หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หนา้ 95 (แนวตอบ: กฎการอนุรกั ษ์โมเมนตัม (law of conservation of momentum) คอื วตั ถจุ ะมโี มเมนตัม คงที่ทั้งขนาดและทิศทางตลอดการเคลื่อนที่ หรือถ้าไม่มีแรงภายนอกกระทำต่อระบบแล้ว โมเมนตัม ของระบบจะมีค่าคงตัว ซึ่งหมายความว่า ผลรวมโมเมนตัมก่อนการชนของระบบเท่ากับผลรวม โมเมนตมั หลังการชนของระบบ) 2) สมการท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั กฎการอนรุ ักษโ์ มเมนตมั คือสมการใด (แนวตอบ: ������������������ + ������������������ = ������������������ + )������������������ ชัว่ โมงที่ 6 ขนั้ สอน สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ) 6. ครูให้นักเรียนศึกษา เรื่อง การชนในหนึ่งมิติ และกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม เพิ่มเติมจากอนิ เทอร์เน็ต เช่น ศกึ ษาเพม่ิ เติมจาก YouTube (https://www.youtube.com/watch?v=aQSmi0jbWXU) 7. ครูมอบหมายให้นักเรียนเขียนสรุปความรู้หลังจากการศึกษาด้วยตนเอง โดยนักเรียนสามารถสร้างสรรค์ รปู แบบการนำเสนอได้ดว้ ยตนเอง ลงในกระดาษ A4 พร้อมตกแตง่ ให้สวยงาม 8. ครกู ำหนดใหน้ กั เรยี นรวบรวมผลงานท่ีครมู อบหมายไป สง่ คนื ครูท้ายชวั่ โมง อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูเน้นยำ้ กับนักเรยี นเก่ียวกับกฎการอนรุ ักษโ์ มเมนตมั โดยอธบิ ายความรู้เพิ่มเตมิ จากหนังสอื เรยี น 2. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันศึกษาตวั อย่างสถานการณ์โจทย์ จากหนงั สือเรียน ไปพร้อม ๆ กัน โดยครจู ะอธิบาย การแกโ้ จทย์ปญั หาและสงั เกตการณ์ขณะที่นกั เรียนแสดงวธิ กี ารคำนวณหาผลลพั ธ์ 3. ครอู ธิบายลงข้อสรปุ ร่วมกับนักเรียน โดยครเู ปิด PowerPoint เรอื่ ง กฎการอนรุ กั ษโ์ มเมนตัม ควบคู่ไปกับ การสรุปเนื้อหาจากหนังสอื เรียน 4. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบท เรื่อง การชน จากหนังสือเรียน ลงในสมุดประจำตัว เป็น การบ้าน แลว้ นำมาสง่ ครูตน้ ช่ัวโมงถัดไป 5. ครูให้นักเรียนรวบรวมผลงานการสรุปความรู้ลงในกระดาษ A4 ส่งครู เพื่อครูจะนำกลับไปตรวจและให้ คะแนนเป็นรายบคุ คล ช่วั โมงท่ี 7 ขน้ั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนนำแบบฝึกหัดที่ครูมอบหมายให้เป็นการบ้านมาส่ง โดยครูจะตรวจทีละคน เพื่อตรวจสอบ ความรบั ผดิ ชอบของนกั เรียนแต่ละคน 2. ครูชวนนักเรยี นพดู คยุ เกี่ยวกับ เรื่อง การชนในหน่ึงมิติ และกฎการอนรุ กั ษ์โมเมนตัม เพื่อเป็นการทบทวน ความรู้เพมิ่ เตมิ ก่อนที่จะศกึ ษาในหัวข้อนีต้ ่อไป 3. ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละคนศกึ ษาตวั อย่าง จากหนังสอื เรียน ดว้ ยตนเอง แล้วเขียนบนั ทกึ แสดงวธิ กี ารคำนวณหา ผลลพั ธจ์ ากตวั อย่างลงในสมดุ ประจำตวั 4. ครูสุ่มนักเรียนถามถึงขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหารวมถึงการแสดงวิธีการคำนวณหาผลลัพธ์ โดยสุ่มถาม นกั เรยี นหลาย ๆ คน ว่าใครมีวิธกี ารทีแ่ ตกตา่ งกันออกไป หรือได้ผลลพั ธ์ท่ีไม่เหมอื นกนั บ้าง
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หนา้ 96 5. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอธิบายถึงวิธีการแก้โจทย์ปญั หาตวั อย่าง โดยครแู สดงวธิ กี ารคำนวณลงบนกระดาน หนา้ ช้ันเรยี น แลว้ ให้นักเรียนตรวจสอบส่งิ ทตี่ นเองไดท้ ำลงไปว่าถูกต้องหรือไม่ 6. ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ แล้วช่วยกันศึกษาตัวอย่าง จากหนังสือเรียน โดยจดบันทึกและ แสดงวธิ กี ารคำนวณหาผลลัพธ์ลงในสมุดประจำตวั 7. ครูสุ่มนักเรียนออกมาหน้าชั้นเรียน 3 คู่ เพื่อแสดงวิธีกาคำนวณหาผลลัพธ์จากตัวอย่างที่ได้ศึกษามาแล้ว โดยครคู อยสังเกตการณ์ และอธบิ ายเมอ่ื นักเรยี นเกิดปญั หา 8. ครูใหน้ ักเรยี นรวบรวมสมุดประจำตัวทีไ่ ด้มกี ารจดบันทึกและแสดงวิธกี ารคำนวณหาผลลพั ธ์จากการศึกษา ตวั อย่าง แลว้ ใหต้ วั แทนนกั เรียนถือไปสง่ ท่โี ต๊ะในห้องพกั ครู อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูพูดคุยกบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั เนอ้ื หาที่ได้ศกึ ษามาแล้ว เพ่ือเป็นการอธิบายความรูเ้ พิ่มเติม 2. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด Unit Questions 6 เรื่อง การชนในหนึ่งมิติ จากหนังสือเรียน รายวชิ าเพิม่ เตมิ ฟิสิกส์ ม.4 เล่ม 2 หนา้ 86-91 ลงในสมุดประจำตวั เปน็ การบ้าน ชัว่ โมงท่ี 8 ขน้ั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูพูดคุยกับนักเรยี นทบทวนความรู้ เร่อื ง การชนในหนง่ึ มิติ เพ่ือเชือ่ มโยงถึงเน้ือหาที่จะได้ศึกษากันต่อใน ชั่วโมงน้ี พรอ้ มกับให้ตวั แทนนกั เรยี นไปเอาสมดุ ประจำตัวท่หี อ้ งพักครูมาแจกเพอ่ื น ๆ 2. ครูให้นักเรียนแตล่ ะคนศกึ ษา เรื่อง การชนในสองมิติ จากหนังสอื เรยี น และให้บันทึกผลการศึกษาลงใน สมดุ ประจำตวั 3. ครูสมุ่ นักเรียนออกมาหน้าชนั้ เรียน อภปิ รายผลการศึกษา เร่ือง การชนในสองมิติ โดยครสู งั เกตการณ์ และ อธิบายในสิง่ ท่ีถกู ต้อง 4. ครูถามคำถามกับนักเรียนเกี่ยวกับ เรื่อง การชนในสองมิติ เพื่อทดสอบความรู้หลังจากศึกษาด้วยตนเอง และฟังเพือ่ นอภิปรายหน้าชน้ั เรยี น เชน่ 1) การชนในสองมิตคิ อื อะไร (แนวตอบ: การชนกันของวัตถุที่มีแนวการเคลื่อนที่ของวัตถุก่อนชนและหลังชนทำมุมต่อกัน กล่าวคอื การทว่ี ตั ถชุ นกนั โดยทศี่ ูนยก์ ลางมวลของวัตถทุ เี่ คลอ่ื นที่เขา้ ชนไมผ่ า่ นศูนยก์ ลางมวลของวัตถุท่ี ถกู ชน) 2) การชนในสองมิตมิ เี พยี งการชนแบบยดื หย่นุ คำกล่าวน้ีถกู ตอ้ งหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ: ไมถ่ กู ตอ้ ง เพราะการชนในสองมิตมิ ีทง้ั การชนแบบยืดหยนุ่ และการชนแบบไมย่ ืดหยนุ่ ) 3) จงยกตัวอยา่ ง การชนในสองมิติ (แนวตอบ: รถยนตช์ นกันทท่ี างแยก ลกู บิลเลยี ดชนกนั เป็นตน้ ) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายและลงข้อสรุปรว่ มกับนักเรียนเกี่ยวกับการชนในสองมิติ โดยครูใหน้ กั เรยี นศึกษาเพิ่มเติมจากสื่อ ดิจิทัลควบคู่ไปพร้อม ๆ กัน โดยนำสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตขึ้นมา แล้วเปิดแอปพลิเคชันไลน์ (Line) จากนัน้ นำไปสแกน QR Code เรอ่ื ง เพือ่ ชมวิดีทัศน์ เรือ่ ง การชนในสองมิติ
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 97 2. ครูอธิบายเกีย่ วกับการชนในสองมิติว่า การชนในสองมิติ คอื การชนกันของวตั ถุท่ีมีแนวการเคลอ่ื นท่ีของวัตถุก่อน และหลังชนทำมุมตอ่ กนั กลา่ วคอื การท่วี ตั ถุชนกันโดยที่ ศนู ยก์ ลางมวลของวัตถทุ ีเ่ คลอื่ นท่ีเข้าชนไมผ่ ่านศูนย์กลาง มวลของวัตถุที่ถูกชน เช่น รถยนต์ชนกันที่ทางแยก ดัง ภาพ และลกู บิลเลยี ดชนกนั เปน็ ตน้ 3. ครมู อบหมายใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทในหนังสือ เรยี น เรื่อง การชน เป็นการบ้าน แล้วนำมาสง่ ครูช่ัวโมง ถัดไป ช่วั โมงท่ี 9 ขั้นสอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูแบง่ กลุ่มให้นักเรยี นตามเลขท่ี กลุ่มละ 4-5 คน เช่น นกั เรียนเลขท่ี 1-5 อยู่กล่มุ เดยี วกนั เป็นตน้ 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันศกึ ษาตวั อยา่ งโจทย์สถานการณ์จากหนังสอื เรยี น 3. ครูมอบหมายให้นักเรียนแสดงวิธีการคำนวณหาผลลัพธ์จากตัวอย่างที่ได้ศึกษา ลงในกระดาษ A4 แบบมี เส้น โดยเขยี นดว้ ยตัวบรรจงและสวยงาม เพ่อื ทำเป็นชิ้นงานนำสง่ ครเู ปน็ คะแนนเก็บของตนเอง 4. ครูเก็บรวบรวมชน้ิ งานของแต่ละกลุ่ม 5. ครูสุ่มนักเรียนตัวแทนบางกลุ่มออกมาแสดงวิธีการคำนวณหาผลลัพธ์จากตัวอย่างที่ช่วยกันศึกษาภายใน กลุ่มบนกระดานหนา้ ชั้นเรยี น อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายและร่วมลงข้อสรปุ เกย่ี วกับการแก้โจทย์ปญั หาจากตัวอย่างที่นกั เรียนได้ช่วยกันศึกษา เพ่ือสร้าง ความเขา้ ใจของนกั เรียนใหไ้ ปในแนวทางเดียวกนั 2. ครูมอบหมายใหน้ ักเรยี นศกึ ษาใบงาน และลงมอื ทำเป็นการบา้ น แล้วนำมาสง่ ครใู นชวั่ โมงถดั ไป 3. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทเรื่อง การชนในสองมิติ จากหนังสือเรียน ลงในสมุด ประจำตัว เป็นการบา้ น ช่วั โมงที่ 10 ขน้ั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูชวนนักเรียนพูดคุยเกี่ยวกับการชน ด้วยประเด็นที่ว่า การระเบิดเกี่ยวข้องกับการชนอย่างไร โดยเว้น ระยะเวลาใหน้ กั เรยี นคดิ แล้วเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นได้แสดงความคิดเห็นปากเปลา่ โดยไม่มกี ารเฉลยว่าถูก หรอื ผดิ เพอ่ื เป็นการเช่ือมโยงถึงเนอ้ื หา เร่ือง การระเบิดหรือการดีดตัว ที่จะได้ศึกษาในลำดบั ถดั ไป 2. ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษา เร่ือง การระเบิด จากหนังสอื เรยี น 3. ครูใหน้ ักเรยี นจดบนั ทกึ ความร้ทู ไี่ ด้ศกึ ษาดว้ ยตนเอง ลงในสมดุ ประจำตัว 4. ครูเน้นย้ำกบั นักเรียนให้ศึกษา คำถามทา้ ทายการคดิ ขั้นสูง ในประเด็นที่วา่ ถา้ นกั เรียนเพิ่มความดันภายใน ลูกโปง่ จะส่งผลตอ่ โมเมนตัมของลกู โปง่ อย่างไร พร้อมท้งั ตอบคำถามนนั้ ลงไปในสมดุ ประจำตัวดว้ ย
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 98 (แนวตอบ: เมอ่ื ลูกโปง่ มคี วามดันภายในมากขนึ้ เมือ่ ปล่อยให้ความดนั หรอื ลมทอ่ี ยู่ภายในออกมาจากช่องท่ี เป่าลมเข้าไป ลูกโป่งจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงข้ามกับทิศทางที่ลมออกมา คล้ายกับการเคลื่อนที่ของ จรวด ดงั น้นั เมอ่ื ความดนั ภายในมาก ลูกโป่งกจ็ ะเคล่อื นท่ไี ด้เรว็ ขนึ้ กล่าวคือ ความเรว็ ในการเคลื่อนท่ีมาก สง่ ผลใหโ้ มเมนตมั มาก) 5. ครูสุ่มนักเรยี นออกมาอภิปรายผลการศึกษาหน้าชัน้ เรยี น รวมถึงการตอบคำถามท้าทายการคดิ ขัน้ สูงของ แต่ละคน อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูเปดิ PowerPoint เร่ือง การระเบิด ใหน้ กั เรยี นดพู รอ้ มกับการอธบิ ายสรุปนยิ ามและหลกั การที่เก่ียวข้อง กบั เร่ือง การระเบิด 2. ครูย้ำถงึ การเคล่อื นทขี่ องสัตว์ไมม่ ีกระดูกสันหลงั เป็นการยกตัวอยา่ งการเคลื่อนที่ของหมกึ โดยหมึกจะใช้ หลกั การเช่นเดยี วกับการดีดตัวหรือการระเบดิ ในวชิ าฟิสกิ ส์ทน่ี ักเรียนกำลังศกึ ษาอยู่ ชั่วโมงที่ 11 ข้ันสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาตวั อยา่ งสถานการณ์โจทย์ จากหนังสือเรยี น โดยครูสังเกตการณ์ และคอยอธิบายเมอ่ื นักเรียนสงสัยหรอื เกิดปัญหา 2. ครกู ำหนดใหน้ กั เรยี นแสดงวิธีการคำนวณหาผลลพั ธ์ลงในสมุดประจำตวั 3. ครูสุ่มนักเรียน 3 คน ให้ออกมาแสดงวิธีการคำนวณหาผลลัพธ์จากตัวอย่าง ตามวิธีท่ีตนเองไดท้ ำมาบนก ระดานหน้าชน้ั เรยี น จากนัน้ ครูสุ่มอกี 9 คน โดยแสดงวธิ ีการคำนวณหาผลลัพธ์ตัวอย่างละ 3 คน อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายวิธีการและขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาแต่ละข้อ และร่วมกันทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กับ นักเรียน เพอ่ื สร้างความเข้าใจในแนวทางเดียวกัน หากคนไหนยังพลาดหรือหลุดไปบางประเด็น 2. ครูให้นักเรยี นช่วยกันสบื คน้ และศกึ ษาสถานการณห์ รือการเคล่อื นท่ีตา่ ง ๆ ทเี่ กย่ี วข้องกบั การระเบิด แล้ว ส่งตวั แทนออกมานำเสนอหนา้ ชั้นเรียน 3. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หดั ท้ายบท เรอื่ ง การระเบิด จากหนังสือเรยี น ลงในสมดุ ประจำตวั ชั่วโมงที่ 12 ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครแู บ่งกลุม่ นักเรียนแบบคละความสามารถ (เกง่ -คอ่ นขา้ งเกง่ -ปานกลาง-ออ่ น) อยใู่ นกล่มุ เดียวกนั กลุ่มละ 5-6 คน โดยครูเป็นผู้เลือกนกั เรยี นเขา้ กลุม่ 2. ครูใหน้ ักเรยี นศึกษาวธิ กี ารทำกจิ กรรม การดดี ตวั แยกจากกนั ของวัตถใุ นแนวเส้นตรง จากหนงั สอื เรยี น 3. ครใู หต้ วั แทนแตล่ ะกลมุ่ ออกมรบั อปุ กรณ์กลับไปที่กลุ่มตนเอง แลว้ ให้นักเรียนลงมอื ทำกิจกรรมตามขน้ั ตอน แล้วบันทึกผลการทำกิจกรรมลงในแบบบนั ทึกกิจกรรม เร่อื ง กจิ กรรมการดีดตวั แยกจากกันของวตั ถใุ นแนว เส้นตรง จากใบงาน เรื่อง กิจกรรมการดีดตัวแยกจากกันของวัตถุในแนวเส้นตรง โดยครูจะสังเกตการณ์ และคอยให้คำปรึกษา (หมายเหตุ: ครเู รม่ิ ประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ )
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หน้า 99 4. ครูเน้นย้ำให้นักเรียน ตอบคำถามท้ายกิจกรรมที่ หลังจากการทำกิจกรรม ในแบบบันทึกกิจกรรม จากใบ งาน เร่ือง กิจกรรมการดีดตวั แยกจากกนั ของวัตถใุ นแนวเส้นตรง 1) หลังตดั ดา้ ยที่ผูกติดระหวา่ งรถทดลองคนั ท่ี 1 กบั รถทดลองคันที่ 2 แล้ว การเคลอื่ นทีข่ องรถทดลองทั้ง สองคันเป็นอย่างไร (แนวตอบ: หลังตัดด้ายแล้วแผ่นเหล็กสปริงจะดีดตัวออก และถ่ายโอนพลังงานศักย์ยืดหยุ่นให้แก่รถ ทดลองทงั้ สองคนั พลังงานศกั ยย์ ืดหยุน่ จะเปล่ียนรูปไปเปน็ พลังงานจลน์ ทำใหร้ ถทดลองท้ังสองเคล่ือนที่ แยกจากกัน) 2) หลังจากรถทดลองทั้งสองคนั ดีดตัวแยกออกจากกัน ผลรวมของโมเมนตัมและผลรวมของพลังงานจลน์ ของรถทดลองท้งั สองคันเป็นอย่างไร (แนวตอบ: ผลรวมของโมเมนตัมก่อนการดีดตัวเท่ากบั ผลรวมของโมเมนตัมหลังการดีดตัว โดยมีค่าคง ตัวเทา่ กบั ศูนย์ ส่วนผลรวมของพลงั งานจลน์กอ่ นการดีดตวั จะเทา่ กับศูนย์ แต่ผลรวมของพลังงานจลน์ หลงั การดดี ตัวจะไม่เทา่ กบั ศูนย์ เพราะรถทดลองทั้งสองคนั เคล่อื นทแี่ ยกจากกัน) ช่วั โมงที่ 13 ขัน้ สอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. หลังการทำกิจกรรมครูให้ตัวแทนของแต่ละกลุ่ม ออกมาอภิปรายถึงผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน เพื่อ เปน็ การแลกเปล่ียนความรทู้ ไี่ ดจ้ ากการทำกจิ กรรม 2. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั ลงขอ้ สรปุ ผลการทำกิจกรรม การดดี ตวั แยกจากกนั กนั ของวัตถุในแนวเส้นตรง ว่า การ ระเบิดหรือการดีดตัวของวัตถุด้วยพลงั งานภายในระบบ โมเมนตัมของระบบมีค่าคงตวั แต่พลังงานจลนข์ อง ระบบมีคา่ ไม่คงตวั 3. ครูแนะนำให้ความรูเ้ พิ่มเตมิ ถงึ ผลจากการทำกจิ กรรมว่า ผลรวมของโมเมนตัมของรถทดลองภายหลงั การ ชน อาจไม่เทา่ กับศนู ย์ มสี าเหตมุ าจากการเลอื กช่วงที่จะหาความเร็วกอ่ นการชนและหลังการชนผิดพลาด ไป จากกจิ กรรมจะหาความเรว็ ตรงจุดที่เกดิ การชนโดยตรงไมไ่ ด้ จะตอ้ งหาความเร็วเฉล่ียในช่วงเวลาสั้น ๆ ทั้งกอ่ นและหลงั การชนแทน จงึ จะได้ว่าความเรว็ เฉล่ยี ทีห่ าไดม้ ีคา่ เท่ากบั ความเร็วตรงจุดทเี่ กดิ การชน 4. ครูยกตัวอย่างปรากฏการณ์ที่คล้ายกับกิจกรรม ได้แก่ การเคลื่อนที่ของปืนหลังการยิง การเคลื่อนที่ของ ลูกโป่งขณะปล่อยอากาศออก การเคลื่อนที่ของหมึก การเคลื่อนที่ของจรวด โดยครูและนักเรียนร่วมกนั อภิปรายปรากฏการณ์ต่าง ๆ รวมทงั้ ยกตวั อยา่ งการระเบดิ เชน่ การระเบดิ ของพลุ เปน็ ตน้ 5. หลังจากลงขอ้ สรุปผลการทำกิจกรรมแล้วใหน้ ักเรยี นรวบรวมใบงาน เร่ือง กจิ กรรมการดดี ตัวแยกจากกัน ของวตั ถุในแนวเส้นตรง ส่งคืนครู ช่ัวโมงที่ 14 ขน้ั สรปุ ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูเปดิ PowerPoint เรอ่ื ง การชน ให้นักเรียนดเู พอ่ื เป็นการตรวจสอบความเข้าใจอกี ครั้ง 2. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรยี นสอบถามเน้อื หา เรื่อง การชน วา่ มีสว่ นไหนทยี่ งั ไมเ่ ขา้ ใจ และครูให้ความรู้เพ่ิมเติม ในสว่ นนัน้ 3. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทจากหนังสือเรียน เร่ือง การชน ลงในสมุดประจำตัว
