Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู โรงเรียนนารีนุกูล

คู่มือครู โรงเรียนนารีนุกูล

Published by Sirichart Piromtrakool, 2022-06-29 02:49:21

Description: คู่มือครู

Search

Read the Text Version

คำนำ คู่มือครูประกอบการปฏิบัติงานวิชาการโรงเรียนนารีนุกูล ปีการศึกษา 2565 จัดทำข้ึนโดยกลุ่ม บรหิ ารวิชาการโรงเรียนนารนี กุ ูล โดยมีวัตถปุ ระสงค์ 1) เพอ่ื ใช้เปน็ แนวทางการดำเนินงานวิชาการของครู 2) เพอ่ื พัฒนารปู แบบการบรหิ ารวิชาการโรงเรยี นนารีนุกูล ได้กำหนดการจัดระบบ โครงสรา้ ง และกระบวนการ จดั การศึกษาโดยยึดหลกั สำคัญขอ้ หน่งึ คอื มกี ารกำหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกันคุณภาพ การศึกษาทุกระดบั และประเภทการศึกษาการประกาศใช้กฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการ ประกนั คุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2553 หมวด 2 ข้อ 14 (1) ให้กำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา และประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง ให้ใช้มาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานเพ่ือการประกันคุณภาพภายใน ของสถานศกึ ษา ลงวันท่ี 11 ตลุ าคม 2559 เพอ่ื ใช้เป็นหลกั ในการส่งเสรมิ สนบั สนุน กำกบั ดแู ล และตดิ ตาม ตรวจสอบคุณภาพการศึกษาโรงเรยี นนารนี กุ ูล คู่มือครูประกอบการปฏิบัตงิ านวิชาการโรงเรยี นนารีนุกูลฉบบั น้ี ประกอบด้วย สว่ นท่ี 1 ความสำคญั และความเป็นมา สว่ นที่ 2 แนวทางการดำเนินงานและขอบข่ายภาระงาน สว่ นที่ 3 แนวทางการจดั กระบวน การเรียนการสอนและการจัดทำเอกสารประกอบการเรียนการสอนของครูผู้สอน ส่วนที่ 4 ตัวอย่าง แบบฟอร์มเอกสารท่ีเกี่ยวข้อง และภาคผนวก เอกสารฉบับนี้เร่ิมใช้ในปีการศึกษา 2561 และได้มีการ ปรับปรงุ และพฒั นาอยา่ งต่อเนอ่ื งเป็นปที ี่ 4 ขอขอบคณุ คณะผู้บริหาร คณะกรรมการบรหิ ารโรงเรยี นนารีนกุ ลู คณะกรรมการบริหารวิชาการ ครูผู้สอน ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียนทุกคนท่ีให้ความร่วมมือในการ ดำเนินงานวิชาการเพื่อยกระดับคุณภาพการจดั การศึกษาโรงเรยี นนารีนุกูล หวงั เป็นอย่างยิง่ วา่ เอกสารฉบบั นี้ จะเป็นประโยชน์ตอ่ การพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาตอ่ ไป (นายดรุ ิยะ จันทร์ประจำ) ผู้อำนวยการโรงเรียนนารนี ุกลู 17 พฤษภาคม 2565

สารบญั ส่วนที่ เร่ือง หน้า คำนำ สารบญั 1 ความสำคัญและความเปน็ มา....................................................................................... 1 หลักการและเหตผุ ล......................................................................................................... 1 วัตถุประสงค์..................................................................................................................... 8 กลุ่มเปา้ หมาย................................................................................................................... 8 ประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ ับ............................................................................................... 8 2 แนวทางการดำเนนิ งานและขอบขา่ ยภาระงาน ........................................................... 9 หลัก 23 หลกั การทรงงาน.............................................................................................. 9 ขอบขา่ ยภารกิจดา้ นการบรหิ ารวชิ าการ........................................................................... 12 1. งานพฒั นาหลกั สตู ร................................................................................................. 12 2. งานตารางเรยี นตารางสอน...................................................................................... 13 3. งานนเิ ทศการศึกษา................................................................................................. 13 4. งานวัดผลและประเมินผล........................................................................................ 14 5. งานทะเบียนนกั เรยี น............................................................................................... 15 6. งานกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน....................................................................................... 15 7. งานวจิ ยั และพัฒนา.................................................................................................. 15 8. งานการเรยี นการสอน.............................................................................................. 16 9. หลกั สูตรหอ้ งเรียนปกต.ิ ........................................................................................... 16 10. หลกั สูตรห้องเรียนพเิ ศษโปรแกรมนานาชาติ (International Programme)...... 16 11. หลกั สตู รห้องเรียนพเิ ศษอจั ฉริยภาพดา้ นคณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี...... 17 12. กิจกรรมแนะแนว.................................................................................................. 17 13. งานประกันคณุ ภาพการศึกษา.............................................................................. 17 14. งานรบั นักเรยี น..................................................................................................... 22 15. งาน IS…………………………………………………………………………………………………….. 22 16. งานการสร้างชุมชมแหง่ การเรียนรทู้ างวชิ าชพี ...................................................... 22 17. งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น............................................................................. 22 18. งานการศึกษาทางไกลและ ICT............................................................................. 23 19. มาตรฐานการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน เพื่อการประกนั คณุ ภาพภายในของสถานศึกษา พ.ศ. 2562…………………………………………………………………………………………….. 24

สารบัญ(ตอ่ ) ส่วนท่ี เรื่อง หนา้ 3 แนวทางการจัดกระบวนการเรียนการสอนและการจดั ทำเอกสารประกอบ การเรยี นการสอนของครผู ู้สอน .................................................................................... 30 บทบาทครผู ู้สอน............................................................................................................ 30 ๑. ศึกษาวเิ คราะหผ์ เู้ รยี นเป็นรายบุคคลแล้วนำขอ้ มลู มาใช้ในการวางแผนการจัด การเรยี นรู้ ทท่ี ้าทายความสามารถของผเู้ รยี น.......................................................... 30 2. กำหนดเปา้ หมายทต่ี ้องการใหเ้ กดิ ขึน้ กับผูเ้ รียน ดา้ นความรู้ และทักษะ กระบวนการ ทเ่ี ป็นความคิดรวบยอด หลกั การ และความสัมพันธ์ รวมทัง้ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์............................................................................. 31 3. ออกแบบการเรียนรแู้ ละจัดการเรียนร้ทู ตี่ อบสนองความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล และพฒั นาการทางสมอง เพื่อนำผเู้ รียนไปสเู่ ปา้ หมาย.............................................. 33 4. จดั บรรยากาศท่เี ออื้ ต่อการเรียนรู้และดแู ลชว่ ยเหลือผ้เู รยี นให้เกดิ การเรียนรู้........... 35 5. การจดั กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน.................................................................................... 36 6. จดั เตรยี มและเลอื กใช้สอ่ื ใหเ้ หมาะสมกบั กิจกรรม นำภมู ิปัญญาท้องถนิ่ เทคโนโลยี ที่เหมาะสมมาประยุกต์ใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน.............................................. 37 7. ประเมินความกา้ วหนา้ ของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาติ ของวิชาและระดับพัฒนาการของผเู้ รยี น.................................................................. 38 8. วิเคราะห์ผลการประเมนิ มาใชใ้ นการซ่อมเสรมิ และพฒั นาผ้เู รียน รวมท้ังปรับปรงุ การจัดการเรียนการสอนของตนเอง......................................................................... 46 บทบาทของผู้สอนเพ่อื ส่งเสริมการเรยี นการสอน............................................................ 47 1. การสรา้ งชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC)................................................................................................ 47 2. การยกระดับผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน........................................................................ 49 3. การประกนั คุณภาพการศึกษาของครผู สู้ อนรายบุคคล และการรายงาน ผลการดำเนนิ งานรายบุคคล..................................................................................... 51 4 ตวั อยา่ งแบบฟอรม์ เอกสารท่เี กีย่ วข้อง............................................................................ 55 แบบฟอรม์ แผนการจัดการเรียนรู้....................................................................................... 55 แบบฟอร์มการวเิ คราะหผ์ เู้ รียนรายบคุ คล.......................................................................... 68 แบบฟอร์มการสง่ งานออนไลน์........................................................................................... 70 แบบฟอร์มการวเิ คราะหแ์ บบทดสอบ................................................................................ 74 แบบฟอร์มเคา้ โครงวิจยั ในชั้นเรียน.................................................................................... 82 แบบฟอร์มการนเิ ทศการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนครรู ายบคุ คล................................. 93 แบบฟอร์มการวางแผนกำหนดทำ Lesson STUDY…………………………………….......……… 97 แบบฟอรม์ การกำหนดปฏทิ นิ การสร้างชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ทางวิชาชพี ........................... 99 การจัดทำแบบขอ้ ตกลงในการพฒั นางาน (PA).................................................................. 105 รายงานการประกันคุณภาพการศึกษา .............................................................................. 109 ทะเบียนสอ่ื นวัตกรรมการเรียนการสอน .......................................................................... 125

คูม่ ือครูประกอบการปฏบิ ตั งิ านวิชาการโรงเรยี นนารีนกุ ูล 1 ส่วนท่ี 1 ความสำคญั และความเปน็ มา หลักการและเหตผุ ล 23 หลักการทรงงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวง รชั กาลที่ 9 กลา่ ววา่ ข้อ 2 ระเบดิ จากภายใน หมายถึง การจะทำการใดๆ ต้องเริ่มจากคนที่เกี่ยวข้องเสียก่อน ต้องสร้างความเข้มแข็ง จากภายในให้เกิดความเข้าใจและอยากทำ ข้อ 10 การมีส่วนร่วม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวใน หลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นนักประชาธิปไตย ทรงเปิดโอกาสให้สาธารณชน ประชาชนหรือเจ้าหน้าท่ี ทุกระดับได้มาร่วมแสดงความคิดเห็น “สำคัญที่สุดจะต้องหัดทำใจให้กว้างขวางหนักแน่น รู้จักรับฟัง ความคิดเห็น แม้กระทั่งความวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นอย่างฉลาดนั้น แท้จริง คือ การระดมสติปัญญา ละประสบการณ์อันหลากหลายมาอำนวยการปฏิบัติบริหารงานให้ประสบผลสำเร็จ ที่สมบูรณ์นั่นเอง” ข้อ 11 ต้องยึดประโยชน์ส่วนรวม พระองค์ท่านทรงระลึกถึงประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า “…ใครต่อใครบอกว่า ขอให้เสียสละส่วนตัวเพื่อส่วนรวม อันนี้ฟังจนเบอื่ อาจรำคาญด้วยซ้ำว่า ใครต่อใครมาก็บอกว่าขอให้คิดถึงประโยชนส์ ่วนรวม อาจมานึกในใจว่า ให้ๆ อยู่ เรื่อยแล้วส่วนตัวจะได้อะไร ขอให้คิดว่าคนที่ให้เป็นเพื่อส่วนรวมนั้น มิได้ให้ส่วนรวมแต่อย่างเดียว เป็น การให้เพื่อตัวเองสามารถที่จะมีส่วนรวมที่จะอาศัยได้…”ดังนั้นการทำงานต้องมี ข้อ 22 ความเพียร คือ การเริ่มต้นทำงานหรือทำสิ่งใดนั้นอาจจะไม่ได้มีความพร้อมต้องอาศัยความอดทนและความมุ่งม่ัน ดังเช่นพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” กษัตริย์ผู้เพียรพยายามแม้จะไม่เห็นฝั่งก็จะว่ายน้ำต่อไป เพราะ ถา้ ไม่เพียรว่ายกจ็ ะตกเปน็ อาหารปู ปลา และไม่ได้พบกับเทวดาท่ีชว่ ยเหลือมิให้จมน้ำ และคนไทยทุก คนต้อง ข้อ 23 รู้ รัก สามัคคี ดังนี้ รู้ คือ รู้ปัญหาและรู้วิธีแก้ปัญหานั้น รัก คือ เมื่อเรารู้ถึง ปัญหาและวิธีแก้แล้ว เราต้องมีความรักที่จะลงมือทำลงมือแก้ไขปัญหานั้น และสามัคคีคือการแก้ไข ปัญหาต่างๆ ไม่สามารถลงมือทำคนเดียวได้ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกัน (ที่มา https://th.jobsdb.com, http://www.crma.ac.th, http://umongcity.go.th ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงงานหนัก สบื ค้นเมอ่ื วันที่ 22 เมษายน 2561) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมทุกฉบับ กล่าวว่า มาตรา ๖ การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบรูณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมี ความสุข กล่าวใน หมวด ๔ แนวการจัดการศึกษา มาตรา ๒๒ การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ มาตรา ๒๔ การจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังต่อไปน้ี (๑) จัดเนอ้ื หาสาระและกจิ กรรมใหส้ อดคล้องกับความสนใจและความถนดั ของผเู้ รยี น โดยคำนงึ ถึงความ แตกต่างระหว่างบุคคล (๒) ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการ ประยุกตค์ วามรู้มาใช้เพื่อป้องกนั และแก้ไขปัญหา (๓) จดั กจิ กรรมใหผ้ ู้เรยี นได้เรยี นรู้ จากประสบการณ์ จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็น และทำเป็น รักการอ่านและเกิดการใฝ่รู้ อย่างต่อเนื่อง (๔) จัดการ เรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกันรวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม

ค่มู อื ครูประกอบการปฏบิ ตั งิ านวชิ าการโรงเรียนนารนี ุกูล 2 ค่านิยมที่ดีงามและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา (๕) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัด บรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอำนวยความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และมี ความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใชก้ ารวิจัยเปน็ ส่วนหนึง่ ของกระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ ผู้สอนและผู้เรยี น อาจเรียนรไู้ ปพร้อมกันจากส่ือการเรียนการสอนและแหลง่ วิทยาการประเภทต่าง ๆ (๖) จดั การเรียนรู้ให้ เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือกับบิดามารดา ผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชน ทุกฝ่ายเพือ่ ร่วมกันพัฒนาผเู้ รียนตามศักยภาพ การวดั และประเมนิ กลา่ วใน มาตรา ๒๖ ให้สถานศึกษา จดั การประเมนิ ผู้เรียนโดยพจิ ารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสงั เกตพฤติกรรมการ เรยี น การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรยี นการสอนตามความเหมาะสมของแต่ ละระดับและรูปแบบการศึกษา และที่สำคัญ เพื่อเป็นการประกันคุณภาพการจัดการศึกษาของ สถานศึกษา กล่าวใน หมวด ๖ มาตรฐานและ การประกันคุณภาพการศึกษา มาตรา ๔๘ ให้หนว่ ยงานตน้ สังกดั และสถานศึกษาจัดให้มรี ะบบ การประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษาและให้ถือว่า การประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินการอย่าง ต่อเนื่อง เพื่อให้การบริหารจัดการสถานศึกษาประสบผลสำเร็จสถานศึกษาจำเป็นต้องวางแผน เตรยี มการในการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี นให้เปน็ พลเมอื ง ท่ีดีของประเทศและเปน็ พลโลกที่สมบรู ณ์ หลกั สูตรการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 และทีแ่ กไ้ ขเพ่ิมเตมิ พุทธศักราช 2560 ได้กล่าว ไว้ว่า การจัดการเรียนรู้ เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ของผเู้ รยี น เป็นเปา้ หมายสำหรับพัฒนาเดก็ และเยาวชน ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติ ตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรรกระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียน เรียนรู้ผ่านสาระที่กำหนดไว้ในหลกั สูตร ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมทั้งปลูกฝังเสรมิ สร้างคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ พฒั นาทักษะต่างๆ อันเปน็ สมรรถนะสำคญั ให้ผู้เรยี นบรรลุตามเปา้ หมาย ซ่ึงสถานศึกษา และครผู ู้สอนตอ้ งดำเนนิ การดงั น้ี ๑. หลักการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด เช่ือว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนา ตนเองได้ ยึดประโยชนท์ ่ีเกิดกับผู้เรียน กระบวนการจดั การเรียนรูต้ ้องส่งเสริมใหผ้ ูเ้ รียน สามารถพัฒนา ตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เน้นใหค้ วามสำคญั ทั้งความรู้ และคณุ ธรรม ๒. กระบวนการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัย กระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย เป็นเครื่องมือที่จะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้าง ความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา

คู่มอื ครูประกอบการปฏิบัติงานวชิ าการโรงเรียนนารนี กุ ูล 3 กระบวนการเรียนรู้ จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทำจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรยี นรกู้ ารเรยี นรขู้ องตนเอง กระบวนการพัฒนาลกั ษณะนิสยั 3. การออกแบบการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐาน การเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ท่ี เหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วธิ สี อนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพและบรรลุตาม เป้าหมายทก่ี ำหนด ๔. บทบาทของผู้สอนและผู้เรียน การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของ หลกั สูตร ท้งั ผูส้ อนและผ้เู รยี นควรมีบทบาท ดงั นี้ ๔.๑ บทบาทของผสู้ อน ๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการจัดการ เรียนรู้ทีท่ ้าทายความสามารถของผู้เรียน 2 ) กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการที่ เป็นความคิดรวบยอด หลกั การ และความสมั พนั ธ์ รวมทง้ั คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและ พฒั นาการทางสมอง เพอ่ื นำผู้เรียนไปสูเ่ ปา้ หมาย ๔) จดั บรรยากาศทีเ่ อือ้ ตอ่ การเรยี นรู้ และดูแลช่วยเหลือผู้เรียนให้เกดิ การเรียนรู้ ๕) จดั เตรียมและเลือกใชส้ อ่ื ให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภมู ิปญั ญาท้องถิน่ เทคโนโลยี ทเ่ี หมาะสมมาประยกุ ต์ใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน ๖) ประเมินความกา้ วหนา้ ของผเู้ รยี นดว้ ยวธิ ีการที่หลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติ ของวิชาและระดบั พฒั นาการของผู้เรยี น ๗) วเิ คราะห์ผลการประเมินมาใชใ้ นการซ่อมเสรมิ และพฒั นาผเู้ รียน รวมท้งั ปรับปรุง การจดั การเรยี นการสอนของตนเอง ๔.๒ บทบาทของผ้เู รียน ๑) กำหนดเปา้ หมาย วางแผน และรบั ผิดชอบการเรยี นรู้ของตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เขา้ ถงึ แหลง่ การเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะหข์ อ้ ความรู้ ต้ังคำถามคดิ หาคำตอบหรือหาแนวทางแกป้ ญั หาด้วยวิธีการตา่ ง ๆ 3) ลงมือปฏิบัติจริงสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ใน สถานการณ์ตา่ ง ๆ 4) มีปฏิสมั พนั ธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมรว่ มกบั กลุม่ และครู 5) ประเมินและพัฒนากระบวนการเรยี นร้ขู องตนเองอยา่ งต่อเนื่อง

ค่มู ือครูประกอบการปฏิบตั งิ านวิชาการโรงเรียนนารนี กุ ลู 4 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ การบริหารจัดการศึกษา ของ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ภายใต้องค์ประกอบทั้ง 4 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านโอกาสทางการศึกษา 2) ด้านคุณภาพทางการศึกษา 3) ด้านประสิทธิภาพทางการศึกษา 4) ด้านนโยบาย กระทรวงศึกษาธิการ มีรายละเอยี ดังนี้ 1. ดา้ นโอกาสทางการศึกษา องค์ประกอบที่ 1 โอกาสในการ ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึงและเสมอภาค ตัวชี้วัดที่ 1.2 ร้อยละของผู้เรียนต่อจำนวนประชากรวัย เรียนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.2.2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 1.2.3 ระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย ตวั ชวี้ ดั ที่ 1.3 ร้อยละผ้เู รียนทเ่ี รียนภายใตก้ ารจดั การศึกษาทางเลอื กไดร้ บั การพัฒนาอย่าง มีคุณภาพ ตัวชี้วัดที่ 1.4 ร้อยละ 100 ของเด็กพิการได้รับการพัฒนาศักยภาพเป็นรายบุคคลด้วย รูปแบบที่หลากหลาย องค์ประกอบที่ 2 โอกาสในการได้รับการส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือ ตัวชีว้ ดั ที่ 2.1 ร้อยละของนักเรียนยังคงอยูใ่ นระบบโรงเรยี นจนจบการศึกษาภาคบังคับในเวลาที่กำหนด 2.1.2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ตัวชี้วัดที่ 2.2 อัตราการออกกลางคันลดลง 2.2.2 ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย ตัวชี้วัดที่ 2.3 ร้อยละ 90 ของเด็กพิการผ่านเกณฑ์การพัฒนา สมรรถภาพตามแผนการศึกษาเฉพาะ (Individual Education Program : IEP) 2. ด้านคุณภาพ การศึกษา องค์ประกอบที่ 1 การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับตามหลักสูตร (ปัญญาดี มีทักษะ) ตัวชี้วัดท่ี 2.1.1 ร้อยละ 100 ของผู้เรียนระดับการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน(ชั้น ม.1,ม. 4) มีผลการประเมินระดับสถานศึกษาเมื่อสิ้นปีการศึกษา (ใช้ผลการสอบภาคเรียนที่ 2) ผ่านเกณฑ์ทุก กลุ่มสาระการเรียนรู้ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม) ตัวชี้วัดที่ 2.1.2 ผู้เรียน ชั้น ม.2 และ ม.5 มีผล การสอบระดับเขตพื้นท่ีการศึกษาทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ประกอบด้วย 2 ตวั ชวี้ ดั ย่อย 2 ตัวช้ีวัด ดังน้ี ตัวชีว้ ัดย่อยที่ 2.1.2.1 ผเู้ รยี นรอ้ ยละ 50 ของช้ัน ม.2 และ ม.5 มีผลการสอบระดบั เขตพน้ื ทกี่ ารศึกษา ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษา (LAS) ตัวชี้วัดที่ 2.1.3 ผู้เรียน ม.3 และ ม.6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการทดสอบระดับชาติ (O-NET) ทุกกลุ่มสาระ เพิ่มขึ้นเฉล่ียไม่น้อยกว่า ร้อยละ 5 ขึ้นไป ตัวชี้วัดที่ 2.1.6 ร้อยละ 75 ของผู้เรียนระดบั การศึกษาขั้น พื้นฐาน สามารถแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ตัวชี้วัดท่ี 2.1.7 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน มีทักษะการคิดวิเคราะห์คิดสร้างสรรค์ ตัวชี้วัดที่ 2.1.8 ร้อยละ 100 ผู้เรียนมีทักษะการ สื่อสารอย่างสร้างสรรค์อย่างน้อย 2 ภาษา (ภาษาอังกฤษ และภาษาอาเซียน) ตัวชี้วัดที่ 2.1.9 ร้อย ละ100 ของผเู้ รียนมที ักษะด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ เพื่อเป็นเคร่ืองมอื ในการเรียนรู้ เหมาะสมตามช่วง วัย องค์ประกอบที่ 2 การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ความเป็นไทย วิถีชีวิตตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง (มีคณุ ธรรม จริยธรรม) ตัวชี้วดั ท่ี 2.2.2 รอ้ ยละ 80 ของผู้เรยี น ม.ต้น มีทักษะการ แกป้ ัญหาและอยอู่ ย่างพอเพียง ตัวชวี้ ัดที่ 2.2.3 ร้อยละ 100 ของผูเ้ รยี นประกอบกิจกรรมทางศาสนา และกิจกรรมท่เี ปน็ ประโยชน์ ตอ่ ผอู้ ่ืนและสงั คมอย่างสมำ่ เสมอ จากการกำหนดนโยบายดังกล่าว โรงเรียนนารีนุกูลเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพ การศกึ ษา จงึ ได้นำน้อมหลักการทรงงาน 23 ข้อ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัว ในหลวงรชั กาลที่ 9

คู่มือครูประกอบการปฏิบตั ิงานวิชาการโรงเรยี นนารนี กุ ูล 5 มาหลักยึดในการปฏิบัติงานร่วมกันอย่างมีความสุข โรงเรียนนารีนุกูล กำหนดแนวทางการพัฒนา สถานศกึ ษา ดงั น้ี วสิ ยั ทศั น์ (Vision) โรงเรียนนารนี ุกูลยกระดับคณุ ภาพการศึกษาตามมาตรฐานสากล ดว้ ยระบบการบริหารจัดการ ท่ีมีคุณภาพ โดยใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ทิ ลั บนพืน้ ฐานความเปน็ ไทย พนั ธกจิ (Mission) 1. พัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีศักยภาพตามมาตรฐานสากล 2. พัฒนาระบบการบรหิ ารจัดการที่มีคณุ ภาพ ด้วยเทคโนโลยีดิจทิ ัล 3. พัฒนาครูและบคุ ลากรให้มีความรู้คคู่ ุณธรรมบนพ้นื ฐานความเป็นไทย ก้าวไกลสสู่ ากล 4. พัฒนาสภาพแวดล้อมและแหลง่ เรียนรทู้ ี่เอ้ือต่อการจดั การเรียนการสอน เป้าประสงค์ (Goals) 1. ผู้เรียนมคี วามเป็นเลิศทางวชิ าการ ส่อื สารได้อย่างนอ้ ยสองภาษา ลำหน้าทางความคดิ ผลิตงานอยา่ งสรา้ งสรรค์ มีความรบั ผิดชอบต่อสงั คมโลก 2. โรงเรียนมรี ะบบการบรหิ ารจดั การท่มี ีคณุ ภาพ มเี ทคโนโลยที ี่ทันสมัย 3. ครูและบคุ ลากรไดร้ บั การส่งเสรมิ และพฒั นาให้มีความรูค้ ู่คุณธรรมบนพืน้ ฐานความเปน็ ไทย ก้าวไกลสู่สากล 4. โรงเรียนมีสภาพแวดลอ้ มและแหลง่ เรยี นรู้ทีเ่ ออื้ ต่อการจัดการเรียนการสอนอย่างมี ประสทิ ธภิ าพ ยทุ ธศาสตร์โรงเรยี นนารีนกุ ูล มี 4 ยทุ ธศาสตร์ ดังนี้ 1. พฒั นาคณุ ภาพผ้เู รยี นใหม้ ีศกั ยภาพตามมาตรฐานสากล กลยทุ ธท์ ่ี 1.1 ผลติ ผูเ้ รยี นให้มคี ุณภาพตรงตามมาตรฐานการศกึ ษา กลยุทธท์ ่ี 1.2 ผลิตผู้เรยี นใหม้ ศี ักยภาพตามมาตรฐานสากล 2. ส่งเสรมิ การนำเทคโนโลยดี จิ ทิ ัลมาใช้ในการบริหารจดั การอยา่ งมีประสิทธภิ าพ กลยุทธท์ ่ี 2.1 พัฒนาระบบ N3S Model กลยุทธ์ท่ี 2.2 พัฒนาระบบการบริหารจดั การอย่างมคี ุณภาพ กลยุทธ์ที่ 2.3 สง่ เสรมิ และสรา้ งความรว่ มมอื กบั ชุมชน ภาคีเครือขา่ ยอยา่ งหลากหลาย 3. พัฒนาครูและบุคลากรใหม้ คี วามรู้คู่คุณธรรมบนพืน้ ฐานความเปน็ ไทย กา้ วไกลสูส่ ากล กลยุทธ์ที่ 3.1 ส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เป็นมืออาชีพ กลยุทธ์ที่ 3.2 พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความสัมพันธ์ผูกพันและมีวัฒนธรรม องค์กรรว่ มกนั กลยุทธ์ที่ 3.3 ส่งเสริมครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ไทย และภมู ปิ ัญญา ท้องถ่ินบนพ้นื ฐานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กลยุทธ์ที่ 3.4 ส่งเสรมิ สนบั สนนุ ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาให้มคี วามก้าวหนา้ ทางวชิ าชีพ

ค่มู อื ครูประกอบการปฏิบัตงิ านวชิ าการโรงเรียนนารีนุกูล 6 4. พัฒนาสภาพแวดล้อมและแหลง่ เรยี นร้ทู ่เี ออ้ื ต่อการจัดการเรยี นการสอน กลยุทธ์ที่ 4.1 พัฒนาอาคารสถานที่ ภูมิทัศน์ และสภาพแวดล้อมของโรงเรียนให้ร่มรื่น สวยงาม และปลอดภยั กลยุทธท์ ่ี 4.2 พฒั นาแหล่งเรียนรู้ทีเ่ อ้ือต่อการจัดการเรียนการสอน จากการกำหนดแนวทางการพัฒนาดังกล่าว โรงเรียนนารนี กุ ูลแบง่ โครงสร้างการบริหารงานเป็น 4 กลุ่มงาน คือ 1) กลุ่มงานบริหารบุคคลและงบประมาณ 2) กลุ่มงานบริหารวิชาการ 3) กลุ่มงาน บริหารกิจการนักเรียน และ 4) กลุ่มงานบริหารทั่วไป การบริหารวิชาการถือเป็นหัวใจสำคัญในการ พัฒนาคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนได้พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2560 เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้ คุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังนั้น โรงเรียนนารีนุกูลได้จัดทำคู่มือครูประกอบการ ปฏิบัติงานวิชาการกลุ่มบริหารวิชาการขึ้นโดยเริ่มใช้ปีการศึกษา 2561 และแก้ไขเพิ่มเติมปีที่ 4 โดย ผ่านการประเมินผลการใช้คู่มือครูประกอบการปฏิบัติงานวิชาการ และนำผลการประเมินมาปรับปรุง พัฒนาเพื่อความสมบูรณ์ความนโยบายและจุดเน้นของหน่วยงานต้นสังกัด และโลกการเปลี่ยนในยุค ปัจจุบัน เพื่อให้ครูยึดถือเปน็ แนวปฏิบัติท่ีชัดเจน และเพื่อเป็นการวางเป้าหมายเพื่อประกันคณุ ภาพการ สอนของครูผู้สอน และประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา โดยมีการรายงานผลเมื่อสิ้นปี การศึกษา และกำหนดกระบวนการและขั้นตอนในการบริหารงานวิชาการดังนี้ ๑) การวางแผน (Planning) ๒) การจัดองค์กร (Organizing) ๓) การจดั วางตัวบุคลากร (Staffing) ๔) การบงั คบั บัญชา (Directing) ๕) การประสานงาน (Co - ordinating) ๖) การรายงาน (Reporting) ๗) การงบประมาณ (Budgeting) โดยมรี ปู แบบการบรหิ ารวิชาการโดยใช้ SMART Model ประกอบดว้ ย S : Share Vision หมายถึง การมีวิสัยทัศน์ร่วม โดยอาศัยความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจใน การพฒั นาสถานศกึ ษาสมู่ าตรฐานสากล เปน็ โรงเรียนแหง่ ผนู้ ำด้านวิชาการ M : Management หมายถึง การบริหารจดั การแบบการมีสว่ นรว่ ม A : Acknowledge หมายถึง การประสานภาระงานทม่ี ีคุณภาพ R : Responsibility หมายถึง ความรับผิดชอบรว่ มกัน การมสี มั พันธภาพท่ีดีต่อเพื่อร่วมงาน นักเรียน ผ้ปู กครอง และผูม้ ารบั บริการ และการเปน็ กัลยาณมติ รที่ดตี ่อกัน T : Technology And Teamwork หมายถึง การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหาร จัดการทั้งด้านการจัดการเรียนการสอน การบริหารจัดการ และการให้บริการแก่ผู้มารับบริการ และ การทำงานเป็นทีม โดยมีรูปแบบการกำกับติดตามโดยใช้กระบวนการ PDCA รวมถึงการประชาสัมพันธ์ ขอ้ มูลขา่ วสารของสถานศึกษาท่ที ันสมยั และเปน็ ปจั จุบนั ดงั ภาพประกอบ

คู่มอื ครูประกอบการปฏิบัติงานวิชาการโรงเรียนนารีนุกลู 7 ภาพประกอบรูปแบบการบริหารวิชาการโรงเรยี นนารนี กุ ูล SMART Model การวางแผนงานในแผนปฏิบัติการประจำปี / โครงการ/งาน/กิจกรรม ประจำปีแล้วยังกำหนดบทบาท หน้าที่ในคำสั่งมอบหมายภาระงานวิชาการเพื่อสนองเจตนารมณ์พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พทุ ธศกั ราช 2542 และท่แี ก้ไขเพิ่มเติม นอกจากน้แี ล้วกลมุ่ บรหิ ารวิชาการยังไดพ้ ัฒนาระบบเทคโนโลยี และสารสนเทศการบริหารวิชาการโรงเรียนนารีนุกูล (Narinukun Academic Management System : NAMS) หรือ ระบบน้ำ มาใช้ในการพัฒนาการปฏิบัติงานวิชาการ ซึ่งมีรูปแบบการทำงาน ของระบบ 10 โมดุล ดงั ภาพประกอบ ภาพประกอบระบบสารสนเทศการบรหิ ารวชิ าการโรงเรียนนารนี ุกูล : ระบบน้ำ (Narinukun Academic Management System : NAMS)

ค่มู ือครูประกอบการปฏบิ ตั ิงานวิชาการโรงเรียนนารนี กุ ูล 8 โดยระบบสารสนเทศการบรหิ ารวชิ าการนี้ ใชใ้ นการบรหิ ารวิชาการที่ตอบสนองต่อความตอ้ งการและ ความทนั สมยั ต่อสถานการณ์ในยคุ ปจั จุบันทัง้ ดา้ นผเู้ รยี น ด้านครแู ละบคุ ลากร และด้านการบริหารงาน วิชาการท่ีมีคณุ ภาพ วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ เป็นแนวทางการพัฒนาระบบการบริหารวชิ าการโรงเรยี นนารนี ุกลู 2. เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารวชิ าการโรงเรียนนารีนุกลู กลมุ่ เป้าหมาย ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาโรงเรียนนารนี ุกลู ปีการศกึ ษา 2565 เป็นตน้ ไป ประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะได้รบั 1. ไดแ้ นวทางการพฒั นาระบบการบริหารวิชาการ 2. ได้พฒั นารปู แบบการบรหิ ารงานวชิ าการที่สอดคลอ้ งตอ่ ความต้องของครูและบุคลากร

ค่มู ือครูประกอบการปฏิบตั งิ านวชิ าการโรงเรียนนารนี ุกลู 9 สว่ นท่ี 2 แนวทางการดำเนนิ งานและขอบข่ายภาระงาน แนวทางการดำเนินงาน แนวทางการดำเนินงานวิชาการโรงเรียนนารีนุกูล ได้นำแนวทางและยึด 23 หลักการทรงงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว ในหลวง รชั กาลที่ 9 มาปรับใช้ใหเ้ กิดประโยชนไ์ ด้ ดงั น้ี 23 หลักการทรงงาน พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัว ในหลวง รัชกาลท่ี 9 1. จะทำอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้เปน็ ระบบ 2. ระเบิดจากภายใน เริ่มจากคนที่เกี่ยวข้องเสียก่อน ต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายในให้เกิด ความเขา้ ใจและอยากทำ 3. แกป้ ัญหาจากจุดเล็กมองปญั หาภาพรวมก่อนเสมอ แตเ่ มือ่ จะลงมอื แก้ปัญหานน้ั ควรมองในสิ่ง ทีค่ นมักจะมองข้าม แลว้ เรมิ่ แกป้ ัญหาจากจดุ เล็กๆ เมอ่ื สำเร็จจงึ ค่อยๆ ขยับขยายแก้ไปเรื่อยๆ ทีละจดุ 4. ทำตามลำดับขั้น เริ่มต้นจากการลงมือทำในสิ่งที่จำเป็นก่อน เมื่อสำเร็จแล้วก็เริ่มลงมือสิ่งท่ี จำเปน็ ลำดบั ตอ่ ไป ด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง 5. ภูมิสังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ การพัฒนาใดๆ ต้องคำนึงถึงสภาพภูมิประเทศของบริเวณ นั้นว่าเป็นอย่างไร และสังคมวิทยาเกี่ยวกับลักษณะนิสัยใจคอคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในแต่ละ ท้องถิน่ ทม่ี ีความแตกตา่ งกัน 6. ทำงานแบบองค์รวม ใช้วิธีคิดเพื่อการทำงาน โดยวิธีคิดอย่างองค์รวม คือการมองสิ่งต่างๆ ที่เกิดอย่างเป็นระบบครบวงจร ทุกสิ่งทุกอย่างมีมิติเชื่อมต่อกัน มองสิ่งที่เกิดขึ้นและแนวทางแก้ไข อยา่ งเชอ่ื มโยง 7. ไม่ติดตำรา เมื่อเราจะทำการใดนั้น ควรทำงานอย่างยืดหยุ่นกับสภาพและสถานการณ์นั้นๆ ไมใ่ ชก่ ารยึดตดิ อยกู่ ับแคใ่ นตำราวชิ าการ เพราะบางที่ความรู้ทว่ มหวั เอาตัวไมร่ อด 8. รจู้ กั ประหยดั เรียบง่าย ได้ประโยชน์สูงสดุ 9. ทำให้ง่าย ทรงคิดค้น ดัดแปลง ปรับปรุงและแก้ไขงาน การพัฒนาประเทศตามแนว พระราชดำรไิ ปไดโ้ ดยงา่ ย ไม่ยงุ่ ยากซับซอ้ นและท่สี ำคัญอย่างยิ่งคือ สอดคลอ้ งกบั สภาพความเปน็ อยู่ของ ประชาชนและระบบนเิ วศโดยรวม “ทำให้ง่าย”

คู่มือครูประกอบการปฏิบตั ิงานวิชาการโรงเรยี นนารีนุกลู 10 10. การมีส่วนร่วม ทรงเป็นนักประชาธิปไตย ทรงเปิดโอกาสให้สาธารณชน ประชาชนหรือ เจ้าหนา้ ทีท่ ุกระดบั ได้มารว่ มแสดงความคิดเห็น “สำคัญท่ีสดุ จะตอ้ งหดั ทำใจให้กว้างขวาง หนกั แน่น ร้จู ัก รับฟังความคิดเห็น แม้กระทั่งความวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นอย่างฉลาดนั้น แท้จริงคือ การระดม สติปัญญาละประสบการณ์อันหลากหลายมาอำนวยการปฏิบัติบริหารงานให้ประสบผลสำเร็จที่สมบูรณ์ นัน่ เอง” 11. ตอ้ งยึดประโยชนส์ ่วนรวม 12. บริการที่จุดเดียว “การบริการรวมที่จุดเดียว : One Stop Service” โดยเน้นเรื่องรู้รัก สามัคคแี ละการร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันดว้ ยการปรับลดชอ่ งวา่ งระหว่างหน่วยงานท่เี ก่ียวข้อง 13. ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ มองปัญหาธรรมชาติอย่างละเอียด โดยหากเราต้องการแก้ไข ธรรมชาติจะต้องใชธ้ รรมชาตเิ ข้าชว่ ยเหลอื เรา 14. ใช้อธรรมปราบอธรรม ทรงนำความจริงในเรือ่ งธรรมชาตแิ ละกฎเกณฑ์ของธรรมชาติมาเปน็ หลกั การแนวทางปฏบิ ัตใิ นการแก้ไขปัญหาและปรบั ปรงุ สภาวะท่ีไมป่ กติเข้าสู่ระบบทป่ี กติ 15. ปลูกปา่ ในใจคน การจะทำการใดสำเร็จต้องปลูกจติ สำนกึ ของคนเสยี กอ่ น ต้องใหเ้ หน็ คณุ คา่ เหน็ ประโยชน์กับส่งิ ทีจ่ ะทำ 16. ขาดทนุ คอื กำไร หลกั การในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว รัชกาลที่ 9 ท่มี ีตอ่ พสกนกิ รไทย “การให”้ และ “การเสยี สละ” เป็นการกระทำอันมีผลเปน็ กำไร คือความอย่ดู ีมสี ุขของราษฎร 17. การพึ่งพาตนเอง การพัฒนาตามแนวพระราชดำริ เพื่อการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นด้วย การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้มีความแข็งแรงพอที่จะดำรงชีวิตได้ต่อไป แล้วขั้นต่อไปก็คือ การพัฒนาใหป้ ระชาชนสามารถอยู่ในสงั คมได้ตามสภาพแวดล้อมและสามารถ พึง่ ตนเองได้ในทสี่ ดุ 18. พออยู่พอกนิ ใหป้ ระชาชนสามารถอยู่อยา่ ง “พออยู่พอกนิ ” ให้ได้เสยี ก่อน แล้วจึงค่อยขยับ ขยายใหม้ ีขีดสมรรถนะทก่ี ้าวหนา้ ต่อไป 19. เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานพระราชดำรัสชี้แนะแนว ทางการดำเนนิ ชีวติ ให้ดำเนินไปบน “ทางสายกลาง” เพื่อให้รอดพ้นและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง และยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภวิ ัตน์และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ซึ่งปรัชญานีส้ ามารถนำไปประยกุ ต์ใชไ้ ด้ ท้ังระดับบุคคล องค์กร และชุมชน 20. ความซื่อสัตย์สุจริต จริงใจต่อกัน ผู้ที่มีความสุจริตและบริสุทธิ์ใจ แม้จะมีความรู้น้อย ก็ย่อม ทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้มากกวา่ ผทู้ ี่มคี วามรู้มาก แตไ่ ม่มีความสจุ ริต ไม่มคี วามบรสิ ทุ ธิ์ใจ 21. ทำงานอย่างมีความสุข ทำงานต้องมีความสุขด้วย ถ้าเราทำอย่างไม่มีความสุขเราจะแพ้ แต่ถ้าเรามีความสุขเราจะชนะ สนุกกับการทำงานเพียงเท่านั้น ถือว่าเราชนะแล้ว หรือจะทำงาน โดยคำนึงถงึ ความสุขทเ่ี กิดจากการไดท้ ำประโยชน์ใหก้ ับผู้อนื่ ก็สามารถทำได้ 22. ความเพียร การเริ่มต้นทำงานหรือทำสิ่งใดนั้นอาจจะไม่ได้มีความพร้อม ต้องอาศัยความ อดทนและความม่งุ มนั่ 23. รู้ รัก สามัคคี รู้ คือ รู้ปัญหาและรู้วิธีแก้ปัญหานั้น รัก คือ เมื่อเรารู้ถึงปัญหาและวิธีแก้แล้ว เราต้องมีความรัก ที่จะลงมือทำ ลงมือแก้ไขปัญหานั้น สามัคคี คือ การแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่สามารถ ลงมือทำคนเดยี วได้ ตอ้ งอาศยั ความร่วมมือร่วมใจกนั (สบื ค้นจาก : https://th.jobsdb.com, http://www.crma.ac.th, http://umongcity.go.th สบื ค้น เมอื่ วันท่ี 22 เมษายน 2561)

คมู่ ือครูประกอบการปฏบิ ตั ิงานวชิ าการโรงเรยี นนารีนุกลู 11 พระบรมราโชบายด้านการศึกษาของสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวรชั กาลที่ 10 เมื่อวนั ศุกร์ท่ี 18 สงิ หาคม พ.ศ. 2560 บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จดั งานแจกรางวลั “เซเวน่ บุ๊คอวอร์ด” มศี าสตราจารย์นายแพทย์เกษม วฒั นชัย เปน็ ประธาน ก่อนแจกรางวลั คณุ หมอ เกษม ไดอ้ ญั เชิญพระบรมราโชบายดา้ นการศึกษาของสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั วชิราลงกรณ์บดนิ ทรเทพ ยวรางกูร ซง่ึ คณุ หมอไดบ้ นั ทึกไว้มาเสนอในท่ปี ระชมุ เป็นพระบรมราโชบายที่ครูทุกคนควรทราบและ นอ้ มมาปฏิบัติ ดังน้ี การศกึ ษามุง่ สร้างพืน้ ฐานให้แก่ผเู้ รียน 4 ดา้ น 1. มที ัศนคตทิ ี่ถกู ต้องต่อบ้านเมือง ข้อนีม้ ีคำขยายว่า ต้องมีความรู้ความเข้าใจท่ีมีตอ่ ชาติ บา้ นเมืองยึดม่นั ในศาสนา มั่นคงในสถาบันพระมหากษตั ริย์ และมีความเอ้ืออาทรต่อครอบครวั และ ชุมชนของตน 2. มพี ้ืนฐานชีวติ ท่มี ัน่ คง มีคุณธรรม ขอ้ นมี้ ีคำขยายวา่ ให้รจู้ กั แยกแยะสิง่ ท่ีผิด ท่ีถูก ส่ิงท่ี ชวั่ สิง่ ท่ีดี เพ่ือปฏบิ ัติแต่สงิ่ ที่ดีงาม ปฏิเสธส่ิงท่ผี ดิ ท่ชี ่ัว เพื่อสรา้ งคนดีให้แกบ่ ้านเมือง 3. มงี านทำ มีอาชีพ ขอ้ นี้มคี ำขยายวา่ ต้องให้เด็กรักงาน ส้งู าน ทำงานจนสำเร็จ อบรมให้ เรยี นรู้ การทำงาน ให้สามารถเล้ยี งตวั และเลีย้ งครอบครวั ได้ 4. เปน็ พลเมืองดี ข้อน้ีมีคำขยายวา่ การเปน็ พลเมืองดีเปน็ หนา้ ทข่ี องทกุ คน สถานศึกษา และสถานประกอบการต้องส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสทำหน้าทีพ่ ลเมืองดี การเปน็ พลเมอื งดหี มายถงึ การมนี ้ำใจ มีความเอ้อื อาทร ต้องทำงานอาสาสมคั ร งานบำเพ็ญประโยชน์ “เหน็ อะไรท่ีจะทำเพื่อ บา้ นเมืองได้กต็ ้องทำ” พระบรมราโชบายทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินกว่าครูจะทำและสั่งสอนศิษย์ให้ทำได้ หากครู ตั้งใจสร้างศิษย์ให้ได้ตามพระบรมราโชบายทั้ง 4 ด้าน ข้อนี้จะทำให้ชาติบ้านเมืองเจริญ ไม่มีคนที่นิ่งดู ดายปล่อยให้เกิดความชั่ว ความไม่ดีในบ้านเมือง ที่สำคัญประการหนึ่งคือ การรู้จักแยกแยะส่ิงที่ถูกที่ผิด สิ่งทีด่ ีสง่ิ ที่ชั่ว และเลือกรับเลอื กทำแตท่ างท่ีถูกที่ดี เด็กไทยควรใชว้ ิจารณญาณของตน ไม่ตามแฟช่ันตาม สังคมโดยไรส้ ติ อกี ประการหน่ึงท่ีควรน้อมนำมาใส่เกล้า ฯ คือ พระบรมราโชบายทว่ี า่ เห็นอะไรท่ีควรทำ เพื่อบ้านเมืองก็ต้องทำ คนไทยเห็นอะไรที่ควรทำเพื่อบ้านเมืองก็ต้องลงมือทำไม่ปล่อยให้ผ่านไปด้วย ความคิดวา่ “ธุระไม่ใช”่ (ศาสตราจารยก์ ิตติคณุ ดร.กาญจนา นาคสกุล นายกสมาคมครภู าษาไทยแห่ง ประเทศไทย. 2562)

คูม่ อื ครูประกอบการปฏบิ ตั ิงานวิชาการโรงเรียนนารนี ุกูล 12 ขอบข่ายภารกิจดา้ นการบริหารวิชาการ ขอบข่ายภารกิจด้านการบริหารวิชาการ โรงเรียนนารีนุกูลได้นำเอาวิธีการการแบ่งภารกิจงานตาม เอกสาร 1) แนวทางการคู่มือการบริหารโรงเรียนในโครงการพัฒนาการบริหารรูปแบบนิติบุคคล (2556 : 41) และ 2) มาตรฐานการปฏิบัติงานโรงเรียนมัธยมศึกษา พ.ศ. 2552 (ปรับปรุง พ.ศ. 2560) โดยแบง่ ภาระงานตามโครงสร้างการบริหารงานกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ ดังน้ี โครงสร้างการบริหารงานกลุ่มบริหารวิชาการ คณะกรรมการบริหารโรงเรยี น ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี น รองผูอ้ ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ หวั หนา้ สำนักงานกล่มุ บริหารวิชาการ คณะกรรมการบริหารวชิ าการ 1. งานพัฒนาหลักสตู รสถานศึกษา 2. งานตารางเรยี นตารางสอน 3. งานนิเทศการศึกษา 4. งานวัดและประเมินผล 5. งานทะเบียนนักเรียน 6. งานกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน 7. งานวิจยั และพัฒนา 8. งานการเรยี นการสอน 9. งานประกันคุณภาพการศึกษา 10. งานรับนักเรยี น 11. งาน IS 12. งานสร้างชมุ ชนแหง่ การเรยี นรู้ 13. งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน 14. งานการศึกษาทางไกลและ ICT ขอบข่าย/ภารกจิ การดำเนินงานดา้ นการบริหารวิชาการของโรงเรียนนารนี ุกูล มรี ายละเอยี ดดังน้ี 1. งานพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษา 1.1 ศึกษาวิเคราะห์เอกสารหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มาตรฐานและตัวชี้วัดในหลักสูตรข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับสภาพปัญหาและความต้องการของสังคม ชุมชนและท้องถน่ิ

คู่มอื ครูประกอบการปฏิบตั งิ านวชิ าการโรงเรียนนารนี กุ ลู 13 1.2 วิเคราะห์สภาพแวดล้อม และประเมินสถานภาพสถานศึกษาเพื่อกำหนดวิสัยทัศน์ ภารกิจ เป้าหมาย คุณลักษณะที่พึงประสงค์ โดยการมีสว่ นร่วมของทกุ ฝ่ายรวมท้ังคณะกรรมการบริหาร วชิ าการ 1.3 จัดทำหลักสูตรสถานศึกษาหลักสูตรท้องถิ่นและสาระที่รับผิดชอบให้สอดคล้องกับ วิสัยทัศน์ เป้าหมายและคุณลักษณะที่พึงประสงค์โดยพยายามบูรณาการเนื้อหาสาระทั้งในกลุ่มสาระ การเรียนรเู้ ดียวกันและระหว่างกลมุ่ สาระการเรยี นรูต้ ามความเหมาะสม 1.4 นำหลักสูตรไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของ พรบ. การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และทปี่ รับปรุงแก้ไข พ.ศ. 2545 1.5 นิเทศการใช้หลักสูตรของครูในกลุ่มสาระการเรียนรูท้ ี่รับผิดชอบประเมินผลหลกั สูตร อยา่ งต่อเนอ่ื งและนำผลการประเมนิ ไปใชใ้ นการพฒั นาหลักสตู ร 1.6 ติดตามและประเมนิ ผลการใช้หลกั สตู รของครใู นกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่รับผิดชอบ 1.7 ปรบั ปรุง และพัฒนาหลักสตู รในกล่มุ สาระการเรยี นรู้ท่ผี ดิ ชอบตามความเหมาะสม 2. งานตารางเรียนตารางสอน 2.1 จัดทำตารางเรียนตามโครงสร้างหลักสูตรโรงเรียน โดยคำนึงถึงความพร้อมของ บุคลากร อาคารสถานที่ และวัสดุครุภัณฑ์ ความต้องการ ความถนัด ความสนใจ เพื่อการศึกษาต่อ หรือประกอบอาชีพของผู้เรยี น 2.2 ประเมินผลและปรบั ปรงุ 2.3 จัดทำแนวปฏิบัติและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการเข้าสอนและเข้าสอนแทน แจ้งกลุ่มสาระไดร้ วบรวมและประเมินผลการจดั ครูเข้าสอนแทน 2.4 สรปุ และรายงานผลการดำเนินการจดั ครเู ขา้ สอนแทนให้ผู้บรหิ ารรับทราบสัปดาหล์ ะ 1 ครง้ั 3. งานนเิ ทศการศึกษา 3.1 บทบาทหนา้ ท่ี 1) เปน็ หัวหนา้ นิเทศการศึกษา 2) เปน็ คณะกรรมการฝ่ายบริหารวิชาการ 3) จัดระบบนเิ ทศงานวชิ าการและการเรยี นการสอนภายในโรงเรยี น 4) จัดทำคำสงั่ แต่งตง้ั คณะกรรมการนเิ ทศการสอนระดบั โรงเรียนและระดบั กล่มุ สาระการ เรียนรู้ 5) ดำเนนิ การนิเทศงานวชิ าการและการเรยี นการสอนในรูปแบบหลากหลาย และ เหมาะสมกับโรงเรียน 6) แลกเปล่ยี นเรยี นรปู้ ระสบการณก์ ารจัดระบบนิเทศการศึกษาภายในโรงเรยี นกับ สถานศกึ ษาอนื่ หรือเครือขา่ ย การนเิ ทศการศึกษาภายในเขตพนื้ ที่การศึกษา 7) ติดตามประสานงานกบั เขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาเพ่ือพฒั นาระบบและกระบวนการนิเทศงาน วิชาการและการเรยี นการสอนของโรงเรียน 8) สรปุ รายงานผลการนิเทศการศึกษาตอ่ ผู้บริหารสถานศึกษา ความรบั ผดิ ชอบ 1) จัดระบบนิเทศงานวชิ าการและการเรยี นการสอนภายในโรงเรียนให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม สาระการเรียนร้แู ละกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น

คู่มอื ครูประกอบการปฏบิ ตั ิงานวชิ าการโรงเรยี นนารนี กุ ูล 14 2) จัดทำคำส่ังแต่งตั้งคณะกรรมการนเิ ทศการสอนระดบั โรงเรยี นและระดบั กลมุ่ สาระการ เรยี นรู้ ภาคเรยี นละ 1 คร้ัง 3) ดำเนินงานนเิ ทศการสอนของครใู นกลุม่ สาระการเรียนรู้ อยา่ งน้อยภาคเรียนละ 1 ครัง้ 4) จดั ทำสรปุ รูปเล่มรายงานนเิ ทศการสอนระดับกล่มุ สาระการเรยี นรู้ และรายงานต่อรอง ผอู้ ำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ และ ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ซง่ึ มหี ัวขอ้ รูปเล่มรายงานดงั นี้ 4.1 ปก 4.2 รองปก 4.3 คำนำ 4.4 สารบญั 4.5 ความสำคัญ 4.6 การวางแผนการนเิ ทศ/ปฏทิ นิ การนิเทศ 4.7 สถิติทใ่ี ช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูล 4.8 การดำเนินการนิเทศตามปฏิทิน/สรปุ ผลการนิเทศการสอนรายบคุ คล 4.9 สรุปผลการดำเนินการนเิ ทศในภาพรวม ปัญหา/อปุ สรรค/ข้อเสนอแนะ 4.10 ภาคผนวก คำสัง่ /รปู ภาพ/แบบฟอร์มการนิเทศ 5) แนะนำให้ความรเู้ ชงิ วิชาการแก่ครผู ูส้ อน และแลกเปล่ียนเรียนรูป้ ระสบการณ์ 6) การจัดระบบนเิ ทศ การนิเทศการศึกษาภายในโรงเรยี นและภายนอกสถานศึกษา 7) ติดตามประสานงานกับเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาเพื่อพฒั นาระบบและกระบวนการนเิ ทศงาน วิชาการและการเรยี นตารางเรยี นตารางสอนของโรงเรยี นอย่างต่อเนื่อง 8) ประเมนิ ผลและสรุปผลการปฏิบตั งิ าน เพอ่ื ปรับปรุง พัฒนางานให้ดีข้นึ 4. งานวดั และประเมินผล 4.1 จดั ทำแผน โครงการ ปฏิทนิ ปฏบิ ตั งิ านวัดผลและประเมนิ ผลการเรยี น 4.2 จัดทำและตรวจสอบเอกสาร ปพ.1, ปพ.7 และเอกสารรับรองอ่ืนๆ ท่ีเกี่ยวข้องใน ระดบั ช้ันทีร่ ับผิดชอบ 4.3 รวบรวมผลสอบปลายภาค แบบประเมินผลการเรียนในระดับชั้นที่รับผิดชอบ นำเสนอผอู้ ำนวยการเพื่อขออนุมตั ิ ประกาศผลสอบและแยกชน้ั เรียนให้ครทู ีป่ รึกษา นำไปจัดทำ ปพ.6 4.4 ดำเนินการเกีย่ วกับการแก้ ๐ ร และ มส. 4.5 รวบรวมผลการสอบแก้ตัวนำเสนอผู้อำนวยการเพื่อขออนุมัติและประกาศผล ในระดับชัน้ ที่รบั ผดิ ชอบ ให้เป็นปจั จบุ นั 4.6 สรุปผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของครูผู้สอนแต่ละคนต่อรองผู้อำนวยการ กลุ่ม บริหารงานวิชาการเพอ่ื หาจุดพัฒนา 4.7 รวบรวมสถิติเกี่ยวกับการวัดผล ประเมินผล เช่น สถิตินักเรียนที่สอบไม่ผ่าน สถิติ การสอบแกต้ วั 4.8 จัดระบบการเก็บเอกสาร การทำลายเอกสาร ระเบียบคำสั่งงานวัดผล ให้สะดวกใน การคน้ หาและปลอดภัย 4.9 ร่วมมอื กับกลุ่มสาระการเรียนรู้เพ่อื วเิ คราะหข์ ้อสอบปลายภาค 4.10 ตรวจสอบ ปพ.5 ของกลุ่มสาระวิชาต่างๆตามที่ได้รับมอบหมาย และสรุปผล การตรวจสอบต่อรองผอู้ ำนวยการกลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ เพ่อื พฒั นา

คู่มือครูประกอบการปฏบิ ัติงานวชิ าการโรงเรียนนารนี ุกูล 15 4.11 เป็นเลขานุการร่วมกับหัวหน้าระดับชั้นและครูผู้สอนตรวจสอบคะแนนและผลการ เรยี นใน ปพ. 5 ในระดับช้ันท่รี ับผิดชอบ 4.12 ดูแลกำกับการตรวจข้อสอบโดยใชเ้ ครื่องตรวจคำตอบ 5. งานทะเบยี นนกั เรยี น 5.1 จดั ทำแผน โครงการและปฏทิ นิ การดำเนนิ งานทะเบียนนักเรียน 5.2 จดั ทำทะเบยี นและเลขประจำตวั นกั เรียน (ม.1 ม.4 และนักเรยี นยา้ ยเขา้ -ย้ายออก) 5.3 จัดทำแบบฟอร์ม แบบคำรอ้ งทใี่ ช้ในงานทะเบยี น 5.4 จดั ทำสถิติในการรับ - จำหนา่ ยนกั เรียน 5.5 จดั ทำสถติ จิ ำนวนนกั เรยี นให้เปน็ ปัจจุบัน 5.6 จดั ทำใบลงทะเบียนเรยี นแต่ละภาคเรียน 5.7 ติดตอ่ ประสานงานกบั ผู้ปกครอง 5.8 จัดระบบการเก็บ รักษาเอกสาร การทำลายเอกสาร ระเบียบคำสั่งงานทะเบียน นักเรยี นให้สะดวกในการค้นหาและปลอดภยั 5.9 ให้บรกิ ารในการจัดทำเอกสาร ปพ. 1, ปพ.2, ปพ.3 และใบประกาศนียบัตรสำหรับ นักเรยี นทีจ่ บหลกั สูตรแล้ว 5.10 จดั ทำบัตรประจำตัวนกั เรียนใหค้ รบทุกคน 5.11 จดั ทำเอกสารแจง้ ครูท่ีปรึกษา, ครผู ู้สอน ในกรณที ่ีมีนักเรยี นยา้ ยออกและเข้าใหม่ 5.12 ตรวจสอบวุฒกิ ารศึกษาของนักเรียนทีจ่ บการศึกษา 5.13 เทยี บโอนผลการเรยี นของนักเรยี น 6. งานกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น 6.1 กำหนดนโยบายว่าด้วยการจัดกิจกรรมลูกเสือ - เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญ ประโยชน์ และกิจกรรมชุมนมุ 6.2 กำกับ ติดตาม ดูแล การปฏิบัติงานกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญ ประโยชน์และกจิ กรรมชุมนุมให้เป็นไปตามนโยบายและเกดิ ประโยชน์ต่อผเู้ รยี น 6.3 สนับสนุน ส่งเสริมการบริหารจัดการชั้นเรียนกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพญ็ ประโยชน์ และกจิ กรรมชุมนมุ ให้เปน็ ไปดว้ ยความเรียบรอ้ ย 6.4 ให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหาติดตาม ประเมินผลและรายงานการปฏิบัติงานของ บุคลากรท่สี งั กดั กจิ กรรมลูกเสือ - เนตรนารี ยุวกาชาด ผ้บู ำเพ็ญประโยชน์ และกิจกรรมชุมนมุ 7. งานวิจัยและพัฒนา 7.1 สง่ เสรมิ ใหค้ รู ศกึ ษา วเิ คราะห์ วจิ ยั เพื่อพฒั นาคุณภาพการเรียนรูข้ องผู้เรยี น 7.2 จดั ทำวิจยั เพือ่ พัฒนาโรงเรยี นปลี ะ 1 เร่อื งเพ่ือพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา 7.3 จดั ให้มกี ารนิเทศเก่ยี วกับการจดั ทำวจิ ัยและรายงานการวิจัย 7.4 วางแผน และร่วมมือในการดำเนินการประเมินคุณภาพงานวิจัยในชั้นเรียนและ งานวจิ ัยทางการศึกษา 7.5 บริการชมุ ชนในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล หรือแบบสอบถามเพอ่ื การวจิ ัยและพฒั นา

คมู่ ือครูประกอบการปฏิบัติงานวชิ าการโรงเรียนนารีนุกลู 16 8. งานการเรียนการสอน 8.1 หลกั สตู รห้องเรยี นปกติ 8.1.1 ส่งเสริมและพัฒนาครูในการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักสูตรสถานศึกษาท่ี สอดคลอ้ งกับหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พ.ศ. 2551 และที่แกไ้ ขเพิม่ เตมิ พ.ศ.2560 8.1.2 ส่งเสริมและใหค้ วามรู้ครใู นการจัดทำหนว่ ยการเรียนรู้ และแผนการจัดการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และให้ครูจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้แบ บย้อยกลับ และแผนการเรยี นรู้บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 8.1.3 ส่งเสริมให้ครูจดั เนื้อหา สาระ กิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดของ ผู้เรียนทงั้ ด้านความรู้ ทักษะกระบวนการและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 8.1.4 ส่งเสริมการนำการจัดบรรยากาศ สิ่งแวดล้อมและแหล่งเรียนรู้ให้เอื้อต่อการจัด กระบวนการเรียนรู้ 8.1.5 ส่งเสริมการนำภูมิปัญญาท้องถน่ิ หรือเครอื ข่ายผู้ปกครอง ชุมชน ทอ้ งถน่ิ มามสี ่วน รว่ ม ในการจดั การเรียนรู้ตามความเหมาะสม 8.1.6 กำกับ ติดตาม การจัดกระบวนการเรียนรู้ของครู ส่งเสรมิ ให้ครจู ดั เนือ้ หาสาระและ กิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดของผู้เรียน ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชญิ สถานการณ์ การประยุกต์ใช้ความรู้เพ่ือป้องกนั และแก้ไขปัญหา การเรียนรู้จากประสบการณ์ จริงและการปฏิบัติจริง การส่งเสริมให้รักการอ่าน และใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง การผสมผสานความรู้ต่าง ๆ ใหส้ มดุลกนั ปลูกฝังคุณธรรม คา่ นยิ มทีด่ ีงาม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ท่สี อดคล้องกับเนื้อหาสาระ กิจกรรม ทั้งนี้โดยจัดบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมและแหล่งเรียนรู้ให้เอื้อต่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ และการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือเครือข่าย ผู้ปกครอง ชุมชน ท้องถิ่นมามีส่วนร่วมในการจัดการเรียน การสอนตามความเหมาะสม 8.1.7 นิเทศการเรียนการสอนแก่ครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่รับผิดชอบ โดยเน้นการ นิเทศแบบกัลยาณมิตร เช่น นิเทศแบบเพื่อนช่วยเพื่อน เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนร่วมกันหรือแบบ อ่ืนๆ ตามความเหมาะสม 8.1.8 ประเมินกระบวนการจัดการเรียนรขู้ องครูอย่างต่อเน่ือง 8.2 หลกั สูตรห้องเรียนพเิ ศษโปรแกรมนานาชาติ (International Programme) 8.2.1 วางแผน กำหนดการดำเนินงานห้องเรียนพิเศษโปรแกรมนานาชาติ ตามโครงการ พัฒนาการศึกษาให้เป็นศูนย์กลางภูมิภาคประเทศไทย (Education Hub โดยจัดการเรียนการสอนโดย ใช้หลักสูตรนานาชาติ ของมหาวิทยาลัยเคมบริดส์ (Cambridge University) โดยให้มีการพัฒนา หลักสูตรอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน และหลักสูตรของ เคมบริดส์สคลู 8.2.2 ให้คำปรึกษา ควบคุม กำกับ ดูแลการดำเนินงานและอำนวยความสะดวกให้แก่ คณะกรรมการฝา่ ยตา่ งๆ ให้ดำเนินไปด้วยความเรยี บร้อย 8.2.3 จัดหาครูผู้สอนชาวต่างประเทศในการจัดการเรียนการเสนอ สนับสนุนจัดการเรียน การสอนตามโครงสรา้ งหลกั สตู รของโรงเรยี นให้ไดค้ ุณภาพมาตรฐาน 8.2.4 กำกับติดตามและประเมินผลการจัดการเรียนการสอนของครูและประเมิน ประสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ลของครผู ูส้ อน

คมู่ ือครูประกอบการปฏบิ ตั งิ านวชิ าการโรงเรยี นนารีนุกลู 17 8.2.5 สรุปรายงานผลการดำเนนิ งานสนิ้ ปีการศกึ ษา 8.3 หลักสตู รห้องเรียนพเิ ศษอัจฉริยภาพด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 8.3.1 วางแผน กำหนดการดำเนินงานห้องเรียนพิเศษโดยจัดการเรียนการสอนโดยใช้ หลักสูตรห้องเรียนพิเศษ 4 โครงการ และให้มีการพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน และหลกั สูตรของเคมบริดสส์ คูล 8.3.2 ให้คำปรึกษา ควบคุม กำกับ ดูแลการดำเนินงานและอำนวยความสะดวกให้แก่ คณะกรรมการฝ่ายตา่ งๆ ให้ดำเนนิ ไปด้วยความเรียบรอ้ ย 8.3.3 จัดหาครูผู้สอนเพื่อการจัดการเรียนการเสนอ สนับสนุนจัดการเรียนการสอนตาม โครงสร้างหลกั สตู รของโรงเรยี นใหไ้ ด้คุณภาพมาตรฐาน 8.3.4 กำกับติดตามและประเมินผลการจัดการเรียนการสอนของครูและประเมิน ประสิทธิภาพและประสิทธผิ ลของครผู สู้ อน 8.3.5 สรุปรายงานผลการดำเนนิ งานสนิ้ ปกี ารศึกษา 8.4 กิจกรรมแนะแนว 8.4.1 จัดทำผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้กิจกรรมแนะแนว แผนการจัดการเรียนรู้ การวดั ผลประเมินผล และการเข้าสอนของครทู ุกคน 8.4.2 จดั ครูเขา้ สอนแนะแนวของแต่ละระดบั ชั้น 8.4.3 จัดทำแบบบนั ทกึ เวลาเรยี นกิจกรรมแนะแนวทุกระดับชั้น 8.4.4 ตดิ ตามการสง่ ผลการประเมนิ กิจกรรมแนะแนวจากครทู ปี่ รกึ ษาให้ทันตามกำหนด และรวบรวมผลการประเมินส่งวชิ าการ 8.4.5 จัดทำ ปพ.8 (ระเบียนสะสม)นักเรียนระดับช้ัน ม.1 –ม.4 8.4.6 ตดิ ตามการกรอกข้อมูลในเอกสาร ปพ.8 ของครูที่ปรึกษาทุกคน 8.4.7 ให้บริการเกี่ยวกับทุนการศึกษาและกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาแก่นักเรียน ทีข่ าดแคลน 8.4.8 ให้บริการรบั ปรกึ ษา ให้คำแนะนำเกยี่ วกบั การศึกษาต่อ การประกอบอาชพี และ อื่นๆ 8.4.9 ติดต่อประสานงานกบั สถาบนั ระดบั อดุ มศึกษาเกยี่ วกบั การศึกษาต่อของนักเรียน 8.4.10 จัดทำข้อมลู เกย่ี วกบั การศกึ ษาต่อและการประกอบอาชีพของนักเรยี น 9. งานประกันคณุ ภาพการศึกษา 9.1 กำหนดมาตรฐานการศึกษาที่สอดคล้องตามมาตรฐานการศึกษาชาติ เอกลักษณ์ของ สถานศึกษา และมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานที่กระทรวงศึกษาประกาศใช้ พร้อมทั้งกำหนดค่า เปา้ หมายความสำเรจ็ ของแตล่ ะมาตรฐานและตวั บ่งช้ี และประกาศให้ผเู้ กยี่ วข้องไดร้ ับทราบ 9.2 รว่ มจดั ทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา (แผนพัฒนาการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน สถานศึกษา) ที่มุ่งเน้นคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาที่ผ่านการวิเคราะห์สภาพปญั หา ความต้องการจำเป็นของสถานศึกษา และระบุวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ ความสำเร็จของการ พัฒนา วิธีดำเนินงานที่มีหลักวิชาและผลการวิจัยรองรับ งบประมาณ และทรัพยากร รวมทั้งแหล่ง วิทยาการจากภายนอกที่ให้การสนับสนุนอย่างชัดเจน โดยมีบุคลากรของสถานศึกษาและผู้เรียนเป็น

คู่มอื ครูประกอบการปฏิบัติงานวชิ าการโรงเรยี นนารนี กุ ูล 18 ผู้รับผิดชอบและจัดแผนปฏิบัติการประจำปีเพื่อรองรับและดำเนินการ ทั้งนี้โดยการมีส่วนร่วมของ ผู้ปกครองและชุมชนโดยผา่ นความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน 9.3 จัดระบบบริหารงานที่มีโครงสร้างที่ชัดเจนและเอื้อต่อการพัฒนาระบบการประกัน คุณภาพภายใน และจัดทำระบบสารสนเทศที่มีฐานข้อมูลสารสนเทศที่เป็นปัจจุบันอย่างครบถ้วน ถูกตอ้ ง และเพยี งพอ และสามารถเขา้ ถึงไดอ้ ยา่ งสะดวก รวดเรว็ และปลอดภยั 9.4 รับผิดชอบและเกี่ยวข้องทุกฝ่ายดำเนินการตามแผนปฏิบัติการสู่การปฏิบัติอย่างมี ประสทิ ธภิ าพและเกดิ ประสทิ ธผิ ลสงู สดุ 9.5 จัดให้มีการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา เพื่อทราบความก้าวหน้าของการปฏิบัติ ตามแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา และรายงานพร้อมข้อเสนอแนะการเร่วรัดการพัฒนา คุณภาพการศึกษาให้ผู้ที่รับผิดชอบและผู้ที่เกี่ยวข้องนำไปประกอบการปรับปรุงพัฒนา และพร้อมรับ การตดิ ตามตรวจสอบคณุ ภาพการศกึ ษาจากหนว่ ยงานตน้ สังกัด 9.6 จัดให้มีการประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาโดยมี คณะกรรมการที่ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากหน่วยงานต้นสังกัดอย่างน้อย 1 คน โดยใชว้ ิธกี ารและเคร่ืองมือที่หลากหลาย และพร้อมรบั การประเมินคุณภาพภายในจากหน่วยงาน ตน้ สงั กดั 9.7 จัดทำรายงานประจำปี (SAR) เพื่อสะท้อนคุณภาพผู้เรียนและการบริการจัดการศึกษา ของผู้รับผิดชอบและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่นำไปสู่เป้าหมายที่สถานศึกษากำหนดไว้ในรอบปีเสนอต่อ หน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยผ่านความเห็นชอบของ คณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน 9.8 ส่งเสริมให้ครูและบุคลากรของสถานศึกษามีความรู้ ความเข้าใจ และนำไปปฏิบัติในการ พัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่องจนเป็นวัฒนธรรมองค์กร และนำผลการประเมินคุณภาพท้ัง ภายในและภายนอกไปใช้ในการวางแผนพฒั นาการจดั การศึกษาของสถานศึกษา 9.8.1 มาตรฐานการศึกษาขน้ั พื้นฐาน เพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศกึ ษา พ.ศ. ๒๕61 มจี ำนวน 3 มาตรฐาน คือ มาตรฐานท่ี ๑ คุณภาพของผเู้ รยี น ๑.๑ ผลสมั ฤทธิท์ างวิชาการของผ้เู รยี น ๑.๒ คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของผเู้ รยี น มาตรฐานท่ี ๒ กระบวนการบริหารและการจดั การ มาตรฐานท่ี ๓ กระบวนการจัดการเรียนการสอนท่เี นน้ ผเู้ รียนเปน็ สำคญั 9.8.2 บทบาทของครูผสู้ อนในการประกันคณุ ภาพภายใน บทบาทของครูผสู้ อนในการประกันคุณภาพภายใน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏบิ ัติของ หนว่ ยงาน ตน้ สงั กดั โรงเรยี นนารีนกุ ูลจงึ กำหนดระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา ดังน้ี

คูม่ อื ครูประกอบการปฏิบตั ิงานวชิ าการโรงเรยี นนารนี กุ ูล 19 ระบบงาน ขนั้ ตอนการทำงาน Plan (P) 1. จัดทำแบบบันทึกขอ้ ตกลงในการพฒั นางาน (PA) 2. ศกึ ษามาตรฐานและตัวช้ีวดั ตามหลกั สตู ร Do (D) 3. จัดทำแผนการจัดการเรยี นรู้ Check (C) 4. จัดทำสารสนเทศเพือ่ การเรยี นรู้ Act (A) 5. บรหิ ารจดั การชน้ั เรยี น 6. จัดการเรยี นรู้ 7. ตดิ ตามตรวจสอบการจัดการเรยี นรู้ 8. ประเมินผลการเรียนรู้ 9. รายงานผลการจดั การเรยี นรู้ 10. รายงานการพฒั นาตนเอง 11. พัฒนาการจัดการเรียนรูอ้ ยา่ งต่อเน่อื ง การประกันคณุ ภาพภายใน การวางแผน การปฏิบตั ิงาน การประเมนิ รายงานการ การทำงาน ของครู ตนเองของครู ประเมนิ ตนเอง ข้อมลู ป้อนกลบั 9.8.3 บทบาทของครูในการรับการตรวจสอบและประเมนิ จากภายนอก การประกันคุณภาพภายนอกเป็นงานที่ต่อเนื่องจากการประกันคุณภาพภายในซึ่งสถานศึกษา จะต้องจัดทำรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา (Self-Assessment Report : SAR) ทกุ ปกี ารศึกษา เพ่อื เสนอตอ่ หน่วยงานตน้ สังกดั ซง่ึ บทบาทของครูผูส้ อนในการรับการตรวจสอบและการ ประเมินคุณภาพจากภาย 4 ขอ้ ดังนี้ 1) จดั กระบวนการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรยี นร้เู พ่ือพัฒนาคณุ ภาพ การศกึ ษาตามศักยภาพผู้เรยี นรายบคุ คล และเพ่อื เปน็ การประกนั คุณภาพการเรยี นการสอนของครู รายบคุ คล ประกอบด้วยเอกสารดงั นี้ 1.1) วเิ คราะห์ผ้เู รยี นรายบุคคล ภาคเรียนละ 1 คร้ัง โดยดำเนินการก่อนการสอน 1.2) วิเคราะห์แบบทดสอบปลายภาคเรียน เพื่อวิเคราะห์ความสอดคล้องของ เนอ้ื หา และเพื่อวเิ คราะห์ความยากงา่ ยของแบบทดสอบที่จะใชใ้ นภาคเรียนปัจจบุ นั ดงั น้ี 1.2.1) ขอรบั ผลการวิเคราะห์แบบทดสอบจากงานวัดและประเมินผล 1.3) ครูผู้สอนร่วมกันวิเคราะหแ์ บบทดสอบดว้ ยการหาค่า p และ ค่า r แล้วเลือก ข้อที่ใช้ไดไ้ ปใช้ในการทดสอบในภาคเรยี นถดั ไป

คมู่ ือครูประกอบการปฏบิ ตั ิงานวิชาการโรงเรยี นนารนี ุกลู 20 1.3.1) กำหนดรูปแบบการวเิ คราะหแ์ บบทดสอบ (ตวั อยา่ งในส่วนท่ี 4) ดงั นี้ 1.3.2) แบบทดสอบข้อที่ 1 และตัวเลือกท้งั 4 ตวั เลอื ก 1.3.3) แบบทดสอบข้อที่ 1 ให้สรุปผลการวิเคราะห์ท้ายแบบทดสอบ และ ตวั เลือกทัง้ 4 ตวั เลือก ใหส้ รปุ ผลการวิเคราะห์ท้ายตัวเลือกทุกตวั เลือก 1.3.4) ปฏิบตั เิ หมอื นกันทุกข้อ 1.3.5) ครูผู้สอนจัดทำรายงานผลการวิเคราะห์แบบทดสอบและนำส่งตาม กำหนด 1.3.6) กรณีแบบทดสอบอัตนยั หรอื แบบทดสอบปฏิบตั ิ ปฏิบัตดิ ังนี้ 1) ครูผสู้ อนจดั ทำแบบทดสอบ 2) ครผู ูส้ อนนำแบบทดสอบ คำอธบิ ายรายวิชา และโครงสร้างรายวิชาไปให้ ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ( Index of item Objective Congruence : IOC) จำนวน 3 คน ขน้ึ ไปในการตรวจสอบโดยใหเ้ กณฑใ์ นการพิจารณาข้อคำถาม ดงั นี้ ใหค้ ะแนน +1 ถ้าแน่ใจว่าขอ้ คำถามวดั ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ ให้คะแนน 0 ถ้าไม่แนใ่ จวา่ ข้อคำถามวดั ได้ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ ให้คะแนน - 1 ถ้าแนใ่ จว่าข้อคำถามวดั ไดไ้ มต่ รงตามวตั ถุประสงค์ แล้วนำผลคะแนนท่ีไดจ้ ากผเู้ ช่ียวชาญมาคำนวณหาคา่ IOC ตามเกณฑด์ ังนี้ 3) ข้อคำถามที่มีค่า IOC ตั้งแต่ 0.51 – 1.00 มีค่าความเที่ยงตรง หรือใชไ้ ด้วตั ถุประสงค์ 4) ขอ้ คำถามที่มคี ่า IOC ต่ำกว่า 0.50 ต้องปรับปรุง หรือยังใช้ไม่ได้ 5) ครูผู้สอนจัดทำรายงานผลการวิเคราะห์แบบทดสอบและนำส่งตาม กำหนด 1.4) แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาที่สอนโดยมีการตรวจสอบความสมบูรณ์โดย หวั หนา้ กลมุ่ สาระ และผบู้ รหิ ารโรงเรยี น 1.5) การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) รายบุคคลร่วมกับครูเพื่อนคู่คิด (Buddy) ครูผู้ให้คำชี้แนะ(Mentor) หัวหน้ากลุ่ม สาระการเรียนรู้ (Mentor) และผู้บรหิ ารที่รบั ผดิ ชอบเพ่ือเป็นการดแู ลผเู้ รียนทุกคนอย่างเท่าเทียมกันใน ทุกช่วั โมงเรยี น 1.6) วัดและประเมินการจัดการเรียนรู้ตามศักยภาพผู้เรียนรายบุคคล โดยการวัด และประเมนิ อย่างหลากหลายตามสภาพจริง 1.7) จัดทำสมดุ บันทึกผลการเรียนรายบุคคล (ปพ.5) ทีเ่ ปน็ ปจั จุบันและสอดคล้อง กับระเบียบการวดั และประเมนิ ผลโรงเรียนนารีนุกลู 1.8) การบริหารจัดการชั้นเรียนให้มีคุณภาพโดยนำระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน 5 ขนั้ ตอนมาใช้ เพือ่ ประโยชนผ์ ้เู รียน 1.9) รายงานผลการเรยี นตามกำหนดเวลา 1.10) รายงานการประเมินตนเองรายบคุ คล 9.9 จัดทำแบบบันทึกข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา ทุกปีการศกึ ษา ใหส้ อดคลอ้ ง ดังนี้ 1) แผนพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาระดบั ชาติ

ค่มู อื ครูประกอบการปฏิบตั งิ านวชิ าการโรงเรียนนารนี กุ ลู 21 2) แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษากระทรวงศึกษาธกิ าร 3) แผนพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 4) แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาสำนักงานคณะกรเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา อบุ ลราชธานี อำนาจเจรญิ 5) ค่มู อื ครู นักเรียน และผูป้ กครองโรงเรียนนารีนุกลู 6) คูม่ ือการปฏบิ ตั งิ านตามโครงสร้างการบรหิ ารโรงเรยี นนารนี ุกลู ปีการศกึ ษา 7) ค่มู ือครูประกอบการปฏิบตั ิงานวิชาการ กลมุ่ บรหิ ารวชิ าการโรงเรยี นนารนี กุ ลู 8) คู่มือครกู ารสร้างชุมชนแห่งการเรยี นรู้ (Professional Learning Community : PLC) รว่ มรับการตรวจเยย่ี มของผู้ประเมินจากภายนอก 1) จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องด้านครูผู้สอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ และกลุ่มงาน ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 2) จัดเตรยี มการเรยี นการสอนใหส้ อดคลอ้ งกบั แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ีรบั ผิดชอบ 3) ร่วมระดมความคิดเหน็ เพ่ือพฒั นากระบวนการปฏิบัตงิ านในสถานศึกษา 4) ใหก้ ารต้อนรับทุกภาคสว่ นท่ีเกยี่ วข้องดว้ ยกลั ยาณมติ รท่ดี ี รับข้อเสนอแนะจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) องค์การมหาชน มาดำเนนิ การให้มกี ารปรบั ปรงุ แกไ้ ข 1) บทบาทของครูในการประกันคุณภาพภายนอกจึงมีความสัมพันธ์กับบทบาทของครู ในการประกนั คุณภาพภายใน ดังแผนภูมติ ่อไปน้ี การประกันคณุ ภาพภายใน รายงานการ การประเมินคุณภาพภายนอก ประเมินตนเอง การ การ การประเมิน และร่วมทำ รบั การ รบั ขอ้ เสนอแนะ รายงานผล วางแผน ปฏิบตั ิงาน ตนเองของครู รายงานพฒั นา ตรวจเยย่ี ม จากรายงาน การปรบั ปรุง การทำงาน ของครู ผลการประเมิน คณุ ภาพ แก้ไข สถานศกึ ษา ข้อมูลปอ้ นกลบั ขอ้ มลู ยอ้ นกลับ 2) บทบาทของครูในการประกนั คุณภาพภายใน คือ การประกันคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ประกอบดว้ ย บทบาทหน้าท่ี 4 ประการ คือ 2.1) การวางแผนการปฏิบตั ิงาน 2.2) การปฏิบัติงานตามภาระงานที่ได้รับมอบหมายตามคำสั่งแม่บทของโรงเรียน ในปีการศึกษานั้น ๆ อย่างเป็นระบบ ตรวจสอบ และมีคุณภาพตามที่กำหนดโดยส่งเสริมการมีส่วนร่วม และผทู้ ี่เกย่ี วข้องทุกภาคส่วน 2.3) การประเมินผลการปฏบิ ัติงานรายบุคคลทุกภาคเรียน 2.4) การรายงานผลการประเมนิ ตนเองรายบุคคล

คู่มือครูประกอบการปฏิบตั ิงานวชิ าการโรงเรยี นนารีนุกลู 22 3) บทบาทของครูในการประกันคุณภาพภายนอก เป็นบทบาทที่ต่อเนื่องจากการประกัน คณุ ภาพภายใน อีก 3 ประการ คือ 3.1) รว่ มจัดทำรายงานพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา 3.2) รับการตรวจเย่ียมของผูป้ ระเมนิ ภายนอก 3.3) รบั ข้อเสนอแนะจากผปู้ ระเมนิ ภายนอกมาดำเนินการใหม้ ีการปรับปรุงแก้ไข ในช้นั เรียน 10. งานรบั นักเรยี น 10.1 วางแผนและกำหนดแผนการรับนักเรียนรายปีโดยวิเคราะห์ข้อมูลจากบริบทและ นโยบายตน้ สงั กัด และวางแผนกำหนดแผนการรบั นักเรียนล่วงหนา้ 3 ปกี ารศกึ ษา 10.2 ประชาสัมพนั ธ์ และสร้างความเขา้ ใจใหค้ รู นกั เรียน ผปู้ กครอง ชุมชน และผทู้ ่ีเก่ยี วขอ้ ง ทราบอยา่ งชดั เจนในการรับนักเรียนของทุกปกี ารศึกษา 10.3 จดั ทำเอกสารการรับสมคั รประกอบใบสมัคร และคู่มือการสมคั รนกั เรียน 10.4 รบั สมัครนักเรียน โดยที่สนใจมาสมคั รเรยี นอย่างท่วั ถึงและเปน็ ธรรม 10.5 วางแผนดำเนินการคดั เลอื กนกั เรยี น และจัดทำขอ้ สอบเพื่อคัดเลือกนักเรยี น 10.6 ประกาศผลสอบ รบั รายงานตัว และรบั มอบตัวนักเรียน 10.7 วางแผนเตรียมการและรับมอบตวั นกั เรียนใหเ้ สรจ็ สิ้น 10.8 เกบ็ เอกสารรบั มอบตวั นักเรยี นใหเ้ ปน็ ระบบและปลอดภัย 10.9 จัดนักเรียนเข้าชั้นเรยี นตามความเหมาะสมและถูกต้องตามแผนการรับนักเรียน 10.10 สรุปผลการดำเนนิ งานเพื่อนำข้อมูลมาปรับปรงุ พฒั นา 11. งาน IS 11.1 ศึกษาหลกั สูตรสาระเทยี บเคียงมาตรฐานสากล รายวชิ าการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ ความรู้ (IS1) และรายวิชาการสอื่ สารและการนำเสนอ (IS2) 11.2 กำหนดสาระสำคัญและผลการเรียนรู้ ตารางวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ คำอธิบายรายวิชา โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ การออกแบบหนว่ ยการเรียนรู้ และแผนการจดั การเรียนรู้ 11.3 จดั ดำเนนิ กิจกรรมตามโครงการพัฒนาการเรียนการสอนรายวิชา IS 11.4 จดั การเรียนการสอน การวัดและประเมินผล ในระดับช้ันทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย 12. งานการสร้างชุมชนแหง่ การเรียนรูท้ างวิชาชีพ 12.1 ศกึ ษาแนวทางการดำเนนิ งานการสรา้ งชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ทางวชิ าชพี (PLC) 12.2 กำหนดแนวทางการดำเนินงานโดยใชร้ ปู แบบการศึกษาผ่านบทเรยี น (Lesson Study) 12.3 พฒั นาครูและบุคลากรให้มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจในการดำเนินงาน 12.4 ร่วมกันวางแผนการดำเนินงาน กำกับ ตดิ ตาม และประเมินการดำเนนิ งาน 12.5 จัดแสดงผลงานและเวทีแลกเปลย่ี นเรียนรูก้ ารสร้างชุมชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวชิ าชีพ (PLC Symposium) ภาคเรียนละ 1 ครงั้ 13. งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ๑3.๑ จดั ทำแผนงานกจิ กรรมงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน ตามแผนปฏบิ ตั ริ าชการประจำปี ๑3.๒ จัดทำปฏทิ ินการดำเนินงาน งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น

คมู่ อื ครูประกอบการปฏิบัติงานวิชาการโรงเรยี นนารนี กุ ูล 23 ๑3.๓ วางแผน กำกับ ติดตาม การดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ๑3.๔ ดำเนินงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นตามองคป์ ระกอบทั้ง 5 องคป์ ระกอบดงั นี้ 13.๔.๑ องคป์ ระกอบท่ี ๑ การจัดทำป้ายช่ือพรรณไม้ 13.๔.๒ องคป์ ระกอบท่ี ๒ การรวบรวมพรรณไม้เขา้ มาปลูกในโรงเรยี น 13.๔.๓ องค์ประกอบที่ ๓ การศกึ ษาด้านข้อมลู ต่างๆ 13.๔.๔ องคป์ ระกอบท่ี ๔ การรายงานผลการเรยี นรู้ 13.๔.๕ องคป์ ระกอบท่ี ๕ การนำไปใชเ้ พ่ือประโยชน์ทางการศกึ ษา 13.5 ดำเนินการจดั ทำแหล่งเรียนรู้ จัดนิทรรศการแสดงผลงาน งานสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรียน 13.6 รายงานผลการดำเนนิ งานให้ฝา่ ยบริหารทราบ 13.๗ รายงานผลการดำเนนิ งานให้ อพ.สธ. ทราบ ปกี ารศึกษาละ 1 ครง้ั 14. งานการศกึ ษาทางไกลและ ICT 14.1 สนบั สนุนส่อื วสั ดุ อุปกรณ์ เพื่อใหม้ คี วามพร้อมในการดำเนนิ งานตามความเหมาะสม 14.2 ประชุม วางแผนดำเนินงาน ส่งเสริม สนับสนุน ให้ครูทุกคนได้นำเอาแนวทางการจัด การศกึ ษาทางไกล ผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศไปใชใ้ นการจัดการเรยี นรใู้ ห้กบั นกั เรียน 14.3 ปรับปรงุ หน้าเวบ็ ไซต์ของโรงเรียนโดยให้เชือ่ มโยงกับระดับต่างๆ และมีช่องสอื่ ของ โรงเรยี นเอง 14.4 สนับสนนุ สร้างเครอื ข่ายให้กับครแู ละนักเรยี นไดแ้ ลกเปล่ยี นเรยี นรู้ อยา่ งหลากหลาย และเหมาะสม 14.5 กำกบั ตดิ ตามและรายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานให้สำนักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษามธั ยมศกึ ษาอุบลราชธานี อำนาจเจรญิ ทราบทกุ วันที่ 30 ของทุกเดอื น 14.6 สง่ เสรมิ การนำนวตั กรรมและเทคโนโลยีมาใชใ้ นการดำเนินงานทางวชิ าการ 14.7 จัดทำระเบยี บ แนวปฏิบตั ใิ นการนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงานทาง วิชาการ 14.8 พัฒนาระบบการใช้เครือข่ายการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนนิ งาน ทางวิชาการ 14.9 ประเมินผลและนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงานทางวิชาการและนำผล การประเมินไปใช้ปรบั ปรุงพัฒนาการจดั ครเู ข้าสอน

คูม่ ือครูประกอบการปฏบิ ัติงานวชิ าการโรงเรียนนารนี ุกูล 24 ประกาศมาตรฐานการศกึ ษาระดับการศึกษาข้นั พื้นฐาน เพือ่ การประกันคณุ ภาพภายในของสถานศกึ ษา ประกาศโรงเรยี นนารีนกุ ลู เร่ือง การใช้มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ระดับการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน เพอ่ื การประกนั คุณภาพภายในของสถานศกึ ษา .......................................... โดยที่มีการประกาศใช้กฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพ การศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ปรับปรุงใหม่ ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การให้ใช้มาตรฐาน การศึกษาข้นั พนื้ ฐาน เพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศกึ ษา ประกาศคณะกรรมการการประกัน คุณภาพภายในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการประกัน คุณภาพภายในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน นโยบายการปฏิรูปการศึกษา ในทศวรรษที่สอง ที่กำหนด เป้าหมายและยุทธศาสตร์อย่างชัดเจนในการพัฒนาคุณภาพคนไทยและการศึกษาไทยในอนาคต รวมทั้งอัตลักษณ์และจุดเน้นของสถานศึกษา โรงเรียนนารีนุกูลจึงปรับมาตรฐานการศึกษาของ สถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง ทั้งบุคลากรทุกคนในโรงเรียน ผู้ปกครองและประชาชนในชุมชน ให้ เหมาะสมและสอดคล้องกัน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการศึกษาการประเมินคุณภาพ ภายใน และเพอื่ รองรบั การประเมนิ คณุ ภาพมาตรฐานภายนอก โรงเรยี นนารีนกุ ลู จึงประกาศใช้มาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา ระดบั การศึกษาขน้ั พื้นฐาน ปีการศึกษา 2565 ตามเอกสารแนบทา้ ยประกาศนี้ เพอ่ื เป็นเป้าหมายในการพฒั นาคุณภาพและ มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ระดบั การศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน และการประเมนิ คุณภาพภายใน ประกาศ ณ วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2565 (นายดรุ ยิ ะ จันทรป์ ระจำ) ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นนารีนุกูล

คู่มอื ครูประกอบการปฏบิ ัติงานวิชาการโรงเรียนนารนี ุกูล 25 3.4 มาตรฐานการศกึ ษาโรงเรียนนารนี ุกูล มีจำนวน 3 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานท่ี 1 คณุ ภาพของผูเ้ รยี น 1.1 ผลสัมฤทธิท์ างวิชาการของผเู้ รยี น 1) มคี วามสามารถในการอา่ น การเขยี น การส่ือสาร และการคิดคำนวณ 2) มคี วามสามารถในการคดิ วิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ อภิปรายแลกเปล่ียน ความคิดเหน็ และแกป้ ัญหา 3) มคี วามสามารถในการสร้างนวตั กรรม 4) มคี วามสามารถในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร 5) มผี ลสัมฤทธิท์ างการเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา 6) มคี วามรู้ ทกั ษะพื้นฐาน และเจตคติทีด่ ตี ่องานอาชพี 1.2 คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงคข์ องผเู้ รยี น 1) การมีคุณลักษณะและค่านิยมทดี่ ีตามท่ีสถานศกึ ษากำหนด 2) ความภมู ิใจในท้องถนิ่ และความเป็นไทย 3) การยอมรบั ท่จี ะอยูร่ ว่ มกันบนความแตกต่างและหลากหลาย 4) สขุ ภาวะทางรา่ งกาย และจติ สังคม มาตรฐานท่ี 2 กระบวนการบรหิ ารและการจัดการ 2.1 มีเปา้ หมายวสิ ัยทัศน์และพนั ธกจิ ที่สถานศึกษากำหนดชัดเจน 2.2 มีระบบบริหารจดั การคุณภาพของสถานศกึ ษา 2.3 ดำเนินงานพัฒนาวชิ าการที่เนน้ คุณภาพผู้เรยี นรอบด้านตามหลกั สูตรสถานศกึ ษา และทุกกลมุ่ เป้าหมาย 2.4 พฒั นาครแู ละบคุ ลากรใหม้ คี วามเชีย่ วชาญทางวิชาชพี 2.5 จดั สภาพแวดล้อมทางกายภาพและสงั คมท่เี อ้ือต่อการจดั การเรยี นรอู้ ย่างมีคุณภาพ 2.6 จัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนนุ การบรหิ ารจดั การและการจดั การเรียนรู้ มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนทีเ่ นน้ ผูเ้ รียนเปน็ สำคญั 3.1 จดั การเรยี นรู้ผ่านกระบวนการคิดและปฏิบตั ิจริง และสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ใน ชีวติ ได้ 3.2 ใชส้ ่อื เทคโนโลยสี ารสนเทศและแหล่งเรียนรู้ท่ีเออ้ื ต่อการเรียนรู้ 3.3 มกี ารบรหิ ารจดั การช้ันเรยี นเชงิ บวก 3.4 ตรวจสอบและประเมินผเู้ รยี นอยา่ งเปน็ ระบบและนำผลมาพฒั นาผ้เู รียน 3.5 มกี ารแลกเปลีย่ นเรียนรูแ้ ละใหข้ ้อมูลสะทอ้ นกลบั เพ่ือพัฒนาและปรับปรุงการจดั การ เรียนรู้

คมู่ อื ครูประกอบการปฏบิ ตั งิ านวิชาการโรงเรียนนารีนุกลู 26 ประกาศการกำหนดค่าเป้าหมายเพือ่ ประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ประกาศโรงเรยี นนารนี กุ ูล เรอื่ ง การกำหนดค่าเป้าหมายตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา ปีการศึกษา 2565 ระดับการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐานเพ่ือการประกนั คุณภาพภายในของสถานศึกษา โดยที่มีการประกาศใช้กฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพ การศึกษา พ.ศ. 2553 ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่อื ง ให้ใช้มาตรฐานการศึกษาขน้ั พืน้ ฐานเพ่ือการ ประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา ประกาศคณะกรรมการประกันคุณภาพภายในระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการประกันคุณภาพภายในระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน นโยบายการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองที่กำหนดเป้าหมายและยุทธศาสตร์อย่าง ชัดเจนในการพัฒนาคุณภาพคนไทยและการศึกษาไทยในอนาคต รวมทั้งอัตลักษณ์และจุดเน้นของสาน ศึกษา โรงเรียนนารีนกุ ูล จึงปรับมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและได้ กำหนดค่าเป้าหมายของการพฒั นาตามมาตรฐานการศึกษา ปีการศึกษา 2565 โดยความเหน็ ชอบของ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง ทั้งบุคลากรทุกคนในโรงเรียน ผู้ปกครอง และประชาขนในชุมชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา การประเมิน คณุ ภาพภายในและเพ่ือรองรับการประเมินคุณภาพภายนอก เพื่อให้การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของโรงเรียนนารีนุกูล มีคุณภาพและได้ มาตรฐาน โรงเรียนจึงได้กำหนดค่าเป้าหมายการพัฒนาตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ปีการศึกษา 2565 ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้ เพื่อเป็นเป้าหมายใน การพฒั นา คณุ ภาพและมาตรฐานการศึกษา ระดบั การศึกษาขน้ั พ้ืนฐานและการประเมินคุณภาพภายใน ประกาศ ณ วนั ท่ี 10 มถิ ุนายน พ.ศ. 2565 (นายดรุ ยิ ะ จันทรป์ ระจำ) ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นนารนี กุ ูล

คมู่ ือครูประกอบการปฏิบตั ิงานวิชาการโรงเรียนนารีนกุ ูล 27 ประกาศค่าเป้าหมาย แนบท้ายประกาศโรงเรียนนารีนุกลู 2565 เรอ่ื ง การกำหนดคา่ เป้าหมายตามมาตรฐาน ประเด็นพิจารณาคุณภาพการศกึ ษา สถานศึกษา ระดบั การศึกษาขน้ั พ้ืนฐานเพื่อประกนั คณุ ภาพการศึกษา 3 มาตรฐาน 21 ตวั ชี้วัด ปีการศกึ ษา 2565 มาตรฐาน ค่าเป้าหมาย (ระดบั คุณภาพ) มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผ้เู รียน ยอดเยยี่ ม (ระดบั 5) 1.1 ผลสัมฤทธทิ์ างวชิ าการของผูเ้ รยี น (6 ตวั ชว้ี ดั ) ยอดเย่ียม (ระดบั 5) 1.2 คุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ของผู้เรยี น (4 ตัวชีว้ ดั ) มาตรฐานท่ี 2 กระบวนการบรหิ ารและการจดั การ (6 ตัวชี้วัด) มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจดั การเรียนการสอนท่ีเนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั (5 ตัวช้วี ัด) ยอดเยยี่ ม (ระดับ5) รายละเอยี ดค่าเปา้ หมาย ตามมาตรฐานการศึกษา 3 มาตรฐาน และ 21 ตัวชี้วดั ปกี ารศึกษา 2565 มาตรฐาน คา่ เปา้ หมาย ปรมิ าณ(%) คณุ ภาพ มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผ้เู รียน ((93.5)) ((ยอดเย่ียม)) 1.1 ผลสมั ฤทธท์ิ างวิชาการของผเู้ รียน (89) (ยอดเยี่ยม) 1) มคี วามสามารถในการอา่ น การเขยี น การสอื่ สาร และการคดิ คำนวณ 85 ยอดเยย่ี ม 2) มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ คิดอยา่ งมีวิจารณญาณ อภปิ ราย 93 ยอดเยี่ยม แลกเปลยี่ นความคิดเหน็ และแกป้ ญั หา 3) มีความสามารถในการสร้างนวตั กรรม 93 ยอดเยีย่ ม 4) มีความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร 97 ยอดเยย่ี ม 5) มีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา 70 ยอดเยี่ยม 6) มีความรู้ ทกั ษะพื้นฐาน และเจตคติท่ีดีตอ่ งานอาชีพ 96 ยอดเยยี่ ม 1.2 คณุ ลักษณะที่พึงประสงคข์ องผูเ้ รยี น (98) (ยอดเยย่ี ม) 1) การมคี ณุ ลักษณะและคา่ นิยมทีด่ ตี ามทีส่ ถานศึกษากำหนด 98 ยอดเยี่ยม 2) ความภูมใิ จในทอ้ งถนิ่ และความเป็นไทย 98 ยอดเยี่ยม 3) การยอมรับทจ่ี ะอยู่ร่วมกันบนความแตกตา่ งและหลากหลาย 98 ยอดเยี่ยม 4) สขุ ภาวะทางร่างกาย และจติ สงั คม 98 ยอดเยย่ี ม มาตรฐานท่ี 2 กระบวนการบรหิ ารและการจัดการ (94) (ยอดเยยี่ ม) 2.1 มีเป้าหมายวสิ ัยทศั น์และพนั ธกจิ ทสี่ ถานศึกษากำหนดชดั เจน 100 ยอดเยย่ี ม 2.2 มรี ะบบบรหิ ารจดั การคุณภาพของสถานศกึ ษา 100 ยอดเยยี่ ม 2.3 ดำเนนิ งานพฒั นาวิชาการทเี่ นน้ คณุ ภาพผ้เู รียนรอบด้านตามหลักสตู ร 95 ยอดเยี่ยม สถานศกึ ษาและทกุ กล่มุ เปา้ หมาย 2.4 พัฒนาครแู ละบคุ ลากรให้มคี วามเชีย่ วชาญทางวิชาชพี 90 ยอดเยย่ี ม

คมู่ ือครูประกอบการปฏบิ ตั ิงานวชิ าการโรงเรยี นนารีนกุ ลู 28 มาตรฐาน ค่าเป้าหมาย ปริมาณ(%) คุณภาพ 2.5 จัดสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสังคมที่เอ้ือตอ่ การจดั การเรยี นรู้ อยา่ งมีคุณภาพ 90 ยอดเยี่ยม 2.6 จดั ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนบั สนนุ การบรหิ ารจดั การและการ 90 ยอดเยี่ยม จดั การเรยี นรู้ มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจดั การเรียนการสอนที่เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั (96) (ยอดเย่ยี ม) 3.1 จัดการเรยี นรผู้ ่านกระบวนการคดิ และปฏิบัติจรงิ และสามารถนำไป 93 ยอดเยย่ี ม ประยุกต์ใช้ในชีวิตได้ 3.2 ใช้สอ่ื เทคโนโลยสี ารสนเทศและแหลง่ เรียนรู้ที่เอ้อื ต่อการเรยี นรู้ 98 ยอดเยีย่ ม 3.3 มกี ารบริหารจดั การชนั้ เรียนเชิงบวก 100 ยอดเยี่ยม 3.4 ตรวจสอบและประเมินผู้เรียนอย่างเปน็ ระบบและนำผลมาพฒั นา 90 ยอดเยย่ี ม ผูเ้ รียน 3.5 มีการแลกเปล่ียนเรียนรแู้ ละให้ข้อมูลสะทอ้ นกลับเพ่ือพัฒนาและ 100 ยอดเยี่ยม ปรบั ปรุงการจดั การเรียนรู้ ภาระงานกลมุ่ สาระการเรยี นรเู้ พือ่ รองรับการยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน 1. กำหนดแผนจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ร่วมกับครูภายในกลุ่มสาระโดยจัดทำเป็นปฏิทินปฏิบัติงาน เปน็ รายสปั ดาห์ รายเดอื น รายภาค หรอื รายปีการศึกษา ให้สอดคลอ้ งกบั หลักสูตรสถานศึกษา 2. สำรวจหนังสือแบบเรียน หนังสืออ่านประกอบ ปรับปรุงอุปกรณ์การเรียนการสอน วิธีการ สอน และการจัดกจิ กรรมเสรมิ หลกั สตู รที่สำคัญสำหรับกลุ่มสาระการเรยี นร้นู ัน้ ๆ 3. ดูแลและควบคุมการเรียนการสอนในกลุ่มสาระที่ตนรับผิดชอบใหเ้ ปน็ ไปตามแผนจัดกิจกรรม การเรียนรู้และหลกั สตู รสถานศึกษา 4. จดั ครภู ายในกลุม่ สาระเข้าสอนแทนในกรณีครูประจำสาระภายในกลมุ่ ไมส่ ามารถดำเนินการ เรียนการสอนได้ 5. จัดประชมุ ครภู ายในกลุ่มสาระอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครัง้ เพ่อื รับฟงั ใหค้ ำเสนอแนะ ในการ ปรกึ ษาหรือช่วยแก้ไขปญั หาทางวชิ าการ 6. จดั ทำข้อสอบวดั ผลระหว่างภาคเรียนหรอื ปลายภาคเรียนให้เปน็ ไปตามระเบยี บการวดั ผล และประเมนิ ผลของสถานศึกษา 7. ประเมนิ ผลการเรยี นการสอนภายในกลมุ่ สาระ สรุปรายงานการปฏบิ ตั ิงานและนำเสนอ ขอ้ คิดเหน็ ของครภู ายในกลมุ่ สาระตอ่ ผู้อำนวยการ หรือผูท้ ี่ผู้อำนวยการมอบหมาย 8. จัดนทิ รรศการ กิจกรรมเสริมหลกั สตู ร โครงการประจำกลมุ่ สาระ เพือ่ ชว่ ยให้นกั เรียนเกิด ทักษะประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถในเน้อื หากลมุ่ สาระเพ่ิมข้ึน 9. สง่ เสรมิ ครูภายในกล่มุ สาระให้มีโอกาสพฒั นาตนเองให้มีความรูค้ วามสามารถเพม่ิ ข้นึ 10. ควบคุมดูแลการวัดและประเมินผลให้เป็นไปตามระเบียบการวัดและประเมินผล จุดมุ่งหมายของ การเรยี นการสอนรายสาระนั้นๆ และรวบรวมสถิตผิ ลการสอบของนักเรียนไวเ้ ป็นหลักฐาน

คมู่ อื ครูประกอบการปฏบิ ัติงานวชิ าการโรงเรียนนารนี ุกลู 29 11. ประเมินผลงานของรายสาระการเรียนรใู้ นกลมุ่ สาระ สรปุ รายงานการปฏบิ ตั งิ านนำเสนอ ขอ้ คิดเหน็ ของครใู นกลุม่ สาระการเรียนรู้ใหผ้ อู้ ำนวยการทราบ 12. ตรวจ วเิ คราะห์ เสนอแนะ ขอ้ สอบ ของครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้ให้ตรงกบั ตวั ช้ีวดั หรอื ผล การเรยี นรู้ 13. รักษาคณุ ภาพและมาตรฐานทางวิชาการของกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ 14. เรียกตรวจ ปพ.๕ และรวบรวมส่งรองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ ภาคเรียน ละ 2 ครั้ง ตามปฏิทนิ ปฏิบัติงาน 15. รบั ผดิ ชอบในการจัดทำข้อสอบ การวดั และประเมนิ ผล และแบบรายงานตา่ งๆ เก่ียวกับการ วดั และประเมินผล 16. รวบรวมและจดั ทำแผนประเมินผลรายสาระส่งหัวหน้างานวดั และประเมินผลการศึกษาหลัง สิ้นสุดภาคเรียน 17. พจิ ารณาความดีความชอบและเก็บขอ้ มูลครใู นกลุ่มสาระการเรยี นรู้ 18. พัฒนางานวิชาการในกลุ่มสาระการเรียนรู้ให้มีความก้าวหน้า เหมาะสม และสอดคล้องกับ หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ และทีแ่ ก้ไขเพ่มิ เติม พ.ศ.2560 19. สง่ เสรมิ การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวชิ าการ (การประกวด แข่งขนั ต่างๆ) 20. รว่ มวางแผน จดั ทำแผน และดำเนนิ งานตามแผนใหเ้ ปน็ ไปดว้ ยความเรียบร้อย 21. นเิ ทศครูผู้สอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ 22. เสนอผลการปฏบิ ตั งิ านของครใู นกลุ่มสาระการเรยี นรตู้ ่อผู้อำนวยการโรงเรยี น 23. จดั ทำ SAR กลุ่มสาระการเรยี นรู้ 24. ปฏิบตั ิงานอืน่ ๆ ตามท่ไี ดร้ ับมอบหมาย

ค่มู ือครปู ระกอบการปฏบิ ัตงิ านวชิ าการโรงเรยี นนารนี กุ ูล 30 สว่ นที่ 3 แนวทางการจดั กระบวนการเรยี นการสอนและการจัดทำเอกสารประกอบการเรยี นการสอนของครูผสู้ อน บทบาทและภาระงานของครผู ูส้ อนโรงเรยี นนารนี กุ ูล บทบาทของผู้สอนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน : 2551) และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2560 โรงเรียนนารีนุกูลกำหนด บทบาท หน้าท่ีและความรับผดิ ชอบของครูผ้สู อน ดังนี้ ๑. ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคลแล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการจัดการเรียนรู้ ทที่ า้ ทายความสามารถของผู้เรยี น 1.1 วัตถปุ ระสงคก์ ารวิเคราะห์ผเู้ รยี น 1.1.1 เพื่อศกึ ษาวเิ คราะหแ์ ละแยกแยะความพร้อมของผ้เู รยี นในแตล่ ะด้านเปน็ รายบคุ คล 1.1.2 เพื่อให้ครูผู้สอนรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลและหาวิธีการทางช่วยเหลือผู้เรียนที่มีข้อ บกพร่องใหม้ คี วามพร้อมในการเรยี นทุกรายวิชา 1.1.3 เพื่อให้ผู้สอนได้จัดเตรียมการสอน สื่อ หรือนวัตกรรม สำหรับดำเนินการจัดการเรียนรู้ แก่ผเู้ รยี นได้สอดคลอ้ งเหมาะสมตรงตามความต้องการและศกั ยภาพรายบคุ คลของผ้เู รียน 1.2 แนวทางการสรา้ งเคร่ืองมอื เพื่อวิเคราะหผ์ ้เู รียน การสรา้ งเคร่ืองมือสำหรับนำมาทดสอบหรือตรวจสอบผู้เรยี นเพื่อใช้เป็นข้อมลู สำหรับวิเคราะห์ ผู้เรียนถือเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นและมีความสำคัญ ซึ่งสามารถทำได้หลายแนวทางแต่ในที่นี้ สามารถเลือก ปฏิบตั ิได้ 3 วิธี ดังนี้ 1.2.1 ใช้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาของนักเรียนรายบุคคลที่นักเรียนเรยี นมาภาคเรียน ทีผ่ ่านมาวิเคราะห์รายบคุ คลตามกลมุ่ สาระที่รบั ผิดชอบ โดยใชเ้ กณฑ์ดงั นี้ ผลการเรยี นรายวชิ า 3.0 - 4.0 กลุ่มเกง่ ผลการเรียนรายวชิ า 1.5 - 2.5 กลมุ่ ปานกลาง ผลการเรยี นรายวชิ า 0 - 1 กลุม่ ออ่ น 1.2.2 ประเมินจากการทำแบบทดสอบปรนัย โดยใชเ้ กณฑ์ ดังนี้ ทำข้อสอบได้รอ้ ยละ 70 ขึน้ ไป ไดร้ ะดบั ดี กลุ่มเกง่ ทำขอ้ สอบไดร้ อ้ ยละ 55 - 69 ขึ้นไป ไดร้ ะดับปานกลาง กลุ่มปานกลาง ทำขอ้ สอบได้ตำ่ กวา่ ร้อยละ 0 – 54 ตอ้ งปรบั ปรงุ แกไ้ ข กลมุ่ ออ่ น 1.2.3 ประเมินก่อนเรียนโดยสอบปฏิบัติในรายวิชาปฏิบัติ โดยมีการกำหนดเกณฑ์ที่ชัดเจน ตามแนวทางการวัดและประเมินผลผเู้ รียน การดำเนินการแยกข้อมลู นักเรียนเป็นรายบุคคลในแต่ละด้าน แล้วนำมากรอกข้อมูลลงในแบบ วิเคราะห์ผเู้ รียนรายบุคคล จากน้ันได้ประมวลผลขอ้ มูลสรุปกรอกลงในแบบสรปุ ผลการวเิ คราะหผ์ ูเ้ รยี น เม่ือไดข้ ้อสรุปแลว้ นำไปกำหนดแนวทางในการแก้ไขนักเรยี นทคี่ วรปรับปรงุ เรอื่ งต่าง ๆ ในแต่ละดา้ นตามแบบท่ี กำหนดให้ ใน ส่วนท่ี 4

คูม่ อื ครปู ระกอบการปฏบิ ัตงิ านวิชาการโรงเรียนนารีนุกลู 31 2. กำหนดเปา้ หมายทีต่ อ้ งการใหเ้ กิดขน้ึ กับผเู้ รียน ด้านความรู้ และทักษะกระบวนการ ทีเ่ ป็น ความคิดรวบยอด หลกั การ และความสัมพนั ธ์ รวมทั้งคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ การกำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้ และทักษะกระบวนการ ที่เป็น ความคิดรวบยอด หลักการ และความสัมพันธ์ รวมทั้งคุณลักษณะอันพึงประสงค์ กำหนดให้ครูผู้สอนได้ วางเป้าหมายการจัดการเรียนการสอนในทุกชั่วโมงโดยการปลูกฝังให้ผู้เรียนทุกคนได้มีคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ มีคุณลักษณะตามคา่ นยิ มคนไทย 12 ประการ และส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนมีสมรรถนะสำคัญ เพื่อนำใช้ ในการชีวิตประจำวัน โดยกำหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ทุกแผนการจัดการเรียนรู้โดยกำหนดให้ครูได้มีการ พัฒนาผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำหนดจุดหมายของหลักสูตรคุณลักษณะอันพึงประสงค์และสมรรถนสำคัญของผู้เรียน เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้ สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษา พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และเอกสารหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เติม พทุ ธศักราช 2560 ไวด้ ังน้ี 2.1 จดุ หมายหลักสูตร 2.1.๑ มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมท่ีพึงประสงค์ เห็นคุณคา่ ของตนเอง มวี ินัยและ ปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาที่ตนนับถอื ยดึ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 2.1.๒ มีความร้อู นั เปน็ สากลและมคี วามสามารถในการส่ือสาร การคดิ การแก้ปัญหา การใช้ เทคโนโลยแี ละมีทักษะชวี ิต 2.1.๓ มีสุขภาพกายและสขุ ภาพจติ ทดี่ ี มสี ุขนิสยั และรักการออกกำลังกาย 2.1.๔ มคี วามรักชาติ มีจิตสำนกึ ในความเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ยดึ มั่นในวถิ ีชีวิตและการ ปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข 2.1.๕ มจี ติ สำนกึ ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทย การอนรุ กั ษ์และพัฒนา สิง่ แวดล้อมมจี ิตสาธารณะท่ีมุ่งทำประโยชน์และสร้างสงิ่ ที่ดีงามในสงั คม และอยรู่ ว่ มกันในสงั คมอย่างมคี วามสขุ 2.2 การกำหนดเป้าหมายให้ครอบคลุม ดงั น้ี 2.2.1 คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ (กลุ่มสาระการเรียนรู้ทางสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม) 2) ซื่อสัตย์สจุ รติ (งานหอ้ งเรยี นพิเศษ) 3) มวี นิ ยั (กลมุ่ สาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาและพลศึกษา) 4) ใฝ่เรียนรู้ (กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศและงาน IS) 5) อยู่อยา่ งพอเพยี ง (กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย) 6) มงุ่ ม่นั ในการทำงาน (กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์และการงานอาชพี ) 7) รักความเป็นไทย (กลุ่มสาระการเรียนรศู้ ลิ ปะ) 8) มีจิตสาธารณะ (กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และงานแนะแนว)

ค่มู ือครูประกอบการปฏิบตั ิงานวิชาการโรงเรยี นนารนี กุ ลู 32 อนึ่งเพื่อใหส้ อดคล้องกบั การประกันคุณภาพศกึ ษาโรงเรียนมอบหมายให้กลุ่มสาระการเรียนรู้ และโปรแกรมนานาชาติท่ีรบั ผิดชอบแตล่ ะข้อไดอ้ อกแบบและจัดทำเคร่ืองมือในการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เกบ็ รวบรวมข้อมูลและสารสนเทศอยา่ งเป็นระบบตรวจสอบได้ และรายงานผลเมื่อสิ้นปกี ารศกึ ษา 2.2.2 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 1) ความสามารถในการสือ่ สาร กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 2) ความสามารถในการคิด กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์และหอ้ งเรยี นพเิ ศษ 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและ หอ้ งเรยี นพิเศษ 4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต กลุม่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม การงานอาชีพ, สุขศึกษาและพลศึกษาและศลิ ปะ 5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหอ้ งเรยี นพเิ ศษ อนึ่งเพื่อให้สอดคล้องกับการประกันคุณภาพการศึกษา โรงเรียนให้กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ รับผิดชอบแต่ละข้อได้ออกแบบและจัดทำเครื่องมือในการประเมิน เก็บรวบรวมข้อมูลและสารสนเทศอย่างเป็น ระบบตรวจสอบได้ และรายงานผลเมือ่ สิ้นปกี ารศกึ ษา 2.2.3 ค่านิยมหลักคนไทย 12 ประการ นโยบายของคณะรกั ษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นโยบายนี้ มีขึ้นเพื่อสร้างสรรค์ประเทศไทยและสร้างคนในชาติให้เข้มแข็ง ดังนี้ค่านิยมคนไทย 12 ประการน้ี ผู้บริหารต้องสร้างความตระหนักและให้ความสำคัญในการสร้างให้เกิดกับครูและบุคลากรทางการศึกษา และ นักเรียน ทุกคน โรงเรียนมอบหมายกลุ่มสาระการเรยี นรู้ศิลปะ, สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม และการ งานอาชีพ ออกแบบจัดทำเครื่องในการประเมินผู้เรียน เก็บรวบรวมข้อมูลและสารสนเทศอย่างเป็นระบบ ตรวจสอบได้ และรายงานผลเมือ่ สน้ิ ปกี ารศกึ ษา ซึง่ มรี ายละเอยี ดดงั นี้ 1) ความรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ 2) ซือ่ สัตย์ เสียสละ อดทน มีอดุ มการณ์ในสิง่ ทีด่ ีงามเพ่ือสว่ นรวม 3) กตญั ญตู ่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ 4) ใฝห่ าความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม 5) รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม 6) มีศีลธรรม รักษาความสตั ย์ หวงั ดีตอ่ ผูอ้ น่ื เผื่อแผ่และแบ่งปนั 7) เขา้ ใจเรยี นรู้การเปน็ ประชาธปิ ไตย อนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขท่ีถูกต้อง 8) มีระเบยี บวนิ ัย เคารพกฎหมาย ผูน้ ้อยรจู้ กั การเคารพผ้ใู หญ่ 9) มสี ตริ ู้ตัว รูค้ ิด ร้ทู ำ รูป้ ฏิบัตติ ามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว 10) รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั รจู้ กั อดออมไวใ้ ช้เมื่อยามจำเปน็ มไี วพ้ อกินพอใช้ ถา้ เหลือก็แจกจ่ายจำหน่าย และ พร้อมท่จี ะขยายกิจการเมอื่ มีความพร้อม เมอื่ มีภมู ิคุ้มกนั ทดี่ ี

คู่มือครปู ระกอบการปฏบิ ัติงานวิชาการโรงเรยี นนารนี กุ ูล 33 11) มีความเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลส มีความ ละอายเกรงกลัวตอ่ บาปตามหลักของศาสนา 12) คำนึงถึงผลประโยชนข์ องส่วนรวม และของชาติมากกวา่ ผลประโยชนข์ องตนเอง 2.2.4 การประเมนิ การอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขยี น เพือ่ ใหส้ อดคล้องกบั การประกัน คณุ ภาพการศกึ ษา โรงเรียนมอบหมายใหก้ ลุม่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย, ภาษาตา่ งประเทศ และคณิตศาสตร์ รบั ผิดชอบการออกแบบ จดั ทำเคร่อื งในการประเมนิ เก็บรวบรวมข้อมลู และสารสนเทศอยา่ งเป็นระบบตรวจสอบ ได้ และรายงานผลเมอื่ ส้นิ ปกี ารศึกษา 3. ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและ พัฒนาการทางสมอง เพ่อื นำผู้เรียนไปสู่เปา้ หมาย การออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรูท้ ี่ตอบสนองความแตกตา่ งระหว่างบุคคลและพัฒนาการ ทางสมอง เพื่อนำผู้เรียนไปสู่เป้าหมาย โดยโรงเรียนกำหนดให้ครูผู้สอนจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ กำหนด 3 วงรอบ หรือมากกว่า และหรือการออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับศักยภาพของผู้เรียน รายบุคคล (ตามแบบฟอร์มที่กำหนดในส่วนที่ 4 หน้า 55 – 121) ตามหลักฐานการวิเคราะหผ์ ู้เรียนรายบุคคล โดยกำหนดแนวทางการจดั ทำแผนการจดั การเรียนรโู้ ดยมีองค์ประกอบท่สี ำคัญดงั นี้ ส่วนที่ 1 การวเิ คราะหห์ ลกั สตู ร ประกอบด้วย 1.1 บนั ทกึ ขอ้ ความ การจัดทำแผนการจดั การเรียนรู้ 1.2 แบบนิเทศแผนการจัดการเรียนรู้ตามโครงการนิเทศการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาครู สู่มาตรฐานสากล 1.3 หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 1.4 หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้ 1.5 สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ 1.6 คำอธบิ ายรายวชิ า 1.7 โครงสรา้ งรายวชิ า 1.8 ตารางการออกแบบการเรียนรู/้ ตารางวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ 1.9 ตารางกำหนดอัตราส่วนคะแนน ส่วนที่ 2 องคป์ ระกอบแผนการจดั การเรียนรู้ ประกอบดว้ ย 2.1 แผนการจดั ทำหนว่ ยการเรยี นรู้ 2.2 กำหนดการสอนรายภาค 2.3 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ - ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ - เรอื่ ง 2.4 ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ - จำนวนชว่ั โมง – ชอ่ื -สกุลครูผู้สอน – กลมุ่ สาระการเรียนรู้ 2.5 สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด 2.6 มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ดั (รายวิชาพ้นื ฐาน) หรอื ผลการเรยี นรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) 2.7 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.7.1 ดา้ นความรู้ (K) 2.7.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)

ค่มู ือครปู ระกอบการปฏิบัตงิ านวิชาการโรงเรยี นนารนี กุ ลู 34 2.7.3 สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น (วิเคราะห์ KPAC ทีส่ อนในแผนนนั้ ) 2.8 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) (ให้ระบุข้อ) 2.9 คา่ นิยม 12 ประการ (ตาม KPAC ท่สี อนในแผนนั้น) 2.10 กิจกรรมการเรยี นรู้ (แผนการจดั การเรยี นรไู้ มเ่ กิน 3 ชัว่ โมงตอ่ 1 แผนฯ หรือแผนการ จัดการเรียนรู้รายช่วั โมง) และกำหนดให้ครูทุกท่านมีการบูรณาการสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน ในการจดั กจิ กรรม การเรียนการสอน ตามเนอื้ หาสาระทเ่ี กยี่ วขอ้ งและสอดคล้อง จำนวน 1 แผนการจดั การเรียนรู้ 2.10.1 ช่ัวโมงที่ 1 2.10.2 ชว่ั โมงท่ี 2 2.10.3 ชว่ั โมงท่ี 3 2.11 สอื่ การเรยี นรู้ 2.11.1 ช่วั โมงท่ี 1 2.11.2 ชวั่ โมงท่ี 2 2.11.3 ชว่ั โมงที่ 3 2.12 การวัดและประเมินผล 2.13 ส่ิงที่ต้องการวดั และประเมนิ ผล 2.13.1 ความรู้ (K : Knowledge) 2.13.2 ทกั ษะกระบวนการ (P : Process) 2.13.3 คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A : Attitude) 2.13.4 สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น (C : Competency) 2.13.5 ค่านยิ มคนไทย 12 ประการ (ถา้ มี) 2.14 วิธีการวดั และประเมนิ ผล (สอดคลอ้ งกับ 2.15) 2.14.1 ความรู้ (K : Knowledge) 2.14.2 ทกั ษะกระบวนการ (P : Process) 2.14.3 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A : Attitude) 2.14.4 สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน (C : Competency) 2.14.5 คา่ นยิ มคนไทย 12 ประการ (ถา้ มี) 2.15 เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการวดั และประเมนิ ผล (สอดคล้องกับ 2.15) 2.15.1 ความรู้ (K : Knowledge) 2.15.2 ทกั ษะกระบวนการ (P : Process) 2.15.3 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A : Attitude) 2.15.4 สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น (C : Competency) 2.15.5 คา่ นิยมคนไทย 12 ประการ (ถา้ มี) 2.16 เกณฑ์การวัดและประเมินผล 2.16.1 เกณฑ์การวัด 2.16.2 เกณฑก์ ารประเมิน (สอดคลอ้ งกบั 2.18.1) 2.17 กจิ กรรมเสนอแนะ/ภาระงาน 2.18 ความสัมพนั ธ์กับกลุ่มสาระการเรยี นรู้อนื่ 2.19 แหลง่ เรยี นรู้

คู่มือครูประกอบการปฏิบัติงานวชิ าการโรงเรยี นนารนี ุกูล 35 2.20 บนั ทกึ ผลหลังการสอน 4. จดั บรรยากาศทเ่ี อ้อื ต่อการเรยี นรู้และดแู ลช่วยเหลือผูเ้ รยี นให้เกิดการเรียนรู้ การจัดบรรยากาศท่เี อ้อื ตอ่ การเรียนรู้ และดแู ลชว่ ยเหลือผ้เู รียนใหเ้ กิดการเรยี นรู้ โดยครูผู้สอน ควรการจัดบรรยากาศในชั้นเรียนให้เอื้ออำนวยต่อการเรียนการสอน เพื่อช่วยส่งเสริมให้กระบวนการเรียนการ สอนดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยสร้างความสนใจใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษา ตลอดจนช่วยสร้างเสริมความมี ระเบียบวินัยให้แก่ผู้เรียน ซึ่งมีความสำคัญ ดังนี้ 1) ช่วยส่งเสริมให้การเรียนการสอนดำเนินไปอย่างราบรื่น 2) ช่วยสร้างเสริมลกั ษณะนสิ ยั ที่ดีงามและความมรี ะเบียบวนิ ัยใหแ้ ก่ผู้เรียน 3) ช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่ ผู้เรียน 4) ชว่ ยส่งเสริมการเรียนรู้ และสรา้ งความสนใจในบทเรียนมากย่ิงขึ้น 5) ช่วยส่งเสริมการเป็นสมาชิกที่ดี ของสงั คม 6) ช่วยสร้างเจตคติท่ีดตี ่อการเรียนและการมาโรงเรยี น และครคู วรจัดบรรยากาศดงั น้ี 4.1 การจัดบรรยากาศทางด้านกายภาพ 4.1.1 การจัดโต๊ะเรียนและเก้าอี้ของนักเรียน ให้มีขนาดเหมาะสมกับรูปร่างและวัยของ นกั เรยี น ให้มีชอ่ งว่างระหว่างแถวทีน่ ักเรียนจะลุกน่ังได้สะดวก และทำกิจกรรมได้คล่องตัว มคี วามสะดวกต่อการ ทำความสะอาดและเคลอ่ื นยา้ ยเปลย่ี นรูปแบบทน่ี ั่งเรยี น มีรปู แบบทีไ่ มจ่ ำเจ เชน่ อาจเปล่ียนเป็นรูปตัวที ตวั ยู รูปครึ่งวงกลม หรือ เข้ากลุ่มเป็นวงกลม ได้อย่างเหมาะสมกับกิจกรรมการเรียนการสอนให้นักเรียนที่นั่งทุกจุด อา่ นกระดานดำไดช้ ัดเจน แถวหน้าของโต๊ะเรยี นควรอยหู่ ่างจากกระดานดำพอสมควร 4.1.2 การจัดโต๊ะครู ให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม อาจจัดไว้หน้าห้อง ข้างห้อง หรือหลังห้อง ก็ได้ งานวิจัยบางเรื่องเสนอแนะให้จัดโต๊ะครูไว้ด้านหลังห้องเพื่อให้มองเห็นนักเรียนได้อย่างทั่วถึง อย่างไรก็ ตาม การจัดโต๊ะครูนั้นขึ้นอยู่กบั รูปแบบการจัดที่นั่งของนักเรียนดว้ ย และให้มีความเป็นระเบียบเรยี บร้อยทั้งบน โต๊ะและในลิ้นชักโต๊ะ เพ่ือสะดวกต่อการทำงานของครู และการวางสมุดงานของนักเรียน ตลอดจนเพื่อปลูกฝัง ลักษณะนสิ ยั ความเปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ยแก่นักเรยี น 4.1.3. การจดั ปา้ ยนิเทศ ควรใชป้ า้ ยนิเทศท่ีเปน็ ประโยชน์ต่อการเรยี นการสอน โดยจดั ตกแต่ง ออกแบบให้สวยงาม สร้างความสนใจให้แก่นักเรียน จัดเนื้อหาสาระให้สอดคล้องกับบทเรียน ทบทวนบทเรียน หรือเสริมความรู้ให้แก่นักเรียน จัดให้ใหม่อยู่เสมอ สอดคล้องกับเหตุการณ์สำคัญหรือวันสำคัญต่างๆ ที่นักเรียน เรียนและควรรู้ และจัดติดผลงานของนักเรียนและแผนภูมิแสดงความก้าวหน้าในการเรียนของนักเรียนจะเป็น การใหแ้ รงจงู ใจทีน่ ่าสนใจวิธีหนงึ่ 4.1.4. การจัดสภาพห้องเรียน ต้องให้ถูกสุขลักษณะ คือ มีอากาศถ่ายเทได้ดี มีหน้าต่าง พอเพียง และมีประตูเข้าออกได้สะดวก มีแสงสว่างพอเหมาะ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนอ่านหนังสือได้ชัดเจน เพื่อเป็น การถนอมสายตา ควรใช้ไฟฟ้าช่วย ถ้ามีแสงสว่างน้อยเกินไป ปราศจากสิ่งรบกวน มีความสะอาด โดยฝึกให้ นักเรยี นรับผิดชอบช่วยกนั เกบ็ กวาด เช็ดถู เปน็ การปลกู ฝังนิสัยรักความสะอาด และฝึกการทำงานร่วมกนั 4.1.5. การจัดบรรยากาศทางด้านจิตวิทยา หรือทางด้านจิตใจ ช่วยสร้างความรู้สึกให้ นักเรียนเกิดความสบายใจในการเรียน ปราศจากความวติ กกังวล มีบรรยากาศของการสร้างสรรค์เร้าความสนใจ ให้ผู้เรียนรว่ มกิจกรรมการเรียนการสอนดว้ ยความสุข ผู้เรยี นจะได้รบั ความรแู้ ละเกิดองค์ความรู้ในตวั ได้ข้ึนอยู่กับ

คูม่ ือครปู ระกอบการปฏบิ ตั งิ านวชิ าการโรงเรยี นนารีนกุ ูล 36 “ครู” เป็นสำคัญ คือ บุคลิกภาพ พฤติกรรมการสอน เทคนิคการปกครองชั้นเรียน และปฏิสัมพันธ์ใน ห้องเรียน เปน็ ตน้ 5. การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพพัฒนาอย่างรอบด้าน เพื่อความเป็นมนุษย์ทส่ี มบูรณ์ ทงั้ ร่างกาย สติปญั ญา อารมณ์ และสังคม เสรมิ สร้างใหเ้ ปน็ ผู้มศี ลี ธรรม จริยธรรม มีระเบยี บวนิ ัย ปลกู ฝงั และสรา้ งจิตสำนึกของการทำประโยชน์เพ่ือสังคมสามารถจดั การตนเองได้ และอยู่ร่วมกับ ผ้อู น่ื อยา่ งมีความสุข กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น แบง่ เป็น 3 ลักษณะดงั น้ี 1. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์ สิ่งแวดล้อม สามารถตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา กำหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตทั้งด้านการเรียนและอาชีพ สามารถ ปรับตนได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียนทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเหลือและให้ คำปรกึ ษาแกผ่ ู้ปกครองในการมีส่วนร่วมพฒั นาผู้เรยี น 2. กิจกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัยความเป็นผู้นำผู้ตามที่ดี ความรับผิดชอบ การทำงานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือ แบง่ ปันกนั เออื้ อาทรและสมานฉนั ท์ โดยจดั ใหส้ อดคล้องกบั ความสามารถ ความถนัดและความสนใจของผู้เรียน ให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติด้วยตนเองในทุกขั้นตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและ ปรับปรุงการทำงาน เน้นการทำงานรร่วมกันเป็นกลุ่มตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียน บรบิ ทของสถานศกึ ษาและท้องถนิ่ กจิ กรรมนักเรยี นประกอบด้วย 2.1 กจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์ และนักศึกษาวิชาทหาร 2.2 กิจกรรมชมุ นุม ชมรม 3. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรยี นบำเพ็ญตนให้ เป็นประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และท้องถิ่นตามความสนใจในลักษณ์อาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละตอ่ สังคม มีจติ สาธารณะ เชน่ กจิ กรรมอาสาพฒั นาต่าง ๆ กจิ กรรมสร้างสรรค์สังคม 5.1 ระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนต้น ประกอบดว้ ย 5.1.1 กิจกรรมชมุ นมุ กำหนดจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในวันพฤหสั บดี คาบที่ 9 5.1.2 กจิ กรรมแนะแนว จดั กิจกรรมการเรียนการสอนโดยครูแนะแนว 5.1.3 กจิ กรรมลกู เสอื -เนตรนารี ยุวกาชาด และผ้บู ำเพ็ญประโยชน์ กำหนดดงั น้ี กำหนดจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนในวนั พธุ คาบที่ 8 หมายเหตุ การแต่งกาย ครูผู้สอนแต่งกายในเครื่องแบบถูกต้องตามระเบียบและกฎกระทรวง กำหนด ของ 1) ขอ้ บงั คบั ของสำนกั งานคณะกรรมการลูกเสอื แหง่ ชาติ 2) สำนกั งานยวุ กาชาด สภากาชาด ไทย และ 3) สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ตามกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายทุกวันที่มี การเรียนการสอน โดยการตรวจสอบของงานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนจัดทำแบบติดตามการเรียนการสอน มอบหมายให้หัวหน้ากจิ กรรมแตล่ ะระดบั ชัน้ ไดถ้ ือปฏิบัตเิ ปน็ แนวเดยี วกัน

คู่มอื ครูประกอบการปฏบิ ตั ิงานวชิ าการโรงเรียนนารนี ุกลู 37 5.2 ระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย ประกอบดว้ ย 5.2.1 กจิ กรรมชุมนุม กำหนดจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนในวันพฤหัสบดี คาบที่ 9 5.2.2 กิจกรรมแนะแนว จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนโดยครูแนะแนว 5.2.3 กิจกรรมรักษาดินแดน (รด.) และอาสายุวกาชาด จัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยครูทป่ี รึกษาหรอื ครูท่ีผ้สู อนที่รับผิดชอบ กำหนดจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนในวันพุธ คาบที่ 9 หมายเหตุ การแต่งกายครูผู้สอนแต่งเครื่องแบบให้ถูกต้องตามระเบียบกำหนดตามกิจกรรมที่ ได้รับมอบหมายทุกวันที่มีการเรียนการสอน โดยการตรวจสอบของงานกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียนจัดทำแบบติดตาม การเรียนการสอนมอบหมายให้หัวหน้ากิจกรรมแต่ละระดบั ชั้นได้ถือปฏบิ ตั ิเป็นแนวเดียวกนั 6. จดั เตรียมและเลอื กใช้สื่อใหเ้ หมาะสมกบั กิจกรรม นำภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ เทคโนโลยี ท่เี หมาะสมมาประยกุ ต์ใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน การจัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภูมิปัญญาท้องถิ่นและเทคโนโลยีท่ี เหมาะสมมาประยุกต์ใช้ในการจดั การเรียนการสอน ครผู ้สู อนสามารถเลือกใชส้ ื่อได้ตามความเหมาะสมกบั เน้ือหา ทีส่ อน และปรากฏในแผนการจัดการเรยี นรแู้ ละนำไปใช้จดั การเรียนการสอนให้กับผูเ้ รียนจริง ดงั น้ี 6.1 สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือเรียน คู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้ หนังสืออ้างอิง หนังสือ อ่านเพิ่มเติม แบบฝึกกิจกรรม ใบงาน ใบความรู้ ฯลฯ และสิ่งพิมพ์ทั่วไปที่สามารถนำมาใช้ในกระบวนการ เรยี นรู้ เช่น วารสาร นิตยสาร จลุ สาร หนังสอื พิมพ์ จดหมายขา่ ว โปสเตอร์ แผน่ พับ แผ่นภาพ เปน็ ต้น 6.2 สื่อบุคคล หมายถึง ตัวบุคคล/ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดสาระความรู้ แนวคิด และวิธีปฏิบัติตนไปสู่บุคคลอื่น นับเป็นสื่อการเรียนรู้ที่มีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะในด้านการโน้มน้าว จิตใจของนักเรียน สื่อบุคคลอาจเป็นบุคลากรที่อยู่ในสถานศึกษา เช่น ผู้บริหารครู บุคลากรทางการศึกษาคน ทำอาหาร หรือตัวนักเรียนเอง หรืออาจเป็นบุคลากรภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ โดยมอบหมาย กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ประสานผ้เู กีย่ วข้องจัดทำประวัติและทะเบียนรายช่ือภูมิ ปัญญาท้องถิน่ 6.3 สื่อวสั ดุ เป็นสอ่ื ทเ่ี ก็บสาระความรู้อย่ใู นตวั เอง จำแนกออกเปน็ 2 ลักษณะ คือ 6.3.1 วัสดุประเภทที่สามารถถ่ายทอดความรู้อยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัย อุปกรณช์ ว่ ย เช่น รปู ภาพ หุน่ จำลอง เปน็ ตน้ 6.3.2 วัสดุประเภทที่ไมส่ ามารถถา่ ยทอดความรู้ได้โดยตนเองจำเปน็ ตอ้ งอาศัยอปุ กรณ์ อ่ืน ชว่ ย เช่น ฟิล์มภาพยนตร์ เทปบันทึกเสียง ซีดีรอม แผ่นดสิ ก์ เปน็ ต้น 6.4 สอื่ อุปกรณ์ หมายถึง สงิ่ ทเ่ี ป็นตวั กลางหรือตวั ผา่ น ทำใหข้ ้อมูลหรือความรู้ที่บนั ทึกใน วสั ดุสามารถถ่ายทอดอกมาให้เหน็ หรือไดย้ ิน เชน่ เคร่ืองฉายแผ่นทบึ แสง เคร่ืองฉายภาพยนตร์ เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ เครอื่ งบนั ทึกเสียง โทรทศั น์ เปน็ ตน้ โดยโรงเรียนจัดเตรยี มเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ (Projector) ซง่ึ มีวิธกี ารใช้ งานดงั นี้ 6.4.1 สำรวจวัสดุอุปกรณ์ว่ามีความพร้อมในการใช้งาน ประกอบด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์ เคร่อื งฉายภาพข้ามศีรษะ (Projector) และรโี มทคอนโทรล สายไฟฟา้ ตวั นำ HDMI

คูม่ อื ครปู ระกอบการปฏบิ ตั ิงานวชิ าการโรงเรียนนารีนุกลู 38 6.4.2 นำสายนำ HDMI มาเสียบเขา้ เครื่องคอมพวิ เตอร์ ด้วยความบรรจงและกำหนดมือให้ เบาทีส่ ุด เพ่ือเป็นการทะนุถนอมเครื่องให้ใช้งานในระยะยาว 6.4.3 ยกเบรกเกอร์ขน้ึ เพ่ือปล่อยกระแสไฟฟ้า 6.4.4 กดรีโมทคอนโทรลไปที่ปมุ่ ON โดยชี้ไปท่ีเคร่อื งฉายภาพข้ามศีรษะ (Projector) 6.4.4 กรุณารอประมาณ 1 นาทีเพ่ือให้เครื่องเซ็ตตัว 6.4.5 การปดิ เครอื่ งโปรเจคเตอร์ อยา่ ดึงปลัก๊ ขณะเครอื่ งกำลงั ทำงาน 6.4.6 กดรีโมทคอนโทรลทีป่ ุ่มพาวเวอร์ (สแี ดง) 2 ครง้ั เครื่องจะดบั 6.4.7 อย่าดงึ ปลก๊ั หรือสับคทั เอาทท์ ันที เพราะต้องรอใหเ้ ครื่องหยดุ ทำงานก่อน 6.4.8 ปดิ สวิตซ์โปรเจคเตอร์ และถอดสายไฟออก 6.5 สื่อบริบท เป็นสื่อที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนการเรียนการสอน ได้แก่ สภาพแวดล้อม และ สถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ แหล่งวิทยาการหรือแหล่งเรยี นรู้อื่นๆ เช่น ห้องสมุด หรือเปน็ ส่งิ ทเี่ กิดข้นึ เองตามธรรมชาติในรปู ของสิ่งมีชีวิต เช่น พืชผกั ผลไม้ สตั วช์ นดิ ต่างๆ หรืออยใู่ นรูปของปรากฏการณ์ หรือเหตุการณ์ที่มอี ย่หู รือเกดิ ขึ้นรอบตวั ตลอดจนข่าวสารดา้ นตา่ งๆ เปน็ ตน้ 6.6 สื่อกิจกรรม เป็นกิจกรรมหรือกระบวนการที่จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ การ เรียนร้ใู หก้ ับนักเรียน ไดแ้ ก่ การแสดงละคร บทบาทสมมติ การสาธติ สถานการณจ์ ำลอง การจดั นทิ รรศการ การ ไปทัศนศกึ ษานอกสถานท่ี การทำโครงงาน ในการจัดทำ เลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน ครผู ูส้ อนควรคำนึงถึงหลักการสำคญั ของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกบั หลักสตู ร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่ กระทบ ความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง รูปแบบการนำเสนอที่เข้าใจง่าย และน่าสนใจ โดยครดู ำเนนิ การ ดังนี้ 1. จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมท้งั จัดหาส่ิงท่มี ีอยใู่ นทอ้ งถนิ่ มาประยกุ ต์ใชเ้ ปน็ สอื่ การเรยี นรู้ 2. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กบั วิธกี ารเรียนรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ และความแตกต่างระหวา่ งบคุ คลของผู้เรยี น 3. ประเมินคณุ ภาพของส่ือการเรยี นรทู้ เ่ี ลอื กใช้อย่างเปน็ ระบบ 4. ศึกษาค้นคว้า วจิ ัย เพื่อพัฒนาสอ่ื การเรียนรใู้ ห้สอดคล้องกบั กระบวนการเรียนรขู้ องผู้เรยี น 5. จัดทำทะเบียนสื่อรายลบุคคลและทะเบียนสื่อกลุม่ สาระการเรียนรู้ และจัดให้มีการประเมิน คุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้สื่อการเรียนรู้เป็นระยะๆ และสม่ำเสมอและรายงานผลการ ดำเนนิ งานเมอ่ื สิ้นภาคเรียน 7. ประเมินความก้าวหนา้ ของผู้เรียนด้วยวิธีการท่หี ลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติ ของวิชาและระดับพัฒนาการของผเู้ รียน การประเมินความกา้ วหนา้ ของผ้เู รียนดว้ ยวิธีการทีห่ ลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาติ

คมู่ อื ครปู ระกอบการปฏบิ ตั งิ านวชิ าการโรงเรียนนารนี ุกูล 39 ของวิชาและระดับพัฒนาการของผเู้ รียน หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 กำหนด ดังน้ี การ วัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การประเมินเพื่อพัฒนา ผู้เรียน และเพื่อตัดสนิ ผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผูเ้ รียนใหป้ ระสบผลสำเรจ็ นั้น ผู้เรยี น จะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ในทุก ระดับไม่วา่ จะเป็นระดบั ชั้นเรียนและระดบั สถานศึกษา โดยครผู สู้ อนต้อง ดำเนินการดังนี้ 7.๑ การประเมินระดับชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูผู้สอนดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอในการจัดการเรียนการสอน โดยใช้เทคนิคการประเมินอย่าง หลากหลาย ดงั น้ี 7.1.1 การซักถาม 7.1.2 การสังเกต 7.1.3 การตรวจการบา้ น 7.1.4 การประเมนิ โครงงาน 7.1.5 การประเมินชนิ้ งาน/ ภาระงาน 7.1.6 แฟม้ สะสมงาน 7.1.7 การใชแ้ บบทดสอบ โดยเปน็ แบบทดสอบที่มีคณุ ภาพและสอดคล้องกบั จดุ ประสงคแ์ ละเนื้อหาท่ี สอนทั้งแบบทดสอบรายตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ แบบทดสอบกลางภาคเรียน และแบบทดสอบปลายภาค เรียน โดยผ้สู อนเปน็ ผู้ประเมินเองหรอื เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นประเมนิ ตนเอง เพอื่ นประเมินเพอ่ื น ผูป้ กครอง ร่วมประเมิน ในกรณที ่ีไมผ่ า่ นตวั ช้ีวดั หรือผลการเรียนรใู้ ด ๆ ใหค้ รผู ู้สอนมกี ารสอนซ่อมเสริม การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าใน การเรียนรู้ อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้องไดร้ บั การพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมในดา้ นใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุงการเรียนการสอนของตน ด้วย ทั้งนีโ้ ดยสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนร้แู ละตัวชีว้ ดั 7.๒ การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินที่สถานศึกษาดำเนินการ เพื่อตัดสินผล การเรียนของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ว่า สง่ ผลต่อการเรยี นรู้ของผูเ้ รียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรยี นมจี ดุ พัฒนาในดา้ นใด รวมทัง้ สามารถนำผล การเรียน ของผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและ สารสนเทศเพื่อการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการ จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการประกนั คุณภาพการศึกษาและการรายงาน

คูม่ อื ครูประกอบการปฏบิ ัตงิ านวชิ าการโรงเรียนนารนี กุ ูล 40 ผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน ผ้ปู กครองและชมุ ชน 7.3 เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี น 7.3.1 การตดั สินให้ระดบั และการรายงานผลการเรียน ๑) การตัดสินผลการเรียน ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิด วิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนนั้น ผู้สอนต้องคำนึงถึงการพัฒนา ผู้เรียนแต่ละคนเป็นหลัก และต้องเก็บข้อมูลของผู้เรียนทุกด้านอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องในแต่ละภาคเรียน รวมท้ังสอนซ่อมเสริมผู้เรียนให้พัฒนาจนเตม็ ตามศักยภาพ ซง่ึ มีเกณฑ์ดงั นี้ ๑.1) ตดั สนิ ผลการเรียนเป็นรายวิชา ผูเ้ รียนตอ้ งมีเวลาเรยี นตลอดภาคเรียนไม่นอ้ ย กว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทัง้ หมดในรายวชิ านั้น ๆ 1.๒) ผ้เู รียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชว้ี ัดและผ่านตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากำหนด 1.3) ผู้เรียนตอ้ งไดร้ ับการตัดสนิ ผลการเรียนทุกรายวชิ า 1.4) ผูเ้ รียนตอ้ งได้รบั การประเมนิ และมผี ลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษา กำหนด ในการอ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน 1.5) กรณีทนี่ ักเรยี นท่ีไม่มีสทิ ธ์สอบ (มส.) ในการทดสอบปลายภาคเรียน คือ เวลาเรียนไม่ ถงึ ร้อยละ 80 แตเ่ กินร้อยละ 60 ใหม้ ีสิทธิ์ย่นื คำร้องขอมีสิทธสิ์ อบได้ และสามารถศกึ ษารายละเอยี ดเพิ่มเติมได้ (คมู่ ือนักเรยี น ผูป้ กครอง และครู ปกี ารศึกษา 2565 : 75-83) 7.3.2 การใหร้ ะดับผลการเรยี น การตัดสินเพ่อื ให้ระดับผลการเรยี นรายวชิ าใช้ตวั เลขแสดง ระดบั ผลการเรยี นเป็น ๘ ระดับ คอื 0 หมายถงึ ผลการเรียนตำ่ กว่าเกณฑ์ข้นั ต่ำ คะแนนต่ำกว่า 50 คะแนน 1 หมายถึง ผลการเรยี นผา่ นเกณฑ์ขน้ั ต่ำทีก่ ำหนด คะแนน 50-54 คะแนน 1.5 หมายถึง ผลการเรยี นพอใช้ คะแนน 55-59 คะแนน 2 หมายถงึ ผลการเรียนนา่ พอใจ คะแนน 60-64 คะแนน 2.5 หมายถงึ ผลการเรียนคอ่ นขา้ งดี คะแนน 65-69 คะแนน 3 หมายถึง ผลการเรยี นดี คะแนน 70-74 คะแนน 3.5 หมายถึง ผลการเรียนดมี าก คะแนน 75-79 คะแนน 4 หมายถงึ ผลการเรยี นดเี ยี่ยม คะแนนต้ังแต่ 80 คะแนน ข้นึ ไป 7.3.3 ผลการเรยี น มส หมายถงึ ยงั ไม่ไดร้ บั การประเมนิ ผลเนือ่ งจากมีเวลาไม่ถงึ 80% ของเวลาเรียนท้ังหมด ร หมายถึง ยงั ไม่ได้รบั การประเมินผลเนอื่ งจากไม่ส่งงานท่ีได้รับมอบหมายหรอื ไม่ได้เขา้ สอบ ผ หมายถงึ เข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี นมเี วลาครบ 80 % ผา่ นการประเมินตาม จุดประสงค์ที่สำคญั ของกิจกรรม

คมู่ ือครปู ระกอบการปฏิบัตงิ านวชิ าการโรงเรยี นนารีนกุ ูล 41 มผ หมายถงึ นักเรียนไม่ไดร้ ับการประเมินกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน มีเวลาเข้ารว่ มกิจกรรมไม่ ครบ 80 % ไม่ผา่ นจุดประสงคท์ ส่ี ำคัญของกิจกรรม 7.3.4 การประเมินการอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ให้ระดับผล การประเมินเปน็ ดเี ยี่ยม ดี และผา่ น โดยมเี กณฑ์จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ดงั น้ี คะแนน 80 คะแนน ขนึ้ ไป ระดับผลการประเมินเป็นดเี ยยี่ ม ระดับ 3 คะแนน 70-79 คะแนน ระดบั ผลการประเมินเป็นดี ระดบั 2 คะแนน 50-69 คะแนน ระดับผลการประเมินเป็นผา่ น ระดบั 1 7.3.5 การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมและผลงานของผเู้ รียน ตามเกณฑ์การเข้าเรยี นต้องร้อยละ 80 ขึน้ ไป และมภี าระงานท่ีครูกำหนด และให้ผลการเข้าร่วมกิจกรรม โดยตัดสิน ผ คือ ผ่าน และ มผ. คือ ไม่ผ่าน รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถ ศกึ ษาจาก (คู่มือนักเรยี น ผ้ปู กครอง และครู ปีการศกึ ษา 2565 : 84-85) 7.3.6 แนวปฏบิ ัตใิ นการแก้ “0” มแี นวปฏิบตั ดิ ังน้ี 1) ให้นักเรยี นสอบแกต้ ัวได้ไม่เกิน 2 ครั้ง และกอ่ นสอบแก้ตวั ทุกคร้ังนักเรียนต้องยื่นคำร้องขอ สอบ แกต้ ัวที่กลุ่มบรหิ ารวิชาการ 2) การดำเนินการสอบแก้ตวั เปน็ หนา้ ที่โดยตรงของครูผสู้ อน เมอื่ มีนกั เรียนตดิ “0” ในรายวิชา ที่รับผิดชอบต้องดำเนินการแก้ “0” ให้เสรจ็ สิน้ ภายในภาคเรียนถัดไป ถ้าไม่สามารถดำเนนิ การใหแ้ ล้วเสร็จตาม กำหนด ให้รายงานกลุ่มบริหารวิชาการ รับทราบ และนักเรียนมีสิทธิ์ได้ผลการเรียน “1” เท่านั้น ถ้าไม่ ดำเนนิ การใดๆ ถอื ว่าบกพรอ่ งตอ่ หน้าท่ีราชการ 3) ครผู ้สู อนต้องจัดสอนซ่อมเสรมิ ให้นักเรยี นก่อนสอบแกต้ ัวทกุ ครั้ง 4) ชว่ งเวลาของการสอบแกต้ ัวให้เปน็ ไปตามกำหนดปฏทิ นิ ปฏบิ ตั ิงานวชิ าการ 5) ถ้านักเรยี นไม่มาสอบแก้ตัวตามระยะเวลาท่ีกำหนดถือว่าได้ผลการเรยี น “0” ตามเดิม และ มีสิทธิสอบแก้ตัวได้อีก 1 ครั้ง ถ้านักเรียนสอบแก้ตัวครั้งที่ 2 แล้วยังไม่ผ่านให้ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติ การเรียน ซำ้ 6) ครูที่ปรึกษาเป็นผู้มีหน้าที่ติดตามผลการเรียนของนักเรียนที่อยู่ในความรับผิดชอบทุก รายวชิ า พรอ้ มทงั้ กวดขนั ใหน้ ักเรยี นมาดำเนินการแก้ “0” ตามกำหนดเวลา 7) การให้นักเรียนสอบแก้ตัว ครผู สู้ อนควรดำเนินการดังนี้ 7.1) ตรวจสอบนักเรียนทต่ี ดิ “0” เนือ่ งจากไมผ่ า่ นจดุ ประสงคใ์ ดหรอื ตวั ช้ีวดั ใด 7.2) ดำเนินการสอนซ่อมเสริมในจดุ ประสงค/์ ตัวชวี้ ดั ที่นักเรยี นสอบไม่ผา่ น 7.3) การดำเนินการสอบแก้ตัว คำว่า“สอบแก้ตัว”ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทดสอบด้วย ข้อสอบท่เี ปน็ ขอ้ เขยี นเทา่ นน้ั นักเรียนจะสอบแก้ตัวอยา่ งไรนัน้ ต้องดูวา่ ในจุดประสงค์นั้นนกั เรียนไมผ่ า่ น ตรงสว่ น ใด เชน่ ในส่วน K, P, A ครตู อ้ งดำเนินการสอยซ่อมเสริมตรงคะแนนในส่วนนั้น 8) ข้นั ตอนและแนวปฏิบัติในการแก้ “0” ของนักเรยี น

คู่มือครูประกอบการปฏบิ ัติงานวชิ าการโรงเรยี นนารีนกุ ลู 42 8.1) กล่มุ บรหิ ารวชิ าการ โดยงานวัดและประเมนิ ผลสำรวจนกั เรียนที่มีผลการเรียน “0” และกำหนดวัน เวลา สอบแก้ตัวตามปฏิทนิ การปฏิบตั งิ านของฝ่ายวชิ าการ 8.2) แจง้ ใหน้ กั เรียนที่มีผลการเรียน “0” ไดร้ ับทราบ 8.3) กลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ แจง้ ครูท่ปี รกึ ษารบั ทราบเพ่ือช่วยดแู ลและตดิ ตามนักเรยี นมา ดำเนนิ การแก้ “0” 8.4) นักเรียนท่ตี ดิ “0” มายื่นคำรอ้ งขอแก้ “0” กลมุ่ บรหิ ารวิชาการ และแจง้ ให้ครปู ระจำ วิชารบั ทราบ พร้อมกบั ใบคำร้องขอสอบแกต้ ัวของนักเรยี น 8.5) ครปู ระจำวิชาดำเนินการสอนซอ่ มเสริมและใหน้ ักเรียนสอบแกต้ วั 8.6) ครปู ระจำวิชานำผลการสอบแกต้ ัวของนักเรยี นมารายงานให้กลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ รับทราบ 8.7) กลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ แจ้งผลการสอบแก้ตัวใหน้ กั เรียนและครูท่ีปรึกษารบั ทราบ 4.9 ระดับผลการเรียนหลังจากนักเรียนทำการสอบแก้ตัวแล้วอยู่ท่ี “ 0 ” หรือ “ 1 ” เท่านั้น ระดับผล การเรียนหลงั สอบแก้ตัวถา้ นักเรยี นยงั ได้ “ 0 ” อยู่ ใหน้ กั เรยี นผ้นู ้นั เรียนซำ้ ใหม่หมดท้งั รายวชิ า 7.3.7 แนวปฏบิ ตั ิในการแก้ “ร” มีแนวปฏบิ ัติดงั นี้ 1) การดำเนินการแก้ “ร” เป็นหน้าทีโ่ ดยตรงของครูผสู้ อน เม่อื มีนกั เรียนตดิ “ร” ในรายวิชาท่ี รับผิดชอบต้องดำเนินการแก้ “ร” ให้เสร็จสิ้นภายในภาคเรียนถัดไป ถ้าไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตาม กำหนด ใหร้ ายงานกลุ่มบริหารวชิ าการรบั ทราบ ถา้ ไมด่ ำเนนิ การใดๆ ถอื วา่ บกพร่องตอ่ หน้าทร่ี าชการ 2) การแก้ไขผลการเรียน “ร” แยกออกเป็น 2 กรณคี ือ 2.1) ได้ระดบั ผลการเรียน “0 – 4” ในกรณีทเี่ นื่องมาจากเหตสุ ดุ วสิ ยั เชน่ เจบ็ ป่วย หรือ เกิดอบุ ัติเหตุ ไม่สามารถมาเข้าสอบได้ 2.2) ได้ระดับผลการเรียน “0 – 1” ในกรณีที่สถานศึกษาได้พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ใช่เหตุ สุดวสิ ยั เช่น มีเจตนาหนกี ารสอบเพ่ือหวงั ผลบางอย่าง หรอื ไมส่ นใจทำงานที่ไดร้ บั มอบหมายใหท้ ำเป็นตน้ 3) การแก้ “ ร ” ต้องดำเนนิ การใหแ้ ล้วเสร็จภายในภาคเรียนถดั ไป ถ้านักเรยี นทีม่ ีผลการเรียน “ ร ” ไม่มาดำเนินการแก้ “ร” ให้เสร็จสิ้นตามกำหนดเวลา นักเรียนผู้นั้นต้องเรียนซ้ำทั้งรายวิชาหรือเปลี่ยน รายวชิ าใหม่ ในกรณีที่เป็นรายวิชาเพ่ิมเติม 4) หากนักเรยี นทีม่ ีผลการเรียน “ ร ” ผู้นนั้ ไมส่ ามารถมาทำการแก้ “ ร ” ตามกำหนดเวลาได้ เนอื่ งจากเหตสุ ุดวิสัย ใหอ้ ย่ใู นดุลพนิ จิ ของหัวหนา้ สถานศึกษาจะขยายเวลาการแก้ “ ร ” ออกไปอกี 1 ภาคเรียน แตถ่ ้าพ้นกำหนดแล้ว นักเรียนยงั ไมม่ าดำเนินการแก้ “ ร ” ให้นักเรยี นผูน้ ัน้ เรียนซำ้ ใหม่หมดท้ังรายวชิ า 5) ขน้ั ตอนและแนวปฏิบตั ิในการแก้ “ ร ” ของนักเรียน 5.1) งานวัดและประเมินผลสำรวจนักเรียนที่มีผลการเรียน “ ร ” และแจ้งให้นักเรียน รบั ทราบ 5.2) กลุ่มบริหารวิชาการแจ้งครูที่ปรึกษารับทราบเพื่อช่วยดูแลและติดตามนักเรียนมา ดำเนินการแก้ “ ร ”

คู่มือครปู ระกอบการปฏบิ ตั งิ านวชิ าการโรงเรยี นนารีนุกลู 43 5.3) นักเรียนที่ติด “ ร ” มายื่นคำร้องขอแก้ “ ร ” ท่ีกลุ่มบริหารวิชาการ และแจ้งให้ครู ประจำวิชารบั ทราบ 5.4) ครปู ระจำวิชาดำเนินการ แก้ “ ร ” ให้กับนักเรยี น 5.5) ครูประจำวิชานำผลการแก้ “ ร ” ของนักเรียนมารายงานให้กลุ่มบริหารวิชาการ รับทราบ 5.6) กลมุ่ บริหารวชิ าการแจง้ ผลการแก้ “ ร ” ให้นกั เรียนและครูท่ปี รึกษารับทราบ 7.3.8 แนวปฏบิ ัตใิ นการแก้ “ มส ” มีแนวปฏบิ ัตดิ ังต่อไปนี้ 1) ครผู ู้สอนพจิ ารณาสาเหตุท่ีนกั เรียนได้ผลการเรียน “มส” ซ่งึ มีอยู่ 2 กรณีคอื 1.1) นักเรียนมีเวลาเรียนไม่ถึง 60 % ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอมีสิทธิ์สอบแต่ต้องลงทะเบียน เรียนซ้ำรายวิชาน้ัน ๆ 1.2) นักเรียนมีเวลาเรียนไม่ถึง 80 % แต่ไม่น้อยกว่า 60 % สามารถยื่นคำร้องขอแก้ผล การเรียน “มส” จากครผู ้สู อนได้ 1.3) ครผู ้สู อนตอ้ งจัดให้นกั เรยี นเรียนเพ่ิมเติมเพอ่ื ใหเ้ วลาครบตามรายวชิ านัน้ ๆ โดยอาจใช้ ชั่วโมงว่าง / วันหยดุ 1.4) เมื่อนักเรยี นมาดำเนินการแก้ “มส” ตามข้อ 2 แล้วจะได้ระดับผลการเรยี น 0 – 1 1.5) ถ้านักเรียนไม่มาแก้ “มส” ให้เสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดให้นักเรียนผู้นั้นเรียนซ้ำ ใหม่ในรอบตอ่ ไป 1.6) ถ้ามีเหตุสุดวิสัยไม่สามารถมาแก้ “มส” ได้ ให้อยู่ในดุลพินิจของหวั หน้าสถานศึกษาที่ จะขยายเวลามาแก้ “มส” ออกไปอีก 1 ภาคเรียน เมื่อพ้นกำหนดนี้แล้วให้นักเรียนผู้นั้นเรียนซ้ำหรือให้เปลี่ยน รายวิชาใหม่ไดใ้ นกรณีทีเ่ ป็นรายวชิ าเพม่ิ เติม 2) ขั้นตอนและแนวปฏบิ ัติในการแก้ “มส” ของนักเรียน 2.1) ครปู ระจำวชิ าแจง้ ผล “มส” ของนักเรียนที่กลุ่มบรหิ ารวชิ าการ 2.2) กลมุ่ บรหิ ารวชิ าการโดยงานวัดผล ฯ แจ้งนกั เรยี นท่ีมีผลการเรยี น “มส” รับทราบ 2.3) กลุ่มบรหิ ารวิชาการแจ้งครูทป่ี รึกษารับทราบเพือ่ ชว่ ยดแู ลและติดตามนักเรียนมา ดำเนนิ การแก้ “มส” 2.4) นักเรียนที่ติด“มส” มายื่นคำร้องขอแก้ “มส” ที่กลุ่มบริหารวิชาการ และแจ้งให้ครู ประจำวิชารับทราบ เพื่อดำเนินการแก้ “มส”ของนักเรียนตามแนวปฏบิ ัติการแก้ “มส” ของนักเรียน ครูประจำ วิชานำผลการแก้ “มส” ของนักเรียนมารายงานให้กลุ่มบริหารวชิ าการรับทราบ กลุ่มบรหิ ารวชิ าการแจ้งผลการ แก้ “มส” ให้นกั เรียนและครทู ่ีปรึกษารับทราบ 7.3.9 แนวปฏิบตั ิในการเรยี นซ้ำ มีแนวปฏิบตั ิดังน้ี 1) ให้ครผู ้สู อนเดมิ ในรายวิชานั้นเปน็ ผ้รู บั ผิดชอบสอนซ้ำในรายวิชานน้ั ๆ 2) การดำเนินการ “เรียนซ้ำ” เป็นหน้าที่โดยตรงของครูผู้สอน เมื่อมีนักเรียน“เรียนซ้ำ” ใน รายวิชาที่รับผิดชอบต้องดำเนินการ “เรียนซ้ำ” ให้เสร็จสิ้นภายในภาคเรียนถัดไป ถ้าไม่สามารถดำเนินการให้

คมู่ ือครปู ระกอบการปฏบิ ตั ิงานวชิ าการโรงเรียนนารีนกุ ลู 44 แล้วเสร็จตามกำหนด ให้รายงานกลุ่มบริหารวิชาการรับทราบ ถ้าไม่ดำเนินการใด ๆ ถือว่าบกพร่องต่อหน้าท่ี ราชการ 3) ครูผู้สอนและนักเรียนกำหนดจดั ตารางเรียนร่วมกันให้จำนวนชั่วโมงครบตามระดบั ชัน้ และ ครบตามหน่วยการเรียนของรายวิชานั้น ๆ ครูผู้สอนอาจมอบหมายงานให้ในชั่วโมงที่กำหนด จะสอนหรือ มอบหมายงานให้ทำ จะมากหรือน้อยต้องพจิ ารณาตามความสามารถของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคล 4) สำหรับชว่ งเวลาทีจ่ ัดให้เรยี นซ้ำอาจทำได้ ดงั น้ี 4.1) ชั่วโมงว่าง 4.2) ใชเ้ วลาหลงั เลกิ เรียน 4.3) วันหยุดราชการ 4.4) สอนเป็นครัง้ คราวแล้วมอบหมายงานให้ทำ 5) การประเมนิ ผลการเรยี นให้ดำเนนิ การตามระเบยี บการประเมินผลทกุ ประการ 6) ครูผู้สอนส่งผลการเรียนซ้ำให้กลุ่มบริหารวิชาการ ตามปฏิทินปฏิบัติงานวิชาการ ภาคเรียน น้นั ๆ 7) ขน้ั ตอนและแนวปฏิบตั ใิ นการ “เรียนซำ้ ” ของนักเรยี น 7.1) กลุ่มบริหารวิชาการโดยงานวัดและประเมินผลสำรวจและแจ้งนักเรียนที่ต้อง “เรียน ซำ้ ” รบั ทราบ 7.2) กลุ่มบริหารวิชาการแจ้งครูที่ปรึกษารับทราบเพื่อช่วยดูแลและติดตามนักเรียน มา ดำเนินการ “เรียนซำ้ ” 7.3) นกั เรยี น “เรียนซ้ำ” มาย่ืนคำรอ้ งขอ “เรียนซ้ำ” ท่ีกลุ่มบรหิ ารวิชาการ 7.4) กลุ่มบริหารวิชาการแจ้งให้ครูประจำวิชารับทราบ เพื่อดำเนินการ “เรียนซ้ำ” ของ นักเรยี น ตามแนวปฏิบัติ 7.5) ครูประจำวิชานำผลการประเมินการ “เรียนซ้ำ”ของนักเรียนรายงานให้กลุ่มบริหาร วชิ าการรบั ทราบ 7.6) กลุ่มบรหิ ารวิชาการแจง้ ผลการ“เรียนซำ้ ”ใหน้ กั เรยี นและครทู ่ีปรึกษารบั ทราบ 7.4 การรายงานผลการเรยี น การรายงานผลการเรียนเป็นการสื่อสารใหผ้ ปู้ กครองและผ้เู รยี นทราบ ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียน โรงเรียนดำเนินการสรุปผลการประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ ผู้ปกครองทราบ ดังนี้ 7.4.1 ครูจัดทำแบบแสดงผลการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน : ปพ.5 ตามแบบที่กำหนด และ ลงทะเบียนรายวชิ าในโปรแกรม SGS ซง่ึ เปน็ เอกสารสำหรบั บนั ทึกเวลาเรียน ขอ้ มลู การวดั และประเมินผลการ เรียน ข้อมูลการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดกิจกรรมการเรียนการ สอน ปรับปรงุ แก้ไข ส่งเสรมิ และตดั สินผลการเรียนของผู้เรียน รวมทง้ั ใช้เปน็ หลักฐานสำหรับตรวจสอบ ยืนยัน สภาพการเรียน การมีสว่ นร่วมในกจิ กรรมต่าง ๆ และผลสมั ฤทธ์ขิ องผู้เรยี นแต่ละคน

คมู่ ือครูประกอบการปฏบิ ตั ิงานวิชาการโรงเรยี นนารีนกุ ูล 45 7.4.2 กำหนดให้ครูดำเนินการจัดทำข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้นใน ปพ.5 (ปก/รายชื่อผู้เรียน/กำหนด อัตราส่วนคะแนน) ให้สมบูรณ์ กำหนดการตรวจนิเทศจากผู้บริหาร โดยส่งหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรูแ้ ละรอง ผอู้ ำนวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ ตามปฏทิ นิ ปฏบิ ตั ิงานวชิ าการ ดงั น้ี 1) ครั้งที่ 1 เปิดทำการเรยี นการสอนครบ 1 เดือน (16 มิถนุ ายน) ตรวจนเิ ทศโดยหัวหน้า กลุม่ สาระการเรยี นรตู้ รวจประเมนิ ดังนี้ 1.1) ความสมบูรณ์ของปกทุกเลม่ ตามคำสัง่ ที่ไดร้ บั มอบหมายใหส้ อนในภาคเรยี นน้นั ๆ 1.2) รายช่อื นกั เรียน 1.3) การกำหนดอตั ราสัดสว่ นคะแนน 1.4) การเชค็ เวลาเรียนเปน็ ปจั จบุ ัน 1) ครง้ั ท่ี 2 หลงั สอบกลางภาค กำหนดดงั น้ี 1) ตรวจนิเทศและประเมินความสมบูรณ์โดยหัวหน้ากลุ่มสาระ เมื่อพบข้อบกพร่องหรือ ความไม่ถูกตอ้ งให้สง่ คนื ครผู ู้สอนเพอื่ นำไปปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ และลงลายมือช่ือ วันเดือนปี กำกบั ทุกครั้ง ดังน้ี 1.1) คะแนนก่อนทดสอบกลางภาค 1.2) คะแนนทดสอบกลางภาค 1.3) กรกคะแนนในระบบ SGS ทุกรายวิชา 1.4) หากพบปัญหา กรณีคะแนนของนักเรียนเท่ากันทุกคนทั้งคะแนนก่อนทดสอบ กลางภาคและคะแนนทดสอบกลางให้สอบถามการดำเนนิ งานของครผู ้สู อน หากเกิดปัญหาไมว่ ่ากรณีใดก็ตามให้ ครูผ้สู อนรับผดิ ชอบ โดยบนั ทกึ ช้ีแจงเหตุประกอบการนำสง่ เอกสารมาพร้อม 2) งานวัดและประเมินผล ตรวจสอบความถูกต้องการนำขึ้นระบบออนไลน์ให้รักเรียน และผปู้ปกครองตรวจสอบ และรายงานผลผ่านระบบอินเทอร์เน็ต www.narinukun.ac.th โดยผู้ปกครอง สามารถดผู ลการเรยี นไดโ้ ดยใชเ้ ลขประจำตัวนักเรียนและวนั เดอื นปเี กิดของนกั เรยี น 3) รองผอู้ ำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวิชาการ ตรวจสอบความสมบรู ณ์ 2) ครั้งที่ 3 หลังสอบปลายภาค ตรวจสอบความสมบูรณ์ครั้งสุดท้ายทุกรายการ ตรวจนิเทศ โดยหัวหน้ากลุ่มสาระ และลงลายมือชื่อ วนั เดือนปี กำกับทกุ ครัง้ งานวัดและประเมินผล และรองผู้อำนวยการ กลุ่มบรหิ ารวชิ าการ และผู้อำนวยการโรงเรียน ดังน้ี 2.1) คะแนนก่อนสอบกลางภาค 2.2) คะแนนสอบกลางภาค 2.3) คะแนนหลังสอบกลางภาค 2.4) คะแนนสอบปลายภาคเรยี น 2.5 คะแนนประเมินการอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขยี นสื่อความหมาย 2.6) คะแนนประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 8 ข้อ 2.7) กรอกคะแนนในระบบ SGS ทุกรายวชิ า ประกอบดว้ ย

คู่มือครปู ระกอบการปฏิบัตงิ านวชิ าการโรงเรียนนารนี กุ ูล 46 2.7.1) รายวชิ าท่ไี ดร้ ับมอบหมายภาระงานสอนในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ทีส่ ังกดั 2.7.2) รายวชิ าหน้าท่พี ลเมอื ง สำหรบั ครูทีป่ รกึ ษาทุกท่าน 2.7.3) กิจกรรมชมุ นมุ สง่ ผลการเรยี นก่อนทดสอบปลายภาค 1 สัปดาห์ 2.7.4) กิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี ยวุ กาชาด ผ้บู ำเพญ็ ประโยชน์ สำหรบั นักเรยี น ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาตอนต้น สง่ ผลการเรียนกอ่ นทดสอบปลายภาค 1 สปั ดาห์ 2.7.5) กิจกรรมบำเพ็ญประโยชนแ์ ละกจิ กรรมรักษาดนิ แดน (รด.) สำหรับนกั เรยี น ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ส่งผลการเรียนกอ่ นทดสอบปลายภาค 1 สปั ดาห์ 2.7.6) กจิ กรรมแนะแนวและกจิ กรรมรกั ษาดินแดน (รด.) ส่งผลการเรียนก่อนทดสอบ ปลายภาค 1 สัปดาห์ 2 . 8 ) ง า น ว ั ด แ ล ะ ปร ะ เ มิ นผ ลก า รเ รี ยน ร า ย ง า น ผ ลผ ่า นร ะ บ บอ ิ นเ ท อ ร์เน็ต www.narinukun.ac.th โดยผู้ปกครองสามารถดูผลได้โดยใช้เลขประจำตัวนักเรียน และวัน/เดือน/ปีเกิด ของ นักเรียน 1.5) หากมีกรณีที่คะแนน เท่ากันทุกคนให้สอบถามการดำเนินงานของครูผู้สอนหากเกิด ปญั หาไมว่ ่ากรณีใดกต็ ามให้ครูผู้สอนรับผิดชอบ โดยบนั ทกึ ช้แี จงเหตผุ ลประกอบการนำสง่ ที่เหมาะสม และเป็น จรงิ กำหนดให้ครูผูส้ อนกรอกคะแนนในระบบ SGS โดยกำหนดเปดิ ระบบตามปฏิทินของงานวดั ผล และปฏิทินปฏิบัติงานวิชาการภาคเรียนนั้น ๆ และรายงานผลผ่านระบบอินเทอร์เน็ต www.narinukun.ac.th โดยผปู้ กครองสามารถดผู ลการเรยี นรู้ได้โดยใช้เลขประจำตวั นักเรียนและวันเดอื นปีเกดิ ของนกั เรียน 7.5 การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐาน การเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยจัดให้ผู้เรียนทุกคนระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓ และ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ เข้ารับการประเมินตามกำหนดของ สำนักงานทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ (สทศ.) ผลจากการประเมนิ ใชเ้ ป็นข้อมลู ในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพื่อนำไปใชใ้ น การวางแผน ยกระดบั คณุ ภาพการจดั การศกึ ษาตลอดจนเปน็ ข้อมลู สนับสนนุ การตัดสินใจในระดบั นโยบายของประเทศ 8. วิเคราะหผ์ ลการประเมินมาใช้ในการซอ่ มเสรมิ และพัฒนาผ้เู รียน รวมทัง้ ปรับปรงุ การจดั การเรยี นการสอนของตนเอง การวิเคราะหผ์ ลการประเมินมาใชใ้ นการซอ่ มเสรมิ และพัฒนาผู้เรยี นรวมท้งั ปรบั ปรุง การจดั การเรยี นการสอนของตนเอง กำหนดดงั นี้ 8.1 ครูจัดทำด้วยตนเองหรือร่วมกันวางแผนในการจัดทำหรือพัฒนาแบบทดสอบ แบบประเมิน หรืออื่น ๆ ตามที่กำหนดในแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อนำไปใช้วัดและประเมินผลในรายวิชาที่รับผิดชอบทุก รายวชิ า 8.2 รายวิชาพื้นฐาน ให้ครูผู้สอนตรวจสอบความสมบูรณ์ให้ตรงตามมาตรฐานและตัวชี้วัดตาม เอกสารสาระหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่กำหนดในคำอธิบาย รายวิชาและโครงสรา้ งรายวิชา ให้ครบทุกมาตรฐานและตัวชวี้ ัด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook