Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ฟิสิกส์เพิ่มเติม2-62

แผนการจัดการเรียนรู้ฟิสิกส์เพิ่มเติม2-62

Published by Kru.WIJITTA UMPAIJIT, 2020-03-22 02:26:45

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ฟิสิกส์เพิ่มเติม2-62 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ประกอบด้วยหน่วยการเรียนรู้
งานและพลังงาน
โมเมนตัมและการชน
การเคลื่อนที่แบบโค้ง
การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย

Search

Read the Text Version

หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลือ่ นท่ีแนวโค้ง หน้า 195 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. สำรวจรายช่ือนักเรียน ประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ไดแ่ ก่ การมีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรแู้ ละการวดั ผลประเมนิ ผลด้าน KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑ์การวดั ผลและการใหค้ ะแนนในส่วนต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกบั หลักการ ข้อปฏบิ ัตแิ ละกฎระเบยี บในการเรยี นการ สอนในห้องเรียน กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครทู บทวนเกี่ยวกบั การเคล่ือนท่ีแบบวงกลมอย่างสม่ำเสมอและไมส่ ม่ำเสมอ 2. ครถู ามคำถาม ว่า การทีเ่ ราขบั รถไปเมอ่ื ถงึ ทางโคง้ แล้วเล้ียวโคง้ ได้เนอ่ื งจากแรงใด 3. ครูแจ้งหัวข้อในการเรียนใหน้ ักเรียนทราบว่า จะได้ศึกษาเกีย่ วกับการเคลื่อนท่ีของรถยนต์บนถนนโคง้ โดยบอกนักเรียนว่า นกั เรยี นตอ้ งสรุปใหไ้ ดว้ า่ รถเลย้ี วโค้งได้เนอ่ื งจากแรงใด ข้นั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูสนธนาพูดคุยกับนักเรียนว่า ในชีวิตประจำวันของนักเรียนคงคุ้นเคยกับการนั่งรถ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ รถประจำทาง หรอื รถจกั รายานยนต์ ในขณะทร่ี ถว่ิงไปบนถนนท่ีเป็นทางโคง้ คนขับจะต้องลด ความเรว็ ลงเพือ่ ให้เข้าโคง้ ไดอ้ ย่างปลอดภัย นักเรยี นอาจสังเกตเห็นวา่ รถจักรยานยนต์บางคนั ต้องเอียง ทำมุมกับถนนราบในขณะที่เข้าโค้ง หรืออาจสังเกตเห็นบริเวณทางโค้งพื้นถนนจะยกตัวให้ลาดเอียง เน่ืองจากรถวง่ิ บนทางโค้งเปน็ การเคลอ่ื นที่แบบวงกลม จึงมแี รงสศู่ นู ย์กลางมากระทำตอ่ รถ 2. ครูช้แี จงใหน้ ักเรียนทราบวา่ นักเรยี นจะได้เรยี นรเู้ กี่ยวกบั แรงที่เก่ียวขอ้ งกับการเคลอื่ นท่บี นทางโคง้ และ การขับขีท่ ่ีปลอดภัยบนทางโค้ง 3. ครถู ามนกั เรียนวา่ รถยนต์เลี้ยวโค้งไดเ้ นื่องจากแรงใด โดยครใู ห้นักเรียนศึกษารายละเอียดจากเอกสาร ประกอบบทเรยี น (แรงเสียดทานระหว่างยางถนนในแนวดา้ นขา้ ง) 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า ขณะรถยนต์เลี้ยวโค้งบนถนนโค้งราบ ซึ่งมีแนวทางการเคลื่อนที่เป็นวงกลม ขณะที่รถยนต์วิ่งบนทางโค้ง ซึ่งเป็นการเคลื่อนท่ีแบบวงกลม ดังนั้นตอ้ งมีแรงสูศ่ ูนย์กลางกระทำต่อรถ เมื่อพิจารณาแรงทก่ี ระทำตอ่ รถ พบวา่ ขณะทรี่ ถยนต์เล้ียวโค้งรถจะพยายามไถลออกจากโค้ง จึงมีแรง เสียดทานท่ีพ้นื กระทำต่อล้อรถในทิศทางพุ่งเข้าในแนวผ่านจุดศนู ย์กลางความโค้ง ดังนัน้ แรงเสียดทาน ทพ่ี ื้นกระทำต่อล้อรถคือแรงสศู่ นู ยก์ ลาง 5. ครถู ามนักเรียนตอ่ ว่า แรงเสยี ดทานที่เกดิ ขึ้น คือแรงเสยี ดทานชนิดใด (แรงเสยี ดทานสถิต) 6. ครูให้นักเรียนพิจารณาภาพรถยนต์เล้ียงบนพื้นถนนเอียงโดยไม่มีแรงเสียดทาน โดยถามนกั เรียนวา่ มี แรงอะไรเกดิ ขึน้ บ้าง 7. นักเรยี นช่วยกนั ตอบคำถาม

หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลือ่ นทแ่ี นวโค้ง หนา้ 196 อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูสมุ่ นักเรยี นเพื่อตอบคำถาม โดยครอู ธบิ ายความร้เู พ่ิมเติม เพอื่ ใหน้ กั เรยี นเกดิ ความเข้าใจขึ้น 2. ครูอธิบายกับนักเรียนว่า ขณะเลี้ยวรถแรงกระทำต่อรถมีน้ำหนักของรถและคนขับ (mg) และแรง ปฏิกิริยาตั้งฉาก (N) รถจะเลี้ยวได้เร็วหรือช้าอย่างปลอดภัย ขึ้นอยู่กับค่าสัมประสิทธิ์ของความเสียด ทานระหว่างพนื้ กบั ลอ้ ถ้ามมี ากรถเลีย้ วได้ดว้ ยอตั ราเร็วสูง แต่ถา้ มนี ้อย รถเลย้ี วดว้ ยอตั ราเร็วต่ำและถ้า สัมประสทิ ธข์ิ องความเสยี ดทานระหว่างพนื้ เอียงกับล้อเป็นศนู ย์ รถไม่สามารถเลี้ยวโคง้ ไดเ้ ลย ดังนัน้ จึง มีการแก้ไขโดยการเอียงพื้นถนน เพื่ออาศัยแรงปฏกิ ิริยาที่พืน้ กระทำต่อรถเป็นแรงสู่ศูนย์กลาง โดยไม่ อาศัยแรงเสียดทาน 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า ไม่ว่ารถจะเลี้ยวโคง้ แล้วเอยี งรถ หรือโค้งบนพืน้ เอยี งล่ืน แล้วทำมุม θ ที่เกิดจาก การเอียงของทั้งสองกรณีคอื มมุ เดียวกัน จะใชส้ มการเดียวกนั คอื tan θ = v2 gr ขน้ั สรุป ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างการคำนวณจากโจทย์ปัญหา พร้อมทั้งให้นักเรียนฝึกแก้โจทย์ปัญหาใน เอกสารประกอบบทเรยี น ตามข้ันตอนการแก้โจทย์ปญั หา ดงั น้ี • ขั้นท่ี 1 ครใู หน้ ักเรยี นทุกคนทำความเข้าใจโจทยต์ ัวอย่าง • ขนั้ ที่ 2 ครูถามนกั เรยี นวา่ สิง่ ทโ่ี จทย์ต้องการถามหาคืออะไร และจะหาส่ิงทโ่ี จทย์ต้องการ ต้อง ทำอย่างไร • ขนั้ ที่ 3 ครใู ห้นกั เรยี นดวู ิธที ำในการคำนวณหาคำตอบ • ข้นั ที่ 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทยต์ วั อยา่ งว่าถกู ต้อง หรอื ไม่ 2. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ โดยใช้สื่อ power point และส่ือ animation จากเอกสารประกอบบทเรียน 3. ครใู ห้นกั เรยี นตอบคำถามจากแบบฝกึ หัด 4. ครูให้นักเรยี นตัง้ คาถามที่นกั เรยี นอยากรูเ้ พ่ิมเติม 8. สอ่ื การเรียนร้/ู แหล่งเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เรอื่ ง การเคลอื่ นทแี่ นวโค้ง 2. สื่อ Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet

หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลื่อนท่ีแนวโคง้ หน้า 197 9. สรปุ ผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาลักษณะของการเคลื่อนที่แบบวงกลม ปริมาณท่ี เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบ บทเรยี น เร่ือง การเคล่อื นทแี่ นวโคง้ โดยมีนกั เรียน ร้อยละ 73.1 ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขนึ้ ไป (ร้อยละ 60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนกั เรยี นทไี่ ม่ผา่ นเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อม เสรมิ แลว้ ผา่ นเกณฑท์ ั้งหมด) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถ อธิบายลักษณะของการเคลื่อนที่แบบวงกลม และปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนท่ี แบบวงกลม ยกตัวอย่างการเคล่อื นทแ่ี บบวงกลมไปใชใ้ นชวี ิตประจำวัน โดยมีนักเรียน รอ้ ยละ 73.1 ผ่าน เกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการ ซอ่ มเสรมิ โดยภายดำเนินการซอ่ มเสริมแลว้ ผ่านเกณฑท์ ัง้ หมด) . ................................................................................................................................................................................... 9.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผา่ นตามเกณฑ์ คิดเปน็ ร้อยละ 100 ของนกั เรยี นท้ังหมด . 9.4 ปัญหาอุปสรรค นักเรียนกลุ่มอ่อน ยังขาดมโนทัศน์ ในการเชื่อมโยงความรู้เกี่ยวกับแรง และกฏการเคลื่อนที่ของนิวตนั แรงดึงดูดระหว่างมวล ทิศทางของแรงที่กระทำ มาพิจารณาสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุท่ีมีแรงสู่ ศนู ยก์ ลางเขา้ มาเก่ยี วข้อง และการเขียนแผนภาพแสดงแนวแรงท่กี ระทำตอ่ วัตถุทีเ่ คล่ือนท่เี ป็นวงกลมใน แนวต่างๆ ส่งผลให่มีจำนวนนักเรียนที่ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้จำนวนไม่มาก ต้องดำเนินการซ่อม เสรมิ จงึ ทำให้ใชเ้ วลาจดั กจิ กรรมยาวนาน และมีผลตอ่ เวลาการจดั กิจกรรมอ่ืนๆ . ลงช่อื วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์.) วันที.่ ................................................. ลงชอื่ .......................................................ค่นู ิเทศ (นายตฤณธิวัฒน์ ภิญโญชัยภัทร) วันท่ี..................................................

หน่วยการเรียนรู้ การเคลอ่ื นที่แนวโค้ง หนา้ 198 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 34 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 การเคล่ือนที่แนวโค้ง เรอื่ ง การเคลื่อนทแ่ี บบวงกลม 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31206 ช่อื รายวิชา ฟสิ กิ ส์เพ่มิ เตมิ 2 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 เวลาเรียน 2 ชว่ั โมง ผู้สอน นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้ สาระท่ี 1 เข้าใจธรรมชาตทิ างฟสิ ิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลือ่ นที่แนวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนท่ขี องนวิ ตัน กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษ์พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตมั การเคลอื่ นท่แี นวโคง้ รวมทั้งนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 8. ทดลองและอธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง แรงสู่ศูนยก์ ลาง รัศมขี องการเคลอื่ นท่ี อตั ราเร็วเชิงเส้นอตั ราเร็ว เชงิ มุม และมวลของวตั ถุในการเคลือ่ นท่ีแบบวงกลมในระนาบ ระดับรวมท้งั คำนวณปริมาณต่างๆทีเ่ กีย่ วขอ้ งและ ประยกุ ตใ์ ช้ความร้กู ารเคล่ือนท่ีแบบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทยี ม 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด วัตถุท่ีเคลอื่ นท่เี ป็นวงกลมหรอื สว่ นของวงกลม เรียกวา่ วัตถุน้นั มกี ารเคลอื่ นทีแ่ บบวงกลม ซึง่ มี แรงลพั ธ์ ท่ีกระทำกบั วัตถใุ นทิศเข้าส่ศู นู ยก์ ลาง เรยี กวา่ แรงสศู่ นู ยก์ ลาง ทำให้เกิดความเรง่ สู่ศูนย์กลางทม่ี ีขนาดสมั พนั ธ์กบั รัศมขี องการเคล่ือนที่และอตั ราเร็วเชิงเส้นของวตั ถุ ซ่ึงแรงส่ศู นู ย์กลางคำนวณไดจ้ ากสมการ ������������ = ������������2 ������ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ความหมาย ลักษณะของการเคลือ่ นที่แบบวงกลม 2) การทดลอง ความสัมพนั ธร์ ะหว่างแรงสูศ่ ูนยก์ ลาง รศั มวี งกลม อตั ราเร็วของการเคลือ่ นที่เปน็ วงกลม

หน่วยการเรียนรู้ การเคล่ือนที่แนวโคง้ หน้า 199 3) ปรมิ าณท่ีเกีย่ วขอ้ งกับการเคลอ่ื นที่แบบวงกลม 4) ยกตวั อยา่ งการเคลื่อนทแี่ บบวงกลมไปใช้ในชีวิตประจำวัน 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายความหมาย ลกั ษณะของการเคล่อื นทีแ่ บบวงกลม 2) ทำการทดลอง และสรุปความสมั พันธร์ ะหวา่ งแรงส่ศู ูนยก์ ลาง รัศมีวงกลม อัตราเรว็ ของการ เคลอื่ นทีเ่ ปน็ วงกลม 3) มีทักษะการคำนวณหาปรมิ าณท่เี กย่ี วข้องกับการเคลอ่ื นที่แบบวงกลม 4) ยกตวั อยา่ งการเคล่อื นทแี่ บบวงกลมไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั 4.3 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ซ่อื สตั ยส์ ุจริต 2) มีวินัย 3) ใฝ่เรียนรู้ 4) มุ่งมั่นในการทำงาน 5) มีจิตสาธารณะ 5. ชิ้นงานหรอื ภาระงานท่แี สดงผลการเรยี นรู้ 1. การนำเสนอและอภิปรายความรทู้ ไ่ี ด้ค้นควา้ มา 2. แบบฝกึ หัด 3. การสรุปสาระสำคญั ลงในสมดุ 6. การประเมิน เคร่อื งมือ เกณฑ์ วิธกี าร แบบฝกึ หดั เพิ่มเตมิ ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ขนึ้ ไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหดั เพ่มิ เติม ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขน้ึ ไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพือ่ บันทึก แบบฝึกทักษะ ข้อคำถามอตั นัย ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ขน้ึ ไป สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น ดา้ น เพ่ือวัดความสามารถในการสอ่ื สาร ความคดิ และการสือ่ สาร ไดแ้ ก่ การอธิบาย การเขยี น 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บนั ทึก แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มีวินัย ใฝ่ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ มี เรียนรู้ และมุ่งม่นั ในการทำงาน วนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งม่นั ใน การทำงาน

หน่วยการเรียนรู้ การเคลือ่ นทแี่ นวโค้ง หน้า 200 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. สำรวจรายชอื่ นกั เรยี น ประเมนิ ด้านคุณธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมวี ินัย ใฝเ่ รียนรู้ 2. ครูแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้และการวัดผลประเมนิ ผลดา้ น KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑก์ ารวัดผลและการใหค้ ะแนนในส่วนตา่ งๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกบั หลกั การ ขอ้ ปฏบิ ัตแิ ละกฎระเบียบในการเรยี นการ สอนในห้องเรียน กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครทู บทวนเก่ยี วกับการเคลื่อนทขี่ องรถยนตบ์ นถนนโคง้ 2. ครูถามคำถามเพอ่ื เป็นการกระตุ้นนกั เรยี น ดงั นี้ • ดาวเทยี ม คืออะไร • เหตุใดดาวเทียมจึงโคจรรอบโลกไดโ้ ดยไม่ตกลงสูพ่ ้นื ผิวโลก 3. ครูแจ้งหัวขอ้ ในการเรียนใหน้ ักเรียนทราบว่า จะได้ศึกษาเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของดาวเทยี ม โดยบอก นกั เรียนวา่ นกั เรียนตอ้ งสรปุ ใหไ้ ด้วา่ ดาวเทยี มเคล่อื นท่ีอย่างไร แลว้ ทำไมไม่ตกลงมาสู่พน้ื ผิวโลก ขน้ั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ตามความสมัครใจ เพื่อศึกษาความรู้จากเอกสารประกอบ บทเรยี น หรอื จากแหล่งเรียนรตู้ า่ ง ๆ ตามประเด็นท่ีครูกำหนด ดังน้ี • ดาวเทยี ม คืออะไร มปี ระโยนชอ์ ยา่ งไร • เพราะเหตใุ ดดาวเทียมจงึ ขนึ้ ไปโคจรรอบโลกได้ 2. ใหน้ กั เรียนแต่ละครู่ ว่ มกันแสดงความคิดเหน็ และสรุปความรู้ท่ไี ดศ้ ึกษาจนเกิดความเขา้ ใจทถ่ี กู ต้อง แล้ว เข้ารวมกลุม่ ใหญ่ตามเดิม เพื่อสรปุ ประเดน็ ความรู้และแลกเปล่ียนความรู้ทไี่ ดศ้ กึ ษา 3. ครอู ธิบายให้นกั เรียนเขา้ ใจเกี่ยวกับการโคจรของดาวเทยี มรอบโลก 4. ครูตงั้ ประเด็นคำถามเพือ่ ประเมนิ ความร้คู วามเขา้ ใจของนักเรียนในเบ้อื งต้น ขั้นสอน อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุม่ เลือกตวั แทนกล่มุ ละ 1 คน ออกมาร่วมกนั อภิปราย และสรปุ ประเดน็ ความรู้ท่ี นกั เรียนได้ร่วมกันศกึ ษา 2. ครรู ่วมแสดงความคดิ เห็น และเสนอแนะเพม่ิ เตมิ ในส่วนท่ยี งั มีความไม่ชดั เจนอยู่ 3. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรือ่ ง การโคจรของดาวเทียมรอบโลกว่า ดาวเทียมโคจรรอบโลกได้ โดยแรงโนม้ ถ่วงของโลกดึงดาวเทยี มให้ตกลงพื้น แตด่ าวเทียมมีความเร็วในแนวขนานพืน้ โลกมาก มาก จนแนวตกของดาวเทียมมันโค้งพอดีกับส่วนโค้งของโลกดาวเทียมจึงมีแนวการเคลื่อนที่ขนานกับพ้ืน ตลอดเวลา ทำใหม้ ันโคจรรอบโลกได้

หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลอ่ื นที่แนวโคง้ หนา้ 201 ขัน้ สรุป ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครอู ธิบายวา่ จากกฎข้อท่ีสองของนิวตนั แรงเน่ืองจากความโน้มถ่วงก็คือ แรงสู่ศูนย์กลาง ท่ีกระทำต่อ ดาวเทียมให้เคลื่อนที่เป็นวงกลมอยู่ได้ ดังสมการ v2 = GME โดยสมการแสดงถึงความเร็วของ r ดาวเทียมที่ใช้โคจรรอบโลก สังเกตว่า ณ ตำแหน่งที่ดาวเทียมอยู่ห่างจากผิวโลกขึ้นไป ความเร็วของ ดาวเทียมที่ใช้ในการโคจรรอบโลกจะลดลง 2. ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างการคำนวณจากโจทย์ปัญหาเกีย่ วกบั การโคจรของดาวเทียม พร้อมทั้งให้ นักเรยี นฝกึ แก้โจทยป์ ัญหาในเอกสารประกอบบทเรยี น ตามขนั้ ตอนการแก้โจทย์ปญั หา ดงั น้ี • ขน้ั ที่ 1 ครใู หน้ กั เรียนทกุ คนทำความเข้าใจโจทย์ตัวอยา่ ง • ขั้นที่ 2 ครถู ามนกั เรยี นวา่ ส่ิงทโี่ จทยต์ ้องการถามหาคืออะไร และจะหาสง่ิ ทโ่ี จทย์ต้องการ ต้อง ทำอย่างไร • ขนั้ ท่ี 3 ครใู ห้นักเรยี นดวู ิธที ำในการคำนวณหาคำตอบ • ขนั้ ท่ี 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทย์ตวั อย่างว่าถูกตอ้ ง หรอื ไม่ 3. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ โดยใช้สื่อ power point และสื่อ animation จากเอกสารประกอบบทเรียน 4. ครใู ห้นักเรยี นทำแบบฝึกหัด เรือ่ ง การเคล่ือนทขี่ องดาวเทียม 5. ครใู หน้ ักเรยี นต้ังคาถามทน่ี กั เรยี นอยากรู้เพมิ่ เตมิ ข้ันนำ กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครทู บทวนเกยี่ วกับการเคลอ่ื นท่แี บบวงกลม ดงั น้ี การเคลอ่ื นทีแ่ บบวงกลม คือ การเคลอื่ นที่ท่มี ีเส้นทางการเคล่อื นที่เปน็ รูปวงกลม เนอื่ งจากแรง ที่มีทิศเข้าสู่ศูนย์กลางของการเคลื่อนที่ เรียกแรงนี้ว่า แรงสู่ศูนย์กลาง แรงนี้ทำให้ความเร็วของวัตถุ เปลีย่ นทศิ ตลอดเวลาโดยทคี่ วามเร็วมีทศิ ตามเส้นสัมผสั เส้นโค้ง 2. ครูถามคำถามกอ่ นทำกจิ กรรมการทดลอง เพ่อื เปน็ การกระต้นุ นกั เรยี น ดังน้ี • การเคลอ่ื นทแี่ บบวงกลมมลี ักษณะเปน็ อยา่ งไร • ปริมาณการเคลอื่ นที่แบบวงกลมมอี ะไรบา้ ง และแต่ละปริมาณมคี วามสัมพันธ์กันอย่างไร ข้นั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้ความรู้กับนักเรียนเร่ือง แรงสู่ศนู ยก์ ลาง คาบ ความถี่ ความสมั พันธ์ระหว่างคาบกับความถ่ี อตั ราเร็วกับคาบ และอตั ราเรว็ กับความถ่ี

หน่วยการเรียนรู้ การเคล่ือนทแี่ นวโคง้ หนา้ 202 2. ครใู ห้นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ซึง่ ครอู าจใชเ้ ทคนิคการแบ่งกล่มุ ผลสมั ฤทธ์ิ (STAD) คือ การจดั กจิ กรรมการ เรียนรู้ท่ีมสี มาชิกกลุ่ม 4–5 คน มรี ะดับสติปญั ญาแตกตา่ งกนั คือ เก่ง 1 คน: ปานกลาง 2–3 คน: อ่อน 1 คน พร้อมท้ังเลือกประธานกลุม่ รองประธานกลมุ่ เลขานกุ ารกลมุ่ และสมาชกิ กลุ่ม โดยมหี นา้ ที่ ดังนี้ - ประธานกลมุ่ มีหนา้ ท่คี วบคมุ การทำกิจกรรมการทดลอง - รองประธานกล่มุ มหี นา้ ท่ี วางแผนในการทำกจิ กรรมทดลอง - เลขานุการกลมุ่ มหี น้าท่ี อำนวยความสะดวกในการทำกจิ กรรมการทดลอง - สมาชิกกลุ่ม มีหน้าท่ี นำเสนอผลการทำกจิ กรรม - สมาชิกกลมุ่ มหี นา้ ท่ี รวบรวมองค์ความรู้และผลงานกลุ่ม 3. ครูชีแ้ จงจดุ ประสงค์การทดลองให้นักเรียนทราบ ดังน้ี • เพื่อศึกษาลกั ษณะการเคลอ่ื นทแี่ บบวงกลม • เพอื่ สงั เกตความสัมพันธข์ องแรงส่ศู ูนยก์ ลางคาบและรศั มขี องการเคลื่อนทแี่ บบวงกลม 4. ครูให้ความรู้ที่จำเป็นต่อการทดลอง จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการทดลองตามขั้นตอนและ รายละเอยี ดในในเอกสารประกอบบทเรยี น 5. ครูอาจถามกระตุ้นใหน้ กั เรยี นไดค้ ดิ ด้วยตวั อย่างคำถามตอ่ ไปน้ี • เม่อื ขนาดของแรงดงึ ในเสน้ เชอื กและรัศมีของการเคล่ือนท่เี พม่ิ ขน้ึ ช่วงเวลาในการเคล่ือนท่ี ครบรอบของจุกยางเป็นอย่างไร • เพราะเหตใุ ดนักเรียนจึงไมค่ วรทำปมบนเสน้ เชอื กท่ีอยตู่ ดิ กบั ปลายล่างของทอ่ พีวซี เี พอ่ื ใหร้ ศั มี เท่าเดิมตลอดการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม • เมื่อขนาดของแรงดึงในเสน้ เชอื กเพ่มิ ข้ึนชว่ งเวลาในการเคล่ือนทค่ี รบรอบของจุกยางเป็นแบบ ใด 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มวิเคราะห์สรุปผลการทดลอง ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายการทดลองตามแนว คำถามท้ายการทดลอง และสรุปผลการเรียนรู้จากการทดลอง ขนั้ สอน อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครใู ห้สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการทดลอง และสรุปร่วมกนั 2. ครูและนกั เรยี นจะสรปุ ผลการทดลองรว่ มกันวา่ ตอนท่ี 1 เมือ่ รศั มีของการเคล่ือนท่คี งตวั ขนาดของแรงสูศ่ ูนยก์ ลางเพมิ่ ขึ้น คาบของการเคล่ือนท่ี ของจุกยางจะลดลง และกราฟระหว่างขนาดของแรงดงึ ในเส้นเชือก F กับส่วนกลับของคาบกำลังสอง 1 เปน็ กราฟเส้นตรงผ่านจดุ กำเนิด แสดงวา่ F แปรผนั ตรงกับ 1 T2 T2 ตอนที่ 2 ขณะแรงดึงในเส้นเชือกคงตวั คาบของการเคลื่อนที่ของจกุ ยางจะเพ่ิมขึ้น ถ้ารัศมีของ การเคลื่อนที่เพิ่ม และกราฟระหว่างรัศมี r ของการเคลื่อนที่กับคาบกำลังสอง T2 เป็นกราฟเส้นตรง แสดงว่า r แปรผนั ตรงกับ T2

หน่วยการเรียนรู้ การเคลือ่ นท่แี นวโค้ง หนา้ 203 ข้นั สรปุ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของการเคลื่อนที่แบบวงกลมใน ชีวิตประจำวนั เชน่ การเคล่อื นท่ีบนทางโค้ง การโคจรของดาวเทยี มรอบโลก รถไตถ่ งั เป็นตน้ 2. ครูใหค้ วามรู้เพิ่มเติมเกย่ี วกบั การการเคลื่อนทแี่ บบวงกลม โดยใชส้ ื่อ power point และสอ่ื animation 3. ครูให้นักเรยี นสรปุ เป็นแผนผังมโนทศั น์ (Concept Mapping) เรื่อง การเคลื่อนทแี่ บบวงกลม 4. ครูและนักเรียนร่วมกนั เฉลยคำถามในแบบฝกึ หดั 5. ครูใหน้ กั เรยี นต้ังคาถามทน่ี กั เรยี นอยากรเู้ พ่ิมเตมิ ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลังเรียน 2. ครปู ระเมินผล โดยการสงั เกตการตอบคำถาม การร่วมกันทำผลงาน และจากการนำเสนอผลงาน 3. ครสู ังเกตความสนใจ ความกระตอื รือรน้ ในการเรยี นรขู้ องนักเรียน 4. ครูวดั และประเมินผลจากใบงานท่ี 4.3 เร่อื ง การเคล่ือนทแี่ บบวงกลม 5. ครูตรวจการทำแบบฝกึ หัดจาก Unit Question 4 เรื่อง การเคล่ือนที่แบบวงกลม 6. ครูตรวจแบบฝึกหัด เรอ่ื ง การเคลอื่ นท่ีแบบวงกลม 7. ครูประเมินผลงานจากแผนผงั มโนทัศน์ (Concept Mapping) ทน่ี ักเรียนไดส้ ร้างข้นึ จากขน้ั ขยายความ เขา้ ใจของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคล 8. สื่อการเรยี นรู/้ แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น เร่ือง การเคลื่อนทแี่ นวโค้ง 2. สอ่ื Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet

หนว่ ยการเรียนรู้ การเคล่ือนท่ีแนวโค้ง หน้า 204 9. สรุปผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาลักษณะของการเคลื่อนที่แบบวงกลม ปริมาณท่ี เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับการโคจรของดาวเทียม ตัวอย่างการ เคลื่อนที่แบบวงกลม จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง การ เคลอ่ื นท่แี นวโคง้ โดยมีนกั เรียน รอ้ ยละ 73.1 ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบ คำถาม)สว่ นนกั เรยี นทไ่ี ม่ผา่ นเกณฑ์ ดำเนนิ การซอ่ มเสริม โดยภายดำเนนิ การซ่อมเสรมิ แลว้ ผ่านเกณฑ์ ทง้ั หมด) . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถ อธิบายลักษณะของการเคล่ือนที่แบบวงกลม และปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนท่ี แบบวงกลม ยกตัวอย่างการเคลื่อนที่แบบวงกลมไปใช้ในชีวิตประจำวัน คำนวณจากโจทย์ปัญหา เก่ยี วกับการโคจรของดาวเทียม ยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของการเคลอ่ื นทแ่ี บบวงกลมในชีวิตประจำวัน เชน่ การเคล่อื นที่บนทางโค้ง การโคจรของดาวเทียมรอบโลก รถไตถ่ งั โดยมีนกั เรียน รอ้ ยละ 73.1 ผ่าน เกณฑ์ในระดบั ดี ขน้ึ ไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม และแบบฝกึ หัด )ส่วนนกั เรยี นท่ไี มผ่ า่ นเกณฑ์ ดำเนนิ การซอ่ มเสรมิ โดยภายดำเนินการซ่อมเสรมิ แลว้ ผา่ นเกณฑ์ท้ังหมด) . 9.3 ดา้ นคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผา่ นตามเกณฑ์ คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 ของนักเรยี นทั้งหมด . 9.4 ปัญหาอุปสรรค นักเรียนกลุ่มอ่อน ยังขาดมโนทัศน์ ในการเชื่อมโยงความรู้เกี่ยวกับแรง และกฏการเคล่ือนที่ของนิวตนั แรงดึงดูดระหว่างมวล ทิศทางของแรงที่กระทำ มาพิจารณาสภาพการเคล่ือนที่ของวัตถุที่มีแรงสู่ ศูนยก์ ลางเขา้ มาเกย่ี วข้อง และการเขยี นแผนภาพแสดงแนวแรงทก่ี ระทำตอ่ วตั ถทุ ีเ่ คล่ือนทเ่ี ปน็ วงกลมใน แนวต่างๆ ส่งผลให่มีจำนวนนักเรียนที่ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้จำนวนไม่มาก ต้องดำเนินการซ่อม เสริม จึงทำให้ใชเ้ วลาจัดกจิ กรรมยาวนาน และมผี ลตอ่ เวลาการจดั กิจกรรมอื่นๆ . ลงช่ือ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์.) วันที.่ ................................................. ลงช่อื .......................................................คนู่ เิ ทศโญชัยภัทร) วันท่.ี .................................................

หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลอ่ื นทีแ่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย หน้า 205 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 35 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 การเคลอ่ื นทแ่ี บบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย เรอื่ ง การเคลอ่ื นทีแ่ บบคาบ รหสั วชิ า ว31206 ชื่อรายวิชา ฟสิ ิกส์เพิม่ เติม 2 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลาเรียน 2 ช่วั โมง ผู้สอน นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชี้วดั /ผลการเรียนรู้ สาระท่ี 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสกิ สป์ รมิ าณและกระบวนการวัด การเคลอ่ื นท่แี นวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนทข่ี องนวิ ตัน กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรักษพ์ ลงั งานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตัม การเคลอ่ื นทีแ่ นวโค้ง รวมทง้ั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 9. ทดลอง และอธิบายการเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนกิ อย่างง่ายของวัตถุติดปลายสปรงิ และลูกตุ้มอย่างง่าย รวมทง้ั คำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การเคลื่อนที่ของวัตถุที่มีลักษณะแบบกลับไปกลับมาซ้ำเส้นทางเดิม ใช้เวลาในการเคลื่อนที่แต่ละรอบ เท่าเดิม และมีพลังงานรวมของวัตถุคงตัว ณ ทุกตำแหน่งของการเคลื่อนที่ ซึ่งการเคลื่อนที่แบบนี้ เรียกว่า การเคลอ่ื นทีแ่ บบฮาร์มอนิกอย่างง่าย โดยการเคล่อื นท่แี บบนี้จะมีคาบและแอมพลิจูดคงตัว และมีการกระจัด จากตำแหน่งสมดุลท่เี วลาใด ๆ เปน็ ฟงั กช์ ันแบบไซน์ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ลักษณะการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของระบบมวล-สปริงเบาหรือวตั ถุติดปลาย สปริง 2) ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของระบบมวล-สปริงเบา หรอื วัตถตุ ดิ ปลายสปริง

หน่วยการเรยี นรู้ การเคล่อื นท่ีแบบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ย หน้า 206 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธิบายลักษณะการเคลอื่ นทีแ่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ยของระบบมวล-สปริงเบาหรือวัตถตุ ิด ปลายสปริง 2) คำนวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ที่เกยี่ วขอ้ งกับการเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่ายของระบบมวล- สปริงเบาหรือวตั ถุติดปลายสปริง 3) ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่ายของวตั ถทุ ต่ี ดิ ปลายสปริง 4.3 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1) ซ่อื สตั ยส์ ุจริต 2) มีวนิ ยั 3) ใฝ่เรยี นรู้ 4) มุง่ ม่นั ในการทำงาน 5) มีจิตสาธารณะ 5. ชนิ้ งานหรือภาระงานที่แสดงผลการเรียนรู้ แบบฝึกหดั แบบบันทกึ ผลการทดลอง 6. การประเมิน เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วธิ ีการ แบบฝกึ หดั ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขน้ึ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหดั ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ข้ึนไป 2. ตรวจรายงานการทดลอง แบบบันทกึ ผลการทดลอง ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ข้ึนไป เพือ่ บันทกึ สมรรถนะสำคญั เพ่ือวัดความสามารถในการสือ่ สาร ของผเู้ รยี น ด้านความคิด และ ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขียน การสอื่ สาร 3. สังเกต สัมภาษณ์ บนั ทกึ แบบสังเกตพฤติกรรม มวี ินยั ใฝ่ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ มี เรียนรู้ และมงุ่ มั่นในการทำงาน วินัย ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ ม่ันใน การทำงาน

หน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนท่แี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย หนา้ 207 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นำ 1. สำรวจรายชอ่ื นักเรียน ประเมนิ ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ไดแ่ ก่ การมวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ 2. ครูแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรแู้ ละการวัดผลประเมนิ ผลด้าน KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑ์การวัดผลและการใหค้ ะแนนในสว่ นตา่ งๆ ร่วมกัน และตกลงเกีย่ วกับ หลักการ ข้อปฏบิ ตั ิและกฎระเบียบในการเรียนการ สอนในหอ้ งเรียน กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรูใ้ ห้นักเรียนทราบ จากนั้นครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ของหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย เพื่อตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเป็น รายบคุ คลก่อนเขา้ สูก่ ิจกรรม 2. ครนู ำอุปกรณ์สาธิตการทดลอง เช่น ลูกกลมเหล็ก เชือก จากนั้นครนู ำลูกกลมเหลก็ มาผกู กบั เชือกแล้วแขวนลกู กลมเหล็กใหอ้ ยู่ในแนวดิง่ จากน้ันครดู งึ ลูกกลมเหลก็ ออกจากตำแหนง่ สมดุล แล้วปล่อยให้ ลกู กลมเหล็กเคลอ่ื นท่ี โดยครูใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนสังเกตลกั ษณะการเคลื่อนท่ีของลูกกลมเหล็กและร่วมกัน อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งอสิ ระโดยไมม่ ีการเฉลยว่าถกู หรอื ผดิ 3. ครูถามคำถาม เพ่ือเปน็ การนำเข้าสู่บทเรียนและตรวจสอบความรเู้ ดิมเกยี่ วกับ เรื่อง การเคล่ือนท่ี แบบฮารม์ อนกิ อย่างง่าย ของนกั เรียนวา่ “ลูกตมุ้ นาฬิกามลี กั ษณะการเคลื่อนท่ีอย่างไร” 4. นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจของตนเองจาก โดยบันทึกลงในสมุดประจำตัว จากนั้นครูกล่าว เชือ่ มโยงเข้าส่กู ิจกรรมการเรยี นการสอน ข้นั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูเปิดวีดิทศั น์เกย่ี วกับเคร่ืองเคาะจังหวะ (Metronome) ให้นกั เรียนดู จากนนั้ ครตู งั้ ประเด็น คำถามกระตุน้ ความคิดนกั เรียนวา่ “การเคลอ่ื นที่ของเครอื่ งเคาะจังหวะมลี ักษณะเป็นอย่างไร และเรียกการ เคลอ่ื นทนี่ ้ันว่าอะไร” 2. ครูสุม่ เลขที่นกั เรยี นจำนวน 3-4 คน ให้ยกตวั อยา่ งการเคล่อื นที่แบบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ยท่ีพบเห็น ในชีวิตประจำวนั มาคนละ 1 ตวั อย่าง 3. ครูให้นกั เรียนจับคกู่ บั เพ่อื นในชัน้ เรยี นคละกันตามความเหมาะสม ใหน้ กั เรยี นร่วมกันศกึ ษาค้นคว้า ข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย ระบบมวล-สปริงเบา และกฎของฮุก เอกสารประกอบ บทเรียน เรื่อง การเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย หรือจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต แล้ว ร่วมกันสรปุ ขอ้ มลู ทไ่ี ดล้ งในสมดุ ประจำตัว

หน่วยการเรียนรู้ การเคลอ่ื นท่แี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย หนา้ 208 อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูสุม่ นกั เรยี นจำนวน 3 คู่ ออกมานำเสนอผลจากการศึกษาข้อมลู หน้าช้ันเรยี น โดยครูคอยอธิบาย เพ่ิมเติมในสว่ นทีบ่ กพรอ่ ง 2. ครูยกตวั อยา่ งโจทย์เก่ียวกบั กฎของฮกุ โดยครูเขียนโจทย์และแสดงวธิ ีทำใหน้ ักเรียนดูบนกระดาน ดังนี้ วตั ถุมวล 4 กโิ ลกรมั เคล่ือนท่บี นพื้นลน่ื ด้วยความเร่ง 3 เมตรตอ่ วนิ าที2 เขา้ ชนสปรงิ ทม่ี คี า่ นิจสปริง เท่ากบั 200 นวิ ตนั ตอ่ เมตร จงหาวา่ สปริงจะหดจากตำแหน่งสมดุลเทา่ ใด วิธีทำ จากสมการ F = ma F = (4)(3) F = 12 N จากสมการ Fs = kx 12 = (200)(x) x = 12 200 x = 0.06 m ดังนัน้ สปริงจะหดจากตำแหน่งสมดุลเท่ากบั 6 เซนตเิ มตร 3. ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะคนพจิ ารณาภาพการเคล่อื นทีแ่ บบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของวัตถุรปู ทรงลูกบาศก์ ท่ีตดิ ปลายสปริงทีว่ างบนพ้นื ไรแ้ รงเสยี ดทาน 4. จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุท่ีติดปลายสปริงว่า “เมื่อดึงวัตถุออกไป ระยะหนึ่งแล้วปล่อย สปริงจะดึงวัตถุให้กลับสู่ตำแหน่งสมดุล และเนื่องจากวัตถุมีโมเมนตัม วัตถุจะไถลผ่าน ตำแหน่งสมดุลและกดอัดสปริงจนกระทั่งหยุดเคลื่อนที่ สปริงก็จะผลักกลับไปยังตำแหน่งสมดุลอีกครั้ง ซึ่ง ตำแหน่งทวี่ ตั ถุมีการกระจัดสงู สดุ เรียกว่า แอมพลิจูด (amplitude)” 5. ครมู อบหมายให้นักเรียนกลับไปทบทวนความรู้ เกีย่ วกบั การเคลอื่ นท่ีของวัตถุทตี่ ิดกลบั ปลายลวด สปรงิ 8. สอื่ การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เร่อื ง การเคลื่อนที่แบบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ย 2. สือ่ Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 4. วีดิทศั น์เก่ยี วกบั เคร่ืองเคาะจงั หวะ (Metronome) จาก https://www.youtube.com/watch?v=zzcbzubxFcY

หน่วยการเรียนรู้ การเคล่อื นทแ่ี บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย หนา้ 209 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet

หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลื่อนทแี่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย หนา้ 210 9. สรุปผลการจัดการเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษา1ลักษณะการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของ ระบบมวล-สปริงเบาหรือวตั ถุติดปลายสปริง ปริมาณตา่ ง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนท่ีแบบฮารม์ อนิ กอย่างง่ายของระบบมวล-สปริงเบาหรือวัตถุติดปลายสปริง จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม)สว่ นนักเรียนที่ไม่ผา่ นเกณฑ์ ดำเนินการ ซ่อมเสรมิ โดยภายดำเนนิ การซ่อมเสริมแลว้ ผา่ นเกณฑ์ทั้งหมด) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นกั เรียน สามารถอธบิ ายลกั ษณะการเคลื่อนทีแ่ บบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของระบบมวล-สปริงเบาหรือวัตถุ ติดปลายสปรงิ บอกปริมาณตา่ ง ๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั การเคล่ือนทแ่ี บบฮารม์ อนิกอย่างง่ายของระบบมวล- สปริงเบาหรือวัตถุติดปลายสปริง ปฏิบัติกิจกรรมการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของวตั ถุที่ติด ปลายสปริง โดยมีนักเรียน ร้อยละ 97.06 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบ คำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่าน เกณฑ์ท้งั หมด) . 9.3 ด้านคณุ ลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผา่ นตามเกณฑ์ คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 ของนกั เรียนทงั้ หมด . 9.4 ปัญหาอุปสรรค นักเรียนบางกลุ่มต้องได้รับการพัฒนทักษะการทดลอง โดยเฉพาะเรื่องการนับคาบการสั่นของวัตถุที่ เคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย อุปสรรคในการจัดการเรียนรู้หน่วยการเรียนนี้คือ สปริงที่ใช้งาน เนื่องจากการถ่วงมวลเพื่อให้เกิดการสั่น หาดใช้มวลทีม่ ีค่าน้อย ในการสั่นจะมีความเร่งเข้ามาเก่ียวขอ้ ง ทำให้เกิดความคลาดเคลอ่ื นของผลการสั่น ไมเ่ ป็นไปตามนยิ ามของการสั่นอย่างงา่ ย . ลงชอ่ื วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์.) วนั ที่.................................................. ลงช่อื .......................................................คนู่ ิเทศ (นายตฤณธวิ ัฒน์ ภิญโญชัยภัทร) วันท.่ี .................................................

หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลอื่ นทแี่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย หน้า 211 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 36 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 การเคลอ่ื นทแ่ี บบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย เรอ่ื ง การเคลื่อนท่ีแบบคาบ 2 รหัสวิชา ว31206 ชอ่ื รายวิชา ฟิสิกส์เพม่ิ เติม 2 ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 เวลาเรียน 2 ชัว่ โมง ผสู้ อน นางสาววจิ ติ ตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ดั /ผลการเรียนรู้ สาระท่ี 1 เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟสิ กิ สป์ ริมาณและกระบวนการวดั การเคลื่อนทแี่ นวตรง แรงและกฎการ เคลื่อนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรกั ษ์พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์ โมเมนตัม การเคลื่อนทแ่ี นวโคง้ รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 9. ทดลอง และอธิบายการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ยของวัตถตุ ิดปลายสปริงและลูกตุ้มอย่างง่าย รวมท้ังคำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทเี่ กยี่ วข้อง 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การเคลื่อนที่ของวัตถุที่มีลักษณะแบบกลับไปกลับมาซ้ำเส้นทางเดิม ใช้เวลาในการเคลื่อนที่แต่ละรอบ เท่าเดิม และมีพลังงานรวมของวัตถุคงตัว ณ ทุกตำแหน่งของการเคลื่อนที่ ซึ่งการเคลื่อนที่แบบนี้ เรียกว่า การเคลื่อนทแี่ บบฮาร์มอนกิ อย่างง่าย โดยการเคลอ่ื นท่ีแบบนี้จะมีคาบและแอมพลิจูดคงตัว และมีการกระจัด จากตำแหน่งสมดลุ ทเ่ี วลาใด ๆ เปน็ ฟงั กช์ ันแบบไซน์ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1) ลักษณะการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของระบบมวล-สปริงเบาหรือวัตถุติดปลาย สปริง 2) ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของระบบมวล-สปริงเบา หรือวัตถุติดปลายสปริง

หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคล่อื นทีแ่ บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย หนา้ 212 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธิบายลกั ษณะการเคลอ่ื นที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่ายของระบบมวล-สปรงิ เบาหรือวัตถุติด ปลายสปริง 2) บอกปริมาณต่าง ๆ ทเี่ ก่ียวข้องกับการเคลือ่ นที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ยของระบบมวล-สปริง เบาหรอื วัตถตุ ิดปลายสปริง 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) ซ่ือสัตย์สจุ รติ 2) มีวินยั 3) ใฝเ่ รยี นรู้ 4) มุ่งม่นั ในการทำงาน 5) มจี ติ สาธารณะ 5. ชน้ิ งานหรอื ภาระงานท่ีแสดงผลการเรียนรู้ แบบฝกึ หัด 6. การประเมิน เคร่อื งมือ เกณฑ์ วิธกี าร แบบฝึกหัด ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ข้นึ ไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขนึ้ ไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพือ่ บันทกึ แบบฝกึ ทกั ษะ ขอ้ คำถามอตั นัย ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ขน้ึ ไป สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน ดา้ น เพอ่ื วัดความสามารถในการสอ่ื สาร ความคิด และการสอ่ื สาร ได้แก่ การอธิบาย การเขียน 3. สังเกต สมั ภาษณ์ บนั ทึก แบบสังเกตพฤตกิ รรม มวี ินัย ใฝ่ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน วนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มั่นใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันนำ 1. สำรวจรายชือ่ นักเรยี น ประเมินดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ไดแ่ ก่ การมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ 2. ครแู จง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้และการวัดผลประเมินผลดา้ น KPA

หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคล่ือนท่แี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย หนา้ 213 3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑก์ ารวัดผลและการใหค้ ะแนนในส่วนต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกีย่ วกบั หลกั การ ขอ้ ปฏบิ ัติและกฎระเบียบในการเรียนการ สอนในหอ้ งเรยี น ขนั้ สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมของนกั เรียนโดยตัง้ คำถามว่า “การเคลื่อนที่ของวัตถุที่ติดกลับปลายลวด สปริงมีลักษณะการเคล่ือนท่ีเป็นอย่างไร” 2. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ออกเปน็ กล่มุ ๆ ละ 5 คน ตามความสมัครใจของนกั เรียน แลว้ ใหแ้ ต่ละกล่มุ ร่วมกนั ศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มูลเกย่ี วกบั เรื่อง ผลเฉลยของสมการการกระจัด ความเรว็ ของวตั ถทุ ่เี คล่อื นทแ่ี บบฮารม์ อ นิกอย่างงา่ ย ความเรง่ ของวตั ถทุ ่ีเคล่อื นท่แี บบฮารม์ อนิกอย่างง่าย และกราฟความสมั พันธ์ระหว่างตำแหนง่ ความเรว็ ความเรง่ กับเวลาการเคล่อื นที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย โดยศึกษาจากเอกสารประกอบบทเรียน หรอื แหลง่ การเรยี นรู้ตา่ ง ๆ เชน่ อินเทอร์เน็ต 3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเรื่องท่ีได้ศึกษา จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคนเขียนสรุป ความรู้ทไ่ี ด้จากการศกึ ษาค้นควา้ ลงในสมุดประจำตัว เพ่ือนำส่งครทู า้ ยช่ัวโมง อธิบายความรู้ (Explain) 4. ครสู ่มุ นักเรยี นใหอ้ อกมานำเสนอผลการศึกษาหน้าชั้นเรยี น โดยสุม่ ออกมาเพียง 3 กลุ่ม ซ่ึงครูเป็นคน เลอื กว่าจะใหก้ ลมุ่ ไหนนำเสนอเร่ืองอะไร ตามหวั ขอ้ เรื่อง ดงั ต่อไปน้ี • ผลเฉลยของสมการการกระจัด • ความเร็วของวตั ถทุ ่ีเคลือ่ นทแี่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย • ความเรง่ ของวัตถุทเ่ี คล่อื นทแ่ี บบฮาร์มอนกิ อย่างง่าย • กราฟความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง ความเร็ว ความเร่ง กับเวลาการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิก อยา่ งง่าย 5. ขณะที่นักเรียนแต่ละกลุ่มกำลังนำเสนอ ครูอาจเสนอแนะหรอื แทรกข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องนั้น ๆ ให้ นักเรยี นทุกคนไดม้ คี วามเขา้ ใจที่ถกู ตอ้ งมากย่ิงขึ้น สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครทู บทวนความร้เู ดิมของนักเรยี นโดยตง้ั ประเด็นคำถามวา่ “ปริมาณตา่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วข้องกับการ เคลอ่ื นทีแ่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย สามารถแสดงได้ดว้ ยสมการท่เี ป็นฟังก์ชันแบบใด และมีสมการใดบา้ ง” 2. นักเรยี นแบง่ กลุม่ (กลุ่มเดิม) จากชั่วโมงทผี่ า่ นมา เพื่อร่วมกนั ศกึ ษากจิ กรรม การเคล่ือนท่ีแบบ ฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ยของวัตถุที่ติดปลายสปรงิ จากเอกสารประกอบบทเรียน โดยครใู ชร้ ูปแบบการเรียนรู้แบบ รว่ มมอื มาจดั กระบวนการเรียนรู้ โดยกำหนดให้สมาชิกแตล่ ะคนภายในกลุ่มมบี ทบาทหน้าที่ของตนเอง ดังน้ี สมาชกิ คนท่ี 1-2 ทำหนา้ ที่ เตรยี มวัสดุอปุ กรณ์ที่ใช้ในการทำกิจกรรมการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิก อย่างงา่ ยของวัตถทุ ่ีติดปลายสปรงิ

หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลือ่ นที่แบบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย หนา้ 214 สมาชิกคนท่ี 3-4 ทำหนา้ ที่ อา่ นวิธกี ารทำกิจกรรม และนำมาอธิบายใหส้ มาชิกภายในกลุ่มฟัง สมาชิกคนท่ี 5 ทำหน้าท่ี บนั ทกึ ผลการทดลอง 3. ครูแจ้งจดุ ประสงค์ของกิจกรรม การเคลอื่ นท่แี บบฮาร์มอนกิ อย่างง่ายของวัตถทุ ี่ติดปลายสปริง ให้นักเรียนทราบ เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุม่ ทำกิจกรรมตามขั้นตอน เอกสารประกอบบทเรยี น เรื่อง การเคลือ่ นท่ีแบบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย 4. นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั แลกเปลี่ยนความรแู้ ละวเิ คราะห์ผลการปฏิบัติกิจกรรม แลว้ อภิปราย ผลร่วมกัน อธบิ ายความรู้ (Explain) 5. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรม ในระหว่างท่ีนักเรียนนำเสนอครู คอยใหข้ อ้ เสนอแนะเพม่ิ เติมเพอ่ื ให้นกั เรียนมีความเขา้ ใจท่ถี ูกต้อง 6. นักเรียนร่วมกันตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม การเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ยของวัตถุท่ีติดปลาย สปริง โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันอภปิ รายเพ่ือหาคำตอบ 7. ครูสุ่มเลือกนักเรียน 2-3 กลุ่ม ให้ออกมานำเสนอคำตอบของกลุ่มตนเอง เมื่อนักเรียนแต่ละกลุ่ม นำเสนอคำตอบของกลุ่มตนเองเรียบร้อยแล้ว นักเรียนและครูอภิปรายผลท้ายกิจกรรมการทดลองและเฉลย คำถามท้ายกิจกรรม ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 8. ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนสอบถามเนือ้ หา เรอ่ื ง การเคลื่อนทแี่ บบฮารม์ อนิกอย่างง่าย และให้ความรู้ เพม่ิ เตมิ จากคำถามของนักเรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เรอ่ื ง ปรมิ าณต่าง ๆ ท่เี กี่ยวกบั การเคล่ือนท่ีแบบฮาร์ มอนิกอยา่ งงา่ ย ในการอธบิ ายเพ่ิมเติม 9. นักเรียนจับคู่กับเพื่อนในชั้นเรยี นตามความสมัครใจของนกั เรียน จากนั้นร่วมกันศึกษาตัวอย่าง เรื่อง การเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย 10. ครูสุม่ นักเรียน 3 คู่ ออกมาแสดงวิธกี ารคำนวณหาผลลัพธ์ท่ีไดร้ ่วมกันศึกษา ครอู าจจะเสนอแนะ หรอื อธิบายเพมิ่ เติมในตัวอยา่ งนน้ั ๆ จากน้ันครูให้นักเรียนทำใบงาน เร่อื ง ระบบมวล-สปรงิ เบา ทำเสร็จแลว้ นำสง่ ครู ขน้ั สรุป ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนหน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอ ยา่ งง่าย เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจกอ่ นเรยี นของนักเรยี น 2. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรือ่ ง ระบบมวล-สปรงิ เบา 3. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ ทำงานกลุ่ม 4. ครูวัดและประเมนิ ผลกจิ กรรม การเคลอ่ื นที่แบบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่ายของวตั ถทุ ่ีติดปลายสปรงิ

หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลือ่ นที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ย หนา้ 215 5. นกั เรียนและครูร่วมกันสรปุ เก่ียวกบั การเคลอื่ นที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่ายว่า “การเคล่ือนที่แบบฮาร์ มอนิกอย่างง่าย เปน็ การเคลือ่ นทีข่ องวัตถทุ กี่ ลับไปกลับมาซ้ำรอยเดมิ ผ่านตำแหนง่ สมดุล โดยมีคาบและแอม พลจิ ูดคงตัว และมกี ารกระจดั จากตำแหน่งสมดุลท่ีเวลาใด ๆ เป็นฟังก์ชนั แบบไซน์โดยปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่ เก่ยี วข้อง มคี วามสมั พนั ธ์ตามสมการ” x = A sin(t + ) v = A cos(t + ) v =  A2 − x2 a = − A2 sin(t + ) a = − 2x 8. สื่อการเรยี นร้/ู แหล่งเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น เร่ือง การเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย 2. สอื่ Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 4. วีดิทัศน์เกยี่ วกบั เคร่อื งเคาะจงั หวะ (Metronome) จาก https://www.youtube.com/watch?v=zzcbzubxFcY 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมดุ 2. Internet

หน่วยการเรยี นรู้ การเคลือ่ นที่แบบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย หน้า 216 9. สรปุ ผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษา1ลักษณะการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของ ระบบมวล-สปริงเบาหรอื วตั ถตุ ิดปลายสปริง ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกบั การเคลือ่ นท่ีแบบฮารม์ อนิ กอย่างง่ายของระบบมวล-สปริงเบาหรือวัตถุติดปลายสปริง จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง การเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซอ่ มเสรมิ โดยภายดำเนนิ การซอ่ มเสรมิ แล้ว ผ่านเกณฑท์ ัง้ หมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นกั เรียน สามารถอธิบายลกั ษณะการเคล่ือนทแี่ บบฮารม์ อนิกอย่างง่ายของระบบมวล-สปรงิ เบาหรือวัตถุ ติดปลายสปรงิ บอกปริมาณต่าง ๆ ที่เกยี่ วข้องกับการเคลื่อนท่แี บบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ยของระบบมวล- สปริงเบาหรือวัตถุติดปลายสปริง ปฏิบัติกิจกรรมการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของวตั ถุที่ติด ปลายสปริง โดยมีนักเรียน ร้อยละ 97.06 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบ คำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่าน เกณฑ์ทัง้ หมด) . 9.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คดิ เปน็ ร้อยละ 100 ของนักเรยี นท้งั หมด . 9.4 ปญั หาอุปสรรค นักเรียนที่ขาดความรู้พื้นฐานทางด้านคณิตศาสตร์ที่จำเป็น เช่น ค่าของฟังก์ชันตรีโกณมิติของมุมค่า ต่างๆ ทำให้ไม่สามารถใช้สมการการเคลื่อนที่แบบคลื่น มาช่วยในการหาคำตอบเกี่ยวกับปริมาณที่ เก่ียวข้องกับการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย ครูผู้สอนต้องทบทวนความรู้พื้นฐานดังกล่าว นอกจากนี้บทเรียนเรื่องนี้ ต้องใช้สมการที่เป็นฟังก์ชันคลื่น มาอธิบายการเคลื่อนที่ของวัตถุ และเฟส ของการสน่ั ของบรมิ าณตา่ งๆ ทำให้เกิดความลา่ ช้าในการทำกจิ กรรมในบทเรยี นต่อไป . ลงช่อื วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์.) วนั ท.ี่ ................................................. ลงชอื่ .......................................................คู่นิเทศ (นาย ตฤณธวิ ัฒน์ ภญิ โญชยั ภทั ร)

หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นทแี่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย หนา้ 217 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 37 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 การเคล่อื นทแ่ี บบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ย เรอื่ ง เงาของวัตถทุ ีเ่ คล่ือนทีเ่ ป็นวงกลมสม่ำเสมอ รหสั วิชา ว31206 ชือ่ รายวิชา ฟสิ ิกส์เพ่มิ เตมิ 2 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 เวลาเรียน 2 ชว่ั โมง ผู้สอน นางสาววิจติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟสิ ิกส์ปรมิ าณและกระบวนการวดั การเคลื่อนท่แี นวตรง แรงและกฎการ เคลอื่ นที่ของนวิ ตัน กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรกั ษ์พลงั งานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตัม การเคล่ือนท่แี นวโคง้ รวมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 9. ทดลอง และอธิบายการเคล่ือนท่แี บบฮาร์มอนกิ อย่างง่ายของวัตถุติดปลายสปรงิ และลูกตุ้มอย่างง่าย รวมทง้ั คำนวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกีย่ วข้อง 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เมื่อพิจารณาสมการความเร่งของเงาวัตถุของที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอ โดยใช้วิธีการทาง คณติ ศาสตร์ จะเห็นไดว้ า่ เหมือนกบั สมการความเร่งของวัตถทุ ่ีเคล่อื นท่แี บบฮารม์ อนิกอย่างง่าย จึงสรุปได้ว่า เงาของวัตถทุ ่เี คล่ือนที่เปน็ วงกลมสม่ำเสมอกำลังเคลือ่ นที่แบบฮาร์มอนกิ อย่างง่าย 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) การเคลือ่ นทแ่ี บบฮารม์ อนิกอย่างง่ายของเงาของวตั ถทุ เี่ คลือ่ นทเี่ ปน็ วงกลมสม่ำเสมอ 2) ปรมิ าณต่าง ๆ ที่เกยี่ วขอ้ งกับการเคลอื่ นท่แี บบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของเงาของวตั ถุที่เคล่ือนที่ เป็นวงกลมสมำ่ เสมอ

หน่วยการเรียนรู้ การเคล่อื นที่แบบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย หน้า 218 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธิบายการเคลื่อนท่แี บบฮารม์ อนิกอยา่ งง่ายของเงาของวตั ถุทเ่ี คลื่อนท่ีเป็นวงกลมสม่ำเสมอ 2) คำนวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ที่เกย่ี วข้องกบั การเคลื่อนทแ่ี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่ายของเงาของวัตถุ ที่เคล่ือนทีเ่ ป็นวงกลมสม่ำเสมอ 4.3 คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1) ซ่ือสัตย์สุจรติ 2) มวี ินยั 3) ใฝ่เรยี นรู้ 4) มุง่ ม่ันในการทำงาน 5) มีจติ สาธารณะ 5. ช้นิ งานหรอื ภาระงานท่ีแสดงผลการเรียนรู้ แบบฝึกหัด 6. การประเมนิ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วิธีการ แบบฝึกหดั ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ข้นึ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หดั ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขน้ึ ไป 2. ตรวจแบบฝึก เพื่อบันทกึ แบบฝกึ ทักษะ ขอ้ คำถามอัตนยั ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขึน้ ไป สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ด้าน เพือ่ วัดความสามารถในการสื่อสาร ความคิด และการสอ่ื สาร ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขียน 3. สังเกต สัมภาษณ์ บันทกึ แบบสังเกตพฤตกิ รรม มีวนิ ัย ใฝ่ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ มี เรียนรู้ และมุ่งม่ันในการทำงาน วนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมน่ั ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นำ 1. สำรวจรายชอื่ นกั เรียน ประเมนิ ด้านคุณธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ 2. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรยี นรูแ้ ละการวดั ผลประเมินผลดา้ น KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑ์การวัดผลและการใหค้ ะแนนในสว่ นต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกับ หลกั การ ขอ้ ปฏบิ ัตแิ ละกฎระเบียบในการเรยี นการ สอนในห้องเรียน

หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นที่แบบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย หน้า 219 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครทู บทวนความรู้เดมิ ของนักเรยี นเก่ยี วกบั การเคลือ่ นท่แี บบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ย จากนนั้ ครูเปิดวดี ิ ทศั นเ์ ก่ยี วกับการเคลือ่ นทข่ี องชิงชา้ สวรรค์ ใหน้ ักเรียนดู 2. เมื่อนักเรียนดูวดี ิทัศน์จบ ครูตั้งคำถามกระตุ้นความสนใจนกั เรียนว่า “ชิงช้าสวรรคม์ ีลักษณะการ เคลื่อนที่แบบใด และถ้าพิจารณาเงาของกระเช้าใดกระเช้าหนึ่งของชิงช้าสวรรค์ท่ีตกลงบนพื้น เงานั้นจะมี ลกั ษณะการเคลื่อนแบบใด” โดยใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันตอบคำถามอย่างอิสระไมม่ ีการเฉลยวา่ ถกู หรอื ผดิ ข้นั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 3 คน ตามความสมัครใจของนักเรียน จากนั้นครูให้นักเรียนแต่ละ กลุ่มร่วมกันศึกษาเก่ียวกับเงาของวัตถุที่เคลื่อนท่ีแบบวงกลมสม่ำเสมอโดยนำไปเปรียบเทยี บกับการเคลือ่ นท่ี แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต แล้วร่วมกันสรุปความรู้ที่ศึกษาลงใน สมุดประจำตวั 2. ครตู ง้ั ประเดน็ คำถามโดยใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนรว่ มกนั อภปิ รายและแสดงความคิดเห็นวา่ “ถ้า พิจารณาเงาของวตั ถเุ คลอื่ นทเ่ี ปน็ วงกลมสม่ำเสมอจะมลี ักษณะการเคลื่อนที่เป็นอย่างไร” 3. ให้แต่ละกลุ่มศึกษาเกี่ยวกับสมการความเร่งของเงาของวัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอว่า สมการเป็นแบบใด และเมื่อนำไปเปรยี บเทียบกับสมการความเรง่ ของวตั ถุที่เคลื่อนทีแ่ บบฮารม์ อนิกอย่างง่าย ซ่งึ ครเู ปน็ ผู้สังเกตการณแ์ ละใหค้ ำปรึกษาเม่ือนักเรยี นมขี ้อซักถาม อธิบายความรู้ (Explain) 4. ครูสุ่มนักเรียนจำนวน 4 กลุ่ม ออกมานำเสนอผลการศึกษาข้อมูลหน้าชั้นเรยี น เมอ่ื นำเสนอครบ เเลว้ นกั เรยี นและครูร่วมกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็น ซ่ึงได้ข้อสรุปร่วมกันว่า “สมการความเร่งของเงาเหมือนกับสมการความเร่งของวัตถุที่เคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย จึงทำให้สรุปได้ว่า เงาของวัถตุที่เคล่ือนท่ีแบบวงกลมอย่างสม่ำเสมอมีลักษณะการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอ ย่างง่าย” ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 5. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรียนสอบถามเนอื้ หา เร่ือง เงาของวัตถทุ ่ีเคลอ่ื นท่ีเป็นวงกลมสม่ำเสมอ และให้ ความร้เู พิม่ เติมจากคำถามของนกั เรียน โดยครูใช้ PowerPoint เร่อื ง เงาของวตั ถุที่เคลอื่ นที่เป็นวงกลม สมำ่ เสมอ ในการอธบิ ายเพิม่ เติม 6. นักเรียนแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดิม) โดยให้แต่ละกลุ่มศึกษาตัวอย่าง จากนัน้ ครูให้นักเรียนทำใบงานท่ี เคลือ่ นท่เี ป็นวงกลมสมำ่ เสมอ เมื่อทำเสร็จแล้วนำส่งครู

หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลื่อนท่ีแบบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย หนา้ 220 ขนั้ สรุป ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 1.2.1 เร่ือง เงาของวตั ถุท่ีเคลื่อนทเ่ี ปน็ วงกลมสม่ำเสมอ 2. ครตู รวจ Topic Question เรือ่ ง เงาของวตั ถทุ ่เี คลื่อนท่ีเป็นวงกลมสม่ำเสมอ ในสมดุ ประจำตวั 3. ครตู รวจสอบแบบฝกึ หดั เร่ือง เงาของวัตถุทเี่ คล่อื นทเ่ี ปน็ วงกลมสม่ำเสมอ จากแบบฝกึ หัด รายวิชา เพิม่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ ส์ ม.5 เล่ม 1 4. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ ทำงานกลุม่ 5. นักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเงาของวัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอว่า “เงาของวัตถุที่ เคลื่อนท่ีเป็นวงกลมสม่ำเสมอ ถ้าเรานำไปเปรียบเทียบกับการเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย ซ่ึงแสดงให้ เห็นว่าเงาของวัตถุท่ีเคล่ือนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอกำลังเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย” 8. ส่อื การเรียนรู/้ แหล่งเรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เรอื่ ง การเคล่อื นทแ่ี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย 2. ส่อื Power point 3. ใบงาน 4. วดี ทิ ศั น์เก่ยี วกับการเคลื่อนทขี่ องชิงชา้ สวรรค์ จาก https://www.youtube.com/watch?v=ZRkGg3IWUpk 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet

หน่วยการเรียนรู้ การเคล่อื นที่แบบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย หน้า 221 9. สรุปผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อ ศึกษาการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของเงาของ วัตถุที่เคลื่อนทีเ่ ป็นวงกลมสม่ำเสมอ ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลือ่ นที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ ง ง่ายของเงาของวัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอ จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และ เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่าน เกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการ ซ่อมเสรมิ โดยภายดำเนนิ การซ่อมเสรมิ แล้ว ผา่ นเกณฑท์ งั้ หมด) . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบายการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของเงาของวัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลม สมำ่ เสมอ และคำนวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ท่เี กี่ยวข้องกับการเคลอ่ื นทแี่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งง่ายของเงาของ วัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอ โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม)ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภาย ดำเนินการซอ่ มเสริมแล้ว ผ่านเกณฑท์ ง้ั หมด) . ................................................................................................................................................................................... 9.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 ของนกั เรียนทั้งหมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค นักเรียนที่ขาดความรู้พื้นฐานทางด้านคณิตศาสตร์ที่จำเป็น เช่น ค่าของฟังก์ชันตรีโกณมิติของมุมค่า ต่างๆ ทำให้ไม่สามารถใช้สมการการเคลื่อนที่แบบคลื่น มาช่วยในการหาคำตอบเกี่ยวกับปริมาณท่ี เก่ียวข้องกับการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย ครูผู้สอนต้องทบทวนความรู้พื้นฐานดังกล่าว นอกจากนี้บทเรียนเรื่องนี้ ต้องใช้สมการที่เป็นฟังก์ชันคลื่น มาอธิบายการเคลื่อนที่ของวัตถุ และเฟส ของการส่ันของบรมิ าณตา่ งๆ ทำใหเ้ กดิ ความล่าช้าในการทำกิจกรรมในบทเรยี นตอ่ ไป . ลงชอื่ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์.) วนั ท่ี.................................................. ลงชือ่ .......................................................คู่นิเทศ (นายตฤณธิวัฒน์ ภญิ โญชัยภัทร)

หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นทแี่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย หน้า 222 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 38 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 การเคลื่อนทแี่ บบฮารม์ อนกิ อย่างง่าย เรือ่ ง การแกวง่ ของลูกต้มุ นาฬกิ าอยา่ งง่าย รหสั วชิ า ว31206 ชอื่ รายวชิ า ฟสิ กิ ส์เพ่มิ เติม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง ผูส้ อน นางสาววิจติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เขา้ ใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวดั การเคลือ่ นท่แี นวตรง แรงและกฎการ เคลอื่ นท่ขี องนิวตนั กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรกั ษ์พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์ โมเมนตมั การเคล่ือนที่แนวโคง้ รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 9. ทดลอง และอธบิ ายการเคล่ือนทแ่ี บบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของวัตถตุ ิดปลายสปริงและลูกตุ้มอย่างง่าย รวมทัง้ คำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ทีเ่ ก่ยี วข้อง 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด สมการความเร่งของลูกตุ้มอย่างง่ายจะแปรผันตรงกับการกระจัดและมีทิศตรงกันข้ามกับการแกว่ง เชน่ เดยี วกับการเคลือ่ นทข่ี องมวลติดสปรงิ เบา จึงสรปุ ไดว้ ่าการแกวง่ ของลกู ตุม้ อย่างง่ายเปน็ การเคล่ือนท่ีแบบ ฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ย 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ลักษณะการเคลือ่ นท่ีแบบฮารม์ อนกิ อย่างง่ายของลูกต้มุ อย่างงา่ ย 2) ปริมาณ ที่เก่ียวข้องกบั การเคลอื่ นทแ่ี บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่ายของลกู ตุม้ อย่างง่าย 3) ปฏิบัตกิ ิจกรรมการแกวง่ ของลกู ตมุ้ อย่างงา่ ย

หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลื่อนท่ีแบบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย หน้า 223 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธิบายลกั ษณะการเคล่อื นที่แบบฮารม์ อนกิ อย่างง่ายของลกู ตุม้ อยา่ งงา่ ย 2) คำนวณหาปรมิ าณ ที่เก่ยี วข้องกับการเคลอื่ นที่แบบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ยของลูกตมุ้ อย่างง่าย 3) ปฏบิ ัติกจิ กรรมการแกวง่ ของลกู ตุ้มอย่างง่าย 4.3 คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1) ซอื่ สัตยส์ จุ ริต 2) มีวินัย 3) ใฝ่เรียนรู้ 4) มุง่ มน่ั ในการทำงาน 5) มีจติ สาธารณะ 5. ชิ้นงานหรอื ภาระงานที่แสดงผลการเรยี นรู้ แบบฝกึ หดั 6. การประเมิน เครอื่ งมอื เกณฑ์ วิธกี าร แบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึน้ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หดั ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขึน้ ไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพ่อื บนั ทึก แบบฝกึ ทักษะ ขอ้ คำถามอัตนยั ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขน้ึ ไป สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ด้าน เพือ่ วดั ความสามารถในการส่ือสาร ความคิด และการส่ือสาร ไดแ้ ก่ การอธิบาย การเขียน 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บันทึก แบบสังเกตพฤตกิ รรม มวี ินัย ใฝ่ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรียนรู้ และมุง่ ม่ันในการทำงาน วินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มั่นใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. สำรวจรายชือ่ นักเรยี น ประเมนิ ด้านคุณธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ 2. ครแู จง้ จุดประสงค์การเรียนรแู้ ละการวัดผลประเมินผลด้าน KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑ์การวัดผลและการใหค้ ะแนนในสว่ นตา่ งๆ ร่วมกัน และตกลงเกีย่ วกับ หลกั การ ข้อปฏบิ ัตแิ ละกฎระเบยี บในการเรียนการ สอนในหอ้ งเรยี น

หน่วยการเรียนรู้ การเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย หน้า 224 ขั้นนำ กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนความรูเ้ ดมิ ของนักเรียน เร่อื ง เงาของวัตถทุ เ่ี คลอ่ื นท่เี ปน็ วงกลมสมำ่ เสมอ จากนั้นครูแจ้ง จุดประสงค์การเรียนร้ใู หน้ ักเรียนทราบ 2. นักเรียนดูวีดิทัศน์ เรื่อง ลูกตุ้มอย่างง่าย จากนั้นครูตัง้ คำถามกระตุ้นความคิดนกั เรียนว่า “ลูกตุ้ม นาฬิกามลี ักษณะการเคลื่อนที่เปน็ อย่างไร และจัดว่าลูกตมุ้ นาฬิกาเปน็ ลูกตมุ้ อย่างง่ายหรือไม่ อย่างไร” โดย ให้นักเรียนช่วยกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่าถูกหรือผิด จากนั้นครูกล่าว เชือ่ มโยงเขา้ สู่กิจกรรมการเรยี นการสอน ขน้ั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. นักเรยี นแบ่งกล่มุ ออกเปน็ กลุ่ม ๆ ละ 5 คน ตามความสมคั รใจของนักเรียน จากนัน้ ให้นักเรียนแต่ ละกลุ่มรว่ มกันศึกษาคน้ คว้าข้อมูลเกี่ยวกับ การแกวง่ ของลกู ตุ้มนาฬิกาอย่างง่าย จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอรเ์ นต็ แลว้ รว่ มกันสรุปความรูท้ ศ่ี ึกษาลงในสมดุ ประจำตัว 2. ครูสุ่มนักเรียนจำนวน 2 กลุ่ม ออกมานำเสนอผลการศึกษาข้อมูลหน้าชั้นเรียน ในระหว่างท่ี นกั เรยี นนำเสนอ ครคู อยใหข้ ้อเสนอแนะเพิม่ เติมเพอื่ ใหน้ กั เรยี นมคี วามเขา้ ใจท่ีถูกต้อง 3. ครถู ามคำถามทา้ ทาย วา่ “ความรเู้ รือ่ งคาบการแกว่งของลกู ตมุ้ นาฬิกาอยา่ งง่ายมปี ระโยชน์อย่างไร ในชวี ติ ประจำวนั ” สำรวจค้นหา (Explore) (ต่อ) 1. ครทู บทวนความร้เู ดมิ ของนกั เรยี นโดยตั้งคำถามว่า “การแกวง่ ของลกู ตมุ้ นาฬกิ าอย่างงา่ ย คอื อะไร และมีลักษณะการเคล่ือนที่อย่างไร” โดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนร่วมกนั อธบิ ายและแสดงความคดิ เห็น 2. นักเรียนแบ่งกลุม่ ออกเป็นกลุม่ ๆ ละ 6 คน ตามความสมัครใจของนักเรียน จากนั้นให้แต่ละกลุ่ม รว่ มกันศึกษากจิ กรรม การแกวง่ ของลูกตุ้มอยา่ งง่าย ใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบรว่ มมอื มาจดั กระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดให้ สมาชกิ แตล่ ะคนภายในกลมุ่ มบี ทบาทหนา้ ท่ีของตนเอง ดังนี้ สมาชิกคนท่ี 1-2 ทำหน้าท่ี เตรียมวสั ดุอปุ กรณ์ใชใ้ นการทำกจิ กรรมการแกว่งของลูกตมุ้ อย่างงา่ ย สมาชกิ คนท่ี 3-4 ทำหนา้ ที่ อ่านวธิ ีการทำกิจกรรม และนำมาอธบิ ายใหส้ มาชิกภายในกล่มุ ฟัง สมาชกิ คนท่ี 5-6 ทำหน้าท่ี บันทึกผลการทำกิจกรรม 3. ครูแจ้งจุดประสงค์ของกิจกรรม การแกว่งของลูกตุ้มอย่างง่าย ให้นักเรียนทราบเพื่อเป็นแนว ทางการปฏิบตั ทิ ่ถี ูกตอ้ ง จากน้นั ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุม่ ทำกจิ กรรมตามขน้ั ตอน 4. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันแลกเปล่ียนความร้แู ละวิเคราะห์ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม แล้วอภิปรายผล ร่วมกัน

หน่วยการเรียนรู้ การเคลือ่ นท่แี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย หนา้ 225 อธิบายความรู้ (Explain) 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรม ในระหว่างท่ีนักเรียนนำเสนอครู คอยใหข้ อ้ เสนอแนะเพ่มิ เตมิ เพ่อื ใหน้ ักเรียนมีความเข้าใจทีถ่ กู ตอ้ ง 6. นักเรียนร่วมกันตอบคำถามท้ายกิจกรรม การแกวง่ ของลกู ตุ้มอย่างง่าย โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม ร่วมกันอภปิ รายเพือ่ หาคำตอบรว่ มกนั 7. ครูสุ่มเลือกนักเรียน 2-3 กลุ่ม ให้ออกมานำเสนอคำตอบของกลุ่มตนเอง เมื่อนักเรยี นแต่ละกลุม่ นำเสนอคำตอบของกลุ่มตนเองเรยี บร้อยแล้ว นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายผลท้ายกิจกรรม และเฉลยคำถาม ทา้ ยกิจกรรม 8. สือ่ การเรยี นร/ู้ แหล่งเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เรอ่ื ง การเคลอื่ นที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย 2. สอื่ Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 4. คลปิ วดิ ีทศั น์ เรือ่ ง ลกู ตุ้มอยา่ งงา่ ย 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet

หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอ่ื นทแ่ี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย หน้า 226 9. สรปุ ผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อ ศึกษาการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของเงาของ วัตถุที่เคลื่อนท่ีเป็นวงกลมสม่ำเสมอ ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลือ่ นที่แบบฮารม์ อนกิ อยา่ ง ง่ายของเงาของวัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอ จากการปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง การสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรอ่ื ง การเคล่อื นที่แบบฮารม์ อนิกอย่างง่าย โดย มนี ักเรยี น ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขนึ้ ไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม)ส่วนนักเรียนท่ีไม่ ผ่านเกณฑ์ ดำเนนิ การซอ่ มเสรมิ โดยภายดำเนินการซ่อมเสรมิ แล้ว ผ่านเกณฑ์ทง้ั หมด) . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบายการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของเงาของวัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลม สม่ำเสมอ และคำนวณหาปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การเคลือ่ นทีแ่ บบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ยของเงาของ วตั ถุทีเ่ คล่อื นท่ีเปน็ วงกลมสมำ่ เสมอ และปฏิบัติกจิ กรรมการแกวง่ ของลกู ตุม้ อยา่ งง่าย โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่าน เกณฑ์ ดำเนินการซอ่ มเสริม โดยภายดำเนินการซอ่ มเสริมแล้ว ผ่านเกณฑ์ทัง้ หมด) . 9.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผา่ นตามเกณฑ์ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 ของนกั เรยี นท้ังหมด . 9.4 ปัญหาอุปสรรค นักเรียนที่ขาดความรู้พื้นฐานทางด้านคณิตศาสตร์ที่จำเป็น เช่น ค่าของฟังก์ชันตรีโกณมิติของมุมค่า ต่างๆ ทำให้ไม่สามารถใช้สมการการเคลื่อนที่แบบคลื่น มาช่วยในการหาคำตอบเกี่ยวกับปริมาณที่ เกี่ยวข้องกับการเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย ครูผู้สอนต้องทบทวนความรู้พื้นฐานดังกล่าว นอกจากนี้บทเรียนเรื่องนี้ ต้องใช้สมการที่เป็นฟังก์ชันคลื่น มาอธิบายการเคลื่อนที่ของวัตถุ และเฟส ของการส่นั ของบริมาณต่างๆ ทำให้เกดิ ความลา่ ชา้ ในการทำกิจกรรมในบทเรียนตอ่ ไป . ลงชือ่ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์.) วันที.่ ................................................. ลงช่อื .......................................................ค่นู เิ ทศ (นายตฤณธวิ ัฒน์ ภญิ โญชัยภัทร)

หน่วยการเรยี นรู้ การเคล่อื นที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย หนา้ 227 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 39 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 การเคล่อื นทีแ่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย เรอ่ื ง การแกวง่ ของลกู ตุ้มนาฬิกาอย่างงา่ ย รหัสวชิ า ว31206 ชื่อรายวชิ า ฟิสกิ ส์เพมิ่ เตมิ 2 ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง ผู้สอน นางสาววิจติ ตา อำไพจติ ต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟิสิกสป์ รมิ าณและกระบวนการวัด การเคลื่อนทีแ่ นวตรง แรงและกฎการ เคลื่อนที่ของนวิ ตนั กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ ักษพ์ ลงั งานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตัม การเคลื่อนทีแ่ นวโคง้ รวมทงั้ นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 9. ทดลอง และอธบิ ายการเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ยของวัตถตุ ิดปลายสปริงและลูกตุ้มอย่างง่าย รวมทั้งคำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเก่ยี วข้อง 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด สมการความเร่งของลูกตุ้มอย่างง่ายจะแปรผันตรงกับการกระจัดและมีทิศตรงกันข้ามกับการแกว่ง เชน่ เดยี วกับการเคล่อื นทข่ี องมวลตดิ สปริงเบา จงึ สรปุ ได้วา่ การแกวง่ ของลูกตุม้ อยา่ งงา่ ยเปน็ การเคลอ่ื นท่ีแบบ ฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ลักษณะการเคลอื่ นทแี่ บบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของลกู ตุ้มอยา่ งงา่ ย 2) ปริมาณ ท่เี กย่ี วขอ้ งกบั การเคล่อื นท่แี บบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ยของลกู ตมุ้ อยา่ งง่าย 3) ปฏบิ ัติกจิ กรรมการแกว่งของลูกตมุ้ อยา่ งงา่ ย 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธิบายลกั ษณะการเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ยของลูกตมุ้ อยา่ งงา่ ย

หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคล่ือนท่ีแบบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย หน้า 228 2) คำนวณหาปรมิ าณ ท่เี กีย่ วขอ้ งกับการเคล่อื นท่ีแบบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ยของลูกต้มุ อย่างง่าย 3) ปฏิบัติกจิ กรรมการแกวง่ ของลูกตมุ้ อยา่ งงา่ ย 4.3 คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1) ซอื่ สัตย์สจุ ริต 2) มีวนิ ัย 3) ใฝ่เรียนรู้ 4) ม่งุ มน่ั ในการทำงาน 5) มีจติ สาธารณะ 5. ช้ินงานหรอื ภาระงานท่ีแสดงผลการเรยี นรู้ แบบฝกึ หดั 6. การประเมนิ เคร่อื งมือ เกณฑ์ วธิ กี าร แบบฝกึ หัด ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ข้นึ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหัด ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขึน้ ไป 2. ตรวจแบบฝึก เพือ่ บันทึก แบบฝึกทักษะ ข้อคำถามอตั นยั ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ด้าน เพื่อวัดความสามารถในการส่ือสาร ความคดิ และการสื่อสาร ไดแ้ ก่ การอธิบาย การเขียน 3. สังเกต สมั ภาษณ์ บนั ทึก แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มีวินัย ใฝ่ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรยี นรู้ และมุ่งม่ันในการทำงาน วนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมนั่ ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. สำรวจรายชือ่ นักเรียน ประเมินดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ 2. ครูแจ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้และการวัดผลประเมนิ ผลดา้ น KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑ์การวัดผลและการใหค้ ะแนนในสว่ นต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกีย่ วกบั หลกั การ ข้อปฏิบตั ิและกฎระเบียบในการเรียนการ สอนในหอ้ งเรียน

หน่วยการเรยี นรู้ การเคลื่อนทแี่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย หน้า 229 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 8. ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนสอบถามเน้อื หา เรือ่ ง การแกวง่ ของลกู ตมุ้ นาฬกิ าอย่างงา่ ย และให้ความรู้ เพิ่มเติมจากคำถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง การแกว่งของลูกตุ้มนาฬิกาอย่างง่าย ในการ อธิบายเพม่ิ เติม 9. นักเรียนแตล่ ะคนศึกษาตัวอย่าง จากนั้นครสู ุ่มเลขทีน่ ักเรยี นจำนวน 2-3 คน ออกมาแสดงวิธีการ คำนวณหาผลลพั ธท์ ี่ได้ศึกษาครอู าจจะเสนอแนะ หรืออธบิ ายเพ่ิมเตมิ ในตวั อย่างนนั้ ๆ 10. จากนน้ั ให้นกั เรียนแต่ละคนตอบคำถาม เร่ือง การแกว่งของลูกตมุ้ นาฬกิ าอยา่ ง ลงในสมุดประจำตวั 11. นักเรียนจับคู่กบั เพ่ือนในชั้นเรียนตามความสมัครใจของนักเรยี น จากนั้นครูให้นักเรียนทำใบงาน เรื่อง การแกวง่ ของลูกตุ้มนาฬิกาอยา่ งง่าย 12. ครูสุ่มนักเรียนจำนวน 3 คู่ ออกมาเฉลยโดยครูให้นักเรียนร่วมกันพิจารณาว่าคำตอบใดถูกต้อง จากนัน้ ครูเฉลยคำตอบทถี่ กู ตอ้ งให้นักเรียน ขน้ั สรปุ ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงาน เรือ่ ง การแกว่งของลูกตมุ้ นาฬกิ าอยา่ งง่าย 2. ครูตรวจแบบฝกึ หัด เรอ่ื ง การแกว่งของลูกตุม้ นาฬิกาอยา่ งง่าย ในสมดุ ประจำตัว 3. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล และการ ทำงานกลุ่ม 4. ครวู ดั และประเมินผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม การแกว่งของลกู ตมุ้ อยา่ งงา่ ย 5. นักเรยี นและครูร่วมกันสรุปเกีย่ วกับการแกวง่ ของลูกตุ้มนาฬิกาอย่างง่ายว่า “การแกวง่ ของลกู ต้มุ นาฬกิ าเปน็ การเคลอ่ื นทแี่ บบฮารม์ อนิกอย่างง่าย คาบหรอื ความถีข่ องการกวัดแกว่งจะไมข่ ้นึ อยู่กับมวลของลูกตุ้ม และแอมพลิจูด แต่จะขึ้นอยู่กับความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถว่ ง และความยาวของเชือกเท่านั้น เมื่อเชือกยาวขึ้น คาบในการกวดั แกวง่ กจ็ ะเพมิ่ ขึ้น” 8. สือ่ การเรียนร้/ู แหล่งเรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เรอื่ ง การเคล่อื นที่แบบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย 2. ส่อื Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมดุ 2. Internet

หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลือ่ นทแี่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย หน้า 230 9. สรปุ ผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นกั เรียนใหค้ วามร่วมมอื ในการทำกจิ กรรมเพ่ือศกึ ษาการเคล่อื นทีแ่ บบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ยของลกู ต้มุ อย่าง ง่ายปริมาณ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของลูกตุ้มอย่างง่าย จากการปฏิบัติ กจิ กรรมการแกว่งของลกู ต้มุ อยา่ งง่าย การสบื ค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เร่ือง การเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย โดยมีนกั เรียน รอ้ ยละ 97.06 ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ข้ึนไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม)ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภาย ดำเนินการซอ่ มเสริมแลว้ ผา่ นเกณฑ์ทัง้ หมด) . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบายลักษณะการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของลูกตุ้มอย่างง่าย สามารถ คำนวณหาปรมิ าณ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกับการเคลอื่ นทแ่ี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่ายของลกู ตมุ้ อย่างงา่ ย และสามารถ ปฏิบัติกิจกรรมการแกวง่ ของลูกตุ้มอยา่ งง่าย โดยมีนักเรยี น ร้อยละ 97.06 ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม และการทำแบบฝึกหัด)ส่วนนักเรียนทีไ่ ม่ผา่ นเกณฑ์ ดำเนินการซ่อม เสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแลว้ ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด) . ................................................................................................................................................................................... 9.3 ด้านคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คดิ เปน็ ร้อยละ 100 ของนักเรียนท้งั หมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค นักเรียนที่ขาดความรู้พื้นฐานทางด้านคณิตศาสตร์ที่จำเป็น เช่น ค่าของฟังก์ชันตรีโกณมิติของมุมค่า ต่างๆ ทำให้ไม่สามารถใช้สมการการเคลื่อนที่แบบคลื่น มาช่วยในการหาคำตอบเกี่ยวกับปริมาณที่ เกี่ยวข้องกับการเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย ครูผู้สอนต้องทบทวนความรู้พื้นฐานดังกล่าว นอกจากนี้บทเรียนเรื่องนี้ ต้องใช้สมการที่เป็นฟังก์ชันคลื่น มาอธิบายการเคลื่อนที่ของวัตถุ และเฟส ของการส่นั ของบริมาณต่างๆ ทำใหเ้ กดิ ความล่าชา้ ในการทำกจิ กรรมในบทเรียนต่อไป . ลงชือ่ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์.) วันท.ี่ ................................................. ลงช่ือ.......................................................คู่นเิ ทศ (นายตฤณธวิ ฒั น์ ภญิ โญชยั ภทั ร)

หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลือ่ นทแ่ี บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย หน้า 231 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 40 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 การเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย เรื่อง การสน่ั พ้อง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31206 ช่ือรายวิชา ฟิสกิ ส์เพิ่มเติม 2 ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 เวลาเรียน 2 ช่วั โมง ผ้สู อน นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชีว้ ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟสิ กิ สป์ ริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนท่แี นวตรง แรงและกฎการ เคล่อื นท่ขี องนวิ ตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษ์พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตัม การเคลอ่ื นท่ีแนวโค้ง รวมทั้งนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 10. อธบิ ายความถธ่ี รรมชาติของวัตถแุ ละการเกดิ การสนั่ พอ้ ง 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การสั่นพ้องเป็นปรากฏการณท์ ี่ระบบกวัดแกว่งหนึ่ง ๆ ถูกกระทำโดยแรงขับเคลือ่ นภายนอกที่มีความถี่ เท่ากับความถ่ีธรรมชาตขิ องระบบ แล้วทำให้แอมพลิจูดในการกวัดแกว่งของระบบนัน้ ๆ เพิ่มมากขึน้ โดยจะ เรยี กความถข่ี องแรงขบั เคล่ือนที่ใชก้ ระตุ้นวา่ ความถ่ีส่ันพ้อง โดยความถีเ่ ฉพาะตัวของระบบหนึ่ง ๆ จะเรียกว่า ความถ่ธี รรมชาติ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) การสัน่ พอ้ ง ความถส่ี ั่นพอ้ ง และความถีธ่ รรมชาตขิ องวัตถุ 2) ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกับการสน่ั พอ้ ง 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธิบายการส่นั พ้อง ความถ่สี ่ันพอ้ ง และความถี่ธรรมชาตขิ องวตั ถุ 2) คำนวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ทเ่ี กย่ี วข้องกบั การสั่นพ้อง

หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลื่อนทแ่ี บบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย หน้า 232 3) สามารถเขียนแผนผงั มโนทศั นไ์ ดอ้ ยา่ งถกู ต้องและเปน็ ลำดับข้ันตอน 4.3 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ซื่อสตั ย์สจุ ริต 2) มีวนิ ัย 3) ใฝเ่ รยี นรู้ 4) มุ่งมน่ั ในการทำงาน 5) มจี ิตสาธารณะ 5. ชิน้ งานหรอื ภาระงานท่แี สดงผลการเรยี นรู้ แบบฝึกหัด 6. การประเมนิ เคร่อื งมือ เกณฑ์ วธิ กี าร แบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึน้ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หดั ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขน้ึ ไป 2. ตรวจแบบฝึก เพ่ือบันทึก แบบฝึกทกั ษะ ข้อคำถามอัตนยั ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขนึ้ ไป สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น ด้าน เพือ่ วัดความสามารถในการสอ่ื สาร ความคิด และการสือ่ สาร ได้แก่ การอธิบาย การเขยี น 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บันทึก แบบสังเกตพฤติกรรม มีวนิ ยั ใฝ่ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ มี เรียนรู้ และมุ่งม่นั ในการทำงาน วนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มัน่ ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. สำรวจรายชอ่ื นักเรยี น ประเมินดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ไดแ่ ก่ การมีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ 2. ครูแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรแู้ ละการวัดผลประเมินผลด้าน KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑก์ ารวัดผลและการใหค้ ะแนนในส่วนต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกับ หลักการ ข้อปฏบิ ัติและกฎระเบยี บในการเรียนการ สอนในหอ้ งเรียน กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครสู นทนากับนักเรยี นเกีย่ วกับลกั ษณะการเคลอื่ นที่ของชิงชา้ วา่ “เวลาแกว่งชิงชา้ ผทู้ ่อี อกแรงแกว่ง ชิงช้าจะต้องออกแรงผลักคนที่นั่งบนชิงช้าอย่างไร จึงจะทำให้ชิงช้าแกว่งสูงขึ้น” จากนั้นให้นักเรียนร่วมกนั อภิปรายแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่าถกู หรือผิด

หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นทีแ่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย หน้า 233 2. ครูถามคำถาม เพอื่ เปน็ การนำเข้าสู่บทเรียนว่า “หากตอ้ งการผลกั ชงิ ช้าให้แกวง่ สูงขึน้ กว่าเดมิ จะต้อง ออกแรงผลักอย่างไร” โดยให้นักเรียนช่วยกันร่วมกันอภิปรายอย่างอิสระ จากนั้นครูกล่าวเชื่อมโยงเข้าสู่ กจิ กรรมการเรยี นการสอน ขัน้ สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครสู ุ่มเลขท่นี กั เรยี นจำนวน 3-4 คน ใหย้ กตัวอยา่ งการสน่ั พอ้ งทพ่ี บเหน็ ในชวี ิตประจำวัน มาคนละ 1 ตัวอยา่ ง 2. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ ออกเปน็ กลมุ่ ๆ ละ 5 คน ตามความสมคั รใจของนักเรียน โดยให้แตล่ ะกล่มุ ศึกษา ค้นควา้ ข้อมูลเก่ียวกบั เรือ่ ง การสน่ั พ้อง จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อนิ เทอรเ์ น็ต แล้วรว่ มกนั สรุปความรู้ที่ ศึกษาลงในสมดุ ประจำตัว 3. ครูสุ่มนักเรียนจำนวน 2 กลุ่ม ออกมานำเสนอผลการศกึ ษาข้อมูลหนา้ ชัน้ เรียน ในระหว่างที่กเรียน นำเสนอ ครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพ่มิ เติมเพือ่ ใหน้ กั เรยี นมคี วามเข้าใจทถ่ี กู ตอ้ ง อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูทบทวนความรูเ้ ดมิ ของนักเรียนโดยต้ังประเดน็ คำถามว่า “ถ้าวัตถถุ ูกทำให้สั่นเท่ากับความถ่ี ธรรมชาตขิ องวัตถุ วตั ถจุ ะเปน็ อย่างไร” โดยให้นกั เรียนรว่ มกนั อธบิ ายและแสดงความคดิ เหน็ 2. ครูให้แต่ละกลุ่มร่วมกนั ทำ โจทย์แบบฝกึ หดั เรื่อง การส่นั พ้อง ลงในสมุดประจำตวั โดยครูคอยให้ คำปรึกษาเมือ่ นักเรยี นมขี อ้ สงสยั 3. ครูขออาสาสมัครนกั เรยี นใหอ้ อกมาแสดงวิธีการคำนวณหาผลลัพธ์ หน้าช้นั เรียน โดยใหเ้ พื่อนในชัน้ เรียนร่วมกันพิจาณาว่าคำตอบถูกตอ้ งหรือไม่ จากนัน้ ครเู ฉลยคำตอบทีถ่ ูกต้องให้นักเรียน ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 4. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเน้ือหา เรือ่ ง การสนั่ พ้อง และใหค้ วามรู้เพ่ิมเติมจากคำถามของ นกั เรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เร่อื ง การสน่ั พอ้ ง ในการอธบิ ายเพมิ่ เติม 5. นักเรียนตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเอง เรื่อง การเคล่อื นที่แบบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ย โดยบนั ทึกลง ในสมุดประจำตวั 6. นกั เรียนแต่ละคนทำแบบฝกึ หดั เร่อื ง การสน่ั พ้อง 7. นกั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียนของหน่วยการเรยี นรู้ การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ย เพ่ือ เปน็ การวดั ความรู้หลงั เรียนของนักเรยี น 9. นักเรียนแต่ละคนนำความรู้ที่ได้จากการเรียนของหน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิก อย่างง่าย มาเขียนเปน็ แผนผังมโนทศั น์ ลงในกระดาษ A4 พร้อมท้งั ตกแต่งให้สวยงาม

หน่วยการเรียนรู้ การเคล่ือนทแี่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย หน้า 234 ข้นั สรุป ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 การเคลอื่ นท่ีแบบฮารม์ อนิกอ ย่างงา่ ย เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจหลังเรยี นของนกั เรียน 4. ครตู รวจแบบฝึกหัด เรื่อง การส่นั พ้อง ในสมดุ ประจำตวั 6. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล และการ ทำงานกลุม่ 7. ครูวัดและประเมนิ ผลจากชิ้นงานแผนผังมโนทศั น์ เรื่อง การเคลื่อนท่ีแบบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย 8. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการสั่นพ้องว่า “การสั่นพ้อง เป็นปรากฏการณ์ที่ระบบกวัด แกว่งถกู กระทำโดยแรงขับเคลื่อนภายนอกทีม่ ีความถี่เท่ากับความถี่ธรรมชาติของระบบ ทำให้แอมพลิจูด ในการ กวดั แกวง่ ของระบบเพม่ิ มากข้ึน” 8. สอ่ื การเรยี นร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เรอ่ื ง การเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย 2. ส่อื Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet

หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคล่อื นท่แี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย หนา้ 235 9. สรุปผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษา การสั่นพ้อง ความถี่สั่นพ้อง และความถี่ธรรมชาติ ของวัตถุ ปริมาณต่าง ๆ ทเี่ กี่ยวข้องกบั การสน่ั พ้อง จากการสบื ค้น การศกึ ษาจากใบความรู้ และเอกสาร ประกอบบทเรียน เรอ่ื ง การเคลื่อนท่ีแบบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย โดยมีนกั เรียน ร้อยละ 97.06 ผ่านเกณฑ์ ในระดับดี ขน้ึ ไป (รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม)ส่วนนักเรียนท่ไี ม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรยี น สามารถอธิบายการสน่ั พ้อง ความถี่สั่นพอ้ ง และความถี่ธรรมชาตขิ องวัตถุ คำนวณหาปริมาณ ตา่ ง ๆ ทีเ่ กีย่ วขอ้ งกบั การส่ันพ้อง สามารถเขียนแผนผังมโนทัศนไ์ ดอ้ ย่างถูกต้องและเป็นลำดับข้ันตอน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 97.06 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑ์ ท้ังหมด)................................................................................................................................................................... 9.3 ด้านคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คดิ เป็นร้อยละ 100 ของนักเรยี นทั้งหมด 9.4 ปญั หาอปุ สรรค .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์.) วันที่.................................................. ลงชือ่ .......................................................ค่นู เิ ทศ (นายตฤณธวิ ัฒน์ ภิญโญชยั ภทั ร)

โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต ๔


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook