หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เรือ่ ง งานและพลงั งาน หน้า 45 5. ครตู รวจแบบฝกึ หดั จาก ในสมดุ ประจำตวั 6. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล และการ ทำงานกลุม่ 7. ครูวดั และประเมนิ ผลจากชนิ้ งานการสรุปเนือ้ หา เรื่องแรงและงาน ทีน่ ักเรียนไดส้ ร้างข้ึนจากขั้นขยาย ความเขา้ ใจเป็นรายบุคคล 8. ส่อื การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 สอื่ การเรียนรู้ 1) เอกสารประกอบบทเรยี น เร่ือง งานและพลงั งาน 2) ใบงาน 3) PowerPoint เรื่อง งานและพลงั งาน 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1) หอ้ งเรียน 2) หอ้ งสมดุ 3) แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ 4) Clip VDO เกี่ยวกบั งานและพลังงาน วิชาฟสิ กิ ส์ - บทเรียน งานและกำลัง https://www.youtube.com/watch?v=nMOCxIl_nsc&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlYNmL2 d7v11yKWGk&index=7
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง งานและพลงั งาน หน้า 46 9. สรปุ ผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศกึ ษาความหมายของงานในวชิ าฟิสิกส์ ความหมายของ งานที่มีค่าเป็นบวก เป็นลบ หรือเป็นศูนย์งานแรงคงตัว จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และ เอกสารประกอบบทเรยี น เร่อื ง งานและพลังงาน โดยมนี ักเรียน รอ้ ยละ 90 ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขนึ้ ไป (รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถบอกความหมายของงานในวิชาฟิสิกส์ ความหมายของงานที่มีค่าเป็นบวก เป็นลบ หรือเป็นศูนย์งานแรงคงตัว วิเคราะห์หางานจากพื้นที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับตำแหน่ง แสดงวิธีคำนวณหางานที่เกิดขึ้นจากการใช้แรงเคลื่อนวัตถุในลักษณะต่าง ๆ จากสมการและ จากกราฟโดยมีนกั เรยี น รอ้ ยละ 90 ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ข้นึ ไป (รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . 9.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผา่ นตามเกณฑ์ คิดเปน็ ร้อยละ 100 ของนักเรยี นทั้งหมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์) . วันท่ี 11 ธันวาคม 2563 ลงช่อื .......................................................ผู้นเิ ทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผอื กนาค) วนั ท่ี 11 ธันวาคม 2563 .
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เรื่อง งานและพลงั งาน หน้า 47 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 งานและพลงั งาน เรอ่ื ง กำลัง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว31206 ช่อื รายวชิ า ฟิสิกส์ เพิม่ เติม 2 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลาเรยี น 2 ชัว่ โมง ผูส้ อน นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เขา้ ใจธรรมชาติทางฟสิ กิ ส์ปรมิ าณและกระบวนการวัด การเคลือ่ นทแ่ี นวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนทีข่ องนวิ ตนั กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรกั ษพ์ ลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์ โมเมนตมั การเคลอ่ื นท่แี นวโคง้ รวมทงั้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 2. อธิบายและคำนวณพลังงานจลน์ พลังงานศักย์ พลงั งานกล ทดลองหาความสัมพันธ์ระหวา่ งงานกบั พลงั งานจลน์ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งงานกับพลังงานศกั ยโ์ น้มถ่วง ความสมั พันธร์ ะหว่างขนาดของแรงทใ่ี ชด้ งึ สปรงิ กับระยะท่สี ปริงยดื ออกและความสมั พนั ธ์ ระหว่างงานกบั พลังงานศกั ย์ยดื หยุ่น รวมทั้ง อธิบายความสมั พันธ์ ระหว่างงานของแรงลัพธ์ และพลงั งานจลน์ และคำนวณงานท่เี กดิ ขึ้นจากแรงลัพธ์ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด กำลัง คืออัตราการทำงาน หรืองานที่ทำได้ในหนึ่งหนว่ ยเวลา มีหน่วยเป็น วัตต์ หน่วยที่นิยมใช้อีกหนว่ ย หน่ึง คือ แรงม้า ซึ่งมีค่าเท่ากับ 746 วัตต์ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการวิเคราะห์ 2) ทกั ษะการส่ือสาร 3) ทกั ษะการสังเกต 4) ทักษะการทำงานรว่ มกนั 5) ทกั ษะการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ 6) ทักษะการนำความร้ไู ปใช้ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1) อธิบายความหมายของกำลงั และความสัมพันธ์ระหว่างกำลงั กบั งานได้ (K) 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) คำนวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ท่เี ก่ียวข้องกับกำลงั ได้ (P) 4.3 คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1) มวี ินยั 2) ใฝ่เรียนรู้
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอื่ ง งานและพลงั งาน หนา้ 48 3) มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 4) รับผิดชอบต่อหน้าท่ีและงานที่ไดร้ ับมอบหมาย (A) 5. ชิน้ งานหรอื ภาระงานที่แสดงผลการเรียนรู้ 1) แบบฝึกหดั งานและพลงั งาน 2) ใบงาน เร่อื ง กำลัง 6. การประเมนิ วิธีวัด เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ รายการวดั - ตรวจใบงาน - ใบงาน -ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 1) การประเมนิ ระหว่างการจัด -ตรวจแบบฝกึ หัด -แบบฝึกหัด กิจกรรม เรือ่ ง กำลงั - ผลงานท่นี ำเสนอ ระดบั คณุ ภาพ 2 - ประเมนิ การนำเสนอ ผ่านเกณฑ์ 2) การนำเสนอผลงาน ผลงาน - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ 3) พฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล - สังเกตพฤตกิ รรม การทำงานรายบุคคล 4) พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคณุ ภาพ 2 5) คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ การทำงานกลุม่ การทำงานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์ - สงั เกตความมวี ินยั - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มัน่ คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ ในการทำงาน อนั พึงประสงค์ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชัว่ โมงที่ 1 ข้ันนำ กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ใหน้ กั เรียนทราบ 2. ครถู ามคำถาม ว่า “ความเร็วมีผลตอ่ กำลังหรอื ไม่” โดยเมื่อเรียนหวั ข้อน้ีจบ นกั เรียนควรจะตอบคำถาม นีไ้ ด้ (แนวตอบ: ความเร็วมผี ลตอ่ กำลัง เพราะจากสมการ ������ = ������ ∆������ จะได้วา่ ������ = ������������ ดงั นัน้ ความเร็วจะ ∆������ แปรผันตรงกับกำลัง ถ้าวัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว v ที่มากขึ้น กำลังของวัตถุหรือระบบก็จะ เพ่ิมขึ้นตาม) 3. ครูกระตนุ้ ความสนใจของนักเรยี นในเรอื่ งทจี่ ะเรียน โดยตั้งคำถามวา่ “นักเรยี นคดิ ว่ากำลงั เกี่ยวข้องกับ ปรมิ าณใดบ้าง” และให้นักเรยี นชว่ ยกนั ตอบคำถามปากเปล่าโดยไม่มีการเฉลยวา่ ถกู หรอื ผิด (หมายเหต:ุ ครูเริม่ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรือ่ ง งานและพลงั งาน หน้า 49 ขนั้ สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูใหน้ ักเรียนแบ่งเป็น 5 กล่มุ และให้ตัวแทนนกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมาหนา้ ชน้ั เรยี น กลุม่ ละ 1 คน พร้อมบอกข้อมูลของแต่ละคนให้ทราบ ตัวอย่างข้อมลู กำหนดให้นักเรียนแตล่ ะคนยกของจากพนื้ ข้นึ วางบนชน้ั วางของ ใหร้ ะยะจากพ้นื ถงึ ชั้นวางของ 2 เมตร - ตัวแทนนักเรยี นกลมุ่ ที่ 1 ออกแรง 250 นิวตนั ในเวลา 10 วินาที - ตวั แทนนกั เรียนกลุ่มที่ 2 ทำงานได้ 100 จูล ในเวลา 10 วินาที - ตวั แทนนักเรียนกลุม่ ที่ 3 ออกแรง 200 นวิ ตนั ในเวลา 5 วนิ าที - ตวั แทนนกั เรยี นกลุ่มท่ี 4 ออกแรง 150 นิวตัน ในเวลา 10 วินาที - ตัวแทนนักเรียนกลุ่มท่ี 5 ทำงานได้ 150 จูล ในเวลา 5 วนิ าที (แนวตอบ: ตัวแทนนักเรยี นกลมุ่ ท่ี 3 มีกำลงั มากที่สุด) 2. ครูทดสอบความรู้นักเรียนต่อว่า “นักเรียนคิดว่าเพื่อนคนไหนที่มีกำลังมากกว่ากัน และดูจากปริมาณ ใด” ให้นักเรียนช่วยกันตอบคำถามปากเปล่าโดยไมม่ ีการเฉลยว่าถูกหรือผิด โดยบันทึกคำตอบของแต่ ละกลมุ่ ไว้ จากนั้นครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษาเรื่องกำลงั จากแหล่งเรยี นรู้ ตา่ งๆ พร้อมท้งั ใหว้ ิเคราะห์ว่าใครท่ี มกี ำลังมากที่สุด (หมายเหต:ุ ครเู ริ่มประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ ) 3. ครูให้นักเรียนศึกษาบทเรียน เรื่อง กำลัง พร้อมกับครูเปิด PowerPoint เรื่อง กำลัง ควบคู่ไป แล้วครู สรุปเรื่อง กำลัง ร่วมกับนักเรียน พร้อมทั้งเฉลยคำถาม ดังนี้ “กำลังเฉลี่ย ในทางฟิสิกส์ หมายถึง ปริมาณงานท่ีทำได้หรืองานที่เกิดข้นึ ในหนง่ึ หนว่ ยเวลา” สามารถคำนวณได้จากสมการ Pav = W ∆t 4. ครูให้นกั เรียนศึกษาตอ่ ในกรอบ Science Focus เก่ียวกับ “แรงมา้ ” 5. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มที่แบ่งไว้แล้วช่วยกันศึกษาตัวอย่างโดยครูสังเกตการณ์ และให้คำอธิบายเม่ือ นักเรยี นเกดิ ปญั หา อธิบายความรู้ (Explain) 1. เมอื่ นกั เรยี นชว่ ยกนั ศึกษาตวั อยา่ งเสร็จ ครูให้ตวั แทนแตล่ ะกลุ่มออกไปแสดงวิธที ำหนา้ ชั้นเรยี น 2. ครอู ธบิ ายสรปุ โจทย์และวธิ ีทำในตวั อย่าง รว่ มกบั นกั เรยี น 3. ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละคนไปทำแบบฝึกหัดเปน็ การบ้าน ช่วั โมงที่ 2 ขั้นสรุป ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามในเนอ้ื หาเก่ยี วกับกำลังอยา่ งอิสระ 2. ครใู ห้นักเรียนทำใบงาน เรอ่ื ง กำลงั 3. ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบฝึกหัด ลงในสมดุ 4. ใหน้ ักเรียนทำสรุปผังมโนทศั น์ (Concept Mapping) เรอื่ ง กำลงั ลงในกระดาษ A4 (หมายเหต:ุ ครเู ร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช้แบบประเมินช้ินงาน/ภาระงาน) ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงาน เรอื่ ง กำลงั 2. ครูตรวจการทำแบบฝึกหัด เร่ือง กำลัง ในสมุดประจำตัว
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรื่อง งานและพลังงาน หนา้ 50 3. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล และการ ทำงานกลุม่ 4. ครูวดั และประเมนิ ผลจากชนิ้ งานการสรุปเน้ือหา เรือ่ ง กำลัง ที่นักเรยี นได้สร้างขึน้ จากขน้ั ขยายความ เข้าใจเปน็ รายบคุ คล 8. สื่อการเรยี นร้/ู แหล่งเรียนรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ 1) เอกสารประกอบบทเรียน งานและพลังงาน 2) แบบฝกึ หัด งานและพลังงาน 3) ใบงาน เร่ือง กำลัง 4) PowerPoint เร่อื ง งานและพลงั งาน 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) ห้องเรยี น 2) หอ้ งสมุด 3) Clip VDO วชิ าฟสิ ิกส์ - บทเรียน งานและกำลัง https://www.youtube.com/watch?v=nMOCxIl_nsc&list=PLeJGvKa_RJ_ YrzdKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=7
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เรือ่ ง งานและพลังงาน หน้า 51 9. สรุปผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรยี นใหค้ วามรว่ มมือในการทำกจิ กรรมเพือ่ อธบิ ายความหมายของกำลังและความสัมพันธร์ ะหว่างกำลงั กับงานได้ จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรยี น เรื่อง งานและพลงั งาน .โดยมีนกั เรยี น ร้อยละ 90 ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขึ้นไป (รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นกั เรยี น สามารถคำนวณหาปริมาณต่าง ๆ ที่เกยี่ วขอ้ งกบั กำลังได้ โดยมนี กั เรยี น ร้อยละ 90 ผา่ นเกณฑ์ ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) . ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 9.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ของนกั เรยี นทงั้ หมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์) วนั ท่ี 16 ธันวาคม 2563 . ลงช่ือ.......................................................ผนู้ เิ ทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผอื กนาค) วันที่ 16 ธันวาคม 2563 .
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่ือง งานและพลงั งาน หนา้ 52 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 งานและพลงั งาน เรอ่ื ง พลงั งานกล กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว31206 ชือ่ รายวชิ า ฟิสิกส์ เพิ่มเตมิ 2 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 เวลาเรียน 6 ช่ัวโมง ผู้สอน นางสาววจิ ติ ตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระท่ี 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสกิ ส์ปรมิ าณและกระบวนการวดั การเคลื่อนทีแ่ นวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นที่ของนวิ ตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ ักษ์พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตัม การเคลอ่ื นทแ่ี นวโคง้ รวมท้งั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 2. อธิบายและคำนวณพลังงานจลน์ พลังงานศักย์ พลังงานกล ทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างงานกับ พลังงานจลน์ ความสัมพนั ธ์ระหว่างงานกบั พลงั งานศักย์โนม้ ถ่วง ความสมั พนั ธ์ระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ดึงสปริง กับระยะที่สปริงยืดออกและความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์ยืดหยุ่น รวมทั้งอธิบายความสัมพันธ์ ระหว่างงานของแรงลพั ธแ์ ละพลงั งานจลน์ และคำนวณงานท่เี กิดขน้ึ จากแรงลัพธไ์ ด้ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด พลังงานจลน์ คือ พลังงานที่เกิดจากการเคลื่อนท่ีของวัตถุเน่ืองจากอัตราเร็วของวัตถุ พลังงานศักย์ คือ พลังงานท่ีสะสมในวัตถุ ประกอบด้วย พลังงานศักย์โน้มถ่วง เป็นพลังงานสะสมในวัตถุเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของ โลกและพลังงานศักย์ยดื หยุ่นเป็นพลังงานท่ีสะสมในสปริงอันเนื่องจากระยะยืดหรือหดของสปริงจากสภาพปกติ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการวิเคราะห์ 2) ทกั ษะการสื่อสาร 3) ทักษะการสงั เกต 4) ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั 5) ทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ 6) ทักษะการนำความรูไ้ ปใช้ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) อธิบายพลังงานจลน์ พลังงานศักย์ พลังงานกล และความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงลัพธ์ และ พลังงาน (K) 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 2) แสดงวิธีคำนวณหาพลังงานจลน์ พลงั งานศกั ยโ์ น้มถว่ ง พลงั งานศักยย์ ดื หยุ่นและพลังงานกล(P)
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เรอื่ ง งานและพลังงาน หนา้ 53 3) ทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานจลน์ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งงานกบั พลังงานศักย์ โน้มถว่ ง และความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงที่ใชด้ งึ สปริงกบั ระยะท่ีสปริงยดื ออก และ ความสมั พันธ์ระหวา่ งงานกบั พลงั งานศกั ย์ยืดหยนุ่ (P) 4.3 คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1) มวี นิ ยั 2) ใฝเ่ รียนรู้ 3) มุ่งมั่นในการทำงาน 4) รับผดิ ชอบตอ่ หน้าทีแ่ ละงานทไ่ี ด้รับมอบหมาย (A) 5. ชิน้ งานหรือภาระงานท่แี สดงผลการเรียนรู้ 1) แบบฝึกหัด 6. การประเมนิ วธิ ีวดั เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ รายการวัด - ตรวจใบงาน - ใบงาน -รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 1) การประเมินระหว่างการ -ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหัด -รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ จดั กิจกรรม พลังงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - ผลงานท่ีนำเสนอ ระดับคณุ ภาพ 2 ผลงาน ผ่านเกณฑ์ 2) การนำเสนอผลงาน - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทำงาน รายบคุ คล 4) คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - สงั เกตความมีวนิ ยั - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มั่น ในการทำงาน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) การสอน Online บน Platform FACEBOOK LIVE ในกลุม่ ปิด ดว้ ยการ screaming ผา่ น OBS Live ครั้งที่ 1 ช่ัวโมงที่ 1-2 ของแผนการจดั การเรยี นรู้ ขัน้ นำ กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูชักชวนนักเรียนพูดคยุ กระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยถามว่า “นักเรียนรู้จักพลังงานอะไรบ้าง” แลว้ เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นตอบไดอ้ ย่างอิสระ 2. ครูถามคำถามเพื่อนำเข้าสู่เรื่องที่จะเรียน โดยถามนักเรียนว่า “พลังงานคืออะไร” และให้นักเรียน ช่วยกันตอบคำถามปากเปลา่ โดยไม่มีการเฉลยว่าถกู หรือผดิ ให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE โดยครูจะยงั ไม่เฉลยวา่ ถกู หรือผดิ
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่ือง งานและพลังงาน หน้า 54 ข้นั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูพดู คุยกบั นกั เรียนแล้วถามคำถาม ว่า “งานกบั พลังงานมีความสัมพนั ธก์ ันอย่างไร” โดยทำข้อตกลง กบั นักเรยี นวา่ เรียนหวั ข้อน้ีจบ นกั เรียนควรจะตอบคำถามนไ้ี ด้ 2. ครูให้ความรู้นักเรียนถึงความหมายของพลังงานว่า พลังงาน เป็นปริมาณที่บอกถึงความสามารถใน การทำงานของวัตถุที่ไม่สามารถสัมผัสหรือจับต้องได้ โดยพลังงานกลเป็นพลังงานที่เกิดจากการ เคล่อื นท่ขี องวัตถุและพลงั งานสะสมในวตั ถใุ ด ๆ ประกอบดว้ ย พลงั งานจลน์ และพลังงานศักย์ 3. ครูตั้งคำถามต่อว่า ถ้าเราทราบขนาดของแรงที่กระทำต่อขวดน้ำดื่มก็จะสามารถหางานของแรงท่ี กระทำได้จากสมการใด ให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE โดยครูจะยังไมเ่ ฉลยวา่ ถกู หรอื ผดิ (แนวตอบ: จากสมการ ������ = ������∆������) 6. ครตู รวจสอบความเข้าใจนกั เรียนโดยถามว่า พลงั งานแบ่งเปน็ ประเภทใหญ่ๆอะไรบ้าง โดยครูเปิด โอกาสให้นกั เรยี นตอบและครูคอยอธบิ ายให้นักเรียนเขา้ ใจ 7. ครอู ธบิ ายความหมายของพลังงานจลน์ พร้อมแสดงท่มี าของสมการ โดยเปิด PowerPoint เรื่อง พลังงานกล ควบคไู่ ปกบั การอธิบายเนอ้ื หา โดยนกั เรียนควรมีความเข้าใจวา่ เนือ่ งจากปริมาณงานที่ทำ ไดท้ ัง้ หมดจะเท่ากับพลงั งานจลน์ จึงสามารถคำนวณหาพลังงานจลน์ไดจ้ ากสมการ Ek = 1 mv2 2 8. ครูเปิดภาพใน PowerPoint เรื่อง พลังงานจลน์ของวัตถุที่เปลี่ยนไป เมื่อมีงานของแรงลัพธ์ที่ไม่เป็น ศูนย์มากระทำต่อวัตถุ แล้วให้นักเรียนดูควบคู่ไปกับรูปภาพ โดยนักเรียนควรเข้าใจว่า พลังงานจลน์ที่ เปลี่ยนไป สามารถคำนวณหาได้จากสมการ Wtot = ∆Ek ซึง่ สมการนเ้ี รยี กว่า ทฤษฎีบทงาน-พลังงาน (work-energy theorem) 9. ครูให้นักเรียนศึกษาวิธีการทำกิจกรรม การทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานจลน์ ตาม รายละเอยี ดการทดลอง ในหนังสอื เรียน สสวท หน้า 87-90 โดยนำเสนอผ่าน Clip VDO จาก ยทู ูป 10.ครเู นน้ ยำ้ กบั นักเรยี นถงึ กราฟทไ่ี ด้จากผลการทำกิจกรรมทีน่ ักเรียนจะต้องคำนวณหางาน (W) ของการ ทดลองแต่ละครั้ง และนำข้อมูลที่ได้ไปเขียนกราฟระหว่างงาน (แนวแกน y) กับอัตราเร็วสุดท้ายยก กำลังสอง (แนวแกน x) และคำถามท้ายกิจกรรมที่นักเรียนต้องตอบหลังจากการทำกิจกรรมใน เอกสารประกอบบทเรียนออนไลน์ ตัวอย่างแนวคำถามท้ายกจิ กรรมพลงั งานจลน์ เชน่ 1) กราฟระหว่างงาน (W) กับความเรว็ สุดท้ายยกกำลังสอง (v2) ที่ได้มลี ักษณะอยา่ งไร (แนวตอบ: กราฟที่ได้มีลักษณะเป็นเส้นตรง ที่มีค่าเพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ คือ เมื่องานเพิ่มมากขึ้น ความเร็วสดุ ท้ายยกกำลงั สองจะสงู ขึน้ ตาม) 2) หากเสน้ กราฟทไ่ี ดจ้ ากการทำกิจกรรมไม่ผ่านจุดกำเนดิ นักเรียนคิดวา่ เปน็ เพราะเหตุใด (แนวตอบ: การท่ีเส้นกราฟไม่ผ่านจุดกำเนิดเป็นเพราะการหนุนรางด้านที่ปล่อยรถมีความสูง ไมเ่ หมาะสม ทำให้การชดเชยแรงเสยี ดทานไมด่ ีพอ) 3) ความชนั ของกราฟท่ีไดจ้ ากการทำกิจกรรมมคี ่าประมาณเท่ากับปรมิ าณใด (แนวตอบ: เมือ่ พิจารณาความชันของกราฟจะไดว้ า่ ความชันของกราฟมีค่าคงตัวและมคี ่าเท่ากบั ครึ่งหน่ึงของมวลรถ) 4) จากลักษณะของกราฟสรุปความสัมพนั ธ์ระหว่างงาน (W) กับความเรว็ สุดท้ายยกกำลงั สอง (v2) ได้ อย่างไร (แนวตอบ: จากกราฟสรุปได้ว่างานที่ทำโดยแรงดึงนี้จะแปรผันตรงกับอัตราเร็วยกกำลังสอง นั่นคอื ������∆������ ∝ ������2 หรือ ������∆������ = ������������2 เมือ่ k เป็นค่าคงตวั ของการแปรผนั )
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรื่อง งานและพลังงาน หน้า 55 อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. หลงั จากศกึ ษากิจกรรมนักเรียนทำกิจกรรมเสรจ็ ครูนำนักเรียนรว่ มกนั สรุปผลจากการทำกิจกรรม (แนวตอบ: จากการทำกิจกรรม งานท่ีทำโดยแรงดึงรถทดลองเป็นสัดสว่ นตรงกับอัตราเร็วของรถยก กำลงั สอง เม่อื เขียนกราฟความสัมพนั ธร์ ะหว่างงาน (W) กับอตั ราเร็วสุดทา้ ยยกกำลงั สอง (v2) จะได้ ความชันของกราฟ มีค่าคงตัวและมีค่าเทา่ กับครึ่งหนงึ่ ของมวลรถทดลอง และงานทเี่ กิดจากแรงดึงรถ ทดลองเท่ากบั พลงั งานจลน์ของรถทดลอง เท่ากับ 1 ������������2 หรือ ������ = ������∆������ = 1 ������������2) 22 2. ครมู อบหมายให้นกั เรียนไปทำแบบฝกึ หัด เรือ่ ง พลังงานจลน์ การสอน Online บน Platform FACEBOOK LIVE ในกลุ่มปิด ด้วยการ screaming ผ่าน OBS Live คร้งั ที่ 2 ชั่วโมงที่ 3-4 ของแผนการจัดการเรยี นรู้ ขน้ั นำ กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครชู ักชวนนกั เรียนพดู คยุ กระตนุ้ ความสนใจของนกั เรียน โดยใชป้ ระเดน็ คำถาม ว่า 1) “เมื่อมแี รงลัพธ์กระทำต่อวัตถุและเกิดงานค่าเปน็ บวก แสดงว่าวัตถุนั้นจะมีพลังงานจลน์เพิม่ ข้นึ ” เปน็ คำกลา่ วท่ี ถกู หรือ ผดิ 2) “การยกกล่องในแนวดิ่ง ที่ระดบั ความสงู h นกั เรยี นคดิ ว่าจะเกดิ งานขึน้ หรือไม่” 3) “พิจารณาสถานการณ์นักกีฬายกน้ำหนัก “ถ้านักกีฬาออกแรงยกก้อนน้ำหนักให้สูงขึ้นด้วย ความเร็วคงตวั แรงลัพธ์มีค่าเท่ากบั ศูนย์” เป็นคำกลา่ วที่ ถกู หรอื ผดิ แล้วเปิดโอกาสให้นกั เรยี นตอบได้อยา่ งอิสระ ผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE ขั้นสอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นกั เรียนดูภาพพลงั งานศักย์ยืดหยนุ่ และพลังงานศักย์โนม้ ถ่วงในชีวิตประจำวัน แลว้ ถามคำถาม นกั เรยี นว่า ในชีวติ ประจำวันของนกั เรียนกจิ กรรมใดบ้างท่เี กี่ยวข้องกับพลังงานศกั ย์ ครเู ปดิ โอกาสให้ นักเรียนแสดงความคิดเหน็ อย่างอสิ ระผา่ น comment ในระบบ FACEBOOK LIVE 2. ครูสรุปและอธิบายความหมายของพลังงานศักย์เพิ่มเติม โดยให้นักเรียนดูภาพจาก PowerPoint แล้ว สอนต่อว่า “วัตถุซึ่งอยู่ในระดับความสูง h เมื่อเทียบกับตำแหน่งอ้างอิงจะมีค่าเท่ากับ mgh เรียกว่า พลงั งานศักย์โน้มถ่วง สามารถคำนวณได้จากสมการ Ep = mgh จากสมการ พลังงานศกั ย์โนม้ ถ่วงมีค่า ขึ้นกับมวล ความเร่งโน้มถ่วง และความสูงของวัตถุเมื่อเทียบกับตำแหน่งอ้างอิง หากวัตถุนั้นอยู่ท่ี ตำแหน่งอา้ งองิ พลงั งานศักย์โนม้ ถ่วงของวัตถนุ นั้ จะมคี า่ เป็นศูนย์ 3. ครูนักเรียนร่วมกันศึกษากิจกรรม เรือ่ ง การทดลองพลงั งานศกั ย์โน้มถ่วงกับเส้นทางการเคลื่อนท่ี โดย ศึกษาขั้นตอนทำกิจกรรม ตามรายละเอียดการทดลอง ในหนังสือเรียน สสวท โดยนำเสนอเป็นการ สาธิตการทดลองผา่ นการ Live แลว้ ให้นกั เรียนร่วมกันสงั เกตุผลการทำกจิ กรรม 4. ครูเน้นยำ้ กับนักเรียนถึงกราฟท่ีไดจ้ ากผลการทำกิจกรรมโดยนักเรียนต้องคำนวณหางาน (W) ของการ ทดลองแต่ละครั้ง และนำข้อมูลไปเขียนกราฟระหว่างงาน (แนวแกน y) กับความสูงของรางไม้ (แนวแกน x) และคำถามท้ายกิจกรรม โดยมปี ระเดน็ คำถามท้ายกิจกรรมพลงั งานศกั ยโ์ นม้ ถ่วง ดงั นี้ 1) กราฟท่ไี ด้จากการทำกจิ กรรมมลี กั ษณะอย่างไร ผ่านจุดกำเนดิ หรือไม่ หากไม่ผา่ นจุดกำเนิดเปน็ เพราะเหตุใด
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง งานและพลงั งาน หน้า 56 (แนวตอบ: กราฟที่ได้มีลักษณะเป็นเส้นตรง และการที่กราฟไม่ผ่านจุดกำเนิดเป็นเพราะความ คลาดเคลอ่ื นจากการวดั ความสงู ตามแนวด่งิ ) 2) ความชนั ของกราฟทีไ่ ดจ้ ากการทำกิจกรรมมีค่าเท่ากบั ปรมิ าณใด (แนวตอบ: เมื่อพิจารณาความชันของกราฟจะไดว้ ่า ความชนั ของกราฟมีค่าคงตัวและมีค่าใกล้เคียงกับ นำ้ หนักของรถทดลอง) 3) งานและพลงั งานศักย์โนม้ ถว่ งมคี วามสัมพนั ธก์ นั อยา่ งไร (แนวตอบ: งานทเ่ี กดิ จากแรงลากรถทดลองข้นึ ไปตามรางไม้ซึง่ มีความสงู ต่างกนั จะเทา่ กับงานที่เกิด จากแรงท่ีใช้ยกรถข้นึ ไปตรง ๆ ในแนวดิ่งท่ีความสูงเดียวกนั หรือเท่ากับพลงั งานศกั ย์โน้มถ่วงของรถ ที่เพม่ิ ขึน้ ) อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ ผลการทดลองจากการทำกิจกรรม (แนวตอบ: จากการทำกิจกรรม งานทท่ี ำโดยแรงดึงรถทดลองข้ึนตามรางเอยี งเป็นสดั สว่ นตรงกบั ความ สูง ความชนั ของกราฟมคี า่ คงท่ี โดยงานทีเ่ กิดจากแรงดึงรถทดลองน้ีมคี ่าประมาณเท่ากับพลงั งานศกั ย์ โนม้ ถว่ งของรถทดลอง W = Ep = mgh กลา่ วคือ งานและพลงั งานศกั ยโ์ น้มถ่วงมีความสัมพันธก์ นั งาน ท่เี กิดจากแรงลากรถทดลองข้นึ ไปตามรางไมซ้ ึง่ มีความสูงต่าง ๆ กนั จะเท่ากับงานท่เี กิดจากแรงท่ีใชย้ ก รถขึน้ ไปตรง ๆ ในแนวด่งิ ทค่ี วามสงู เดยี วกนั หรือเทา่ กบั พลังงานศักยโ์ น้มถ่วงของรถทเี่ พม่ิ ขึ้น) 2. ให้นักเรยี นศกึ ษาเพิม่ เติม เร่ืองพลงั งานศกั ยโ์ นม้ ถว่ งจากการทดลองในคลิปวดิ โี อ https://youtu.be/VqHp9beqjMc การสอน Online บน Platform FACEBOOK LIVE ในกลุ่มปิด ดว้ ยการ screaming ผ่าน OBS Live คร้งั ที่ 3 ชั่วโมงที่ 5-6 ของแผนการจดั การเรยี นรู้ ข้นั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูพดู คุยทบทวนเนอ้ื หาพลังงานศกั ย์จากชว่ั โมงท่แี ลว้ เพอื่ ทดสอบความเข้าใจของนกั เรียน 2. ครูตั้งคำถามทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับพลังงานศักย์ว่า “นอกจากพลังงานศักย์โน้มถ่วงแล้วยังมี พลังงานศักย์ยืดหยุ่นอีก นักเรียนคิดว่าพลังงานศักย์ยืดหยุ่นเกิดขึ้นเมื่อใดได้บ้าง” ให้นักเรียนได้ตอบ อยา่ งอสิ ระ 3. ครใู ห้เวลานกั เรียนศึกษาพลงั งานศักย์ยดื หยุ่น เมื่อครบเวลาท่ีกำหนดครูจะสุ่มนกั เรยี นตอบคำถามเป็น รายบคุ คล 1) พลังงานศักย์ยืดหยนุ่ คืออะไร (แนวตอบ: งานของแรงดงึ หรอื กดสปริงให้มีระยะเปล่ียนไปจากตำแหนง่ สมดลุ ) 2) อธิบายตำแหนง่ สมดลุ (แนวตอบ: ตำแหนง่ เรม่ิ ตน้ ของสปริงเมือ่ ยงั ไม่มแี รงกระทำ) 3) เมอ่ื สปริงถกู ดึงหรอื อัด แรงคนื ตวั ของสปรงิ จะมคี ่าเท่ากบั แรงใด (แนวตอบ: แรงท่ีกระทำกับสปรงิ ) 4. ครถู ามคำถามท้าทายการคิดข้ันว่า “พลังงานศักย์ยืดหยุ่นมีผลต่อระบบป้องกันการส่ันสะเทือนของ รถยนต์อยา่ งไร” โดยให้นักเรียนทน่ี งั่ ติดกันชว่ ยกันคิดและพจิ ารณาคำถามเพ่อื ใหไ้ ด้คำตอบ
