Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ວິຊາການຈັດລະບົບສາລະທົນເທດທາງການສຶກສາດ້ວຍລະບົບຄອມພິວເຕີ

ວິຊາການຈັດລະບົບສາລະທົນເທດທາງການສຶກສາດ້ວຍລະບົບຄອມພິວເຕີ

Published by lavanh9979, 2021-08-25 02:05:36

Description: ວິຊາການຈັດລະບົບສາລະທົນເທດທາງການສຶກສາດ້ວຍລະບົບຄອມພິວເຕີ

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการสอน การจดั ระบบสารสนเทศทางการศกึ ษาด้วยคอมพวิ เตอร์ ปยิ สดุ า ตนั เลิศ สารสนเทศศึกษา (ปร.ด.) คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอดุ รธานี 2558

คานา เอกสารประกอบการสอน รายวิชา การจดั ระบบสารสนเทศทางการศึกษาด้วยคอมพิวเตอร์ ซง่ึ เป็นรายวิชาท่ีได้เปิดสอนในสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา ช้ันปีที่สี่ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี โดยผู้ เรยี บเรยี งไดจ้ ดั ทาตามคาอธบิ ายรายวิชาทไี่ ดอ้ ธบิ ายไวใ้ นหลกั สตู ร แบ่งเนื้อหาไว้ 10 บท ครอบคลมุ ตาม คาอธิบายรายวิชามุ่งเน้นให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจในหลักการพ้ืนฐานเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศในองคก์ ร องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ การวางแผนและพัฒนาระบบสารสนเทศ และการรักษาความม่ันคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศ การจัดการข้อมูลทางการศึกษา รวมท้ังการ ประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ การจัดการสารสนเทศทางการศึกษา โดยคาดหวังว่าจะเป็นเอกสาร ประกอบการสอนท่ีเหมาะสมสาหรับนักศึกษาในสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษาและสาขาวิชาท่ีเกี่ยวข้อง กับการจัดการสารสนเทศในองค์กร ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ และและผู้สนใจทั่วไป เอกสาร ประกอบการสอนเล่มน้ีผู้เรียบเรียงได้ทาการปรับปรุง แก้ไขเนื้อหาและรูปภาพบางส่วนให้เหมาะสม เพ่ิมเติม เนื่องจากได้ใช้ประกอบการสอนต้ังแต่ปี พ.ศ. 2558 จนถึงปัจจุบัน ในส่วนของคาศัพท์เฉพาะ ทางผู้เรียบเรียงได้ใช้คาศัพท์ตามศัพท์คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2546 และหากคาศัพท์ใดไม่มีคาแปลผู้เรียบเรียงได้ใช้ทับศัพท์ หรือตามความนิยม เพื่อให้ เหมาะสมกับเอกสารประกอบการสอน ผเู้ รียบเรียงขอขอบพระคุณครอู าจารย์ที่ได้ประสทิ ธิประสาทวชิ าความรู้ และขอบคณุ ครอบครัว อันเป็นท่ีรักที่เป็นกาลังใจสนับสนุนให้งานสาเร็จไปด้วยดี และในโอกาสน้ีผู้เรียบเรียงขอขอบพระคุณ เจ้าของผลงานเขียนทุกท่านท่ีไดถ้ ูกอ้างองิ ในเอกสารประกอบการสอนเล่มนี้ ผเู้ รยี บเรียงไม่ได้ต้ังใจที่จะ ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้ใด หากมีข้อความหรือรูปภาพบางส่วนท่ีผู้เรียบเรียงไม่ได้อ้างอิงถึง ผู้เรียบเรียงขอ อนุญาตมา ณ ทนี่ ี้ด้วย ผ้เู รียบเรียงหวงั เป็นอย่างยงิ่ ว่า เอกสารประกอบการสอนเลม่ นีจ้ ะเป็นประโยชนต์ ่อการเรียนการ สอนในวชิ าการจดั ระบบสารสนเทศทางการศึกษาดว้ ยคอมพิวเตอรแ์ ละในวชิ าอ่ืนทีเ่ ก่ียวขอ้ ง หากทา่ นที่ นาไปใชม้ ขี ้อเสนอแนะ ผเู้ รยี บเรยี งยินดีรับคาแนะนาจากทุกท่าน เพื่อปรับปรงุ ใหด้ ีย่ิงขึ้นตอ่ ไป และ ขอขอบคุณ ณ โอกาสนี้ดว้ ย ปยิ สุดา ตันเลิศ ผ้จู ัดทา

คำนำ เอกสารประกอบการสอน รายวิชา การจดั ระบบสารสนเทศทางการศึกษาด้วยคอมพิวเตอร์ ซง่ึ เป็นรายวิชาท่ีได้เปิดสอนในสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา ช้ันปีที่สี่ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี โดยผู้ เรยี บเรยี งไดจ้ ดั ทาตามคาอธบิ ายรายวิชาทไี่ ดอ้ ธบิ ายไวใ้ นหลกั สตู ร แบ่งเนื้อหาไว้ 10 บท ครอบคลมุ ตาม คาอธิบายรายวิชามุ่งเน้นให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจในหลักการพ้ืนฐานเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศในองคก์ ร องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ การวางแผนและพัฒนาระบบสารสนเทศ และการรักษาความม่ันคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศ การจัดการข้อมูลทางการศึกษา รวมท้ังการ ประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ การจัดการสารสนเทศทางการศึกษา โดยคาดหวังว่าจะเป็นเอกสาร ประกอบการสอนท่ีเหมาะสมสาหรับนักศึกษาในสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษาและสาขาวิชาท่ีเกี่ยวข้อง กับการจัดการสารสนเทศในองค์กร ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ และและผู้สนใจทั่วไป เอกสาร ประกอบการสอนเล่มน้ีผู้เรียบเรียงได้ทาการปรับปรุง แก้ไขเนื้อหาและรูปภาพบางส่วนให้เหมาะสม เพ่ิมเติม เนื่องจากได้ใช้ประกอบการสอนต้ังแต่ปี พ.ศ. 2558 จนถึงปัจจุบัน ในส่วนของคาศัพท์เฉพาะ ทางผู้เรียบเรียงได้ใช้คาศัพท์ตามศัพท์คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2546 และหากคาศัพท์ใดไม่มีคาแปลผู้เรียบเรียงได้ใช้ทับศัพท์ หรือตามความนิยม เพื่อให้ เหมาะสมกับเอกสารประกอบการสอน ผเู้ รียบเรียงขอขอบพระคุณครอู าจารย์ที่ได้ประสทิ ธิประสาทวชิ าความรู้ และขอบคณุ ครอบครัว อันเป็นท่ีรักที่เป็นกาลังใจสนับสนุนให้งานสาเร็จไปด้วยดี และในโอกาสน้ีผู้เรียบเรียงขอขอบพระคุณ เจ้าของผลงานเขียนทุกท่านท่ีไดถ้ ูกอ้างองิ ในเอกสารประกอบการสอนเล่มนี้ ผเู้ รยี บเรียงไม่ได้ต้ังใจที่จะ ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้ใด หากมีข้อความหรือรูปภาพบางส่วนท่ีผู้เรียบเรียงไม่ได้อ้างอิงถึง ผู้เรียบเรียงขอ อนุญาตมา ณ ทนี่ ี้ด้วย ผ้เู รียบเรียงหวงั เป็นอย่างยงิ่ ว่า เอกสารประกอบการสอนเลม่ นีจ้ ะเป็นประโยชนต์ ่อการเรียนการ สอนในวชิ าการจดั ระบบสารสนเทศทางการศึกษาดว้ ยคอมพิวเตอรแ์ ละในวชิ าอ่ืนทีเ่ ก่ียวขอ้ ง หากทา่ นที่ นาไปใชม้ ขี ้อเสนอแนะ ผเู้ รยี บเรยี งยินดีรับคาแนะนาจากทุกท่าน เพื่อปรับปรงุ ใหด้ ีย่ิงขึ้นตอ่ ไป และ ขอขอบคุณ ณ โอกาสนี้ดว้ ย ปยิ สุดา ตันเลิศ ผ้จู ัดทา

ค หน้า ข สารบญั ค ช เร่ือง ฌ ฎ คานา 1 สารบญั 3 สารบญั รูป สารบัญตาราง 3 แผนบริหารการสอน แผนบรหิ ารการสอนประจาบทท่ี 1 6 บทที่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ เกย่ี วกบั ระบบสารสนเทศ 8 1. ความสาคัญของสารสนเทศ 10 2. ความหมายของขอ้ มลู สารสนเทศและความรู้ 3. ลกั ษณะของสารสนเทศที่ดี 13 4. องคป์ ระกอบระบบสารสนเทศ 5. บทบาทของนักบรหิ ารและผู้ปฏบิ ัติการเกยี่ วกบั สารสนเทศ 14 6. แนวคิดเกย่ี วกบั ระบบสารสนเทศ 7. ประโยชนข์ องระบบ 15 8. กจิ กรรมในระบบสารสนเทศ 9. แนวโน้มของระบบสารสนเทศ 16 บทสรปุ แบบฝกึ หดั 17 เอกสารอ้างอิง แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 2 21 บทที่ 2 เทคโนโลยกี ับระบบสารสนเทศ 1. เทคโนโลยดี า้ นฮารด์ แวร์ 22 2. ซอฟตแ์ วรค์ อมพวิ เตอร์ 3. เทคโนโลยเี ครอื ขา่ ยและการส่อื สารขอ้ มลู 23 4. เครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ 5. เทคโนโลยฐี านขอ้ มลู และการจัดการฐานข้อมูล 25 27 27 37 45 48 51

ง หน้า สารบญั 56 เรือ่ ง 57 บทสรุป 58 แบบฝึกหดั เอกสารอา้ งอิง 59 แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 3 61 บทที่ 3 ระบบสารสนเทศในองคก์ ร 61 67 1. องคก์ รและระบบสารสนเทศ 68 2. ระบบสารสนเทศจาแนกตามโครงสร้างองคก์ ร 77 3. ระบบสารสนเทศจาแนกตามลกั ษณะการสนบั สนนุ การดาเนินงาน 84 4. ระบบสารสนเทศจาแนกตามหนา้ ทข่ี ององค์กร บทสรปุ 85 แบบฝกึ หัด เอกสารอ้างองิ 86 แผนบรหิ ารการสอนประจาบทที่ 4 บทท่ี 4 การพฒั นาระบบสารสนเทศ 87 1. การพัฒนาระบบและการเปลย่ี นแปลงองคก์ ร 89 2. การวางแผนระบบสารสนเทศ 90 3. วงจรการพฒั นาระบบ 92 บทสรุป 98 แบบฝกึ หัด 108 เอกสารอ้างองิ แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 5 109 บทที่ 5 ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการทางการศึกษา 1. ความหมายของระบบสารสนเทศการจดั การดา้ นการศึกษา 110 2. การจัดเกบ็ ขอ้ มูลในสถานศึกษา 3. แนวคิดของระบบ 111 4. บทบาทพ้ืนฐานของระบบสารสนเทศในองค์กร 113 113 114 115 119

จ หน้า สารบัญ (ต่อ) 119 เรื่อง 122 124 5. บทบาทและความสาคญั ของเทคโนโลยีสารสนเทศทม่ี ตี ่อการบรหิ ารจดั 126 การศึกษา 132 133 6. การจดั การระบบสารสนเทศในสถาบนั อุดมศึกษา 134 7. ระบบสารสนเทศเพอื่ การจดั การทางการศึกษา 135 8. ตวั อย่างของระบบสารสนเทศเพ่ือการจดั การทางการศึกษา 137 บทสรปุ 137 แบบฝึกหดั 138 เอกสารอ้างองิ 139 แผนบรหิ ารการสอนประจาบทที่ 6 140 บทที่ 6 การจดั การความรูแ้ ละระบบสนับสนุนการตดั สินใจ 141 1. ความหมายของความรู้และการจัดการความรู้ 141 2. คณุ สมบัติของความรู้ 147 3. ประเภทของความรู้ 149 4. วงจรระบบจัดการความรู้ 151 5. ประโยชน์ทไี่ ดร้ ับจากการจัดการความรู้ 152 6. ระบบสนับสนุนเพื่อการตดั สนิ ใจ 153 7. ระบบสนับสนนุ การตัดสินใจกับการใชง้ าน 154 8. ระบบสารสนเทศสาหรบั ผ้บู ริหารระดับสงู 9. ระบบธรุ กิจอัจฉริยะ บทสรปุ แบบฝกึ หดั เอกสารอ้างอิง

ฉ หน้า สารบัญ (ตอ่ ) 155 157 เรอื่ ง 157 159 แผนบรหิ ารการสอนประจาบทที่ 7 163 บทที่ 7 คลังข้อมลู และเหมอื งข้อมูล 166 169 1. คลังขอ้ มูล 171 2. เหมอื งขอ้ มลู 172 3. ฟังกช์ ันการทางานของเหมอื งข้อมูล 173 4. เครื่องมอื และเทคโนโลยีของเหมอื งข้อมูล 175 5. การประยุกตใ์ ช้เหมืองข้อมลู กับงานดา้ นตา่ ง ๆ 177 บทสรปุ 178 แบบฝกึ หัด เอกสารอ้างองิ 178 แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 8 บทที่ 8 ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ 180 1. ความหมายของกลยุทธ์ 182 2. กรอบแนวคิดเรอื่ งระบบสารสนเทศเชงิ กลยุทธ์ 183 3. แบบจาลองแรงกดดันในการแขง่ ขนั 189 4. การวางแผนกลยทุ ธเ์ พ่ือชิงความไดเ้ ปรียบในการแข่งขัน 192 5. บทบาททางกลยุทธ์สาหรบั ระบบสารสนเทศ 193 6. แบบจาลองโซค่ ุณค่า 195 7. บทบาทของระบบสารสนเทศกบั โซ่คณุ ค่า 196 8. ความทา้ ทายของระบบสารสนเทศเชงิ กลยุทธ์ 199 9. ความสาเร็จในเชงิ กลยุทธ์ทีย่ ง่ั ยนื 205 10. โซ่อุปทาน 11. ระบบจดั การลูกค้าสมั พันธ์ บทสรุป

ช สารบญั (ต่อ) เร่อื ง หนา้ แบบฝึกหัด 206 เอกสารอ้างอิง 207 แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 9 209 บทท่ี 9 ความมัน่ คงและปลอดภัยของระบบสารสนเทศ 211 1. เป้าหมายหลักในด้านความปลอดภัยของระบบสารสนเท 211 212 2. การรกั ษาความปลอดภยั ของระบบคอมพวิ เตอร์ 219 3. ความเสีย่ งท่มี ีต่อระบบสารสนเทศ 225 232 4. เทคโนโลยแี ละเครื่องมือสาหรับการรักษาความปลอดภัยและการควบคมุ 233 บทสรปุ 234 แบบฝึกหดั 235 เอกสารอ้างองิ 237 แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 10 237 บทท่ี 10 จริยธรรมและกฎหมายทเี่ ก่ียวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ 245 1. ความหมายและความสาคัญจรยิ ธรรม 247 2. จรยิ ธรรมทางเทคโนโลยีสารนเทศ 251 3. จริยธรรมสาหรบั วชิ าชีพไอทีและผูใ้ ชไ้ อที 262 4. กฎหมายที่เกี่ยวกับเทคโนโลยสี ารสนเทศ 263 บทสรปุ แบบฝึกหัด 264 เอกสารอ้างอิง บรรณานกุ รม 265

ซ สารบญั รูป รปู ท่ี 1.1 กระบวนการประมวลผลขอ้ มูลให้เปน็ สารสนเทศ หน้า รูปที่ 1.2 ขอ้ มูล สารสนเทศ และความรู้ 7 รปู ที่ 1.3 สว่ นประกอบของระบบสารสนเทศ 8 รูปที่ 1.4 บทบาทของระบบสารสนเทศทข่ี ยายตวั ในแตล่ ะยคุ 12 รูปที่ 2.1 สว่ นประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ 20 รปู ท่ี 2.2 หน่วยรบั ขอ้ มูล 28 รปู ที่ 2.3 สว่ นประกอบภายในหน่วยประมวลผลกลาง 30 รปู ท่ี 2.4 หลกั การทางานของซีพียู หรือวัฎจักรเครอื่ ง 31 รปู ท่ี 2.5 ส่อื จัดเกบ็ ข้อมูลชนดิ ต่าง ๆ ตามแตล่ ะเทคโนโลยี 32 รูปที่ 2.6 อปุ กรณ์แสดงผล 33 รปู ท่ี 2.7 ภาพรวมของคอมพวิ เตอร์ซอฟต์แวร์ท่ีจัดแบ่งตามแต่ละประเภท 35 รปู ท่ี 2.8 ภาพรวมของซอฟตแ์ วร์ระบบ 41 รปู ที่ 2.9 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) 44 รูปที่ 4.1 สว่ นประกอบของกระบวนการวางแผนองค์กร 45 รปู ท่ี 4.2 ข้นั ตอนการวางแผนระบบสารสนเทศ รูปท่ี 4.3 การรวบรวมข้อมลู หรือความตอ้ งการจากแหล่งต่าง ๆเพ่ือนามาสรุปเป็น 89 ขอ้ กาหนด 93 รปู ที่ 5.1 ความสัมพนั ธร์ ะหว่างผลป้อนกลบั และการควบคมุ ส่วนประกอบอน่ื ๆ ของ 99 ระบบ รูปที่ 5.2 ตวั อยา่ งระบบองคก์ ร 116 รูปที่ 7.1 กระบวนการของ Data Mining รูปท่ี 7.2 ตวั อยา่ งของ Neural Network 117 รปู ที่ 8.1 ความสัมพันธ์ของกลยทุ ธ์ดา้ นตา่ ง ๆ 162 รปู ที่ 8.2 แบบจาลองแรงกดดัน 5 ประการ รปู ที่ 8.3 แบบจาลองโซม่ ลู ค่า 166 179 180 192

