่งว่ิงเข้าชนลูกบิลเลียดอีกลูกหน่ึง แล้วเราจะเห็นว่าบางครั้งลูกบิลเลียดที่วิ่งเข้าชนหยุดการเคลื่อนที่ บางครั้งลูกบิลเลียดที่ถูกชนเคลื่อนที่ออกไป บางครั้งทง้ั สองลกู เคล่ือนท่ีไปดว้ ยกัน หรอื เคล่ือนทไ่ี ปคนละทศิ ทาง เหตใุ ดจึงเป็นเชน่ นั้น ”
หนว่ ยการเรียนรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 127 2. ขน้ั สำรวจและคน้ พบ 2.1 นักเรียนศึกษาความเร่ือง การชนในหนงึ่ มติ ิ 2.2 นกั เรียนแบ่งกลุ่มสำหรบั ทำกิจกรรมที่ 18.1 เรอ่ื ง การชนในหนง่ึ มติ ิ 2.3 ครใู ห้นกั เรียนตรวจสอบอปุ กรณ์ในการทดลองพรอ้ มท้ังอธิบายวิธีการใชง้ านอุปกรณ์ 2.4 ครอู ธบิ ายขัน้ ตอนในการทดลอง เรอ่ื ง การชนในหนึง่ มิติ ให้นักเรียนฟงั 3. ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ 3.1 นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภิปรายเกย่ี วกบั การทดลอง เรื่อง การชนในหนง่ึ มติ ิหลงั จากทไี่ ด้ทำการ ทดลอง 3.2 สุ่มนกั เรียนออกมานำเสนอผลการทดลองกิจกรรมเรื่อง การชนในหนง่ึ มติ ิ 3.3 ครูเพ่มิ เติมเนือ้ หาสาระ เรอื่ ง การชนในหนง่ึ มติ ิ ทเ่ี ห็นวา่ ยังไม่สมบูรณ์เพือ่ เป็นการเพม่ิ ความรใู้ ห้ มากยง่ิ ข้นึ 4. ขน้ั ขยายความรู้ 4.1 ครูและนกั เรียนชว่ ยกนั สรุปเนือ้ หาสาระ 5. ขนั้ ประเมิน 5.1 ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ความเขา้ ใจของการทำการทดลอง 5.2 การอภิปรายหน้าชั้นเรียน 8. ส่อื การเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี นฟสิ ิกส์เพ่ิมเตมิ เล่ม 2 2. ฐานขอ้ มูล Internet 3. การทดลอง เร่อื ง การชนในหนง่ึ มิติ 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตมั และการชน หนา้ 128 9. สรุปผลการจัดการเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศกึ ษาการชนในหน่ึงมติ ิ การชนแบบยืดหยุ่น และการชนแบบ ไมย่ ืดหยุ่น จากกิจกรรมการทดลอง การสืบคน้ การศกึ ษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรยี น เรื่อง โมเมนตัมและการชน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบ คำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสรมิ โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑ์ ทงั้ หมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธบิ ายอธิบายการชนในหน่ึงมิติ และทำการทดลองการชนของวตั ถใุ นหนึง่ มิตเิ พื่ออธิบาย การชนแบบยืดหยุ่นและการชนแบบไม่ยืดหยุ่น โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73.1 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม และบันทึกรายงานการทดลอง) ส่วนนักเรยี นท่ไี ม่ผา่ นเกณฑ์ ดำเนินการ ซอ่ มเสรมิ โดยภายดำเนินการซอ่ มเสริมแล้ว ผ่านเกณฑท์ ั้งหมด) . ........................................................................................................................................................................................ 9.3 ด้านคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรยี นใหค้ วามรว่ มมอื ในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ นักเรียนมคี วามรบั ผิดชอบ มคี วามมงุ่ มัน่ ใน การทำงาน ทำใบงานเสรจ็ ตามท่ไี ด้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ไดร้ ับมอบหมายผ่านตาม เกณฑ์ คดิ เป็นร้อยละ 100 ของนกั เรียนทัง้ หมด . 9.4 ปัญหาอุปสรรค นักเรียนขาดทักษะทางด้านการคิดคำนวณ การแทนค่าและการแก้สมการ คณิตศาสตร์ที่จำเป็น ครูผู้สอน ต้องทบทวนความรู้พื้นฐานดังกล่าว ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำกิจกรรมในบทเรียน . ลงชอ่ื วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วันที.่ ................................................. ลงชือ่ .......................................................ค่นู เิ ทศ (นายตฤณธิวัฒน์ ภญิ โญชยั ภัทร) วนั ที่..................................................
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 129 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 20 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 โมเมนตัมและการชน เรอื่ ง กฎการอนรุ กั ษโ์ มเมนตัม กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว31206 ชื่อรายวิชา ฟิสิกส์ เพมิ่ เตมิ 2 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง ผู้สอน นายตฤณธิวัฒน์ ภญิ โญชัยภัทร โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้วี ดั /ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคล่อื นท่ขี องนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนุรกั ษ์พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรักษ์ โมเมนตมั การเคลอ่ื นที่แนวโคง้ รวมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 5. อธบิ ายและคำนวณโมเมนตัมของวัตถแุ ละการดลจากสมการและพ้นื ท่ใี ต้กราฟความสมั พันธร์ ะหว่างแรง ลัพธก์ ับเวลารวมทั้ง อธิบายความสัมพันธ์ระหวา่ งแรงดลกับ โมเมนตัม 6.ทดลองอธบิ าย และคำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวกับการชนของวัตถุในหนึ่งมิตทิ ั้งแบบ ยืดหยุ่นไม่ยืดหยุ่น และการดดี ตัวแยกจากกนั ในหนง่ึ มติ ิซง่ึ เป็นไปตามกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตมั 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด ในการชนของวัตถุโดยมากมักจะมแี รงภายนอกมากระทำตอ่ วตั ถุ ซ่ึงขนาดของแรงจะมากหรือนอ้ ย ขนึ้ อยู่กับ ลักษณะการชนของวัตถุ และในการชนอาจมีการสูญเสียค่าโมเมนต้มมากหรือน้อย หรือไม่สูญเสียเลยก็ได้ เราอาจ แยกการชนออกได้ 2 ลักษณะดังน้ี 1. เมื่อโมเมนตัมของระบบมีค่าคงท่ี เป็นการชนที่ขณะชนมีแรงภายนอกมากระทำน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับ ขนาดของแรงดลที่เกิดขึน้ หรือแรงภายนอกเปน็ ศูนย์ เช่น การชนกันของลูกบิดเลียด การชนของรถยนต์ การยิงปนื เป็นตน้ 2. เมอื่ โมเมนตมั ของระบบไม่คงที่ เปน็ การชนท่ีขณะชนมีแรงภายนอกมากระทำมากกว่าแรงดลทเี่ กิดกับวัตถุ ขณะชนกนั เชน่ ลกู บอลตกกระทบพ้ืน รถยนตช์ นกับต้นไม้ เป็นตน้ การชนของวัตถุเมือ่ ไม่มแี รงภายนอกมากระทำตอ่ ระบบซึ่งจะเปน็ ผลใหโ้ มเมนตัมของระบบมีค่าคงท่ี พิสูจน์ ได้จากกฎการเคล่ือนทขี่ อ้ ที่ 3 ของนวิ ตัน 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หนา้ 130 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) กฎการอนุรักษ์โมเมนตัม 2) ปรมิ าณตา่ งๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกับกฎการอนรุ ักษโ์ มเมนตัม 3) การประยุกตใ์ ช้กฎการอนรุ ักษ์โมเมนตมั ในการแกป้ ัญหา 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายกฎการอนรุ กั ษ์โมเมนตัม 2) คำนวณหาปรมิ าณตา่ งๆ ท่เี กีย่ วขอ้ งกบั กฎการอนรุ กั ษโ์ มเมนตัม 3) ประยกุ ต์ใช้กฎการอนรุ กั ษโ์ มเมนตมั ในการแก้ปญั หา 4.3 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1) มีวนิ ัย 2) ใฝเ่ รียนรู้ 3) ม่งุ มัน่ ในการทำงาน 5. ชนิ้ งานหรือภาระงานทีแ่ สดงผลการเรียนรู้ 1. แบบฝึกทักษะ 6. การประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์ วิธีการ แบบฝกึ หดั เพิม่ เติม ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ข้นึ ไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หัดเพิ่มเตมิ ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึน้ ไป 2. ตรวจแบบฝึก เพ่อื บนั ทึก แบบฝึกทกั ษะ ขอ้ คำถามอัตนยั ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขน้ึ ไป สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ด้าน เพื่อวดั ความสามารถในการสอื่ สาร ความคิด และการสื่อสาร ได้แก่ การอธิบาย การเขยี น 3. สังเกต สมั ภาษณ์ บันทึก แบบสงั เกตพฤติกรรม มวี ินยั ใฝ่ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรยี นรู้ และมงุ่ มน่ั ในการทำงาน วินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมน่ั ใน การทำงาน
หนว่ ยการเรียนรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 131 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ขนั้ นำเขา้ สู่บทเรยี น 1.1 ครูนำเขา้ สู่บทเรยี นโดยใหน้ กั เรียนพิจารณาวตั ถุสองกอ้ นที่กระทบกันแล้วตัง้ คาถามว่า “มีแรง อะไรกระทากบั วัตถุสองกอ้ นน้ีเม่อื วัตถุกระทบกัน” 1.2 นักเรียนตอบข้อซักถามของครูวา่ “มีแรงอะไรกระทำกับวัตถุสองกอ้ นนี้เมื่อวัตถุกระทบกัน ” (กฎการเคลื่อนที่ข้อที่ 3 ของนิวตัน เมื่อไม่มีแรงภายนอกมากระทาต่อระบบ ผลรวมของโมเมนตัมก่อนการชนของ ระบบเท่ากับผลรวมของโมเมนตัมหลงั การชนของระบบ โดยโมเมนตมั ของระบบมีค่าคงตวั เรียนกวา่ กฎการอนุรักษ์ โมเมนตัม ) 2. ขั้นสำรวจและค้นพบ นักเรยี นแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 5 คนศึกษาความรู้ เรอื่ ง กฎการอนุรักษ์โมเมนตมั 3. ขัน้ อธิบายและลงข้อสรุป ครูเพิ่มเติมเนื้อหาสาระ เรื่อง กฎการอนุรักษ์โมเมนตัม ที่เห็นว่ายังไม่สมบูรณ์เพื่อเป็นการเพ่ิม ความรใู้ ห้มากย่ิงขน้ึ 4. ข้ันขยายความรู้ 4.1 ครูและนกั เรยี นช่วยกันสรุปเนื้อหาสาระ 4.2 นักเรียนทำแบบฝกึ ทกั ษะเรอื่ ง กฎการอนุรักษโ์ มเมนตมั 4.3 ครเู ฉลยแบบฝกึ ทักษะ ให้นักเรยี นฟังหนา้ ช้นั 5. ข้นั ประเมิน 5.1 ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ความเข้าใจของการทำแบบฝกึ หัด 5.2 การอภิปรายหน้าชัน้ เรยี น 8. สื่อการเรียนรู/้ แหลง่ เรียนรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี นการเรียนรู้เพมิ่ เติมฟิสิกส์ เล่ม 2 2. ฐานขอ้ มูล Internet 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หน้า 132 9. สรปุ ผลการจัดการเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนใหค้ วามร่วมมือในการทำกิจกรรมเพือ่ ศึกษา กฎการอนุรกั ษโ์ มเมนตมั และปรมิ าณต่างๆ ทีเ่ กยี่ วข้อง กับกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรยี น เรื่อง โมเมนตัมและการชน โดยมีนกั เรยี น ร้อยละ 73.1 ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ข้นึ ไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบ คำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผา่ นเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑ์ ทง้ั หมด) . 9.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถ อธิบายกฎการอนุรักษ์โมเมนตมั วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปเกี่ยวกบั กฎการอนุรักษ์ โม เมนตัมคำนวณหาปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม และประยุกต์ใช้กฎการอนุรักษ์ โมเมนตัม ในการแก้ปัญหาจากสถานการณ์ท่ีกำหนดให้ โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73.1 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม)ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภาย ดำเนินการซอ่ มเสริมแล้ว ผา่ นเกณฑ์ทง้ั หมด) . 9.3 ด้านคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นกั เรียนใหค้ วามรว่ มมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นกั เรียนมคี วามรับผดิ ชอบ มคี วามมงุ่ ม่ันใน การทำงาน ทำใบงานเสร็จตามทไี่ ดร้ ับมอบหมาย และมผี ลสำเร็จของการทำงานทไี่ ดร้ ับมอบหมายผ่านตาม เกณฑ์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ของนกั เรยี นทั้งหมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค นักเรียนขาดทักษะทางด้านการคิดคำนวณ การแทนค่าและการแก้สมการ คณิตศาสตร์ที่จำเป็น ครูผู้สอน ต้องทบทวนความรู้พื้นฐานดังกล่าว ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำกิจกรรมในบทเรียน . ลงช่ือ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์.) วันที่.................................................. ลงชื่อ.......................................................คนู่ ิเทศ (นายตฤณธิวฒั น์ ภิญโญชยั ภทั ร) วันท.่ี .................................................
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หน้า 133 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 21 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 โมเมนตัมและการชน เร่ือง การชนในสองมติ ิ กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31206 ช่ือรายวิชา ฟิสิกส์ เพ่ิมเติม 2 ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง ผ้สู อน นายตฤณธิวฒั น์ ภิญโญชยั ภทั ร โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชีว้ ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลือ่ นที่ของนวิ ตนั กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ ักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตัม การเคล่อื นที่แนวโคง้ รวมทงั้ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 5. อธบิ ายและคำนวณโมเมนตมั ของวตั ถุและการดลจากสมการและพนื้ ทีใ่ ตก้ ราฟความสมั พนั ธ์ระหว่างแรง ลัพธก์ ับเวลารวมท้ัง อธิบายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งแรงดลกับ โมเมนตมั 6.ทดลองอธบิ าย และคำนวณปริมาณต่างๆ ทีเ่ กยี่ วกบั การชนของวตั ถุในหนงึ่ มิติท้ังแบบ ยืดหยุ่นไม่ยืดหยุ่น และการดดี ตวั แยกจากกนั ในหนึ่งมติ ิซ่งึ เป็นไปตามกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตมั 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การชนในสองมิตเิ ป็นการชนของวัตถุในแนวไม่ผ่านจุดศนู ย์กลางของมวลทาให้ทิศทางการเคล่ือนท่ีของวัตถุ ไม่อยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน เรียกการชนลกั ษณะน้ีว่า การชนในสองมิติ ในที่นี้จะกล่าวถึงการชนแบบยืดหยุ่น เมื่อ มวลทั้งสองก้อนเท่ากัน กำหนดให้มวล m มีความเร็ว u1 เข้าชนมวล m อีกก้อนหนึ่ง ซึ่งอยู่นิ่งในแนวไม่ผ่านจุด ศนู ย์กลางของมวล ทาให้มวลท้ังสองแยกออกจากกันทำมุม θ มคี วามเร็ว v1 และ v2 ตามลาดับ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ความหมายของการชนในสองมติ ิ 2) โมเมนตมั และพลงั งานที่เก่ยี วข้องกับการชนในสองมติ ิ
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 134 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายการชนในสองมติ ิ 2) อธิบายโมเมนตมั และพลงั งานทเ่ี กีย่ วข้องกบั การชนในสองมิติ 3) ทดลองการดีดตวั แยกจากกันของวตั ถเุ พือ่ สรุปเก่ียวกับโมเมนตมั และพลงั งานท่เี กยี่ วข้อง 4.3 คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1) มวี ินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) ม่งุ มั่นในการทำงาน 5. ชนิ้ งานหรอื ภาระงานท่ีแสดงผลการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบ 6. การประเมนิ เครอื่ งมือ เกณฑ์ วธิ ีการ แบบฝกึ หดั เพิ่มเติม ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขน้ึ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหดั เพิ่มเตมิ ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ข้ึนไป 2. ตรวจแบบฝึก เพอื่ บนั ทกึ แบบฝึกทกั ษะ ข้อคำถามอัตนัย ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขึน้ ไป สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ดา้ น เพื่อวัดความสามารถในการสอ่ื สาร ความคดิ และการส่ือสาร ไดแ้ ก่ การอธิบาย การเขียน 3. สังเกต สมั ภาษณ์ บนั ทึก แบบสงั เกตพฤติกรรม มีวนิ ัย ใฝ่ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ มี เรียนรู้ และม่งุ มั่นในการทำงาน วินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ ม่นั ใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรยี น 1.1 ให้นกั เรียนผลักรถทดลองชนกัน 1.2 นักเรียนท้ังหมดรว่ มกนั ยกตัวอย่างการชนกันของวัตถุ ร่วมกันอภปิ รายถงึ แรงที่กระทำตอ่ วัตถุ เมอื่ ชนกัน รวมทงั้ ผลท่จี ะเกิดขนึ้ จากการชน 1.3 ให้นกั เรยี นรว่ มกนั ตั้งคำถามเกีย่ วกับสงิ่ ทีต่ ้องการรู้ จากเนือ้ หาทเี่ ก่ยี วกบั เร่อื งการชน 2. ขน้ั สำรวจและคน้ พบ 2.1 นกั เรียนแบง่ กล่มุ กล่มุ ละ 5 คน 2.2 นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มศึกษาการชนกนั ของรถทดลองแบบยดื หยุ่น
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตมั และการชน หน้า 135 2.3 นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ศกึ ษาการชนกนั ของรถทดลองแบบไมย่ ดื หย่นุ 2.4 นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ วางแผนศกึ ษาการชนกันของลกู ทรงกลมโลหะในสองมิติ 2.5 นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ศกึ ษาการชนกนั ของลูกทรงกลมโลหะในสองมติ ิ 3. ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ 3.1 นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ นำเสนอผลการศกึ ษาการชนกันของรถทดลองแบบยืดหยนุ่ 3.2 นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ได้ผลการศกึ ษาเหมือนกนั หรือต่างกนั อยา่ งไร เพราะเหตุใด 3.3 นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ นำเสนอผลการศกึ ษาการชนกนั ของรถทดลองแบบไม่ยดื หย่นุ 3.4 นกั เรียนแต่ละกลุ่มได้ผลการศึกษาเหมือนกนั หรอื ต่างกันอยา่ งไร เพราะเหตุใด 3.5 นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ได้ผลการศกึ ษาเหมือนกันหรอื ตา่ งกันอย่างไร เพราะเหตใุ ด 3.6 นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ นำเสนอผลการศึกษาการชนกันของลูกทรงกลมโลหะในสองมิติ 3.7 นักเรียนแตล่ ะกลุ่มได้ผลการศกึ ษาเหมือนกันหรือตา่ งกนั อย่างไร เพราะเหตุใด 3.8 ครูตง้ั คำถามว่า - เหตใุ ดเมอ่ื มวลรถเท่ากันคนั ท่ชี นจงึ หยุดอยู่กับที่ - การตดิ สปริงทำให้ความเรว็ ของรถคงตัวได้อยา่ งไร - การชนกันของรถที่ไม่ตดิ สปริงและติดดินน้ำมัน โมเมนตัมรวมก่อนชนเทา่ กนั ทุกกรณีหรือไม่ อยา่ งไร - การชนกันของรถที่ไม่ติดสปริงและติดดินน้ำมัน พลังงานจลน์ก่อนชนและหลังชนเท่ากัน หรอื ไม่ หากไม่เท่าหายไปเทา่ ใด - การชนกันของรถทไี่ ม่ติดสปริงและตดิ ดินน้ำมนั โมเมนตัมคงตัวหรอื ไม่ อยา่ งไร - การชนกันของรถที่ไม่ติดสปริงและติดดินน้ำมัน พลังงานจลน์หายไปน้อยกว่าหรือมากกว่า กรณที ่ีชนแล้วตดิ กันไป - ในกรณีที่มวลของรถเท่ากัน ความเร็วของรถท้ังสองทแ่ี ยกจากกันมขี นาดเทา่ กนั หรือไม่ - กรณีท่เี พมิ่ มวลคนั ใดคันหน่ึงเปน็ 2 หรอื 3 เทา่ ความเร็วรถท้ังสองเปน็ อย่างไร และขนาดของ โมเมนตัมเปน็ อยา่ งไร - โมเมนตัมกอ่ นชน (ก่อนระเบดิ ) เปน็ ศนู ย์ โมเมนตัมรวมหลังชน (หลงั ระเบดิ ) เป็นเท่าไร - กฎการอนรุ กั ษโ์ มเมนตมั เป็นอย่างไร ใช้กบั กรณีนไ้ี ดห้ รือไม่ - การทดลองการชนสองมิติ พสิ จู นว์ า่ โมเมนตัมกอ่ นชนเท่ากบั โมเมนตัมหลงั ชนได้หรอื ไม่ - ถา้ ความเรว็ ก่อนชนเปลี่ยนไป หรอื มวลของก้อนทม่ี าชนเปล่ียนไป ใช้พสิ จู น์ว่าโมเมนตัมก่อน ชนเทา่ กบั โมเมนตัมหลงั ชนได้หรอื ไม่ 3.9 นักเรียนท้ังหมดรว่ มกันสรุปผลจากการศึกษาการชน 4. ขั้นขยายความรู้
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หน้า 136 4.1 นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ เสนอแนวคดิ ในการแกป้ ญั หาโจทย์เรือ่ งการชน 4.2 นกั เรยี นเสนอแนวคดิ ในการนำความเข้าใจเร่อื งการชนไปใช้ประโยชน์ 4.3 นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ร่วมกนั สรุปเช่ือมโยงความคิดเก่ียวกบั การชน 5. ขนั้ ประเมิน 5.1 นักเรียนแต่ละคนย้อนกลับไปอ่านบันทึกประสบการณ์เดิม สิ่งที่ต้องการรู้ และขอบเขต เปา้ หมาย แลว้ ตรวจสอบวา่ ไดเ้ รียนร้ตู ามท่ตี ้งั เปา้ หมายครบถ้วนหรอื ไมเ่ พยี งใด ถา้ ยังไมค่ รบถว้ นจะทำอยา่ งไรต่อไป 5.2 นักเรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียนจำนวนขอ้ สอบ 10 ข้อ 8. สือ่ การเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี นฟิสกิ ส์เพม่ิ เตมิ เลม่ 2 2. ฐานข้อมลู Internet http://www.icphysics.com/modules.php?name=forum2posing&mode=quote&p=717 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet
หนว่ ยการเรียนรู้ โมเมนตมั และการชน หน้า 137 9. สรุปผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อสรุปเกี่ยวกับโมเมนตัมและพลังงานที่เก่ียวข้อง จากศึกษา ทดลองการดีดตัวแยกจากกันของวัตถุ การสบื ค้น การศกึ ษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรอื่ ง โมเมนตัมและการชน โดยมีนกั เรียน รอ้ ยละ 73 ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขน้ึ ไป (รอ้ ยละ60 ของคะแนน ตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่าน เกณฑท์ ้งั หมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถสรุปเกี่ยวกับโมเมนตัมและพลังงานที่เกี่ยวข้อง จากการทดลองการดีดตัวแยกจากกัน ของวัตถุ โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรยี นทไี่ ม่ผา่ นเกณฑ์ ดำเนินการซอ่ มเสรมิ โดยภายดำเนินการซอ่ มเสริมแล้ว ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด).. ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑ์ ทง้ั หมด)......................................................................................................................................................................... 9.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นกั เรยี นใหค้ วามร่วมมือในการทำกจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ นกั เรยี นมคี วามรับผดิ ชอบ มีความมุ่งม่ันใน การทำงาน ทำใบงานเสร็จตามทไี่ ดร้ ับมอบหมาย และมผี ลสำเร็จของการทำงานท่ไี ด้รบั มอบหมายผ่านตาม เกณฑ์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ของนกั เรียนทั้งหมด . 9.4 ปญั หาอุปสรรค นักเรียนขาดทักษะทางด้านการคิดคำนวณ การแทนค่าและการแก้สมการ คณิตศาสตร์ที่จำเป็น ครูผู้สอน ต้องทบทวนความรู้พื้นฐานดังกล่าว ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำกิจกรรมในบทเรียน . ลงชอื่ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วันที.่ ................................................. ลงช่ือ.......................................................คนู่ ิเทศ (นายตฤณธวิ ัฒน์ ภิญโญชัยภัทร) วนั ท่.ี .................................................
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หน้า 138 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 22 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 โมเมนตมั และการชน เรื่อง การระเบิด กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31206 ช่ือรายวชิ า ฟิสกิ ส์ เพ่มิ เตมิ 2 ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง ผสู้ อน นายตฤณธิวัฒน์ ภญิ โญชยั ภัทร โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นท่ีของนวิ ตนั กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนุรักษ์พลงั งานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตมั การเคลอื่ นทแ่ี นวโค้ง รวมทงั้ นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 5. อธบิ ายและคำนวณโมเมนตมั ของวัตถแุ ละการดลจากสมการและพน้ื ทใี่ ตก้ ราฟความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรง ลัพธ์กับเวลารวมทัง้ อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหว่างแรงดลกบั โมเมนตัม 6.ทดลองอธิบาย และคำนวณปรมิ าณตา่ งๆ ทเี่ กี่ยวกับการชนของวัตถุในหน่งึ มิติท้ังแบบ ยืดหยุ่นไม่ยืดหยุ่น และการดีดตัวแยกจากกัน ในหน่งึ มติ ซิ ง่ึ เปน็ ไปตามกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตมั 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การระเบิด (Recoil) คือ การทวี่ ัตถุรวมกนั เปน็ ระบบก้อนเดียวแล้วมีการแยกตวั ออกจากกัน การระเบดิ ถอื ว่าเป็นการชนอย่างหนึ่ง โดยแรงท่ที าให้เกิดการระเบดิ จะเป็นแรงทเ่ี กิดขึน้ ภายในระบบจงึ ไมม่ ีผลต่อการ เปล่ยี นโมเมนตัมของระบบ น่นั คอื ผลรวมของโมเมนตมั ของระบบเป็นศูนย์ สว่ นผลรวมของพลังงานจลน์ของระบบไม่ เปน็ ศูนย์ ดงั นนั้ จะไดเ้ ง่อื นไขของโมเมนตมั ดังสมการ ΣP กอ่ นระเบิด = ΣP หลงั ระเบดิ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ความหมายของการระเบดิ 2) โมเมนตัมและพลงั งานที่เก่ียวขอ้ งกับการระเบดิ
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 139 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายความหมายของการระเบิด 2) ทดลองการดีดตวั แยกจากกันของวตั ถุเพ่ือสรุปเกย่ี วกับโมเมนตมั และพลงั งานทีเ่ ก่ยี วข้อง 3) ประยุกต์ใช้ความเข้าใจเกย่ี วกับการชนและการดีดตวั แยกจากกันในการแกป้ ัญหา 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) มวี นิ ยั 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) มุง่ มนั่ ในการทำงาน 5. ช้ินงานหรอื ภาระงานท่แี สดงผลการเรียนรู้ 1. การทดลอง เรือ่ ง การระเบิด 6. การประเมิน เครอื่ งมอื เกณฑ์ วิธีการ แบบฝึกหัดเพิ่มเติม ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขนึ้ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหดั เพมิ่ เตมิ ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ข้ึนไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพ่อื บนั ทกึ แบบฝึกทกั ษะ ขอ้ คำถามอตั นยั ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ข้นึ ไป สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ดา้ น เพื่อวดั ความสามารถในการสอ่ื สาร ความคิด และการสอ่ื สาร ได้แก่ การอธิบาย การเขยี น 3. สังเกต สัมภาษณ์ บนั ทึก แบบสังเกตพฤติกรรม มีวนิ ัย ใฝ่ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ มี เรียนรู้ และมุ่งม่นั ในการทำงาน วินัย ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มัน่ ใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ขนั้ นำเข้าสบู่ ทเรียน 1.1 ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยถามนักเรียนว่า “ถ้ามีวัตถุอันหนึ่ง แล้วทำให้แยกออกจากกัน ผลรวม ของโมเมนตัมของระบบจะเป็นอย่างไร” 1.2 นกั เรียนตอบขอ้ ซกั ถามของครวู ่า “ถา้ มีวตั ถอุ ันหนง่ึ แล้วทำให้แยกออกจากกัน ผลรวมของ โมเมนตมั ของระบบจะเป็นอยา่ งไร” 2. ขน้ั สำรวจและค้นพบ 2.1 นกั เรยี นศกึ ษา เรอ่ื ง การระเบดิ จากหนงั สือเรยี น
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตัมและการชน หน้า 140 2.2 นักเรียนแบ่งกลุ่มสำหรับทำกจิ กรรม เรอ่ื ง การระเบดิ 2.3 ครูใหน้ ักเรียนตรวจสอบอุปกรณ์ในการทดลองพรอ้ มท้ังอธิบายวธิ ีการใชง้ านอปุ กรณ์ 2.4 ครูอธบิ ายขน้ั ตอนในการทดลอง เร่ือง การระเบดิ ใหน้ กั เรียนฟัง 2.5 นกั เรียนทำการทดลอง 3. ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ 3.1 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการทดลอง เรื่อง การระเบิด หลังจากที่ได้ทำการ ทดลอง 3.2 ส่มุ นกั เรียนออกมานำเสนอผลการทดลองกจิ กรรม เร่อื ง การระเบดิ 4. ขัน้ ขยายความรู้ ครูและนกั เรียนชว่ ยกนั สรปุ เนอ้ื หาสาระ 5. ขั้นประเมนิ การอภปิ รายและนำเสนอหนา้ ชัน้ เรยี น 8. สือ่ การเรยี นร/ู้ แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี นฟสิ กิ สเ์ พมิ่ เตมิ เลม่ 2 2. ฐานขอ้ มูล Internet 3. ใบงาน เร่อื ง 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 141 9. สรุปผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นกั เรยี นให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพ่ือศึกษา เกย่ี วกบั การระเบดิ การดีดตวั แยกจากกันของวตั ถุ โมเมนตัมและพลังงานทีเ่ ก่ียวข้อง จากการสืบคน้ การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรยี น เรือ่ ง โมเมนตัมและการชน โดยมีนกั เรียน รอ้ ยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ข้นึ ไป (ร้อยละ60 ของคะแนน ตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่าน เกณฑท์ ้ังหมด) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถ อธิบายการระเบิด การดีดตัวแยกจากกันของวัตถุ สามารถคำนวณหาโมเมนตัมและ พลังงานที่เกี่ยวข้องกับการระเบิด โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม)ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริม แล้ว ผ่านเกณฑ์ท้ังหมด) . ........................................................................................................................................................................................ 9.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นกั เรียนใหค้ วามร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรยี นมคี วามรบั ผดิ ชอบ มีความม่งุ มั่นใน การทำงาน ทำใบงานเสรจ็ ตามท่ไี ดร้ บั มอบหมาย และมผี ลสำเร็จของการทำงานที่ไดร้ บั มอบหมายผ่านตาม เกณฑ์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ของนกั เรยี นทั้งหมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค นักเรียนขาดทักษะทางด้านการคิดคำนวณ การแทนค่าและการแก้สมการ คณิตศาสตร์ที่จำเป็น ครูผู้สอน ต้องทบทวนความรู้พื้นฐานดังกล่าว ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำกิจกรรมในบทเรียน . ลงชอื่ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วันท่ี.................................................. ลงชือ่ .......................................................ค่นู ิเทศ (นายตฤณธวิ ฒั น์ ภญิ โญชยั ภัทร) วันท่ี..................................................
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตัมและการชน หน้า 142 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 23 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 โมเมนตมั และการชน เรื่อง การระเบดิ 2 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31206 ชื่อรายวชิ า ฟสิ กิ ส์ เพิ่มเตมิ 2 ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4 เวลาเรียน 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายตฤณธิวัฒน์ ภิญโญชยั ภทั ร โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ดั /ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นท่ีของนวิ ตนั กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนุรกั ษ์พลงั งานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตมั การเคลื่อนท่ีแนวโคง้ รวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 5. อธบิ ายและคำนวณโมเมนตมั ของวัตถแุ ละการดลจากสมการและพน้ื ท่ีใต้กราฟความสมั พันธ์ระหว่างแรง ลัพธ์กับเวลารวมทง้ั อธบิ ายความสมั พันธร์ ะหว่างแรงดลกับ โมเมนตัม 6.ทดลองอธบิ าย และคำนวณปริมาณต่างๆ ท่ีเกย่ี วกบั การชนของวัตถุในหน่งึ มิติทัง้ แบบ ยืดหยุ่นไม่ยืดหยุ่น และการดีดตวั แยกจากกนั ในหนง่ึ มติ ิซ่งึ เป็นไปตามกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตัม 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การระเบดิ (Recoil) คอื การท่วี ตั ถุรวมกันเป็นระบบกอ้ นเดยี วแล้วมีการแยกตวั ออกจากกัน การระเบดิ ถอื วา่ เปน็ การชนอย่างหน่ึง โดยแรงท่ที าให้เกดิ การระเบดิ จะเปน็ แรงที่เกิดขึน้ ภายในระบบจึงไมม่ ผี ลต่อการ เปลยี่ นโมเมนตมั ของระบบ นั่นคือ ผลรวมของโมเมนตัมของระบบเป็นศนู ย์ ส่วนผลรวมของพลังงานจลน์ของระบบไม่ เป็นศนู ย์ ดังนน้ั จะไดเ้ งือ่ นไขของโมเมนตัมดังสมการ ΣP ก่อนระเบดิ = ΣP หลงั ระเบดิ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1) การประยกุ ตใ์ ช้ความเข้าใจเกี่ยวกบั การชนและการดดี ตวั แยกจากกนั ในการแก้ปัญหา
หนว่ ยการเรียนรู้ โมเมนตัมและการชน หน้า 143 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) ประยกุ ตใ์ ช้ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั การชนและการดดี ตวั แยกจากกันในการแก้ปญั หา 4.3 คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1) มีวินยั 2) ใฝเ่ รยี นรู้ 3) มงุ่ ม่ันในการทำงาน 5. ช้ินงานหรอื ภาระงานทแ่ี สดงผลการเรียนรู้ 6. การประเมิน เคร่ืองมอื เกณฑ์ วิธีการ แบบฝกึ หัดเพ่ิมเตมิ ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขน้ึ ไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หดั เพิม่ เติม ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขน้ึ ไป 2. ตรวจแบบฝึก เพื่อบันทึก แบบฝึกทกั ษะ ขอ้ คำถามอัตนยั ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ข้ึนไป สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น ด้าน เพือ่ วดั ความสามารถในการสือ่ สาร ความคิด และการสื่อสาร ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขยี น 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บนั ทกึ แบบสงั เกตพฤติกรรม มวี นิ ัย ใฝ่ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มี เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน วนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งม่ันใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขน้ั นำเข้าส่บู ทเรียน 1.1 ครูนำเขา้ สู่บทเรยี นโดยให้นกั เรียนดูสถานการณ์ การดีดเหรยี ญ 2 เหรียญทม่ี ีขนาดเท่ากัน ชน กนั ด้วยปากกาติดสปรงิ และสถานการณ์ จากวีดโี อจากยูทปู 2. ข้ันสำรวจและค้นพบ นกั เรียนศกึ ษาความรู้ เรอ่ื ง การประยกุ ตใ์ ชค้ วามเข้าใจเกย่ี วกบั การชนและการดีดตวั แยกจากกันใน การแกป้ ัญหาจากเอกสารประกอบบทเรยี น 3. ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ ครูเพิม่ เติมเนอ้ื หาสาระ เร่อื ง การประยุกตใ์ ช้ความเข้าใจเกี่ยวกับการชนและการดดี ตัวแยกจากกัน ในการแกป้ ัญหาท่ีเห็นว่ายงั ไมส่ มบูรณเ์ พอื่ เป็นการเพมิ่ ความร้ใู หม้ ากยิง่ ข้นึ 4. ข้ันขยายความรู้ 4.1 ครแู ละนกั เรยี นช่วยกันสรปุ เนือ้ หาสาระ
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หนา้ 144 4.2 นกั เรยี นทำแบบฝกึ หดั 4.3 ครสู ุ่มนักเรยี นออกมาเฉลยแบบฝึกทักษะ หน้าชั้นเรียน 5. ขน้ั ประเมนิ 5.1 ตรวจสอบความถูกต้อง ความเขา้ ใจของการแบบฝกึ หัด 5.2 การอภปิ รายหนา้ ช้นั เรยี น 8. สอื่ การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน 2. ฐานข้อมูล Internet 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242