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรือ่ ง งานและพลังงาน หนา้ 57 (แนวตอบ: พลังงานศักย์ยดื หยุ่นของสปริงแปรผันตรงกับค่าคงตัวของสปริงและระยะยืดหดของสปรงิ จากจดุ สมดลุ ถ้าพลังงานศกั ย์ยดื หยุน่ มีคา่ มาก อาจจะเกดิ จากค่าคงตัวของสปรงิ ท่ีมคี ่ามาก นัน่ แสดงวา่ สปรงิ ของโช้กอปั (Shock Absorber) แข็ง ระยะยดื หดจากจดุ สมดุลนอ้ ย) 5. ครอู ธิบายใจความสำคญั ของพลงั งานศักยย์ ืดหยุ่นโดยเปิด PowerPoint ใหน้ กั เรยี นดวู า่ “งานของแรง ดึงหรือกดสปริงให้มีระยะเปลี่ยนไป x จากตำแหน่งสมดุล เรียกว่า พลังงานศักย์ยืดหยุ่น” สามารถ คำนวณได้จากสมการ Eps = 1 kx2 2 6. ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่าง ประกอบการอธบิ ายแนวทางการหาคำตอบ อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หดั โดยครอู ธิบายวิธกี ารและแนวทางในการหาคำตอบ ขัน้ สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนร่วมกันศึกษากิจกรรม เรื่อง การทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ ดึงสปริงกับระยะที่สปริงยืดออก ตามรายละเอียดการทดลอง ในหนังสือเรียน สสวท และดู Clip VDO สาธิตการทดลอง แล้วบันทึกผลการทำกิจกรรมลงในใบงาน แบบบันทึกกิจกรรมพลังงานศักย์ ยืดหยุ่น 2. ครูเนน้ ยำ้ กับนักเรียนถงึ กราฟทไ่ี ด้จากผลการทำกิจกรรม เมอื่ นำข้อมูลไปเขยี นกราฟระหว่างแรง F (แนวแกน y) กับระยะยืด (แนวแกน x) และคำถามท้ายกจิ กรรมที่นักเรียนตอ้ งตอบหลังจากการทำ กิจกรรมในใบงาน ตวั อยา่ งคำถามท้ายกจิ กรรมพลังงานศักยย์ ืดหยนุ่ 1) กราฟท่ีไดจ้ ากการทำกจิ กรรมมีลกั ษณะอย่างไร และความชันของกราฟมีคา่ เท่าใด (แนวตอบ: กราฟมีลกั ษณะเป็นเส้นตรง และความชนั ของกราฟจะมีค่าเท่ากับค่าคงตวั ของสปรงิ ) 2) งานและพลังงานศักย์ยดื หยุ่นมคี วามสัมพันธ์กันอย่างไร (แนวตอบ: งานที่ใช้ในการดึงสปริงจะเท่ากับพลงั งานศกั ย์ยดื หยุน่ ของสปรงิ ) อธบิ ายความรู้ (Explain) . หลังจากศกึ ษากิจกรรมเสร็จ ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปผลการทดลองจากการทำกิจกรรม (แนวตอบ: จากการทำกิจกรรม งานที่ใชด้ งึ สปริงจะแปรผนั ตรงกับระยะท่ีสปรงิ ยืดออก ������ ∝ ∆������ หรือ ������ = ������∆������ โดยความชันของกราฟระหว่างแรงที่ใช้ดึงสปริงยืดออกเป็นค่าคงตัวสำหรับสปริงหนึ่ง ๆ เรียกว่า ค่าคงตัวสปริง บอกถึงความแข็งของสปริง โดยงานที่ใช้ในการดึงสปริงจะเท่ากับพลงั งานศกั ย์ ยืดหยุ่นขอสปริง ซึ่งมีค่าเทา่ กบั ครึ่งหนึ่งของผลคูณของค่าคงตัวสปริงกับระยะท่ีสปริงยืดออกยกกำลัง สอง ������������ = 1 ������������2) 2 ข้ันสรุป ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูให้นกั เรียนทำแบบฝกึ หดั โดยครอู ธิบายวิธกี ารและแนวทางในการหาคำตอบ 2. ครนู ำอภปิ รายสรปุ เนอื้ หา โดยเปิด PowerPoint เรอื่ งท่ีสอนไปแล้วควบคู่ไปดว้ ย 3. ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาเพิ่มเติม ผ่าน Clip VDO จาก ยูทูป และการทดลองเสมือน ผ่าน เวบ็ https://phet.colorado.edu/th/
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่ือง งานและพลงั งาน หนา้ 58 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูพดู คยุ สอื่ สารกบั นกั เรียน โดยใหน้ กั เรียนตอบคำถามวา่ เพ่ือเป็นการตรวจสอบความเข้าใจของ ผู้เรยี น 2. ครูประเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม comment ในระบบ FACEBOOK LIVE 3. ครวู ัดและประเมินผลความรูเ้ รื่อง พลังงาน จากระบบโรงเรยี นเสมอื นจรงิ (Virtual School Online) 8. สื่อการเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 ผู้แต่ง : สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักพมิ พ์จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั 2. เอกสารประกอบการสอนออนไลน์ เร่อื ง งานและพลังงาน 3. สื่อ power point เรอ่ื ง พลังงานจลน์ online 3. สือ่ power point เรอ่ื ง พลังงานศกั ย์โน้มถว่ ง online 3. สือ่ power point เร่ือง พลังงานศักย์ยืดหยุ่น online 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1. หอ้ งสมดุ 2. Internet 3. ระบบโรงเรยี นเสมือนจริง (Virtual School Online) 4. Clip VDO วชิ าฟสิ กิ ส์ - บทเรยี น พลังงานจลน์ https://www.youtube.com/watch?v=0RtvC8HKnCk&list=PLeJGvKa_RJ_Y rzdKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=28 วชิ าฟสิ ิกส์ - บทเรยี น พลังงานศกั ย์ https://www.youtube.com/watch?v=pEh0hcu- YhM&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=25 วิชาฟสิ ิกส์ - กจิ กรรม กฎของฮกุ https://www.youtube.com/watch?v=3WCeXgclb7w&list=PLeJGvKa_RJ_ YrzdKvlYNmL2d7v11yKWGk
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรือ่ ง งานและพลังงาน หนา้ 59 9. สรุปผลการจัดการเรียนรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อ อธิบายพลังงานจลน์ พลังงานศักย์ พลังงานกล และ ความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงลัพธ์ และพลงั งาน จากการสืบคน้ การศกึ ษาจากใบความรู้ และเอกสาร ประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน .โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง พลังงาน จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) . 9.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถแสดงวิธีคำนวณหาพลังงานจลน์ พลังงานศักย์โน้มถ่วง พลังงานศักย์ยืดหยุ่นและ พลังงานกล สามารถทำการทดลองเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานจลน์ ความสัมพันธ์ ระหวา่ งงานกับพลังงานศักย์โน้มถว่ ง และความสัมพันธ์ระหวา่ งขนาดของแรงทใ่ี ช้ดึงสปรงิ กบั ระยะที่สปริง ยืดออก และความสัมพนั ธร์ ะหว่างงานกับพลังงานศักย์ยืดหยุ่น โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง โมเมนตัม จากระบบโรงเรียนเสมือน จริง (Virtual School Online) . 9.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นการเรียนรู้ผ่าน Platform FACEBOOK LIVE ในกลุ่มปิด และการศึกษาบทเรียนเพิ่มเติมผ่าน ระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) และมีผลสำเร็จของการเรียนรู้ผ่านตามเกณฑ์ คิดเป็น ร้อยละ 100 ของนกั เรียนทงั้ หมด . 9.4 ปญั หาอุปสรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ( Covid-19) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผ่าน Platform FACEBOOK LIVE ในกลุ่มปิด โดยการจัดตารางใหค้ รูผู้สอนดำเนินการสอนออนไลน์ในช่วงระยะเวลาท่ี กำหนด ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการจัดกจิ กรรม และการเรียนรูข้ องผู้เรียน ประกอบกับความแรงของสัญญาณ อินเตอร์เน็ตทงั้ ของผรู้ บั และผ้สู ง่ มีผลต่อระยะเวลาท่ีในการสอ่ื สาร ทำให้รปู แบบของการจดั กจิ กรรมการ เรียนรู้จึงเน้นไปที่การบรรยายสถานการณ์ และให้นักเรียนแสดงความเห็น ผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE นักเรียนจึงต้องใช้เวลาเพิ่มเติมในการเรียนรู้การศึกษาบทเรียนเพิ่มเติมผ่าน ระบบ โรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) เพื่อให้มีระดับผลการเรียนผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด . ลงช่อื วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์) วนั ที่ 8 มกราคม 2564 . ลงชอ่ื .......................................................ผนู้ ิเทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผือกนาค) วนั ที่ 8 มกราคม 2564 .
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เรื่อง งานและพลงั งาน หน้า 60 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 หน่วยการเรยี นรู้ท่1ี งานและพลังงาน เรือ่ ง กฎการอนรุ กั ษ์พลงั งานกล กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว31206 ช่ือรายวชิ า ฟสิ ิกส์เพ่ิมเตมิ 2 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลาเรียน 2 ชั่วโมง ผสู้ อน นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาตทิ างฟิสิกสป์ ริมาณและกระบวนการวัด การเคล่อื นท่ีแนวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนท่ีของนิวตนั กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรกั ษ์พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตมั การเคลอ่ื นท่ีแนวโคง้ รวมทงั้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 1. วิเคราะห์ และคำนวณงานของแรงคงตวั จากสมการและพ้ืนที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ ระหว่างแรงกับ ตำแหนง่ รวมท้งั อธบิ ายและ คำนวณกำลงั เฉล่ยี 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด พลังงานต่าง ๆ ของวัตถุจะไม่สูญหาย แต่อาจเปลี่ยนรูปพลังงานจากพลังงานหน่ึงเป็นอีกพลงั งานหน่งึ ซ่ึงเป็นไปตามกฎการอนุรักษ์พลังงานกล 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 2) ทักษะการส่อื สาร 3) ทักษะการสงั เกต 4) ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั 5) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) อธบิ ายกฎการอนรุ กั ษ์พลงั งานกล (K) 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 2) คำนวณหาปรมิ าณท่ีเกย่ี วขอ้ งกับกฎการอนรุ กั ษ์พลงั งานกล (P) 4.3 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1) มีวินยั 2) ใฝเ่ รียนรู้ 3) ม่งุ มัน่ ในการทำงาน
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เรือ่ ง งานและพลงั งาน หนา้ 61 5. ช้นิ งานหรือภาระงานทแี่ สดงผลการเรยี นรู้ แบบฝกึ หดั 6. การประเมนิ วิธวี ัด เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน รายการวดั - ตรวจใบงาน - ใบงาน -ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1) การประเมินระหว่างการ -ตรวจแบบฝกึ หดั -แบบฝกึ หดั -ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ จัดกิจกรรม กฎการอนุรักษ์ - ประเมนิ การนำเสนอ - ผลงานที่นำเสนอ ระดบั คณุ ภาพ 2 พลังงานกล ผลงาน ผ่านเกณฑ์ 2) การนำเสนอผลงาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คณุ ภาพ 2 การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ 3) พฤตกิ รรมการทำงาน รายบุคคล 4) คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2 ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ ม่ัน คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) การสอน Online บน Platform FACEBOOK LIVE ในกลุ่มปดิ ดว้ ยการ screaming ผา่ น OBS Live ครัง้ ท่ี 4 ชั่วโมงท่ี 1-2 ของแผนการจดั การเรียนรู้ ขัน้ นำ กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ใหน้ ักเรียนทราบ 2. ครกู ระตนุ้ ความสนใจของนักเรียนเก่ียวกับเรอื่ งท่ีจะเรียน โดยถามว่า “ในความเขา้ ใจของนักเรียน กฎ การอนุรักษ์พลังงานหมายความว่าอย่างไร” และให้นักเรียนช่วยกันตอบคำถามผ่าน comment ใน ระบบ FACEBOOK LIVE โดยไม่มกี ารเฉลยวา่ ถกู หรือผิด ขน้ั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูถามคำถาม ว่า “พลังงานกลมีความสัมพันธ์กับพลังงานชนิดใด” โดยทำข้อตกลงกับนักเรียนว่า เรียนหวั ข้อน้ีจบนักเรียนควรจะตอบคำถามนี้ได้ (แนวตอบ: พลังงานจลน์ และพลังงานศกั ย์) 2. ครพู ดู คยุ กบั นักเรยี นในประเดน็ ทว่ี ่า ในชีวิตประจำวนั ของเราจะพบเหน็ ว่า เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ตา่ ง ๆ มีการ เปลีย่ นรูปพลงั งาน เชน่ เตารดี ท่เี ปล่ียนรูปพลงั งานจากพลงั งานไฟฟ้าเป็นพลงั งานความรอ้ น ซึ่งเป็นไป ตามกฎการอนรุ ักษ์พลังงาน แล้วให้นักเรียนยกตัวอยา่ งการเปลย่ี นรูปพลงั งานในชีวิตประจำวนั 3. ครูอธบิ าย “กฎการอนุรักษ์พลงั งาน เปน็ กฎที่กล่าวถึงการคงตัวของพลงั งาน โดยกล่าวว่า พลงั งานรวม ของวัตถุหรือระบบจะไมส่ ญู หายแต่จะเปลย่ี นรูปพลังงานจากรปู หนึ่งไปเป็นพลงั งานอีกรูปหนงึ่ โดย พลังงานกลรวม คอื ผลรวมของพลังงานศักยแ์ ละพลงั งานจลน์ของวัตถุ” 6. ครูให้นักเรยี นดูภาพจาก PowerPoint หรือจากเอกสารประกอบบทเรยี นออนไลน์ แล้วอธิบายเกี่ยวกับ พลงั งานจลนแ์ ละพลังงานศักย์ขณะลูกบอลถกู ปาขน้ึ ในแนวดิ่ง แล้วตกลงอยา่ งอิสระ
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เรือ่ ง งานและพลงั งาน หน้า 62 7. ครูให้นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับกฎการอนุรักษ์พลังงานกล จากเอกสารประกอบบทเรียน พิจารณาการ เคลื่อนที่ตกอย่างอิสระของวัตถุภายใต้แรงโน้มถ่วงโดยไม่มีแรงอื่นๆ มากระทำ และพิจารณา สถานการณ์การเคล่ือนทข่ี องวตั ถตุ ิดสปรงิ ที่วางบนพืน้ เกลย้ี ง 8. ครูแนะนำเก่ยี วกบั กฎการอนุรกั ษ์พลังงานกลวา่ “ผลรวมของพลงั งานศกั ยแ์ ละพลังงานจลน์ของวัตถุ ซ่งึ ในทกุ ๆ ตำแหนง่ จะมคี า่ คงท่ี สามารถคำนวณไดจ้ ากสมการ E1 = E2 อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาตวั อย่างการประยกุ ต์ใช้กฎการอนรุ ักษพ์ ลังงานกล 2. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกหัด ข้นั สรุป ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามในเนื้อหาเกี่ยวกับกฎการณ์อนุรักษ์พลังงานกลอย่างอิสระ ผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE โดยครตู อบคำถามและสรา้ งความเข้าใจทถี่ ูกต้องใหน้ กั เรยี น 2. ครนู ำอภปิ รายสรปุ เนือ้ หา โดยเปดิ PowerPoint เร่ืองท่สี อนไปแลว้ ควบคไู่ ปด้วย 3. ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาเพิ่มเติม ผ่าน Clip VDO จาก ยูทูป และการทดลองเสมือน ผ่าน เว็บ https://phet.colorado.edu/th/ ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตั้งคำถามประเมินนักเรียนวา่ “ถ้าขว้างวัตถุขึ้นตามแนวดิ่งแบบอิสระ ณ ตำแหน่งใด ๆ พลังงานศักย์ และพลงั งานจลนข์ องวตั ถจุ ะเปน็ อยา่ งไร” โดยให้นักเรยี นดภู าพ ประกอบการพิจารณา (แนวตอบ: พลงั งานศักย์จะเพ่ิมข้ึนและพลังงานจลน์จะลดลงซึ่งตรงข้ามกับในกรณีก้อนหนิ ตกหนา้ ผา) 2. ใหน้ กั เรียนตอบคำถามว่า “พลงั งานกลมคี วามสมั พันธก์ ับพลังงานชนดิ ใด” ที่ครเู คยถามไปแล้วใน ชว่ั โมงแรก เพื่อเปน็ การตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นหลังเรยี น (แนวตอบ: พลังงานจลน์ และพลงั งานศักย์โน้มถ่วง) 3. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม comment ในระบบ FACEBOOK LIVE 4. ครวู ัดและประเมินผลความร้เู รอ่ื ง พลงั งาน จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) 8. สอ่ื การเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 ผู้แต่ง : สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สำนกั พมิ พ์จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั 2. เอกสารประกอบการสอนออนไลน์ เรือ่ ง งานและพลงั งาน 3. สอ่ื power point เรื่อง กฎการอนุรักษ์พลงั งาน online 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet 3. ระบบโรงเรียนเสมอื นจรงิ (Virtual School Online)
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง งานและพลังงาน หนา้ 63 9. สรุปผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่ออธิบายกฎการอนุรักษ์พลังงานกล 2จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรยี น เรื่อง งานและพลังงานโดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขึน้ ไป (ร้อยละ60 ของคะแนนประเมนิ ผลความรเู้ รอ่ื ง พลงั งาน จากระบบโรงเรียน เสมอื นจรงิ (Virtual School Online) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถคำนวณหาปริมาณท่ีเก่ียวข้องกับกฎการอนุรกั ษ์พลังงานกล โดยมีนักเรียนรอ้ ยละ 90 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป โดยมีนักเรยี น ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของ คะแนนประเมนิ ผลความรูเ้ รอ่ื ง พลงั งาน จากระบบโรงเรยี นเสมอื นจรงิ (Virtual School Online) . 9.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นการเรียนรู้ผ่าน Platform FACEBOOK LIVE ในกลุ่มปิด และการศึกษาบทเรียนเพิ่มเติมผ่าน ระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) และมีผลสำเร็จของการเรียนรู้ผ่านตามเกณฑ์ คิดเป็น รอ้ ยละ 100 ของนักเรียนท้ังหมด . 9.4 ปัญหาอุปสรรค .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์) วันที่ 15 มกราคม 2564 . ลงชอ่ื .......................................................ผ้นู ิเทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผือกนาค) วนั ที่ 15 มกราคม 2564 .
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง งานและพลังงาน หนา้ 64 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 5 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 งานและพลังงาน เร่อื ง การประยุกต์กฎการอนรุ กั ษพ์ ลงั งานกล กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว31206 ชอื่ รายวิชา ฟสิ ิกส์ เพม่ิ เตมิ 2 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลาเรยี น 2 ชวั่ โมง ผูส้ อน นางสาววจิ ติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เขา้ ใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลอื่ นทแ่ี นวตรง แรงและกฎการ เคลื่อนท่ขี องนิวตนั กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรกั ษพ์ ลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตมั การเคล่อื นทแี่ นวโค้ง รวมทัง้ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 1. วิเคราะห์ และคำนวณงานของแรงคงตวั จากสมการและพื้นที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ ระหว่างแรงกบั ตำแหนง่ รวมทัง้ อธิบายและ คำนวณกำลังเฉลี่ย 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การประยุกต์กฎการอนุรักษ์พลังงานกล ใช้ในการอธิบายการเคลื่อนที่แบบวงกลมในระนาบดิ่ง การ เคล่ือนท่ีของวัตถุท่ีติดสปริง การเคลื่อนท่ีภายใต้สนามโน้มถ่วงของโลก 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการวิเคราะห์ 2) ทักษะการส่อื สาร 3) ทกั ษะการสังเกต 4) ทักษะการทำงานร่วมกนั 5) ทกั ษะการนำความรูไ้ ปใช้ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) อธบิ ายกฎการอนุรักษ์พลงั งานกลได้ (K) 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 2) คำนวณหาปริมาณท่เี กย่ี วข้องกบั กฎการอนรุ ักษ์พลังงานกลได้ (P) 4.3 คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) มีวินยั 2) ใฝเ่ รียนรู้ 3) มุง่ มัน่ ในการทำงาน 4) รับผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ีและงานทไี่ ด้รับมอบหมาย (A)
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรือ่ ง งานและพลังงาน หน้า 65 5. ช้ินงานหรือภาระงานทีแ่ สดงผลการเรยี นรู้ แบบฝกึ หดั 6. การประเมนิ วธิ วี ดั เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ รายการวัด - ตรวจใบงาน - ใบงาน -รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 1) การประเมนิ ระหวา่ งการ -ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หดั -รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ จดั กิจกรรม เร่อื ง การ ประยกุ ต์กฎการอนรุ กั ษ์ - ประเมินการนำเสนอ - ผลงานที่นำเสนอ ระดับคุณภาพ 2 พลังงานกล ผลงาน ผ่านเกณฑ์ 2) การนำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ 3) พฤตกิ รรมการทำงาน - สงั เกตความมวี ินัย - แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2 รายบุคคล ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มั่น คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์ 4) คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) การสอน Online บน Platform FACEBOOK LIVE ในกลมุ่ ปดิ ดว้ ยการ screaming ผา่ น OBS Live คร้ังท่ี 5 ชั่วโมงที่ 1-2 ของแผนการจัดการเรียนรู้ ข้นั นำ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ใหน้ ักเรยี นทราบ 2. ครูถามคำถาม ว่า “กฎการอนุรักษ์พลังงานกลสัมพันธ์กับการเคลื่อนที่อย่างไร” และมีการเปลี่ยน พลงั งานอยา่ งไร” (แนวตอบ: งานในทางฟิสิกส์ คือปรมิ าณของพลังงานซึง่ ถูกสง่ มาจากแรงที่กระทำต่อวัตถุ ให้เคลื่อนที่ไป ไดร้ ะยะทางขนาดหน่ึง) 3. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องที่จะเรียน โดยตั้งคำถามว่า “นักเรียนคิดว่ากฎการ อนรุ ักษ์พลงั งานกลจะสามารถประยุกต์ใช้ได้ได้อย่างไร” และใหน้ กั เรยี นช่วยกันตอบผ่าน comment ใน ระบบ FACEBOOK LIVE โดยไมม่ ีการเฉลยว่าถกู หรอื ผดิ 4. ครูทบทวนความรู้เกยี่ วกับการเคลอ่ื นที่แบบต่าง ๆ จากนั้นครูชี้ให้เห็นว่ายังมีการเคลอื่ นท่ีในลักษณะอ่ืน ๆ เชน่ การเคลือ่ นท่ีแบบวงกลมในระนาบดงิ่ ถ้าคดิ วา่ การเคลื่อนทีเ่ หล่าน้ันไมม่ ีการสญู เสยี พลังงาน จะได้ ว่าพลังงานกลของวัตถุที่ตำแหน่งต่าง ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง จึงสามารถใช้กฎการอนุรักษ์พลังงานกลมา อธิบายการเคลอ่ื นท่เี หลา่ นัน้ ได้ ขน้ั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูใหน้ กั เรยี นพิจารณาสถานการณ์ เรอ่ื งการเคลื่อนทขี่ องวัตถทุ ต่ี ิดสปรงิ 1) ณ ตำแหนง่ ทีม่ กี ารกระจดั มากทสี่ ดุ พลงั งานแต่ละพลังงานเป็นอย่างไร
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่อื ง งานและพลงั งาน หน้า 66 (แนวตอบ: ณ ตำแหน่งที่มีการกระจัดมากที่สุดพลังงานศักย์ยืดหยุ่นจะมีค่ามากที่สุดและ มีพลังงานจลน์เปน็ ศนู ย์) 2) ณ ตำแหน่งสมดุล พลังงานแตล่ ะพลังงานเปน็ อย่างไร (แนวตอบ: ณ ตำแหนง่ สมดลุ พลังงานจลนจ์ ะมคี ่ามากที่สดุ และมพี ลังงานศกั ย์ยืดหยนุ่ เป็นศูนย์) 3) จากสมการการประยุกต์กฎการอนุรักษ์พลังงานกลกับการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ติดสปริง สามารถ ทราบอะไรได้บา้ ง (แนวตอบ: จากสมการทราบวา่ พลังงานกลรวมเป็นค่าคงตัวและมีค่าเท่ากับพลงั งานศักย์ยืดหยุ่น ณ ตำแหนง่ ทีม่ ีการกระจดั สงู สุด) 2. ครูใหน้ กั เรียนพจิ ารณาสถานการณ์ เร่อื งการเคล่อื นทข่ี องวตั ถตุ กอยา่ งอสิ ระในแนวด่งิ 1) ถ้าวตั ถตุ กอยา่ งอิสระในแนวดิ่ง ความเรว็ ของวัตถจุ ะเป็นอยา่ งไร (แนวตอบ: ความเร็วของวตั ถุจะมคี ่าเพม่ิ ขึน้ เรือ่ ย ๆ) 2) ตำแหนง่ อา้ งองิ คือตำแหน่งใดและ ณ ตำแหนง่ นัน้ พลงั งานแต่ละพลังงานเป็นอย่างไร (แนวตอบ: ตำแหน่งอ้างอิงคือตำแหน่งบนพื้นและ ณ ตำแหน่งอ้างอิงจะมีพลังงานจลน์มากที่สุด และมพี ลังงานศักยเ์ ปน็ ศูนย์) 3) กฎการอนรุ ักษพ์ ลงั งานกลสัมพันธ์กบั การเคลอ่ื นทีภ่ ายใต้แรงโน้มถว่ งอย่างไร (แนวตอบ: ผลรวมของพลังงานจลนแ์ ละพลงั งานศกั ย์โนม้ ถว่ งมีค่าคงทตี่ ลอดการเคลื่อนท่ีของวัตถุ) 3. ครูอธบิ ายสรปุ และทบทวนประเดน็ ท่นี กั เรยี นการเคลื่อนท่ีภายใตส้ นามโนม้ ถว่ ง “พลังงานสามารถ นำมาประยุกตใ์ ช้กบั การเคลือ่ นทไ่ี ด้ โดยพิจารณารวมทแ่ี ตล่ ะตำแหน่งของวัตถแุ ละงานทีใ่ หแ้ กว่ ตั ถุ” ดัง สมการ ΣE1 + W = ΣE2 5. ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่าง เรือ่ ง การประยกุ ตก์ ฎการอนุรกั ษ์พลงั งานกล อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำใบงาน เรื่อง โจทย์การประยุกต์กฎการอนุรักษ์พลังงานกล 2. ครูนำอภปิ รายสรุปเน้ือหาด้วยคำถาม โดยเปดิ PowerPoint เรอื่ งทสี่ อนไปแลว้ ควบคูไ่ ปด้วย 3. ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาเพิ่มเติม ผ่าน Clip VDO จาก ยูทูป และการทดลองเสมือน ผ่าน เว็บ https://phet.colorado.edu/th/ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามในเนื้อหาเกี่ยวกับกฎการณ์อนุรักษ์พลังงานกลอย่างอิสระ ผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE โดยครตู อบคำถามและสรา้ งความเขา้ ใจทถ่ี ูกต้องใหน้ กั เรียน 2. ครูนำอภิปรายสรุปเนอื้ หา โดยเปดิ PowerPoint เรือ่ งทสี่ อนไปแลว้ ควบคูไ่ ปดว้ ย 3. ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาเพิ่มเติม ผ่าน Clip VDO จาก ยูทูป และการทดลองเสมือน ผ่าน เว็บ https://phet.colorado.edu/th/ ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครพู ูดคุยสอื่ สารกับนักเรยี น โดยให้นักเรียนตอบคำถาม เพอ่ื เป็นการตรวจสอบความเขา้ ใจของผเู้ รยี น 2. ครูประเมินผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม comment ในระบบ FACEBOOK LIVE 3. ครวู ัดและประเมินผลความร้เู รอ่ื ง พลงั งาน จากระบบโรงเรียนเสมือนจรงิ (Virtual School Online)
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่อื ง งานและพลังงาน หน้า 67 8. สอ่ื การเรียนร/ู้ แหล่งเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 เล่ม 2 ผู้แต่ง : สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักพมิ พ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั 2. เอกสารประกอบการสอนออนไลน์ เรอื่ ง งานและพลังงาน 3. สอ่ื power point เรือ่ ง กฎการอนุรักษ์พลังงาน online 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet 3. ระบบโรงเรยี นเสมอื นจริง (Virtual School Online) 4. Clip VDO การชดเชยแรงเสียดทาน วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสกิ ส์) https://www.youtube.com/watch?v=KT1rjEY32KU&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1Kx kAET426QvKsZTr&index=207 วชิ าฟสิ กิ ส์ - บทเรยี น การประยกุ ต์เรอ่ื งพลงั งาน อนรุ กั ษ์พลังงาน https://www.youtube.com/watch?v=IoAK9tKZsxo&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlYNm L2d7v11yKWGk&index=29 วชิ าฟสิ ิกส์ - บทเรียน อนรุ กั ษพ์ ลังงาน https://www.youtube.com/watch?v=cjyBelnP4Zk&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlYNm L2d7v11yKWGk&index=57
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่อื ง งานและพลังงาน หน้า 68 9. สรปุ ผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่ออธิบายกฎการอนุรักษ์พลังงานกลได้ จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง พลังงาน จากระบบ โรงเรียนเสมือนจรงิ (Virtual School Online) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรยี น สามารถคำนวณหาปริมาณท่ีเก่ียวข้องกบั กฎการอนุรกั ษ์พลังงานกลจากสถานการณท์ ่กี ำหนดให้ โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง พลังงาน จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) . 9.3 ด้านคณุ ลักษณะ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นการเรียนรู้ผ่าน Platform FACEBOOK LIVE ในกลุ่มปิด และการศึกษาบทเรียนเพิ่มเติมผ่าน ระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) และมีผลสำเร็จของการเรียนรู้ผ่านตามเกณฑ์ คิดเป็น รอ้ ยละ 100 ของนักเรียนทั้งหมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์) วันท่ี 17 มกราคม 2564 . ลงช่ือ.......................................................ผนู้ ิเทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผอื กนาค) วันที่ 17 มกราคม 2564 .
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรือ่ ง งานและพลงั งาน หน้า 69 แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 6 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 งานและพลังงาน เรอื่ ง เคร่อื งกล กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว31206 ชอ่ื รายวิชา ฟสิ กิ ส์ เพิ่มเตมิ 2 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลาเรียน 2 ชั่วโมง ผสู้ อน นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวช้วี ดั /ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกสป์ ริมาณและกระบวนการวัด การเคลอ่ื นท่แี นวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนทีข่ องนิวตนั กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษ์พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์ โมเมนตัม การเคลอ่ื นทแี่ นวโคง้ รวมทงั้ นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 2. อธิบายและคำนวณพลงั งานจลน์ พลังงานศกั ย์ พลังงานกล ทดลองหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งงานกบั พลังงานจลน์ ความสัมพนั ธ์ระหว่างงานกับพลงั งานศกั ยโ์ นม้ ถว่ ง ความสมั พันธร์ ะหวา่ งขนาดของแรงทใี่ ช้ดึง สปรงิ กับระยะที่สปรงิ ยืดออกและความสัมพนั ธ์ ระหวา่ งงานกับพลงั งานศกั ย์ยืดหย่นุ รวมทง้ั อธบิ ายความสัมพันธ์ ระหวา่ งงานของแรงลัพธ์ และพลงั งานจลน์ และคำนวณงานทเ่ี กิดขึ้นจากแรงลพั ธ์ 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เครื่องกลอยา่ งงา่ ย ได้แก่ คาน รอก พ้ืนเอียง ลม่ิ สกรู และลอ้ กบั เพลา การทำงานของเครือ่ งกลอยา่ งง่าย ใชห้ ลักการของงาน การประดษิ ฐ์เครอ่ื งกลแต่ละประเภทนนั้ มักคำนึงถึงความสะดวกสบายของผ้ใู ช้งาน 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการวเิ คราะห์ 2) ทักษะการส่อื สาร 3) ทกั ษะการสงั เกต 4) ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั 5) ทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ 6) ทักษะการนำความรไู้ ปใช้ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) อธบิ ายประสทิ ธภิ าพของเครื่องกลและเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าและหลกั การทำงานของเครื่องกลแบบ ต่าง ๆ 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 2) คำนวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ทเี่ กีย่ วขอ้ งกับการได้เปรียบเชงิ กลจากเคร่ืองกลอย่างงา่ ย
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรือ่ ง งานและพลงั งาน หนา้ 70 4.3 คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1) มวี ินยั 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) ม่งุ ม่ันในการทำงาน 4) รบั ผิดชอบตอ่ หน้าท่แี ละงานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย (A) 5. ชิน้ งานหรือภาระงานทแ่ี สดงผลการเรียนรู้ 1) แบบฝกึ หัด งานและพลังงาน 2) ใบงาน เรื่อง เคร่อื งกล 6. การประเมนิ วธิ ีวัด เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมิน รายการวัด - ตรวจใบงาน - ใบงาน -รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1) การประเมินระหวา่ งการจดั -ตรวจแบบฝึกหัด -แบบฝกึ หัด กจิ กรรม เรือ่ ง เครอื่ งกล - ผลงานท่นี ำเสนอ ระดบั คุณภาพ 2 - ประเมนิ การนำเสนอ ผา่ นเกณฑ์ 2) การนำเสนอผลงาน ผลงาน - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล - สงั เกตพฤตกิ รรม การทำงานรายบุคคล 4) พฤติกรรมการทำงานกล่มุ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 5) คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ - สังเกตความมีวินัย - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ มัน่ คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) การสอน Online บน Platform FACEBOOK LIVE ในกลุม่ ปดิ ด้วยการ screaming ผา่ น OBS LIVE ครง้ั ที่ 6 ชัว่ โมงที่ 1-2 ของแผนการจัดการเรยี นรู้ ขัน้ นำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ใหน้ ักเรยี นทราบ 2. ครูกระตุ้นความสนใจของนกั เรยี นเกี่ยวกับเรื่องทจี่ ะเรยี น โดยตงั้ คำถามว่า “เครือ่ งกลคอื อะไร” และให้ นักเรียนช่วยกันตอบคำถามอย่างอิสระ ผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE โดยไม่มีการ เฉลยวา่ ถูกหรือผดิ 3. ครูถามคำถาม ว่า “เครื่องกลอย่างง่ายประกอบด้วยอะไรบ้าง” เพื่อเป็นการทดสอบความรู้เดิมของ นกั เรียน โดยให้นกั เรียนแสดงความเห็นผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE (แนวตอบ: เครอื่ งกลอยา่ งงา่ ย ประกอบดว้ ย คาน รอก พื้นเอียง ลิม่ สกรู และล้อกับเพลา)
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง งานและพลงั งาน หนา้ 71 ขน้ั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนศึกษา เรื่อง ประสิทธิภาพของเครือ่ งกลและเครื่องใช้ไฟฟ้า จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และ เอกสารประกอบบทเรียน 2. ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยการสมุ่ ถามคำถามเก่ียวกบั ประสทิ ธภิ าพของเครื่องกล ตวั อยา่ งคำถาม 1) ประสิทธิภาพของเครื่องกลคอื อะไร (แนวตอบ: ประสิทธิภาพของเครื่องกลเปน็ ความสามารถในการทำงานของเคร่อื งกล) 2) ประสทิ ธิภาพของเคร่อื งกลมีค่าเปน็ อยา่ งไร และหาได้จากปริมาณใดบา้ ง (แนวตอบ: มคี า่ เป็นเปอรเ์ ซ็นต์ หาได้จากกำลังและงาน) 3. ครูเปิด PowerPoint เรื่อง ประสิทธิภาพของเครื่องกลและเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้นักเรียนดูควบคู่ เอกสารประกอบบทเรียน ท่ีนกั เรียนไดศ้ ึกษามาแล้ว โดยครอู ธิบายชแี้ นะสงิ่ ท่ีถูกต้องให้นกั เรียน 4. ครใู ห้นักเรียนศึกษา เร่ืองหลกั การของงานกบั เครื่องกล จากเอกสารประกอบบทเรยี น และแหล่งเรยี นรู้ 5. ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรยี น โดยการสุ่มถามคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเครอ่ื งกล ตวั อย่างคำถาม 1) การได้เปรียบเชงิ กลของเครอ่ื งกล หาได้อย่างไร (แนวตอบ: การไดเ้ ปรียบเชิงกลของเครือ่ งกลสามารถหาได้จากอัตราสว่ นระหว่างขนาดของแรงที่ได้ จากเครอื่ งกลหรอื แรงพยายามตอ่ ขนาดของแรงท่ีใหก้ ับเคร่ืองกลหรือแรงตา้ น) 2) ค่าของการไดเ้ ปรียบเชงิ กลของเครื่องกล สามารถบอกอะไรบ้าง (แนวตอบ: ถ้าค่าการไดเ้ ปรียบเชิงกลเท่ากบั 1 แสดงว่าเคร่อื งกลนไ้ี มช่ ว่ ยผ่อนแรงแตช่ ่วยอำนวย ความสะดวก ถา้ ค่าการได้เปรยี บเชิงกลมีคา่ มากกว่า 1 แสดงวา่ เครอื่ งกลนี้ช่วยผ่อนแรง ถา้ คา่ การ ไดเ้ ปรียบเชงิ กลมคี ่านอ้ ยกว่า 1 แสดงว่าเครอื่ งกลนีไ้ มช่ ่วยผ่อนแรง) อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครเู ปดิ PowerPoint เรอื่ ง การได้เปรยี บเชิงกล ใหน้ กั เรยี นดู 2. ครูอธิบายสรุป โดยใหน้ ักเรียนศึกษาเอกสารประกอบบทเรยี นเพ่ิมเติม ควบคไู่ ป ข้นั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูนำนกั เรียนให้ร่วมกนั ศึกษา เครื่องกลอยา่ งงา่ ย ประกอบดว้ ย รอก พ้ืนเอยี ง สกรู คาน ลิม่ และ กบั เพลา จากประเด็นคำถาม ดังน้ี ตวั อย่างคำถาม 1) คา่ การได้เปรยี บเชงิ กลของรอกเด่ยี วตายตวั กับรอกเดี่ยวเคลอื่ นท่ีเหมอื นกันหรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ: ไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นรอกเดียวตายตัวจะมีค่าได้เปรียบเชิงกลเท่ากับ 1 แต่ถ้าเป็นรอก เด่ยี วเคลือ่ นท่จี ะมคี ่าไดเ้ ปรยี บเชงิ กลเท่ากบั 2) 2) คานเป็นอย่างไร จงยกตัวอยา่ ง (แนวตอบ: คานเป็นเคร่อื งกลท่มี ีจดุ หมนุ เพอ่ื ทวีคณู แรงเชิงกล เชน่ ค้อนงดั ตะปู กรรไกร ตะเกยี บ) 3) การใชค้ ้อนงดั ตะปสู ัมพันธ์กับกฎการอนรุ ักษพ์ ลังงานอย่างไร (แนวตอบ: งานท่ีใหก้ ับคอ้ นเท่ากบั งานทีไ่ ด้รบั จากคอ้ น)
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่อง งานและพลังงาน หนา้ 72 4) พื้นเอยี งสมั พันธ์กับกฎการอนรุ ักษพ์ ลงั งานอยา่ งไร (แนวตอบ: งานทใ่ี ชใ้ นการดึงวตั ถเุ ท่ากับงานทีใ่ ช้ในการยกวตั ถุขึ้นในแนวดงิ่ ) 5) ลม่ิ สมั พันธ์กับกฎการอนรุ ักษพ์ ลงั งานอย่างไร (แนวตอบ: งานทใี่ ห้กบั ล่ิมเท่ากบั งานท่ีได้จากล่ิม) 6) สกรสู มั พันธ์กบั กฎการอนรุ กั ษพ์ ลังงานอยา่ งไร (แนวตอบ: งานท่ใี ช้หมุนสกรูหนึง่ รอบเท่ากับงานท่ีใชใ้ นการยกวัตถุขนึ้ ในแนวดิง่ ระยะหน่ึงเกลยี ว) 7) ลอ้ กบั เพลาสมั พนั ธ์กบั กฎการอนรุ กั ษ์พลังงานอย่างไร (แนวตอบ: งานท่ใี ห้กับล้อเท่ากับงานท่ีได้จากเพลา) 4. ครใู หน้ กั เรียนแสดงความเห็น วา่ “ถ้านักเรยี นต้องการเคลอื่ นยา้ ยวตั ถุขนาดใหญ่ข้นึ ทสี่ งู จะเคลื่อนย้าย ขึ้นไปโดยออกแรงนอ้ ยทีส่ ุดได้อยา่ งไร (แนวตอบ: ใช้ระบบลอกเข้ามาช่วยยก โดยหลักการของรอกเดี่ยวเคลือ่ นที่ ถ้าไม่มีการสูญเสียพลงั งานซง่ึ เปน็ ไปตามกฎการอนรุ กั ษ์พลงั งาน น่ันคอื ออกแรงเพยี งคร่ึงหนึ่งของนำ้ หนกั วตั ถุเท่านั้น) 5. ครูให้นักเรียนช่วยกันศึกษาตัวอย่าง โดยครูสังเกตการณ์ และแนะนำวิธีการแก้โจทย์ปัญหาที่ถูกต้อง ใหก้ บั นกั เรยี น อธิบายความรู้ (Explain) 1. เม่อื นกั เรียนศึกษาตวั อยา่ งเสรจ็ ครอู ธบิ ายสรุปโจทย์และวิธที ำจากตัวอยา่ ง 2. ครมู อบหมายใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หัดเปน็ การบา้ น ขน้ั สรปุ ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรียนสอบถามในเนอ้ื หาเกยี่ วกบั กำลงั กลอย่างอสิ ระ ผา่ น comment ในระบบ FACEBOOK LIVE 2. ครูนำอภปิ รายสรุปเนอ้ื หา โดยเปดิ PowerPoint เรื่องท่ีสอนไปแลว้ ควบคู่ไปดว้ ย 3. ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาเพิ่มเติม ผ่าน Clip VDO จาก ยูทูป และการทดลองเสมือน ผ่าน เว็บ https://phet.colorado.edu/th/ ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูพดู คุยสื่อสารกับนักเรียน โดยใหน้ กั เรยี นตอบคำถาม เพ่อื เปน็ การตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรียน 2. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม comment ในระบบ FACEBOOK LIVE 3. ครวู ดั และประเมนิ ผลความรู้เรือ่ ง พลังงาน จากระบบโรงเรียนเสมอื นจริง (Virtual School Online) 8. สอ่ื การเรียนรู/้ แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 เล่ม 2 ผู้แต่ง : สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สำนกั พมิ พจ์ ฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2. เอกสารประกอบการสอนออนไลน์ เรือ่ ง งานและพลังงาน 3. สือ่ power point เรอ่ื ง เครอ่ื งกลอย่างง่าย online
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอื่ ง งานและพลังงาน หนา้ 73 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องสมดุ 2. Internet https://phet.colorado.edu/th/ 3. ระบบโรงเรียนเสมอื นจรงิ (Virtual School Online) 4. Clip VDO วิชาฟสิ กิ ส์ - บทเรยี น เครื่องกล https://www.youtube.com/watch?v=rZL4pHlcluk&list=PLeJGvKa_RJ_ YrzdKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=14 การใชง้ านจรงิ ของ สกรู วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส์ https://www.youtube.com/watch?v=mkBcxYYMiP8&list=PLgm36wXFl xy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=190 การใช้งานจริงของพ้ืนเอยี ง วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=04PKkGUD0jI&list=PLgm36wXFlx y8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=191 การทำงานของลอ้ และเพลา วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=GZfPaFaCL7Y&list=PLgm36wXFlx y8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=192 คอ้ นงดั ตะปู วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ กิ ส์) https://www.youtube.com/watch?v=8NV5d0bQQ78&list=PLgm36wXF lxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=193 ใชค้ านงดั ยกวัตถขุ ้นึ ในแนวด่งิ วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสกิ ส์) https://www.youtube.com/watch?v=i2ouh2oCnP8&list=PLgm36wXFl xy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=194 การใชง้ านของรอกเด่ยี วเคลือ่ นท่ี วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=GiOtvlgbFUE&list=PLgm36wXFlx y8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=195 การใช้งานของรอกเด่ียวตายตัว วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=3CCSRjEjOOg&list=PLgm36wXFlx y8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=196
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอื่ ง งานและพลงั งาน หนา้ 74 9. สรปุ ผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่ออธิบายประสิทธิภาพของเครื่องกลและเครื่องใช้ไฟฟ้าและ หลักการทำงานของเคร่ืองกลแบบตา่ ง ๆ จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบ บทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน .โดยมีนักเรียน ร้อยละ 90 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนประเมนิ ผลความรู้เรื่อง พลงั งาน จากระบบโรงเรียนเสมอื นจรงิ (Virtual School Online) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรยี น สามารถคำนวณหาปรมิ าณตา่ ง ๆ ทีเ่ กี่ยวข้องกับการได้เปรยี บเชงิ กลจากเครือ่ งกลอยา่ งงา่ ย จาก สถานการณ์ที่กำหนดให้ โดยมีนกั เรียน ร้อยละ 90 ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ข้นึ ไป ((รอ้ ยละ60 ของคะแนน ประเมนิ ผลความรูเ้ ร่ือง พลงั งาน จากระบบโรงเรยี นเสมือนจรงิ (Virtual School Online) . 9.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นการเรียนรู้ผ่าน Platform FACEBOOK LIVE ในกลุ่มปิด และการศึกษาบทเรียนเพิ่มเติมผ่าน ระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) และมีผลสำเร็จของการเรียนรู้ผ่านตามเกณฑ์ คิดเป็น ร้อยละ 100 ของนกั เรยี นท้งั หมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ลงช่อื วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์) วันที่ 20 มกราคม 2564 . ลงชือ่ .......................................................ผ้นู ิเทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผอื กนาค) วนั ท่ี 20 มกราคม 2564 .
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 75 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 7 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 โมเมนตมั และการชน เรอื่ ง โมเมนตัม กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว31206 ชอื่ รายวชิ า ฟิสกิ สเ์ พิ่มเติม 2 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 เวลาเรียน 4 ชว่ั โมง ผ้สู อน นางสาววจิ ติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนที่ของนวิ ตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนุรักษพ์ ลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตัม การเคล่อื นทแ่ี นวโค้ง รวมทัง้ นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 5. อธบิ ายและคำนวณโมเมนตมั ของวัตถุและการดลจากสมการและพ้นื ที่ใต้กราฟความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งแรง ลัพธก์ บั เวลารวมทง้ั อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหวา่ งแรงดลกับ โมเมนตมั 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ปริมาณที่แสดงการเคล่ือนท่ีของวัตถุที่มีมวลต่อกัน โดยมีโมเมนตัมเป็นปริมาณเวกเตอร์มีค่าเท่ากับผลคูณ ระหว่างมวลและความเร็วของวัตถุ ถ้าวัตถุมีมวลขนาดเท่ากันแต่เคลื่อนท่ีด้วยความเร็วต่างกัน โมเมนตัมของ วัตถุก็จะต่างกัน เช่นเดียวกับวัตถุที่เคลื่อนท่ีด้วยความเร็วเท่ากันแต่มีมวลของวัตถุต่างกันโมเมนตัมก็จะต่างกัน ด้วย 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการวิเคราะห์ 2) ทกั ษะการสื่อสาร 3) ทกั ษะการสงั เกต 4) ทักษะการทำงานร่วมกนั 5) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) อธิบายความหมายและลกั ษณะของโมเมนตัม 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) คำนวณหาปริมาณตา่ ง ๆ ทเี่ กย่ี วกับโมเมนตมั 4.3 คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1) มวี นิ ยั 2) ใฝเ่ รยี นรู้ 3) มุง่ ม่นั ในการทำงาน
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 76 5. ชิ้นงานหรอื ภาระงานท่แี สดงผลการเรียนรู้ ใบงาน เร่ือง โมเมนตัม 6. การประเมิน วิธวี ดั เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน รายการวัด ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบก่อนเรียน ประเมนิ ตามสภาพจรงิ ประเมนิ กอ่ นเรยี น กอ่ นเรยี น ในระบบโรงเรียนเสมือนจรงิ - แบบทดสอบกอ่ นเรียน (Virtual School Online) หนว่ ยการเรยี นรู้ - ตรวจใบงาน เรื่อง โมเมนตมั เรื่อง โมเมนตมั - ใบงาน เรอ่ื งโมเมนตมั -ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การประเมินระหวา่ งการจดั - สงั เกตพฤติกรรม กจิ กรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 1) โมเมนตัม - สงั เกตความมีวินยั การทำงานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มน่ั 2) พฤติกรรมการรายบคุ คล ในการทำงาน - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์ 3) คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) การสอน Online บน Platform FACEBOOK LIVE ในกล่มุ ปดิ ด้วยการ screaming ผ่าน OBS LIVE ครั้งท่ี 7 ชั่วโมงท่ี 1-4 ของแผนการจัดการเรียนรู้ ขนั้ นำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ใหน้ ักเรยี นทราบ 2. ครูถามคำถาม เพื่อนำเข้าสู่บทเรียน ว่า โดยให้นักเรียนพิจารณา กรณีการเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ ทม่ี มีมวลแตกต่างกัน เชน่ รถบรรทุก และ รถจกั รยาน โดยสมมตสิ ถานการณ์ ใหม้ คี วามเรว็ แตกตา่ งกัน และ และความเร็วเทา่ กนั การเปลี่ยนสภาพการเคล่ือนที่ของวตั ถทุ ั้งสองกรณี มีความแตกต่างกันอยา่ งไร บา้ ง โดย ใหน้ ักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเหน็ ผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE โดยครูจะยังไม่เฉลย ว่าถูกหรอื ผดิ 3. ครูชวนนักเรียนพูดคุยเก่ียวกับเรือ่ งที่จะเรียน โดยตงั้ คำถามว่า “นกั เรียนคิดว่าโมเมนตัมคืออะไร เกี่ยวข้องกับ ปรมิ าณใดบ้าง” และให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE โดย ครูจะยังไม่เฉลยว่าถูกหรือผิด 4. ครูชักชวนนักเรียนพูดคุยและกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยถามคำถาม ว่า “รถมอเตอร์ไซค์จะมี โมเมนตัมเท่ากับรถบรรทุกหรือไม่” และให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็น comment ในระบบ FACEBOOK LIVE 5. ครนู ำนกั เรียนสรุปเพอื่ ทบทวนความรู้เดมิ เกยี่ วกับการเปล่ียนสภาพการเคลอ่ื นทข่ี องวัตถุ ขึน้ กับ มวล และ ความเรว็ ของวัตถุ
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 77 ข้นั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูกำหนดสถานการณ์ เพื่อให้นกั เรยี นเปรียบเทียบการออกแรงรับลูกเทนนิสและลกู ปงิ ปองท่ีตกลงมาจาก ระดบั ความสงู เทา่ กนั ใหห้ ยุดนง่ิ ในมือ กบั อกี กรณีหนง่ึ ใหน้ กั เรียนเปรียบเทียบการออกแรงรบั ลูกเทนนิสที่ มมี วลเท่ากัน แตต่ กลงมาจากระดับความสูงแตกตา่ งกันใหห้ ยดุ นิง่ ในมือ 2. ให้นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น comment ในระบบ FACEBOOK LIVE 3. ครูนำนักเรียนให้ศึกษา เรื่อง โมเมนตัม เอกสารประกอบบทเรียนที่ให้นักเรียนดาวน์โหลด หรืออ่าน ประกอบเพม่ิ เตมิ จากหนังสือเรยี น อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครอู ธบิ ายเพิม่ เตมิ จากที่ใหน้ กั เรียนศกึ ษาดว้ ยตนเองวา่ โมเมนตัมของวตั ถเุ ป็นปรมิ าณท่มี ีอยู่ในวัตถุท่ีกำลัง เคลอ่ื นท่ี ใชบ้ อกสภาพการเคลื่อนท่ีของวตั ถุ และโมเมนตมั เปน็ ปริมาณเวกเตอร์ท่ีมีทิศทางเดยี วกับทิศทาง ของความเร็ว โดยโมเมนตัมมคี ่าเท่ากับผลคูณระหว่างมวลกับความเร็วของวตั ถุ สามารถคำนวณหาได้ ดัง สมการ ⃑p = m⃑v 2. ครูเปิด PowerPoint เรื่อง โมเมนตมั ใหน้ ักเรยี นดูควบคกู่ ับภาพแสดงโมเมนตมั ของวตั ถเุ ม่อื วัตถุมีความเร็ว และขนาดตา่ งกนั 3. ครพู ูดคยุ กบั นักเรียนและอธบิ ายลงข้อสรปุ ว่า จากภาพ รถมอเตอร์ไซคท์ ี่มีมวลเท่ากนั แต่ขับข่ดี ว้ ยความเร็ว ที่ต่างกัน ก็จะมีโมเมนตมั ต่างกัน และในทำนองเดียวกันกับรถมอเตอร์ไซค์ที่เคลื่อนที่ด้วยความเรว็ เท่ากบั รถบรรทกุ ก็จะมีโมเมนตัมที่แตกตา่ งกันด้วย ขั้นสอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นักเรยี นศึกษาตวั อย่าง จากสถานการณ์โจทย์ที่กำหนดให้ โดยให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น comment ในระบบ FACEBOOK LIVE 2. ครูคำตอบเพื่ออภิปรายและสาธติ แสดงวิธีการคำนวณหาผลลัพธ์ จากตัวอย่างโจทย์สถานการณ์ท่ีนกั เรยี น ไดศ้ ึกษามาแล้ว อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูให้สถานการณ์ โจทย์เก่ียวกับการใช้นิยามของโมเมนตัม ในการแก้ปัญหา โดยให้นักเรียนช่วยกันทำ แล้วให้แสดงความคิดเห็น comment ในระบบ FACEBOOK LIVE 2. ครูคำตอบของนักเรียน โดยทค่ี รสู อบถามนักเรียนอื่นๆ ว่ามคี ำตอบแตกต่างจากส่ิงท่ีเพื่อนตอบหรือไม่ ถ้า แตกต่างใหน้ ักเรยี นแสดงความเหน็ เพิ่มเตมิ 3. ครูมอบหมายใหน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหัดเพมิ่ เตมิ ขัน้ สรปุ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครใู หน้ ักเรียนสรปุ ความรู้ โดยการตอบคำถามจากเอกสารประกอบบทเรียน ประเดน็ “การหยดุ ลกู บอลจะ ทำได้แตกต่างกนั หรือไม่ เพราะเหตใุ ด” จากภาพสถานการณ์ท่ีกำหนดให้ และกจิ กรรมคำถามตรวจสอบ ความเข้าใจ 2. ให้นักเรยี นรว่ มกันให้แสดงความคิดเห็น comment ในระบบ FACEBOOK LIVE
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หน้า 78 3. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หดั เพ่มิ เตมิ ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครพู ดู คยุ สือ่ สารกบั นักเรียน โดยให้นกั เรียนตอบคำถามวา่ โมเมนตมั คอื อะไร เก่ยี วข้องกับปริมาณใดบา้ ง เพอื่ เป็นการตรวจสอบความเขา้ ใจของผเู้ รียน 2. ครูประเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม comment ในระบบ FACEBOOK LIVE 3. ครูวัดและประเมนิ ผลความร้เู รอ่ื ง โมเมนตัม จากระบบโรงเรยี นเสมอื นจรงิ (Virtual School Online) 8. สอ่ื การเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียนรายวชิ าเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 ผู้แต่ง : สถาบัน สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนกั พมิ พจ์ ฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั 2. เอกสารประกอบการสอนออนไลน์ เรื่อง โมเมนตมั 3. สอื่ power point เรื่อง โมเมนตัม Part1 online 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet 3. ระบบโรงเรียนเสมอื นจริง (Virtual School Online)
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตมั และการชน หนา้ 79 9. สรปุ ผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมอื ในการทำกจิ กรรมเพอ่ื ศึกษา ความหมายของโมเมนตัม ปริมาณที่เกี่ยวข้องกับ โมเมนตัม และการคำนวณหาโมเมนตัมของวัตถุ จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสาร ประกอบบทเรียน เรื่อง โมเมนตัมและการชน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง โมเมนตัม จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบายความหมายของโมเมนตัม บอกปริมาณที่เกี่ยวข้องกับโมเมนตัม และคำนวณหา โมเมนตัมของวัตถุ โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนน ประเมินผลความรเู้ รือ่ ง โมเมนตมั จากระบบโรงเรยี นเสมอื นจริง (Virtual School Online ) . 9.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกจิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความมุ่งมนั่ การเรยี นรูผ้ ่าน Platform FACEBOOK LIVE ในกล่มุ ปิด และการศกึ ษาบทเรียนเพม่ิ เตมิ ผา่ น ระบบโรงเรียน เสมือนจริง (Virtual School Online) และมีผลสำเร็จของการเรียนรู้ผ่านตามเกณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 100 ของ นกั เรียนทัง้ หมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ให้ เหมาะสมกบั บริบทโรงเรยี นและของชนั้ เรียน โดยการสือ่ สารเพ่อื กิจกรรมการเรยี นรู้ ผ่าน Platform FACEBOOK LIVE ในกลุ่มปิด โดยการจัดตารางให้ครูผู้สอนดำเนินการสอนออนไลน์ในช่วงระยะเวลาทีก่ ำหนด ซึ่งเป็น ขอ้ จำกัดในการจัดกจิ กรรม และการเรยี นรขู้ องผ้เู รยี น ประกอบกับความแรงของสัญญาณอนิ เตอร์เน็ตท้ังของ ผู้รับและผู้ส่ง มีผลต่อระยะเวลาที่ในการสื่อสาร ทำให้รูปแบบของการจัดกิจกรรมการเรียนรูจ้ งึ เน้นไปที่การ บรรยายสถานการณ์ และให้นักเรียนแสดงความเห็น ผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE นักเรียนจึง ต้องใช้เวลาเพิ่มเติมในการเรียนรู้การศึกษาบทเรียนเพิ่มเติมผ่าน ระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) เพอื่ ให้มรี ะดบั ผลการเรียนผา่ นตามเกณฑท์ กี่ ำหนด . ลงชอ่ื วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์.) วนั ที่ 25 มกราคม 2564 . ลงช่อื .......................................................ผนู้ ิเทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผอื กนาค) วันที่ 25 มกราคม 2564 .
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หน้า 80 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 8 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 โมเมนตัมและการชน เรอ่ื ง แรงและการเปลย่ี นโมเมนตมั กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว31206 ชื่อรายวิชา ฟิสกิ ส์ เพม่ิ เติม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 เวลาเรยี น 4 ชัว่ โมง ผสู้ อน นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคล่อื นท่ีของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ ักษพ์ ลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตมั การเคล่ือนทแี่ นวโค้ง รวมทงั้ นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 5. อธิบายและคำนวณโมเมนตมั ของวัตถแุ ละการดลจากสมการและพน้ื ที่ใตก้ ราฟความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งแรง ลัพธก์ บั เวลารวมท้ัง อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหวา่ งแรงดลกบั โมเมนตัม 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด แรงที่กระทำต่อวัตถุมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม โดยแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุใด ๆ จะมีค่าเท่ากับ อัตราการเปลี่ยนโมเมนตัมของวัตถุนั้น เช่น ในกรณีการออกแรงรับลูกฟุตบอลของผู้รักษาประตูฟุตบอลซึ่ง เคล่ือนท่ีมาด้วยความเรว็ ที่แตกต่างกัน หากผู้รักษาประตูต้องการหยุดลูกฟุตบอลให้หยุดนิง่ น้ันจะพบว่าการออก แรงรับลูกฟุตบอลในแต่ละครั้งจะต้องออกแรงรับต่างกัน 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 2) ทักษะการสอ่ื สาร 3) ทกั ษะการสงั เกต 4) ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั 5) ทกั ษะการนำความร้ไู ปใช้ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) อธิบายไดว้ า่ เม่ือแรงกระทำตอ่ วตั ถจุ ะทำใหโ้ มเมนตมั เปล่ียนแปลง 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 2) คำนวณหาปรมิ าณทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั โมเมนตมั และการเปลี่ยนแปลงโมเมนตมั 4.3 คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1) มีวนิ ัย 2) ใฝเ่ รยี นรู้
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 81 3) มุ่งมัน่ ในการทำงาน 5. ชิ้นงานหรอื ภาระงานที่แสดงผลการเรยี นรู้ 1. นำเสนอผลการศกึ ษาแรงกับการเปลีย่ นสภาพการเคลือ่ นที่ 6. การประเมนิ วิธวี ดั เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมนิ รายการวดั - ตรวจใบงาน เรอ่ื ง แรงและ - ใบงาน เร่ือง แรงและการ -ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การประเมินระหวา่ งการจัด การเปล่ยี นโมเมนตัม เปล่ียนโมเมนตัม ระดับคุณภาพ 2 กิจกรรม ผา่ นเกณฑ์ 1) แรงและการเปลย่ี น - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม โมเมนตมั การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบคุ คล 3) พฤติกรรมการทำงาน รายบคุ คล 5) คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2 ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์ 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) การสอน Online บน Platform FACEBOOK LIVE ในกลุ่มปิด ด้วยการ screaming ผ่าน OBS LIVE ครง้ั ท่ี 8 ชวั่ โมงที่ 1-4 ของแผนการจัดการเรยี นรู้ ข้ันนำ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูแจง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ใหน้ ักเรยี นทราบ 2. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยถามคำถาม ว่า “แรงมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมอย่างไร” และใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั ตอบ แสดงความเหน็ 3. ครูชักชวนนักเรยี นพูดคุยตอ่ เก่ียวกับเรอ่ื งที่จะเรียน โดยตงั้ คำถามว่า “แรงและการเปลย่ี นแปลงโมเมนตัม หาไดจ้ ากปริมาณใดบา้ ง” แลว้ ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันตอบคำถามปากเปล่าโดยไมม่ ีการเฉลยว่าถกู หรือผิด ข้นั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียน พิจารณาการเตะฟุตบอลซึ่งเดิมอยู่นิ่งให้เคลื่อนที่ ในเอกสารประกอบบทเรียน และใน สไลด์ Powerpoint ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ตามภาพ ซึ่งวัตถุที่กำลัง เคลื่อนที่จะมีโมเมนตมั และโมเมนตัมของวัตถุ ขนึ้ อย่กู บั ความเรว็ ของวัตถุ เมอ่ื ความเรว็ ของวัตถุเปลีย่ นไป โมเมนตมั ของวตั ถุกจ็ ะเปล่ียนไปด้วย อะไร เป็นสาเหตุทำให้วตั ถมุ ีโมเมนตัมเปล่ยี นไป 2. ครูใหน้ ักเรียนพจิ ารณา เมอ่ื วตั ถุมีการเปลยี่ นแปลงความเร็วจะส่งผลใหโ้ มเมนตมั ของวตั ถุเปลีย่ นแปลงตาม ไปดว้ ย ส่งิ เหล่าน้ีเป็นจรงิ อยา่ งไร ใหน้ กั เรยี นศึกษาสถานการณ์
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตัมและการชน หน้า 82 เม่อื วตั ถุมวล m เคลือ่ นท่ีดว้ ยความเร็ว u มแี รงคงตัว F ทไ่ี ม่เป็นศูนยก์ ระทำตอ่ วัตถุในชว่ งเวลา t ทำให้ ความเร็วของวัตถุเปลี่ยนเป็น v ดังรูปต่อในเอกสารประกอบบทเรียน โดยแนะนำให้นักเรียนใช้กฎการ เคลอื่ นทข่ี ้อท่สี องของนวิ ตัน ประกอบการพจิ ารณาสถานการณ์การเคล่อื นทีด่ งั กล่าว 3. ใหน้ กั เรียนศึกษารายละเอียดตามเอกสารประกอบ เก่ยี วกบั จากสมการ แรงลัพธ์ที่ไมเ่ ป็นศูนย์ทกี่ ระทำตอ่ วตั ถจุ ะเท่ากับอัตราการเปล่ียนแปลงโมเมนตัมของวัตถุน้ัน และแรงลัพธท์ ี่กระทำต่อวัตถุเป็นแรงเฉล่ียที่มี คา่ คงตัว หรอื จากหนงั สือเรียนเพ่มิ เตมิ 4. ครูให้นักเรียนร่วมกันศึกษาตัวอย่างโจทย์สถานการณ์จากเอกสารประกอบบทเรียนออนไลน์ โดยให้ นักเรียนลองคิดหาคำตอบ แล้วตอบคำถาม comment ในระบบ FACEBOOK LIVE ขั้นสอน อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูอธิบายเพื่อนำสรปุ ใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจมากยิ่งข้นึ ว่า แรงลพั ธ์ที่กระทำต่อวตั ถุใด ๆ จะมีค่าเทา่ กับอัตราการ เปลยี่ นโมเมนตัมของวัตถุน้ัน สามารถเขยี นสมการได้เปน็ Σ⃑F = ∆⃑p ∆t 2. ครูนำสรุปการพิจารณาภาพการเตะฟุตบอล ว่า “แรงที่กระทำต่อวัตถุมผี ลต่อการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม ของวัตถุ แรงที่มากจะทำให้วัตถเุ กิดการเปล่ียนแปลงโมเมนตัมได้มากกว่าหรือใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลง โมเมนตมั น้อยกวา่ ” 3. ครเู ปิด PowerPoint เรือ่ ง แรงและการเปล่ียนโมเมนตัม ให้นักเรยี นดู และทบทวนกฎการเคลื่อนท่ีข้อที่ 2 ของนิวตัน และการนำกฎนี้ไปหาความสัมพันธ์ระหว่างแรงและโมเมนตัมของวัตถุ จนได้สมการ ΣF⃑ = m⃑v−mu⃑ เพ่อื เป็นการตรวจสอบความเข้าใจอีกครั้ง ∆t 4. ครูเนน้ ให้นักเรยี นทราบว่า กฎการเคลื่อนท่ีข้อท่ี 2 ของนิวตัน อาจกล่าวอีกแบบหน่งึ ว่า แรงลัพธ์ที่กระทำ กบั วตั ถุใด ๆ จะเทา่ กับอัตราการเปล่ียนแปลงโมเมนตมั ของวัตถุนัน้ ทง้ั ขนาดและทศิ ทาง 3. ครนู ำสรุปแนวตอบและสาธิตวิธกี ารคำนวณเก่ียวกบั แรงและการเปล่ยี นโมเมนตัม 4. ครูให้นกั เรียนทำแบบฝึกหัดท้ายเพ่มิ เตมิ ข้ันสรุป ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรยี นสอบถามเน้ือหา เรอ่ื ง แรงและการเปลี่ยนโมเมนตมั ว่ามสี ว่ นไหนทย่ี งั ไม่เขา้ ใจและ ครูให้ความร้เู พม่ิ เติมในสว่ นน้ัน 2. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพ่ิมเติม ข้นั ประเมิน ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูพูดคุยส่ือสารกบั นักเรียน โดยใหน้ กั เรียนตอบคำถาม 2. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม comment ในระบบ FACEBOOK LIVE 3. ครวู ัดและประเมนิ ผลความรู้เร่อื ง โมเมนตมั จากระบบโรงเรยี นเสมือนจริง (Virtual School Online)
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 83 8. สื่อการเรียนร/ู้ แหล่งเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 เล่ม 2 ผู้แต่ง : สถาบัน สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนกั พิมพ์จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 2. เอกสารประกอบการสอนออนไลน์ เรื่อง โมเมนตัม 3. สื่อ power point เรอื่ ง โมเมนตัม Part1 online 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet 3. ระบบโรงเรยี นเสมอื นจริง (Virtual School Online)
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 84 9. สรุปผลการจัดการเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม และการประยุกต์ใช้ ความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับการเปลี่ยนโมเมนตัมในการแก้ปัญหาจากสถานการณ์ที่กำหนดให้ จากการ สืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง โมเมนตัมและการชน โดยมีนักเรียน รอ้ ยละ 97.1 ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ข้ึนไป (รอ้ ยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรเู้ ร่ือง โมเมนตมั จากระบบ โรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือเรียนซ้ำใน ระบบโรงเรียนเสมือนจรงิ ซงึ่ นกั เรียนดำเนนิ การซ่อมเสรมิ แลว้ ผา่ นเกณฑ์ทง้ั หมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบาย และคำนวณหาการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม สามาระประยุกต์ใช้ความสัมพันธ์ ระหวา่ งแรงกับการเปล่ยี นโมเมนตมั ในการแก้ปัญหาจากสถานการณ์ทก่ี ำหนดให้ โดยมนี กั เรียน รอ้ ยละ 9.1 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง โมเมนตัม จากระบบโรงเรียน เสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือเรียนซ้ำในระบบ โรงเรยี นเสมอื นจริง ซง่ึ นกั เรยี นดำเนนิ การซ่อมเสริมแลว้ ผ่านเกณฑท์ ัง้ หมด) . 9.3 ด้านคณุ ลักษณะ นักเรียนให้ความรว่ มมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความมุ่งมน่ั การเรียนรู้ผา่ น Platform FACEBOOK LIVE ในกลุ่มปดิ และการศกึ ษาบทเรยี นเพ่ิมเตมิ ผา่ น ระบบโรงเรียน เสมือนจริง (Virtual School Online) และมีผลสำเร็จของการเรียนรู้ผ่านตามเกณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 100 ของ นกั เรยี นทงั้ หมด . 9.4 ปัญหาอุปสรรค การสอนออนไลน์ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการจัดกิจกรรม และการเรียนรู้ของผู้เรียน ประกอบกบั ความแรงของสัญญาณอินเตอรเ์ น็ตท้งั ของผรู้ ับและผูส้ ่ง มีผลตอ่ ระยะเวลาท่ีในการส่อื สาร ทำให้ รูปแบบของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จึงเน้นไปที่การบรรยายสถานการณ์ และให้นักเรียนแสดงความเห็น ผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE นักเรียนจึงต้องใช้เวลาเพิ่มเติมในการเรียนรู้การศึกษาบทเรียน เพิ่มเติมผ่าน ระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online)เพื่อให้มีระดับผลการเรียนผ่านตามเกณฑ์ท่ี กำหนด . . ลงชื่อ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วนั ที่ 26 มกราคม 2564 . ลงช่อื .......................................................ผนู้ เิ ทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผือกนาค) วันท่ี 26 มกราคม 2564 .
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หน้า 85 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 9 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 โมเมนตัมและการชน เร่ือง การดลและแรงดล กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว31206 ชอื่ รายวิชา ฟิสกิ ส์ เพิม่ เตมิ 2 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 เวลาเรยี น 4 ชั่วโมง ผ้สู อน นางสาววจิ ติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชวี้ ดั /ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นท่ขี องนิวตัน กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ ักษ์พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตัม การเคล่ือนที่แนวโคง้ รวมทัง้ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 5. อธิบายและคำนวณโมเมนตัมของวตั ถแุ ละการดลจากสมการและพืน้ ท่ีใตก้ ราฟความสมั พนั ธ์ระหว่างแรง ลัพธก์ บั เวลารวมท้งั อธิบายความสมั พันธร์ ะหวา่ งแรงดลกบั โมเมนตัม 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด แรงดล (impulsive force) คือ แรงทีก่ ระทำต่อวัตถุในชว่ งเวลาสั้น ๆ การดล (impulse) คือโมเมนตมั ที่ เปลย่ี นแปลงไปและเปน็ ปริมาณเวกเตอรท์ ี่มีทิศทางเดียวกับแรงลพั ธ์ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทกั ษะการวิเคราะห์ 2) ทกั ษะการสื่อสาร 3) ทักษะการสังเกต 4) ทักษะการทำงานร่วมกนั 5) ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) การดลและแรงดล 2) ความสัมพันธ์ระหว่างแรงกบั เวลา 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) บอกความหมายของแรงดลและการดล 2) อธิบายความสัมพันธ์ระหวา่ งแรงกับเวลา
หนว่ ยการเรียนรู้ โมเมนตัมและการชน หน้า 86 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน 5. ชน้ิ งานหรอื ภาระงานทแี่ สดงผลการเรยี นรู้ 1. นำเสนอผลการสืบค้นการดลและแรงดล 6. การประเมิน วธิ ีวัด เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ รายการวัด - ตรวจใบงาน เร่ือง การดล - ใบงาน เรอ่ื ง การดลและ -รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ การประเมินระหวา่ งการจัด และแรงดล แรงดล ระดบั คณุ ภาพ 2 กจิ กรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์ 1) การดลและแรงดล การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล 2) พฤตกิ รรมการทำงาน รายบคุ คล 3 ) คณุ ลกั ษณะอนั พงึ - สงั เกตความมวี ินยั - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มัน่ ในการทำงาน คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) การสอน Online บน Platform FACEBOOK LIVE ในกล่มุ ปดิ ดว้ ยการ screaming ผา่ น OBS LIVE คร้งั ที่ 9 ชวั่ โมงท่ี 1-4 ของแผนการจัดการเรียนรู้ ขน้ั นำ กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรูใ้ ห้นักเรียนทราบ 2. ครูทบทวนความรู้ว่า เม่อื มแี รงลพั ธท์ ่ไี ม่เปน็ ศูนย์มากระทำกบั วัตถุจะทำใหโ้ มเมนตัมของวตั ถุเปลย่ี นไป 3. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยถามคำถาม วา่ “เหตเุ วลาเรากระโดดลงมาจากโต๊ะ เราต้องย่อเข่า” และ เหตุใดไข่ที่ถกู ปลอ่ ยลงมาจากทสี่ งู เมือ่ กระทบพนื้ จึงแตก” และให้นักเรียนช่วยกันแสดงความเห็นผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE 4. ครูชักชวนนักเรียนพูดคุยเชื่อมโยงเกี่ยวกับเรื่องที่จะเรียน โดยตั้งคำถามว่า “การดลและแรงดลคืออะไร และเกี่ยวข้องกบั ปรมิ าณใดบ้าง” แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั ตอบคำถามอยา่ งอิสระ โดย comment ในระบบ FACEBOOK LIVE โดยไมม่ กี ารเฉลยวา่ ถกู หรือผดิ ขน้ั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูนำนักเรียนศึกษาและสืบค้น เรื่อง การดลและแรงดล จากเอกสารประกอบบทเรียน จากสถานการณ์ กรณี การปล่อยไข่ 2 ฟองทีม่ ลี ักษณะเหมอื นกันใหต้ กจากตำแหน่งสูงเท่ากัน ไข่จะตกถงึ พื้นด้วยความเร็ว
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หน้า 87 เท่ากนั และถา้ ใหไ้ ขฟ่ องทหี่ น่ึงตกลงบนพนื้ แข็ง ในทีน่ ค้ี อื พ้ืนไม้ อกี ฟองหนึ่งตกลงบนพน้ื ฟองนำ้ หนา ไข่ที่ ตกลงบนพืน้ ไม้จะแตก แตไ่ ข่ทต่ี กลงบนพื้นฟองนำ้ จะไมแ่ ตก เมอื่ พจิ ารณาการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมของ ไข่ทั้ง 2 ฟอง แตกต่างกันหรือไม่อย่างไร ให้นักเรียนช่วยกันตอบคำถามอย่างอิสระ โดย comment ใน ระบบ FACEBOOK LIVE 3. ครูนำนักเรยี นรว่ มกบั อภปิ รายสถานการณ์ข้างต้น อธิบายความรู้ (Explain) 1. ซึ่งเป็นสถานการณ์การปล่อยไข่ในระดับความสูงที่เท่ากัน แล้วให้นักเรียนทุกคนสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น ให้ นกั เรยี นดูพรอ้ ม ๆ กัน ซ่ึงจะเป็นการแสดงผลการตกของไข่ด้วยความเร็วท่ีชา้ มาก เพอ่ื แสดงให้เห็นถึงส่ิงที่ เกิดขึ้นขณะทีไ่ ขต่ กลงมากระทบกับวัสดุทแี่ ตกตา่ งกนั 2. ครอู ธบิ ายสรปุ กิจกรรมในส่วนท่เี กี่ยวข้องกบั เน้ือหา เรื่อง การดลและแรงดล เพม่ิ เติม 3. ครอู ธิบายเน้นย้ำถึงสงิ่ ทเี่ ชอ่ื มโยงกับเนื้อหา เรือ่ ง การดลและแรงดล 4. ครูพูดคุยกับนกั เรียนแล้วเปิดประเด็นว่า จะมวี ิธีการหรือทำอย่างไรให้ไข่ที่ตกลงมาจากที่สูงไม่แตก โดยให้ นกั เรียนแสดงความเหน็ ผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE 5. ครูถามคำถามกบั นักเรียนเพอื่ เปน็ การนำสรุปผลการสร้างความเขา้ ใจของนักเรียนใหไ้ ปในแนวทางเดียวกัน เชน่ 1) การดลคอื อะไร (แนวตอบ: การดลคือโมเมนตมั ท่ีเปล่ียนไป และเปน็ ปรมิ าณเวกเตอรท์ ีม่ ีทิศทางเดยี วกับแรงลพั ธ์ โดยมี หน่วยเดียวกบั โมเมนตมั ) 2) การดลหาไดจ้ ากอะไรไดบ้ า้ ง (แนวตอบ: การดลหาได้จากการคำนวณและการหาพื้นทใ่ี ตก้ ราฟ) 3) การดลมกี แี่ บบ อะไรบ้าง (แนวตอบ: การดลมี 2 แบบ คือ การดลเนื่องจากแรงคงท่ี และการดลเนอ่ื งจากแรงไม่คงที่) 2. ครูอธิบายเนื้อหาเกี่ยวกับการดลและแรงดลอีกครั้ง โดยเปิด PowerPoint เรื่อง การดลและแรงดล ให้ นักเรียนดู เพอ่ื เปน็ การสร้างความเข้าใจของนักเรยี นให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ขัน้ สรุป ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูเปิด PowerPoint เรือ่ ง การดลและแรงดล ใหน้ กั เรยี นดูเพอื่ เป็นการตรวจสอบความเขา้ ใจอกี ครงั้ 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนื้อหา เรื่อง การดลและแรงดล ว่ามีส่วนไหนที่ยังไม่เข้าใจ และครูให้ ความรเู้ พิม่ เติมในสว่ นน้นั 3. ครูมอบหมายให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเพิ่มเติม ขั้นประเมิน ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูพดู คยุ สอ่ื สารกับนกั เรียน โดยให้นักเรียนตอบคำถาม 2. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม comment ในระบบ FACEBOOK LIVE 3. ครูวดั และประเมินผลความรเู้ รือ่ ง โมเมนตมั จากระบบโรงเรยี นเสมอื นจรงิ (Virtual School Online)
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หนา้ 88 8. สอ่ื การเรียนรู/้ แหล่งเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 เล่ม 2 ผู้แต่ง : สถาบัน ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สำนกั พมิ พ์จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 2. เอกสารประกอบการสอนออนไลน์ เรอ่ื ง โมเมนตัม 3. สอ่ื power point เรอื่ ง โมเมนตมั Part1 online 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. หอ้ งสมุด 2. Internet 3. ระบบโรงเรียนเสมอื นจริง (Virtual School Online) 4. VDO clip : Egg Drop - Impulse and Momentum ท่มี า https://youtu.be/0KIqwT_NBh0
หน่วยการเรียนรู้ โมเมนตมั และการชน หนา้ 89 9. สรุปผลการจัดการเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาเกี่ยวกับการดลและแรงดล จากการสืบค้น การศึกษา จากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง โมเมนตัมและการชน ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างแรงดลกับโมเมนตัม สมการและพื้นที่ใต้กราฟความสัมพั นธ์ระหว่างแรง ลัพธ์กบั เวลา การประยุกต์ใช้ความร้เู กย่ี วกับ โมเมนตมั ของวัตถุ การดล และแรงดลในการแกป้ ญั หา โดย มีนกั เรียน รอ้ ยละ 100 ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึน้ ไป (รอ้ ยละ60 ของคะแนนประเมนิ ผลความรเู้ รอื่ ง โมเมนตมั จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือ เรียนซำ้ ในระบบโรงเรียนเสมอื นจรงิ ซง่ึ นักเรยี นดำเนินการซอ่ มเสริมแลว้ ผา่ นเกณฑท์ ัง้ หมด) . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป ((อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง โม เมนตมั จากระบบโรงเรยี นเสมอื นจรงิ (Virtual School Online) โดยนักเรียนทไี่ ม่ผา่ นเกณฑ์ ดำเนนิ การซอ่ มเสริม หรอื เรยี นซ้ำในระบบโรงเรยี นเสมือนจรงิ ซงึ่ นกั เรยี นดำเนินการซอ่ มเสริมแลว้ ผา่ นเกณฑท์ ้ังหมด) . 9.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ นักเรียนให้ความรว่ มมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความมุ่งมน่ั การเรียนรู้ผ่าน Platform FACEBOOK LIVE ในกลมุ่ ปิด และการศกึ ษาบทเรยี นเพิม่ เตมิ ผา่ น ระบบโรงเรียน เสมือนจริง (Virtual School Online) และมีผลสำเร็จของการเรียนรู้ผ่านตามเกณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 100 ของ นกั เรยี นทั้งหมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค การสอนออนไลน์ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการจัดกิจกรรม และการเรียนรู้ของผู้เรียน ประกอบกับความแรงของสัญญาณอนิ เตอร์เนต็ ทงั้ ของผ้รู บั และผู้ส่ง มีผลตอ่ ระยะเวลาทใี่ นการสอ่ื สาร ทำให้ รูปแบบของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จึงเน้นไปที่การบรรยายสถานการณ์ และให้นักเรียนแสดงความเห็น ผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE นักเรียนจึงต้องใช้เวลาเพิ่มเติมในการเรียนรู้การศึกษาบทเรียน เพิ่มเติมผ่าน ระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online)เพื่อให้มีระดับผลการเรียนผ่านตามเกณฑ์ท่ี กำหนด . ลงช่ือ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์.) วันที่ 28 มกราคม 2564 . ลงชื่อ.......................................................ผ้นู เิ ทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผือกนาค) วนั ที่ 28 มกราคม 2564 .
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หนา้ 90 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 10 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 โมเมนตัมและการชน เร่ือง การชน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว31206 ชื่อรายวิชา ฟิสกิ ส์ เพ่ิมเตมิ 2 ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 เวลาเรียน 14 ชวั่ โมง ผสู้ อน นางสาววิจติ ตา อำไพจติ ต์ โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ช้วี ดั /ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นทข่ี องนวิ ตนั กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตัม การเคลือ่ นท่ีแนวโคง้ รวมท้ังนำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 6.ทดลองอธบิ าย และคำนวณปริมาณต่างๆ ท่เี ก่ียวกบั การชนของวัตถุในหนง่ึ มิติทง้ั แบบ ยืดหยุ่นไม่ยืดหยุ่น และการดีดตวั แยกจากกนั ในหนงึ่ มิตซิ ง่ึ เปน็ ไปตามกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตัม 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การชนในหน่ึงมิติ คือ การชนกันของวัตถุที่มีแนวเคลื่อนที่ของวัตถุทั้งก่อนชนและหลังชนอยู่ในแนวเส้นตรง เดียวกัน กฎการอนุรักษ์โมเมนตัม คือ ผลรวมของโมเมนตัมก่อนการชนของระบบเท่ากับผลรวมของโมเมนตัม หลังการชนของระบบ การชนในสองมิติ คือ การชนกันของวัตถุที่มีแนวการเคลื่อนที่ของวัตถุก่อนและหลังชนทำ มุมต่อกัน การระเบิดหรือการดีดตัว คือ การที่วัตถุหรือระบบวัตถุแยกออกจากกัน มวลของวัตถุจะคงที่ โม เมนตัมมีค่าคงตัวแต่พลังงานจลน์ของระบบไม่คงตัวซ่ึงเป็นกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการวเิ คราะห์ 2) ทกั ษะการสอ่ื สาร 3) ทกั ษะการสงั เกต 4) ทกั ษะการทำงานร่วมกนั 5) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้ 6) ทักษะการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) การชนในแบบต่าง ๆ 2) กฎการอนรุ กั ษโ์ มเมนตัม 2) ชนแบบยืดหยุ่นและการชนแบบไม่ยดื หยุ่น
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หนา้ 91 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายการชนในหนง่ึ มิติ 2) ทดลองการชนของวตั ถใุ นหน่ึงมิตเิ พือ่ อธบิ ายการชนแบบยดื หยุ่นและการชนแบบไมย่ ืดหยนุ่ 3) คำนวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ทเ่ี กี่ยวกบั การชนในแบบต่าง ๆ 4.3 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) มีวนิ ัย 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) มุ่งมั่นในการทำงาน 5. ชนิ้ งานหรอื ภาระงานท่แี สดงผลการเรยี นรู้ 1. การทดลอง เรื่อง การชนในหน่ึงมิติ 6. การประเมิน วิธวี ดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน รายการวดั ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบหลังเรียน ประเมนิ ตามสภาพจรงิ การประเมนิ หลงั เรียน หลังเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรยี นรู้ เรอ่ื ง -ตรวจใบงาน เรือ่ ง กิจกรรม -ใบงาน เร่ือง กิจกรรมการ -ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ โมเมนตัมและการชน การชนกันของวตั ถใุ นแนว ชนกันของวัตถุในแนว -ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการ เสน้ ตรง -ใบงาน เรื่อง กิจกรรมการ จัดกจิ กรรม -ตรวจใบงาน เรอื่ ง กจิ กรรม ดีดตัวแยกจากกนั ของวตั ถใุ น ระดบั คณุ ภาพ 2 1) การชน การดดี ตัวแยกจากกนั ของ แนวเส้นตรง ผ่านเกณฑ์ วตั ถุในแนวเสน้ ตรง ระดับคณุ ภาพ 2 2) การนำเสนอผลงาน - ผลงานที่นำเสนอ ผา่ นเกณฑ์ - ประเมินการนำเสนอ 3) พฤติกรรมการทำงาน ผลงาน - แบบสงั เกตพฤติกรรม รายบคุ คล การทำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล 4) คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมิน ระดบั คณุ ภาพ 2 ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตัมและการชน หนา้ 92 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชวั่ โมงท่ี 1 ขั้นนำ กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูพูดคุยกับนักเรียนเกี่ยวกับเนื้อหาที่ได้ศึกษาและเรียนรู้ไปก่อนหน้านี้ว่ายังมีส่วนไหนที่ยังไม่เข้าใจบ้าง เป็นการแลกเลย่ี นความร้ซู ง่ึ กันและกันระหวา่ งครกู ับนกั เรยี น 2. ครูแจ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ให้นกั เรียนทราบ 3. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยถามคำถาม ว่า “การเคลื่อนที่ของจรวดและการระเบิดเกี่ยวข้องกนั อยา่ งไร” และใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ตอบคำถามปากเปล่า หรือครสู ุม่ ถามนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (แนวตอบ: การระเบดิ เปน็ เหตกุ ารณ์ตรงขา้ มกบั การชน กล่าวคือ วัตถเุ คล่อื นท่แี ยกออกจากกนั สำหรบั การ เคลื่อนท่ีของจรวดเก่ียวขอ้ งกบั การระเบิด คือ เม่อื จรวดขบั เชื้อเพลิงหรอื แก๊สร้อนออกมา จะทำให้เกิดแรง ผลักทำให้จรวดเคลื่อนที่ไปอีกทางหนึ่ง ขณะที่แก๊สร้อนที่ถูกปล่อยออกมาเคลื่อนที่ไปอีกทางหนึ่งในทิศ ทางตรงข้ามกบั ทศิ ทางของจรวด) 4. ครูชักชวนนักเรียนพูดคุยเชอ่ื มโยงเก่ียวกับเรอื่ งที่จะเรียน โดยตั้งคำถามวา่ “นกั เรียนคดิ วา่ การชนคืออะไร และมกี ี่แบบ” แลว้ ให้นักเรียนชว่ ยกันตอบคำถามอย่างอสิ ระโดยไม่มีการเฉลยว่าถูกหรอื ผิด (หมายเหต:ุ ครเู ริม่ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล) 5. ครูแจ้งให้นักเรียนทราบว่า ในเรื่องของการชนหัวข้อที่จะได้ศึกษากัน ได้แก่ การชนในหนึ่งมิติ กฎการ อนรุ กั ษ์โมเมนตมั การชนในสองมติ ิ และการระเบิด ขั้นสอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูใหน้ กั เรยี นศกึ ษาความหมายของการชน และการชนในหน่งึ มิติ จากหนงั สอื เรยี น 2. ครชู กั ชวนพดู คยุ ซกั ถามนักเรียน เพื่อใหน้ ักเรียนไดอ้ ภปิ รายผลการศึกษา เปน็ การตรวจสอบความเข้าใจใน เบ้ืองต้น ชวั่ โมงที่ 2 ขั้นสอน สำรวจคน้ หา (Explore) (ตอ่ ) 4. ครใู ห้นกั เรียนศึกษาเนือ้ หา เรื่อง การชนในหนง่ึ มติ ิ จากหนังสอื เรยี น แล้วใหเ้ ขียนสรปุ ตามความเข้าใจของ ตนเองลงในสมุดประจำตัว 5. ครูสมุ่ เรยี กนกั เรียนออกมาหนา้ ชั้นเรียน แลว้ ถามคำถามเก่ียวกบั การชนในหนงึ่ มิติ เช่น 1) การชนในหนง่ึ มติ ิ คอื อะไร (แนวตอบ: การชนกนั ของวัตถทุ ีม่ แี นวการเคลื่อนท่ีของวัตถุทั้งก่อนชนและหลงั ชนอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน หรืออาจ กลา่ วว่า การทวี่ ัตถุชนกันโดยทจ่ี ุดศนู ยก์ ลางมวลของวตั ถทุ ่เี คล่อื นทีเ่ ข้าชนผ่านจดุ ศูนยก์ ลางมวลของวัตถทุ ี่ถูกชน) 2) การชนแบบยืดหยุ่นมลี กั ษณะอยา่ งไร (แนวตอบ: การชนแบบยืดหยุ่นคือการชนกันของวัตถุที่มีแรงภายนอกมีค่าเป็นศูนย์มากระทำ ไม่สูญเสยี พลงั งาน เปน็ ไปตามกฎการอนุรักษ์โมเมนตมั และพลังงานจลน์) 3) การชนแบบไม่ยดื หยนุ่ มีลักษณะอย่างไร
หนว่ ยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หน้า 93 (แนวตอบ: การชนแบบไม่ยืดหยุ่น คือ การชนกันของวัตถุที่มีแรงภายนอกมากระทำโดยมคี า่ เป็นมากกว่าแรงดลของ วัตถุ สญู เสยี พลงั งานหรอื พลงั งานเปลี่ยนรูป เป็นไปตามกฎการอนรุ ักษโ์ มเมนตัมแต่ไมเ่ ป็นไปตามกฎการอนุรักษ์พลังงาน จลน์) 4) การชนแบบไมย่ ดื หย่นุ อยา่ งสมบูรณ์มลี กั ษณะอย่างไร (แนวตอบ: การชนแบบไม่ยืดหยุ่นอย่างสมบูรณ์ คือ การชนกันของวัตถุที่มีการสูญเสียพลังงานจลน์ไปมากที่สุด ภายหลงั การชนวัตถุจะเคลอ่ื นทต่ี ดิ กนั ไป เป็นไปตามกฎการอนุรกั ษ์โมเมนตมั แตไ่ ม่เปน็ ไปตามกฎการอนุรกั ษพ์ ลงั งาน จลน์) 6. ครูร่วมสรุปและยกตัวอย่างเกี่ยวกบั เรื่อง การชนในหนึ่งมิติ รวมถึงการแบ่งการชนกันของวัตถุได้เป็น 2 ประเภท ตามลักษณะถา่ ยโอนพลังงานจลน์ ดังน้ี 1) การชนแบบยดื หยุน่ 2) การชนแบบไมย่ ืดหยนุ่ 7. ครเู นน้ ถงึ การคำนวณหาพลงั งานจลนท์ ส่ี ญู เสยี ไปจากการชน ตามสมการ จากหนงั สอื เรียน 8. ครูเปิด PowerPoint เรื่อง การชนแบบยืดหยุ่น และการชนแบบไม่ยืดหยุ่น ให้นักเรียนดูควบคู่ไปกับการ สรุปเนอ้ื หาจากหนังสือเรยี น ชั่วโมงท่ี 3 ขั้นสอน สำรวจคน้ หา (Explore) (ตอ่ ) 8. ครใู ห้นักเรยี นแบ่งกล่มุ กลมุ่ ละ 5-6 คน และให้นกั เรียนศึกษาวิธกี ารทำกิจกรรมการชนกันของวัตถุในแนว เสน้ ตรง จากหนังสือเรยี น 9. ครใู หต้ วั แทนแต่ละกลุม่ ออกมรับอปุ กรณก์ ลบั ไปทกี่ ลมุ่ ตนเอง แลว้ ใหน้ กั เรยี นลงมอื ทำกจิ กรรมตามขั้นตอน แล้วบันทึกผลการทำกิจกรรมลงในแบบบันทึกกิจกรรม เรื่อง กิจกรรมการชนกันของวัตถุในแนวเส้นตรง จากใบงาน เร่ือง กจิ กรรมการชนกันของวัตถุในแนวเสน้ ตรง โดยครูสงั เกตการณ์ และคอยใหค้ ำปรกึ ษา (หมายเหตุ: ครเู ริม่ ประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม) 10. ครเู น้นยำ้ ใหน้ กั เรยี น ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรมท่ี หลังจากการทำกจิ กรรม ในแบบบันทึกกจิ กรรม 1) หลงั การชนของรถทดลองในตอนที่ 1 และตอนท่ี 2 การเคลือ่ นท่ขี องรถทดลองทัง้ สองเปน็ อย่างไร (แนวตอบ: ในตอนที่ 1 เมื่อรถทดลองคันที่ 2 เข้าชนกับรถทดลองคันที่ 1 รถทดลองคันที่ 2 จะหยุดนิ่ง ส่วนรถ ทดลองคันที่ 1 จะเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรงเดียวกับแนวการเคลื่อนที่ของรถทดลองคันที่ 2 ด้วยความเร็วเท่ากับ ความเร็วของรถทดลองคนั ที่ 2 สว่ นตอนที่ 2 รถทดลองคันที่ 2 ที่ว่งิ เข้าชนจะเคลือ่ นที่ติดกันไปกบั รถทดลองคันที่ 1 ท่ี ถกู ชนไปในแนวเสน้ ตรงเดยี วกบั รถทดลองคันทีเ่ ขา้ ชน โดยมีความเรว็ ลดลง) 4) เมื่อเพิ่มมวลของรถทดลองคันที่ 2 ทั้ง 2 กรณี การเคลื่อนที่ของรถทดลองเปลี่ยนแปลงไป หรือไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ: ในกรณีการชนแบบยืดหยุ่นเมื่อรถทดลองมีมวลเพิ่มขึ้น ทำให้เมื่อออกแรงผลักที่เท่ากัน รถทดลองจะ เคล่อื นทด่ี ว้ ยความเร็วก่อนการชนที่นอ้ ยลง แต่ในทางกลบั กันเมอ่ื รถทดลองมมี วลเพิ่มขึน้ ความเร็วหลังการชนก็จะมาก ขึน้ ตามไปด้วยในทกุ กรณี) 5) ผลรวมของโมเมนตัมและพลังงานจลน์ก่อนชนและหลงั ชนในท้ัง 2 กรณมี ีค่าอยา่ งไร (แนวตอบ: ผลรวมของโมเมนตัมก่อนการชนและผลรวมของโมเมนตมั หลังการชนมีค่าเทา่ กันในทุกกรณี และผลรวม ของพลังงานจลน์ก่อนการชนและผลรวมของพลังงานจลน์หลังการชน กรณีการชนแบบยืดหยุ่นจะมีค่าเท่ากัน ส่วน กรณีการชนแบบไม่ยดื หยนุ่ ผลรวมของพลงั งานจลนก์ อ่ นการชนจะมคี า่ มากกวา่ ผลรวมของพลังงานจลน์หลงั การชน) ชว่ั โมงที่ 4
หน่วยการเรยี นรู้ โมเมนตมั และการชน หน้า 94 ขัน้ สอน อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. หลังการทำกิจกรรมครูให้ตัวแทนของแต่ละกลุ่ม ออกมาอภิปรายถึงผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน เพื่อ เป็นการแลกเปลย่ี นความรทู้ ่ไี ดจ้ ากการทำกิจกรรม 2. ครูและนักเรยี นรว่ มกันลงขอ้ สรปุ ผลการทำกจิ กรรม การชนกนั ของวตั ถุในแนวเสน้ ตรง 3. ครูแนะนำใหค้ วามรู้เพิ่มเติมถึงผลจากการทำกิจกรรมว่า ในกิจกรรมทงั้ 2 ตอน ผลรวมของโมเมนตัมก่อน การชนและผลรวมของโมเมนตัมหลังการชน อาจมีค่าไม่เท่ากันแต่ใกล้เคียงกัน อาจมีสาเหตุมาจากการ เลือกช่วงทจ่ี ะหาความเรว็ ก่อนการชนและหลงั การชนผดิ พลาดไป จากกิจกรรมจะหาความเรว็ ตรงจุดที่เกิด การชนโดยตรงไม่ได้ จะต้องหาความเร็วเฉลี่ยในช่วงเวลาสั้น ๆ ทั้งก่อนและหลังการชนแทน จึงจะได้ว่า ความเร็วเฉลี่ยทห่ี าไดม้ คี า่ เทา่ กบั ความเรว็ ตรงจดุ ทีเ่ กดิ การชน และสำหรบั กิจกรรมตอนท่ี 1 นัน้ ผลรวมของ พลังงานจลนก์ ่อนการชนและหลงั การชนอาจไมเ่ ท่ากนั สาเหตุ คือ ความเร็วทีว่ ดั ไดท้ ัง้ ก่อนและหลังการชน ผิดพลาดไป ซ่ึงเกิดจากการเลือกชว่ งจุดทใ่ี ชว้ ัดความเร็วไมถ่ ูกต้อง และผลเกิดจากแรงเสียดทานระหว่างล้อ รถทดลองกับพน้ื ด้วย 4. หลงั จากลงข้อสรุปผลการทำกิจกรรมแล้วใหน้ กั เรียนรวบรวมใบงาน เรอื่ ง กจิ กรรมการชนกันของวัตถุใน แนวเส้นตรง ส่งคืนครู 5. ครใู หน้ ักเรียนดภู าพ อปุ กรณ์สาธติ โมเมนตมั แล้วเปิดโอกาสให้นักเรียน ได้แสดงความคิดเห็น หรือครูอาจสุ่มเรียกนักเรียนแล้วให้อธิบาย หลกั การทำงานในสว่ นที่เก่ยี วขอ้ งกับ โมเมนตัมและการชน 6. ครูให้ความร้เู พ่มิ เติมเกี่ยวกับ อุปกรณ์สาธติ โมเมนตมั ว่า เมอื่ ดงึ ลูกหน่ึง ซ่ึงอยู่ดา้ นรมิ สุดขนึ้ แล้วปลอ่ ยให้เคลอ่ื นที่เข้าชนลกู อน่ื ๆ พบวา่ เฉพาะ ลูกสุดท้ายที่อยู่ด้านตรงข้ามจะดดี ตัวออก เช่น ถ้าดึงขึน้ 2 ลูก เมื่อเข้า ชนก็จะดีดออก 2 ลูก จึงกล่าวได้ว่า ในการชนของลูกกลมที่มีมวล อุปกรณส์ าธิตโมเมนตัม เท่ากันทุกลูก เป็นการชนแบบยืดหยุ่น หลังการชนลูกที่เข้าชนจะถ่าย โอนโมเมนตัมทั้งหมดให้กับลูกที่ถูกชน ลูกที่เข้าชนจะหยุดนิ่ง ลูกที่ถูก ชนจะถา่ ยโอนโมเมนตมั ท้งั หมดให้กับลูกท่ีอยู่ถดั ไป จนกระทง่ั ถงึ ลูกสดุ ท้ายจงึ กระเดน็ ออกไป ชัว่ โมงที่ 5 ขนั้ สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูใหน้ ักเรียนจับคูก่ บั เพ่ือนท่ีอยู่ขา้ ง ๆ แล้วเป่ายิ้งฉบุ กนั จากน้ันครูใหน้ ักเรียนแยกเปน็ สองกลุ่ม คือ กลุ่มท่ี ชนะ และกลุม่ ทแ่ี พ้ 2. ครใู หส้ มาชกิ กลมุ่ ท่ีชนะนบั เลข 1-4 และสมาชิกกลุ่มท่ีแพ้นับเลข 5-8 จากน้นั ใหน้ กั เรียนที่นับเลขเดียวกัน แยกออกไปอยู่กลุ่มเดยี วกัน 3. ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มช่วยกันศึกษา เรื่อง กฎการอนุรกั ษโ์ มเมนตัม จากหนงั สือเรยี น 4. นกั เรยี นรว่ มกนั พดู คยุ สรปุ ผลการศึกษาภายในกลมุ่ 5. ครูให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาหน้าชัน้ เรียน เพื่ออภิปรายผลการศึกษา โดยครูและนักเรยี นกลุ่มอ่ืน ๆ รว่ มกนั ถามคำถามทส่ี งสยั เช่น 1) กฎการอนุรกั ษโ์ มเมนตัมคอื อะไร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195