หนว่ ยการเรียนรู้ โมเมนตมั และการชน หนา้ 100 4. ครูให้นักเรยี นทำสรปุ ผงั มโนทัศน์ (Concept Mapping) เร่ือง การชน ลงในกระดาษ A4 5. ครอู ธิบายสรุปสาระสำคญั จากหนงั สอื เรยี น เร่อื งโมเมนตัมและการชน ให้นกั เรียนฟงั อกี คร้ัง 6. ครูให้นกั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เพ่ือตรวจสอบความรู้ของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลังเรยี น เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจหลังเรียนของนักเรียน 2. ครตู รวจสอบผลจากการทำใบงาน เรื่อง กิจกรรมการชนกนั ของวตั ถใุ นแนวเส้นตรง 3. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงาน เรือ่ ง กจิ กรรมการดดี ตัวแยกจากกันของวัตถุในแนวเสน้ ตรง 4. ครตู รวจการทำแบบฝกึ หัดจากหนังสอื เรยี น เร่อื ง การชน ในสมุดประจำตัว 5. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล 6. ครูวัดและประเมินผลจากชิ้นงานการสรุปเนื้อหา เรื่อง การชน ที่นักเรียนได้สร้างขึ้นจากขั้นขยายความ เขา้ ใจเปน็ รายบุคคล 8. สอื่ การเรยี นร/ู้ แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวชิ าเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 เล่ม 2 ผู้แต่ง : สถาบัน สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สำนกั พิมพจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 2. เอกสารประกอบการสอนออนไลน์ เรือ่ ง โมเมนตัม 3. PowerPoint เรอ่ื ง โมเมนตมั และการชน 4. ใบงาน เรื่อง กิจกรรมการชนกันของวัตถุในแนวเส้นตรง 5. ใบงาน เร่ือง กิจกรรมการดีดตัวแยกจากกันของวัตถุในแนวเส้นตรง 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet 3. ระบบโรงเรยี นเสมือนจรงิ (Virtual School Online)
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 101 9. สรุปผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพือ่ ศกึ ษาการชนในหน่ึงมติ ิ การชนแบบยืดหยุ่น และการชนแบบ ไมย่ ืดหย่นุ การทดลองเกี่ยวกับโมเมนตมั และพลังงานท่ีเกย่ี วขอ้ ง ทำกิจกรรมเพ่ือศกึ ษาเก่ยี วกบั การระเบิด การดีดตัวแยกจากกันของวตั ถุ จากการสืบค้น การศกึ ษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรอื่ ง โมเมนตัมและการชน โดยมนี กั เรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ขึน้ (รอ้ ยละ60 ของคะแนนประเมินผล ความรู้เรื่อง โมเมนตัม จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือเรียนซ้ำในระบบโรงเรียนเสมือนจริง ซึ่งนักเรียนดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่าน เกณฑ์ท้ังหมด) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธบิ ายอธบิ ายการชนในหน่ึงมิติ และทำการทดลองการชนของวตั ถุในหนึง่ มติ ิเพ่ืออธิบาย การชนแบบยดื หยนุ่ และการชนแบบไม่ยืดหยุ่น กฎการอนุรกั ษโ์ มเมนตัม การระเบดิ การดดี ตัวแยกจากกัน ของวัตถุ การประยุกต์ใช้ความเข้าใจเกี่ยวกับการชนและการดีดตัวแยกจากกันในการแก้ปัญหา โดยมี นกั เรียน ร้อยละ 100 ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ข้นึ ไป (รอ้ ยละ60 ของคะแนนประเมนิ ผลความรู้เรื่อง โมเมนตัม จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือ เรียนซ้ำในระบบโรงเรียนเสมอื นจริง ซงึ่ นกั เรียนดำเนินการซอ่ มเสริมแล้ว ผา่ นเกณฑ์ท้ังหมด) 9.3 ดา้ นคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรยี นให้ความรว่ มมอื ในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรยี นมีความรบั ผดิ ชอบ มคี วามมุง่ ม่ันใน การทำงาน และการศึกษาบทเรียนเพิ่มเติมผ่าน ระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) และมี ผลสำเร็จของการเรยี นรู้ผ่านตามเกณฑ์ คดิ เปน็ ร้อยละ 100 ของนักเรียนทั้งหมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรูปแบบการจัดการเรยี นรู้ทั้งการ สอนออนไลน์ ผ่าน FACEBOOK LIVE ในกลุ่มปิด และการจัดการเรียนรู้แบบ Onsite ซึ่งนักเรียนสามารถ เดินทางมาเรยี นที่โรงเรยี น โดยปฏิบตั ติ นตามมาตรการป้องกัน ทำให้รปู แบบของการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วมสังเกตุการทดลองแล้ว บันทึกผลการทดลองร่วมกัน ส่วนนักเรียนที่ไม่สะดวกเดินทางมาเรียนที่โรงเรียน จะเลือกใช้วิธีการซึกษา บทเรียนเพ่ิมเตมิ ผา่ น ระบบโรงเรยี นเสมอื นจรงิ (Virtual School Online). . ลงชือ่ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์.) วนั ท่ี 15 กุมภาพันธ์ 2564 . ลงชอื่ .......................................................ผนู้ เิ ทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผือกนาค) วนั ที่ 15 กมุ ภาพันธ์ 2564 .
หน่วยการเรียนรู้ การเคลอ่ื นทีแ่ นวโค้ง หน้า 102 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 11 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 การเคลอ่ื นทีแ่ นวโคง้ เรื่อง การเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์ 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวิชา ว31206 ชอ่ื รายวิชา ฟิสกิ ส์เพิม่ เติม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 เวลาเรยี น 2 ชัว่ โมง ผู้สอน นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เข้าใจธรรมชาตทิ างฟสิ กิ ส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลอื่ นท่ีแนวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นท่ขี องนวิ ตนั กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษ์พลังงานกล การเคลื่อนที่แนวโค้งและกฎการอนุรักษ์ การเคลื่อนที่แนวโค้ง การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 7. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกับการเคล่ือนที่แบบโปรเจกไทล์และทดลอง การเคล่อื นทแี่ บบโปรเจกไทล์ 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การเคล่ือนทแ่ี บบโปรเจกไทล์ เปน็ การเคลือ่ นที่เปน็ แนววถิ ีโค้งภายใต้แรงเนอ่ื งจากสนามโนม้ ถว่ งของโลก ท่วี ตั ถเุ คลื่อนท่ใี นสองแนวพร้อม ๆ กนั คอื การเคลื่อนที่ในแนวระดับและแนวด่ิง แรงท่กี ระทำต่อวัตถุมีทิศทางคง ตวั ตลอดเวลา โดยทำมุมใด ๆ กับทิศของความเร็ว 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ 2) ทกั ษะการสงั เกต 3) ทกั ษะการสอ่ื สาร 4) ทักษะการทำงานรว่ มกัน 5) ทักษะการนำความรูไ้ ปใช้ 6) ทกั ษะการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ความหมายลักษณะของการเคลื่อนทแี่ บบโปรเจกไทล์ 2) ความเร็วของการเคล่อื นทใ่ี นสองมิติ 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธิบายความหมาย ลกั ษณะของการเคลือ่ นทแี่ บบโปรเจกไทล์
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลอ่ื นท่ีแนวโคง้ หน้า 103 4.3 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1) มวี นิ ัย 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) มุ่งมน่ั ในการทำงาน 5. ชนิ้ งานหรอื ภาระงานทแี่ สดงผลการเรียนรู้ แบบฝึกหดั 6. การประเมิน เครือ่ งมอื เกณฑ์ วธิ ีการ แบบฝึกหัด ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ข้นึ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หดั ใบงาน ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ข้นึ ไป 2. ตรวจแบบฝึก เพือ่ บันทึก แบบฝกึ ทักษะ ข้อคำถามอตั นยั ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขน้ึ ไป สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ดา้ น เพอื่ วดั ความสามารถในการส่อื สาร ความคิด และการสอื่ สาร ไดแ้ ก่ การอธิบาย การเขยี น 3. สังเกต สัมภาษณ์ บันทกึ แบบสังเกตพฤตกิ รรม มีวินัย คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มี ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มัน่ ในการทำงาน วินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งม่นั ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. สำรวจรายช่ือนักเรียน ประเมนิ ด้านคุณธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมีวินยั ใฝ่เรียนรู้ 2. ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้และการวดั ผลประเมินผลดา้ น KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑก์ ารวัดผลและการให้คะแนนในสว่ นตา่ งๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกับ หลักการ ขอ้ ปฏบิ ัติและกฎระเบียบในการเรียนการ สอนในหอ้ งเรียน ข้นั นำ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครตู รวจสอบความพรอ้ มของนกั เรียน โดยใหท้ ำแบบทดสอบก่อนเรียนจำนวน 10 ข้อ 2. ครูกระตุน้ ความสนใจของนกั เรียนโดยพูดคุยสนทนาประสบการณ์เกี่ยวกับการเคลือ่ นที่ของวัตถุต่าง ๆ ในชีวติ ประจำวนั ท้ังท่ีเป็นไปโดยธรรมชาติ และทม่ี นษุ ย์ทำให้เกิดข้นึ เชน่ ใบไม้ไหว ลูกบาสบอลที่กำลัง ลอยเข้าห่วง สายน้ำที่พุ่งออกจากหัวฉีด รถเลี้ยวโค้งในถนนโค้ง การหมุนของพัดลม ล้อรถกำลังหมนุ การเคลอื่ นทขี่ องดาวเทียม เป็นตน้ 2. ครูถามคำถามกระตุ้นนักเรียนจากภาพหน้าหน่วย โดยถามคำถาม ว่า การยิงธนูไปยังเป้า เป็นการ ลักษณะการเคล่ือนที่แบบใด (เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นโดยไม่เน้นถูกผิด) 3. นกั เรยี นช่วยกันอภปิ รายและแสดงความคิดเห็นคำตอบจากคำถาม เพอื่ เช่ือมโยงไปสู่การจัดการเรียนรู้ เรอื่ งการเคล่ือนท่ีแบบโปรเจกไทล์
หน่วยการเรียนรู้ การเคล่อื นท่ีแนวโค้ง หน้า 104 ขัน้ สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูถามคำถาม ว่า ลักษณะการเคลื่อนที่ของลูกบาสเกตบอลที่ถูกโยนลงห่วงเป็นอย่างไร โดยครูให้ นกั เรียนดภู าพการเคลอ่ื นทข่ี องลกู บาสเกตบอล 2. ครูถามนกั เรยี นด้วยคำถามตอ่ ไปน้ี - เหตุใดเม่อื โยนลูกบาสเกตบอลออกไปแลว้ ลูกจึงโค้งตกลงมาเสมอ - วตั ถทุ ี่มีลักษณะการเคลือ่ นท่เี ชน่ เดยี วกับลกู บาสเกตบอลมอี ะไรอกี บา้ ง 3. ครูตรวจสอบความรู้พื้นฐานเดิมของนักเรียน โดยให้ทำใบงาน ทบทวนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการ เคลอ่ื นท่ี 4. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันเฉลยใบงาน เพอื่ เปน็ การทบทวนความรู้พ้ืนฐานทีเ่ กยี่ วข้องกบั การเคล่ือนท่ี แล้ว จดั กจิ กรรมการเรียนตอ่ ไป อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับการเคล่ือนท่ีแบบโปรเจกไทล์ โดยช้ีให้เห็นว่า การเคลื่อนที่แบบโปรเจก ไทล์ คือ การเคลื่อนท่ีของวัตถุในลักษณะเป็นแนวโค้งพาราโบลาตัวอย่าง เช่น การเคลื่อนที่ของลูก ธนู การเคลื่อนที่ของลูกบาสเกตบอล เป็นต้น โดยเป็นการเคล่ือนที่ในลักษณะ 2 มิติ คือเคล่ือนท่ี ในแนวระดับและแนวด่ิงพร้อมกันและในเวลาท่ีเท่ากัน โดยการเคลื่อนที่ในแนวด่ิงเป็นการเคล่ือนท่ี ท่ีมีความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก ในขณะที่การเคล่ือนที่ในแนวระดับไม่มีความเร่ง 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สอบถามในส่วนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบ โปรเจกไทล์ใน เบอ้ื งตน้ ขน้ั สรุป ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูนำนักเรยี นอภปิ รายและสรุปเกี่ยวกบั การเคลอ่ื นท่แี บบโปรเจกไทล์ ดังน้ี • การเคลือ่ นทีแ่ บบโปรเจกไทล์ คอื การเคลื่อนทขี่ องวตั ถทุ ่ีเป็นแนวโคง้ พาราโบลา • การเคลือ่ นทส่ี องแนวตัง้ ฉากกันและเกิดข้ึนในเวลาเดยี วกนั ไดแ้ ก่ การเคลอื่ นที่ในแนวระดับและ การเคลอ่ื นท่ใี นแนวดิ่ง • กิจกรรมหลายอย่างที่เห็นในชีวิตประจำวัน เช่น การโยนผลไม้ของชาวสวน การโยนและรับถัง ปูนของช่างก่อสร้าง และการเล่นกีฬาหลายชนิด เช่น วอลเลย์บอล ฟุตบอล เทนนิส แชร์บอล หรือกจิ กรรมที่ตอ้ งมีการโยนหรอื ขวา้ งวัตถุ 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนื้อหาเรอ่ื ง การเคล่ือนทแ่ี บบโปรเจกไทล์ ว่ามสี ว่ นไหนท่ียังไม่เข้าใจ และให้ความรู้เพิม่ เติมในสว่ นนน้ั เพ่ือเป็นความรู้นำไปสู่การศกึ ษาเกี่ยวกับเงือ่ นไงของการเคลื่อนท่ีแบบ โปรเจกไทล์ 3. ครูและนักเรยี นร่วมกนั เฉลยคำถามทำแบบฝึกหดั เร่ือง การเคล่อื นทแ่ี บบโปรเจกไทล์ 4. ครูให้นักเรียนไปศึกษาเพิ่มเติม จาก Clip VDO วิชาฟิสิกส์ - บทเรียน การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ https://www.youtube.com/watch?v=JYLIj1H0o10&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlYNmL2d7v 11yKWGk&index=55
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคล่ือนทแ่ี นวโคง้ หนา้ 105 8. ส่อื การเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้ 8.1 สอื่ การเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น เรอื่ ง การเคล่อื นที่แนวโค้ง 2. ส่อื Power point 3. ใบงาน ทบทวนความรู้พ้นื ฐานเก่ียวกบั การเคลอื่ นที่ 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet วิชาฟิสิกส์ - บทเรียน การเคลอ่ื นท่ีแบบโพรเจกไทล์ https://www.youtube.com/watch?v=JYLIj1H0o10&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlYNmL2d7v11 yKWGk&index=55 ความโค้งของสายนำ้ ทถ่ี ูกฉดี ออกจากทอ่ กรณไี มม่ แี รงตา้ นอากาศกบั กรณมี แี รงต้านอากาศ วิทยาศาสตร์ ม.4-6 https://www.youtube.com/watch?v=7cpCf6OO3ls&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426 QvKsZTr&index=202 การทุ่มน้ำหนกั วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสกิ ส)์ https://www.youtube.com/watch?v=9tQyeiw16Ko&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426 QvKsZTr&index=203 การพงุ แหลน วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส)์ https://www.youtube.com/watch?v=Lc5Zv3VmaNI&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426 QvKsZTr&index=204
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลือ่ นทแี่ นวโค้ง หนา้ 106 9. สรุปผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนใหค้ วามร่วมมือในการทำกิจกรรมเพ่ือศึกษาลกั ษณะของการเคลื่อนทีแ่ บบโปรเจกไทล์ ลักษณะ ของความเร็วของการเคลื่อนท่ีในสองมิติ จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบ บทเรียน เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของ คะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือเรียนซ้ำในระบบโรงเรียนเสมือนจริง ซึ่งนักเรียน ดำเนนิ การซ่อมเสรมิ แล้ว ผา่ นเกณฑท์ ้ังหมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธบิ ายความหมาย ลักษณะของการเคลื่อนทีแ่ บบโปรเจกไทล์ และปริมาณทีเ่ กี่ยวขอ้ ง กับการเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์ โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของ คะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือเรียนซ้ำในระบบโรงเรียนเสมือนจริง ซึ่งนักเรียน ดำเนนิ การซอ่ มเสริมแล้ว ผา่ นเกณฑท์ ้งั หมด) . 9.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมัน่ ในการทำงาน และการศกึ ษาบทเรียนเพม่ิ เติมผ่าน ระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) และมผี ลสำเรจ็ ของการเรียนรู้ผ่านตามเกณฑ์ คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ของนักเรยี นทง้ั หมด . 9.4 ปัญหาอุปสรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ทั้ง การสอนออนไลน์ ผ่าน FACEBOOK LIVE ในกลุ่มปิด และการจัดการเรียนรู้แบบ Onsite ซึ่งนักเรียน สามารถเดินทางมาเรียนที่โรงเรียน โดยปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกัน ทำให้รูปแบบของการจัด กิจกรรมการเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วม สังเกตกุ ารทดลองแลว้ บันทกึ ผลการทดลองรว่ มกนั สว่ นนักเรยี นทไ่ี ม่สะดวกเดินทางมาเรยี นท่ีโรงเรียน จะเลือกใช้วธิ ีการซกึ ษาบทเรยี นเพิ่มเติมผ่าน ระบบโรงเรยี นเสมือนจรงิ (Virtual School Online). . ลงชือ่ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์.) วันท่ี 17 กุมภาพันธ์ 2564 . ลงชือ่ .......................................................ผู้นิเทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผือกนาค) วันท่ี 17 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 .
หน่วยการเรยี นรู้ การเคล่อื นที่แนวโคง้ หน้า 107 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 12 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 การเคลอ่ื นท่แี นวโค้ง เร่อื ง การเคลือ่ นท่แี บบโปรเจคไทล์ 2 กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วิชา ว31206 ชอ่ื รายวิชา ฟสิ ิกส์เพ่มิ เติม 2 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง ผู้สอน นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชวี้ ดั /ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาตทิ างฟิสกิ สป์ รมิ าณและกระบวนการวัด การเคล่ือนทแ่ี นวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนทีข่ องนวิ ตนั กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ ักษ์พลังงานกล การเคลื่อนที่แนวโค้งและกฎการอนุรักษ์ การเคลื่อนที่แนวโค้ง การเคล่ือนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 7. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกับการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์และทดลอง การเคลือ่ นที่แบบโปรเจกไทล์ 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การเคลื่อนที่ในแนวดิ่งเปน็ การเคลื่อนทท่ี มี่ แี รงโนม้ ถ่วงกระทำจึงมีความเรว็ ไม่คงตัว ปริมาณตา่ ง ๆ มี ความสมั พันธต์ ามสมการ ������������ = ������������ + ������������������ 3. สมรรถนะ 1 ������������ = ������������������ + 2 ������������������ ⌈������������ + ������������⌉ ������ ������������ = 2 ���������2��� = ���������2��� + 2������������������������������ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 2) ทกั ษะการสงั เกต 3) ทักษะการส่ือสาร 4) ทักษะการทำงานรว่ มกัน 5) ทักษะการนำความร้ไู ปใช้ 6) ทกั ษะการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ความหมายลกั ษณะของการเคลอื่ นท่แี บบโปรเจกไทล์
หน่วยการเรียนรู้ การเคลอ่ื นท่ีแนวโค้ง หนา้ 108 2) ปรมิ าณท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั การเคลอ่ื นท่แี บบโปรเจกไทล์ 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายความหมาย ลกั ษณะของการเคล่ือนท่แี บบโปรเจกไทล์ 2) บอกปริมาณท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั การเคล่ือนท่แี บบโปรเจกไทล์ 4.3 คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1) มวี นิ ัย 2) ใฝเ่ รยี นรู้ 3) มุง่ มัน่ ในการทำงาน 5. ชน้ิ งานหรือภาระงานที่แสดงผลการเรยี นรู้ 1. การนำเสนอและอภิปรายความรู้ทไ่ี ด้ค้นควา้ มา 2. แบบฝกึ หัด 3. การสรุปสาระสำคัญลงในสมดุ 6. การประเมนิ เครอ่ื งมือ เกณฑ์ วธิ ีการ แบบฝกึ หัดเพ่ิมเติม ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึน้ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หดั เพ่ิมเตมิ ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ข้ึนไป 2. ตรวจแบบฝึก เพื่อบันทึก แบบฝึกทกั ษะ ข้อคำถามอตั นยั ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ข้นึ ไป สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น ดา้ น เพ่อื วัดความสามารถในการสื่อสาร ความคิด และการส่อื สาร ไดแ้ ก่ การอธิบาย การเขยี น 3. สังเกต สัมภาษณ์ บันทึก แบบสงั เกตพฤติกรรม มวี ินยั ใฝ่ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ มี เรยี นรู้ และมุง่ มน่ั ในการทำงาน วินยั ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมนั่ ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. สำรวจรายช่อื นักเรยี น ประเมินดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ 2. ครูแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรแู้ ละการวดั ผลประเมินผลด้าน KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑ์การวัดผลและการให้คะแนนในสว่ นตา่ งๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกับ หลกั การ ข้อปฏิบตั ิและกฎระเบยี บในการเรียนการ สอนในหอ้ งเรยี น ขัน้ นำ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนความรู้เกยี่ วกับลักษณะของการเคลอื่ นทแี่ บบโปรเจกไทล์ 2. ครูให้นักเรียนพจิ ารณาภาพแสดงลูกบอลที่ตกในแนวระดับและในแนวดิ่ง ตามรายละเอียดในเอกสาร ประกอบบทเรยี น 3. ครตู ้ังคำถาม ดังต่อไปน้ี
หน่วยการเรียนรู้ การเคลอื่ นทแ่ี นวโคง้ หน้า 109 • การเคลอื่ นท่ขี องลกู บอลในแนวระดบั และในแนวดิ่งมปี ริมาณใดใชร้ ่วมกนั (เวลา) • การกระจดั ในแนวระดับและในแนวดง่ิ แตกตา่ งกันหรือไม่อย่างไร (ลกู บอลทป่ี ลอ่ ยในแนวด่ิงจะ มีการกระจดั ในแนวดิ่งเพียงแนวเดียว ลกู บอลท่ถี ูกขว้างออกไปจะมีการกระจัดท้ังในแนวดิ่งและ แนวระดบั ) • ลกู บอลท้งั สองกรณี ถา้ ไม่คำนึงถึงแรงตา้ นอากาศจะมีความเรง่ ในแนวด่งิ เท่ากันหรือไม่ อย่างไร (ลกู บอลทง้ั สอง มีความเร่งในแนวดิง่ เทา่ กนั นั่นคอื ���⃑���) 4. แจง้ ให้นกั เรยี นทราบว่า จะได้ศกึ ษาเกยี่ วกับเงอื่ นไงของการเคลอ่ื นทแี่ บบโปรเจกไทล์ ข้ันสอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนสืบค้นข้อมูลเพื่อหาคำตอบจากรายละเอียดในเอกสารประกอบบทเรียน เพื่อ สรปุ เปน็ ความเข้าใจของตนเอง 2. ครชู ีใ้ นนักเรียนเหน็ ว่า การศกึ ษาปรมิ าณต่าง ๆ ของการเคลือ่ นท่ีแบบโปรเจกไทล์ โดยการปลอ่ ยวตั ถใุ ห้ ตกอย่างอสิ ระพรอ้ มกับการขว้างวัตถุออกไปในแนวระดบั จากจุดเดยี วกนั ซึ่งอย่สู งู จากพ้ืนระยะหนงึ่ แล้วบนั ทกึ ภาพอย่างตอ่ เนอื่ งนบั ต้งั แต่เรมิ่ เคล่อื นที่ ภาพประกอบลกู บอลสแี ดงและสีเหลอื ง ในเอกสาร ประกอบบทเรียน ศึกษาวดิ โี อจากยูทูป เรื่อง การเคล่ือนทีข่ องเหรยี ญทตี่ กในแนวดง่ิ กบั แนวโคง้ และ การเคาะไม้บรรทัดใหเ้ หรยี ญทงั้ สองเคล่อื นท่ี 3. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายและสรุปเก่ยี วกบั การเคลอ่ื นทขี่ องลูกบอล อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายเปรียบเทียบการเคลื่อนที่ของลูกบอลทั้งสองกรณี ดังนี้ • ลกู บอลทั้งสองมกี ารกระจดั ในแนวด่งิ เทา่ กนั เพราะตกถึงพ้ืนพร้อมกัน ในช่วงเวลาเดยี วกัน • ลูกบอลทีป่ ล่อยในแนวดงิ่ จะมกี ารกระจัดในแนวดิ่งเพียงแนวเดียว ลกู บอลทีถ่ กู ขว้างออกไปจะมี การกระจัดท้งั ในแนวดงิ่ และแนวระดับ • ลูกบอลท้ังสอง มีความเรง่ ในแนวดงิ่ เทา่ กนั น่ันคอื ���⃑��� • ลกู บอลที่ตกในแนวดง่ิ เคลื่อนท่เี ป็นเสน้ ตรง ลกู บอลที่ถกู ขวา้ งเคลื่อนทเี่ ปน็ แนวโค้งในระนาบด่ิง แบบพาราโบลา เรยี กว่า การเคล่ือนทีแ่ บบโปรเจกไทล์ 2. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรยี นสอบถามเนอ้ื หาเรอื่ ง เงือ่ นไงของการเคลอ่ื นท่แี บบโปรเจกไทล์ วา่ มีสว่ นไหนท่ี ยงั ไมเ่ ขา้ ใจและใหค้ วามรู้เพ่มิ เตมิ ในสว่ นนั้น เพอื่ เป็นความรูน้ ำไปส่กู ารศกึ ษาเกีย่ วกบั ความแตกต่างของ การเคล่อื นทใ่ี นแนวระดับและแนวด่งิ ของการเคล่ือนทแ่ี บบโปรเจกไทล์ 3. ครใู ห้นกั เรียนกลับไป ดูคลิปวีดโี อจากเวบ็ ยูทปู เก่ยี วกับการเคล่ือนทแี่ บบโปรเจคไทล์ ขน้ั สรุป ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครใู ห้นักเรียนศึกษาความรู้เพม่ิ เตมิ เรือ่ ง พาราโบลา 2. ครเู ปดิ โอกาสให้นกั เรียนสอบถามเนอ้ื หาเรือ่ ง ว่ามสี ่วนไหนท่ยี งั ไมเ่ ข้าใจและให้ความรูเ้ พิ่มเติมในส่วนท่ี นกั เรียนยงั ไมร่ ู้ 3. ครใู ห้นักเรียนตอบคำถามจากแบบฝกึ หัด เกี่ยวกับเง่ือนไงของการเคลอื่ นทแ่ี บบโปรเจกไทล์
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคล่ือนท่แี นวโค้ง หนา้ 110 8. สอื่ การเรียนรู/้ แหล่งเรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เรือ่ ง การเคลอื่ นทแี่ นวโคง้ 2. สื่อ Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet การเคล่อื นทขี่ องลกู เหล็กทรงกลมทถี่ ูกปลอ่ ยให้กลิง้ ไปตามรางในแนวดงิ่ วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=hZ3KtGQuzso&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET4 วชิ าฟสิ ิกส์ - บทเรยี น การเคลื่อนท่แี บบโพรเจกไทล์ https://www.youtube.com/watch?v=JYLIj1H0o10&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlYNmL2d7v11yKWGk&ind ex=55 ความโค้งของสายน้ำทีถ่ กู ฉดี ออกจากทอ่ กรณีไมม่ ีแรงตา้ นอากาศกบั กรณมี ีแรงต้านอากาศ วทิ ยาศาสตร์ ม.4- 6 https://www.youtube.com/watch?v=7cpCf6OO3ls&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&i ndex=202 การทุ่มนำ้ หนกั วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ กิ ส)์ https://www.youtube.com/watch?v=9tQyeiw16Ko&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&i ndex=203 การพุงแหลน วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส)์ https://www.youtube.com/watch?v=Lc5Zv3VmaNI&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&i ndex=204 วิชาฟิสกิ ส์ - กจิ กรรม กจิ กรรมการเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไตล์ https://www.youtube.com/watch?v=od9YE7GYIIU&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlYNmL2d7v11yKWGk&in dex=64 การเคล่อื นท่ีของเหรยี ญทต่ี กในแนวดง่ิ กับแนวโคง้ วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ กิ ส)์ https://www.youtube.com/watch?v=kHVUInzFB9k&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&i ndex=351 การเคาะไมบ้ รรทดั ใหเ้ หรียญท้ังสองเคลือ่ นท่ี วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสิกส์ https://www.youtube.com/watch?v=TokqXX- zkgo&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=211 การเคลื่อนทแี่ บบโพรเจคไทลข์ องลูกบาสเกตบอลโดยใหร้ ะบุ vector แนวดง่ิ และราบ วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส)์ https://www.youtube.com/watch?v=NfkpJHxuRFE&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&i ndex=242
หน่วยการเรียนรู้ การเคล่อื นที่แนวโคง้ หนา้ 111 9. สรปุ ผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษา ความหมายลักษณะของการเคลื่อนที่แบบโปรเจก ไทล์ ปรมิ าณทเ่ี กย่ี วข้องกับการเคล่อื นท่ีแบบโปรเจกไทล์ จากการสืบคน้ การศกึ ษาจากใบความรู้ และ เอกสารประกอบบทเรยี น เรือ่ ง การเคล่ือนท่ีแนวโค้ง โดยมนี กั เรยี น ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนกั เรยี นทีไ่ ม่ผา่ นเกณฑ์ ดำเนินการซอ่ มเสรมิ หรอื เรยี นซ้ำในระบบโรงเรยี นเสมอื น จริง ซงึ่ นักเรยี นดำเนินการซ่อมเสรมิ แลว้ ผา่ นเกณฑ์ท้ังหมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบายลกั ษณะของการเคลื่อนทีแ่ บบโปรเจกไทล์ และบอกปริมาณท่ีเกี่ยวข้องกับการ เคลอื่ นทแี่ บบโปรเจกไทล์ โดยมนี กั เรยี น รอ้ ยละ 100 ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ข้นึ (รอ้ ยละ60 ของคะแนน ประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดย นักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือเรียนซ้ำในระบบโรงเรียนเสมือนจริง ซึ่งนักเรียน ดำเนินการซ่อมเสรมิ แล้ว ผ่านเกณฑ์ทง้ั หมด) . 9.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุง่ มั่นในการทำงาน และการศึกษาบทเรยี นเพ่มิ เติมผา่ น ระบบโรงเรยี นเสมอื นจริง (Virtual School Online) และมผี ลสำเร็จของการเรยี นรู้ผา่ นตามเกณฑ์ คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ของนกั เรยี นทง้ั หมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ท้ัง การสอนออนไลน์ ผ่าน FACEBOOK LIVE ในกลุ่มปิด และการจัดการเรียนรู้แบบ Onsite ซึ่งนักเรียน สามารถเดินทางมาเรียนที่โรงเรียน โดยปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกัน ทำให้รูปแบบของการจัด กิจกรรมการเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วม สังเกตกุ ารทดลองแลว้ บันทกึ ผลการทดลองร่วมกนั สว่ นนกั เรยี นทไ่ี ม่สะดวกเดินทางมาเรยี นทโ่ี รงเรียน จะเลอื กใชว้ ิธกี ารซกึ ษาบทเรยี นเพ่ิมเติมผ่าน ระบบโรงเรยี นเสมือนจริง (Virtual School Online). . ลงชอ่ื วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วันท่ี 17 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 . ลงชือ่ .......................................................ผนู้ เิ ทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผอื กนาค) วันท่ี 17 กุมภาพันธ์ 2564 .
