Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พต 21001 วิชาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

พต 21001 วิชาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

Published by g5284napatphobth, 2019-01-03 03:53:35

Description: พต 21001 วิชาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

Search

Read the Text Version

แบบเรียนสาระความรู้พนื้ ฐาน วชิ าภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวนั พต21001 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย เขตลาดพร้าว

หนงั สือเรียนสาระความรู้พ้ืนฐานรายวชิ าภาษาองั กฤษในชีวติ ประจาวนั (พต21001)(English in Daily Life)ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้นฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560ลิขสิทธ์ิเป็นของ สานกั งาน กศน. สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการเอกสารทางวชิ าการหมายเลข 5/2555

คํานํากระทรวงศึกษาธกิ ารไดประกาศใชห ลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551เมือ่ วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551 แทนหลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารจดั การศึกษานอกโรงเรียนตามหลกั สตู รการศกึ ษาขัน้พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2544 ซึง่ เปน หลักสตู รทพ่ี ฒั นาขน้ึ ตามหลักปรชั ญาและความเชอ่ื พืน้ ฐานในการจดั การศกึ ษานอกโรงเรยี นท่ีมีกลุมเปา หมายเปนผใู หญมกี ารเรียนรแู ละส่ังสมความรแู ละประสบการณอ ยา งตอ เนอื่ ง ในปง บประมาณ 2554 กระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดกาํ หนดแผนยทุ ธศาสตรในการขับเคล่ือนนโยบายทางการศึกษาเพื่อเพ่ิมศักยภาพและขีดความสามารถในการแขง ขันใหป ระชาชนไดมอี าชีพที่สามารถสรางรายไดท่ีมั่งค่ังและมนั่ คง เปนบคุ ลากรทม่ี วี นิ ัย เปย มไปดว ยคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม และมจี ติ สาํ นึกรบั ผิดชอบตอ ตนเองและผอู นื่สํานกั งาน กศน. จงึ ไดพจิ ารณาทบทวนหลักการ จุดหมาย มาตรฐาน ผลการเรยี นรูที่คาดหวงั และเนอ้ื หาสาระ ท้งั5 กลุมสาระการเรยี นรู ของหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551ใหม คี วามสอดคลองตอบสนองนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงสงผลใหตองปรับปรุงหนังสือเรียน โดยการเพ่ิมและสอดแทรกเนอื้ หาสาระเกยี่ วกบั อาชีพ คุณธรรม จริยธรรมและการเตรียมพรอมเพื่อเขาสูประชาคมอาเซียน ในรายวชิ าทม่ี ีความเก่ียวของสัมพันธกัน แตยังคงหลักการและวิธีการเดิมในการพัฒนาหนังสือที่ใหผูเรียนศกึ ษาคน ควาความรดู ว ยตนเอง ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม ทําแบบฝกหดั เพื่อทดสอบความรคู วามเขา ใจ มกี ารอภปิ รายแลกเปลยี่ นเรียนรูก บั กลุม หรอื ศึกษาเพ่ิมเติมจากภมู ปิ ญ ญาทองถน่ิ แหลง การเรยี นรูและสื่ออน่ื การปรับปรงุ หนังสอื เรยี นในครง้ั นี้ ไดร ับความรว มมอื อยา งดีย่งิ จากผทู รงคณุ วุฒิในแตละสาขาวชิ า และผเู กย่ี วขอ งในการจัดการเรยี นการสอนทศ่ี ึกษาคน ควา รวบรวมขอ มูลองคค วามรูจากสอื่ ตา ง ๆ มาเรยี บเรยี งเนอื้ หาใหครบถว นสอดคลองกับมาตรฐาน ผลการเรยี นรูท่คี าดหวัง ตัวชี้วัดและกรอบเน้อื หาสาระของรายวชิ า สาํ นกั งานกศน.ขอขอบคุณผูมีสวนเก่ยี วขอ งทกุ ทา นไว ณ โอกาสน้ี และหวงั วาหนงั สอื เรียนชดุ น้ีจะเปน ประโยชนแ กผ เู รยี นครู ผูสอน และผูเก่ียวของในทุกระดบั หากมีขอเสนอแนะประการใด สํานักงาน กศน. ขอนอมรับดวยความขอบคณุ ยงิ่

สารบัญ หนาคํานาํ 1คําแนะนาํ การใชหนงั สอื เรียนโครงสรา งรายวิชา พต21001 ภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจาํ วนั 2 15 บทท่ี 1 การใชภ าษาในการส่อื สารความหมายในชีวติ ประจาํ วนั 20 (Language in Daily Life) 25 เรอื่ งที่ 1 การทักทายและการกลา วลา (Greeting and Leave Taking) 32 เร่ืองท่ี 2 การแนะนาํ ตนเองและผอู ื่น (Introducing Yourself and Others) เรือ่ งท่ี 3 การใหแ ละการสอบถามขอ มลู สวนตัว (Sharing Personal Data) เรอ่ื งท่ี 4 การใชภาษากาย (Body Language) เรื่องท่ี 5 การพูดโทรศพั ท (Telephone Conversation)บทที่ 2 คุณรสู กึ อยา งไร (How do you feel?) 43 เรอ่ื งท่ี 1 ภาพยนตรเ รือ่ งนีเ้ ปนอยางไรบาง (How about the movie?) 44 เรอ่ื งที่ 2 คณุ สนใจอะไร (What are you interested in?) 48 เร่ืองท่ี 3 เสียใจดว ยนะ (Sorry to hear that.) 52 เรื่องท่ี 4 ยนิ ดดี ว ย (Congratulations!) 57

บทท่ี 3 คณุ คดิ อยา งไร (What do you think?) หนา เร่อื งท่ี 1 ฉนั ควรสวมใสช ุดไหนดี สําหรบั งานเล้ยี งตอ นรบั 62 (Which dress should I wear to the welcome party?) 63 เรื่องท่ี 2 เดนิ ซื้อของ (Shopping) เรื่องที่ 3 การใหบริการดา นตา ง ๆ (Various Services) 67 เรื่องที่ 4 ขอโทษ (Excuse me) 73 83บทท่ี 4 รปู แบบประโยคในภาษาองั กฤษ (Types of English Sentence) 96 เร่ืองที่ 1 ชนดิ ของประโยคภาษาองั กฤษท่ีใชในการส่อื สาร 97 (Types of English Sentence for communication) เรอ่ื งที่ 2 ประโยคความรวม (Compound Sentence) 117บทที่ 5 อดีตกาล (Past Tense) 127เรื่องที่ 1 ทบทวนการใช Present Simple Tense, Present Continuous Tense 128และ Future Simple Tenseเรื่องท่ี 2 Past Simple Tense 149เรอ่ื งท่ี 3 Past Continuous Tense 159บทท่ี 6 อาชีพพนักงานขับรถรับจา ง 165 เร่ืองท่ี 1 การพดู ภาษาองั กฤษตามมารยาทสงั คม และเหมาะสม กบั สถานการณ 166 เรื่องท่ี 2 การพดู แสดงความรสู กึ และแสดงความคดิ เห็น 170 เรื่องท่ี 3 การพูดแสดงความชวยเหลอื 173

