Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อารยธรรมอินเดีย

อารยธรรมอินเดีย

Published by jidayadum, 2019-08-11 08:12:08

Description: อารยธรรมอินเดีย

Search

Read the Text Version

พระเจ้ามิลนิ ท์ แห่งราชวงศ์อนิ โด – แบกเทรีย เป็ นชาวกรีกผสม อนิ เดยี ทห่ี ันมานับถือพทุ ธศษสนา และโปรดให้สร้างพระพทุ ธรูปขนึ้ เป็ นคร้ังแรก โดยนาเค้าโครงมาก จากเทพอพอลโลของกรีก แต่ได้ ดดั แปลงให้เป็ นศิลปะในแบบของ ตน ซ่ึงรู้จกั กนั ในช่ือ “พทุ ธศิลปะ แบบคนั ธาระ”

พระเจ้ากนิษกะมหาราช แห่งราชวงศ์กษุ าณ ทรง อปุ ถมั ภ์การสังคายนาพระพทุ ธศาสนาคร้ังท่ี 4 และ ทรงเผยแผ่พทุ ธศาสนาไปยงั เอเชียกลาง ทเิ บต จนี เกาหลี และญีป่ ่ ุน แต่เป็ นพทุ ธมหายาน นิกายสรวาสติวาทิน

3. จกั รวรรดคิ ุปตะ (ค.ศ. 320 – 535) - เป็ นจักรวรรดิทีย่ ง่ิ ใหญ่เป็ นอนั ดับ 2 รองจาก จกั รวรรดเิ มารยะ - มกี ษัตริย์ทย่ี งิ่ ใหญ่ปกครอง หลายพระองค์ เช่น พระเจ้าจันทรคุปต์ พระเจ้าสมุทรคุปต์ พระเจ้ารามคุปต์ พระเจ้ากมุ ารคุปต์ เป็ นต้น

ความเจริญสาคญั ที่เกดิ ขนึ้ ในสมยั จักรวรรดิคุปตะ มดี ังนี้ 1. ด้านการปกครอง มโี ครงสร้างการปกครองแบบ ราชาธิปไตย คือ กษตั ริย์ทุกพระองค์จะอยู่ในฐานะ สมมุตเิ ทพ ซ่ึงอวตารมาจากพระวษิ ณุมาปกครอง ประชาราษฎร์ โดยพระเจ้าจนั ทรคุปต์มีศักด์ิ เท่ากบั พญายม พระอนิ ทร์ ท้าวกเุ วร และ ท้าววรุณ ซ่ึงท้งั 4 องค์นีเ้ รียกว่า “ท้าวจตุโลกบาล”

ศูนย์กลางการปกครองอยู่ทเ่ี มืองหลวงมพี ระเจ้าแผ่นดนิ เป็ นประมุขการปกครองส่วนท้องถน่ิ แบ่งออกเป็ นเทศะ (มณฑล) แต่ละเทศะจะมหี ลายปเทศะ (อาเภอ) 2. ด้านเศรษฐกจิ มีอาชีพด้านเกษตรกรรมเป็ น หลกั อตุ สาหกรรมสิ่งทองเร่ิมเจริญรุ่งเรืองขนึ้ ซ่ึงถือ เป็ นสมัยทร่ี ุ่งเรืองมาก โดยมกี ารต้งั สมาคมพ่อค้าท่ี เรียกว่า “เศรณ”ี ซึ่งทาหน้าทีร่ ับฝากและให้ก้เู งนิ นอกจากนีย้ งั มกี ารตดิ ต่อค้าขายกบั กล่มุ ประเทศใน ตอ.กลาง เอเชีย ตอ./ต. และเกาะศรีลงั กา

3. ด้านสังคมและศาสนา มีการปฏบิ ัติตาม โครงสร้างทางสังคมแบบวรรณะอย่างเคร่งครัด โดยให้ แต่ละวรรณะจากดั อยู่แต่ในอาชีพของตนเท่าน้ัน นอกจากนีศ้ าสนาฮินดูยงั ได้รับการพฒั นามาจาก พราหมณ์ และกลายเป็ นศาสนาประจาชาตขิ องชาว คุปตะ บางคร้ังจงึ เรียกยคุ นีว้ ่า “ยุคฮินดูใหม่” ซ่ึงส่งผลให้พวกพราหมณ์ถูกจดั ให้เป็ น ชนช้ันสูงของสังคม โดยได้รับ การยกย่องและมคี วามเป็ นอยู่อย่างสบาย

ความเจริญด้านต่างๆ ในสมยั จักรวรรดิ คุปตะ สมยั คุปตะถือว่าเป็ น “สมยั ทองใน ปวศ.อนิ เดียโบราณ” เพราะมคี วามเจริญ เกดิ ขนึ้ มากมาย ดังนี้ 1. ด้านวชิ าการ มมี หาวทิ ยาลยั ต่างๆ เกดิ ขนึ้ ได้แก่ ตกั ศิลา นาลันทา วกิ รมศิลา อะชันตา พาราณสี ฯลฯ

มหาวทิ ยาลยั นาลนั ทา เป็ นศูนย์กลางการศึกษาพทุ ธฝ่ ายมหายาน

มหาวิทยาลยั พาราณสี

มหาวิทยาลยั อะชนั ตา

โดยเมืองทเี่ ป็ นศูนย์กลางการศึกษาวรรณคดี ปรัชญา คณติ ศาสตร์ และวทิ ยาศาสตร์ คือ ปาฏลบี ุตร อุชเชนี และวลั ละภี เมืองทเ่ี ป็ นศูนย์กลางการศึกษาวชิ าส่ิง ศักด์สิ ิทธ์ิและเวทมนตร์ คือ พาราณสี มถุรา และกาสี ส่วนเมืองสาญจีเป็ นศูนย์กลางการศึกษา พระพทุ ธศาสนา

2. ด้านวรรณกรรม เป็ นสมยั ทว่ี รรณคดสี ันสกฤต เจริญรุ่งเรืองมาก กวที ส่ี าคญั คือ กาลทิ าส ซ่ึงได้รับการ ยกย่องว่าเป็ น “เชคสเปี ยร์แห่งอนิ เดีย” โดยเป็ นผู้แต่ง เร่ือง “ศกนุ ตลา” ซึ่งถือว่าเป็ นวรรณกรรมชิ้นเอกของยคุ เพราะได้แปลเป็ นภาษาต่างๆ เช่น ภาษาองั กฤษ เยอรมัน รวมท้งั ภาษาไทยด้วย

* มวี รรณกรรมเกย่ี วกบั เทพนิยายและนิทานเป็ น ภาษาสันสกฤต ชื่อว่า “นิทานปัญจะตนั ตระ” ทแ่ี พร่หลาย ไปทวั่

3. ด้านดาราศาสตร์และคณิตศาสตร์ นักดารา ศาสตร์และนักคณติ ศาสตร์ทม่ี ชี ื่อเสียง คือ อารยภัททะ ซึ่งพสิ ูจน์ได้ว่าโลกกลมและโคจรรอบดวงอาทติ ย์ นอกจากนีย้ งั เป็ นผู้คดิ ระบบทศนิยม ได้เป็ นคนแรกของ โลก ต่อมาชาวอาหรับได้นาไปเผยแพร่ในยโุ รป

4. ด้านศิลปกรรม เป็ นสมยั ทจี่ ัดว่าเป็ นสุดยอด ของศิลปะแห่งอนิ เดยี โดยพระพทุ ธรูปจะสร้างตามอดุ ม คตแิ บบอนิ เดยี อย่างแท้จริง คือ พระพทุ ธรูปปางปฐม เทศนาศิลาทเ่ี มืองมถุรา และเป็ นต้นแบบ ของการสร้างพระพทุ ธรูปในเอเชีย ตอ./ต. และเอเชียอาคเนย์ รวมท้งั ป.ไทย ด้วย ท้งั นีก้ ารสร้างพระพทุ ธรูปเกดิ ขนึ้ คร้ังแรกในสมัยคนั ธาระ โดยสร้างใน รัชกาลพระเจ้ากนิษกะ ราชวงศ์กษุ าณ

5. ด้านจิตรกรรมและสถาปัตยกรรม มกี ารเจาะ ภูเขาให้เป็ นถา้ เพื่อสร้างสังฆาราม ทมี่ ชี ่ือเสียงทส่ี ุดคือ ถา้ อชันตา ซึ่งภาพเขยี นสีรูป พระโพธิสัตว์ปัทมปาณบี น ผนังถา้ ท่ี 1 ถือเป็ นจติ รกรรม ชิ้นเอกของยคุ นอกจากนีย้ งั มี ภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังและ ภาพนูนแกะสลกั ตามผนังของ เทวสถานทภ่ี ูเขาศิคริ ิยาในลงั กา

6. ด้านวทิ ยาการ มคี วามเจริญก้าวหน้าด้าน วทิ ยาศาสตร์และด้านเคมี ได้แก่ รู้จกั ทาสบู่ ซีเมนต์ ผสม โลหะ และวธิ ีชุบเหลก็ กล้า เริ่มวธิ ีการรักษาแบบ แพทย์แผนใหม่ รู้จกั ผ่าตดั รู้จกั รักษาความสะอาด และป้องกนั การตดิ เชื้อ และรู้จกั ใช้ยาหลาย ขนานก่อนชาวยโุ รป ซ่ึงแพทย์ทม่ี ีช่ือเสียง คือ อารกะ และ พรหมคุปต์ ผู้เช่ียวชาญ ด้านอายรุ เวท

4. ราชวงศ์มุสลมิ เตริ ์ก - หลงั จากทร่ี าชวงศ์คุปตะเสื่อมลง อนิ เดยี ภาคเหนือตกอยู่ภายใต้การปกครองของ พวกมุสลมิ เตริ ์กทเี่ ข้ามาปล้นและยดึ ครอง อนิ เดยี โดยมีศูนย์กลางอยู่ทเ่ี มืองเดลี และมีอยู่ 5 ราชวงศ์ ได้แก่ ราชวงศ์ทาส คลั จิ ตุกลกั ซัยยดิ และโลดี

มรดกด้านอารยธรรมทเ่ี กดิ ขนึ้ ในสมัยราชวงศ์มุสลมิ เตริ ์ก มีดังนี้ 1. เกดิ ภาษาใหม่ คือ ภาษาอูรดู (ซึ่งเกดิ จากการ ผสมผสานระหว่างภาษาเติร์กกบั ภาษาพืน้ เมือง ของอนิ เดยี ) ปัจจุบนั เป็ นภาษาราชการใน ป.ปากสี ถาน 2. ราชสานักอนิ เดียใช้ภาษาเปอร์เซียเป็ น ภาษาราชการแทนภาษาสันสกฤต

3. เกดิ การผสมผสานด้านสถาปัตยกรรมระหว่าง เปอร์เซียกบั อนิ เดยี เรียกว่า “ศิลปะอนิ โด-อสิ ลาม” เช่น หอกตุ บั มนี าร์ มสั ยดิ ต่างๆ เป็ นต้น

4. เกดิ เครื่องดนตรีชนิดใหม่เรียกว่า “สิตาร์” ซ่ึง เป็ นการผสมผสานดนตรีพืน้ เมืองเข้ากบั ดนตรีของพวก เตริ ์ก อาหรับ และเอเชียกลาง 5. เกดิ ศาสนาใหม่ คือ ศาสนาสิกข์

6. นาธรรมเนียมการเกบ็ ตวั สตรีช้ันสูงไว้หลงั ม่าน ที่เรียกว่า “เปอร์ดาห์” มาใช้ โดยสตรีต้องคลมุ หน้าให้ เห็นแค่ลูกตาเม่ืออย่ใู นทส่ี าธารณะ หรือเกบ็ ตวั อยู่แต่ใน บ้าน ทาหน้าทเ่ี ป็ นเพยี งภรรยา และแม่บ้าน ไม่ จาเป็ นต้องมีการศึกษา และไม่มีสิทธ์ิเลือกคู่ครองทาให้ ฐานะของสตรีช้ันสูงในอนิ เดยี ตกตา่ มาก

5. จกั รวรรดโิ มกลุ (ค.ศ. 1526 – 1857) - ในปี ค.ศ. 1526 พระเจ้าบาบูร์ ผู้สืบเชื้อสายฝ่ าย พระมารดามาจากจกั รพรรดเิ จงกจิ ข่าน (มองโกล) และ ฝ่ ายพระบิดามาจากตมิ ูร์หรือเทมเมอร์เลน ได้เข้ายดึ ครองอนิ เดยี และก่อต้งั ราชวงศ์โมกลุ ขนึ้ ปกครอง - เป็ นจกั รวรรดทิ ย่ี ง่ิ ใหญ่ทส่ี ุดของ มุสลมิ และเป็ นจกั รวรรดสิ ุดท้ายก่อนท่ี อนิ เดียจะตกเป็ นอาณานิคมขององั กฤษ

- มจี ักรพรรดทิ ิ่ยงิ่ ใหญ่ 6 พระองค์ ได้แก่ บารบูร์ หุ บายนั อกั บาร์มหาราช จาหันกี ซาร์เจฮาน และออรังเซบ * พระเจ้าอกั บาร์มหาราช - เป็ นกษตั ริย์มุสลมิ ราชวงศ์โมกลุ - เป็ นผู้ทท่ี าให้จักรวรรดโิ มกลุ เจริญ รุ่งเรืองมากทสี่ ุด และมอี าณาเขตกว้างขวาง - พระองค์ได้ดาเนินนโยบายในด้าน ต่างๆ อย่างถูกต้อง และทรงเป็ นนักรบที่ กล้าหาญ เป็ นนักปกครองท่เี ฉลยี วฉลาด

- เป็ นกษตั ริย์ทีม่ ีจติ ใจเทย่ี งธรรม เป็ นทร่ี ักใคร่ และเคารพยาเกรงของผู้อย่ใู ต้การปกครอง จนได้รับ สมญานาม “จอมจกั รวาล / Lord of Universe” - ทรงมผี ลงานทส่ี าคญั คือ * ด้านการปกครอง ทรงปกครองด้วยระบอบ ประชาธิปไตย มีอคั รมหาเสนาบดเี ป็ นผู้ช่วย ซึ่งมหี น้าทคี่ ือ ดูแลเรื่องการศาล ทหาร และราชการทัว่ ไป

* ด้านเศรษฐกจิ - ทรงลดภาษกี ารค้าเพื่อสนับสนุนการค้า และเพื่อป้องกนั การหลกี เลย่ี งภาษี - เปลยี่ นแปลงระบบการเสียภาษีจากส่ิงของ เป็ นเงนิ ทอง ซ่ึงเป็ นไปตามหลกั สากลมากขนึ้ - ยกเลกิ การเกบ็ ภาษีจสิ ยา ทเี่ รียกเกบ็ จากพวกติมมิสหรือ คนนอกศาสนา

* ด้านศาสนา - พระเจ้าอกั บาร์ทรงเป็ นมุสลมิ โดยกาเนิด โดยพระบิดานับถืออสิ ลามนิกายสุหนี่ พระมารดานับถือ อสิ ลามนิกายชีอะห์ ส่วนพระองค์ประสูตใิ นอนิ เดยี จึง นับถืออสิ ลามนิกายใหม่เรียกว่า “นิกายซูฟี ” - ทรงยกย่องและผูกมติ รกบั พวกฮินดูมากกว่าสมยั อ่ืนๆ โดยเฉพาะ พวกราชพธุ ซึ่งเป็ นนักรบทก่ี ล้าหาญทส่ี ุด ในอนิ เดียภาคเหนือ

- ถือเป็ นยคุ ทองของศาสนาอสิ ลาม ทรงให้ เสรีภาพในการนับถือศาสนาแก่ทุกชนช้ัน ซ่ึงถือเป็ น หัวใจในการปกครองประเทศ * ด้านศิลปวทิ ยาการ - มีการสร้างหอสมุดขนาดใหญ่ ซ่ึงบรรจุ หนังสือได้ถงึ 24,000 เล่ม และได้ต้งั กองแปลตาราขนึ้ - ทรงให้ต้งั กรมช่างวาดภาพขนึ้ - ทรงให้ต้งั กองแปลและ กองจดหมายเหตุ

- ทรงให้ตัดถนนทั่วราชอาณาจกั ร ทาให้มี การส่ือสารทีร่ วดเร็ว อกี ท้งั มีการทาทางผ่านช่องเขาไค เบอร์ เพ่ือให้พาหนะผ่านได้เป็ นคร้ังแรก และมีการสร้าง สะพานข้ามแม่นา้ สินธุ

* ด้านสถาปัตยกรรม - ทเ่ี ด่น คือ พระราชวงั ฟาเธปูร์ สิขรี ซึ่งเป็ น ศิลปะอนิ เดียโดยแท้

* พระเจ้าซาห์ เจฮัน - เป็ นสมยั ทร่ี าชวงศ์มุคลั มี อานาจสูงสูด - ทรงขยายจกั รวรรดอิ อกไป อย่างกว้างขวาง - ทรงยกเลกิ ขนั ตธิ รรมทางศาสนา และประกาศให้ศาสนาอสิ ลามเป็ นศาสนาประจาชาติ - ทรงสร้างงานสถาปัตยกรรมทลี่ า้ ค่าหลายแห่ง เช่น

วหิ ารไข่มุกทเี่ มืองอคั รา ป้อมเมืองอคั รา

สุสานหินอ่อน ทชั มาฮาล (ใช้เวลาสร้าง 22 ปี เพ่ือเป็ นอนุสรณ์แห่งความรักทม่ี ีต่อพระมเหสีมุมตสั มาฮาล)

* พระเจ้าออรังเซบ - เป็ นจักรพรรดอิ งค์สุดท้ายของ ของจักรวรรดโิ มกลุ ทมี่ ีพระทยั แคบทส่ี ุด ในเรื่องศาสนา โดยทรงเป็ นมุสลมิ ทเี่ คร่งครัด มาก ทรงขาดขนั ตธิ รรมในศาสนา - ทรงบังคบั ให้คนปฏบิ ตั ิตามกฎของศาสนา อสิ ลาม จนเป็ นสาเหตุทท่ี าให้รัฐต่างๆ แยกตวั เป็ นอสิ ระ ส่งผลให้อาณาจักรทเี่ คยมัน่ คงแตกแยก และค่อยๆ เสื่อม ลงในทสี่ ุด ซ่ึงกฎของศาสนาอสิ ลามทท่ี รงบังคบั ใช้ ดังนี้

** ทรงบังคบั ให้ผู้แพ้สงครามเปลย่ี นศาสนามา นับถือศาสนาอสิ ลาม ** ทรงต้งั คณะกรรมการตรวจตราศีลธรรมของ ประชาชน ** ทรงรื้อฟื้ นการเกบ็ ภาษีจิสยา ** ทรงห้ามไม่ให้มีนักดนตรี กวี นักดาราศาสตร์ และนักโหราศาสตร์ในราชสานัก ** ทรงห้ามใช้เหรียญทีท่ าโดย บุคคลอ่ืนไม่ใช่มุสลมิ

** ห้ามมขี บวนแห่ต่างๆ ในพธิ ีทางศาสนา ** ห้ามมหี ญงิ งามเมือง อทิ ธิพลของมุสลมิ ในอนิ เดยี ดงั นี้ * ด้านภาษา มุสลมิ ได้นาเอาภาษาสันสกฤต ภาษาอารบกิ และภาษาเปอร์เซีย เข้ามา ผสมกนั เป็ นภาษาใหม่ เรียกว่า “อูรดู” ซ่ึงเป็ นภาษาทช่ี าวมุสลมิ ใช้พูดกนั ในอนิ เดยี ปัจจุบัน

* ด้านวชิ าการ ได้รับอทิ ธิพลในเร่ืองการคานวณ เส้นละตจิ ูดและลองจิจูด ระบบปฏิทนิ โหราศาสตร์ และ วชิ าการแพทย์ * ด้านวฒั นธรรม ชาวอนิ เดียรับเอาประเพณีเพอร์ดา จากมุสลมิ ซึ่งประเพณนี ีผ้ ู้หญงิ ต้องใช้ผ้าคลมุ หน้า

* ด้านศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม ส่ิงที่เห็น เป็ นรูปธรรมมากทสี่ ุด คือ ทชั มาฮาล จมั มามัสยดิ และ หอคอยกตุ ุบมนี า ทัชมาฮาล ถูกสร้างขนึ้ ในรัชสมัยของพระเจ้าซาห์ เจฮาน เพ่ือใช้เป็ นอนุสรณ์แห่งความรักให้แก่มเหสีมุมทชั โดยทชั มาฮาล เป็ นศิลปะทีส่ ร้างด้วยหินอ่อนสีขาว มี ลกั ษณะการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบอหิ ร่านและ ช่างฝี มือของชาวอนิ เดีย นับเป็ น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ ของโลก



* ด้านศาสนา ศาสนาอสิ ลามเข้ามายงั อนิ เดียเป็ น คร้ังแรก บริเวณล่มุ แม่นา้ สินธุโดยมศี ูนย์กลางความ เจริญรุ่งเรืองอยู่ทเ่ี มืองเดลี บริเวณตอนกลางของ ป.อนิ เดยี

อนิ เดยี ภายใต้การปกครองขององั กฤษ และ การเรียกร้องเอกราช ในสมัยราชวงศ์โมกลุ ยุโรปชาตแิ รกทเ่ี ข้ามา ค้าขายในอนิ เดยี คือ โปรตุเกส ซ่ึงประสบผลสาเร็จ ด้านการค้าเครื่องเทศ และการเผยแผ่ศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลกิ แถบชายฝั่งทะเล ตต. ของอนิ เดีย นับจากบอมเบย์ไปจนถงึ เกาะลงั กา

อทิ ธิพลของโปรตุเกสในด้านต่างๆ 1. ศาลศาสนา โปรตุเกสได้นาเอาขนบธรรมเนียม ประเพณตี ่างๆ ของคริสต์มาผสมกบั ประเพณแี ละ วฒั นธรรมพืน้ เมืองของอนิ เดีย แล้วดัดแปลง เป็ นกฎหมายท้องถนิ่

2. ชุมชนโรมันคาทอลกิ เกดิ ขนึ้ แถบชายฝั่งทะเล ตต. โดยเฉพาะทเี่ มืองกวั ซึ่งเป็ นศูนย์กลางทางการค้า และศาสนาคริสต์ทใ่ี หญ่ทสี่ ุดของโปรตุเกส ท้งั นี้ ประชาชนผู้นับถือศาสนาคริสต์ทอี่ าศัยอยู่ในเมืองกวั เรียกว่า “ชาวกวน” ซ่ึงพูดภาษากวน 3. มรดกทางเกษตรกรรม โปรตุเกส ได้ส่ งเสริมให้ ประชาชนปลูกมะพร้ าว ข้าวโพด และมันฝร่ัง (อาลู) ในเชิงพาณิชย์

นอกจากโปรตุเกส ยงั มชี าติ ตต. อ่ืนๆ ท่เี ข้ามา ภายหลงั ได้แก่ ดัตซ์/ฮอลนั ดา, สวเี ดน, เดนมาร์ก, องั กฤษ และฝร่ังเศส ตามลาดับ แต่ไม่ประสบผลสาเร็จ ยกเว้น องั กฤษและฝรั่งเศสทแี่ ข่งขันกนั สร้าง อานาจทางการค้าและการเมือง ในทส่ี ุดองั กฤษ เป็ นฝ่ ายชนะ ส่งผลให้องั กฤษแสวงหาอานาจ ทางการค้าและการเมืองในอนิ เดียเพยี ง ชาตเิ ดยี ว

จักรวรรดอิ งั กฤษในอนิ เดยี  ความไม่มเี อกภาพภายในอนิ เดีย ทาให้องั กฤษ สามารถครอบครองอนิ เดียได้ท้งั ประเทศ กล่าวคือ อนิ เดยี ในสมยั น้ันมเี จ้าผู้ครองเมืองประมาณ 560 พระองค์ แต่ละพระองค์เป็ นอสิ ระไม่ขนึ้ ตรงต่อกนั กอปรกบั ฮินดูกบั มุสลมิ มีข้อพพิ าททาง ศาสนามาตลอด

 ผลของสงครามคาร์นาติค คร้ังท่ี 3 ได้ทาให้องั กฤษ มอี านาจทางการค้าและการเมืองในอนิ เดยี เพยี งชาติเดียว จนสามารถครอบครองอนิ เดียได้ท้งั ประเทศในเวลา ต่อมา โดยองั กฤษได้วางนโยบายการปกครองอนิ เดียไว้ เป็ น 3 ช่วง คือ

ช่วงแรก ในปี ค.ศ. 1757 ได้ส่งโรเบิร์ต ไคลฟ์ มาเป็ นข้าหลวงคนแรก เพื่อช่วยเหลือบริษทั อินเดีย ตอ.ขององั กฤษ ซึ่งอานาจหน้าท่ขี องข้าหลวง คือ ประสานงานระหว่างบริษทั อนิ เดยี ตอ. กบั รัฐบาล องั กฤษ ตลอดจนให้ความคุ้มครอง แก่คนขององั กฤษในอนิ เดยี

ช่วงทส่ี อง ในปี ค.ศ. 1774 ได้ส่งออเรน เฮ สตงิ ส์ มาเป็ นข้าหลวงใหญ่คนแรกเพื่อสร้างจักรวรรดิ นิยมในอนิ เดยี โดยตรง ช่วงที่สาม ในปี ค.ศ. 1858 ได้ส่งลอร์ด แคนนิ่ง มาเป็ นอปุ ราชคนแรกเพ่ือเป็ นผู้สาเร็จราชการแทน พระเจ้ากรุงองั กฤษ ส่วนอปุ ราชคนสุดท้าย คือ ลอร์ด เมาท์แบทเทน ซ่ึงเป็ นผู้มอบ เอกราชให้แก่อนิ เดียในปี ค.ศ. 1947

ข้าหลวงใหญ่ที่เข้ามาปกครองอนิ เดยี ต้ังแต่ปี ค.ศ. 1774 - 1858 มที ้งั หมด 18 คน แต่คนท่ีมบี ทบาท สาคญั มากทส่ี ุด คือ ลอร์ด ดัลเฮาสี ข้าหลวงใหญ่คนท่ี 17 ซ่ึงเป็ นผู้ออกกฎหมายแทรกแซงอนิ เดยี หลายเรื่อง จนเป็ นชนวนทท่ี าให้เกดิ “กบฏซีปอย” ในปี ค.ศ. 1857 ถือเป็ น สงครามก้เู อกราชคร้ังแรกของอนิ เดยี

อทิ ธิพลขององั กฤษในอนิ เดยี 1. ลอร์ด วลิ เลยี ม เบนทริก ได้ปฏิรูปการศึกษาของ อนิ เดีย ให้ยดึ แนวการศึกษาแบบตะวนั ตก ใช้ ภาษาองั กฤษเป็ นสื่อกลางในการศึกษาช้ันสูง รวมท้งั มี โรงเรียน วทิ ยาลยั และมหาวทิ ยาลยั เพม่ิ ขนึ้ ผลของการปฏริ ูป ทาให้บุคคลทมี่ กี าร ศึกษาดีกลายเป็ นพลงั สาคญั ในการ เรียกร้องเอกราชให้กบั อนิ เดยี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook