Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการเรียน วิชา วิทยาศาสตร์ และสิ่งแวดล้อมเพื่อชีวิต ปีการศึกษา 2562

เอกสารประกอบการเรียน วิชา วิทยาศาสตร์ และสิ่งแวดล้อมเพื่อชีวิต ปีการศึกษา 2562

Published by Tawatchai Jitwarin, 2019-12-12 01:28:50

Description: เอกสารประกอบการเรียน วิชา วิทยาศาสตร์ และสิ่งแวดล้อมเพื่อชีวิต ปีการศึกษา 2562 สำหรับนักศึกษาระดับอนุปริญญา วิทยาลัยชุมชนพังงา

Keywords: วิทยาศาสตร์,อนุปริญญา

Search

Read the Text Version

ใบกจิ กรรมที่ 7 เรอ่ื ง การใชป้ ระโยชน์ของทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละ การประยกุ ต์ใชค้ วามรทู้ างวทิ ยาศาสตรใ์ นการดารงชีวติ ใหน้ ักศึกษาตอบคาถามต่อไปนี้ 1. ให้นกั ศกึ ษาศึกษา คน้ คว้าขอ้ มูล แลว้ สรุปถงึ ประโยชนข์ องทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ต่อ การดาเนินชีวิตประจาวัน พร้อมยกตัวอย่าง และระบุถึงผลท่ีจะเกิดข้ึนหากขาดทักษะกระบ วนการทาง วิทยาศาสตร์ในแตล่ ะทักษะ ทกั ษะกระบวนการทาง สรปุ การใช้ประโยชนต์ อ่ การ ผลของการขาดทักษะ วิทยาศาสตร์ ดารงชวี ติ พรอ้ มยกตวั อย่าง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสงั เกต การวัด การจาแนกประเภท การหาความสมั พนั ธร์ ะหว่างสเปส กับสเปส และสเปสกับเวลา การคานวณ การจัดกระทาและส่อื ความหมาย ข้อมูล การลงความเหน็ จากขอ้ มลู การพยากรณ์ การตัง้ สมมตฐิ าน การกาหนดนิยามปฏิบตั กิ าร การควบคุมและกาหนดตวั แปร การทดลอง การตีความหมายข้อมลู และลง ขอ้ สรปุ

2. ให้นกั ศึกษาแต่ละคนศึกษา ค้นควา้ ขอ้ มูล รวมถงึ ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ และวิธ ของการดารงชีวติ ผลทค่ี าดว่าจะได้รับ พรอ้ มทง้ั เหตุผลเพอ่ื สนับสนนุ แนวทางทต่ี นเอ หนา้ ช้ันเรียนโดยใชแ้ ผนผังความคดิ หรอื เลือกใช้รปู แบบทน่ี กั ศึกษาเหน็ วา่ มคี วามเหมา แนวทางการแกป้ ญั หาเพ่ือ ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ท่ี ทกั ษะกระบวนกา พฒั นาคุณภาพชีวติ ท่ีได้จาก ใชใ้ นการแก้ปัญหา วิทยาศาสตร์ท่ใี ชใ้ นกา การคน้ ควา้ ข้อมลู จากแหล่ง ตา่ ง ๆ

ธีการทางวิทยาศาสตร์ เพ่ือแก้ปัญหาเหล่านั้น โดยระบุแนวทางเพ่ือพัฒนาคุณภาพ องเสนอ จากนน้ั ให้นักศกึ ษานาผลจากการทดลอง หรือข้อมูลที่ค้นคว้าได้มานาเสนอ าะสมมากท่สี ดุ ารทาง ผลท่คี าดว่าจะไดร้ บั เหตุผลทเี่ ลอื กใชค้ วามรู้ ทักษะ ารแก้ปัญหา กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์กับแนวทาง แกป้ ัญหา

ใบกิจกรรมท่ี 8 เร่ือง มารจู้ กั ขิง : ของดจี งั หวัดพงั งา ใหน้ ักศกึ ษาบันทกึ ข้อมลู ที่ไดจ้ ากการทากิจกรรมลงในตางราง 1. ให้นักศกึ ษาสังเกตตัวอยา่ ง........................ทง้ั 3 ตวั อย่าง แลว้ บนั ทกึ ผลลงในตาราง ลกั ษณะทส่ี งั เกตไดจ้ าก ตัวอยา่ งที่ 1 ตัวอย่างท่ี 2 ตวั อย่างท่ี 3 ประสาทสมั ผัส รูปลกั ษณ์ภายนอก กลน่ิ สี รสชาติ ผิวสัมผสั  ความแข็ง (hardness)  ความกรอบ (crispness)  ความฉ่ามนี ้า (juiciness)  ความเปน็ เสน้ ใย (fibrousness)  …………………………  …………………………

2. นกั ศึกษาจะใช้วธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์มาใชใ้ นการแปรรปู หรอื พฒั นาผลิตภณั ฑ์เพ่ือผลิตภัณฑ์เพื่อ เพิม่ มลู คา่ ให้..........................................ซ่งึ เปน็ ผลผลิตทางการเกษตรในทอ้ งถิน่ ไดอ้ ยา่ งไร ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................................................... ..... ............................................................................................................................. ................................................. 3. นกั ศกึ ษาคดิ วา่ ตวั อย่างขงิ หมายเลขใดทเี่ หมาะสมทส่ี ดุ ในการแปรรปู เปน็ ขงิ ผง เพราะเหตใุ ด ......................................................................................................... ..................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................... .................................... ..............................................................................................................................................................................

ใบกิจกรรมที่ 9 เรือ่ ง กวา่ จะเปน็ ขงิ ผง ให้นักศกึ ษาแบ่งกลมุ่ ๆ ละ 4-5 คน จากน้ันให้ทากจิ กรรมตามใบกจิ กรรม แล้วบันทกึ ผลการทดลองทีไ่ ดล้ งในใบกจิ กรรมน้ี กิจกรรมการเรยี นรภู้ ายใต้ชอื่ กิจกรรม “กวา่ จะเปน็ ขิงผง” ผ้สู อนมีจุดมุ่งหมายเพ่ือให้นักศึกษาทราบ ถงึ กระบวนการผลติ ขิงผงซง่ึ เปน็ ผลิตภัณฑท์ ่ีมีช่ือเสียงท่ไี ดจ้ ากการแปรรูปขงิ ซงึ่ เป็นผลิตผลทางการเกษตรที่มี ในทอ้ งถิ่น ในเขตอาเภอทับปุด จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ต้ังของวิทยาลัยชุมชนพังงา อีกทั้งยังมุ่งเน้นให้ นักศึกษาได้ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์เพ่ือเพ่ิมมูลค่าโดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ขิงผงให้มีความแปลกใหม่ และสามารถนาความรทู้ ไ่ี ดถ้ ่ายทอดใหเ้ กิดประโยชนแ์ ก่ชุมชนต่อไปได้ ซ่งึ ข้นั ตอนของกจิ กรรมมดี งั นี้ 1. ใหน้ ักศึกษาแตล่ ะกลมุ่ เตรยี มวสั ดุทใี่ ช้ในการผลิตขงิ ผง 2. ให้นกั ศกึ ษาแตล่ ะกล่มุ ผลติ ขิงผง ดงั นี้ (วัสดุ อุปกรณ์ และข้ันตอนการผลติ ขิงผงอยู่ทา้ ยใบกิจกรรม) นักศกึ ษากล่มุ ที่ 1 แปรรูปขงิ ผงรสตน้ ตารับ นกั ศกึ ษากลุ่มที่ 2 แปรรปู ขิงผงผสมตะไคร้ นักศกึ ษากลุ่มที่ 3 แปรรปู ขงิ ผงผสมแครอท นกั ศึกษากลุ่มที่ 4 แปรรูปขิงผงผสมใบเตย 3. เม่อื นักศกึ ษาแปรรูปขงิ ผงเสร็จทุกกลุม่ ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ นาขิงผงท่ไี ด้ไปชงกบั นา้ ร้อนในแก้วให้ครบจานวนเพื่อ ทัง้ หมดในช้ันเรยี น เพอ่ื ทดสอบการยอมรบั ทางประสาทสมั ผสั ของนา้ ขงิ ท่ชี งจากขงิ ผงเพื่อหารสชาตขิ องขิงผงที่ ได้คะแนนการยอมรบั ทางประสาทสมั ผสั มากทีส่ ุดตอ่ ไป (การเตรียมนา้ ขิงสาหรับการทดสอบการยอมรบั ดา้ นประสาทสมั ผัส 1 แกว้ มดี ังน้ี ขิงผง จานวน 1 ชอ้ นโตะ๊ ใส่ แกว้ กระดาษขนาด 10 ออนซ์ แลว้ ผสมกบั นา้ รอ้ นท่ีมอี ุณหภูมิ 75-80 องศาเซลเซียส ปริมาณ 150 มิลลิลิตร จากนั้น 4. เมื่อนักศึกษาปฏิบัติการแปรรปู ขิงผงเสรจ็ แลว้ ใหน้ กั ศึกษาตอบคาถามในใบกจิ กรรม แล้วเตรียมตัวนาเสนอ หน้าช้นั เรยี น

ใหน้ ักศกึ ษาอธิบายวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในแต่ละข้ันตอนจากกิจกรรม กว่าจะเป็นขิงผง ที่นักศึกษาได้ ปฏบิ ัติ ระบปุ ญั หา.............................................................................................................................................. สมมติฐาน............................................................................................................................................... การทดลอง………………………………………………………………....................................................................... ตัวแปรตน้ ...................................................................................... ตัวแปรตาม..................................................................................... ตวั แปรควบคุม................................................................................. การวเิ คราะห์ข้อมูล……………………………………………………………….......................................................... การสรปุ ผล……………………………………………………………….......................................................................

แบบบกั ทกึ ผลการทดสอบการยอมรับทางประสาทสมั ผสั คาชแ้ี จง ใหท้ ่านทดสอบการยอมรบั ทางประสาทสัมผัสด้านความชอบโดยรวมของผลิตภัณฑ์ท่ีแปรรูปจากขิง แลว้ ให้คะแนนความชอบโดยรวมของผลิตภณั ฑท์ ุกตวั อยา่ ง แล้วบันทึกผลลงในตาราง เกณฑ์การใหค้ ะแนนดงั นี้ คะแนน ความหมาย 5 ชอบที่สดุ 4 ชอบ 3 เฉยๆ 2 ไมช่ อบ 1 ไมช่ อบท่สี ุด เกณฑ์การแปลผลค่าเฉลยี่ การทดสอบด้านความชอบโดยรวม มีดงั น้ี คา่ เฉลี่ย ความหมาย 1.00 – 1.49 นอ้ ยท่ีสุด 1.50– 2.49 นอ้ ย 2.50– 3.49 ปานกลาง 3.50– 4.49 มาก 4.50– 5.00 มากที่สุด

ลาดับผทู้ ดสอบ 1 รหสั ตวั อยา่ ง 4 ทางประสาทสัมผัส 23 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 x + S.D. อนั ดับความชอบ โดยรวม

การแปรรปู ขิงผง และขิงผงผสมสมนุ ไพร วสั ดุ (ต่อ 1 กลุ่ม) 1. ขงิ แก่ 500 กรมั 2. น้าตาลทราย 500 กรัม 3. น้าเปลา่ 500 มลิ ลลิ ติ ร 4. เกลอื ¼ ช้อนชา 5. ตะไคร้ 100 กรัม (สาหรับกลุ่มที่ 2) 6. แครอท 100 กรัม (สาหรบั กลุ่มท่ี 3) 7. ใบเตย 100 กรัม (สาหรับกลุ่มท่ี 4) อุปกรณ์ 1. เครอื่ งปน่ั ของเหลว 2. ชอ้ นตวง 3. ผ้าขาวบาง 4. ขวดแก้วมฝี าปิด 5. อปุ กรณ์ครัว ได้แก่ ไม้พาย มีด เขยี ง กระทะ เตาแกส๊ ตะแกรง ถาดสแตนเลส วธิ ีทา 1. นาขิงแกม่ าล้างนา้ ให้สะอาด จากนนั้ นาไปปลอกเปลือก แลว้ หั่นเป็นชิ้นบางๆ จากนั้นใสใ่ นเคร่อื งป่ัน แลว้ เติมนา้ สะอาด ปริมาณ 500 มิลลลิ ติ ร (กลุ่มท่ี 2 ให้นาตะไคร้มาลา้ งแล้วห่ันเป็นชิ้นเล็กๆ กลุ่มท่ี 3 ให้นาแครอทมาปอกเปลือกเล้วหั่นเป็นช้ินเล็กๆ กล่มุ ที่ 4 ให้นาใบเตยมาลา้ งแลว้ หน่ั เปน็ ชน้ิ เล็กๆ แล้วผสมรวมลงไปในเครอื่ งปนั่ ) 2. กรองน้าขิงทไ่ี ด้ดว้ ยผ้าขาวบางสะอาด 3. นานา้ ขิงท่กี รองได้ 1 ผสมกับน้าตาลทราย 500 กรมั เติมเกลอื ¼ ช้อนชา ใส่ลงในกระทะแล้วเคี่ยวด้วยไฟ ปานกลางประมาณ 20-30 นาที ในระหว่างเค่ยี วนา้ ขิงนัน้ ใหใ้ ช้ไมพ้ ายคนนาขงิ ตลอดเวลา เมอ่ื ใกล้จะเป็นขงิ ผง จะมผี ลึกนา้ ตาลท่ขี อบกระทะ และน้าขงิ ในกระทะจะเกดิ ฟองเหนียวขน้ เหนยี ว จากนั้นจึงยกลงจากเตาแล้วคน อย่างรวดเรว็ จนกลายเป็นขงิ ผง 4. เทขงิ ผงทไ่ี ด้ลงในถาดสแตนเลสท่ีแห้ง และสะอาด ผ่ึงขิงผงไว้ให้หายร้อนประมาณ 5-10 นาที จากนั้นให้ ร่อนขงิ ผงด้วยตะแกรง ขิงผงทร่ี อนผ่านตะแกรงให้เก็บไว้ในขวดมีฝาปิดท่ีแห้งและสะอาด ส่วนขิงผงที่ไม่ผ่าน ตะแกรงร่อนใหน้ ามาบด หรอื ปั่นใหล้ ะเอียดแลว้ จงึ เก็บไวใ้ นขวดมีฝาปดิ ทแี่ หง้ และสะอาด

ใบกจิ กรรมท่ี 10 เรอื่ ง ไอศกรมี แท่งแบบโบราณรสขิง ใหน้ กั ศึกษาแบ่งกลมุ่ ๆ ละ 4-5 คน จากนัน้ ให้ทากจิ กรรมตามใบกจิ กรรม แลว้ บนั ทึกผลการทดลองท่ีได้ลงในใบกจิ กรรมน้ี กจิ กรรมการเรียนร้ภู ายใตช้ อ่ื กจิ กรรม “ไอศกรีมแท่งแบบโบราณรสขิง” ผู้สอนมีจุดมุ่งหมายเพ่ือให้ นกั ศกึ ษาไดใ้ ช้วธิ ีการทางวิทยาศาสตรม์ าประยกุ ตใ์ ชใ้ นการแปรรปู เพือ่ เพ่มิ มลู ค่าใหแ้ ก่ขิง โดยการนาขิงมาแปร รปู เปน็ ไอศกรมี แทง่ แบบโบราณ หรอื ทีเ่ รยี กกนั วา่ ไอติมหลอด เน่อื งจากประเทศไทยมีภมู ปิ ระเทศต้งั อยูใ่ นเขต รอ้ นจงึ ส่งผลให้มีสภาพท่ีค่อนข้างร้อนอากาศร้อน อีกทั้งกระบวนการแปรรูปไอศกรีมแท่งแบบโบราณ หรือ ไอติมหลอดน้นั มขี ้ันตอนที่ไม่ยุ่งยาก ดังน้ันการนาขิงมาแปรรูปเป็นไอศกรีมแท่งแบบโบราณจึงน่าจะเป็นอีก ทางเลอื กหน่ึงในการเพมิ่ มลู คา่ ใหแ้ ก่ขงิ ได้ โดยนักศึกษายังสามารถนาความรทู้ ี่ได้จากกจิ กรรมการเรยี นรู้ในคร้งั นี้ไปถา่ ยทอดให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนต่อไปได้ ขั้นตอนของกิจกรรมมีดังนี้ 1. ใหน้ กั ศกึ ษาแตล่ ะกลุ่มเตรียมวสั ดุทีใ่ ชใ้ นการผลติ ไอศกรมี แทง่ แบบโบราณรสขงิ 2. ให้นักศกึ ษาแต่ละกลุม่ ผลิตไอศกรมี แท่งแบบโบราณรสขิงดงั น้ี (วสั ดุ อปุ กรณ์ และขั้นตอนการไอศกรีมแท่ง แบบโบราณอยู่ทา้ ยใบกิจกรรม) นักศกึ ษากลมุ่ ที่ 1 แปรรูปไอศกรีมแท่งแบบโบราณรสขงิ รสตน้ ตารบั นกั ศึกษากลมุ่ ท่ี 2 แปรรูปไอศกรีมแท่งแบบโบราณรสขงิ ผสมใบเตย นักศกึ ษากลมุ่ ที่ 3 แปรรูปไอศกรมี แทง่ แบบโบราณรสขิงผสมมะนาว นักศึกษากลมุ่ ที่ 4 แปรรูปไอศกรีมแท่งแบบโบราณรสขงิ ผสมอัญชันมะนาว 3. เมือ่ นักศกึ ษาแปรรปู ไอศกรมี แท่งแบบโบราณเสรจ็ ทกุ กลุ่ม ใหแ้ ต่ละกลุ่มนาไอศกรมี แท่งแบบโบราณที่ได้ไป ทดสอบการยอมรับทางประสาทสัมผัสเพ่ือหารสชาติไอศกรีมแท่งแบบโบราณที่ได้คะแนนการยอมรับทาง ประสาทสมั ผัสมากท่สี ุดต่อไป 4. เมื่อนักศกึ ษาปฏบิ ตั กิ ารแปรรูปไอศกรมี แท่งแบบโบราณเสรจ็ แลว้ ให้นักศกึ ษาตอบคาถามในใบกจิ กรรม แลว้ เตรยี มตวั นาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น

ใหน้ ักศกึ ษาอธิบายวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในแต่ละข้ันตอนจากกิจกรรม ไอศกรีมแท่งแบบโบราณรสขิง ท่นี กั ศกึ ษาไดป้ ฏิบตั ิ ระบปุ ญั หา.............................................................................................................................................. สมมตฐิ าน............................................................................................................................................... การทดลอง………………………………………………………………....................................................................... ตวั แปรตน้ ...................................................................................... ตัวแปรตาม..................................................................................... ตัวแปรควบคมุ ................................................................................. การวเิ คราะหข์ อ้ มูล……………………………………………………………….......................................................... การสรปุ ผล……………………………………………………………….......................................................................

แบบบกั ทกึ ผลการทดสอบการยอมรับทางประสาทสมั ผสั คาชแ้ี จง ใหท้ ่านทดสอบการยอมรบั ทางประสาทสัมผัสด้านความชอบโดยรวมของผลิตภัณฑ์ท่ีแปรรูปจากขิง แลว้ ให้คะแนนความชอบโดยรวมของผลิตภณั ฑท์ กุ ตวั อยา่ ง แล้วบันทึกผลลงในตาราง เกณฑ์การใหค้ ะแนนดงั นี้ คะแนน ความหมาย 5 ชอบที่สดุ 4 ชอบ 3 เฉยๆ 2 ไมช่ อบ 1 ไมช่ อบท่สี ุด เกณฑ์การแปลผลค่าเฉลยี่ การทดสอบด้านความชอบโดยรวม มีดงั น้ี คา่ เฉลี่ย ความหมาย 1.00 – 1.49 นอ้ ยท่ีสุด 1.50– 2.49 นอ้ ย 2.50– 3.49 ปานกลาง 3.50– 4.49 มาก 4.50– 5.00 มากที่สุด

ลาดับผทู้ ดสอบ 1 รหสั ตวั อยา่ ง 4 ทางประสาทสัมผัส 23 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 x + S.D. อนั ดับความชอบ โดยรวม

การแปรรูปไอศกรมี แทง่ แบบโบราณรสขงิ วัสดุ (ต่อ 1 กลุม่ ) 1. ขงิ แก่ 200 กรมั 2. น้าตาลทราย 500 กรมั 3. น้าเปล่า 2 ลิตร 4. เกลือ ¼ ชอ้ นชา 5. เกลือเม็ด 1 กโิ ลกรมั 6. นา้ แข็งบด 5 กิโลกรมั 7. ใบเตย 100 กรมั (สาหรบั กล่มุ ที่ 2) 8. นา้ มะนาว 200 มลิ ลิลติ ร (สาหรบั กลมุ่ ที่ 3) 9. น้ามะนาว 200 มิลลิลติ ร และดอกอญั ชัน 50 กรมั (สาหรับกลุม่ ท่ี 4) อปุ กรณ์ 1. ถังไอศกรมี 2. หลอดสาหรับทาไอศกรมี หลอด 3. ชอ้ นตวง 4. ผา้ ขาวบาง 5. เครอ่ื งช่งั 6. อปุ กรณค์ รัว ได้แก่ ไมพ้ าย มดี เขยี ง กระทะ เตาแกส๊ ตะแกรง ถาดสแตนเลส วธิ ที า 1. นาขงิ แก่มาล้างนา้ ใหส้ ะอาด จากน้ันนาไปปลอกเปลือก แล้วหนั่ เปน็ ชิ้นบางๆ (กลมุ่ ที่ 2 ใหน้ าใบเตยมาล้างแล้วหัน่ เป็นช้นิ เลก็ ๆ ผสมกับน้าเลก็ นอ้ ยแลว้ นาไปป่ันด้วยเครอ่ื งปั่น จากนน้ั กรอง ด้วยผา้ ขา้ วบาง แลว้ นานา้ ใบเตยทีไ่ ดไ้ ปผสมกับนา้ ขงิ ในขอ้ 2 กลมุ่ ที่ 3 ใหน้ าน้ามะนาวทไ่ี ดไ้ ปผสมกับน้าขิงใน ข้อ 2 กลมุ่ ที่ 4 ใหน้ าดอกอัญชนั มาล้างแล้วเด็ดเอาฐานรองดอก และเกสรออก แล้วผสมกับน้าเล็กน้อยแล้ว นาไปปั่นดว้ ยเครอ่ื งปั่น จากน้ันกรองดว้ ยผ้าขา้ วบาง แล้วนานา้ อัญชนั ท่ไี ด้ไปผสมกบั น้าขงิ ในขอ้ 2) 2. จากน้ันนาขิงท่ีได้จากข้อ 1 น้าตาลทราย 500 กรัม เกลือ1/4 ช้อนชาและ น้าสะอาดปริมาณ 2 ลิตร ใส่รวมกันในหม้อ แล้วคนให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน จากน้ันนาตั้งบนเตาแก๊ส ตั้งไฟปานกลาง ต้มให้เดือด ประมาณ 20 นาที 3. นานา้ ขิงทีต่ ม้ จากขอ้ 2 มากรองด้วยผา้ ขาวบาง เพ่อื แยกเอาชิน้ ขิงออก 4. พกั ไวใ้ นเยน็ สกั ครู่ แลว้ เทลงในพิมพไ์ อศกรีมแทง่ จากน้ันนาไปเสยี บลงในถังทาไอศกรีมแท่งท่ีบรรจุน้าแข็ง ผสมเกลอื เมด็ เรยี บร้อยแลว้ 5. ปักไมเ้ สยี บไอศกรมี ลงไปในหลอดไอศกรีม (การเตรียมถงั ไอศกรมี หลอด จะต้องใชน้ ้าแขง็ 5 ส่วน ต่อ เกลือ 1 ส่วน บรรจรุ อบถงั ) 6. ปดิ ฝาถงั แลว้ คอยเขยา่ เรื่อยๆเพ่ือให้ไอศกรีมแข็งตัวเรว็ ขึน้ ประมาณ 15 นาที 7. เปดิ ฝาถัง นาหลอดไอศกรมี ออกมา แล้วค่อยๆถอดไม้ไอศกรีมขึน้ มาโดยนาหลอดไอศกรมี ไปจมุ่ ในนา้ นาไอศกรมี ที่ไดไ้ ปใส่ในถุงพลาสตกิ เก็บไอศกรมี ท่ไี ดไ้ ว้ในชอ่ งแชแ่ ข็ง หรอื ตู้แช่ไอศกรีมเพ่ือใชท้ ดสอบทาง ประสาทสมั ผัสต่อไป

ใบกิจกรรมท่ี 11 เรอ่ื ง ลกู อมขิง (Ginger candy) ใหน้ ักศึกษาแบง่ กลุ่มๆ ละ 4-5 คน จากน้นั ใหท้ ากจิ กรรมตามใบกจิ กรรม แลว้ บันทกึ ผลการทดลองท่ีไดล้ งในใบกจิ กรรมน้ี กิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้ชื่อกิจกรรม “ลูกอมขิง (Ginger candy)” ผู้สอนมีจุดมุ่งหมายเพ่ือให้ นักศกึ ษาได้ใชว้ ธิ ีการทางวทิ ยาศาสตรม์ าประยกุ ต์ใชใ้ นการแปรรูปเพอื่ เพ่มิ มูลค่าใหแ้ กข่ ิง โดยการนาขิงมาแปร รปู เปน็ ลกู อมขงิ (Ginger candy) เนื่องจากขิงเป็นสมนุ ไพรที่มีกลิ่นหอมจากน้ามันหอมระเหย และมีสรรพคณุ ช่วยขับลม แก้อาเจียนได้ ดังนั้นลูกอมขิงจึงมีคุณสมบัติช่วยลดกลิ่นปาก และยังสามารถใช้บรรเทาอาการ คลน่ื เหยี นอาเจยี นซ่ึงสะดวกในการพกพาและเหมาะอย่างย่ิงสาหรบั ผทู้ มี่ อี าการเมารถ เมาเรอื และต้องเดนิ ทาง เป็นประจา การประยุกตใ์ ช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาและแปรรูปขิงให้เป็นลูกอมจึงเป็นอีกวิธีหน่ึงท่ี สะท้อนให้เห็นวา่ วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์เป็นข้ันตอน หรือกระบวนการท่ีใช้ในการสร้างความรู้ใหม่ได้ อีกทั้ง สามารถนาวิธีการทางวทิ ยาศาสตรไ์ ปประยุกต์ใช้ใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ กช่ ุมชน หรือทอ้ งถ่ินไดอ้ กี ดว้ ย ข้ันตอนของ กจิ กรรมมดี ังนี้ 1. ใหน้ กั ศึกษาแต่ละกลมุ่ เตรยี มวสั ดุที่ใชใ้ นการผลิตลูกอมขงิ 2. ให้นักศกึ ษาแตล่ ะกล่มุ ผลติ ลูกอมขงิ ดังนี้ (วัสดุ อปุ กรณ์ และข้ันตอนการผลิตลูกอมขงิ อยทู่ ้ายใบกิจกรรม) นกั ศึกษากลุ่มท่ี 1 แปรรปู ลกู อมขิงรสต้นตารับ นักศกึ ษากล่มุ ท่ี 2 แปรรปู ลกู อมขงิ ผสมเนื้อขงิ นกั ศกึ ษากล่มุ ที่ 3 แปรรปู ลูกอมขิงผสมมะนาว นกั ศึกษากลมุ่ ที่ 4 แปรรูปลกู อมขิงผสมมะนาวและเน้อื ขงิ 3. เม่ือนกั ศกึ ษาแปรรูปลกู อมขงิ เสรจ็ ทุกกล่มุ ให้แตล่ ะกลุ่มนาลูกอมขิงทีไ่ ด้ไปทดสอบการยอมรบั ทางประสาท สัมผัสเพ่ือหารสชาตลิ ูกอมขงิ ที่ได้คะแนนการยอมรบั ทางประสาทสมั ผสั มากที่สดุ ตอ่ ไป 4. เม่ือนักศึกษาปฏิบัติการแปรรูปลูกอมขิงเสร็จแล้วให้นักศึกษาตอบคาถามในใบกิจกรรม แล้วเตรียมตัว นาเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น

ใหน้ ักศกึ ษาอธบิ ายวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ในแต่ละข้ันตอนจากกจิ กรรมลกู อมขิงท่ีนกั ศกึ ษาไดป้ ฏิบตั ิ ระบุปัญหา............................................................................................................................. ................. สมมตฐิ าน............................................................................................................................................... การทดลอง………………………………………………………………....................................................................... ตัวแปรต้น...................................................................................... ตวั แปรตาม..................................................................................... ตัวแปรควบคุม................................................................................. การวิเคราะห์ขอ้ มลู ……………………………………………………………….......................................................... การสรปุ ผล……………………………………………………………….......................................................................

แบบบกั ทึกผลการทดสอบการยอมรบั ทางประสาทสัมผสั คาชแ้ี จง ใหท้ ่านทดสอบการยอมรบั ทางประสาทสัมผัสด้านความชอบโดยรวมของผลิตภัณฑ์ท่ีแปรรูปจากขิง แลว้ ให้คะแนนความชอบโดยรวมของผลิตภัณฑ์ทุกตวั อยา่ ง แล้วบนั ทึกผลลงในตาราง เกณฑ์การใหค้ ะแนนดงั นี้ คะแนน ความหมาย 5 ชอบทส่ี ุด 4 ชอบ 3 เฉยๆ 2 ไม่ชอบ 1 ไม่ชอบทสี่ ุด เกณฑ์การแปลผลค่าเฉลยี่ การทดสอบด้านความชอบโดยรวม มีดังน้ี ค่าเฉล่ีย ความหมาย 1.00 – 1.49 น้อยท่ีสุด 1.50– 2.49 น้อย 2.50– 3.49 ปานกลาง 3.50– 4.49 มาก 4.50– 5.00 มากทสี่ ุด

ลาดับผทู้ ดสอบ 1 รหสั ตวั อยา่ ง 4 ทางประสาทสัมผัส 23 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 x + S.D. อนั ดับความชอบ โดยรวม

การแปรรูปลกู อมขงิ วัสดุ (ต่อ 1 กลุ่ม) 1. ขงิ แก่ 500 กรัม 2. นา้ ตาลทราย 500 กรัม 3. นา้ สะอาด 1 ลติ ร 4. กลูโคสไซรัป (แบะแซ) 300 กรัม 5. เกลอื ¼ ช้อนชา 6. ขิงออ่ นสับ 100 กรัม (สาหรับกล่มุ ที่ 2) 7. ดอกอัญชัน 50 กรัม (สาหรับกลมุ่ ที่ 3) 8. ดอกอัญชนั 50 กรมั และขิงออ่ นสบั 100 กรัม (สาหรับกล่มุ ท่ี 4) 9. เนยสดรสจืด 1 ช้อนโต๊ะ อปุ กรณ์ 1. เคร่อื งปนั่ ของเหลว 2. ชอ้ นตวง 3. ผา้ ขาวบาง 4. เครื่องชงั่ 5. อุปกรณค์ รวั ได้แก่ ไม้พาย มดี เขียง กระทะ เตาแก๊ส แปรงทาเนย ถาดสแตนเลส วิธที า 1. นาขงิ แก่มาล้างนา้ ใหส้ ะอาด จากน้นั นาไปปลอกเปลือก แล้วหั่นเป็นช้ินบางๆ นาไปใส่ในเครื่องป่ัน เติมน้า สะอาดลงไป 500 มลิ ลลิ ิตร แล้วปั่นให้ละเอยี ด จากน้ันกรองด้วยผ้าขาวบางเอาเฉพาะน้าขิง 2. จากนั้นนาน้าขิงที่ได้มาปั่นจากข้อ 1 น้าตาลทราย 500 กรัม เกลือ1/4 ช้อนชาน้าสะอาดปริมาณ 500 มิลลลิ ติ ร สาหรบั กลมุ่ ที่ 3 และ 4 ใหผ้ สมนา้ 450 มิลลลิ ติ ร และผสมน้าจากดอกอัญชัน 50 มิลลิลิตร (โดยน้า ดอกอัญชนั มวี ิธีการเตรียม คือ ใชด้ อกอัญชัน 50 กรมั แกะเอาเกสร และฐานรองดอกออก ผสมน้าสะอาด 50 มลิ ลลิ ติ ร แล้วนาไปป่นั ด้วยเคร่ืองป่ัน กรองเอากากออก แลว้ นานา้ ดอกอัญชันท่ไี ด้มาผสมกบั ส่วนผสมในข้อนี้) เทส่วนผสมรวมกนั ในกระทะ แล้วคนใหส้ ่วนผสมละลายเขา้ กนั จากนนั้ นาตง้ั บนเตาแก๊ส ต้ังไฟอ่อน แล้วเคี่ยว ใหเ้ ป็นยางมะตมู (ระวงั ไมใ่ ห้สว่ นผสมเดอื ดระหว่างการเค่ียว) 3. เม่อื สว่ นผสมเหนียวเป็นยางมะตูม เติมกลโู คสไซรัป (สาหรับกลุ่มท่ี 2 และ 4 ให้นาขิงอ่อนแล้วห่ันเป็นช้ิน เลก็ ๆ แล้วสบั ใหล้ ะเอยี ด แลว้ นาขงิ ออ่ นสบั ลงไป) แลว้ เคี่ยวตอ่ ดว้ ยไฟอ่อนจนไดท้ ่ี (ทดสอบโดยการหยดลงใน น้า ถ้าแขง็ และจับตวั เป็นกอ้ นแสดงว่าหยุดเคยี่ วได)้ 4. ตักส่วนผสมในกระทะ ไปพกั ไวใ้ หอ้ ุ่นในถาดสแตนเลสท่ีทาด้วยเนย พักไว้ให้อุ่นสักครู่แล้วปั้นเป็นเม็ดกลม ขนาดเสน้ ผา่ นศนู ย์กลางประมาณ 1 เซนตเิ มตร วางใหล้ ูกอมเย็นสกั พกั ในถาดแลว้ ห่อด้วยกระดาษแกว้ สีตา่ งๆ

ใบกิจกรรมที่ 12 เรือ่ ง ชาขิงของดี 2 ภาค ให้นกั ศกึ ษาแบง่ กลมุ่ ๆ ละ 4-5 คน จากนนั้ ให้ทากจิ กรรมตามใบกจิ กรรม แลว้ บนั ทึกผลการทดลองท่ีได้ลงในใบกจิ กรรมน้ี กจิ กรรมการเรยี นรภู้ ายใตช้ อ่ื กิจกรรม “ชาขิงของดี 2 ภาค” ผ้สู อนมจี ดุ มุ่งหมายเพ่อื ใหน้ กั ศึกษาได้ใช้ วิธกี ารทางวิทยาศาสตรม์ าประยกุ ตใ์ ชใ้ นการแปรรูปเพื่อเพ่มิ มลู คา่ ให้แก่ขิงและใบชา ชาท่ีใช้ในกิจกรรมน้ีเป็น ชาจากสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และใช้ขิงผงซึ่งเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่มีช่ือเสียงของ จังหวดั พงั งา ผลติ ภัณฑช์ าขงิ ท่ีได้จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในคร้ังนี้เป็นผลที่สะท้อนให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ซึ่งสามารถส่งผล ก่อประโยชน์ให้แก่ประชาชนในวงท่ีกว้างมากย่ิงขึ้น โดยเฉพาะ เกษตรกรที่ปลูกขิงของจังหวัดพังงา และเกษตรกรที่ปลูกชาของจังหวัดเชียงใหม่ อีกท้ังยังเป็นการสร้าง ทางเลือกของผูท้ ชี่ ืน่ ชอบบรโิ ภคชา หรอื ชาสมนุ ไพรใหเ้ พิม่ ขึ้นอีกดว้ ย ข้ันตอนของกจิ กรรมมดี ังน้ี 1. ให้นักศึกษาแต่ละกลุม่ เตรยี มวสั ดุท่ใี ช้ในการผลิตชาขงิ 2. ใหน้ ักศกึ ษาแตล่ ะกลุม่ ผลติ ชาดังนี้ (วสั ดุ อปุ กรณ์ และข้นั ตอนการผลติ ชาขงิ อยทู่ ้ายใบกจิ กรรม) นักศึกษากลมุ่ ที่ 1 แปรรูปชาเขยี วผสมขิงผงบรรจุซอง นักศึกษากลมุ่ ท่ี 2 แปรรปู ชาอู่หลงผสมขิงผงบรรจซุ อง นกั ศกึ ษากลุ่มที่ 3 แปรรปู ชาดาผสมขงิ ผงบรรจุซอง นกั ศึกษากลุม่ ที่ 4 แปรรูปชาเขยี ว ชาอู่หลง ชาดาบรรจุซอง 3. เมอื่ นกั ศกึ ษาแปรรูปชาขงิ เสรจ็ ทุกกลุ่ม ให้แต่ละกลุม่ นาชาขิงทไี่ ดไ้ ปทดสอบการยอมรบั ทางประสาทสัมผัส เพ่อื หารสชาติชาขิงทไ่ี ด้คะแนนการยอมรบั ทางประสาทสัมผัสมากทส่ี ุด 4. เมอื่ นักศึกษาปฏิบตั กิ ารแปรรปู ขาขิงเสรจ็ แล้วใหน้ กั ศึกษาตอบคาถามในใบกิจกรรม แล้วเตรียมตัวนาเสนอ หนา้ ช้ันเรียน

ใหน้ ักศกึ ษาอธิบายวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ในแต่ละขั้นตอนจากกิจกรรมชาขงิ ท่นี ักศกึ ษาได้ปฏบิ ัติ ระบปุ ญั หา.............................................................................................................................................. สมมติฐาน............................................................................................................................................... การทดลอง………………………………………………………………....................................................................... ตัวแปรต้น...................................................................................... ตวั แปรตาม..................................................................................... ตัวแปรควบคุม................................................................................. การวเิ คราะห์ข้อมูล……………………………………………………………….......................................................... การสรุปผล……………………………………………………………….......................................................................

แบบบกั ทกึ ผลการทดสอบการยอมรับทางประสาทสมั ผสั คาชแ้ี จง ใหท้ ่านทดสอบการยอมรบั ทางประสาทสัมผัสด้านความชอบโดยรวมของผลิตภัณฑ์ท่ีแปรรูปจากขิง แลว้ ให้คะแนนความชอบโดยรวมของผลิตภณั ฑท์ กุ ตวั อยา่ ง แล้วบันทึกผลลงในตาราง เกณฑ์การใหค้ ะแนนดงั นี้ คะแนน ความหมาย 5 ชอบที่สดุ 4 ชอบ 3 เฉยๆ 2 ไม่ชอบ 1 ไมช่ อบท่สี ุด เกณฑ์การแปลผลค่าเฉลยี่ การทดสอบด้านความชอบโดยรวม มีดงั น้ี คา่ เฉลี่ย ความหมาย 1.00 – 1.49 น้อยท่ีสุด 1.50– 2.49 นอ้ ย 2.50– 3.49 ปานกลาง 3.50– 4.49 มาก 4.50– 5.00 มากที่สุด

ลาดับผทู้ ดสอบ 1 รหสั ตวั อยา่ ง 4 ทางประสาทสัมผัส 23 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 x + S.D. อนั ดับความชอบ โดยรวม

การแปรรปู ชาขิงบรรจุซอง วสั ดุ (ต่อ 1 กลุ่ม) 1. ขงิ ผง 100 กรัม 2. ซองชาเยอื่ กระดาษ ขนาด 5x6 เซนติเมตร 3. นา้ สะอาด 2 ลติ ร 4. ชาเขยี ว 6. ชาอหู่ ลง 7. ชาดา 8. อุปกรณ์ 1. เครอ่ื งปน่ั ของแหง้ 2. ตะแกรงร่อน ขนาด 30 mesh 3. เครอ่ื งชั่ง 4. อุปกรณค์ รัว ได้แก่ หมอ้ เตาแก๊ส ถาดสแตนเลส แก้วนา้ วธิ ีทา 1. นาชาชนิดที่กลุ่มได้รับมอบหมาย (กลุ่มท่ี 1 ชาเขียว กลุ่มที่ 2 ชาอู่หลง กลุ่มที่ 3 ชาดา และกลุ่มท่ี 4 ชา เขียว ชาอหู่ ลง ชาดา) ปั่นใหม้ ีขนาดเล็กด้วยเครอื่ งปน่ั ของแห้ง แล้วรอ่ นด้วยตะแกรง 30 mesh 2. จากนน้ั นาชาท่ีรอนผา่ นตะแกรง 1 กรมั และขิงผง 1 กรมั มากันผสมกนั (สาหรับกลุ่มที่ 4 ให้บรรจุผงชาแต่ ละชนิดที่ร่อนแล้วลงไปในซองชาซองละ 2 กรัม โดยไม่ต้องผสมขิงผง) แล้วบรรจุ ในซองชา 1 ซอง แล้วปิดผนึกซองชาด้วยเคร่ืองปิดผนึกปากถุงแบบใช้ความร้อน แล้วเก็บในท่ีแห้งเพ่ือใช้ในการทดสอบทาง ประสาทสัมผัสตอ่ ไป (เตรียมชาท่บี รรจุซองให้มีจานวนเพยี งพอกับจานวนเพ่ือในช้ันเรียน) วิธีการเตรียมชาเพื่อทดสอบการยอมรบั ทางประสาทสมั ผสั นาถุงชา 1 ถุงแช่ ในน้าร้อน 200 มิลลิลติ รท่ีอณุ หภมู ิ 95+5 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 5 นาที จากน้ัน เก็บน้าชาลงในกระติกเก็บความร้อนเพ่ือควบคุมอุณหภูมิน้าชาขณะเสิร์ฟ 60+5 องศาเซลเซียส นาน้าชาท่ี เตรียมไปทดสอบการยอมรับทางประสาทสมั ผัส

ใบกจิ กรรมที่ 13 เรอื่ ง วทิ ยาศาสตรก์ บั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ เศรษฐกิจและสงั คม 1. ความกา้ วหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยสี ่งผลตอ่ คุณภาพชวี ติ ของนักศึกษาอย่างไร พรอ้ ม ยกตวั อยา่ ง ประเดน็ ของความกา้ วหน้าทาง ผลต่อการดาเนินชีวิต ผลต่อคุณภาพชีวิต วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 1. 2. 3. 4. 5.

2. ความก้าวหน้าทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยสี ่งผลตอ่ เศรษฐกจิ และสงั คมอยา่ งไร พร้อม ยกตัวอยา่ ง ประเดน็ ของความก้าวหนา้ ทาง ผลต่อเศรษฐกจิ และสงั คม ผลต่อคุณภาพชีวติ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 1. 2. 3. 4. 5.

ใบกิจกรรมที่ 14 เรือ่ ง สิ่งแวดล้อม พลงั งาน และมลพิษ ใหน้ ักศกึ ษาตอบคาถามตอ่ ไปนี้ 1. ใหน้ กั ศกึ ษาหาภาพข่าวสารหรอื บทความเก่ียวกับสิ่งแวดล้อมทป่ี ระสบภยั พบิ ัตหิ รอื ขา่ ว เกย่ี วกบั การฟนื้ ฟสู ิ่งแวดลอ้ ม แลว้ นามาวเิ คราะหเ์ กีย่ วกับสาเหตขุ องปญั หาทเ่ี กดิ ข้ึน พร้อมเสนอแนวคิดในการ แก้ไขหรือดแู ลรักษาส่งิ แวดลอ้ มทน่ี กั เรียนสามารถปฏบิ ัตไิ ด้ (ตดิ ภาพขา่ ว) 1. ปัญหานม้ี สี าเหตมุ าจาก 2. แนวคดิ ในการแก้ไขหรือดแู ลรกั ษาสงิ่ แวดลอ้ มทีน่ ักศกึ ษาสามารถปฏบิ ัติได้ คอื

2. ให้นักศึกษาวเิ คราะหป์ ญั หาด้านสง่ิ แวดล้อม ทรพั ยากรธรรมชาติ และมลพษิ พรอ้ มทงั้ เสนอแนว ทางการพัฒนา การอนรุ กั ษ์ สงิ่ แวดล้อม และทรพั ยากรธรรมชาติในชมุ ชนของนักศึกษา มา 3 ประเดน็ ประเด็นปัญหา วิธีการไดม้ า และการตรวจสอบ แนวทางการอนรุ กั ษ์ หรือพัฒนา 1. ส่ิงแวดลอ้ ม ความถูกตอ้ งของประเดน็ ปัญหา อย่างย่งั ยนื 2. พลงั งาน 3. มลพิษ

ใบกจิ กรรมที่ 15 เรอื่ ง I-You-We Checklist ใหน้ ักศกึ ษาเสนอแนวทางการอนุรักษ์ หรือพฒั นาส่งิ แวดล้อม พลงั งาน มลพษิ อยา่ งยง่ั ยืน โดยใช้ เทคนิค I-You-We Checklist I (ตนเอง) ความรูท้ ีต่ นเองสรปุ ความรูท้ ีเ่ พ่ือน/เพือ่ นท้ัง ความรทู้ ไ่ี ดร้ ับเพ่มิ เตมิ 1 ช้นั เรยี นสรุป 4 You (เพ่ือน) 2 We 3 (เพื่อนทั้งชนั้ เรียน) * หมายเหตุ 1. ใหน้ ักศึกษาสรปุ ความร้ขู องตนเอง ในช่องหมายเลข 1 2. จากนั้นให้เพื่อนร่วมชั้น 1 คน เป็นคนสรุปความรู้ในเร่ือง หรือประเด็นเดียวกันกับท่ีตนเองนาเสนอ ในช่อง หมายเลข 2 3. จากนั้นใหเ้ พอื่ นร่วมช้ันทุกคน ช่วยสรปุ ความร้ใู นเรื่อง หรือประเดน็ เดียวกันกับที่ตนเองนาเสนอ แลว้ บันทึกลงใน ในชอ่ งหมายเลข 3 4. ใหน้ ักศกึ ษาบันทึกความรู้ทไี่ ดร้ บั เพม่ิ เติม จากการสรปุ ของเพอื่ น และเพอื่ นทง้ั ชัน้ ในช่องหมายเลข 4

ใบกจิ กรรมที่ 16 เรือ่ ง การมสี ่วนร่วมในการอนุรกั ษส์ ่งิ แวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ 1. กิจกรรมการมสี ่วนร่วมในการอนุรกั ษ์ คาชี้แจง 1. ให้นักศกึ ษาแบ่งกลุ่ม 4-5 คน แลว้ ชว่ ยกนั เสนอแนวทางการมสี ว่ นร่วมในการอนรุ กั ษ์ สิง่ แวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาตแิ ลว้ บันทึกลงในชอ่ งที่ 1-2 2. ใหเ้ ลอื กกจิ กรรมทสี่ ามารถนาไปปฏบิ ัตไิ ด้ แล้วบันทกึ ลงในชอ่ งท่ี 3 ลำดบั ที่ (1) รำยกำร (2) กำรเลือกกิจกรรมนำไปปฏิบตั ิ (3)

2. ขยะรไี ซเคิล คาช้ีแจง ให้นักศกึ ษาแตล่ ะกลุม่ สรา้ งสงิ่ ของจากการรีไซเคลิ ขยะ โดยคานึงถึงความสวยงามและการใช้ ประโยชน์แล้วบันทกึ ขอ้ มูล ชอ่ื ผลงาน (ตดิ ภาพผลงาน) วสั ดแุ ละอุปกรณ์ทใ่ี ช้ มดี งั น้ี ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั ิ มดี งั น้ี ประโยชนท์ ไ่ี ดจ้ ากการทาผลติ ภณั ฑช์ น้ิ น้ี คอื สมาชกิ กลมุ่ 1……………………………………………….…… 2……………………………………………………. 3……………………………………………………. 4……………………………………………………. 5……………………………………………………

3. ตัวอยา่ งโครงการเศรษฐกจิ พอเพยี ง คาช้แี จง ให้นักศกึ ษาสบื คน้ ขอ้ มูลโครงการเศรษฐกจิ พอเพียงเกี่ยวกบั การใชท้ รพั ยากรธรรมชาติ 1 โครงการ แล้วบนั ทกึ ขอ้ มลู

4. การใช้ทรพั ยากรธรรมชาตติ ามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง คาชี้แจง ใหน้ ักศึกษาเขียนแผนผังสรปุ ความคดิ แสดงการใชท้ รพั ยากรธรรมชาติตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง พรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ (ตวั อยำ่ ง) การยดึ ทางสายกลาง ความไม่ประมาท ความ พอประมาณ กำรใช้ทรพั ยำกรธรรมชำติ ตำมปรชั ญำเศรษฐกิจพอเพียง ความมีเหตผุ ล การเตรียมความพรอ้ มกบั ความเปลยี่ นแปลง

ใบกิจกรรมท่ี 17 เรื่อง I-You-We Checklist ใหน้ กั ศึกษาเสนอแนวทาง หรอื วธิ ีการนาความรู้วิทยาศาสตรไ์ ปใช้เพื่อการพฒั นาตนเอง พัฒนา ท้องถ่ิน และพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนอยา่ งย่งั ยนื โดยใช้เทคนิค I-You-We Checklist I (ตนเอง) ความร้ทู ีต่ นเองสรปุ ความรทู้ เี่ พ่ือน/เพ่ือนทั้ง ความรทู้ ไ่ี ดร้ บั เพม่ิ เติม 1 ช้นั เรียนสรุป 4 You (เพ่ือน) 2 We 3 (เพอื่ นท้งั ช้นั เรยี น) * หมายเหตุ 1. ใหน้ ักศึกษาสรปุ ความร้ขู องตนเอง ในช่องหมายเลข 1 2. จากนั้นให้เพ่ือนร่วมชั้น 1 คน เป็นคนสรุปความรู้ในเรื่อง หรือประเด็นเดียวกันกับที่ตนเองนาเสนอ ในช่อง หมายเลข 2 3. จากน้นั ให้เพือ่ นร่วมช้ันทกุ คน ชว่ ยสรปุ ความรใู้ นเรอ่ื ง หรือประเดน็ เดยี วกันกับทต่ี นเองนาเสนอ แลว้ บนั ทึกลงใน ในช่องหมายเลข 3 4. ให้นกั ศกึ ษาบันทกึ ความร้ทู ่ไี ดร้ บั เพิ่มเตมิ จากการสรปุ ของเพื่อน และเพือ่ นท้ังชั้น ในช่องหมายเลข 4

ใบกิจกรรมที่ 18 เรื่อง โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ให้นักศึกษาค้นคว้าโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมพิ ลอดุลยเดช ทีต่ นเองสนใจมาคนละ 1 โครงการ แล้วบนั ทกึ ลงในตารางดา้ นล่าง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ ช่อื โครงการอนั เนอ่ื งมาจาก พระราชดาริ ความเป็นมาของโครงการ พนื้ ท่ีดาเนินการ วตั ถุประสงค์ของโครงการ

โครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ วธิ ีดาเนินการ ผลท่ไี ดร้ บั /ความสาเรจ็ ของ โครงการ ท่ีมาของขอ้ มูล

ใบกิจกรรมท่ี 19 เรอื่ ง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดารกิ ับการพัฒนาและการแกป้ ัญหา ให้นักศึกษาบันทึกโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชทเ่ี พือ่ นๆ ทุกคน ได้นาเสนอใหน้ ักศกึ ษาฟงั ลงในตารางดา้ นล่าง โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ชอ่ื โครงการอนั เนื่องมาจาก พระราชดาริ ความเป็นมาของโครงการ พ้ืนท่ดี าเนินการ วตั ถุประสงคข์ องโครงการ วิธีดาเนินการ ผลทไี่ ด้รับ/ความสาเรจ็ ของ โครงการ

โครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ ท่มี าของขอ้ มลู

ใบกิจกรรมท่ี 20 เรื่อง หลกั การและวธิ ีการในการแก้ปญั หาทีป่ ระยกุ ตใ์ ช้ในโครงการพระราชดาริ ให้วิเคราะห์แนวคิด/หลักการ/ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการดาเนินโครงการอัน เนือ่ งมาจากพระราชดาริของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัวภมู พิ ลอดลุ ยเดชท่ีเพื่อนๆ ได้นาเสนอท้ังหมดลงใน ตารางด้านล่าง (ใช้เทคนคิ แบบฟันเฟืองในการแลกเปลย่ี นเรียนรู้) โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ แนวคดิ /หลกั การ/ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่ เกี่ยวขอ้ งกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ

ใบกจิ กรรมที่ 21 เร่ือง I-You-We Checklist ใหน้ กั ศึกษาสรุปความรทู้ ไ่ี ด้รบั จากการจดั การเรียนการสอน โดยใชเ้ ทคนคิ I-You-We Checklist I (ตนเอง) ความรทู้ ่ตี นเองสรปุ ความรทู้ ี่เพ่อื น/เพอ่ื นทงั้ ความรทู้ ไี่ ด้รบั เพิ่มเตมิ 1 ชัน้ เรยี นสรปุ 4 You (เพ่อื น) 2 We 3 (เพือ่ นทัง้ ชั้นเรยี น) * หมายเหตุ 1. ใหน้ ักศึกษาสรุปความรูข้ องตนเอง ในช่องหมายเลข 1 2. จากนน้ั ใหเ้ พ่ือนร่วมชั้น 1 คน เป็นคนสรปุ ความรใู้ นเรื่อง หรอื ประเด็นเดยี วกนั กบั ทต่ี นเองนาเสนอ ในชอ่ ง หมายเลข 2 3. จากนนั้ ใหเ้ พอื่ นร่วมช้ันทกุ คน ชว่ ยสรปุ ความรู้ในเร่ือง หรอื ประเดน็ เดยี วกันกบั ทีต่ นเองนาเสนอ แลว้ บนั ทึกลงใน ในช่องหมายเลข 3 4. ให้นกั ศึกษาบนั ทึกความรทู้ ไ่ี ดร้ ับเพ่ิมเตมิ จากการสรุปของเพ่ือน และเพ่อื นท้ังชั้น ในช่องหมายเลข 4

ใบกิจกรรมที่ 22 เรื่อง การวเิ คราะหป์ ัญหาในการดาเนินชีวติ ประจาวนั ใหน้ กั ศึกษาตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. ให้นักศึกษาแตล่ ะคนนาเสนอปญั หาท่เี ก่ียวข้องกับการดารงชีวิต ผลของปญั หา พร้อมกับจดั ลาดบั ความสาคัญของปญั หา วิเคราะหป์ ัญหา และสาเหตุของปัญหา แลว้ บันทกึ ลงในตารางวิเคราะหป์ ัญหา และ แผนภมู กิ า้ งปลา จากน้นั ต้ังสมมติฐานของปญั หา (2.5 คะแนน) ขอ้ เสนอแนะ : นกั ศึกษาต้องมนี ิยามของคาว่า “ ปญั หา ” ทช่ี ัดเจนกอ่ นทากจิ กรรมนี้ ปญั หา หมายถงึ ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................................ ...... ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหา ผลของปัญหา หรอื ลงความเหน็ และจัดลาดับ สมมติฐานของปัญหา 1. สภาพของปัญหา ความสาคญั ปัญหา 2. 3. 4. 5.

2. ให้นกั ศึกษาเลือกปญั หาทมี่ คี วามสาคญั เป็นอนั ดบั แรกไปวิเคราะหป์ ัญหาโดยใช้แผนภูมิก้างปลา และตารางวเิ คราะห์ปญั หา แผนภูมกิ ้างปลา ตารางวิเคราะหป์ ัญหา วธิ กี ารแกไ้ ขปัญหา ผลทคี่ าดวา่ จะเกิดข้นึ ปัญหา สาเหตุหลกั / ตวั แปรที่สง่ ผลตอ่ ปญั หา