เรื่องท่ี 4 การขออนญุ าต 175 เร่ืองที่ 5 การพดู แทรกอยา งสภุ าพ 176บทที่ 7 ภาษาองั กฤษสาํ หรับพนกั งานบรกิ ารในสถานทต่ี าง ๆ 181 เร่ืองท่ี 1 การใหบ ริการ ณ สถานบริการประเภทตา ง ๆ (Various Services) 182เฉลยแบบฝก หัด 193บรรณานกุ รม 213คณะผูจัดทาํ 217

คาํ แนะนาํ ในการใชห นังสอื เรยี น หนังสือสาระความรูพื้นฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน (พต21001)เปนหนงั สอื เรียนทจี่ ดั ทําขน้ึ สําหรบั ผเู รยี นทเ่ี ปนนกั ศกึ ษานอกระบบ ในการศึกษาหนังสือสาระความรูพ้ืนฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน (พต21001)ผูเรียนควรปฏิบตั ิดังน้ี 1. ศกึ ษาโครงสรา งรายวิชาใหเ ขา ใจในหัวขอ และสาระสําคัญ ผลการเรียนรูที่คาดหวังและ ขอบขา ยเนอื้ หาของรายวิชานั้น ๆ โดยละเอยี ด 2. ศึกษารายละเอยี ดเน้ือหาของแตละบทอยางละเอียดและทํากิจกรรมตามที่กําหนดแลว ตรวจสอบกับแนวตอบกิจกรรมทายเลม ถาผูเรียนตอบผิดควรกลับไปศึกษาและทํา ความเขาใจในเน้อื หานั้นใหมใหเ ขาใจกอ นทีจ่ ะศกึ ษาเรอ่ื ง ตอ ๆ ไป 3. ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทา ยเร่อื งของแตละเรือ่ ง เพ่อื เปนการสรปุ ความรู ความเขา ใจของเนื้อหาใน เรอ่ื งนัน้ ๆ อกี ครัง้ และการปฏิบัตกิ ิจกรรมของแตล ะเนื้อหา แตล ะเรอื่ ง ผูเรียนสามารถ นาํ ไปตรวจสอบกับครแู ละเพ่อื น ๆ ที่รวมเรียนในรายวิชาและระดบั เดยี วกันได 4. แบบเรยี นเลมนมี้ ี 5 บท คอื บทที่ 1 การใชภ าษาทา ทางในการสื่อความหมายในชีวิตประจําวัน (Language in Daily Life) บทที่ 2 คณุ รสู ึกอยางไร (How do you feel?) บทท่ี 3 คณุ คดิ อยางไร (What do you think?) บทท่ี 4 รูปแบบประโยคในภาษาอังกฤษ (Types of English Sentence) บทที่ 5 อดีตกาล (Past Tense) บทท่ี 6 อาชพี พนักงานขับรถรับจา ง บทท่ี 7 ภาษาองั กฤษสําหรบั พนกั งานบรกิ ารในสถานทต่ี าง ๆ

1 บทที่ 1 การใชภ าษาในการส่อื ความหมายในชวี ติ ประจาํ วัน (Language in Daily Life)สาระสาํ คัญ สงั คมโลกทุกวันนีม้ ีการตดิ ตอส่ือสารกนั อยา งกวางขวาง ไมวา จะเปนการตดิ ตอดวย ตนเองหรอื ตดิ ตอ ทางโทรศพั ท ทางอนิ เทอรเ น็ต ภาษาองั กฤษเปนภาษาสากลท่สี ําคญั ซงึ่ คนสวนใหญในโลกใชใ นการติดตอ สื่อสารรองลงมาจากภาษาจีน อยางไรก็ตามแมวาภาษาอังกฤษจะเปนภาษาท่ีจําเปนในยุคปจจุบนั แตก็มไิ ดหมายความวา ทกุ คนจะรแู ละเขา ใจภาษาอังกฤษไดทง้ั หมด การสนทนาโดยใชภ าษาทา ทางประกอบจงึ เปน เรอื่ งจาํ เปน อีกอยางหน่งึ ทจ่ี ะชว ยใหค สู นทนา เขา ใจและสื่อความหมายในชีวิตประจําวนั ไดผลการเรียนรทู ค่ี าดหวงั ผเู รยี นสามารถฟง พูด อาน เขยี นภาษาอังกฤษในสถานการณตาง ๆ โดยใชสถานการณจําลองและ/หรือสือ่ ที่เหมาะสมขอบขายเนื้อหา เรอื่ งที่ 1 การทักทายและการกลา วลา (Greeting and Leave Taking) เร่ืองที่ 2 การแนะนาํ ตนเองและผอู ่ืน (Introducing Yourself and Others) เรื่องท่ี 3 การใหแ ละการสอบถามขอ มลู สว นตัว (Sharing Personal Data) เร่อื งที่ 4 การใชภ าษากาย (Body Language) เรื่องท่ี 5 การพดู โทรศพั ท (Telephone Conversation)

2เรอ่ื งท่ี 1 การทักทายและการกลาวลา (Greeting and Leave Taking) ตามปกติในชวี ติ ประจาํ วนั เม่ือเราพบผูคนในท่ตี าง ๆ เราจะตอ งมีการทักทายและกลา วลากันใหเหมาะสมตามโอกาส ในภาษาองั กฤษมีวธิ กี ารทกั ทาย (Greeting) และกลาวลา (Leave taking)กนั อยางไรบา ง 1. การทกั ทาย (Greeting) ถา เปน คนทค่ี ุนเคยและสนิทสนมกนั มักจะใชคาํ วา Helloหรอื Hiซงึ่ แปลวา สวสั ดี แตการทกั ทายอยา งเปนทางการสาํ หรบั ผไู มคนุ เคยกนั หรืออยใู นสถานภาพทแี่ ตกตา งกนั เชน เจา นายกับลูกนอ ง ครูกบั ลกู ศิษย จะใชค ําวา Good morning. (สวสั ดีตอนเชา )Good afternoon. (สวสั ดีตอนกลางวัน) และ Good evening. (สวสั ดีตอนเยน็ ) ตอดว ยคาํ ทกั ทายวาHow are you? (คุณสบายดหี รอื ) ซงึ่ คสู นทนาก็จะตอบและถามกลับในทาํ นองเดยี วกนัSituation 1 Suda : Hi, Malee. How are you? Malee : Fine, thanks. And you? Suda : Very well, thank you.

3 ในสถานการณน ้ี สดุ ากบั มาลเี ปน เพือ่ นกนั เม่ือพบกนั กท็ กั ทายและถามทุกขสขุ ซง่ึ กนัและกันกอ นSituation 2 Wichai : Hi, Mana. Mana : Hi, Wichai. How are you? Wichai : I'm fine, thanks. And you? Mana : Fine, thanks. ในสถานการณน ี้ วิชยั กบั มานะเปน เพ่ือนกัน เม่ือพบกันก็สอบถามทุกขส ขุ ซึง่ กนั และกนัเชนเดียวกนัSituation 3 Suda : Good morning, Miss Kaewta. Kaewta : Good morning. How about your homework?

4 Suda : I've done all. I'll hand you now. ในสถานการณน ี้ สดุ าพบครแู กว ตากท็ ักทายวาสวสั ดี (ตอนเชา ) ครแู กว ตาก็กลา ววา สวัสดี(ตอนเชา ) เพอื่ ทักทายตอบและถามเรอื่ งการบาน ซง่ึ สุดาก็ตอบวา ทาํ เสรจ็ แลว และจะสงครเู ดี๋ยวน้ีสําหรบั ชวงเวลาของการกลาวคําทักทายในภาษาองั กฤษ แบง ออกไดเปน 3 ชว งดงั นี้ Good morning. ใชค ําทักทายในตอนเชา ตั้งแตหลงั เท่ียงคนื เวลา 00.00 น. ถึงตอนเทย่ี งวัน 12.00 น. Good afternoon. ใชค ําทกั ทายในตอนหลังเท่ียงวนั ถึงกอ นพระอาทติ ยต ก Good evening. ใชคาํ ทกั ทาย หลังเวลา 17.00 น. หรือหลงั ดวงอาทิตยตก เปน ตน ไป สาํ นวนที่ใชสอบถามทกุ ขสขุ วา เปนอยา งไรบา งเมื่อพบกนั ในภาษาองั กฤษนยิ มใชหลายสาํ นวนดว ยกนั เชน  How are you?  How are you today? สบายดไี หม / เปนอยางไรบา ง  How are you doing?  How have you been? สบายดีไหม/เปนอยางไรบา ง (ใชใ นกรณีทไ่ี มไ ดพ บเจอกันเปน เวลานาน)นอกจากนี้ ยังมีสาํ นวนที่ใชก นั อกี ดงั น้ี How is it up? (How's it up?) หมูนีเ้ ปน อยา งไร What is up? (What's up?)สํานวน How are you? ใชทักทายอยางเปนทางการ สวนสํานวนอ่ืน ๆ ใชทักทายอยางไมเ ปนทางการ

5สาํ นวนที่ใชตอบรับถึงการสอบถามทุกขส ขุ วา เปนอยา งไรเมือ่ พบกนั เชน Fine, thank you. And how are you? สบายดี ขอบคณุ แลวคณุ ละ Very well, thanks. How about you? สบายดมี าก ขอบคณุ แลว คณุ ละ Great, thanks. How about you? So so. ก็เรอื่ ย ๆ นะ I'm quite well, thank you. And you? สบายดนี ะ ขอบคณุ แลว คณุ ละ Not quite well, I have a cold. And you? ไมส บายนกั เปนหวดั แลว คณุ ละกจิ กรรม เม่อื ผเู รยี นศกึ ษาเนอ้ื หารายละเอยี ดเรือ่ งการทกั ทายแลว ใหฝ ก ปฏบิ ตั แิ ละทบทวน ดงั ตอ ไปน้ี 1. ใหจ ับคฝู ก สนทนา โดยแสดงบทบาทสมมติ ดังนี้ 1.1 เปน Suda กับ Malee ตาม Situation 1 1.2 เปน Wichai กับ Mana ตาม Situation 2 1.3 เปน Suda กบั Kaewta ตาม Situation 3 2. ใหฝกเขียนบทสนทนาท้งั 3 Situation อยา งละ 2 บท โดยใหก าํ หนดช่อื คสู นทนา ดว ยตนอง และใชสาํ นวนทแ่ี ตกตา งกนั 2. การกลาวลา (Leave Taking) โดยปกติ กอนจะจบสิ้นการสนทนาตามมารยาทและธรรมเนียมปฏิบัติของคนท่ัวโลก ไมวาจะเปนประเทศใดก็ตาม ส่ิงสําคัญประการหนึ่งที่ไมสามารถละเลยได คอื การกลา วลา (Leave Taking) โดยทัว่ ไป สาํ นวนที่ใชใ นการกลาวลา ไดแก Goodbye, Byeแปลวา ลากอน

6นอกจากนีย้ งั มสี าํ นวนทีใ่ ชใ นการกลา วลาอนื่ ๆ อกี ซึ่งจะใชตามสถานการณต า ง ๆท่เี กดิ ขึน้ เชน  See you. แลว เจอกนั ใหม  See you later. แลว พบกนั ใหม  So long. ลาที (คนสนิท)  I'll be seeing you. แลว คอ ยพบกนั ใหม  Good day. กลา วลาตอนกลางวัน  Good night. กลา วลาตอนกลางคนืSituation 1Suda : Hello, Mana.Mana : Hello, Suda. How are you?Suda : Fine, thanks. And you?Mana : Very well, thanks. Where's Malee?Suda : She goes to the hospital.Mana : What's happened?Suda : She accompanies her mother to see the doctor.Mana : Please tell her, I miss her. I've to go now. Goodbye.

7Suda : See you later.สํานวน See you laterใชในกรณีท่ีไมไดระบุเวลา ในกรณีที่ผูสนทนาตองการกลาวลาโดยการระบุเวลาท่จี ะพบกันอีกครงั้ หนง่ึ แนน อน ใหใ ชสาํ นวน ดังน้ี See you tomorrow. แลว พบกนั วนั พรงุ น้ี See you next year. ไวพบกนั ปหนา See you on Sunday. แลว พบกนั วันอาทิตยการบอกลาในกรณที ีม่ ธี รุ ะสาํ คญั ทจ่ี ะตองขอลากลับกอน ใชสาํ นวนดงั นี้ I'd better be on my way. จําเปนจะตองไปแลว I'll be back. เดีย๋ วฉนั จะกลบั มาSituation 2 รูปภาพKaewta : I'll teach the supplementary lessons on Saturday.Malee : That's a very kind of you.Kaewta : It's my pleasure. Goodbye.Malee : See you on Sunday.

8 การกลา วลาคสู นทนา เพื่อแสดงความหว งใย ใชสํานวน ดงั น้ี  Take care. ดแู ลตวั เองใหด ีนะ  Take care of yourself. การบอกลาคสู นทนาท่กี าํ ลงั จะไปงานเล้ียงหรือไปเที่ยว ใชส าํ นวนดงั น้ี  Have a good time. ขอใหมีความสุขนะ  Have a nice time.  Have a pleasant trip. เดินทางใหส นกุ /ปลอดภยั นะ  Have a nice trip.  Have a good holiday. ขอใหส นุกสนานในวนั หยุดนะ  Have a nice holiday.Situation 3 รปู ภาพ Wichai : Hi, Suda. How are you doing? Suda : Not so well, thanks, and you? Wichai : Fine, What's happened? Suda : I catch a cold. I have to see the doctor now. Goodbye. Wichai : Take care of yourself, Malee.

9Situation 4 รปู ภาพ Wichai : Hi, Malee. Malee : Hi, Wichai. What's up? Wichai : Very well, thanks. How about you? Malee : Fine, thanks. I'll go to Chiangmai to see the little panda. Wichai : How nice! Malee : I've to go now. I'll buy something at the department store. Bye Wichai Have a good time. การบอกลาหรอื อวยพรคูสนทนาทจี่ ะเขาสอบหรือเสยี่ งโชค ใหใชส าํ นวนดงั น้ี  Good luck. ขอใหโชคดี การบอกลาคสู นทนาในกรณีทตี่ องจากกนั ไปไกล ใหใชสาํ นวนดังน้ี  Don't forget me. อยาลมื ฉนั นะ  Don't forget to write. อยา ลืมเขียนจดหมายสง ขา วถงึ กนั นะ  Drop me a line. เขียนจดหมายมาบา งนะ

10 การบอกลาคสู นทนาทม่ี าเย่ียมบา น ใหใชส าํ นวนดงั น้ี  Please come again. โปรดแวะมาอีกนะ  We look forward to seeing you again. พวกเรารอคอยทจ่ี ะพบคุณอกี นะSituation 5 รูปภาพ Mana : When will you leave for England? Wichai : Next week. You can visit me if you have time. Mana : I love to. Have you already prepared all things? Wichai : Yes. I'll go to say goodbye to all of my cousins during these days I'm afraid I have to go now. Bye. Mana : Don't forget to write.ขอ สังเกต คําศพั ทแ ละสาํ นวนที่สาํ คัญในเรอื่ งน้ี คอื 1. to accompany เปน คาํ กริยา (Verb) หมายถงึ ไปดว ยกนั 2. pleasure เปนคาํ นาม (Noun) หมายถงึ ความพงึ พอใจ 3. pleasant เปน คําคุณศพั ท (Adjective) หมายถงึ เปนทพี่ งึ พอใจ 4. to look forward to เปนสํานวนท่ตี อ งตามดว ยกริยา ing (V.ing) เทานน้ั (to look forward to + V.ing) หมายถงึ ตัง้ ตารอ

11กจิ กรรม 5. to leave for เปน คํากรยิ า หมายถงึ เดินทางไปยงั ..... ถาใช to leave โดยไมม ี for หมายถึง เดินทางจากที่หน่งึ ไปยงั ทีอ่ ื่น 1. ใหผเู รียนฝกพูดและเขยี นคาํ กลา วลาในแตละสถานการณ 2. เพ่อื จะไดนาํ ไปใชไดถ กู ตอ งและเหมาะสม ใหท ําแบบฝก หัดตอ ไปนี้Exercise 1 Choose the best answer. Jaew : Hi, Toy. Toy : _______ (1) _______. How have you been? Jaew : _______ (2) _______. And you? Toy : Good, thanks. _______ (3) _______. Jaew : I've changed my work. Now I'm with Jook. Toy : ______ (4) _______. I hope you enjoy it. Jaew : I think so. I'm afraid I have to go now. I've a meeting this afternoon. ___________ (5)____________. Toy : See you later. 1. a. Hi. b. Hi. Jaew. c. Good morning. d. Good morning, Jaew.2. a. Very well. b. Very well, thank. c. Very well, thanks.

12 d. Very well, Toy. 3. a. How does your work? b. How about your work? c. How do you do your work? d. How are you doing your work? 4. a. How nice! b. How good! c. How's that! d. How about! 5. a. Bye. b. See you. c. Good luck. d. I'll be back.Exercise 2 Choose the best answer. 1. Pom : Hi, Jun. How's life? Jun : ________________. a. I'm fine, thank you. b. Very well, thanks, and you? c. Fine, thanks. d. Nothing to complain.

132. Nooch : ____________________. Lak : I'm O.K. a. Good morning, Madam. How are you keeping? b. Good morning, Miss Lak. How are you today? c. Hello, lady. How are everything? d. Hello, Lak. How are you doing?3. Ton : What's wrong with you, Sommai? Sommai : _______________________ a. I'm not so well. I catch a cold. b. I'm O.K. I'll go to see the doctor. c. Nothing to complain. I have a toothache. d. So, so. My leg is broken.4. Tui : My mother is waiting for me at the bus stop. I have to go now, bye! Kaew : ___________________________ a. See you. b. Take care. c. Have a good time. d. Please come again.

145. Mr.Ya : I'm sorry. I have to leave for Chiangmai now. Goodbye! Miss Pattana : __________________________________________ a. See you later. b. Please come again. c. Have a nice trip. d. Take good care of yourself.

15เร่ืองท่ี 2 การแนะนาํ ตนเองและผูอื่น (Introducing Yourself and Others) เมือ่ คนพบกันครั้งแรก การแนะนําตนเองใหบ ุคคลอืน่ รจู กั เปนสิ่งสาํ คญั และจําเปนกอนจะสนทนาพูดคยุ กนั ในเรื่องอื่น ๆ ซง่ึ การแนะนาํ ตนเองและผูอ่นื ในภาษาอังกฤษมสี ํานวนท่ีใชก นั ดงั น้ี 1. การแนะนาํ ตนเอง (Introducing Yourself) ในการแนะนาํ ตนเองใหผูอนื่ รูจกั จะเรมิ่ ตนดว ยการกลา วทักทายและแนะนําตนเองดว ยสาํ นวนตา ง ๆ ดงั นี้ Hello. My name is (ชอื่ ของผูพูด) . (สําหรบั ผทู อ่ี ยใู นสถานะเดยี วกนั เชน เปนนักศกึ ษาดว ยกนั เปนตน) Hi. I'm (ชอื่ ของผพู ูด). (สาํ หรบั ผทู ีอ่ ยใู นวยั เดยี วกนั ) Good morning. My name is (ช่ือของผูพูด). สวสั ดฉี นั /ผม/ดิฉนั ชื่อ____ Good morning. I'm (ชือ่ ของผพู ดู ). (สาํ หรบั การพูดคยุ อยา งเปน ทางการ)หากตองการบอกชือ่ เลน ใหท ราบดวยกอ็ าจพูดวา Hello. My name is (ชอื่ ของผพู ูด) and my nickname is (ชอ่ื เลน ของผพู ดู ).เมอ่ื กลา วแนะนาํ ตวั แลว คูส นทนาจะตอบวา It's nice to meet you. Nice to meet you. ยินดที ่ีไดร ูจักคณุ I'm glad to meet you.

16  I'm glad to see you.Situation 1 รปู ภาพ Suda : Hi. I'm Suda. What's your name? Malee : Hi. My name is Malee. Suda : Nice to meet you. Malee : Nice to meet you, too.Situation 2 รปู ภาพกิจกรรม Wichai : Hello. I'm Wichai, my nickname is Chai. Mana : Hello. My name is Mana and my nickname is Na. 1. Wichai : I'm glad to meet you. Mana : I'm glad to meet you, too. ใหผ ูเรยี นจบั คูสนทนา โดยแสดงบทบาทสมมตุ ดิ ังตวั อยา งทงั้ 2 สถานการณ

17 2. ใหฝ กเขยี นบทสนทนาทัง้ 2 Situations โดยใหกําหนดชอ่ื ผสู นทนาดว ยตนเอง 2. การแนะนําผูอื่น (Introducing Others) ในสภาพความเปนจริงของสังคม การพบปะสังสรรคระหวางกลมุ เพือ่ นหรือบุคคลท่ีทํางานในท่ีเดียวกันตองเกิดขึ้นอยูตลอดเวลา การแนะนําบุคคลอนื่ ใหรูจ ักกันจงึ เปน เรอ่ื งปกติที่เกดิ ข้ึนอยูเสมอ ในสังคมชาวตะวันตกถอื เปนธรรมเนียมปฏิบัติวา หากจะพดู คุยระหวา งบุคคลทไ่ี มร จู ักจะตอ งไดรับการแนะนําใหรจู ักกนั เสยี กอ น ยกตัวอยาง เชน สุดาตองการแนะนาํ ใหมาลรี ูจ กั กบั สุวฒั น สุดาตองกลา วแนะนาํดงั นี้ Suda : Malee, this is Suwat. Suwat, this is Malee. (มาลนี ่ีคือคณุ สวุ ัฒน คณุ สวุ ัฒนนคี่ อื คุณมาล)ี นอกจากน้ี ยงั มีสาํ นวนท่สี ามารถใชกลา วแนะนาํ ใหบ คุ คลรจู ักอกี เชน  Suwat, I'd like to introduce you to Miss Malee. (สวุ ฒั น ผมขอแนะนาํ ใหค ุณรจู กั คุณมาล)ี  Suwat, let me introduce Miss Malee to you. (สุวฒั น ผมขออนญุ าตแนะนาํ ใหค ุณรจู กั กบั คณุ มาล)ี  Suwat, this is my friend, Miss Malee. (สวุ ัฒน น่คี อื เพื่อนของผม คณุ มาล)ี เม่ือมีการแนะนําใหบ คุ คลหนึ่งรจู ักกับอีกบคุ คลหนึง่ ผทู ี่ไดรบั การแนะนาํ จะทักทายกลบั วา  How do you do? Nice to meet you. ยนิ ดีท่ีไดร ูจ กั Glad to meet you. และคสู นทนากจ็ ะกลา ววา  How do you do? Nice to meet you, too. ยินดที ่ไี ดร จู กั เชน กนั Glad to meet you, too.

18 ตวั อยา งบทสนทนาในการแนะนาํ ผูอ นื่ ในสถานการณตาง ๆ ดงั นี้Situation 1 รปู ภาพ Suda : Suwat, I'd like to introduce you to may friend, Miss Malee. Suwat : How do you do, Miss Malee? Malee : How do you do, Mr.Suwat?Situation 2 รูปภาพ Wichai : Mana, this is Malee, my friend. Mana : How do you do, Miss Malee? Malee : How do you do, Mr. Mana?

19กจิ กรรม ใหผ ูเ รียนทําแบบฝกหัดตอ ไปน้ีExercise Fill in the blank with correct expression.1. Busaba : Suree, this is Dara. Suree : Nice to meet you. Dara : ____________________________2. Ta : Took,________________________ Took : Hello, Tik. Tik : Hi, Took.3. Pom : Pook, this is Pom. Pook : ____________________________ Pom : Nice to meet you too.4. Mr. Joe : Mr. John, _____________________ Mr. John : How do you do? Mrs. Roger : How do you do?5. Miss. Agner : Mrs. Johnson, may I introduce you to Mr. Anderson.Mrs. Johnson : _______________________________________Mr. Anderson : _______________________________________

20เร่ืองที่ 3 การใหแ ละสอบถามขอ มลู สวนตัว (Sharing Personal Data) เมื่อคสู นทนาไดทกั ทายแลวก็จะมีการพูดคุยและแลกเปลี่ยนขอมูลซ่ึงกันและกัน การสอบถามขอมูลสวนตัวถือไดวาเปนการทําความรูจักกันใหมากข้ึน ขอมูลสวนตัวจะประกอบดวย ชื่อ นามสกุลชอื่ เลน วัน เดอื น ปเ กิด อายุ สญั ชาติ ท่ีอยู ครอบครวั อาชีพ งานอดิเรก ฯลฯ1. การถามช่ือ คุณชอ่ื อะไร A : What's your name? B : My name is (ชอื่ ผตู อบคาํ ถาม). หรอื I'm (ชือ่ ผูต อบคําถาม).2. การถามชื่อบุคคลท่ี 3A : Who's that? นน่ั ใครB : He/She is (ชอื่ ของบุคคลนนั้ ๆ).3. การถามวนั /เดอื น/ปเกิดA : When were you born? คุณเกดิ เมื่อไรB : I was born on Oct 24, 1987.(กรณที บ่ี อกวันเกิดดว ย ใหใ ช Preposition on)I was born in June, 1987.(กรณบี อกเฉพาะเดอื นเกิดใหใช Preposition in)

214. การถามสว นสูง/น้าํ หนัก คุณสงู เทาไร A : How tall are you? ฉันสงู 175 ซม. B : I'm 175 centimeters tall. คณุ หนักเทา ไหร A : How much do you weigh? ฉันหนกั 60 กิโลกรมั B : I weigh about 60 kilograms.5. การถามสญั ชาติ คุณมสี ญั ชาตอิ ะไร A : What is your nationality? ฉันสญั ชาติไทย B : I'm Thai. ฉันสญั ชาตแิ คนาดา I'm Canadian. ฉันสญั ชาตอิ เมรกิ ัน I'm American.6. การถามที่อยูA : Where do you live? คณุ อาศยั อยูท่ไี หนB : I live on Sukhumvit Road. (ชื่อถนนใช Preposition “on”)I live at 4 Sukhumvit Road.(กรณมี เี ลขที่ขา งบา นและชอื่ ถนนใหใ ช Preposition “at”)I live in Chiangmai. (ช่อื จังหวดั ชอ่ื เมืองI live in Bangkok. ชือ่ ประเทศ ใหใช Preposition “in”)I live in Thailand.7. การสอบถามสถานทที่ าํ งานA : Where do you work? คณุ ทํางานทไ่ี หนB : I work in ABC Company. ฉันทาํ งานทบ่ี รษิ ัท ABCA : What company do you work for? คณุ ทาํ งานทบี่ ริษทั ไหนB : I work for ABC Company. ฉนั ทาํ งานทีบ่ ริษทั ABC

228. การถามอาชีพการทาํ งานA : What do you do? คณุ ทําอะไร ฉันเปน ครูB : I'm a teacher. ฉนั เปนหมอA : I'm a doctor. aคําตอบ คอื I'm (ช่ืออาชพี ). an9. การถามถงึ สมาชกิ ในครอบครวั A : How many sisters and brothers do you have? คุณมพี ่ีนอ งกค่ี น B : I have 2 sisters and a brother. ฉนั มพี สี่ าวสองคนและนองชาย 1 คน A : How many persons are there in your family? ในครอบครวั คณุ มกี ่คี น B : There are 5 persons in my family. ในครอบครวั ของฉนั มี 5 คน10. การถามเบอรโ ทรศพั ท/ E-mail A : Do you have any telephone numbers or an e-mail address? B : Yes, I do. My telephone number is 02-3806871 and my mobile number is 081-8331140. My e-mail is (e-mail address ของแตละบคุ คล).

23ขอ สังเกต การออกเสียงอา นหมายเลยโทรศพั ท จะอานทลี ะตัว ยกเวนเลขที่ซา้ํ กนั จะใช คําวา Double ซึง่ หมายเลข 0 จะใชค ําวา oh แทนกไ็ ด เชน 081-8351140 อา นวา oh - eight - one - eight - three - five - double one -four - oh 02-3806871 อานวา oh - two - three - eight - oh - six - eight - seven - oneSituation 1 Ask your friend about his/her personal data.

24Situation 2 Ask your friend about his/her personal data.กจิ กรรมExercise Please introduce yourself briefly about 5-6 sentences. ________________________________________________________ ________________________________________________________ ________________________________________________________ ________________________________________________________ ________________________________________________________ ________________________________________________________ ________________________________________________________

25เรื่องท่ี 4 การใชภ าษาทางกาย (Body Language) Body Language - the movement of your body that show what you are really feelingor thinking. ภาษากาย หมายถงึ การเคลอ่ื นไหวในลักษณะตาง ๆ ของรางกายที่แสดงใหเห็นถึงสิ่งท่ีเรารสู กึ หรอื คิด การใชภ าษากายมคี วามแตกตางกันในแตละเชอื้ ชาติ ภาษาในเรือ่ งของการแสดงทาทางไดแ ก ทางสายตา การสัมผัสและการสื่อสารท่ีไมใชคําพูด แตกตางไปตามวัฒนธรรมของแตละประเทศ จากการวินิจฉัยของนักจิตวิทยา มหาวิทยาลัยอ็อกฟอรด ของ Dr. Peter Collett ในหนังสือForeign Bodies ไดศ กึ ษาความแตกตางของการใชลักษณะทาทางเมือ่ รูสึกตืน่ เตน หรอื แสดงอาการสบประมาท สว นชาวอติ าลี กรีก ฝร่งั เศส สเปนและโปรตุเกส จะแสดงลักษณะทาทางเพ่ือตองการเนนในส่ิงที่พวกเขาพูดหรือตองการใหผูอื่นหันมาสนใจ แมกระทั่งเมื่ออยูในความเงียบ มือของพวกเขาก็จะวุนวายอยูกับการสง ขอความดวยการสง สญั ญาณตา ง ๆ Here are some examples of body language. They are used by people in English-speakingcountries. (ภาพเหลา นคี้ อื ตัวอยา งของการใชภาษากาย ซึ่งนาํ มาใชโ ดยผคู นท่อี ยใู นประเทศทใ่ี ชภ าษาอังกฤษเปนสอื่ กลาง)What time is it? I don't know.(เวลาเทาไหรแ ลว ) (ฉันไมทราบ)

26Wish me luck! (ขอใหฉนั โชคด)ีWalk arm - in - arm in public. Show anger. (ควงแขนกนั ) (แสดงอาการโกรธ)

27Show affection in public. Show affection in public Indicate that you don't understand something.(แสดงความรกั ในท่ีสาธารณะ) (แสดงอาการวา ไมเ ขา ใจ) Victory go up(สญั ลกั ษณของชัยชนะ) (เดินขึ้นไป)

28Examples of Body Language (ตัวอยางของภาษาทา ทาง)sitting with legs crossed, foot kicking slightly boredom(นัง่ ไขวหา ง เตะเทาไปมาเลก็ นอย) (แสดงอาการเบ่อื )hand to cheek (เอามอื เทาคาง) thinking (กําลงั ใชความคดิ )touch, slightly rubbing the nose lying, doubt, rejection(เอามือแตะจมกู แลว ถูเบา ๆ) (โกหก, สงสยั , ปฎิเสธ)tapping or drumming fingers impatience(ใชน้ิวมอื เคาะเปน จังหวะ) (กระสบั กระสา ย)In your country (ในประเทศของคุณ) 1. What gestures do you use to call a waiter in the restaurant? (ใชท าทางอยา งไรเมื่อจะเรียกพนกั งานเสริ ฟ ในรา นอาหาร) Ans. Wave ours hands. (ตอบ โบกมอื ) 2. What gestures do you use to indicate, “Yes” or “No”? (ใชทาทางอยา งไรเม่อื จะตอบรบั หรอื ตอบปฎิเสธ) Ans. Nod when refers \"Yes\" and shake one's head when we refers “No”. (ตอบ กมศีรษะเม่อื ตอ งการตอบวา\"ใช\" และสนั่ หัวเมอื่ ตอ งการตอบวา \"ไมใช\" ) 3. How much eye-contact is there between people talking to each other? (มกี ารสอื่ สารกนั ทางสายตามากนอ ยแคไหนเมือ่ พดู คยุ กนั ) Ans. They will gaze one another. (ตอบ เขาตา งมองตากนั )

294. How much eye-contact is there between strangers passing each other in the street? (มีการสอื่ สารกนั ทางสายตามากนอ ยแคไ หน เม่ือคนแปลกหนา เดนิ สวนกนั บนถนน) Ans. They don't look at one another. (ตอบ เขาไมม องหนา กัน)5. Do people stand close enough to touch when they are speaking? (คนเรายนื ใกลก นั จนสมั ผสั กนั ไดตอนทพี่ ดู คยุ กนั หรือไม) Ans. Yes, they do. (ตอบ ใช)6. Do people walk arm in arm in public? (คนเราเดินเดย่ี วแขนกนั ในทีส่ าธารณะหรอื ไม) Ans. A few of them do. (ตอบ มีไมก ค่ี นทท่ี าํ เชน นน้ั )7. Do people show affection in public? (คนเราแสดงความรสู กึ รกั ใครใ นทีส่ าธารณะหรือไม) Ans. Some of them do. (ตอบ บางคนทาํ เชนนน้ั )กจิ กรรม ใหผฝู ก ใชภ าษากายเพ่ือแสดงความหมายตา ง ๆ ใหผ ูเรยี นชมวีดทิ ัศน เรือ่ ง Our Town Discovery (มี VDO ประกอบดว ย) 1. ใหท าํ แบบฝกหัดตอ ไปนี้ 2. 3.

30Exercise 1 What might each picture mean? Match the picture with thesentences given.a. I don't know b. I know the answer.c. Wish me luck! d. This smells terrible.e. What time is it? f. I can't hear you. 12 3 4 56

31Exercise 2 Match the hand signals with the instructions. 1 2345…….1. Let's go up.…….2. Let's go down..........3. Are you O.K.? I'm O.K..……4. You'll be killed.…….5. I can't breathe. I'm running out of air.

32เรื่องท่ี 5 การพดู โทรศัพท (Telephone Conversation) การติดตอส่ือสารทางโทรศัพทเปนวิธีการท่ีสะดวกและรวดเร็ว การรับและพูดโทรศัพทโดยใชภาษาองั กฤษดวยสาํ นวนทถ่ี ูกตองและชดั เจนตรงตามความตอ งการของผพู ดู จะชวยใหส อ่ื สารไดเขาใจตรงกันตามวัตถุประสงค ผูเรียนจึงตองศึกษาคําศัพท สํานวนและประโยคภาษาอังกฤษในการสนทนาทางโทรศัพทใ หเขาใจและนําไปใชใ นแตละสถานการณไดอยางเหมาะสม กอ นอน่ื เราตอ งทราบวธิ ีการใชโทรศัพทป ระเภทตาง ๆ ที่มกั จะใชในชีวติ ประจาํ วนั มดี งั น้ี 1. โทรศัพทบานหรือสํานักงาน (home or office telephone) การใชโทรศัพท ท่ีติดตั้งอยูที่บานหรอื สาํ นักงานเพอื่ ติดตอกบั บุคคลตาง ๆ นั้น มวี ธิ กี ารใชดังน้ี Lift handset. Listen for dial tone.(ยกหโู ทรศัพทขน้ึ ) (ฟงเสยี งสญั ญาณ)

33 Dial number. Speak when connected.(กด/หมุนหมายเลข) (พูดเมื่อมีผรู บั สาย) Replace handset. (วางหโู ทรศัพท) ผูเรยี นคงเขาใจวธิ ีการใชโทรศพั ทบานหรือสํานักงานซ่ึงใชไดไมยาก หลายคนคงคุนเคยกับการใชโทรศพั ทป ระเภทนี้อยแู ลว 2. โทรศัพทเคล่ือนที่ (mobile phone หรือ cell phone) ในปจจุบันจะเห็นไดวา การใชโทรศพั ทเคลื่อนท่ีหรือทเี่ รามักเรียกกนั วา “มอื ถือ” เปน ไปอยางแพรหลาย ผูเรียนเกือบทุกคนคงจะคุนเคยกับการใชโ ทรศัพทเคลือ่ นทอ่ี ยูแลว ลองมาทบทวนอกี ทหี นง่ึ วา ใชอ ยางไร

34Ensure the phone is switch on and in service. Enter the phone number.(ตรวจสอบใหแ นใจวาเปด โทรศัพทม อื ถอื แลว (กดหมายเลขโทรศัพท)และใชก ารได) Press dial key. Speak when connected.(กดปุมตอ สายโทรศัพท) (พูดเมื่อมผี ูร บั สาย)

35 Press end key. Press dial key to answer the phone call.(กดปมุ วางสาย) (กดปุม ตอสายเมอ่ื ตองการรบั โทรศพั ท) 3. การใชโทรศัพทสาธารณะ ในปจจุบันโทรศัพทสาธารณะมีอยูทั่วไปในท่ีตาง ๆเปน จาํ นวนไมนอย ผเู รยี นคงเคยใชโทรศพั ทสาธารณะมาแลว ลองทบทวนดวู า ไดทาํ ตามขนั้ ตอนเหลา น้หี รอื ไม Lift handset. Insert coins.(ยกหโู ทรศัพทข ึ้น) (หยอดเหรียญ)

36Listen for dial tone. Dial number.(ฟง เสยี งสัญญาณ) (กดหมายเลข)Speak when connected. Insert more coins if warning sign shows. (พูดเมื่อมผี รู ับสาย) (เติมเหรยี ญเพม่ิ หากมีสญั ญาณเตอื นวา เงนิ จะหมด)

37Replace handset. Removed unused coins.(วางหโู ทรศัพท) (หยิบเหรียญที่ไมไดใชคืน)คาํ ศพั ทท ี่ควรรเู ก่ยี วกับการใชโทรศัพทWord Studyสํานวนทมี่ กั จะใชใ นการพูดโทรศพั ท มีดงั น้ี Sorry, I can't hear. ขอโทษนะคะ/ครับ ดฉิ นั /ผม ไมไดย นิ เลยคะ /ครับ Louder, please. กรณุ าพูดดงั กวา นีค้ ะ/ครบั Pardon? ขอโทษวาอะไรนะคะ/ครบั He's not here now. ขณะน้เี ขาไมอยคู ะ/ครับ My phone number is…… โทรศัพทของฉนั หมายเลข........................... Sorry, you've got a wrong ขอโทษคะ/ครบั คุณโทรผดิ หมายเลขแลว คะ /ครบัnumber. A phone line is busy. สายโทรศพั ทไมว า ง

38 A telephone is out of order. โทรศัพทขัดขอ งหรือเสีย Who's calling? ใครกาํ ลังพดู , ใครกําลังโทรศพั ท Just a moment, please. กรณุ ารอสกั ครู Just a minutes, please.การสนทนาทางโทรศัพท (Telephone conversation)วธิ ีการสนทนาทางโทรศพั ทตองใชคาํ ศพั ทและสํานวนท่ถี กู ตองในกรณตี างๆ ดงั เชน ตัวอยา งสถานการณต อ ไปน้ีSituation 1กรณีบุคคลทีเ่ ราตอ งการพดู ดวยอยู ณ ที่นัน้Suda : Hello. Can I speak to Wipa, please?Malee : Hello. Who's calling, please?Suda : I'm Suda.Malee : Hold on, please

39Situation 2 กรณีบุคคลทเ่ี ราตอ งการพูดดวยไมอยู ณ ท่ีน้ันและไมตองฝากขอความไว แตวาจะโทรศัพทกลบั มาอีกครง้ั หนง่ึ Suda : Hello. This is Suda. Could I speak to Wipa, please? Malee : Sorry. She isn't in. Would you like to leave a message? Suda : No, thank you. I'll call her later. Malee : All right. Goodbye. Suda : Thanks. Goodbye.Situation 3 กรณบี คุ คลทเี่ ราตอ งการพูดดวยไมอยู ณ ท่ีนั้นและตอ งฝากขอความไว

40 Suda : Hello. Here's Suda speaking. Is Malee in? Wipa : Sorry. She's out. Would you like to leave a message? Suda : Yes, please tell her that I can't see her tomorrow. Wipa : All right, I'll tell her. Suda : Thanks a lot. Goodbye. Wipa : You're welcome. Goodbye.กจิ กรรม ใหผูเ รียนจับคสู นทนาตามบทสนทนาและฝก ออกเสยี งทัง้ 3 สถานการณ ใหทาํ แบบฝก หัดตอ ไปนี้ 1. 2.

41Exercise 1 Complete each blank with one of the verbs given.Replace Dial Listen Speak Enter PressRemove Ensure Lift Insert1. ____________________ handset.2. ____________________ coins.3. ____________________ for dial tone.4. ____________________ number.5. ____________________ when connected.6. ____________________ handset after speaking.7. ____________________ unused coins.8. ____________________ the phone is switched on.9. ____________________ the phone number.10. ____________________ dial key.Exercise 2 Complete this telephone conversation.Woman : (1) . This is 02-3184596.Jack :Woman : _________(2_)________.Jack :Woman : Sorry, ________(_3_)______.Jack : Oh! I'm Jack Reed. Can I (4) for her, Mr. Reed? Yes. Could you tell Pam to (5) at 02-5618244.

42Exercise 3 Complete this telephone conversation.Pam : Hello. (1) .Jack : Speaking.Pam : Hi Jack. (2) . My mother told me that you (3) . and wanted me to call back.Jack : Oh, yes. Jim cannot go to the concert with me this Friday night because he's a lot of work to finish for tomorrow meeting. Would you like to go with?Pam : (4) , but I can't. I have to work late this friday.Jack : Oh! That's too bad. Goodbye.Pam : (5) .

43 บทที่ 2 คุณรสู กึ อยางไร (How do you feel ?)สาระสําคัญ การติดตอสนทนาส่ือสารระหวางบุคคลในสถานการณตาง ๆ จะมีหลากหลายอารมณเชน ดใี จ เสียใจ เขาใจ พอใจ ไมพ อใจ การใหก ําลงั ใจ ความสนใจ และไมสนใจ เปนตนผลการเรียนรูทค่ี าดหวัง เพ่ือใหผูเรียนใชภาษาอังกฤษในการแสดงความรูสึกในสถานการณตาง ๆ ได เชน ดีใจเสยี ใจ เขา ใจ พอใจ ไมพ อใจ การใหก าํ ลงั ใจ ความสนใจ และไมสนใจ เปน ตนขอบขา ยเนอ้ื หา เร่ืองที่ 1 ภาพยนตรเ รอ่ื งนเี้ ปน อยางไรบา ง (How about the movie?) เรอื่ งที่ 2 คุณสนใจอะไร (What are you interested in?) เรื่องที่ 3 เสยี ใจดวยนะ (Sorry to hear that.) เรื่องท่ี 4 ยินดดี วย (Congratulations!)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook