101 ตวั อย่าง ทช่ี ีใ้ ห้เห็นถึงการกระทาทม่ี ีผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดล้อม เช่น ถ้าเราต้องการรับประทานอาหาร เราต้องเอาพืช ผลไม้ จากในป่าหรือต้องใช้ที่ดินเพาะปลูก ถ้าเราต้องการสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัย กจ็ าเปน็ ต้องตัดตน้ ไมใ้ นปา่ เอามาสร้างบ้านจะทาให้จานวนต้นไม้ ป่าไม้ ลดลง และถ้าลดลงมาก ๆ จะทาให้ ธรรมชาตเิ สยี ความสมดลุ ความสัมพันธ์ในระหว่างสิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงไป ฝนอาจจะตกน้อยจนทาให้ แหง้ แล้ง หรืออาจจะเกิดน้าทว่ มได้ เพราะไมม่ ปี า่ ไมท้ ี่ช่วยทาให้น้าถูกดูดซึมซบั อยู่ใต้ดนิ ในขณะเดียวกันถ้าเรา ชว่ ยกนั ปลกู ตน้ ไม้ ไมว่ ่าจะต้นเลก็ หรือตน้ ใหญก่ ็ตามจะช่วยทาให้สิ่งแวดล้อมในชุมชนของเราดีข้ึน จะมีต้นไม้ เขียวชอมุ่ มาก ปา่ ไม้กอ็ ดุ มสมบูรณ์ ซง่ึ ก็มสี ว่ นทาให้ฝนตก ไมแ่ ห้งแล้ง และยงั ชว่ ยไม่ใหเ้ กิดน้าทว่ มได้ เพราะน้า จะถูกดูดซึมไว้ในป่าและถูกปล่อยให้เราได้ใช้กันตลอดทั้งปี ด้วยวิถีทางธรรมชาติ ต้นไม้ยังช่วยทาให้อากาศ บริสุทธด์ิ ้วย เพราะในเวลากลางวันต้นไมจ้ ะหายใจเอากา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ และคายก๊าซออกซิเจนออกมา ซึ่งเปน็ กา๊ ซทีม่ นุษยเ์ ราต้องการในการหายใจ นอกจากนี้ ตน้ ไมย้ งั ชว่ ยทาใหบ้ า้ นเมอื งและชุมชนมีความสวยงาม รม่ เยน็ นา่ อยูอ่ าศยั มากขน้ึ ไม่ว่ามนุษย์จะอยู่ ณ ที่แห่งใด จะตั้งชุมชนใหญ่หรือเล็กก็ตาม ตราบใดท่ีมนุษย์ยังต้องอาศัยพึ่งพา ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มแล้ว กย็ ่อมจะทาใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงในสิ่งแวดล้อมได้ แม้ว่าจะมีมนุษย์อยู่เพียง คนเดยี วในโลก สิ่งแวดล้อมก็ถกู ทาลายไดเ้ หมือนกนั เปน็ ต้นวา่ มนุษย์เก็บเกี่ยวเอาพืชพันธุ์ไม้และล่าสัตว์เป็น อาหาร ตดั ไม้ในป่าเอามาสร้างท่อี ยอู่ าศัยและทาเช้ือเพลิงและมนุษย์ก็ยังขับถ่ายของเสียลงสู่ส่ิงแวดล้อม แต่ มนุษยเ์ พยี งคนเดยี วก่อใหเ้ กิดความเสยี หายต่อสิ่งแวดล้อมไม่มากนัก แต่เมื่อใดก็ตามที่มีมนุษย์มากข้ึน ความ ต้องการใช้ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อมก็มากขึ้นตามไปดว้ ย เพราะแต่ละคนตา่ งกม็ ีสว่ นในการทาลายส่งิ แวดล้อม คนละมากบา้ งน้อยบา้ ง เม่ือรวมทั้งหมดแล้วส่ิงแวดล้อมในชุมชนจะถูกทาลายอย่างมาก และปรากฏให้เห็น อยา่ งเดน่ ชัด ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยี ก็เป็นปัจจัยอีกตัวหน่ึงที่ช่วยทาให้สิ่งแวดล้อม เปลี่ยนแปลงได้อยา่ งรวดเรว็ จากการทเ่ี รามงุ่ พฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ ขยายการก่อสร้าง ปจั จยั พ้นื ฐานแหง่ การพัฒนา เช่น ถนน เขื่อน สนามบิน ท่าเรือ ฯลฯ เร่งผลิตสินค้าและบริการให้ทันกับความต้องการของ ประชากรท่ีเพ่ิมข้นึ อยา่ งรวดเรว็ ทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละชุมชนจึงถูกนามาใช้กับวิทยาการและเทคโนโลยี สมยั ใหม่เป็นจานวนมาก จากขบวนการพฒั นาและการผลติ ทาใหม้ ีของเสียเหลือท้ิงออกมาในรปู ตา่ ง ๆ เจอื ปน อยูก่ บั สิ่งแวดล้อมในชุมชน ความสมดลุ ในธรรมชาตกิ ็เสียไป เม่ือสิ่งแวดลอ้ มถูกทาลาย มขี องเสียปะปนอยเู่ ปน็ จานวนมาก สงิ่ แวดล้อมกจ็ ะอยใู่ นสภาพเสื่อมโทรม และอาจจะรนุ แรงจนถงึ ขนั้ เปน็ พษิ เปน็ ภยั ได้ ผลกระทบจะมมี ากหรือนอ้ ยก็ขึน้ อยกู่ ับกจิ กรรมและการขยายตวั ของกิจกรรมนนั้ ๆ ผลของสง่ิ แวดล้อมเส่ือมโทรมและเปน็ พิษกจ็ ะตกอยู่แกม่ นษุ ย์และสิ่งมีชีวิตอ่ืน ๆ ในชุมชน ปัญหาส่ิงแวดล้อมเม่ือเกิดขึ้นแล้วจะผูกพันเชื่อมโยงกันเป็นลูกโซ่ เพราะสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตมี ความสัมพนั ธก์ ัน สิง่ แวดล้อมเส่ือมโทรมและเป็นพิษจะมีผลโดยตรงต่อสุขภาพและอนามัยของมนุษย์ เพราะ สภาพสิง่ แวดลอ้ มตามธรรมชาตจิ ะเปล่ยี นแปลง ไมเ่ หมาะทจี่ ะนามาใช้ในการดารงชวี ิตอกี ตอ่ ไป นอกจากนก้ี ็ยงั มีผลกระทบกระเทือนต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่หยุดยั้ง และถ้าใช้อย่างไม่ระมัดระวังแล้ว ทรัพยากรธรรมชาตกิ ็จะสญู ส้ินลงอยา่ งรวดเรว็ อยา่ งไรก็ตาม ความเส่อื มโทรมของสง่ิ แวดล้อมในปัจจุบนั นี้ มไิ ด้เกิดข้นึ กับแม่นา้ อากาศ สารเคมี และ ส่ิงแวดล้อมตามธรรมชาตอิ ่นื ๆ เท่านั้น แต่ยงั มีปัญหาสิ่งแวดล้อมท่อี ยใู่ นรปู ปญั หาทางสงั คมอกี ทุกวันนเี้ ราจะ เหน็ ไดว้ ่าลักษณะนิสัยใจคอ ความเป็นอยู่ของคนในชุมชน ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้าน ความสามัคคีใน ชุมชนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก ท้ังน้ี อาจจะเน่ืองมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจภายในครอบครัว ความ ยากจน การเปล่ยี นแปลงในสง่ิ แวดลอ้ มอืน่ ๆ การคมนาคม ติดต่อส่ือสารกับสังคมภายนอก ตลอดจนการรับ
102 เอาวฒั นธรรมและแนวความคิดจากท่ีอื่น ๆ มามาก ภายในชุมชนของเราจึงเปลี่ยนแปลงไป ความมีระเบียบ การรักษาหนา้ ทีค่ วามรบั ผิดชอบ การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์จงึ ลดลง ปัญหาส่ิงแวดล้อมต่าง ๆ น้ัน ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขอย่างรีบด่วนและถูกวิธีแล้วปัญหาต่าง ๆ จะทวี ความรุนแรงย่งิ ขน้ึ การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในชุมชนนน้ั จะตอ้ งเลอื กใชห้ ลกั วชิ าการที่ผสมผสานได้กับลักษณะ นิสยั ทัศนคติ ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วฒั นธรรม และวถิ ชี วี ติ ของคนในชุมชนดว้ ย จะต้องเป็นท่ียอมรับและ ไม่ถูกโต้แย้งจากคนในชุมชนน้ัน ๆ สิ่งแวดลอ้ มบางอย่างที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ คนทุกคนในชุมชนเป็นเจ้าของและมีสิทธิท่ีจะใช้ได้ เราทุกคนก็ควรที่จะมีหน้าท่ีดูแลรักษาและแก้ไขให้สภาพแวดล้อมในชุมชนดีข้ึน แม้ว่ารัฐบาลจะมีหน้าที่ โดยตรงในการส่งเสริมและรกั ษาคุณภาพสิง่ แวดลอ้ มก็ตาม แต่การดาเนินงานอาจมอี ปุ สรรคบา้ ง ลา่ ช้าบ้าง ถ้า คนในชมุ ชนไมใ่ หค้ วามร่วมมอื ช่วยเหลือ ทกุ คนควรจะถือวา่ สง่ิ แวดล้อมท้ังหลายเป็นทรพั ย์สมบัตขิ องชาติ และ ถือเอาเปน็ ความรบั ผิดชอบและหน้าทข่ี องตวั เองทม่ี ตี อ่ ชมุ นมุ ในอนั ทจ่ี ะอนุรกั ษ์ส่งิ แวดล้อมใหอ้ ยู่ในสภาพท่ดี มี ี คณุ ภาพ เพ่อื คนทกุ คนในชมุ ชน เพอ่ื ส่วนรวม เพื่อตวั เอง และครอบครัว และเพ่อื อนชุ นร่นุ หลังที่จะได้มโี อกาส พงึ่ พาอาศยั และใชป้ ระโยชน์จากส่งิ แวดล้อมทดี่ ตี อ่ ไปในวันขา้ งหนา้ ถ้าสมาชิกในชุมชนทุกคนสานกึ ในหนา้ ที่ของตนเองที่มีต่อสิ่งแวดล้อมของชุมชน ยอมเสียสละเล็ก ๆ น้อย ๆ คานึงถึงแต่ประโยชน์ของชุมชนส่วนรวมเป็นข้อใหญ่แล้ว อีกไม่ช้าไม่นานภายในชุมชนก็จะมีแต่ สภาพแวดล้อมที่ดี สภาพสง่ิ แวดล้อมทจี่ ะทาใหค้ นทุกคนดารงชวี ิตอย่ไู ด้ด้วยความสขุ ความปลอดภัยในชีวิต มี สุขภาพอนามยั สมบูรณ์แขง็ แรง ชมุ ชนกจ็ ะมีแตส่ มาชิกทดี่ ีมีคุณภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติ ตลอดไป กล่าวโดยสรุปมนุษย์เรามีความสัมพันธ์กับทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อมอย่างใกล้ชิด ทั้งใน ฐานะที่เป็นส่วนหนงึ่ ของธรรมชาติ และในขณะเดยี วกนั กเ็ ป็นผู้ใชป้ ระโยชน์จากธรรมชาติในการดารงชีวิต จึง อาจกล่าวถึงความสาคัญของทรัพยากรธรรมชาติได้เป็น 4 ประการ ดงั น้ี คอื 1. เป็นแหล่งทม่ี าของวตั ถุดบิ และผลติ ผล 2. เปน็ ที่รองรบั กจิ กรรมต่างๆ ของมนษุ ย์ และช่วยเก้ือกลู ใหช้ วี ิตดารงอยู่ได้ 3. เปน็ แหล่งรองรับของเสยี และของ เหลอื เศษจากขบวนการผลิตและการบรโิ ภค 4. ใหค้ วามร่ืนรมย์แกจ่ ิตใจของมนุษย์ เชน่ ทวิ ทัศน์ ภมู ปิ ระเทศ ความงามของธรรมชาติ ดังน้นั บรกิ ารตา่ งๆ ท่ีมนุษยเ์ ราได้รับจากทรพั ยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดล้อม จงึ ช่วยใหม้ ีชีวิตรอดอยู่ ได้ และสามารถทาใหค้ ุณภาพชวี ิตของมนษุ ยด์ ขี น้ึ แต่ทั้งนี้ จะต้องอยู่ภายใต้เง่ือนไขของการรู้จักใช้ประโยชน์ จากทรพั ยากรธรรมชาติอยา่ งชาญฉลาด (Wise Use) และมีการจัดการ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มให้ เปน็ ระบบ อยา่ งเหมาะสม โดยจะต้องคานึงถึงขีดความ สามารถในการรองรับ (Carrying Capacity) เพ่ือให้ สามารถใช้ประโยชน์ไดอ้ ย่างย่งั ยนื (Sustain- able Utilization) เพราะหากมีการตักตวงใช้ ประโยชน์ท่ีมาก เกินขนาด และขาดความ ระมัดระวังในการใช้ ก็ย่อมจะก่อให้เกิดความเส่ือมโทรมของทรัพยากร และ สิ่งแวดลอ้ ม จนกลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมท่ีย้อนกลับมาส่งผลกระทบต่อชีวิต และความเป็นอยู่ของมนุษย์ ในทีส่ ดุ
103 บรรณานกุ รม จดหมายข่าวราชบณั ฑิตยสถาน ปที ี่ 1 ฉบับที่ 7 กรกฎาคม 2532 พระราชบัญญัตสิ ่งเสรมิ และรกั ษาคุณภาพส่งิ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ พ.ศ. 2543 สารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชนฯ เลม่ ท่ี 17 เรื่องที่ 6 การต้ังถ่ินฐานของมนุษย์ ปญั หาส่ิงแวดล้อมในเขต ชนบท (ออนไลน์) ค้นคืนวนั ที่ 1 พฤษภาคม 2561 จาก http://kanchanapisek.or.th/ kp6/sub/book/book.php?book=17&chap=6&page=t17-6-l4.htm สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชนฯ เลม่ ท่ี 19 เร่ืองท่ี 1 การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม (ออนไลน)์ ค้นคืนวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 จาก http://kanchanapisek.or.th/ kp6/sub/book/book.php?book=19&chap=6&page=t19-1-l4.htm บรษิ ัท โฮมบายเออรไ์ กด์ จากดั . 2561. \"สวนโดมอิกลู\" มิติใหมข่ องการน่ังชลิ หลงั บา้ น คน้ คนื วันที่ 1 พฤษภาคม 256 https://www.home.co.th/hometips/decoration/detail/55240 จนั ทวัน เบญ็ จวรรณ์ คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเทพสตรี. 2561. มนุษย์กบั ส่ิงแวดล้อม. คน้ คืนวันท่ี 1 พฤษภาคม 256 จาก http://human.tru.ac.th/elearning/ Human%20Being/human-detail1_5.html
104 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 5 การอนรุ ักษ์สง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งย่งั ยืน (8 ชัว่ โมง) 5.1 แนวทางการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาสิง่ แวดลอ้ มอยา่ งยง่ั ยืน การอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม หมายถงึ การใชท้ รพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างฉลาด โดยใช้ให้น้อย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยคานึงถึงระยะเวลาในการใช้ให้ยาวนาน และ ก่อใหเ้ กิดผลเสยี หายต่อสิง่ แวดล้อมน้อยทีส่ ดุ รวมท้งั ตอ้ งมีการกระจายการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม ในสภาพปัจจุบันทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีความเส่ือมโทรมมากขึ้น ดังนั้นการ อนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมจงึ มีความหมายรวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมดว้ ย การพัฒนาที่ยั่งยนื หมายถึง การพัฒนาทีม่ กี ารคานงึ ถึงความเสียหายของส่ิงแวดลอ้ ม มีการป้องกัน ปัญหาท่เี กิดแก่สิ่งแวดล้อม หรือถ้าจาเป็นจะต้องเกิดความเสียหาย ก็จะต้องทาในขอบเขตท่ีเสียหายน้อย ท่ีสดุ การพัฒนาท่ียั่งยนื ในมิติทางด้านทรัพยากรและส่ิงแวดล้อมนี้ จึงเป็นรูปแบบการใช้ทรัพยากรที่มีการ บารงุ รกั ษา และมีอัตราการใชท้ ่อี ยใู่ นขอบเขตการอานวยให้หรอื ศักยภาพท่ีทรัพยากรนี้จะคนื ส่สู ภาพปกตไิ ด้ การพฒั นาแตกต่างไปจากการเจรญิ เตบิ โตตรงที่การพฒั นา (development) หมายถึง การปรบั ปรงุ ในเชิงคุณภาพใหด้ ขี ้ึน โดยทีย่ งั มกี ารรักษาระดบั ทรัพยากรพื้นฐาน ส่วนการเจริญเติบโต (growth) หมายถึง การปรบั ปรุงในเชงิ ปรมิ าณใหส้ งู ขึ้น ดงั นัน้ การพัฒนาท่ยี งั่ ยืน จึงเปน็ การปรบั ปรงุ ในเชิงคุณภาพใหด้ ีขึ้น เพ่อื ให้ สงั คมมนษุ ยท์ ่ีมคี ุณภาพดารงอย่ใู นสิ่งแวดล้อมทีย่ งั คงทาหนา้ ทีไ่ ด้อยา่ งปกติ โดยไมจ่ าเป็นต้องมกี ารเพิม่ ในเชิง ปริมาณให้เกนิ ขีดจากดั การพัฒนาในอดีตท่ีผ่านมาจะพิจารณาท่ีประสิทธิภาพ และความเป็นธรรมท่ีจะเกิดข้ึนจากการ พฒั นาภายใต้กาหนดเวลาสั้น ๆ เท่านนั้ นอกจากนย้ี ังให้ความสาคญั เฉพาะคนในรุ่นปัจจุบัน แต่จากกระแส เรียกร้องในสังคมที่ต้องการให้การพัฒนาน้ันคานึงถึงการอยู่รอดและการกินดีอยู่ดีของคนในอนาคตร่วมกัน จงึ เป็นเหตุให้มีความยง่ั ยนื เข้ามาเปน็ องคป์ ระกอบการพฒั นาและกระบวนการตดั สนิ ใจ ด้วยเหตนุ ้ี การพฒั นา ที่ยั่งยืน ในภาพรวมจงึ หมายถงึ การพัฒนาเพือ่ บรรลุถึงความต้องการของมนุษยชาติในปัจจุบนั ขณะเดยี วกัน กต็ ้องไมเ่ ป็นการลดทอนหรอื เบยี ดบงั โอกาสทีจ่ ะบรรลุถงึ ความต้องการพืน้ ฐานของมนษุ ยใ์ นอนาคตด้วย มนุษย์จะสามารถปฏิบัติได้ตามนัยนี้ ต้องเข้าใจธรรมชาติและกระบวนการพัฒนาสังคมที่เน้น คุณภาพชีวติ ที่ดีขึน้ ซึง่ ไม่ใชเ่ ฉพาะทางวตั ถุเท่านั้น จาเป็นต้องประกอบด้วยความสุขทางร่างการและจิตใจ ด้วย ดังนั้นพ้ืนฐานท่ีจะต้องมีในกระบวนการพัฒนาที่ยั่งยืน คือ นิเวศวิทยา เศรษฐศาสตร์ และจริยธรรม เ พ ร า ะ ควา ม ย่ั ง ยื น ขอ ง สิ่ ง แ วด ล้ อ ม ( environmental integrity) ควา ม มั่ น ค ง ท า ง นิ เ วศ วิ ท ย า (ecological security) ประสทิ ธิภาพของการจัดการในทางเศรษฐกิจ (economic efficiency) และความ ยุติธรรม (equity) ท้ังต่อมนษุ ยร์ ุ่นปจั จบุ ันและอนาคต โดยเฉพาะอย่างยง่ิ การให้ความยุติธรรมกับการพัฒนา ทกุ ส่วนไม่ใชเ่ ฉพาะดา้ นเศรษฐกิจอย่างเดียว การใชว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีในการพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมเปน็ สง่ิ จาเป็นแต่ต้องดาเนินการ ควบคู่ในกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม นั่นคือจะต้องดาเนินการอย่าง ถกู ตอ้ ง รอบคอบ และมีการจัดการท่ดี ี ท้ังดา้ นวัตถุ และการยกระดบั มาตรฐานคณุ ภาพชีวิตเทา่ ๆ กับความ เจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ทั้งน้ีเพราะถ้ามุ่งเร่งพัฒนาเฉพาะทางด้านวัตถุอย่างเดียวมนุษย์จะไม่สามารถมี
105 คุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขได้ เพราะยังต้องเผชิญกับปัญหาภาวะมลพิษต่าง ๆ เช่น น้าเน่า เสียงดัง อากาศเสีย เป็นต้น จากความหมายของการพฒั นาท่ียง่ั ยนื ดงั กลา่ ว สรุปไดว้ า่ การดารงชวี ิตอยใู่ นสงั คมทีเ่ จริญก้าวหน้า อยู่บนพ้ืนฐานของการพัฒนาทางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมน้ัน จะต้องมีการบูรณาการหรือประสาน ประโยชน์เข้าด้วยกัน ระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อม กล่าวคือ จะต้องมีการวางแผนการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ให้เหมาะสม รอบคอบ และคานงึ ถึงสภาพการทอ่ี านวยให้ของทรัพยากรทม่ี ีอยู่ ดังนัน้ สงั คมที่จะพัฒนาอย่างยั่งยืนจะต้อง พิจารณาจากหลาย ๆ องคป์ ระกอบ ธงพล พรหมสาขา ณ สกลนคร. (2562) กลา่ วว่า การอนุรกั ษ์สิ่งแวดลอ้ มในปัจจุบันมีวตั ถุประสงค์ หลักอยู่ 4 ประการ คอื 1. เพ่ือธารงไวซ้ ึ่งปจั จยั สาคญั ของระบบสงิ่ แวดล้อมทมี่ ีอทิ ธพิ ลตอ่ มนษุ ยแ์ ละสัตว์ และระบบสนบั สนุน การดารงชีวติ เป็นการปรบั ปรงุ ป้องกันพืน้ ทีเ่ พื่อการเพาะปลูก การหมุนเวียนแรธ่ าตอุ าหารพชื ตลอดจนการ ทาน้าใหส้ ะอาด 2. เพือ่ สงวนรักษาการกระจายของชาติพนั ธ์ุ ซงึ่ ข้ึนกบั โครงการขยายพนั ธุ์ต่าง ๆ ทจ่ี าเปน็ ต่อการ ปรับปรงุ การป้องกนั ธัญพชื สัตว์เลยี้ ง และจลุ ินทรยี ต์ ่าง ๆ รวมทั้งสง่ิ ประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี ตลอดจนการคุ้มครองอุตสาหกรรม นานาชาติทใี่ ช้ทรัพยากรทม่ี ีชวี ิตเป็นวตั ถดุ ิบ 3. เพ่ือเป็นหลักประกันในการใช้พันธ์ุพืชสัตว์และระบบนิเวศเพ่ือประโยชน์ในการยังชีพตามความ เหมาะสม 4. เพื่อสงวนรักษา โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปกรรม ซึ่งเป็นมรดกล้าค่าไว้ไปยังอนุชนรุ่นหลัง รวมท้ังระบบส่งิ แวดล้อมอืน่ ๆ ท่ีมนุษย์สรา้ งขน้ึ จากวัตถุประสงค์การอนุรักษ์ดังกล่าวเป็นเคร่ืองช้ีให้เห็นถึงความจาเป็นที่จะต้องมีการอนุรักษ์ สง่ิ แวดลอ้ มไว้เนอ่ื งจาก 1. ทรัพยากรธรรมชาติ ที่มคี วามจาเป็นในการยงั ชีพและการพฒั นา 2. ความต้องการทจี่ ะกาหนดวิธปี ฏิบตั ิทถ่ี ูกตอ้ งเพ่อื ป้องกัน และแกป้ ญั หาการอนรุ กั ษ์ทส่ี าคัญ 3. สมรรถภาพของการอนรุ กั ษท์ ว่ั ประเทศและระหวา่ งประเทศยังขาดจากการจัดการและ ประสานงานทด่ี ี 4. โบราณสถาน ศลิ ปวฒั นธรรม ไดถ้ ูกทาลายอยา่ งมาก จากการกระทาของมนุษย์ หลักการอนรุ ักษส์ ่ิงแวดลอ้ ม กรมสง่ เสรมิ คณุ ภาพสิ่งแวดล้อม (2561) กล่าวถึง แนวทางการอนรุ กั ษ์สงิ่ แวดล้อม จะต้องครอบคลุม ปัญหาใหญ่ คือปัญหาทรัพยากรธรรมชาติเส่ือมโทรมถูกทาลาย ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษและปัญหา สิ่งแวดล้อมดังกล่าวมีความสาคัญซ่ึงตัวการสาคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาก็คือมนุษย์น้ันเอง สาหรับแนวทางการ อนุรกั ษ์ส่งิ แวดลอ้ มโดยท่ัวไปน้ันสามารถกระทาไดโ้ ดยกว้าง ดังนี้ 1. การใหก้ ารศกึ ษาเผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธ์ เพราะการแกป้ ญั หาสง่ิ แวดลอ้ มจริง ๆ น้ันมิใชก่ ารหยุด การขยายตัวทางเศรษฐกิจหรอื การปฏเิ สธเทคโนโลยี แต่ความสาคญั นนั้ อยทู่ กี่ ารเปลยี่ นทัศนคติของคนเพื่อให้ เขาสามารถเปล่ยี นพฤติกรรมไปในทิศทางส่งเสริมคณุ ภาพสงิ่ แวดล้อม โดยอาศัยวธิ กี ารทกุ ๆ ชนดิ รวมท้ังการ เผยแพร่ประชาสมั พันธเ์ พอ่ื ให้เข้าถึงตวั ประชาชนให้มากทสี่ ดุ 2. การปรบั ปรุงคุณภาพ เป็นวธิ ีการตรงทช่ี ่วยแกป้ ัญหาการขาดแคลนทรัพยากรและภาวะแวดลอ้ ม เสื่อมโทรม
106 3. การลดอัตราการเสอื่ มสูญ การบรโิ ภคของมนษุ ย์ในปัจจุบนั ในหลายประเภทมักจะบริโภคทรพั ยากร กันอย่างฟมุ่ เฟอื ยและไมค่ ่อยได้ใชใ้ ห้อย่ใู นขอบเขตจากดั มกั จะมที ศั นคตติ อ่ การบรโิ ภคในลกั ษณะท่วี า่ สามารถ บรโิ ภคไดส้ งู สุดจะทาใหม้ คี วามสขุ ที่สุด ทศั นคติเช่นนจี้ ะทาให้ป่าไม้ถูกทาลายเช่น การตัดหนง่ึ ตน้ แทนทใ่ี ช้ ประโยชนจ์ ากต้นไมท้ ุก ๆ สว่ นแต่กลบั ใชป้ ระโยชน์ เฉพาะสว่ นท่ีเป็นต้นเทา่ น้ันท่เี หลือ เช่น กิง่ ใบ หรอื สว่ น อ่ืน เชน่ สว่ นทเ่ี ป็นตอมกั จะถกู ทงิ้ ไป อนั ทจ่ี รงิ แล้วส่วนเหลา่ น้ีสามารถท่จี ะนามาใชป้ ระโยชนไ์ ดท้ งั้ น้ัน ไมค่ วรท้ิง ขว้าง เปน็ ตน้ 4. การนากลบั มาใชป้ ระโยชนใ์ หม่ การผลิตวัสดเุ ครือ่ งใชต้ ่างๆ ยอ่ มมีส่วนเป็นเศษเรียกกนั ว่าเศษวสั ดุ เช่น เหลก็ อลมู เิ นยี ม สงั กะสี ทองแดง ตะก่วั พลาสตกิ กระดาษ สิง่ เหลา่ นส้ี ามารถทจ่ี ะนามาใช้ประโยชนไ์ ด้ ใหม่อกี โดยเก็บรวบรวมแลว้ นามาใชป้ ระโยชน์ได้ใหมอ่ กี โดยเก็บรวบรวมแลว้ นาเอาไปหลอมใหม่ 5. การใชส้ ง่ิ ทดแทน ทรัพยากรที่ใช้ประโยชนไ์ ด้ดใี นอดตี เรม่ิ รอ่ ยหรอลง เน่ืองจากความตอ้ งการ เก่ียวกบั การบรโิ ภคสงู นนั้ เอง ดังนน้ั จงึ จาเป็นอยา่ งยงิ่ ทจี่ ะตอ้ งศกึ ษา เพอ่ื หาลู่ทางนาทรพั ยากรอืน่ ทม่ี ีคณุ ภาพ เหมอื นกนั หรือคล้ายคลึงกันมาทาหนา้ ที่ในงานประเภทเดยี วกัน แนวทางในการปฏิบตั ทิ จ่ี ะไปสกู่ ารพฒั นาสงิ่ แวดล้อมทยี่ ่ังยืน มดี ังน้ี 1. การรักษาคุณภาพส่งิ แวดล้อม ควรดาเนินการดงั นี้ 1.1 การอนุรักษส์ สารและวงจรการหมนุ เวียน ซง่ึ เป็นความสามารถในการฟน้ื ตัวของ ธรรมชาติ 1.2 จากดั การปล่อยของเสยี เพอ่ื รกั ษาความสามารถของธรรมชาติในการจัดการกบั ของ เสยี 1.3 รกั ษาความหลากหลายของระบบนเิ วศแบบต่าง ๆ ท่ีมีความสมั พนั ธ์กนั บนพ้ืนท่ีใด พ้นื ท่ีหน่ึง เพื่อควบคุมความสามารถในการสรา้ งผลผลติ ของธรรมชาติไว้ 2. การใชท้ รพั ยากรอยา่ งมอี ยา่ งประสิทธภิ าพ ควรดาเนินการดังน้ี 2.1 ทาใหเ้ กิดความยุติธรรม โดยอาศยั หลกั การวา่ “ใครทาคนนนั้ ต้องจ่าย” 2.2 ใหก้ ารชดเชยกับผู้ที่ไดร้ บั ผลกระทบจากผูท้ ีก่ อ่ นใหเ้ กดิ ปญั หา 2.3 มมี าตรการชดเชยแกก่ ารผลิตทส่ี รา้ งผลดตี ่อสงิ่ แวดล้อมท่อี าจมีกาไรน้อยในระบบ ธรุ กจิ 2.4 กระจายสทิ ธิและรบั รองสทิ ธใิ นการใชท้ รพั ยากรให้แกก่ ลมุ่ คนในสงั คมอยา่ งเสมอภาค 2.5 ใหค้ วามคมุ้ ครองทรพั ยากรไปพรอ้ มๆ กับการรกั ษาสง่ิ แวดล้อม 2.6 ต้องควบคมุ อย่าใหส้ งั คมต้องจา่ ยคา่ ชดเชยเพ่ือปกปิดปญั หานเิ วศวิทยาและ สิ่งแวดลอ้ ม 2.7 ดาเนนิ การคน้ คว้าทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในทางเทคนิค 2.8 ส่งเสรมิ และกระต้นุ การหมุนเวียนผลผลิตทเ่ี ลกิ ใชแ้ ล้ว และหาวิธกี ารยดื อายุ ผลติ ภัณฑ์ 3. การหลีกเลย่ี งความลม้ เหลวของกลไกรฐั ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง โดยการปฏิบตั สิ ่ิงตอ่ ไปน้ี 3.1 ใช้กลไกการตลาดตามระบบปกติ 3.2 สง่ เสรมิ เจตคติที่ดขี องสงั คมตอ่ ส่งิ แวดล้อมและทรพั ยากรธรรมชาติ 3.3 ยึดหลักความยุตธิ รรมในสงั คม ถ้าใครตอ้ งการใชท้ รพั ยากรธรรมชาติ จะตอ้ งยอม จ่ายเงนิ ตามมลู ค่าทเ่ี ป็นจริงของทรพั ยากรนน้ั ๆ ไมใ่ ชร่ ะบบผกู ขาด
107 3.4 ถ้านโยบายของรฐั ใด ๆ ที่จะมีผลกระทบตอ่ กลมุ่ ชนต่าง ๆ ในสังคม รัฐจาเป็นต้อง ตัดสนิ ใจเลือกนโยบายเกอ้ื หนุนกลุม่ คนที่ดอ้ ยโอกาสในสงั คมน้ัน ๆ เพราะกลุ่มคนที่ด้อยโอกาสและยากจนก็ ไมไ่ ด้ให้ความสาคัญตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มอยแู่ ลว้ 3.5 รักษาเสถยี รภาพของระบบเศรษฐกจิ และการเมือง 4. การรกั ษาทางเลอื กสาหรบั อนาคต โดยวธิ ีการดงั นี้ 4.1 หลกี เลีย่ งการทาลายสงิ่ แวดล้อม 4.2 เม่ือมีความไม่แน่ใจเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือเทคนิคท่ีอาจจะมีผลกระทบ ให้ เลือกการตัดสินใจในทางที่รอบคอบ โดยยึดหลักการปลอดภัยไว้ก่อนว่า ถ้ามีความไม่แน่ใจก็ให้ระงับ โครงการนัน้ ๆ ไวจ้ นกวา่ จะได้ข้อมูลท่ีเพียงพอ 4.3 เพ่ิมความหลากหลายทางนิเวศวิทยา เศรษฐกิจ และสังคม เนื่องจากความ หลากหลายดงั กลา่ วจะเปน็ ประโยชน์ในการปรับตัวให้ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วต่อการเปล่ียนแปลงใด ๆ ท่ี อาจจะมี 4.4 รกั ษามาตรการทางการเงินใหส้ ะทอ้ งความเป็นจรงิ ของสภาพเศรษฐกจิ ขณะนั้น และ ให้มเี สถียรภาพ 5. หยดุ การเจรญิ เตบิ โตขอประชากร โดยมาตรการตา่ ง ๆ เช่น การให้การศกึ ษา หรือการขยาย ระบบการศกึ ษาภาคบังคบั เป็นตน้ 6. การกระจายความมนั่ คงให้แกก่ ลมุ่ คนทย่ี ากจน 7. การปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมการบรโิ ภคทรัพยากรธรรมชาติ ท้งั ทแี่ ปรรปู แลว้ และยงั ไม่แปร รปู แนวทางปฏิบตั ิมดี งั นี้ 7.1 ลดการใช้พลังงาน เพ่ือสงวนรักษาทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งการใชพ้ ลังงานอย่างมี ประสทิ ธิภาพ และการแสวงหาแหล่งพลังงานทดแทน 7.2 สงวนรักษาแหล่งทรพั ยากรธรรมชาติ โดยการสร้างความรู้ความเช้าใจท่ีถูกต้องให้แก่ คนในชมุ ชน เพ่อื ให้เหน็ คณุ คา่ ของทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมและเกิดจิตสานึกท่ีจะมีส่วนร่วมในการ รกั ษาแหลง่ ทรพั ยากรธรรมชาติ 7.3 ใชเ้ ทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด เพ่ือใหไ้ ด้ท้งั ผลผลติ ทางอตุ สาหกรรมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดลอ้ ม 7.4 เปล่ยี นพฤติกรรมในการอุปโภคบริโภค เพ่ือลดปริมาณขยะและของเสียโดยการ ลด การใช้ (reduce) การใช้แล้วใชอ้ กี (reuse) การแปรใช้ใหม่ (recycle) และการซ่อมแซม (repair) 5.2 แนวทางการอนุรกั ษแ์ ละพฒั นาสิ่งแวดลอ้ มอยา่ งย่งั ยืนสาหรบั ชมุ ชน แนวทางการอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมสามารถกระทาได้หลายวิธี ทั้งทางตรงและ ทางอ้อม ดังน้ี 1. การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมโดยทางตรง ซ่ึงปฏิบัติได้ในระดับบุคคล องค์กร และระดับประเทศ ทส่ี าคญั คอื 1) การใช้อย่างประหยัด คอื การใช้เท่าท่ีมีความจาเป็น เพื่อให้มีทรัพยากรไว้ใช้ได้นานและ เกดิ ประโยชน์อยา่ งคุ้มค่ามากท่ีสดุ
108 2) การนากลบั มาใชซ้ า้ อีก สิง่ ของบางอย่างเมื่อมกี ารใชแ้ ล้วครั้งหน่ึงสามารถท่ีจะนามาใช้ซ้า ได้อีก เช่น ถงุ พลาสติก กระดาษ เป็นต้น หรือสามารถทจ่ี ะนามาใช้ไดใ้ หม่โดยผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น การ นากระดาษทใี่ ชแ้ ลว้ ไปผ่านกระบวนการต่างๆ เพื่อทาเป็นกระดาษแข็ง เป็นต้น ซึ่งเป็นการลดปริมาณการใช้ ทรพั ยากรและการทาลายสง่ิ แวดลอ้ มได้ 3) การบูรณซอ่ มแซม สง่ิ ของบางอย่างเมือ่ ใชเ้ ปน็ เวลานานอาจเกิดการชารุดได้ เพราะฉะน้ัน ถ้ามีการบรู ณะซ่อมแซม ทาใหส้ ามารถยืดอายกุ ารใชง้ านตอ่ ไปได้อกี 4) การบาบดั และการฟ้ืนฟู เป็นวิธีการท่ีจะช่วยลดความเส่ือมโทรมของทรัพยากรด้วยการ บาบดั ก่อน เช่น การบาบดั นา้ เสยี จากบ้านเรือนหรอื โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ก่อนที่จะปลอ่ ยลงสู่แหล่งน้า สาธารณะ ส่วนการฟืน้ ฟเู ป็นการรื้อฟ้นื ธรรมชาตใิ หก้ ลบั สสู่ ภาพเดมิ เช่น การปลูกป่าชายเลน เพ่ือฟ้ืนฟูความ สมดุลของปา่ ชายเลนให้กลบั มาอุดมสมบรู ณ์ เป็นต้น 5) การใช้ส่ิงอ่ืนทดแทน เป็นวิธีการท่ีจะช่วยให้มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้อยลงและไม่ ทาลายสง่ิ แวดลอ้ ม เช่น การใช้ถุงผ้าแทนถงุ พลาสตกิ การใช้ใบตองแทนโฟม การใช้พลังงานแสงแดดแทนแร่ เชอื้ เพลงิ การใช้ปยุ๋ ชีวภาพแทนปยุ๋ เคมี เปน็ ตน้ 6) การเฝา้ ระวังดแู ลและป้องกัน เป็นวิธกี ารทีจ่ ะไม่ใหท้ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มถูก ทาลาย เชน่ การเฝ้าระวงั การทง้ิ ขยะ สิง่ ปฏิกลู ลงแม่นา้ คูคลอง การจัดทาแนวปอ้ งกนั ไฟป่า เป็นต้น 2. การอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อมโดยทางอ้อม สามารถทาไดห้ ลายวิธี ดังน้ี 1) การพฒั นาคุณภาพประชาชน โดนสนับสนุนการศกึ ษาด้านการอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อมท่ีถูกต้องตามหลักวิชา ซ่ึงสามารถทาได้ทุกระดับอายุ ทั้งในระบบโรงเรียนและ สถาบนั การศึกษาต่างๆ และนอกระบบโรงเรยี นผ่านสอื่ สารมวลชนต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความตระหนัก ถงึ ความสาคัญและความจาเป็นในการอนุรกั ษ์ เกิดความรักความหวงแหน และให้ความร่วมมอื อยา่ งจรงิ จงั 2) การใช้มาตรการทางสังคมและกฎหมาย การจัดต้ังกลุ่ม ชุมชน ชมรม สมาคม เพ่ือการ อนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ตลอดจนการให้ความร่วมมือทั้งทางด้านพลังกาย พลังใจ พลังความคิด ดว้ ยจติ สานกึ ในความมีคุณค่าของส่ิงแวดล้อมและทรพั ยากรทมี่ ตี ่อตัวเรา เชน่ กล่มุ ชมรมอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของนักเรียน นักศึกษา ในโรงเรียนและสถาบันการศึกษาต่างๆ มูลนิธิ คุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพชื แห่งประเทศไทย มลู นธิ สิ ืบ นาคะเสถยี ร มูลนธิ ิโลกสีเขยี ว เป็นต้น 3) สง่ เสริมให้ประชาชนในท้องถ่นิ ได้มสี ่วนร่วมในการอนุรักษ์ ช่วยกันดูแลรักษาให้คงสภาพ เดิม ไม่ให้เกิดความเสื่อมโทรม เพ่ือประโยชน์ในการดารงชีวิตในท้องถ่ินของตน การประสานงานเพ่ือสร้าง ความรู้ความเขา้ ใจ และความตระหนักระหว่างหน่วยงานของรฐั องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นกับประชาชน ให้มี บทบาทหน้าทีใ่ นการปกปอ้ ง คมุ้ ครอง ฟน้ื ฟูการใช้ทรัพยากรอยา่ งคุม้ คา่ และเกิดประโยชนส์ งู สดุ 4) ส่งเสริมการศึกษาวิจัย ค้นหาวิธีการและพัฒนาเทคโนโลยี มาใช้ในการจัดการกับ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การใช้ความรู้ทางเทคโนโลยีสารสนเทศมา จดั การวางแผนพฒั นา การพัฒนาอปุ กรณเ์ ครื่องมือเครอ่ื งใช้ใหม้ กี ารประหยัดพลงั งานมากข้ึน การค้นคว้าวิจัย วธิ ีการจัดการ การปรบั ปรงุ พัฒนาสิ่งแวดล้อมให้มปี ระสทิ ธิภาพและยั่งยนื เปน็ ตน้ 5) การกาหนดนโยบายและวางแนวทางของรฐั บาล ในการอนรุ กั ษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อมทั้ง ในระยะสันและระยะยาว เพือ่ เป็นหลักการใหห้ น่วยงานและเจา้ หนา้ ทข่ี องรัฐทเ่ี กยี่ วขอ้ งยึดถอื และนาไปปฏิบัติ รวมทัง้ การเผยแพร่ขา่ วสารด้านการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม ทั้งทางตรงและทางอ้อม
109 ประโยชนข์ องการอนุรกั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม ประโยชนท์ างตรง 1. ประชาชนสามารถคงเหลอื ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม 2. การสญู เสียและการสญู เปล่าของทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มมีน้อยลง ประโยชน์ทางออ้ ม 1. สามารถลดผลกระทบตอ่ สงิ่ แวดล้อมได้ 2. เป็นภาพลักษณ์ท่ีดีของประเทศ ตวั อยา่ งโครงการอนรุ กั ษ์ และพฒั นาสิ่งแวดล้อมในชุมชน กระทรวงศกึ ษาธิการ (2562) ไดก้ ลา่ วถงึ การอนุรักษ์ส่ิงแวดลอ้ มจากรนุ่ สู่รนุ่ โดย “กลมุ่ เยาวชนรักถิน่ บ้านโรงเรียนโนนศิลาราศรี” ผา่ นเกณฑ์เขา้ รบั รางวัล ลูกโลกสเี ขียว ครง้ั ท่ี 19 ประจาปี พ.ศ.2562 ด้วยความรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติทอี่ ยบู่ นโลกใบนข้ี องคนจานวนไมน่ ้อย ท่ตี า่ งจะพยายาม อนรุ ักษแ์ ละฟื้นฟทู รพั ยากรธรรมชาตไิ วใ้ ห้คงอยู่สบื ไป บางคนตอ้ งใช้แรงกาย แรงใจ ในการท่มุ เทและเสยี สละ โดยที่ไมห่ วงั สิ่งตอบแทน เพียงเพอื่ ทจ่ี ะช่วยปกปอ้ งและดแู ลรกั ษาธรรมชาติไว้ส่งตอ่ ใหค้ นร่นุ หลงั
110 “รางวลั ลูกโลกสเี ขยี ว” จงึ ถอื กาเนิดข้ึนในปี 2542 และได้มพี ธิ ีมอบรางวลั ลกู โลกสเี ขยี วขน้ึ ในครงั้ แรก เมอื่ วันที่ 15 ธนั วาคม 2542 ด้วยความรว่ มมือจากผ้ทู รงคุณวุฒใิ นสาขาตา่ งๆ เชน่ องค์กรพฒั นาเอกชน นกั อนุรักษ์ นกั วิชาการ นกั เขียน สอ่ื มวลชน ฯลฯ เขา้ มารว่ มเปน็ คณะกรรมการพจิ ารณาผลงาน โดยมเี ปา้ หมาย เพื่อสนบั สนุนเป็นกาลงั ใจยกยอ่ งและเผยแพรก่ ารอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มของบุคคล ชมุ ชน และกลุ่มเยาวชน ใหเ้ ปน็ ท่ีรบั รขู้ องสงั คมในวงกว้าง สาหรบั ในปีนี้ กลุม่ เยาวชนรกั ถ่ินโรงเรียนบา้ นโนนศลิ าราศรี จงั หวดั ขอนแก่น ผา่ นเกณฑเ์ ข้ารบั รางวลั ลกู โลกสีเขียว ครงั้ ท่ี 19 ประจาปี พ.ศ.2562 ไปได้สาเร็จ ด้วยคุณสมบตั ิทโี่ ดดเด่นคอื โรงเรียนสามารถใชพ้ น้ื ท่ี ป่า (5 ไร)่ เชือ่ มโยงสกู่ ระบวนการเรยี นรอู้ ยา่ งเปน็ รปู ธรรม ส่กู จิ กรรมการพึ่งตนเอง เช่น การใช้ประโยชน์ของ
111 ต้นไม้แต่ละชนดิ การทาปุ๋ยหมกั นา้ หมักชีวภาพจากใบไม้เศษไม้ อีกทง้ั ยังสามารถบูรณาการองคค์ วามรจู้ ากภมู ิ ปญั ญาท้องถิน่ (ปราชญช์ มุ ชน) เช่น ทอเส่ือ ทอผา้ สมนุ ไพร ดนตรพี ืน้ บา้ น การทาเกษตร มกี ารสบื ทอด กจิ กรรมรกั ถ่ินต้ังแตป่ ี 2519 โดยศิษย์รนุ่ แรกซึง่ ปจั จบุ ันเปน็ ครูผสู้ อนในโรงเรยี น อีกทงั้ บคุ ลากรครขู อง โรงเรียนส่วนใหญเ่ ป็นคนในท้องถิน่ จึงสามารถเช่อื มโยงโรงเรยี นกับชมุ ชนได้ดี
112 บทสรุป รายงานทางวิชาการเกี่ยวกับสถานการณ์โลกบ่งชี้ชัดว่าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเน่ือง ตลอดมาจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ทาให้โลกไม่สามารถสนองตอบตัณหาของมนุษย์ท่ีมีความต้องการใช้ ทรพั ยากรธรรมชาติทม่ี อี ยู่จากัดในโลก เพอื่ การเติบโตของประชากรและการขยายตวั ทางเศรษฐกจิ และสังคม ได้อีกต่อไป ในขณะท่ีระบบนิเวศ ที่ช่วยค้าจุนเกื้อหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก ยังคงถูกทาลายลง อย่างตอ่ เนื่องในอตั ราที่น่าวิตก ในขณะน้ี สิง่ ทา้ ทายท่ชี าวโลกท้งั หลายกาลงั เผชญิ อยู่ คอื การวางแผนปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจ ที่ จะเอ้อื อานวยส่งิ จาเปน็ ขั้นพ้ืนฐานตามความตอ้ งการของมนุษยท์ กุ หมูเ่ หล่าโดยไมท่ าลายระบบนเิ วศและสมดุล ธรรมชาติที่ชุมชนท้องถิ่นเหล่าน้ันพึ่งพาอาศัยอย่างท่ีเคยเป็นมาในอดีต สิ่งท้าทายท่ีย่ิงใหญ่นี้จะต้องรีบ ดาเนินการอย่างเรง่ ดว่ นเพือ่ ใหท้ นั ต่อเหตกุ ารณ์ การปรับเปล่ียนผกผนั ของระบบเศรษฐกิจโลก เพื่อป้องกนั การ ทาลายลา้ งทรัพยากรธรรมชาตภิ ายใตก้ รอบคิดของการพัฒนาอย่างยั่งยืนบนพ้ืนฐานของความร่วมมือร่วมใจ ของทุกๆ ฝ่ายในทุกมุมโลก ภารกิจนี้จะกระทาที่จุดใดจุดหน่ึงคงไม่สาเร็จ ส่ิงสาคัญท่ีประชาคมโลกจะต้อง ร่วมกนั คดิ รว่ มกันทาเพ่ือดาเนนิ การแก้ไขปัญหาร่วมกันบนพ้ืนฐานของแนวทางการแก้ไขปัญหาตามหลักของ ธรรมอนั ประเสริฐ คือ ทกุ ข์ สมุทัย นิโรธ มรรค โดยการหามาตรการ แก้ไขปัจจัยเหตุแห่งปัญหาหลัก ได้แก่ การควบคุมประชากรโลก การนาวัตถุเหลือใช้หรือที่ใช้แล้วกลับไปผลิตใช้ใหม่ และใช้พลังงานจากแหล่ง พลงั งานทไี่ มก่ ่อใหเ้ กดิ มลพษิ และทห่ี มนุ เวียนเปลย่ี นกลบั มาใช้ไดใ้ หมอ่ ย่างต่อเน่อื ง (renewable) เปน็ ต้น หาก ทาไดเ้ ชน่ นกี้ จ็ ะเปน็ การปรบั เปลยี่ นวิถชี วี ิตจากทเี่ คยประพฤตปิ ฏบิ ัติกันมาตลอดเวลากวา่ ๕๐ ปีท่ีแลว้ ในอดีตมี การผลิตวสั ดสุ ิ้นเปลอื งใช้แลว้ ทง้ิ อย่างมากมายเพ่ือขยายผลทางด้านเศรษฐกิจและเพ่ือตอบสนองตัณหาและ ความต้องการของประชากรโลกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมและกิจกรรมเช่นนี้ ยังผลให้เกิดการตัดไม้ ทาลายปา่ และทาลายพื้นทชี่ ุม่ น้าทง้ั โดยทางตรงและอ้อม ทรัพยากรธรรมชาติลดลง การประมงท้ังทางทะเล และนา้ จืดถดถอยลดน้อยลงจนบางแห่งลม่ สลายไปเลย เหตกุ ารณ์เหล่านี้นาไปสู่การสูญเสียหรือสูญพันธ์ุของ สิ่งมีชีวิตมากมายหลายชนิด การใช้พลังงานจากถ่านหินและน้ามันทาให้เกิดก๊าซเรือนกระจกพวก คาร์บอนไดออกไซด์ ทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงของภูมิอากาศโลกอย่างรุนแรง และบ่อยคร้ังมากข้ึนจน ประชาชนในบางพ้ืนท่ี ไม่สามารถปกปอ้ งคมุ้ ครองตนเองให้อยรู่ อดปลอดภัยจากอันตรายท่ีเกิดจากพายุไต้ฝุ่น พายเุ ฮอรร์ เิ คน และพายุหิมะ ตลอดจนความแหง้ แล้งและความร้อนท่ีรุนแรงมากข้ึนทุกขณะ ชาวโลกท้ังมวล
113 จะหลกี เลยี่ ง มหันตภัยธรรมชาตทิ ี่เกดิ จากการเปลี่ยนแปลงสงิ่ แวดลอ้ มโลกนไี้ ดใ้ นแนวทางเดียวเท่าน้ัน นั่นคือ ชุมชนในทกุ ประเทศต้องยอมรบั วา่ การพัฒนาเศรษฐกิจแบบไม่ย่ังยืนบนพื้นฐานของการใช้พลังงานและการใช้ ทรัพยากรธรรมชาตอิ ย่างฟมุ่ เฟอื ยนัน้ คงไม่ใช่รปู แบบของการทาให้ทกุ ชีวติ ในโลกอย่รู อด ปลอดภยั ได้ยาวนาน เราควรจะต้องปรับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้เหมาะสมกับสภาพ แวดล้อมของแต่ละท้องถ่ิน แบบพออยู่พอกนิ ไมฟ่ ่มุ เฟอื ยและไมโ่ ลภมากเฉกเชน่ ส่ิงมีชีวิตชนดิ อน่ื ที่มชี ีวติ อยอู่ ยา่ งยง่ั ยนื โดยไมฝ่ ืนธรรมชาติ มหาตมะคานธีได้กล่าวไว้อย่างกินใจว่า “The world has enough for everyone’s need, but not for everyone’s greed”. ธรรมชาติไม่เคยมงุ่ รา้ ยตอ่ มนษุ ย์สตั วผ์ ูป้ ระเสรฐิ แต่มนษุ ย์กลบั มุ่งร้ายทาลาย ธรรมชาติจากโลภจริตอย่างไร้สติ เราควรจะต้องคานึงอยู่เสมอว่าส่ิงมีชีวิตทุกชนิดจะดารงอยู่ได้ถึงแม้ว่าไม่มี มนุษย์อย่รู ว่ มโลก แตม่ นษุ ย์จะไม่สามารถ ดารงชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัยถ้าขาดปัจจัยด้านความหลากหลาย ทางชวี ภาพและระบบนิเวศที่สมบรู ณ์ ธรรมชาติไดใ้ ห้โอกาสมนุษย์อบุ ัติขนึ้ มาบนโลกนแ้ี ละมีชวี ิตอย่างผาสุขมา โดยตลอดจนกระทั่งทุกวนั น้ี โดยมิใยดีถึงความทกุ ขย์ ากและความเดือดร้อนของ สงิ่ มีชวี ติ อื่นที่อยู่รอบข้าง เรา ควรจะใหโ้ อกาสสิ่งมชี วี ิตนานาพันธุ์สร้างสรรคจ์ รรโลงชีวาลัยให้ย่งั ยนื ต่อไปตามกระบวนการธรรมชาติ เป็นท่ีทราบกันดีว่าทศวรรษ ๑๙๙๐ เกิดกระแสการต่ืนตัวในเรื่องคุณภาพของส่ิงแวดล้อม และการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติบนพ้ืนฐานของความม่ังคั่งและความมั่นคงทางเศรษฐกิจอันเป็นรากเหง้าที่แท้จริงของ กรอบแนวความคดิ “การพัฒนาอย่างย่ังยนื ” ถงึ แมว้ า่ ฝา่ ยธุรกจิ อุตสาหกรรมและฝ่ายสิ่งแวดล้อมจะเห็นพ้อง ตอ้ งกนั ในกรอบความคิดดงั กลา่ ว แตก่ ็ยงั ไมเ่ กดิ สมั ฤทธ์ผิ ลอย่างจริงจงั ในทางปฏบิ ัติเน่อื งจากความยุ่งยากและ ความลาบากใน กระบวนการแกไ้ ขปญั หา โดยเฉพาะในสภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจโลกท่ีมีการแข่งขันกันอย่าง รนุ แรงภายใต้กรอบการค้าเสรี คนบางกลุม่ มีความคดิ ท่แี บ่งแยก สภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่างๆ ออกเป็น ๒ กลมุ่ คอื กลุ่มประเทศทพี่ ฒั นาแล้ว ซง่ึ มีจานวนไม่มากนักนาโดยกลมุ่ ประเทศในยุโรปและอเมริกา เหนอื และกลมุ่ ประเทศทีก่ าลงั พฒั นาซง่ึ มอี ยูม่ ากมายรวมทั้งประเทศไทยและอกี หลายประเทศในกลุม่ อาเซยี น ผู้นาและผบู้ ริหารของประเทศไทยไดเ้ ริ่มทาแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมในตน้ ทศวรรษ ๒๕๐๐ โดยมุง่ หวงั ท่ี จะนาพาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าและประชาชนอยู่ดีกินดีบนพื้นฐานของการพัฒนาต้านอุตสาหกรรม พลังงาน และการคา้ โดยคาดหวังวา่ ประชาชนจะมงี านทาและมีรายได้เพ่ือทาให้มีชีวิตที่ดีข้ึน เช่น มีโทรทัศน์ ตเู้ ย็น รถยนต์ และเคร่ืองอานวยความสะดวกอ่ืนๆ ตามแบบสังคมตะวนั ตก ภายใตค้ าขวัญว่า “งานคือเงิน เงิน คืองาน บันดาลสุข” ดังน้ัน การพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคม ตลอดเวลาที่ผ่านมาจึงเน้นการลงทุนด้าน อตุ สาหกรรม การสร้างเขอ่ื นเพ่ือผลติ กระแสไฟฟ้าป้อนโรงงาน และเพอื่ การใช้ในเมอื ง รวมทัง้ การชลประทาน เพือ่ การทาเกษตรกรรมแบบใหม่โดยมุ่งหวงั ใหไ้ ด้ผลผลติ สูง มีการใชป้ ยุ๋ และยาฆ่าแมลงอย่างกว้างขวางจนเป็น ภัยคุกคามต่อสิ่งแวดล้อม และทาให้สังคมชุมชนในเมืองและสังคมชาวชนบทต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตาม กระแสการพฒั นาแบบตะวันตกดังกล่าว ชาวชนบทส่วนหนึ่งละท้ิงถ่ินฐานการทาเกษตรกรรม เข้าสู่แรงงาน ภาคอุตสาหกรรม ชาวชนบทบางส่วนตอ้ งเปลี่ยนอาชพี จากท่เี คยหาผกั หาปลามาขาย ได้เงินมาเล้ยี งครอบครัว ก็ตอ้ งหนั ไปทาอาชีพอน่ื แทน เพราะการหาผักหาปลาและสัตวอ์ น่ื ท่ีเคยหาไดจ้ ากแม่นา้ ลาคลองตามธรรมชาติก็ ไมส่ ามารถทาได้ เพราะนิเวศวิทยาของส่ิงมีชีวิตเปล่ียนแปลงไปเนื่องจากผลกระทบของการสร้างเขื่อน การ สร้างถนน ตลอด จนการตัดไม้ทาลายป่านาไปสู่การทาลายทรัพยากรชีวภาพท่ีเคยเป็น “อู่ข้าวอู่น้า” ของชาว ไทยมาตงั้ แต่โบราณกาล ผลของการแปรเปลย่ี นสง่ิ แวดลอ้ ม จากการพฒั นาแบบวตั ถุนิยมดังกลา่ วทาใหเ้ กดิ การ เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวชนบทในพื้นที่ต่างๆ แต่ไม่ได้สร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมดังที่ คาดหวงั กนั ไว้ ตรงกันข้ามวฒั นธรรมและสงั คมอนั ดีงามของชาวชนบทกลับแปรเปล่ียนไปในทางลบ ในขณะท่ี คนในเมืองมีรายได้สูงขึ้นและอยู่ดกี นิ ดีขนึ้ ตามการเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจแบบฟองสบูจ่ นเข้าส่สู ภาวะวกิ ฤต ทางการเงิน เมือ่ เศรษฐกจิ ฟองสบู่ ล่มสลายและสง่ ผลกระทบไปท่ัวภูมิภาคอย่างท่ีเห็นอยู่ในขณะน้ี จึงเห็นได้
114 ชดั เจนวา่ การพัฒนาแบบไม่ยั่งยืนตามแนวทางชาวตะวนั ตกไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตตามแบบ วัฒนธรรมและสังคมของชาวตะวันออกอย่างเช่นประเทศไทย ซ่ึงมีรากเหง้าอยู่บนพ้ืนฐานเกษตรกรรมตาม สภาพความอุดมสมบูรณ์ของความหลากหลายทางชีวภาพ การพัฒนาแบบวัตถุนิยมและบริโภคนิยมจนเกิด ปัญหาดังกล่าวเป็นบทเรียนท่ีชาวไทยและชาวเอเชียจะลืมเสียมิได้ เราคงจะต้องหันกลับไปสูวิถีชีวิตที่เป็น รากเหง้าทแ่ี ท้จรงิ ของเราตามกรอบภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่นที่บรรพชนไทยไดพ้ ฒั นาสบื สานต่อเน่ืองกันมาเปน็ เวลาชา้ นาน โดยมีวถิ ชี ีวิตทผ่ี สมผสานกบั สมดลุ ธรรมชาติ รจู้ กั ใชท้ รัพยากรท่เี รียกว่า “ทรัพย์ในดินสินในน้า” อย่างรู้ คณุ คา่ ใหค้ วามเคารพบชู า “พระแมธ่ รณี” และ “พระแมค่ งคา” เพอื่ ความ วฒั นาถาวรของเผ่าพันธ์ุ ซ่ึงนับว่า เป็นการพฒั นาแบบยัง่ ยืนทีแ่ ทจ้ ริง และสอดคล้องกับการพัฒนาตามแนวพระราชดาริเศรษฐกิจพอเพียงของ ชุมชน เพ่ือคณุ ภาพชีวิตที่ดีของลกู หลานไทยต่อไปนานเทา่ นาน วนั ส่งิ แวดล้อมไทย จากปญั หาสง่ิ แวดล้อมต่างๆ ทเ่ี พมิ่ ขนึ้ เรือ่ ยๆ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวจงึ ได้ทรงมีพระ ราชดารัสพระราชทานแดค่ ณะบคุ คลต่าง ๆ ทเ่ี ขา้ เฝ้าถวายพระพรเนอื่ งในวโรกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา วนั ท่ี 4 ธนั วาคม 2532 ณ ศาลาดสุ ดิ าลัยพระตาหนกั จิตรลดารโหฐาน ซงึ่ มี ใจความเก่ียวกับสถานการณ์และปญั หาส่ิงแวดลอ้ ม และไดต้ รัสเตอื นพสกนิกรใหร้ ่วมมอื กนั แกไ้ ขปัญหาและร่วมกันอนรุ กั ษส์ ิ่งแวดลอ้ ม มิใช่เฉพาะเพอ่ื ประเทศไทยเทา่ นนั้ แตย่ งั เปน็ การช่วยทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มสาหรบั โลกใบนดี้ ว้ ย จากพระราชดารสั ดังกลา่ ว ทางรัฐจงึ ได้ดาเนินการมมี ติเหน็ ชอบให้วันท่ี 4 ธนั วาคมของทุกปเี ปน็ วนั สง่ิ แวดลอ้ มไทย บรรณานุกรม กรมสง่ เสรมิ คณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ ม. 2562 . มอบนโยบายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม 8 ขอ้ ชู 4 ด้านเร่งดว่ น แก้ภยั แลง้ ลดปริมาณขยะ รกั ษาฟ้นื ฟูทรพั ยากรธรรมชาติ แก้ปญั หาสง่ิ แวดล้อม อย่างย่งั ยืน. คน้ คืนวนั ที่ 29 สงิ หาคม 2562. จาก https://www.deqp.go.th/service- portal/news-system/news-detail/?id=264036 กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. 2562. การอนรุ ักษส์ ง่ิ แวดล้อมจากรนุ่ สู่รนุ่ “กล่มุ เยาวชนรกั ถน่ิ บ้านโรงเรยี นโนนศลิ า ราศร”ี ผ่านเกณฑเ์ ขา้ รบั รางวลั ลกู โลกสเี ขยี ว ครง้ั ที่ 19 ประจาปี พ.ศ.2562 ค้นคนื วันที่ 23 ตลุ าคม 2562 จาก https://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=55040& Key=news11 ธงพล พรหมสาขา ณ สกลนคร. 2562. การจัดการเพอ่ื การพฒั นาอย่างยง่ั ยนื . กรงุ เทพมหานคร : บริษทั โอ. เอส.พริ้นตงิ้ เฮ้าส์ จากัด
115 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 โครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ (8 ชัว่ โมง) 6.1 ความสาคญั และความเปน็ มาของโครงการอันเน่อื งมาจากพระราชดาริ ผู้สอนไดศ้ กึ ษา รวบรวมและประมวลความรู้เกี่ยวกับที่มา และหลักการสาคัญของโครงการอันเนื่อง มากจากพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และโครงการอันเน่ืองมาจาก พระราชดารขิ องพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ภูมพิ ลอดลุ ยเดชทพ่ี ระราชทานใหแ้ ก่ประชาชนจังหวัดพังงา ซึ่ง เป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาท่ีสุดมิได้ ทั้งน้ีในความคิดของผู้สอน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิ พลอดุลยเดช ยังทรงเป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์อีกพระองค์หน่ึง ด้วยพระอัจฉริยภาพของพระองค์ทาให้ พระองค์ดาริ และทรงคิดค้นส่ิงประดิษฐ์ และโครงการต่างๆ จนท่ัวโลกให้การยอมรับ เช่น กังหันชัยพัฒนา โครงการฝนหลวง เป็นต้น โดยผ้สู อนขอนาเสนอรายละเอยี ด ดังน้ี ทมี่ าของโครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริ สานักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ (สานักงาน กปร.). (2556) ได้อธิบายว่า โครงการอันเนื่องพระราชดาริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลย เดช เป็นโครงการท่ีเกิดข้ึนจากพระดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เช่น โครงการ เกี่ยวกับดิน น้า ป่า และวิศวกรรม หน่วยงานราชการพิเศษท่ีประสานงานโครงการ คือ สานักงาน คณะกรรมการพเิ ศษเพอ่ื ประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ด้วยความที่พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยในทุกข์สุขของพสกนิกรชาวไทย ทาให้พวกเราชาวไทยได้เห็นพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ไปเย่ียมเยียนราษฎรในพื้นที่ต่างๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะในพ้ืนที่ยากจน ห่างไกล และ ทุรกันดาร ซง่ึ พระองคจ์ ะทรงใชเ้ วลาประทับอยตู่ ามเขตภูมิภาคมากกว่าในกรงุ เทพฯ ทั้งนี้ เพราะพระองค์ทรง มพี ระราชประสงคท์ จี่ ะหาขอ้ มลู ที่แทจ้ ริงจากผทู้ ่อี ยูใ่ นพื้นท่ี เกยี่ วกับปญั หาต่างๆ ในแต่ละภูมิภาค นอกจากนี้ พระองค์ยงั ทรงสงั เกตการณ์ และสารวจสภาพทางภมู ิศาสตร์ไปพร้อมๆ กนั เพือ่ จะไดร้ วบรวมข้อมลู ทั้งหมดไว้ สาหรับการพระราชทานแนวทางเพื่อการดาเนินงานโครงการตามพระราชดาริต่อไป พระมหากรุณาธิคุณที่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ภูมพิ ลอดลุ ยเดช ไดพ้ ระราชทานแกป่ วงราษฎรไทยทงั้ หลายในระยะต้นแห่งการ เสดจ็ ขน้ึ เถลงิ ถวัลย์ราชสมบตั ินนั้ เปน็ พระราชดาริดา้ นการแพทย์และงานสงั คมสงเคราะห์เป็นสว่ นใหญ่ เพราะ ในชว่ งเวลาดงั กล่าว กจิ การด้านการแพทย์ของไทยยงั ไม่เจรญิ ก้าวหน้าเท่าท่คี วร อีกทั้งการบริการสาธารณสุข ในชนบท ก็ยังมิได้แพร่หลาย พระราชกรณยี กจิ ในระยะช่วงแรก ช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2493-2505 จะเป็นการ ช่วยเหลอื เฉพาะหนา้ ยังไมไ่ ด้เป็นโครงการเตม็ รปู แบบอยา่ งในปจั จบุ ัน พระราชดารเิ ริ่มแรกท่ีเปน็ โครงการช่วยเหลือประชาชนเริ่มขึน้ ในปี พ.ศ. 2494 ทรงพระกรุณาโปรด เกล้าฯ ให้กรมประมงนาพันธุ์ปลาหมอเทศจากรัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ซ่ึงได้รับจากผู้เชี่ยวชาญด้านการ ประมงขององคก์ ารอาหาร และการเกษตร แห่งสหประชาชาติ เข้าไปเลี้ยงในสระนา้ ของพระที่น่ังอัมพรสถาน และเมอื่ วันที่ 7 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2496 ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ พระราชทานพันธุป์ ลาหมอเทศน้ีแกก่ านัน ผู้ใหญ่บ้านทว่ั ประเทศ เพอื่ จะไดน้ าไปเลี้ยงเผยแพรข่ ยายพันธุ์แก่ราษฎรในหมู่บ้านของตน เพ่ือจะได้มีอาหาร โปรตนี เพิม่ ขนึ้
116 โครงการพระราชดาริท่ีนับได้ว่าเป็นโครงการพัฒนาชนบทโครงการแรก เกิดข้ึนในปี พ.ศ. 2495 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรถบูลโดเซอร์ ให้หน่วยตารวจ ตระเวนชายแดนค่ายนเรศวร ไปสร้างถนนเข้า ไปยังบ้านห้วยมงคล ตาบลหินเหล็กไฟ อาเภอหัวหินจังหวัด ประจวบครี ขี ันธ์ เพอ่ื ให้ราษฎรสามารถสัญจรไปมา และนาผลผลิตออกมาจาหน่ายยังชุมชนภายนอกได้อย่าง สะดวกข้ึน โครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชดาริในระยะแรกน้ัน เป็นผลสบื เนือ่ งมาจากการเสดจ็ เยี่ยมราษฎรทั่ว ประเทศในทุกภูมิภาค ทรงสดับตรับฟังทุกข์สุขของประชาชนในขณะเสด็จพระราชดาเนินอยู่น้ัน แล้วทรง แสวงหาวิธีการที่จะแก้ปัญหาความเดือดร้อน ของพสกนิกรให้จงได้ และจากการเสด็จพระราชดาเนินเย่ียม เยยี นราษฎรดังกล่าว ทาให้ทรงพบว่า คนชนบทส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้มีจานวนไม่น้อย การชว่ ยเหลอื ประชาชนให้ \"พออยู่ พอกิน\" จึงเป็นพระราชประสงค์ทจ่ี ะพระราชทานพระ บรมราชานุเคราะห์ แก่พสกนกิ รในช่วงต้นทรงวิเคราะห์ว่า หากเขาพึ่งตนเองได้แล้วก็จะมีส่วนช่วยเหลือเสริมสร้างประเทศชาติ โดยสว่ นรวมไดใ้ นที่สดุ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริจึงเน้นหลักการพ่ึงตัวเอง ดังพระราชดารัสตอน หน่งึ วา่ \"...เราจะช่วยเหลอื เขา ให้เขาสามารถช่วยเหลอื ตัวเองได้...\" ลักษณะของโครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชดาริ 1. โครงการที่มีลกั ษณะศึกษา คน้ คว้า ทดลองเป็นการสว่ นพระองค์ โครงการดังกลา่ วน้ีเทา่ กบั เปน็ การ เตรียม พระองค์ในด้านข้อมูลและความรอบรู้ท่ีจะทรงนาไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาและเผยแพร่แก่ เกษตรกร รวมทั้งเป็นการ แสวงหาแนวทางการพัฒนาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพสังคมไทย และ สภาพแวดลอ้ มในแตล่ ะทอ้ งถนิ่ ดว้ ย 2. โครงการทมี่ ลี ักษณะเริ่มเขา้ ไปแก้ไขปัญหาหลักของเกษตรเน่ืองจากเกษตรกรประสบปัญหาและ อุปสรรคในการทา เกษตรกรรมมากข้ึนเป็นลาดับ ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีโครงการ ทดลองและเรียนรูไ้ ปดว้ ยนนั้ กท็ รงเริ่ม ก้าว เข้าสู่การดาเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาของเกษตรกรอย่างแท้จริง ระยะแรกโครงการยังจัดขอบเขตอยู่เฉพาะบริเวณรอบ ๆ ที่ประทับ ในส่วนภูมิภาค รูปแบบของการพัฒนา แกไ้ ขปัญหาคือ การพฒั นาแบบผสมผสาน (Integrated Development) หลังจากนั้นโครงการ ในลักษณะน้ี ค่อย ๆ ขยายขอบเขตออกไปส่สู งั คมเกษตรกรในพ้นื ทกี่ ว้างขน้ึ เปน็ ลาดบั หลกั การสาคัญของการดาเนนิ งานโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ สานักประชาสัมพันธ์เขต 6 (2556) ได้กล่าวถึง หลักการดาเนินงานโครงการอันเน่ืองมาจาก พระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชให้เป็นไปตามแนวพระราชดาริ และบรรลุ วัตถุประสงค์ ซงึ่ มีหลกั การสาคัญ ดงั นี้ 1. การแก้ปัญหาเฉพาะหนา้ โครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มงุ่ ชว่ ยเหลอื แก้ไขปัญหาเฉพาะหนา้ ที่ราษฎรกาลงั ประสบอยู่ในขณะน้ัน ซึ่งเป็นการแก้ไขอย่างรีบด่วน เช่น กรณเี ขตพ้ืนที่อาเภอ ละหานทราย จังหวัดบรุ รี มั ย์ ซึ่ง เป็นเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชาและเป็นพ้ืนที่ยากจน ในเขตอิทธิพลของ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ที่ขบวนการพัฒนาของ รัฐยังเข้าไปไม่ถึง ในช่วงระยะเวลานั้น ภายหลังจากมโี ครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ เข้าไปดาเนินการแล้ว ปัญหาความมั่นคงท่ีเคยมีอยู่ก็ลด น้อยถอยลง และหมดสิน้ ไปในทสี่ ุด แมก้ ระท่งั ปัจจุบนั โครงการทแ่ี ก้ปญั หาเฉพาะหน้า และจะมีผลระยะ ยาว ต่อไปคือ การแก้ไขปญั หาจราจร และการป้อง กันนา้ ท่วมในเขตกรุงเทพมหานคร เป็นต้น
117 2. การพฒั นาตอ้ งเป็นไปตามข้ันตอน พระองค์ทรงเน้นการพัฒนาที่สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ใน ลักษณะของการพง่ึ ตนเอง โดยทรงมีพระราชประสงค์ท่จี ะช่วยเหลอื ราษฎรตามความจาเปน็ และเหมาะสมกับ สถานภาพ เมอื่ ราษฎรสามารถพึ่งตนเองได้ กจ็ ะสามารถออกมาสู่สงั คมภายนอกอย่างไมล่ าบาก 3. การพึ่งตนเอง เม่อื แกไ้ ขปัญหาเฉพาะหน้าได้แลว้ กจ็ ะเป็นการพัฒนาเพ่ือให้ประชาชนอยู่ในสังคม ได้ตามสภาพ ในลักษณะของการพ่ึงตนเอง ตัวอย่างโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริท่ีเน้นหลัก \"การพง่ึ ตนเอง\" เพอ่ื พัฒนาแกไ้ ข ปญั หาความยากจนของราษฎร เช่น โครงการธนาคารข้าว โครงการธนาคาร โค กระบือ และโครงการพัฒนาที่ดินตาม พระราชประสงค์ \"หุบกระพง\" อาเภอชะอา จังหวัดเพชรบุรี ซงึ่ ดาเนนิ การเพื่อใหป้ ระชา ชนมที ี่อยอู่ าศยั ทากิน และรวมตวั กันในรูปของกลุ่มสหกรณ์ เพ่ือแก้ไขปัญหาของ ชมุ ชน และการทามาหากนิ รว่ มกัน เปน็ ต้น นอกจากนโ้ี ครงการพฒั นาอันเน่ืองมาจากพระราชดารใิ นระยะหลงั ก็ล้วนแต่เพ่ือใหป้ ระชาชนสามารถช่วยตวั เองได้ เพราะเปน็ โครงการท่ีสนบั สนนุ ให้ประชาชนสามารถประกอบ อาชพี ให้ได้ผล และมีประสทิ ธภิ าพ เชน่ การพฒั นาแหลง่ นา้ เพือ่ การเกษตร การให้การอบรมความร้สู าขาต่างๆ ทงั้ ด้านการเกษตร และศลิ ปาชีพพเิ ศษ เปน็ ต้น 4. การส่งเสริมความรู้ และเทคนิควิชาการสมัยใหม่ที่เหมาะสมด้วยพระราชประสงค์ท่ีต้องการให้ ราษฎรได้รบั ในสิ่งทข่ี าดแคลน และต้องมีตัวอย่างของความสาเร็จ จึงทรงพระราชทานพระราชดาริให้จัดต้ัง ศนู ย์ศกึ ษาการพฒั นาอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ ในทุกภูมภิ าคของประเทศ เพอื่ ใช้เปน็ สถานที่ศึกษา ทดลอง วิจัย และแสวงหาความรู้สมัยใหม่ท่ีราษฎรรับได้ และนาไปดาเนินการเองได้ โดยต้องเป็นวิธีการที่ประหยัด เหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพแวดลอ้ ม 5. การอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติจากการพัฒนาประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ ทรัพยากรธรรมชาตเิ ส่ือมโทรมลงโดยมิได้มีการฟื้นฟูขึ้นมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงสนพระราช หฤทยั ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีผลโดยตรงต่อการพัฒนาการเพ่ิมผลผลิตทาง การเกษตรของราษฎรในพ้นื ท่ตี ่างๆ 6. การสง่ เสริมและปรับปรุงคุณภาพส่ิงแวดล้อม จากการที่โครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศได้ เปลี่ยนไป สกู่ ารผลติ ทมี่ ภี าคอุตสาหกรรม และบรกิ ารเปน็ หลกั ทาให้สังคมไทยเร่ิม เปลี่ยนจากสังคมชนบทสู่ ความเป็นสังคมเมืองมากขึ้น ปัญหาท่ีเกิดตามมาคือปัญหาทางด้านความเส่ือมโทรมของสภาพแวดล้อม พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว ทรงมพี ระราชดารทิ ่จี ะแกไ้ ขปญั หา โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในเรื่องของการกาจัดน้า เสยี ในกรุงเทพมหานครและในเมอื งหลัก ในต่างจงั หวัดดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ โครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดารมิ ขี น้ั ตอนการดาเนินงานโครงการ ดังนี้ คือ 1. เม่อื พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ในพระตาหนัก แต่มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดข้ึน เช่น มี พายุ หรืออุทกภยั ทาให้ประชาชนได้รับความเดือดรอ้ นอยา่ งหนัก ก็จะมพี ระราชดารใิ ห้เจ้าหน้าทีผ่ ูเ้ กย่ี วข้องไป ดาเนนิ การช่วยเหลอื 2. เม่ือเสด็จพระราชดาเนินยังพื้นที่ต่างๆ จะพระราชทานพระราชดาริให้กับคณะผู้ตามเสด็จฯ (องคมนตรี เจ้าหนา้ ทีก่ รม /กอง ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง ผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าท่ีสานักงาน กปร. ฯลฯ)ดาเนินการ โครงการต่างๆเจ้าหน้าท่ีผู้เกี่ยวข้องซึ่งรับสนองพระราชดาริ จัดทาโครงการเสนอผู้บังคับบัญชาจนถึง ปลดั กระทรวง เพื่อนาส่งสานักงาน กปร.
118 สานักงาน กปร. ประสานงาน วิเคราะห์ ว่าสอดคล้องกับพระราชดาริ แล้วนาเสนอ กปร. เพ่ือ พิจารณาอนมุ ตั ิ ทีป่ ระชมุ กปร. หรอื ประธาน กปร. พจิ ารณาอนมุ ตั ิ สานกั งาน กปร.แจง้ หน่วยงาน และสานกั งบประมาณ เพอ่ื ดาเนินการตอ่ ไป หนว่ ยงานเหลา่ นั้นดาเนนิ การตามแผนงานโครงการ สานกั งาน กปร. ทาการติดตาม ประเมินผล จัดทารายงานทลู เกลา้ ฯ ถวาย แจง้ หน่วยงานทเี่ กี่ยวข้อง เพือ่ ปรับปรงุ แก้ไขให้ไดป้ ระโยชน์สงู สุดตามพระราชดารทิ ไ่ี ดพ้ ระราชทานไว้ 3. การถวายฎกี า มขี ั้นตอนการดาเนินงาน ดงั น้ี เมอ่ื มกี ารถวายฎกี าเกี่ยวกบั โครงการทางดา้ นการพัฒนาสานกั งาน กปร. จะทาหน้าทีต่ รวจสอบขอ้ มลู หาข้อเทจ็ จริง เพอื่ จัดทารายละเอยี ดกราบบงั คมทลู ฯ เพื่อขอพระราชทานพระราชวนิ ิจฉยั หากทรงพระกรณุ า โปรดเกล้าฯ ใหเ้ ปน็ โครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริกจ็ ะพระราชทานแนวพระราชดารวิ ่าควรพฒั นาตรง นัน้ อยา่ งไร จากนน้ั สานกั งาน กปร. กจ็ ะดาเนินการประสานให้หนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งเขา้ ดาเนนิ การ เชน่ เดยี วกับโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ ขนั้ ตอนการปฏิบัตงิ านโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ สรปุ ไดด้ ังภาพ ดงั น้ี ภาพที่ 6.1 ขัน้ ตอนการปฏิบตั งิ านโครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชดาริ ที่มา : สานักงานคณะกรรมการพเิ ศษเพอื่ ประสานงานโครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริ (2562)
119 6.2 ตัวอยา่ งโครงการอนั เนือ่ งมาจากพระราชดาริ สานักงานคณะกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ (สานักงาน กปร.) ได้รวบรวมโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ณ เดือนมิถุนายน 2562 มีจานวนท้ังส้ิน 4,810 โครงการ แยกเปน็ ภาคและการพัฒนาดา้ นตา่ ง ๆ ตามตารางสรุปได้ดงั น้ี
120
121
122
123
124 โครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริมจี านวนกว่า 4,810 โครงการ ซงึ่ ผู้สอนไมส่ ามารถยกตัวอยา่ ง ของโรงการไดท้ งั้ หมด จงึ ขอยกตวั อยา่ งช่อื โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ดังนี้ โครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดารฝิ นหลวง โครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดารแิ กลง้ ดนิ โครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริหบุ กะพง โครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชดาริชา่ งหวั มนั โครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดารแิ ก้มลงิ โครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริอ่างเก็บนา้ ห้วยฮอ่ งไคร้ โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง โครงการประตูระบายนา้ คลองลดั โพธิอ์ ันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริ โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ ทางคขู่ นานลอยฟ้าบรมราชชนนี โครงการเขื่อนปา่ สกั อนั เนื่องมาจากพระราชดาริ ฯลฯ ปจั จบุ นั ศูนยศ์ ึกษาฯ มีผลการศกึ ษาทป่ี ระสบความสาเรจ็ แลว้ ในหลาย ๆ ด้าน ทงั้ ดา้ นการปลูกพืช หลาย ๆ ชนิดในสภาพพ้ืนท่ตี า่ ง ๆ การเล้ยี งสตั ว์ทีถ่ ูกวธิ ี การประมง ฯลฯ โดยไดม้ กี ารสาธติ ไวใ้ นลักษณะของ \"พพิ ธิ ภณั ฑธ์ รรมชาติทมี่ ชี วี ิต\" ซงึ่ วธิ ีการเหล่าน้เี ป็นวิธีการทง่ี า่ ย ๆ เกษตรกรสามารถนาไปเปน็ ความร้ใู นการ ประกอบอาชีพได้ ดงั น้นั ประชาชนทุกหมเู่ หลา่ สามารถเข้าไปศกึ ษาหาความรทู้ ี่ศนู ยศ์ ึกษาฯ ใกล้บา้ นไดอ้ ย่าง ครบถว้ น หรอื จะขอไปเขา้ รับการอบรมตามหลักสูตรต่าง ๆ ไดเ้ ชน่ กนั สานักงาน กปร. และศนู ย์ศึกษาฯ พรอ้ ม ท่จี ะใหบ้ รกิ ารกับทกุ ทา่ น ทง้ั น้ี เพอื่ จะได้นาความรจู้ ากศูนยศ์ กึ ษาฯ ไปใชป้ ระโยชน์ไดอ้ ย่างกวา้ งขวาง สมดัง พระราชปณิธานแหง่ องค์ \"พระมหากษตั ริยน์ กั พฒั นาผู้ย่ิงใหญ่\" การที่เกษตรกรจะสามารถทาการเพาะปลกู ใหไ้ ดผ้ ลผลติ มากขึน้ และสามารถเล้ียงตวั เองได้นน้ั มีความ จาเป็นอยา่ งยิ่งที่จะต้องมีความรใู้ นการทาการเกษตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวทรงใหค้ วามสาคญั อยา่ งยง่ิ ต่อการสง่ เสรมิ ความรใู้ นเรอ่ื งการทาการเกษตรอย่างมหี ลกั วชิ าและใชเ้ ทคโนโลยีการเกษตรสมยั ใหม่ ซ่งึ จะช่วย ให้ราษฎรมีความสามารถในการผลิตเพม่ิ มากข้นึ ดังน้ัน ความรู้ในเรื่องการปรับปรุงบารุงดิน การรักษาป่าไม้ เพอ่ื ใหเ้ กิดความชุ่มชื้นกบั ดิน ตลอดจนการปลกู พืชทเ่ี หมาะสม การประมง หรือทุกส่ิงทุกอย่างท่ีเก่ียวข้องกับ การประกอบอาชีพของราษฎรในท้องถิ่น จึงเป็นเร่ืองที่ควรต้องส่งเสริมให้เกษตรกรมีความรู้ ด้วยเหตุน้ี พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั จงึ ทรงเนน้ ถงึ ความจาเป็นท่ีจะตอ้ งมี \"ตัวอย่างของความสาเร็จ\"เผยแพร่ความรู้ การทาการเกษตรอย่างมีหลักวิชา ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ไปสู่เกษตรกรด้วยวิธีการท่ี เข้าใจได้งา่ ย และสามารถนาไปปฏิบตั ิท่ีเป็นจรงิ ได้ จงึ พระราชทานพระราชดาริใหด้ าเนนิ การจดั ต้งั \"ศูนยศ์ กึ ษา การพัฒนา\" ขึ้นในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์รวมของการศึกษาค้นคว้าในด้านการพัฒนาแขนงต่าง ๆ เฉพาะ ภูมิภาคเฉพาะท้องถิน่ และเป็นศูนยร์ วมของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐท่ีมีหน้าท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนาทุกด้าน ไดม้ าร่วมกันเพอ่ื ให้ความชว่ ยเหลือแก่ราษฎรในการทาการเกษตรอยา่ งเปน็ ระบบและต่อเน่อื ง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาแต่ละศูนย์น้ัน ได้ดาเนินการศึกษาข้อมูลพ้ืนฐานของพ้ืนที่นั้น ๆ ตลอดจน สิ่งแวดล้อมและสภาพปัญหาของการพัฒนา แล้วดาเนินการพัฒนาตลอดจนการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมเฉพาะพื้นที่ และสอดคล้องกับการประกอบอาชีพของราษฎรในพื้นที่
125 นัน้ ๆ ผลจากการทดลองวจิ ัยนี้ไดน้ าไปเผยแพรส่ รู่ าษฎรดว้ ยวธิ ีปฏิบตั ทิ ่ีงา่ ย ราษฎรสามารถนาไปปฏิบัติเองได้ โดยจัดให้มีการสาธิตและอบรมในรูปแบบต่าง ๆ จึงกล่าวได้ว่าศูนย์ศึกษาการพัฒนาเป็นโครงการอัน เน่ืองมาจากพระราชดาริที่เก่ียวข้องโดยตรงกับการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมเพื่อให้ราษฎรในท้องถ่ินต่าง ๆ สามารถพัฒนาอาชพี การเกษตรของตนเองใหม้ ปี ระสิทธิภาพในการเพมิ่ ผลผลิตมากข้นึ จนสามารถเลี้ยงตัวเอง ไดใ้ นระยะยาว ในปัจจุบนั มีศูนย์ศกึ ษาการพัฒนา ๖ ศนู ย์ กระจายอยูต่ ามภาคต่าง ๆ ดังน้ี 1. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดาริ จังหวัดฉะเชิงเทรา ดาเนินการ คน้ คว้า ทดลองและสาธิตเก่ียวกับการพัฒนาที่ทากนิ ของราษฎรให้มีความอดุ มสมบรู ณ์ โดยมีวตั ถุประสงคห์ ลกั ในการเพ่ิมประสทิ ธภิ าพการผลิตของพชื หลายชนดิ 2. ดาเนินการศึกษาแนวทางและวิธีการท่ีจะพัฒนาฟ้ืนฟูสภาพป่าเส่ือมโทรม โดยหาวิธีการที่จะให้ เกษตรกรมสี ่วนในการปลกู ปรบั ปรงุ และรกั ษาสภาพป่าพรอ้ ม ๆ กบั มรี ายได้และผลประโยชน์จากป่าด้วย 3. ศูนย์ศกึ ษาการพัฒนาอา่ วคุ้งกระเบนอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ จงั หวดั จนั ทบุรี ดาเนินการศึกษา และค้นคว้าเพอ่ื พัฒนาปรับปรงุ สภาพแวดล้อมดา้ นประมงชายฝั่ง เพอ่ื ให้เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิต ซ่ึงจะ สามารถเลย้ี งตวั เองได้ 4. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ จังหวัดสกลนคร ดาเนินการศึกษาวิจัย เกีย่ วกับการทาเกษตรกรรมที่เหมาะสมกบั สภาพแวดล้อมของภาคตะวันออกเฉยี ง เหนือ โดยเน้นการปรับปรุง บารงุ ดนิ การเร่งรดั พัฒนาปา่ ไม้โดยอาศยั ระบบชลประทานและการปลูกพชื เศรษฐกิจ ท่ีมีผลตอ่ การเพ่มิ รายได้ ของเกษตรกร 5 ดาเนินการศึกษาค้นคว้าเกีย่ วกบั รปู แบบทเี่ หมาะสมของการพฒั นาพ้ืนทต่ี ้นนา้ ลาธาร เพอ่ื ประโยชน์ ทางเศรษฐกิจ รวมท้ังรูปแบบการพัฒนาต่าง ๆ ที่ทาให้เกษตรกรสามารถพ่ึงตนเองได้โดยไม่ทาลาย สภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติ 6. ดาเนนิ การศึกษาวจิ ัยดนิ พรุที่มีอยู่อย่างกว้างขวางในภาคใต้ ให้สามารถนามาใช้ประโยชน์ในด้าน เกษตรกรรมให้ได้มากท่สี ุด ในดา้ นการพัฒนาประสทิ ธิภาพการผลติ ทางการเกษตรน้ัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเน้นใน เร่ืองการค้นคว้าทดลอง และวิจัยพืชชนิดต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับท้องถ่ิน ทั้งพืชเศรษฐกิจ เช่น หม่อนไหม ยางพารา ฯลฯ พชื เพอื่ การปรับปรุงบารุงดินและพืชสมุนไพร ตลอดจนการศึกษาเก่ียวกับแมลงศัตรูพืชหรือ พันธ์ุสัตว์ต่าง ๆ ที่เหมาะสมเพ่ือแนะนะให้เกษตรกรนาไปปฏิบตั ไิ ด้ นอกจากนพ้ี ระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั ยัง ทรงเนน้ การใช้ประโยชนจ์ ากธรรมชาติให้มากท่ีสุด เป็นการลดค่าใช้จ่ายของเกษตรกร อาทิทรงสนับสนุนให้ เกษตรใช้โคและกระบือเป็นแรงงานในการทาไร่ทานามากกว่าการใช้เคร่ืองจักร การปลูกพืชหมุนเวียน โดยเฉพาะพชื ตระกลู ถั่ว เป็นการลดคา่ ใชจ้ ่ายเรื่องปุย๋ หากในกรณีที่จาเป็นต้องใช้ปุ๋ยเคมีซึ่งมีราคาแพงและมี ผลกระทบตอ่ สภาพและคณุ ภาพของดินในระยะยาว และทรงแนะนาเกษตรกรในเรอ่ื งการผลิตกา๊ ซชีวภาพ ซึ่ง มีผลดที ้งั ในด้านเช้ือเพลงิ และปุ๋ย การคน้ คว้าทดลองด้านการเกษตรทมี่ ุง่ เนน้ การใชท้ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละปจั จยั ด้านการเกษตรทมี่ ีอยู่ ในประเทศ นามาใชอ้ ย่างประหยดั และใหเ้ กดิ ประโยชนส์ ูงสดุ นั้น จะเห็นไดจ้ ากโครงการส่วนพระองค์ สวน จิตรลดา ซงึ่ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ทรงดาเนนิ การค้นคว้าทดลองโครงการต่าง ๆ เป็นการสว่ นพระองค์ มาตงั้ แต่ปีพทุ ธศักราช 2505 แตล่ ะโครงการน้ันได้ใช้เทคโนโลยที างดา้ นวทิ ยาศาสตร์มาช่วยในการศึกษา คน้ คว้าและทดลอง ด้วยข้นั ตอนการผลติ ท่ไี มย่ ากนัก เพอ่ื เผยแพร่หรอื แนะนาใหร้ าษฎรสามารถนาไปปฏบิ ัติ
126 เองได้ เป็นการเสริมสรา้ งอาชีพดา้ นการเกษตร เชน่ โครงการเก่ยี วกบั ปลาหมอเทศ ปลานลิ นาขา้ วทดลอง ขา้ ว ไร่ การผลิตกา๊ ซชีวภาพ ปยุ๋ อนิ ทรยี ์ โรงโคนมพันธ์ุโคนม ศนู ยร์ วมนมเนยแข็งน้าผลไม้โครงการขจัดน้าเสยี โดย ปลูกผักตบชวา สวนพชื สมุนไพร โครงการหวาย เปน็ ต้น โครงการอันเน่อื งมาจากพระราชดาริในจังหวัดพงั งา โครงการชลประทานพังงา (2556) ได้กล่าวถึง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริของ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวภมู พิ ลอดุลยเดช ในจงั หวัดพังงาท้ัง 6 โครงการ โดยมีรายละเอยี ดดังตอ่ ไปนี้ 1) โครงการฝายคลองทับยาวอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ โดยโครงการอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริโครงการนม้ี ีรายละเอยี ด ดังน้ี 1.1 ความเปน็ มา สภาตาบลเหล อาเภอกะปง จังหวัดพังงา ได้มีหนังสือถึงอาเภอกะปง แจ้งให้โครงการ ชลประทานพงั งาทราบตามหนงั สอื ของอาเภอกะปง ที่ พง 0216/421 ลงวนั ที่ 7 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2535 แจง้ ว่า ราษฎรในเขตตาบลเหล มคี วามเดอื ดร้อนในดา้ นนา้ เพื่อการอุปโภคบริโภค และการเกษตรกรรม การเล้ียงสัตว์ รวม 6 หมบู่ ้าน จานวน 450 ครวั เรอื น ประชากรประมาณ 2,000 คนเศษ และโครงการชลประทานพังงาได้ พิจารณาโครงการเบื้องต้นแล้ว เห็นว่าต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างสูง ควรจัดเข้าแผนงานก่อสร้าง โครงการชลประทานขนาดกลาง ในปี พ.ศ. 2536 นายจรุ ินทร์ ลกั ษณะวิศิษฎ์ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรจังหวัด พังงา และดารงตาแหน่ง รฐั มนตรชี ว่ ยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในขณะนน้ั ได้รบั เรอื่ งรอ้ งขอของราษฎรตาบล เหล และแจ้งใหโ้ ครงการชลประทานพงั งา (ตามหนังสือท่ี พณ.พิเศษ 2536/036 ลงวันที่ 30 เมษายน 2536) พจิ ารณาทบทวนความเหมาะสมของโครงการดงั กล่าว และใหเ้ สนอแผนงานโครงการพฒั นาแหลง่ นา้ โครงการนี้ เพื่อช่วยเหลือราษฎรโดยด่วนต่อไป ต่อมาได้มีหนังสือจากสานักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง ที่ รล 0005/16346 ลงวันที่ 23 กันยายน 2538 เรือ่ งขอพระราชทานสร้างฝายน้าล้นพร้อมท่อส่งน้า โครงการฝาย คลองทับยาว ความว่า นายดาริ แจ่มฟุ้ง ประธานสภาตาบลเหล อาเภอกะปง จงั หวัดพงั งา และราษฎร จานวน 6 หมบู่ ้าน ไดม้ ีหนงั สอื ขอให้นาความกราบบงั คมทลู พระกรณุ า ขอพระราชทานพระมหากรุณาให้ทางราชการ ดาเนินการก่อสรา้ งฝายนา้ ลน้ พร้อมทอ่ ส่งน้าฝายคลองทบั ยาวเพือ่ เกบ็ กกั น้าไวส้ าหรบั ราษฎรใช้อุปโภคบริโภค และทาการเกษตร โดยราชเลขาธิการได้แจ้งให้เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงานโครงการอัน เนื่องมาจากพระราชดาริ (กปร.) พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง และสานักงาน กปร. ได้แจ้งให้สานักงาน ชลประทานที่ 11 จงั หวดั นครศรธี รรมราช ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นในเร่ืองร้องขอความเป็นไปได้ และความ เหมาะสมในการก่อสร้างตามที่ราษฎรไดข้ อพระราชทานไว้ ภาพท่ี 6.2 โครงการฝายคลองทบั ยาว อันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริ ที่มา : โครงการชลประทานพังงา (2556)
127 1.2 ทต่ี ง้ั โครงการ ทต่ี ้งั หัวงานโครงการนี้ตั้งอยูใ่ นบรเิ วณทอ้ งท่ี บา้ นนกฮูก (บ้านทบั ยาว) หมทู่ ่ี 1 ตาบลเหล อาเภอกะปง จังหวัดพังงา 1.3 วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ 1. เพ่ือชว่ ยเหลือพนื้ ทีก่ ารเกษตรของราษฎรในเขตพื้นทโี่ ครงการในฤดูฝนประมาณ 1,500 ไร่ และฤดูแลง้ ประมาณ 1,500 ไร่ 2. เพอ่ื ชว่ ยเหลอื ในด้านการอปุ โภคบริโภคน้าของราษฎรในเขตพื้นท่ีโครงการ (ท้องที่ตาบล เหล อาเภอกะปง จังหวดั พงั งา) จานวน 6 หมบู่ ้าน 450 ครอบครัว ประชากรประมาณ 2,000 คน 3. เพื่อเปน็ การอนรุ ักษล์ านา้ คลองทับยาว 1.4 ราคาคา่ กอ่ สร้างโครงการ ราคาคา่ กอ่ สร้างโครงการฝายคลองทบั ยาวอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ (ไม่รวมค่าจัดซื้อท่ดี นิ ) รวมค่ากอ่ สรา้ งท้ังโครงการ 52,069,776.15 บาท 1.5 ผลประโยชนท์ จี่ ะไดร้ บั 1. ราษฎรบริเวณพ้ืนที่โครงการในเขตท้องท่ีตาบลเหล จานวน 6 หมู่บ้าน 439 ครอบครัว ประชากรประมาณ 2,000 คน ได้รับประโยชน์โดยตรงโดยนาน้าไปใช้เพ่ือการอุปโภคบริโภค และทา การเกษตร 2. เปน็ สถานทพ่ี ักผอ่ นหย่อนใจประจาหมบู่ า้ น 3. ป่าไม้บรเิ วณตน้ น้าปัจจุบันมีสภาพสมบูรณด์ ี ป่าไม้จะช่วยซึมซับน้า และค่อยๆ ปล่อยน้า ออกมา ทาให้ลาน้าดังกล่าวมีน้าไหลตลอดปี ราษฎรผู้ใช้น้าจะเกิดการหวงแหนป่าต้นน้าซ่ึงจะเป็นการช่วย อนรุ กั ษ์ป่าและลาน้า
128 ภาพที่ 6.3 แผนท่ีโครงการฝายคลองทบั ยาว อนั เนื่องมาจากพระราชดาริ ทีม่ า : โครงการชลประทานพังงา (2556)
129 2) โครงการฝายคลองบางเสน อันเนื่องมาจากพระราชดาริ โดยโครงการอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริโครงการนม้ี ีรายละเอยี ด ดังน้ี 2.1.ความเปน็ มา ตามทน่ี ายขนั ธ์ พงษ์เดช ประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตาบลเหมาะ อาเภอ กะปง จังหวัดพังงา ได้มีหนังสือขอพระราชทานฝายทดน้า พร้อมระบบส่งน้า ตามหนังสือท่ี พง 75401/73 ลงวนั ที่ 8 เมษายน 2542 เพื่อช่วยเหลอื ราษฎร ซึง่ ขาดแคลนน้าสาหรับอุปโภคบรโิ ภค และทาการเกษตร กรม ชลประทาน มคี วามเห็นวา่ โครงการฝายทดนา้ คลองบางเสน เหมาะสมทางดา้ นวิศวกรรม สามารถดาเนินการ กอ่ สรา้ งได้ เหน็ สมควรรบั ไวเ้ ปน็ โครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ สานักราชเลขาธิการ ได้นากราบบังคม ทูลพระกรุณาทราบฝา่ ละอองธลุ ีพระบาท ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ รับโครงการฝายทดน้าคลองบางเสนไว้ เป็นโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ตามหนงั สือ ท่ี รล 0005/17344 ลงวันท่ี 20 พฤศจกิ ายน 2544 ภาพที่ 6.4 โครงการฝายคลองบางเสน อนั เน่อื งมาจากพระราชดาริ ทมี่ า : โครงการชลประทานพงั งา (2556) 2.2 วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ 1. เพอ่ื สง่ เสรมิ ให้กบั พน้ื ทกี่ ารเกษตร ในชว่ งฤดูฝนและฤดูแล้ง จานวน 800 ไร่ 2 เพือ่ ชว่ ยเหลอื อุปโภคบรโิ ภคนา้ ของราษฎรบา้ นปลายวา จานวน 197 ครัวเรอื น 2.3 สถานทีต่ ้งั หวั งาน บ้านปลายวา หมทู่ ี่ 2 ตาบลเหมาะ อาเภอกะปง จงั หวดั พังงา 2.4 งบประมาณค่าก่อสรา้ งโครงการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 คา่ กอ่ สรา้ งโครงการฝายคลองบางเสน อันเนอื่ งมาจากพระราชดาริ รวมเป็นเงินทัง้ สิน้ 21,321,179.09 บาท 2.5 ผลประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะไดร้ บั เพ่ือเปน็ แหล่งเก็บกักน้าจืดไว้ช่วยเหลือพื้นท่ีการเกษตร ประมาณ 430 ไร่ และการอุปโภค บรโิ ภค ของราษฎรบริเวณใกลเ้ คียง จานวน 1 หมบู่ ้าน ประมาณ 79 ครอบครวั 360 คน 2.6.ความจาเป็นทจ่ี ะตอ้ งดาเนินการกอ่ สร้างโครงการ เนือ่ งจากราษฎร หมู่ที่ 1,2 และ หมทู่ ี่ 3 และบริเวณใกลเ้ คยี ง ซงึ่ สว่ นใหญ่ประกอบอาชีพทา การเกษตร มีความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้า เพ่ือการเกษตร และการอุปโภคบริโภค ในช่วงฤดูแล้ง ประมาณ 197 ครัวเรือน พื้นท่ีการเกษตร 800 ไร่กรมชลประทานได้เข้าดาเนินการพิจารณาเบ้ืองต้นแล้ว เหน็ สมควร จัดหาแหล่งน้าให้แก่ราษฎร ในรูปแบบของอาคารบังคับน้า คือ โครงการฝายคลองบางเสน อัน เน่ืองมาจากพระราชดาริ เพื่อเก็บกกั นา้ และบรรเทาความเดอื ดร้อนของราษฎรต่อไป
130 ภาพท่ี 6.5 แผนทโ่ี ครงการฝายคลองบางเสน อันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ที่มา : โครงการชลประทานพังงา (2556) 3) โครงการฝายคลองตาหนงั อนั เนื่องมาจากพระราชดาริ โครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชดารโิ ครงการนมี้ รี ายละเอยี ด ดังนี้ 3.1 ความเป็นมา ราษฎรบ้านตาหนัง ตาบลบางวัน อาเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ได้มีหนังสือถึงสานักราช เลขาธิการพระบรมมหาราชวัง ลว. 26 มิถุนายน 2538 สานักราชเลขาธิการ รับท่ี 11698 ลว. 17 สิงหาคม 2538 โดยขอให้นาความกราบบังคมทลู พระมหากรณุ า ให้กรมชลประทานดาเนินการปรับปรุงซ่อมแซม ฝาย ทดน้าคลองตาหนัง พร้อมระบบท่อส่งน้า เดิมซึ่งชารุดทรุดโทรม ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ และมี ประสิทธิภาพ เพื่อช่วยเหลือราษฎรรวม 3 หมู่บ้าน ซึ่งประสบภาวะเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้าสาหรับ อุปโภคบรโิ ภค และทาการเกษตร สานักราชเลขาธิการ พระบรมราชวัง ได้แจ้งให้เลขาธิการคณะกรรมการ พิเศษเพ่ือประสานงาน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ (กปร.) พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามหนังสือ ท่ี รล 005/14687 ลว. 25 สิงหาคม 2538 และสานักงาน กปร. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยประสานงานกบั เจา้ หน้าทขี่ องกรมชลประทาน ตลอดจนราษฎรทเ่ี ก่ยี วขอ้ งแล้วเหน็ สมควรช่วยเหลอื ราษฎร ดังกล่าว ต่อมาสานักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง ได้แจ้งให้เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพ่ือ ประสานงานโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ (กปร.) ทราบว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการ ปรับปรุงซ่อมแซมฝายทดน้าคลองตาหนัง ไว้เป็นโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ตามหนังสือ ที่ รล 0005/4725 ลว. 19 มนี าคม 2539
131 ภาพที่ 6.6 โครงการฝายคลองตาหนงั อนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ ที่มา : โครงการชลประทานพงั งา (2556) 3.2 วตั ถุประสงค์ เพอ่ื ช่วยเหลือราษฎรให้มีนา้ อปุ โภคบริโภค ตลอดปี จานวน 3 หมบู่ ้าน 570 ครอบครวั และ ชว่ ยเหลือพนื้ ที่การเกษตร สวนผลไม้ ประมาณ 1,400 ไร่ 3.3 ที่ตั้งของโครงการ หวั งานโครงการตงั้ อยู่ในเขต หมทู่ ่ี 2 ตาบลบางวัน อาเภอครุ ะบรุ ี จังหวดั พงั งา 3.4 ผลประโยชน์ทจี่ ะได้รบั เพ่ือประโยชน์ในการใชน้ า้ อปุ โภคบรโิ ภค และการเกษตรตลอดท้งั ปี จานวน 3 หมบู่ ้าน 570 ครวั เรือน รวมพื้นท่กี ารเกษตรประมาณ 1,400 ไร่ 3.5 งบประมาณค่ากอ่ สรา้ งโครงการ คา่ ก่อสร้างโครงการฝายคลองตาหนงั อนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ ใช้งบประมาณรวมทงั้ สิ้น 26,538,000 บาท 3.6 ความจาเป็นทตี่ อ้ งการดาเนนิ การก่อสรา้ งโครงการ เนอ่ื งจากราษฎร หมู่ท่ี 1,2 และ หมู่ที่ 7 ตาบลบางวัน อาเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ซ่ึงส่วน ใหญป่ ระกอบอาชีพ ทาการเกษตร มีความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้า เพื่อการเกษตร และการอุปโภค บริโภค ประมาณ 570 ครอบครวั พนื้ ท่กี ารเกษตร 1,400 ไร่ โครงการน้ี ไดน้ าความกราบบังคมทูล พระกรุณา ทราบฝ่าละอองธลุ ีพระบาทแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รบั โครงการปรับปรงุ ซอ่ มแซมฝายทดน้าคลองตา หนัง ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ ตามหนังสือที่ รล. 0005/4725 ลว. 19 มีนาคม 2539
132 ภาพที่ 6.7 แผนที่โครงการฝายคลองตาหนงั อนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ ทม่ี า : โครงการชลประทานพังงา (2556) 4) โครงการฝายคลองลารใู หญ่ อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ โดยโครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดารโิ ครงการนมี้ รี ายละเอยี ด ดงั นี้ 4.1 ความเปน็ มา นายสมนึก นาวาลอ่ ง ประธานสภาตาบลลาแกน่ อาเภอท้ายเหมอื ง จงั หวัดพังงา ไดม้ ีหนงั สอื ถึง สานักราชเลขาธกิ าร พระบรมมหาราชวงั ขอให้นากราบบังคมทูลขอพระราชทานพระมหากรุณาให้ กรม ชลประทานดาเนินการกอ่ สรา้ ง โครงการชลประทานขนาดเล็กท่ี คลองลารูใหญ่ หมูท่ ่ี 1 ตาบลลาแก่น อาเภอ ทา้ ยเหมือง จังหวัดพังงา เพือ่ ชว่ ยเหลือราษฎรซึง่ ประสบภาวะเดือดร้อน จากการขาดแคลนน้า สาหรับอุปโภค บริโภค และทาการเกษตร สานกั ราชเลขาธกิ ารพระบรมมหาราชวัง ได้แจ้งให้เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษ เพ่ือประสานงาน โครงการอนั เน่อื งมาจากพระราชดาริ (กปร.) พจิ ารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยประสานงาน กบั เจา้ หนา้ ทีข่ อง กรมชลประทานตลอดจนราษฎรท่เี กยี่ วขอ้ งแล้ว เห็นสมควรดาเนินการเพ่ือช่วยเหลอื ราษฎร ดังกล่าว ต่อมาสานักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง ได้แจ้งให้เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษ เพ่ือ ประสานงาน โครงการอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ (กปร.) ทราบว่า โครงการนีไ้ ด้นาความกราบบังคมทูลพระ มหากรุณาทราบฝา่ ละอองธลุ ีพระบาทแลว้ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ รบั โครงการก่อสร้างฝายทดน้าคลองลา รูใหญ่ ไว้เป็นโครงการอันเน่อื งมาจากพระราชดาริ ตามหนังสือ ที่ รล 0005/4723 ลงวันท่ี 19 มีนาคม 2539 ตามแผนงานก่อสรา้ ง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ได้รับอนุมัติงบประมาณค่าก่อสร้างตามแผนค่าใช้จ่าย ตาม โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ จึงขอกอ่ สรา้ งฝายหวั งานทดนา้ คอนกรตี เสริมเหล็กพรอ้ มระบบท่อส่งน้า
133 และอาคารประกอบ เพ่อื บรรเทาความเดอื ดร้อนของราษฎร ที่ประสบสภาวะเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้า สาหรบั อปุ โภคบริโภค ภาพท่ี 6.8 โครงการฝายคลองลารูใหญ่ อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ ทมี่ า : โครงการชลประทานพงั งา (2556) 4.2 ที่ตั้งโครงการ ท่ีตั้งหวั งานโครงการน้ีต้งั อย่ใู นบรเิ วณทอ้ งท่ี หม่ทู ่ี 1 ตาบลลาแก่น อาเภอทา้ ยเหมอื ง จงั หวดั พังงา 4.3 วัตถปุ ระสงคข์ องโครงการ เพอื่ แก้ไขปญั หาขาดแคลนนา้ สาหรบั อปุ โภคบรโิ ภค ประมาณ 800 ครัวเรือน และพน้ื ท่ี เกษตรกร ประมาณ 6,000 ไร่ 4.4 งบประมาณคา่ กอ่ สรา้ งโครงการ ค่าก่อสร้างโครงการฝายคลองลารูใหญ่ อันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริ ใช้งบประมาณรวมทัง้ สิ้น ประมาณ 58,782,291.87 บาท 4.5 ผลประโยชนท์ ค่ี าดจะไดร้ ับ 1. เพื่อสง่ เสรมิ ให้กบั พื้นท่กี ารเกษตร ในช่วงฤดฝู นและฤดแู ลง้ จานวน 1,500 ไร่ และเลย้ี ง สัตว์ 2. แหลง่ นา้ อปุ โภคบรโิ ภคของราษฎร จานวน 4 หมบู่ ้านของตาบลลาแกน่ จานวน 1,053 ครัวเรอื น 5,126 คน 3. สง่ น้าใหร้ ะบบประปาขององค์การบรหิ ารส่วนตาบลลาแกน่ และโครงการชมุ ชนบา้ นนา้ ใส (มูลนธิ ิฟ้าหญิงจฬุ าภรณฯ์ ) 4. ส่งนา้ ใหฐ้ านทพั เรอื จงั หวัดพงั งา และโรงพยาบาลฐานทัพเรอื 5. สง่ นา้ ใหโ้ รงเรยี นลาแกน่ และโรงเรียนพระราชทานทบั ละมุ และวดั หลกั แก่น 6. บรเิ วณฝายหวั งานโครงการฯ เปน็ สถานท่ีพกั ผ่อนของราษฎร และ นักทอ่ งเทีย่ ว สว่ นทา้ ย ฝายโครงการฯ เป็นสถานทล่ี อ่ งแพของนักท่องเท่ียว ทงั้ ชาวไทยและตา่ งประเทศ ทีม่ อี ยแู่ ลว้ เปน็ การชว่ ย สง่ เสรมิ การท่องเทย่ี วแบบธรรมชาติอกี แหง่ หนง่ึ
134 5) โครงการฝายคลองใน อันเน่ืองมาจากพระราชดาริ โดยโครงการอนั เนือ่ งมาจากพระราชดาริโครงการนมี้ รี ายละเอียด ดงั นี้ 5.1 ความเป็นมา สานักราชเลขาธิการได้มีหนังสือท่ี รล 0005.5/5918 ลงวันท่ี 12 เมษายน 2546 เรื่องขอ พระราชทานฝายทดน้าล้นขนาดกลาง สลก. รับท่ี ชป.2543 ลงวันท่ี 21 เมษายน 2546 และสานัก คณะกรรมการพเิ ศษเพ่ือประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ มหี นงั สือท่ี กร00074/201 ลงวนั ท่ี 2 พฤษภาคม 2546 เรื่องขอความร่วมมือในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีราษฎรทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา กรณี นาย ธานินทร์ สญั ญาสุวรรณ ประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตาบลรมณีย์ อาเภอกะปง จงั หวดั พังงา ขอให้นาความกราบบงั คมทลู พระกรุณาขอพระราชทาน โครงการก่อสร้างฝายน้าล้นขนาดกลาง คลองใน หมู่ท่ี 3 บ้านปากคลอง ตาบลรมณีย์ เพ่ือช่วยเหลือราษฎรตาบลรมณีย์ ซึ่งขาดแคลนน้าสาหรับ อุปโภคบรโิ ภค และการเกษตรโดยเฉพาะในฤดูแลง้ กรมชลประทาน โดย นญพ. ได้สง่ั การใหส้ านักชลประทาน ท่ี 15 ดาเนนิ การเสนอแนวทางชว่ ยเหลือ เม่ือวันที่ 29 เมษายน 2546 ภาพท่ี 6.9 โครงการฝายคลองใน อนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ ท่มี า : โครงการชลประทานพงั งา (2556) 5.2 วัตถุประสงค์ของโครงการ 1. เพ่ือเปน็ แหล่งน้าสาหรบั ทาการเกษตรทง้ั ในฤดฝู น – ฤดแู ล้ง และเลีย้ งสตั ว์ของราษฎร หมทู่ ี่ 3 ตาบลรมณีย์ ประมาณ 500 ไร่ 2. เพ่อื เปน็ แหลง่ น้าสาหรบั การอุปโภคบริโภคของราษฎร จานวน 150 ครวั เรอื น ประชากร ประมาณ 540 คน 3. เพือ่ เปน็ สถานทที่ ่องเที่ยว และพกั ผอ่ นหยอ่ นใจในเชิงอนรุ ักษ์ 5.3 สถานทตี่ งั้ หัวงาน บ้านปากคลอง หม่ทู ี่ 3 ตาบลรมณยี ์ อาเภอกะปง จงั หวดั พงั งา 5.4 .งบประมาณค่าก่อสรา้ งโครงการ ค่าก่อสรา้ งโครงการฝายคลองใน อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ ใช้งบประมาณรวมทง้ั สนิ้ 21,555,000 บาท 5.5 ผลประโยชนท์ ่ไี ด้รบั 1. ช่วยเหลือพ้ืนทเี่ พาะปลกู 500 ไร่ 2. ราษฎรที่อาศัยอย่ใู นเขตโครงการมีนา้ สาหรับอุปโภคบรโิ ภคตลอดปี จานวน 150 ครวั เรือน
135 3. เป็นแหลง่ พกั ผอ่ นหยอ่ นใจและสถานท่ีทอ่ งเท่ยี ว 6) โครงการอาคารอดั น้าคลองน้าแดง พรอ้ มระบบสง่ นา้ โดยโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริโครงการนมี้ รี ายละเอียด ดังนี้ 6.1 ความเป็นมา นายสมภพ ประทีป ณ ถลาง รองนายกองค์การบริหารส่วนตาบลนาเตย ไดม้ หี นังสือขอให้นา ความกราบบงั คมทูลพระกรุณาขอพระราชทานขอพระราชทานพระมหากรุณาในการกอ่ สร้างอา่ งเกบ็ นา้ ขนาด เล็กคลองน้าแดง เพื่อช่วยเหลือราษฎรหมู่ที่ 3 ตาบลนาเตย ซึ่งขาดแคลนน้าสาหรับอุปโภคบริโภคและทา การเกษตร ตามหนังสือสานักราชเลขาธิการที่ รล 0005.5/17239 ลงวันท่ี 17 กันยายน พ.ศ. 2551 เพ่ือช่วยเหลือราษฎร หมู่ท่ี 3 ตาบลนาเตย ซ่ึงประสบความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้าสาหรับอุปโภค บริโภค และทาการเกษตรในฤดูแล้งนั้น สานักชลประทานท่ี 15 ได้ให้เจ้าหน้าท่ีกลุ่มพิจารณาโครงการเข้า พิจารณาตรวจสอบสภาพภมู ิประเทศในพ้ืนที่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่โครงการชลประทานพังงา และเจ้าหน้าที่ ขององค์การบริหารส่วนตาบลนาเตย ซ่ึงจากการพิจารณาสภาพภูมิประเทศและตรวจสอบผลการคานวณ ทางด้านวิศวกรรม พรอ้ มทัง้ ได้ศกึ ษาขอ้ มูลดา้ นต่าง ๆ ท่ีเกยี่ วข้องแลว้ เหน็ ว่า มีแนวทางที่จะใหค้ วามช่วยเหลือ ราษฎร ท่ไี ด้รบั ความเดือดรอ้ นได้ โดยกอ่ สรา้ งอาคารอดั น้าพร้อมอาคารประกอบ และก่อสร้างระบบท่อส่งน้า เพือ่ ชว่ ยเหลือราษฎร หมู่ที่ 3 บ้านยายนิน และหมู่ที่ 4 บ้านลุมพินี ตาบลนาเตย อาเภอท้ายเหมือง จังหวัด พังงา จานวน 465 ครัวเรือน ราษฎร 1,432 คน ให้มีน้าสาหรับอุปโภคบริโภค และทาการเกษตรประมาณ 1,100 ไร่ ภาพท่ี 6.10 โครงการอาคารอดั น้าคลองนา้ แดง พรอ้ มระบบสง่ น้าอันเนื่องมาจากพระราชดาริ ทม่ี า : โครงการชลประทานพงั งา (2556) 6.2 วัตถปุ ระสงคโ์ ครงการ เพ่ือแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้าสาหรับอุปโภคบริโภค ประมาณ 465 ครัวเรือน และพื้นท่ี เกษตรกร ประมาณ 1,500 ไร่ 6.3 สถานทีก่ ่อสร้าง ทตี่ งั้ หมู่ท่ี 3 บา้ นยายนนิ ตาบลนาเตย อาเภอทา้ ยเหมอื ง จังหวัดพงั งา มรี ายละเอยี ดทางดา้ นวิศวกรรมของโครงการ ดังน้ี 1. หัวงานโครงการ เปน็ อาคารอัดน้าคอนกรีตเสรมิ เหลก็ ชนดิ B-2 ขนาดกว้าง 1.50 เมตร
136 สงู 1.50 เมจร จานวน 2 แถว ยาว 29.00 เมตร พรอ้ มทานบดินหลงั คนั กว้าง 6.00 เมตร ยาว 97.00 เมตร สงู 5.00 เมตร ก่อสรา้ งตามแบบหมายเลข สชป.15-6883-5 2. ระบบทอ่ ส่งน้า ความยาวรวม 4,570 เมตร 3. อาคารประกอบระบบทอ่ ส่งน้า จานวน 19 แหง่ มรี ายละเอียดดงั น้ี - ตอม่อรบั ทอ่ ส่งน้า จานวน 1 แห่ง - อาคาร Blow off จานวน 3 แหง่ - อาคาร Air valve จานวน 3 แห่ง - อาคารจ่ายน้าทางเดียว จานวน 4 แห่ง - อาคารจา่ ยนา้ สองทาง จานวน 5 แหง่ - อาคาร Gate Valve จานวน 3 แห่ง 6.4 งบประมาณค่ากอ่ สร้างโครงการ คา่ ก่อสร้างโครงการอาคารอัดน้าคลองน้าแดง พรอ้ มระบบสง่ นา้ อันเนื่องมาจากพระราชดาริ ใชง้ บประมาณรวมทง้ั สน้ิ 11,809,000 บาท 6.5 ผลประโยชน์ทีค่ าดวา่ จะไดร้ บั 1. ช่วยเหลือพนื้ ทเ่ี พาะปลกู 1,100 ไร่ 2. ราษฎรทีอ่ าศยั อยูใ่ นเขตโครงการมนี ้าไว้อปุ โภคบรโิ ภคตลอดปี จานวน 465 ครวั เรอื น ภาพท่ี 6.11 แผนที่โครงการอาคารอัดน้าคลองนา้ แดง พร้อมระบบสง่ นา้ อนั เนื่องมาจากพระราชดาริ ทีม่ า : โครงการชลประทานพงั งา (2556)
137 ทัง้ น้ียงั มโี ครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชอีก หลายโครงการ ซ่ึงแต่ละโครงการเป็นโครงการท่ีเกิดประโยชน์ต่อประชาชนชาวไทย อีกท้ังยังเป็นพระมหา กรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ท่ีพระองค์ท่านไม่เคยทอดท้ิงประชาชนชาวไทย ท้ังน้ีโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดาริทง้ั หมดมีวตั ถปุ ระสงค์เดียวกัน คอื การแกป้ ญั หาใหป้ ระชาชนชาวไทยสามารถใช้ชีวิตไดอ้ ย่างปกติ สขุ โดยโครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชดาริทุกโครงการพระองค์ทรงทาความเข้าใจกับปัญหาอย่างชัดเจน เก็บขอ้ มลู เข้าถงึ พ้นื ทเ่ี พื่อศึกษาข้อมลู ใหเ้ ข้าใจสภาพปญั หาใหม้ ากย่ิงข้นึ แล้วจึงแก้ปญั หาน้นั ซ่งึ หากพิจารณา แล้วพระองค์ทรงใช้วิธกี ารทางวทิ ยาศาสตรเ์ ข้ามาประกอบการแกป้ ัญหาน่ันเอง ส่วนโครงการอันเน่ืองมาจาก พระราชดารโิ ครงการอน่ื ๆ ผูส้ อนจะมอบหมายใหน้ ักศกึ ษาได้ไปศกึ ษาค้นคว้าตามความสนใจของตนเอง และ นามาใช้ในการประกอบกิจกรรมกรเรยี นร้ใู นหอ้ งเรยี นตอ่ ไป บรรณานกุ รม สานกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพอื่ ประสานงานโครงการอนั เน่อื งมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.). (2562) “โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาร”ิ จาก http://www.rdpb.go.th/rdpb/ projectdata/ ค้นคนื วนั ที่ 14 มกราคม 2556. สานักประชาสมั พันธ์เขต 6. (2556). “โครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชดาร”ิ จาก http://region6.prd.go.th /main.php?filename=royal_project คน้ คืนวนั ท่ี 15 มกราคม 2556. โครงการชลประทานพังงา (2556) “โครงการพระราชดาร”ิ จาก http://irrigation.rid.go.th/rid15/ png/2554/k%20rid.php. คน้ คืนวันที่ 14 มกราคม 2556.
138 ใบกิจกรรมการเรียนรู้
139 ใบกจิ กรรมท่ี 1 เรือ่ ง วิทยาศาสตร์ และบทบาทของวิทยาศาสตร์ตอ่ การดาเนนิ ชีวติ ประจาวนั ใหน้ กั ศกึ ษาตอบคาถามต่อไปน้ี วทิ ยาศาสตรเ์ กี่ยวขอ้ งและมีบทบาทของวิทยาศาสตรต์ อ่ การดาเนินชวี ติ ประจาวันของ นกั ศึกษา อย่างไร พรอ้ มยกตัวอย่าง กจิ วัตรประจาวัน ความเกี่ยวข้องและมีบทบาทของ ตวั อย่าง วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยตี อ่ กจิ วตั ร ประจาวนั
ใบกจิ กรรมที่ 2 เรอื่ ง กระบ ให้นักศกึ ษาตอบคาถามตอ่ ไปน้ี ให้นักศกึ ษาเขียนอธิบายวธิ ที ีน่ กั ศึกษาใช้ในการคน้ คว้าหาความรู้ และวธิ ที ใ่ี ช้ใ การคน้ ควา้ หาความรู้ วิธีการ หรือกระบวนการ การใช้ทกั ษะ วทิ ยาศาสตร วา่ ใ
140 บวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการแกป้ ญั หาสาคัญท่ีพบได้บอ่ ยในการดาเนนิ ชวี ิตประจาวนั ลงในตาราง ะกระบวนการทาง ผลท่ไี ดร้ ับ แนวทางปรบั ปรงุ หรือ พฒั นาใหไ้ ด้ผลดยี งิ่ ขึน้ ร์ พรอ้ มทง้ั อธบิ าย ใช้อย่างไร
การแกป้ ัญหาสาคัญทพ่ี บ วธิ กี าร หรอื กระบวนการ การใช้ทกั ษะ บอ่ ยในการดาเนิน วิทยาศาสตร ชวี ิตประจาวัน วา่ ใ
ะกระบวนการทาง ผลทไี่ ดร้ บั 141 ร์ พรอ้ มทง้ั อธบิ าย แนวทางปรบั ปรุง หรือ ใชอ้ ยา่ งไร พฒั นาให้ได้ผลดยี งิ่ ขนึ้
ใบกจิ กรรมที่ 3 เรือ่ ง I-You-We Checklist (10 คะแนน) สาหรับแผนการจัดการเรยี นการสอนท่ี 1 วชิ าวิทยาศาสตรเ์ พื่อชวี ติ หมวดวิชาศกึ ษาทวั่ ไป รหัสวิชา ศท 0404 หน่วยกิต (ท-ป-ศ) : 3(3-0-6) ใหน้ กั ศกึ ษาสรปุ แนวทางการค้นควา้ หาความรู้ที่ใชน้ กั ศึกษาใช้เป็นประจา โดยใช้เทคนคิ I-You-We Checklist ความรู้ท่ีตนเองสรปุ ความรทู้ ่ีเพ่อื น/เพือ่ นท้ัง ความร้ทู ไ่ี ดร้ บั เพม่ิ เติม ชน้ั เรียนสรปุ I (ตนเอง) 1 4 You (เพอื่ น) 2 We 3 (เพอื่ นทงั้ ชนั้ เรยี น) * หมายเหตุ 1. ให้นักศึกษาสรปุ ความรู้ของตนเอง ในชอ่ งหมายเลข 1 2. จากน้ันใหเ้ พือ่ นร่วมชั้น 1 คน เปน็ คนสรปุ ความรใู้ นเร่ือง หรือประเดน็ เดยี วกนั กับทต่ี นเองนาเสนอ ในชอ่ ง หมายเลข 2 3. จากนัน้ ใหเ้ พอ่ื นร่วมชั้นทกุ คน ช่วยสรุปความรู้ในเรือ่ ง หรือประเดน็ เดยี วกันกับท่ตี นเองนาเสนอ แลว้ บนั ทึกลงใน ในชอ่ งหมายเลข 3 4. ให้นกั ศึกษาบันทึกความร้ทู ไี่ ด้รบั เพ่ิมเตมิ จากการสรุปของเพื่อน และเพ่ือนทัง้ ชั้น ในช่องหมายเลข 4
ใหน้ ักศกึ ษาสรุปวิธกี ารที่ใช้ในการแกป้ ญั หาสาคญั ทีพ่ บไดบ้ อ่ ยในการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวนั โดยใช้เทคนิค I-You-We Checklist I (ตนเอง) ความรทู้ ีต่ นเองสรุป ความรทู้ ีเ่ พ่ือน/เพอื่ นท้ัง ความรทู้ ไี่ ด้รับเพ่ิมเติม 1 ชั้นเรยี นสรปุ 4 You (เพอื่ น) 2 We 3 (เพื่อนทงั้ ชั้นเรยี น) * หมายเหตุ 1. ใหน้ กั ศึกษาสรปุ ความรูข้ องตนเอง ในชอ่ งหมายเลข 1 2. จากนนั้ ให้เพอ่ื นร่วมชั้น 1 คน เป็นคนสรุปความรูใ้ นเร่ือง หรอื ประเดน็ เดยี วกนั กับที่ตนเองนาเสนอ ในชอ่ ง หมายเลข 2 3. จากน้ันใหเ้ พ่อื นร่วมชั้นทุกคน ช่วยสรปุ ความรู้ในเร่ือง หรอื ประเดน็ เดียวกันกับท่ีตนเองนาเสนอ แลว้ บันทึกลงใน ในช่องหมายเลข 3 4. ให้นกั ศึกษาบนั ทึกความรู้ทไ่ี ดร้ บั เพิม่ เตมิ จากการสรุปของเพื่อน และเพื่อนท้ังชั้น ในช่องหมายเลข 4
ใบกิจกรรมที่ 4 เรอื่ ง เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ และจรรยาบรรณของนกั วิทยาศาสตร์ ให้นักศกึ ษาตอบคาถามต่อไปนี้ 1. ใหน้ ักศกึ ษาอธิบายพฤติกรรมการแสดงออกของผเู้ รยี นท่ีบง่ ชี้ถงึ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ (5 คะแนน) ความหมายเจตคติ คุณลกั ษณะสาคัญของ พฤตกิ รรมการแสดงออก ประโยชนข์ องเจตคติทาง ทางวิทยาศาสตร์ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ ทบ่ี ่งช้ีถงึ เจตคติทาง วทิ ยาศาสตร์ตอ่ การ 1) ความสนใจใฝ่รู้หรือ วิทยาศาสตร์ ดาเนินชวี ิตประจาวัน ความอยากรู้อยากเห็น 2) ความรับผิดชอบความ มุ่ ง ม่ั น อ ด ท น แ ล ะ เ พี ย ร พยายาม 3) ความมีเหตุผล 4) ความมีระเบียบและ รอบคอบ 5) ความซอ่ื สัตย์ 6) ความใจกว้างร่วมแสดง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น แ ล ะ รั บ ฟั ง ความคดิ ของผ้อู ่นื
2. ให้นักศึกษายกตัวอย่างจรรยาบรรณของนักวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งอธิบายว่าจรรยาบรรณแต่ละข้อมี ความสาคญั อยา่ งไร จรรยาบรรณของนักวิทยาศาสตร์ ความสาคัญของจรรยาบรรณของนักวิทยาศาสตร์ 1. 2. 3.
ใบกจิ กรรมท่ี 5 เร่อื ง ความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้นักศกึ ษาตอบคาถามต่อไปนี้ ให้นักศึกษาอธบิ ายถึงความก้าวหนา้ ของวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีในประเด็นทีน่ กั ศกึ ษาสนใจ และ อธบิ ายวา่ เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์มคี วามสาคญั อย่างไรกบั ความกา้ วหนา้ ในประเดน็ นน้ั ประเด็นความกา้ วหน้าทาง ตัวอยา่ งความกา้ วหน้าทาง ความสาคญั ของเจตคติ วิทยาศาสตร์ทนี่ กั ศึกษาสนใจ วทิ ยาศาสตร์ท่ีนกั ศกึ ษาสนใจ ทางวิทยาศาสตร์กับประเดน็ ความก้าวหนา้ ของวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 1. 2. 3. 4. 5.
ใบกิจกรรมที่ 6 เรื่อง วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ ให้นกั ศกึ ษาตอบคาถามต่อไปนี้ 1. ให้นักศึกษาอธบิ ายว่าขั้นตอนของวิธกี ารทางวิทยาศาสตรป์ ระกอบไปดว้ ยข้ันตอนใดบา้ ง และแตล่ ะ ข้ันตอนน้ันมคี วามหมาย และความสาคัญอยา่ งไร ข้ันตอนของวธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ วธิ ีการดาเนนิ การ และความสาคญั
2. ให้นักศึกษาตอบตอบคาถามตาราง ทกั ษะกระบวนการทาง เจตคติทางวิทยาศาสตร์ วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ มีความเกย่ี วข้องกบั มีประโยชน์ตอ่ ตนเอง มีประโยชน์ชมุ ชนเอง มคี วามสาคญั กับวิธกี าร วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ อย่างไร อยา่ งไร ทางวิทยาศาสตร์อย่างไร อยา่ งไร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193