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคล่ือนทีแ่ นวโคง้ หน้า 112 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 13 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 การเคลื่อนทแี่ นวโคง้ เรอื่ ง การเคลือ่ นท่ีแบบโปรเจคไทล์ 3 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว31206 ชอื่ รายวิชา ฟสิ กิ สเ์ พ่มิ เตมิ 2 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง ผสู้ อน นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เขา้ ใจธรรมชาติทางฟสิ ิกส์ปรมิ าณและกระบวนการวัด การเคลอ่ื นท่ีแนวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนท่ีของนิวตนั กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรักษ์พลังงานกล การเคลื่อนที่แนวโค้งและกฎการอนุรักษ์ การเคลื่อนที่แนวโค้ง การเคล่ือนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 7. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกับการเคล่ือนที่แบบโปรเจกไทล์และทดลอง การเคลื่อนทแ่ี บบโปรเจกไทล์ 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การเคลอื่ นทใ่ี นแนวดงิ่ เป็นการเคล่ือนท่ีทีม่ แี รงโนม้ ถ่วงกระทำจงึ มคี วามเร็วไม่คงตัว ปรมิ าณตา่ ง ๆ มี ความสมั พันธต์ ามสมการ ������������ = ������������ + ������������������ 1 ������������ = ������������������ + 2 ������������������ ⌈������������ + ������������⌉ ������ ������������ = 2 ���������2��� = ���������2��� + 2������������������������������ การเคลื่อนที่ในแนวระดับไม่มีแรงกระทำจึงมีความเร็วคงตัว ตำแหน่ง ความเร็ว และเวลา มีความสัมพันธ์ตาม สมการ ΔSx = uxt 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการคิดวเิ คราะห์ 2) ทักษะการสงั เกต 3) ทักษะการส่ือสาร 4) ทักษะการทำงานร่วมกัน 5) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ 6) ทักษะการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นที่แนวโค้ง หนา้ 113 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ความหมายลักษณะของการเคล่อื นที่แบบโปรเจกไทล์ 2) ปริมาณท่ีเกี่ยวข้อง และสมการที่เก่ียวข้องกบั การเคลื่อนทแี่ บบโปรเจกไทล์ 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธิบายความหมาย ลักษณะของการเคล่อื นทแ่ี บบโปรเจกไทล์ 2) คำนวณหาปริมาณทเ่ี กี่ยวข้อกบั การเคลือ่ นท่แี บบโปรเจคไทล์ 4.3 คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) มีวนิ ัย 2) ใฝเ่ รียนรู้ 3) มงุ่ ม่นั ในการทำงาน 5. ชน้ิ งานหรอื ภาระงานทแ่ี สดงผลการเรียนรู้ 1. การนำเสนอและอภปิ รายความรู้ทีไ่ ดค้ น้ คว้ามา 2. แบบฝกึ หัด 3. การสรุปสาระสำคญั ลงในสมดุ 6. การประเมนิ เคร่ืองมือ เกณฑ์ วิธีการ แบบฝกึ หัดเพม่ิ เติม ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขน้ึ ไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหัดเพิ่มเตมิ ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ขนึ้ ไป 2. ตรวจแบบฝึก เพ่ือบันทกึ แบบฝกึ ทักษะ ข้อคำถามอัตนัย ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขึ้นไป สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ดา้ น เพอื่ วัดความสามารถในการสือ่ สาร ความคิด และการสือ่ สาร ได้แก่ การอธบิ าย การเขียน 3. สังเกต สัมภาษณ์ บนั ทึก แบบสังเกตพฤติกรรม มีวนิ ัย ใฝ่ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรยี นรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน วินัย ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่นั ใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. สำรวจรายชื่อนกั เรียน ประเมินดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ไดแ่ ก่ การมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ 2. ครแู จง้ จุดประสงค์การเรยี นรูแ้ ละการวัดผลประเมนิ ผลด้าน KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑ์การวัดผลและการให้คะแนนในสว่ นต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกบั หลักการ ข้อปฏบิ ัติและกฎระเบยี บในการเรียนการ สอนในหอ้ งเรยี น ขนั้ นำ กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครทู บทวนเกี่ยวกบั เงือ่ นไงของการเคล่ือนทแี่ บบโปรเจกไทล์
หน่วยการเรยี นรู้ การเคล่อื นทแ่ี นวโค้ง หนา้ 114 2. ครูเน้นใหน้ ักเรียนทราบว่า การเคลื่อนทีแ่ บบโปรเจกไทล์ เป็นการเคลือ่ นที่แนวพร้อมกันในแนวระดบั และแนวดิ่ง โดยการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งเป็นการเคลื่อนที่ที่มีความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก ในขณะทก่ี ารเคลอื่ นท่ใี นแนวระดับไมม่ ีความเร่ง 3. ครูถามคำถามกระตุ้นกบั นักเรียนว่า การเคลื่อนที่ในแนวระดับและในแนวดิ่งของการเคลื่อนที่แบบโป รเจกไทล์ มีความแตกต่างกนั อย่างไร 4. แจ้งให้นักเรียนทราบว่า จะได้ศึกษาเกี่ยวกับความแตกต่างกันของการเคลื่อนที่ในแนวระดับและใน แนวดิ่งของการเคล่ือนที่แบบโปรเจกไทล์ ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครใู ห้ศึกษาเกี่ยวกับความแตกต่างของการเคลื่อนท่ีในแนวระดบั และในแนวดง่ิ ของการเคลื่อนที่แบบโป รเจกไทล์ 2. ครูถามคำถาม กบั นกั เรยี นวา่ เมื่อวัตถุเคล่อื นท่ีข้นึ ถงึ จดุ บนสดุ ของแนววิถี ความเรว็ ของวัตถุท้ังในแนว ระดับและแนวดงิ่ จะเป็นอยา่ งไร 3. นักเรียนร่วมกันสืบค้นข้อมูล จากเอกสารประกอบบทเรียน อินเตอร์เน็ต หรือจากแหล่งเรียนรู้ตา่ ง ๆ เช่น หอ้ งสมุด อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูสุ่มนักเรยี นให้ออกมาอภปิ รายร่วมกับครเู กยี่ วกับความแตกต่างของการเคล่ือนท่ใี นแนวระดับและใน แนวด่ิงของการเคล่อื นทแ่ี บบโปรเจกไทล์ 2. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมดงั น้ี • กรณีการเคลื่อนที่ในแนวระดับ วัตถุเคลื่อนที่อยู่ในอากาศจะมีแรงดึงดูดของโลก mg กระทำ เพียงแรงเดยี วเท่านัน้ โดยในแนวระดับ แรงกระทำตอ่ วัตถมุ ีคา่ เป็นศูนย์ (∑Fx = 0) ซึ่งจากกฎ ขอ้ ทสี่ องของนวิ ตัน เมอ่ื ∑Fx = 0 จะไดก้ ารกระจดั ในแนวระดับเปน็ ∆x = uxt • กรณีการเคลื่อนท่ีในแนวดิง่ วัตถุเคลือ่ นท่อี ยใู่ นอากาศจะมีแรงดงึ ดูดของโลก mg กระทำเพียง แรงเดียว ความเร่งของวัตถใุ นแนวดิ่ง คือ ความเร่งโน้มถ่วง โดยนักเรียนสามารถหาความเรว็ ในแนวดิ่ง และการกระจัดในแนวดิง่ ไดจ้ ากสมการ ดังน้ี vy = uy + ayt ∆y = (uy + vy) t 2 ∆y = uyt + 1 ayt2 2 vy2 = uy2 + 2ay∆y • เมอื่ วัตถุเคลอ่ื นทข่ี ้ึนไปในอากาศ ความเร็วในแนวดงิ่ จะมขี นาดลดลง ซึ่งจะขนาดความเร็วลัพธ์ ไดจ้ ากสมการ v = √vx2 + vy2 3. ครูยกตวั อยา่ ง จากเอกสารประกอบบทเรียน เพอ่ื เสริมความเข้าในการใชส้ มการทีใ่ ช้คำนวณท่เี รียนมา 4. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นสอบถามเนอื้ หาเร่อื ง การเคล่ือนทใี่ นแนวระดบั และในแนวด่ิงของการเคล่ือนท่ี แบบโปรเจกไทล์ วา่ มีส่วนไหนท่ียงั ไมเ่ ข้าใจและให้ความรเู้ พ่มิ เติมในส่วนน้ัน
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลื่อนท่แี นวโคง้ หนา้ 115 5. ครูใหน้ กั เรยี นตอบคำถามจาก แบบฝกึ หัด ขั้นสรุป ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูนำอภิปรายและสรุปเกี่ยวกับการเคล่ือนที่ในแนวระดับและในแนวดิ่งของการเคลื่อนท่ีแบบโปรเจก ไทล์ โดยอภปิ รายรว่ มกับนักเรยี น ดงั นี้ • การเคลอื่ นทใ่ี นแนวระดับ ความเร็วคงตวั ความเรง่ เท่ากับศูนย์ • การเคลือ่ นที่ในแนวด่ิง ความเรว็ ไม่คงตวั ความเร่งคงตวั เทา่ กบั g • ที่จุดสูงสุดของการเคลื่อนที่ อัตราเร็วหรือความเร็ว จะเท่ากับอัตราเร็วหรอื ความเร็วของแนว ระดบั เพราะของแนวดิง่ เทา่ กับศนู ย์ 2. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั เฉลยคำถามจาก แบบฝึกหดั 8. สื่อการเรยี นร้/ู แหล่งเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น เรื่อง การเคลือ่ นทแี่ นวโค้ง 2. สอ่ื Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet วิชาฟิสกิ ส์ - บทเรยี น การเคลื่อนทแ่ี บบโพรเจกไทล์ https://www.youtube.com/watch?v=JYLIj1H0o10&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=55 การทุ่มนำ้ หนัก วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสิกส)์ https://www.youtube.com/watch?v=9tQyeiw16Ko&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=203 การพุงแหลน วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ กิ ส)์ https://www.youtube.com/watch?v=Lc5Zv3VmaNI&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=204 วิชาฟสิ ิกส์ - กิจกรรม กจิ กรรมการเคลอ่ื นทแี่ บบโพรเจกไตล์ https://www.youtube.com/watch?v=od9YE7GYIIU&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=64 การเคลอื่ นทขี่ องเหรียญทต่ี กในแนวดงิ่ กับแนวโคง้ วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ กิ ส)์ https://www.youtube.com/watch?v=kHVUInzFB9k&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=351 การเคาะไมบ้ รรทดั ให้เหรยี ญทัง้ สองเคล่ือนที่ วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสิกส์ https://www.youtube.com/watch?v=TokqXX- zkgo&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=211 การเคลือ่ นทีแ่ บบโพรเจคไทลข์ องลูกบาสเกตบอลโดยให้ระบุ vector แนวด่ิงและราบ วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสกิ ส)์ https://www.youtube.com/watch?v=NfkpJHxuRFE&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=242
หน่วยการเรียนรู้ การเคลอ่ื นทแ่ี นวโค้ง หนา้ 116 9. สรปุ ผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพ่ือศกึ ษาการเคลอ่ื นทีแ่ บบโปรเจกไทล์ และปริมาณทเ่ี ก่ยี วข้อง กบั การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรยี น เรอ่ื ง การเคลือ่ นท่แี นวโค้ง โดยมนี ักเรยี น รอ้ ยละ 100 ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขน้ึ (รอ้ ยละ60 ของคะแนน ประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดย นักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือเรียนซ้ำในระบบโรงเรียนเสมือนจริง ซึ่งนักเรียน ดำเนนิ การซอ่ มเสริมแล้ว ผ่านเกณฑท์ ้ังหมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบายการเคลื่อนทีใ่ นแนวระดับและในแนวดิ่งของการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ และ ปริมาณท่ีเก่ยี วข้องกบั การเคลอื่ นที่แบบโปรเจกไทล์ โดยมนี ักเรยี น ร้อยละ 100 ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนกั เรยี นทไี่ มผ่ า่ นเกณฑ์ ดำเนนิ การซ่อมเสริมหรอื เรียนซำ้ ในระบบโรงเรยี นเสมือน จรงิ ซ่ึงนกั เรียนดำเนินการซอ่ มเสริมแลว้ ผ่านเกณฑท์ งั้ หมด) . 9.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน และการศึกษาบทเรียนเพ่ิมเติมผ่าน ระบบโรงเรยี นเสมือนจริง (Virtual School Online) และมีผลสำเรจ็ ของการเรียนรู้ผ่านตามเกณฑ์ คดิ เป็นร้อยละ 100 ของนกั เรียนทัง้ หมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรูปแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วมสังเกตุการทดลองแล้ว บนั ทึกผลการทดลองรว่ มกัน สว่ นนกั เรยี นท่ีไมส่ ะดวกเดนิ ทางมาเรียนที่โรงเรียน จะเลอื กใชว้ ิธกี ารซึกษา บทเรยี นเพ่มิ เตมิ ผ่าน ระบบโรงเรยี นเสมือนจรงิ (Virtual School Online). . ลงช่อื วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์.) วันท่ี 18 กุมภาพนั ธ์ 2564 . ลงชอ่ื .......................................................ผู้นิเทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผอื กนาค) วนั ที่ 18 กุมภาพนั ธ์ 2564 .
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นทแี่ นวโค้ง หน้า 117 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 14 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 การเคลื่อนทแี่ นวโคง้ เร่อื ง การเคลอ่ื นที่แบบโปรเจคไทล์ 4 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว31206 ชอื่ รายวิชา ฟสิ กิ สเ์ พ่มิ เตมิ 2 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 เวลาเรยี น 2 ช่วั โมง ผสู้ อน นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เขา้ ใจธรรมชาติทางฟสิ ิกสป์ รมิ าณและกระบวนการวดั การเคลอ่ื นท่ีแนวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนท่ีของนิวตนั กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษพ์ ลงั งานกล การเคลื่อนที่แนวโค้งและกฎการอนุรักษ์ การเคลื่อนที่แนวโค้ง การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 7. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกับการเคลื่อนทีแ่ บบโปรเจกไทล์และทดลอง การเคลื่อนทแ่ี บบโปรเจกไทล์ 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การเคลอื่ นทใ่ี นแนวดงิ่ เปน็ การเคล่ือนที่ที่มีแรงโน้มถว่ งกระทำจงึ มีความเรว็ ไมค่ งตวั ปรมิ าณต่าง ๆ มี ความสมั พันธต์ ามสมการ ������������ = ������������ + ������������������ 1 ������������ = ������������������ + 2 ������������������ ⌈������������ + ������������⌉ ������ ������������ = 2 ���������2��� = ���������2��� + 2������������������������������ การเคลื่อนที่ในแนวระดับไม่มีแรงกระทำจึงมีความเร็วคงตัว ตำแหน่ง ความเร็ว และเวลา มีความสัมพันธ์ตาม สมการ ΔSx = uxt 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการคิดวเิ คราะห์ 2) ทักษะการสงั เกต 3) ทักษะการส่ือสาร 4) ทักษะการทำงานร่วมกัน 5) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ 6) ทักษะการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลือ่ นท่แี นวโคง้ หน้า 118 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1) การเคล่ือนท่แี บบโปรเจกไทล์ 2) ปรมิ าณที่เก่ียวขอ้ งกับการเคลือ่ นทแ่ี บบโปรเจกไทล์ 3) กราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหวา่ งตำแหน่งในแนวด่ิงและแนวระดับของวตั ถุท่ีทำมุม θ ตา่ ง ๆ กบั แนวระดบั 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายการเคลื่อนทแ่ี บบโปรเจกไทล์ 2) คำนวณหาปริมาณทเ่ี ก่ียวข้อกับการเคลื่อนท่แี บบโปรเจคไทล์ 3) เขียนและอธิบายกราฟแสดงความสัมพนั ธ์ระหว่างตำแหนง่ ในแนวดิง่ และแนวระดบั ของวัตถุ ที่ทำมุม θ ต่าง ๆ กบั แนวระดบั 4.3 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1) มีวินยั 2) ใฝเ่ รียนรู้ 3) มงุ่ ม่ันในการทำงาน 5. ชิ้นงานหรอื ภาระงานท่แี สดงผลการเรียนรู้ 1. การนำเสนอและอภปิ รายความรู้ที่ไดค้ ้นควา้ มา 2. แบบฝึกหัด 3. การสรุปสาระสำคัญลงในสมุด 6. การประเมิน เคร่อื งมอื เกณฑ์ วธิ กี าร แบบฝึกหัดเพิ่มเติม ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขึน้ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหัดเพมิ่ เติม ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขนึ้ ไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพ่อื บนั ทึก แบบฝกึ ทักษะ ขอ้ คำถามอตั นยั ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ข้ึนไป สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ด้าน เพอื่ วดั ความสามารถในการสือ่ สาร ความคดิ และการสอ่ื สาร ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขียน 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บันทกึ แบบสังเกตพฤติกรรม มวี ินัย ใฝ่ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ มี เรยี นรู้ และมงุ่ มั่นในการทำงาน วินัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมั่นใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. สำรวจรายชือ่ นกั เรยี น ประเมนิ ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมวี ินัย ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรแู้ ละการวัดผลประเมินผลดา้ น KPA
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอ่ื นทแี่ นวโค้ง หน้า 119 3. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑก์ ารวัดผลและการใหค้ ะแนนในสว่ นตา่ งๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกบั หลกั การ ขอ้ ปฏบิ ตั ิและกฎระเบียบในการเรยี นการ สอนในหอ้ งเรยี น ขน้ั นำ กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับเรื่อง สมการการเคลื่อนที่ในแนวระดับและในแนวดิ่งของการเคลื่อนท่ี แบบโปรเจกไทล์ 2. ครนู ำเข้าสู่บทเรยี น โดยครถู ามคำถาม ดังน้ี • นกั เรียนสามารถคำนวณระยะทางสงู สุดที่วตั ถุขึ้นไปไดต้ ามแนวระนาบได้อย่างไร • นักเรียนสามารถคำนวณระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ในแนวระดับจากจุดเริ่มต้นถึงจุดสุดท้าย ของวัตถไุ ดอ้ ย่างไร 3. ครูแจ้งให้นักเรียนทราบว่า จะได้ศึกษาเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจคไทล์ที่มีแนววิถีเป็นแบบ พาราโบลาคว่ำ ข้นั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน เพื่อให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวการนำวิธีการทาง คณิตศาสตร์มาพสิ จู น์ใหเ้ ห็นวา่ การเคล่อื นทีแ่ บบโปรเจกไทล์มีแนววิธเี ปน็ รปู พาราโบลาควำ่ 2. ครแู นะนำใหน้ ักเรียนเรมิ่ ต้นจากสมการ ∆x = uxt และ ∆y = uyt + 1 ayt2 จนสามารถได้สมการ 2 H = uy2 = u2sin2θ0 เพอ่ื ให้นักเรียนไดม้ โี อกาสฝกึ คดิ โดยใช้วธิ ีการทางคณิตศาสตร์ 2g 2g 3. ครูให้นักเรียนแต่กลุ่มศึกษารายละเอียดการพิสูจน์สมการการเคลื่อนที่จากเอกสารประกอบบทเรียน หรอื จากแหล่งเรยี นรตู้ ่าง ๆ เช่น อินเตอร์เน็ต ห้องสมุด เปน็ ต้น 4. นักเรียนนำขอ้ มลู ท่ไี ด้จากการสืบค้นมาวเิ คราะห์และเรียบเรียงเน้อื หาเพือ่ ใช้สำหรบั การนำเสนอโดย แลกเปลี่ยนความคดิ เห็นกนั ภายในกลมุ่ จากนน้ั อธบิ ายซกั ถามกันภายในกลุม่ จนเข้าใจตรงกนั (หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตการณ์ทำงานกลุ่ม) 5. นกั เรียนนำขอ้ มลู เกย่ี วกบั การพิสูจนส์ มการ มาวเิ คราะห์และนำเสนอหน้าชั้นเรียน ขัน้ สอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูสุ่มตัวแทนนกั เรยี นจากกลุ่มต่าง ๆ ประมาณ 1-2 กลุ่ม จากนั้นร่วมกันอภิปรายสรุปจนเป็นท่ีเข้าใจ ตรงกัน 2. ครูนำนักเรียนอภปิ รายและสรปุ เก่ียวกบั การพสิ จู นส์ มการสำหรบั การหาความสงู ที่ขึน้ ไปไดส้ ูงสุด 3. ครูใหค้ วามรเู้ พมิ่ เตมิ เก่ยี วกบั การพสิ ูจน์สมการ ดงั น้ี ที่ตำแหน่งสูงสุดความเร็วตามแนวดิ่งจะเป็นศูนย์ แต่ความเร็วของวัตถุไม่จำเป็นต้องเป็นศูนย์ เพราะมีความเร็วตามแนวนอน vx = u cos θ วัตถุมีความเร็วในแนวด่ิงลดลงจาก u sin θ เป็นศูนย์ท่ี จุดสงู สดุ ดว้ ยอัตรา g จะไดเ้ วลาท่ใี ชข้ ้นึ ไปจนถงึ ตำแหนง่ สูงสดุ คือ u sin θ g จากสมการของการกระจัดในแนวราบและแนวดิ่ง จะได้ว่าในช่วงเวลาน้ี วัตถุมีการกระจัดตาม แนวดิ่งเทา่ กบั 1 (u sin θ + 0) (usin θ) = u2sin2θ ซ่ึงจะเป็นระยะทางสงู สูงในแนวดิง่ 2 g 2g
หน่วยการเรียนรู้ การเคลือ่ นท่ีแนวโค้ง หนา้ 120 4. ครูถามนักเรียนต่อว่า นักเรียนสามารถหาระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ไปได้ตามแนวระดับได้อย่างไร (ท้ิง ชว่ งให้นกั เรียนคิด) 5. ครูอธิบายว่า เมื่อวัตถุตกกลับลงมาที่ความสูงเดมิ ตอนต้น การกระจดั ตามแนวด่ิงมีค่าเป็นศูนย์ ดังนนั้ ถ้า ∆t เป็นเวลาทง้ั หมดทว่ี ัตถเุ คลื่อนที่ตง้ั แต่เรม่ิ ตน้ จนกลบั มาทีส่ งู เดมิ จะได้ ∆y = uy∆t + 1 ay∆t2 2 ดงั นน้ั 0 = u sin θ ∆t + 1 (−g)∆t2 หรือ ∆t = 2usin θ 2g 6. ครูชี้ใหน้ ักเรียนเห็นวา่ เวลาที่เคล่ือนท่ีข้นึ ไปแลว้ กลบั มาที่ความสูงเดิมเป็นสองเทา่ ของเวลาที่วัตถุข้ึนไป ถึงจดุ สงู สดุ ดงั น้ัน เวลาลงจากจุดสงู สุดกลับมาที่พ้ืนนานเท่ากับเวลาขนึ้ ไปถงึ จุดสูงสดุ ในระหว่างเวลา ∆t = 2u sin θ วัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วตามแนวนอนคงตัว u cos θ จะได้ระยะตามแนวนอนท่ี g เคลอื่ นทีไ่ ปได้เทา่ กับ u cos θ × ∆t = 2u2 sin θ cos θ = u2 sin 2θ g g ขั้นสรุป ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูอธิบายความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่งในแนวดิ่งและแนวระดับ ของวัตถุท่ที ำมุม θ ตา่ ง ๆ กับแนวระดับ 2. จากนัน้ ครใู หน้ ักเรียนศึกษาตวั อยา่ งการคำนวณจากโจทย์ปญั หา พรอ้ มท้งั ใหน้ ักเรียนฝกึ แก้โจทย์ปัญหา ในเอกสารประกอบบทเรียน ตามขน้ั ตอนการแกโ้ จทยป์ ัญหา ดงั นี้ • ขัน้ ที่ 1 ครูใหน้ ักเรียนทกุ คนทำความเขา้ ใจโจทย์ตวั อยา่ ง • ขน้ั ท่ี 2 ครูถามนักเรียนว่า สง่ิ ท่โี จทยต์ ้องการถามหาคืออะไร และจะหาสิง่ ทีโ่ จทย์ต้องการ ต้อง ทำอยา่ งไร • ขน้ั ที่ 3 ครใู หน้ กั เรียนดวู ิธีทำในการคำนวณหาคำตอบ • ข้นั ท่ี 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทย์ตัวอยา่ งว่าถูกต้อง หรือไม่ 3. ครูและนกั เรียนร่วมกนั เฉลยคำถามจาก แบบฝกึ หัด 8. สือ่ การเรียนร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง การเคลื่อนท่ีแนวโค้ง 2. สื่อ Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet วชิ าฟสิ ิกส์ - บทเรยี น การเคลื่อนทแี่ บบโพรเจกไทล์ https://www.youtube.com/watch?v=JYLIj1H0o10&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlYNmL2d7v11yKWGk &index=55
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลอื่ นท่แี นวโคง้ หน้า 121 9. สรุปผลการจัดการเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นกั เรียนใหค้ วามรว่ มมือในการทำกจิ กรรมเพ่ือศึกษาการเคลือ่ นทแ่ี บบโปรเจกไทล์ ปรมิ าณทเ่ี กี่ยวข้องกับ การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่งในแนวดิ่งและแนวระดับของ วัตถุที่ทำมุม θ ต่าง ๆ กับแนวระดับ จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบ บทเรียน เร่อื ง การเคลอ่ื นท่แี นวโคง้ โดยมนี กั เรยี น ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้น(รอ้ ยละ60 ของ คะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือเรียนซ้ำในระบบโรงเรียนเสมือนจริง ซึ่งนักเรียน ดำเนินการซอ่ มเสริมแล้ว ผ่านเกณฑท์ ้งั หมด) . 9.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบายการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ คำนวณหาปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ แบบโปรเจกไทล์ เขียนกราฟแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งตำแหนง่ ในแนวด่ิงและแนวระดับของวัตถุที่ทำ มุม θต่างๆ กับแนวระดับ โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของคะแนน ประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดย นักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือเรียนซ้ำในระบบโรงเรียนเสมือนจริง ซึ่งนักเรียน ดำเนินการซ่อมเสรมิ แล้ว ผ่านเกณฑท์ ้งั หมด) . 9.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุง่ มัน่ ในการทำงาน และการศึกษาบทเรยี นเพิ่มเติมผา่ น ระบบโรงเรยี นเสมอื นจริง (Virtual School Online) และมผี ลสำเรจ็ ของการเรยี นรู้ผา่ นตามเกณฑ์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ของนกั เรียนท้ังหมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรปู แบบการจดั การเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วมสังเกตุการทดลองแล้ว บันทกึ ผลการทดลองรว่ มกนั ส่วนนักเรยี นที่ไมส่ ะดวกเดนิ ทางมาเรยี นที่โรงเรียน จะเลือกใช้วธิ กี ารซึกษา บทเรยี นเพิม่ เตมิ ผ่าน ระบบโรงเรยี นเสมอื นจริง (Virtual School Online). . ลงชือ่ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์.) วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 . ลงชื่อ.......................................................ผ้นู เิ ทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผอื กนาค) วันท่ี 18 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 .
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลอ่ื นที่แนวโคง้ หนา้ 122 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 15 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 การเคลื่อนทแี่ นวโคง้ เรื่อง การเคล่อื นที่แบบโปรเจคไทล์ 5 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว31206 ชอื่ รายวิชา ฟสิ กิ สเ์ พ่มิ เตมิ 2 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง ผสู้ อน นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เขา้ ใจธรรมชาติทางฟสิ ิกสป์ ริมาณและกระบวนการวดั การเคลื่อนท่ีแนวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนท่ีของนิวตนั กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ ักษพ์ ลังงานกล การเคลื่อนที่แนวโค้งและกฎการอนุรักษ์ การเคลื่อนที่แนวโค้ง การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 7. อธิบาย วิเคราะห์ และคำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์และทดลอง การเคลื่อนทแ่ี บบโปรเจกไทล์ 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การเคลอื่ นทใ่ี นแนวดงิ่ เปน็ การเคล่ือนที่ท่มี ีแรงโน้มถว่ งกระทำจงึ มคี วามเรว็ ไม่คงตัว ปริมาณตา่ ง ๆ มี ความสมั พันธต์ ามสมการ ������������ = ������������ + ������������������ 1 ������������ = ������������������ + 2 ������������������ ⌈������������ + ������������ ⌉ ������������ = 2 ������ ���������2��� = ���������2��� + 2������������������������������ การเคลื่อนที่ในแนวระดับไม่มีแรงกระทำจึงมีความเร็วคงตัว ตำแหน่ง ความเร็ว และเวลา มีความสัมพันธ์ตาม สมการ ΔSx = uxt 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการคิดวเิ คราะห์ 2) ทักษะการสงั เกต 3) ทักษะการส่ือสาร 4) ทักษะการทำงานร่วมกัน 5) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ 6) ทักษะการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลอ่ื นทแ่ี นวโค้ง หนา้ 123 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ทำการทดลองหาแนวทางการเคลอ่ื นทแ่ี บบโปรเจกไทล์ 2) เขียนกราฟแนวทางการเคลื่อนทีใ่ นแนวระดบั และแนวด่ิงของการเคล่ือนที่แบบโปรเจกไทล์ 3) คำนวณหาปรมิ าณที่เกย่ี วข้อกบั การเคลอ่ื นที่แบบโปรเจคไทล์ 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) ทำการทดลองหาแนวทางการเคล่อื นทีแ่ บบโปรเจกไทล์ 2) เขียนกราฟแนวทางการเคลื่อนที่ในแนวระดับและแนวด่งิ ของการเคลื่อนทีแ่ บบโปรเจกไทล์ 3) คำนวณหาปรมิ าณทีเ่ กยี่ วข้อกับการเคลื่อนทแ่ี บบโปรเจคไทล์ 4.3 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) มวี นิ ยั 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) ม่งุ มนั่ ในการทำงาน 5. ชิน้ งานหรอื ภาระงานทแ่ี สดงผลการเรียนรู้ 1. การนำเสนอและอภิปรายความร้ทู ่ีไดค้ ้นคว้ามา 2. แบบฝกึ หัด 3. การสรุปสาระสำคญั ลงในสมดุ 6. การประเมนิ เครือ่ งมือ เกณฑ์ วิธีการ แบบฝึกหดั เพิ่มเตมิ ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึน้ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหัดเพม่ิ เติม ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ข้ึนไป 2. ตรวจแบบฝึก เพ่อื บนั ทึก แบบฝกึ ทักษะ ขอ้ คำถามอัตนัย ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ข้ึนไป สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ด้าน เพอื่ วัดความสามารถในการส่อื สาร ความคดิ และการส่อื สาร ไดแ้ ก่ การอธิบาย การเขยี น 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บันทึก แบบสงั เกตพฤติกรรม มวี ินยั ใฝ่ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรยี นรู้ และมงุ่ มนั่ ในการทำงาน วนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ ม่นั ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. สำรวจรายชือ่ นกั เรยี น ประเมินดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ไดแ่ ก่ การมวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้และการวัดผลประเมินผลด้าน KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑ์การวัดผลและการใหค้ ะแนนในส่วนต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกับ หลักการ ขอ้ ปฏิบตั ิและกฎระเบยี บในการเรยี นการสอนในหอ้ งเรยี น
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคล่อื นที่แนวโคง้ หน้า 124 กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครทู บทวนเก่ยี วกบั การเคลื่อนทแ่ี บบโปรเจกไทล์ ดงั น้ี • การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ มแี นวโค้งเปน็ รปู พาราโบลา • การเคลอื่ นท่แี บบโปรเจกไทล์ มกี ารเคลอื่ นท่ีทัง้ ในแนวด่งิ และแนวระดบั พร้อม ๆ กัน 2. ครูถามคำถามก่อนทำกิจกรรมการทดลอง เพ่อื เปน็ การกระตุ้นนักเรยี น ดงั น้ี • การเคลื่อนทีแ่ บบโปรเจกไทลม์ ลี กั ษณะการเคลอ่ื นท่ีเปน็ อยา่ งไร • ความสัมพนั ธ์ของปรมิ าณการเคลอื่ นท่ใี นแนวดิง่ และแนวระดบั สัมพนั ธก์ นั หรอื ไม่ อยา่ งไร ข้นั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูใหน้ ักเรยี นแบ่งกลุ่ม ซงึ่ ครอู าจใช้เทคนิคการแบ่งกลมุ่ ผลสัมฤทธิ์ (STAD) คือ การจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ท่มี ีสมาชกิ กล่มุ 4–5 คน มีระดบั สติปัญญาแตกตา่ งกนั คอื เก่ง 1 คน: ปานกลาง 2–3 คน: อ่อน 1 คน พรอ้ มทง้ั เลือกประธานกลุ่ม รองประธานกลมุ่ เลขานุการกล่มุ และสมาชิกกล่มุ โดยมหี นา้ ที่ ดังนี้ - ประธานกลมุ่ มหี นา้ ท่ีควบคุมการทำกิจกรรมการทดลอง - รองประธานกล่มุ มีหน้าที่ วางแผนในการทำกิจกรรมทดลอง - เลขานุการกลมุ่ มหี น้าท่ี อำนวยความสะดวกในการทำกจิ กรรมการทดลอง - สมาชิกกลมุ่ มีหน้าที่ นำเสนอผลการทำกจิ กรรม - สมาชกิ กลมุ่ มีหนา้ ที่ รวบรวมองคค์ วามร้แู ละผลงานกลุ่ม 2. ครูชี้แจงจดุ ประสงคก์ ารทดลองใหน้ ักเรียนทราบ ดังนี้ • เพอ่ื ศึกษาลักษณะการเคล่ือนท่ีแบบโปรเจกไทล์ • เพอื่ ศกึ ษาความสมั พันธร์ ะหวา่ งการกระจดั ในแนวระดับและการกระจดั แนวดง่ิ 3. ครูให้สมาชิกภายในกลมุ่ เปิดการระดมความคิดระบปุ ญั หาของกจิ กรรมการทดลอง ให้หนา้ ท่ปี ระธาน เปดิ การระดมความคิดระบุปญั หาของกิจกรรมตอนที่ 1 พรอ้ มตง้ั สมมตฐิ านและกำหนดตัวแปรให้ ชดั เจน และใหเ้ ลขานุการกล่มุ จัดการความรู้รวบรวมแล้วบนั ทึกผล 4. ครูให้ความรู้ที่จำเป็นต่อการทดลอง จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการทดลองตามขั้นตอนและ รายละเอียดในในเอกสารประกอบบทเรยี น (หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตการณท์ ำงานกลมุ่ ) 5. ครูอาจถามกระตนุ้ ให้นกั เรยี นได้คิด ดว้ ยตวั อย่างคำถามต่อไปน้ี • เหตุใดจึงตอ้ งปลอ่ ยลกู โลหะกลมจากตำแหน่งเดยี วกนั ทุกครั้งทท่ี ำการทดลอง • ขณะทดลองแผ่นเป้าควรอยูก่ บั ทีห่ รือไม่ เพราะเหตุใด • แนวการเคลือ่ นท่ีของลูกโลหะกลมจากกระดาษกราฟบนแปน้ ไม้หรือเม่อื นำคา่ การกระจัดในแนว ระดับและการกระจดั ในแนวด่งิ มาเขียนกราฟจะมีลักษณะใด 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มวิเคราะห์สรุปผลการทดลอง ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายการทดลองตามแนว คำถามท้ายการทดลอง และสรุปผลการเรียนรู้จากการทดลอง อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครใู ห้สมาชิกแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการทดลอง และสรปุ รว่ มกัน 2. ครูและนักเรียนจะสรุปผลการทดลองร่วมกันว่า การเคลื่อนที่ของลูกโลหะกลมที่เคลื่อนที่ในแนวโค้ง แบบโปรเจกไทล์ มแี นวการเคล่อื นทีเ่ ปน็ เสน้ โค้งพาราโบลา โดยลกู โลหะกลมจะมีท้งั การกระจัดในแนว ระดับและแนวด่ิงพร้อมกัน
หน่วยการเรียนรู้ การเคลือ่ นทแ่ี นวโคง้ หน้า 125 ขนั้ สรปุ ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ใน ชวี ติ ประจำวนั เชน่ ดา้ นการกฬี า การทมุ่ น้าหนกั การพ่งุ แหลน การชทู ลกู บาสเกตบอล เป็นตน้ 2. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ โดยใช้สื่อ power point และสื่อ animation 3. ครูใหน้ ักเรยี นสรปุ เปน็ แผนผังมโนทศั น์ (Concept Mapping) เรื่อง การเคล่ือนท่ีแบบโปรเจกไทล์ 4. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันเฉลยคำถามจาก แบบฝกึ หัด เรื่อง การเคลื่อนทแ่ี บบโปรเจกไทล์ 5. ครูให้นักเรียนตั้งคำถามที่นักเรียนอยากรู้เพิ่มเติม หรือร่วมกันสรุปเชื่อมโยงความคิดเกี่ยวกับการ เคล่อื นท่ีแบบโพรเจคไทล์ 8. สื่อการเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น เร่ือง การเคลือ่ นที่แนวโคง้ 2. ส่อื Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet การเคล่ือนทแี่ บบโพรเจคไทลข์ องลกู บาสเกตบอลโดยให้ระบุ vector แนวดิ่งและราบ วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=NfkpJHxuRFE&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=242 ความโคง้ ของสายนำ้ ทถี่ กู ฉีดออกจากทอ่ กรณีไมม่ แี รงตา้ นอากาศกบั กรณมี ีแรงต้านอากาศ วิทยาศาสตร์ ม.4-6 https://www.youtube.com/watch?v=7cpCf6OO3ls&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=202 การทมุ่ นำ้ หนัก วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส)์ https://www.youtube.com/watch?v=9tQyeiw16Ko&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=203 การพงุ แหลน วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ กิ ส์) https://www.youtube.com/watch?v=Lc5Zv3VmaNI&list=PLgm36wXFlxy 8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=204
หน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนทแ่ี นวโคง้ หน้า 126 9. สรปุ ผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นกั เรียนใหค้ วามรว่ มมอื ในการทำกิจกรรมเพ่อื ศกึ ษาการเคลื่อนทีแ่ บบโปรเจกไทล์ ปริมาณทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับ การเคลื่อนที่แบบโปรเจกไทล์ กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่งในแนวดิ่งและแนวระดับของ วตั ถทุ ี่ทำมมุ θ ต่าง ๆ กับแนวระดับ จากการทดลอง การสืบค้น การศกึ ษาจากใบความรู้ และเอกสาร ประกอบบทเรียน เรื่อง การเคลอื่ นท่แี นวโคง้ โดยมีนักเรยี น ร้อยละ 100 ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ข้นึ (ร้อย ละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนักเรียนทไ่ี ม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนนิ การซ่อมเสรมิ หรอื เรยี นซำ้ ในระบบโรงเรียนเสมือนจริง ซง่ึ นักเรียนดำเนนิ การซ่อมเสริมแลว้ ผ่านเกณฑท์ ั้งหมด) . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถทำการทดลองหาแนวทางการเคลือ่ นที่แบบโปรเจกไทล์ อธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหว่าง ตำแหน่งในแนวด่งิ และแนวระดบั ของวตั ถทุ ่ที ำมุม θ ตา่ ง ๆ กบั แนวระดับ โดยมีนักเรียน รอ้ ยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบ โรงเรยี นเสมือนจรงิ (Virtual School Online) โดยนักเรยี นท่ีไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรอื เรียนซ้ำใน ระบบโรงเรียนเสมือนจริง ซึง่ นกั เรยี นดำเนินการซอ่ มเสรมิ แล้ว ผา่ นเกณฑ์ทงั้ หมด) . 9.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุง่ มน่ั ในการทำงาน และการศกึ ษาบทเรียนเพิม่ เตมิ ผ่าน ระบบโรงเรียนเสมอื นจริง (Virtual School Online) และมผี ลสำเร็จของการเรยี นรู้ผา่ นตามเกณฑ์ คดิ เป็นร้อยละ 100 ของนกั เรียนทงั้ หมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรสั โควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรูปแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วมสังเกตุการทดลองแล้ว บันทกึ ผลการทดลองร่วมกนั สว่ นนกั เรยี นที่ไม่สะดวกเดินทางมาเรยี นท่ีโรงเรยี น จะเลอื กใชว้ ิธกี ารซึกษา บทเรียนเพิ่มเตมิ ผา่ น ระบบโรงเรียนเสมอื นจริง (Virtual School Online). . ลงชื่อ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วันท่ี 19 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 . ลงชื่อ.......................................................ผู้นิเทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผือกนาค) วนั ที่ 19 กุมภาพนั ธ์ 2564 .
หน่วยการเรยี นรู้ การเคล่ือนทีแ่ นวโค้ง หน้า 127 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 16 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 การเคลือ่ นท่แี นวโคง้ เรอ่ื ง การเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลม 1 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว31206 ชื่อรายวิชา ฟิสิกส์เพมิ่ เตมิ 2 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลาเรียน 2 ช่วั โมง ผ้สู อน นางสาววิจติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟสิ กิ ส์ปรมิ าณและกระบวนการวัด การเคลือ่ นที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลอื่ นทขี่ องนวิ ตัน กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษ์พลังงานกล การเคลื่อนที่แนวโค้งและกฎการอนุรักษ์ การเคลื่อนที่แนวโค้ง การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 8. ทดลองและอธิบายความสัมพันธร์ ะหว่าง แรงสูศ่ ูนย์กลาง รศั มขี องการเคลื่อนท่ี อตั ราเร็วเชิงเสน้ อัตราเร็ว เชงิ มมุ และมวลของวตั ถใุ นการเคลือ่ นทีแ่ บบวงกลมในระนาบ ระดับรวมท้งั คำนวณปรมิ าณตา่ งๆทีเ่ กีย่ วข้องและ ประยุกต์ใชค้ วามร้กู ารเคล่ือนทแี่ บบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทียม 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด วตั ถทุ ่ีเคลอื่ นท่ีเป็นวงกลมหรือสว่ นของวงกลม เรยี กว่า วัตถนุ ้ันมกี ารเคล่อื นทแี่ บบวงกลม ซึ่งมี แรงลพั ธ์ ท่ีกระทำกบั วตั ถุในทิศเขา้ สูศ่ นู ยก์ ลาง เรียกวา่ แรงสศู่ นู ย์กลาง ทำให้เกดิ ความเรง่ ส่ศู ูนย์กลางทมี่ ีขนาดสัมพนั ธ์กบั รัศมีของการเคลือ่ นท่ีและอัตราเร็วเชิงเส้นของวตั ถุ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 2) ทักษะการสังเกต 3) ทักษะการส่ือสาร 4) ทักษะการทำงานรว่ มกัน 5) ทกั ษะการนำความรไู้ ปใช้ 6) ทักษะการคิดอย่างมวี ิจารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ลักษณะของการเคล่ือนทแี่ บบวงกลม 2) ปริมาณที่เกี่ยวข้องกบั การเคล่อื นท่แี บบวงกลม 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธิบายลักษณะของการเคล่อื นที่แบบวงกลม
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอ่ื นท่แี นวโคง้ หนา้ 128 2) อธิบายปริมาณท่ีเก่ยี วข้องกบั การเคลอ่ื นท่แี บบวงกลม 3) ยกตัวอยา่ งการเคลื่อนทแ่ี บบวงกลมไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) มีวินยั 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มงุ่ ม่นั ในการทำงาน 5. ชน้ิ งานหรือภาระงานที่แสดงผลการเรียนรู้ 1. การนำเสนอและอภปิ รายความรู้ท่ไี ดค้ ้นคว้ามา 2. แบบฝึกหดั 3. การสรปุ สาระสำคญั ลงในสมดุ 6. การประเมิน เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วิธกี าร แบบฝกึ หดั เพ่ิมเติม ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขนึ้ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหดั เพม่ิ เตมิ ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขน้ึ ไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพื่อบันทกึ แบบฝึกทักษะ ขอ้ คำถามอัตนัย ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ข้นึ ไป สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น ด้าน เพ่อื วัดความสามารถในการส่ือสาร ความคดิ และการสื่อสาร ได้แก่ การอธบิ าย การเขียน 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บันทกึ แบบสังเกตพฤติกรรม มีวนิ ัย ใฝ่ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ มี เรียนรู้ และมงุ่ มน่ั ในการทำงาน วนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มนั่ ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. สำรวจรายช่ือนกั เรียน ประเมินดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ได่แก่ การมวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ครแู จ้งจุดประสงค์การเรียนรแู้ ละการวดั ผลประเมินผลด้าน KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑ์การวัดผลและการให้คะแนนในส่วนตา่ งๆ ร่วมกัน และตกลงเกีย่ วกับ หลักการ ข้อปฏบิ ัตแิ ละกฎระเบียบในการเรียนการ สอนในห้องเรียน กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. นักเรียนและครูร่วมกันทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับ เรื่อง ลักษณะการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ เช่ือมโยงเน้ือหาโดยนกั เรียนร่วมกนั สนทนา เกี่ยวกบั การเคลอ่ื นท่ีในลักษณะการเคลื่อนท่ีแบบวงกลม ลองยกตัวอยา่ ง (ทิ้งชว่ งใหน้ ักเรียนคิด) เพอ่ื เปน็ ความร้พู ื้นฐานนำไปสกู่ ารศกึ ษา เร่ือง การเคลอ่ื นทแ่ี บบ วงกลม
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นทแี่ นวโค้ง หน้า 129 2. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยพูดคุยสนทนาประสบการณ์เกี่ยวกับการเคลื่อนที่หลายอย่าง รอบตัวเรา เช่น รถยนต์หรือรถจักรยานยนตก์ ำลังเล้ียวโค้ง การเคลื่อนที่ของรถไฟเหาะตีลังกาในสวน สนกุ การเคล่ือนที่ของชิงชา้ สวรรค์ นักเรียนคดิ ว่าการเคลอื่ นทล่ี ักษณะน้วี า่ เป็นการเคลื่อนท่ีแบบใด 2. ครูถามคำถามกระตุ้นนักเรียนจากคำถาม ว่า การหมุนของเข็มนาฬิกาเป็นการเคลื่อนที่แบบใด (เปิด โอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นโดยไม่เน้นถูกผิด) 3. นกั เรียนชว่ ยกันอภิปรายและแสดงความคดิ เหน็ คำตอบจากคำถาม เพอ่ื เชื่อมโยงไปสู่การจัดการเรียนรู้ เรอื่ งการเคล่ือนทแี่ บบวงกลม 4. ครูกล่าวกับนักเรียนว่า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และดาวเทียม เคลื่อนที่ในแนววงกลมหรือส่วนของ วงกลมได้อยา่ งไร หรอื ทำไมการเคล่อื นที่จงึ เป็นแบบนน้ั นกั เรียนจะได้ทำการศึกษาต่อไป ขน้ั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครใู ห้นักเรยี นจับคู่กัน เพื่อช่วยกันตอบคำถามจากที่ครถู าม 2. ครูถามคำถามกับนักเรียนว่า ลักษณะการเคลือ่ นท่ีของรถไฟเหาะตีลังกาในสวนสนุก การเคลื่อนทีข่ อง ชิงช้าสวรรค์เป็นอย่างไร โดยครูให้นกั เรียนดภู าพลักษณะการเคล่ือนที่ ในเอกสารประกอบบทเรียน 3. ครถู ามนกั เรยี นตอ่ วา่ วัตถุสามารถเคลื่อนท่ีเป็นวงกลมไดอ้ ยา่ งไร 4. ครูยกตวั อยา่ งว่า ถ้าเราใช้เชือกผกู วตั ถกุ อ้ นหนึ่งไว้ แล้วจับปลายอีกด้านหนึ่งของเชือกเหว่ียงใหว้ ัตถทุ ี่ ผกู ไว้เคลือ่ นท่ตี ามแนวโค้งจนอยู่ในลกั ษณะวงกลม ครูถามนักเรยี นว่าเกดิ แรงอะไรบา้ ง และมีทศิ ทางใด 5. ครถู ามนกั เรียนตอ่ วา่ การเคลื่อนทีแ่ บบวงกลมจะมแี รงกระทำต่อวัตถุในทิศพุง่ เข้าหาศูนย์กลางของการ เคล่ือนท่ี เรยี กแรงนีว้ ่าแรงอะไร ขั้นสอน อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับแรงสู่ศูนย์กลาง คือ ความเร่งที่เกิดจากทิศทางของความเร็วตามแนว เส้นรอบวงที่เปล่ียนแปลง โดยแรงสู่ศูนย์กลางมีทิศตั้งฉากกับความเร็วของวัตถุตลอดเวลา 2. ครูอธิบายต่อว่า การเคลื่อนที่แบบวงกลมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การเคลื่อนที่แบบวงกลมอยา่ ง สมำ่ เสมอ และการเคลื่อนที่แบบวงกลมอย่างไมส่ มำ่ เสมอ 3. ครูเปดิ โอกาสให้นกั เรียนได้สอบถามในสว่ นที่มีขอ้ สงสยั เก่ยี วกบั การเคลอื่ นท่ีแบบวงกลมในเบ้ืองต้น ขน้ั สรปุ ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูนำนักเรียนอภิปรายและสรุปเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม ว่าเป็นการเคลื่อนที่มีการเปลี่ยน ทิศทางตลอดเวลา ขณะวัตถุเคลื่อนที่ในแนววงกลม ต้องมีแรงกระทำกับวัตถุในทิศพุ่งเข้าหาจุด ศูนย์กลาง ซึ่งเรียกแรงลัพธ์นี้ว่า แรงสู่ศูนย์กลาง (⃑F⃑c) โดยแรงสู่ศูนย์กลางมที ิศตัง้ ฉากกับความเร็วของ วตั ถุตลอดเวลา 2. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นสอบถามเนือ้ หาเรื่อง การเคล่อื นที่แบบวงกลม ว่ามสี ว่ นไหนท่ียังไม่เข้าใจและ ให้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น เพื่อเป็นความรู้นำไปสู่การศึกษาเกี่ยวกับเงื่อนไงของการเคลื่อนที่แบบ วงกลมในลักษณะตา่ ง ๆ 3. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันเฉลยคำถามจากแบบฝกึ หัด เร่อื ง การเคล่อื นทแ่ี บบวงกลม
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลื่อนที่แนวโค้ง หนา้ 130 8. ส่อื การเรยี นร/ู้ แหลง่ เรียนรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น เรื่อง การเคล่อื นที่แนวโคง้ 2. สอื่ Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet วิชาฟสิ ิกส์ - บทเรยี น การเคลื่อนที่แบบวงกลม https://www.youtube.com/watch?v=Pyj76ESdILw&list=PLeJGvKa_RJ_Yrz dKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=56 การเหวี่ยงแป้นไม้ท่มี ถี ้วยพลาสตกิ บรรจนุ ำ้ วางอยู่ วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=Ity1- VGAO6Q&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=347 การเคล่อื นทแ่ี บบวงกลมในแนวระดบั วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ กิ ส์) https://www.youtube.com/watch?v=BjLD0sjBnWk&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=321 ลกู กลมโลหะเคล่ือนที่ไปตามรางโค้งวงกลม วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=JroPglDU7zc&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=201
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคล่อื นทแ่ี นวโค้ง หนา้ 131 9. สรุปผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาลักษณะของการเคลื่อนที่แบบวงกลม ปริมาณท่ี เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบ บทเรียน เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือเรียนซ้ำในระบบโรงเรียนเสมือนจริง ซึ่ง นักเรยี นดำเนนิ การซ่อมเสรมิ แล้ว ผา่ นเกณฑ์ท้ังหมด) . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถ อธิบายลักษณะของการเคลื่อนที่แบบวงกลม และปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนท่ี แบบวงกลม ยกตัวอย่างการเคลื่อนที่แบบวงกลมไปใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมีนักเรียน โดยมีนักเรียน รอ้ ยละ 100 ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ข้ึน(รอ้ ยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรูเ้ รือ่ ง การเคลื่อนท่ีแนวโค้ง จากระบบโรงเรยี นเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนกั เรยี นท่ไี ม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนนิ การซ่อมเสริมหรือ เรียนซำ้ ในระบบโรงเรยี นเสมอื นจรงิ ซงึ่ นกั เรียนดำเนินการซ่อมเสรมิ แลว้ ผ่านเกณฑ์ท้งั หมด) . 9.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มงุ่ มน่ั ในการทำงาน และการศกึ ษาบทเรยี นเพมิ่ เติมผ่าน ระบบโรงเรยี นเสมือนจริง (Virtual School Online) และมีผลสำเร็จของการเรยี นรู้ผ่านตามเกณฑ์ คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ของนักเรียนท้งั หมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรปู แบบการจดั การเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วมสังเกตุการทดลองแล้ว บันทกึ ผลการทดลองรว่ มกนั ส่วนนักเรยี นทไ่ี มส่ ะดวกเดินทางมาเรียนที่โรงเรยี น จะเลอื กใช้วธิ กี ารซึกษา บทเรยี นเพ่ิมเตมิ ผา่ น ระบบโรงเรยี นเสมอื นจรงิ (Virtual School Online). . ลงชอ่ื วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์.) วันท่ี 19 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 . ลงช่อื .......................................................ผนู้ เิ ทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผอื กนาค) วันท่ี 19 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 .
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นทแ่ี นวโค้ง หนา้ 132 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 17 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 การเคล่ือนทแี่ นวโคง้ เร่ือง การเคลอื่ นทแ่ี บบวงกลม 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว31206 ช่ือรายวิชา ฟสิ ิกสเ์ พ่มิ เติม 2 ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4 เวลาเรียน 2 ช่วั โมง ผู้สอน นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เขา้ ใจธรรมชาติทางฟสิ กิ สป์ ริมาณและกระบวนการวัด การเคล่ือนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลื่อนทขี่ องนวิ ตัน กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษ์พลังงานกล การเคลื่อนที่แนวโค้งและกฎการอนุรักษ์ การเคลื่อนที่แนวโค้ง การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 8. ทดลองและอธบิ ายความสมั พันธร์ ะหว่าง แรงสู่ศนู ยก์ ลาง รัศมีของการเคล่ือนที่ อตั ราเร็วเชิงเส้นอตั ราเร็ว เชงิ มุม และมวลของวัตถุในการเคลือ่ นทแี่ บบวงกลมในระนาบ ระดับรวมทั้งคำนวณปรมิ าณตา่ งๆท่ีเก่ยี วขอ้ งและ ประยุกต์ใช้ความรกู้ ารเคลอ่ื นที่แบบวงกลมในการอธบิ ายการโคจรของดาวเทียม 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด อตั ราเรว็ เชิงมมุ (angular speed) เป็นมมุ ท่ีจดุ ศนู ยก์ ลางที่รองรบั ความยาวสว่ นโค้งของวงกลมที่ เคลอื่ นที่ในเวลา 1 วนิ าที อัตราเรว็ เชงิ มมุ เป็นปรมิ าณสเกลาร์ หน่วย เรเดยี นต่อวนิ าที หาค่าไดจ้ าก ω = ∆������ ∆������ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ 2) ทักษะการสงั เกต 3) ทักษะการส่ือสาร 4) ทักษะการทำงานร่วมกนั 5) ทกั ษะการนำความร้ไู ปใช้ 6) ทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ลักษณะของการเคลอื่ นที่แบบวงกลม 2) ปรมิ าณทีเ่ ก่ยี วข้องกับการเคลอ่ื นทแ่ี บบวงกลม 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายลกั ษณะของการเคล่ือนที่แบบวงกลม
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลือ่ นท่แี นวโค้ง หน้า 133 2) คำนวณหาปริมาณทเ่ี ก่ียวข้องกบั การเคลื่อนทแี่ บบวงกลม 4.3 คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) มุง่ ม่นั ในการทำงาน 5. ชนิ้ งานหรือภาระงานทีแ่ สดงผลการเรยี นรู้ 1. การนำเสนอและอภปิ รายความรู้ท่ีไดค้ น้ คว้ามา 2. แบบฝกึ หัด 3. การสรปุ สาระสำคญั ลงในสมดุ 6. การประเมิน เครอื่ งมือ เกณฑ์ วธิ ีการ แบบฝกึ หัดเพ่มิ เตมิ ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ข้ึนไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหดั เพมิ่ เติม ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขน้ึ ไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพือ่ บนั ทึก แบบฝึกทักษะ ข้อคำถามอตั นยั ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ข้ึนไป สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ดา้ น เพือ่ วดั ความสามารถในการสือ่ สาร ความคิด และการส่อื สาร ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขยี น 3. สังเกต สมั ภาษณ์ บนั ทึก แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มีวนิ ัย ใฝ่ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ มี เรียนรู้ และมงุ่ มน่ั ในการทำงาน วนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มั่นใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. สำรวจรายช่อื นกั เรียน ประเมินด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรแู้ ละการวดั ผลประเมนิ ผลดา้ น KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑก์ ารวัดผลและการใหค้ ะแนนในส่วนตา่ งๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกับ หลกั การ ขอ้ ปฏบิ ัตแิ ละกฎระเบยี บในการเรยี นการ สอนในหอ้ งเรียน ขน้ั นำ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครทู บทวนความรูเ้ กยี่ วกบั ลักษณะของการเคลือ่ นทแ่ี บบวงกลม 2. ครตู ง้ั คำถามเพ่อื กระต้นุ กับนักเรยี นวา่ • การเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลมอย่างสมำ่ เสมอ มลี ักษณะการเคลอ่ื นท่อี ยา่ งไร • การเคล่ือนทีแ่ บบวงกลมอย่างสม่ำเสมอสามารถอธิบายไดโ้ ดยอาศยั กฎของนิวตนั ไดอ้ ยา่ งไร 3. แจ้งให้นกั เรียนทราบวา่ จะได้ศึกษาเกย่ี วกบั การเคลอื่ นทีแ่ บบวงกลมอย่างสมำ่ เสมอ
หน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนท่ีแนวโค้ง หนา้ 134 ข้นั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนสืบค้นข้อมูลเพื่อหาคำตอบจากรายละเอียดในเอกสารประกอบบทเรียน เพ่ือ สรปุ เปน็ ความเขา้ ใจของตนเอง 2. ครูชี้ในนักเรียนเห็นวา่ การเคลื่อนท่ีแบบวงกลมสมำ่ เสมอ คือ การเคลื่อนท่ีทีม่ ีขนาดของความเร็วเท่า เดิม สมำ่ เสมอแต่ทิศทางเปลี่ยนไปทีละนอ้ ย และเป็นการเคล่อื นทแี่ บบวงกลมที่มอี ัตราเรว็ คงตัว แสดง แผนภาพวัตถุเคลอ่ื นทจี่ ากตำแหน่ง A ไป B ในแนวรัศมวี งกลมอตั ราเรว็ คงตัว 3. ครูให้นักเรียนพิจารณาการเคลื่อนที่ของวัตถุจากตำแหน่ง A ไปยังตำแหน่ง B ในช่วงเวลา ∆t ตาม รายละเอยี ดในเอกสารประกอบบทเรยี น เพื่อหาความสมั พนั ธ์ของความเร่งส่ศู นู ยก์ ลาง 3. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายและสรุปเกีย่ วกบั การเคล่ือนท่ีแบบวงกลมอย่างสม่ำเสมอ ขั้นสอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายว่าการเคลื่อนที่แบบวงกลมแบบสม่ำเสมอ สามารถอธิบายได้โดยอาศัยกฎของนิวตัน ดังนี้ • จากกฎข้อที่หนึ่ง อธิบายได้ว่า มวลยังคงหมุนไม่เปลี่ยนแปลงจนกว่าจะมีแรงมากระทำ ดังนั้น มวลก็ยังคงสภาพหมนุ ตอ่ ไป • จากกฎข้อที่สอง อธิบายได้ว่า แรงและความเร่งจำเป็นต้องรักษาตำแหน่งในการเคลื่อนที่ เม่ือ มวลเคลื่อนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอ (ความเร็วคงตัว) ความเร่งมีทิศเข้าสู่ศูนย์กลาง เรียกว่า ความเร่งสู่ศูนย์กลาง ดังนั้นต้องมีแรงกระทำสู่ศูนย์กลางเพื่อทำให้มวลเคลื่อนที่เป็นวงกลมใน กรณีนี้แรงสู่ศูนย์กลาง คือ แรงตึงเชือก และจากนิยามของความเร่ง ∆v นักเรียนจะได้ ∆t v2 ความสัมพนั ธ์ของสมการคือ ac = r ซงึ่ r คือ รศั มกี ารเคลื่อนที่ในแนววงกลม • แรงเขา้ สู่ศูนย์กลาง (Fc) คือ แรงท่กี ระทำต่อวัตถุในการเคลือ่ นทแี่ บบวงกลมมทิ ิศเดยี วกับทิศของ ความเรง่ • จากกฎข้อที่สอง ถ้ามีแรงลัพธท์ ี่มากระทำต่อวตั ถุกับความเร่งของวัตถุจะมีทิศทางเดียวกัน คือ ทิศพงุ เข้าหาจุดศนู ยก์ ลาง สามารถเขยี นเป็นสมการไดว้ า่ Fc = mac = mv2 r 4. ครูเปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนสอบถามเนือ้ หาเรอื่ ง การเคลือ่ นทแ่ี บบวงกลมแบบสม่ำเสมอ ว่ามสี ่วนไหนที่ยงั ไม่เข้าใจและให้ความรู้เพิ่มเติมนส่วนนั้น เพื่อเป็นความรู้นำไปสู่การศึกษาเก่ียวกับการเคลื่อนที่แบบ วงกลมแบบไม่สมำ่ เสมอ ข้นั สรุป ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่าง เกี่ยวกับการคำนวณหาความเร่งสู่ศูนย์กลาง พร้อมทั้งให้นักเรียนฝึกแก้ โจทย์ปญั หาในเอกสารประกอบบทเรยี น ตามขนั้ ตอนการแกโ้ จทย์ปญั หา ดงั น้ี • ขนั้ ท่ี 1 ครใู หน้ กั เรียนทุกคนทำความเขา้ ใจโจทย์ตวั อยา่ ง • ข้นั ที่ 2 ครถู ามนักเรียนว่า สงิ่ ท่โี จทยต์ ้องการถามหาคืออะไร และจะหาสง่ิ ที่โจทย์ต้องการ ต้อง ทำอย่างไร • ขั้นที่ 3 ครูให้นกั เรียนดูวิธที ำในการคำนวณหาคำตอบ • ข้นั ท่ี 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทย์ตวั อยา่ งว่าถูกตอ้ ง หรือไม่
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลื่อนทแี่ นวโคง้ หนา้ 135 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนื้อหาเรื่อง การเคลื่อนที่แบบวงกลมแบบสม่ำเสมอ ความเร่ งสู่ ศูนยก์ ลาง และแรงเข้าสู่ศนู ย์กลาง ว่ามีสว่ นไหนที่ยงั ไม่เขา้ ใจและให้ความรู้เพิ่มเติมในสว่ นนัน้ 3. ครใู ห้นกั เรียนตอบคำถามจากแบบฝึกหัด เรื่อง การเคลือ่ นทแี่ บบวงกลม 4. ครยู กตัวอยา่ งแรงสู่ศนู ย์กลางในชวี ิตประจำวนั เชน่ การขจี่ กั รยาน เมอ่ื เลี้ยวจกั รยานไปทางซา้ ย เราจะ รสู้ กึ วา่ มีแรง F ดึงเราไปทางขวา เรยี กวา่ แรงเฉือ่ ย เราจงึ ตอ้ งเอียงรถไปทางซ้ายเพือ่ สร้างสมดุลกันแรง เฉอ่ื ยทเี่ กิดข้นึ ทำใหแ้ รง F กับน้ำหนัก W เกิดเปน็ แรงลัพธ์ R ผา่ นลอ้ รถไปสมั ผสั กับพืน้ ในเวลาน้ันเรา จะรสู้ ึกเหมือนนง่ั ตวั ตรงเปน็ แนวดง่ิ กดลงบนอานรถ โดยไม่ร้สู ึกวา่ ตัวเอยี ง และจกั รยานรกั ษาความเอยี ง เปน็ มมุ θ เลย้ี วไปตามทางโค้งได้อยา่ งตอ่ เนอื่ ง 8. ส่ือการเรยี นร/ู้ แหล่งเรียนรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น เรื่อง การเคล่ือนที่แนวโคง้ 2. สือ่ Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet วิชาฟิสกิ ส์ - บทเรยี น การเคลื่อนทแี่ บบวงกลม https://www.youtube.com/watch?v=Pyj76ESdILw&list=PLeJGvKa_RJ_Yrz dKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=56 การเหวี่ยงแป้นไมท้ ่ีมถี ้วยพลาสตกิ บรรจนุ ้ำวางอยู่ วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=Ity1- VGAO6Q&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=347 การเคล่อื นทแ่ี บบวงกลมในแนวระดับ วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสกิ ส์) https://www.youtube.com/watch?v=BjLD0sjBnWk&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=321 ลูกกลมโลหะเคลื่อนทีไ่ ปตามรางโคง้ วงกลม วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=JroPglDU7zc&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=201
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลื่อนที่แนวโคง้ หน้า 136 9. สรปุ ผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาลักษณะของการเคลื่อนที่แบบวงกลม ปริมาณที่ เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบ บทเรียน เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือเรียนซ้ำในระบบโรงเรียนเสมือนจริง ซ่ึง นักเรียนดำเนินการซ่อมเสรมิ แลว้ ผา่ นเกณฑ์ทงั้ หมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถ อธิบายลักษณะของการเคล่ือนที่แบบวงกลม และปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ แบบวงกลม ยกตวั อย่างการเคลือ่ นท่ีแบบวงกลมไปใชใ้ นชีวติ ประจำวัน โดยมีนกั เรียน รอ้ ยละ 100 ผ่าน เกณฑ์ในระดับดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบ โรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนกั เรียนทีไ่ มผ่ า่ นเกณฑ์ ดำเนินการซอ่ มเสริมหรอื เรียนซ้ำใน ระบบโรงเรียนเสมอื นจริง ซงึ่ นักเรยี นดำเนินการซอ่ มเสรมิ แล้ว ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด) . 9.3 ดา้ นคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ ม่งุ มัน่ ในการทำงาน และการศึกษาบทเรยี นเพ่ิมเตมิ ผ่าน ระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) และมผี ลสำเรจ็ ของการเรยี นรู้ผ่านตามเกณฑ์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ของนักเรียนทง้ั หมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรสั โควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรปู แบบการจดั การเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วมสังเกตุการทดลองแล้ว บนั ทกึ ผลการทดลองร่วมกัน สว่ นนักเรียนท่ไี มส่ ะดวกเดนิ ทางมาเรียนท่ีโรงเรยี น จะเลอื กใช้วิธีการซึกษา บทเรียนเพิม่ เติมผ่าน ระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online). . ลงช่อื วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วนั ที่ 22 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 . ลงช่ือ.......................................................ผู้นิเทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผือกนาค) วันที่ 22 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 .
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลือ่ นท่แี นวโค้ง หนา้ 137 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 18 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 การเคล่อื นทแี่ นวโค้ง เร่ือง การเคลือ่ นท่ีแบบวงกลม 3 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว31206 ชื่อรายวิชา ฟสิ กิ ส์เพม่ิ เตมิ 2 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลาเรียน 2 ช่วั โมง ผสู้ อน นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เข้าใจธรรมชาตทิ างฟสิ ิกสป์ รมิ าณและกระบวนการวดั การเคลอ่ื นท่ีแนวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นทขี่ องนิวตนั กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรกั ษ์พลงั งานกล การเคลื่อนที่แนวโค้งและกฎการอนุรักษ์ การเคลื่อนที่แนวโค้ง การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 8. ทดลองและอธบิ ายความสมั พันธร์ ะหว่าง แรงส่ศู นู ย์กลาง รศั มีของการเคลือ่ นที่ อตั ราเร็วเชิงเสน้ อัตราเรว็ เชิงมมุ และมวลของวตั ถุในการเคลอื่ นทแี่ บบวงกลมในระนาบ ระดับรวมท้ังคำนวณปรมิ าณตา่ งๆท่เี กีย่ วขอ้ งและ ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้การเคล่ือนที่แบบวงกลมในการอธบิ ายการโคจรของดาวเทยี ม 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด วตั ถทุ ีเ่ คล่อื นที่เป็นวงกลมหรือสว่ นของวงกลม เรยี กวา่ วัตถนุ ้นั มกี ารเคลอ่ื นทแ่ี บบวงกลม ซงึ่ มี แรงลพั ธ์ ที่กระทำกบั วตั ถุในทิศเขา้ สู่ศนู ย์กลาง เรยี กวา่ แรงสู่ศนู ยก์ ลาง ทำใหเ้ กดิ ความเรง่ สู่ศูนย์กลางทีม่ ีขนาดสมั พนั ธก์ ับ รัศมีของการเคลอ่ื นที่และอตั ราเร็วเชงิ เสน้ ของวัตถุ ซ่ึงแรงส่ศู นู ยก์ ลางคำนวณไดจ้ ากสมการ ������������ = ������������2 ������ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ 2) ทกั ษะการสังเกต 3) ทักษะการสื่อสาร 4) ทักษะการทำงานร่วมกนั 5) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ 6) ทกั ษะการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) การเคลอ่ื นที่แบบวงกลม
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลื่อนทแ่ี นวโค้ง หน้า 138 2) การทดลอง ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงสศู่ นู ยก์ ลาง รศั มีวงกลม อตั ราเร็วของการเคลือ่ นทเ่ี ปน็ วงกลม 3) ปรมิ าณท่ีเกย่ี วข้องกับการเคลื่อนทแ่ี บบวงกลม 4) ยกตวั อย่างการเคล่ือนทีแ่ บบวงกลมไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายการเคล่ือนที่แบบวงกลม 2) ทำการทดลอง และสรปุ ความสัมพันธ์ระหว่างแรงสูศ่ ูนยก์ ลาง รัศมวี งกลม อัตราเรว็ ของการ เคลอ่ื นทเ่ี ปน็ วงกลม 3) มีทักษะการคำนวณหาปรมิ าณท่ีเกี่ยวข้องกบั การเคลอ่ื นท่แี บบวงกลม 4) ยกตวั อย่างการเคล่ือนทแ่ี บบวงกลมไปใชใ้ นชีวิตประจำวัน 4.3 คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1) มวี ินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมัน่ ในการทำงาน 5. ชิ้นงานหรือภาระงานทแี่ สดงผลการเรียนรู้ 1. การนำเสนอและอภิปรายความร้ทู ไ่ี ด้คน้ ควา้ มา 2. แบบฝกึ หัด 3. การสรปุ สาระสำคญั ลงในสมดุ 6. การประเมนิ เครอ่ื งมือ เกณฑ์ วธิ ีการ แบบฝึกหัดเพ่มิ เติม ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึน้ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หดั เพ่ิมเตมิ ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขน้ึ ไป 2. ตรวจแบบฝึก เพ่ือบันทกึ แบบฝึกทกั ษะ ข้อคำถามอตั นยั ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขนึ้ ไป สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ด้าน เพอื่ วดั ความสามารถในการสื่อสาร ความคิด และการสื่อสาร ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขยี น 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บนั ทกึ แบบสงั เกตพฤติกรรม มีวนิ ัย ใฝ่ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ มี เรียนรู้ และมุ่งมัน่ ในการทำงาน วินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมัน่ ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบวงกลมแบบสม่ำเสมอ ความเร่งสู่ศูนย์กลาง และแรงเข้าสู่ ศูนย์กลาง เพื่อนำไปสู่การเรียนเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วเชิงเส้น (v) และอัตราเร็วเชิงมุม (ω)
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นท่แี นวโค้ง หนา้ 139 2. ครูเน้นให้นักเรียนทราบว่า การเคลื่อนที่แบบวงกลมแบบสม่ำเสมอ คือ การเคลื่อนที่แบบวงกลมที่มี อัตราเร็วคงตัว นั่นคือการเคลื่อนที่ที่มีขนาดของความเร็วเท่าเดิมสม่ำเสมอ แต่ทิศทางเปลี่ยนไปทีละ นอ้ ย 3. ครถู ามคำถามกระตุ้นกบั นักเรียน ดังน้ี • อตั ราเรว็ เชงิ เส้น (v) และอตั ราเรว็ เชงิ มุม (ω) มีความหมายแตกตา่ งกนั อยา่ งไร • คาบ (T) และความถ่ี (f) เกีย่ วข้องกบั การเคล่ือนท่ีแบบวงกลมอย่างไร 4. แจ้งให้นักเรียนทราบว่า จะได้ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วเชิงเส้น (v) และอัตราเร็ว เชิงมมุ (ω) ของการเคลอื่ นทีแ่ บบวงกลม ขนั้ สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับความแตกต่างของอัตราเร็วเชิงเส้น (v) และอัตราเร็วเชิงมุม (ω) ตาม รายละเอยี ดจากเอกสารประกอบบทเรียน 2. นักเรียนร่วมกันสืบค้นข้อมูล จากเอกสารประกอบบทเรียน หรือจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเตอรเ์ น็ต อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. สุ่มนักเรยี นให้ออกมาอภิปรายรว่ มกับครูเกี่ยวกบั ความแตกต่างของอัตราเร็วเชิงเสน้ (v) และอัตราเรว็ เชิงมุม (ω) โดยพิจารณาวัตถุที่เคลื่อนที่แบบวงกลมในระนาบด้วยอัตราเร็วคงตัว และมีรัศมีการ เคลือ่ นทใี่ นแนววงกลมเท่ากบั r ดงั ภาพจากเอกสารประกอบบทเรียน 2. ครนู ำนกั เรยี นอภปิ ราย ดงั น้ี • เมื่อวัตถุมีการเคลื่อนที่ครบ 1 รอบ และช่วงเวลาที่ใช้ในการเคลื่อนที่ใน 1 รอบ คือ T ดังนนั้ เมอ่ื นำระยะทางเชิงเส้นทีว่ ตั ถุเคล่ือนท่ีได้ใน 1 รอบไปเทยี บกบั เวลาที่ใช้ในการเคลื่อนที่จะเกิด ปริมาณที่เรียกว่า อัตราเร็วเชิงเส้น (v) เป็นระยะทางตามแนวเส้นรอบวงของวงกลมที่วัตถุ เคล่อื นทีไ่ ด้ในหน่ึงหนว่ ยเวลา สามารถเขยี นในรูปสมการ คือ ������ = 2������rf • เมื่อเราพิจารณาที่ระยะเชิงมุมที่เปลี่ยนไปต่อเวลาจะเกิดปริมาณที่เรียกว่า อัตราเร็วเชิงมุม (ω) เป็นมมุ ที่จดุ ศูนย์กลางของวงกลมทีร่ ัศมีกวาดไปได้ในหนึ่งหนว่ ยเวลา สามารถเขียนในรูป สมการ คือ ω = θ = 2π = 2πr = v TT r 3. ครูอธิบายว่า การบอกมุมนอกจากจะมีหน่วยเป็นองศาแล้ว ยังอาจใช้หน่วยเรเดียน (radian) ซ่ึง นกั เรยี นจะได้ศกึ ษาความรเู้ พิม่ เตมิ เร่อื ง เรเดยี น 4. ครยู กตวั อยา่ ง จากเอกสารประกอบบทเรียน เพ่อื เสรมิ ความเข้าใจในการใช้สมการที่ใช้สำหรับคำนวณ ท่เี รยี นมา 5. ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนสอบถามเนือ้ หาเรอ่ื ง อตั ราเรว็ เชิงเส้น (v) และอัตราเรว็ เชิงมมุ (ω) ว่ามีส่วน ไหนท่ยี งั ไมเ่ ข้าใจและใหค้ วามรูเ้ พม่ิ เติมในส่วนนัน้ 6. ครใู ห้นกั เรียนตอบคำถามท้ายบทเรยี น เรอื่ ง การเคลอื่ นท่ีแบบวงกลม ขั้นสรุป ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูนำอภิปรายและสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วเชิงเส้น (v) และอัตราเร็วเชิงมุม (ω) ของการเคลื่อนท่ีแบบวงกลมทมี่ ีอัตราเรว็ คงตัว
หน่วยการเรยี นรู้ การเคล่ือนท่แี นวโคง้ หน้า 140 2. จากนน้ั ครใู ห้นักเรยี นศึกษาตวั อย่างการคำนวณจากโจทยป์ ญั หา พรอ้ มทง้ั ให้นักเรียนฝึกแกโ้ จทย์ปัญหา ในเอกสารประกอบบทเรียน ตามขัน้ ตอนการแกโ้ จทย์ปญั หา ดังนี้ • ข้ันที่ 1 ครใู ห้นักเรียนทุกคนทำความเขา้ ใจโจทย์ตัวอยา่ ง • ขัน้ ท่ี 2 ครถู ามนกั เรียนว่า ส่งิ ทโี่ จทยต์ ้องการถามหาคืออะไร และจะหาสิ่งทีโ่ จทย์ต้องการ ต้อง ทำอย่างไร • ขั้นที่ 3 ครูให้นกั เรยี นดูวิธีทำในการคำนวณหาคำตอบ • ขัน้ ที่ 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทยต์ ัวอย่างว่าถกู ต้อง หรอื ไม่ 3. ครูสมุ่ นกั เรียน 1 คนมาอธิบายวธิ กี ารคำนวณหน้าช้นั เรียน 4. ครูให้นกั เรียนตอบคำถามจากแบบฝกึ หัด 8. สื่อการเรยี นรู้/แหลง่ เรียนรู้ 8.1 สอื่ การเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น เรอื่ ง การเคล่อื นท่แี นวโคง้ 2. สอ่ื Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet วชิ าฟิสกิ ส์ - บทเรยี น การเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลม https://www.youtube.com/watch?v=Pyj76ESdILw&list=PLeJGvKa_RJ_Yrz dKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=56 การเหว่ยี งแปน้ ไมท้ ่ีมีถว้ ยพลาสตกิ บรรจุนำ้ วางอยู่ วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=Ity1- VGAO6Q&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=347 การเคลอ่ื นทแ่ี บบวงกลมในแนวระดับ วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=BjLD0sjBnWk&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=321 ลูกกลมโลหะเคลื่อนทไ่ี ปตามรางโคง้ วงกลม วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=JroPglDU7zc&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=201
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลื่อนท่แี นวโคง้ หน้า 141 9. สรปุ ผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาลักษณะของการเคลื่อนที่แบบวงกลม ปริมาณที่ เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบ บทเรียน เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือเรียนซ้ำในระบบโรงเรียนเสมือนจริง ซึ่ง นักเรียนดำเนินการซ่อมเสรมิ แลว้ ผา่ นเกณฑท์ งั้ หมด) . 9.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถ อธิบายลักษณะของการเคล่ือนที่แบบวงกลม และปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ แบบวงกลม ยกตวั อย่างการเคล่อื นท่ีแบบวงกลมไปใชใ้ นชีวติ ประจำวัน โดยมีนกั เรียน รอ้ ยละ 100 ผ่าน เกณฑ์ในระดับดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบ โรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนกั เรียนทีไ่ มผ่ า่ นเกณฑ์ ดำเนินการซอ่ มเสริมหรือเรียนซ้ำใน ระบบโรงเรียนเสมอื นจริง ซงึ่ นกั เรยี นดำเนนิ การซอ่ มเสรมิ แล้ว ผา่ นเกณฑ์ทั้งหมด) . 9.3 ดา้ นคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ ม่งุ มัน่ ในการทำงาน และการศึกษาบทเรยี นเพิ่มเตมิ ผ่าน ระบบโรงเรยี นเสมือนจริง (Virtual School Online) และมผี ลสำเรจ็ ของการเรยี นรู้ผ่านตามเกณฑ์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ของนักเรียนทง้ั หมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรสั โควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรปู แบบการจดั การเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วมสังเกตุการทดลองแล้ว บนั ทกึ ผลการทดลองร่วมกัน สว่ นนักเรียนท่ไี มส่ ะดวกเดนิ ทางมาเรียนท่ีโรงเรยี น จะเลอื กใช้วิธีการซึกษา บทเรียนเพิม่ เติมผ่าน ระบบโรงเรยี นเสมือนจริง (Virtual School Online). . ลงชือ่ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วนั ที่ 22 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 . ลงชื่อ.......................................................ผู้นิเทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผือกนาค) วันที่ 22 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 .
หน่วยการเรียนรู้ การเคลอื่ นท่ีแนวโค้ง หน้า 142 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 19 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 3 การเคล่ือนที่แนวโค้ง เร่ือง การเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลม 4 กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วิชา ว31206 ช่ือรายวิชา ฟสิ ิกสเ์ พิม่ เตมิ 2 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง ผสู้ อน นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้ สาระท่ี 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกสป์ ริมาณและกระบวนการวัด การเคล่อื นที่แนวตรง แรงและกฎการ เคล่อื นที่ของนิวตัน กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวตั ถุ งาน และกฎการอนุรักษพ์ ลังงานกล การเคลื่อนที่แนวโค้งและกฎการอนุรักษ์ การเคลื่อนที่แนวโค้ง การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 8. ทดลองและอธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง แรงส่ศู ูนย์กลาง รัศมขี องการเคลื่อนที่ อตั ราเรว็ เชิงเสน้ อตั ราเรว็ เชงิ มุม และมวลของวัตถุในการเคลื่อนท่ีแบบวงกลมในระนาบ ระดบั รวมทง้ั คำนวณปรมิ าณต่างๆท่ีเกย่ี วข้องและ ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรูก้ ารเคลือ่ นท่แี บบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทียม 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การเคลอ่ื นทแี่ บบวงกลมยังสามารถอธบิ ายได้ด้วยอตั ราเรว็ เชิงมมุ ซ่งึ มคี วามสัมพันธ์กบั อัตราเร็วเชิงเส้น ตามสมการ v = ωr และแรงสศู่ ูนย์กลางมีความสัมพนั ธ์กบั อัตราเร็วเชงิ มุมตามสมการ Fc = mω2r ดาวเทยี มท่ีโคจรในแนววงกลมรอบโลกมแี รงดงึ ดูดท่โี ลกกระทำต่อดาวเทยี มเป็นแรงสูศ่ นู ย์กลาง ดาวเทยี มที่มีวง โคจรค้างฟา้ ในระนาบของเส้นศนู ยส์ ูตรมีคาบการโคจรเท่ากับคาบการหมุนรอบตวั เองของโลก หรอื มอี ตั ราเรว็ เชิงมมุ เทา่ กับอตั ราเรว็ เชงิ มุมของตำแหน่ง 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 2) ทกั ษะการสงั เกต 3) ทักษะการสื่อสาร 4) ทกั ษะการทำงานร่วมกัน 5) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ 6) ทักษะการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลื่อนทแ่ี นวโค้ง หน้า 143 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) การเคลือ่ นท่ีแบบวงกลม 2) การทดลอง ความสมั พันธร์ ะหว่างแรงสู่ศูนยก์ ลาง รศั มวี งกลม อตั ราเรว็ ของการเคลอ่ื นที่ เปน็ วงกลม 3) ปรมิ าณท่ีเกย่ี วข้องกบั การเคลื่อนทีแ่ บบวงกลม 4) ยกตวั อย่างการเคล่ือนที่แบบวงกลมไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธิบายลกั ษณะของการเคลอื่ นที่แบบวงกลม 2) ทำการทดลอง และสรปุ ความสมั พันธ์ระหวา่ งแรงสศู่ ูนยก์ ลาง รศั มวี งกลม อตั ราเร็วของการ เคล่ือนทีเ่ ปน็ วงกลม 3) คำนวณหาปรมิ าณทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั การเคลื่อนท่ีแบบวงกลม 4) ยกตวั อย่างการเคลื่อนท่ีแบบวงกลมไปใช้ในชีวิตประจำวัน 4.3 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1) มวี ินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) ม่งุ มน่ั ในการทำงาน 5. ชิ้นงานหรอื ภาระงานทแี่ สดงผลการเรียนรู้ 1. การนำเสนอและอภิปรายความร้ทู ่ไี ดค้ น้ คว้ามา 2. แบบฝกึ หัด 3. การสรปุ สาระสำคัญลงในสมดุ 6. การประเมนิ เคร่อื งมอื เกณฑ์ วธิ ีการ แบบฝกึ หดั เพม่ิ เตมิ ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขน้ึ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหัดเพ่มิ เติม ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขน้ึ ไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพอ่ื บนั ทกึ แบบฝกึ ทกั ษะ ข้อคำถามอัตนัย ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ข้ึนไป สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ด้าน เพอ่ื วดั ความสามารถในการสือ่ สาร ความคดิ และการสือ่ สาร ไดแ้ ก่ การอธิบาย การเขียน 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บนั ทกึ แบบสังเกตพฤติกรรม มีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มีวินัย และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่ันในการทำงาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. สำรวจรายชอ่ื นกั เรียน ประเมินดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ไดแ่ ก่ การมวี ินยั ใฝ่เรียนรู้ 2. ครแู จ้งจดุ ประสงค์การเรียนรูแ้ ละการวดั ผลประเมนิ ผลดา้ น KPA
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคล่ือนทแ่ี นวโค้ง หนา้ 144 3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑก์ ารวัดผลและการใหค้ ะแนนในส่วนต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกบั หลกั การ ขอ้ ปฏิบัติและกฎระเบยี บในการเรียนการ สอนในห้องเรียน ขน้ั นำ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครทู บทวนความรูเ้ ดิมเก่ยี วกับเรอื่ ง การเคลอ่ื นทแี่ บบวงกลมอย่างสมำ่ เสมอ 2. ครูนำเข้าสู่บทเรยี น โดยครถู ามคำถาม ดงั น้ี • การเคล่ือนท่แี บบวงกลมอย่างไมส่ มำ่ เสมอ มลี กั ษณะการเคล่อื นทีอ่ ย่างไร • ให้นักเรียนยกตวั อย่างการเคล่ือนที่แบบวงกลมอยา่ งไมส่ มำ่ เสมอ 3. ครูแจง้ ใหน้ ักเรยี นทราบวา่ การเคลอื่ นทแี่ บบวงกลมอย่างไม่สม่ำเสมอ ขัน้ สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นกั เรียนจบั คู่กัน และปรึกษากันว่า การเคลื่อนท่ีแบบวงกลมอย่างสม่ำเสมอกับการเคล่ือนทีแ่ บบ วงกลมอย่างไม่สม่ำเสมอ แตกตา่ งกันอยา่ งไร 2. ครใู ห้นกั เรยี นศึกษารายละเอียดของสมการจากเอกสารประกอบบทเรียน 3. นักเรียนนำข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นมาวิเคราะห์และเรียบเรียงเนื้อหาเพือ่ ใช้สำหรับการนำเสนอโดย แลกเปลย่ี นความคิดเหน็ กนั ในแต่ละคู่ จากนัน้ อธิบายซักถามกันจนเข้าใจตรงกัน 4. ครูสุม่ เรียกนกั เรียนมา 1 คู่ ออกมาวิเคราะห์และนำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบวงกลมอย่างไม่สม่ำเสมอว่า เป็นการเคลื่อนที่แบบวงกลมด้วย อัตราเร็วไม่คงตัว ซึ่งขนาดและทศิ ของความเรว็ ของวตั ถุจะไมค่ งตัว 2. ครใู หน้ กั เรยี นพิจารณาภาพการเคลอ่ื นที่ของสเกตบอร์ดบนอปุ กรณท์ ่ีมีลกั ษณะเป็นห่วงแนวตั้ง ซึ่งเม่ือ พจิ ารณา free-body diagram จะมีแรงอย่างนอ้ ย 2 แรงกระทำต่อวตั ถุตลอดเวลา คอื - แรงเน่อื งจากน้ำหนักของวัตถุ W = mg - แรงตงั้ ฉาก N ขั้นสรปุ ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างการคำนวณจากโจทย์ปัญหา พร้อมทั้งให้นักเรียนฝึกแก้โจทย์ปัญหาใน เอกสารประกอบบทเรยี น ตามขนั้ ตอนการแก้โจทย์ปญั หา ดงั น้ี • ข้ันที่ 1 ครใู หน้ กั เรยี นทกุ คนทำความเข้าใจโจทยต์ วั อยา่ ง • ข้ันท่ี 2 ครถู ามนักเรียนว่า ส่งิ ทโี่ จทย์ต้องการถามหาคืออะไร และจะหาส่ิงที่โจทย์ต้องการ ต้อง ทำอยา่ งไร • ขนั้ ที่ 3 ครใู หน้ ักเรยี นดูวิธที ำในการคำนวณหาคำตอบ • ข้ันที่ 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทยต์ ัวอยา่ งวา่ ถูกตอ้ ง หรือไม่ 2. ครูถามคำถามว่า ปจั จัยใดบ้างทีม่ ีผลทำให้อตั ราเร็วของการเคล่ือนท่แี บบวงกลมไม่สามารถรักษาสภาพ การเคลอ่ื นท่ีใหค้ งทอี่ ยู่ได้ 3. ครใู ห้นักเรยี นตอบคำถามจาก แบบฝึกหดั เรอ่ื ง การเคลื่อนทแ่ี บบวงกลม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195