คะแนนตัดสินระดับคุณภาพ หน้า 45 คะแนนเตม็ 10 คะแนน คุณภาพ คะแนน 9-10 หมายถงึ ดี ระดับ 3 หมายถึง มพี ฤติกรรมในระดบั ดี คะแนน 6-8 หมายถึง ปานกลาง ระดบั 2 หมายถึง มพี ฤติกรรมในระดบั ปานกลาง คะแนน 0-5 หมายถึง ปรบั ปรุง ระดับ 1 หมายถงึ มพี ฤติกรรมในระดับ ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผ่านรอ้ ยละ 60 (6 คะแนน)
หน้า 46 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 บทนำ เรอื่ ง ธรรมชาติของฟิสกิ ส์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31205 ชื่อรายวชิ า ฟิสกิ ส์ เพม่ิ เติม 1 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 เวลาเรียน 2 ชั่วโมง ผสู้ อน นางสาววจิ ติ ตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟสิ ิกส์ปริมาณและกระบวนการวดั การเคลอ่ื นท่ีแนวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นที่ของนิวตนั กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ ักษพ์ ลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตมั การเคล่ือนท่ีแนวโค้ง รวมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 1. สบื ค้นและอธบิ ายการคน้ หาความรู้ทางฟิสิกส์ ประวัติความเปน็ มารวมทง้ั พัฒนาการของหลักการและ แนวคิดทางฟิสกิ ส์ทม่ี ผี ลต่อ การแสวงหาความรใู้ หม่และการพัฒนาเทคโนโลยี 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด ฟสิ กิ ส์ เป็นวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพสาขาหนึ่ง ท่ีเนน้ ศึกษาเกี่ยวกบั ปรากฏการณธ์ รรมชาติ และเนน้ การศึกษาเชิงปริมาณ ปรมิ าณทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั การอธบิ ายปรากฏการณ์ทางฟิสกิ ส์ เพอ่ื นำไปสกู่ ารสรา้ งสิง่ ใหม่ๆ มาชว่ ยในการแก้ปญั หา การสร้างเครอื่ งอำนวยความสะดวก ทเี่ รยี กวา่ เทคโนโลยี 3. สมรรถนะ 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1) ปรากฏการณธ์ รรมชาติ ประวตั คิ วามเป็นมารวมทั้งพัฒนาการของหลักการทางฟิสิกส์ 2) ความหมายและความสมั พันธ์ของฟสิ ิกส์ วทิ ยาศาสตร์ และการพัฒนาเทคโนโลยี 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) สบื ค้น อภปิ ราย และค้นหาความรู้ ประวตั ิความเปน็ มารวมทั้งพฒั นาการของหลักการทางฟสิ ิกส์ 2) อธิบายความหมายและความสมั พันธ์ของฟิสกิ ส์ วทิ ยาศาสตร์ และการพัฒนาเทคโนโลยี 4.3 คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1) มวี นิ ยั 2) มีจิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน
หนา้ 47 5. ช้นิ งานหรือภาระงานท่ีแสดงผลการเรียนรู้ ภาระงาน 1) ตอบคำถามแบบฝกึ หดั เพิม่ เติม 6. การประเมนิ เครื่องมอื เกณฑ์ วธิ กี าร แบบฝึกหดั เพม่ิ เติม ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ข้นึ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หดั เพิ่มเติม ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป 2. ตรวจแบบฝึก เพอื่ บันทึก แบบฝึกทกั ษะ ขอ้ คำถามอตั นยั ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดี สมรรถนะ เพอื่ วัดความสามารถในการสอ่ื สาร ขนึ้ ไป สำคัญของผเู้ รียน ด้านความคดิ ได้แก่ การอธิบาย การเขยี น และการสือ่ สาร 3. สังเกต สัมภาษณ์ บันทกึ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มีวินยั ใฝ่ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ มี เรยี นรู้ และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน วนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มน่ั ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ขั้นนำเขา้ สูบ่ ทเรยี น 1.1 สำรวจรายช่อื นกั เรยี น ประเมินด้านคุณธรรม จริยธรรม ไดแ่ ก่ การมวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ 1.2 ครแู จง้ จดุ ประสงค์การเรียนรแู้ ละการวัดผลประเมนิ ผลด้าน KPA 1.3 สมุ่ สอบถามนักเรยี นว่าชว่ งปดิ ภาคเรียนทผ่ี า่ นมาไปทำอะไรบา้ ง 1.4 ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑ์การวดั ผลและการให้คะแนนในสว่ นต่างๆ ร่วมกนั 1.5 ครูและนักเรียนตกลงเกี่ยวกับหลักการ ข้อปฏิบัติและกฎระเบียบในการเรียนการ สอนใน ห้องเรียน 1.6 นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี น 2. ขน้ั สำรวจและค้นพบ 2.1 นักเรียนและครูร่วมสนทนา เกี่ยวกับเรื่อง วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี คืออะไร เพื่อ นำไปสู่คำถามทว่ี า่ ฟิสิกส์คืออะไร และใหย้ กตัวอย่างปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ เ่ี ก่ยี วข้อง กับฟิสิกส์ทเ่ี กิดขึ้น 2.2 นักเรยี นสืบค้นข้อมลู เกี่ยวกับ ปรากฏการณธ์ รรมชาติ ประวตั ิความเปน็ มารวมทง้ั พัฒนาการ ของหลกั การและแนวคดิ ทางฟิสกิ สท์ ่มี ีผลต่อ การแสวงหาความรู้ใหมแ่ ละการพัฒนาเทคโนโลยี
หนา้ 48 3. ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป 3.1 นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรุปเน้ือหาเรื่อง การอธบิ ายปรากฏการณธ์ รรมชาติจะได้ข้อสรุปว่า การอธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติเป็นความพยายามของมนุษย์ที่จะอธิบายสิ่งที่สงสัย และยากที่จะเข้าใจ ปรากฏการณ์ต่างๆทเ่ี กิดขน้ึ ตามธรรมชาติ ทำใหเ้ กิดการพัฒนาความรูท้ ่ีเกิดจากการสังเกต การบนั ทึกข้อมูลและ การวิเคราะหข์ อ้ มลู ท่ไี ด้ เพ่ือสรุปหาความรแู้ ละความสมั พนั ธร์ ะหว่างสงิ่ ตา่ งๆทีเ่ ก่ียวขอ้ ง 3.2 ครูถามนักเรียนเกย่ี วกับความเขา้ ใจในเนื้อหาทีเ่ รยี นถา้ หากมีขอ้ สงสยั ให้ซักถามได้ 3.3 ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปเน้ือหาในการเรียนการสอนในหอ้ งเรยี นทไ่ี ดเ้ รยี นในชั่วโมง 4. ขัน้ ขยายความรู้ 4.1 นักเรียนสนทนาซักถามครู และตอบคำถามว่า “ฟสิ ิกส์ในชีวติ ประจำวันมีอะไรบ้าง ลองใช้ หลกั การทางฟิสิกส์อธบิ าย” เพ่ือนำไปสคู่ ำถามทวี่ ่า เทคโนโลยที างฟิสิกส์ที่สำคญั มีอะไรบ้าง 4.1 นกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายซกั ถามปญั หา เน้อื หาท่ียังไมเ่ ข้าใจ 4.2 ครูให้นักเรียนไปศึกษาเรื่องที่จะเรียนในชั่วโมงต่อไปล่วงหน้า (ความรู้เบื้องต้นสำหรับ ฟิสิกส์) 5. ข้ันประเมิน 5.1 นักเรยี นทกุ คนทำแบบฝกึ หัดเพมิ่ เตมิ เพ่อื วัดดา้ นทกั ษะกระบวนการ และความสามารถใน การคิดและการส่ือสาร 5.2 นกั เรียนทำกจิ กรรม ตรวจสอบความเขา้ ใจ โดยการตอบคำถามแบบฝึกหดั 5.3 ครปู ระเมินคณุ ลกั ษณะ ดา้ น มีวินัย และมีจติ วิทยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งม่ัน ในการทำงาน 8. สือ่ การเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนการเรียนรู้พ้นื ฐานและเพ่มิ เติมฟิสกิ ส์ เลม่ 1 2. ฟิสิกส์ บทนำ.ppt 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet
หน้า 49 9. สรุปผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนสามารถบอกประวตั ิความเปน็ มารวมทั้งพัฒนาการของหลักการทางฟิสิกส์ และสามารถอธิบาย ความหมายและความสมั พันธ์ของฟิสิกส์ วทิ ยาศาสตร์ และการพฒั นาเทคโนโลยไี ด้ ร้อยละ100 โดยผ่าน เกณฑ์ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถามในใบงาน . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียนสามารถใช้เทคโนโลยีในการสืบค้น ความรู้ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมารวมทั้งพัฒนาการของ หลักการทางฟสิ ิกส์ เพื่อการอธิบายความหมายและความสัมพันธข์ องฟสิ กิ ส์ วทิ ยาศาสตร์ และการพัฒนา เทคโนโลยี นักเรยี นสามารถบอก ความหมายและขอบเขตของวิชาฟสิ ิกส์ รวมท้งั ความสัมพันธร์ ะหว่าง ฟสิ กิ สก์ ับศาสตร์สาขาอ่ืนๆและอธิบายความรู้ทางฟิสิกสแ์ ละความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีท่ีสัมพันธ์กัน ผา่ นเกณฑ์ที่กำหนดไวใ้ นระดบั ดขี น้ึ ไป รอ้ ยละ 100 . . 9.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของงานผ่านตามเกณฑ์ คิด เปน็ รอ้ ยละ 100 . .. 9.4 ปญั หาอุปสรรค ........................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงชอื่ วิจติ ตา .ผ้สู อน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ ) วันท่ี.................................................. ลงช่อื .......................................................คนู่ ิเทศ (นายตฤณธิวฒั น์ ภิญโญชยั ภัทร) วันท่ี..................................................
หนา้ 50 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 บทนำ เรื่อง หนว่ ยและการวัด กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31205 ชือ่ รายวิชา ฟิสิกส์ เพ่มิ เตมิ 1 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลาเรียน 2 ชวั่ โมง ผ้สู อน นางสาววิจติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาตทิ างฟสิ กิ ส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลอื่ นทีแ่ นวตรง แรงและกฎการ เคลือ่ นทขี่ องนวิ ตัน กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรกั ษพ์ ลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตมั การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมท้ังนำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 1. วดั และรายงานผลการวดั ปริมาณทางฟสิ กิ สไ์ ด้ถกู ตอ้ งเหมาะสม โดยนำความคลาดเคล่อื น ในการวดั มา พจิ ารณาในการนำเสนอผล รวมทงั้ แสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์ และแปลความหมายจากกราฟ เส้นตรง 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด หน่วยวัดปริมาณทางฟิสกิ สจ์ ะใช้หน่วยในระบบเอสไอ ซึ่งเป็นหนว่ ยระหวา่ งชาตทิ ีใ่ ช้ส่ือสารกันท่ัวโลก ประกอบด้วย หน่วยฐาน หน่วยเสริม หน่วยอนุพันธ์และคำอุปสรรค เครื่องมือวัดที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันจะ แสดงผลการวัดเป็น 2 ลักษณะคือ แบบดจิ ิทลั กับแบบขีดสเกล การใช้เครื่องมอื วัดที่แสดงผลเปน็ ขีดสเกลต้องใช้ อยา่ งถกู ตอ้ งเพราะมโี อกาสคลาดเคลอ่ื นไดส้ ูง ซงึ่ อาจเกิดจากเครอื่ งมือ ผวู้ ดั หรือสภาพแวดลอ้ มก็ได้ ปรมิ าณท่อี ธบิ ายปรากฏการณ์ทางฟิสกิ ส์ หรอื การเปลีย่ นแปลงของปริมาณที่สงั เกตอาจจะความยาว มวล เวลา ความเร่งและความดัน เป็นต้น ปริมาณเหล่านี้จะถกู แยกเปน็ ปริมาณฐานและปรมิ าณอนุพันธ์ การก าหนด หน่วยต่างๆ จึงต้องกำหนดให้เข้าใจตรงกันโดยใช้ระบบหน่วยระหว่างชาติ (SI Unit) ตัวพหุคูณที่ใช้เขียนแทน หน่วยฐานหรอื หน่วยอนุพันธ์ทีม่ คี า่ มากหรือนอ้ ยเกนิ ไป เรยี กวา่ คำอุปสรรค 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
หน้า 51 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1) ปริมาณกายภาพ 2) ปริมาณฐานและปริมาณอนพุ นั ธ์ 3) หน่วยในระบบหน่วยระหวา่ งชาติ (SI Unit) และคำนำหนา้ หนว่ ย 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายเก่ยี วกบั วชิ าฟสิ กิ ส์ ปริมาณกายภาพ ระบบหนว่ ยระหวา่ งชาติ 2) แสดงการเปล่ียนคำนำหนา้ หนว่ ย ตา่ งๆ ไดถ้ ูกต้อง 4.3 คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1) มวี นิ ยั 2) มีจิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝร่ ู้ มุ่งมั่นในการทำงาน 5. ชนิ้ งานหรือภาระงานท่ีแสดงผลการเรยี นรู้ ภาระงาน 1. ใบงาน เรื่อง การวดั และหนว่ ยวดั ทางฟิสิกส์ 6. การประเมิน เครือ่ งมอื เกณฑ์ วิธกี าร ใบงาน เร่ือง การวัด และหน่วยวัด ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึ้นไป ทางฟสิ กิ ส์ ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจใบงาน แบบฝึกทกั ษะ ขอ้ คำถามอัตนยั ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ข้นึ ไป เพื่อวดั ความสามารถในการสื่อสาร 2. ตรวจแบบฝึก เพ่อื บันทึก ได้แก่ การอธบิ าย การเขยี น ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ในระดบั ดี สมรรถนะ ขึน้ ไป สำคญั ของผเู้ รยี น ดา้ นความคิด แบบสงั เกตพฤติกรรม มวี นิ ัย ใฝ่ และการสือ่ สาร เรียนรู้ และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน 3. สังเกต สัมภาษณ์ บนั ทึก คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ มี วินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งม่นั ใน การทำงาน
หนา้ 52 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ขั้นนำเขา้ สู่บทเรียน 1.1 สำรวจรายช่อื นกั เรียน ประเมินด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ไดแ่ ก่ การมวี ินัย ใฝเ่ รยี นรู้ 1.2 ครูแจง้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้และการวดั ผลประเมนิ ผลดา้ น KPA 1.3 แบ่งกลุ่มนักเรยี นกล่มุ ละ 4-6 คน จัดแบบคละความสามารถในหน่ึงกลมุ่ ประกอบไปด้วย คนเก่ง ปานกลาง และตอ้ งการพฒั นา และกำหนดบทบาทหนา้ ท่ขี องสมาชกิ ในกลุม่ ควรประกอบด้วย หวั หนา้ กลุม่ รองหวั หน้ากลมุ่ และเลขานุการกลุ่ม 1.4 ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสนทนา เพอ่ื ทบทวนเกี่ยวกบั ความสำคญั ของความรูใ้ นสาขาฟิสิกส์ท่ี เรียนผ่านมาแล้ว ปริมาณทางฟิสิกส์ที่เราแบ่งออกเป็นปริมาณเวกเตอร์และปริมาณสเกลาร์ไม่ว่าจะเป็น แรง น้ำหนัก เวลา อุณหภูมิ ความเร็ว อัตราเร็ว จะมีหน่วยวัดระบุไว้เสมอนักเรียนคิดว่าหน่วยวัดมีความสำคัญ อย่างไร หน่วยวัดท่ีนักเรียนรูจ้ ักมอี ะไรบ้าง ถ้าเราไม่ระบุหน่วยวัดของปริมาณน้ันๆ จะทำให้เกิดผลเสียหายตอ่ ปริมาณเหล่านน้ั หรือไม่ อยา่ งไร 2. ขนั้ สำรวจและค้นพบ 2.1 นกั เรียนสามารถนำหนว่ ยวดั น้ำหนกั ไปบอกเปน็ หน่วยวัดความยาวไดห้ รอื ไม่ อยา่ งไร 2.2 นักเรียนสามารถระบุหน่วยวัดความยาวได้กี่หน่วย อะไรบ้าง นักเรียนคิดว่าหน่วยวัดใดท่ี สามารถส่ือสารได้ 3. ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่ม สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยวัดจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เช่น แบบเรียน หนังสืออ้างอิง อินเทอร์เน็ต แล้วเขียนตอบในใบคำถาม เรื่อง หน่วยวัดทางฟิสิกส์ โดยในการทำงานร่วมกัน นักเรยี นควรจะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน รจู้ กั แบง่ ปนั แลกเปล่ยี นเรียนรู้ซึง่ กนั และกัน มนี ำ้ ใจ รรู้ ักสามคั คกี นั ช่วยเหลือ กัน โดยจะมีการประเมินผลระหว่างการเรียนไปพร้อมด้วย 3.2 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ผลการสืบค้นข้อมูลและผลจากการตอบคำถามและ สรปุ ข้อมูลเก่ยี วกบั หนว่ ยวัดทางฟสิ กิ ส์และทำความเข้าใจข้อสรุปที่ได้รว่ มกัน 3.3 สุ่มตัวแทนนักเรียนจากกลุ่มต่างๆ โดยการจับฉลากทั้งหมายเลขกลุ่มละหมายเลขสมาชิก นำเสนอผลการสบื คน้ และขอ้ สรปุ เกี่ยวกบั หน่วยวดั ปรมิ าณทางฟสิ กิ สป์ ระมาณ 1 - 2 กล่มุ 4. ขัน้ ขยายความรู้ 4.1 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า หน่วยสำหรับการวัดปริมาณต่างๆ ที่ สำคัญมี 2 ระบบ คือระบบเมตริกและระบบอังกฤษ จึงมีความยุ่งยากในการติดต่อสื่อสารกัน ดังนั้น จึงได้มีการ กำหนดว่าในการวัดทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ใช้หน่วยในระบบเดียวกันเรียกว่า “ระบบหน่วยระหว่าง ชาต”ิ เรยี กย่อๆ ว่า “ระบบเอสไอ” ซ่ึงประกอบไปดว้ ยหนว่ ยฐาน หนว่ ยอนุพันธแ์ ละคำอุปสรรค์
หนา้ 53 4.2 ให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้หน่วยในระบบเอสไอ การเปล่ียนหน่วย การใช้ตัวพหุคณู หรอื สัญกรณท์ างวทิ ยาศาสตร์ และคำอปุ สรรคโ์ ดยใชส้ ่อื power point 5. ขนั้ ประเมนิ 5.1 ให้นักเรียนตอบคำถามในแบบเรยี น โดยการเขยี นตอบในสมุดแบบฝกึ หดั ตามเวลาท่ีกำหนด จากนั้นใหส้ ง่ ผลงานทค่ี รเู พอื่ ตรวจให้คะแนน 5.2 ตรวจสอบความถกู ตอ้ งความเข้าใจในการทำแบบฝึกหดั 5.3 ครูประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ด้าน มวี ินยั และมจี ติ วทิ ยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งม่ัน ในการทำงาน 8. สอ่ื การเรยี นร้/ู แหลง่ เรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียนการเรยี นรู้พื้นฐานและเพ่ิมเตมิ ฟิสกิ ส์ เล่ม 1 2. ฟิสกิ ส์ บทนำ.ppt 3. .ใบงาน เร่ือง การวัด 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet http://www.rmutphysics.com/physics/oldfront/71/1/physics1.htm
หน้า 54 9. สรปุ ผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนสามารถบอกปริมาณกายภาพ ปริมาณฐานและปริมาณอนุพันธ์ และบอกหนว่ ยในระบบหน่วย ระหว่างชาติ (SI Unit) และคำนำหน้าหน่วยที่สำคญั ได้ โดยนักเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ60 ของคะแนน ตอบคำถามในใบงาน ตามเกณฑท์ ่ีกำหนดไว้ คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ของนกั เรยี นทง้ั หมด . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรยี นสามารถ บอกปรมิ าณฐาน และปรมิ าณอนุพันธ์ บอกหน่วยในระบบหนว่ ยระหวา่ งชาติ (SI Unit) คำนำหนา้ หน่วยพรอ้ มแสดงวิธกี ารเปลีย่ นคำนำหน้าหนว่ ย ต่างๆ ไดถ้ ูกต้อง โดยผา่ นเกณฑท์ ก่ี ำหนด ไว้ในระดับดขี ้นึ ไป คิดเป็นร้อยละ 100 ของนักเรียนทัง้ หมด . 9.3 ด้านคุณลกั ษณะ นกั เรียนเข้าเรยี นตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นกั เรยี นเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานผ่านตาม เกณฑ์ในระดับดีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 100 ของนักเรียนทั้งหมด . . 9.4 ปัญหาอุปสรรค ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงช่อื วจิ ติ ตา .ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ ) วันที่.................................................. ลงช่ือ.......................................................คูน่ ิเทศ (นายตฤณธวิ ฒั น์ ภญิ โญชยั ภัทร) วนั ที่..................................................
หน้า 55 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 บทนำ เรอ่ื ง การวดั และการบนั ทึกผลการวดั กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31205 ช่อื รายวิชา ฟสิ ิกส์ เพม่ิ เติม 1 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง ผูส้ อน นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาตทิ างฟสิ กิ ส์ปรมิ าณและกระบวนการวัด การเคลอื่ นท่ีแนวตรง แรงและกฎการ เคลือ่ นทข่ี องนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ ักษ์พลงั งานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตมั การเคล่ือนท่แี นวโค้ง รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 2. วดั และรายงานผลการวดั ปริมาณทางฟิสกิ ส์ ไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสม โดยนำความคลาดเคล่ือนในการวัดมา พิจารณาในการนำเสนอผล รวมทง้ั แสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์ และแปลความหมายจากกราฟ เส้นตรง 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด หน่วย มาตรฐานทใี่ ช้บอกปริมาณทางฟิสกิ ส์คือระบบเอสไอ ซึง่ ใช้ทัง้ หน่วยฐานและหนว่ ยอนุพัทธ์ ความ ไม่แน่นอนใน การวัดอาจเกิดจากเครื่องมือ วิธีการวัด ความสามารถของผู้วัด และประสบการณ์ของผู้วัด เลข นัยสำคญั คือตวั เลขทีม่ คี วามหมายหรอื มคี วามสำคญั ในปรมิ าณทแี่ สดง 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) การวัดและการบนั ทึกผลการวัด 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) ทำกิจกรรมการใช้เครอ่ื งมือวดั 2) เขียนบนั ทึกผลการวดั ในรปู สญั กรณ์ทางวิทยาศาสตร์
หน้า 56 4.3 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) มีจิตวทิ ยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝร่ ู้ มงุ่ ม่ันในการทำงาน 5. ชนิ้ งานหรอื ภาระงานท่แี สดงผลการเรยี นรู้ 1. กจิ กรรมการใช้เครื่องมือวดั 6. การประเมนิ เครอ่ื งมือ เกณฑ์ วธิ ีการ ใบกิจกรรม เรอ่ื ง การวดั ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ข้นึ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจรายงานผลกจิ กรรม ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ข้นึ ไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพ่ือบนั ทกึ แบบฝกึ ทกั ษะ ขอ้ คำถามอัตนยั ผา่ นเกณฑ์การประเมินในระดบั ดี สมรรถนะ เพ่ือวดั ความสามารถในการส่อื สาร ขนึ้ ไป สำคัญของผเู้ รยี น ดา้ นความคดิ ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขียน และการสื่อสาร 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บนั ทึก แบบสังเกตพฤติกรรม มีวินยั ใฝ่ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มี เรยี นรู้ และมุ่งมัน่ ในการทำงาน วนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น 1.1 สำรวจรายชือ่ นกั เรียน ประเมนิ ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ได่แก่ การมวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ 1.2 ครแู จง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรแู้ ละการวดั ผลประเมนิ ผลดา้ น KPA 1.3 แบง่ กลมุ่ นักเรียนกลุม่ ละ 4-6 คน จัดแบบคละความสามารถในหนง่ึ กลมุ่ ประกอบไปด้วย คนเกง่ ปานกลาง และต้องการพฒั นา และกำหนดบทบาทหนา้ ท่ีของสมาชิกในกลุ่ม ควรประกอบด้วย หัวหนา้ กลุม่ รองหวั หนา้ กลุ่ม และเลขานุการกลมุ่ 1.4 นักเรียนแต่ละกลมุ่ เลน่ เกมจบั คเู่ ก่ยี วกับหน่วยวัด โดยมกี ติกาคอื ใหส้ มาชิกทุกคนช่วยกนั จบั คูร่ ะหว่างบตั รปริมาณทางฟสิ กิ สก์ ับหนว่ ยวัดที่สอดคลอ้ งกนั ใหไ้ ด้มากทสี่ ุดในเวลา 5 นาที 1.5 เม่อื หมดเวลาตามที่กำหนด ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนไปประจำกลมุ่ ทไ่ี ม่ใช่กลมุ่ ของ ตนเองเพอ่ื ตรวจนับคะแนน 1.6 นกั เรียนและครูรว่ มกนั เฉลยคำตอบ กลุ่มท่ีชนะเลิศจะไดร้ บั คะแนนโบนัสจากครู
หนา้ 57 2. ข้นั สำรวจและค้นพบ 2.1 ร่วมกันสนทนาทบทวนเกี่ยวกับหนว่ ยวดั ปรมิ าณทางฟสิ กิ ส์ 2.2 สุ่มตวั แทนนักเรียนจำนวน 1 คน มาท่ีหนา้ ชั้นเรยี นใชเ้ ชอื กวดั รอบนว้ิ ชีข้ องนักเรยี น ต้ัง คำถามนกั เรยี นวา่ 2 เท่าของรอบน้วิ ช้ีทว่ี ดั ไดจ้ ะมขี นาดเทา่ กับความยาวของส่วนไหนของรา่ งกาย จากนน้ั เปลีย่ นเปน็ การวดั รอบของขอ้ มือ รอบคอ พร้อมตั้งคำถามให้นกั เรียนเกดิ ทกั ษะการคดิ วา่ ส่ิงทว่ี ดั ได้คอื ความยาว ของส่วนไหนของรา่ งกาย นกั เรยี นสามารถนำผลท่ีไดไ้ ปใช้ในชวี ิตประจำวนั ได้หรือไม่ อย่างไร ข้อจำกัดของการใช้ วิธีการวดั แบบนม้ี อี ะไรบ้าง 2.3 ให้นกั เรยี นสังเกตดินสอหรือปากกา และคาดคะเนความยาวของดนิ สอหรือปากกาของ ตนเอง จากน้ันลองใชไ้ ม้บรรทดั วัดความยาวของดินสอหรือปากกาเปรียบเทียบค่าท่ีไดจ้ ากการคาดคะเนและจาก การวดั พร้อมร่วมกันอภิปรายคำถามต่อไปนี้ * ผลท่นี กั เรยี นไดจ้ ากการการคาดคะเนเมื่อเปรยี บเทียบกบั จากการวัดจรงิ แตกตา่ งกันหรอื ไม่ อยา่ งไร * ผลการวัดของนกั เรยี นแตล่ ะคนแตกต่างกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร * เหตใุ ดผลการวดั ของนกั เรยี นแตล่ ะคนจงึ ไม่เหมือนกัน 2.4 จากนั้นร่วมกันอภปิ รายโดยใช้แนวคำถามตอ่ ไปนี้ * ผลการวดั ปริมาณต่างๆ ของวสั ดุชนดิ เดยี วกันของนกั เรียนแตล่ ะกลุม่ เหมอื นหรอื แตกตา่ งกนั อย่างไร * ปรมิ าณทีไ่ ด้จากการวดั ของนักเรียนแต่ละกล่มุ มจี ำนวนเลขทศนิยมเหมอื นหรอื แตกต่างกันอย่างไร * นักเรยี นเช่ือถือในผลการวดั ของกลมุ่ ตนเองและกลุม่ เพือ่ นหรือไมเ่ พราะเหตใุ ด 2.5 นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันระดมสมองเพือ่ ทำกิจกรรมในแบบเรียน เรอ่ื ง การวัด ซึง่ การแบง่ หน้าที่ในกลมุ่ ของนักเรยี นอาจเป็นดงั นี้ คนที่ 1 อา่ นข้ันตอนการทำกิจกรรมและอธิบายรายละเอยี ดใหเ้ พอ่ื นรบั ทราบ คนท่ี 2 จัดเตรยี มอุปกรณ์และเป็นผูน้ ำในการทดลองและให้เพ่ือนๆ มีสว่ นรว่ มในการแสดงความคดิ เหน็ คนท่ี 3 จดบนั ทึกและเขียนรายงานการทดลอง คนที่ 4 วิเคราะหผ์ ลการทดลองและสรุปผลการทดลองโดยการเป็นผู้นำและให้เพื่อนๆ มสี ว่ นร่วมกนั การ วิเคราะหแ์ ละแสดงความคิดเหน็ จนไดข้ อ้ สรุปท่สี มาชิกกลมุ่ ยอมรบั สมาชกิ ทกุ คนต้องทำความเข้าใจกับผลงาน ของตนเองและพร้อมที่จะเป็นตวั แทนกลุม่ ในการนำเสนอผลงานของกลุ่มและให้แตล่ ะกลมุ่ ประเมินการทำงาน ของกลุ่มตนเองตามแบบประเมนิ ท่คี รูแจกให้ดว้ ยความเป็นจริง 3. ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรุป 3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือทำกิจกรรมให้เสร็จตามเวลาที่กำหนด รวบรวมข้อมูลอย่างเป็น ระบบภายในเวลา 40 นาที และในการศึกษาค้นคว้าให้แต่ละกลุ่ม ความรู้โดยมีครูประเมินกระบวนการทำงาน กลุม่ และประเมินพฤติกรรมท่ีนักเรียนแสดงออกในขณะทำกจิ กรรม
หน้า 58 3.2 ชักถามปัญหาจากกลุ่มต่างๆ ถึงผลการทำกิจกรรมที่ได้ว่ามีความแตกต่างจากกลุ่มเพื่อนท่ี นำเสนอหรือไม่ อย่างไร พร้อมเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นนำเสนอความแตกตา่ งทีต่ นเองค้นพบพรอ้ มร่วมกันอภิปราย หาข้อสรุป 4. ขัน้ ขยายความรู้ 4.1 จากนั้นนักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับผลการทำกิจกรรมที่ควรจะเป็นพร้อมท้ัง ร่วมกันอภิปรายผลการทำกิจกรรมของแต่ละกลุ่มที่ไม่ได้ออกมานำเสนอว่าเป็นอย่างไรบ้าง และให้ข้อชี้แนะจาก การทำกิจกรรมซ่งึ นกั เรียนควรจะสรุปได้ว่า เครอื่ งมอื ธรรมชาติ เป็นเครือ่ งมอื วัดท่ีใช้กันมาต้งั แตส่ มยั โบราณ ซึ่ง เป็นผลมาจากการที่มนุษยม์ ีนสิ ยั ท่สี ังเกต จงึ นำสงิ่ ทีอ่ ยูใ่ กล้ตัวโดยเฉพาะส่วนตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย เชน่ คบื มอื ความ ยาวของศอก ความยาวของวา มาใช้เป็นเกณฑ์ในการวดั ปริมาณต่างๆ แต่เครื่องมือวัดธรรมชาติ ทำให้ผลการวดั ออกมาไม่ได้มาตรฐานเนื่องจากส่วนตา่ งๆ ของร่างกายของแต่ละคนมีความแตกต่างกนั มนุษย์จึงไดม้ ีการพฒั นา เครื่องมือวัดให้มมี าตรฐานและเปน็ สากลโดยการสร้างเคร่ืองมอื วดั ขน้ึ มาใช้แทนเครอื่ งมอื วดั ธรรมชาติ 4.2 ครใู ห้ความรู้เพิ่มเตมิ เกยี่ วกับการอ่านและการบนั ทึกผลการวัดทตี่ ้องคำนึงถึงความละเอียด ของเครื่องมือโดยพิจารณาจากการแบ่งช่องสเกลของเครื่องมือ รวมทั้งค่าที่เกิดจากการประมาณของผู้วัด ซ่ึง นักเรียนควรได้ข้อสรุปว่า การบันทึกผลการวัดจากเครื่องมือวัดที่เป็นขีดสเกลต้องประกอบด้วยค่าทีแ่ สดงความ ละเอียดของเครื่องมือ (ค่าแน่นอน) กับค่าที่เกิดจากการประมาณของผู้วัด(ค่าไม่แน่นอน) ซึ่งจะมีความ คลาดเคล่อื นได้เนอ่ื งจาก 5. ขั้นประเมิน 5.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มนำข้อมูลที่รวบรวมได้จากการทำกิจกรรมมาร่วมกันวิเคราะห์และลง ข้อสรุปเพื่อเป็นผลงานของกลมุ่ 5.2 สมุ่ ตวั แทนนกั เรยี นจากกลุ่มตา่ ง ๆ ประมาณ 1 - 2 กล่มุ นำเสนอผลการทำกิจกรรม 5.3 ครปู ระเมินคุณลักษณะ ดา้ น มวี ินยั และมจี ิตวิทยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งม่ัน ในการทำงาน 8. สอ่ื การเรียนรู/้ แหล่งเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี นการเรยี นรู้พ้ืนฐานและเพม่ิ เติมฟสิ ิกส์ เล่ม 1 3. ใบกจิ กรรม การใช้เครอื่ งมอื วดั 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet
หน้า 59 9. สรุปผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนทำกจิ กรรมการใช้เครื่องมอื วดั นักเรียนสามารถบอกได้ว่าการเลือกใช้เคร่ืองมือวัดใหม้ ีความ เหมาะสมกับอุปกรณ์ที่จะวัดเรียนรู้การเขียนบันทึกผลการวัดในรูปสัญกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ วิธีการ นำเสนอข้อมูลจากการวัดได้ถูกต้อง โดยผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระดับดีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 100 . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ นกั เรียนทำกิจกรรมการใช้เครื่องมือวัด และเขียนบันทกึ ผลการวัดในรูปสัญกรณ์ทางวทิ ยาศาสตร์ และ มีทักษะการใช้เครื่องมือการวัด และการนำเสนอข้อมูลได้ถูกต้อง โดยนักเรียนมีผลการประเมินผ่าน เกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระดับดีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 100 ของนักเรียนทั้งหมด . 9.3 ดา้ นคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของงานผ่านตามเกณฑ์ ที่ กำหนดไว้ในระดบั ดขี นึ้ ไป คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ของนกั เรยี นทงั้ หมด . 9.4 ปญั หาอุปสรรค ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงช่อื วจิ ติ ตา .ผสู้ อน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ ) วนั ท่ี.................................................. ลงชอ่ื .......................................................คูน่ ิเทศ (นายตฤณธวิ ัฒน์ ภญิ โญชยั ภัทร) วนั ที่..................................................
หนา้ 60 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 4 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 บทนำ เรื่อง เลขนยั สำคญั กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31205 ชอ่ื รายวิชา ฟิสิกส์ เพิ่มเติม 1 ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 เวลาเรยี น 2 ช่วั โมง ผู้สอน นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เข้าใจธรรมชาตทิ างฟสิ กิ สป์ ริมาณและกระบวนการวัด การเคล่อื นทแี่ นวตรง แรงและกฎการ เคล่อื นทข่ี องนวิ ตนั กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ ักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตมั การเคลอื่ นทีแ่ นวโคง้ รวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 2. วดั และรายงานผลการวัดปริมาณทางฟสิ ิกส์ ไดถ้ กู ต้องเหมาะสม โดยนำความคลาดเคล่ือน ในการ วัดมาพจิ ารณาในการนำเสนอผลรวมท้ัง แสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วเิ คราะห์ และแปลความหมายจาก กราฟเส้นตรง 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การนำเลขนัยสำคญั มาบวกหรือลบกันจะต้องคำนึงถงึ ความละเอียดของเคร่ืองมือวดั โดยผลลัพธ์ที่ได้จะ ยึดตามค่าท่ีไดจ้ ากเครือ่ งมือวดั ที่ละเอียดนอ้ ยที่สุด ส่วนการคูณการหารจะคำนึงถงึ จำนวนเลขนัยสำคัญ โดยยึด ผลการวดั ที่มีจำนวนนยั สำคัญน้อยท่ีสดุ หากผลการวัดนนั้ ระบคุ ่าความคลาดเคลื่อนดว้ ยเมอื่ นำมาบวกหรือลบกัน ให้นำค่าความคลาดเคลื่อนของผลการวดั ทง้ั หมดมารวมกันเป็นคา่ ความคลาดเคลื่อนของผลลพั ธ์ท่ีได้ สว่ นการคูณ หรือการหารใหน้ ำค่าความคลาดเคล่ือนของผลการวัดแต่ละตัวมาคิดเปน็ เปอรเ์ ซนต์ความคลาดเคลื่อนแล้วนำมา รวมกันเป็นเปอร์เซนต์ความคลาดเคลอื่ นของผล-ลัพธ์ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1. เลขนัยสำคญั 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1. บวก ลบ คณู และหารเลขนยั สำคัญ
หน้า 61 4.3 คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) มจี ิตวิทยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน 5. ช้ินงานหรือภาระงานทแ่ี สดงผลการเรยี นรู้ 1. ใบงาน เร่ือง เลขนยั สำคัญ 6. การประเมิน เครอื่ งมือ เกณฑ์ วิธกี าร ใบงาน เรอื่ ง เลขนยั สำคัญ ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขึ้นไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจใบงาน ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขน้ึ ไป 2. ตรวจใบงานเพือ่ บนั ทึก ใบงาน เรือง เลขนยั สำคญั ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินในระดบั ดี สมรรถนะ ขอ้ คำถามอัตนยั ขึน้ ไป สำคัญของผ้เู รียน ดา้ นความคิด เพอื่ วัดความสามารถในการส่อื สาร และการสอื่ สาร ได้แก่ การอธบิ าย การเขยี น 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บันทกึ แบบสังเกตพฤตกิ รรม มวี นิ ยั ใฝ่ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มี เรียนรู้ และมงุ่ มนั่ ในการทำงาน วินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งม่นั ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ข้ันนำเขา้ ส่บู ทเรยี น 1.1 สำรวจรายชอ่ื นักเรียน ประเมนิ ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ไดแ่ ก่ การมีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ 1.2 ครแู จง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรูแ้ ละการวดั ผลประเมนิ ผลด้าน KPA 1.3 แบง่ กลุ่มนกั เรียนกลมุ่ ละ 4-6 คน จัดแบบคละความสามารถในหน่ึงกลมุ่ ประกอบไปด้วย คนเก่ง ปานกลาง และต้องการพัฒนา และกำหนดบทบาทหนา้ ท่ขี องสมาชิกในกลมุ่ ควรประกอบดว้ ย หวั หนา้ กล่มุ รองหวั หน้ากลมุ่ และเลขานุการกลมุ่ 1.4 นกั เรียนและครูร่วมกนั สนทนาทบทวนเกย่ี วกบั เครือ่ งมือวัด การอ่านและบันทึกผลการวัดท่ี เรียนผ่านมา 1.5 ตงั้ คำถามนกั เรียนว่า ในการบันทึกผลการวัด การท่ีเราจะบันทกึ ผลการวดั ดว้ ยเลขทศนิยม 1 ตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง หรือ 3 ตำแหน่ง น้นั ข้นึ อยกู่ บั อะไร ถ้าเราไม่คำนงึ ถงึ ปัจจยั ดังกล่าวจะส่งผลเสียหายหรือไม่ อย่างไร
หน้า 62 2. ข้นั สำรวจและคน้ พบ 2.1 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสังเกตเครื่องมือวัดที่มีการแบ่งช่องสเกลต่างกันโดยใช้สื่อ power point ตั้งคำถามนักเรียนว่า จากเครื่องมือที่นักเรียนสังเกตเห็น นักเรียนจะบันทึกผลการวัดโดยใช้เครื่องมือ ดังกลา่ วอย่างไร การบันทึกผลการวดั จากเครอ่ื งมอื ทีส่ งั เกตเห็นแตกต่างกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร เพราะเหตุใด 2.2 คำตอบท่ีนกั เรยี นตอบกับทเี่ พ่ือนๆ ตอบเหมอื นกนั ทั้งหมดหรือไม่ เพราะเหตใุ ด นักเรียนคิด วา่ คำตอบของใครถกู ตอ้ ง จะใชเ้ กณฑอ์ ะไรมาพิจารณาความน่าเช่อื ถือของคำตอบเหล่านัน้ 2.3 มอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเลขนัยสำคัญ การบวก การลบ การ คูณ การหารเลขนัยสำคัญ และความคลาดเคลื่อนของการวัดจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และจากหนังสือแบบเรียน รวบรวมข้อมลู ทไ่ี ด้จากการสืบคน้ ให้ได้มากท่สี ุด โดยใช้เวลา 25 นาที ในการทำงานให้แต่ละกลมุ่ มกี ารมอบหมาย แบง่ หนา้ ทกี่ ันทำงาน ซ่งึ สมาชิกกลุ่มแต่ละคนมหี มายเลขประจำตวั อยแู่ ลว้ การทำหนา้ ท่ขี องสมาชกิ กลมุ่ ควรมีการ หมนุ เวียนผลัดเปล่ียนกันไป โดยครูจะเป็นผปู้ ระเมินพฤติกรรมของนักเรียนแต่ละกล่มุ ในขณะทำงาน 3. ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ 3.1 นักเรียนแต่กลุ่มรวบรวมข้อมูลที่สบื ค้นได้ นำมาวิเคราะห์ร่วมกันลงข้อสรปุ เป็นองค์ความรู้ ด้วยภาษาของตนเองในรูปของแผนผังมโนทัศน์ อภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้ ชว่ ยเหลือเก้อื กูลกัน ทำความเข้าใจ ภายในกลมุ่ ใหส้ มาชกิ ทุกคนในกลมุ่ เขา้ ใจบทเรียนไดเ้ หมือนๆ กนั 3.2 ครูนำสรุปร่วมกับนกั เรียนอีกครัง้ 4. ขน้ั ขยายความรู้ 4.1 ครูนำเสนอความรู้เพ่มิ เติมเกย่ี วกับเลขนัยสำคญั การบวก การลบ การคณู การหาร และ ความคาดเคลื่อนของการวัด การบันทึกปริมาณที่มีค่ามากหรือน้อย โดยใช้สื่อ power point ที่จัดทำข้ึน ประกอบการอภิปราย 4.2 ให้นักเรียนแต่ละคนวัดความยาวและความกว้างของสมุดของตนเองโดยใช้ไม้บรรทัดพรอ้ ม บอกผลการวัดโดยระบุคา่ ความคาดเคลอ่ื นของเคร่อื งมือท่ีใชว้ ดั ดว้ ย จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นนำผลการวัดความยาวและ ความกวา้ งของสมุดมาบวกกัน และคูณกัน จากนั้นครูสุ่มถามนักเรียนดังตอ่ ไปนี้ * นกั เรยี นวดั ความกวา้ งและความยาวของสมุดไดเ้ ท่าไรและนกั เรียนบันทึกผลการวัดไดล้ ะเอียด มากน้อยเพยี งใด เพราะเหตุใด * เม่อื นักเรียนนำผลการวัดดงั กลา่ วมาบวกกนั นกั เรยี นไดผ้ ลลัพธเ์ ท่าไร * เมอื่ นกั เรียนนำผลการวัดดงั กล่าวมาคณู กัน นกั เรยี นได้ผลลพั ธ์เทา่ ไร นำผลลัพธจ์ ากการคำนวณของนักเรียนมาอภิปราย เพอ่ื ชี้ใหเ้ หน็ ถงึ ความสำคญั ของการบันทึกผล การวดั และการนำผลที่ได้จากการวัดมาคำนวณหลังการคำนวณแลว้ จะการบันทกึ ผลลพั ธจ์ ะทำได้อยา่ งไร
หนา้ 63 4.3 นักเรียนแตล่ ะคนแยกยา้ ยกนั ทำแบบฝกึ เรอ่ื ง เลขนัยสำคญั จากนน้ั ให้ผลัดเปลี่ยนกันตรวจ คำตอบ นำคะแนนของแตล่ ะคนมารวมเป็นคะแนนของกลุ่มกลุ่มท่ีไดค้ ะแนนสงู สุด ถือเป็นกลุม่ ชนะเลิศในครั้งนี้ ครูใหค้ ะแนนโบนสั สำหรบั กลมุ่ ทีช่ นะเลศิ 5. ขัน้ ประเมนิ 5.1 ครูชื่นชมการทำงานของนักเรียน โดยเน้นย้ำให้นักเรียนยึดมั่นในหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง หลกั คุณธรรม ให้รกั ในหลวง ต้ังใจทำงาน ตั้งใจเรยี น เป็นคนดขี องสังคมและประเทศชาติ 5.2 สมุ่ นักเรยี นสรปุ เกยี่ วกบั เรอ่ื งท่เี รียนในวันน้ี 5.3 สอบถามความรู้สึกของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ในครั้งนี้ รวมถึงข้อเสนอแนะต่างๆ ท่ี นักเรียนคิดว่าควรปรับปรุงแกไ้ ข เพอ่ื นำไปพัฒนาการเรียนร้กู ารจัดการเรียนรู้ในครัง้ ตอ่ ไป 5.4 ครูประเมินคณุ ลักษณะ ดา้ น มวี ินัย และมีจิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งม่ัน ในการทำงาน 8. ส่ือการเรียนร/ู้ แหลง่ เรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรียนการเรียนรู้พื้นฐานและเพิม่ เติมฟิสกิ ส์ เล่ม 1 2. ใบงาน เรอื่ ง เลขนัยสำคญั 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1. หอ้ งสมดุ 2. Internet
หนา้ 64 9. สรปุ ผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเลขนัยสำคัญ การบวก การลบ การคูณ การหารเลขนัยสำคัญ และ ความคลาดเคลื่อนของการวัดจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และจากหนังสือแบบเรียน และทราบความสำคัญ ของการบนั ทึกผลการวดั และการนำผลทไี่ ดจ้ ากการวัดมาคำนวณและการบันทึกผลลัพธ์ โดยผ่านเกณฑ์ที่ กำหนดไว้ในระดับดีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 100ของนักเรียนทั้งหมด โดยการตอบคำถามในใบงาน . 9.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียนสามารถคำนวณ บวก การลบ การคูณ การหารเลขนัยสำคัญ และความคลาดเคลื่อนของการวัด จากแหล่งเรียนรูต้ ่างๆ พร้อมบอกความสำคัญของการบันทึกผลการวัดและการนำผลที่ได้จากการวัดมา คำนวณ โดยผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระดับดีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 100ของนักเรียนทั้งหมด . 9.3 ด้านคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของงานผ่านตามเกณฑ์ ในระดับดีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 100 ของนักเรียนทั้งหมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงชอื่ วิจติ ตา .ผ้สู อน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ ) วันที่.................................................. ลงชื่อ.......................................................ค่นู ิเทศ (นายตฤณธวิ ัฒน์ ภิญโญชยั ภทั ร) วันท.่ี .................................................
หน้า 65 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 5 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 1 บทนำ เรอ่ื ง ความคลาดเคลอ่ื นของการวัด กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31205 ชื่อรายวิชา ฟิสกิ ส์ เพ่ิมเตมิ 1 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลาเรยี น 2 ช่วั โมง ผู้สอน นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสกิ สป์ ริมาณและกระบวนการวดั การเคลือ่ นทแ่ี นวตรง แรงและกฎการ เคล่อื นทข่ี องนิวตัน กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตัม การเคลื่อนที่แนวโคง้ รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 2. วัดและรายงานผลการวดั ปริมาณทางฟสิ ิกส์ ไดถ้ ูกต้องเหมาะสม โดยนำความคลาดเคล่อื นในการวัดมา พิจารณาในการนำเสนอผล รวมท้ัง แสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์ และแปลความหมายจากกราฟ เส้นตรง 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด ความไม่แน่นอนในการวดั คา่ ที่ได้จากการวดั มโี อกาสเกดิ ความคลาดเคลื่อนจากค่าจรงิ ของปริมาณท่ีวดั ซ่ึง จะข้นึ กบั เครอื่ งมอื และวิธีการวัด รวมทงั้ ขึ้นกับความสามารถและประสบการณข์ องผ้วู ดั 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1. การเลอื กใชเ้ ครือ่ งมือได้อยา่ งเหมาะสมกับส่งิ ทตี่ อ้ งการวัด 2. การประมาณค่าความคลาดเคล่ือน 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1. บอกการเลอื กใชเ้ ครื่องมือได้อยา่ งเหมาะสมกับสิ่งท่ตี อ้ งการวดั 2. บอกการประมาณคา่ ความคลาดเคลอื่ นจากการวดั
หนา้ 66 4.3 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1) มีวินยั 2) มีจติ วทิ ยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความสนใจใฝร่ ู้ มงุ่ มั่นในการทำงาน 5. ช้นิ งานหรอื ภาระงานทแ่ี สดงผลการเรียนรู้ 1. ใบงาน เรอื่ ง ความไม่แน่นอนในการวัด 6. การประเมนิ เครือ่ งมือ เกณฑ์ วิธีการ ใบงาน เรือ่ ง ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ข้ึนไป 1. ตรวจใบงาน เร่ือง ความไม่ ความไมแ่ นน่ อนในการวดั รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม แนน่ อนในการวดั 2. ตรวจแบบฝกึ ทกั ษะ เพือ่ แบบฝึกทกั ษะ ข้อคำถามอตั นยั ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขึ้นไป บนั ทึก สมรรถนะ เพ่ือวัดความสามารถในการสือ่ สาร สำคัญของผ้เู รยี น ดา้ นความคดิ ได้แก่ การอธบิ าย การเขียน ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ในระดบั ดี และการส่ือสาร ขน้ึ ไป 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บนั ทึก แบบสังเกตพฤตกิ รรม มวี นิ ัย ใฝ่ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรยี นรู้ และมงุ่ มน่ั ในการทำงาน วินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มน่ั ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรียน 1.1 สำรวจรายชอื่ นักเรียน ประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ไดแ่ ก่ การมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ 1.2 ครแู จง้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้และการวัดผลประเมนิ ผลด้าน KPA 1.3 แบ่งกลุม่ นกั เรยี นกลมุ่ ละ 4-6 คน จัดแบบคละความสามารถในหนึ่งกลุม่ ประกอบไปด้วย คนเก่ง ปานกลาง และต้องการพฒั นา และกำหนดบทบาทหน้าทข่ี องสมาชิกในกลมุ่ ควรประกอบดว้ ย หวั หน้า กลุม่ รองหัวหน้ากล่มุ และเลขานกุ ารกลุ่ม 1.4 ครซู ักถามนักเรียนว่า นกั เรยี นเคยชง่ั นำ้ หนกั หรอื วัดส่วนสงู หรอื ไม่ แล้วถ้าเคย ใช้อะไรใน การชง่ั และวัด เวน้ ระยะเวลาใหน้ ักเรียนไดแ้ สดงความเห็น
หนา้ 67 2. ขัน้ สำรวจและคน้ พบ 2.1 นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับการวัดและความคลาดเคลื่อน จากหนังสือเรียน เรื่อง ความไม่ แนน่ อนในการวดั 2.2 ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมเกี่ยวกบั เรอ่ื งความไม่แนน่ อนในการวดั พรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ 3. ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ 3.1 ครอู ธิบายเนือ้ หาในหนังสือเรียน ซึ่งมเี น้อื หาเกย่ี วกบั ความไม่แนน่ อนในการวดั 3.2 ครูถามนกั เรยี นเก่ียวกบั ความเขา้ ใจในเนอื้ หาท่ีเรยี นถ้าหากมขี ้อสงสัยใหช้ ักถามได้ 3.3 นักเรยี นและครูร่วมกนั สรุปเนื้อหาในการเรยี นการสอนในห้องเรียนทไ่ี ด้เรียนในช่วั โมง 3.4 นักเรยี นทำใบงาน เรอื่ ง ความไมแ่ นน่ อนในการวดั 4. ขน้ั ขยายความรู้ (Expansion Phase) 4.1 นักเรียนรว่ มอภิปรายซกั ถามปัญหา หรือ เน้อื หาทไ่ี มเ่ ข้าใจ (ใบงานที่4 ) 4.2 ครบู อกใหน้ กั เรยี นไปศกึ ษาเรือ่ งทจ่ี ะเรยี นในชว่ั โมงต่อไปลว่ งหน้า 5. ข้นั ประเมนิ (Evaluation) 5.1 ตรวจสอบความถกู ต้องความเข้าใจในการทำใบงาน 5.2 ครูประเมนิ คุณลักษณะ ดา้ น มีวนิ ยั และมจี ิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งม่ัน ในการทำงาน 8. ส่อื การเรยี นรู/้ แหลง่ เรียนรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี นการเรยี นรู้พื้นฐานและเพมิ่ เติมฟิสิกส์ เล่ม 1 2. ฐานข้อมลู Internet 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet
หนา้ 68 9. สรปุ ผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรยี นศกึ ษาเก่ียวกับการวัดและความคลาดเคลอื่ น จากหนังสือเรียน เรอ่ื ง ความไม่แนน่ อนในการวัด และตอบคำถามในใบงาน เรื่อง ความไม่แน่นอนในการวัด โดยผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระดับดีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 100 โดยการตอบคำถามในใบงาน . . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียนสามารถบอกการเลือกใช้เครื่องมือได้อย่างเหมาะสมกับส่ิงที่ต้องการวัด และสามารถบอกการ ประมาณค่าความคลาดเคล่ือนจากการวัด โดยผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระดับดีขึน้ ไป คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 โดยการตอบคำถามในใบงาน . 9.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของงานผ่านตามเกณฑ์ คิด เปน็ รอ้ ยละ 100 . 9.4 ปัญหาอุปสรรค ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ วิจิตตา .ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ ) วนั ที.่ ................................................. ลงช่อื .......................................................คนู่ ิเทศ (นายตฤณธวิ ัฒน์ ภิญโญชัยภัทร) วันที.่ .................................................
หนา้ 69 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 6 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 บทนำ เร่อื ง การวเิ คราะห์ผลการทดลอง กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว31205 ชอ่ื รายวิชา ฟิสิกส์ เพม่ิ เตมิ 1 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง ผูส้ อน นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ดั /ผลการเรียนรู้ สาระท่ี 1 เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟิสกิ สป์ รมิ าณและกระบวนการวดั การเคลื่อนท่ีแนวตรง แรงและกฎการ เคลื่อนที่ของนวิ ตนั กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวตั ถุ งาน และกฎการอนุรกั ษ์พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตมั การเคล่ือนทีแ่ นวโค้ง รวมทัง้ นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 2. วดั และรายงานผลการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ ไดถ้ ูกต้องเหมาะสม โดยนำความคลาดเคลอื่ น ในการวัด มาพิจารณาในการนำเสนอผล รวมทั้ง แสดงผลการทดลองในรูปของกราฟวิเคราะห์ และแปลความหมายจาก กราฟเส้นตรง 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การวิเคราะห์ผลการทดลองเพื่อใหเ้ ห็นความสัมพันธ์ตวั แปรตา่ งๆท่ไี ดจ้ ากการทดลอง ใชว้ ธิ นี ำผลการ ทดลองมาเขยี นกราฟ แล้ววิเคราะหส์ รุปผลการทดลองจากกราฟ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1. การวิเคราะห์ข้อมูลจากกราฟ 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1. ทำการทดลองอยา่ งงา่ ย เพอ่ื การนำเสนอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ 2. วเิ คราะหก์ ราฟเส้นตรง 4.3 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) มวี นิ ัย 2) มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความสนใจใฝร่ ู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน
หนา้ 70 5. ชน้ิ งานหรอื ภาระงานทีแ่ สดงผลการเรยี นรู้ ภาระงาน 1. ใบงาน เร่อื ง วิเคราะห์สรุปผลการทดลองจากกราฟ 6. การประเมนิ เครื่องมอื เกณฑ์ ใบงาน เรือ่ ง วิเคราะหส์ รุปผลการ ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ขึน้ ไป วธิ กี าร ทดลองจากกราฟ ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม แบบฝกึ ทกั ษะ ข้อคำถามอัตนัย ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขน้ึ ไป 1. ตรวจใบงาน เรือ่ ง วเิ คราะห์ เพือ่ วดั ความสามารถในการสือ่ สาร สรุปผลการทดลองจากกราฟ ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขยี น ผา่ นเกณฑ์การประเมินในระดบั ดี 2. ตรวจแบบฝึก เพอ่ื บนั ทึก ขึน้ ไป สมรรถนะ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มีวนิ ัย ใฝ่ สำคัญของผู้เรียน ด้านความคิด เรียนรู้ และมุ่งม่นั ในการทำงาน และการสื่อสาร 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บันทึก คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ มี วินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ขน้ั นำเข้าสู่บทเรยี น 1.1 สำรวจรายชื่อนกั เรียน ประเมินด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ได่แก่ การมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ 1.2 ครแู จง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรแู้ ละการวัดผลประเมนิ ผลดา้ น KPA 1.3 แบง่ กลุ่มนกั เรียนกลุม่ ละ 4-6 คน จดั แบบคละความสามารถในหน่ึงกลมุ่ ประกอบไปด้วย คนเกง่ ปานกลาง และตอ้ งการพัฒนา และกำหนดบทบาทหน้าท่ีของสมาชิกในกล่มุ ควรประกอบด้วย หัวหน้า กล่มุ รองหวั หน้ากลุ่ม และเลขานุการกลุ่ม 1.4 ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนา โดยตั้งประเด็นคำถามนักเรียนว่าเวลานักเรียนทำการ ทดลองเสร็จแลว้ ข้นั ตอนต่อไปทำอย่างไร (วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ผลการทดลอง) นักเรียนและครูช่วยกันอภิปราย เกีย่ วกับการวิเคราะห์ผลการทดลอง 2. ข้ันสำรวจและคน้ พบ นกั เรยี นรบั ใบความรู้ เรอ่ื ง การวิเคราะห์ผลการทดลองให้นักเรียนศึกษาให้เวลา 10 นาที
หนา้ 71 3. ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 3.1 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเนื้อหาเรื่อง การวิเคราะห์ผลการทดลองจะได้ข้อสรุปว่า การ วเิ คราะห์ผลการทดลอง เพื่อใหเ้ ห็นความสัมพันธ์ตัวแปรต่างๆทีไ่ ด้จากการทดลอง ใช้วิธีนำผลการทดลองมาเขียน กราฟ แล้ววเิ คราะห์สรุปผลการทดลองจากกราฟ 3.2 ครถู ามนกั เรียนเก่ียวกับความเข้าใจในเนือ้ หาท่ีเรยี นถา้ หากมีขอ้ สงสัยใหช้ กั ถาม 4. ข้ันขยายความรู้ 4.1 นักเรียนร่วมอภิปรายซักถามปัญหา เนื้อหาที่ยังไม่เข้าใจ และทำใบงาน เรื่อง วิเคราะห์ สรปุ ผลการทดลองจากกราฟ 4.2 ครูบอกให้นกั เรียนไปศึกษาเร่อื งท่ีจะเรียนในช่วั โมงตอ่ ไปล่วงหนา้ เกี่ยวกับแรงท่ใี ช้ดึงสปรงิ มี ความสัมพันธ์กับระยะที่สปริงยืดออกอย่างไร อะไรคือตัวแปรต้น และอะไรคือตัวแปรตาม และสมการเส้นตรง y = ax + c 5. ขน้ั ประเมนิ 5.1 ตรวจสอบความถูกตอ้ งความเขา้ ใจจากการตอบคำถามในหอ้ งเรยี น 5.2 ครูประเมินคณุ ลกั ษณะ ด้าน มีวินยั และมจี ิตวทิ ยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ ม่งุ มั่นใน การทำงาน 8. สอ่ื การเรียนร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ 8.1 สือ่ การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี นการเรียนรพู้ นื้ ฐานและเพ่มิ เติมฟิสิกส์ เล่ม 1 2. ฐานข้อมลู Internet 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet
หน้า 72 9. สรปุ ผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นกั เรยี นศึกษาเก่ียวกบั การวเิ คราะหผ์ ลการทดลอง และเขา้ ทำความเข้าใจเกี่ยวกบั ความสัมพันธ์ตัวแปร ต่างๆที่ได้จากการทดลอง โดยการใช้วิธีนำผลการทดลองมาเขียนกราฟ แล้ววิเคราะห์สรุปผลการ ทดลองจากกราฟ ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระดับดีขึ้นไป โดยการตอบคำถามในใบงาน คดิ เปน็ ร้อยละ 90 ของนักเรยี นทง้ั หมด . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นกั เรียนสามารถวิเคราะหผ์ ลการทดลอง บอกความสัมพนั ธ์ตวั แปรต่างๆทไ่ี ด้จากการทดลอง สามารถ นำผลการทดลองมาเขียนกราฟ แล้วสามารถสรปุ ผลการทดลองจากกราฟ ผ่านเกณฑท์ ก่ี ำหนดไว้ ใน ระดับดขี นึ้ ไป คิดเป็นร้อยละ 90 โดยการตอบคำถามในใบงาน ของนกั เรียนทัง้ หมด . 9.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของงานผ่านตามเกณฑ์ ใน ระดบั ดีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 100 ของนกั เรียนทัง้ หมด .. 9.4 ปัญหาอุปสรรค ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ วิจติ ตา .ผ้สู อน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ ) วนั ที.่ ................................................. ลงชื่อ.......................................................คนู่ ิเทศ (นายตฤณธวิ ัฒน์ ภิญโญชัยภัทร) วนั ท.ี่ .................................................
หนา้ 73 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 7 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 บทนำ เรอ่ื ง การนำเสนอขอ้ มลู ทางฟิสกิ ส์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว31205 ช่อื รายวิชา ฟิสกิ ส์ เพ่มิ เตมิ 1 ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง ผู้สอน นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้วี ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เขา้ ใจธรรมชาติทางฟิสกิ สป์ ริมาณและกระบวนการวัด การเคล่อื นทแ่ี นวตรง แรงและกฎการ เคลอื่ นท่ขี องนิวตนั กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรักษ์พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตมั การเคลอ่ื นท่ีแนวโค้ง รวมทั้งนำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 2. วัดและรายงานผลการวัดปรมิ าณทางฟิสกิ ส์ได้ถกู ตอ้ งเหมาะสม โดยนำความคลาดเคล่ือนในการวัดมา พจิ ารณาในการนำเสนอผล รวมทงั้ แสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วเิ คราะห์ และแปลความหมายจากกราฟ เสน้ ตรง 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สำหรับการนำเสนอข้อมูลทางฟิสิกส์ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของตาราง หรือกราฟความสัมพันธ์ในการ วิเคราะห์และแปลความหมายจะใช้ความรู้หรือความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์มาช่วยในการวิเคราะห์หา ความสัมพันธ์ของตัวแปรที่ศึกษา ดังนี้ความรู้ด้านคณิตศาสตร์จึงถือว่าเป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษาในวิชา ฟิสิกส์ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1. การวิเคราะหผ์ ลการทดลอง 2. ความสัมพันธต์ วั แปรจากการทดลอง 3. การเขยี นกราฟผลการทดลอง 4. การวเิ คราะห์สรุปผลการทดลองจากกราฟ
หน้า 74 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1. ทำกิจกรรม กราฟในวชิ าฟสิ กิ ส์ 2. บอกความสมั พนั ธ์ตัวแปรจากการทดลอง 3. เขียนกราฟผลการทดลอง 4. วิเคราะหแ์ ละสรุปผลการทดลองจากกราฟ 4.3 คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1) มีวินยั 2) มีจิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝร่ ู้ ม่งุ มั่นในการทำงาน 5. ช้นิ งานหรอื ภาระงานท่ีแสดงผลการเรยี นรู้ 1. กิจกรรม เร่ือง กราฟในวิชาฟิสิกส์ 6. การประเมิน เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วิธกี าร ใบกจิ กรรม เรื่อง กราฟในวชิ าฟสิ ิกส์ ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ข้นึ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจรายงานผลกิจกรรม แบบฝกึ ทกั ษะ ข้อคำถามอัตนยั ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขนึ้ ไป เพื่อวดั ความสามารถในการส่อื สาร 2. ตรวจแบบฝึก เพ่อื บันทกึ ได้แก่ การอธิบาย การเขยี น ผา่ นเกณฑ์การประเมินในระดบั ดี สมรรถนะ ข้นึ ไป สำคัญของผ้เู รียน ดา้ นความคดิ แบบสงั เกตพฤติกรรม มีวินัย ใฝ่ และการสอื่ สาร เรยี นรู้ และมุง่ ม่นั ในการทำงาน 3. สังเกต สัมภาษณ์ บันทึก คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ มี วินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งม่ันใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ขัน้ นำเข้าสูบ่ ทเรยี น 1.1 สำรวจรายช่ือนกั เรียน ประเมินดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ 1.2 ครแู จ้งจดุ ประสงค์การเรยี นรู้และการวดั ผลประเมินผลด้าน KPA
หนา้ 75 1.3 แบ่งกลุ่มนกั เรยี นกลุม่ ละ 4-6 คน จดั แบบคละความสามารถในหนึง่ กลุม่ ประกอบไปด้วย คนเก่ง ปานกลาง และต้องการพัฒนา และกำหนดบทบาทหน้าท่ขี องสมาชกิ ในกล่มุ ควรประกอบด้วย หวั หน้า กลมุ่ รองหวั หน้ากลุ่ม และเลขานุการกลมุ่ 1.4 นักเรยี นและครูร่วมกันสนทนาทบทวนเกี่ยวกับปริมาณทางฟิสกิ ส์ ธรรมชาติของฟสิ กิ ส์ การ ได้มาซึ่งความรู้ทางฟิสิกส์ตามที่ได้เรียนผ่านมา และชักถามนักเรียนเกี่ยวกับรูปแบบสมการ y = ax + c มี ความหมายอย่างไร นักเรียนจะนำความรู้ในวิชาคณิตศาสตร์มาเชื่อมโยงกับการศึกษาในเชิงปริมาณในรายวิชา ฟสิ ิกส์ไดอ้ ย่างไร 2. ข้นั สำรวจและค้นพบ 2.1 ชักถามนักเรียนเก่ียวกับผลการทดลองเก่ียวกบั แรงยืดหยุ่นที่เรียนผา่ นมา จากการทดลอง ดังกล่าวนักเรียนจะพบวา่ แรงทใี่ ช้ดงึ สปริงมีความสัมพนั ธก์ ับระยะที่สปริงยืดออกอย่างไร อะไรคือตัวแปรต้น และ อะไรคอื ตัวแปรตาม ถา้ จะเปรียบเทยี บกบั สมการ y = ax + c นักเรียนจะวิเคราะหไ์ ด้อยา่ งไร 2.2 นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรวมกนั ศกึ ษาความรู้เกย่ี วกบั การนำเสนอขอ้ มูลทางฟิสกิ ส์จากแหล่งเรียน ตา่ ง ๆ และจากแบบเรยี น 2.3 ร่วมกนั วิเคราะห์และตอบคำถามในแบบเรยี น โดยใหเ้ วลาในการทำงาน 10 นาที อภิปราย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทำความเข้าใจภายในกลุ่ม ให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มเข้าใจบทเรียนได้ เหมือนๆ กนั 2.4 ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันระดมสมองเพื่อวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ของชุดข้อมูลในใบ กิจกรรม เรื่อง การหาความสมั พันธ์เชงิ เสน้ ในการทำงานใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ร่วมมือกนั แลกเปล่ียนเรยี นรูซ้ ่งึ กันและกัน และทำความเข้าใจกบั ข้อสรุปของกลมุ่ โดยครจู ะเป็นผปู้ ระเมินพฤติกรรมของนกั เรียนแตล่ ะกลุ่มในขณะทำงาน 3. ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรปุ ครูนำสรปุ ร่วมกบั นักเรยี นอกี ครั้ง ซึง่ ควรได้ข้อสรุปรว่ มกนั วา่ ในการนำเสนอข้อมูลในทางฟิสิกส์ จะอาศัยความรู้ทางคณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานสำคัญ โดยจะเสนอในรูปของตาราง แผนภูมิแบบต่างๆ และกราฟ ความสมั พนั ธ์ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ในการสรุปหาความสมั พนั ธ์ของปรมิ าณทีม่ ีความสัมพันธ์กันแบบฟงั กช์ ัน 4. ขั้นขยายความรู้ ครใู ห้ความรเู้ พมิ่ เติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตัวแปรท่ีเกยี่ วขอ้ งกับปริมาณฟิสิกส์ โดยอาศัยพื้นฐานด้านคณิตศาสตร์ การวิเคราะห์เส้นแนวโน้ม การหาสมการเส้นแนวโน้มโดยอาศัยสื่อ power point 5. ข้นั ประเมนิ 5.1 ให้นักเรียนแต่ละคนทำกิจกรรม เรื่อง กราฟในวิชาฟิสิกส์ ในหนังสือเรียน ส่งผลงานที่ครู เพื่อตรวจใหค้ ะแนน
หนา้ 76 5.2 ตชิ มการทำงานของกลมุ่ นักเรยี น พร้อมใหข้ ้อเสนอแนะ 5.3 สอบถามความรู้สึกของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ในครั้งนี้ รวมถึงข้อเสนอแนะต่างๆ ที่ นกั เรยี นคิดว่าควรปรบั ปรงุ แกไ้ ข เพื่อนำไปพัฒนาการเรียนรกู้ ารจัดการเรยี นรูใ้ นครั้งตอ่ ไป 5.4 ครปู ระเมนิ คุณลักษณะ ด้าน มีวนิ ยั และมจี ติ วทิ ยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งม่ัน ในการทำงาน 8. สือ่ การเรยี นรู้/แหล่งเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี นการเรยี นรูพ้ น้ื ฐานและเพ่มิ เตมิ ฟสิ ิกส์ เล่ม 1 2. ฐานขอ้ มูล Internet 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet
หน้า 77 9. สรปุ ผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนศึกษาผลการทดลอง เกี่ยวกับแรงท่ีใช้ดึงสปริงมีความสมั พันธ์กบั ระยะที่สปริงยืดออก โดยกา ร วเิ คราะห์ความสมั พันธ์ระหวา่ งตวั แปรตน้ และตัวแปรตาม โดยเปรียบเทียบกับสมการเส้นตรง โดยการ ทำกิจกรรม เรื่อง กราฟในวิชาฟิสิกส์ ในหนังสือเรียน ผ่านเกณฑ์ทีก่ ำหนดไว้ในระดับดีขึ้นไป คิดเป็น ร้อยละ 90 ของนกั เรยี นท้ังหมด . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียนสามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหวา่ งตัวแปรต้น และตัวแปรตาม โดยเปรียบเทียบกับสมการ เส้นตรง โดยผา่ นเกณฑท์ ก่ี ำหนดไวใ้ นระดบั ดีข้ึนไป คิดเปน็ ร้อยละ 90 ของนักเรียนท้ังหมด โดยการ ตอบคำถามในใบงาน . 9.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของงานผ่านตามเกณฑ์ ใน ระดบั ดีข้นึ ไป คดิ เปน็ ร้อยละ 100 ของนกั เรยี นทัง้ หมด . 9.4 ปัญหาอุปสรรค ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงชอื่ วิจติ ตา .ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์ ) วนั ท่.ี ................................................. ลงชื่อ.......................................................คนู่ ิเทศ (นายตฤณธิวฒั น์ ภิญโญชัยภทั ร) วันท่.ี .................................................
หนา้ 78 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 8 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 การเคล่อื นท่แี นวตรง เรอ่ื ง ปรมิ าณตา่ งๆของการเคลื่อนที่ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31201 ชื่อรายวิชา ฟสิ กิ ส์ เพ่มิ เติม 1 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลาเรยี น 2 ชัว่ โมง ผสู้ อน นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นทข่ี องนิวตัน กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ ักษ์พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตมั การเคล่อื นที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 3. ทดลองและอธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่าง ตำแหนง่ การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง ของการเคลื่อนที่ ของวัตถุในแนวตรงที่มีความเร่ง คงตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้งทดลองหาค่า ความเร่งโน้มถ่วงของโลกและ คำนวณปริมาณต่างๆที่เก่ยี วข้อง 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การบอกตำแหน่งของวัตถุในแนวตรงต้องบอกเทียบกับจุดๆหนึ่งในแนวการเคลื่อนที่เรียกว่าจุดอ้างอิง เม่ือ วัตถมุ กี ารเคลอื่ นที่ ตำแหนง่ ของวตั ถุนั้นจะเปลี่ยนไป การเปลย่ี นตำแหนง่ ของวัตถเุ รยี กวา่ การกระจดั การกระจัดเป็น ปริมาณเวกเตอร์ ที่บอกทั้งขนาดและทิศทาง ส่วนความยาวตามเส้นทางที่วัตถุเคลื่อนที่ไปเรียกว่า ระยะทาง เป็น ปรมิ าณสเกลาร์ท่ีบอกเฉพาะขนาด ปรมิ าณที่เกีย่ วข้องกับการเคล่ือนท่ี นอกจากการกระจัดและระยะทางแล้ว ยังมี อัตราเร็ว ความเร็วและความเรง่ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1. ความหมายของการกระจดั 2. การหาการกระจัดลัพธไ์ ด้โดยการเขียนรูป 3. ความหมายของอัตราเร็วเฉล่ยี อัตราเรว็ ขณะหน่ึง ความเรว็ เฉลี่ย ความเรว็ ขณะหน่ึง
หนา้ 79 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1. อธิบายความหมายของการกระจดั 2. หาการกระจัดลพั ธไ์ ดโ้ ดยการเขยี นรูป 3. อธิบายความหมายของอตั ราเรว็ เฉลี่ย อัตราเร็วขณะหนึ่ง ความเรว็ เฉลี่ย ความเร็วขณะหนง่ึ 4.3 คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. มจี ิตวิทยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งม่นั ในการทำงาน 5. ชนิ้ งานหรือภาระงานท่ีแสดงผลการเรยี นรู้ ภาระงาน 1. ใบงาน เรื่อง ปริมาณตา่ ง ๆ ของการเคล่ือนท่ี 6. การประเมนิ วธิ ีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ 1. ใบงาน เรื่อง ปริมาณต่าง ๆ ใบงาน เรอื่ ง ปริมาณต่าง ๆ ของการ ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ข้นึ ไป ของการเคลื่อนที่ เคลื่อนที่ ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 2. ตรวจแบบฝึก เพ่ือบนั ทึก แบบฝึกทักษะ ขอ้ คำถามอตั นยั ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขนึ้ ไป สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน ดา้ น เพอื่ วดั ความสามารถในการสื่อสาร ความคิด และการสื่อสาร ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขียน 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บนั ทึก แบบสังเกตพฤติกรรม มีวินัย ใฝ่ ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดี คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ มี เรียนรู้ และมุง่ ม่นั ในการทำงาน ขึ้นไป วนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งม่นั ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรียน 1.1 สำรวจรายชอ่ื นักเรียน ประเมนิ ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ได่แก่ การมวี ินัย ใฝเ่ รียนรู้ 1.2 ครูแจ้งจดุ ประสงค์การเรยี นรู้และการวดั ผลประเมนิ ผลดา้ น KPA 1.3 แบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 4-6 คน จัดแบบคละความสามารถในหนึ่งกลุ่มประกอบไปด้วย คนเก่ง ปานกลาง และตอ้ งการพฒั นา และกำหนดบทบาทหน้าที่ของสมาชกิ ในกลุ่ม ควรประกอบด้วย หัวหนา้ กลุ่ม รองหัวหนา้ กลุ่ม และเลขานุการกลุม่
หน้า 80 1.4 ให้นักเรียนยกตัวอย่างเกี่ยวกับปริมาณต่างๆของการเคลื่อนที่ที่ได้ศึกษามาแล้วบ้าง เช่น ระยะทาง ความเรว็ เวลา เป็นต้น 2. ขั้นสำรวจและค้นพบ นักเรียนรบั ใบความรู้ เรื่องปรมิ าณต่าง ๆ ของการเคลอื่ นที่ โดยให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ศึกษาร่วมกัน ให้เวลา 10 นาที 3. ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรปุ 3.1 นักเรียนและครูรว่ มกนั สรปุ เนือ้ หา เร่อื ง ปรมิ าณตา่ ง ๆ ของการเคล่อื นที่ จะได้ข้อสรุปว่า การ บอกตำแหน่งของวัตถุในแนวตรงต้องบอกเทียบกับจุดๆหนึ่งในแนวการเคลื่อนที่เรียกว่าจุดอ้างอิง เมื่อวัตถุมีการ เคลื่อนที่ ตำแหน่งของวตั ถุนั้นจะเปลี่ยนไป การเปลี่ยนตำแหน่งของวตั ถเุ รียกว่าการกระจัด การกระจัดเป็นปริมาณ เวกเตอร์ ที่บอกทั้งขนาดและทิศทาง ส่วนความยาวตามเส้นทางที่วตั ถุเคลื่อนที่ไปเรยี กว่า ระยะทาง เป็นปริมาณส เกลารท์ บี่ อกเฉพาะขนาด ปริมาณท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การเคลื่อนที่ นอกจากการกระจัดและระยะทางแล้ว ยังมีอัตราเร็ว ความเรว็ และความเร่ง 3.2 ครถู ามนักเรยี นเกยี่ วกบั ความเข้าใจในเนอ้ื หาที่เรยี นถา้ หากมีข้อสงสัยใหช้ กั ถามได้ 4. ขน้ั ขยายความรู้ 4.1 นกั เรียนทำใบงาน เรอื่ ง ปรมิ าณตา่ ง ๆ ของการเคลื่อนที่ ในช่ัวโมงเพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจใน เนื้อหาท่ีเรยี นวนั นี้ 4.1 นกั เรียนร่วมอภิปรายซักถามปญั หา เนือ้ หาท่ยี งั ไม่เข้าใจ 4.2 ครูบอกให้นักเรียนไปศึกษาเรื่องที่จะเรียนในชั่วโมงต่อไปล่วงหน้า (การวัดอัตราเร็วของการ เคลอ่ื นท่ใี นแนวตรง 5. ขัน้ ประเมิน 5.1 ตรวจสอบความถูกตอ้ งความเขา้ ใจในการทำใบงาน 5.2 สังเกตความสนใจ ความกระตอื รือร้น 5.3 ครูประเมินคุณลักษณะ ด้าน มีวินัย และมีจิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งมั่นใน การทำงาน 8. สอ่ื การเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี นการเรยี นรูพ้ ืน้ ฐานและเพมิ่ เติมฟสิ กิ ส์ เลม่ 1 2. ฐานขอ้ มลู Internet 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet
หนา้ 81 9. สรุปผลการจัดการเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความรว่ มมอื ในการทำกิจกรรมเพอื่ ศกึ ษาปรมิ าณที่เกย่ี วข้องกบั การเคลื่อนที่ ไดแ้ ก่ ระยะทาง และ การกระจัด พร้อมทำกิจกรรมศึกษาวิธีหาการกระจัดลัพธ์ได้โดยการเขียนรูป ศึกษาความหมายของ อัตราเร็วเฉลี่ย อัตราเร็วขณะหน่ึง ความเรว็ เฉลย่ี ความเรว็ ขณะหนง่ึ จากการสบื ค้น การศกึ ษาจากใบความรู้ และหนังสือ โดยมีนักเรียน ร้อยละ 90 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียนสามารถ อธิบายความหมายของระยะทาง และการกระจัด และสามารถหาการกระจดั ลัพธ์ได้โดยการ เขียนรูปได้ นักเรียนสามารถ อธิบายความหมายของอัตราเร็วเฉลี่ย อัตราเร็วขณะหนึ่ง ความเร็วเฉล่ีย ความเร็วขณะหนึ่ง โดยมีนักเรียน ร้อยละ 90 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบ คำถาม) . 9.3 ด้านคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนใหค้ วามร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นกั เรียนมีความรับผดิ ชอบ มคี วามมุง่ มั่นใน การทำงาน ทำใบงานเสร็จตามทไี่ ด้รบั มอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานทีไ่ ดร้ ับมอบหมายผ่านตาม เกณฑ์ คดิ เป็นร้อยละ 100 ของนกั เรียนทั้งหมด . 9.4 ปัญหาอุปสรรค ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ลงชอื่ วจิ ิตตา .ผสู้ อน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์ ) วนั ท.่ี ................................................. ลงชอ่ื .......................................................ค่นู เิ ทศ (นายตฤณธวิ ฒั น์ ภญิ โญชยั ภทั ร) วนั ที.่ .................................................
หน้า 82 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 9 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 การเคล่อื นท่แี นวตรง เรอื่ ง ปริมาณตา่ งๆของการเคลอื่ นที่ (ต่อ) กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว31201 ช่อื รายวิชา ฟิสกิ ส์ เพิ่มเติม 1 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง ผสู้ อน นางสาววจิ ติ ตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวดั การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลือ่ นที่ของนวิ ตัน กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ ักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์ โมเมนตมั การเคล่ือนท่ีแนวโคง้ รวมทงั้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 3. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง ตำแหน่งการกระจัด ความเร็ว และความเร่ง ของการเคลื่อนที่ ของวัตถุในแนวตรงที่มีความเร่ง คงตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้งทดลองหาค่า ความเร่งโน้มถ่วงของโลกและ คำนวณปรมิ าณต่างๆที่เก่ยี วขอ้ ง 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การเคล่อื นท่ี เป็นการเปลี่ยนตำแหนง่ ของวตั ถุ ผลของการเปล่ยี นตำแหน่ง จะไดข้ นาดความยาวของเส้นทาง การเปลี่ยนตำแหน่ง ซ่งึ เราเรยี กว่า ระยะทาง จงึ เป็นปริมาณสเกลาร์ แต่ถา้ การเปลยี่ นตำแหนง่ นั้นมีทิศทางท่ีแน่นอน คอื มีทศิ จากตำแหน่งเรม่ิ ต้นไปยังตำแหน่งสดุ ท้าย ส่งิ ท่ไี ด้ จะมที ง้ั ขนาดและทิศทาง จะเรียกว่า การกระจัด และเป็น ปรมิ าณเวกเตอร์ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1. ความหมายของระยะทาง และการกระจดั 2. การหาการกระจดั ลพั ธ์ไดโ้ ดยการเขียนรปู 3. ความหมายของอตั ราเร็วเฉล่ยี อตั ราเร็วขณะหนึ่ง ความเร็วเฉลย่ี ความเรว็ ขณะหน่งึ
หน้า 83 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1. อธบิ ายความหมายของระยะทาง และการกระจดั 2. หาการกระจดั ลพั ธ์ได้โดยการเขียนรปู 3. อธิบายความหมายของอัตราเรว็ เฉลี่ย อตั ราเร็วขณะหนง่ึ ความเร็วเฉลี่ย ความเรว็ ขณะหนึง่ 4.3 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. มีจิตวทิ ยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝร่ ู้ มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 5. ชิ้นงานหรือภาระงานที่แสดงผลการเรยี นรู้ ภาระงาน 1. ใบงาน เรือ่ ง ปริมาณต่าง ๆ ของการเคล่ือนท่ี 6. การประเมนิ วธิ กี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์ 1. ใบงาน เรอ่ื ง ปรมิ าณต่าง ๆ ใบงาน เร่ือง ปรมิ าณต่าง ๆ ของการ ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ข้นึ ไป ของการเคล่ือนที่ เคล่อื นท่ี รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 2. ตรวจแบบฝึก เพือ่ บันทึก แบบฝกึ ทักษะ ขอ้ คำถามอัตนยั ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ดา้ น เพื่อวดั ความสามารถในการสื่อสาร ความคดิ และการส่ือสาร ได้แก่ การอธิบาย การเขียน 3. สังเกต สมั ภาษณ์ บันทกึ แบบสงั เกตพฤติกรรม มีวินัย ใฝ่ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินในระดบั ดี คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ มี เรียนรู้ และมุ่งม่นั ในการทำงาน ข้นึ ไป วินยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มั่นใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันที่ 1 ข้นั นำเข้าส่บู ทเรยี น 1.1 สำรวจรายช่อื นักเรียน ประเมินดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ 1.2 ครแู จ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรแู้ ละการวัดผลประเมนิ ผลด้าน KPA 1.3 แบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 4-6 คน จัดแบบคละความสามารถในหนึ่งกลุ่มประกอบไปด้วย คนเกง่ ปานกลาง และตอ้ งการพัฒนา และกำหนดบทบาทหน้าท่ีของสมาชิกในกล่มุ ควรประกอบดว้ ย หวั หนา้ กลมุ่ รองหัวหน้ากลุ่ม และเลขานกุ ารกลุ่ม
หนา้ 84 1.4 นักเรยี นและครรู ว่ มกนั ทบทวนความรู้เดิม เกยี่ วกบั เรอ่ื ง ปรมิ าณสเกลาร์และปริมาณเวกเตอร์ เช่อื มโยงเนอ้ื หาโดยนักเรียนร่วมกนั สนทนา เกย่ี วกับ การเคลอื่ นท่ีมปี รมิ าณใดบ้างทเ่ี ปน็ ปริมาณสเกลาร์และปริมาณ เวกเตอร์ ลองยกตัวอย่าง เพื่อเป็นความรู้พื้นฐานนาไปสู่การศึกษา เรื่อง ปริมาณต่างๆ ของการเคลื่อนที่ เรื่อง ระยะทางและการกระจดั 1.5 นักเรียนร่วมกันอภิปรายภายในกลุ่ม เกี่ยวกับ การเคลื่อนที่มีปริมาณใดบ้างที่เป็นปริมาณ สเกลารแ์ ละปรมิ าณเวกเตอร์ ลองยกตัวอยา่ ง 1.6 นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกีย่ วกับ การเคลื่อนที่มีปริมาณใดบ้างที่เป็นปรมิ าณ สเกลาร์ และปรมิ าณเวกเตอร์ ลองยกตัวอย่าง 1.7 แจง้ ใหน้ กั เรียนทราบวา่ จะได้ศกึ ษาเก่ียวกบั เก่ียวกบั ตำแหน่งระยะทาง การกระจดั ขั้นท่ี 2 ขน้ั สำรวจและค้นพบ 2.1 นกั เรียนสบื คน้ ขอ้ มลู เกี่ยวกับ ตำแหนง่ ระยะทาง การกระจดั จากหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติม ฟสิ กิ ส์ เลม่ 1 และใบความร้ทู ่ี 5 เร่ือง ปรมิ าณตา่ งๆ ของการเคลอ่ื นที่ ขน้ั ท่ี 3 ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรุป 3.1 นักเรียนนำข้อมูลจากข้นั การสำรวจและค้นหา มาอภิปรายร่วมกบั ครู 3.2 นกั เรียนร่วมซักถาม และครอู ธิบายเพ่ิมเตมิ เก่ียว กับตำแหน่งระยะทาง และ การกระจัด เพื่อให้ นักเรยี นสรุปสาระสำคญั ลงในสมดุ จดบันทกึ 3.3 นักเรยี นทำใบงาน เรอื่ ง ปรมิ าณตา่ งๆ ของการเคลื่อนท่ี ขนั้ ที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ 4.1 นักเรียนสนทนาซักถามครู และศึกษาเพิ่มเติมเกีย่ วกับการคำนวณเกี่ยวกับ ตำแหน่งระยะทาง และการกระจัด จากแหล่งเรียนร้อู ่ืน ขน้ั ที่ 5 ขั้นประเมิน 5.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรขู้ อง 5.2 ประเมนิ จากการทำใบงาน เรอื่ ง ปริมาณต่างๆ ของการเคลือ่ นท่ี 5.3 ครูประเมินคุณลักษณะ ด้าน มีวินัย และมีจิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งมั่นใน การทำงาน
หน้า 85 8. สื่อการเรยี นร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี นการเรียนรู้พ้นื ฐานและเพิ่มเตมิ ฟสิ ิกส์ เลม่ 1 2. ฐานขอ้ มลู Internet 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet
หนา้ 86 9. สรุปผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นกั เรียนใหค้ วามรว่ มมือในการทำกจิ กรรมเพื่อศกึ ษาปริมาณที่เก่ยี วข้องกับการเคลอื่ นท่ี ไดแ้ ก่ ระยะทาง และ การกระจัด พร้อมทำกิจกรรมศึกษาวิธีหาการกระจัดลัพธ์ได้โดยการเขียนรูป ศึกษาความหมายของ อตั ราเร็วเฉลย่ี อตั ราเรว็ ขณะหน่ึง ความเร็วเฉล่ีย ความเร็วขณะหนง่ึ จากการสบื คน้ การศึกษาจากใบความรู้ และหนังสือ โดยมีนักเรียน ร้อยละ 90 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ นักเรยี นสามารถ อธิบายความหมายของระยะทาง และการกระจดั และสามารถหาการกระจัดลัพธ์ได้โดยการ คำนวณและวิธีการทางเวกเตอร์รูปได้ นักเรียนสามารถ อธิบายความหมายของอัตราเรว็ เฉลี่ย อัตราเรว็ ขณะหน่งึ ความเรว็ เฉลี่ย ความเรว็ ขณะหนง่ึ โดยมีนกั เรยี น ร้อยละ 90 ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขึน้ ไป (ร้อย ละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . . 9.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นกั เรยี นให้ความรว่ มมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นกั เรยี นมีความรบั ผิดชอบ มีความมงุ่ มั่นใน การทำงาน ทำใบงานเสร็จตามทไี่ ดร้ ับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของงานทไี่ ดร้ ับมอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ของนกั เรียนทัง้ หมด . 9.4 ปญั หาอุปสรรค ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ลงชือ่ วิจติ ตา .ผูส้ อน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ ) วันท.่ี ................................................. ลงชื่อ.......................................................คนู่ เิ ทศ (นายตฤณธวิ ัฒน์ ภิญโญชัยภัทร) วันท่.ี .................................................
หนา้ 87 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 10 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 การเคลื่อนทแ่ี นวตรง เร่ือง อตั ราเร็วของการเคลือ่ นที่แนวตรง กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31201 ชอ่ื รายวชิ า ฟิสิกส์ เพิม่ เตมิ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4 เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง ผสู้ อน นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชีว้ ดั /ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลอื่ นท่ขี องนวิ ตนั กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตัม การเคลื่อนทแี่ นวโคง้ รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 3. ทดลองและอธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง ตำแหนง่ การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง ของการเคลื่อนที่ ของวัตถุในแนวตรงที่มีความเร่ง คงตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้งทดลองหาค่า ความเร่งโน้มถ่วงของโลกและ คำนวณปริมาณต่างๆท่เี กี่ยวขอ้ ง 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด ระยะทางท่ีวัตถุเคลอื่ นท่ไี ด้ในหน่งึ หน่วยเวลา จะหมายถึงอตั ราเรว็ เฉล่ยี ถ้าอัตราเร็วเฉลี่ยของการเคล่ือนท่ี ในช่วงเวลาสัน้ จนใกล้ศูนย์ เรียกอัตราเรว็ เฉลี่ยในชว่ งสัน้ ๆนี้ว่า อัตราเร็วขณะหนึ่ง เครื่องเคาะสัญญาณเวลา ใช้วัด อัตราเร็วเฉล่ียของวัตถุซงึ่ เคล่ือนทใ่ี นเวลา หนง่ึ ๆ รถจะลากแถบกระดาษไปในขณะท่ีปลายเคาะจะเคาะกระดาษให้ ปรากฏเป็นรอยด้วยอตั ราการเคาะที่ 50คร้ัง/วนิ าทีทำให้เราสามารถศกึ ษาอัตราเร็วเฉลยี่ ของรถได้จากการศึกษาแถบ กระดาษระยะห่างจากจดุ หนึ่งถดั ไปบนแถบกระดาษเรยี กว่า ช่วงเวลาจะมีคา่ เท่ากับ 1/50 เสมอ ไม่ว่าจุดจะใกล้กนั มากหรือไกลกัน ถ้า VAB เป็นอตั ราเรว็ เฉลี่ยของรถในช่วง AB จะได้ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
หน้า 88 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1. การหาอัตราเร็วเฉลี่ยและอัตราเร็วขณะหนึ่งของการเคลื่อนที่โดยการวิเคราะห์จุดบนแถบ กระดาษท่ีถูกดงึ ผ่านเคร่อื งเคาะสญั ญาณเวลา 2. กจิ กรรม เรอ่ื ง การวดั อตั ราเร็วของการเคลือ่ นท่แี นวตรง 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1. ทำกจิ กรรม เรื่อง การวดั อัตราเรว็ ของการเคลือ่ นที่แนวตรง 2. หาอัตราเรว็ เฉลีย่ และอตั ราเร็วขณะหนง่ึ ของการเคลอื่ นทโ่ี ดยการวเิ คราะห์จดุ บนแถบกระดาษที่ ถูกดงึ ผ่านเคร่อื งเคาะสัญญาณเวลา 4.3 คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความสนใจใฝร่ ู้ มุ่งมนั่ ในการทำงาน 5. ชิน้ งานหรือภาระงานท่ีแสดงผลการเรียนรู้ ภาระงาน 1. แบบฝึกหดั เรอ่ื ง การวดั อตั ราเร็วของการเคลือ่ นทีแ่ นวตรง 2. ใบกิจกรรม เรือ่ ง การวดั อตั ราเรว็ ของการเคลือ่ นทแี่ นวตรง 6. การประเมนิ เครอื่ งมอื เกณฑ์ วิธกี าร แบบฝึกหดั เร่อื ง การวดั อัตราเร็วของการ ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ข้ึนไป เคล่อื นทแี่ นวตรง ร้อยละ60 ของคะแนนตอบ 1. ตรวจแบบฝึกหดั เรื่อง การวัด คำถาม อัตราเรว็ ของการเคล่ือนท่ีแนวตรง ใบกจิ กรรม เร่ือง การวัดอัตราเรว็ ของการ ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ข้ึนไป เคล่ือนทแี่ นวตรงเพอื่ วดั ความสามารถใน 2. ตรวจใบกิจกรรม เพือ่ บันทึก การสอ่ื สาร ไดแ้ ก่ การอธิบาย การเขยี น ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ใน สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน ด้าน และความสามารถในการแกป้ ัญหา ระดบั ดี ขนึ้ ไป ความคดิ และการส่อื สาร แบบสังเกตพฤตกิ รรม มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งม่นั ในการทำงาน 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บนั ทึก คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มั่นในการทำงาน
หน้า 89 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ที่ 1 ข้นั นำเขา้ สบู่ ทเรียน 1.1 สำรวจรายชือ่ นกั เรยี น ประเมนิ ด้านคุณธรรม จริยธรรม ไดแ่ ก่ การมีวนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ 1.2 ครแู จง้ จุดประสงคก์ ารเรียนร้แู ละการวัดผลประเมนิ ผลดา้ น KPA 1.3 แบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 4-6 คน จัดแบบคละความสามารถในหนึ่งกลุ่มประกอบไปด้วย คนเก่ง ปานกลาง และต้องการพฒั นา และกำหนดบทบาทหน้าทขี่ องสมาชิกในกลุม่ ควรประกอบด้วย หัวหนา้ กล่มุ รองหวั หนา้ กลุ่ม และเลขานุการกลุ่ม 1.4 หลังจากนั้นตัวแทนนักเรียนทดลองเตะลูกบอลและปล่อยลูกบอลให้ตกลงพื้นในแนวด่ิง จากน้ันครถู ามนักเรยี นวา่ “เราหาอัตราเรว็ เฉลี่ยของลูกบอลได้อย่างไร” 1.5 นักเรียนร่วมกันสนทนาเก่ียวกับคำถามและไดค้ ำตอบร่วมกันว่า“สามารถหาอัตราเรว็ เฉลีย่ ได้ โดยวัดระยะทางและใชน้ าฬิกาจบั เวลาของการเคลื่อนท่ขี องลกู บอล” 1.6 แจง้ ให้นักเรยี นทราบวา่ จะได้ศกึ ษาเกยี่ วกับการวดั อตั ราเรว็ ของการเคลอ่ื นท่ีในแนวตรง ขัน้ ที่ 2 ขนั้ สำรวจและคน้ พบ 2.1 นักเรียนศึกษาใบความรู้ เรื่อง หลักการทำงานของเครื่องเคาะสัญญาณเวลาและสรุป สาระสำคัญลงในสมดุ 2.2 นกั เรียนแบ่งเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน ทำกิจกรรม เรอ่ื ง การวัดอตั ราเร็วของการเคลือ่ นที่ใน แนวตรง โดยให้นกั เรียนนำขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากการทำกจิ กรรมมาอภิปรายในประเด็นตอ่ ไปน้ี - อัตราเร็วชว่ งเร่ิมตน้ และช่วงสดุ ท้าย แตกตา่ งกนั หรือไม่ อยา่ งไร - ความเร็วตลอดการเคลื่อนที่มกี ารเปลยี่ นแปลงหรือไม่ อยา่ งไร 2.3 ตัวแทนนกั เรียนแต่ละกลมุ่ นำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน ข้นั ท่ี 3 ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป 3.1 ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ เรอื่ ง การวดั อัตราเร็วของการเคลือ่ นทีใ่ นแนวตรง 3.2 นกั เรยี นและครรู ่วมกนั สรุปผล เกีย่ วกบั การวดั อัตราเรว็ ของการเคลือ่ นท่ใี นแนวตรง สำหรับการวัดอัตราเร็วในการทดลองต่างๆของวิชาฟิสิกส์ใช้เครื่องเคาะสัญญาณเวลา (ticker timer)การวัดทำได้โดยติดปลายแถบกระดาษข้างหนึ่งกับวัตถุ แล้วสอดปลายแถบกระดาษอีกข้างหนึ่งเข้าไปใต้ แผน่ กระดาษคาร์บอน เมือ่ วตั ถเุ คล่ือนท่กี จ็ ะดงึ แถบกระดาษให้เคลอ่ื นท่ีผา่ นคนั เคาะเครื่องเคาะสัญญาณเวลาไปด้วย อัตราเรว็ เทา่ กับวัตถุ ทำใหป้ รากฏจุดเรยี งกนั เปน็ ระยะบนแถบกระดาษ จากการนับจำนวนช่วงจดุ จากจุดเริ่มต้นถึง จดุ สุดทา้ ยทนี่ ำมาพิจารณากจ็ ะสามารถทราบช่วงเวลาท้งั หมดของการเคล่อื นท่ไี ด้
หนา้ 90 ขนั้ ที่ 4 ข้นั ขยายความรู้ 4.1 ครูอธิบายเพม่ิ เติมเกี่ยวกบั การคำนวณหาอัตราเร็วเฉล่ียของวัตถุทล่ี ากแถบกระดาษผ่านเครื่อง เคาะสัญญาณเวลา โดยให้นักเรียนดูหนังสอื วชิ าฟิสกิ สป์ ระกอบกับการสอน 4.2 นักเรยี นทำแบบฝกึ หดั เร่ือง การวดั อตั ราเร็วของการเคล่ือนที่ในแนวตรง ซงึ่ นกั เรียนคนใดท่ี ทำเสร็จก่อนจะได้พักก่อนเพ่อื นในห้องและไดค้ ะแนนพเิ ศษ 4.3 สมุ่ นกั เรียนทีท่ ำแบบฝกึ หัดไดถ้ กู ตอ้ ง เฉลยแบบฝกึ หดั หนา้ ชน้ั เรยี น ขัน้ ท่ี 5 ขั้นประเมนิ 5.1 นักเรียนและครูรว่ มกันสรุปประโยชน์ทไี่ ด้จากการเรียนเรอ่ื ง การวัดอัตราเรว็ ของการเคลื่อนที่ ในแนวตรง 5.2 ตรวจสอบจากการตอบคำถาม การอภปิ รายหนา้ ชนั้ เรยี น 5.3 สังเกตจากความสนใจทางการเรียน 5.4 ครูประเมินคุณลักษณะ ด้าน มีวินัย และมีจิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งมั่นใน การทำงาน 8. ส่ือการเรยี นรู/้ แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี นการเรียนรพู้ นื้ ฐานและเพ่ิมเติมฟสิ ิกส์ เล่ม 1 2. ฐานขอ้ มลู Internet 3. ใบความรู้ เร่ือง หลักการทำงานของเครอ่ื งเคาะสญั ญาณเวลา 4. การทดลองหาอตั ราเรว็ 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet
หนา้ 91 9. สรปุ ผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นกั เรียนทำกิจกรรมการหาอัตราเร็วเฉลี่ยและอตั ราเรว็ ขณะหนงึ่ ของการเคลือ่ นท่ีโดยการวิเคราะห์จุดบนแถบ กระดาษที่ถูกดึงผ่านเคร่ืองเคาะสญั ญาณเวลา โดยมีแนวทางจากใบกจิ กรรม เรือ่ ง การวดั อัตราเร็วของการ เคลื่อนท่ีแนวตรง โดยสามารถหาอัตราเรว็ เฉล่ียและอตั ราเร็วขณะหน่ึงของการเคลอ่ื นที่โดยการวัดระยะห่าง ระหว่างจุด และนับจำนวนช่วงจุดจากจุดเริ่มต้นถึงจุดสุดท้ายที่นำมาพิจารณา ของการเคลื่อนท่ี โดยมี นักเรียน ร้อยละ 85 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียนให้ความร่วมมอื ในการทำกจิ กรรมการหาอัตราเร็วเฉลี่ยและอัตราเร็วขณะหนึ่งของการเคลื่อนทีโ่ ดย การวิเคราะห์จุดบนแถบกระดาษที่ถูกดึงผ่านเครื่องเคาะสัญญาณเวลา โดยสามารถหาอัตราเร็วเฉลี่ยและ อัตราเรว็ ขณะหนง่ึ ของการเคล่อื นท่ีโดยการวดั ระยะห่างระหว่างจุด และนบั จำนวนชว่ งจดุ จากจุดเร่ิมต้นถึงจุด สดุ ทา้ ยที่นำมาพจิ ารณา โดยมีนกั เรียน รอ้ ยละ 85 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบ คำถาม) . 9.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรยี นให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ นักเรียนมคี วามรบั ผิดชอบ มคี วามม่งุ มั่นใน การทำงาน ทำใบงานเสร็จตามทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย และมีผลสำเรจ็ ของงานทไี่ ด้รบั มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คิดเปน็ ร้อยละ 100 ของนกั เรียนทงั้ หมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค อุปกรณ์ทากรทดลองชำรุด และมจี ำนวนไมเ่ พียงพอต่อจำนวนกลุม่ ของนกั เรียน ครจู งึ เลือกใชว้ ิธกี ารจัดกลุ่ม นักเรียนและใหห้ มุนเวยี นทำกิจกรรมภายในชว่ งระยะเวลาท่กี ำหนดให้ ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการทำกจิ กรรม เฉพาะส่วนทต่ี อ้ งไดร้ อยเคาะจากเครอื งเคาะสญั ญาณเวลามาใชใ้ นการวิเคราะห์ และคำนวณหาอัตราเร็วเฉลยี่ นักเรียนบางส่วนขาดความรู้พื้นฐานทางด้านคณิตศาสตร์ทีจำเป็น เช่นการหารจำนวนด้วยเศษส่วน การ เปลี่ยนขนาดของหน่วยวัดความยาว หรือแม้แต่ทักษะเกี่ยวกบั การใช้เครื่องคำนวณเพื่อการชว่ ยหาคำตอบ . ลงชอ่ื วิจติ ตา .ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ ) วันท่.ี ................................................. ลงชอื่ .......................................................ค่นู ิเทศ (นายตฤณธวิ ฒั น์ ภิญโญชยั ภทั ร) วนั ท่ี..................................................
หนา้ 92 แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 11 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 การเคลือ่ นทแี่ นวตรง เรอ่ื ง ความเร่ง กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว31201 ช่ือรายวิชา ฟิสกิ ส์ เพมิ่ เตมิ 1 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 เวลาเรียน 2 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด/ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวดั การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นท่ขี องนวิ ตนั กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษ์พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตมั การเคลือ่ นท่ีแนวโคง้ รวมทั้งนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 3. ทดลองและอธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่าง ตำแหนง่ การกระจัด ความเร็ว และความเร่ง ของการเคลื่อนท่ี ของวัตถุในแนวตรงที่มีความเร่ง คงตัวจากกราฟและสมการรวมทั้งทดลองหาค่า ความเร่งโน้มถ่วงของโลกและ คำนวณปริมาณตา่ งๆทีเ่ กยี่ วขอ้ ง 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เมอ่ื วัตถมุ ีความเร่งในชว่ งเวลาหนง่ึ ความเร็วของมันจะเปล่ียนแปลงไป ความเรง่ อาจมีค่าเป็นบวกหรือลบก็ ได้ ซึ่งเรามักว่าเรียกความเร่ง กับ ความหน่วง ตามลำดับ ความเร่งมีนิยามว่า \"อัตราการเปลี่ยนแปลงความเร็วของ วตั ถุในชว่ งเวลาหนงึ่ \" 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1. ความหมายของความเร่งเฉลยี่ ความเร่งขณะหนึง่ 2. การหาค่าความเร่งของการเคล่อื นทขี่ องวตั ถุ 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1. บอกความหมายของความเรง่ เฉลย่ี ความเร่งขณะหนงึ่ 2. คำนวณหาความเรง่ จากโจทย์ตวั อย่างทก่ี ำหนดให้
หน้า 93 4.3 คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. มีจติ วิทยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งม่ันในการทำงาน 5. ชิน้ งานหรือภาระงานท่ีแสดงผลการเรียนรู้ ภาระงาน แบบฝกึ หดั เรอื่ ง ความเร่ง 6. การประเมิน เคร่ืองมอื เกณฑ์ แบบฝกึ หดั เรอ่ื ง ความเรง่ ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขน้ึ ไป วิธีการ รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม แบบฝกึ ทักษะ ขอ้ คำถามอตั นยั ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ขนึ้ ไป 1. ตรวจคำตอบจากแบบฝกึ หัด เพื่อวดั ความสามารถในการสื่อสาร เร่อื ง ความเร่ง ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขียน ผ่านเกณฑก์ ารประเมินในระดับดี แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มีวนิ ยั ใฝ่ ขนึ้ ไป 2. ตรวจแบบฝกึ หดั เพอ่ื บันทกึ เรียนรู้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ด้าน ความคิด และการสอื่ สาร 3. สังเกต สมั ภาษณ์ บันทกึ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ มีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และม่งุ มั่นในการทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ขน้ั นำเข้าส่บู ทเรียน 1.1 สำรวจรายช่อื นกั เรียน ประเมนิ ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ไดแ่ ก่ การมีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ 1.2 ครูแจง้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้และการวดั ผลประเมนิ ผลด้าน KPA 1.3 แบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ 4-6 คน จัดแบบคละความสามารถในหนึ่งกลุ่มประกอบไปด้วย คนเกง่ ปานกลาง และตอ้ งการพัฒนา และกำหนดบทบาทหน้าท่ีของสมาชิกในกลุม่ ควรประกอบด้วย หวั หน้ากลมุ่ รองหัวหน้ากลุม่ และเลขานุการกลมุ่ 1.4 นำเขา้ สบู่ ทเรยี นโดยครูสาธิตนำรถทดลองวางบนโต๊ะแล้วผลกั ใหร้ ถเคลอ่ื นท่ีในแนวตรง แล้วให้ นักเรียนพิจารณาการเคลื่อนที่ของรถทดลองตั้งแต่เริ่มต้นเคลื่อนที่ จนกระทั่งรถทดลองหยุดเคลื่อนที่ จากนั้นถาม ผเู้ รียน - ความเรว็ เร่มิ ตน้ ของรถทดลองเปน็ เท่าใด(ศนู ย์) - เม่ือรถทดลองเคล่ือนท่ีออกจากสภาพหยุดน่ิง มีการเปล่ียนความเร็วหรือไม่ (ความเร็วเปลี่ยนจาก ศนู ยเ์ ป็นมากกว่าศูนย์) - เม่อื รถทดลองหยดุ เคล่ือนท่ี ความเร็วของรถทดลองเปน็ อยา่ งไร (ศูนย์)
หนา้ 94 - ก่อนรถทดลองหยุดเคล่ือนที่จนกระทั่งรถทดลองหยุดเคล่อื นที่ มกี ารเปลีย่ นแปลงความเร็วหรือไม่ ( มีการเปลยี่ นแปลงความเรว็ จากความเรว็ ทมี่ ากกวา่ ศูนย์ แล้วลดลงเร่ือย ๆ จนเปน็ ศูนย์) 1.5 ครสู าธิตการเคลือ่ นที่ในแนวดงิ่ โดยหยบิ ปากกาขนึ้ มาแลว้ ยกขนึ้ เหนือหวั จากน้ันกป็ ลอ่ ยลงมา 1.6 ครูถามกระต้นุ ว่า นักเรียนทราบหรอื ไมว่ ่าการเคลอื่ นที่ของวัตถุที่มกี ารเปลี่ยนแปลงความเร็วน้ี เป็นการเคล่อื นทีแ่ บบใด 2. ข้ันสำรวจและค้นพบ 2.1 ครูให้นักเรียนค้นคว้าหาความรูเ้ กยี่ วกบั ความเรง่ จากหนงั สือเรียนและใบความรู้และยกตัวอยา่ ง เร่ืองความเรง่ ที่เกิดขึ้นในชวี ติ ประจำวนั มา 5 ตวั อย่างตามความเขา้ ใจ 2.2 นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม ร่วมกันอภปิ ราย และสรุปเกี่ยวกบั ความเร่ง โดยใช้สมการ a = (v-u) /t 3. ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 3.1 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเนื้อหา เรื่อง ความเร่ง จะได้ข้อสรุปว่า เมื่อวัตถุมีความเร่งใน ช่วงเวลาหนึ่ง ความเร็วของมันจะเปลี่ยนแปลงไป ความเร่งอาจมคี ่าเป็นบวกหรือลบก็ได้ ซึ่งเรามักว่าเรียกความเร่ง กับ ความหนว่ ง ตามลำดบั ความเรง่ มนี ิยามวา่ \"อัตราการเปล่ยี นแปลงความเร็วของวัตถใุ นชว่ งเวลาหนึ่ง\" 3.2 ครูถามนักเรยี นเกย่ี วกับความเข้าใจในเนอื้ หาท่เี รียนถ้าหากมีขอ้ สงสยั ให้ชกั ถามได้ 4. ขั้นขยายความรู้ 4.1 ครสู ุม่ ตัวแทนแตล่ ะกลุม่ ออกมานำเสนอผลการทดลองหน้าช้ันเรยี น 4.2 นกั เรียนทำแบบฝึกหัก เรือ่ งความเรง่ ในชว่ั โมงเพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจในเนอื้ หาท่เี รียนวนั น้ี 4.3 นักเรยี นรว่ มอภิปรายซกั ถามปัญหา เนอ้ื หาทีย่ งั ไม่เข้าใจ 4.4 ครูบอกใหน้ กั เรียนไปศึกษาเร่ืองที่จะเรยี นในช่ัวโมงตอ่ ไปลว่ งหน้า(ความสัมพนั ธ์ระหว่างกราฟ ความเร็ว กบั ระยะทางสำหรบั การเคล่ือนท่ีในแนวตรง ) 5. ขนั้ ประเมิน 5.1 ตรวจสอบความถกู ต้องความเข้าใจในการทำแบบฝกึ หดั 5.2 สังเกตความสนใจ ความกระตือรือรน้ 5.3 ตรวจสอบจาการนำเสนอหนา้ ช้นั เรียน 5.4 ครูประเมินคุณลักษณะ ด้าน มีวินัย และมีจิตวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ มุ่งมั่นใน การทำงาน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238