หนว่ ยการเรียนรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 145 9. สรุปผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นกั เรยี นให้ความรว่ มมือในการทำกิจกรรมเพื่อศกึ ษา การประยุกตใ์ ชค้ วามเข้าใจเก่ียวกับการชนและการดีดตัว แยกจากกนั ในการแก้ปัญหา จากการสบื ค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรยี น เรอ่ื ง โม เมนตัมและการชน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบ คำถาม)ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑ์ ทง้ั หมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถประยุกต์ใช้ความเข้าใจเกี่ยวกับการชนและการดีดตัวแยกจากกันในการแก้ปัญหา โดยมี นักเรยี น รอ้ ยละ 73 ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขนึ้ ไป (รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) สว่ นนักเรยี นทีไ่ ม่ผ่าน เกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด) . ........................................................................................................................................................................................ 9.3 ด้านคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นกั เรยี นให้ความร่วมมือในการทำกจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ นกั เรยี นมคี วามรับผดิ ชอบ มีความมุง่ ม่นั ใน การทำงาน ทำใบงานเสรจ็ ตามที่ไดร้ ับมอบหมาย และมผี ลสำเรจ็ ของการทำงานทีไ่ ด้รบั มอบหมายผ่านตาม เกณฑ์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ของนักเรยี นทงั้ หมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค นักเรียนขาดทักษะทางด้านการคิดคำนวณ การแทนค่าและการแก้สมการ คณิตศาสตร์ที่จำเป็น ครูผู้สอน ต้องทบทวนความรู้พื้นฐานดังกล่าว ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำกิจกรรมในบทเรียน . ลงชือ่ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วันท.ี่ ................................................. ลงช่อื .......................................................คูน่ ิเทศ (นายตฤณธิวฒั น์ ภิญโญชยั ภัทร) วันท.่ี .................................................
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลอื่ นท่แี นวโค้ง หนา้ 146 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 24 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 การเคล่อื นท่แี นวโค้ง เร่อื ง การเคล่อื นที่แบบโปรเจคไทล์ 1 กลุ่มสาระฯ วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว31206 ชื่อรายวิชา ฟิสกิ ส์เพิ่มเตมิ 2 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 เวลาเรียน 2 ชวั่ โมง ผสู้ อน นางสาววจิ ติ ตา อำไพจติ ต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั /ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟสิ ิกสป์ ริมาณและกระบวนการวดั การเคล่ือนท่ีแนวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนท่ขี องนิวตนั กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวตั ถุ งาน และกฎการอนุรกั ษพ์ ลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตัม การเคลือ่ นที่แนวโค้ง รวมท้งั นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 7. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์และทดลอง การเคล่อื นทแี่ บบโปรเจกไทล์ 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การเคล่อื นท่ีแบบโปรเจกไทล์ เป็นการเคลื่อนท่เี ปน็ แนววถิ โี คง้ ภายใต้แรงเน่อื งจากสนามโน้มถว่ งของโลก ที่วตั ถุเคลื่อนท่ีในสองแนวพร้อม ๆ กัน คือการเคลอ่ื นที่ในแนวระดับและแนวด่ิง แรงท่กี ระทำต่อวัตถุมีทิศทางคง ตวั ตลอดเวลา โดยทำมุมใด ๆ กับทิศของความเรว็ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1) ความหมายลักษณะของการเคลื่อนทีแ่ บบโปรเจกไทล์ 2) ความเร็วของการเคลือ่ นทใี่ นสองมติ ิ 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธิบายความหมาย ลักษณะของการเคลื่อนท่ีแบบโปรเจกไทล์
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลื่อนทแี่ นวโค้ง หนา้ 147 4.3 คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1) ซือ่ สัตยส์ ุจรติ 2) มีวนิ ยั 3) ใฝ่เรียนรู้ 4) ม่งุ มนั่ ในการทำงาน 5) มีจติ สาธารณะ 5. ชนิ้ งานหรอื ภาระงานทแี่ สดงผลการเรียนรู้ แบบฝกึ หดั 6. การประเมิน เคร่อื งมือ เกณฑ์ วิธีการ แบบฝกึ หัดเพิม่ เตมิ ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขนึ้ ไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หดั เพ่ิมเตมิ ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขนึ้ ไป 2. ตรวจแบบฝึก เพ่อื บันทึก แบบฝึกทักษะ ข้อคำถามอตั นัย ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขน้ึ ไป สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ด้าน เพอ่ื วดั ความสามารถในการส่อื สาร ความคดิ และการสอื่ สาร ไดแ้ ก่ การอธิบาย การเขียน 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บนั ทึก แบบสังเกตพฤตกิ รรม มวี นิ ยั ใฝ่ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ มี เรียนรู้ และมุ่งมน่ั ในการทำงาน วนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งม่ันใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. สำรวจรายชือ่ นกั เรียน ประเมินดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ไดแ่ ก่ การมีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ 2. ครแู จ้งจดุ ประสงค์การเรยี นรู้และการวัดผลประเมินผลด้าน KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑ์การวัดผลและการให้คะแนนในส่วนต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกับ หลกั การ ขอ้ ปฏบิ ัตแิ ละกฎระเบยี บในการเรียนการ สอนในหอ้ งเรยี น ขน้ั นำ กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูตรวจสอบความพรอ้ มของนกั เรยี น โดยให้ทำแบบทดสอบก่อนเรียนจำนวน 10 ข้อ 2. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยพูดคุยสนทนาประสบการณ์เก่ียวกับการเคล่ือนท่ีของวัตถุต่าง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั ทง้ั ท่ีเปน็ ไปโดยธรรมชาติ และท่มี นุษย์ทำใหเ้ กดิ ข้นึ เช่น ใบไม้ไหว ลกู บาสบอลทีก่ ำลัง
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคล่ือนท่แี นวโค้ง หนา้ 148 ลอยเข้าห่วง สายน้ำที่พุ่งออกจากหวั ฉีด รถเลี้ยวโค้งในถนนโค้ง การหมุนของพัดลม ล้อรถกำลังหมุน การเคลอ่ื นท่ีของดาวเทยี ม เป็นต้น 2. ครูถามคำถามกระตุ้นนักเรียนจากภาพหน้าหน่วย โดยถามคำถาม ว่า การยิงธนูไปยังเป้า เป็นการ ลักษณะการเคลื่อนท่ีแบบใด (เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นโดยไม่เน้นถูกผิด) 3. นักเรยี นชว่ ยกนั อภปิ รายและแสดงความคิดเหน็ คำตอบจากคำถาม เพอ่ื เชอื่ มโยงไปสู่การจัดการเรียนรู้ เรือ่ งการเคล่อื นท่แี บบโปรเจกไทล์ ขั้นสอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูถามคำถาม ว่า ลักษณะการเคลื่อนที่ของลูกบาสเกตบอลที่ถูกโยนลงห่วงเป็นอย่างไร โดยครูให้ นกั เรยี นดูภาพการเคลอ่ื นที่ของลูกบาสเกตบอล 2. ครูถามนกั เรียนดว้ ยคำถามตอ่ ไปน้ี - เหตุใดเม่ือโยนลกู บาสเกตบอลออกไปแล้วลกู จึงโค้งตกลงมาเสมอ - วัตถุท่มี ีลักษณะการเคล่ือนท่เี ช่นเดียวกับลกู บาสเกตบอลมีอะไรอีกบ้าง 3. ครูตรวจสอบความรู้พื้นฐานเดิมของนักเรียน โดยให้ทำใบงาน ทบทวนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการ เคลือ่ นท่ี 4. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยใบงาน เพอ่ื เปน็ การทบทวนความรู้พ้ืนฐานที่เก่ียวขอ้ งกับการเคลอื่ นที่ แล้ว จัดกจิ กรรมการเรยี นตอ่ ไป อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนท่ีแบบโปรเจกไทล์ โดยชี้ให้เห็นว่า การเคล่ือนท่ีแบบโปรเจก ไทล์ คือ การเคล่ือนที่ของวัตถุในลักษณะเป็นแนวโค้งพาราโบลาตัวอย่าง เช่น การเคล่ือนที่ของลูก ธนู การเคล่ือนท่ีของลูกบาสเกตบอล เป็นต้น โดยเป็นการเคล่ือนท่ีในลักษณะ 2 มิติ คือเคล่ือนท่ี ในแนวระดับและแนวดิ่งพร้อมกันและในเวลาท่ีเท่ากัน โดยการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งเป็นการเคล่ือนท่ี ที่มีความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก ในขณะท่ีการเคล่ือนท่ีในแนวระดับไม่มีความเร่ง 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สอบถามในส่วนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ใน เบ้ืองต้น ขนั้ สรุป ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครนู ำนกั เรียนอภปิ รายและสรุปเกี่ยวกับการเคลอ่ื นท่ีแบบโปรเจกไทล์ ดงั น้ี • การเคลอื่ นทแ่ี บบโปรเจกไทล์ คือ การเคล่ือนทีข่ องวัตถุท่ีเปน็ แนวโคง้ พาราโบลา • การเคล่ือนที่สองแนวตง้ั ฉากกันและเกิดขึน้ ในเวลาเดยี วกนั ได้แก่ การเคลอื่ นทีใ่ นแนวระดับและ การเคลอื่ นทใ่ี นแนวด่งิ
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นทแ่ี นวโค้ง หนา้ 149 • กิจกรรมหลายอย่างที่เห็นในชีวิตประจำวัน เช่น การโยนผลไม้ของชาวสวน การโยนและรับถงั ปูนของช่างก่อสร้าง และการเล่นกีฬาหลายชนิด เช่น วอลเลย์บอล ฟุตบอล เทนนิส แชร์บอล หรอื กิจกรรมที่ต้องมกี ารโยนหรือขว้างวตั ถุ 2. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนื้อหาเรื่อง การเคล่อื นท่แี บบโปรเจกไทล์ ว่ามสี ่วนไหนท่ียังไม่เข้าใจ และให้ความร้เู พม่ิ เติมในสว่ นนน้ั เพอ่ื เป็นความรู้นำไปสกู่ ารศึกษาเกี่ยวกบั เงอ่ื นไงของการเคลื่อนท่ีแบบ โปรเจกไทล์ 3. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคำถามทำแบบฝกึ หดั เรื่อง การเคลอื่ นท่ีแบบโปรเจกไทล์ 8. สื่อการเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น เรื่อง การเคลือ่ นท่ีแนวโค้ง 2. ส่ือ Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet
หน่วยการเรยี นรู้ การเคล่อื นทีแ่ นวโค้ง หนา้ 150 9. สรุปผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนใหค้ วามร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศกึ ษาลักษณะของการเคลื่อนทีแ่ บบโปรเจกไทล์ ลักษณะ ของความเร็วของการเคลื่อนที่ในสองมิติ จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบ บทเรียน เรอ่ื ง การเคล่อื นทีแ่ นวโค้ง โดยมนี ักเรยี น ร้อยละ 73.1 ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึน้ ไป (ร้อยละ 60 ของคะแนนตอบคำถาม)สว่ นนักเรียนทีไ่ ม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนนิ การซอ่ มเสริม โดยภายดำเนินการซ่อม เสรมิ แลว้ ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นกั เรยี น สามารถอธบิ ายความหมาย ลักษณะของการเคล่อื นท่ีแบบโปรเจกไทล์ และปรมิ าณทีเ่ กย่ี วข้องกบั การเคลื่อนท่แี บบโปรเจคไทล์ โดยมีนกั เรยี น รอ้ ยละ 73.1 ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของ คะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนท่ไี ม่ผา่ นเกณฑ์ ดำเนินการซอ่ มเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริม แลว้ ผา่ นเกณฑ์ทั้งหมด) . 9.3 ด้านคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 100 ของนักเรียนทั้งหมด . 9.4 ปญั หาอุปสรรค นักเรียนกลุ่มอ่อน ขาดทักษะการเชื่อมโยงความรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ในแนวดิ่งด้วยความเร่งคงตัว กับ การเคลื่อนที่ในแนวราบในสถานการณ์ต่างๆ นอกจากนี้พบนักเรียนขาดทักษะทางดา้ นการคิดคำนวณ การแทนค่าและการแกส้ มการ คณิตศาสตร์ท่ีจำเป็น ครผู ู้สอนตอ้ งทบทวนความรู้พ้ืนฐานดงั กล่าว ทำให้ เกิดความลา่ ชา้ ในการทำกจิ กรรมในบทเรยี น . ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วนั ที.่ ................................................. ลงชอื่ .......................................................คู่นเิ ทศ (นายตฤณธิวฒั น์ ภิญโญชยั ภัทร) วันที.่ .................................................
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลอื่ นท่ีแนวโค้ง หน้า 151 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 25 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 การเคลือ่ นทแ่ี นวโคง้ เรอ่ื ง การเคล่อื นท่แี บบโปรเจคไทล์ 2 กลมุ่ สาระฯวทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31206 ช่อื รายวิชา ฟิสกิ ส์เพ่ิมเตมิ 2 ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 เวลาเรียน 2 ชัว่ โมง ผ้สู อน นางสาววจิ ติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟสิ กิ ส์ปริมาณและกระบวนการวดั การเคลอ่ื นทแี่ นวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นทข่ี องนวิ ตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษพ์ ลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตมั การเคล่อื นทแี่ นวโค้ง รวมทง้ั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 7. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกับการเคล่ือนทีแ่ บบโปรเจกไทล์และทดลอง การเคลือ่ นท่ีแบบโปรเจกไทล์ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การเคลอื่ นท่ใี นแนวดงิ่ เป็นการเคล่อื นทีท่ ม่ี แี รงโน้มถว่ งกระทำจึงมคี วามเร็วไม่คงตัว ปริมาณตา่ ง ๆ มี ความสัมพันธ์ตามสมการ ������������ = ������������ + ������������������ 3. สมรรถนะ 1 ������������ = ������������������ + 2 ������������������ ⌈������������ + ������������⌉ ������ ������������ = 2 ���������2��� = ���������2��� + 2������������������������������ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1) ความหมายลักษณะของการเคลื่อนทแี่ บบโปรเจกไทล์ 2) ปริมาณที่เก่ียวข้องกบั การเคลอื่ นท่ีแบบโปรเจกไทล์
หน่วยการเรยี นรู้ การเคล่อื นท่แี นวโค้ง หน้า 152 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายความหมาย ลกั ษณะของการเคล่อื นท่แี บบโปรเจกไทล์ 2) บอกปรมิ าณทีเ่ กีย่ วข้องกับการเคลอื่ นทีแ่ บบโปรเจกไทล์ 4.3 คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1) ซอื่ สัตย์สจุ ริต 2) มวี นิ ยั 3) ใฝ่เรียนรู้ 4) มุ่งม่นั ในการทำงาน 5) มจี ติ สาธารณะ 5. ชิน้ งานหรือภาระงานทแี่ สดงผลการเรียนรู้ 1. การนำเสนอและอภิปรายความรู้ทไ่ี ดค้ ้นคว้ามา 2. แบบฝึกหัด 3. การสรุปสาระสำคัญลงในสมุด 6. การประเมนิ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วธิ กี าร แบบฝึกหัดเพ่ิมเติม ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขน้ึ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หัดเพิม่ เตมิ ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ข้ึนไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพ่อื บนั ทกึ แบบฝึกทักษะ ข้อคำถามอัตนัย ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขน้ึ ไป สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ดา้ น เพอื่ วัดความสามารถในการส่อื สาร ความคิด และการสอื่ สาร ได้แก่ การอธบิ าย การเขียน 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บนั ทกึ แบบสังเกตพฤตกิ รรม มีวนิ ยั ใฝ่ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มี เรยี นรู้ และมุ่งม่ันในการทำงาน วินัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มน่ั ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. สำรวจรายชือ่ นักเรียน ประเมินด้านคุณธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ 2. ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรูแ้ ละการวดั ผลประเมนิ ผลดา้ น KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑ์การวัดผลและการให้คะแนนในส่วนต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกบั หลกั การ ข้อปฏบิ ัตแิ ละกฎระเบียบในการเรียนการ สอนในห้องเรียน
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลื่อนทแี่ นวโค้ง หนา้ 153 ข้ันนำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครทู บทวนความรเู้ กี่ยวกบั ลักษณะของการเคล่อื นทีแ่ บบโปรเจกไทล์ 2. ครูให้นักเรียนพิจารณาภาพแสดงลูกบอลท่ีตกในแนวระดับและในแนวดิ่ง ตามรายละเอียดในเอกสาร ประกอบบทเรียน 3. ครูตั้งคำถาม ดงั ต่อไปนี้ • การเคลอ่ื นทีข่ องลกู บอลในแนวระดบั และในแนวดิ่งมปี รมิ าณใดใชร้ ว่ มกนั (เวลา) • การกระจัดในแนวระดับและในแนวดิ่ง แตกต่างกันหรือไม่อยา่ งไร (ลูกบอลท่ีปล่อยในแนวดิ่งจะ มีการกระจดั ในแนวด่ิงเพียงแนวเดียว ลกู บอลท่ถี กู ขวา้ งออกไปจะมีการกระจัดทัง้ ในแนวด่ิงและ แนวระดับ) • ลกู บอลทั้งสองกรณี ถ้าไมค่ ำนึงถึงแรงตา้ นอากาศจะมีความเรง่ ในแนวดง่ิ เท่ากันหรอื ไม่ อย่างไร (ลูกบอลท้ังสอง มีความเรง่ ในแนวดง่ิ เทา่ กนั นั่นคือ ���⃑���) 4. แจ้งให้นักเรยี นทราบวา่ จะได้ศกึ ษาเก่ียวกับเงือ่ นไงของการเคลื่อนทีแ่ บบโปรเจกไทล์ ขนั้ สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนสืบค้นข้อมูลเพื่อหาคำตอบจากรายละเอียดในเอกสารประกอบบทเรียน หน้า เพ่ือสรปุ เป็นความเข้าใจของตนเอง 2. ครูชใ้ี นนกั เรยี นเหน็ วา่ การศึกษาปรมิ าณตา่ ง ๆ ของการเคลอ่ื นทแ่ี บบโปรเจกไทล์ โดยการปล่อยวตั ถใุ ห้ ตกอย่างอิสระพร้อมกบั การขวา้ งวตั ถุออกไปในแนวระดับจากจดุ เดียวกัน ซึ่งอยสู่ ูงจากพน้ื ระยะหนง่ึ แลว้ บันทกึ ภาพอยา่ งตอ่ เน่อื งนับตงั้ แต่เรมิ่ เคลือ่ นที่ ภาพประกอบลูกบอลสแี ดงและสีเหลือง ในเอกสาร ประกอบบทเรยี น ศึกษาวิดโี อจากยูทปู เรื่อง การเคลื่อนที่ของเหรียญทตี่ กในแนวดิ่งกับแนวโคง้ และ การเคาะไม้บรรทัดให้เหรยี ญทัง้ สองเคลอื่ นท่ี 3. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภปิ รายและสรุปเกี่ยวกับการเคล่อื นท่ขี องลูกบอล อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายเปรียบเทียบการเคล่ือนท่ีของลูกบอลทั้งสองกรณี ดังน้ี • ลูกบอลทงั้ สองมีการกระจัดในแนวดงิ่ เทา่ กัน เพราะตกถึงพน้ื พร้อมกัน ในชว่ งเวลาเดียวกัน • ลูกบอลท่ีปล่อยในแนวดิ่งจะมีการกระจัดในแนวดิ่งเพียงแนวเดียว ลูกบอลท่ีถูกขวา้ งออกไปจะมี การกระจดั ท้ังในแนวดงิ่ และแนวระดับ • ลูกบอลทง้ั สอง มีความเร่งในแนวด่ิงเทา่ กันนน่ั คอื ���⃑��� • ลกู บอลท่ตี กในแนวด่งิ เคลื่อนที่เป็นเส้นตรง ลูกบอลที่ถกู ขวา้ งเคลื่อนที่เปน็ แนวโค้งในระนาบด่ิง แบบพาราโบลา เรียกวา่ การเคล่อื นที่แบบโปรเจกไทล์
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคล่อื นที่แนวโค้ง หน้า 154 2. ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นสอบถามเน้อื หาเรอ่ื ง เงอื่ นไงของการเคลอื่ นทแ่ี บบโปรเจกไทล์ วา่ มสี ว่ นไหนที่ ยังไมเ่ ข้าใจและให้ความรเู้ พมิ่ เตมิ ในส่วนนน้ั เพอื่ เปน็ ความรนู้ ำไปสู่การศกึ ษาเก่ียวกบั ความแตกต่างของ การเคล่ือนที่ในแนวระดับและแนวดงิ่ ของการเคลือ่ นท่ีแบบโปรเจกไทล์ 3. ครูให้นักเรียนกลับไป ดคู ลปิ วดี ีโอจากเว็บยทู ูป เกี่ยวกับการเคล่อื นท่แี บบโปรเจคไทล์ ข้ันสรุป ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูใหน้ ักเรยี นศกึ ษาความรเู้ พิ่มเตมิ เรอื่ ง พาราโบลา 2. ครเู ปิดโอกาสให้นกั เรียนสอบถามเนอ้ื หาเรอื่ ง ว่ามสี ว่ นไหนทย่ี งั ไม่เข้าใจและให้ความรเู้ พ่ิมเติมในส่วนที่ นกั เรยี นยังไม่รู้ 3. ครูใหน้ ักเรยี นตอบคำถามจากแบบฝกึ หดั เกี่ยวกับเง่ือนไงของการเคล่อื นท่ีแบบโปรเจกไทล์ 8. สอ่ื การเรียนร้/ู แหล่งเรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เรอื่ ง การเคลอ่ื นทีแ่ นวโค้ง 2. สอื่ Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลอ่ื นท่แี นวโค้ง หน้า 155 9. สรปุ ผลการจัดการเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษา ความหมายลักษณะของการเคลื่อนที่แบบโปรเจก ไทล์ ปริมาณทเ่ี กีย่ วข้องกับการเคลอื่ นที่แบบโปรเจกไทล์ จากการสบื คน้ การศึกษาจากใบความรู้ และ เอกสารประกอบบทเรยี น เร่อื ง การเคลือ่ นทีแ่ นวโค้ง โดยมนี กั เรียน รอ้ ยละ 73.1 ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) สว่ นนักเรียนทไ่ี มผ่ ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภาย ดำเนนิ การซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑท์ ง้ั หมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบายลกั ษณะของการเคล่ือนที่แบบโปรเจกไทล์ และบอกปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการ เคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73.1 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของ คะแนนตอบคำถาม)ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริม แลว้ ผ่านเกณฑท์ ้ังหมด) . 9.3 ด้านคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ของนักเรียนทั้งหมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค นักเรียนกลุ่มอ่อน ขาดทักษะการเชื่อมโยงความรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ในแนวดิ่งด้วยความเร่งคงตัว กับ การเคลื่อนที่ในแนวราบในสถานการณ์ต่างๆ นอกจากนี้พบนักเรียนขาดทักษะทางดา้ นการคิดคำนวณ การแทนคา่ และการแก้สมการ คณติ ศาสตร์ทจี่ ำเป็น ครผู ูส้ อนตอ้ งทบทวนความรู้พื้นฐานดงั กลา่ ว ทำให้ เกดิ ความลา่ ชา้ ในการทำกิจกรรมในบทเรยี น . ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์.) วนั ที.่ ................................................. ลงชื่อ.......................................................คู่นเิ ทศ (นายตฤณธวิ ัฒน์ ภญิ โญชัยภัทร) วันที่..................................................
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลื่อนท่ีแนวโคง้ หน้า 156 แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 26 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 การเคลือ่ นที่แนวโคง้ เรือ่ ง การเคลื่อนท่ีแบบโปรเจคไทล์ 3 กลมุ่ สาระฯวทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว31206 ชอ่ื รายวิชา ฟสิ ิกส์เพม่ิ เตมิ 2 ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 เวลาเรียน 2 ชว่ั โมง ผู้สอน นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้ สาระท่ี 1 เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟิสกิ สป์ ริมาณและกระบวนการวดั การเคล่ือนทีแ่ นวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนทีข่ องนวิ ตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ ักษ์พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตัม การเคลอื่ นทีแ่ นวโคง้ รวมท้ังนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 7. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกับการเคลื่อนทีแ่ บบโปรเจกไทล์และทดลอง การเคลื่อนท่แี บบโปรเจกไทล์ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การเคลือ่ นทีใ่ นแนวดง่ิ เปน็ การเคลอ่ื นทีท่ ี่มีแรงโน้มถว่ งกระทำจงึ มีความเร็วไมค่ งตัว ปรมิ าณตา่ ง ๆ มี ความสมั พนั ธ์ตามสมการ ������������ = ������������ + ������������������ 1 ������������ = ������������������ + 2 ������������������ ⌈������������ + ������������⌉ ������ ������������ = 2 ���������2��� = ���������2��� + 2������������������������������ การเคลื่อนที่ในแนวระดับไม่มีแรงกระทำจึงมีความเร็วคงตัว ตำแหน่ง ความเร็ว และเวลา มีความสัมพันธ์ตาม สมการ ΔSx = uxt 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นท่แี นวโค้ง หนา้ 157 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1) ความหมายลักษณะของการเคลือ่ นทีแ่ บบโปรเจกไทล์ 2) ปรมิ าณทีเ่ ก่ยี วข้อง และสมการทเ่ี กย่ี วข้องกับการเคล่อื นทแี่ บบโปรเจกไทล์ 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธิบายความหมาย ลกั ษณะของการเคล่ือนท่แี บบโปรเจกไทล์ 2) คำนวณหาปรมิ าณทีเ่ กี่ยวขอ้ กับการเคลอ่ื นที่แบบโปรเจคไทล์ 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) ซ่ือสัตย์สจุ รติ 2) มวี ินัย 3) ใฝ่เรยี นรู้ 4) มุ่งมั่นในการทำงาน 5) มจี ติ สาธารณะ 5. ชิ้นงานหรอื ภาระงานท่ีแสดงผลการเรยี นรู้ 1. การนำเสนอและอภิปรายความร้ทู ่ไี ดค้ น้ ควา้ มา 2. แบบฝกึ หัด 3. การสรุปสาระสำคัญลงในสมุด 6. การประเมนิ เคร่อื งมอื เกณฑ์ วิธกี าร แบบฝกึ หัดเพิ่มเติม ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึ้นไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหัดเพ่ิมเติม ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ข้นึ ไป 2. ตรวจแบบฝึก เพ่อื บนั ทึก แบบฝกึ ทักษะ ขอ้ คำถามอตั นัย ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขึน้ ไป สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ดา้ น เพอ่ื วดั ความสามารถในการสอ่ื สาร ความคดิ และการส่อื สาร ได้แก่ การอธิบาย การเขียน 3. สังเกต สัมภาษณ์ บันทกึ แบบสังเกตพฤตกิ รรม มีวินัย ใฝ่ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ มี เรยี นรู้ และมุ่งมน่ั ในการทำงาน วนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งม่ันใน การทำงาน
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลือ่ นที่แนวโค้ง หน้า 158 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. สำรวจรายชือ่ นกั เรียน ประเมนิ ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ไดแ่ ก่ การมวี ินัย ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ครูแจง้ จดุ ประสงค์การเรยี นร้แู ละการวัดผลประเมินผลดา้ น KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑก์ ารวัดผลและการใหค้ ะแนนในส่วนต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกบั หลักการ ขอ้ ปฏิบตั แิ ละกฎระเบียบในการเรยี นการ สอนในหอ้ งเรียน ขัน้ นำ กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครทู บทวนเกี่ยวกบั เง่อื นไงของการเคล่อื นท่แี บบโปรเจกไทล์ 2. ครูเน้นให้นักเรียนทราบว่า การเคลื่อนท่ีแบบโปรเจกไทล์ เป็นการเคลื่อนทีแ่ นวพรอ้ มกนั ในแนวระดบั และแนวดิ่ง โดยการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งเป็นการเคลื่อนที่ที่มีความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก ในขณะที่การเคลือ่ นที่ในแนวระดบั ไมม่ คี วามเร่ง 3. ครูถามคำถามกระตุน้ กับนักเรียนวา่ การเคลื่อนท่ีในแนวระดับและในแนวดิ่งของการเคลื่อนท่ีแบบโป รเจกไทล์ มีความแตกตา่ งกนั อยา่ งไร 4. แจ้งให้นักเรียนทราบว่า จะได้ศึกษาเกี่ยวกับความแตกต่างกันของการเคลื่อนที่ในแนวระดับและใน แนวดง่ิ ของการเคล่ือนทแี่ บบโปรเจกไทล์ ขน้ั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครใู ห้ศกึ ษาเก่ยี วกับความแตกต่างของการเคล่ือนที่ในแนวระดับและในแนวด่งิ ของการเคล่ือนที่แบบโป รเจกไทล์ 2. ครูถามคำถาม กับนักเรียนวา่ เมอ่ื วัตถุเคลอื่ นทีข่ น้ึ ถึงจุดบนสุดของแนววิถี ความเรว็ ของวัตถุท้ังในแนว ระดับและแนวดิ่งจะเปน็ อย่างไร 3. นักเรียนร่วมกันสืบค้นข้อมูล จากเอกสารประกอบบทเรียน อินเตอร์เน็ต หรือจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น ห้องสมดุ อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูสมุ่ นกั เรียนใหอ้ อกมาอภิปรายรว่ มกับครูเกี่ยวกับความแตกต่างของการเคลอ่ื นที่ในแนวระดับและใน แนวด่งิ ของการเคล่อื นที่แบบโปรเจกไทล์ 2. ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ ดงั นี้ • กรณีการเคลื่อนที่ในแนวระดับ วัตถุเคลื่อนที่อยู่ในอากาศจะมีแรงดึงดูดของโลก mg กระทำ เพียงแรงเดียวเท่านั้นโดยในแนวระดับ แรงกระทำต่อวัตถมุ ีค่าเป็นศูนย์ (∑Fx = 0) ซึ่งจากกฎ ข้อทส่ี องของนวิ ตัน เมอื่ ∑Fx = 0 จะได้การกระจัดในแนวระดบั เปน็ ∆x = uxt
หน่วยการเรียนรู้ การเคลอ่ื นท่ีแนวโค้ง หน้า 159 • กรณีการเคล่อื นทีใ่ นแนวด่ิง วตั ถุเคลอ่ื นที่อยู่ในอากาศจะมีแรงดึงดูดของโลก mg กระทำเพียง แรงเดียว ความเร่งของวัตถุในแนวด่ิง คือ ความเร่งโน้มถ่วง โดยนักเรียนสามารถหาความเร็ว ในแนวดิ่ง และการกระจัดในแนวดงิ่ ได้จากสมการ ดงั น้ี vy = uy + ayt ∆y = (uy + vy) t 2 ∆y = uyt + 1 ayt2 2 vy2 = uy2 + 2ay∆y • เม่อื วตั ถเุ คลอื่ นท่ีขึน้ ไปในอากาศ ความเรว็ ในแนวดิ่งจะมีขนาดลดลง ซึ่งจะขนาดความเร็วลัพธ์ ได้จากสมการ v = √vx2 + vy2 3. ครูยกตัวอยา่ ง จากเอกสารประกอบบทเรียน เพือ่ เสริมความเขา้ ในการใชส้ มการทใ่ี ช้คำนวณท่ีเรยี นมา 4. ครูเปดิ โอกาสให้นกั เรียนสอบถามเนื้อหาเร่อื ง การเคลอื่ นทใ่ี นแนวระดบั และในแนวดิง่ ของการเคลื่อนท่ี แบบโปรเจกไทล์ วา่ มสี ว่ นไหนทยี่ งั ไม่เข้าใจและให้ความรเู้ พิ่มเตมิ ในส่วนนน้ั 5. ครใู หน้ กั เรยี นตอบคำถามจาก แบบฝกึ หัด ข้ันสรุป ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูนำอภิปรายและสรปุ เกี่ยวกับการเคล่ือนที่ในแนวระดับและในแนวด่ิงของการเคลื่อนที่แบบโปรเจก ไทล์ โดยอภปิ รายรว่ มกับนักเรียน ดงั นี้ • การเคล่อื นที่ในแนวระดบั ความเรว็ คงตัว ความเร่งเทา่ กับศูนย์ • การเคลอ่ื นทใ่ี นแนวด่ิง ความเร็วไม่คงตัว ความเร่งคงตวั เท่ากบั g • ที่จุดสูงสุดของการเคลื่อนท่ี อัตราเร็วหรือความเร็ว จะเท่ากับอัตราเรว็ หรอื ความเร็วของแนว ระดบั เพราะของแนวด่ิงเทา่ กับศูนย์ 2. ครูและนักเรยี นร่วมกันเฉลยคำถามจาก แบบฝกึ หัด
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลื่อนท่แี นวโค้ง หน้า 160 8. สื่อการเรยี นร/ู้ แหล่งเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เรอ่ื ง การเคลือ่ นทีแ่ นวโคง้ 2. สอ่ื Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคล่อื นท่แี นวโคง้ หนา้ 161 9. สรุปผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นกั เรียนให้ความร่วมมอื ในการทำกจิ กรรมเพือ่ ศึกษาการเคลอ่ื นท่ีแบบโปรเจกไทล์ และปริมาณท่เี กยี่ วขอ้ ง กับการเคล่ือนที่แบบโปรเจกไทล์ จากการสืบคน้ การศกึ ษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง โดยมีนักเรยี น ร้อยละ 73.1 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของ คะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริม แล้ว ผ่านเกณฑ์ทัง้ หมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบายการเคลื่อนที่ในแนวระดับและในแนวดิง่ ของการเคลื่อนทีแ่ บบโปรเจกไทล์ และ ปริมาณทเี่ กี่ยวขอ้ งกับการเคล่อื นที่แบบโปรเจกไทล์ โดยมีนักเรยี น ร้อยละ 73.1 ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ข้ึนไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดย ภายดำเนินการซ่อมเสรมิ แล้ว ผา่ นเกณฑท์ ้ังหมด) . 9.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 ของนักเรียนท้งั หมด . 9.4 ปัญหาอุปสรรค นักเรียนกลุ่มอ่อน ขาดทักษะการเชื่อมโยงความรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ในแนวดิ่งด้วยความเร่งคงตัว กับ การเคลื่อนที่ในแนวราบในสถานการณต์ ่างๆ นอกจากนี้พบนักเรียนขาดทักษะทางด้านการคิดคำนวณ การแทนค่าและการแก้สมการที่มคี วามซบั ซ้อน ครผู ู้สอนต้องทบทวนความรูพ้ ้ืนฐานดังกล่าว ทำให้เกิด ความลา่ ชา้ ในการทำกิจกรรมในบทเรยี น . ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์.) วนั ท.่ี ................................................. ลงช่ือ.......................................................คนู่ เิ ทศ (นายตฤณธิวัฒน์ ภิญโญชัยภัทร) วันท.ี่ .................................................
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นที่แนวโค้ง หน้า 162 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 27 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 การเคล่ือนท่ีแนวโค้ง เร่อื งการเคล่อื นทีแ่ บบโปรเจคไทล์ 4 กลุ่มสาระฯ วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว31206 ช่อื รายวิชา ฟิสกิ ส์เพิ่มเติม 2 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง ผ้สู อน นางสาววจิ ติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาตทิ างฟสิ ิกสป์ ริมาณและกระบวนการวัด การเคลือ่ นทีแ่ นวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นที่ของนิวตนั กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรกั ษพ์ ลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตมั การเคลอ่ื นทแี่ นวโคง้ รวมทัง้ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 7. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคล่ือนทีแ่ บบโปรเจกไทล์และทดลอง การเคลื่อนทีแ่ บบโปรเจกไทล์ 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การเคล่ือนที่ในแนวดงิ่ เป็นการเคล่ือนทท่ี ี่มแี รงโนม้ ถ่วงกระทำจึงมีความเร็วไม่คงตวั ปรมิ าณต่าง ๆ มี ความสัมพันธ์ตามสมการ ������������ = ������������ + ������������������ 1 ������������ = ������������������ + 2 ������������������ ⌈������������ + ������������⌉ ������ ������������ = 2 ���������2��� = ���������2��� + 2������������������������������ การเคลื่อนที่ในแนวระดับไม่มีแรงกระทำจึงมีความเร็วคงตัว ตำแหน่ง ความเร็ว และเวลา มีความสัมพันธ์ตาม สมการ ΔSx = uxt 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์
หน่วยการเรยี นรู้ การเคล่ือนทแี่ นวโค้ง หนา้ 163 2) ปรมิ าณท่ีเก่ียวขอ้ งกับการเคล่ือนที่แบบโปรเจกไทล์ 3) กราฟแสดงความสมั พันธร์ ะหวา่ งตำแหน่งในแนวดง่ิ และแนวระดับของวัตถทุ ่ีทำมุม θ ต่าง ๆ กับแนวระดับ 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธิบายการเคลอ่ื นทีแ่ บบโปรเจกไทล์ 2) คำนวณหาปริมาณท่เี กยี่ วขอ้ กับการเคลือ่ นท่แี บบโปรเจคไทล์ 3) เขยี นและอธบิ ายกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่งในแนวดงิ่ และแนวระดับของวตั ถุ ทท่ี ำมุม θ ต่าง ๆ กับแนวระดับ 4.3 คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1) ซอ่ื สัตยส์ ุจรติ 2) มีวินัย 3) ใฝ่เรียนรู้ 4) มุ่งมน่ั ในการทำงาน 5) มจี ิตสาธารณะ 5. ชนิ้ งานหรอื ภาระงานท่ีแสดงผลการเรยี นรู้ 1. การนำเสนอและอภิปรายความรู้ทีไ่ ดค้ น้ คว้ามา 2. แบบฝกึ หัด 3. การสรุปสาระสำคญั ลงในสมดุ 6. การประเมิน เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วิธกี าร แบบฝึกหัดเพ่มิ เติม ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขนึ้ ไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหดั เพม่ิ เตมิ ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป 2. ตรวจแบบฝึก เพ่ือบนั ทึก แบบฝึกทักษะ ข้อคำถามอตั นัย ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ข้นึ ไป สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ด้าน เพือ่ วดั ความสามารถในการสือ่ สาร ความคิด และการสือ่ สาร ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขียน 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บันทกึ แบบสังเกตพฤติกรรม มวี นิ ัย ใฝ่ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรยี นรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน วินยั ใฝเ่ รียนรู้ และม่งุ มน่ั ใน การทำงาน
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลื่อนท่ีแนวโค้ง หนา้ 164 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. สำรวจรายช่อื นกั เรยี น ประเมินดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ไดแ่ ก่ การมีวนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ 2. ครแู จง้ จดุ ประสงค์การเรียนรแู้ ละการวดั ผลประเมินผลด้าน KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑ์การวัดผลและการให้คะแนนในสว่ นต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกีย่ วกบั หลักการ ขอ้ ปฏิบตั ิและกฎระเบียบในการเรยี นการ สอนในห้องเรียน ขัน้ นำ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับเรื่อง สมการการเคลื่อนที่ในแนวระดับและในแนวดิ่งของการเคล่ือนท่ี แบบโปรเจกไทล์ 2. ครูนำเข้าสู่บทเรียน โดยครูถามคำถาม ดงั น้ี • นกั เรียนสามารถคำนวณระยะทางสูงสุดท่ีวัตถขุ ้ึนไปไดต้ ามแนวระนาบได้อย่างไร • นักเรียนสามารถคำนวณระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ในแนวระดับจากจุดเริ่มต้นถึงจุดสุดท้าย ของวตั ถไุ ด้อยา่ งไร 3. ครูแจ้งให้นักเรียนทราบว่า จะได้ศึกษาเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจคไทล์ที่มีแนววิถีเป็นแบบ พาราโบลาควำ่ ขัน้ สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน เพื่อให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวการนำวิธีการทาง คณติ ศาสตรม์ าพิสูจน์ให้เหน็ ว่า การเคลอ่ื นท่แี บบโปรเจกไทล์มแี นววิธเี ป็นรูปพาราโบลาควำ่ 2. ครูแนะนำให้นักเรียนเรม่ิ ตน้ จากสมการ ∆x = uxt และ ∆y = uyt + 1 ayt2 จนสามารถไดส้ มการ 2 H = u2y = u2sin2θ0 เพอ่ื ให้นักเรยี นไดม้ โี อกาสฝึกคิดโดยใชว้ ธิ กี ารทางคณิตศาสตร์ 2g 2g 3. ครูให้นักเรียนแต่กลุ่มศึกษารายละเอียดการพิสูจน์สมการการเคลื่อนที่จากเอกสารประกอบบทเรียน หรอื จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อนิ เตอร์เนต็ หอ้ งสมุด เปน็ ตน้ 4. นักเรียนนำข้อมลู ทไี่ ดจ้ ากการสืบคน้ มาวิเคราะห์และเรยี บเรียงเนื้อหาเพ่อื ใช้สำหรับการนำเสนอโดย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกนั ภายในกลมุ่ จากน้ันอธิบายซักถามกันภายในกลมุ่ จนเขา้ ใจตรงกัน (หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบสังเกตการณ์ทำงานกล่มุ ) 5. นกั เรียนนำขอ้ มลู เกยี่ วกบั การพิสจู นส์ มการ มาวิเคราะห์และนำเสนอหนา้ ชั้นเรยี น ข้นั สอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนจากกลุ่มต่าง ๆ ประมาณ 1-2 กลุ่ม จากนั้นร่วมกันอภปิ รายสรุปจนเป็นที่เข้าใจ ตรงกนั 2. ครนู ำนักเรียนอภิปรายและสรปุ เกี่ยวกับการพสิ จู น์สมการสำหรบั การหาความสงู ท่ขี ึน้ ไปไดส้ ูงสุด
หน่วยการเรียนรู้ การเคลือ่ นท่ีแนวโคง้ หนา้ 165 3. ครูให้ความรเู้ พมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั การพิสจู น์สมการ ดังนี้ ที่ตำแหน่งสูงสุดความเร็วตามแนวดิ่งจะเป็นศูนย์ แต่ความเร็วของวัตถุไม่จำเป็นต้องเป็นศูนย์ เพราะมีความเร็วตามแนวนอน vx = u cos θ วัตถุมีความเร็วในแนวดิ่งลดลงจาก u sin θ เป็นศูนย์ท่ี จดุ สงู สดุ ดว้ ยอัตรา g จะไดเ้ วลาทใ่ี ช้ข้ึนไปจนถงึ ตำแหนง่ สงู สดุ คอื u sin θ g จากสมการของการกระจัดในแนวราบและแนวดิ่ง จะได้ว่าในช่วงเวลานี้ วัตถุมีการกระจัดตาม แนวดิ่งเท่ากับ 1 (u sin θ + 0) (usin θ) = u2sin2θ ซง่ึ จะเป็นระยะทางสูงสูงในแนวดง่ิ 2 g 2g 4. ครูถามนักเรียนตอ่ วา่ นักเรียนสามารถหาระยะทางที่วัตถุเคล่ือนที่ไปได้ตามแนวระดับได้อย่างไร (ท้ิง ชว่ งให้นักเรยี นคิด) 5. ครูอธิบายว่า เมื่อวัตถุตกกลับลงมาท่ีความสูงเดิมตอนต้น การกระจัดตามแนวดิ่งมีค่าเป็นศูนย์ ดังนัน้ ถา้ ∆t เปน็ เวลาทง้ั หมดที่วตั ถเุ คลอ่ื นทีต่ ้ังแตเ่ รม่ิ ต้นจนกลบั มาท่ีสงู เดิม จะได้ ∆y = uy∆t + 1 ay∆t2 2 ดงั นั้น 0 = u sin θ ∆t + 1 (−g)∆t2 หรือ ∆t = 2usin θ 2g 6. ครชู ใี้ หน้ กั เรยี นเหน็ ว่า เวลาที่เคลอื่ นท่ีขน้ึ ไปแลว้ กลบั มาท่ีความสงู เดมิ เปน็ สองเท่าของเวลาที่วัตถุข้ึนไป ถงึ จุดสงู สุด ดังนนั้ เวลาลงจากจดุ สูงสุดกลับมาทีพ่ ้นื นานเท่ากับเวลาข้นึ ไปถึงจุดสงู สดุ ในระหว่างเวลา ∆t = 2u sin θ วัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วตามแนวนอนคงตัว u cos θ จะได้ระยะตามแนวนอนที่ g เคลื่อนทไ่ี ปได้เท่ากับ u cos θ × ∆t = 2u2 sin θ cosθ = u2 sin2θ gg ขน้ั สรุป ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูอธิบายความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่งในแนวดิ่งและแนวระดับ ของวัตถุทที่ ำมมุ θ ตา่ ง ๆ กับแนวระดบั 2. จากน้นั ครใู ห้นกั เรียนศกึ ษาตวั อยา่ งการคำนวณจากโจทย์ปัญหา พร้อมทง้ั ให้นกั เรยี นฝกึ แก้โจทย์ปัญหา ในเอกสารประกอบบทเรยี น ตามขน้ั ตอนการแก้โจทยป์ ญั หา ดังน้ี • ขั้นท่ี 1 ครใู ห้นักเรียนทกุ คนทำความเข้าใจโจทยต์ วั อยา่ ง • ขน้ั ที่ 2 ครถู ามนกั เรียนวา่ สิง่ ทโี่ จทย์ต้องการถามหาคืออะไร และจะหาสิ่งทีโ่ จทย์ต้องการ ต้อง ทำอยา่ งไร • ข้ันท่ี 3 ครใู ห้นกั เรยี นดวู ธิ ีทำในการคำนวณหาคำตอบ • ขั้นท่ี 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทย์ตวั อย่างว่าถูกตอ้ ง หรอื ไม่ 3. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั เฉลยคำถามจาก แบบฝกึ หัด
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลื่อนท่แี นวโค้ง หน้า 166 8. สื่อการเรยี นร/ู้ แหล่งเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เรอ่ื ง การเคลือ่ นทีแ่ นวโคง้ 2. สอ่ื Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอ่ื นทแี่ นวโค้ง หน้า 167 9. สรปุ ผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนใหค้ วามร่วมมือในการทำกิจกรรมเพอื่ ศกึ ษาการเคล่อื นทีแ่ บบโปรเจกไทล์ ปริมาณทีเ่ กย่ี วข้องกับ การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่งในแนวดิ่งและแนวระดับของ วัตถุที่ทำมุม θ ต่าง ๆ กับแนวระดับ จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบ บทเรียน เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้งโดยมีนักเรียน ร้อยละ 73.1 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภาย ดำเนินการซอ่ มเสริมแลว้ ผา่ นเกณฑ์ทั้งหมด) . 9.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบายการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ คำนวณหาปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ แบบโปรเจกไทล์ เขียนกราฟแสดงความสมั พันธ์ระหว่างตำแหน่งในแนวดงิ่ และแนวระดบั ของวัตถุท่ีทำ มุม θต่างๆ กับแนวระดับ โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73.1 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของ คะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซอ่ มเสรมิ โดยภายดำเนินการซ่อมเสริม แล้ว ผ่านเกณฑท์ งั้ หมด) . 9.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผา่ นตามเกณฑ์ คดิ เป็นร้อยละ 100 ของนักเรยี นทงั้ หมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค นักเรียนกลุ่มอ่อน ขาดทักษะการเชื่อมโยงความรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง และการเคลื่อนที่ใน แนวราบในสถานการณต์ ่างๆ นอกจากน้ีพบนักเรยี นขาดทักษะทางด้านการคิดคำนวณ การแทนค่าและ การแกส้ มการ คณิตศาสตรท์ ีจ่ ำเป็น ครผู ู้สอนต้องทบทวนความร้พู นื้ ฐานดงั กลา่ ว ทำใหเ้ กิดความล่าช้า ในการทำกจิ กรรมในบทเรียน . ................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วันที่.................................................. ลงชื่อ.......................................................คู่นิเทศ (นายตฤณธิวฒั น์ ภญิ โญชัยภทั ร) วันที่..................................................
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอ่ื นทีแ่ นวโคง้ หน้า 168 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 28 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การเคลอ่ื นท่ีแนวโคง้ เร่ือง การเคลอื่ นทแี่ บบโปรเจคไทล์ 5 กลมุ่ สาระฯวิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว31206 ช่ือรายวิชา ฟิสกิ ส์เพ่ิมเตมิ 2 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลาเรยี น 2 ชัว่ โมง ผสู้ อน นางสาววิจติ ตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เขา้ ใจธรรมชาติทางฟสิ ิกสป์ ริมาณและกระบวนการวดั การเคล่อื นที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลือ่ นทขี่ องนิวตนั กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรักษพ์ ลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตมั การเคล่ือนที่แนวโคง้ รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 7. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกับการเคล่ือนทีแ่ บบโปรเจกไทล์และทดลอง การเคล่ือนทแี่ บบโปรเจกไทล์ 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การเคลือ่ นท่ใี นแนวด่งิ เป็นการเคลือ่ นท่ีท่มี ีแรงโน้มถว่ งกระทำจึงมีความเรว็ ไมค่ งตวั ปริมาณตา่ ง ๆ มี ความสัมพนั ธ์ตามสมการ ������������ = ������������ + ������������������ 1 ������������ = ������������������ + 2 ������������������ ⌈������������ + ������������ ⌉ ������������ = 2 ������ ���������2��� = ���������2��� + 2������������������������������ การเคลื่อนที่ในแนวระดับไม่มีแรงกระทำจึงมีความเร็วคงตัว ตำแหน่ง ความเร็ว และเวลา มีความสัมพันธ์ตาม สมการ ΔSx = uxt 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ทำการทดลองหาแนวทางการเคล่ือนทีแ่ บบโปรเจกไทล์
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลอ่ื นท่แี นวโค้ง หนา้ 169 2) เขียนกราฟแนวทางการเคล่อื นท่ีในแนวระดบั และแนวด่ิงของการเคล่ือนที่แบบโปรเจกไทล์ 3) คำนวณหาปรมิ าณท่ีเก่ยี วขอ้ กับการเคล่ือนที่แบบโปรเจคไทล์ 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) ทำการทดลองหาแนวทางการเคลอ่ื นทแ่ี บบโปรเจกไทล์ 2) เขยี นกราฟแนวทางการเคลอ่ื นท่ใี นแนวระดบั และแนวดง่ิ ของการเคลอ่ื นทแ่ี บบโปรเจกไทล์ 3) คำนวณหาปรมิ าณที่เกย่ี วข้อกับการเคล่อื นทีแ่ บบโปรเจคไทล์ 4.3 คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ซ่ือสตั ยส์ จุ ริต 2) มีวนิ ัย 3) ใฝ่เรียนรู้ 4) มุง่ ม่นั ในการทำงาน 5) มจี ติ สาธารณะ 5. ช้ินงานหรอื ภาระงานทแ่ี สดงผลการเรียนรู้ 1. การนำเสนอและอภปิ รายความรู้ทไ่ี ด้คน้ ควา้ มา 2. แบบฝกึ หัด 3. การสรปุ สาระสำคญั ลงในสมุด 6. การประเมิน เคร่อื งมือ เกณฑ์ วิธีการ แบบฝึกหัดเพ่มิ เตมิ ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ข้ึนไป 1. ตรวจแบบฝึกหัดเพิม่ เตมิ รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขึน้ ไป 2. ตรวจแบบฝึก เพ่ือบนั ทึก แบบฝึกทกั ษะ ขอ้ คำถามอตั นัย สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ดา้ น เพ่อื วัดความสามารถในการสือ่ สาร ไดแ้ ก่ ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ขน้ึ ไป ความคิด และการส่อื สาร การอธิบาย การเขยี น 3. สังเกต สมั ภาษณ์ บันทกึ แบบสังเกตพฤติกรรม มีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ มีวนิ ยั ใฝ่ และมุง่ มั่นในการทำงาน เรียนรู้ และมงุ่ มัน่ ในการทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. สำรวจรายชื่อนักเรียน ประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ได่แก่ การมวี นิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ 2. ครูแจง้ จุดประสงค์การเรียนรูแ้ ละการวดั ผลประเมนิ ผลดา้ น KPA
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอ่ื นที่แนวโค้ง หนา้ 170 3. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑ์การวัดผลและการใหค้ ะแนนในสว่ นต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกับ หลกั การ ข้อปฏบิ ัตแิ ละกฎระเบียบในการเรยี นการ สอนในหอ้ งเรียน กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนเกยี่ วกบั การเคล่อื นทแี่ บบโปรเจกไทล์ ดังน้ี • การเคลอ่ื นที่แบบโปรเจกไทล์ มแี นวโคง้ เปน็ รูปพาราโบลา • การเคลอ่ื นท่แี บบโปรเจกไทล์ มกี ารเคลือ่ นทที่ ้ังในแนวดง่ิ และแนวระดับพรอ้ ม ๆ กนั 2. ครถู ามคำถามก่อนทำกิจกรรมการทดลอง เพื่อเป็นการกระตนุ้ นกั เรยี น ดังนี้ • การเคลอื่ นท่ีแบบโปรเจกไทลม์ ลี ักษณะการเคลอ่ื นทเ่ี ปน็ อยา่ งไร • ความสมั พนั ธ์ของปริมาณการเคลือ่ นที่ในแนวดงิ่ และแนวระดับสัมพนั ธ์กันหรือไม่ อย่างไร ขนั้ สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครใู ห้นกั เรยี นแบ่งกล่มุ ซึง่ ครอู าจใช้เทคนิคการแบ่งกลมุ่ ผลสัมฤทธิ์ (STAD) คือ การจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ท่ีมสี มาชกิ กลมุ่ 4–5 คน มรี ะดับสติปญั ญาแตกต่างกัน คือ เก่ง 1 คน: ปานกลาง 2–3 คน: อ่อน 1 คน พร้อมทง้ั เลือกประธานกลุม่ รองประธานกลมุ่ เลขานกุ ารกลมุ่ และสมาชิกกลุ่ม โดยมีหนา้ ที่ ดังน้ี - ประธานกลุ่ม มหี น้าท่ีควบคุมการทำกิจกรรมการทดลอง - รองประธานกลุ่ม มีหน้าท่ี วางแผนในการทำกจิ กรรมทดลอง - เลขานุการกลุ่ม มีหน้าที่ อำนวยความสะดวกในการทำกจิ กรรมการทดลอง - สมาชกิ กลุ่ม มหี น้าที่ นำเสนอผลการทำกจิ กรรม - สมาชกิ กลุ่ม มหี นา้ ที่ รวบรวมองค์ความร้แู ละผลงานกลุ่ม 2. ครูชแี้ จงจดุ ประสงคก์ ารทดลองให้นกั เรยี นทราบ ดงั นี้ • เพอื่ ศึกษาลกั ษณะการเคลือ่ นที่แบบโปรเจกไทล์ • เพอื่ ศึกษาความสมั พนั ธร์ ะหว่างการกระจดั ในแนวระดบั และการกระจดั แนวด่ิง 3. ครูใหส้ มาชิกภายในกลมุ่ เปิดการระดมความคดิ ระบปุ ัญหาของกิจกรรมการทดลอง ใหห้ น้าท่ีประธาน เปดิ การระดมความคิดระบุปัญหาของกิจกรรมตอนท่ี 1 พรอ้ มตง้ั สมมติฐานและกำหนดตัวแปรให้ ชดั เจน และให้เลขานกุ ารกลุม่ จัดการความร้รู วบรวมแลว้ บนั ทกึ ผล 4. ครูให้ความรู้ที่จำเป็นต่อการทดลอง จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการทดลองตามขั้นตอนและ รายละเอียดในในเอกสารประกอบบทเรียน (หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตการณ์ทำงานกลมุ่ ) 5. ครอู าจถามกระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นไดค้ ิด ดว้ ยตวั อยา่ งคำถามต่อไปน้ี • เหตใุ ดจงึ ต้องปลอ่ ยลูกโลหะกลมจากตำแหน่งเดียวกันทุกครั้งทีท่ ำการทดลอง • ขณะทดลองแผ่นเปา้ ควรอยู่กบั ทหี่ รอื ไม่ เพราะเหตุใด
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอ่ื นทแ่ี นวโคง้ หนา้ 171 • แนวการเคลื่อนทขี่ องลกู โลหะกลมจากกระดาษกราฟบนแป้นไม้หรือเมอื่ นำคา่ การกระจดั ในแนว ระดับและการกระจดั ในแนวดิง่ มาเขียนกราฟจะมีลกั ษณะใด 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มวิเคราะห์สรุปผลการทดลอง ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายการทดลองตามแนว คำถามท้ายการทดลอง และสรุปผลการเรียนรู้จากการทดลอง อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูให้สมาชกิ แตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการทดลอง และสรปุ ร่วมกัน 2. ครูและนักเรียนจะสรุปผลการทดลองร่วมกันว่า การเคลื่อนที่ของลูกโลหะกลมที่เคลื่อนที่ในแนวโค้ง แบบโปรเจกไทล์ มแี นวการเคลื่อนทเี่ ป็นเส้นโคง้ พาราโบลา โดยลูกโลหะกลมจะมีทง้ั การกระจัดในแนว ระดบั และแนวด่ิงพร้อมกัน ขนั้ สรุป ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ใน ชีวิตประจำวนั เช่น ดา้ นการกีฬา การทุม่ นา้ หนกั การพุ่งแหลน การชทู ลกู บาสเกตบอล เป็นต้น 2. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ โดยใช้สื่อ power point และสื่อ animation 3. ครูใหน้ กั เรียนสรปุ เปน็ แผนผงั มโนทัศน์ (Concept Mapping) เรือ่ ง การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ 4. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยคำถามจาก แบบฝกึ หดั เรอ่ื ง การเคลอ่ื นท่ีแบบโปรเจกไทล์ 5. ครูให้นักเรียนตั้งคำถามที่นักเรียนอยากรู้เพิ่มเติม หรือร่วมกันสรุปเชื่อมโยงความคิดเกี่ยวกับการ เคล่ือนทแี่ บบโพรเจคไทล์ 8. สือ่ การเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เรอ่ื ง การเคล่อื นที่แนวโคง้ 2. ส่อื Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลื่อนทแี่ นวโคง้ หน้า 172 9. สรปุ ผลการจัดการเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนใหค้ วามรว่ มมือในการทำกิจกรรมเพอื่ ศึกษาการเคลื่อนท่แี บบโปรเจกไทล์ ปรมิ าณทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่งในแนวดิ่งและแนวระดับของ วตั ถุทท่ี ำมุม θ ต่าง ๆ กบั แนวระดับ จากการทดลอง การสบื คน้ การศกึ ษาจากใบความรู้ และเอกสาร ประกอบบทเรียน เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง โดยมีนกั เรียน ร้อยละ 73.1 ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภาย ดำเนินการซ่อมเสรมิ แล้ว ผา่ นเกณฑ์ท้งั หมด) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถทำการทดลองหาแนวทางการเคลือ่ นทแี่ บบโปรเจกไทล์ อธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหว่าง ตำแหน่งในแนวดงิ่ และแนวระดบั ของวัตถทุ ีท่ ำมมุ θ ตา่ ง ๆ กับแนวระดับ โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73.1 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนนิ การซอ่ มเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผา่ นเกณฑ์ทงั้ หมด) . ................................................................................................................................................................................... 9.3 ด้านคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผา่ นตามเกณฑ์ คดิ เป็นร้อยละ 100 ของนักเรียนทัง้ หมด 9.4 ปัญหาอปุ สรรค นักเรียนกลุ่มอ่อน ขาดทักษะการเชื่อมโยงความรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ในแนวดิ่งด้วยความเร่งคงตัว กับ การเคลื่อนที่ในแนวราบในสถานการณต์ ่างๆ นอกจากนี้พบนักเรียนขาดทักษะทางดา้ นการคิดคำนวณ การแทนค่าและการแก้สมการ ค่าฟังก์ชัน ตรีโกณฯ ที่ใช้ในสมการสำหรับการคำนวณ ครูผู้สอนต้อง ทบทวนความรู้ดงั กลา่ ว ทำให้เกดิ ความล่าชา้ ในการทำกิจกรรมในบทเรยี น . ................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วันที่.................................................. ลงชอ่ื .......................................................คูน่ เิ ทศ (นายตฤณธิวัฒน์ ภญิ โญชัยภัทร) วนั ท่.ี .................................................
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอ่ื นทแ่ี นวโค้ง หน้า 173 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 29 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 3 การเคลอ่ื นที่แนวโค้ง เรือ่ ง การเคลอื่ นที่แบบวงกลม 1 กลุ่มสาระฯ วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31206 ช่อื รายวิชา ฟิสกิ ส์เพมิ่ เติม 2 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง ผูส้ อน นางสาววิจติ ตา อำไพจติ ต์ โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟสิ กิ ส์ปรมิ าณและกระบวนการวัด การเคล่ือนทแี่ นวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นทีข่ องนวิ ตนั กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษพ์ ลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์ โมเมนตัม การเคล่อื นทแี่ นวโคง้ รวมท้งั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 8. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง แรงสู่ศูนยก์ ลาง รศั มขี องการเคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเสน้ อัตราเรว็ เชงิ มุม และมวลของวัตถใุ นการเคลื่อนท่ีแบบวงกลมในระนาบ ระดบั รวมท้ังคำนวณปรมิ าณต่างๆทเี่ ก่ียวขอ้ งและ ประยุกตใ์ ชค้ วามรูก้ ารเคล่อื นทแ่ี บบวงกลมในการอธบิ ายการโคจรของดาวเทยี ม 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด วตั ถุท่ีเคลือ่ นท่เี ป็นวงกลมหรอื สว่ นของวงกลม เรียกว่า วัตถนุ ัน้ มกี ารเคลอื่ นท่แี บบวงกลม ซ่ึงมี แรงลัพธ์ ทกี่ ระทำกบั วัตถุในทิศเขา้ สู่ศนู ยก์ ลาง เรียกว่า แรงสศู่ นู ย์กลาง ทำใหเ้ กิดความเรง่ สู่ศนู ย์กลางที่มขี นาดสัมพนั ธ์กบั รัศมขี องการเคลื่อนท่แี ละอัตราเรว็ เชงิ เส้นของวัตถุ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ลักษณะของการเคลื่อนทแ่ี บบวงกลม 2) ปริมาณท่ีเก่ยี วขอ้ งกับการเคล่อื นทแ่ี บบวงกลม 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายลักษณะของการเคล่อื นท่ีแบบวงกลม
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลื่อนที่แนวโค้ง หนา้ 174 2) อธิบายปรมิ าณที่เกย่ี วข้องกบั การเคล่ือนทแ่ี บบวงกลม 3) ยกตวั อย่างการเคลอื่ นที่แบบวงกลมไปใช้ในชีวติ ประจำวนั 4.3 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1) ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ 2) มวี ินัย 3) ใฝเ่ รียนรู้ 4) มุ่งม่ันในการทำงาน 5) มีจติ สาธารณะ 5. ชิ้นงานหรอื ภาระงานท่ีแสดงผลการเรยี นรู้ 1. การนำเสนอและอภิปรายความรูท้ ่ีได้ค้นควา้ มา 2. แบบฝึกหัด 3. การสรปุ สาระสำคัญลงในสมุด 6. การประเมิน เคร่อื งมอื เกณฑ์ วิธกี าร แบบฝึกหัดเพิม่ เติม ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ขึน้ ไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หัดเพมิ่ เตมิ ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขน้ึ ไป 2. ตรวจแบบฝึก เพื่อบันทกึ แบบฝึกทกั ษะ ข้อคำถามอตั นยั ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขน้ึ ไป สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ดา้ น เพ่อื วดั ความสามารถในการสื่อสาร ความคิด และการสื่อสาร ได้แก่ การอธิบาย การเขยี น 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บนั ทกึ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มีวินยั ใฝ่ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ มี เรยี นรู้ และมุง่ มน่ั ในการทำงาน วินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งม่ันใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. สำรวจรายช่อื นกั เรียน ประเมนิ ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ได่แก่ การมีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ครแู จ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นรแู้ ละการวดั ผลประเมนิ ผลด้าน KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑ์การวดั ผลและการให้คะแนนในส่วนต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกีย่ วกับ หลักการ ข้อปฏบิ ัติและกฎระเบยี บในการเรียนการ สอนในหอ้ งเรียน
หน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนทีแ่ นวโคง้ หน้า 175 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. นักเรียนและครูร่วมกันทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับ เรื่อง ลักษณะการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ เชือ่ มโยงเน้อื หาโดยนักเรียนรว่ มกันสนทนา เกยี่ วกบั การเคลอื่ นที่ในลกั ษณะการเคล่ือนท่ีแบบวงกลม ลองยกตัวอย่าง (ทง้ิ ช่วงให้นักเรยี นคดิ ) เพ่อื เปน็ ความรพู้ ้ืนฐานนำไปสูก่ ารศกึ ษา เรือ่ ง การเคลื่อนทแ่ี บบ วงกลม 2. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยพูดคุยสนทนาประสบการณ์เกี่ยวกับการเคลื่อนที่หลายอย่าง รอบตัวเรา เช่น รถยนต์หรือรถจักรยานยนตก์ ำลังเลี้ยวโค้ง การเคลื่อนที่ของรถไฟเหาะตีลังกาในสวน สนกุ การเคล่อื นทข่ี องชิงชา้ สวรรค์ นกั เรยี นคดิ ว่าการเคล่ือนทล่ี กั ษณะนี้วา่ เปน็ การเคลื่อนที่แบบใด 2. ครูถามคำถามกระตุ้นนักเรยี นจากคำถาม ว่า การหมุนของเข็มนาฬิกาเป็นการเคลื่อนที่แบบใด (เปิด โอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นโดยไม่เน้นถูกผิด) 3. นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเหน็ คำตอบจากคำถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสกู่ ารจัดการเรียนรู้ เรือ่ งการเคลอ่ื นทีแ่ บบวงกลม 4. ครูกล่าวกับนักเรียนว่า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และดาวเทียม เคลื่อนที่ในแนววงกลมหรือส่วนของ วงกลมได้อย่างไร หรือทำไมการเคลอ่ื นทจ่ี ึงเป็นแบบนน้ั นกั เรยี นจะไดท้ ำการศึกษาต่อไป ขนั้ สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครใู หน้ ักเรียนจับคูก่ ัน เพื่อช่วยกนั ตอบคำถามจากท่ีครูถาม 2. ครูถามคำถามกับนกั เรียนว่า ลักษณะการเคลือ่ นที่ของรถไฟเหาะตลี ังกาในสวนสนกุ การเคลื่อนที่ของ ชงิ ชา้ สวรรค์เปน็ อย่างไร โดยครใู หน้ กั เรยี นดูภาพลักษณะการเคล่ือนที่ ในเอกสารประกอบบทเรยี น 3. ครถู ามนักเรียนตอ่ ว่า วตั ถุสามารถเคลื่อนที่เปน็ วงกลมไดอ้ ยา่ งไร 4. ครูยกตัวอย่างว่า ถ้าเราใช้เชือกผูกวัตถกุ อ้ นหนึ่งไว้ แล้วจับปลายอีกด้านหนึง่ ของเชือกเหว่ียงให้วัตถทุ ่ี ผูกไวเ้ คล่อื นท่ตี ามแนวโค้งจนอยู่ในลกั ษณะวงกลม ครูถามนักเรียนวา่ เกดิ แรงอะไรบา้ ง และมีทิศทางใด 5. ครูถามนักเรียนต่อว่า การเคล่ือนที่แบบวงกลมจะมแี รงกระทำต่อวตั ถใุ นทิศพุ่งเข้าหาศนู ย์กลางของการ เคลือ่ นท่ี เรียกแรงน้ีวา่ แรงอะไร ข้ันสอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับแรงสู่ศูนย์กลาง คือ ความเร่งที่เกิดจากทิศทางของความเร็วตามแนว เส้นรอบวงที่เปล่ียนแปลง โดยแรงสู่ศูนย์กลางมีทิศตั้งฉากกับความเร็วของวัตถุตลอดเวลา 2. ครูอธิบายต่อว่า การเคลื่อนที่แบบวงกลมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การเคลื่อนที่แบบวงกลมอยา่ ง สม่ำเสมอ และการเคลอ่ื นทแี่ บบวงกลมอยา่ งไมส่ ม่ำเสมอ 3. ครเู ปดิ โอกาสให้นกั เรยี นไดส้ อบถามในส่วนทมี่ ขี อ้ สงสัยเกีย่ วกับการเคลอื่ นท่ีแบบวงกลมในเบอื้ งตน้
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลอ่ื นที่แนวโคง้ หนา้ 176 ขน้ั สรุป ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูนำนักเรียนอภิปรายและสรุปเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม ว่าเป็นการเคลื่อนที่มีการเปลี่ยน ทิศทางตลอดเวลา ขณะวัตถุเคลื่อนที่ในแนววงกลม ต้องมีแรงกระทำกับวัตถุในทิศพุ่งเข้าหาจุด ศูนย์กลาง ซึ่งเรียกแรงลัพธ์นี้วา่ แรงสู่ศูนย์กลาง (⃑F⃑c) โดยแรงสู่ศูนย์กลางมีทิศตั้งฉากกับความเร็วของ วัตถุตลอดเวลา 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นสอบถามเนอ้ื หาเรื่อง การเคลอื่ นที่แบบวงกลม ว่ามีส่วนไหนท่ียังไม่เข้าใจและ ให้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น เพื่อเป็นความรู้นำไปสู่การศึกษาเกี่ยวกับเงื่อนไงของการเคลื่อนที่แบบ วงกลมในลกั ษณะต่าง ๆ 3. ครูและนักเรียนรว่ มกนั เฉลยคำถามจากแบบฝกึ หดั เรอื่ ง การเคล่อื นทีแ่ บบวงกลม 8. ส่อื การเรียนรู/้ แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น เร่อื ง การเคล่ือนที่แนวโคง้ 2. สอ่ื Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคล่ือนทแี่ นวโค้ง หนา้ 177 9. สรุปผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาลักษณะของการเคลื่อนที่แบบวงกลม ปริมาณท่ี เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบ บทเรยี น เร่ือง การเคลอ่ื นท่ีแนวโคง้ โดยมนี ักเรยี น ร้อยละ 73.1 ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขนึ้ ไป (ร้อยละ 60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นกั เรยี น สามารถ อธิบายลักษณะของการเคล่ือนทแ่ี บบวงกลม และปรมิ าณทีเ่ กย่ี วข้องกับการเคลอื่ นท่ี แบบวงกลม ยกตวั อยา่ งการเคล่ือนทแี่ บบวงกลมไปใช้ในชวี ติ ประจำวัน โดยมีนกั เรียน ร้อยละ 73.1 ผา่ น เกณฑ์ในระดับดี ข้นึ ไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผา่ นตามเกณฑ์ คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 ของนักเรยี นทง้ั หมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค นักเรียนกลุ่มอ่อน ยังขาดมโนทัศน์ ในการเชื่อมโยงความรู้เกี่ยวกับแรง และกฏการเคลื่อนที่ของนิวตนั ทศิ ทางของแรงทกี่ ระทำ มาพจิ ารณาสภาพการเคล่ือนทีข่ องวตั ถุท่ีมแี รงสศู่ ูนย์กลางเขา้ มาเกี่ยวข้อง และ การเขยี นแผนภาพแสดงแนวแรงท่ีกระทำต่อวัตถทุ ี่เคลื่อนท่ีเป็นวงกลมในแนวต่างๆ สง่ ผลให่มีจำนวน นักเรียนที่ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้จำนวนไม่มาก ต้องดำเนินการซ่อมเสริม จึงทำให้ใช้เวลาจัด กิจกรรมยาวนาน และมีผลตอ่ เวลาการจดั กจิ กรรมอนื่ ๆ . ลงชอื่ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์.) วันท.ี่ ................................................. ลงชอ่ื .......................................................คู่นเิ ทศ (นายตฤณธิวฒั น์ ภญิ โญชยั ภทั ร) วันท.ี่ .................................................
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคล่อื นทแ่ี นวโค้ง หนา้ 178 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 30 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 การเคล่อื นที่แนวโค้ง เรอ่ื ง การเคลื่อนทแ่ี บบวงกลม 2 กลมุ่ สาระฯวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31206 ชอ่ื รายวิชา ฟิสิกส์เพม่ิ เติม 2 ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 เวลาเรยี น 2 ชวั่ โมง ผู้สอน นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟิสกิ สป์ ริมาณและกระบวนการวัด การเคล่อื นที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นที่ของนวิ ตนั กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรักษพ์ ลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์ โมเมนตมั การเคลื่อนทแี่ นวโค้ง รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 8. ทดลองและอธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่าง แรงส่ศู นู ย์กลาง รัศมีของการเคลือ่ นท่ี อัตราเรว็ เชิงเสน้ อัตราเร็ว เชงิ มุม และมวลของวัตถใุ นการเคลื่อนที่แบบวงกลมในระนาบ ระดับรวมทั้งคำนวณปรมิ าณตา่ งๆทีเ่ กีย่ วขอ้ งและ ประยกุ ตใ์ ชค้ วามร้กู ารเคลื่อนทีแ่ บบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทยี ม 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด อตั ราเรว็ เชิงมุม (angular speed) เป็นมมุ ทีจ่ ดุ ศนู ยก์ ลางทรี่ องรับความยาวส่วนโคง้ ของวงกลมที่ เคลอื่ นที่ในเวลา 1 วนิ าที อัตราเร็วเชิงมมุ เปน็ ปรมิ าณสเกลาร์ หน่วย เรเดยี นตอ่ วนิ าที หาค่าได้จาก ω = ∆������ ∆������ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ลกั ษณะของการเคลื่อนท่ีแบบวงกลม 2) ปรมิ าณทีเ่ กีย่ วขอ้ งกับการเคลอ่ื นที่แบบวงกลม 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธิบายลักษณะของการเคล่ือนท่ีแบบวงกลม 2) คำนวณหาปรมิ าณท่เี ก่ียวข้องกบั การเคลอ่ื นทีแ่ บบวงกลม
หน่วยการเรียนรู้ การเคลือ่ นท่แี นวโคง้ หนา้ 179 4.3 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1) ซ่อื สัตย์สุจรติ 2) มีวนิ ยั 3) ใฝ่เรยี นรู้ 4) มุ่งมัน่ ในการทำงาน 5) มีจิตสาธารณะ 5. ชิน้ งานหรือภาระงานท่ีแสดงผลการเรยี นรู้ 1. การนำเสนอและอภปิ รายความร้ทู ี่ไดค้ ้นคว้ามา 2. แบบฝึกหัด 3. การสรุปสาระสำคญั ลงในสมดุ 6. การประเมนิ เครือ่ งมอื เกณฑ์ วธิ กี าร แบบฝกึ หดั เพิ่มเตมิ ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ข้ึนไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หัดเพิ่มเตมิ ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ข้นึ ไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพ่ือบนั ทึก แบบฝึกทักษะ ข้อคำถามอตั นัย ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึ้นไป สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ดา้ น เพือ่ วัดความสามารถในการสื่อสาร ความคิด และการสอื่ สาร ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขยี น 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บันทึก แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มวี นิ ัย ใฝ่ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ มี เรียนรู้ และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน วินยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มน่ั ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. สำรวจรายชื่อนักเรยี น ประเมนิ ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ไดแ่ ก่ การมีวนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ครูแจ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้และการวดั ผลประเมินผลดา้ น KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑ์การวัดผลและการใหค้ ะแนนในส่วนตา่ งๆ ร่วมกัน และตกลงเกีย่ วกบั หลกั การ ขอ้ ปฏิบตั ิและกฎระเบยี บในการเรียนการ สอนในหอ้ งเรยี น ขน้ั นำ กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนความรู้เกย่ี วกบั ลกั ษณะของการเคลอื่ นที่แบบวงกลม
หน่วยการเรียนรู้ การเคลือ่ นท่ีแนวโคง้ หน้า 180 2. ครูต้งั คำถามเพ่อื กระตุ้นกับนกั เรียนว่า • การเคลอื่ นทแ่ี บบวงกลมอยา่ งสมำ่ เสมอ มลี กั ษณะการเคลอื่ นทอี่ ยา่ งไร • การเคลื่อนที่แบบวงกลมอย่างสม่ำเสมอสามารถอธบิ ายไดโ้ ดยอาศัยกฎของนิวตันไดอ้ ยา่ งไร 3. แจ้งให้นักเรียนทราบวา่ จะไดศ้ ึกษาเก่ยี วกับการเคลื่อนทแ่ี บบวงกลมอย่างสมำ่ เสมอ ขน้ั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนสืบค้นข้อมูลเพื่อหาคำตอบจากรายละเอียดในเอกสารประกอบบทเรียน เพื่อ สรุปเป็นความเขา้ ใจของตนเอง 2. ครูชี้ในนักเรียนเห็นว่า การเคลื่อนที่แบบวงกลมสม่ำเสมอ คือ การเคลื่อนท่ีท่ีมขี นาดของความเร็วเทา่ เดิม สม่ำเสมอแต่ทิศทางเปลี่ยนไปทีละนอ้ ย และเป็นการเคลอ่ื นท่แี บบวงกลมทม่ี ีอัตราเรว็ คงตัว แสดง แผนภาพวัตถุเคล่ือนท่ีจากตำแหน่ง A ไป B ในแนวรศั มวี งกลมอัตราเร็วคงตวั 3. ครูให้นักเรียนพิจารณาการเคลื่อนที่ของวัตถุจากตำแหน่ง A ไปยังตำแหน่ง B ในช่วงเวลา ∆t ตาม รายละเอยี ดในเอกสารประกอบบทเรียน เพอ่ื หาความสัมพนั ธข์ องความเร่งสู่ศูนยก์ ลาง 3. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายและสรุปเกี่ยวกบั การเคลื่อนที่แบบวงกลมอยา่ งสมำ่ เสมอ ขนั้ สอน อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายว่าการเคลื่อนที่แบบวงกลมแบบสม่ำเสมอ สามารถอธิบายได้โดยอาศัยกฎของนิวตัน ดังน้ี • จากกฎข้อที่หนึ่ง อธิบายได้ว่า มวลยังคงหมุนไม่เปลี่ยนแปลงจนกว่าจะมีแรงมากระทำ ดังนั้น มวลก็ยงั คงสภาพหมนุ ต่อไป • จากกฎข้อที่สอง อธิบายได้ว่า แรงและความเร่งจำเป็นต้องรักษาตำแหน่งในการเคลื่อนที่ เม่ือ มวลเคลื่อนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอ (ความเร็วคงตัว) ความเร่งมีทิศเข้าสู่ศูนย์กลาง เรียกว่า ความเร่งสู่ศูนย์กลาง ดังนั้นต้องมีแรงกระทำสู่ศูนย์กลางเพื่อทำให้มวลเคลื่อนที่เป็นวงกลมใน กรณีนี้แรงสู่ศูนย์กลาง คือ แรงตึงเชือก และจากนิยามของความเร่ง ∆v นักเรียนจะได้ ∆t v2 ความสัมพนั ธ์ของสมการคือ ac = r ซึ่ง r คือ รศั มกี ารเคลื่อนที่ในแนววงกลม • แรงเข้าสู่ศูนย์กลาง (Fc) คือ แรงท่กี ระทำต่อวัตถใุ นการเคลอื่ นที่แบบวงกลมมทิ ิศเดียวกับทิศของ ความเร่ง • จากกฎข้อที่สอง ถ้ามีแรงลัพธ์ที่มากระทำต่อวัตถุกับความเร่งของวัตถุจะมีทิศทางเดียวกัน คือ ทศิ พงุ เข้าหาจุดศนู ย์กลาง สามารถเขียนเปน็ สมการได้ว่า Fc = mac = mv2 r 2. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นสอบถามเน้ือหาเร่ือง การเคลอื่ นที่แบบวงกลมแบบสม่ำเสมอ ว่ามีสว่ นไหนที่ยัง ไม่เข้าใจและให้ความรู้เพิ่มเติมนส่วนนั้น เพื่อเป็นความรู้นำไปสู่การศึกษาเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบ วงกลมแบบไม่สม่ำเสมอ
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลือ่ นท่แี นวโคง้ หนา้ 181 ขนั้ สรุป ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่าง เกี่ยวกับการคำนวณหาความเร่งสู่ศูนย์กลาง พร้อมทั้งให้นักเรียนฝึกแก้ โจทยป์ ญั หาในเอกสารประกอบบทเรยี น ตามขน้ั ตอนการแก้โจทยป์ ัญหา ดงั นี้ • ขน้ั ที่ 1 ครใู ห้นกั เรยี นทกุ คนทำความเขา้ ใจโจทย์ตัวอยา่ ง • ขน้ั ท่ี 2 ครูถามนกั เรียนว่า สง่ิ ท่ีโจทยต์ ้องการถามหาคืออะไร และจะหาสิง่ ท่ีโจทย์ต้องการ ต้อง ทำอยา่ งไร • ข้นั ท่ี 3 ครใู ห้นกั เรยี นดูวธิ ีทำในการคำนวณหาคำตอบ • ขน้ั ที่ 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทยต์ วั อยา่ งว่าถกู ต้อง หรือไม่ 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนื้อหาเรื่อง การเคลื่อนที่แบบวงกลมแบบสม่ำเสมอ ความเร่งสู่ ศนู ย์กลาง และแรงเข้าสศู่ ูนย์กลาง ว่ามีสว่ นไหนทีย่ ังไมเ่ ขา้ ใจและให้ความรู้เพิ่มเติมในสว่ นน้ัน 3. ครใู ห้นักเรียนตอบคำถามจากแบบฝึกหดั เร่อื ง การเคลอ่ื นที่แบบวงกลม 4. ครูยกตวั อยา่ งแรงสศู่ ูนย์กลางในชีวิตประจำวนั เชน่ การขีจ่ ักรยาน เมอื่ เล้ยี วจกั รยานไปทางซ้าย เราจะ ร้สู ึกวา่ มแี รง F ดงึ เราไปทางขวา เรียกวา่ แรงเฉอ่ื ย เราจึงตอ้ งเอียงรถไปทางซ้ายเพือ่ สรา้ งสมดุลกันแรง เฉอ่ื ยทเี่ กดิ ข้ึน ทำให้แรง F กับน้ำหนัก W เกิดเปน็ แรงลพั ธ์ R ผา่ นล้อรถไปสัมผัสกับพน้ื ในเวลาน้ันเรา จะรูส้ กึ เหมือนน่ังตวั ตรงเป็นแนวดิ่งกดลงบนอานรถ โดยไมร่ สู้ กึ วา่ ตวั เอียง และจักรยานรกั ษาความเอยี ง เปน็ มุม θ เล้ยี วไปตามทางโคง้ ไดอ้ ย่างตอ่ เน่ือง 8. สอื่ การเรยี นรู/้ แหล่งเรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น เร่ือง การเคลอื่ นท่ีแนวโค้ง 2. สอ่ื Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นทแี่ นวโค้ง หน้า 182 9. สรปุ ผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาลักษณะของการเคลื่อนที่แบบวงกลม ปริมาณที่ เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบ บทเรียน เรือ่ ง การเคล่ือนที่แนวโค้ง โดยมนี ักเรียน ร้อยละ 73.1 ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึ้นไป (ร้อยละ 60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการ ซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑ์ท้ังหมด) . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ นกั เรียน สามารถ อธิบายลักษณะของการเคลอื่ นทแ่ี บบวงกลม และปริมาณทเ่ี กี่ยวข้องกับการเคล่ือนที่ แบบวงกลม ยกตวั อยา่ งการเคลอื่ นทีแ่ บบวงกลมไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน โดยมนี กั เรียน ร้อยละ 73.1 ผา่ น เกณฑใ์ นระดบั ดี ข้ึนไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) สว่ นนกั เรียนท่ีไม่ผา่ นเกณฑ์ ดำเนินการ ซอ่ มเสรมิ โดยภายดำเนินการซอ่ มเสรมิ แล้ว ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด) . ................................................................................................................................................................................... 9.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผา่ นตามเกณฑ์ คดิ เป็นร้อยละ 100 ของนักเรยี นทงั้ หมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค นักเรียนกลุ่มอ่อน ยังขาดมโนทัศน์ ในการเชื่อมโยงความรู้เกี่ยวกับแรง และกฏการเคลื่อนที่ของนิวตัน แรงดึงดูดระหว่างมวล ทิศทางของแรงที่กระทำ มาพิจารณาสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุที่มีแรงสู่ ศนู ยก์ ลางเขา้ มาเกี่ยวข้อง และการเขียนแผนภาพแสดงแนวแรงทกี่ ระทำต่อวตั ถุทเ่ี คล่ือนท่เี ปน็ วงกลมใน แนวต่างๆ ส่งผลให่มีจำนวนนักเรียนที่ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้จำนวนไม่มาก ต้องดำเนินการซ่อม เสริม จึงทำให้ใชเ้ วลาจดั กิจกรรมยาวนาน และมีผลตอ่ เวลาการจัดกจิ กรรมอนื่ ๆ . ลงชอื่ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต.์ ) วันท.่ี ................................................. ลงชื่อ.......................................................คนู่ เิ ทศ (นายตฤณธวิ ฒั น์ ภญิ โญชยั ภัทร) วันท.ี่ ...............................................
หน่วยการเรยี นรู้ การเคล่อื นท่แี นวโคง้ หนา้ 183 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 31 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 การเคลือ่ นทแ่ี นวโคง้ เรอื่ ง การเคลอื่ นทแ่ี บบวงกลม 3 กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31206 ช่ือรายวิชา ฟสิ กิ ส์เพิ่มเติม 2 ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 เวลาเรยี น 2 ชัว่ โมง ผ้สู อน นางสาววจิ ติ ตา อำไพจติ ต์ โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปรมิ าณและกระบวนการวัด การเคลือ่ นทแี่ นวตรง แรงและกฎการ เคลือ่ นทีข่ องนวิ ตัน กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ ักษพ์ ลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตมั การเคล่ือนที่แนวโคง้ รวมทัง้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 8. ทดลองและอธบิ ายความสมั พันธ์ระหว่าง แรงสศู่ ูนย์กลาง รศั มขี องการเคล่อื นที่ อัตราเรว็ เชิงเสน้ อตั ราเรว็ เชงิ มมุ และมวลของวตั ถใุ นการเคลื่อนที่แบบวงกลมในระนาบ ระดบั รวมทั้งคำนวณปรมิ าณต่างๆท่เี ก่ียวขอ้ งและ ประยกุ ต์ใช้ความรกู้ ารเคล่ือนท่แี บบวงกลมในการอธบิ ายการโคจรของดาวเทียม 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด วตั ถทุ ่ีเคลอ่ื นทเ่ี ป็นวงกลมหรอื สว่ นของวงกลม เรยี กว่า วตั ถนุ ั้นมกี ารเคลือ่ นทแ่ี บบวงกลม ซึง่ มี แรงลพั ธ์ ที่กระทำกับวตั ถุในทิศเข้าส่ศู ูนย์กลาง เรียกวา่ แรงสู่ศนู ยก์ ลาง ทำให้เกดิ ความเร่งส่ศู ูนย์กลางท่มี ีขนาดสัมพนั ธก์ ับ รศั มีของการเคลื่อนทแี่ ละอัตราเร็วเชิงเสน้ ของวัตถุ ซงึ่ แรงสศู่ นู ย์กลางคำนวณได้จากสมการ ������������ = ������������2 ������ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) การเคลอื่ นทแี่ บบวงกลม 2) การทดลอง ความสัมพันธร์ ะหว่างแรงสศู่ ูนยก์ ลาง รัศมีวงกลม อตั ราเรว็ ของการเคลอ่ื นที่เป็น วงกลม
หน่วยการเรียนรู้ การเคลอ่ื นท่ีแนวโคง้ หนา้ 184 3) ปรมิ าณที่เกีย่ วข้องกับการเคล่อื นที่แบบวงกลม 4) ยกตัวอย่างการเคล่ือนที่แบบวงกลมไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธิบายการเคลอ่ื นที่แบบวงกลม 2) ทำการทดลอง และสรปุ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างแรงสศู่ นู ย์กลาง รศั มีวงกลม อัตราเรว็ ของการ เคลือ่ นทเี่ ปน็ วงกลม 3) มที กั ษะการคำนวณหาปริมาณท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การเคลอื่ นที่แบบวงกลม 4) ยกตวั อยา่ งการเคลื่อนท่แี บบวงกลมไปใช้ในชีวติ ประจำวัน 4.3 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1) ซ่ือสัตย์สจุ ริต 2) มีวินยั 3) ใฝเ่ รียนรู้ 4) มงุ่ ม่ันในการทำงาน 5) มจี ิตสาธารณะ 5. ชิ้นงานหรือภาระงานทีแ่ สดงผลการเรียนรู้ 1. การนำเสนอและอภิปรายความร้ทู ่ีได้ค้นคว้ามา 2. แบบฝึกหดั 3. การสรุปสาระสำคัญลงในสมุด 6. การประเมิน เครือ่ งมอื เกณฑ์ วธิ ีการ แบบฝกึ หดั เพ่ิมเตมิ ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึ้นไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหดั เพิม่ เติม ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขน้ึ ไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพ่อื บันทึก แบบฝกึ ทักษะ ข้อคำถามอัตนยั ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ข้นึ ไป สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ดา้ น เพ่อื วัดความสามารถในการสือ่ สาร ความคิด และการสื่อสาร ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขยี น 3. สังเกต สัมภาษณ์ บันทกึ แบบสังเกตพฤติกรรม มีวินัย ใฝ่ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรียนรู้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน วนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ ม่ันใน การทำงาน
หน่วยการเรียนรู้ การเคลือ่ นท่แี นวโค้ง หนา้ 185 7. กิจกรรมการเรียนรู้ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบวงกลมแบบสม่ำเสมอ ความเร่งสู่ศูนย์กลาง และแรงเข้าสู่ ศูนย์กลาง เพื่อนำไปสู่การเรียนเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วเชิงเส้น (v) และอัตราเร็วเชิงมุม (ω) 2. ครูเน้นให้นักเรียนทราบว่า การเคลื่อนที่แบบวงกลมแบบสม่ำเสมอ คือ การเคลื่อนที่แบบวงกลมที่มี อัตราเร็วคงตัว นั่นคือการเคลื่อนที่ที่มีขนาดของความเร็วเท่าเดิมสม่ำเสมอ แต่ทิศทางเปลี่ยนไปทีละ นอ้ ย 3. ครูถามคำถามกระตุ้นกับนักเรียน ดงั น้ี • อตั ราเรว็ เชงิ เส้น (v) และอตั ราเรว็ เชงิ มุม (ω) มีความหมายแตกต่างกนั อย่างไร • คาบ (T) และความถี่ (f) เกีย่ วขอ้ งกบั การเคล่อื นทีแ่ บบวงกลมอย่างไร 4. แจ้งให้นักเรียนทราบว่า จะได้ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วเชิงเส้น (v) และอัตราเร็ว เชงิ มุม (ω) ของการเคล่อื นที่แบบวงกลม ขัน้ สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับความแตกต่างของอัตราเร็วเชิงเส้น (v) และอัตราเร็วเชิงมุม (ω) ตาม รายละเอียดจากเอกสารประกอบบทเรยี น 2. นักเรียนร่วมกันสืบค้นข้อมูล จากเอกสารประกอบบทเรียน หรือจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อนิ เตอร์เน็ต อธิบายความรู้ (Explain) 1. สมุ่ นกั เรียนใหอ้ อกมาอภิปรายร่วมกับครเู ก่ยี วกับความแตกต่างของอัตราเรว็ เชิงเส้น (v) และอัตราเร็ว เชิงมุม (ω) โดยพิจารณาวัตถุที่เคลื่อนที่แบบวงกลมในระนาบด้วยอัตราเร็วคงตัว และมีรัศมีการ เคลือ่ นท่ใี นแนววงกลมเทา่ กบั r ดังภาพจากเอกสารประกอบบทเรียน หน้า 164 2. ครูนำนกั เรียนอภปิ ราย ดงั น้ี • เมื่อวัตถุมีการเคลื่อนที่ครบ 1 รอบ และช่วงเวลาที่ใช้ในการเคลื่อนที่ใน 1 รอบ คือ T ดังนน้ั เมอ่ื นำระยะทางเชงิ เส้นท่วี ตั ถุเคล่ือนท่ีได้ใน 1 รอบไปเทยี บกบั เวลาที่ใช้ในการเคลื่อนที่จะเกิด ปริมาณที่เรียกว่า อัตราเร็วเชิงเส้น (v) เป็นระยะทางตามแนวเส้นรอบวงของวงกลมที่วัตถุ เคล่อื นที่ได้ในหน่งึ หนว่ ยเวลา สามารถเขยี นในรปู สมการ คอื ������ = 2������rf • เมอ่ื เราพิจารณาที่ระยะเชิงมมุ ที่เปลีย่ นไปต่อเวลาจะเกดิ ปรมิ าณท่ีเรยี กว่า อตั ราเรว็ เชงิ มมุ (ω) เป็นมุมที่จุดศูนย์กลางของวงกลมที่รัศมีกวาดไปได้ในหนึ่งหน่วยเวลา สามารถเขียนในรูป สมการ คอื ω = θ = 2π = 2πr = v r TT
หน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนทแี่ นวโค้ง หนา้ 186 3. ครูอธิบายว่า การบอกมุมนอกจากจะมีหน่วยเป็นองศาแล้ว ยังอาจใช้หน่วยเรเดียน (radian) ซ่ึง นกั เรยี นจะไดศ้ ึกษาความรู้เพ่ิมเติมได้จากกรอบ Physics Focus เรอื่ ง เรเดยี น 4. ครูยกตัวอย่างที่ 4.7 จากเอกสารประกอบบทเรียน เพื่อเสริมความเข้าใจในการใช้สมการที่ใช้สำหรับ คำนวณท่เี รยี นมา 5. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นสอบถามเนื้อหาเร่ือง อตั ราเรว็ เชงิ เส้น (v) และอัตราเร็วเชงิ มุม (ω) ว่ามีส่วน ไหนทีย่ งั ไมเ่ ข้าใจและใหค้ วามรูเ้ พม่ิ เตมิ ในสว่ นนน้ั 6. ครใู ห้นักเรยี นตอบคำถามจาก Unit Question 4 เรอ่ื ง การเคลือ่ นทีแ่ บบวงกลม ข้นั สรุป ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูนำอภิปรายและสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วเชิงเส้น (v) และอัตราเร็วเชิงมุม (ω) ของการเคลื่อนที่แบบวงกลมท่ีมีอัตราเรว็ คงตวั 2. จากนั้นครใู หน้ ักเรยี นศกึ ษาตวั อยา่ งการคำนวณจากโจทย์ปญั หา พร้อมทั้งใหน้ กั เรยี นฝึกแกโ้ จทย์ปัญหา ในเอกสารประกอบบทเรียน ตามข้นั ตอนการแก้โจทยป์ ัญหา ดงั นี้ • ขัน้ ท่ี 1 ครูให้นกั เรยี นทกุ คนทำความเข้าใจโจทย์ตัวอยา่ ง • ขัน้ ท่ี 2 ครูถามนักเรยี นวา่ ส่ิงท่โี จทย์ต้องการถามหาคืออะไร และจะหาสงิ่ ทีโ่ จทย์ต้องการ ต้อง ทำอย่างไร • ขน้ั ที่ 3 ครใู หน้ ักเรยี นดวู ธิ ที ำในการคำนวณหาคำตอบ • ขั้นท่ี 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทย์ตวั อย่างวา่ ถูกตอ้ ง หรอื ไม่ 3. ครสู มุ่ นักเรยี น 1 คนมาอธิบายวิธกี ารคำนวณหน้าชน้ั เรยี น 4. ครูให้นกั เรียนตอบคำถามจากแบบฝกึ หดั 8. สอ่ื การเรยี นร/ู้ แหลง่ เรียนรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เรอื่ ง การเคลอื่ นที่แนวโคง้ 2. สอื่ Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลอ่ื นทีแ่ นวโคง้ หนา้ 187 9. สรุปผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาลักษณะของการเคลื่อนที่แบบวงกลม ปริมาณท่ี เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบ บทเรียน เรอื่ ง การเคลอ่ื นทแี่ นวโคง้ โดยมนี กั เรียน รอ้ ยละ 73.1 ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขึ้นไป (ร้อยละ 60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนกั เรียนทไ่ี มผ่ ่านเกณฑ์ ดำเนินการซอ่ มเสริม โดยภายดำเนินการซ่อม เสรมิ แล้ว ผา่ นเกณฑ์ทั้งหมด) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรยี น สามารถ อธิบายลกั ษณะของการเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลม และปรมิ าณทเี่ กยี่ วข้องกับการเคลือ่ นท่ี แบบวงกลม ยกตวั อยา่ งการเคลอ่ื นที่แบบวงกลมไปใช้ในชีวติ ประจำวนั โดยมีนกั เรยี น ร้อยละ 73.1 ผา่ น เกณฑใ์ นระดับดี ขน้ึ ไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) สว่ นนักเรยี นทีไ่ ม่ผา่ นเกณฑ์ ดำเนนิ การ ซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซอ่ มเสริมแลว้ ผ่านเกณฑ์ท้ังหมด) . 9.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผา่ นตามเกณฑ์ คดิ เป็นร้อยละ 100 ของนกั เรียนทง้ั หมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค นักเรียนกลุ่มอ่อน ยังขาดมโนทัศน์ ในการเชื่อมโยงความรู้เกี่ยวกับแรง และกฏการเคล่ือนที่ของนิวตัน แรงดึงดูดระหว่างมวล ทิศทางของแรงที่กระทำ มาพิจารณาสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุที่มีแรงสู่ ศูนยก์ ลางเขา้ มาเกีย่ วข้อง และการเขยี นแผนภาพแสดงแนวแรงทีก่ ระทำตอ่ วตั ถุทีเ่ คล่ือนท่ีเป็นวงกลมใน แนวต่างๆ ส่งผลให่มีจำนวนนักเรียนที่ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้จำนวนไม่มาก ต้องดำเนินการซ่อม เสรมิ จงึ ทำให้ใชเ้ วลาจดั กิจกรรมยาวนาน และมีผลต่อเวลาการจดั กิจกรรมอ่ืนๆ . ลงช่อื วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์.) วนั ที.่ ................................................. ลงช่อื .......................................................คู่นิเทศ (นายตฤณธวิ ฒั น์ ภญิ โญชัยภทั ร) วนั ท่ี..................................................
หน่วยการเรียนรู้ การเคล่อื นที่แนวโค้ง หน้า 188 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 32 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 การเคลอ่ื นทแ่ี นวโคง้ เรื่อง การเคลอื่ นที่แบบวงกลม 4 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31206 ช่อื รายวิชา ฟสิ ิกส์เพ่ิมเติม 2 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 เวลาเรียน 2 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาตทิ างฟิสกิ ส์ปรมิ าณและกระบวนการวดั การเคลือ่ นที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลื่อนทีข่ องนิวตัน กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ ักษ์พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรักษ์ โมเมนตมั การเคลื่อนท่ีแนวโคง้ รวมทงั้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 8. ทดลองและอธิบายความสัมพนั ธร์ ะหว่าง แรงสศู่ ูนยก์ ลาง รศั มขี องการเคล่ือนท่ี อตั ราเรว็ เชงิ เส้นอัตราเร็ว เชิงมมุ และมวลของวัตถใุ นการเคลือ่ นทแ่ี บบวงกลมในระนาบ ระดบั รวมทั้งคำนวณปริมาณต่างๆท่ีเก่ียวข้องและ ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้การเคลื่อนที่แบบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทยี ม 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การเคลอื่ นท่ีแบบวงกลมยงั สามารถอธิบายไดด้ ว้ ยอัตราเรว็ เชิงมมุ ซึ่งมคี วามสัมพนั ธก์ บั อัตราเร็วเชิงเส้น ตามสมการ v = ωr และแรงสูศ่ นู ยก์ ลางมีความสัมพนั ธก์ ับอตั ราเร็วเชิงมุมตามสมการ Fc = mω2r ดาวเทยี มท่โี คจรในแนววงกลมรอบโลกมแี รงดงึ ดูดท่โี ลกกระทำตอ่ ดาวเทยี มเป็นแรงสศู่ นู ยก์ ลาง ดาวเทยี มทม่ี วี ง โคจรคา้ งฟ้าในระนาบของเสน้ ศนู ย์สูตรมีคาบการโคจรเท่ากับคาบการหมนุ รอบตวั เองของโลก หรอื มีอัตราเร็ว เชงิ มุมเท่ากับอตั ราเร็วเชงิ มุมของตำแหนง่ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1) การเคลือ่ นทแี่ บบวงกลม
หน่วยการเรียนรู้ การเคลอื่ นท่แี นวโคง้ หนา้ 189 2) การทดลอง ความสัมพนั ธ์ระหว่างแรงส่ศู นู ยก์ ลาง รัศมวี งกลม อัตราเรว็ ของการเคลอ่ื นท่ี เปน็ วงกลม 3) ปรมิ าณท่ีเกี่ยวขอ้ งกับการเคลอื่ นท่แี บบวงกลม 4) ยกตัวอย่างการเคล่อื นท่แี บบวงกลมไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายลกั ษณะของการเคลอื่ นท่ีแบบวงกลม 2) ทำการทดลอง และสรปุ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างแรงสศู่ ูนยก์ ลาง รศั มวี งกลม อตั ราเร็วของการ เคลอื่ นที่เปน็ วงกลม 3) คำนวณหาปริมาณที่เกย่ี วขอ้ งกับการเคลื่อนท่แี บบวงกลม 4) ยกตวั อย่างการเคลอ่ื นที่แบบวงกลมไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั 4.3 คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1) ซอ่ื สัตยส์ ุจริต 2) มีวินยั 3) ใฝเ่ รียนรู้ 4) มงุ่ ม่นั ในการทำงาน 5) มีจิตสาธารณะ 5. ชิ้นงานหรอื ภาระงานที่แสดงผลการเรียนรู้ 1. การนำเสนอและอภิปรายความรทู้ ่ีได้ค้นควา้ มา 2. แบบฝึกหัด 3. การสรปุ สาระสำคญั ลงในสมุด 6. การประเมิน เครอื่ งมือ เกณฑ์ วิธกี าร แบบฝึกหัดเพ่มิ เติม ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ข้ึนไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หดั เพ่มิ เตมิ ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพอื่ บันทึก แบบฝกึ ทักษะ ขอ้ คำถามอตั นัย ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขึน้ ไป สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ดา้ น เพอ่ื วัดความสามารถในการส่ือสาร ความคดิ และการสอ่ื สาร ได้แก่ การอธิบาย การเขียน 3. สังเกต สมั ภาษณ์ บนั ทึก แบบสังเกตพฤตกิ รรม มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มวี นิ ยั และมุ่งม่ันในการทำงาน ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มนั่ ในการทำงาน
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลือ่ นทีแ่ นวโค้ง หนา้ 190 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. สำรวจรายชอื่ นักเรียน ประเมินด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ไดแ่ ก่ การมีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ 2. ครแู จ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้และการวัดผลประเมนิ ผลดา้ น KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑ์การวัดผลและการให้คะแนนในส่วนตา่ งๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกับ หลกั การ ข้อปฏบิ ัตแิ ละกฎระเบยี บในการเรียนการ สอนในหอ้ งเรยี น ขน้ั นำ กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครทู บทวนความรูเ้ ดิมเก่ียวกับเรอ่ื ง การเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลมอย่างสม่ำเสมอ 2. ครนู ำเขา้ สู่บทเรยี น โดยครูถามคำถาม ดงั นี้ • การเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลมอยา่ งไมส่ ม่ำเสมอ มีลักษณะการเคลื่อนท่ีอย่างไร • ใหน้ ักเรยี นยกตวั อยา่ งการเคลื่อนท่แี บบวงกลมอย่างไม่สม่ำเสมอ 3. ครูแจง้ ให้นักเรยี นทราบว่า การเคลื่อนที่แบบวงกลมอยา่ งไมส่ มำ่ เสมอ ขนั้ สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นกั เรียนจบั คู่กนั และปรึกษากันว่า การเคลื่อนที่แบบวงกลมอย่างสม่ำเสมอกับการเคลื่อนทีแ่ บบ วงกลมอยา่ งไมส่ ม่ำเสมอ แตกตา่ งกนั อยา่ งไร 2. ครใู ห้นักเรียนศกึ ษารายละเอียดของสมการจากเอกสารประกอบบทเรียน 3. นักเรียนนำข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นมาวิเคราะห์และเรียบเรียงเนื้อหาเพื่อใช้สำหรับการนำเสนอโดย แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ กนั ในแต่ละคู่ จากน้ันอธิบายซกั ถามกนั จนเขา้ ใจตรงกัน 4. ครูสมุ่ เรยี กนักเรียนมา 1 คู่ ออกมาวเิ คราะหแ์ ละนำเสนอหน้าชั้นเรียน อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบวงกลมอย่างไม่สม่ำเสมอว่า เป็นการเคลื่อนที่แบบวงกลมด้วย อตั ราเรว็ ไม่คงตัว ซ่งึ ขนาดและทิศของความเรว็ ของวัตถจุ ะไมค่ งตัว 2. ครูให้นกั เรียนพิจารณาภาพการเคลือ่ นที่ของสเกตบอร์ดบนอุปกรณ์ท่ีมีลักษณะเป็นห่วงแนวตั้ง ซ่ึงเม่ือ พิจารณา free-body diagram จะมแี รงอยา่ งนอ้ ย 2 แรงกระทำต่อวัตถตุ ลอดเวลา คือ - แรงเนอ่ื งจากน้ำหนักของวัตถุ W = mg - แรงตง้ั ฉาก N ข้ันสรปุ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างการคำนวณจากโจทย์ปัญหา พร้อมทั้งให้นักเรียนฝึกแก้โจทย์ปัญหาใน เอกสารประกอบบทเรยี น ตามขนั้ ตอนการแกโ้ จทยป์ ัญหา ดังนี้ • ขั้นท่ี 1 ครูใหน้ ักเรียนทกุ คนทำความเขา้ ใจโจทยต์ ัวอย่าง
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคล่อื นที่แนวโคง้ หนา้ 191 • ขั้นที่ 2 ครถู ามนกั เรยี นวา่ ส่ิงที่โจทยต์ ้องการถามหาคืออะไร และจะหาสง่ิ ท่ีโจทย์ต้องการ ต้อง ทำอยา่ งไร • ขน้ั ที่ 3 ครใู หน้ ักเรียนดวู ธิ ีทำในการคำนวณหาคำตอบ • ขั้นท่ี 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทย์ตวั อย่างว่าถกู ต้อง หรอื ไม่ 2. ครถู ามคำถามว่า ปัจจัยใดบา้ งทม่ี ีผลทำใหอ้ ตั ราเร็วของการเคลื่อนทแ่ี บบวงกลมไม่สามารถรักษาสภาพ การเคลื่อนที่ให้คงท่ีอยไู่ ด้ 3. ครูใหน้ ักเรียนตอบคำถามจาก แบบฝึกหดั เรอื่ ง การเคล่ือนท่ีแบบวงกลม 8. สื่อการเรียนร/ู้ แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เร่อื ง การเคลื่อนที่แนวโค้ง 2. ส่อื Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet
หน่วยการเรียนรู้ การเคล่อื นท่ีแนวโคง้ หน้า 192 9. สรปุ ผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาลักษณะของการเคลื่อนที่แบบวงกลม ปริมาณท่ี เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบ บทเรยี น เรอ่ื ง การเคล่อื นท่ีแนวโคง้ โดยมนี ักเรียน รอ้ ยละ 73.1 ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ข้ึนไป (ร้อยละ 60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนกั เรยี นที่ไม่ผา่ นเกณฑ์ ดำเนนิ การซอ่ มเสริม โดยภายดำเนนิ การซ่อม เสริมแลว้ ผา่ นเกณฑ์ทง้ั หมด) . 9.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถ อธิบายลักษณะของการเคล่ือนที่แบบวงกลม และปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ แบบวงกลม ยกตัวอยา่ งการเคลอื่ นที่แบบวงกลมไปใช้ในชวี ิตประจำวนั โดยมนี ักเรียน ร้อยละ 73.1 ผ่าน เกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการ ซอ่ มเสรมิ โดยภายดำเนนิ การซ่อมเสริมแล้ว ผา่ นเกณฑ์ทงั้ หมด) . ................................................................................................................................................................................... 9.3 ด้านคณุ ลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 ของนกั เรยี นท้งั หมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค นักเรียนกลุ่มอ่อน ยังขาดมโนทัศน์ ในการเชื่อมโยงความรู้เกี่ยวกับแรง และกฏการเคลื่อนที่ของนิวตัน แรงดึงดูดระหว่างมวล ทิศทางของแรงที่กระทำ มาพิจารณาสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุที่มีแรงสู่ ศูนย์กลางเขา้ มาเก่ียวข้อง และการเขยี นแผนภาพแสดงแนวแรงที่กระทำต่อวตั ถุทเี่ คลื่อนที่เป็นวงกลมใน แนวต่างๆ ส่งผลให่มีจำนวนนักเรียนที่ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้จำนวนไม่มาก ต้องดำเนินการซ่อม เสริม จงึ ทำให้ใชเ้ วลาจดั กจิ กรรมยาวนาน และมผี ลตอ่ เวลาการจัดกจิ กรรมอ่ืนๆ . ลงชอ่ื วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์.) วันท่.ี ................................................. ลงชือ่ .......................................................คู่นิเทศ (นายตฤณธิวัฒน์ ภญิ โญชัยภัทร) วนั ท่.ี .................................................
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลอ่ื นทแี่ นวโค้ง หน้า 193 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 33 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 การเคล่ือนทีแ่ นวโค้ง เรอื่ ง การเคลื่อนท่แี บบวงกลม 5 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31206 ช่ือรายวิชา ฟิสกิ ส์เพ่มิ เติม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4 เวลาเรียน 2 ชว่ั โมง ผู้สอน นางสาววจิ ติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟสิ ิกส์ปริมาณและกระบวนการวดั การเคล่ือนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนท่ขี องนิวตนั กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษพ์ ลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตมั การเคลอ่ื นที่แนวโคง้ รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 8. ทดลองและอธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง แรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของการเคลื่อนที่ อัตราเรว็ เชงิ เสน้ อตั ราเร็ว เชงิ มุม และมวลของวตั ถใุ นการเคลื่อนท่ีแบบวงกลมในระนาบ ระดับรวมทัง้ คำนวณปริมาณต่างๆที่เกีย่ วขอ้ งและ ประยกุ ตใ์ ช้ความรู้การเคลื่อนท่ีแบบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทียม 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด วัตถทุ ่ีเคล่ือนที่เปน็ วงกลมหรอื สว่ นของวงกลม เรียกวา่ วตั ถนุ ้ันมีการเคล่อื นที่แบบวงกลม ซ่งึ มี แรงลพั ธ์ ท่ีกระทำกบั วัตถใุ นทิศเขา้ สู่ศนู ยก์ ลาง เรยี กวา่ แรงสูศ่ นู ยก์ ลาง ทำใหเ้ กดิ ความเรง่ สู่ศนู ย์กลางท่ีมขี นาดสัมพนั ธก์ บั รัศมขี องการเคลอื่ นท่ีและอตั ราเรว็ เชิงเส้นของวตั ถุ ซ่ึงแรงส่ศู นู ย์กลางคำนวณไดจ้ ากสมการ ������������ = ������������2 ������ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ความหมาย ลกั ษณะของการเคลือ่ นที่แบบวงกลม 2) การทดลอง ความสัมพันธร์ ะหว่างแรงสูศ่ นู ย์กลาง รัศมวี งกลม อัตราเรว็ ของการเคลื่อนท่ีเปน็ วงกลม
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลือ่ นท่แี นวโคง้ หน้า 194 3) ปริมาณทเี่ ก่ียวข้องกับการเคลือ่ นทแี่ บบวงกลม 4) ยกตวั อยา่ งการเคลื่อนทแี่ บบวงกลมไปใช้ในชีวิตประจำวนั ได้ (P) 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธิบายความหมาย ลกั ษณะของการเคล่อื นทแี่ บบวงกลม 2) ทำการทดลอง และสรปุ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงสูศ่ ูนย์กลาง รศั มีวงกลม อตั ราเร็วของการ เคลอ่ื นทีเ่ ป็นวงกลม 3) มีทกั ษะการคำนวณหาปรมิ าณทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั การเคล่อื นที่แบบวงกลม 4) ยกตวั อยา่ งการเคล่ือนทีแ่ บบวงกลมไปใชใ้ นชวี ิตประจำวัน 4.3 คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1) ซ่อื สัตย์สจุ ริต 2) มวี นิ ยั 3) ใฝ่เรยี นรู้ 4) มงุ่ มั่นในการทำงาน 5) มจี ิตสาธารณะ 5. ชน้ิ งานหรอื ภาระงานทแ่ี สดงผลการเรียนรู้ 1. การนำเสนอและอภปิ รายความรทู้ ี่ได้ค้นคว้ามา 2. แบบฝึกหดั 3. การสรปุ สาระสำคญั ลงในสมุด 6. การประเมิน เครือ่ งมือ เกณฑ์ วธิ ีการ แบบฝกึ หัดเพิ่มเตมิ ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขึ้นไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหดั เพม่ิ เติม ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขน้ึ ไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพอื่ บนั ทึก แบบฝึกทักษะ ขอ้ คำถามอตั นยั ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขึน้ ไป สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ดา้ น เพ่ือวดั ความสามารถในการสือ่ สาร ความคิด และการสือ่ สาร ไดแ้ ก่ การอธิบาย การเขียน 3. สังเกต สัมภาษณ์ บันทึก แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มีวินัย ใฝ่ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ มี เรียนรู้ และม่งุ มั่นในการทำงาน วินัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มั่นใน การทำงาน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242