ฌ สารบัญตาราง ตารางที่ 3.1 กระบวนการธรุ กจิ ตามส่วนงานต่าง ๆ องค์กร หน้า ตารางท่ี 3.2 ตวั อย่างการทางานของระบบ TPS ในงานด้านตา่ ง ๆ 62 ตารางที่ 3.3 ตารางเปรียบเทยี บระบบสารสนเทศปัจจัย TPS MIS DSS 79 ตารางท่ี 4.1 ปัจจัยด้านต่าง ๆ เกยี่ วกบั การคดั เลือกอปุ กรณ์ฮารด์ แวรเ์ พ่ือใช้กับระบบ 82 ใหม่ 103 ตารางท่ี 4.2 ปจั จัยเกยี่ วกับการคดั เลือกซอฟต์แวรเ์ พื่อใชก้ ับระบบใหม่ ตารางท่ี 4.3 เปรียบเทยี บข้อดีและขอ้ เสียของวิธกี ารจัดหาอุปกรณ์ระบบในแต่ละวธิ ี 104 ตารางที่ 7.1 แสดงตารางข้อมลู เกี่ยวกบั ลูกคา้ 105 ตารางที่ 8.1 สรุปการนาเทคโนโลยสี ารสนเทศไปใชเ้ พ่ือทาใหเ้ กดิ กลยุทธท์ างการแขง่ ขัน 164 ตารางท่ี 8.2 ตวั อย่างของบริษัทที่ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศในการสรา้ งกลยทุ ธก์ ารแขง่ ขนั 183 ตารางท่ี 8.3 เทคโนโลยสี ารสนเทศสามารถช่วยพฒั นาขั้นตอนทางธุรกิจ 185 ตารางท่ี 8.4 ตัวอยา่ งของความสาเร็จและความลม้ เหลวของระบบสารสนเทศเชงิ กลยุทธ์ 186 ตารางท่ี 9.1 การควบคมุ ทวั่ ไป 195 ตารางที่ 9.2 การควบคุมประยุกต์ 221 ตารางที่ 10.1 ตวั อยา่ งพฤติกรรมท่มี ีความผิดตามพระราชบัญญัติวา่ ดว้ ยการกระทา 223 ความผดิ เกย่ี วกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550

ฌ สารบัญตาราง ตารางที่ 3.1 กระบวนการธรุ กจิ ตามส่วนงานต่าง ๆ องค์กร หน้า ตารางท่ี 3.2 ตวั อย่างการทางานของระบบ TPS ในงานด้านตา่ ง ๆ 62 ตารางที่ 3.3 ตารางเปรียบเทยี บระบบสารสนเทศปัจจัย TPS MIS DSS 79 ตารางท่ี 4.1 ปัจจัยด้านต่าง ๆ เกยี่ วกบั การคดั เลือกอปุ กรณ์ฮารด์ แวรเ์ พ่ือใช้กับระบบ 82 ใหม่ 103 ตารางท่ี 4.2 ปจั จัยเกยี่ วกับการคดั เลือกซอฟต์แวรเ์ พื่อใชก้ ับระบบใหม่ ตารางท่ี 4.3 เปรียบเทยี บข้อดีและขอ้ เสียของวิธกี ารจัดหาอุปกรณ์ระบบในแต่ละวธิ ี 104 ตารางที่ 7.1 แสดงตารางข้อมลู เกี่ยวกบั ลูกคา้ 105 ตารางที่ 8.1 สรุปการนาเทคโนโลยสี ารสนเทศไปใชเ้ พ่ือทาใหเ้ กดิ กลยุทธท์ างการแขง่ ขัน 164 ตารางท่ี 8.2 ตวั อย่างของบริษัทที่ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศในการสรา้ งกลยทุ ธก์ ารแขง่ ขนั 183 ตารางท่ี 8.3 เทคโนโลยสี ารสนเทศสามารถช่วยพฒั นาขั้นตอนทางธุรกิจ 185 ตารางท่ี 8.4 ตัวอยา่ งของความสาเร็จและความลม้ เหลวของระบบสารสนเทศเชงิ กลยุทธ์ 186 ตารางท่ี 9.1 การควบคมุ ทวั่ ไป 195 ตารางที่ 9.2 การควบคุมประยุกต์ 221 ตารางที่ 10.1 ตวั อยา่ งพฤติกรรมท่มี ีความผิดตามพระราชบัญญัติวา่ ดว้ ยการกระทา 223 ความผดิ เกย่ี วกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550

ฎ แผนบรหิ ารการสอน ชอ่ื สถาบันอดุ มศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชภฏั อุดรธานี คณะ/สาขาวิชา คณะครศุ าสตร์ สาขาวชิ าคอมพิวเตอรศ์ ึกษา 1. ข้อมูลโดยทั่วไป รหัสและช่ือรายวิชา: CE20401 การจัดระบบสารสนเทศทางการศึกษาด้วยคอมพวิ เตอร์ (Management Information System for Education with Computer) จานวนหน่วยกิต: 3 หน่วยกติ 3(2-2-5) หลกั สูตรและประเภทของรายวชิ า: ครศุ าสตรบณั ฑิต สาขาวิชา คอมพิวเตอร์ศึกษา อาจารย์ผูส้ อน: ดร.ปิยสดุ า ตันเลศิ ภาคการศึกษา/ชัน้ ปที ี่เรียน: ภาคการศึกษาท่ี 1/2558 ชน้ั ปที ่ี 4 2. คาอธบิ ายรายวิชา: ศึกษาและฝึกปฏิบัติการเกี่ยวกับหลักการพ้ืนฐานเก่ียวกับระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศใน องค์กร การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ องค์ประกอบและความคิดรวบยอดของระบบ บทบาทของระบบสารสนเทศทางการศึกษา ผู้ท่ีเก่ียวข้อง กับการพัฒนาระบบ การวางแผนระบบสารสนเทศ การพัฒนาระบบสารสนเทศ การบริหารข้อมูลทาง การศึกษา การรักษาความปลอดภยั ของระบบสารสนเทศ 3. จดุ มงุ่ หมายของรายวชิ า 1. เพอ่ื ให้นักศกึ ษาเห็นความสาคัญและเข้าใจโครงสร้างระบบสารสนเทศเพ่ือการจดั การ 2. เพือ่ ใหน้ ักศึกษามีความรแู้ ละเขา้ ใจถึงบทบาทของระบบสารสนเทศทม่ี ตี ่อการบริหารจัดการ 3. เพื่อให้นักศกึ ษามีความรู้ สามารถวางแผน ควบคุม และรักษาความปลอดภัยของระบบ สารสนเทศได้ 4. เพือ่ ใหน้ ักศกึ ษาสามารถนาความรูท้ ี่ได้รับไปประยกุ ต์ใชก้ ับงานดา้ นการศกึ ษาได้

ฏ 4. แผนการสอนและการประเมินผล 4.1 แผนการสอน สัปดาห์ท่ี หัวข้อและรายละเอียด จานวน กจิ กรรมการเรียนการสอน ผสู้ อน และสอ่ื ท่ีใช้ ดร.ปิยสดุ า ชัว่ โมง ดร.ปิยสดุ า อธิบายแผนการสอน 1 แนะนาแผนบรหิ ารการสอนและ 2 - บรรยาย ดร.ปยิ สุดา - สือ่ การสอนนาเสนอดว้ ย เกณฑป์ ระเมนิ พรอ้ มข้อตกลงใน PowerPoint การเรยี นในรายวิชา - บรรยาย - ส่ือการสอนนาเสนอดว้ ย 2 บทที่ 1 ความร้เู บื้องตน้ เกี่ยวกบั 4 PowerPoint ระบบสารสนเทศ 1. ความสาคญั ของสารสนเทศ 2. ความหมายของข้อมูล สารสนเทศ และความรู้ 3. ลกั ษณะของสารสนเทศที่ดี 4. องคป์ ระกอบระบบ สารสนเทศ 5. บทบาทของนักบริหารและผู้ ปฏบิ ัตกิ ารเกย่ี วกบั สารสนเทศ 6. แนวคดิ เกยี่ วกบั ระบบ สารสนเทศ 7. ประโยชน์ของระบบ สารสนเทศ 8. กิจกรรมในระบบสารสนเทศ 9. แนวโน้มของระบบ สารสนเทศ 3-4 บทท่ี 2 เทคโนโลยีกบั ระบบ 8 สารสนเทศ 1. เทคโนโลยีด้านฮาร์ดแวร์ 2. ซอฟต์แวรค์ อมพิวเตอร์ 3. เทคโนโลยีเครอื ขา่ ยและการ ส่อื สารขอ้ มลู 4. เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ 5. เทคโนโลยีฐานข้อมูลและ การจัดการฐานข้อมูล

ฐ สัปดาหท์ ่ี หวั ข้อและรายละเอยี ด จานวน กิจกรรมการเรยี นการสอน ผู้สอน ช่ัวโมง และสือ่ ที่ใช้ 5-6 บทท่ี 3 ระบบสารสนเทศในองค์กร 8 - บรรยาย ดร.ปิยสดุ า 1. องคก์ รและระบบสารสนเทศ - สอื่ การสอนนาเสนอดว้ ย 2. ระบบสารสนเทศจาแนกตาม PowerPoint โครงสร้างองค์การ 3. ระบบสารสนเทศจาแนกตาม ลั ก ษ ณ ะ ก า ร ส นั บ ส นุ น ก า ร ดาเนินงาน 4. ระบบสารสนเทศจาแนกตาม หน้าทีข่ ององค์กร 7 บทที่ 4 การพัฒนาระบบ 4 - บรรยาย ดร.ปิยสุดา สารสนเทศ - สือ่ การสอนนาเสนอด้วย 1. การพฒั นาระบบและการ PowerPoint เปลี่ยนแปลงองคก์ ร 2. การวางแผนระบบ สารสนเทศ 3. วงจรการพัฒนาระบบ 8 สอบกลางภาค 9 บทท่ี 5 ระบบสารสนเทศเพื่อ 4 - บรรยาย ดร.ปยิ สุดา การจัดการทางการศกึ ษา - สอ่ื การสอนนาเสนอด้วย 1. ความหมายของระบบ PowerPoint สารสนเทศการจดั การด้าน การศึกษา 2. การจดั เกบ็ ขอ้ มูลใน สถานศึกษา 3. แนวคิดของระบบ 4. บทบาทพ้นื ฐานของระบบ สารสนเทศในองคก์ ร 5. บทบาทและความสาคญั ของ เทคโนโลยีสารสนเทศทม่ี ีต่อการ บรหิ ารจัดการศกึ ษา 6. การจัดการระบบสารสนเทศ

ฑ สปั ดาห์ท่ี หัวข้อและรายละเอยี ด จานวน กจิ กรรมการเรียนการสอน ผสู้ อน 10 ชัว่ โมง และส่ือทีใ่ ช้ ดร.ปิยสุดา ในสถาบันอุดมศึกษา 11-12 7. ระบบสารสนเทศเพ่ือการ 4 - บรรยาย ดร.ปิยสดุ า จัดการทางการศึกษา - สื่อการสอนนาเสนอด้วย 8. ตวั อย่างของระบบสารสนเทศ 8 PowerPoint เพอ่ื การจดั การทางการศึกษา บทที่ 6 การจัดการความรแู้ ละ - บรรยาย - สือ่ การสอนนาเสนอด้วย ระบบสนับสนนุ การตัดสินใจ PowerPoint 1. ความหมายของความร้แู ละ การจัดการความรู้ 2. คุณสมบตั ิของความรู้ 3. ประเภทของความรู้ 4. วงจรระบบจดั การความรู้ 5. ประโยชนท์ ีไ่ ดร้ บั จากการ จัดการความรู้ 6. ระบบสนับสนนุ เพ่ือการ ตดั สินใจ 7. ระบบสนบั สนุนการตดั สนิ ใจ กับการใชง้ าน 8. ระบบสารสนเทศสาหรบั ผู้บริหารระดบั สงู 9. ระบบธุรกิจอจั ฉรยิ ะ บทที่ 7 คลงั ข้อมูลและเหมือง ขอ้ มูล 1. คลงั ข้อมลู 2. เหมืองขอ้ มลู 3. ฟังก์ชันการทางานของ เหมอื งข้อมลู 4. เครื่องมือและเทคโนโลยีของ เหมอื งข้อมลู 5. การประยุกต์ใชเ้ หมืองข้อมูล กบั งานด้านต่าง ๆ

ฒ สัปดาห์ท่ี หัวข้อและรายละเอียด จานวน กจิ กรรมการเรียนการสอน ผสู้ อน 13 ชัว่ โมง และส่ือทีใ่ ช้ ดร.ปิยสุดา บทที่ 8 ระบบสารสนเทศเชิงกล 14 ยุทธ์ 4 - บรรยาย ดร.ปิยสดุ า 1. ความหมายของกลยทุ ธ์ - สื่อการสอนนาเสนอด้วย 2. กรอบแนวคิดเรอ่ื งระบบ 4 PowerPoint สารสนเทศเชงิ กลยทุ ธ์ 3. แบบจาลองแรงกดดนั ในการ - บรรยาย แข่งขัน - สือ่ การสอนนาเสนอด้วย 4. การวางแผนกลยทุ ธเ์ พ่อื ชิง PowerPoint ความไดเ้ ปรียบในการแข่งขนั 5. บทบาททางกลยุทธส์ าหรบั ระบบสารสนเทศ 6. แบบจาลองโซ่คุณค่า 7. บทบาทของระบบ สารสนเทศกบั โซ่คุณค่า 8. ความทา้ ทายของระบบ สารสนเทศเชงิ กลยุทธ์ 9. ความสาเรจ็ ในเชิงกลยุทธท์ ่ี ย่ังยืน 10. โซอ่ ปุ ทาน 11. ระบบจดั การลูกค้าสัมพันธ์ บทที่ 9 การรักษาความมัน่ คง และการฟืน้ ฟูของระบบ สารสนเทศ 1. เป้าหมายหลักในด้านความ ปลอดภัยของระบบสารสนเทศ 2. ความเส่ยี งทมี่ ตี ่อระบบ สารสนเทศ 3. การรักษาความปลอดภัย ของระบบคอมพิวเตอร์ 4. เทคโนโลยีและเคร่ืองมือ สาหรบั การรักษาความปลอดภัย

ณ สัปดาห์ที่ หวั ข้อและรายละเอยี ด จานวน กจิ กรรมการเรยี นการสอน ผู้สอน ชั่วโมง และส่อื ทใี่ ช้ และการควบคมุ 15 บทที่ 10 จริยธรรมและกฎหมาย 4 - บรรยาย ดร.ปยิ สุดา ทเี่ กย่ี วกับเทคโนโลยีสารสนเทศ - สื่อการสอนนาเสนอด้วย 1. ความหมายและความสาคัญ PowerPoint จริยธรรม 2. จรยิ ธรรมทางเทคโนโลยี สารสนเทศ 3. จรยิ ธรรมสาหรบั วิชาชพี ไอที และผู้ใช้ไอที 4. กฎหมายทเ่ี ก่ยี วกบั เทคโนโลยี สารสนเทศ 16 นาเสนองานตามทีไ่ ด้รับ 4 - บรรยาย ดร.ปิยสดุ า มอบหมาย และสรุปเนื้อหา - ส่ือการสอนนาเสนอด้วย PowerPoint 4.2 วิธกี ารสอน 1. บรรยายเนื้อหาในแตล่ ะหวั ข้อ พร้อมยกตัวอยา่ งประกอบ 2. ศึกษาจากเอกสารประกอบการสอน 3. ผสู้ อนสรปุ เนื้อหา 4. ทาแบบฝกึ หดั เพ่อื ทบทวนบทเรียน 5. ผ้เู รียนถามข้อสงสัย 6. ผู้สอนทาการซักถาม 4.3 แผนการประเมินผลการเรยี นรู้ กิจกรรมท่ี วิธีการประเมิน สดั ส่วนของการประเมนิ ผล 35%/35% 1 สอบกลางภาค/สอบปลายภาค 20% 2 งานที่มอบหมาย/นาเสนอรายงาน/การทางานกลุ่มและ 10% เดยี่ ว 3 การมสี ่วนร่วมในชนั้ เรียน/จติ พิสัย

ด 4.4 เกณฑ์ในการประเมนิ ผลการเรยี น ระดบั เกรด A B+ B C+ C D+ D F 0-49 คะแนน 80-100 75-79 70-74 65-69 60-64 55-59 50-54 5. ทรพั ยากรประกอบการเรียนการสอน กิตติ ภกั ดวี ฒั นะกุล. (2546). คมั ภรี ร์ ะบบสารสนเทศ. กรงุ เทพฯ:เคทีพี คอมพ์ แอนด์ คอนซลั ท์. จติ ตมิ า วงศว์ ฒุ วิ ัฒน์,นติ ยา วงศ์ภนิ นั ทว์ ัฒนา และ ปญั จาศี ปุณณชัยยะ. (2547). การวเิ คราะหแ์ ละ ออกแบบระบบ. กรุงเทพฯ: เพยี รส์ ัน เอ็ดดเู คชนั่ อินโดไชน่า. ชชั วาล วงษป์ ระเสรฐิ . (2548). การจัดการสารสนเทศเบือ้ งตน้ . กรงุ เทพฯ: เอก็ ซเปอรเ์ น็ท ดารณี พิมพช์ า่ งทอง. (2552). ระบบสารสนเทศในองคก์ ร. กรุงเทพฯ: ทรปิ เพิ้ล กรุ๊ป. ติน ปรัชญพฤทธิ์. (2542). ศพั ทร์ ัฐประศาสนศาสตร์. พมิ พค์ ร้งั ท่ี 4. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. ทพิ วรรณ หล่อสวุ รรณรัตน์. (2547). ระบบสารสนเทศเพ่อื การจดั การ. กรงุ เทพฯ: แซทโฟร์ พร้ินตง้ิ จากัด. ปทปี เมธาคุณวฒุ .ิ (2544). เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการบริหารสถานศึกษา. กรุงเทพฯ:จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. ปานใจ ธารทศั นวงศ์. (2554). การวิเคราะห์และออกแบบระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศในมมุ มองด้าน การบริหาร. กรงุ เทพฯ: สนิ ทวีการพมิ พ์. ธีระ กลุ สวัสดิ์. (2553). เทคโนโลยีสารสนเทศเพอ่ื การบรหิ าร. กรงุ เทพฯ: ห้างหนุ้ สว่ นจากดั เอม็ .ท.ี เพรส.. พรรณี สวนเพลง. (2555). ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์. กรงุ เทพฯ: ซีเอ็ดยเู คชั่น. พงษ์ศักดิ์ ผกามาศ. (2553). ระบบไอซีทแี ละการจดั การยคุ ใหม่= ICT System and Modern Management. กรงุ เทพฯ: วิตตี้กรุ๊ป. วิทยาการ เชียงกลู . (2546). อธบิ ายศพั ท์การศึกษาและความรูส้ าขาตา่ งๆ. กรุงเทพฯ: สายธาร. สัลยทุ ธ์ สวา่ งวรรณ. (2552). ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ. กรงุ เทพฯ:เพียรสนั เอ็ดดเู คช่ัน อนิ โด ไชนา่ . สานักงานคณะกรรมการธรุ กรรมทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ สานักงานปลดั กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและ การส่ือสาร. (2558). รวมกฎหมายเก่ียวกับธรุ กรรมทางอเิ ลก็ ทรอนกิ สแ์ ละกฎหมายท่ี เก่ียวข้อง. พิมพ์คร้ังท่ี 7. กรุงเทพฯ: บริษทั ศูนยก์ ารพมิ พ์แก่นจนั ทร์ จากดั โอภาส เอ่ยื มสิรวิ งศ.์ (2554). ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ (Management Information System: MIS). กรุงเทพฯ: ซเี อ็ดยูเคชน่ั .

ต กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาไทย. จาก https://www.ipthailand.go.th/index.php?option=com_docman&task=cat_view&g id=114&Itemid=169 คน้ เมือ่ 15 กรกฎาคม 2557

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 1 รายวิชา แผนบรหิ ารการสอนประจาบทท่ี 1 การจัดระบบสารสนเทศทางการศกึ ษาด้วยคอมพวิ เตอร์ หัวข้อเนอ้ื หา 1. ความสาคญั ของสารสนเทศ 2. ความหมายของข้อมูล สารสนเทศ และความรู้ 3. ลักษณะของสารสนเทศทดี่ ี 4. องคป์ ระกอบระบบสารสนเทศ 5. บทบาทของนักบริหารและผู้ปฏบิ ัติการเกีย่ วกบั สารสนเทศ 6. แนวคดิ เกี่ยวกับระบบสารสนเทศ 7. ประโยชน์ของระบบสารสนเทศ 8. กจิ กรรมในระบบสารสนเทศ 9. แนวโนม้ ของระบบสารสนเทศ วัตถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1. บอกความหมายของความสาคัญของสารสนเทศได้ 2. อธบิ ายความหมายของข้อมูล สารสนเทศ และความรู้ได้ 3. อธบิ ายลกั ษณะของสารสนเทศทดี่ ีได้ 4. อธิบายองค์ประกอบของระบบสารสนเทศได้ 5. บอกบทบาทของนักบรหิ ารและผปู้ ฏบิ ัติการเกย่ี วกบั สารสนเทศได้ 6. อธบิ ายแนวคดิ เก่ยี วกับระบบสารสนเทศได้ 7. บอกประโยชน์ของระบบสารสนเทศได้ 8. บอกกิจกรรมในระบบสารสนเทศได้ 9. อธบิ ายถึงแนวโน้มของระบบสารสนเทศได้ ความรู้เบ้ืองต้นเกีย่ วกบั ระบบสารสนเทศ

2 เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 วิธสี อนและกจิ กรรมการเรยี นการสอนประจาบท 1. บรรยายเนือ้ หาในแต่ละหัวข้อ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ 2. ศกึ ษาจากเอกสารประกอบการสอน 3. ผู้สอนสรปุ เนอื้ หา และซักถามในชั้นเรยี น 4. ทาแบบฝกึ หดั เพื่อทบทวนบทเรยี น 5. ผ้เู รยี นถามขอ้ สงสยั ส่ือการเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาการจดั การสารสนเทศทางการศึกษาดว้ ยคอมพวิ เตอร์ 2. ภาพเลอื่ น (Slide) 3. ตวั อย่างจากหนงั สือวชิ าการจัดการสารสนเทศทางการศึกษาและเว็บไซต์ที่เกยี่ วข้อง 4. เคร่อื งคอมพิวเตอร์ การวดั ผลและการประเมิน 1. ประเมินจากการซักถามในชัน้ เรียน 2. ประเมินจากการทาแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท 3. ประเมินจากความรบั ผดิ ชอบต่อการเรยี น ความรู้เบือ้ งตน้ เกี่ยวกับระบบสารสนเทศ

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 3 บทท่ี 1 ความรเู้ บอ้ื งต้นเก่ียวกบั ระบบสารสนเทศ บทน้ีจะกล่าวถึงบทบาทและความสาคัญของสารสนเทศในยุคปัจจุบัน ความรู้เบ้ืองต้นของ สารสนเทศ ความหมายของข้อมูล สารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศ องค์ประกอบของระบบ สารสนเทศ ตลอดจนแนวคิดเก่ียวระบบสารสนเทศ และประโยชน์ระบบสารสนเทศ ความสัมพันธ์ ระหว่างระบบสารสนเทศกับองค์กร ดังมีรายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี 1. ความสาคัญของสารสนเทศ ในปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศได้ทวีความสาคัญข้ึนอย่างมาก ท้ังในชีวิตประจาวัน ชีวิตการ ทางาน และการดาเนินงานขององค์กรต่าง ๆ จนบางคร้ังอาจเปรียบสารสนเทศได้เสมือนกับสายเลอื ด ทีห่ ล่อเลย้ี งการทางานแทบทุกดา้ นขององค์การ และผลกระทบของสารสนเทศมีอย่างกว้างขวาง ทง้ั ใน ระดับบุคคล กลุ่ม และองค์การ รวมทั้งการทางานในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ ทั้งการบริหารงานภาครัฐ ธุรกิจ กฎหมาย วิทยาศาสตร์ การศึกษา การแพทย์ สาธารณสุข วิศวกรรมศาสตร์ และงานบริการ สังคมด้านต่าง ๆ องค์การที่สามารถจัดการกับสารสนเทศได้ดีภายใต้การเปล่ียนแปลงดังกล่าวย่อมจะ ดาเนินงานได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ ประสิทธิผล มีความไดเ้ ปรยี บในการแข่งขนั และชว่ ยใหผ้ ปู้ ฏบิ ัติงาน เกิดความพอใจในการทางานมากขึน้ อันจะนาไปสู่ความสาเรจ็ ในทสี่ ุด บทบาทความสาคัญของสารสนเทศ เป็นผลเน่ืองมาจากการเปล่ียนแปลงของสภาพแวดล้อม ที่ได้แบ่งวิวัฒนาการของสังคมโลกออกเป็น 3 ยุค คือ เกษตร อุตสาหกรรม และสารสนเทศ และได้ เปรียบเทียบลักษณะสังคมแต่ละยุค โดยพิจารณาจากปัจจัยการผลิตหลักที่เป็นตัวขับเคล่ือนระบบ เศรษฐกิจ จะเห็นว่าปัจจัยการผลติ หลักของเกษตรกรรม คือที่ดิน และแรงงาน ปัจจัยการผลิตที่สาคญั ของยุคอุตสาหกรรม คือ คน และเครื่องจักร ยุคสารสนเทศมีข้อมูลข่าวสาร และความรู้เป็นปัจจัยการ ผลติ พน้ื ฐานเปน็ สาคัญ การเปล่ียนแปลงของสภาพแวดล้อมในปัจจุบันซ่ึงทาให้สารสนเทศมีความสาคัญเพ่ิมมากข้ึน โดยมีประเดน็ ดังต่อไปนี้ ความรู้เบือ้ งต้นเกี่ยวกบั ระบบสารสนเทศ

4 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 1.1 ระบบเศรษฐกิจยคุ ใหม่ 1.1.1 การเปรียบเทียบระหวา่ งเศรษฐกิจยุคใหม่กับยคุ เกา่ เศรษฐกิจยุคใหม่ หมายถึง เศรษฐกิจที่มีการนาเอาดิจิทัลเข้ามาปรับใช้หรืออาจ เรียกอีกอย่างหน่ึงว่า เศรษฐกิจแบบดิจิทัล (Digital Economy) เช่น การที่รัฐบาลนาเอาระบบการ จัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Procurement: e-Procurement) เข้ามาใช้ในการจัดซ้ือจัด จ้างส่ิงต่างๆ ในส่วนงานราชการหรือการท่ีธนาคารหลายแห่งนาระบบการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Fund Transfer: EFT) มาให้บรกิ ารแก่ประชาชน เศรษฐกจิ ยุคเก่า หมายถึง เศรษฐกิจที่มกี ารนาข้อมลู อนาล็อก(Analogue Data) เข้า มาใช้ในการทางานหรืออาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเศรษฐกิจแบบอนาล็อก (Analogue Economy) เชน่ การบนั ทึกข้อมลู เก่ยี วกบั สามะโนประชากรของรัฐบาลงบนกระดาษ หรอื การทธ่ี นาคารบนั ทึกการฝาก- ถอนเงินด้วยเครอ่ื งพมิ พด์ ดี โดยมิได้ทาการสง่ ข้อมูลนั้นไปทีส่ าขาอืน่ เพอื่ รับทราบ เป็นตน้ 1.1.2 ระบบเศรษฐกิจโลก ปัจจุบันระบบเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ มีความใกล้ชิดและมีผลกระทบซ่ึงกันและ กันเสมือนกับมีเพียงตลาดเดียว (One market) เท่านั้น ปัจจัยท่ีทาให้ระบบเศรษฐกิจกลายมาเป็น ระบบเศรษฐกิจโลก ก็คือ สารสนเทศ เพราะองค์การต่างๆ ท่ัวโลกสามารถติดต่อส่ือสารกันได้รวดเร็ว ในลักษณะของโลกไร้พรมแดน (borderless) ซึ่งลักษณะเด่นของระบบเศรษฐกิจโลก คือ เป็นระบบที่ มีสภาพแวดล้อมท่ีมีความไม่แน่นอนสูงและมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น อัตราแลกเปล่ียน ตลาด วัตถุดิบ แรงงาน ส่ิงแวดล้อมทางการเมือง เป็นต้น องค์การสามารถทางานได้ตลอด 24 ช่ัวโมง ใน 7 วัน (แนวคิด 24/7 ของ Stephen Sefiro) 1.1.3 ระบบเศรษฐกิจซงึ่ เนน้ การบรกิ ารทีอ่ าศัยสารสนเทศเปน็ หลัก ความรู้และสารสนเทศจะเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สาคัญในการสร้างการเติบโตของระบบ เศรษฐกจิ และความรู้ และสารสนเทศไดก้ ลายมาเปน็ ปจั จัยพื้นฐานในการผลติ สินคา้ และบริการหลายๆ ประเภท เช่น เกมสค์ อมพิวเตอร์ การบรกิ ารขา่ วของดาวโจนส์ เครดติ การ์ด ระบบการจองโรงแรมและ สายการบนิ บริษัทดอทคอมต่างๆ เป็นต้น 1.1.4 เครือขา่ ยความสมั พันธ์ เครือข่ายความสัมพันธ์ถือเป็นสัญลักษณ์ของอนาคต เครือข่ายไม่มีศูนย์กลาง ไม่มี ความแน่นอน มีความเป็นอสิ ระและมคี วามซบั ซอ้ น จะมีลักษณะสาคญั 2 ประการคือ 1) โหนด (node) คือ เม่ือใดก็ตามที่วัตถุใดสามารถส่งข้อมูลไปยังแหล่งอื่นได้ ไม่ว่า ปริมาณของข้อมูลจะมากจะน้อยเพียงใด วัตถุนั้นก็เปล่ียนจากวัตถุธรรมดาเป็น “โหนด” เช่น ใน ปัจจุบันชปิ (chip) มขี นาดเลก็ ลงมากและมรี าคาถูกลง จงึ มกี ารนาชปิ ไปฝงั ไว้ในอปุ กรณ์เครือ่ งใช้ต่างๆ อยา่ งในนาฬกิ า ไมโครเวฟ โทรศพั ท์ หม้อหงุ ขา้ ว ดงั นัน้ อปุ กรณ์เหล่าน้ีจงึ แปลงสภาพเป็น “โหนด” ความรเู้ บ้ืองตน้ เกยี่ วกับระบบสารสนเทศ

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 5 2) การตดิ ต่อสอ่ื สาร (connections) การกระจายการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยกี ารส่อื สารอย่างกว้างขวาง ในการประสานงาน ตดิ ตอ่ ส่อื สารและแลกเปล่ียนข้อมลู 1.2 การเปลย่ี นแปลงขององคก์ ารและการบรหิ าร 1.2.1 องค์กรแบบใหม่ ปัจจุบันองค์การท่ีมีสภาพแวดล้อมเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วหรือมีความไม่แน่นอน สูง จะมีโครงสร้างในลักษณะแบนราบมากข้ึน กระจายอานาจมากข้ึน มีความยืดหยุ่น พนักงานมี ความรู้หลายสาขา (generalist) และผลิตสินค้าและบริการท่ีมีความหลากหลายเพ่ือตอบสนองความ ต้องการของตลาดนอกจากนี้ยังมีองค์การรูปแบบใหม่เกิดขึ้น ซึ่งมีลักษณะแตกต่างไปจากเดิมโดย ส้ินเชิงเรียกว่า “องค์การเสมือนจริง” (Virtual Organization) ซ่ึงอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศในการ ตดิ ตอ่ ส่ือสารระหว่างสมาชิกในเครือข่าย ทาให้การผลิตสนิ ค้าและบรกิ ารมคี วามรวดเร็ว ตอบสนองต่อ ความต้องการของลูกค้าได้มากข้ึน โดยไม่ต้องอาศัยโครงสร้างการบริหารแบบเดิมอีกต่อไป ทาให้การ ทางานขององคก์ ารเปลี่ยนไป เป็นลกั ษณะองคก์ ารเสมือนจริง ซึ่งมีความเปน็ อิสระ ไม่มีขอบเขตและไม่ มโี ครงสร้างท่ีแน่ชดั 1.2.2 การบริหารแบบใหม่ การบริหารแบบใหม่จะอาศัยการผูกพันและเครือข่ายท่ีไม่เป็นทางการ (informal commitments and networks) มากข้ึน มีการบริหารแบบเป็นทีมงาน มีความยืดหยุ่น มุ่งเน้น ความสาคัญของลูกค้า และสามารถดาเนินงานได้เหมือนมืออาชีพ และเทคโนโลยีสารสนเทศจะเป็น กลไกสาคัญท่จี ะช่วยทาให้การบริหารแบบนี้มีความเปน็ ไปได้ 1.2.3 การบรหิ ารที่เน้นความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ในปัจจุบันแนวคิดการบริหารที่เน้นความโปร่งใสและตรวจสอบได้ (Transparency and accountability) เป็นแรงผลักดันใหอ้ งค์การต่างๆ ต้องมีการจัดระบบสารสนเทศขององค์การให้ ดี เพอื่ ใหส้ ามารถช้ีแจงหน่วยงานอน่ื ๆ และสาธารณชนได้อยา่ งเปน็ ระบบและทนั เวลา 1.3 การเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยสี ารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศมีการพัฒนาอยา่ งรวดเร็ว สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้มาก ข้ึน และสามารถใช้งานท่ีสะดวกขึ้น ราคาก็ถูกลง จึงมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงการดาเนินงานทาง ธุรกิจและการทางานในสาขาวิชาชีพต่างๆ และที่สาคัญคือ ผู้บริหารจะต้องเรียนรู้ในการประยุกต์ เทคโนโลยีสารสนเทศในการแก้ไขปัญหาและใช้ในการตัดสินใจ จึงจะเป็นการใช้ระบบสารสนเทศให้ เกิดความคุ้มคา่ อยา่ งแท้จริง (Effective Utilization) ความรูเ้ บอื้ งต้นเกย่ี วกับระบบสารสนเทศ

6 เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 2. ความหมายของข้อมูล สารสนเทศ และความรู้ ระบบสารสนเทศสร้างข้ึนมาเพ่ือจุดมุ่งหมายหลายประการ จุดมุ่งหมายพื้นฐานประการหน่ึง คือ การประมวลผลข้อมูล(Data) ใหเ้ ปน็ สารสนเทศ (Information) และนาไปสูค่ วามรู้ (Knowledge) ทช่ี ่วยแก้ปญั หาในการดาเนินงาน 2.1 ความหมายของขอ้ มูล ข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริง หรือการอธิบายปรากฏการณ์อย่างใดอย่างหน่ึง (Haag, 2003 อ้างถงึ ใน ทพิ วรรณ หลอ่ สุวรรณรัตน์, 2547) ข้อมูลอาจจะเป็นตัวเลข ตัวอักษร สัญลักษณ์ รูปภาพ เสียง หรือภาพเคลื่อนไหวก็ได้ (Stair and Reynolds, 1999 อ้างถงึ ใน ทิพวรรณ หล่อสวุ รรณรัตน์, 2547) ข้อมูล คือ ข้อเท็จจริงเกยี่ วกับเร่ืองใดเร่ืองหนึ่ง โดยอาจเปน็ ตวั เลข หรอื ขอ้ ความที่ทาให้ผู้อ่าน ข้อมูลทราบความเปน็ ไป หรือเหตกุ ารณ์ท่ีเกิดขึ้น (สุชาดา กรี ะนนั ทน์, 2542 อ้างถงึ ใน ทิพวรรณ หลอ่ สวุ รรณรัตน์, 2547) ข้อมลู หมายถงึ คาบรรยายความจรงิ ที่ยังมิได้ถูกกลั่นกรอง โดยคาบรรยายเหล่าน้จี ะถูกบันทึก จาแนกและเก็บรักษาไว้เพ่ือให้ผู้ใช้เข้าใจได้ง่าย (Laudon and Laudon, 2006 อ้างถึงใน อรรถกร เก่งพล, 2548) ดังนั้นสรุปได้ว่า ข้อมูล คือข้อเท็จจริงเก่ียวกับเหตุการณ์หรือข้อมูลดิบท่ียังไม่ผ่านการ ประมวลผล ยังไม่มีความหมายในการนาไปใช้งาน ข้อมูลอาจเป็นตัวเลข ตัวอักษร สัญลักษณ์ รูปภาพ เสียง หรอื ภาพเคล่อื นไหว 2.2 ความหมายของสารสนเทศ สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่ได้รับการจัดระบบเพื่อให้มีความหมายและมีคุณค่า สาหรับผใู้ ช้ (Turban et al., 2000; Laudon and Laudon, 1999 อ้างถึงใน ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์, 2547) สารสนเทศ คอื ขอ้ มลู ทมี่ คี วามหมายเฉพาะภายใตบ้ ริบทท่เี กย่ี วข้อง (Haag et al., 2000 อ้าง ถงึ ใน ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรตั น์, 2547) สารสนเทศ คือข้อความรู้ที่ประมวลได้จากข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในเรื่องน้ันจนได้ ข้อสรุป เป็นขอ้ ความทส่ี ามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้ โดยเนน้ ที่การเกิดประโยชน์คือความรู้ที่เกดิ เพ่ิมขึ้นกับผู้ใช้ (สุชาดา กีระนันทน์, 2542 อา้ งถึงใน ทพิ วรรณ หล่อสวุ รรณรตั น์, 2547) ดังน้ันสรุปได้ว่า สารสนเทศ คือข้อมูลที่ได้ผ่านการประมวลผลหรือจัดระบบแล้ว เพื่อให้มี ความหมายและคุณคา่ สาหรบั ผู้ใช้ ความรเู้ บือ้ งต้นเก่ียวกบั ระบบสารสนเทศ

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 7 ขอ้ มลู การประมวลผลข้อมลู สารสนเทศ (Data) (Data Processing) (Information) ช่ัวโมงการทางานxอัตรา - จานวนช่ัวโมงในการ ค่าจ้างต่อชั่วโมง - รายได้ของพนกั งานแต่ละ ทางานของพนักงานแต่ละ คน คน - รายจา่ ยขององคก์ าร - อตั ราค่าจ้างตอ่ ช่วั โมง รูปที่ 1.1 กระบวนการประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ (ทิพวรรณ หล่อสวุ รรณรัตน์, 2547) จากรูปท่ี 1.1 เมื่อป้อนข้อมูลเข้าไป เช่น จานวนช่ัวโมงในการทางานของพนักงานแต่ละคน และอัตราค่าจ้างต่อช่ัวโมง จากนั้นจะเป็นการประมวลผลข้อมูล (Data processing) ข้อมูลจะได้รับ การเปลี่ยนแปลงให้อยู่ในรูปที่มีความหมายและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่า (Value Added) ให้เกิดข้ึน การประมวลผลข้อมูลน้ีอาจทาได้หลายแบบ คือ การรวบรวมข้อมูล การคานวณ การจัดให้เป็นระบบโดยอาจแยกประเภท การวิเคราะห์และประเมินผล หรือการจัดอยู่ในรูปแบบที่ เหมาะสมกับการใช้งาน จากรูปการประมวลผลข้อมูลเป็นการคานวณโดยนาช่ัวโมงการทางานคูณกับ อตั ราค่าจ้างต่อชว่ั โมง เพ่อื ทจ่ี ะไดส้ ารสนเทศออกมาเป็นรายไดข้ องพนักงานแต่ละคนและรายจ่ายรวม ขององค์การ 2.3 ความหมายของความรู้ ความรู้ คือ สารสนเทศบวกกับ Know How สารสนเทศเพียงอย่างเดยี วไม่เพยี งพอที่จะทาให้ เกิดความรู้ เราต้องเข้าใจวิธีท่ีดีที่สุดในการใช้สารสนเทศในการแก้ปัญหาในการผลิตสินค้าหรือบริการ (ทิพวรรณ หลอ่ สวุ รรณรตั น์, 2547) ความรู้ ประกอบด้วยข้อมูลหรือสารสนเทศท่ีได้รบั การจัดระบบและประมวลเพ่ือนาไปสู่ความ เข้าใจ ประสบการณ์ การสั่งสมการเรียนรู้ และความเชี่ยวชาญ ซ่ึงสามารถนาไปใช้สาหรับการ แกป้ ัญหาปจั จุบันหรือการดาเนินงานได้ (Turban et al., 2001 อ้างถงึ ใน ทพิ วรรณ หลอ่ สุวรรณรัตน์, 2547) ความรู้ คือ ความรับรู้และความเข้าใจในชดุ ของระบบสารสนเทศ และการที่จะนาสารสนเทศ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการสนับสนุนการทางาน (Stair and Reynolds, 1999 อ้างถึงใน ทิพวรรณ หล่อสวุ รรณรัตน์, 2547) ดังนั้น ความรู้ คือความรับรู้และความเข้าใจในการนาสารสนเทศไปใช้ในการแก้ปัญหาในการ ดาเนนิ งาน ซ่งึ ความรู้ถือเป็นสารสนเทศที่มมี ลู ค่ามากทส่ี ดุ ความรูเ้ ป็นส่วนผสมระหว่างสารสนเทศ คา นิยาม ประสบการณ์ และกฎเกณฑ์ต่างๆ ด้วย ความรู้จะเก่ียวข้องกับการวิเคราะห์สารสนเทศจาก ความรเู้ บ้ืองตน้ เกีย่ วกับระบบสารสนเทศ

8 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 หลายแห่งภายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง คอมพิวเตอร์สามารถจัดการข้อมูลได้ดี แต่คอมพิวเตอร์จะมี ประสิทธิภาพลดลงในการจัดการกับสารสนเทศและความรู้ตามลาดับ โดยเฉพาะความรู้ที่มีความ ซับซ้อนและยากที่จะระบุได้ชัดเจน ย่ิงเป็นส่ิงที่เป็นไปได้ยากท่ีจะประมวลและวิเคราะห์ความรู้โดย เคร่อื งคอมพิวเตอร์ ความเขา้ ใจ (know-how) ข้อมูล การประมวลผลข้อมลู สารสนเทศ ความรู้ (Data) (Data Processing) (Information) (Knowledge) รปู ท่ี 1.2 ขอ้ มูล สารสนเทศ และความรู้ (ทิพวรรณ หลอ่ สุวรรณรัตน์, 2547) แม้ว่าจะมีการให้คาจากัดความดังกล่าวข้างต้น แต่ในทางปฏิบัติยังพบว่าคาว่าข้อมูลและ สารสนเทศจะมีการใช้แทนกันเสมอ ข้อมูลและสารสนเทศ อาจจะเป็นได้ท้ังปัจจัยนาเข้าและผลผลิต ของระบบสารสนเทศ เช่น ข้อมูลเกย่ี วกับพนักงาน คา่ จ้าง และเวลาทีท่ างาน เมื่อได้รบั การประมวลผล เป็นสารสนเทศด้านเงินเดือน และสารสนเทศด้านเงินเดือนอาจจะมีการใช้เป็นปัจจัยนาเข้าของอีก ระบบหน่ึงซึ่งมีหน้าที่ในการจัดเตรียมด้านงบประมาณหรือการให้คาปรึกษาแก่ผู้บริหารในเร่ือง โครงสร้างเงินเดือน เป็นต้น หรือสารสนเทศของคนกลุ่มหนึ่งอาจจะเป็นข้อมูลของคนอีกกลุ่มหนึ่งก็ได้ เช่น ต้นทนุ ของช้ินสว่ นประกอบของสินค้า อาจเป็นสารสนเทศของพนักงานขาย แต่จะเปน็ เพียงข้อมูล สาหรับนกั บัญชีเพือ่ ต้องการทราบระดับ และมูลคา่ ของสนิ ค้าคงคลัง 3. ลกั ษณะของสารสนเทศทดี่ ี คุณค่าของสารสนเทศแต่ละคนไม่จาเป็นต้องเหมือนกัน ในท่ีนี้ ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์ (2547) ได้กาหนดลักษณะของสารสนเทศที่ดไี ว้เปน็ 4 มิติ คือ 3.1 มิตดิ า้ นเวลา เปน็ เร่อื งเกยี่ วกบั สารสนเทศที่มีลกั ษณะดงั น้ี 3.1.1 การทันเวลา (Timeliness) สารสนเทศทีด่ ีควรจะสามารถหาไดร้ วดเรว็ ทนั เวลา ท่ตี ้องการ หากสารสนเทศได้ไม่ทันเวลาจะทาใหก้ ารตัดสินใจไม่มีประสทิ ธภิ าพ 3.1.2 ความเป็นปัจจบุ นั (Up to date) ได้แก่สารสนเทศมีการปรบั ปรุงให้เป็นปัจจบุ ัน อยู่เสมอ สารสนเทศที่มีความล้าสมัยจะไม่เป็นประโยชน์ในการใช้งานในยุคท่ีมีการเปล่ียนแปลงอย่าง รวดเร็ว 3.1.3 มรี ะยะเวลา (Time Period) มีขอ้ มลู ทง้ั ในอดตี ปจั จบุ ัน และอนาคต ความรเู้ บอื้ งตน้ เก่ียวกับระบบสารสนเทศ

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 9 3.1.4 ควรมกี ารประมวลข้อมูลในอดีต และปัจจุบนั เพื่อท่ีจะใช้ข้อมูลเหล่านเี้ ป็นฐาน ในการพยากรณอ์ นาคตได้ จะเปน็ ประโยชน์ต่อการวางแผนและการตัดสนิ ใจ 3.2 มิติด้านเนื้อหา เนื้อหาของสารสนเทศถือได้ว่าเป็นลักษณะท่ีสาคัญที่สุด ซ่ึงเก่ียวข้องกับ ลักษณะดังต่อไปนี้ 3.2.1 ความถูกต้องเท่ียงตรง (Accuracy) ไดแ้ ก่ สารสนเทศทไ่ี มม่ ีข้อผดิ พลาด มีการ ประมวลผลอยา่ งถูกต้อง 3.2.2 ความสัมพันธ์กับเร่ือง (Relevance) สารสนเทศทีส่ อดคล้องกับเรือ่ งท่ตี ้องการใช้ และมปี ระโยชนก์ บั ผู้ใช้ 3.2.3 ความสมบูรณ์ (Completeness) สารสนเทศทีค่ รอบคลมุ รายละเอียดทีส่ าคัญทกุ เร่ืองในสง่ิ ท่ตี ้องการทราบ 3.2.4 ความนา่ เชอ่ื ถือ (Reliability) สารสนเทศที่มคี วามเช่ือถอื ได้ ซ่งึ อาจขน้ึ อยู่กบั กระบวนการเกบ็ ขอ้ มูล และแหลง่ ท่ีมาของข้อมูล 3.2.5 ตรวจสอบได้ (Verifiability) สารสนเทศทีด่ ตี ้องสามารถตรวจสอบไดว้ ่ามคี วาม ถกู ตอ้ ง โดยอาจตรวจสอบกับแหล่งขอ้ มลู หลายแหล่งทม่ี ีสารสนเทศเดยี วกัน 3.3 มิตดิ ้านรูปแบบ 3.3.1 ความชัดเจน (Clarity) สารสนเทศควรมคี วามชัดเจน งา่ ยตอ่ ความเขา้ ใจ 3.3.2 ระดบั ของการนาเสนอรายละเอียด (Level of Detail) ทีเ่ หมาะสมกบั ผู้ใช้ เนอ่ื งจากบางคร้งั ผู้ใชอ้ าจจะตอ้ งการรายละเอยี ดต่างๆ อยา่ งครบถว้ น แตบ่ างครั้งผ้ใู ช้ในระดับผ้บู รหิ าร อาจต้องการสารสนเทศในลักษณะสรุปเพ่ือให้เห็นภาพรวมก็ได้ ดังน้ันสารสนเทศท่ีดีจึงต้องมีระดับ ความละเอยี ดของสารสนเทศตามความต้องการของผ้ใู ช้ 3.3.3 รูปแบบการนาเสนอ(Presentation) รปู แบบการนาเสนอทีเ่ หมาะสม ไดแ้ ก่ การ เสนอสารสนเทศซ่ึงอาจเป็นในรูปกราฟิก ข้อความหรือตารางเพื่อให้เป็นที่น่าสนใจแก่ผู้ใช้หรือผู้ที่ เกี่ยวข้อง 3.3.4 สอื่ ในการนาเสนอ(Media) จะใชเ้ สนอเป็นรูปแบบพิมพ์เอกสารแผน่ ใส สไลด์ ภาพกราฟกิ บนจอ หรอื ใชว้ ิดโี อเทปตามความเหมาะสมของสถานท่แี ละผู้ฟงั 3.3.5 ความยืดหย่นุ (Flexibility) สารสนเทศท่มี คี วามยดื หยนุ่ ชว่ ยใหผ้ ูใ้ ช้ สามารถปรบั ใช้เพอ่ื สนองความตอ้ งการได้หลายแบบ 3.3.6 ประหยัด (Economy) สารสนเทศควรมีการสร้างขน้ึ มาโดยใช้ตน้ ทุนที่ ไมส่ งู จนเกินไป ผใู้ ช้ควรจะประเมนิ คุณค่าจากสารสนเทศที่ได้รบั และต้นทนุ ท่ใี ช้ไปเสมอ ความรู้เบื้องตน้ เกี่ยวกบั ระบบสารสนเทศ

10 เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 3.4 มติ ิดา้ นกระบวนการ การศึกษาระบบข้อมลู และสารสนเทศของหนว่ ยงานตา่ งๆ พบวา่ มติ ดิ ้านกระบวนการ เป็นมิติที่สาคัญอีกมิติหนึ่ง เพราะหากหน่วยงานมีสารสนเทศท่ีดีตามมิติท้ังสามข้างต้นแล้ว ควรต้อง พิจารณามิติด้านกระบวนการเพ่ือให้เกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้ ดังน้ัน ทิพวรรณ สุวรรณรัตน์ (2547) จงึ ได้เสนออกี มติ หิ นงึ่ เพม่ิ เติม ดังนี้ 3.4.1 ความสามารถในการเข้าถงึ (Accessibility) สารสนเทศทด่ี ีควรมกี ารเขา้ ถึงได้ง่าย ง่ายโดยผู้ใช้ท้ังภายในและภายนอกหน่วยงาน รวมท้ังลูกค้าหรือประชาชนท่ีมีสิทธิ์สามารถ รับ สารสนเทศในรูปแบบที่เหมาะสมในเวลาตอ้ งการ เช่น การนาสารสนเทศเสนอบนเวบ็ เพจ 3.4.2 การมีส่วนรว่ ม (Participation) การใหบ้ ุคคลหรอื หนว่ ยงานต่างๆ ทง้ั ภายในและ ภายนอกทีเ่ กีย่ วข้องเข้ามามีสว่ นร่วมในกระบวนการขอ้ มูล ตั้งแต่การเก็บข้อมูลการประมวลข้อมูลและ การเผยแพร่สารสนเทศ 3.4.3 การเช่อื มโยง (Connectivity) หมายถงึ ระดบั ความสามารถในการเชื่อมโยง ระหว่างฐานข้อมูลต่าง ๆ เพ่ือใช้เป็นเครือข่ายในการปฏิบตั ิงานการมีสารสนเทศท่ีดตี ามมิติดังกล่าวจะ เป็นสิ่งที่ช่วยให้การใช้สารสนเทศเกิดประโยชน์อย่างเต็มท่ี เน่ืองจากมีเน้ือหาสาระของสารสนเทศท่ีดี ในเวลาที่ต้องการและในรูปแบบ และกระบวนการทตี่ อ้ งการดว้ ย เนื่องจากคุณค่าของสารสนเทศของแต่ละคนหรือแต่ละหน่วยงานอาจจะมีความ แตกต่างกัน ดังน้ันลักษณะสารสนเทศดังกล่าวในแต่ละข้อ อาจจะมีการพิจารณาให้ลาดับความสาคัญ ให้สอดคล้องกับลักษณะของงานและความต้องการของผู้ใช้โดยเฉพาะในมิติด้านกระบวนการอาจจ ะ เปน็ ส่ิงทีท่ าไดห้ ลงั จากที่มีการพัฒนาหรือสารสนเทศมาระดับหน่งึ แลว้ 4. องค์ประกอบระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ มีองค์ประกอบที่สาคัญ 6 ส่วนคือ ฮาร์ดแวร์ (hardware) ซอฟต์แวร์ (software) ฐานขอ้ มูล (database) เครอื ข่าย (network) กระบวนการ (procedure) และ คน (people) มีรายละเอียดดงั นี้ 4.1 ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ไดแ้ ก่ อุปกรณ์ทช่ี ว่ ยในการปอ้ นข้อมูล ประมวลจดั เก็บ และ ผลิต เอาท์พทุ ออกมาในระบบสารสนเทศ ตัวอย่างฮาร์ดแวร์ของระบบสารสนเทศมีดังน้ี 4.1.1 ระบบคอมพวิ เตอร์ (Computer Systems) ประกอบด้วย หนว่ ยประมวลผล กลางท่ีประกอบด้วยไมโครโปรเซสเซอร์และอุปกรณ์รอบข้างท่ีหลากหลายเชื่อมต่อกัน เช่น ระบบ ไมโครคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอรร์ ะดับกลาง และระบบคอมพิวเตอรเ์ มนเฟรม 4.1.2 อปุ กรณค์ อมพิวเตอร์รอบขา้ ง (Computer Peripherals) เป็นอุปกรณต์ ่างๆ เช่น คีย์บอร์ดหรือเมาส์สาหรับการป้อนข้อมูลและออกคาส่ัง จอภาพหรือเครื่องพิมพ์สาหรับแสดง สารสนเทศ ความรู้เบือ้ งต้นเกี่ยวกบั ระบบสารสนเทศ

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 11 4.2 ซอฟต์แวร์ (Software) เป็นชุดคาสั่งของการประมวลผลท้ังหมด ทั้งชุดคาสั่งของการ ปฏิบัติงานท่ีเรียกว่า โปรแกรม (Programs) ซ่ึงควบคุมการทางานโดยตรงกับคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ และชดุ คาสง่ั สาหรับการประมวลผลสารสนเทศท่ผี ้ใู ช้ต้องการ ที่เรยี กว่า กระบวนคาสงั่ (Procedures) ไดแ้ ก่ 4.2.1 ซอฟตแ์ วรร์ ะบบ (System Software) เช่น โปรแกรมระบบปฏบิ ัตกิ าร (Operating System) ซึ่งควบคุมและสนับสนนุ การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ 4.2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) เปน็ โปรแกรมสัง่ ประมวลผล สาหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์เฉพาะอย่างโดยผู้ใช้ เช่น โปรแกรมวิเคราะห์การขาย โปรแกรม เงินเดือน โปรแกรมประมวลผลคา เป็นตน้ 4.2.3 กระบวนคาสง่ั (Procedure) เปน็ คาสง่ั ปฏบิ ัติการสาหรบั ผทู้ จี่ ะใช้ระบบ สารสนเทศ เชน่ คาสั่งสาหรับการจดั ฟอรม์ กระดาษ หรือการใช้ซอฟตแ์ วร์โปรแกรมสาเร็จรูป 4.3 ฐานขอ้ มูล (Database) ขอ้ มลู เปน็ มากกวา่ วัตถุดิบของระบบสารสนเทศ เปน็ ทรพั ยากรที่ มีค่าย่ิงขององค์กร ดังนั้นควรมีทรรศนะต่อข้อมูลว่าเป็นทรัพยากรที่ต้องมีการจัดการอย่างมี ประสิทธิภาพเพ่ือประโยชน์ของผู้ใช้ในองค์กร ข้อมูลอาจอยู่ในหลายรูปแบบ ท้ังข้อมูลตัวอักขระท่ี ประกอบด้วยตัวเลขและตัวอักษร ข้อมูลแบบถ้อยความ (Text) ประกอบด้วยประโยคและวรรคตอนท่ี ใช้ในการเขียนเพ่ือส่ือสาร ข้อมูลภาพ (Image) เช่น รูปทรงและเครื่องหมายแบบกราฟิก และข้อมูล เสยี งไมว่ า่ เสยี งพูดหรือเสยี งอื่น ๆ ทรัพยากรข้อมูลของระบบสารสนเทศโดยปกติจะรวบรวมเป็น ฐานขอ้ มูล (Databases) ทีเ่ กบ็ ขอ้ มูลที่ประมวลผลและจดั ระเบียบแล้ว และฐานความรู้ (Knowledge Bases) ท่ีเก็บความรูใ้ นรูปแบบ หลากหลาย เช่น ขอ้ เท็จจรงิ กฎระเบยี บ เป็นตน้ 4.4 เครอื ขา่ ย (Network) เครอื ข่ายสือ่ สารโทรคมนาคม ไม่ว่าจะเปน็ อนิ เทอร์เน็ต อินทราเน็ต และเอ็กซ์ทราเน็ต กลายเป็นส่วนสาคัญสาหรับความสาเร็จในการปฏิบัติงานทุกประเภทขององค์กร และระบบสารสนเทศ เครอื ขา่ ยสอ่ื สารโทรคมนาคมประกอบดว้ ย คอมพวิ เตอร์ การประมวลผลส่อื สาร และอุปกรณ์อ่ืนๆ ท่ีเช่ือมโยงระหว่างกันด้วยส่ือการติดต่อสื่อสารและควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ส่ือสาร แนวความคิดเรื่องเครือข่ายท่ีเน้นเครือข่ายการติดต่อส่ือฐานเป็นส่วนประกอบพ้ืนฐานของทรัพยากร ของทุกระบบสารสนเทศ ทรัพยากรเครอื ขา่ ยประกอบด้วย 4.4.1 ส่ือการติดต่อสื่อสาร (Communications Media) ตวั อยา่ งเช่น สายคู่บดิ เกลียว/สายTwisted-pair สายโคแอคเซียล สายใยแก้วนาแสง ระบบไมโครเวฟ และระบบการ ติดตอ่ สอ่ื สารผา่ นดาวเทียม 4.4.2 การสนับสนุนเครือข่าย (Network Support) ประกอบด้วย บุคลากร ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และข้อมูลที่สนับสนุนการปฏิบัติงานและการใช้งานเครือข่ายส่ือสารโดยตรง ตัวอย่างของหน่วยประมวลผลส่ือสาร เช่น โมเด็ม และหน่วยประมวลผลเชื่อมโยงเครือข่าย และ ความรู้เบ้อื งตน้ เกีย่ วกบั ระบบสารสนเทศ

12 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 ซอฟตแ์ วรค์ วบคุมการส่ือสาร เช่น ระบบปฏบิ ัตกิ ารเครือข่าย และโปรแกรมอินเทอร์เน็ตบราวเซอร์คือ การเชอื่ มโยงคอมพิวเตอร์เขา้ ดว้ ยกันเพือ่ ชว่ ยใหม้ ีการใชท้ รัพยากรรว่ มกนั และชว่ ยการตดิ ต่อสอ่ื สาร 4.5 กระบวนการ (Procedure) ได้แก่ นโยบาย กลยุทธ์ วิธีการ และกฎระเบียบต่างๆ ในการ ใช้ระบบสารสนเทศ 4.6 คน (People) เป็นองค์ประกอบท่ีสาคัญท่ีสุดในระบบสารสนเทศ ซึ่งได้แก่ บุคคลที่ เกี่ยวข้องในระบบสารสนเทศ เช่น ผู้ออกแบบ ผู้พัฒนาระบบ ผู้ดูแลระบบ และผู้ใช้ระบบ ซ่ึงบุคคลที่ จาเปน็ ต่อการทางานของทกุ ระบบสารสนเทศ ได้แก่ 4.6.1 ผใู้ ชง้ าน (End User / User / Clients) เปน็ ผทู้ ่ีใช้ระบบหรอื ผลิตภณั ฑ์ ของระบบสารสนเทศ ผู้ใชเ้ หลา่ นี้อาจเปน็ นกั บญั ชี พนักงานขาย วศิ วกร เสมยี น ลกู ค้า หรอื ผจู้ ดั การ 4.6.2 ผเู้ ชี่ยวชาญสารสนเทศ (IS Specialists) บคุ คลที่พัฒนาและควบคุมระบบ สารสนเทศ ได้แก่ นักวิเคราะห์ระบบ โปรแกรมเมอร์ ผู้ควบคุมเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ผู้บริหาร ผ้เู ชย่ี วชาญด้านเทคนิค และเจา้ หน้าทีท่ เ่ี กี่ยวขอ้ ง คน กระบวนการ ฐานขอ้ มูล เครอื ข่าย ฮาร์ดแวร์ ซอฟตแ์ วร์ รูปที่ 1.3 ส่วนประกอบของระบบสารสนเทศ จากรปู ที่ 1. 3 เป็นส่วนประกอบของระบบสารสนเทศท่ีใชท้ รพั ยากรบุคคล ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล และเครือข่าย โดยอาศัยผู้ใช้และผู้เช่ียวชาญสารสนเทศ ข้อมูลและฐานความรู้ เครื่องจักรและส่ือ สื่อการติดต่อส่ือสารและการสนับสนุนเครือข่าย โปรแกรมและกระบวนคาสั่ง ใน การทางานการรับข้อมูลเข้า ประมวลผล ส่งข้อมูลออก การควบคุมผลการปฏิบัติงานของระบบและ จดั เก็บบันทึก เพื่อแปลงทรพั ยากรขอ้ มลู ให้เป็นสารสนเทศ ความรูเ้ บ้ืองตน้ เกีย่ วกับระบบสารสนเทศ

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 13 5. บทบาทของนักบรหิ ารและผ้ปู ฏิบตั ิการเกีย่ วกับสารสนเทศ Peter Drucker กล่าวว่า เทคโนโลยีสารสนเทศประกอบด้วยคา 2 คา คือ ตัว I หมายถึง Information และตัว T หมายถึง Technology โดย Drucker มองว่า ตัว I สาคัญกว่าตัว T เพราะ สารสนเทศถอื เปน็ ทรัพย์สนิ ท่ีมคี วามสาคัญมากและขาดไมไ่ ด้ เรียกวา่ critical asset เพราะตวั T จะมี ประสิทธิภาพและมีประโยชน์ก็ต้องเอาตัว I มาหล่อเล้ียงหัวใจของ MIS คือ Right information for the right people at the right time. ดังน้ันจึงเป็นหน้าที่ของผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง การจดั เตรียมสารสนเทศในเร่อื งต่อไปนี้ 1. กาหนดสารสนเทศที่ต้องการ (what) สารสนเทศท่ีต้องการคืออะไร คาถามน้ีเป็นคาถามที่ นกั ออกแบบระบบกลัวมากท่ีสดุ เพราะการหาความตอ้ งการของผู้ใช้ (user requirement) เป็นเรือ่ งที่ ยากและสาคัญท่สี ดุ โดยพจิ ารณาจากลักษณะงานหรอื หน้าทขี่ องหน่วยงาน 2. พิจารณาจากเวลาที่ต้องใช้สารสนเทศนั้น (when) สารสนเทศน้ันต้องการเม่ือไร เพื่อที่จะ กาหนดเวลาในการรวบรวม ประมวลผล และจดั ทารายงานใหส้ อดคล้องกบั เวลาทตี่ ้องการ 3. ทราบว่าจะหาสารสนเทศดังกล่าวได้ท่ีไหน (where) จะเป็นแหล่งข้อมูลจากภายใน หนว่ ยงานหรือภายนอก 4. เข้าใจว่าทาไม (why) เช่น ทาไมจงึ ต้องการสารสนเทศเหล่าน้ัน การเกบ็ ขอ้ มลู โดยไม่ทราบ ถึงเหตุผลและความจาเป็นอาจนาไปสู่การเก็บข้อมูลผิดประเภท หรือการมีข้อมูลมากเกินไปและไม่ได้ นามาใช้ 5. ทราบว่าผู้ใช้คือใคร (who) ใครคือผู้ใช้สารสนเทศเหล่าน้ัน เพื่อจะได้จัดทารูปแบบในการ นาเสนอให้เหมาะสม 6. จะใช้เคร่ืองมืออย่างไรในการเก็บรวบรวม ประมวล รักษาสารสนเทศ (How) จะต้องทา อยา่ งไรจงึ จะไดส้ ารสนเทศท่ตี อ้ งการตามเวลาและรูปแบบทตี่ อ้ งการ 7. สามารถเข้าใจความหมายของสารสนเทศท่ีหามาได้ 8. สามารถดาเนินการหรือปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสม โดยอาศัยการพิจารณาจาก สารสนเทศทม่ี อี ยู่หรอื ท่ีได้มา 9. ใช้สารสนเทศอย่างถกู ต้องตามกฎหมายและอย่างมจี ริยธรรม ดังน้ัน หลักการท่ีสาคัญ คือ ต้องใช้ตัว I เป็นตัวต้ังเสมอ แล้วจึงใช้ T เป็นเคร่ืองมือตามมาที หลงั ปญั หาทพ่ี บจาก User Requirement 1. ไม่รคู้ วามต้องการว่าตอ้ งการอะไร 2. ความต้องการมีหลากหลาย ผู้บริหารแต่ละระดับต้องการแตกต่างกัน แต่ละฝ่ายแต่ละส่วน งานก็มีความตอ้ งการแตกตา่ งกัน 3. ความต้องการมลี ักษณะพลวัต คือ เปลี่ยนแปลงอย่ตู ลอดเวลา ความรู้เบอ้ื งต้นเกย่ี วกับระบบสารสนเทศ

14 เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 6. แนวคิดเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ การศึกษาระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการจาเป็นต้องอาศัยความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ ดังน้ัน ระบบสารสนเทศจึงมีลักษณะเป็นสหวิทยาการ (Multidisciplinary Field) ดังน้ันจึงแบ่งการศึกษา ระบบสารสนเทศออกเป็น 3 แนวทาง คือ แนวทางดา้ นเทคนิค (Technical Approach) แนวทางด้าน พฤติกรรม (Behavioral Approach) และแนวทางการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและสังคม (Sociotechnical Systems) ดังสรุปไดด้ ังน้ี 6.1 แนวทางด้านเทคนิค แนวทางด้านเทคนิคจะเน้นเรื่องเทคโนโลยีดา้ นกายภาพและความสามารถในด้านเทคนิคของ ระบบ ความรวู้ ิชาทใ่ี ช้ในแนวทางนี้ ไดแ้ ก่ 6.1.1 วิทยาการจัดการ (Management Science) จะเน้นเร่ืองการพัฒนาโมเดลใน การตดั สินใจและการจดั การ 6.1.2 คอมพิวเตอร์ (Computer Science) จะสนใจในการสร้างทฤษฎีและวิธีการ ทางานของคอมพิวเตอร์ วธิ กี ารเก็บขอ้ มูลและการเข้าถึงข้อมลู 1.6.3 การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Operation Research) จะมุ่งเรื่องเทคนิคทาง คณิตศาสตร์เพื่อหาทางเลือกที่ดีท่ีสุดในเรื่องการขนส่ง การควบคุมสินค้าคงคลัง และต้นทุนในการทา ธรุ กรรม 6.2 แนวทางดา้ นพฤตกิ รรม แนวทางด้านพฤติกรรมจะเน้นที่การเปล่ียนแปลงทัศนคติ พฤติกรรมการบริหารรวมทั้ง นโยบายองค์การ ระบบสารสนเทศที่ตอ้ งการการพฒั นาและมีการบารุงรักษาในระยะยาวจาเปน็ ต้องใช้ แนวทางพฤติกรรมศาสตรป์ ระกอบด้วย หากใช้แนวทางด้านเดียว ระบบสารสนเทศอาจจะไม่สามารถ ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้การบูรณาการระหว่างแผนกลยุทธ์กับระบบสารสนเทศ การ ออกแบบ การนาไปปฏิบัติ การใช้ และการจัดการกับระบบสารสนเทศ จาเป็นต้องใช้แนวทางด้ าน พฤติกรรมศาสตร์ท้ังสิ้น วิชาองค์การและการจัดการจะช่วยในการพิจารณาว่ากลุ่มหรือองค์การจะ พัฒนาระบบอย่างไรและระบบน้ันจะมีผลต่อบุคคลต่างๆ ในการรับรู้เก่ียวกับสารสนเทศท่ีเปน็ ทางการ และใช้ในการตัดสินใจได้อย่างไร ส่วนวิชาจิตวิทยา จะช่วยศึกษาถึงพฤติกรรมของคนเม่ือมี การ เปลีย่ นแปลงด้านเทคโนโลยีในองค์กร และวชิ าสังคมวิทยา จะเป็นเรอื่ งผลกระทบระบบสารสนเทศที่มี ตอ่ กล่มุ องคก์ าร เปน็ ตน้ 6.3 แนวทางการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยแี ละสังคม แนวคิดน้ีมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดดุลยภาพระหว่างความพึงพอใจของผู้ปฏิบัติงานและ ประสิทธิภาพของการทางาน แนวคิดน้ีเช่ือว่าองค์การมีองค์ประกอบท่ีสาคัญ 4 ประการ คือ งาน คน โครงสร้าง และเทคโนโลยี หากมีการเปลยี่ นแปลงปจั จยั ใดปัจจยั หนง่ึ จะสง่ ผลต่อปัจจยั อนื่ ดว้ ย ความรเู้ บ้อื งตน้ เกยี่ วกบั ระบบสารสนเทศ

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 15 7. ประโยชน์ของระบบสารสนเทศ 7.1 ประสทิ ธิภาพ 7.1.1 ระบบสารสนเทศทาให้การปฏิบัติงานมีความรวดเร็วมากข้ึน โดยใช้กระบวนการ ประมวลผลข้อมูลซึ่งจะทาให้สามารถเก็บรวบรวม ประมวลผลและปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยได้อย่าง รวดเร็ว 7.1.2 ระบบสารสนเทศช่วยในการจัดเก็บข้อมลู ท่ีมีขนาดใหญ่ หรือมีปรมิ าณมากและช่วย ทาให้การเข้าถงึ ข้อมูล (access) เหล่านน้ั มีความรวดเร็วด้วย 7.1.3 ช่วยลดต้นทุน การทร่ี ะบบสารสนเทศช่วยทาให้การปฏิบัติงานที่เกีย่ วข้องกับข้อมูล ซ่ึงมีปริมาณมากมีความสลับซับซ้อนให้ดาเนินการได้โดยเร็ว หรือการช่วยให้เกิดการติดต่อส่ือสารได้ อย่างรวดเร็ว ทาให้เกิดการประหยัดตน้ ทุนการดาเนนิ การอยา่ งมาก 7.1.4 ช่วยใหก้ ารตดิ ตอ่ สือ่ สารเปน็ ไปอยา่ งรวดเร็ว การใชเ้ ครอื ข่ายทางคอมพวิ เตอร์ทาให้ มกี ารติดต่อได้ท่วั โลกภายในเวลาท่ีรวดเร็ว ไมว่ า่ จะเปน็ การติดต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กบั เคร่ือง คอมพิวเตอร์ด้วยกัน (machine to machine) หรือคนกับคน (human to human) หรือคนกับ เครื่องคอมพิวเตอร์ (human to machine) และการติดต่อสื่อสารดังกล่าวจะทาให้ข้อมูลที่เป็นทั้ง ขอ้ ความ เสียง ภาพน่งิ และภาพเคลอ่ื นไหวสามารถสง่ ไดท้ ันที 7.1.5 ระบบสารสนเทศช่วยทาให้การประสานงานระหว่างฝ่ายต่าง ๆ เป็นไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะหากระบบสารสนเทศนั้นออกแบบ เพ่ือเออ้ื อานวยให้หน่วยงานท้ังภายในและภายนอกท่ีอยู่ ในระบบของซพั พลายทัง้ หมด จะทาให้ผทู้ ่มี สี ่วนเกยี่ วขอ้ งทั้งหมดสามารถใชข้ ้อมลู ร่วมกันได้ และทาให้ การประสานงาน หรือการทาความเข้าใจเป็นไปไดด้ ว้ ยดยี ่งิ ขน้ึ 7.2 ประสทิ ธิผล 7.2.1 ระบบสารสนเทศช่วยในการตัดสินใจ ระบบสารสนเทศที่ออกแบบสาหรับผู้บริหาร เช่น ระบบสารสนเทศท่ีช่วยในการสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision support systems) หรือระบบ สารสนเทศสาหรับผู้บริหาร (Executive support systems) จะเอื้ออานวยให้ผู้บริหารมีข้อมูลในการ ประกอบการตดั สินใจไดด้ ขี ้นึ อนั จะสง่ ผลให้การดาเนินงานสามารถบรรลุวตั ถุประสงคไ์ ว้ได้ 7.2.2 ระบบสารสนเทศช่วยในการเลือกผลิตสินค้า/บริการท่ีเหมาะสม ระบบสารสนเทศ จะช่วยทาให้องค์การทราบถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับต้นทุน ราคาในตลาดรูปแบบของสินค้า/บริการที่มี อยู่ หรือช่วยทาให้หน่วยงานสามารถเลือกผลิตสินค้า/บริการที่มีความเหมาะสมกับความเช่ียวชาญ หรอื ทรพั ยากรทมี่ ีอยู่ 7.2.3 ระบบสารสนเทศช่วยปรับปรุงคุณภาพของสินค้า/บริการให้ดีขึ้น ระบบสารสนเทศ ทาให้การติดต่อระหว่างหน่วยงานและลูกค้า สามารถทาได้โดยถูกต้องและรวดเร็วขึ้น ดังนั้นจึงช่วยให้ หน่วยงานสามารถปรับปรุงคุณภาพของสินค้า/บริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ดีข้ึนและ รวดเรว็ ขน้ึ ดว้ ย ความร้เู บื้องต้นเกย่ี วกับระบบสารสนเทศ

16 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 7.2.4 ความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive Advantage) ระบบสารสนเทศช่วย ทาให้การผลิตสินค้า / บริการใหม่ ๆ ที่มีความแตกต่างจากคู่แข่งขันได้ รวมทั้งระบบสารสนเทศทาให้ การบริการลูกค้าดีข้ึน โดยการปรับปรุงคุณลักษณะของสินค้า/ บริการเพื่อให้สามารถตอบสนองความ ต้องการของลูกค้าได้ในปริมาณท่มี ากขึ้น 7.3 คุณภาพชีวิตการทางาน ทาให้เกิดความสมดุลระหว่างความต้องการของมนุษย์และ ประสิทธิภาพของเทคโนโลยี เช่น การประชุมทางไกล (Video conference) ทาให้ลดข้อจากัดเรื่อง เวลาและสถานท่ี (Time and Space) ลงไป 8. กจิ กรรมในระบบสารสนเทศ ในแต่ละกิจกรรมของการประมวลสารสนเทศเบ้ืองต้น ( หรือการประมวลผลข้อมูล) ที่เกิดข้ึน ในระบบสารสนเทศ ใหน้ ึกถึงขอ้ มลู เขา้ การประมวลผล ขอ้ มูลออก การจดั เก็บ และกิจกรรมควบคุมที่ เกิดข้นึ ในระบบสารสนเทศ 8.1 การนาเข้าของทรัพยากรข้อมูล ข้อมูลรายการทางธุรกิจหรือเหตุการณ์อ่ืนๆ จะถูกอ่านและเตรียมสาหรับการประมวลผล ใน กิจกรรมนาเข้า (Input Activity) ซ่ึงโดยปกติจะเป็นการป้อนข้อมูล (Data Entry) โดยผู้ใช้จะบันทึก ข้อมูลเกี่ยวกับรายการเปลี่ยนแปลง (Transaction) จากแบบฟอร์มหรือป้อนโดยตรงเข้าสู่ระบบ คอมพิวเตอร์ รวมถึงกิจกรรมการตรวจสอบ (Editing Activity) เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลนั้นถูกต้อง และ โอนไปเกบ็ ยังสือ่ กลาง เชน่ จานแม่เหลก็ 8.2 การประมวลผลข้อมูลใหเ้ ป็นสารสนเทศ ข้อมูลโดยปกติจะประมวลผลโดยกิจกรรม เช่น การคานวณ เปรียบเทียบ เรียงลาดับ จาแนก และสรุปผล กิจกรรมเหล่าน้ีจัดระเบียบ วิเคราะห์ และจัดดาเนินข้อมูลเพื่อแปลงเป็นสารสนเทศ สาหรับผู้ใช้ เป็นข้อมูลคุณภาพเก็บไว้ในระบบสารสนเทศ และมีการบารุงรักษาโดยกระบวนการแก้ไข และกจิ กรรมการปรบั ปรุงใหข้ ้อมูลทันสมัยอย่างต่อเน่ือง ตัวอย่างเช่นข้อมลู การสงั่ ซ้ือควร 1) บวกเพมิ่ เขา้ ไปในยอดขาย 2) เปรยี บเทียบกบั มาตรฐานที่ กาหนดไว้เพ่ือกาหนดส่วนลดท่ีมีสิทธิได้รับ 3) เรียงลาดับรหัสผลิตภัณฑ์ 4) จาแนกหมวดผลิตภัณฑ์ เช่นหมวดอาหารและไม่ใช่อาหาร 5) รายงานผลสรุปจัดส่งให้ผู้จัดการขาย และ 6) ปรับปรุงข้อมูล ประวตั กิ ารขาย 8.3 การแสดงผลลพั ธ์ของสารสนเทศ สารสนเทศหลายรูปแบบถูกนาเสนอให้แก่ผู้ใช้จากกิจกรรมส่งข้อมูลออก (Output Activity) เปา้ หมายของสารสนเทศ คือ การผลติ ผลิตภัณฑ์สารสนเทศ (Information Products) ทเ่ี หมาะสมแก่ ผู้ใช้ในรูปแบบของข้อความ (Message) รายงาน แบบฟอร์ม และภาพกราฟิก ซึ่งอาจจัดแสดงทาง จอภาพ ทางกระดาษ ด้วยเสียง หรือส่ือประสม เพื่อใช้ในการทางานกิจวัตรประจาวันในองค์กรและ ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกีย่ วกบั ระบบสารสนเทศ

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 17 ชีวิตประจาวัน ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการขายอาจดูท่ีจอภาพเพ่ือตรวจสอบผลการปฏบิ ัติงานของพนักงาน ขาย รับรายงานผลการขายประจาเดือนจากเครื่องพิมพ์ หรือรับข้อมูลเสียง (Voice Message) จาก โทรศพั ท์ 8.4 การจัดเกบ็ ทรัพยากรข้อมูล หนว่ ยเก็บข้อมลู เปน็ ส่วนประกอบเบื้องต้นของระบบสารสนเทศ การจดั เก็บเปน็ ส่วนหน่งึ ของ กิจกรรมท่ีทาให้ข้อมูลและสารสนเทศอยู่ในรูปแบบท่ีจัดระเบียบ เป็นเขตข้อมูล ระเบียน แฟ้มข้อมูล และฐานขอ้ มลู เพ่อื ใชป้ ระมวลผลเป็นขอ้ มูลออกในภายหลงั 8.5 การควบคมุ การปฏบิ ตั ิงานของระบบ กิจกรรมท่ีสาคัญของระบบสารสนเทศ คือ การควบคุม การปฏิบัติการของระบบ ในระบบ สารสนเทศจะเกิดผลป้อนกลับของ ข้อมูลเข้า การประมวลผล ข้อมูลออก และการบันทึกข้อมูล ผล ป้อนกลับนี้จะใช้เฝ้าสังเกตและประเมินผลการปฏิบัติการของระบบว่าอยู่ในเกณฑ์มา ตรฐานหรือไม่ และจะถูกปรับปรุงเพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลิตภัณฑ์สารสนเทศท่ีเหมาะสมกบั ผใู้ ชต้ ่อไป ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการอาจพบว่าในรายงานมีผลรวมย่อยไม่ได้รวมอยู่ในยอดขายท้ังหมด ซ่ึง อาจหมายถึงการป้อนข้อมูลหรือกระบวนคาสั่งของการประมวลผลไม่ถูกต้อง ดังนั้นการแก้ไขจะต้อง เกิดข้ึนเพื่อให้แน่ใจว่ารายการเปลย่ี นแปลงการขายทั้งหมดได้ถูกนามาประมวลผลในระบบสารสนเทศ การขาย 9. แนวโนม้ ของระบบสารสนเทศ การนาระบบสารสนเทศมาประยุกต์ใช้งานในธุรกิจ ได้แผ่ขยายเป็นวงกว้างจนกระทั่งได้รับ การยอมรับภายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยพิจารณาจากรูปที่ 2-3 ที่ได้สรุปผลการเปล่ียนแปลงภาย ในช่วงระยะเวลาตัง้ แตอ่ ดตี จนถงึ ปัจจบุ ัน เร่มิ ตน้ จากยุคแห่งการประมวลผลข้อมลู คือต้ังแต่ปี ค.ศ. 1950-1960 ทไี่ ด้นาคอมพวิ เตอร์เข้า มาใช้เพื่อการจัดเก็บข้อมูล จัดเรียงข้อมูล และประมวลผลข้อมูลเพ่ือแสดงผลลัพธ์ท่ีเรียกว่าการ ประมวลผลข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Data Processing) หรือ EDP โดยจุดประสงค์ของ ระบบ EDP คือ การประมวลผลรายการข้อมูล (Transaction Processing) เช่น การบันทึกข้อมูลทาง บัญชี การบันทกึ รายการสง่ั ซ้ือวัตถดุ ิบ การบันทึกการชาระเงิน ทน่ี าระบบคอมพวิ เตอร์มาชว่ ยคานวณ และประมวลผล เพอ่ื ความรวดเรว็ และถูกต้อง ปี ค.ศ. 1960 ได้เกิดแนวคิดของ ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ (Management Information Systems) ขึ้นมา หรือที่เรียกว่า MIS และบทบาทใหม่ของ MIS มุ่งประเด็นในเรื่องการ พัฒนาระบบสารสนเทศในทางธุรกิจ เพื่อใช้ในการจัดการ วางแผน และการควบคุมการดาเนินงาน รวมถึงการใช้ประโยชน์จากสารสนเทศเพ่ือการตัดสินใจ กล่าวคือ ระบบ MIS ได้มงุ่ เน้นการนารายการ ความรู้เบื้องต้นเกยี่ วกับระบบสารสนเทศ

18 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 ข้อมูลต่างๆ ท่ีจัดเก็บไว้ มาจัดทาเป็นรายงานทางสารสนเทศเพ่ือเสนอต่อผู้บริหารให้สามารถนาไปใช้ ประโยชนเื พื่อการตดั สินใจได้ ปี ค.ศ. 1970 ได้เกิดแนวคิดของ ระบบสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ (Decision Support System) หรือ DSS ที่ถือเป็นบทบาทใหม่ของระบบสารสนเทศท่ีสามารถนามาใช้เพ่ืองานสนับสนุน การตัดสินใจของผูบ้ รหิ ารมากข้ึน กล่าวคอื ระบบ MIS ยงั เป็นระบบทย่ี งั ไมเ่ พียงพอต่อการนาไปใช้เพ่ือ สนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหาร และปกติระบบ MIS มักเป็นการจัดทารายงานสารสนเทศจาก ข้อมลู ภายในองค์กรเป็นหลักสาคัญ ทีน่ าเสนอต่อผู้บริหารระดับล่าง ในขณะทร่ี ะบบ DSS นอกจากจะ นาข้อมูลภายในองค์กรมาใช้งานแล้ว ยังมีการนาข้อมูลสารสนเทศจากภายนอกมาใช้งานร่วมกัน เพ่ือ สนับสนุนงานตัดสินใจตามหัวเร่ืองต่างๆ ท่ีผู้บริหารระดับกลางสามารถป้อนคาถามเข้าสู่ระบบว่า ถ้ามี การตัดสินใจบนทางเลือกนี้จะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น จะพบว่า หัวข้อคาถามที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะมีตัว แปรต่างๆ มากมายท้ังจากปจั จยั ภายในและภายนอก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 เป็นต้นมา บทบาทใหม่อันหลากหลายสาหรับระบบสารสนเทศก็ได้เกิด ขึ้นมาอย่างมาก ประการแรกคือ การพัฒนาความเร็วในการประมวลผลของไมโครคอมพิวเตอร์ การมี ซอฟตแ์ วรส์ าเรจ็ รูปใหเ้ ลอื กใชง้ านมากขน้ึ และการสื่อสารข้อมูลผา่ นระบบเครือขา่ ย ทาให้ผใู้ ชส้ ามารถ ใช้งานคอมพิวเตอร์ต่างๆ เพื่อเช่ือมโยงเข้าไปยังศูนย์กลางได้ ประการที่สอง ได้เกิดแนวคิดของระบบ สารสนเทศสาหรบั ผู้บริหารระดับสงู (Executive Information Systems) หรือระบบ EIS ขึ้นมา ทีน่ า ระบบสารสนเทศมาใช้ เพ่ือหาโอกาสทางธุรกิจที่นับวันมีความซับซ้อนสูงขึ้น โดยผู้บริหารระดับสูง สามารถนาสารสนเทศที่ได้จากระบบ EIS น้ีมากาหนดเป็นแผนกลยุทธ์และยุทธวิธีในการตัดสินใจถึง อนาคตขององค์กร และประการที่สามคือ การพัฒนาความก้าวหน้าของ ระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligent: AI) ท่ีจัดเป็นระบบขั้นสูงท่ีสามารถลอกเลียนความฉลาดของมนษุ ย์มาใช้ เพ่ือ ประเมินสถานการณ์การตัดสินใจภายใต้เหตุการณ์หรือสมมติฐานน้ันๆ จนเป็นที่มาของระบบต่างๆ ท่ี แตกแขนงออกมา เช่น ระบบผู้เช่ียวชาญ (Expert Systems) และระบบฐานความรู้ (Knowledge- Based Systems) รวมถึงหนุ่ ยนต์ เปน็ ต้น บทบาทใหม่อันสาคัญของระบบสารสนเทศในช่วงปี 1980 ที่ต่อเนื่องมาจนถึงปี ค.ศ. 1990 ได้เกิดแนวคิดของระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ (Strategic Information Systems: SIS) ข้ึนมา แนวคิดดังกล่าวมีการนาเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาผนวกรวมเข้ากับกระบวนการธุรกิจให้เป็นแบบ เบ็ดเสร็จ จนกระทั่งได้ผลิตภัณฑ์หรอื บริการข้ึนมาทพี่ ร้อมส่งมอบแกล่ ูกค้า ซึง่ ส่งเสริมให้องค์กรมีความ ได้เปรยี บและพร้อมท่ีจะแข่งขันในระบบตลาดโลก ตอ่ มาในชว่ งกลางปี – ปลายปี ค.ศ. 1990 รปู แบบ การดาเนินธุรกิจได้เกิดภาวะการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ก่อให้เกิดระบบวางแผนทรัพยากรทาง ธุรกิจแบบท่ัวทั้งองค์กร (Enterprise Resource Planning Systems: ERP) ระบบที่องค์กรสามารถ นามาใช้เป็นกลยุทธท์ างสารสนเทศ เพ่ือการบรหิ ารงานแบบเบ็ดเสรจ็ ท่ีประกอบดว้ ย การวางแผน การ ผลิต การขาย การจัดการทรัพยากร การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ การควบคุมสินค้าคงคลัง การจัดการ ความรู้เบ้อื งตน้ เกยี่ วกบั ระบบสารสนเทศ

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 19 ด้านการเงนิ การบรหิ ารทรัพยากรมนษุ ย์ และการตลาด ซึง่ จะใช้ระบบสารสนเทศควบคุมกระบวนการ ธุรกิจทั่วท้ังระบบ สามารถเชื่อมโยงเพื่อใช้ข้อมูลร่วมกันระหว่างองค์กรหรือท่ัวโลก ซ่ึงจัดเป็นกลยุทธ์ ทางระบบสารสนเทศ ที่องค์กรสามารถนามาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทางาน รวมถึง การชิงความไดเ้ ปรยี บในทางตลาด ด้วยอัตราการเติบโตของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต และเอ็กซ์ทราเน็ต รวมถึงการ เช่ือมต่อเครือข่ายระดับสากลต้ังแต่ช่วงปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา จนกระท่ังถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 21 เร่ิมมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ระบบสารสนเทศได้มีบทบาทต่อการขับเคล่ือนทาง ธุรกิจอย่างมาก เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตถูกนามาประยุกต์ใช้ในธุรกิจมากขึ้น มีการพัฒนาระบบ สารสนเทศท่ีทางานภายใต้เทคโนโลยีเว็บ จนเป็นที่มาของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรืออีคอมเมิร์ช ดังน้ันระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีเว็บในปัจจุบันจึงเป็นทรัพยากรสาคัญที่ถูกนามาใช้เป็นกลยุทธ์ ขององค์กรสมยั ใหม่ จากบทบาทของระบบสารสนเทศในแต่ละยุค จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า กว่า 50 ปีที่ผ่านมาได้ ยืนยันถึงความสามารรถของระบบสารสนเทศที่นามาใช้ในธุรกิจ รวมถึงได้รับการยอมรับว่า ธุรกิจ สมัยใหม่มีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่นกับระบบสารสนเทศอย่างแยกกันไม่ได้ เพราะระบบ สารสนเทศไดผ้ นวกเข้าเปน็ หน่ึงเดยี วกับกิจกรรมทางธรุ กิจ ความรูเ้ บ้ืองต้นเก่ียวกบั ระบบสารสนเทศ

20 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 ระบบวางแผนทรพั ยากรธรุ กจิ แบบทวั่ ทงั้ องค์กร : 2000s-2010s การประยกุ ต์ใชเ้ หมืองขอ้ มลู และ data visualization ระบบบรหิ ารลกู คา้ สมั พันธ์ และระบบจัดการหว่ งโซ่อปุ ทาน รปู ที่ 1.4 บทบาทของระบบสารสนเทศท่ขี ยายตวั ในแตล่ ะยุค (โอภาส เอ่ียมสิรวิ งศ์, 2554) นอกจากน้ี อรรถกร เก่งพล (2548) ยังได้กล่าวถึงแนวโน้มของระบบสารสนเทศในอนาคตจะ ถกู ใชม้ ากขนึ้ อยา่ งกวา้ ขวางในด้านตา่ งๆ ตอ่ ไปน้ี 1. โทรศัพท์เคล่ือนทบ่ี ริการเชิงพาณชิ ย์ (Mobile Phone Service Commerce) โทรศัพท์เคล่ือนท่ีบริการเชิงพาณิชย์ หมายถึง การทาธุรกิจโดยผ่านโทรศัพท์เคลื่อนท่ี เช่น การที่ผู้บริโภคสามารถดูโทรทัศน์จากบริการโทรศัพท์เคล่ือนที่โดยเสียค่าใช้จ่ายในอัตราพิเศษ นอกจากน้ัน โทรศัพท์เคล่ือนที่สามารถที่จะเป็นสถานท่ีเสนอซื้อ-ขาย-เล่นเกมส์-ควบคุมการทางาน โดยการใช้ระบบสารสนเทศใหเ้ กดิ ประโยชน์สูงสุด 2. การบรู ณาการของระบบสารสนเทศและเครื่องใช้ (Integrated Information and Appliance) ขณะนี้ได้มีผู้ผลิตเคร่ืองใช้ภายในบ้านหลายบริษัทได้นาเอาอินเทอร์เน็ตเข้ามาใช้งานร่วมกัน กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น ตู้เย็น เม่ือผู้ใช้หยิบอาหารหรือเคร่ืองดื่มออกจากตู้ ระบบ ความรูเ้ บือ้ งต้นเกยี่ วกบั ระบบสารสนเทศ

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 21 อินเทอร์เน็ตจะติดต่อไปท่ีร้านค้าให้นาสินค้าน้ันมาส่งถึงท่ีบ้านในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนั้น อินเทอร์เน็ตยังถูกนาไปใช้ในเตาอบไมโครเวฟ เช่น ผู้ใช้สามารถค้นหาวิธีทาอาหารได้โดยตรงจากเตา ไมโครเวฟ โดยค้นหาผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือการใช้กล้องอินเทอร์เน็ตเพ่ือปรึกษาวิธีการปรุง อาหารให้ถูกต้อง เปน็ ตน้ 3. การบรู ณาการของอนิ เทอร์เนต็ และการใชค้ อมพิวเตอรภ์ ายในบา้ น เม่ือเครอื่ งใช้ภายในบา้ นสามารถใชง้ านรว่ มกันกับอินเทอร์เน็ต และเป็นระบบออนไลน์ทันที () ดังน้ันผู้ใช้สามารถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ต่อเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตเพ่ือใช้สั่งการคอมพิวเตอร์ภายใน บ้าน เพ่ือให้เครื่องใช้ภายในบ้านทางานตามคาสั่งที่ต้องการ เช่น ก่อนจะกลับถึงบ้าน ผู้ใช้สามารถใช้ โทรศัพท์เคลื่อนที่สั่งการให้คอมพิวเตอร์ภายในบ้านเปิดระบบปรับอากาศ หรือสั่งให้เครื่องทาน้าร้อน ต้มน้า เป็นต้น นอกจากน้ันยังสามารถเฝ้าดูสถานท่ีต่างๆ ภายในบ้าน โดยดูผ่านกล้องอินเทอร์เน็ต และยงั สามารถส่ังใหก้ ลอ้ งส่งสญั ญาณให้ผใู้ ช้รทู้ นั ทที ีม่ ีการเคลอื่ นไหวบุกรุกจากคนแปลกหนา้ อีกดว้ ย สรุป บทบาทความสาคัญของสารสนเทศ เป็นผลเน่ืองมาจากการเปล่ียนแปลงของสภาพแวดล้อม ท่ีได้แบ่งวิวัฒนาการของสังคมโลกออกเป็น 3 ยุค คือ เกษตร อุตสาหกรรม และสารสนเทศ และได้ เปรียบเทียบลักษณะสังคมแต่ละยุค โดยพิจารณาจากปัจจัยการผลิตหลักที่เป็นตัวขับเคล่ือนระบบ เศรษฐกิจ ข้อมูล คือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือข้อมูลดิบที่ยังไม่ผ่านการประมวลผล ยังไม่มี ความหมายในการนาไปใช้งาน ข้อมูลอาจเป็นตัวเลข ตัวอักษร สัญลักษณ์ รูปภาพ เสียง หรือ ภาพเคลื่อนไหว สารสนเทศ คือข้อมูลที่ได้ผ่านการประมวลผลหรือจัดระบบแล้ว เพื่อให้มีความหมาย และคุณค่าสาหรับผู้ใช้ ลักษณะของสารสนเทศที่ดี คือต้องเป็นปัจจุบัน มีความถูกต้อง ชัดเจน องค์ประกอบระบบสารสนเทศ ประกอบดว้ ย ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ ฐานขอ้ มลู เครือข่าย กระบวนการ และ คน บทบาทของนักบริหารและผู้ปฏิบัติการเกี่ยวกับสารสนเทศ สามารถกาหนดสารสนเทศที่ ตอ้ งการได้ สามารถดาเนินการหรอื ปฏบิ ตั งิ านได้อย่างเหมาะสม โดยอาศยั การพจิ ารณาจากสารสนเทศ ท่ีมอี ย่หู รอื ท่ไี ด้มา ใชส้ ารสนเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมายและอยา่ งมีจรยิ ธรรม แนวคดิ เกยี่ วกบั ระบบ สารสนเทศเพื่อการจัดการจาเป็นต้องอาศัยความรู้ในสาขาวิชาตา่ ง ๆ แบ่งการศึกษาระบบสารสนเทศ ออกเป็น 3 แนวทาง คือ แนวทางด้านเทคนิค แนวทางด้านพฤติกรรม และแนวทางการผสมผสาน ระหว่างเทคโนโลยีและสังคม ประโยชน์ของระบบสารสนเทศ ต้องใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและทาให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น แนวโน้มของระบบสารสนเทศจะถูกนามาใช้ในชีวิตประจาวนั มากยงิ่ ขนึ้ ความรู้เบอ้ื งต้นเก่ียวกับระบบสารสนเทศ

22 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 แบบฝึกหัด 1. บอกความสาคัญของสารสนเทศทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับชีวติ ประจาวัน 2. อธิบายความหมายของข้อมูล สารสนเทศ และความรู้ และบอกข้อแตกต่างของข้อมูลและ สารสนเทศ 3. ลักษณะของสารสนเทศทีด่ ีประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง 4. องคป์ ระกอบระบบสารสนเทศ ประกอบด้วยอะไรบา้ ง 5. ใหบ้ อกบทบาทของนกั บริหารและผู้ปฏบิ ตั กิ ารเกยี่ วกับสารสนเทศในการทางานในองค์กร 6. แนวคิดเกี่ยวกับระบบสารสนเทศทนี่ ามาใชใ้ นองค์กรเกีย่ วขอ้ งกบั สิ่งใดบ้าง 7. ประโยชน์ของระบบสารสนเทศมอี ะไรบา้ ง 8. กิจกรรมในระบบสารสนเทศมกี ี่ขั้นตอน อะไรบา้ ง 9. แนวโน้มของระบบสารสนเทศทเี่ กย่ี วข้องกบั การดาเนนิ ชีวิตมีอะไรบา้ ง ความร้เู บ้อื งตน้ เกยี่ วกบั ระบบสารสนเทศ

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 23 เอกสารอา้ งอิง ทพิ วรรณ หลอ่ สวุ รรณรัตน.์ (2547). ระบบสารสนเทศเพอ่ื การจัดการ. กรุงเทพฯ: แซทโฟร์ พรนิ้ ตงิ้ จากดั . อรรถกร เก่งพล. (2548). ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ. กรงุ เทพฯ: เจเนซิสมีเดียคอม. โอภาส เอ่ยี มสริ วิ งศ.์ (2554). ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ(Management Information Systems: MIS). กรุงเทพฯ: ซเี อ็ดยเู คขั่น. ความรเู้ บ้อื งตน้ เกย่ี วกับระบบสารสนเทศ

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 25 รายวชิ า แผนบรหิ ารการสอนประจาบทที่ 2 การจัดระบบสารสนเทศทางการศกึ ษาดว้ ยคอมพวิ เตอร์ หัวข้อเน้อื หา 1. เทคโนโลยดี า้ นฮารด์ แวร์ 2. ซอฟตแ์ วรค์ อมพวิ เตอร์ 3. เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ 4. เทคโนโลยฐี านขอ้ มูลและการจัดการฐานข้อมูล วตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม 1. อธิบายเกยี่ วกับเทคโนโลยดี ้านฮารด์ แวร์ได้ 2. อธิบายเกย่ี วกบั ซอฟตแ์ วรค์ อมพวิ เตอร์ได้ 3. อธิบายเกี่ยวกับเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ได้ 4. อธบิ ายเทคโนโลยฐี านขอ้ มูลและการจัดการฐานขอ้ มลู ได้ วิธีสอนและกิจกรรมการเรยี นการสอนประจาบท 1. บรรยายเน้อื หาในแต่ละหวั ข้อ พร้อมยกตัวอยา่ งประกอบ 2. ศึกษาจากเอกสารประกอบการสอน 3. ผสู้ อนสรุปเนอ้ื หา และซักถามในช้นั เรยี น 4. ทาแบบฝึกหัดเพ่ือทบทวนบทเรียน 5. ผเู้ รียนถามข้อสงสัย เทคโนโลยีสารสนเทศ

26 เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 สอ่ื การเรยี นการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาการจดั การสารสนเทศทางการศกึ ษาด้วยคอมพวิ เตอร์ 2. ภาพเลอื่ น (Slide) 3. ตวั อยา่ งจากหนงั สือวชิ าการจัดการสารสนเทศทางการศึกษาและเว็บไซต์ที่เกย่ี วข้อง 4. เครอื่ งคอมพิวเตอร์ การวดั ผลและการประเมนิ 1. ประเมินจากการซกั ถามในชนั้ เรียน 2. ประเมินจากการทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบท 3. ประเมินจากความรับผดิ ชอบต่อการเรยี น เทคโนโลยสี ารสนเทศ

เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 27 บทที่ 2 เทคโนโลยีกับระบบสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เพ่ือให้การบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับ การลงทุน การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประกอบด้วย ระบบคอมพิวเตอร์ เครือข่าย และการสื่อสารขององค์กร มีหลักการท่ีสาคัญในการพิจารณาประกอบด้วย การศึกษาและเลือกใช้ เทคโนโลยีที่เหมาะสม การลดการใช้พลังงานและคุ้มค่าต่อการลงทุน โดยให้มีการใช้ทรัพยากรร่วมกัน อย่างมีประสิทธิภาพ และยึดถึงแนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบเป็นประเด็นสาคัญต่อ การออกแบบสถาปัตยกรรมระบบคอมพิวเตอร์ เครือข่ายและการส่ือสาร ท้ังที่เป็นเครือข่ายสารสนเทศ ภายในหน่วยงานและเครอื ข่ายอินเทอรเ์ น็ต มรี ายละเอียดดงั นี้ 1. เทคโนโลยดี ้านฮาร์ดแวร์ ฮาร์ดแวร์ในความหมายทางคอมพิวเตอร์ จะอ้างอิงถึงอุปกรณ์ทางกายภาพของคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ท่ีเกี่ยวข้อง ท่ีสามารถมองเห็นและสัมผัสได้ ซ่ึงตามปกติแล้ว องค์กร หรือบริษัทท่ัวไป จะพิจารณาซอฟต์แวร์ก่อนฮาร์ดแวร์เสมอ เนื่องจากธุรกิจส่วนใหญ่มักจะมุ่งเน้นถึง ระบบงานที่นามาใช้สนับสนุนการทางานภายในองค์กรและช่วยงานด้านตัดสินใจของผู้บริหารเป็นหลัก สาคัญ โดยเม่ือได้พิจารณาซอฟต์แวร์เป็นท่ีเรียบร้อยแล้ว ข้ันตอนต่อไปนี้ก็คือ การจัดหาอุปกรณ์ ฮารด์ แวร์ที่เหมาะสม เพื่อนามาใช้สาหรับรันซอฟต์แวร์ อยา่ งไรก็ตาม ถึงแม้วา่ องค์กรสมัยใหม่ในยุคน้ี จะพิจารณาซอฟต์แวร์เป็นอันดับแรกก็ตามแต่กรณีที่องค์กรมีระบบงานเดิมอยู่ และได้มีการลงทุนด้าน ฮาร์ดแวร์มาก่อนแล้ว เม่ือมีการนาซอฟต์แวร์ตัวใหม่มาใช้งาน ก็อาจคัดเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมกับ อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่ เพ่ือไม่ต้องลงทุนฮาร์ดแวร์ใหม่ท้ังหมด แต่ก็มีความจาเป็นต้องพิจารณาถึง ประสทิ ธภิ าพของฮาร์ดแวร์ท่ีใชง้ านอยู่ในปัจจุบนั ว่า อยใู่ นระดบั ท่ีพอรบั ได้และคุ้มค่าในภาพรวมหรือไม่ เน่ืองจากเทคโนโลยีทางฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะซีพียู ได้มีการพัฒนาด้านความเร็วทุก ๆ ปี ประกอบกับ ซอฟต์แวร์เวอร์ช่ันใหม่ ๆ มักใช้ทรัพยากรระบบสูง จึงต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการรัน และประมวลผล เทคโนโลยสี ารสนเทศ

28 เอกสารประกอบการสอนรายวิชา CE20401 1.1 สว่ นประกอบของคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปจะมีส่วนประกอบและการทางานพ้ืนฐานท่ีคล้ายคลึงกัน อัน ประกอบด้วยอุปกรณ์รับข้อมูล ซีพยี ู หน่วยความจาภายใน สือ่ จดั เกบ็ ข้อมูล และอุปกรณ์แสดงผล ที่ แสดงไว้ดงั รูปท่ี 2.1 ดงั ตอ่ ไปน้ี รูปท่ี 2.1 สว่ นประกอบของคอมพิวเตอร์ ท่ีมา: Gary B. Shelly and Misty E. Vermaat, 2012). 1.1.1 อุปกรณร์ ับข้อมูล (Input Devices) เป็นอปุ กรณท์ ีน่ ามาใชร้ ับข้อมลู จากภายนอก และถ่ายโอนไปสู่ตัวคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์นาเข้าโดยทั่วไป ส่วนใหญ่มักหมายถึงคีย์บอร์ด และเมาส์ นอกจากนม้ี อี ุปกรณท์ ่ีใชส้ าหรบั รบั ข้อมูลชนดิ เสยี ง ภาพ หรือสญั ญาณอื่น ๆ สาหรับการคดั เลือกอุปกรณ์ รับข้อมูลเพื่อนามาใช้งาน จะข้ึนอยู่กับลักษณะการใช้งานและความเหมาะสมเป็นสาคัญ โดยหลังจาก การเรียนรู้รายละเอียดของอุปกรณ์จากเนื้อหาต่อไปน้ี ก็สามารถนาไปพิจารณาอุปกรณ์ที่จะนามาใช้ อินพุตขอ้ มูลไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (1) คีย์บอร์ด (Keyboard) จัดเป็นอุปกรณ์รับข้อมูลพ้ืนฐานท่ีถูกนามาใช้งานอย่าง แพรห่ ลายจนถงึ ปจั จบุ ัน ใชส้ าหรับป้อนขอ้ มูลและชุดคาส่ังต่าง ๆ เข้าสรู่ ะบบคอมพวิ เตอร์ รวมถงึ การใช้ ปุ่มฟงั ก์ชัน่ บนแปน้ พิมพ์ เพ่ือสั่งให้ทางานตามคาส่งั ทร่ี ะบไุ ว้ (2) เมาส์ (Mouse) สาหรับระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแบบกราฟิก (Graphics User Interface: GUI) อย่างระบบปฏิบัติการวินโดวส์ หรือแมคโอเอส จาเป็นต้องมีอุปกรณ์ เมาส์ ทีน่ ามาใชค้ วบคุมเคอร์เซอร์บนหนา้ จอคลกิ ไอคอน หรอื คลิกปุม่ ตา่ ง ๆ เพอ่ื สัง่ ให้ทางาน ปัจจบุ นั เมาส์มหี ลายรปู แบบใหเ้ ลือกใชง้ าน ทผ่ี ู้ใช้สามารถเลือกใชง้ านได้ตามความถนดั หรอื ความพอใจ (3) สไตลัส (Stylus) เป็นอุปกรณ์ท่ีมีลักษณะคล้ายปากกา นิยมนามาใช้กับ คอมพิวเตอร์มือถือ หรือเคร่ือง PDA เช่น ปาล์มคอมพิวเตอร์ พ็อกเก็ตพีซี และแท็บเล็ตพีซี โดย เทคโนโลยสี ารสนเทศ

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 29 นามาใช้สัมผัสกับผิวหน้าจอ ที่เป็นจอภาพชนิดแอลซีดี (คล้ายกับจอภาพสัมผัส) ผู้ใช้งานสามารถใช้ ปากกาสไตลัสในการเลือกเมน/ู คาส่ัง สง่ อีเมล และลงลายเซน็ (4) ปากกาแสง (Light Pen) เปน็ ปากกาทอี่ อกแบบมาพิเศษ ดว้ ยการใชเ้ ทคโนโลยี ความเข้มของแสงเพื่อกาหนดจุดคาส่งั และยงิ ลาแสงไปยังผิวหน้าจอ ซ่งึ จอภาพท่ีใช้งานจะได้รับการ ออกแบบมาเพ่ือใชก้ ับปากกาชนดิ น้โี ดยเฉพาะปากกาแสงส่วนใหญ่ถูกนาไปใชก้ บั งานออกแบบ และทาง การแพทย์ (5) จอภาพแบบสัมผัส (Touch Screen) เป็นอุปกรณ์ท่ีนอกจากนามาใช้เพ่ือการ แสดงผลแลว้ ยงั สามารถนามาใชร้ บั ข้อมลู ดว้ ยการใช้นวิ้ สมั ผัสหรือกดเบา ๆ ตรงตาแหนง่ ทีต่ ้องการบน จอภาพ ผิวสัมผัสบนจอภาพชนิดน้ี ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยเมื่อมีการสัมผัสท่ีผิวหน้าจอ ก็จะ เกิดคล่ืนเสียงขึ้น ซึ่งถือเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง ทาให้รู้ตาแหน่งที่ถูกสัมผัสและสั่งให้ซอฟต์แวร์ทางาน ตามคาส่ังต่อไป ธุรกิจท่ีเหมาะกับการนาจอภาพแบบสัมผัสไปใช้งาน ก็คือ ธุรกิจธนาคาร การ ทอ่ งเท่ยี ว โรงแรม สวนอาหาร/ภตั ตาคาร สายการบิน สถานบนั เทิง และพพิ ธิ ภัณฑ์ เปน็ ต้น (6) สแกนเนอร์ (Scanners) เป็นอุปกรณ์ท่ีนามาสแกนวัตถุหรือเอกสารให้อยู่ในรูป ของไฟล์ดิจิตอล โดยใช้เทคนิคการสะท้อนแสงภาพจากวัตถุ (แอนะล็อก) ให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า (ดิจิตอล) หลักการทางานก็คือจะส่องแสงไปยังวัตถุหรือเอกสารที่นามาสแกน จากนั้นแสงที่ส่องไปยัง วัตถุก็จะสะท้อนกลับมาและส่งไปยังอุปกรณ์ CCD (Charge Coupled Device) ซึ่งเป็นเซลล์ท่ีไวแสง สาหรับวัตถุหรือเอกสารที่ถูกจัดเก็บอยู่ในรูปแบบของไฟล์ภาพดิจิตอล เพื่อนาไปใช้งานหรือใช้เป็น หลักฐานอา้ งองิ (7) เครื่องอ่านบาร์โค้ด (Barcode Readers) เป็นเครื่องที่นามาใช้อ่านรหัสบาร์โค้ด หรือรหัสแท่ง เหมาะกับธุรกิจทั่วไปอย่างห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงงานห้องสมุด ด้วย การนามาใช้อ่านรหัส แทนการป้อนด้วยมือ ทาให้เกิดความรวดเร็ว และช่วยลดข้อผิดพลาดได้เป็น อยา่ งดี ปัจจุบันได้มกี ารนารหัสบารโ์ ค้ดมาใชง้ านอย่างกว้างขวาง (8) ร ะ บ บ จ ด จ า เ สี ย ง พู ด (Speech Recognition Systems) เ ป็ น ร ะ บ บ ที่ ใ ห้ คอมพิวเตอร์สามารถรับฟังคาส่ังจากมนุษย์ด้วยเสียงพูด และสามารถตัดสินใจได้ว่าคาพูดนั้นคือคาว่า อะไร สั่งให้ทาอะไร ผู้ใช้สามารถสั่งการให้ระบบทางานผ่านเสียงท่ีพูดผ่านอุปกรณ์อย่างไมโครโฟน จากน้ันตวั ซอฟต์แวร์ (เช่น โปรแกรม Dragon Naturally Speaking) กจ็ ะนาคาพดู ทีพ่ ดู ไปเปรียบเทียบ กับเสียงพูดท่ีถูกบันทึกไว้ในฐานข้อมูลเสียง หากวิเคราะห์แล้วเสียงถูกต้องตามรูปแบบ ก็จะส่ังงานให้ คอมพวิ เตอรป์ ฏิบตั ติ ามคาส่ัง รวมถงึ การพูดขอ้ ความต่าง ๆ เพ่ือให้ระบบรวู้ า่ เป็นคาพดู อะไร แล้วนาไป จัดพมิ พ์ลงในโปรแกรมประมวลผลคา ทง้ั นีผ้ ู้ใชไ้ ม่จาเปน็ ต้องใชน้ ิว้ มือในการพิมพ์ข้อความผ่านแป้นพิมพ์ แต่อยา่ งใด ทาใหก้ ารสั่งงานสามารถดาเนนิ การไดอ้ ย่างรวดเรว็ (9) เคร่ืองเอ็มไอซีอาร์ (Magnetic-Ink Character Reader : MICR) เป็นเครื่องอ่าน สัญลกั ษณ์และตวั เลขบนเช็คธนาคาร ซง่ึ เป็นขอ้ มลู เกีย่ วกับรหัสธนาคาร เลขที่บัญชี และหมายเลขเช็ค เทคโนโลยีสารสนเทศ

30 เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 โดยตัวเลขหรือสัญลักษณ์ดังกล่าวจะถูกออกแบบให้มีรูปแบบตามมาตรฐานท่ีกาหนดไว้ ซึ่งมี องค์ประกอบสาคัญคือจะถูกจัดพิมพ์ด้วยเทคโนโลยีหมึกแม่เหล็ก โดยเครื่อง MICR จะสามารถตรวจรู้ อกั ขระชนิดหมกึ แม่เหล็กเหลา่ นไ้ี ด้ เพือ่ ปอ้ งกันการปลอกแปลงเช็ค รปู ท่ี 2.2 หน่วยรบั ข้อมลู เข้า ทีม่ า: Gary B. Shelly and Misty E. Vermaat, 2012). 1.1.2 หนว่ ยประมวลผลกลางหรอื ซีพียู (Central Processing Unit: CPU) ซีพียูจัดเป็นส่วนสาคัญที่สุดของคอมพิวเตอร์ การประมวลผลของซีพียู จะรวบรวมชุดคาสั่ง และขอ้ มลู เข้ามา จากนัน้ ก็นามาแปลและเอ็กซีคิวต์ชดุ คาสั่ง สาหรับความหมายในเชิงเทคนิคแลว้ ซีพยี ู คือชิป เป็นแผงวงจรรวมท่ีบรรจุไปด้วยทรานซิสเตอร์ (Transistors) จานวนนับล้านตัว และด้วย เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตชิปในปัจจุบัน จานวนทรานซิสเตอร์ที่เพ่ิมข้ึนไม่ได้ส่งผลต่อขนาดของตัวชิป เลย แตข่ นาดของชิปกลับมีขนาดทเี่ ล็กลงเรื่อย ๆ ซ่งึ นอกจากจะประมวลผลด้วยความเร็วสูงแลว้ ยงั ใช้ พลังงานต่า และสาหรับคอมพวิ เตอร์บางรุ่น บางประเภท ยงั สามารถบรรจุซีพยี ูได้มากกว่าหน่ึงตัวเพื่อ เพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผล 1.1.2.1 ส่วนประกอบของหน่วยประมวลผลกลาง ซีพียูจัดเป็นหน่วยท่ีสาคัญมาก เปรียบเสมือนกับสมองมนุษย์ ที่มีหน้าทีควบคุมการปฏิบัติงานและการประมวลผลข้อมูล ซีพียูจะ รวบรวมชุดคาส่ังและข้อมูลต่าง ๆ มาประมวลผล และภายในตัวซีพียู ก็ยังประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ ดงั รปู ท่ี 2.8 ซงึ่ สามารถอธิบายรายละเอียดไดด้ งั ต่อไปนี้ เทคโนโลยีสารสนเทศ

เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า CE20401 31 (1) หนว่ ยควบคุม (Control Unit) มีหนา้ ท่ีสง่ั ระบบคอมพิวเตอร์ทางานตามคาส่งั ของ โปรแกรมตามลาดับ จนกระทงั่ บรรลุผล โดยหนว่ ยควบคมุ น้จี ะควบคุมการปฏิบัตงิ านของระบบ คอมพวิ เตอร์ตามชดุ คาสงั่ ที่ป้อนเขา้ มา (2) หน่วยคานวณและตรรกะ (Arithmetic and Logic Unit : ALU) เป็นหนว่ ยทที่ า หน้าทีค่ านวณทางคณิตศาสตร์ (+,-,*,/) เปรียบเทยี บ (>,<,>=,<=,#) และการปฏิบตั ิการทางตรรกะ (AND, OR , NOT) (3) รีจสิ เตอร์ (Register) เปน็ หน่วยความจาขนาดเล็กมาก แต่มีความเร็วสูง นามาใช้ จดั เกบ็ ข้อมูลและชุดคาสง่ั ได้จานวนจากัด ซ่ึงจะจดั เกบ็ ข้อมลู แบบชัว่ คราวในระหว่างการประมวลผล ไมโครโปรเซสเซอร์หรือซีพียู ประดิษฐ์ขึ้นจากสารซิลิคอน (Silicon)ท่ีอัดแน่นไปด้วย ทรานซิสเตอร์ ซ่ึงเป็นสารก่ึงตัวนา (Semiconductor) มีคุณสมบัติเป็นตัวนาไฟฟ้าท่ีอยู่ระหว่างตัวนา และฉนวน สิ่งที่น่าท่ึงเป็นอย่างมากก็คือ เราสามารถนาทรานซิสเตอร์จานวนนับล้านตัว มาบรรจุอยู่ ภายในชิปขนาดเล็กได้ น่ันหมายถึงจะมีวงจรไฟฟ้าอยู่จานวนมาก ซึ่งส่งผลโดยตอ่ ประสิทธิภาพในการ ประมวลผลของไมโครโปรเซสเซอร์ สาหรบั ในปจั จบุ นั ได้มีการใชเ้ ทคโนโลยีล้าสมัย ท่ผี ู้ผลติ ชปิ สามารถ ส่ังพิมพ์วงจรบนซิลิคอนท่ีมีขนาดเล็กเพียง 0.1 ไมครอน ซ่ึงมีขนาดเล็กกว่าเสน้ ผมของมนุษย์กว่าพันเท่า จึงส่งผลให้สามารถบรรจุวงจรไฟฟ้าลงในชิปได้มากกว่าร้อยล้านตัวทีเดียว ดังน้ันไมโครโปรเซสเซอร์ใน ยุคปัจจบุ ัน จงึ มพี ลงั ในการประมวลผลที่สูงมากแต่กลบั ใช้พลังงานไฟฟ้าทีล่ ดลง รปู ท่ี 2.3 ส่วนประกอบภายในของหน่วยประมวลผลกลาง ท่มี า: Gary B. Shelly and Misty E. Vermaat, 2012). เทคโนโลยสี ารสนเทศ