Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ ฟิสิกส์เพิ่มเติม1-62

แผนการจัดการเรียนรู้ ฟิสิกส์เพิ่มเติม1-62

Published by Kru.WIJITTA UMPAIJIT, 2020-03-21 23:18:42

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ ฟิสิกส์เพิ่มเติม1 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ประกอบด้วย หน่วอยการเรียนรู้
1ธรรมชาติของฟิสิกส์
2การเคลื่อนที่แนวตรง
3แรงและกฏการเคลื่อนที่ของนิวตัน
4สมดุลกล

Search

Read the Text Version

หน้า 95 8. สอ่ื การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 สือ่ การเรียนรู้ 1. หนังสอื เรียนการเรียนรู้พื้นฐานและเพิ่มเติมฟิสกิ ส์ เล่ม 1 2. ฐานขอ้ มลู Internet 3. ใบงาน เรื่อง ปริมาณต่าง ๆ ของการเคลอ่ื นที่ 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet

หนา้ 96 9. สรปุ ผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นกั เรยี นศึกษา เก่ยี วกบั ความเร่งเฉลี่ย ความเร่งขณะหนึ่ง และการคำนวณหาคา่ ความเรง่ ของการเคลอ่ื นท่ขี อง วัตถุจากการทำกิจกรรมในบทเรียน ตอบคำถามในใบงาน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 90 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึน้ ไป (โดยตอบถกู อยา่ งนอ้ ยร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของความเรง่ เฉล่ยี ความเร่งขณะหน่ึง และสามารถคำนวณหาคา่ ความเร่ง ของการเคลื่อนที่ของวัตถุจากสมการได้ สามารถทำกิจกรรมตอบคำถามในใบงาน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 90 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (โดยตอบถูกอย่างน้อยร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม ) . 9.3 ดา้ นคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นกั เรียนให้ความรว่ มมือในการทำกจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ นักเรยี นมคี วามรับผดิ ชอบ มีความมงุ่ ม่ันใน การทำงาน ทำใบงานเสรจ็ ตามทไี่ ด้รบั มอบหมาย และมีผลสำเรจ็ ของงานท่ไี ด้รบั มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 100 ของนักเรียนทั้งหมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค กลุ่มผู้เรียนในห้องเดียวกัน มีความหลายหลาย พบว่ามีนักเรียนบางส่วนขาดความรู้พื้นฐานทางด้าน คณติ ศาสตร์ท่จี ำเป็นทำให้เกดิ ความล่าช้าในการทำกจิ กรรมตอบคำถามในแบบฝึกหัด . ลงชอ่ื วจิ ติ ตา .ผ้สู อน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ ) วันท.่ี ................................................. ลงชื่อ.......................................................คนู่ เิ ทศ (นายตฤณธิวฒั น์ ภญิ โญชัยภัทร) วันที่..................................................

หนา้ 97 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 12 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 การเคลอ่ื นทีแ่ นวตรง เรือ่ ง ความเร่ง (ตอ่ ) กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31201 ชอื่ รายวิชา ฟิสิกส์ เพ่ิมเตมิ 1 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาววจิ ติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวดั การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนที่ของนวิ ตนั กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนุรกั ษพ์ ลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตมั การเคล่ือนทแี่ นวโคง้ รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 3. ทดลองและอธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ตำแหนง่ การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง ของการเคลื่อนท่ี ของวัตถุในแนวตรงที่มีความเร่ง คงตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้งทดลองหาค่า ความเร่งโน้มถ่วงของโลกและ คำนวณปรมิ าณตา่ งๆทเ่ี ก่ียวขอ้ ง 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การเคลอื่ นที่ เป็นการเปล่ยี นตำแหน่งของวัตถุ ผลของการเปล่ยี นตำแหน่ง จะได้ขนาดความยาวของเส้นทาง การเปลี่ยนตำแหนง่ ซ่ึงเราเรียกวา่ ระยะทาง จึงเปน็ ปรมิ าณสเกลาร์ แต่ถ้าการเปลย่ี นตำแหนง่ นั้นมที ศิ ทางที่แน่นอน คือมที ิศจากตำแหนง่ เร่ิมตน้ ไปยังตำแหนง่ สดุ ท้าย สง่ิ ท่ไี ด้ จะมีท้งั ขนาดและทิศทาง จะเรยี กวา่ การกระจัด และเป็น ปรมิ าณเวกเตอร์ การเคลือ่ นทข่ี องวัตถตุ า่ งๆ เมื่อนำไปเทยี บกบั เวลา จะทำใหร้ ู้วา่ วตั ถนุ ัน้ เคล่ือนที่เรว็ หรอื ชา้ เรียกว่า มีอัตราเร็ว หรือ ความเร็ว โดย อัตราเร็วคิดจากอัตราการเปลี่ยนแปลงระยะทาง จึงเป็นปริมาณสเกลาร์ ส่วน ความเร็วคดิ จากอัตราการเปลี่ยนแปลงการกระจดั และเป็นปริมาณเวกเตอร์ การเคลอ่ื นทข่ี องวัตถุใดๆ เม่ือความเร็ว ไม่เท่าเดิม แสดงว่ามีการเร่งให้วัตถุนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเรียกว่า เกิดความเร่งขึ้นกับวัตถุนัน้ และขนาดของ ความเร่ง จะหาได้จาก อัตราการเปล่ียนแปลงความเรว็ ความเรง่ จงึ เป็นปริมาณเวกเตอร์ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา

หน้า 98 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1. ความสัมพันธ์ระหว่างการกระจัด เวลา ความเร็ว ความเร่งของการเคล่อื นทเ่ี ส้นตรง 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1. อธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างการกระจดั เวลา ความเร็ว ความเร่งของการเคลอื่ นที่เสน้ ตรง 2. คำนวณหาความเร่งของการเคล่ือนที่ของวัตถุได้ 4.3 คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. มีจิตวิทยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งมั่นในการทำงาน 5. ชน้ิ งานหรอื ภาระงานทแี่ สดงผลการเรียนรู้ ภาระงาน แบบฝึกหัด เร่ือง ความสัมพันธ์ระหวา่ งการกระจดั เวลา ความเร็ว ความเรง่ 6. การประเมนิ วิธีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์ 1. ตรวจคำตอบจากแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด เรื่อง ความสัมพันธ์ ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขนึ้ ไป เร่ือง ความสัมพนั ธ์ระหว่างการ ระหว่างการกระจัด เวลา ความเร็ว ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม กระจดั เวลา ความเร็ว ความเรง่ ความเร่ง 2. ตรวจคำตอบแบบฝึกหัด เพอ่ื แบบฝึกทกั ษะ ขอ้ คำถามอตั นยั ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขน้ึ ไป บนั ทึก สมรรถนะสำคัญของ เพ่ือวดั ความสามารถในการส่ือสาร ผู้เรียน ดา้ นความคิด และการ ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขียน ส่ือสาร 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บันทึก แบบสังเกตพฤติกรรม มีวินยั ใฝ่ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ในระดบั ดี คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ มี เรยี นรู้ และมงุ่ ม่ันในการทำงาน ขึน้ ไป วินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ ม่ันใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ ที่ 1 ขั้นนาเข้าส่บู ทเรยี น 1.1 สำรวจรายชอ่ื นกั เรียน ประเมินด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ได่แก่ การมวี ินัย ใฝเ่ รียนรู้ 1.2 ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้และการวัดผลประเมินผลดา้ น KPA

หนา้ 99 1.3 แบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 4-6 คน จัดแบบคละความสามารถในหนึ่งกลุ่มประกอบไปด้วย คนเก่ง ปานกลาง และต้องการพฒั นา และกำหนดบทบาทหนา้ ทข่ี องสมาชิกในกลุม่ ควรประกอบด้วย หวั หนา้ กลุม่ รองหัวหน้ากลุ่ม และเลขานกุ ารกลุ่ม 1.4 นักเรียนและครูร่วมกันทบทวนความรู้เดิม เกี่ยวกับ ตำแหน่งระยะทาง การกระจัด อัตราเร็ว ความเร็ว และความเร่ง เชื่อมโยงเนื้อหาโดยนักเรียนร่วมกันตอบคาถาม เกี่ยวกับ อัตราเร็วและระยะทางมี ความสัมพนั ธก์ นั อยา่ งไร เม่อื อ่านเข็มไมลร์ ถยนต์ เพ่ือนำไปสูก่ ารศกึ ษา เรอื่ ง การเคลือ่ นทีใ่ นแนวตรง 1.5 นกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายภายในกลุ่ม เก่ยี วกับ อตั ราเรว็ และระยะทางมีความสัมพนั ธก์ ันอย่างไร เม่อื อา่ นเขม็ ไมลร์ ถยนต์ 1.6 นักเรียนและครรู ่วมกันอภิปรายเกย่ี วกับ อตั ราเร็วและระยะทางมคี วามสัมพนั ธก์ ันอย่างไร เม่ือ อ่านเขม็ ไมลร์ ถยนต์ 1.7 แจง้ ใหน้ ักเรยี นทราบวา่ จะได้ศกึ ษาเกีย่ วกบั เกย่ี วกับ การเคล่อื นทีใ่ นแนวตรง ขน้ั ที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นพบ 2.1 นักเรียนสืบค้นข้อมูลการเคลื่อนที่ในแนวตรง จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม ฟิสิกส์ เล่ม 1 และใบความรู้ 2.2 นกั เรยี นทำใบงานและ แบบฝึกทกั ษะ เรอื่ ง สมการสาหรับการคำนวณหาปริมาณตา่ งๆของการ เคลือ่ นท่ีในแนวตรงด้วยความเร่งคงตัว ขัน้ ที่ 3 ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 3.1 นกั เรียนนาข้อมูลจากข้นั การสำรวจและคน้ หา มาอภิปรายร่วมกบั ครู 3.2 นักเรียนร่วมซักถาม และครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลการเคลื่อนที่ในแนวตรง และการ เคล่อื นทใี่ นแนวด่งิ เพื่อให้นกั เรยี นสรปุ สาระสำคัญลงในสมดุ จดบันทึก ขน้ั ที่ 4 ขั้นขยายความรู้ 4.1 นักเรียนสนทนาซักถามครูเกี่ยวกับข้อสงสัย ศึกษาเพิ่มเติมจากใบความรู้ ใบงาน และแบบฝึก ทกั ษะ เก่ยี วกบั การคำนวณเก่ยี วกับการเคล่ือนท่ีในแนวตรง ขนั้ ท่ี 5 ข้นั ประเมนิ 5.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้และการรว่ มกิจกรรมของนักเรียน 5.2 ประเมนิ จากการทาแบบฝกึ ทกั ษะ และใบงาน เรอื่ ง สมการสาหรบั การคำนวณหาปรมิ าณต่างๆ ของการเคลื่อนทใ่ี นแนวตรงดว้ ยความเร่งคงตัว 5.3 ครูประเมินคุณลกั ษณะ ด้าน มีวินัย และมีจิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งมั่นใน การทำงาน

หนา้ 100 8. สือ่ การเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี นการเรียนร้พู ้นื ฐานและเพิม่ เติมฟิสกิ ส์ เล่ม 1 2. ฐานขอ้ มลู Internet 3. ใบงาน เรอื่ ง ปรมิ าณต่าง ๆ ของการเคล่อื นท่ี 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet

หนา้ 101 9. สรุปผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นกั เรียนศึกษา เกยี่ วกบั ความสมั พันธ์ระหว่างการกระจดั เวลา ความเร็ว ความเร่งของการเคล่ือนที่เส้นตรง จากการทำกจิ กรรมในบทเรียน ตอบคำถามในใบงาน โดยมีนกั เรียน ร้อยละ 85ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขึ้นไป (โดยตอบถูกอยา่ งน้อยร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นกั เรยี นสามารถอธิบายความสมั พนั ธ์ระหว่างการกระจัด เวลา ความเรว็ ความเรง่ ของการเคลอ่ื นท่ีเส้นตรง จากสมการการเคล่ือนทแี่ นวตรง สามารถทำกจิ กรรมตอบคำถามในใบงาน โดยมีนกั เรียน ร้อยละ 90 ผ่าน เ ก ณ ฑ ์ ใ น ร ะ ด ั บ ดี ข ึ ้ น ไ ป ( โ ด ย ต อ บ ถ ู ก อ ย ่ า ง น ้ อ ย ร ้ อ ย ล ะ 6 0 ข อ ง ค ะ แ น น ต อ บ ค ำ ถ า ม ) . 9.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นกั เรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ นกั เรียนมีความรับผดิ ชอบ มีความมงุ่ ม่นั ใน การทำงาน ทำใบงานเสรจ็ ตามทไี่ ด้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของงานท่ไี ด้รบั มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คดิ เปน็ ร้อยละ 100 ของนักเรยี นทัง้ หมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค พบว่ามีนักเรยี นบางส่วนขาดความรพู้ ้ืนฐานทางด้านคณิตศาสตรท์ จ่ี ำเป็น เชน่ การหาค่าความชันของกราฟ เส้นตรง การหาพื้นที่ใต้กราฟ ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำกิจกรรมตอบคำถามในแบบฝึกหัด นักเรียน บางส่วนมีความสับสนในการใช้สมการที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ในการแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์ . ลงชอ่ื วจิ ติ ตา .ผ้สู อน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ ) วันท่.ี ................................................. ลงชอื่ .......................................................ค่นู เิ ทศ (นายตฤณธิวัฒน์ ภิญโญชยั ภทั ร) วนั ท่ี..................................................

หนา้ 102 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 13 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 การเคลือ่ นท่ีแนวตรง เรื่อง กราฟความเร็วกับระยะทางสำหรบั การเคลอ่ื นที่ในแนวตรง กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31201 ชอ่ื รายวชิ า ฟิสกิ ส์ เพิ่มเติม 1 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 เวลาเรียน 2 ชัว่ โมง ผู้สอน นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนท่ีของนิวตนั กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรกั ษ์พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์ โมเมนตัม การเคลื่อนท่แี นวโคง้ รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 3. ทดลองและอธิบายความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง ตำแหนง่ การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง ของการเคลื่อนท่ี ของวตั ถุในแนวตรงทมี่ คี วามเร่ง คงตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้งทดลองหาค่า ความเร่งโน้มถ่วงของโลกและ คำนวณปริมาณตา่ งๆที่เกยี่ วขอ้ ง 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด วัตถุที่เคล่ือนที่ในแนวตรง เมื่อเวลาผา่ นไป ความเร็วและความเร่งของวัตถุอาจเปลี่ยนไป ปริมาณเหล่านี้มี ความสมั พนั ธก์ บั เวลาทใ่ี ช้ในการเคลอ่ื นที่ เช่น กราฟความเรว็ กบั เวลา โดยความชันของกราฟความเรว็ กับเวลา คือ ความเร่ง และพื้นทใ่ี ตก้ ราฟความเร็วกบั เวลาเป็นระยะทางในแนวตรงทว่ี ัตถุเคล่อื นที่ได้ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1. กราฟความสมั พันธ์ระหวา่ งความเร็วและเวลาของการเคลอ่ื นที่ทมี่ คี วามเร่งคงตัวและการ เคล่อื นท่ีทม่ี คี วามเร่งไมค่ งตัว 2. การหาระยะทางและการกระจดั จากกราฟความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วและเวลาของการ เคลือ่ นที่ทมี่ ีความเรง่ คงตัว

หน้า 103 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1. บอกลกั ษณะของกราฟทแ่ี สดงความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วและเวลาของการเคลือ่ นทท่ี ่ีมี ความเร่งคงตัวและการเคลอ่ื นท่ีทม่ี คี วามเร่งไมค่ งตวั 2. คำนวณการหาระยะทางและการกระจัด จากกราฟความสัมพันธ์ระหวา่ งความเร็วและเวลาของ การเคลือ่ นท่ที ี่มีความเรง่ คงตัว 4.3 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. มีจติ วิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งมัน่ ในการทำงาน 5. ชิน้ งานหรือภาระงานทแี่ สดงผลการเรยี นรู้ ภาระงาน ใบงาน เรื่อง ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งกราฟความเรว็ กับ ระยะทางสำหรบั การเคล่ือนทใ่ี นแนวตรง 6. การประเมิน วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์ 1. ตรวจคำตอบจาก ใบงาน ใบงาน เรื่อง ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ขึ้นไป เรื่อง ความสมั พนั ธ์ระหว่าง กราฟความเร็ว กับ ระยะทางสำหรบั รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม กราฟความเร็ว กบั ระยะทาง การเคลื่อนท่ีในแนวตรง สำหรบั การเคลื่อนทใ่ี นแนวตรง 2. ตรวจแบบฝกึ เพอื่ บันทกึ แบบฝกึ ทกั ษะ ข้อคำถามอัตนยั ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขึ้นไป สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ด้าน เพอ่ื วดั ความสามารถในการส่อื สาร ความคดิ และการสอ่ื สาร ได้แก่ การอธิบาย การเขยี น 3. สังเกต สมั ภาษณ์ บนั ทกึ แบบสงั เกตพฤติกรรม มีวินัย ใฝ่ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินในระดบั ดี คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรียนรู้ และม่งุ มน่ั ในการทำงาน ขึ้นไป วินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมน่ั ใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ข้นั นำเขา้ ส่บู ทเรยี น 1.1 สำรวจรายชอื่ นกั เรยี น ประเมินดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ได่แก่ การมวี ินยั ใฝ่เรียนรู้ 1.2 ครูแจ้งจุดประสงค์การเรยี นรแู้ ละการวดั ผลประเมนิ ผลดา้ น KPA

หนา้ 104 1.3 แบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 4-6 คน จัดแบบคละความสามารถในหนึ่งกลุ่มประกอบไปด้วย คนเกง่ ปานกลาง และต้องการพัฒนา และกำหนดบทบาทหนา้ ทีข่ องสมาชกิ ในกล่มุ ควรประกอบด้วย หวั หน้ากล่มุ รองหัวหนา้ กล่มุ และเลขานุการกลุ่ม 1.4 ครูทบทวนความหมายของระยะทาง การกระจดั โดยให้นกั เรียนช่วยกันสรุปว่าถ้าวัตถุเคล่ือนท่ี ในแนวตรงโดยไม่เปลี่ยนทิศทาง ระยะทางและการกระจัดมีค่าเท่ากัน แต่ถ้าการเคลื่อนที่ในแนวตรงแต่เปลี่ยน ทศิ ทาง ระยะทางและการกระจัดจะมีคา่ ไม่เท่ากัน 1.5 ครูอธบิ ายเรอื่ งการหาระยะทางและการกระจัดจากพน้ื ที่ใตก้ ราฟและเวลาของการเคลื่อนใน1 มิติ ทีม่ คี วามเรว็ คงตวั ความเรง่ คงตวั และความเรง่ ไมค่ งตวั ดังแสดงตัวอยา่ งในหนงั สอื เรียน 2. ขั้นสำรวจและค้นพบ นักเรียนรับใบความรู้เรื่องความสัมพนั ธ์ระหว่างกราฟความเร็ว กับ ระยะทางสำหรับการเคล่อื นท่ี ในแนวตรงใหน้ กั เรียนศกึ ษาใหเ้ วลา 10 นาที 3. ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรปุ 3.1 นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปเน้ือหา เร่อื ง ปรมิ าณตา่ ง ๆ ของการเคลอ่ื นที่ จะไดข้ ้อ สรุปวา่ วัตถุที่เคลื่อนที่ในแนวตรง เมื่อเวลาผ่านไป ความเร็วและความเร่งของวัตถุอาจเปลี่ยนไป ปริ มาณเหล่านี้มี ความสมั พนั ธ์กบั เวลาทใี่ ช้ในการเคลือ่ นท่ี เชน่ กราฟความเรว็ กับเวลา โดยความชนั ของกราฟความเร็วกบั เวลา คือ ความเร่ง และพน้ื ทีใ่ ต้กราฟความเรว็ กับเวลาเป็นระยะทางในแนวตรงท่ีวัตถเุ คล่ือนท่ไี ด้ 3.2 ครูถามนกั เรียนเกยี่ วกบั ความเขา้ ใจในเน้อื หาที่เรยี นถา้ หากมขี อ้ สงสยั ให้ชักถามได้ 4. ขน้ั ขยายความรู้ 4.1 ครูสุ่มตวั แทนแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการทดลองหนา้ ชน้ั เรียน 4.2 นักเรียนทำใบงาน เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างกราฟความเร็ว กับ ระยะทางสำหรับการ เคล่ือนทใี่ นแนวตรงในชวั่ โมงเพื่อตรวจสอบความเข้าใจในเนื้อหาทเี่ รียนวนั น้ี 4.3 นกั เรยี นรว่ มอภปิ รายซกั ถามปญั หา เนื้อหาที่ยงั ไมเ่ ขา้ ใจ 4.4 ครูบอกให้นักเรียนไปศึกษาเรื่องที่จะเรียนในชั่วโมงต่อไปล่วงหน้า(สมการสำหรับคำนวณหา ปรมิ าณต่างๆของการเคลื่อนท่ใี นแนวตรงดว้ ยความเร่งคงตัว) 5. ขน้ั ประเมนิ 5.1 ตรวจสอบความถกู ต้องความเข้าใจในการทำใบงาน จากการนำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น 5.2 ครูประเมินคุณลักษณะ ด้าน มีวินัย และมีจิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งมั่นใน การทำงาน

หนา้ 105 8. สอ่ื การเรยี นร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี นการเรยี นรู้พน้ื ฐานและเพมิ่ เตมิ ฟสิ กิ ส์ เลม่ 1 2. ฐานข้อมลู Internet 3. ใบความรู้ เรอ่ื ง ความสมั พันธ์ระหวา่ งกราฟความเร็วกบั ระยะทางสำหรับการเคลือ่ นท่ีในแนวตรง 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet

หน้า 106 9. สรุปผลการจัดการเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นกั เรียนศึกษาความสมั พนั ธร์ ะหว่างการกระจดั เวลา ความเรว็ ความเรง่ ของการเคลอ่ื นทเ่ี สน้ ตรง และศึกษา วิธีการหาระยะทางและการกระจัดจากพื้นที่ใต้กราฟและเวลาของการเคลื่อนใน1 มิติ ที่มีความเร็วคงตัว ความเร่งคงตัวและความเร่งไม่คงตวั จากการทำกิจกรรมในบทเรียน ตอบคำถามในใบงาน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 85ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (โดยตอบถูกอย่างน้อยร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียนสามารถหาระยะทางและการกระจัดจากพนื้ ทีใ่ ต้กราฟและเวลาของการเคล่ือนใน1 มติ ิ ทีม่ คี วามเรว็ คง ตัว ความเร่งคงตัวและความเร่งไม่คงตัว สามารถทำกจิ กรรมตอบคำถามในใบงาน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 90 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (โดยตอบถูกอย่างน้อยร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.3 ด้านคณุ ลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรยี นให้ความรว่ มมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นกั เรียนมีความรับผิดชอบ มคี วามมุ่งม่นั ใน การทำงาน ทำใบงานเสรจ็ ตามทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย และมีผลสำเรจ็ ของงานทไี่ ด้รบั มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คดิ เปน็ ร้อยละ 100 ของนักเรยี นท้งั หมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค พบวา่ มีนกั เรยี นบางส่วนขาดความรพู้ ้ืนฐานทางดา้ นคณิตศาสตร์ท่จี ำเป็น เชน่ การหาค่าความชันของกราฟ เส้นตรง การหาพื้นที่ใต้กราฟ ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำกิจกรรมตอบคำถามในแบบฝึกหัด นักเรียน บางสว่ นมีความสบั สนในการใช้สมการท่ีเกี่ยวขอ้ งกับการเคล่อื นทีใ่ นการแก้โจทยป์ ญั หาทางฟสิ กิ ส์ . ลงชือ่ วิจติ ตา .ผสู้ อน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ ) วนั ที่.................................................. ลงชอ่ื .......................................................คู่นเิ ทศ (นายตฤณธิวฒั น์ ภญิ โญชยั ภัทร) วันท.่ี .................................................

หนา้ 107 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 14 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 การเคล่อื นทแ่ี นวตรง เรือ่ ง สมการการเคล่ือนทใี่ นแนวตรงดว้ ยความเรง่ คงตวั กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31201 ชอ่ื รายวชิ า ฟิสกิ ส์ เพิ่มเติม 1 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลาเรยี น 2 ชวั่ โมง ผู้สอน นางสาววจิ ติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวดั การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคล่อื นที่ของนิวตนั กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ ักษ์พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรักษ์ โมเมนตัม การเคลอ่ื นท่ีแนวโค้ง รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 3. ทดลองและอธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง ตำแหนง่ การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง ของการเคลื่อนท่ี ของวัตถุในแนวตรงที่มีความเร่ง คงตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้งทดลองหาค่า ความเร่งโน้มถ่วงของโลกและ คำนวณปรมิ าณตา่ งๆทเ่ี กย่ี วข้อง 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด ในชวี ิตประจำวนั ของเรา จะเห็นวัตถุตา่ งๆ เคลื่อนทด่ี ว้ ยความเร็วต่างๆ กัน เมื่อเราสนใจว่าวตั ถุเหล่าน้นั เช่น รถวง่ิ บนถนน หรอื เราเดิน ป่ันจักรยาน เป็นต้น มกี ารเปลย่ี นแปลงความเร็วอย่างไร หรอื เมื่อเกิดการเคลื่อนท่ีแล้วได้ ระยะทางเท่าไหร่ คำถามเหล่านี้ สามารถหาคำตอบได้ไม่ยาก เมื่อเราทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง ความเร็ว การกระจัด ความเร่ง และเวลา 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1. ความสัมพันธ์ระหว่าง ความเร็วต้น ความเร็วสุดทา้ ย ความเร่งคงตวั การกระจัด และเวลา ของ การเคลือ่ นท่ีใน 1 มติ ิ 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1. อธิบายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ความเรว็ ตน้ ความเร็วสดุ ทา้ ย ความเรง่ คงตัว การกระจัด และเวลา

หน้า 108 2. คำนวณหาปรมิ าณตา่ งๆ ท่ีเกยี่ วข้องกับการเคลื่อนท่ีใน 1 มติ ิ ดว้ ยความเร่งคงตวั 4.3 คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝร่ ู้ ม่งุ ม่ันในการทำงาน 5. ชนิ้ งานหรือภาระงานทแ่ี สดงผลการเรยี นรู้ ภาระงาน แบบฝึกหดั เรอื่ ง สมการ ของการเคลอ่ื นทีใ่ นแนวตรงด้วยความเร่งคงตวั 6. การประเมนิ เคร่ืองมอื เกณฑ์ วธิ กี าร แบบฝกึ หัด เร่ือง สมการของการ ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึ้นไป 1. ตรวจคำตอบในแบบฝกึ หัด เร่ือง สมการ ของการเคลือ่ นที่ในแนวตรง เคลอ่ื นทใ่ี นแนวตรงดว้ ยความเร่งคงตัว ร้อยละ60 ของคะแนนตอบ ด้วยความเรง่ คงตวั 2. ตรวจการเขยี นคำตอบใน คำถาม แบบฝึกหัด เพอ่ื บนั ทกึ สมรรถนะ สำคัญของผูเ้ รียน ดา้ นความคิด และ แบบฝึกหดั เรือ่ ง สมการ ของการ ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ข้ึนไป การส่ือสาร เคล่อื นทีใ่ นแนวตรงดว้ ยความเรง่ คงตวั 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บนั ทกึ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ มีวนิ ัย ใฝ่ ข้อคำถามอัตนยั เพื่อวัดความสามารถ เรยี นรู้ และมุ่งมัน่ ในการทำงาน ในการสอ่ื สาร ได้แก่ การอธบิ าย การ เขียน แบบสังเกตพฤติกรรม มวี นิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ ผ่านเกณฑก์ ารประเมินใน และม่งุ มน่ั ในการทำงาน ระดบั ดี ขึ้นไป 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขัน้ นำเข้าสู่บทเรียน 1.1 สำรวจรายชอ่ื นกั เรยี น ประเมนิ ด้านคุณธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ 1.2 ครูแจง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้และการวัดผลประเมนิ ผลด้าน KPA 1.3 แบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 4-6 คน จัดแบบคละความสามารถในหนึ่งกลุ่มประกอบไปด้วย คนเกง่ ปานกลาง และต้องการพฒั นา และกำหนดบทบาทหน้าท่ีของสมาชิกในกล่มุ ควรประกอบด้วย หัวหน้ากลมุ่ รองหวั หนา้ กลุ่ม และเลขานกุ ารกลุม่ 1.4 ครูนำสู่บทเรยี นโดยกราฟความสัมพนั ธข์ องความเรว็ เวลา กับระยะทางที่เคยไดศ้ กึ ษามา

หนา้ 109 2. ขั้นสำรวจและค้นพบ ครูอธบิ ายถงึ การหาสมการแสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างความเร็วต้น ความเร็วสุดทา้ ย ความเร่งคงตวั การกระจดั และเวลา โดยพจิ ารณาจากกราฟเส้นตรงทแี่ สดงความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วและเวลา 3. ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรปุ 3.1 นักเรยี นและครรู ว่ มกันสรุปเนอ้ื หาเรอื่ ง สมการสำหรับคำนวณหาปรมิ าณต่างๆของการเคลื่อนท่ี ในแนวตรงด้วยความเร่งคงตัวจะไดข้ ้อสรุปว่าสมการการเคล่ือนทดี่ ังน้ี V = u + at s =  u + v t 2 s = ut + 1 at 2 2 v2 = u2 + 2as 3.2 ครถู ามนกั เรยี นเกี่ยวกับความเข้าใจในเน้อื หาทีเ่ รียนถา้ หากมีขอ้ สงสัยให้ชกั ถามได้ 4. ขน้ั ขยายความรู้ 4.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง สมการสำหรบั คำนวณหาปริมาณตา่ งๆ ของการเคลือ่ นที่ในแนว ตรงด้วยความเรง่ คงตัว ในชว่ั โมงเพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจในเน้อื หาที่เรยี นวันน้ี 4.3 นักเรยี นร่วมอภปิ รายซักถามปญั หา เนื้อหาท่ยี ังไม่เขา้ ใจ 4.4 ครบู อกใหน้ กั เรียนไปศกึ ษาเรอื่ งท่ีจะเรยี นในชว่ั โมงตอ่ ไปล่วงหนา้ (การตกแบบเสรี) 5. ขัน้ ประเมนิ 5.1 ตรวจสอบความถูกตอ้ งความเขา้ ใจในการทำแบบฝึกหัด 5.2 ตรวจสอบจากการนำเสนอหน้าชัน้ เรียน 5.3 ครูประเมินคุณลักษณะ ด้าน มีวินัย และมีจิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งมั่นใน การทำงาน 8. สือ่ การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรียนการเรียนรู้พ้ืนฐานและเพม่ิ เตมิ ฟิสิกส์ เล่ม 1 2. ฐานขอ้ มูล Internet 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet

หน้า 110 9. สรปุ ผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง ความเร็วต้น ความเร็วสุดท้าย ความเร่งคงตัว การกระจัด และเวลา ของการเคลื่อนที่ใน 1 มิติและเรียนรูส้ มการสำหรับการเคลื่อนที่ใน 1 มิติ ด้วยความเร่งคงตัว จากการทำ กจิ กรรมในบทเรียน ตอบคำถามในใบงาน โดยมีนักเรยี น ร้อยละ 85ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ขน้ึ ไป (โดยตอบ ถูกอย่างนอ้ ยรอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ นักเรยี นสามารถหาระยะทางและการกระจดั จากพ้ืนท่ใี ต้กราฟและเวลาของการเคล่ือนใน1 มติ ิ ทมี่ ีความเรว็ คง ตัว ความเร่งคงตัวและความเร่งไม่คงตัว สามารถทำกจิ กรรมตอบคำถามในใบงาน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 90 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (โดยตอบถูกอย่างน้อยร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม ) . 9.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความรว่ มมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ นักเรยี นมคี วามรับผดิ ชอบ มีความมุ่งมั่นใน การทำงาน ทำใบงานเสรจ็ ตามท่ไี ด้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของงานทไี่ ด้รับมอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ของนกั เรยี นทัง้ หมด . 9.4 ปญั หาอุปสรรค พบวา่ มีนกั เรียนบางส่วนขาดความรพู้ ้ืนฐานทางด้านคณิตศาสตรท์ ่จี ำเป็น เช่น การหาคา่ ความชันของกราฟ เส้นตรง การหาพื้นที่ใต้กราฟ ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำกิจกรรมตอบคำถามในแบบฝึกหัด นักเรียน บางส่วนมคี วามสบั สนในการใช้สมการท่เี กย่ี วขอ้ งกบั การเคลอื่ นทีใ่ นการแก้โจทยป์ ัญหาทางฟิสิกส์ ลงชอ่ื วจิ ติ ตา .ผสู้ อน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์ ) วันท.่ี ................................................. ลงชื่อ.......................................................คนู่ เิ ทศ (นายตฤณธิวัฒน์ ภญิ โญชัยภทั ร) วนั ที่..................................................

หน้า 111 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 15 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 การเคล่ือนทแี่ นวตรง เรือ่ ง การตกแบบเสรี กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว31201 ช่ือรายวชิ า ฟิสิกส์ เพมิ่ เตมิ 1 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลาเรยี น 2 ชวั่ โมง ผ้สู อน นางสาววิจติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั /ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวดั การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลื่อนทีข่ องนวิ ตนั กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษพ์ ลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตมั การเคลอื่ นทแี่ นวโค้ง รวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 3. ทดลองและอธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง ตำแหน่งการกระจัด ความเร็ว และความเร่ง ของการเคลื่อนที่ ของวัตถใุ นแนวตรงที่มคี วามเรง่ คงตวั จากกราฟและสมการ รวมทั้งทดลองหาค่า ความเร่งโน้มถ่วงของโลกและ คำนวณปริมาณต่างๆทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การตกแบบเสรีเป็นการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ตกอย่างอิสระภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลกเพียงแรงเดียว การ เคลื่อนท่ีลักษณะนจ้ี ะไมค่ ิดแรงต้านของอากาศเม่ือวตั ถุท่ีตกแบบเสรี วตั ถจุ ะเคลือ่ นที่ลงดว้ ยความเรง่ g ถา้ กำหนดให้ g = 10 m/s2 แสดงวา่ วตั ถจุ ะเคล่อื นท่ีลงมาด้วยความเร็วเพิ่มข้นึ วินาทลี ะ 10 เมตรตอ่ วนิ าที 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1. การตกแบบเสรีภายใตแ้ รงดึงดูดโลก 2. สมการการเคลอื่ นท่ี 3. กราฟแสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความเร็วกับเวลาของการตกแบบเสรีภายใต้แรงดึงดดู โลก 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1. อธิบายการตกแบบเสีรภี ายใต้แรงดึงดดู โลก

หนา้ 112 2. คำนวณหาการเคลอ่ื นทข่ี องวตั ถุทต่ี กแบบเสรไี ด้ 3. ทำกจิ กรรม เรือ่ ง การตกแบบเสรี 4. เขยี นกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วกบั เวลา 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. มจี ิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝร่ ู้ มุง่ ม่ันในการทำงาน 5. ช้นิ งานหรอื ภาระงานทแ่ี สดงผลการเรียนรู้ ภาระงาน แบบฝึกหัด เรือ่ ง การตกแบบเสรี ใบกิจกรรม เรือ่ ง การตกแบบเสรี 6. การประเมนิ เกณฑ์ วิธกี าร เคร่อื งมือ ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป 1. ตรวจคำตอบในแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด เรื่อง การตกแบบเสรี ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม เรอื่ ง การตกแบบเสรี 2. ตรวจรายงานกจิ กรรม เรื่อง ใบกจิ กรรม เรอื่ ง การเคลอื่ นท่ีของ ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขน้ึ ไป การเคลือ่ นทีข่ องวตั ถุที่ตกแบบ วตั ถุท่ตี กแบบเสรี ขอ้ คำถามอตั นัย เสรีเพื่อบนั ทกึ สมรรถนะสำคัญ เพอื่ วัดความสามารถในการส่ือสาร ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินในระดับดี ของผเู้ รยี น ด้านความคดิ และ ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขยี น ข้ึนไป การสอื่ สาร 3. สังเกต สมั ภาษณ์ บนั ทกึ แบบสังเกตพฤตกิ รรม มวี ินัย ใฝ่ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ มี เรียนรู้ และม่งุ ม่นั ในการทำงาน วนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มน่ั ใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1 ข้ันนำเข้าส่บู ทเรียน 1.1 สำรวจรายช่อื นักเรียน ประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ 1.2 ครแู จ้งจดุ ประสงค์การเรยี นรแู้ ละการวัดผลประเมนิ ผลด้าน KPA

หน้า 113 1.3 แบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 4-6 คน จัดแบบคละความสามารถในหนึ่งกลุ่มประกอบไปด้วย คนเกง่ ปานกลาง และต้องการพัฒนา และกำหนดบทบาทหนา้ ที่ของสมาชกิ ในกลมุ่ ควรประกอบดว้ ย หัวหนา้ กลุม่ รองหวั หน้ากลุ่ม และเลขานกุ ารกลมุ่ 1.4 ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยนักเรียนและครูร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ในชีวิตประจำวนั ซ่ึงได้ขอ้ สรุปรว่ มกนั ว่า สว่ นใหญเ่ ป็นการเคลื่อนที่ทมี่ ีความเร่งซงึ่ มีทั้งความเร่งคงตวั และความเรง่ ไมค่ งตวั 1.5 ครตู ้งั คำถาม ถามนกั เรยี นว่า “ในการตกแบบเสรีของวัตถุ ซ่ึงเปน็ การเคลื่อนท่ีของวัตถุที่ตก ภายใต้แรงโนม้ ถ่วงของโลกเพียงอยา่ งเดียว ไม่คิดแรงต้านหรือแรงเสียดทานของอากาศความเรว็ ของวัตถุท่ีตกแบบ เสรจี ะเปล่ียนไปอย่างไร ขนาดของความเร่งมีคา่ เท่าใดและถ้านกั เรยี นตอ้ งการศกึ ษาการเคลอ่ื นที่ของวัตถุที่ตกแบบ เสรีจะมีวิธกี ารศกึ ษาอยา่ งไร” 2 ขั้นสำรวจและคน้ พบ 2.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษากิจกรรมที่ 2 เรื่อง การเคลื่อนที่ของวัตถุที่ตกแบบเสรี เพื่อศึกษา การหาความเรง่ ของวัตถุทตี่ กแบบเสรี 2.2 หลังจากนั้นนักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมเพื่อหาความเร่งของวัตถุที่ตกแบบเสรี โดยมีครูคอยให้คำแนะนำเม่ือนักเรียนมีข้อสงสยั ขณะปฏิบตั ิกจิ กรรมการทดลอง พรอ้ มท้งั คอยกระตุ้นให้สมาชิกแต่ ละคนในกลุ่มใหม้ ีส่วนร่วมในกจิ กรรมให้ครบทกุ คน 2.3 นักเรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกนั อภิปรายถงึ เน้ือหาที่ได้สืบค้นมาเป็นกลุ่มย่อย แล้วนำเสนอผลการ สืบค้นหน้าชั้นเรียนจนครบทุกกลุ่มครูให้คะแนนและชมเชยกลุ่มที่อภิปรายได้ดีและให้กำลังใจกลุ่มที่อภิปรายยั งไม่ ครอบคลมุ ในเนื้อหา 2.4 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ตกแบบเสรี อภิปราย ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งความเร็วกับเวลาของวตั ถทุ ่ีมีการเคลื่อนทีใ่ นแนวดง่ิ ถ้า เป็นคา่ + แสดงว่า a กเ็ ปน็ + ซง่ึ หมายถึง a มที ศิ เดยี วกบั ทิศการเคลื่อนท่ีของวตั ถุซงึ่ มีความเร็วเพม่ิ ขนึ้ ถ้า เป็นค่า - แสดงว่า a ก็เป็น - ซึ่งหมายถึง a มีทิศตรงกันข้ามกับทิศการเคลื่อนที่ของวัตถุ ในกรณีนี้วัตถุจะ เคล่อื นทชี่ ้าลง 3 ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรุป 3.1 แตล่ ะกลุม่ เขยี นรายงานผลการทดลองและร่วมกันอภิปรายผลการทดลองของกลุ่มตนเอง 3.2 ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรุปผลการทดลองดงั น้ี วัตถุที่ถูกปล่อยให้ตกแบบเสรีนั้นจะมีขนาดของความเร็วเพิ่มขึ้นด้วยอัตราเร็ว คงตัว กราฟที่เขียนได้ระหว่าง ความเร็วกับเวลาจะเป็นเส้นตรง ความชันของกราฟเท่ากับอัตราส่วนระหว่างความเร็วที่เปลี่ยนไปทั้ง หมดกับ ช่วงเวลาที่เกดิ การเปลีย่ นความเรว็ น้นั ซึ่งก็คือความเรง่ เฉลี่ยของการเคลื่อนท่ีน่ันเอง เน่อื งจากความเร่งเฉล่ียมีค่าคง

หนา้ 114 ตัวตลอด ดังนั้นความเร่งเฉลี่ยที่ได้ก็คือความเร่งขณะหนึ่ง ความเร่งในการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ตกแบบเสรีนี้ก็คือ ความเร่งโนม้ ถว่ งของโลก 4 ขนั้ ขยายความรู้ 4.1 นกั เรียนศึกษาหาความรูเ้ พม่ิ เตมิ จากใบความรู้เรอ่ื ง การเคล่ือนทข่ี องวตั ถุทตี่ กแบบเสรี 4.2 ครูอธบิ ายและให้ความรเู้ พ่ิมเตมิ เกีย่ วกับการเคลอื่ นท่ขี องวตั ถุทตี่ กแบบเสรี และความสัมพันธ์ของความเร็วกับเวลาของวัตถุที่มีการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง พร้อมกับยกตัวอย่างการคำนวณของ ความสัมพนั ธข์ องปรมิ าณดงั กลา่ ว 4.3 นกั เรียนฝึกการคำนวณหาความเรง่ ของการเคลอ่ื นทข่ี องวัตถุที่ตกแบบเสรี โดยครูให้ตัวอย่าง การคำนวณเพิ่มเตมิ บนกระดานและให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั คำนวณและสง่ ตัวแทนออกมาเฉลยบนกระดาน 4.4 ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัดเร่ือง การเคล่อื นทีข่ องวัตถทุ ่ตี กแบบเสรีเป็นการบ้านส่ง ในชัว่ โมงต่อไป 5 ขั้นประเมิน 5.1 ครูใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนพิจารณาวา่ ในหวั ขอ้ ทีเ่ รียนมาและในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมมจี ดุ ใดบ้างที่ยัง เข้าใจไม่ชัดเจนหรือยังมีข้อสงสัย ถ้ามีครูช่วยอธิบายเพิ่มเตมิ และทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบ คำถาม 5.2 นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ ถึงประโยชน์ทไ่ี ด้จากหวั ข้อทเี่ รียน จากการปฏิบัติกิจกรรม และการนำความรู้ทไ่ี ด้ไปใช้ประโยชน์ 5.3 ครูและนักเรยี นรว่ มกันประเมนิ การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกลุม่ ว่ามีปัญหา / อุปสรรคใด และได้มีการ แกไ้ ขอยา่ งไร ครูชมเชยกลมุ่ ท่ที ำงานได้ดี ให้กำลงั ใจและข้อเสนอแนะแกก่ ลุ่มท่ีควรปรับปรงุ 5.4 ครูประเมินคุณลกั ษณะ ด้าน มีวินัย และมีจิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งมั่นใน การทำงาน 8. สอื่ การเรียนรู/้ แหลง่ เรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี นการเรยี นรู้พน้ื ฐานและเพิม่ เตมิ ฟิสิกส์ เล่ม 1 2. ฐานข้อมลู Internet 3. ใบงาน เรื่อง ปรมิ าณต่าง ๆ ของการเคล่ือนท่ี 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet

หน้า 115 9. สรุปผลการจัดการเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรยี นศกึ ษาการตกแบบเสรีภายใตแ้ รงดึงดูดโลก และกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วกับเวลา ของการตกแบบเสรี ศกึ ษาการตกของวัตถุ จากใบกิจกรรม เรอื่ ง การเคลอ่ื นท่ขี องวตั ถทุ ต่ี กแบบเสรี หา ความเร่งเน่อื งจากแรงดงึ ดดู โลก จากแถบกระดาษเครื่องเคาะสัญญาณเวลา การเขียนกราฟ และหาค่าความ ชัน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 85 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรียนทำกิจกรรม เรื่อง การเคล่ือนทีข่ องวัตถทุ ี่ตกแบบเสรี โดยการวิเคราะหจ์ ดุ บนแถบกระดาษที่ถูก ดึงผ่านเครื่องเคาะสัญญาณเวลา การเขียนกราฟ และหาค่าความชนั และสามารถอธิบายความสัมพันธ์ของ ความเร็วกับเวลาของวัตถุที่มีการเคล่ือนที่ในแนวดิง่ พร้อมกับยกตัวอย่างการคำนวณของความสัมพันธ์ ของปริมาณดงั กล่าว โดยมนี ักเรยี น ร้อยละ 85 ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ข้นึ ไป (รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบ คำถาม) . 9.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นกั เรยี นให้ความรว่ มมอื ในการทำกจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ นกั เรียนมคี วามรบั ผดิ ชอบ มคี วามมุ่งมัน่ ใน การทำงาน ทำใบงานเสร็จตามท่ไี ด้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของงานท่ไี ด้รบั มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คดิ เปน็ ร้อยละ 100 ของนกั เรยี นทงั้ หมด . 9.4 ปญั หาอุปสรรค อุปกรณ์ทากรทดลองชำรุด และมีจำนวนไมเ่ พยี งพอต่อจำนวนกลุ่มของนกั เรียน ครจู งึ เลอื กใช้วธิ กี ารจดั กลุ่ม นักเรยี นและให้หมุนเวียนทำกจิ กรรมภายในชว่ งระยะเวลาทีก่ ำหนดให้ ทำใหต้ อ้ งใชร้ ะยะเวลาในการทำกิจกรรม พบว่านักเรียนบางส่วนลืมวิธีการหาค่าความชนั ของกราฟ . ลงช่ือ วจิ ิตตา .ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์ ) วันท่.ี ................................................. ลงช่ือ.......................................................ค่นู ิเทศ (นายตฤณธวิ ัฒน์ ภญิ โญชยั ภัทร) วันที่..................................................

หน้า 116 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 16 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การเคลอื่ นทแ่ี นวตรง เรื่อง การเคลื่อนทแ่ี นวตรง กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31201 ช่อื รายวิชา ฟิสิกส์ เพมิ่ เตมิ 1 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลาเรียน 2 ช่วั โมง ผู้สอน นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชว้ี ดั /ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนท่ขี องนิวตัน กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวตั ถุ งาน และกฎการอนุรักษ์พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์ โมเมนตัม การเคล่ือนท่ีแนวโคง้ รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 3. ทดลองและอธิบายความสมั พันธร์ ะหว่าง ตำแหนง่ การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง ของการเคลื่อนที่ ของวัตถุในแนวตรงที่มีความเร่ง คงตัวจากกราฟและสมการรวมทั้งทดลองหาค่า ความเร่งโน้มถ่วงของโลกและ คำนวณปริมาณตา่ งๆที่เกี่ยวข้อง 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การเคลื่อนที่ในแนวตรง เป็นการเคลื่อนที่ในแนวใดแนวหนึ่ง เช่น แนวราบหรือแนวดิ่งที่มีระยะทางการ กระจดั อตั ราเรว็ ความเรว็ ความเร่ง อยใู่ นแนวเส้นตรงเดียวกนั ระยะทาง (Distance) สามารถวัดได้เมื่อทราบตำแหน่งเร่ิมต้น ตำแหน่งสุดท้าย และเส้นทางการเคลื่อนท่ี ของวัตถุนั้น อาจกล่าวได้ว่า ระยะทางเป็นระยะทางทั้งหมดทีค่ รอบคลมุ การเคลื่อนที่ของวัตถุโดยไมค่ ำนึงถึงทิศทาง ของการเคล่ือนท่ี โดยพจิ ารณาเฉพาะจำนวนหรือปริมาณเป็นสำคญั ระยะทางจงึ เปน็ ปริมาณ สเกลาร์ การกระจัด (Displacement) เป็นปริมาณที่บอกให้ทราบถึงการเปลี่ยนตำแหน่งใหม่เทียบกับตำแหนง่ เดมิ โดยระบุท้ังระยะห่างและทศิ ทาง การกระจดั จึงเปน็ ปริมาณเวกเตอร์ อัตราเร็ว (Speed) ของวัตถุจะบอกเราว่าวัตถุเคลื่อนที่ได้เร็วหรือช้า ในทางฟิสิกส์อัตราเร็วของวัตถุเป็น ระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ต่อหน่วยเวลา เป็นอัตราการเปลีย่ นแปลงระยะทาง หน่วยของอัตราเร็ววัดเป็นเมตร/วินาที หรอื กโิ ลเมตร/ชว่ั โมง ความเร็ว (Velocity) เป็นอัตราการเปลี่ยนแปลงการกระจัด หรือการกระจัดที่เปลี่ยนไปในหนึ่งหน่วยเวลา ทิศของความเร็วเป็นทิศเดียวกับทิศการเปลี่ยนการกระจัด เป็นปริมาณเวกเตอร์ และมีหน่วยเป็นเมตร/วินาที หรือ กโิ ลเมตร/ช่วั โมง ความเร่ง (acceleration) หมายถึง ความเร็วที่เปลี่ยนแปลงไปในหนึ่งหน่วยเวลา เนื่องจากความเร็วเป็น ปรมิ าณเวกเตอร์ ความเร่งจึงเปน็ ปรมิ าณเวกเตอรด์ ว้ ย สำหรบั ความเร่งในชว่ งเวลาการเคล่อื นทใ่ี ดๆ เรยี กว่า ความเร่ง

หน้า 117 เฉลี่ย (average acceleration) ซึ่งเป็นอัตราส่วนระหว่างความเรว็ ที่เปลี่ยนไปทั้งหมดกบั ช่วงเวลาที่เกิดการเปลีย่ น ความเร็วนน้ั การตกแบบเสรี เป็นการเคลื่อนที่ของวตั ถวุ ตั ถุภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลกเพียงแรงเดียว โดยไม่คิดแรงต้าน หรือแรงเสียดทานของอากาศ ความเรง่ ในการเคลอื่ นท่ขี องวัตถุทตี่ กแบบเสรี เรียกว่า ความเร่งโนม้ ถ่วงของโลก 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1. การเคลือ่ นทีแ่ นวตรง 2. สมการการเคลื่อนทแ่ี นวตรง 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1. ใช้สมการการเคล่ือนทีแ่ นวตรงในการคำนวณหาปรมิ าณที่เกีย่ วข้องจากสถานการณ์ท่ีกำหนดให้ 4.3 คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความสนใจใฝ่รู้ ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 5. ชิน้ งานหรอื ภาระงานท่แี สดงผลการเรียนรู้ ภาระงาน แบบทดสอบ ประจำบทที่ 2 เรื่องการเคลอ่ื นทแ่ี นวตรง 6. การประเมิน เกณฑ์ วธิ ีการ เครอื่ งมือ ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึน้ ไป 1. ตรวจคำตอบใบแบบทดสอบ แบบทดสอบ ประจำบทท่ี 2 ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม

หน้า 118 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ขน้ั นำเข้าส่บู ทเรยี น 1.1 สำรวจรายช่ือนกั เรียน ประเมนิ ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ได่แก่ การมวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้ 1.2 ครูแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้และการวดั ผลประเมินผลด้าน KPA 1.3 ครนู ำส่บู ทเรยี นโดยสอบถามปัญหาในเน้อื หาทีเ่ รยี นผ่านมา 2. ขัน้ สำรวจและคน้ พบ ครอู ธบิ ายถงึ การหาสมการแสดงความสัมพนั ธร์ ะหว่างความเรว็ ต้น ความเรว็ สุดทา้ ย ความเร่งคงตัว การกระจัดและเวลา การคำนวณโดยการใช้สมการ 3. ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 3.1 นกั เรยี นและครรู ่วมกันสรุปเนอ้ื หาเรอ่ื ง สมการสำหรับคำนวณหาปรมิ าณตา่ งๆของการเคลอ่ื นท่ี ในแนวตรงดว้ ยความเร่งคงตัวจะได้ข้อสรุปว่าสมการการเคลอื่ นท่ีดงั นี้ V = u + at s =  u + v t 2 s = ut + 1 at 2 2 v2 = u2 + 2as 3.2 ครถู ามนกั เรยี นเก่ยี วกบั ความเข้าใจในเน้อื หาทีเ่ รยี นถ้าหากมขี ้อสงสยั ให้ชกั ถามได้ 4. ขน้ั ขยายความรู้ นักเรียนทำแบบทดสอบประจำบทที่ 2 เร่อื งการเคลอื่ นท่แี นวตรง 5. ขน้ั ประเมนิ 5.1 ตรวจสอบความถูกต้องความเข้าใจในการทำแบบทดสอบ 5.2 ครูประเมินคุณลักษณะ ด้าน มีวินัย และมีจิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งมั่นใน การทำงาน 8. สอื่ การเรียนร/ู้ แหล่งเรียนรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียนการเรียนรพู้ น้ื ฐานและเพิม่ เตมิ ฟสิ ิกส์ เลม่ 1 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet

หนา้ 119 9. สรปุ ผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนศึกษาการหาสมการแสดงความสมั พันธ์ระหวา่ งความเร็วต้น ความเร็วสุดท้าย ความเร่งคงตัว การ กระจัดและเวลา ศึกษาตัวอย่างการคำนวณโดยการใช้สมการสำหรับคำนวณหาปริมาณต่างๆของการ เคลอ่ื นที่ในแนวตรงด้วยความเรง่ คงตวั โดยมนี กั เรียน ร้อยละ 85 ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ข้นึ ไป (ร้อยละ60 ของคะแนนการทำแบบทดสอบบทที่ 2) . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียนสามารถใช้สมการแสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งความเร็วต้น ความเร็วสุดทา้ ย ความเร่งคงตัว การ กระจัดและเวลา และคำนวณโดยการใชส้ มการสำหรับคำนวณหาปริมาณตา่ งๆของการเคลื่อนท่ีในแนวตรง ด้วยความเรง่ คงตัว โดยมีนกั เรียน ร้อยละ 85 ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนการทำ แบบทดสอบบทท่ี 2) . 9.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นกั เรยี นใหค้ วามร่วมมือในการทำกจิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจ นกั เรียนมีความรบั ผิดชอบ มคี วามมงุ่ ม่ันใน การทำงาน ทำใบงานเสรจ็ ตามทไี่ ด้รับมอบหมาย และมีผลสำเรจ็ ของงานทไี่ ด้รบั มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 ของนักเรยี นท้งั หมด . 9.4 ปัญหาอุปสรรค ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ลงชื่อ วจิ ติ ตา .ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ ) วนั ท.ี่ ................................................. ลงช่อื .......................................................คูน่ ิเทศ (นายตฤณธวิ ฒั น์ ภญิ โญชัยภทั ร) วันท่ี..................................................

หนา้ 120 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 17 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 แรงและกฎการเคลอ่ื นที่ เร่ือง แรง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31205 ช่ือรายวิชา ฟิสกิ ส์ เพิ่มเตมิ 1 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลาเรียน 2 ช่วั โมง ผสู้ อน นางสาววิจติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชี้วดั /ผลการเรียนรู้ สาระท่ี 1 เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟิสิกสป์ ริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนท่แี นวตรง แรงและกฎการ เคลอื่ นทข่ี องนวิ ตนั กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรักษพ์ ลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์ โมเมนตมั การเคลอ่ื นท่ีแนวโคง้ รวมท้งั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 4. ทดลองและอธบิ ายการหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงท่ที ำมมุ ต่อกัน 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด แรงทำใหว้ ัตถุเปล่ยี นสภาพการเคลือ่ น หน่วยของแรงในระบบเอสไอ คือ นิวตนั แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ การหาแรงลพั ธใ์ ชว้ ธิ ีการเดียวกับการหาเวกเตอรล์ ัพธ์ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1. ความหมายของแรง 2. การหาแรงลัพธ์ 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1. อธบิ ายความหมายของแรง 2. การหาแรงลพั ธ์ 4.3 คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝร่ ู้ มุง่ มน่ั ในการทำงาน

หนา้ 121 5. ชิน้ งานหรอื ภาระงานทแี่ สดงผลการเรียนรู้ ภาระงาน ใบงาน เรือ่ ง แรง 6. การประเมิน เคร่อื งมือ เกณฑ์ วิธกี าร ใบงาน เรอ่ื ง แรง ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ขนึ้ ไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจใบงาน เรื่อง แรง ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขน้ึ ไป 2. ตรวจคำตอบในใบงาน เรอื่ ง ใบงาน เร่อื ง แรง ข้อคำถามอัตนยั ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ในระดับดี แรง เพ่อื บันทึก สมรรถนะ เพื่อวดั ความสามารถในการสอื่ สาร ขน้ึ ไป สำคัญของผูเ้ รยี น ด้านความคิด ได้แก่ การอธิบาย การเขยี น และการสอื่ สาร 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บันทกึ แบบสงั เกตพฤติกรรม มวี นิ ัย ใฝ่ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ มี เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน วินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่นั ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขนั้ นำเข้าสบู่ ทเรยี น 1.1 สำรวจรายชื่อนักเรียน ประเมินด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ไดแ่ ก่ การมวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ 1.2 ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรแู้ ละการวัดผลประเมนิ ผลด้าน KPA 1.3 ครูนำวัตถุที่หาได้ในห้องเรียนเช่น หนังสือ รถทดลอง ถุงทราย ให้นักเรียนทำกิจกรรม ร่วมกับครู เชน่ ออกแรงผลกั หนงั สือหรือรถทดลองหรือถงุ ทรายด้วยแรงขนาดต่างๆ และทิศทางต่างๆ ตั้งคำถาม ว่าทำไมวตั ถุเหล่าน้ีจึงเคลือ่ นที่ วัตถุเหล่านีจ้ ะเคลือ่ นทีไ่ ปทางใด หรือเมื่อออกแรงผลักรถทดลองในทิศทางต่างๆ ขณะรถทดลองกำลงั เคลื่อนที่ ตัง้ คำถามว่าวตั ถุเหลา่ นจ้ี ะเคลอ่ื นที่ได้อยา่ งไร(เร็วข้ึนหรือช้าลง) 2. ขน้ั สำรวจและคน้ พบ นกั เรยี นสบื ค้นขอ้ มูลเก่ียวกับ แรง จาก เรยี นรายวิชาเพ่ิมเติม ฟสิ กิ ส์ เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ใหเ้ วลา 10 นาที 3. ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรุปเนอ้ื หา เรื่อง แรง โดยครูอธิบายเพม่ิ เตมิ เกีย่ วกับแรง เพอื่ ให้นักเรียน สรปุ สาระสำคัญลงในสมุดจดบนั ทึก

หนา้ 122 4. ขั้นขยายความรู้ 4.2 นักเรียนทำใบงาน เรื่อง แรง ในช่ัวโมงเพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจในเนอื้ หาที่เรยี นวนั นี้ 4.3 นักเรยี นร่วมอภปิ รายซกั ถามปญั หา เนอ้ื หาท่ียงั ไม่เขา้ ใจ 4.4 ครบู อกใหน้ กั เรียนไปศึกษาเร่ืองท่ีจะเรียนในช่วั โมงตอ่ ไปลว่ งหน้า(การหาแรงลัพธ์ของแรง สองแรงทีท่ ำมมุ ตอ่ กนั ) 5. ขั้นประเมนิ 5.1 ตรวจสอบความถูกต้องความเขา้ ใจในการทำแบบฝกึ หัด 5.2 ตรวจสอบจาการนำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น 5.3 ครูและนกั เรียนร่วมกันประเมนิ การปฏิบัติกิจกรรมกลมุ่ ว่ามีปัญหา / อปุ สรรคใด และได้มี การแก้ไขอย่างไร ครูชมเชยกลุ่มท่ีทำงานไดด้ ี ให้กำลังใจและข้อเสนอแนะแก่กลมุ่ ท่ีควรปรับปรงุ 5.4 ครปู ระเมนิ คุณลักษณะ ดา้ น มีวินยั และมจี ิตวทิ ยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งม่ัน ในการทำงาน 8. สือ่ การเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรียนรู้ 1. หนังสอื เรียนการเรียนร้พู ้ืนฐานและเพ่มิ เติมฟิสิกส์ เล่ม 1 2. ฐานข้อมูล Internet 3. ใบความรู้ เรอ่ื ง แรง 4. power point เร่ือง แรงและกฎการเคล่ือนที่ของนิวตนั 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet

หนา้ 123 9. สรปุ ผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับความหมายของแรง วิธีการหาแรงลัพธ์ จากหนังสือประกอบบทเรียน ใบความรู้ และแหลง่ เรียนรูท้ ีน่ กั เรียนสะดวกในการสืบคน้ โดยมีจำนวนนกั เรียน ร้อยละ 92 ท่ีผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขน้ึ ไป (โดยผา่ นเกณฑ์ร้อยละ60 ของคะแนนการตอบคำถาม) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นกั เรยี นสามารถอธบิ ายเก่ยี วกับความหมายของแรงได้ หาแรงลพั ธ์ของแรงย่อยหลายแรงในแนวเส้นตรง เดียวกัน ที่กระทำบนวัตถุโดยใช้เครื่องหมาย บวก-ลบ แทนทิศทางของแรงที่อยู่ในแนวเส้นตรง เดียวกันได้ถูกตอ้ ง โดยมีนักเรยี น ร้อยละ 92 ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขนึ้ ไป (รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบ คำถาม) . 9.3 ด้านคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งม่ันในการทำงาน ทำใบงานเสรจ็ ตามทไี่ ด้รบั มอบหมาย และมผี ลสำเร็จของงานผา่ นตามเกณฑ์ คดิ คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ของนักเรียนท้งั หมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ วจิ ติ ตา .ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ ) วนั ที่.................................................. ลงชือ่ .......................................................คูน่ ิเทศ (นายตฤณธิวฒั น์ ภญิ โญชัยภัทร) วนั ท่ี..................................................

หนา้ 124 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 18 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 แรงและกฎการเคลือ่ นท่ี เรอื่ ง การหาแรงลพั ธ์ของแรงสองแรงท่ที ำมมุ ต่อกัน กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31205 ช่ือรายวชิ า ฟสิ กิ ส์ เพ่มิ เติม 1 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 เวลาเรยี น 2 ช่วั โมง ผ้สู อน นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสกิ สป์ ริมาณและกระบวนการวดั การเคล่อื นทแ่ี นวตรง แรงและกฎการ เคลือ่ นท่ขี องนวิ ตนั กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ ักษพ์ ลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตัม การเคล่อื นท่ีแนวโคง้ รวมทง้ั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 4. ทดลองและอธบิ ายการหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงทท่ี ำมุมตอ่ กนั 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด แรงทำให้วตั ถุเปลยี่ นสภาพการเคลอ่ื น หนว่ ยของแรงในระบบเอสไอ คือ นิวตัน แรงเปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์ การหาแรงลัพธ์ใช้วธิ ีการเดียวกบั การหาเวกเตอร์ลัพธ์ การหาแรงลัพธข์ องแรงสองแรงที่ทำมุมต่อกันสามารถทำได้ โดยการสร้างรูปหรือการทำคำนวณ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1. การเขียนเวกเตอรแ์ ทนขนาดและทิศทางของแรง 2. การหาแรงลัพธ์ของแรงย่อยหลายแรงในแนวเส้นตรงเดียวกัน ที่กระทำบนวัตถุโดยใช้ เคร่อื งหมาย บวก-ลบ แทนทิศทางของแรงทอี่ ยใู่ นแนวเสน้ ตรงเดยี วกัน 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1. เขยี นเวกเตอรแ์ ทนขนาดและทศิ ทางของแรง 2. อธบิ ายวิธีการขนาดและทศิ ทางของแรงลัพธข์ องแรงสองแรงท่กี ระทำมุมต่อกนั

หนา้ 125 4.3 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. มีจิตวิทยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความสนใจใฝร่ ู้ มงุ่ มั่นในการทำงาน 5. ชนิ้ งานหรอื ภาระงานทแ่ี สดงผลการเรียนรู้ ภาระงาน 1. แบบฝกึ หัดเรือ่ ง การหาแรงลพั ธ์ของแรงสองแรงทท่ี ำมมุ ตอ่ กนั 6. การประเมิน วธิ ีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์ ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป 1. ตรวจคำตอบแบบฝึกหดั เรื่อง แบบฝกึ หัดเรื่อง การหาแรงลพั ธข์ อง ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม การหาแรงลัพธข์ องแรงสองแรง แรงสองแรงท่ที ำมมุ ต่อกนั ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขนึ้ ไป ท่ีทำมมุ ต่อกนั ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดบั ดี ข้ึนไป 2. ตรวจแบบฝึกหดั เพื่อบันทึก แบบฝกึ หดั ขอ้ คำถามอตั นัย สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ด้าน เพ่อื วัดความสามารถในการส่อื สาร ความคดิ และการสือ่ สาร ได้แก่ การอธบิ าย การเขยี น 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บันทึก แบบสังเกตพฤติกรรม มวี นิ ยั ใฝ่ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรยี นรู้ และมุ่งม่ันในการทำงาน วนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมนั่ ใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรยี น 1.1 สำรวจรายช่อื นกั เรยี น ประเมินด้านคุณธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ 1.2 ครูแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรแู้ ละการวดั ผลประเมนิ ผลด้าน KPA 1.3 แบ่งกลมุ่ นกั เรียนกล่มุ ละ 4-6 คน จดั แบบคละความสามารถในหน่ึงกลุม่ ประกอบไปด้วย คนเก่ง ปานกลาง และต้องการพฒั นา และกำหนดบทบาทหน้าที่ของสมาชิกในกลุม่ ควรประกอบด้วย หวั หนา้ กลุม่ รองหวั หนา้ กลุม่ และเลขานุการกลุ่ม นกั เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1.4 ครใู ช้จดุ กงึ่ กลางของเสน้ เชือกเบาผูกติดกับรถทดลอง แล้วใหน้ ักเรียนสองคนออกแรงดึงท่ี ปลายทัง้ สองของเชือกแยกออกจากกนั ทำมมุ ตอ่ กันมากกว่าศนู ย์องศา ใหน้ ักเรยี นสังเกตแนวการเคลื่อนที่ของรถ ทดลอง

หนา้ 126 2. ข้นั สำรวจและคน้ พบ 2.1 นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ การหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงที่ทำมุมต่อกัน จากแหล่ง เรียนรู้ อินเตอรเ์ น็ต หรอื จากหนังสือเรียนรายวิชาฟสิ ิกส์ โดยใหน้ กั เรยี นศกึ ษาให้เวลา 10 นาที 2.2 นักเรียนศึกษาตัวอย่างโจทย์ เกี่ยวกับวิธีการหาขนาดและทศิ ทางของแรงลัพธ์ของแรงสอง แรงทท่ี ำมุมตอ่ กัน 3. ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 3.1 นักเรยี นและครูร่วมกันสรุปเน้อื หา เรอื่ ง การหาแรงลพั ธ์ของแรงสองแรงท่ีทำมุมตอ่ กัน จะ ได้ข้อสรุปว่า แรงทำให้วัตถุเปลี่ยนสภาพการเคลื่อน หน่วยของแรงในระบบเอสไอ คือ นิวตัน แรงเป็นปริมาณ เวกเตอร์ การหาแรงลัพธ์ใช้วิธีการเดียวกับการหาเวกเตอร์ลัพธ์ การหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงที่ทำมุมต่อกัน สามารถทำไดโ้ ดยการสร้างรปู หรือการคำนวณ 3.2 ครูถามนกั เรยี นเกย่ี วกบั ความเข้าใจในเน้ือหาทีเ่ รยี น ถ้าหากมขี อ้ สงสยั ใหซ้ กั ถามได้ 4. ขนั้ ขยายความรู้ 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติม เรื่อง การหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงที่ทำมุมต่อกัน ใน ช่วั โมงเพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจในเนื้อหาทีเ่ รียนวนั น้ี 4.3 นกั เรยี นรว่ มอภปิ รายซักถามปัญหา เนอื้ หาท่ยี งั ไมเ่ ขา้ ใจ 4.4 ครบู อกใหน้ กั เรียนไปศึกษาเร่อื งท่ีจะเรยี นในชั่วโมงต่อไปล่วงหน้า(การหาแรงลัพธ์ของแรง สองแรงทที่ ำมุมต่อกนั ) 5. ขั้นประเมนิ 5.1 ตรวจสอบความถูกตอ้ งความเขา้ ใจในการทำแบบฝึกหดั 5.2 ตรวจสอบจาการนำเสนอหน้าช้นั เรยี น 5.3 สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้และการร่วมกิจกรรมของนักเรยี น ครูประเมนิ คณุ ลักษณะ ด้าน มวี ินัย และมจี ติ วิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุง่ มั่นในการทำงาน 8. สอ่ื การเรยี นรู/้ แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียนการเรียนรู้พื้นฐานและเพิ่มเติมฟิสกิ ส์ เลม่ 1 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet

หนา้ 127 9. สรปุ ผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนศึกษาเก่ียวกับการหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงที่ทำมุมต่อกัน ทำให้ได้ข้อสรปุ รว่ มกันเกี่ยวกับ การหาแรงลัพธ์ใช้วิธีการเดียวกับการหาเวกเตอร์ลัพธ์ การหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงที่ทำมุมต่อกัน สามารถทำไดโ้ ดยการสร้างรูปหรือการคำนวณ จากการทำกจิ กรรมตอบคำถามในใบงาน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 85ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (โดยตอบถูกอย่างน้อยร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ นกั เรยี นสามารถเขียนเวกเตอรแ์ ทนแรงได้ สามารถคำนวณหาแรงลพั ธ์ของแรงสองแรงท่ีทำมุมต่อกัน โดยการสร้างรูป และการคำนวณ จากการทำกิจกรรมตอบคำถามในใบงาน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 85 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (โดยตอบถูกอย่างน้อย ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.3 ด้านคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มงุ่ มน่ั ในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รบั มอบหมาย และมีผลสำเรจ็ ของงานผ่านตามเกณฑ์ คดิ คิด เป็นรอ้ ยละ 100 ของนักเรียนทั้งหมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค มีนักเรียนบางส่วนขาดความรูพ้ ื้นฐานทางด้านคณิตศาสตร์ที่จำเป็น เช่น ตรีโกณมติ ิ ค่า cos ของมมุ ค่าตา่ งๆ ครผู ้สู อนตอ้ งทบทวนความรู้พื้นฐานดงั กล่าวทำใหเ้ กิดความลา่ ชา้ ในการทำกจิ กรรมในบทเรียน เ พ ื ่ อ ใ ช ้ เ ป ็ น แ น ว ท า ง ใ น ก า ร ต อ บค ำถ า ม แ บ บฝ ึ ก ห ั ด ก า ร ห า แ ร งล ั พ ธ์ ขอ ง แร ง สอ ง แ รง ที ่ ทำ มุ ม ต่อกัน นอกจากนี้นักเรียนบางส่วนมีความสับเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของด้านประกอบสามเหลี่ยมมุมฉาก . ลงชือ่ วจิ ติ ตา .ผูส้ อน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ ) วันท.ี่ ................................................. ลงชอ่ื .......................................................คนู่ เิ ทศ (นายตฤณธิวฒั น์ ภิญโญชัยภทั ร) วันท่.ี .................................................

หนา้ 128 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 19 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 แรงและกฎการเคล่อื นที่ เรื่อง การหาแรงลพั ธ์โดยการสรา้ งรปู กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31205 ชือ่ รายวชิ า ฟสิ ิกส์ เพมิ่ เตมิ 1 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลาเรียน 2 ชั่วโมง ผสู้ อน นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เขา้ ใจธรรมชาติทางฟิสิกสป์ ริมาณและกระบวนการวดั การเคลอ่ื นที่แนวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนท่ขี องนิวตัน กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษพ์ ลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์ โมเมนตัม การเคล่อื นที่แนวโคง้ รวมทั้งนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 4. ทดลองและอธิบายการหาแรงลพั ธข์ องแรงสอง แรงทท่ี ำมมุ ตอ่ กนั 5. เขียนแผนภาพของแรงทีก่ ระทำตอ่ วัตถุอสิ ระ ทดลอง และอธบิ ายกฎการเคลอ่ื นที่ของนวิ ตนั และการ ใชก้ ฎการเคลือ่ นทขี่ องนิวตันกับสภาพการ เคลื่อนทขี่ องวัตถุ รวมท้งั คำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การหาแรงลัพธ์โดยการสรา้ งรูป โดยเขียนลูกศรแทนขนาดและทิศทางของแรงตามมาตรส่วนที่กำหนด เพื่อหาแรงลัพธ์ 2 แบบ คือการสร้างรูปสามเหลี่ยมและการสร้างรูปสี่เหล่ียมดา้ นขนาน การสร้างรูปสามเหลีย่ ม ทำได้โดยนำปลายลูกศรของแรงหนึ่งไปตอ่ กบั หัวลูกศรของอีกแรงหนง่ึ แล้วลากเส้นจากปลายลกู ศรของแรงแรกไป ยังหัวลูกศรของแรงที่สองจะได้แรงลัพธ์ ส่วนการสร้างรูปส่ีเหล่ียมดา้ นขนาน ทำได้โดยนำปลายลูกศรของแรงท้ัง สองต่อกันแล้วลากเส้นจากหัวลูกศรของแรงทั้งสองขนานขนานกับแนวแรงอีกแรงหนึ่ง ได้เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้าน ขนาน จากน้ันลากส้นทแยงมมุ จากปลายลกู ศรของแรงท้ังสองไปยังจุดที่มมุ ตรงข้ามจะไดแ้ รงลัพธ์ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1. การหาแรงลัพธโ์ ดยการสรา้ งรูปสามเหลี่ยม และสีเ่ หลีย่ มด้านขนาน

หนา้ 129 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1. บอกวธิ ีหาแรงลัพธ์โดยการสรา้ งรูปสามเหลยี่ ม และสี่เหล่ียมดา้ นขนาน 2. คำนวณหาคา่ ของแรงลพั ธด์ ว้ ยวิธกี ารทางเวกเตอร์ 4.3 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. มีจิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝร่ ู้ มุ่งมั่นในการทำงาน 5. ช้นิ งานหรือภาระงานท่ีแสดงผลการเรยี นรู้ ภาระงาน 1. แบบฝึกหัด เรอ่ื ง การหาแรงลพั ธ์โดยการสรา้ งรปู 6. การประเมิน เครอ่ื งมือ เกณฑ์ วธิ ีการ แบบฝึกหัด เรื่อง การหาแรงลัพธโ์ ดย ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ข้นึ ไป 1. ตรวจแบบฝึกหัด เรือ่ ง การหาแรง ลัพธ์โดยการสร้างรูป การสรา้ งรูป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบ 2. ตรวจการเขยี นคำตอบใน คำถาม แบบฝกึ หัด เพ่อื บันทึก สมรรถนะ สำคญั ของผู้เรียน ดา้ นความคิด และ แบบฝึกหดั เรื่อง การหาแรงลพั ธโ์ ดย ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ข้นึ ไป การสอ่ื สาร 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บนั ทึก การสร้างรูปข้อคำถามอัตนยั เพ่อื วัด คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ มวี นิ ัย ใฝ่ เรียนรู้ และม่งุ มั่นในการทำงาน ความสามารถในการส่อื สาร ไดแ้ ก่ การ อธบิ าย การเขยี น แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มวี นิ ัย ใฝ่ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ใน เรยี นรู้ และมุง่ ม่นั ในการทำงาน ระดับดี ขน้ึ ไป 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ขัน้ นำเข้าสบู่ ทเรยี น 1.1 สำรวจรายช่ือนกั เรยี น ประเมนิ ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ไดแ่ ก่ การมีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ 1.2 ครแู จ้งจดุ ประสงค์การเรียนร้แู ละการวดั ผลประเมินผลด้าน KPA 1.3 แบง่ กลมุ่ นกั เรยี นกลุ่มละ 4-6 คน จดั แบบคละความสามารถในหน่งึ กลมุ่ ประกอบไปด้วย คนเก่ง ปานกลาง และต้องการพัฒนา และกำหนดบทบาทหน้าทีข่ องสมาชิกในกลมุ่ ควรประกอบด้วย หวั หน้า กล่มุ รองหวั หน้ากล่มุ และเลขานุการกลุ่ม

หนา้ 130 1.4 ครูนำส่บู ทเรียนโดยทบทวนเกี่ยวกับการหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงที่ทำมุมตอ่ กัน และแจ้ง เน้อื หาทจ่ี ะเรียนในชว่ั โมงนคี้ อื เร่ือง การหาแรงลัพธ์โดยการสร้างรูป 2. ขั้นสำรวจและคน้ พบ นกั เรียนรับใบความรู้เรือ่ ง การหาแรงลัพธโ์ ดยการสร้างรปู ใหน้ ักเรียนศึกษาให้เวลา 10 นาที 3. ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรุป 3.1 นกั เรียนและครรู ว่ มกันสรุปเน้อื หา เรอ่ื ง การหาแรงลพั ธข์ องแรงสองแรงทที่ ำมุมต่อกัน จะ ได้ข้อสรุปว่า การหาแรงลัพธ์โดยการสร้างรูป โดยเขียนลูกศรแทนขนาดและทิศทางของแรงตามมาตรส่วนที่ กำหนดเพื่อหาแรงลัพธ์ 2 แบบ คือการสร้างรูปสามเหลี่ยมและการสร้างรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน การสร้างรูป สามเหลี่ยม ทำได้โดยนำปลายลูกศรของแรงหนึ่งไปต่อกับหัวลูกศรของอีกแรงหนึ่งแล้วลากเส้นจากปลายลูกศร ของแรงแรกไปยังหัวลูกศรของแรงที่สองจะได้แรงลัพธ์ ส่วนการสร้างรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน ทำได้โดยนำปลาย ลกู ศรของแรงทั้งสองตอ่ กนั แล้วลากเสน้ จากหวั ลกู ศรของแรงท้ังสองขนานขนานกบั แนวแรงอีกแรงหน่งึ ไดเ้ ป็นรูป สีเ่ หลยี่ มดา้ นขนาน จากน้ันลากสน้ ทแยงมุมจากปลายลกู ศรของแรงท้งั สองไปยังจดุ ทม่ี มุ ตรงข้ามจะได้แรงลพั ธ์ 3.2 ครูถามนกั เรยี นเก่ยี วกบั ความเขา้ ใจในเนือ้ หาท่ีเรียน ถ้าหากมขี อ้ สงสยั ให้ซักถามได้ 4. ขนั้ ขยายความรู้ 4.2 นักเรียนทำแบบฝกึ หัด เรื่อง การหาแรงลัพธโ์ ดยการสร้างรูป ในช่วั โมงเพอื่ ตรวจสอบความ เขา้ ใจในเนอ้ื หาท่ีเรยี นวันน้ี 4.3 นักเรยี นร่วมอภปิ รายซกั ถามปญั หา เนอื้ หาทย่ี ังไมเ่ ข้าใจ 4.4 ครบู อกใหน้ กั เรยี นไปศกึ ษาเรื่องทจ่ี ะเรยี นในชว่ั โมงต่อไปลว่ งหน้า (การหาแรงลัพธ์โดยการ คำนวณ) 5. ขั้นประเมิน 5.1 ตรวจสอบความถกู ต้องความเข้าใจในการทำแบบฝึกหดั 5.2 ตรวจสอบจากการนำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น 5.3 ครปู ระเมนิ คณุ ลักษณะ ด้าน มีวินัย และมีจติ วิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งม่ัน ในการทำงาน

หนา้ 131 8. สื่อการเรียนร้/ู แหล่งเรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนการเรียนร้พู ื้นฐานและเพม่ิ เติมฟิสกิ ส์ เล่ม 1 2. ฐานข้อมลู Internet 3. ใบความรู้ เรอ่ื ง การหาแรงลพั ธโ์ ดยการสร้างรูป 4 .แบบฝึกหัด เร่ือง การหาแรงลัพธโ์ ดยการสร้างรูป 5. power point เร่อื งแรงและกฏการเคล่ือนทขี่ องนิวตัน 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. หอ้ งสมดุ 2. Internet

หนา้ 132 9. สรปุ ผลการจัดการเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับ การหาแรงลัพธ์โดยการสร้างรูป โดยเขียนลูกศรแทนขนาดและทิศทางของแรง ตามมาตรส่วนท่ีกำหนดเพื่อหาแรงลัพธ์ 2 แบบ คือ การสร้างรปู สามเหลี่ยมและการสร้างรูปสีเ่ หลี่ยม ด้านขนาน จากการทำกิจกรรมตอบคำถามในใบงาน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 85ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ข้ึน ไป (โดยตอบถูกอย่างนอ้ ยรอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ นกั เรยี นสามารถเขยี นเวกเตอรแ์ ทนแรงได้ สามารถหาแรงลัพธข์ องแรงสองแรงทีท่ ำมมุ ต่อกันโดยการ สร้างรูปสามเหลี่ยม และสี่เหล่ยี มดา้ นขนาน จากการทำกิจกรรมตอบคำถามในใบงาน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 85ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (โดยตอบถูกอย่างน้อยร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.3 ด้านคณุ ลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มงุ่ มั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามทไี่ ดร้ ับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของงานผา่ นตามเกณฑ์ คิดคิด เปน็ รอ้ ยละ 100 ของนกั เรียนท้งั หมด 9.4 ปญั หาอปุ สรรค มีนักเรียนบางส่วนขาดความรู้พื้นฐานทางด้านคณิตศาสตร์ที่จำเป็น เช่น การกำหนดมาตรส่วนของ ความยาวเวกเตอร์ที่โจทย์กำหนดให้ ในการสรา้ งรูปสามเหลีย่ ม และสี่เหลี่ยมด้านขนาน เพื่อเวกเตอร์ ลัพธ์ และนอกจากนี้ การขาดความชำนาญในการใช้เครื่องมือวัด มีผลต่อการอ่านค่าและหาคำตอบใน แบบฝกึ หัด ทำใหเ้ กดิ ความลา่ ชา้ ในการจดั การเรยี นรคู้ ร้งั น้ี . ลงชือ่ วจิ ิตตา .ผ้สู อน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ ) วันท.ี่ ................................................. ลงชื่อ.......................................................คนู่ เิ ทศ (นายตฤณธิวฒั น์ ภญิ โญชยั ภทั ร) วนั ท.ี่ .................................................

หนา้ 133 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 20 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 แรงและกฎการเคลอ่ื นท่ี เร่อื ง การหาแรงลพั ธ์โดยการคำนวณ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31205 ช่ือรายวิชา ฟิสกิ ส์ เพ่ิมเติม 1 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลา 2 ชว่ั โมง ผู้สอน นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ดั /ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เขา้ ใจธรรมชาติทางฟสิ กิ ส์ปริมาณและกระบวนการวดั การเคล่อื นท่แี นวตรง แรงและกฎการ เคลอื่ นทข่ี องนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษ์พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตมั การเคล่ือนท่ีแนวโคง้ รวมท้ังนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 4. ทดลองและอธิบายการหาแรงลพั ธข์ องแรงสอง แรงที่ทำมมุ ตอ่ กัน 5. เขยี นแผนภาพของแรงทกี่ ระทำต่อวัตถุอสิ ระ ทดลอง และอธบิ ายกฎการเคลือ่ นทขี่ องนวิ ตนั และการ ใชก้ ฎการเคล่อื นทขี่ องนวิ ตนั กบั สภาพการ เคลื่อนทขี่ องวัตถุ รวมทัง้ คำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ ง 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การหาแรงลัพธ์โดยการคำนวณ โดยแยกแรงแตล่ ะแรงเปน็ แรงยอ่ ยในแนวแกน x และในแนวแกน y แลว้ หาแรงลพั ธท์ างแกน x เปน็ Fx=F1x+F2x และแรงลัพธ์ทางแกน y เป็น Fy=F1y+F2y จากน้นั หาขนาดและทศิ ทาง จาก F = Fx2 + Fy2 และ  = tan −1  Fy  Fx 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา . สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1. การหาแรงลพั ธ์ของแรงสองแรงทท่ี ำมุมตอ่ กัน โดยการคำนวณจากการหาแรงย่อย 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1. แยกเวกตอรอ์ งค์ประกอบของแรงตามแนวแกน x และ y 2. คำนวณหาแรงลพั ธข์ องแรงสองแรงท่ีทำมุมต่อกัน จากการแยกเวกเตอรอ์ งคป์ ระกอบของแรง

หนา้ 134 4.3 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งมนั่ ในการทำงาน 5. ชิน้ งานหรอื ภาระงานท่แี สดงผลการเรยี นรู้ ภาระงาน 1. แบบฝึกหดั เรื่อง การหาแรงลัพธโ์ ดยการคำนวณ 6. การประเมนิ เกณฑ์ วิธกี าร เครอื่ งมอื ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขนึ้ ไป 1. ตรวจแบบฝึกหัด เรื่อง การ แบบฝึกหดั เรอื่ ง การหาแรงลพั ธ์โดย ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม หาแรงลพั ธโ์ ดยการคำนวณ การคำนวณ 2. ตรวจการเขียนคำตอบ เรื่อง ตรวจแบบฝกึ หัด เรือ่ ง การหาแรง ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขน้ึ ไป การหาแรงลัพธโ์ ดยการคำนวณ ลัพธโ์ ดยการคำนวณ ข้อคำถาม เพื่อบันทกึ สมรรถนะสำคัญ อัตนยั เพ่อื วัดความสามารถในการ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินในระดบั ดี ของผเู้ รียน ดา้ นความคิด และ สื่อสาร ได้แก่ การอธิบาย การเขียน ขน้ึ ไป การสอื่ สาร 3. สังเกต สัมภาษณ์ บนั ทึก แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มวี นิ ัย ใฝ่ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ มี เรียนรู้ และม่งุ ม่ันในการทำงาน วินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มน่ั ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น 1.1 สำรวจรายชอื่ นกั เรยี น ประเมินด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมีวินยั ใฝ่เรียนรู้ 1.2 ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรแู้ ละการวัดผลประเมนิ ผลด้าน KPA 1.3 ครูทบทวนการบวกเวกเตอร์ โดยการสรา้ งรปู สามเหลยี่ มและรปู ส่ีเหล่ยี มด้านขนาน และ โดยการคำนวณเพ่อื นำมาใช้ในการหาแรงลัพธ์ 2. ขนั้ สำรวจและค้นพบ นักเรียนสืบคน้ เกย่ี วกับการแยกเวกเตอร์องค์ประกอบ และการหาแรงลพั ธ์โดยการคำนวณ จากอนิ เตอร์เน็ต หรอื หนังสือเรียนรายวชิ าฟสิ กิ ส์ เพื่อให้ไดร้ ายละเอียดพอสังเขป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที

หนา้ 135 3. ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป 3.1 นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปเนอื้ หา เรื่อง การหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงท่ที ำมุมต่อกัน จะ ได้ขอ้ สรุปวา่ การหาแรงลพั ธโ์ ดยการคำนวณ โดยแยกแรงแต่ละแรงเปน็ แรงยอ่ ยในแนวแกน x และในแนวแกน y แล้วหาแรงลพั ธ์ทางแกน x เป็น Fx=F1x+F2x และแรงลพั ธ์ทางแกน y เปน็ Fy=F1y+F2y จากนน้ั หาขนาดและ ทิศทางจาก F = Fx2 + Fy2 และ  = tan −1  Fy  Fx 3.2 ครถู ามนักเรียนเกี่ยวกบั ความเข้าใจในเนอ้ื หาท่ีเรยี น ถ้าหากมขี ้อสงสัยให้ซักถามได้ 4. ขนั้ ขยายความรู้ 4.2 นักเรยี นทำแบบฝึกหดั เรอื่ ง การหาแรงลพั ธ์โดยการคำนวณ ในชวั่ โมงเพอ่ื ตรวจสอบความ เข้าใจในเนื้อหาทเ่ี รียนวนั นี้ 4.3 นกั เรยี นรว่ มอภิปรายซกั ถามปัญหา เนอ้ื หาท่ยี งั ไมเ่ ข้าใจ 4.4 ครบู อกใหน้ ักเรียนไปศึกษาเรอื่ งทจ่ี ะเรียนในชว่ั โมงตอ่ ไปลว่ งหนา้ (กฎการเคล่ือนที่ข้อทห่ี นึ่ง ของนวิ ตนั ) 5. ขนั้ ประเมิน 5.1 ตรวจสอบความถูกต้องความเข้าใจในการทำแบบฝึกหัด 5.2 ครปู ระเมนิ คุณลักษณะ ด้าน มวี ินยั และมีจติ วทิ ยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งมั่น ในการทำงาน 8. ส่ือการเรียนร/ู้ แหลง่ เรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี นการเรยี นรพู้ ื้นฐานและเพ่มิ เตมิ ฟิสกิ ส์ เลม่ 1 2. ฐานข้อมลู Internet 3. power point เรอ่ื งแรงและ กฎการเคลอ่ื นทข่ี องนวิ ตนั 4. แบบฝึกหัด เรื่อง การหาแรงลพั ธ์โดยการคำนวณ 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet

หนา้ 136 9. สรปุ ผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นกั เรียนศึกษาเก่ียวกับการหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงทีท่ ำมุมตอ่ กนั โดยการคำนวณจากการหาแรงย่อย จากการทำกิจกรรมตอบคำถามในใบงาน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 70 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (โดย ตอบถูกอยา่ งน้อยรอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรียนสามารถแสดงวิธีการหาแรงลัพธ์โดยการคำนวณ โดยแยกแรงแต่ละแรงเป็นแรงย่อยใน แนวแกน x และแกน y แลว้ หาแรงลัพธ์ทางแกน x เป็น Fx และแรงลัพธท์ างแกน y เปน็ Fy จากน้นั หาขนาดและทิศทาง จากการตรวจตอบในใบงาน โดยมนี กั เรียน ร้อยละ 70 ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขึ้นไป (โดยตอบถกู อย่างน้อยร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.3 ด้านคณุ ลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุง่ มั่นในการทำงาน ทำใบงานเสรจ็ ตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย และมผี ลสำเร็จของงานผา่ นตามเกณฑ์ คิดคิด เปน็ รอ้ ยละ 100 ของนกั เรียนท้ังหมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค มีนักเรียนบางส่วนขาดความรู้พื้นฐานทางด้านคณติ ศาสตร์ท่ีจำเป็น เช่น ตรีโกณมิติ ค่า cos , sin , tan ของมุมค่าต่างๆ ครูผู้สอนต้องทบทวนความรู้พื้นฐานดังกล่าวทำให้เกิดความล่าช้าในการทำ กิจกรรมในบทเรียน นอกจากนี้นักเรียนบางส่วนมีความสับเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของด้านประกอบ สามเหลี่ยมมมุ ฉาก และความสับสนเก่ียวกบั การแยกเวกเตอร์องค์ประกอบตามแนวแกน X และแกน Y การเลือกใช้ค่า cos หรือ ค่า sin และการเชื่อมโยงความรู้ เกี่ยวกับหลักในการรวมเวกเตอร์โดยการ คำนวณกับการแยกเวกเตอรอ์ งค์ประกอบ . ลงชอ่ื วจิ ิตตา .ผสู้ อน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์ ) วันที.่ ................................................. ลงชือ่ .......................................................คูน่ ิเทศ (นายตฤณธวิ ัฒน์ ภิญโญชัยภทั ร) วันท่.ี .................................................

หนา้ 137 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 21 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 แรงและกฎการเคล่อื นท่ี เรอ่ื งกฎการเคลอ่ื นทข่ี ้อท่ีหนงึ่ ของนิวตนั กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31205 ชื่อรายวชิ า ฟิสกิ ส์ เพมิ่ เตมิ 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 เวลา 2 ชวั่ โมง ผูส้ อน นางสาววิจติ ตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ สาระท่ี 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟสิ กิ ส์ปรมิ าณและกระบวนการวดั การเคล่อื นทแ่ี นวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนท่ีของนวิ ตนั กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ ักษ์พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตัม การเคล่อื นที่แนวโคง้ รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 5. เขียนแผนภาพของแรงที่กระทำตอ่ วัตถุอิสระทดลอง และอธิบายกฎการเคลื่อนทีข่ องนวิ ตัน และการ ใชก้ ฎการเคลื่อนที่ของนวิ ตนั กับสภาพการ เคลื่อนท่ขี องวตั ถุรวมทง้ั คำนวณปริมาณต่างๆทเ่ี ก่ียวข้อง 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด กฎการเคลื่อนท่ี เป็นกฎที่ใช้อธิบายเกี่ยวกับสภาพการเคลื่อนท่ีและการเปลี่ยนสภาพการเคลือ่ นที่ของ วตั ถุ กฎการเคลอ่ื นทขี่ ้อท่ีหนึ่งของนวิ ตนั กลา่ วว่า วตั ถุคงสภาพอยู่นิง่ หรือสภาพเคลอ่ื นทีอ่ ยา่ งสม่ำเสมอ ในแนว เสน้ ตรง นอกจากจะมีแรงลัพธ์มคี ่าไม่เปน็ ศนู ยม์ ากระทำ  F = 0 (เมอ่ื F เปน็ แรงลัพธ์กระทำ)กฎ น้ีมีอีกช่ือ หนึ่งคอื กฎของความเฉือ่ ย คอื เฉื่อยตอ่ การเปลยี่ นสภาพการเคล่อื นท่ี 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1. กฎการเคล่ือนทข่ี ้อท่ีหนึ่งของนิวตนั 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1. บอกกฎการเคล่ือนท่ขี อ้ ท่หี นง่ึ ของนวิ ตัน 2. บอกและทดลองเกี่ยวกบั กฎการเคลอ่ื นท่ขี อ้ ที่หนงึ่ ของนิวตนั

หนา้ 138 4.3 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝร่ ู้ ม่งุ มน่ั ในการทำงาน 5. ชิน้ งานหรือภาระงานทแ่ี สดงผลการเรยี นรู้ 1. ใบงาน เร่ือง กฎการเคลือ่ นท่ีขอ้ ท่ีหน่งึ ของนิวตัน 6. การประเมนิ วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์ 1. ตรวจคำตอบในใบงาน เรือ่ ง กฎ ใบงาน เรื่อง กฎการเคล่ือนทีข่ อ้ ที่ ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ข้ึนไป การเคล่อื นที่ข้อทีห่ นง่ึ ของนิวตัน หน่งึ ของนวิ ตัน ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 2. ตรวจการเขยี นคำตอบ ใบงาน ใบใบงาน เร่ือง กฎการเคลอื่ นที่ ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ข้ึนไป เรอื่ ง กฎการเคลอื่ นที่ขอ้ ทห่ี น่งึ ข้อทหี่ นึ่งของนิวตัน ข้อคำถาม ของนวิ ตนั เพื่อบนั ทกึ สมรรถนะ อัตนัย เพอ่ื วัดความสามารถในการ ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดบั ดี สำคญั ของผ้เู รยี น ดา้ นความคิด ส่อื สาร ได้แก่ การอธิบาย การ ขึน้ ไป และการสื่อสาร เขียน 3. สังเกต สมั ภาษณ์ บันทกึ แบบสงั เกตพฤติกรรม มีวินัย ใฝ่ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ มวี ินยั เรยี นรู้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ขนั้ นำเข้าสูบ่ ทเรียน 1.1 สำรวจรายช่อื นกั เรยี น ประเมินด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ไดแ่ ก่ การมวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ 1.2 ครแู จ้งจุดประสงค์การเรยี นรู้และการวัดผลประเมินผลดา้ น KPA 1.3 แบง่ กลมุ่ นักเรยี นกลุ่มละ 4-6 คน จดั แบบคละความสามารถในหนึง่ กลุ่มประกอบไปด้วย คนเก่ง ปานกลาง และตอ้ งการพัฒนา และกำหนดบทบาทหน้าทีข่ องสมาชกิ ในกล่มุ ควรประกอบด้วย หัวหน้า กลมุ่ รองหวั หน้ากลมุ่ และเลขานกุ ารกลมุ่ 1.4 นกั เรยี นและครูรว่ มกันทบทวนความรู้เดิม เกย่ี วกบั เรือ่ ง แรง โดย ครยู กตวั อย่างเร่อื งการขี่ มอไซต์ วา่ ถา้ เราข่ีดว้ ยความเรว็ สม่ำเสมอไปเรอ่ื ยๆ ประมาณ 50 กิโลเมตรต่อชว่ั โมงจากนั้นถามนักเรียนว่า รถมี ความเร่งหรือไม่ อย่างไร (ท้ิงช่วงใหน้ ักเรียนคดิ )

หนา้ 139 1.5 ครูอธิบายเรื่องการเคลื่อนที่ของรถว่า ถ้ารถมีการเคลื่อนที่สม่ำเสมอหรือเคลื่อนที่ด้วย ความเรว็ คงทน่ี ั้น ความเร่งของรถจะมีคา่ เทา่ กับศนู ย์ 1.6 ครูถามนักเรียนว่า กฎแห่งความเฉื่อย คืออะไร ลองยกตัวอยา่ ง (ทง้ิ ช่วงใหน้ กั เรยี นคิด โดย ไมเ่ นน้ ถกู หรอื ผิด) แจง้ ให้นกั เรยี นทราบวา่ จะได้ศึกษาเก่ยี วกบั กฎการเคลือ่ นทข่ี อ้ ทหี่ น่ึงของนิวตัน 2 ข้ันสำรวจและค้นพบ 2.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษากิจกรรม เรื่อง กฎการเคลื่อนที่ข้อที่หนึ่งของนิวตัน จากใบ กจิ กรรมทคี่ รแู จกให้ เพ่อื ศกึ ษาใหน้ กั เรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกบั กฎการเคลอ่ื นทีข่ ้อท่หี น่งึ ของนิวตนั 2.2 หลังจากนั้นนักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏิบัติกิจกรรม โดยมีครูคอยให้คำแนะนำเมื่อ นกั เรยี นมีขอ้ สงสัยขณะปฏิบัตกิ ิจกรรมการทดลอง พรอ้ มทัง้ คอยกระตุ้นให้สมาชกิ แต่ละคนในกลุ่มให้มีส่วนร่วม ในกิจกรรมใหค้ รบทุกคน 2.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายผลการทำกิจกรรม แล้วนำเสนอผลการสืบค้นหน้าช้นั เรียนจนครบทุกกลุ่มครูให้คะแนนและชมเชยกลุ่มที่อภิปรายได้ดีและให้ข้อเสนอแนะกลุ่มที่อภิปรายยังไม่ ครอบคลมุ ในเนือ้ หา 3 ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 3.1 นักเรียนแตล่ ะกลุ่มเขยี นรายงานผลการทดลองและร่วมกนั อภิปรายผลการทดลองของกลุ่ม ตนเอง 3.2 ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปผลการทดลองดังนี้ ตามกฎการเคล่อื นท่ีขอ้ ท่ี 1 ของนิวตนั ได้ใหค้ วามสัมพันธ์ระหวา่ งแรงกับการเปลีย่ นแปลงสภาพ การเคลอื่ นท่ขี องวัตถุไว้ว่า ถา้ มีวตั ถวุ างน่งิ อยบู่ นพ้นื ราบแล้วไม่มแี รงภายนอกอ่นื มากระทำต่อวัตถุ วัตถุจะยังคง หยุดนิ่งเชน่ น้ันต่อไป หรือถ้าให้แรงสองแรงมากระทำต่อวตั ถุโดยแรงทั้งสองมีขนาดเทา่ กันและมีทิศทางตรงกัน ขา้ ม ซงึ่ เปน็ ผลให้แรงลัพธ์เปน็ ศูนย์ จะพบว่าวัตถจุ ะยงั คงสภาพหยุดน่งิ เช่นเดิม จึงสามารถสรุปไดว้ ่า “ถ้าไม่มีแรง ภายนอกมากระทำต่อวัตถุ หรือแรงลัพธท์ ี่มากระทำมีค่าเป็นศูนย์ วัตถุจะไมเ่ ปล่ียนสภาพการเคล่ือนท่ี” เช่น ถ้า วตั ถุหยุดนง่ิ ก็จะหยุดนงิ่ ตอ่ ไป ถา้ กำลังเคลือ่ นท่กี ็จะเคลอ่ื นที่ตอ่ ไปดว้ ยความเร็วคงตวั เพื่อให้นักเรียนได้บันทึก ลงสมุด 4 ขน้ั ขยายความรู้ 4.1 นกั เรยี นศกึ ษาหาความรูเ้ พมิ่ เตมิ จากหนงั สอื เรียน เร่อื ง ฎการเคลอ่ื นท่ีขอ้ ท่ีหนง่ึ ของนิวตัน 4.2 ครอู ธบิ ายและให้ความรู้เพ่ิมเติมเก่ียวกบั กฎการเคลอ่ื นที่ขอ้ ท่ีหนงึ่ ของนิวตัน และสุ่มถาม นกั เรยี นเป็นระยะๆ เพอื่ ทดสอบว่านักเรยี นเข้าใจในเนือ้ หาทีเ่ รียนหรือไม่ 4.3 นักเรียนทำแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท ในหนังสือเรยี นรายวิชาเพ่มิ เติม ฟิสกิ ส์ เล่ม 1

หนา้ 140 5 ข้ันประเมิน 5.1 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นถึงประโยชน์ที่ได้จากหัวข้อที่เรียน จากการปฏิบัติ กจิ กรรม และการนำความร้ทู ไ่ี ดไ้ ปใช้ประโยชน์ 5.2 ครูและนักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหา / อุปสรรคใด และได้มี การแกไ้ ขอยา่ งไร ครชู มเชยกลมุ่ ทท่ี ำงานได้ดี ให้กำลงั ใจและข้อเสนอแนะแก่กลมุ่ ที่ควรปรับปรุง 5.3 ครปู ระเมินคณุ ลักษณะ ดา้ น มีวินยั และมจี ิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งม่ัน ในการทำงาน 8. สอื่ การเรียนร้/ู แหลง่ เรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี นการเรยี นร้พู ้นื ฐานและเพิ่มเตมิ ฟสิ กิ ส์ เลม่ 1 2. ฐานขอ้ มูล Internet 3. ใบงาน เรือ่ ง กฎการเคล่อื นท่ขี ้อที่หน่งึ ของนวิ ตนั 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet

หนา้ 141 9. สรุปผลการจัดการเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับกฏการเคลื่อนที่ข้อที่หนึ่งของนิวตัน และสมบัติของมวล จากการทำกิจกรรม ตอบคำถามในใบงาน โดยมีนักเรียน รอ้ ยละ 85 ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ข้ึนไป (โดยตอบถกู อย่างนอ้ ยรอ้ ย ละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรียนสามารถบอกกฏการเคลื่อนท่ีหนึ่งของนิวตัน และอธิบายความหมายของมวลและความ เฉื่อยไดถ้ ูกตอ้ ง จากการตรวจตอบในใบงาน โดยมีนกั เรียน ร้อยละ 85 ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ข้ึน ไป (โดยตอบถูกอย่างนอ้ ยรอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.3 ด้านคณุ ลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มงุ่ มนั่ ในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามทไี่ ด้รบั มอบหมาย และมีผลสำเร็จของงานผ่านตามเกณฑ์ คิดคิด เป็นรอ้ ยละ 100 ของนกั เรียนทัง้ หมด . 9.4 ปญั หาอุปสรรค ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงช่อื วิจติ ตา .ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ ) วันที่.................................................. ลงชือ่ .......................................................คนู่ ิเทศ (นายตฤณธวิ ฒั น์ ภิญโญชยั ภทั ร) วันท่ี..................................................

หนา้ 142 แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 22 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 แรงและกฎการเคล่อื นที่ เร่ือง กฎการเคลอื่ นท่ีขอ้ ที่สองของนิวตนั กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31205 ช่ือรายวิชา ฟิสิกส์ เพิม่ เตมิ 1 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 เวลาเรียน 2 ชว่ั โมง ผ้สู อน นางสาววิจติ ตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟิสกิ ส์ปริมาณและกระบวนการวดั การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นทขี่ องนิวตัน กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ ักษพ์ ลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตมั การเคล่อื นทแ่ี นวโค้ง รวมท้ังนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 5. เขียนแผนภาพของแรงทก่ี ระทำตอ่ วัตถุอิสระ ทดลอง และอธิบายกฎการเคลอื่ นทีข่ องนิวตัน และ การใช้กฎการเคลอื่ นที่ของนวิ ตนั กับสภาพการ เคล่อื นที่ของวตั ถุ รวมทั้งคำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด กฎการเคลื่อนท่ี เป็นกฎที่ใช้อธิบายเกี่ยวกับสภาพการเคลื่อนที่และการเปลี่ยนสภาพการเคลือ่ นที่ของ วัตถุ กฎการเคลอ่ื นท่ขี ้อท่ีของของนิวตัน กล่าวว่า เมื่อมีแรงลัพธซ์ ่งึ มีขนาดไม่เปน็ ศูนย์มากระทำต่อวัตถุ จะทำ ให้วัตถเุ กิดความเรง่ ในทิศทางเดยี วกบั แรงลัพธท์ มี่ ากระทำ และขนาดของความเรง่ จะแปรผันตรงกับขนาดของแรง ลัพธ์และแปรผกผันกับมวลของวัตถุ เขียนในรูปสมการเวกเตอรไ์ ดเ้ ปน็ F = ma 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1. กฎการเคลื่อนทขี่ อ้ ท่ีสองของนิวตนั 2. ความเรง่

หนา้ 143 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1. บอกกฎการเคลอื่ นทขี่ ้อที่สองของนิวตนั 2. ทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของความเร่งกับขนาดของแรงดึงเม่ือมวลของวัตถุมีค่า คงตัว 2. คำนวณหาขนาดและทศิ ทางของแรงลพั ธ์ 4.3 คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. มจี ิตวิทยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งมั่นในการทำงาน 5. ชิ้นงานหรือภาระงานทีแ่ สดงผลการเรียนรู้ ภาระงาน 1. กจิ กรรมการทดลองหาความสมั พันธร์ ะหว่างขนาดของความเร่งกบั ขนาดของแรงดึง 2. แบบฝกึ หัดเร่อื ง กฎการเคลื่อนทีข่ อ้ ท่ีสองของนิวตัน 6. การประเมิน เครอ่ื งมือ เกณฑ์ วธิ ีการ แบบฝึกหัดเรื่อง กฎการเคลอื่ นทข่ี อ้ ท่ี ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ขน้ึ ไป 1. ตรวจคำตอบในแบบฝึกหัด เรอ่ื ง กฎการเคล่ือนทีข่ ้อท่สี องของนิวตัน สองของนิวตัน รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบ 2. ตรวจรายงานการทดลองหาความสมั คำถาม พนั ธ์ระหวา่ งขนาดของความเร่งกับขนาด ของแรงดงึ เพอ่ื บันทึก สมรรถนะสำคญั ใบกิจกรรม ทดลองหาความสัมพันธ์ ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขึ้นไป ของผ้เู รยี น ดา้ นความคิด และการส่ือสาร 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บนั ทกึ คุณลักษณะ ระหว่างขนาดของความเรง่ กับขนาด อันพงึ ประสงค์ มวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และ มุง่ ม่ันในการทำงาน ของแรงดึง เพอ่ื วดั ความสามารถใน การสือ่ สาร ได้แก่ การอธบิ าย การเขยี น แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินใน และมงุ่ ม่ันในการทำงาน ระดบั ดี ขนึ้ ไป 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1 ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรยี น 1.1 สำรวจรายชอื่ นกั เรียน ประเมินด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ไดแ่ ก่ การมีวนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ 1.2 ครูแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้และการวดั ผลประเมนิ ผลด้าน KPA

หนา้ 144 1.3 แบ่งกล่มุ นกั เรียนกลุม่ ละ 4-6 คน จัดแบบคละความสามารถในหนงึ่ กลุ่มประกอบไปด้วย คนเกง่ ปานกลาง และตอ้ งการพฒั นา และกำหนดบทบาทหน้าท่ีของสมาชกิ ในกลุ่ม ควรประกอบด้วย หัวหน้า กลมุ่ รองหัวหนา้ กล่มุ และเลขานุการกลมุ่ 1.4 ครูนำเขา้ สู่บทเรียนโดยครูทบทวนความรู้เดมิ เกี่ยวกับเร่ืองกฎการเคลอื่ นท่ีข้อที่หน่ึงของนิว ตัน เพื่อจะได้เชื่อมโยงเนื้อหา ครูถามนักเรียนว่า ถ้าวัตถุเคลื่อนที่โดยมีแรงลัพธ์มากระทำที่มีค่ามากว่าศูนย์มา กระทำ วตั ถุ จะเคลอื่ นท่อี ย่างไร และจะมปี ริมาณใดบา้ งเกดิ ข้นึ ขณะวตั ถเุ คลือ่ นท่ี (ทิง้ ชว่ งให้นักเรยี นคดิ ) 1.5 ให้นักเรียนตอบคำถาม จะได้รูว้ ่านกั เรียนมีความเขา้ ใจมากน้อยแค่ไหน และแจง้ ใหน้ ักเรียน ทราบว่าจะได้ศึกษาเกีย่ วกบั กฎการเคล่ือนท่ีขอ้ ท่สี องของนวิ ตัน 2 ข้ันสำรวจและคน้ พบ 2.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษากิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับความเร่ง จากใบ กิจกรรมทค่ี รูแจกให้ เพ่ือศกึ ษาใหน้ ักเรียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกับกฎการเคลอ่ื นทขี่ ้อท่ีสองของนิวตัน 2.2 หลังจากนั้นนักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏิบัติกิจกรรม โดยมีครูคอยให้คำแนะนำเมื่อ นกั เรียนมขี ้อสงสัยขณะปฏิบัตกิ ิจกรรมการทดลอง พร้อมท้ังคอยกระตุน้ ให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มให้มีส่วนร่วม ในกิจกรรมใหค้ รบทกุ คน 2.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายผลการทำกิจกรรม แล้วนำเสนอผลการสืบค้นหน้าชนั้ เรียนจนครบทุกกลุ่มครูให้คะแนนและชมเชยกลุ่มที่อภิปรายได้ดีและให้ข้อเสนอแนะกลุ่มที่อภิปรายยังไม่ ครอบคลมุ ในเนอ้ื หา 3 ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป 3.1 แต่ละกลุ่มเขียนรายงานผลการทดลองและร่วมกันอภิปรายผลการทดลองของกลุ่มตนเอง 3.2 ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปผลการทดลองดังนี้ กฎการเคลอื่ นท่ีข้อท่ี 2 ของนิวตันได้กล่าวไวว้ ่า “เม่อื มีแรงลพั ธ์ท่ีมีค่าไม่เท่ากับศูนย์ มากระทำตอ่ วตั ถุจะทำใหว้ ตั ถเุ กิดความเรง่ ในทิศเดียวกับแรงลพั ธ์ท่ีมากระทำและขนาดของความเร่งนี้จะแปรผัน ตรงกบั ขนาดของแรงลัพธแ์ ละแปรผกผันกับมวลของวตั ถุ” 4 ขนั้ ขยายความรู้ 4.1 ครูอธบิ ายเพิ่มเติมเก่ียวกับกฎการเคล่อื นท่ีข้อท่ีสองของนิวตันและนกั เรยี นศึกษาหาความรู้ เพ่ิมเตมิ จากหนงั สอื เรียน เรื่อง กฎการเคลือ่ นท่ขี อ้ ท่ีสองของนวิ ตนั พรอ้ มท้ังยกตวั อยา่ งการคำนวณเกี่ยวกับการ หาขนาดและทศิ ทางของแรงลพั ธ์ โดยครูมีการสุ่มถามนักเรยี นเพื่อทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียน 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหดั เรอ่ื ง กฎการเคลือ่ นที่ข้อทีส่ องของนวิ ตนั โดยมีครคู อยให้คำอธบิ าย ตรงข้อไหนที่นักเรยี นไมเ่ ข้าใจ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook