หน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนที่แนวโค้ง หนา้ 145 8. ส่อื การเรยี นร/ู้ แหล่งเรียนรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น เรื่อง การเคล่อื นทแ่ี นวโค้ง 2. สอ่ื Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet วิชาฟสิ ิกส์ - บทเรยี น การเคลื่อนทแี่ บบวงกลม https://www.youtube.com/watch?v=Pyj76ESdILw&list=PLeJGvKa_RJ_Yrz dKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=56 การเหวี่ยงแป้นไม้ท่มี ถี ้วยพลาสตกิ บรรจนุ ้ำวางอยู่ วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=Ity1- VGAO6Q&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=347 การเคล่อื นทแ่ี บบวงกลมในแนวระดบั วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ กิ ส์) https://www.youtube.com/watch?v=BjLD0sjBnWk&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=321 ลกู กลมโลหะเคล่ือนที่ไปตามรางโคง้ วงกลม วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=JroPglDU7zc&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=201
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลือ่ นที่แนวโคง้ หน้า 146 9. สรปุ ผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาลักษณะของการเคลื่อนที่แบบวงกลม ปริมาณที่ เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบ บทเรียน เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือเรียนซ้ำในระบบโรงเรียนเสมือนจริง ซ่ึง นกั เรยี นดำเนินการซอ่ มเสรมิ แล้ว ผ่านเกณฑท์ ั้งหมด) . 9.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถ อธิบายลักษณะของการเคล่ือนที่แบบวงกลม และปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนท่ี แบบวงกลม ยกตวั อยา่ งการเคลื่อนท่ีแบบวงกลมไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั โดยมีนกั เรียน รอ้ ยละ 100 ผ่าน เกณฑ์ในระดับดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบ โรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนกั เรียนที่ไมผ่ า่ นเกณฑ์ ดำเนนิ การซ่อมเสรมิ หรือเรียนซ้ำใน ระบบโรงเรียนเสมอื นจรงิ ซึง่ นกั เรียนดำเนนิ การซ่อมเสรมิ แล้ว ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด) . 9.3 ด้านคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมัน่ ในการทำงาน และการศึกษาบทเรยี นเพมิ่ เติมผ่าน ระบบโรงเรียนเสมอื นจริง (Virtual School Online) และมผี ลสำเรจ็ ของการเรียนรู้ผา่ นตามเกณฑ์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ของนักเรยี นท้ังหมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรปู แบบการจัดการเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วมสังเกตุการทดลองแล้ว บันทกึ ผลการทดลองร่วมกัน ส่วนนกั เรียนทไ่ี มส่ ะดวกเดินทางมาเรียนท่ีโรงเรียน จะเลอื กใช้วิธีการซึกษา บทเรยี นเพ่มิ เติมผ่าน ระบบโรงเรียนเสมือนจรงิ (Virtual School Online). . ลงชื่อ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์.) วันที่ 23 กุมภาพนั ธ์ 2564 . ลงชื่อ.......................................................ผ้นู ิเทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผือกนาค) วนั ท่ี 23 กุมภาพนั ธ์ 2564 . แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 20
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคล่ือนทแี่ นวโค้ง หนา้ 147 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 การเคลื่อนท่แี นวโคง้ เร่ือง การเคลื่อนท่ีแบบวงกลม 5 กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว31206 ชือ่ รายวิชา ฟสิ กิ ส์เพิม่ เตมิ 2 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง ผสู้ อน นางสาววิจติ ตา อำไพจติ ต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ช้ีวดั /ผลการเรียนรู้ สาระท่ี 1 เขา้ ใจธรรมชาติทางฟสิ ิกสป์ รมิ าณและกระบวนการวัด การเคล่อื นท่แี นวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนท่ีของนวิ ตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรกั ษพ์ ลังงานกล การเคลื่อนที่แนวโค้งและกฎการอนุรักษ์ การเคลื่อนที่แนวโค้ง การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ 8. ทดลองและอธิบายความสัมพันธร์ ะหว่าง แรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของการเคลื่อนที่ อัตราเรว็ เชิงเสน้ อัตราเร็ว เชิงมุม และมวลของวัตถุในการเคล่อื นที่แบบวงกลมในระนาบ ระดบั รวมทง้ั คำนวณปรมิ าณต่างๆทเี่ กย่ี วข้องและ ประยุกต์ใช้ความรกู้ ารเคลื่อนท่แี บบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทียม 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด วัตถุทเ่ี คลอ่ื นที่เปน็ วงกลมหรอื ส่วนของวงกลม เรยี กวา่ วตั ถุน้นั มีการเคลอื่ นทแ่ี บบวงกลม ซึ่งมี แรงลพั ธ์ ทก่ี ระทำกับวัตถใุ นทิศเขา้ สู่ศนู ยก์ ลาง เรยี กวา่ แรงสศู่ นู ยก์ ลาง ทำใหเ้ กดิ ความเร่งสู่ศูนย์กลางทีม่ ขี นาดสัมพนั ธ์กบั รัศมีของการเคล่อื นที่และอัตราเร็วเชงิ เสน้ ของวัตถุ ซง่ึ แรงสศู่ นู ยก์ ลางคำนวณไดจ้ ากสมการ ������������ = ������������2 ������ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 2) ทกั ษะการสงั เกต 3) ทกั ษะการสื่อสาร 4) ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน 5) ทักษะการนำความรูไ้ ปใช้ 6) ทักษะการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ความหมาย ลักษณะของการเคลอื่ นท่ีแบบวงกลม 2) การทดลอง ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งแรงสู่ศนู ย์กลาง รศั มีวงกลม อตั ราเร็วของการเคลือ่ นทีเ่ ป็น วงกลม 3) ปริมาณทเี่ กย่ี วขอ้ งกับการเคล่ือนทีแ่ บบวงกลม
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคล่ือนทแ่ี นวโค้ง หนา้ 148 4) ยกตัวอย่างการเคล่ือนที่แบบวงกลมไปใช้ในชวี ิตประจำวนั ได้ (P) 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายความหมาย ลกั ษณะของการเคล่อื นท่ีแบบวงกลม 2) ทำการทดลอง และสรุปความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงสู่ศูนย์กลาง รศั มีวงกลม อตั ราเร็วของการ เคล่ือนที่เปน็ วงกลม 3) มที กั ษะการคำนวณหาปรมิ าณทีเ่ ก่ยี วข้องกับการเคลื่อนทแ่ี บบวงกลม 4) ยกตวั อยา่ งการเคลอื่ นท่ีแบบวงกลมไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั 4.3 คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) มวี ินยั 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) ม่งุ มั่นในการทำงาน 5. ช้ินงานหรือภาระงานทแ่ี สดงผลการเรียนรู้ 1. การนำเสนอและอภิปรายความร้ทู ีไ่ ด้คน้ คว้ามา 2. แบบฝึกหัด 3. การสรปุ สาระสำคัญลงในสมดุ 6. การประเมนิ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วธิ กี าร แบบฝึกหัดเพมิ่ เติม ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี ขึ้นไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หัดเพมิ่ เตมิ ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขน้ึ ไป 2. ตรวจแบบฝึก เพือ่ บันทกึ แบบฝกึ ทักษะ ข้อคำถามอัตนัย ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขึ้นไป สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ดา้ น เพื่อวัดความสามารถในการสื่อสาร ความคิด และการสือ่ สาร ไดแ้ ก่ การอธิบาย การเขยี น 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บนั ทกึ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มวี นิ ยั ใฝ่ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ มี เรียนรู้ และมงุ่ มั่นในการทำงาน วินัย ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ ม่นั ใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. สำรวจรายชอื่ นกั เรียน ประเมนิ ด้านคุณธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ครูแจ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นรแู้ ละการวัดผลประเมนิ ผลดา้ น KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑก์ ารวัดผลและการใหค้ ะแนนในสว่ นตา่ งๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกับ หลักการ ข้อปฏบิ ตั ิและกฎระเบยี บในการเรยี นการ สอนในหอ้ งเรยี น กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครทู บทวนเกีย่ วกบั การเคล่อื นท่ีแบบวงกลมอยา่ งสม่ำเสมอและไม่สม่ำเสมอ 2. ครูถามคำถาม ว่า การที่เราขบั รถไปเม่ือถงึ ทางโค้งแล้วเล้ยี วโค้งได้เน่ืองจากแรงใด
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นทีแ่ นวโค้ง หนา้ 149 3. ครูแจ้งหัวข้อในการเรียนให้นักเรียนทราบว่า จะได้ศึกษาเกีย่ วกับการเคลื่อนท่ีของรถยนตบ์ นถนนโคง้ โดยบอกนักเรียนวา่ นักเรยี นต้องสรุปใหไ้ ดว้ ่า รถเลยี้ วโค้งไดเ้ นือ่ งจากแรงใด ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูสนธนาพูดคุยกับนักเรียนว่า ในชีวิตประจำวันของนักเรียนคงคุ้นเคยกับการนั่งรถ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ รถประจำทาง หรือรถจักรายานยนต์ ในขณะทร่ี ถวิ่งไปบนถนนท่ีเป็นทางโค้ง คนขับจะต้องลด ความเร็วลงเพอื่ ใหเ้ ขา้ โค้งไดอ้ ย่างปลอดภยั นักเรียนอาจสังเกตเห็นว่า รถจักรยานยนต์บางคนั ต้องเอียง ทำมุมกับถนนราบในขณะที่เข้าโค้ง หรืออาจสังเกตเห็นบริเวณทางโค้งพื้นถนนจะยกตัวให้ลาดเอียง เน่อื งจากรถวงิ่ บนทางโค้งเปน็ การเคล่ือนท่แี บบวงกลม จงึ มีแรงสู่ศูนย์กลางมากระทำต่อรถ 2. ครูชีแ้ จงใหน้ กั เรยี นทราบว่า นักเรยี นจะได้เรียนร้เู ก่ยี วกบั แรงท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การเคล่อื นที่บนทางโค้ง และ การขับขี่ทีป่ ลอดภยั บนทางโค้ง 3. ครถู ามนกั เรียนวา่ รถยนตเ์ ลีย้ วโคง้ ได้เน่ืองจากแรงใด โดยครใู ห้นกั เรยี นศกึ ษารายละเอยี ดจากเอกสาร ประกอบบทเรียน (แรงเสียดทานระหว่างยางถนนในแนวดา้ นขา้ ง) 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า ขณะรถยนต์เลี้ยวโค้งบนถนนโค้งราบ ซึ่งมีแนวทางการเคลื่อนที่เป็นวงกลม ขณะที่รถยนตว์ ิ่งบนทางโค้ง ซึ่งเป็นการเคลื่อนที่แบบวงกลม ดังนั้นต้องมีแรงสู่ศูนย์กลางกระทำต่อรถ เมื่อพจิ ารณาแรงทกี่ ระทำต่อรถ พบวา่ ขณะท่ีรถยนต์เล้ียวโค้งรถจะพยายามไถลออกจากโค้ง จึงมีแรง เสยี ดทานทีพ่ น้ื กระทำตอ่ ล้อรถในทิศทางพ่งุ เข้าในแนวผ่านจุดศนู ยก์ ลางความโค้ง ดังนัน้ แรงเสียดทาน ทีพ่ ื้นกระทำต่อล้อรถคอื แรงสู่ศนู ยก์ ลาง 5. ครูถามนักเรียนตอ่ วา่ แรงเสียดทานท่เี กดิ ข้นึ คือแรงเสียดทานชนิดใด (แรงเสียดทานสถิต) 6. ครูให้นักเรียนพิจารณาภาพรถยนต์เล้ียงบนพื้นถนนเอียงโดยไม่มีแรงเสียดทาน โดยถามนักเรียนว่า มี แรงอะไรเกิดขน้ึ บา้ ง 7. นักเรยี นชว่ ยกนั ตอบคำถาม อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครสู ุ่มนกั เรียนเพ่ือตอบคำถาม โดยครูอธบิ ายความรเู้ พิม่ เตมิ เพือ่ ให้นักเรียนเกดิ ความเข้าใจขน้ึ 2. ครูอธิบายกับนักเรียนว่า ขณะเลี้ยวรถแรงกระทำต่อรถมีน้ำหนักของรถและคนขับ (mg) และแรง ปฏิกิริยาตั้งฉาก (N) รถจะเลี้ยวได้เร็วหรือช้าอย่างปลอดภัย ขึ้นอยู่กับค่าสัมประสิทธิ์ของความเสียด ทานระหวา่ งพน้ื กับล้อ ถ้ามมี ากรถเลยี้ วได้ดว้ ยอัตราเรว็ สงู แต่ถา้ มนี อ้ ย รถเล้ียวดว้ ยอตั ราเร็วต่ำและถ้า สมั ประสิทธ์ขิ องความเสียดทานระหวา่ งพื้นเอียงกบั ลอ้ เปน็ ศนู ย์ รถไม่สามารถเล้ียวโค้งได้เลย ดังนน้ั จึง มีการแก้ไขโดยการเอียงพ้ืนถนน เพื่ออาศัยแรงปฏกิ ิริยาที่พืน้ กระทำต่อรถเป็นแรงสู่ศูนยก์ ลาง โดยไม่ อาศัยแรงเสียดทาน 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า ไม่ว่ารถจะเลี้ยวโคง้ แล้วเอียงรถ หรือโค้งบนพืน้ เอยี งลื่น แล้วทำมุม θ ที่เกิดจาก การเอียงของทัง้ สองกรณคี อื มุมเดยี วกัน จะใชส้ มการเดียวกนั คอื tan θ = v2 gr ขน้ั สรปุ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างการคำนวณจากโจทย์ปัญหา พร้อมทั้งให้นักเรียนฝึกแก้โจทย์ปัญหาใน เอกสารประกอบบทเรยี น ตามขั้นตอนการแกโ้ จทย์ปัญหา ดงั น้ี • ขนั้ ที่ 1 ครูให้นักเรียนทกุ คนทำความเขา้ ใจโจทยต์ วั อย่าง
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคล่อื นทีแ่ นวโคง้ หน้า 150 • ขน้ั ท่ี 2 ครถู ามนกั เรียนวา่ สิ่งทโี่ จทย์ต้องการถามหาคืออะไร และจะหาสง่ิ ทโ่ี จทย์ต้องการ ต้อง ทำอย่างไร • ข้นั ท่ี 3 ครูให้นกั เรยี นดวู ิธที ำในการคำนวณหาคำตอบ • ขัน้ ที่ 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทย์ตวั อยา่ งว่าถกู ต้อง หรอื ไม่ 2. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ โดยใช้สื่อ power point และส่ือ animation จากเอกสารประกอบบทเรียน 3. ครูให้นกั เรยี นตอบคำถามจากแบบฝกึ หัด 4. ครูให้นกั เรยี นตงั้ คาถามทนี่ ักเรยี นอยากรเู้ พ่ิมเติม 8. สือ่ การเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น เร่ือง การเคลอ่ื นท่ีแนวโคง้ 2. สอ่ื Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet วชิ าฟสิ กิ ส์ - บทเรียน การเคล่อื นทีแ่ บบวงกลม https://www.youtube.com/watch?v=Pyj76ESdILw&list=PLeJGvKa_RJ_Yrz dKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=56 การเหว่ียงแปน้ ไม้ทีม่ ถี ้วยพลาสตกิ บรรจนุ ้ำวางอยู่ วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสกิ ส์) https://www.youtube.com/watch?v=Ity1- VGAO6Q&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=347 การเคล่ือนทแ่ี บบวงกลมในแนวระดับ วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=BjLD0sjBnWk&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=321 ลูกกลมโลหะเคลอ่ื นทไ่ี ปตามรางโค้งวงกลม วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=JroPglDU7zc&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=201
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคล่อื นท่แี นวโค้ง หน้า 151 9. สรปุ ผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาลักษณะของการเคลื่อนที่แบบวงกลม ปริมาณท่ี เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบ บทเรียน เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือเรียนซ้ำในระบบโรงเรียนเสมือนจริง ซ่ึง นักเรียนดำเนินการซ่อมเสรมิ แลว้ ผา่ นเกณฑท์ งั้ หมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถ อธิบายลักษณะของการเคล่ือนที่แบบวงกลม และปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนท่ี แบบวงกลม ยกตวั อย่างการเคล่อื นท่ีแบบวงกลมไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั โดยมนี กั เรยี น ร้อยละ 100 ผ่าน เกณฑ์ในระดับดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบ โรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนกั เรียนทีไ่ มผ่ า่ นเกณฑ์ ดำเนนิ การซอ่ มเสริมหรอื เรียนซ้ำใน ระบบโรงเรียนเสมอื นจริง ซงึ่ นกั เรยี นดำเนนิ การซอ่ มเสรมิ แลว้ ผา่ นเกณฑ์ท้ังหมด) . 9.3 ดา้ นคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ ม่งุ มัน่ ในการทำงาน และการศึกษาบทเรยี นเพิ่มเตมิ ผ่าน ระบบโรงเรยี นเสมอื นจรงิ (Virtual School Online) และมผี ลสำเรจ็ ของการเรยี นรู้ผ่านตามเกณฑ์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ของนักเรยี นท้ังหมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรสั โควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรูปแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วมสังเกตุการทดลองแล้ว บนั ทกึ ผลการทดลองร่วมกัน สว่ นนักเรียนท่ไี มส่ ะดวกเดนิ ทางมาเรยี นที่โรงเรยี น จะเลอื กใช้วธิ กี ารซึกษา บทเรียนเพิม่ เติมผ่าน ระบบโรงเรยี นเสมือนจริง (Virtual School Online). . ลงชือ่ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วนั ที่ 23 กุมภาพนั ธ์ 2564 . ลงชื่อ.......................................................ผูน้ เิ ทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผือกนาค) วันที่ 23 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 .
หน่วยการเรียนรู้ การเคลือ่ นทแี่ นวโค้ง หนา้ 152 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 21 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 การเคลื่อนท่ีแนวโคง้ เรอ่ื ง การเคล่ือนที่แบบวงกลม 6 กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว31206 ชือ่ รายวิชา ฟสิ กิ สเ์ พิ่มเตมิ 2 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง ผู้สอน นางสาววิจติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เข้าใจธรรมชาติทางฟสิ กิ สป์ รมิ าณและกระบวนการวัด การเคล่ือนท่ีแนวตรง แรงและกฎการ เคลื่อนทข่ี องนวิ ตัน กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรกั ษพ์ ลังงานกล การเคลื่อนที่แนวโค้งและกฎการอนุรักษ์ การเคลื่อนที่แนวโค้ง การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 8. ทดลองและอธิบายความสัมพนั ธ์ระหว่าง แรงสู่ศนู ยก์ ลาง รศั มขี องการเคลอื่ นที่ อตั ราเรว็ เชงิ เส้นอตั ราเรว็ เชิงมมุ และมวลของวัตถใุ นการเคลอื่ นที่แบบวงกลมในระนาบ ระดับรวมทั้งคำนวณปริมาณตา่ งๆที่เกีย่ วข้องและ ประยกุ ตใ์ ช้ความรู้การเคลื่อนท่ีแบบวงกลมในการอธบิ ายการโคจรของดาวเทียม 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด วตั ถทุ เี่ คลือ่ นทีเ่ ป็นวงกลมหรอื ส่วนของวงกลม เรยี กว่า วัตถนุ นั้ มกี ารเคลือ่ นที่แบบวงกลม ซ่ึงมี แรงลัพธ์ ทก่ี ระทำกบั วตั ถใุ นทิศเขา้ สู่ศูนย์กลาง เรยี กวา่ แรงส่ศู ูนย์กลาง ทำให้เกิดความเร่งส่ศู นู ย์กลางทม่ี ขี นาดสมั พนั ธก์ ับ รัศมีของการเคลอื่ นทแี่ ละอัตราเรว็ เชิงเส้นของวัตถุ ซ่งึ แรงสูศ่ นู ยก์ ลางคำนวณได้จากสมการ ������������ = ������������2 ������ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 2) ทกั ษะการสงั เกต 3) ทักษะการสอื่ สาร 4) ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั 5) ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 6) ทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลอ่ื นทแ่ี นวโค้ง หน้า 153 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ความหมาย ลกั ษณะของการเคลื่อนที่แบบวงกลม 2) การทดลอง ความสมั พันธร์ ะหวา่ งแรงส่ศู นู ยก์ ลาง รศั มวี งกลม อัตราเรว็ ของการเคล่ือนที่เปน็ วงกลม 3) ปรมิ าณที่เกีย่ วขอ้ งกับการเคล่ือนที่แบบวงกลม 4) ยกตวั อยา่ งการเคลอื่ นทแี่ บบวงกลมไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธิบายความหมาย ลกั ษณะของการเคลอ่ื นทแี่ บบวงกลม 2) ทำการทดลอง และสรปุ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างแรงส่ศู ูนย์กลาง รศั มวี งกลม อัตราเร็วของการ เคลอ่ื นท่เี ปน็ วงกลม 3) มที ักษะการคำนวณหาปรมิ าณที่เก่ียวข้องกบั การเคลอื่ นท่ีแบบวงกลม 4) ยกตัวอยา่ งการเคลือ่ นที่แบบวงกลมไปใช้ในชวี ิตประจำวัน 4.3 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) มีวนิ ัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุง่ ม่นั ในการทำงาน 5. ชน้ิ งานหรอื ภาระงานทแ่ี สดงผลการเรยี นรู้ 1. การนำเสนอและอภปิ รายความร้ทู ไ่ี ดค้ ้นควา้ มา 2. แบบฝึกหัด 3. การสรปุ สาระสำคญั ลงในสมดุ 6. การประเมิน เครอ่ื งมือ เกณฑ์ วธิ กี าร แบบฝึกหดั เพม่ิ เตมิ ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขึน้ ไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหดั เพมิ่ เตมิ ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขึ้นไป 2. ตรวจแบบฝึก เพอื่ บันทกึ แบบฝึกทักษะ ข้อคำถามอตั นยั ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ข้ึนไป สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ดา้ น เพ่อื วัดความสามารถในการสือ่ สาร ความคดิ และการสือ่ สาร ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขยี น 3. สังเกต สมั ภาษณ์ บันทึก แบบสังเกตพฤติกรรม มวี ินยั ใฝ่ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรียนรู้ และมงุ่ มนั่ ในการทำงาน วินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. สำรวจรายช่ือนักเรยี น ประเมนิ ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ไดแ่ ก่ การมวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ 2. ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้และการวดั ผลประเมินผลด้าน KPA
หน่วยการเรียนรู้ การเคลอื่ นท่ีแนวโคง้ หนา้ 154 3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑ์การวัดผลและการให้คะแนนในสว่ นต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกับ หลักการ ข้อปฏบิ ตั ิและกฎระเบียบในการเรียนการ สอนในห้องเรยี น กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครทู บทวนเกย่ี วกบั การเคลื่อนท่ขี องรถยนตบ์ นถนนโค้ง 2. ครถู ามคำถามเพอ่ื เป็นการกระต้นุ นกั เรยี น ดังน้ี • ดาวเทยี ม คืออะไร • เหตุใดดาวเทยี มจงึ โคจรรอบโลกได้โดยไมต่ กลงสพู่ น้ื ผิวโลก 3. ครูแจ้งหัวข้อในการเรียนใหน้ ักเรียนทราบว่า จะได้ศึกษาเกี่ยวกบั การเคลื่อนที่ของดาวเทยี ม โดยบอก นกั เรยี นวา่ นักเรยี นต้องสรปุ ให้ไดว้ ่า ดาวเทียมเคลื่อนท่อี ย่างไร แล้วทำไมไมต่ กลงมาสพู่ น้ื ผิวโลก ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ตามความสมัครใจ เพื่อศึกษาความรู้จาก เอกสารประกอบ บทเรียน หรอื จากแหล่งเรยี นร้ตู ่าง ๆ ตามประเดน็ ที่ครูกำหนด ดงั น้ี • ดาวเทียม คืออะไร มีประโยนชอ์ ย่างไร • เพราะเหตใุ ดดาวเทยี มจงึ ขนึ้ ไปโคจรรอบโลกได้ 2. ให้นักเรียนแต่ละครู่ ่วมกนั แสดงความคิดเห็นและสรปุ ความรู้ทไ่ี ดศ้ กึ ษาจนเกดิ ความเข้าใจที่ถกู ต้อง แลว้ เขา้ รวมกลมุ่ ใหญ่ตามเดิม เพ่ือสรุปประเดน็ ความรู้และแลกเปล่ียนความรทู้ ไ่ี ดศ้ ึกษา 3. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรยี นเข้าใจเกยี่ วกบั การโคจรของดาวเทยี มรอบโลก 4. ครูต้ังประเด็นคำถามเพ่ือประเมินความรคู้ วามเข้าใจของนกั เรียนในเบ้ืองต้น ขน้ั สอน อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุม่ เลือกตวั แทนกล่มุ ละ 1 คน ออกมารว่ มกันอภปิ ราย และสรุปประเด็นความรู้ที่ นักเรียนได้รว่ มกันศกึ ษา 2. ครรู ่วมแสดงความคิดเหน็ และเสนอแนะเพม่ิ เติมในสว่ นที่ยังมีความไม่ชัดเจนอยู่ 3. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เร่ือง การโคจรของดาวเทียมรอบโลกว่า ดาวเทียมโคจรรอบโลกได้ โดยแรงโนม้ ถว่ งของโลกดงึ ดาวเทียมให้ตกลงพ้ืน แตด่ าวเทียมมคี วามเรว็ ในแนวขนานพ้ืนโลกมาก มาก จนแนวตกของดาวเทียมมันโค้งพอดีกับส่วนโค้งของโลกดาวเทียมจึงมีแนวการเคลื่อนที่ขนานกับพ้ืน ตลอดเวลา ทำให้มนั โคจรรอบโลกได้ ข้นั สรุป ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูอธิบายว่า จากกฎข้อที่สองของนิวตนั แรงเนือ่ งจากความโนม้ ถว่ งก็คือ แรงสศู่ ูนย์กลาง ที่กระทำต่อ ดาวเทียมให้เคลื่อนที่เป็นวงกลมอยู่ได้ ดังสมการ v2 = GME โดยสมการแสดงถึงความเร็วของ r ดาวเทียมที่ใช้โคจรรอบโลก สังเกตว่า ณ ตำแหน่งที่ดาวเทียมอยู่ห่างจากผิวโลกขึ้นไป ความเร็วของ ดาวเทียมท่ใี ช้ในการโคจรรอบโลกจะลดลง 2. ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างการคำนวณจากโจทย์ปัญหาเกี่ยวกบั การโคจรของดาวเทียม พร้อมทั้งให้ นกั เรียนฝกึ แก้โจทยป์ ัญหาในเอกสารประกอบบทเรียน ตามข้นั ตอนการแก้โจทย์ปญั หา ดังน้ี • ขั้นที่ 1 ครใู หน้ ักเรยี นทกุ คนทำความเข้าใจโจทย์ตวั อย่าง
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคล่ือนทแ่ี นวโคง้ หน้า 155 • ข้นั ที่ 2 ครูถามนกั เรียนวา่ สงิ่ ท่โี จทย์ต้องการถามหาคืออะไร และจะหาสง่ิ ท่ีโจทย์ต้องการ ต้อง ทำอยา่ งไร • ขั้นที่ 3 ครูให้นักเรียนดวู ิธีทำในการคำนวณหาคำตอบ • ขน้ั ท่ี 4 ตรวจสอบคำตอบของโจทยต์ ัวอยา่ งว่าถูกตอ้ ง หรอื ไม่ 3. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ โดยใช้สื่อ power point และสื่อ animation จากเอกสารประกอบบทเรยี น 4. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝึกหัด เร่อื ง การเคล่อื นที่ของดาวเทยี ม 5. ครูใหน้ กั เรียนตัง้ คาถามทีน่ กั เรยี นอยากรูเ้ พิ่มเตมิ ขน้ั นำ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนเก่ยี วกบั การเคลื่อนท่แี บบวงกลม ดงั นี้ การเคล่ือนท่ีแบบวงกลม คือ การเคลอื่ นที่ทมี่ เี สน้ ทางการเคลื่อนท่เี ปน็ รูปวงกลม เน่ืองจากแรง ที่มีทิศเข้าสู่ศูนย์กลางของการเคลื่อนที่ เรียกแรงนี้ว่า แรงสู่ศูนย์กลาง แรงนี้ทำให้ความเร็วของวัตถุ เปลี่ยนทศิ ตลอดเวลาโดยที่ความเร็วมที ศิ ตามเส้นสัมผสั เส้นโคง้ 2. ครถู ามคำถามกอ่ นทำกิจกรรมการทดลอง เพอื่ เป็นการกระตุน้ นกั เรยี น ดังนี้ • การเคลือ่ นทแ่ี บบวงกลมมีลักษณะเป็นอยา่ งไร • ปริมาณการเคลอ่ื นทแ่ี บบวงกลมมีอะไรบ้าง และแต่ละปรมิ าณมคี วามสัมพันธก์ ันอย่างไร ข้นั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครใู หค้ วามร้กู บั นกั เรียนเร่อื ง แรงสศู่ นู ย์กลาง คาบ ความถี่ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งคาบกับความถ่ี อตั ราเรว็ กับคาบ และอัตราเร็วกับความถี่ 2. ครใู หน้ ักเรยี นแบง่ กลมุ่ ซง่ึ ครอู าจใชเ้ ทคนคิ การแบ่งกลุ่มผลสมั ฤทธิ์ (STAD) คอื การจดั กจิ กรรมการ เรยี นร้ทู ี่มสี มาชิกกล่มุ 4–5 คน มีระดับสติปญั ญาแตกตา่ งกนั คอื เกง่ 1 คน: ปานกลาง 2–3 คน: อ่อน 1 คน พร้อมทง้ั เลือกประธานกลมุ่ รองประธานกลมุ่ เลขานุการกลุม่ และสมาชกิ กล่มุ โดยมีหน้าที่ ดังนี้ - ประธานกลุ่ม มีหน้าที่ควบคุมการทำกิจกรรมการทดลอง - รองประธานกลมุ่ มหี น้าที่ วางแผนในการทำกจิ กรรมทดลอง - เลขานุการกลมุ่ มีหนา้ ท่ี อำนวยความสะดวกในการทำกิจกรรมการทดลอง - สมาชกิ กลุ่ม มีหน้าที่ นำเสนอผลการทำกจิ กรรม - สมาชกิ กลุม่ มหี นา้ ท่ี รวบรวมองค์ความรแู้ ละผลงานกลุม่ 3. ครชู ีแ้ จงจุดประสงคก์ ารทดลองให้นักเรียนทราบ ดังน้ี • เพอ่ื ศกึ ษาลกั ษณะการเคลอื่ นทแ่ี บบวงกลม • เพ่อื สังเกตความสมั พนั ธ์ของแรงสู่ศูนยก์ ลางคาบและรศั มขี องการเคลือ่ นท่ีแบบวงกลม 4. ครูให้ความรู้ที่จำเป็นต่อการทดลอง จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการทดลองตามขั้นตอนและ รายละเอียดในในเอกสารประกอบบทเรียน 5. ครูอาจถามกระตุ้นใหน้ กั เรยี นได้คิด ดว้ ยตัวอยา่ งคำถามตอ่ ไปนี้ • เม่อื ขนาดของแรงดงึ ในเส้นเชือกและรัศมขี องการเคลื่อนท่เี พิ่มขึ้น ช่วงเวลาในการเคล่อื นที่ ครบรอบของจกุ ยางเปน็ อย่างไร
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลือ่ นท่ีแนวโค้ง หน้า 156 • เพราะเหตุใดนกั เรียนจึงไม่ควรทำปมบนเส้นเชอื กทอี่ ยตู่ ดิ กับปลายล่างของทอ่ พวี ซี ีเพื่อให้รัศมี เทา่ เดมิ ตลอดการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม • เม่อื ขนาดของแรงดึงในเส้นเชือกเพิ่มข้ึนช่วงเวลาในการเคล่ือนทค่ี รบรอบของจกุ ยางเป็นแบบ ใด 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มวิเคราะห์สรุปผลการทดลอง ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายการทดลองตามแนว คำถามท้ายการทดลอง และสรุปผลการเรียนรู้จากการทดลอง ขนั้ สอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูใหส้ มาชกิ แต่ละกล่มุ ออกมานำเสนอผลการทดลอง และสรปุ รว่ มกัน 2. ครูและนักเรียนจะสรปุ ผลการทดลองร่วมกนั วา่ ตอนที่ 1 เม่อื รัศมีของการเคลื่อนที่คงตวั ขนาดของแรงสศู่ นู ย์กลางเพิม่ ข้ึน คาบของการเคล่ือนที่ ของจุกยางจะลดลง และกราฟระหว่างขนาดของแรงดึงในเส้นเชือก F กับส่วนกลับของคาบกำลังสอง 1 เปน็ กราฟเส้นตรงผา่ นจุดกำเนิด แสดงว่า F แปรผนั ตรงกบั 1 T2 T2 ตอนที่ 2 ขณะแรงดึงในเส้นเชอื กคงตัว คาบของการเคลื่อนที่ของจุกยางจะเพ่ิมขึ้น ถ้ารัศมีของ การเคลื่อนที่เพิ่ม และกราฟระหว่างรัศมี r ของการเคล่ือนที่กับคาบกำลังสอง T2 เป็นกราฟเส้นตรง แสดงว่า r แปรผนั ตรงกบั T2 ขั้นสรุป ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของการเคลื่อนที่แบบวงกลมใน ชีวิตประจำวัน เชน่ การเคลอ่ื นท่บี นทางโค้ง การโคจรของดาวเทียมรอบโลก รถไต่ถงั เปน็ ต้น 2. ครูให้ความรู้เพิม่ เตมิ เก่ียวกบั การการเคลอื่ นทแ่ี บบวงกลม โดยใช้สอื่ power point และสื่อ animation 3. ครใู ห้นักเรยี นสรุปเป็นแผนผงั มโนทศั น์ (Concept Mapping) เรื่อง การเคล่อื นที่แบบวงกลม 4. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันเฉลยคำถามในแบบฝกึ หดั 5. ครใู ห้นักเรยี นตงั้ คาถามท่นี กั เรยี นอยากรู้เพิม่ เตมิ ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลังเรยี น 2. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสงั เกตการตอบคำถาม การรว่ มกันทำผลงาน และจากการนำเสนอผลงาน 3. ครูสงั เกตความสนใจ ความกระตือรอื รน้ ในการเรียนรขู้ องนักเรยี น 4. ครวู ัดและประเมนิ ผลจากใบงาน เร่อื ง การเคล่ือนท่แี บบวงกลม 5. ครูตรวจการทำแบบฝกึ หัด เร่ือง การเคลอ่ื นที่แบบวงกลม 6. ครูประเมนิ ผลงานจากแผนผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) ท่นี ักเรยี นได้สรา้ งข้นึ จากข้นั ขยายความ เขา้ ใจของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคล 8. สอ่ื การเรยี นรู/้ แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 สอ่ื การเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น เร่อื ง การเคลื่อนทแี่ นวโค้ง 2. สื่อ Power point
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลือ่ นที่แนวโค้ง หนา้ 157 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. หอ้ งสมดุ 2. Internet วิชาฟสิ กิ ส์ - บทเรยี น การเคลอื่ นทแี่ บบวงกลม https://www.youtube.com/watch?v=Pyj76ESdILw&list=PLeJGvKa_RJ_Yrz dKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=56 การเหวีย่ งแป้นไมท้ ่มี ถี ้วยพลาสตกิ บรรจุนำ้ วางอยู่ วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=Ity1- VGAO6Q&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=347 การเคลื่อนทแี่ บบวงกลมในแนวระดับ วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=BjLD0sjBnWk&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=321 ลกู กลมโลหะเคลอ่ื นที่ไปตามรางโค้งวงกลม วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=JroPglDU7zc&list=PLgm36wXFlxy8 dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=201 วิชาฟสิ ิกส์ - บทเรียน การเคลื่อนท่แี บบวงกลมและการประยกุ ต์ https://www.youtube.com/watch?v=mRu1z5N- axs&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=26 วชิ าฟสิ กิ ส์ - สารคดี ฟสิ ิกสข์ องสเกต็ ลลี า https://www.youtube.com/watch?v=bLP4DEvXtzY&list=PLeJGvKa_RJ_Yr zdKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=35
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลื่อนที่แนวโค้ง หนา้ 158 9. สรุปผลการจัดการเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษาลักษณะของการเคลื่อนที่แบบวงกลม ปริมาณท่ี เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับการโคจรของดาวเทียม ตัวอย่างการ เคลื่อนที่แบบวงกลม จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง การ เคลื่อนที่แนวโค้ง โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของคะแนน ประเมินผลความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโค้ง จากระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online) โดย นักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริมหรือเรียนซ้ำในระบบโรงเรียนเสมือนจริง ซึ่งนักเรียน ดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑท์ ัง้ หมด) . 9.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรยี น สามารถคำนวณจากโจทยป์ ัญหาเกีย่ วกบั การโคจรของดาวเทียม ยกตวั อยา่ งการใช้ประโยชน์ของ การเคลือ่ นที่แบบวงกลมในชวี ิตประจำวัน เชน่ การเคลอื่ นทบ่ี นทางโค้ง การโคจรของดาวเทียมรอบโลก รถไต่ถัง โดยมีนักเรียน ร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขึ้น(ร้อยละ60 ของคะแนนประเมินผลความรู้ เรอ่ื ง การเคลือ่ นทแี่ นวโคง้ จากระบบโรงเรยี นเสมือนจริง (Virtual School Online) โดยนักเรียนท่ไี ม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสรมิ หรือเรียนซำ้ ในระบบโรงเรียนเสมือนจริง ซึ่งนักเรียนดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่าน เกณฑ์ทงั้ หมด) . 9.3 ด้านคณุ ลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งม่ันในการทำงาน และการศึกษาบทเรยี นเพิม่ เตมิ ผา่ น ระบบโรงเรียนเสมือนจรงิ (Virtual School Online) และมีผลสำเร็จของการเรียนรู้ผ่านตามเกณฑ์ คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ของนักเรียนทง้ั หมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรปู แบบการจัดการเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วมสังเกตุการทดลองแล้ว บันทึกผลการทดลองร่วมกนั สว่ นนักเรยี นท่ไี มส่ ะดวกเดนิ ทางมาเรียนที่โรงเรียน จะเลือกใช้วิธกี ารซึกษา บทเรยี นเพ่ิมเตมิ ผ่าน ระบบโรงเรียนเสมอื นจรงิ (Virtual School Online). . ลงช่อื วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วันท่ี 24 กุมภาพันธ์ 2564 . ลงชื่อ.......................................................ผนู้ เิ ทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผอื กนาค) วันที่ 24 กุมภาพนั ธ์ 2564 .
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลื่อนทีแ่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย หนา้ 159 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 22 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 การเคล่ือนทีแ่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย เรื่อง การเคลอื่ นท่แี บบคาบ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว31206 ชอ่ื รายวชิ า ฟสิ ิกส์เพม่ิ เติม 2 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลาเรียน 2 ชว่ั โมง ผู้สอน นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชวี้ ัด/ผลการเรียนรู้ สาระท่ี 1 เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟสิ ิกส์ปริมาณและกระบวนการวดั การเคลือ่ นที่แนวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนท่ขี องนวิ ตนั กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรักษพ์ ลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตมั การเคลอื่ นท่ีแนวโคง้ รวมทัง้ นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 9. ทดลอง และอธบิ ายการเคล่ือนทแ่ี บบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของวัตถุติดปลายสปรงิ และลูกตุ้มอย่างง่าย รวมทง้ั คำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกีย่ วข้อง 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การเคลื่อนที่ของวัตถุที่มีลักษณะแบบกลับไปกลับมาซ้ำเส้นทางเดิม ใช้เวลาในการเคลื่อนที่แต่ละรอบ เท่าเดิม และมีพลังงานรวมของวัตถุคงตัว ณ ทุกตำแหน่งของการเคลื่อนที่ ซึ่งการเคลื่อนที่แบบนี้ เรียกว่า การเคล่ือนทแี่ บบฮาร์มอนิกอย่างง่าย โดยการเคล่ือนที่แบบนี้จะมีคาบและแอมพลิจูดคงตวั และมีการกระจัด จากตำแหนง่ สมดุลท่ีเวลาใด ๆ เปน็ ฟงั ก์ชันแบบไซน์ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการสังเกต 2) ทกั ษะการทดลอง 3) ทกั ษะการสอื่ สาร 4) ทกั ษะการวิเคราะห์ 5) ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน 6) ทักษะการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ลักษณะการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของระบบมวล-สปริงเบาหรือวตั ถุติดปลาย สปรงิ 2) ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของระบบมวล-สปริงเบา หรอื วตั ถตุ ิดปลายสปริง
หน่วยการเรียนรู้ การเคล่อื นทแี่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย หนา้ 160 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธิบายลกั ษณะการเคล่ือนทแี่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่ายของระบบมวล-สปรงิ เบาหรอื วตั ถตุ ิด ปลายสปรงิ 2) คำนวณหาปริมาณตา่ ง ๆ ท่ีเกีย่ วข้องกับการเคล่อื นทแี่ บบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ยของระบบมวล- สปรงิ เบาหรือวัตถุติดปลายสปรงิ 3) ปฏิบตั ิกจิ กรรมการเคล่อื นท่ีแบบฮารม์ อนิกอยา่ งง่ายของวัตถุทต่ี ิดปลายสปรงิ 4.3 คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1) มวี ินยั 2) ใฝเ่ รียนรู้ 3) มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 5. ชนิ้ งานหรอื ภาระงานทแี่ สดงผลการเรียนรู้ แบบฝกึ หดั แบบบันทกึ ผลการทดลอง 6. การประเมนิ เครื่องมอื เกณฑ์ วธิ ีการ แบบฝกึ หัด ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขนึ้ ไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึ้นไป 2. ตรวจรายงานการทดลอง แบบบันทึกผลการทดลอง ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ข้ึนไป เพ่อื บันทึก สมรรถนะสำคญั เพือ่ วัดความสามารถในการสอ่ื สาร ของผู้เรยี น ด้านความคดิ และ ได้แก่ การอธิบาย การเขียน การส่อื สาร แบบสงั เกตพฤติกรรม มีวนิ ัย ใฝ่ 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บันทกึ เรยี นรู้ และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มี วินัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มนั่ ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นำ 1. สำรวจรายชือ่ นักเรยี น ประเมินด้านคุณธรรม จริยธรรม ไดแ่ ก่ การมีวนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ 2. ครแู จ้งจุดประสงค์การเรียนรู้และการวัดผลประเมินผลดา้ น KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑ์การวัดผลและการให้คะแนนในสว่ นต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกับ หลกั การ ขอ้ ปฏิบัติและกฎระเบยี บในการเรยี นการ สอนในหอ้ งเรยี น กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ จากนั้นครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ของหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย เพื่อตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเป็น รายบคุ คลก่อนเข้าสู่กจิ กรรม
หน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนท่แี บบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ย หนา้ 161 2. ครูนำอุปกรณ์สาธติ การทดลอง เช่น ลูกกลมเหล็ก เชือก จากนน้ั ครูนำลกู กลมเหล็กมาผกู กับ เชอื กแลว้ แขวนลูกกลมเหล็กให้อยู่ในแนวดงิ่ จากน้นั ครูดึงลูกกลมเหล็กออกจากตำแหน่งสมดลุ แล้วปล่อยให้ ลกู กลมเหล็กเคล่ือนท่ี โดยครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนสังเกตลกั ษณะการเคลอ่ื นทีข่ องลูกกลมเหลก็ และรว่ มกัน อภปิ รายแสดงความคดิ เห็นอย่างอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่าถกู หรือผดิ 3. ครูถามคำถาม เพอื่ เป็นการนำเขา้ สู่บทเรียนและตรวจสอบความรู้เดมิ เกี่ยวกบั เรอ่ื ง การเคล่ือนที่ แบบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย ของนักเรียนวา่ “ลูกต้มุ นาฬิกามลี กั ษณะการเคลอื่ นทีอ่ ยา่ งไร” 4. นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจของตนเองจาก โดยบันทึกลงในสมุดประจำตัว จากนั้นครูกล่าว เชอื่ มโยงเข้าสู่กิจกรรมการเรยี นการสอน ข้นั สอน สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครูเปดิ วดี ิทศั น์เกยี่ วกบั เครอ่ื งเคาะจงั หวะ (Metronome) ให้นกั เรียนดู จากน้นั ครูต้งั ประเดน็ คำถามกระตุน้ ความคิดนักเรยี นวา่ “การเคล่ือนท่ีของเครอื่ งเคาะจงั หวะมีลกั ษณะเป็นอยา่ งไร และเรยี กการ เคลือ่ นท่ีน้ันว่าอะไร” 2. ครสู ุ่มเลขที่นกั เรยี นจำนวน 3-4 คน ใหย้ กตัวอยา่ งการเคล่อื นทแี่ บบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ยทพี่ บเห็น ในชวี ติ ประจำวันมาคนละ 1 ตวั อย่าง 3. ครูใหน้ กั เรียนจบั คกู่ ับเพอ่ื นในชั้นเรยี นคละกันตามความเหมาะสม ให้นกั เรียนร่วมกันศกึ ษาค้นคว้า ข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย ระบบมวล-สปริงเบา และกฎของฮุก เอกสารประกอบ บทเรียน เรื่อง การเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย หรือจากแหล่งการเรยี นรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต แล้ว รว่ มกนั สรปุ ขอ้ มูลที่ไดล้ งในสมดุ ประจำตัว อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครสู มุ่ นกั เรยี นจำนวน 3 คู่ ออกมานำเสนอผลจากการศกึ ษาข้อมูลหน้าชน้ั เรียน โดยครูคอยอธิบาย เพิ่มเติมในสว่ นท่บี กพร่อง 2. ครูยกตัวอยา่ งโจทย์เกี่ยวกับกฎของฮุก โดยครูเขียนโจทย์และแสดงวิธีทำให้นักเรียนดูบนกระดาน ดงั นี้ วัตถมุ วล 4 กโิ ลกรัม เคลือ่ นท่บี นพื้นล่ืนดว้ ยความเรง่ 3 เมตรต่อวินาที2 เขา้ ชนสปรงิ ท่มี คี า่ นิจสปริง เทา่ กบั 200 นวิ ตนั ต่อเมตร จงหาว่าสปรงิ จะหดจากตำแหนง่ สมดลุ เทา่ ใด วิธที ำ จากสมการ F = ma F = (4)(3) F = 12 N จากสมการ Fs = kx 12 = (200)(x) x = 12 x = 0.06 m 200 ดงั นัน้ สปริงจะหดจากตำแหนง่ สมดุลเทา่ กบั 6 เซนติเมตร
หน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนทีแ่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย หน้า 162 3. ครูให้นกั เรียนแต่ละคนพจิ ารณาภาพการเคลื่อนทีแ่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ยของวัตถรุ ูปทรงลูกบาศก์ ท่ตี ดิ ปลายสปรงิ ทวี่ างบนพ้นื ไร้แรงเสยี ดทาน 4. จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ติดปลายสปริงว่า “เมื่อดึงวัตถุออกไป ระยะหนึ่งแล้วปล่อย สปริงจะดึงวัตถุให้กลับสู่ตำแหน่งสมดุล และเนื่องจากวัตถุมโี มเมนตัม วัตถุจะไถลผ่าน ตำแหน่งสมดุลและกดอัดสปริงจนกระทั่งหยุดเคลื่อนที่ สปริงก็จะผลักกลับไปยังตำแหน่งสมดุลอีกครั้ง ซึ่ง ตำแหน่งทีว่ ัตถุมกี ารกระจัดสูงสุด เรียกว่า แอมพลจิ ดู (amplitude)” 5. ครมู อบหมายให้นกั เรยี นกลับไปทบทวนความรู้ เกย่ี วกับการเคลอ่ื นที่ของวัตถทุ ตี่ ดิ กลบั ปลายลวด สปริง 8. สอ่ื การเรยี นรู้/แหล่งเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เร่ือง การเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ย 2. สือ่ Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 4. วดี ทิ ศั น์เกยี่ วกับเคร่อื งเคาะจงั หวะ (Metronome) จาก https://www.youtube.com/watch?v=zzcbzubxFcY 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1. หอ้ งสมดุ 2. Internet การเคล่อื นทแ่ี บบฮารม์ อนกิ อย่างง่าย วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ ิกส์) https://www.youtube.com/watch?v=eRfVsFwUq5M&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1 KxkAET426QvKsZTr&index=236 วิชาฟิสิกส์ - กจิ กรรม การแกว่งลูกตุ้มอยา่ งงา่ ย https://www.youtube.com/watch?v=5DQLkkMzL6c&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlY NmL2d7v11yKWGk&index=63 วชิ าฟสิ ิกส์ - บทเรียน การแกวง่ ของวตั ถุ https://www.youtube.com/watch?v=Yi_nmSZXhHk&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlY NmL2d7v11yKWGk&index=98 วชิ าฟิสกิ ส์ - บทเรยี น การเคลือ่ นทแี่ บบฮาร์มอนิกอย่างง่าย https://www.youtube.com/watch?v=N6GrbcGDre4&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlYN mL2d7v11yKWGk&index=27
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลือ่ นที่แบบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย หนา้ 163 9. สรปุ ผลการจดั การเรยี นรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษา1ลักษณะการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของ ระบบมวล-สปริงเบาหรือวัตถตุ ิดปลายสปริง ปริมาณตา่ ง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลือ่ นท่ีแบบฮารม์ อนิ กอย่างง่ายของระบบมวล-สปริงเบาหรือวัตถุติดปลายสปริง จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง การเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึน้ ไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม)สว่ นนักเรยี นท่ีไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนนิ การ ซ่อมเสรมิ โดยภายดำเนนิ การซอ่ มเสริมแล้ว ผ่านเกณฑ์ท้งั หมด) . 9.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบายลกั ษณะการเคลอื่ นทแ่ี บบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของระบบมวล-สปรงิ เบาหรือวัตถุ ตดิ ปลายสปริง บอกปรมิ าณต่าง ๆ ที่เก่ยี วข้องกับการเคลือ่ นทแ่ี บบฮารม์ อนิกอยา่ งง่ายของระบบมวล- สปริงเบาหรือวัตถุติดปลายสปริง ปฏิบัติกิจกรรมการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของวัตถุที่ติด ปลายสปริง โดยมีนักเรียน ร้อยละ 97.06 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบ คำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่าน เกณฑท์ งั้ หมด) . 9.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผา่ นตามเกณฑ์ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 ของนกั เรยี นทั้งหมด . 9.4 ปญั หาอุปสรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรปู แบบการจดั การเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วมสังเกตุการทดลองแล้ว บันทึกผลการทดลองร่วมกัน ส่วนนักเรยี นทีไ่ ม่สะดวกเดินทางมาเรียนท่ีโรงเรยี น จะเลอื กใชว้ ธิ กี ารซึกษา บทเรียนเพมิ่ เตมิ ผา่ น ระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online). . ลงชื่อ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 . ลงช่อื .......................................................ผ้นู ิเทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผือกนาค) วนั ที่ 24 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 .
หน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนทแี่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย หนา้ 164 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 23 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 การเคล่อื นท่แี บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย เรอื่ ง การเคลอ่ื นท่ีแบบคาบ 2 กล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว31206 ช่อื รายวชิ า ฟิสกิ ส์เพม่ิ เตมิ 2 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 เวลาเรยี น 2 ช่วั โมง ผู้สอน นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟิสิกส์ปรมิ าณและกระบวนการวดั การเคลอื่ นท่แี นวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนทข่ี องนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษ์พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรักษ์ โมเมนตมั การเคลอ่ื นที่แนวโคง้ รวมท้ังนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 9. ทดลอง และอธบิ ายการเคล่ือนทแี่ บบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของวัตถตุ ิดปลายสปรงิ และลูกตุ้มอย่างง่าย รวมทัง้ คำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ที่เก่ียวขอ้ ง 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การเคลื่อนที่ของวัตถุที่มีลักษณะแบบกลับไปกลับมาซ้ำเส้นทางเดิม ใช้เวลาในการเคลื่อนที่แต่ละรอบ เท่าเดิม และมีพลังงานรวมของวัตถุคงตัว ณ ทุกตำแหน่งของการเคลื่อนที่ ซึ่งการเคลื่อนที่แบบนี้ เรียกว่า การเคลือ่ นท่แี บบฮาร์มอนิกอย่างง่าย โดยการเคล่ือนท่ีแบบน้ีจะมีคาบและแอมพลิจูดคงตวั และมีการกระจัด จากตำแหนง่ สมดลุ ท่เี วลาใด ๆ เป็นฟงั กช์ นั แบบไซน์ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการสงั เกต 2) ทักษะการทดลอง 3) ทักษะการส่อื สาร 4) ทักษะการวเิ คราะห์ 5) ทักษะการทำงานรว่ มกนั 6) ทกั ษะการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ลักษณะการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของระบบมวล-สปริงเบาหรือวัตถุติดปลาย สปริง 2) ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของระบบมวล-สปริงเบา หรือวตั ถุติดปลายสปริง
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลื่อนท่แี บบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย หนา้ 165 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายลักษณะการเคล่ือนทแ่ี บบฮาร์มอนกิ อย่างง่ายของระบบมวล-สปรงิ เบาหรอื วตั ถตุ ิด ปลายสปริง 2) บอกปรมิ าณต่าง ๆ ทเ่ี ก่ียวข้องกบั การเคลื่อนท่แี บบฮาร์มอนกิ อย่างง่ายของระบบมวล-สปริง เบาหรอื วัตถตุ ิดปลายสปริง 4.3 คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) มวี ินัย 2) ใฝเ่ รียนรู้ 3) มุ่งมน่ั ในการทำงาน 5. ช้นิ งานหรือภาระงานทีแ่ สดงผลการเรียนรู้ แบบฝึกหัด 6. การประเมิน เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วิธกี าร แบบฝึกหดั ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขนึ้ ไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหดั ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ขนึ้ ไป 2. ตรวจแบบฝึก เพ่อื บันทกึ แบบฝกึ ทกั ษะ ขอ้ คำถามอตั นยั ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ข้ึนไป สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ด้าน เพื่อวัดความสามารถในการสื่อสาร ความคดิ และการสือ่ สาร ได้แก่ การอธิบาย การเขียน 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บนั ทึก แบบสังเกตพฤติกรรม มวี ินัย ใฝ่ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ มี เรียนรู้ และมุ่งม่นั ในการทำงาน วินัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมนั่ ใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นำ 1. สำรวจรายชื่อนกั เรียน ประเมนิ ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ไดแ่ ก่ การมีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ 2. ครแู จง้ จุดประสงค์การเรยี นรูแ้ ละการวดั ผลประเมนิ ผลดา้ น KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑ์การวัดผลและการใหค้ ะแนนในสว่ นตา่ งๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกับ หลกั การ ข้อปฏบิ ัติและกฎระเบยี บในการเรียนการ สอนในห้องเรยี น ข้นั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนโดยตัง้ คำถามว่า “การเคลื่อนที่ของวัตถุที่ติดกลับปลายลวด สปริงมีลักษณะการเคลื่อนที่เป็นอย่างไร” 2. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 5 คน ตามความสมัครใจของนักเรยี น แล้วให้แต่ละกลุ่ม ร่วมกนั ศกึ ษาค้นคว้าข้อมลู เกย่ี วกับเรื่อง ผลเฉลยของสมการการกระจัด ความเรว็ ของวัตถทุ เ่ี คลอ่ื นที่แบบฮาร์มอ
หน่วยการเรยี นรู้ การเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย หนา้ 166 นกิ อย่างง่าย ความเร่งของวตั ถทุ ่เี คลือ่ นทแี่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย และกราฟความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตำแหนง่ ความเรว็ ความเร่ง กบั เวลาการเคลอ่ื นท่ีแบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย โดยศกึ ษาจากเอกสารประกอบบทเรียน หรือ แหลง่ การเรยี นรู้ตา่ ง ๆ เช่น อินเทอร์เนต็ 3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเรื่องที่ได้ศึกษา จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคนเขียนสรุป ความรู้ที่ไดจ้ ากการศึกษาคน้ คว้าลงในสมดุ ประจำตัว เพื่อนำสง่ ครทู ้ายชัว่ โมง อธบิ ายความรู้ (Explain) 4. ครูสุ่มนกั เรยี นใหอ้ อกมานำเสนอผลการศกึ ษาหน้าชั้นเรยี น โดยสมุ่ ออกมาเพียง 3 กล่มุ ซ่ึงครูเป็นคน เลือกว่าจะให้กล่มุ ไหนนำเสนอเร่ืองอะไร ตามหวั ข้อเร่ือง ดังตอ่ ไปนี้ • ผลเฉลยของสมการการกระจดั • ความเร็วของวัตถุทีเ่ คล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนกิ อย่างง่าย • ความเร่งของวัตถทุ ี่เคล่อื นท่ีแบบฮารม์ อนกิ อย่างง่าย • กราฟความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่ง ความเร็ว ความเร่ง กับเวลาการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิก อยา่ งง่าย 5. ขณะที่นักเรียนแต่ละกลุ่มกำลังนำเสนอ ครูอาจเสนอแนะหรอื แทรกข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องนั้น ๆ ให้ นกั เรยี นทุกคนไดม้ คี วามเขา้ ใจทีถ่ กู ต้องมากย่ิงขนึ้ สำรวจคน้ หา (Explore) 1. ครทู บทวนความรู้เดมิ ของนักเรยี นโดยตง้ั ประเด็นคำถามว่า “ปริมาณต่าง ๆ ท่เี กย่ี วข้องกับการ เคล่อื นทแ่ี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย สามารถแสดงได้ดว้ ยสมการท่เี ป็นฟังกช์ ันแบบใด และมีสมการใดบา้ ง” 2. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม (กลมุ่ เดิม) จากชว่ั โมงทผี่ ่านมา เพอ่ื รว่ มกันศกึ ษากจิ กรรม การเคลื่อนที่แบบ ฮาร์มอนิกอย่างง่ายของวัตถทุ ี่ติดปลายสปรงิ จากเอกสารประกอบบทเรียน โดยครใู ชร้ ูปแบบการเรียนรู้แบบ รว่ มมือมาจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยกำหนดให้สมาชกิ แตล่ ะคนภายในกลุ่มมีบทบาทหนา้ ท่ขี องตนเอง ดงั น้ี สมาชิกคนท่ี 1-2 ทำหน้าที่ เตรียมวัสดอุ ปุ กรณ์ท่ีใช้ในการทำกจิ กรรมการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิก อยา่ งง่ายของวัตถุที่ติดปลายสปริง สมาชิกคนท่ี 3-4 ทำหน้าที่ อา่ นวิธีการทำกิจกรรม และนำมาอธบิ ายให้สมาชิกภายในกลมุ่ ฟัง สมาชิกคนที่ 5 ทำหน้าท่ี บนั ทึกผลการทดลอง 3. ครแู จง้ จุดประสงค์ของกิจกรรม การเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของวัตถุที่ติดปลายสปริง ให้นักเรียนทราบ เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรมตามขั้นตอน เอกสารประกอบบทเรียน เรอื่ ง การเคลอื่ นทแี่ บบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ย 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั แลกเปลี่ยนความรแู้ ละวเิ คราะห์ผลการปฏบิ ัติกิจกรรม แล้วอภิปราย ผลรว่ มกนั อธบิ ายความรู้ (Explain) 5. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรม ในระหว่างที่นักเรียนนำเสนอครู คอยใหข้ ้อเสนอแนะเพ่มิ เติมเพอ่ื ใหน้ ักเรียนมคี วามเขา้ ใจทถี่ ูกตอ้ ง 6. นักเรยี นร่วมกันตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม การเคล่อื นท่ีแบบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ยของวัตถุที่ติดปลาย สปริง โดยให้นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ร่วมกันอภิปรายเพ่อื หาคำตอบ
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลอ่ื นท่ีแบบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย หน้า 167 7. ครูสุ่มเลือกนักเรียน 2-3 กลุ่ม ให้ออกมานำเสนอคำตอบของกลุ่มตนเอง เมื่อนักเรียนแต่ละกล่มุ นำเสนอคำตอบของกลุ่มตนเองเรยี บร้อยแล้ว นักเรียนและครูอภปิ รายผลท้ายกิจกรรมการทดลองและเฉลย คำถามทา้ ยกจิ กรรม ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 8. ครเู ปดิ โอกาสให้นกั เรยี นสอบถามเน้อื หา เร่ือง การเคล่ือนท่ีแบบฮารม์ อนกิ อย่างง่าย และให้ความรู้ เพมิ่ เตมิ จากคำถามของนักเรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เร่อื ง ปริมาณตา่ ง ๆ ทเ่ี กี่ยวกบั การเคล่ือนที่แบบฮาร์ มอนิกอย่างง่าย ในการอธิบายเพมิ่ เติม 9. นักเรียนจับคู่กับเพื่อนในชั้นเรยี นตามความสมคั รใจของนักเรียน จากนั้นร่วมกันศึกษาตัวอย่าง เรื่อง การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย 10. ครสู ุม่ นักเรยี น 3 คู่ ออกมาแสดงวิธกี ารคำนวณหาผลลพั ธท์ ี่ได้ร่วมกันศกึ ษา ครูอาจจะเสนอแนะ หรอื อธิบายเพ่ิมเตมิ ในตวั อย่างนนั้ ๆ จากนน้ั ครูให้นักเรยี นทำใบงาน เรอื่ ง ระบบมวล-สปรงิ เบา ทำเสรจ็ แลว้ นำสง่ ครู ขน้ั สรุป ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่าง งา่ ย เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรยี นของนกั เรยี น 2. ครตู รวจสอบแบบฝกึ หดั เร่อื ง ระบบมวล-สปรงิ เบา 3. ครูประเมินผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล และการ ทำงานกล่มุ 4. ครวู ดั และประเมนิ ผลกิจกรรม การเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ยของวตั ถุท่ตี ิดปลายสปริง 5. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกย่ี วกบั การเคล่ือนที่แบบฮารม์ อนกิ อย่างง่ายว่า “การเคลอื่ นที่แบบฮาร์ มอนิกอย่างง่าย เป็นการเคล่อื นท่ีของวัตถทุ ก่ี ลบั ไปกลบั มาซ้ำรอยเดิมผา่ นตำแหนง่ สมดุล โดยมีคาบและแอม พลิจูดคงตวั และมกี ารกระจัดจากตำแหน่งสมดลุ ทเ่ี วลาใด ๆ เปน็ ฟงั กช์ ันแบบไซนโ์ ดยปริมาณตา่ ง ๆ ท่ี เกยี่ วขอ้ ง มีความสมั พันธ์ตามสมการ” x = A sin(t + ) v = A cos(t + ) v = A2 − x2 a = − A2 sin(t + ) a = − 2x
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคล่ือนที่แบบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย หน้า 168 8. ส่อื การเรยี นร/ู้ แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น เรอื่ ง การเคลอ่ื นทแี่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย 2. สื่อ Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 4. วีดทิ ศั น์เกยี่ วกับเครอ่ื งเคาะจงั หวะ (Metronome) จาก https://www.youtube.com/watch?v=zzcbzubxFcY 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet การเคลอ่ื นทแ่ี บบฮารม์ อนิกอย่างง่าย วิทยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟสิ กิ ส์) https://www.youtube.com/watch?v=eRfVsFwUq5M&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1 KxkAET426QvKsZTr&index=236 คล่นื ตามขวางของลวงสปรงิ ทีป่ ลายขา้ งหน่งึ ของสปริงถกู ตรึงไว้ วทิ ยาศาสตร์ ม.4-6 (ฟิสิกส)์ https://www.youtube.com/watch?v=9FJvqM- _2aw&list=PLgm36wXFlxy8dGUu1KxkAET426QvKsZTr&index=117
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคลื่อนทแ่ี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย หนา้ 169 9. สรุปผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษา1ลักษณะการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของ ระบบมวล-สปริงเบาหรือวัตถตุ ิดปลายสปริง ปริมาณตา่ ง ๆ ที่เกี่ยวข้องกบั การเคลื่อนท่ีแบบฮารม์ อนิ กอย่างง่ายของระบบมวล-สปริงเบาหรือวัตถุติดปลายสปริง จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง การเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนนิ การซอ่ มเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสรมิ แล้ว ผา่ นเกณฑ์ทั้งหมด) . 9.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ นกั เรียน สามารถอธบิ ายลกั ษณะการเคล่ือนทแ่ี บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่ายของระบบมวล-สปริงเบาหรือวัตถุ ตดิ ปลายสปริง บอกปรมิ าณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคล่อื นท่แี บบฮารม์ อนิกอย่างง่ายของระบบมวล- สปริงเบาหรือวัตถุติดปลายสปริง ปฏิบัติกิจกรรมการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของวัตถุที่ติด ปลายสปริง โดยมีนักเรียน ร้อยละ 97.06 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบ คำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่าน เกณฑท์ ้ังหมด) . 9.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 ของนักเรยี นทงั้ หมด . 9.4 ปญั หาอุปสรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรปู แบบการจัดการเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วมสังเกตุการทดลองแล้ว บันทึกผลการทดลองรว่ มกัน สว่ นนักเรียนท่ีไมส่ ะดวกเดินทางมาเรยี นท่ีโรงเรยี น จะเลือกใช้วิธกี ารซึกษา บทเรยี นเพม่ิ เตมิ ผ่าน ระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online). . ลงชือ่ วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วันที่ 25 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 . ลงชื่อ.......................................................ผ้นู เิ ทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผอื กนาค) วนั ที่ 25 กมุ ภาพันธ์ 2564 .
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคล่อื นท่แี บบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย หน้า 170 แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 24 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 การเคลอ่ื นท่แี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย เรอื่ ง เงาของวตั ถทุ ่เี คลอ่ื นท่ีเป็นวงกลมสมำ่ เสมอ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว31206 ชอื่ รายวชิ า ฟิสิกส์เพม่ิ เติม 2 ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 เวลาเรียน 2 ชว่ั โมง ผู้สอน นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชวี้ ดั /ผลการเรียนรู้ สาระท่ี 1 เขา้ ใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปริมาณและกระบวนการวดั การเคล่ือนทแี่ นวตรง แรงและกฎการ เคลอ่ื นทข่ี องนวิ ตนั กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ ักษพ์ ลงั งานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์ โมเมนตัม การเคลือ่ นทแี่ นวโค้ง รวมทงั้ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 9. ทดลอง และอธิบายการเคล่ือนท่แี บบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ยของวัตถตุ ิดปลายสปริงและลูกตุ้มอย่างง่าย รวมทั้งคำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เมื่อพิจารณาสมการความเร่งของเงาวัตถุของที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอ โดยใช้วิธีการทาง คณิตศาสตร์ จะเหน็ ได้ว่า เหมือนกับสมการความเรง่ ของวัตถุที่เคลอ่ื นท่แี บบฮารม์ อนิกอย่างง่าย จึงสรุปได้ว่า เงาของวัตถุทีเ่ คล่ือนทเ่ี ป็นวงกลมสม่ำเสมอกำลงั เคลอื่ นท่แี บบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการสังเกต 2) ทักษะการทดลอง 3) ทกั ษะการส่ือสาร 4) ทกั ษะการวิเคราะห์ 5) ทักษะการทำงานรว่ มกัน 6) ทกั ษะการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) การเคล่อื นท่แี บบฮารม์ อนิกอยา่ งง่ายของเงาของวตั ถุทีเ่ คลือ่ นทีเ่ ป็นวงกลมสม่ำเสมอ 2) ปริมาณต่าง ๆ ท่เี กีย่ วขอ้ งกบั การเคลอ่ื นทแ่ี บบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ยของเงาของวตั ถุที่เคล่ือนท่ี เป็นวงกลมสมำ่ เสมอ 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายการเคลอื่ นท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ยของเงาของวัตถทุ ีเ่ คลอ่ื นที่เป็นวงกลมสมำ่ เสมอ
หน่วยการเรียนรู้ การเคลือ่ นที่แบบฮารม์ อนิกอยา่ งง่าย หน้า 171 2) คำนวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั การเคลื่อนทแ่ี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่ายของเงาของวัตถุ ที่เคล่ือนทีเ่ ป็นวงกลมสมำ่ เสมอ 4.3 คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) มวี นิ ยั 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) มุ่งมน่ั ในการทำงาน 5. ช้นิ งานหรือภาระงานท่แี สดงผลการเรียนรู้ แบบฝกึ หัด 6. การประเมิน เครื่องมอื เกณฑ์ วิธีการ แบบฝึกหดั ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึ้นไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหัด ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ข้นึ ไป 2. ตรวจแบบฝึก เพือ่ บนั ทกึ แบบฝกึ ทกั ษะ ข้อคำถามอตั นยั ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขึ้นไป สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน ดา้ น เพอ่ื วัดความสามารถในการสอื่ สาร ความคิด และการสอื่ สาร ได้แก่ การอธบิ าย การเขยี น 3. สงั เกต สมั ภาษณ์ บันทึก แบบสังเกตพฤตกิ รรม มีวินัย ใฝ่ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ มี เรยี นรู้ และมงุ่ ม่ันในการทำงาน วินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มน่ั ใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันนำ 1. สำรวจรายชอ่ื นกั เรยี น ประเมนิ ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ไดแ่ ก่ การมวี ินยั ใฝ่เรียนรู้ 2. ครแู จ้งจุดประสงค์การเรยี นรู้และการวัดผลประเมนิ ผลด้าน KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑก์ ารวัดผลและการใหค้ ะแนนในส่วนต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกีย่ วกบั หลกั การ ข้อปฏบิ ัติและกฎระเบียบในการเรียนการ สอนในห้องเรยี น กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมของนกั เรยี นเกยี่ วกบั การเคลอื่ นท่แี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย จากน้ันครูเปิดวีดิ ทศั น์เก่ียวกบั การเคลือ่ นทขี่ องชิงช้าสวรรค์ ให้นกั เรยี นดู 2. เมื่อนักเรียนดวู ีดิทัศน์จบ ครูตั้งคำถามกระตุ้นความสนใจนักเรียนว่า “ชิงช้าสวรรคม์ ีลักษณะการ เคลื่อนที่แบบใด และถ้าพิจารณาเงาของกระเช้าใดกระเช้าหนึ่งของชิงช้าสวรรค์ที่ตกลงบนพื้น เงานั้นจะมี ลักษณะการเคล่ือนแบบใด” โดยใหน้ กั เรียนช่วยกนั ตอบคำถามอย่างอิสระไมม่ ีการเฉลยว่าถูกหรือผดิ
หน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนที่แบบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย หนา้ 172 ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 3 คน ตามความสมัครใจของนักเรียน จากนั้นครูให้นักเรียนแต่ละ กลุ่มร่วมกันศึกษาเกี่ยวกับเงาของวตั ถุที่เคลือ่ นที่แบบวงกลมสม่ำเสมอโดยนำไปเปรียบเทียบกับการเคลือ่ นท่ี แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต แล้วร่วมกันสรุปความรู้ท่ีศึกษาลงใน สมุดประจำตวั 2. ครูตั้งประเดน็ คำถามโดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนร่วมกันอภิปรายและแสดงความคดิ เห็นว่า “ถา้ พิจารณาเงาของวัตถุเคลือ่ นทเ่ี ป็นวงกลมสม่ำเสมอจะมลี กั ษณะการเคลื่อนที่เป็นอย่างไร” 3. ให้แต่ละกลุ่มศึกษาเกี่ยวกับสมการความเร่งของเงาของวัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอว่า สมการเป็นแบบใด และเมื่อนำไปเปรียบเทยี บกบั สมการความเรง่ ของวตั ถุที่เคลื่อนทีแ่ บบฮารม์ อนิกอย่างง่าย ซง่ึ ครเู ปน็ ผ้สู งั เกตการณแ์ ละใหค้ ำปรึกษาเมอื่ นกั เรยี นมขี อ้ ซักถาม อธบิ ายความรู้ (Explain) 4. ครูสุ่มนักเรียนจำนวน 4 กลุ่ม ออกมานำเสนอผลการศึกษาข้อมูลหน้าช้ันเรียน เม่ือนำเสนอครบ เเล้ว นกั เรยี นและครูร่วมกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็น ซ่ึงได้ข้อสรุปร่วมกันว่า “สมการความเร่งของเงาเหมือนกับสมการความเร่งของวัตถุที่เคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย จึงทำให้สรุปได้ว่า เงาของวัถตุท่ีเคล่ือนที่แบบวงกลมอย่างสม่ำเสมอมีลักษณะการเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอ ย่างง่าย” ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 5. ครเู ปิดโอกาสให้นกั เรยี นสอบถามเน้ือหา เรอ่ื ง เงาของวตั ถทุ ีเ่ คลอ่ื นท่เี ป็นวงกลมสม่ำเสมอ และให้ ความรูเ้ พมิ่ เติมจากคำถามของนักเรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง เงาของวัตถทุ ี่เคลื่อนที่เปน็ วงกลม สม่ำเสมอ ในการอธิบายเพ่ิมเติม 6. นักเรียนแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดิม) โดยให้แต่ละกลุ่มศึกษาตัวอย่าง จากนน้ั ครใู หน้ ักเรยี นทำใบงานท่ี เคลือ่ นทีเ่ ปน็ วงกลมสม่ำเสมอ เม่ือทำเสร็จแล้วนำส่งครู ข้นั สรุป ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงาน เรือ่ ง เงาของวตั ถทุ เี่ คลอื่ นทเี่ ปน็ วงกลมสม่ำเสมอ 2. ครตู รวจ เรอื่ ง เงาของวัตถทุ เ่ี คล่อื นทเ่ี ป็นวงกลมสมำ่ เสมอ ในสมดุ ประจำตัว 3. ครตู รวจสอบแบบฝกึ หัด เรอื่ ง เงาของวัตถทุ เ่ี คลอ่ื นทีเ่ ปน็ วงกลมสมำ่ เสมอ 4. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล และการ ทำงานกลุม่ 5. นักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเงาของวัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอว่า “เงาของวัตถุที่ เคล่ือนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอ ถ้าเรานำไปเปรียบเทียบกับการเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย ซ่ึงแสดงให้ เห็นว่าเงาของวัตถุที่เคลื่อนท่ีเป็นวงกลมสม่ำเสมอกำลังเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย”
หน่วยการเรียนรู้ การเคลอื่ นท่ีแบบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย หนา้ 173 8. ส่อื การเรยี นร้/ู แหลง่ เรียนรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรยี น เร่อื ง การเคลื่อนทแ่ี บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย 2. สือ่ Power point 3. ใบงาน 4. วีดิทัศน์เกีย่ วกับการเคลอื่ นทข่ี องชงิ ช้าสวรรค์ จาก https://www.youtube.com/watch?v=ZRkGg3IWUpk 8.2 แหลง่ เรียนรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet วิชาฟสิ กิ ส์ - บทเรยี น การเคลือ่ นที่แบบฮารม์ อนิกอย่างง่าย https://www.youtube.com/watch?v=N6GrbcGDre4&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlYN mL2d7v11yKWGk&index=27
หน่วยการเรียนรู้ การเคลอื่ นทีแ่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย หน้า 174 9. สรุปผลการจัดการเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อ ศึกษาการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของเงาของ วัตถุที่เคลื่อนท่ีเป็นวงกลมสม่ำเสมอ ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนท่ีแบบฮารม์ อนกิ อยา่ ง ง่ายของเงาของวัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอ จากการสืบค้น การศึกษาจากใบความรู้ และ เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง การเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่าน เกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการ ซอ่ มเสริม โดยภายดำเนนิ การซอ่ มเสรมิ แล้ว ผา่ นเกณฑ์ท้ังหมด) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบายการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของเงาของวัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลม สม่ำเสมอ และคำนวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ทเี่ กยี่ วข้องกบั การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งงา่ ยของเงาของ วัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอ โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม)ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภาย ดำเนินการซอ่ มเสริมแล้ว ผา่ นเกณฑท์ งั้ หมด) . ................................................................................................................................................................................... 9.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ของนักเรียนทั้งหมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วมสังเกตุการทดลองแล้ว บนั ทึกผลการทดลองร่วมกัน ส่วนนกั เรียนทไี่ มส่ ะดวกเดนิ ทางมาเรียนท่ีโรงเรยี น จะเลือกใชว้ ิธกี ารซึกษา บทเรียนเพม่ิ เติมผา่ น ระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online). . ลงชอ่ื วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์.) วนั ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 . ลงชื่อ.......................................................ผนู้ ิเทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผอื กนาค) วนั ท่ี 25 กุมภาพันธ์ 2564 .
หนว่ ยการเรียนรู้ การเคล่อื นทแ่ี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย หนา้ 175 แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 25 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 การเคลอื่ นที่แบบฮารม์ อนกิ อย่างง่าย เรื่อง การแกว่งของลกู ต้มุ นาฬิกาอย่างง่าย กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว31206 ช่ือรายวิชา ฟสิ กิ ส์เพม่ิ เติม 2 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลาเรยี น 2 ชวั่ โมง ผู้สอน นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์ โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวช้ีวดั /ผลการเรียนรู้ สาระท่ี 1 เข้าใจธรรมชาตทิ างฟิสกิ ส์ปริมาณและกระบวนการวดั การเคล่ือนทีแ่ นวตรง แรงและกฎการ เคลือ่ นทขี่ องนวิ ตัน กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ ักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตัม การเคลอื่ นท่แี นวโคง้ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 9. ทดลอง และอธิบายการเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของวัตถตุ ิดปลายสปริงและลูกตุ้มอย่างง่าย รวมท้ังคำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ ง 2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด สมการความเร่งของลูกตุ้มอย่างง่ายจะแปรผันตรงกับการกระจัดและมีทิศตรงกันข้ามกับการแกว่ง เช่นเดียวกับการเคลือ่ นทขี่ องมวลติดสปรงิ เบา จึงสรุปได้ว่าการแกวง่ ของลูกต้มุ อยา่ งงา่ ยเปน็ การเคล่ือนที่แบบ ฮารม์ อนกิ อย่างง่าย 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการสังเกต 2) ทกั ษะการทดลอง 3) ทักษะการสื่อสาร 4) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 5) ทกั ษะการทำงานร่วมกัน 6) ทกั ษะการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1) ลักษณะการเคลื่อนทแี่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ยของลกู ตุม้ อยา่ งง่าย 2) ปรมิ าณ ทีเ่ ก่ียวข้องกับการเคลอ่ื นทีแ่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ยของลกู ตุม้ อยา่ งง่าย 3) ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการแกวง่ ของลูกตุ้มอย่างงา่ ย 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธิบายลักษณะการเคลอ่ื นทีแ่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งง่ายของลกู ต้มุ อย่างงา่ ย
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นทแ่ี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย หนา้ 176 2) คำนวณหาปริมาณ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกับการเคลอ่ื นที่แบบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ยของลกู ตมุ้ อย่างงา่ ย 3) ปฏิบัตกิ ิจกรรมการแกว่งของลกู ต้มุ อย่างงา่ ย 4.3 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1) มวี นิ ัย 2) ใฝเ่ รยี นรู้ 3) มงุ่ ม่นั ในการทำงาน 5. ชิน้ งานหรือภาระงานท่แี สดงผลการเรียนรู้ แบบฝกึ หดั 6. การประเมิน เครอ่ื งมอื เกณฑ์ วิธกี าร แบบฝกึ หดั ผา่ นเกณฑ์ในระดับดี ขน้ึ ไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหดั ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ข้ึนไป 2. ตรวจแบบฝกึ เพือ่ บันทึก แบบฝึกทกั ษะ ขอ้ คำถามอัตนัย ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขน้ึ ไป สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ดา้ น เพื่อวัดความสามารถในการสอื่ สาร ความคิด และการสอื่ สาร ไดแ้ ก่ การอธิบาย การเขียน 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บนั ทกึ แบบสงั เกตพฤติกรรม มวี นิ ยั ใฝ่ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ มี เรียนรู้ และม่งุ มนั่ ในการทำงาน วนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มน่ั ใน การทำงาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. สำรวจรายชื่อนักเรยี น ประเมินด้านคุณธรรม จริยธรรม ได่แก่ การมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ 2. ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนร้แู ละการวัดผลประเมนิ ผลด้าน KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลักเกณฑ์การวัดผลและการให้คะแนนในสว่ นตา่ งๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกบั หลักการ ข้อปฏิบัติและกฎระเบยี บในการเรยี นการ สอนในหอ้ งเรยี น ข้นั นำ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครทู บทวนความรู้เดมิ ของนักเรียน เร่ือง เงาของวตั ถุที่เคลอื่ นที่เปน็ วงกลมสมำ่ เสมอ จากนั้นครแู จง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ใหน้ กั เรยี นทราบ 2. นักเรียนดูวีดิทัศน์ เรื่อง ลูกตุ้มอย่างง่าย จากนั้นครูตั้งคำถามกระตุน้ ความคิดนักเรียนว่า “ลูกตุม้ นาฬกิ ามลี กั ษณะการเคลื่อนท่ีเป็นอย่างไร และจัดว่าลูกตมุ้ นาฬกิ าเปน็ ลูกตุ้มอย่างง่ายหรอื ไม่ อย่างไร” โดย ให้นักเรียนช่วยกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่าถูกหรือผิด จากนั้นครูกล่าว เช่ือมโยงเข้าสู่กิจกรรมการเรยี นการสอน
หน่วยการเรียนรู้ การเคล่อื นท่ีแบบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย หน้า 177 ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. นักเรยี นแบง่ กลุ่มออกเปน็ กลมุ่ ๆ ละ 5 คน ตามความสมัครใจของนักเรยี น จากนั้นให้นักเรียนแต่ ละกลมุ่ รว่ มกันศกึ ษาค้นคว้าข้อมูลเก่ียวกับ การแกวง่ ของลกู ตุ้มนาฬิกาอย่างง่าย จากแหลง่ การเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อนิ เทอรเ์ น็ตแลว้ รว่ มกนั สรุปความรทู้ ศี่ กึ ษาลงในสมุดประจำตัว 2. ครูสุ่มนักเรียนจำนวน 2 กลุ่ม ออกมานำเสนอผลการศึกษาข้อมูลหน้าชั้นเรียน ในระหว่างที่ นักเรยี นนำเสนอ ครูคอยใหข้ อ้ เสนอแนะเพมิ่ เตมิ เพื่อใหน้ ักเรียนมคี วามเข้าใจทถ่ี ูกตอ้ ง 3. ครูถามคำถามทา้ ทาย วา่ “ความรู้เรอ่ื งคาบการแกว่งของลกู ตุ้มนาฬิกาอยา่ งงา่ ยมปี ระโยชน์อยา่ งไร ในชวี ติ ประจำวนั ” สำรวจคน้ หา (Explore) (ต่อ) 1. ครทู บทวนความรู้เดิมของนักเรียนโดยตงั้ คำถามวา่ “การแกว่งของลกู ตุ้มนาฬกิ าอยา่ งง่าย คอื อะไร และมีลักษณะการเคลือ่ นทอ่ี ยา่ งไร” โดยให้นกั เรียนแต่ละคนรว่ มกันอธิบายและแสดงความคิดเหน็ 2. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุม่ ๆ ละ 6 คน ตามความสมัครใจของนกั เรียน จากนั้นให้แต่ละกลุ่ม รว่ มกนั ศึกษากจิ กรรม การแกวง่ ของลกู ตุ้มอย่างงา่ ย ใชร้ ูปแบบการเรียนรแู้ บบรว่ มมือมาจดั กระบวนการเรียนรู้ โดยกำหนดให้ สมาชกิ แต่ละคนภายในกลุ่มมบี ทบาทหน้าทข่ี องตนเอง ดงั น้ี สมาชกิ คนที่ 1-2 ทำหนา้ ที่ เตรยี มวัสดุอปุ กรณ์ใชใ้ นการทำกิจกรรมการแกว่งของลูกตุ้มอย่างง่าย สมาชิกคนท่ี 3-4 ทำหน้าที่ อา่ นวธิ กี ารทำกจิ กรรม และนำมาอธบิ ายให้สมาชิกภายในกลุ่มฟัง สมาชกิ คนที่ 5-6 ทำหนา้ ท่ี บนั ทกึ ผลการทำกจิ กรรม 3. ครูแจ้งจุดประสงค์ของกิจกรรม การแกว่งของลูกตุ้มอย่างง่าย ให้นักเรียนทราบเพื่อเป็นแนว ทางการปฏิบตั ทิ ถ่ี กู ตอ้ ง จากนนั้ ให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ทำกิจกรรมตามข้นั ตอน 4. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั แลกเปลี่ยนความรู้และวิเคราะห์ผลการปฏิบัติกิจกรรม แล้วอภิปรายผล รว่ มกัน อธิบายความรู้ (Explain) 5. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรม ในระหว่างท่ีนักเรียนนำเสนอครู คอยให้ข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม เพ่ือใหน้ กั เรียนมีความเข้าใจท่ถี ูกตอ้ ง 6. นักเรียนร่วมกันตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม การแกว่งของลกู ตุ้มอย่างงา่ ย โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม รว่ มกนั อภปิ รายเพ่อื หาคำตอบร่วมกนั 7. ครูสุ่มเลือกนักเรียน 2-3 กลุ่ม ให้ออกมานำเสนอคำตอบของกลุ่มตนเอง เมื่อนักเรียนแต่ละกลุ่ม นำเสนอคำตอบของกลุ่มตนเองเรียบร้อยแลว้ นักเรียนและครูร่วมกันอภปิ รายผลท้ายกิจกรรม และเฉลยคำถาม ทา้ ยกจิ กรรม
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลื่อนทีแ่ บบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย หนา้ 178 8. สื่อการเรียนรู/้ แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 สือ่ การเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง การเคลือ่ นทแ่ี บบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย 2. สือ่ Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 4. คลิปวิดีทัศน์ เรื่อง ลกู ตุ้มอยา่ งงา่ ย 8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet วชิ าฟิสิกส์ - กจิ กรรม การแกวง่ ลกู ตุ้มอย่างง่าย https://www.youtube.com/watch?v=5DQLkkMzL6c&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlY NmL2d7v11yKWGk&index=63 วิชาฟสิ กิ ส์ - กิจกรรม การเคลื่อนทแี่ บบฮอรม์ อนกิ อยา่ งง่าย https://www.youtube.com/watch?v=WtPDOlM0taY&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlY NmL2d7v11yKWGk&index=65 วิชาฟิสกิ ส์ - กจิ กรรม ลกู ตมุ้ กายภาพ https://www.youtube.com/watch?v=VNB7dtmCt_o&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlY NmL2d7v11yKWGk&index=66 วิชาฟิสกิ ส์ - บทเรยี น การแกว่งของวัตถุ https://www.youtube.com/watch?v=Yi_nmSZXhHk&list=PLeJGvKa_RJ_YrzdKvlY NmL2d7v11yKWGk&index=98
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลอ่ื นท่ีแบบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย หนา้ 179 9. สรปุ ผลการจัดการเรยี นรู้ 9.1 ด้านความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อ ศึกษาการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของเงาของ วัตถุที่เคลือ่ นท่ีเป็นวงกลมสม่ำเสมอ ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบฮารม์ อนิกอยา่ ง ง่ายของเงาของวัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมสม่ำเสมอ จากการปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง การสืบค้น การศกึ ษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรอ่ื ง การเคลื่อนที่แบบฮารม์ อนิกอย่างง่าย โดย มนี ักเรียน รอ้ ยละ 73 ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขนึ้ ไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม)ส่วนนกั เรียนท่ีไม่ ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสรมิ โดยภายดำเนนิ การซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑท์ ั้งหมด) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบายการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของเงาของวัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลม สม่ำเสมอ และคำนวณหาปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกับการเคล่ือนทแี่ บบฮารม์ อนกิ อย่างง่ายของเงาของ วตั ถุทีเ่ คลอ่ื นทีเ่ ปน็ วงกลมสม่ำเสมอ และปฏบิ ัติกิจกรรมการแกว่งของลูกตุ้มอยา่ งงา่ ย โดยมีนักเรียน ร้อยละ 73 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่าน เกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสรมิ โดยภายดำเนนิ การซอ่ มเสริมแลว้ ผา่ นเกณฑ์ทัง้ หมด) . 9.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผ่านตามเกณฑ์ คิดเปน็ ร้อยละ 100 ของนกั เรียนท้ังหมด . 9.4 ปัญหาอปุ สรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรปู แบบการจดั การเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วมสังเกตุการทดลองแล้ว บนั ทึกผลการทดลองรว่ มกัน สว่ นนกั เรียนที่ไมส่ ะดวกเดนิ ทางมาเรยี นที่โรงเรียน จะเลอื กใช้วิธีการซึกษา บทเรียนเพ่ิมเติมผ่าน ระบบโรงเรียนเสมือนจริง (Virtual School Online). . ลงชอ่ื วิจิตตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจติ ต์.) วันท่ี 26 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 . ลงชือ่ .......................................................ผ้นู เิ ทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผอื กนาค) วันท่ี 26 กุมภาพันธ์ 2564 . ลงชื่อ.......................................................ผนู้ เิ ทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผือกนาค)
หน่วยการเรียนรู้ การเคลอ่ื นท่ีแบบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย หนา้ 180 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 26 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4 การเคลอื่ นที่แบบฮารม์ อนิกอย่างง่าย เรอื่ ง การแกว่งของลกู ตมุ้ นาฬกิ าอยา่ งงา่ ย กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว31206 ช่ือรายวิชา ฟสิ กิ ส์เพมิ่ เติม 2 ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 เวลาเรยี น 2 ชัว่ โมง ผู้สอน นางสาววิจติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวช้ีวดั /ผลการเรียนรู้ สาระที่ 1 เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟิสกิ ส์ปริมาณและกระบวนการวดั การเคลือ่ นทแี่ นวตรง แรงและกฎการ เคลือ่ นทขี่ องนิวตัน กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนุรกั ษพ์ ลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตัม การเคลือ่ นท่ีแนวโคง้ รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรยี นรู้ 9. ทดลอง และอธิบายการเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ยของวัตถตุ ิดปลายสปริงและลูกตุ้มอย่างง่าย รวมท้ังคำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ ง 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด สมการความเร่งของลูกตุ้มอย่างง่ายจะแปรผันตรงกับการกระจัดและมีทิศตรงกันข้ามกับการแกว่ง เช่นเดียวกับการเคลือ่ นทขี่ องมวลติดสปรงิ เบา จงึ สรปุ ได้ว่า การแกวง่ ของลกู ตมุ้ อยา่ งง่ายเป็นการเคลือ่ นท่แี บบ ฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการสังเกต 2) ทกั ษะการทดลอง 3) ทักษะการสื่อสาร 4) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 5) ทกั ษะการทำงานร่วมกัน 6) ทกั ษะการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ 1) ลกั ษณะการเคลื่อนทแี่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่ายของลูกตุ้มอย่างง่าย 2) ปรมิ าณ ทีเ่ ก่ียวข้องกับการเคลื่อนทีแ่ บบฮาร์มอนิกอยา่ งง่ายของลูกตุม้ อย่างงา่ ย 3) ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการแกวง่ ของลูกตุ้มอย่างง่าย 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ 1) อธิบายลักษณะการเคลอ่ื นท่แี บบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของลกู ต้มุ อยา่ งง่าย
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคล่อื นที่แบบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย หน้า 181 2) คำนวณหาปริมาณ ที่เก่ียวขอ้ งกับการเคล่ือนทแี่ บบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ยของลูกตมุ้ อยา่ งง่าย 3) ปฏิบตั กิ ิจกรรมการแกวง่ ของลกู ตุม้ อย่างง่าย 4.3 คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1) มวี ินัย 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) มุง่ มั่นในการทำงาน 5. ชิน้ งานหรอื ภาระงานท่แี สดงผลการเรียนรู้ แบบฝกึ หดั 6. การประเมนิ เครอื่ งมอื เกณฑ์ วิธีการ แบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขึ้นไป ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหัด ผา่ นเกณฑใ์ นระดับดี ขึ้นไป 2. ตรวจแบบฝึก เพื่อบันทกึ แบบฝกึ ทกั ษะ ข้อคำถามอัตนัย ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดี ขึน้ ไป สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ด้าน เพ่อื วัดความสามารถในการส่ือสาร ความคิด และการสือ่ สาร ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การเขยี น 3. สังเกต สัมภาษณ์ บนั ทึก แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มีวินัย ใฝ่ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ มี เรยี นรู้ และม่งุ ม่นั ในการทำงาน วินัย ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มัน่ ใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. สำรวจรายชอื่ นกั เรียน ประเมินด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ไดแ่ ก่ การมวี นิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ 2. ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้และการวดั ผลประเมินผลด้าน KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑก์ ารวัดผลและการให้คะแนนในสว่ นต่างๆ ร่วมกัน และตกลงเกี่ยวกบั หลักการ ขอ้ ปฏบิ ตั ิและกฎระเบยี บในการเรยี นการ สอนในหอ้ งเรยี น ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 8. ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นสอบถามเนอื้ หา เร่ือง การแกว่งของลูกต้มุ นาฬกิ าอยา่ งงา่ ย และให้ความรู้ เพิ่มเติมจากคำถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง การแกว่งของลูกตุ้มนาฬิกาอย่างง่าย ในการ อธบิ ายเพมิ่ เติม 9. นักเรียนแต่ละคนศึกษาตัวอย่าง จากนั้นครูสุ่มเลขท่ีนักเรียนจำนวน 2-3 คน ออกมาแสดงวิธีการ คำนวณหาผลลัพธ์ทีไ่ ด้ศกึ ษาครูอาจจะเสนอแนะ หรืออธิบายเพิ่มเติมในตวั อยา่ งนน้ั ๆ 10. จากนน้ั ใหน้ กั เรียนแต่ละคนตอบคำถาม เรือ่ ง การแกวง่ ของลูกตุม้ นาฬิกาอย่าง ลงในสมดุ ประจำตัว 11. นักเรียนจับคู่กบั เพือ่ นในชัน้ เรียนตามความสมัครใจของนกั เรียน จากนั้นครูให้นักเรียนทำใบงาน เร่อื ง การแกว่งของลูกตุ้มนาฬกิ าอย่างงา่ ย 12. ครูสุ่มนักเรียนจำนวน 3 คู่ ออกมาเฉลยโดยครูให้นักเรียนร่วมกันพิจารณาว่าคำตอบใดถูกต้อง จากน้นั ครเู ฉลยคำตอบท่ีถกู ต้องใหน้ ักเรียน
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลือ่ นทีแ่ บบฮารม์ อนกิ อยา่ งงา่ ย หน้า 182 ขนั้ สรุป ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงาน เร่ือง การแกว่งของลูกตมุ้ นาฬกิ าอย่างง่าย 2. ครตู รวจแบบฝึกหัด เรื่อง การแกว่งของลูกต้มุ นาฬิกาอยา่ งงา่ ย ในสมุดประจำตวั 3. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ ทำงานกลุ่ม 4. ครวู ดั และประเมนิ ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม การแกว่งของลกู ต้มุ อยา่ งงา่ ย 5. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกีย่ วกับการแกว่งของลูกตุม้ นาฬิกาอย่างง่ายว่า “การแกว่งของลกู ตุ้ม นาฬิกาเปน็ การเคลอื่ นทแี่ บบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ย คาบหรือความถขี่ องการกวดั แกวง่ จะไมข่ นึ้ อยกู่ ับมวลของลูกตุ้ม และแอมพลิจูด แต่จะขึ้นอยู่กับความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถว่ ง และความยาวของเชือกเท่านั้น เมื่อเชือกยาวขึ้น คาบในการกวัดแกวง่ ก็จะเพ่มิ ขน้ึ ” 8. สอ่ื การเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เรอ่ื ง การเคลื่อนทแ่ี บบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ย 2. สอ่ื Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. หอ้ งสมดุ 2. Internet วิชาฟิสิกส์ - กจิ กรรม การแกวง่ ลกู ตมุ้ อย่างงา่ ย https://www.youtube.com/watch?v=5DQLkkMzL6c&list=PLeJGvKa_RJ_Y rzdKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=63 วิชาฟิสิกส์ - กจิ กรรม การเคล่อื นทแ่ี บบฮอร์มอนกิ อย่างงา่ ย https://www.youtube.com/watch?v=WtPDOlM0taY&list=PLeJGvKa_RJ_Y rzdKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=65 วิชาฟสิ กิ ส์ - กจิ กรรม ลูกตุม้ กายภาพ https://www.youtube.com/watch?v=VNB7dtmCt_o&list=PLeJGvKa_RJ_Y rzdKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=66 วชิ าฟิสกิ ส์ - บทเรยี น การแกวง่ ของวัตถุ https://www.youtube.com/watch?v=Yi_nmSZXhHk&list=PLeJGvKa_RJ_Y rzdKvlYNmL2d7v11yKWGk&index=98
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นทแ่ี บบฮารม์ อนกิ อยา่ งง่าย หนา้ 183 9. สรปุ ผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ด้านความรู้ นกั เรียนให้ความรว่ มมือในการทำกิจกรรมเพ่ือศกึ ษาการเคลอื่ นที่แบบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ยของลูกตุ้มอยา่ ง ง่ายปริมาณ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของลูกตุ้มอย่างง่าย จากการปฏิบัติ กจิ กรรมการแกวง่ ของลกู ตุ้มอย่างง่าย การสืบค้น การศกึ ษาจากใบความรู้ และเอกสารประกอบบทเรียน เรือ่ ง การเคล่อื นท่ีแบบฮารม์ อนิกอย่างง่าย โดยมนี ักเรยี น รอ้ ยละ 97.06 ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ข้ึนไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม)ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภาย ดำเนนิ การซอ่ มเสรมิ แลว้ ผา่ นเกณฑท์ ง้ั หมด) . 9.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ นักเรียน สามารถอธิบายลักษณะการเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของลูกตุ้มอย่างง่าย สามารถ คำนวณหาปรมิ าณ ทเ่ี ก่ียวข้องกับการเคลอ่ื นท่แี บบฮารม์ อนกิ อย่างง่ายของลกู ตุ้มอยา่ งง่าย และสามารถ ปฏิบัติกิจกรรมการแกวง่ ของลกู ตุ้มอย่างง่าย โดยมีนักเรียน ร้อยละ 97.06 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม และการทำแบบฝึกหัด)ส่วนนักเรียนที่ไมผ่ ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อม เสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด) . ................................................................................................................................................................................... 9.3 ดา้ นคุณลักษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผา่ นตามเกณฑ์ คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ของนกั เรียนทั้งหมด . 9.4 ปญั หาอปุ สรรค ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรูปแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วมสังเกตุการทดลองแล้ว บันทึกผลการทดลองร่วมกนั สว่ นนักเรยี นทไ่ี มส่ ะดวกเดินทางมาเรยี นท่ีโรงเรียน จะเลอื กใช้วธิ ีการซึกษา บทเรยี นเพ่ิมเตมิ ผา่ น ระบบโรงเรียนเสมอื นจริง (Virtual School Online). . ลงชื่อ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววจิ ิตตา อำไพจิตต์.) วันท่ี 26 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 . ลงชอ่ื .......................................................ผู้นเิ ทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผือกนาค) วนั ที่ 26 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 .
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นที่แบบฮาร์มอนกิ อยา่ งงา่ ย หนา้ 184 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 27 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 4 การเคลื่อนที่แบบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย เร่ือง การสน่ั พอ้ ง กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว31206 ช่อื รายวชิ า ฟสิ ิกสเ์ พ่ิมเติม 2 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลาเรียน 2 ชัว่ โมง ผู้สอน นางสาววิจติ ตา อำไพจิตต์ โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ สาระที่ 1 เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟสิ กิ สป์ รมิ าณและกระบวนการวดั การเคลอื่ นที่แนวตรง แรงและกฎการ เคล่ือนที่ของนวิ ตัน กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎการอนรุ กั ษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ ักษ์ โมเมนตมั การเคลื่อนท่แี นวโคง้ รวมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ผลการเรียนรู้ 10. อธบิ ายความถธ่ี รรมชาติของวัตถุและการเกดิ การส่ันพ้อง 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การสั่นพ้องเป็นปรากฏการณท์ ี่ระบบกวดั แกว่งหนึ่ง ๆ ถูกกระทำโดยแรงขับเคลือ่ นภายนอกที่มคี วามถี่ เท่ากับความถ่ีธรรมชาตขิ องระบบ แล้วทำให้แอมพลิจูดในการกวัดแกว่งของระบบนั้น ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยจะ เรียกความถขี่ องแรงขบั เคลอ่ื นที่ใชก้ ระตนุ้ วา่ ความถ่ีส่นั พ้อง โดยความถเี่ ฉพาะตัวของระบบหนง่ึ ๆ จะเรยี กว่า ความถี่ธรรมชาติ 3. สมรรถนะ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 1) ทักษะการสงั เกต 2) ทักษะการทดลอง 3) ทักษะการสอ่ื สาร 4) ทักษะการวิเคราะห์ 5) ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน 6) ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ 1) การสนั่ พ้อง ความถีส่ ัน่ พ้อง และความถ่ีธรรมชาตขิ องวัตถุ 2) ปรมิ าณต่าง ๆ ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับการสนั่ พอ้ ง 4.2 ทักษะ/กระบวนการ 1) อธบิ ายการสั่นพ้อง ความถีส่ ่นั พ้อง และความถธ่ี รรมชาติของวตั ถุ 2) คำนวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการสัน่ พ้อง 3) สามารถเขยี นแผนผงั มโนทัศนไ์ ดอ้ ยา่ งถกู ต้องและเปน็ ลำดับขัน้ ตอน
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลื่อนท่แี บบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย หนา้ 185 4.3 คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1) มวี ินยั 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งม่ันในการทำงาน 5. ชิ้นงานหรอื ภาระงานท่แี สดงผลการเรยี นรู้ แบบฝึกหัด 6. การประเมนิ เคร่ืองมอื เกณฑ์ วธิ ีการ แบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป รอ้ ยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม 1. ตรวจแบบฝึกหดั ผ่านเกณฑใ์ นระดับดี ขึ้นไป 2. ตรวจแบบฝึก เพื่อบันทึก แบบฝกึ ทักษะ ข้อคำถามอตั นยั ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดี ขน้ึ ไป สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ด้าน เพือ่ วัดความสามารถในการสือ่ สาร ความคิด และการส่อื สาร ได้แก่ การอธิบาย การเขยี น 3. สงั เกต สัมภาษณ์ บันทึก แบบสงั เกตพฤตกิ รรม มวี ินัย ใฝ่ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มี เรยี นรู้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน วนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มัน่ ใน การทำงาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. สำรวจรายชื่อนักเรยี น ประเมนิ ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ไดแ่ ก่ การมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ 2. ครูแจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรูแ้ ละการวดั ผลประเมนิ ผลดา้ น KPA 3. ครูและนักเรียนตกลงหลกั เกณฑ์การวัดผลและการใหค้ ะแนนในสว่ นตา่ งๆ ร่วมกัน และตกลงเกีย่ วกบั หลกั การ ข้อปฏบิ ัตแิ ละกฎระเบยี บในการเรียนการ สอนในห้องเรยี น กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครสู นทนากบั นักเรยี นเก่ยี วกบั ลักษณะการเคลือ่ นที่ของชิงชา้ วา่ “เวลาแกว่งชิงชา้ ผู้ท่อี อกแรงแกว่ง ชิงช้าจะต้องออกแรงผลักคนที่นั่งบนชิงช้าอย่างไร จึงจะทำให้ชิงช้าแกว่งสูงขึ้น” จากนั้นให้นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เห็นอยา่ งอิสระโดยไม่มกี ารเฉลยวา่ ถูกหรอื ผิด 2. ครถู ามคำถาม เพ่ือเปน็ การนำเข้าสู่บทเรยี นว่า “หากตอ้ งการผลกั ชิงช้าให้แกว่งสูงขึน้ กวา่ เดิมจะต้อง ออกแรงผลักอย่างไร” โดยให้นักเรียนช่วยกันร่วมกันอภิปรายอย่างอิสระ จากนั้นครูกล่าวเชื่อมโยงเข้าสู่ กจิ กรรมการเรียนการสอน ขั้นสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูสุ่มเลขที่นกั เรียนจำนวน 3-4 คน ให้ยกตัวอยา่ งการสัน่ พ้องท่พี บเหน็ ในชีวิตประจำวัน มาคนละ 1 ตัวอยา่ ง
หน่วยการเรียนรู้ การเคล่อื นทีแ่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย หนา้ 186 2. นักเรียนแบง่ กลมุ่ ออกเปน็ กลมุ่ ๆ ละ 5 คน ตามความสมคั รใจของนกั เรยี น โดยให้แต่ละกลมุ่ ศึกษา คน้ คว้าข้อมูลเกี่ยวกบั เร่ือง การส่ันพอ้ ง จากแหลง่ การเรยี นรตู้ ่าง ๆ เชน่ อินเทอรเ์ น็ต แลว้ ร่วมกนั สรุปความรู้ที่ ศกึ ษาลงในสมดุ ประจำตวั 3. ครสู ุม่ นักเรียนจำนวน 2 กล่มุ ออกมานำเสนอผลการศึกษาขอ้ มลู หนา้ ชน้ั เรียน ในระหวา่ งท่ีกเรียน นำเสนอ ครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพ่มิ เตมิ เพื่อให้นักเรยี นมคี วามเข้าใจทถี่ กู ต้อง อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครทู บทวนความรเู้ ดิมของนักเรียนโดยตัง้ ประเด็นคำถามวา่ “ถ้าวตั ถถุ กู ทำให้สน่ั เท่ากบั ความถ่ี ธรรมชาตขิ องวัตถุ วัตถุจะเปน็ อยา่ งไร” โดยให้นักเรียนร่วมกนั อธิบายและแสดงความคดิ เห็น 2. ครูให้แต่ละกลุ่มร่วมกันทำ โจทย์แบบฝึกหัด เร่ือง การส่นั พ้อง ลงในสมดุ ประจำตัว โดยครคู อยให้ คำปรกึ ษาเมอื่ นักเรยี นมีข้อสงสยั 3. ครขู ออาสาสมคั รนกั เรียนให้ออกมาแสดงวิธีการคำนวณหาผลลพั ธ์ หนา้ ช้นั เรยี น โดยให้เพอื่ นในชัน้ เรยี นรว่ มกันพจิ าณาว่าคำตอบถูกตอ้ งหรือไม่ จากนน้ั ครูเฉลยคำตอบที่ถกู ตอ้ งให้นักเรียน ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 4. ครูเปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนสอบถามเนอ้ื หา เร่อื ง การสัน่ พอ้ ง และให้ความรู้เพิ่มเติมจากคำถามของ นักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง การสน่ั พ้อง ในการอธบิ ายเพ่มิ เตมิ 5. นกั เรยี นตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเอง เรือ่ ง การเคลือ่ นทแ่ี บบฮารม์ อนิกอย่างงา่ ย โดยบนั ทกึ ลง ในสมดุ ประจำตัว 6. นักเรียนแตล่ ะคนทำแบบฝึกหดั เรอ่ื ง การส่ันพ้อง 7. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนของหน่วยการเรียนรู้ การเคล่อื นท่ีแบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย เพื่อ เป็นการวัดความรู้หลังเรยี นของนกั เรียน 9. นักเรียนแต่ละคนนำความรู้ที่ได้จากการเรียนของหน่วยการเรียนรู้ การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิก อยา่ งง่าย มาเขยี นเปน็ แผนผงั มโนทศั น์ ลงในกระดาษ A4 พรอ้ มท้ังตกแต่งใหส้ วยงาม ขั้นสรุป ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลังเรียนหนว่ ยการเรียนรู้ การเคล่อื นทแี่ บบฮารม์ อนกิ อย่าง ง่าย เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจหลังเรียนของนักเรยี น 4. ครูตรวจแบบฝึกหดั เร่ือง การสน่ั พ้อง ในสมุดประจำตวั 6. ครูประเมินผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล และการ ทำงานกล่มุ 7. ครวู ัดและประเมินผลจากชน้ิ งานแผนผงั มโนทศั น์ เร่ือง การเคล่อื นท่ีแบบฮารม์ อนิกอย่างง่าย 8. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการสั่นพ้องว่า “การสั่นพ้อง เป็นปรากฏการณ์ที่ระบบกวัด แกว่งถูกกระทำโดยแรงขับเคลื่อนภายนอกท่ีมีความถเี่ ท่ากับความถธี่ รรมชาติของระบบ ทำให้แอมพลิจูด ในการ กวดั แกวง่ ของระบบเพม่ิ มากขึ้น”
หน่วยการเรยี นรู้ การเคลอื่ นทแ่ี บบฮาร์มอนกิ อยา่ งง่าย หนา้ 187 8. ส่อื การเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้ 8.1 สอื่ การเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบบทเรียน เรอื่ ง การเคล่อื นที่แบบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ย 2. สอื่ Power point 3. ใบงาน ใบความรู้ 8.2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องสมุด 2. Internet
หนว่ ยการเรยี นรู้ การเคลอ่ื นทแี่ บบฮารม์ อนิกอยา่ งงา่ ย หนา้ 188 9. สรุปผลการจดั การเรียนรู้ 9.1 ดา้ นความรู้ นักเรียนให้ความร่วมมอื ในการทำกิจกรรมเพื่อศึกษา การสั่นพ้อง ความถี่สั่นพ้อง และความถี่ธรรมชาติ ของวตั ถุ ปรมิ าณต่าง ๆ ทีเ่ กย่ี วข้องกับการสนั่ พอ้ ง จากการสบื ค้น การศกึ ษาจากใบความรู้ และเอกสาร ประกอบบทเรยี น เร่ือง การเคล่อื นท่ีแบบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ย โดยมีนักเรยี น รอ้ ยละ 97.06 ผ่านเกณฑ์ ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม)ส่วนนักเรียนทไ่ี ม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนนิ การซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซอ่ มเสริมแลว้ ผา่ นเกณฑ์ทัง้ หมด) . 9.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ นักเรยี น สามารถอธิบายการส่นั พ้อง ความถสี่ ัน่ พ้อง และความถี่ธรรมชาตขิ องวตั ถุ คำนวณหาปริมาณ ต่าง ๆ ทเี่ กีย่ วขอ้ งกับการสนั่ พ้อง สามารถเขียนแผนผังมโนทัศน์ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเป็นลำดับขั้นตอน โดยมีนักเรียน ร้อยละ 97.06 ผ่านเกณฑ์ในระดับดี ขึ้นไป (ร้อยละ60 ของคะแนนตอบคำถาม) ส่วนนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ดำเนินการซ่อมเสริม โดยภายดำเนินการซ่อมเสริมแล้ว ผ่านเกณฑ์ ทั้งหมด)................................................................................................................................................................... 9.3 ดา้ นคุณลกั ษณะ นักเรียนเข้าเรียนตรงต่อเวลา แต่งกายถูกต้องตามวันของโรงเรียน นักเรียนเตรียมอุปกรณ์การเรียน นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความ มุ่งมั่นในการทำงาน ทำใบงานเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย และมีผลสำเร็จของการทำงานที่ได้รับ มอบหมายผา่ นตามเกณฑ์ คดิ เป็นร้อยละ 100 ของนกั เรยี นทัง้ หมด 9.4 ปัญหาอปุ สรรค ด้วยสถานการณก์ ารระบาดของไวรัสโควิด 19 ( Covid-19) ทำให้ต้องปรับรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Hand on จะปรับไปเป็นลักษณะเป็นการสาธิตการทดลอง เพื่อให้นักเรียนร่วมสังเกตุการทดลองแล้ว บันทกึ ผลการทดลองร่วมกัน ส่วนนักเรียนทไ่ี ม่สะดวกเดินทางมาเรยี นท่ีโรงเรียน จะเลือกใช้วธิ กี ารซึกษา บทเรียนเพิม่ เติมผ่าน ระบบโรงเรยี นเสมอื นจริง (Virtual School Online). . ลงช่ือ วิจติ ตา ผู้สอน (นางสาววิจิตตา อำไพจิตต์.) วันท่ี 26 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 . ลงช่อื .......................................................ผูน้ ิเทศ (นางสาวกาญจนาภรณ์ เผือกนาค) วันท่ี 26 กมุ ภาพันธ์ 2564 .
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195