พัฒนาการของยุโรปสมัยกลาง.pptx

1. ศลิ ปะแบบโกธกิ เป็นศิลปะเพื่อคริสต์ศาสนา โดยมีลักษณะเด่น คือ โครงสรา้ งของวหิ ารเป็นโคง้ ยอดแหลม หลังคาโค้งแหลมเซาะแนว ภายในมกี ารประดบั ประดาหน้าต่างดว้ ยแก้วโมเสกสี ส่วนภายนอกจะมี หอคอยสงู ตระหงา่ น มีปลายยอดแหลมช้ตี รงสู่สวรรค์ และพระเจา้ เนน้ ผลทางศาสนา คือ การนาไปสู่สวรรค์ ซง่ึ เป็นการแสดงถึงพฤติกรรมของ มนษุ ย์ที่ยงั คงเทิดทูนพระเจ้า

มหาวหิ ารนอรเ์ ทอดาม ในฝร่งั เศส



6) วรรณกรรม การสรา้ งสรรค์วรรณกรรมในสมัยกลางของยโุ รป มที ัง้ ประเภทที่ ได้รับอิทธิพลจากครสิ ต์ศาสนา และประเภทที่เน้นเร่อื งราวทางโลก โดย แตง่ เปน็ ภาษาละตนิ ซ่ึงเป็นภาษาสาคญั ของคริสต์ศาสนา และเป็นภาษา หนังสือที่เป็นสากลของยุโรปสมยั กลาง

1. วรรณกรรมทางศาสนา ท่ีมีช่ือเสียง คือ  เทวนคร เขยี นโดยนกั บุญออกสั ติน เมื่อประมาณ ครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 5  มหาเทววิทยา เขียนโดยนกั บุญทอมัส อะไควนสั ในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 13 ใชส้ อนในวิชาเทววทิ ยาใน มหาวิทยาลยั เปน็ เร่ืองเกย่ี วกบั ความเชอ่ื และความ ศรทั ธาในคริสตศ์ าสนาอย่างมีเหตผุ ล

2. วรรณกรรมทางโลก สว่ นใหญเ่ ป็นเรื่องราวท่ีสะท้อนชวี ิตของสังคมใน ระบอบฟิวดลั หรอื วรี บุรษุ ในสงคราม เน้นการตอ่ สู้ ผจญ ภยั ความกลา้ หาญ เสียสละ และสอนคา่ นยิ มเรอื่ งความ ซื่อสตั ยแ์ ละจงรกั ภักดีต่อกษตั ริยห์ รือขุนนางเจ้านายของ ตน แบ่งออกเปน็ 4 ประเภท ดังน้ี

 มหากาพย์ ในฝรั่งเศสเรียกว่า ชองซอง เดอเจสต์ เป็นเรอื่ งราวของวีรบุรุษใน อดีต นยิ มประพนั ธเ์ ป็นโคลงกลอนหรอื งานรอ้ ยกรองซ่งึ มีความยาวมาก นิยม แพรห่ ลายในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 11 – 12

 นิยายวีรคติ หรือนิยายโรมานซ์ ประพนั ธเ์ ป็นคากลอน เกดิ ในยุโรป ตต. ใน ครสิ ต์ศตวรรษท่ี 11 – 12 ต่อมาไดแ้ พร่หลายในฝร่งั เศส องั กฤษ และ เยอรมัน เปน็ นิยายทเ่ี น้นเรื่องราวความจงรกั ภกั ดีที่อศั วินมตี ่อกษัตริยห์ รือขนุ นางเจ้านายของตน และความรกั แบบเทดิ ทูนที่อศั วนิ มตี อ่ หญิงคนรกั ของตน มี ความยาวไม่มากเหมือนมหากาพย์ และมหากาพยจ์ ะไม่มีเรื่องความรักเขา้ มา เกีย่ วข้อง วรรณกรรมที่สาคัญ คือ กษตั ริย์อาเทอร์กับอิศวนิ โต๊ะกลม เป็นเรอื่ งราวของกษัตรยิ ์ในตานาน ของอังกฤษ ซึ่งเปน็ ทีร่ ักของอศั วิน โดยตานานเลา่ ว่าพระองคท์ รงคดิ ค้น โต๊ะกลมขึน้ เพอ่ื ให้อศั วนิ มีความ

 คตี กานต์ เป็นบทร้อยกรองทีก่ ลา่ วถึงความในใจ เกดิ ในฝรงั่ เศส ภาคใต้ เมือ่ กลางครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 12 โดยนักรอ้ งเรท่ ี่เรียกตวั เองว่า ตรูบารด์ ูร์ แต่งเพอื่ ขับรอ้ งคลอเสียงพณิ นิยมร้องและบรรเลงใน ปราสาทของขุนนางและราชสานกั เปน็ เร่ืองเกยี่ วกบั ความรักแบบเทิดทนู ตอ่ สตรสี งู ศักด์ิ ซ่งึ ได้รบั อทิ ธิพลมาจากราชสานกั ของพวกมสุ ลมิ การ เทดิ ทนู สตรีทส่ี งู ศกั ด์ินท้ี าใหเ้ กดิ ระเบยี บวิธีปฏิบัติทบ่ี รุ ษุ ควรมีต่อสตรี เพศ หรอื ท่ีเรียกว่า “ธรรมเนยี มวรี คติ” ซ่งึ ถือปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัด ในหมอู่ ศั วนิ นกั รบสมยั กลาง ภายหลังถอื วา่ เป็นการอทุ ิศตนเพ่อื สตรีที่รกั ทาใหช้ ีวติ ความเป็นอศั วินมคี ุณค่า และมเี กียรติยศยง่ิ ขน้ึ

 นิทานฟาบลโิ อ เล่าเร่อื งขนาดสนั้ เขียนเปน็ บทรอ้ ยกรอง ม่งุ เสยี ดสีสังคมสมยั นน้ั มกั เปน็ เร่อื งของนกั บวชหรอื สตรี เดมิ เป็น นิทานของฝรง่ั เศส แต่มีปราฏกในวรรณกรรมของอังกฤษด้วย เล่มสาคญั ได้แก่

- แคนเทอร์เบอรเิ ทลส์ ของเจฟฟรีย์ ชอเซอร์ กวีเอกชาวองั กฤษ เปน็ โคลง เลา่ เรอื่ ง 24 เรือ่ ง ทน่ี ักจารกิ แสวงบญุ เล่าสกู่ ันฟงั ในชว่ งพกั ค้างคืนระหวา่ งการ เดินทางไปแสวงบุญ ณ ที่ฝงั ศพของนักบุญทอมัส เบค็ เก็ต ( เปน็ นกั บญุ นกั การ ทูต ผู้อทุ ิศตนทางานเป็นอัครเสนาบดใี นสมยั ของพระเจา้ เฮนรท่ี ี่ 2 ภายหลังถูก ลอบสังหารท่ีวหิ ารแคนเทอรเ์ บอรี่ กรงุ ลอนดอน) เป็นเร่ืองราวที่สะท้อนให้เห็น ถงึ นิสัยและบุคลิกของปุถชุ นคนธรรมดาซง่ึ มีแตกตา่ งกนั

 นทิ านอทุ าหรณ์ เปน็ นทิ านรอ้ ยแก้วหรือร้อยกรอง ในลกั ษณะ ของนทิ านอีสป ที่มชี ่ือเสยี งท่สี ุด คอื นิทานชดุ โรมานซ์ออฟรี นาร์ด เร่ิมแต่งในฝรงั่ เศสในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 12 และมผี แู้ ต่ง ต่อ ๆ กนั มาจงึ ถงึ คริสตศ์ ตวรรษที่ 14 เปน็ เรื่องราวของสนุ ัข จิง้ จอกช่อื รีนาร์ด เนือ้ หาล้อเลียนเสียสสี ังคมฝร่ังเศสในสมยั กลาง เร่ืองสุนขั จงิ้ จอกรีนารด์ ที่แต่งในระยะหลังประณาม ระบบฟิวดลั กระบวนการยตุ ธิ รรม และวงการศาสนาอย่าง รนุ แรง