Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore LW_สิ่งแวดล้อมศึกษา แนวทางสู่การปฏิบัติ

LW_สิ่งแวดล้อมศึกษา แนวทางสู่การปฏิบัติ

Published by lawanwijarn4, 2021-12-31 03:45:37

Description: LW_สิ่งแวดล้อมศึกษา แนวทางสู่การปฏิบัติ

Search

Read the Text Version

44 ซงึ่ องค์ประกอบทงั้ 6 ของประสบการณ์เพอ่ื การเรียนรู้นี ้ นามาจดั ทาในรูปของตารางการจดั ประสบการณ์เพ่อื การเรียนรู้ทางสง่ิ แวดล้อม ประกอบด้วย 1)เนอื ้ หาความรู้ทต่ี ้องการให้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ 2) วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ 3) สถานการณ์การเรียนรู้ ซง่ึ แบง่ ออกเป็ น 3.1) กิจกรรมที่ผ้สู อนกระทา และ3.2) กิจกรรมทใ่ี ห้ผ้เู รียนกระทา 4) สอื่ ชว่ ยสอน และ5) การประเมนิ ดงั แผนภาพท่ี 15 1 เนอื ้ หาความรู้ที่ 2 วตั ถปุ ระสงค์ 3 สถานการณ์การเรียนรู้ 4 สอื่ ช่วย 5 การ ต้องการให้ผ้เู รียน การเรียนรู้ ประเมนิ 3.1 กิจกรรมท่ี 3.2 กิจกรรมท่ใี ห้ สอน ได้เรียนรู้ ผ้สู อนกระทา ผ้เู รียนกระทา แผนภาพที่ 15 ตารางการจดั ประสบการณ์เพ่อื การเรียนรู้ ทมี่ า: ลาวณั ย์, 2557 การจดั ประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้ทางสงิ่ แวดล้อมนนั้ เร่ิมต้นจาก 1. การกาหนดเนอื ้ หาความรู้ทางสงิ่ แวดล้อมท่ีต้องการให้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ ซง่ึ ในท่ีนจี ้ ะขอ ยกตวั อยา่ งการจดั ประสบการณ์เพอ่ื การเรียนรู้สง่ิ แวดล้อมเร่ือง “ การเฝ้ าระวงั คณุ ภาพนา้ อยา่ งงา่ ยแก่ ยวุ ชนในชมุ ชนริมนา้ ” ซง่ึ เนอื ้ หาความรู้ทีต่ ้องการให้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ ประกอบด้วย 4 เนอื ้ หาความรู้ คอื 1.1 ความหมายของนา้ เสยี 1.2 ความหมายของการเฝ้ าระวงั คณุ ภาพนา้ 1.3 ประโยชน์ของการตรวจวดั คณุ ภาพนา้ อยา่ งงา่ ย 1.4 ขนั้ ตอนในการตรวจวดั ออกซเิ จนละลายในนา้ (Dissolve Oxygen: DO) โดยชดุ ทดสอบ อยา่ งง่าย (Test Kit) 2 . กาหนดวตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ ในแตล่ ะเนอื ้ หาความรู้ท่ตี ้องการให้ผ้เู รียนเกิดการเรียนรู้ ดงั นี ้ เนอื ้ หาความรู้ท่ตี ้องการให้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ เข้าใจความหมายของนา้ เสยี 1. ความหมายของนา้ เสยี เข้าใจความหมายของการเฝ้ าระวงั คณุ ภาพนา้ 2. ความหมายของการเฝ้ าระวงั คณุ ภาพนา้ เหน็ คณุ คา่ ของการตรวจวดั คณุ ภาพนา้ โดย Test Kit 3.ประโยชน์ของการตรวจวดั คณุ ภาพนา้ จดจา และ ปฎิบตั ิได้ตามคาแนะนา โดย Test Kit 4.ขนั้ ตอนในการตรวจวดั DO โดย Test Kit สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

45 3 กาหนดสถานการณ์การเรียนรู้ ให้สอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ของแตล่ ะเนอื ้ หาความรู้ ดงั นี ้ เนือ้ หาความรู้ทต่ี ้องการ วตั ถปุ ระสงค์ สถานการณ์การเรียนรู้ ให้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ การเรียนรู้ กิจกรรมทผี่ ้สู อนกระทา กิจกรรมที่ให้ผ้เู รียนกระทา 1.ความหมายของนา้ เสีย พทุ ธิพสิ ยั -อธิบาย -ฟังคาอธิบาย เข้าใจ -ตงั้ คาถาม -ตอบคาถาม 2.ความหมายของการเฝ้ าระวงั คณุ ภาพนา้ พทุ ธิพิสยั -อธิบาย -ฟังคาอธิบาย เข้าใจ -ตงั้ คาถาม -ตอบคาถาม -จงู ใจโดยใช้รางวลั ให้แก่ ผ้ทู ต่ี อบถกู 3.ประโยชน์ของการตรวจวดั คณุ ภาพนา้ เจตพสิ ยั -อธิบาย -ฟังคาอธิบาย โดย Test Kit เหน็ คณุ คา่ -ตงั้ คาถาม -ตอบคาถาม 4.ขนั้ ตอนในการตรวจวดั DO โดย Test พทุ ธิพิสยั -อธิบาย -ฟังคาอธิบาย Kit จดจา -สาธิต -เลน่ เกม ทกั ษะพสิ ยั -ดกู ารสาธิตขนั้ ตอนใน ปฏิบตั ิได้ตาม การตรวจวดั DO โดย คาแนะนา Test Kit สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

46 4 กาหนดสอื่ ชว่ ยสอนทสี่ อดคล้องกบั สถานการณ์การเรียนรู้ทก่ี าหนดขนึ ้ ดงั นี ้ เนือ้ หาความรู้ท่ี วตั ถปุ ระสงค์ สถานการณ์การเรียนรู้ ต้องการให้ผ้เู รียน การเรียนรู้ กิจกรรมท่ีผ้สู อน กิจกรรมที่ให้ สือ่ ชว่ ยสอน ได้เรียนรู้ กระทา ผ้เู รียนกระทา 1.ความหมาย พทุ ธิพสิ ยั -อธิบาย -ฟังคาอธิบาย -แผ่นข้อความ ความหมายของ ของนา้ เสีย เข้าใจ -ตงั้ คาถาม -ตอบคาถาม นา้ เสยี -ภาพนา้ เสีย 2.ความหมาย พทุ ธิพสิ ยั -อธิบาย -ฟังคาอธิบาย -แผ่นข้อความ การเฝ้ าระวงั ของการเฝ้ าระวงั เข้าใจ -ตงั้ คาถาม -ตอบคาถาม คณุ ภาพนา้ คณุ ภาพนา้ -จงู ใจโดยใช้รางวลั -ภาพการเฝ้ าระวงั คณุ ภาพนา้ ให้แกผ่ ้ทู ต่ี อบถกู (ทางเคมี กายภาพ ชวี ภาพ) 3.ประโยชน์ของ เจตพสิ ยั -อธิบาย -ฟังคาอธิบาย -แผน่ ข้อความประโยชน์ของการ การตรวจวดั เห็นคณุ คา่ -ตงั้ คาถาม -ตอบคาถาม ตรวจวดั คณุ ภาพนา้ โดย Test คณุ ภาพนา้ โดย Kit Test Kit - Test Kit 4.ขนั้ ตอนในการ พทุ ธิพสิ ยั -อธิบาย -ฟังคาอธิบาย -ภาพขนั้ ตอนในการตรวจวดั ตรวจวดั DO โดย จดจา -สาธิต -เลน่ เกม DO โดย Test Kit Test Kit ทกั ษะพสิ ยั -ดกู ารสาธิต -Test Kit ปฏบิ ตั ไิ ด้ ขนั้ ตอนในการ -ตวั อยา่ งนา้ ตาม ตรวจวดั DO โดย คาแนะนา Test Kit สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

47 5 กาหนดการประเมนิ ตามท่สี อดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้ทีก่ าหนดขนึ ้ ดงั นี ้ เนือ้ หาความรู้ท่ี วตั ถปุ ระสงค์ สถานการณ์การเรียนรู้ สอ่ื ชว่ ยสอน การประเมนิ ต้องการให้ผ้เู รียน การเรียนรู้ กิจกรรมที่ กิจกรรมทใ่ี ห้ พทุ ธิพสิ ยั ผ้สู อนกระทา ผ้เู รียนกระทา -แผน่ ข้อความ -สงั เกตความตงั้ ใจ ได้เรียนรู้ เข้าใจ ความหมายของ ของผ้เู รียน 1.ความหมาย -อธิบาย -ฟังคาอธิบาย นา้ เสีย -ตอบคาถามได้ ของนา้ เสยี พทุ ธิพิสยั -ตงั้ คาถาม -ตอบคาถาม -ภาพนา้ เสีย ถกู ต้อง เข้าใจ -แผน่ ข้อความ -สงั เกตความตงั้ ใจ 2.ความหมาย -อธิบาย -ฟังคาอธิบาย การเฝ้ าระวงั ของผ้เู รียน ของการเฝ้ าระวงั เจตพสิ ยั -ตงั้ คาถาม -ตอบคาถาม คณุ ภาพนา้ -ตอบคาถามได้ คณุ ภาพนา้ เหน็ คณุ คา่ -จงู ใจโดยใช้ -ภาพการเฝ้ า ถกู ต้อง รางวลั ให้แก่ ระวงั คณุ ภาพนา้ 3.ประโยชน์ของ พทุ ธิพิสยั ผ้ทู ตี่ อบถกู (ทางเคมี -ตอบคาถามได้ การตรวจวดั จดจา กายภาพ ถกู ต้อง คณุ ภาพนา้ โดย ทกั ษะพสิ ยั -อธิบาย -ฟังคาอธิบาย ชวี ภาพ) Test Kit ปฏิบตั ิได้ -ตงั้ คาถาม -ตอบคาถาม -แผน่ ข้อความ -เรียงลาดบั ขนั้ ตอน ตาม ประโยชน์ของการ การตรวจวดั 4.ขนั้ ตอนในการ คาแนะนา -อธิบาย -ฟังคาอธิบาย ตรวจวดั คณุ ภาพ คณุ ภาพได้ถกู ต้อง ตรวจวดั DO โดย -สาธิต -เลน่ เกม นา้ โดย Test Kit -ตรวจวดั คณุ ภาพ Test Kit -ดกู ารสาธิต - Test Kit นา้ โดย Test Kit ได้ ขนั้ ตอนในการ -ภาพขนั้ ตอนใน อยา่ งถกู ต้อง ตรวจวดั DO การตรวจวดั DO โดย Test Kit โดย Test Kit -Test Kit -ตวั อยา่ งนา้ หลกั ในการกาหนดองค์ประกอบของตารางการจดั ประสบการณ์เพ่อื การเรียนรู้ 1. เนือ้ หาความรู้ท่ตี ้องการให้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ จากประสบการณ์ในการจดั ประสบการณ์เพือ่ การเรียนรู้ทางสงิ่ แวดล้อม ผ้เู ขยี นพบวา่ เนอื ้ หา ความรู้ทีต้องการให้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ สาหรับการจดั ประสบการณ์เพอ่ื การเรียนรู้ทางสง่ิ แวดล้อมที่ประสบ สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

48 ความสาเร็จนนั้ จาเป็ นต้องให้ความสาคญั กบั ลกั ษณะเฉพาะของพนื ้ ทท่ี ่ศี กึ ษา และลกั ษณะเฉพาะของ ผ้เู รียน 1.1 ลกั ษณะเฉพาะของพนื ้ ทท่ี ศ่ี กึ ษา เป็ นตวั กาหนดขอบเขตของเนอื ้ หาความรู้ท่จี ะใช้ในการ สร้างประสบการณ์เพ่ือการเรียนรู้ทางสงิ่ แวดล้อม เชน่ การจดั ประสบการณ์เพอ่ื การเรียนรู้การจดั ทาแผน ท่มี ลพิษทางนา้ ของแหลง่ นา้ ในชมุ ชนหนง่ึ ๆ ลกั ษณะเฉพาะของพนื ้ ท่ีก็คือ สง่ิ แวดล้อมของแหลง่ นา้ แหลง่ กาเนดิ ของมลพษิ ทางนา้ และกิจกรรมทกี่ อ่ ให้เกิดมลพษิ ทางนา้ ของชมุ ชนนนั้ ดงั นนั้ เนอื ้ หา ความรู้ท่ีใช้ในการจดั ประสบการณ์เพือ่ การเรียนรู้สง่ิ แวดล้อมจึงเป็ นเนือ้ หาท่มี ีขอบเขตเฉพาะท่ีเก่ียวโยง กบั แหลง่ นา้ ของชมุ ชน แหลง่ กาเนดิ ของมลพิษทางนา้ กิจกรรมท่กี ่อให้เกิดมลพษิ ทางนา้ ของชมุ ชนนนั้ เทา่ นนั้ 1.2 ลกั ษณะเฉพาะของผ้เู รียน เป็ นตวั กาหนดความยากงา่ ยของเนอื ้ หาความรู้ท่จี ะใช้ในการ สร้างประสบการณ์เพ่ือการเรียนรู้ทางสงิ่ แวดล้อม เชน่ ช่วงอายุ ระดบั การศกึ ษา รวมถงึ ประสบการณ์ ของผ้เู รียน จะเป็ นตวั กาหนดความยากงา่ ยของเนอื ้ หาความรู้ ดงั นนั้ เนอื ้ หาที่ใช้จดั ประสบการณ์เพอื่ การ เรียนรู้ทางสง่ิ แวดล้อม จงึ ต้องสอดคล้องเหมาะสมกบั ลกั ษณะเฉพาะของผ้เู รียนแตล่ ะกลมุ่ ตวั อยา่ งเช่น เนอื ้ หาความรู้การเฝ้ าระวงั คณุ ภาพนา้ ทางเคมสี าหรับผ้เู รียนที่เป็นนกั ศกึ ษาระดบั ปริญญาตรี และ ผ้เู รียนท่ีเป็ นนกั เรียนระดบั ประถมศกึ ษาต้องมคี วามยากงา่ ยตา่ งกนั 2 วัตถุประสงค์การเรียนรู้ วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ในการจัดประสบการณ์เพ่ือการเรียนรู้ทางสิ่งแวดล้อม จะต้องเป็ น วตั ถุประสงค์ทางการศึกษา ซึ่งประกอบด้วย 3 กลมุ่ หลกั คือ พทุ ธิพิสยั ทกั ษะพิสยั และเจตพิสยั โดย การกาหนดวตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ในแผนการจดั ประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้ทางสิ่งแวดล้อมนนั้ ต้อง ขนึ ้ อยกู่ บั เนอื ้ หาความรู้ทตี่ ้องการให้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ เช่น 2.1 กรณีเนือ้ หามีลกั ษณะท่ีเป็ นข้อเท็จจริงที่แสดงถึงคุณค่าของส่ิงใดส่ิงหน่ึง วตั ถุประสงค์ การศกึ ษาจะเป็ นเจตพสิ ยั ตวั อยา่ งเช่น เนอื ้ หาที่กลา่ วถึงประโยชน์ของการเฝ้ าระวงั คณุ ภาพนา้ จดั เป็ น เนอื ้ หาที่มีวตั ถปุ ระสงค์ด้านเจตพสิ ยั 2.2 กรณีเนอื ้ หามลี กั ษณะทเี่ ป็ นข้อเท็จจริงจดจา ข้อเท็จจริงนาไปใช้ ความคิดรวบยอด และ หลกั การ วตั ถุประสงค์การศึกษาจะต้องเป็ นพุทธิพิสยั ตวั อย่างเช่น เนือ้ หาที่กล่าวถึงการเฝ้ าระวัง คณุ ภาพนา้ 2.3 กรณีเนือ้ หามีลกั ษณะที่เป็ น เนือ้ หาภาคปฏิบตั ิ วตั ถปุ ระสงค์การศึกษาจะต้องเป็ นทกั ษะ พิสัย ตัวอย่างเช่น เนือ้ หาที่กล่าวถึงลาดับขัน้ ตอนการเฝ้ าระวังคุณภาพนา้ จัดเป็ นเนือ้ หาท่ีมี วตั ถปุ ระสงค์ด้านทกั ษะพสิ ยั สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

49 3 สถานการณ์การเรียนรู้ สถานการณ์การเรียนรู้ในท่ีนี ้หมายถึง ปฏิสมั พนั ธ์ของผ้เู รียนท่ีมีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ที่ ผ้สู อนสร้ างขนึ ้ ซ่ึงจาแนกออกเป็ น 2 สว่ น คือ กิจกรรมที่ผ้สู อนกระทาและกิจกรรมท่ีให้ผ้เู รียนกระทา 3.1 กิจกรรมที่ผ้สู อนกระทา คือ กิจกรรมท่ีผ้สู อนแสดงออก ในเนือ้ หาความรู้ท่ีต้องการให้ ผ้เู รียนได้เรียนรู้ เช่น ผ้สู อนอธิบายเนือ้ หาความรู้ที่ต้องการให้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ สาธิตและทาให้ดูเป็ น ตวั อยา่ งในเนอื ้ หาท่ตี ้องการให้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ โดยมีกิจกรรมกระต้นุ ให้ผ้เู รียนมคี วามตงั้ ใจในการเรียนรู้ ในแต่ละเนือ้ หาความรู้ เช่น ให้รางวลั กบั ผ้ตู อบคาถามหรือเล่นเกม ได้ถกู ต้อง ผ้สู อนเรียกร้ องความ สนใจของผ้เู รียน (เช่น เรียกให้เด็กๆ หนั มาฟังผ้สู อนหนอ่ ย.... “ ตงั้ ใจนะ.....เด๋ียวมีออกสอบ” “ตงั้ ใจ นะ.เดย๋ี วมเี กมให้เลน่ ” “เด๋ียวมีการแข่งขนั กนั ระหว่างแต่ละกลมุ่ ” ฯลฯ เป็ นต้น) ซึง่ กิจกรรมกระต้นุ ให้ ผ้เู รียนมคี วามตงั้ ใจในการเรียนรู้ในแต่ละเนือ้ หาความรู้นนั้ อาจจดั ก่อนหรืออย่รู ะหวา่ งการเข้าสเู่ นือ้ หา ความรู้ที่ต้องการให้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ก็ได้ 3.2 กิจกรรมที่ให้ผ้เู รียนกระทา คือ กิจกรรมท่ีผู้สอนกาหนดให้ผู้เรียนมีปฏิสมั พนั ธ์กับ กิจกรรมที่ผ้สู อนสร้ างขึน้ เช่น ผ้สู อนสาธิตขนั้ ตอนการตรวจวดั คณุ ภาพนา้ ให้ผ้เู รียนดู และกิจกรรมที่ ผ้สู อนกาหนดให้ผ้เู รียนกระทา คอื ให้ผ้เู รียนทาการตรวจคณุ ภาพนา้ ตามขนั้ ตอนท่ีผ้สู อนได้สาธิต การมี ปฏิสมั พันธ์กับสถานการณ์ที่ผ้สู อนสร้ างขึน้ คือ ผ้เู รียนทาการตรวจวดั คุณภาพตามขนั้ ตอนท่ีผ้สู อน สาธิตให้ดู ภาพท่ี 6 ผ้สู อนสาธิตขนั้ ตอนการตรวจวดั คณุ ภาพนา้ โดย Test Kit ให้ผ้เู รียนดู ท่มี า: ลาวณั ย์, 2558 สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

50 นอกจากนนั้ จากสถานการณ์ที่ผ้สู อนสร้ างขึน้ ทงั้ กิจกรรมที่ผ้สู อนต้องกระทาและกิจกรรมที่ ผ้สู อนกาหนดให้ผ้เู รียนกระทา จะต้องสอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงค์การศกึ ษาที่ผ้สู อนได้กาหนดไว้ เชน่ วตั ถปุ ระสงค์การศกึ ษากาหนดให้เกิดพทุ ธิพสิ ยั ดงั นนั้ ในกิจกรรมท่ีสร้างขนึ ้ ต้องเป็ นกิจกรรมที่ แสดงออกในเชิงพทุ ธิพสิ ยั คือ เป็ นกิจกรรมท่ีให้ผ้เู รียนเกิดการพฒั นาทางสติปัญญา เช่น จดจาขนั้ ตอน การตรวจวดั คณุ ภาพนา้ ได้ เป็ นต้น วตั ถปุ ระสงค์การศกึ ษากาหนดให้เกิดทกั ษะพสิ ยั ดงั นนั้ ในกิจกรรมท่ีสร้างขนึ ้ ต้องเป็ นกิจกรรม ท่ีแสดงออกในเชิงทกั ษะพิสยั คือ เป็ นกิจกรรมที่ให้ผ้เู รียนได้ปฏิบตั ิจริง เช่น ลงมือตรวจวดั คณุ ภาพนา้ (ภาพท่ี 7)เป็ นต้น ภาพท่ี 7 ผ้เู รียนลงมือตรวจวดั DO โดย Test Kit ทม่ี า: ลาวณั ย์, 2558 วตั ถปุ ระสงค์การศกึ ษากาหนดให้เกิดเจตพิสยั ดงั นนั้ ในกิจกรรมที่สร้างขนึ ้ ต้องเป็ นกิจกรรมที่ แสดงออกในเชิงเจตพิสัย คือ เป็ นกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้พัฒนาความคิด จิตใจ อารมณ์ เช่น เกิด ความคิด ความเข้าใจ เหน็ คณุ คา่ เห็นประโยชน์ เชน่ เห็นประโยชน์ของการตรวจวดั คณุ ภาพนา้ เป็ นต้น 4 ส่อื ช่วยสอน สื่อท่ีใช้ในการจดั ประสบการณ์เพ่ือการเรียนรู้ทางสิง่ แวดล้อม หมายถึง สื่อท่ีช่วยสอนเนือ้ หา ความรู้ทตี่ ้องการให้ผ้เู รียน เกิดการเรียนรู้ ดงั นนั้ ลกั ษณะสอ่ื ต้องสอดคล้องเหมาะสมกบั สถานการณ์การ เรียนรู้ ซง่ึ ผ้สู อนกาหนด เชน่ เนือ้ หาความรู้ที่ต้องการให้ผ้เู รียนจดจา ขนั้ ตอนการตรวจวดั DOในนา้ โดยใช้ Test kit ส่อื ชว่ ยสอน ก็คอื ภาพขนั้ ตอนในการตรวจวดั DO ในนา้ โดยใช้ Test kit ดงั ภาพท่ี 8 สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

51 ภาพที่ 8 การใช้ภาพขนั้ ตอนในการตรวจวดั DO โดย Test Kit เป็ นสอ่ื ช่วยสอน ท่ีมา: ลาวณั ย์, 2558 สว่ นเนอื ้ หาความรู้ทตี่ ้องการให้ผ้เู รียนเกิดการเรียนรู้ ภาคปฏิบตั ิ สอื่ ชว่ ยสอน ต้องช่วยให้ผ้เู รียนได้ ฝึกปฏบิ ตั ิได้ ตวั อย่างเช่น เนือ้ หาความรู้การตรวจวดั คณุ ภาพนา้ สื่อช่วยสอน เป็ นอปุ กรณ์สาหรับการ ตรวจวดั คณุ ภาพนา้ ให้ผ้เู รียนได้สมั ผสั และฝึกใช้งานจริง และปฏบิ ตั ิได้ ดงั ภาพท่ี 9 ภาพที่ 9 การใช้อปุ กรณ์สาหรับการตรวจวดั DO โดย Test Kit เพอ่ื ให้ผ้เู รียนได้สมั ผสั และฝึกใช้งานจริง ท่ีมา: ลาวณั ย์, 2558 5 การประเมิน การประเมนิ การจดั ประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้สง่ิ แวดล้อมในแตล่ ะเนอื ้ หาความรู้ทีต่ ้องการให้ ผ้เู รียนเกิดการเรียนรู้ ต้องมีการกาหนดเกณฑ์ท่บี ง่ ชีถ้ ึงการบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ในเรื่องนนั้ ๆ โดย พฤติกรรมของผ้เู รียนทแ่ี สดงออกได้ตามเกณฑ์ทก่ี าหนด คอื ความสาเร็จของการจดั ประสบการณ์เพ่ือ การเรียนรู้ทางสง่ิ แวดล้อม ตวั อยา่ งเช่น สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

52 จากสถานการณ์การเรียนรู้ท่ีผ้สู อนกาหนดให้ผ้เู รียน เขยี นประโยชน์ของการตรวจวดั คณุ ภาพ นา้ ได้ไมน่ ้อยกวา่ 5 ข้อ ดงั นนั้ หากผ้เู รียนสามารถเขยี นประโยชน์ของการตรวจวดั คณุ ภาพนา้ ได้ 5 ข้อ แสดงวา่ ผ้เู รียนเกิดการเรียนรู้ในเนอื ้ หาความรู้ ประโยชน์ของการตรวจวดั คณุ ภาพนา้ จากสถานการณ์การเรียนรู้ที่ผ้สู อนกาหนดให้ผ้เู รียนเขยี นขนั้ ตอนการตรวจวดั คณุ ภาพนา้ ได้ อยา่ งถกู ต้องทกุ ขนั้ ตอน(100%) ดงั นนั้ หากผ้เู รียนสามารถเขยี นขนั้ ตอนการทาแผนท่ีเดินดินได้ถกู ต้อง ทกุ ขนั้ ตอน แสดงวา่ ผ้เู รียนเกิดการเรียนรู้ เรื่อง ขนั้ ตอนการตรวจวดั คณุ ภาพนา้ สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

53 ระบบการศึกษา ระบบการศกึ ษาทจ่ี ดั เป็ นสากลในปัจจบุ นั นี ้จาแนกออกเป็ น 3 ระบบด้วยกนั ประกอบด้วย การศกึ ษาในระบบ(Formal Education) การศกึ ษานอกระบบ(Non-formal Education) และการศกึ ษา ตามอธั ยาศยั (Informal Education) พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ 2542 หมวดท่ี 2 สทิ ธิและหน้าที่ทางการศกึ ษา มาตรา 15 การ จดั การศกึ ษาได้ให้ความหมายระบบการศกึ ษาทงั้ 3 รูปแบบ ไว้ดงั นี ้(สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษา แหง่ ชาติ ,2545) 1. การศึกษาในระบบ เป็ นการศกึ ษาทกี่ าหนดจดุ ม่งุ หมาย วธิ ีการศกึ ษา หลกั สตู ร ระยะเวลา ของการศกึ ษา การวดั และ ประเมนิ ผล ซึjงเป็ นเง่ือนไขของการสาเร็จการศกึ ษาทแ่ี นน่ อน 2. การศกึ ษานอกระบบ เป็ นการศกึ ษาทม่ี คี วามยดื หยนุ่ ในการกาหนดจุดมงุ่ หมาย รูปแบบ วิธีการจดั การศกึ ษา ระยะเวลาของการศกึ ษา การวดั และประเมินผล ซง่ึ เป็ นเง่ือนไขสาคญั ของการ สาเร็จการศกึ ษา โดยเนอื ้ หาหลกั สตู รจะต้องมีความเหมาะสม สอดคล้องกบั สภาพปัญหาและความ ต้องการของบคุ คลและกลมุ่ 3. การศึกษาตามอัธยาศยั เป็ นการศกึ ษาทใ่ี ห้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ศกั ยภาพ ความพร้อมและโอกาส โดยศกึ ษาจากบคุ คล ประสบการณ์ สงั คม สภาพแวดล้อม สอ่ื หรือ แหลง่ ความรู้อื่นๆ ความหมายของระบบการศึกษานี ้ศ.ทานอง สิงคาลวณิช( 2516) ศ.ดร.บญุ ธรรม จิตต์อนนั ต์ (2536) และ ดร.โสภณ ธนะมยั (2520) ได้ขยายความหมายทาให้เห็นภาพท่ีง่ายและชดั เจนขึน้ ซ่ึง ประมวลได้ดงั นี ้ การศึกษาในระบบ เป็ นการศึกษาที่มีสถาบนั การศึกษาเป็ นผู้จัด โดยกาหนดวตั ถุประสงค์ หลกั สตู ร ชนั้ เรียน วิธีการสอน การวดั และประเมินผลท่ีเป็ นมาตรฐาน มีระยะเวลาของการศึกษาท่ี แนน่ อน มีการให้ประกาศนียบตั ร ปริญญาบตั ร เพ่ือเป็ นการรับรองว่า ผ้รู ับการศึกษามีพืน้ ฐานความรู้ ความสามารถระดบั ใด (ระดบั อนบุ าล ประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษา อาชีวศกึ ษา (ประกาศนียบตั รวิชาชีพ ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ ชนั้ สงู ). และอดุ มศกึ ษา (ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก) การศึกษานอกระบบ เป็ นการศึกษาท่ีมีหน่วยงานใดๆก็ได้เป็ นผ้จู ดั โดยวตั ถปุ ระสงค์ หลกั สตู ร มีทงั้ มีชนั้ เรียนหรือไม่มีชนั้ เรียนก็ได้ วิธีการสอน การวดั และประเมินผล และระยะเวลาของการศกึ ษา เปลยี่ นแปลงไปตามความต้องการและความสามารถของผ้เู รียนซงึ่ แตกตา่ งกนั สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

54 ตวั อยา่ งของการศกึ ษานอกระบบ เช่น ผ้เู ขียนจัดอบรมการตรวจวดั DO นา้ โดยใช้ test kit ให้แก่ เยาวชนในตาบลเชียงรากน้อย จงั หวดั ปทมุ ธานี หลงั จากการจดั อบรมแล้ว พบว่า เยาวชนในชุมชนทกุ คนสามารถทาการตรวจวดั DO นา้ โดยใช้ test kit ได้ทกุ คน ดงั ภาพที่ 10 ภาพท่ี 10 การอบรม ตรวจวดั ตรวจวดั DO นา้ โดยใช้ test kit สาหรับเยาวชนใน จ.ปทมุ ธานี ท่ีมา: ลาวณั ย์, 2558 การศึกษาตามอัธยาศัย เป็ นการศึกษาตลอดชีวิตท่ีบคุ คลได้รับทศั นคติ ค่านิยม ทักษะ และ ความรู้ความเข้าใจโดย 1. การเรียนรู้โดยบงั เอิญหรือเรียนรู้โดยความตงั้ ใจของแต่ละบุคคล จากประสบการณ์ใน ชีวติ ประจาวนั ดงั ตวั อยา่ ง 1.1 การเรียนรู้โดยบงั เอิญในชีวติ ประจาวนั ผ้เู ขียนขบั รถไปตามถนนเกษตร-นวมินทร์ในกรุงเทพฯ พบว่า ต้นเฟื องฟ้ าจะออกดอก สวยงามเฉพาะหน้าร้อน แตใ่ นหน้าฝนจะไมอ่ อกดอก จึงเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองว่า ถ้าจะให้ต้นเฟื อง ฟ้ าที่ปลกู ไว้ที่บ้านออกดอก ต้องลดการให้นา้ การเรียนรู้ด้วยตนเองโดยบังเอิญจากประสบการณ์ใน ชีวติ ประจาวนั ของผ้เู ขยี นดงั กลา่ วนี ้ก็คือ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ของผ้เู ขียน สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

55 1.2 การเรียนรู้โดยความตงั้ ใจ ในชีวติ ประจาวัน ผ้เู ขียนตัง้ ใจไปทศั นศึกษา ท่ีบ้านเกษตรกรตวั อย่างของศูนย์ศึกษาการพฒั นาเขาหิน ซ้อนอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ จงั หวดั ฉะเชิงเทรา เพื่อเรียนรู้เร่ืองการปลกู มะนาวนอกฤดกู าล เม่ือ ผ้เู ขียนไปทศั นศกึ ษาครัง้ นแี ้ ล้ว ผ้เู ขียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองวา่ การปลกู มะนาวในวงบอ่ ซเี มนต์จะทา ให้สามารถควบคุมการให้นา้ กับต้นมะนาวได้ดี ซึ่งจะทาให้ต้นมะนาวให้ผลผลิตนอกฤดกู าลได้ การ เรียนรู้ด้วยตนเองโดยความตงั้ ใจของผ้เู ขียนดงั กลา่ วนี ้ก็คอื การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ’ 2 การเรียนรู้โดยบังเอิญหรือเรียนรู้โดยความตัง้ ใจของแต่ละบุคคลจะเกิดขึน้ โดยผ่านส่ือ ประเภทต่างๆ ได้แก่ หนงั สอื พมิ พ์ นิทรรศการ เอกสารเผยแพร่ วิทยุ โทรทศั น์ ภาพยนตร์ การประกวด การรณรงค์ นิทรรศการ และสอ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ดงั ตวั อยา่ ง 2.1 การเรียนรู้โดยบังเอญิ จากสอื่ อเิ ลคทรอนิกส์ ผ้เู ขียนบังเอิญได้ดูรายการสารคดีเรื่อง “กู้วิกฤตบ้านขนุ สมุทรจีน” จาก website https://www.youtube.com/watch?v=CKLAZY3dXs4 ซงึ่ เผยแพร่เม่ือ 28 เมษายน. 2013 หลงั จาก นนั้ ผ้เู ขยี น เกดิ การเรียนรู้ด้วยตนเองว่า การลดลงของป่ าชายเลนเป็ นสาเหตทุ ่ีทาให้เกิดการกดั เซาะ ชายฝั่งของชุมชนบ้านขุนสมุทรจีน การเรียนรู้ด้วยตนเองโดยบังเอิญของผู้เขียนดงั กล่าวนี ้ ก็คือ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ดงั ภาพท่ี 11 หลังจากนัน้ ผู้เขียนได้ นาสารคดีเรื่ อง“กู้วิกฤตบ้ านขุนสมุทรจีน”จาก website https://www.youtube.com ซง่ึ เผยแพร่เมือ่ 28 เมษายน. 2013 ฉายในห้องเรียนในชว่ งกอ่ นการสอน ซ่งึ มีนกั ศกึ ษาบางสว่ นนง่ั รอเรียน จงึ บงั เอิญได้ดสู ารคดี และนกั ศกึ ษาดงั กลา่ วเข้ามาคยุ กบั ผ้เู ขียนวา่ . “ นกั ศกึ ษาเพง่ิ รู้วา่ การลดลงของป่ าชายเลนเป็ นสาเหตทุ ่ีทาให้เกิดการกดั เซาะชายฝั่งของชมุ ชนบ้านขนุ สมทุ รจีน ” การเรียนรู้ด้วยตนเองโดยบงั เอญิ ของนกั ศกึ ษารายนี ้ก็คือ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั นนั่ เอง 2.2 การเรียนรู้โดยความตงั้ ใจ จากสอื่ อิเลคทรอนกิ ส์ ผู้เขียนตั้งใจค้ นหาสารคดีเรื่ อง “กู้วิกฤตบ้ านขุนสมุทรจีน”ดังภาพที่ 11 จาก website:https://www.youtube.com ซ่ึงเผยแพร่เมื่อ 28 เมษายน. 2013 เมื่อผ้เู ขียนดสู ารคดีเรื่องนี ้ แล้วเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองว่า การลดลงของป่ าชายเลนเป็ นสาเหตทุ ่ีทาให้เกิดการกดั เซาะชายฝ่ัง ของชมุ ชนบ้านขนุ สมทุ รจีน การเรียนรู้ด้วยตนเองโดยความตัง้ ใจของผ้เู ขียนดงั กลา่ วนี ้ก็คือ การศกึ ษา ตามอธั ยาศยั สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

56 ภาพที่ 11 คลน่ื แรงอนั เกิดจากพายลุ กู ใหญ่ ซดั เข้าอโุ บสถ์วดั ขนุ สมทุ ราวาส หรือวดั ขนุ สมทุ รจีน ท่มี า: https://www.youtube.com/watch?v=CKLAZY3dXs4 เผยแพร่เม่ือ 28 เมษายน 2013 โดยทว่ั ไปแล้ว การศึกษาตามอธั ยาศยั นีม้ ีความสาคญั เป็ นอย่างมากในการเรียนรู้ทงั้ หมดของ บคุ คลแต่ละคน ระบบการศกึ ษาซ่ึงจาแนกออกเป็ น 3 ระบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ท่ีพูดแยกกันก็เพื่อประโยชน์ในการอธิบายเท่านนั้ อันท่ีจริงแล้ว การศกึ ษาทงั้ 3 ระบบสามารถจดั ให้เกิดขนึ ้ ในลกั ษณะผสมผสานกนั ได้ เชน่ กรณีตวั อย่างการเรียนเรื่อง การบาบัดนา้ เสียโดยใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ ในวิชา “แนวคิด สง่ิ แวดล้อมอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ” ของนกั ศึกษาระดบั ปริญญาตรี ซง่ึ มีการบรรยายในชนั้ เรียน (การศกึ ษาในระบบ) หลงั จากนนั้ ได้จดั ทศั นศกึ ษาโดยพานกั ศกึ ษาไปดงู านในโครงการศกึ ษาและพฒั นา สงิ่ แวดล้อมแหลมผกั เบยี ้ อนั เนื่องมาจากพระราชดาริ จงั หวดั เพชรบรุ ี (การศกึ ษานอกระบบ) ซ่งึ ในการ ไปทศั นศกึ ษาครัง้ นี ้นกั ศกึ ษาเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองวา่ ท่ีโครงการศึกษาวิจยั และพฒั นาสิ่งแวดล้อม แหลมผกั เบยี ้ อนั เนือ่ งมาจากพระราชดาริ จงั หวดั เพชรบรุ ี มีการจดั การนา้ เสยี โดยไมไ่ ด้ใช้เครื่องจกั รกล เลย(การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ) ดงั ภาพที่ 12 และ13 สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

57 ภาพท่ี 12 นกั ศกึ ษาจากมหาวทิ ยาลยั รังสติ ศกึ ษาดงู านในโครงการศกึ ษาวจิ ยั และพฒั นาสง่ิ แวดล้อม แหลมผกั เบยี ้ อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ จงั หวดั เพชรบรุ ี ที่มา: ลาวณั ย์, 2557 ภาพที่ 13 วิทยากรจากโครงการศกึ ษาวิจยั และพฒั นาสง่ิ แวดล้อมแหลมผกั เบยี ้ อนั เน่อื งมาจาก พระราชดาริ จงั หวดั เพชรบรุ ี บรรยายการจดั การนา้ เสยี โดยธรรมชาตชิ าตชิ ่วยธรรมชาติ ท่ีมา: ลาวณั ย์, 2557 สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

58 สรุป เนอื ้ หาความรู้สว่ นท่ี 2 “ การศกึ ษา ” ที่นาเสนอแล้วนนั้ ผ้อู า่ นคงมองเห็นภาพแล้ววา่ การศกึ ษาทงั้ 3 ระบบ ได้แก่ การศกึ ษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการศกึ ษาตาม อธั ยาศยั นนั้ เป็ นเครื่องมือทม่ี คี วามสาคญั อยา่ งยงิ่ อนั จะทาให้มนษุ ย์เกิดการเรียนรู้ คอื เกิดการเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรม จากไมร่ ู้ เป็ น รู้ จากทาไมเ่ ป็ น เป็ น ทาเป็ น / ทาได้ จากไมอ่ ยากรู้/ไมอ่ ยากทา เป็ น อยากรู้ / อยากทา สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

59 ส่วนท่ี 3 ส่ิงแวดล้อมศกึ ษา.. โครงสร้างเนอื ้ หาความรู้”สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา” ซงึ่ ประกอบด้วย เนอื ้ หาความรู้โดยเร่ิมจาก เนอื ้ หา ความรู้ในภาพมมุ กว้างของสงิ่ แวดล้อมศกึ ษา แล้วจึงไลเ่ รียงเชื่อมโยงกนั เป็ นลาดบั จนถงึ เนอื ้ หาความรู้ท่ี ชีใ้ ห้เหน็ แนวทางในการปฏิบตั ิสงิ่ แวดล้อมศกึ ษา ดงั นี ้ ความเป็ นมาของสงิ่ แวดล้อมศกึ ษา ความหมายของสงิ่ แวดล้อมศกึ ษา ปรัชญาสงิ่ แวดล้อมศกึ ษา วตั ถปุ ระสงค์ของสง่ิ แวดล้อมศกึ ษา จดุ มงุ่ หมายหลกั ของสง่ิ แวดล้อมศกึ ษา หลกั การท่ีเป็ นแนวทางของสง่ิ แวดล้อมศกึ ษา วิธีการสง่ิ แวดล้อมศกึ ษา และ ในสว่ นสดุ ท้ายจะวพิ ากษ์การจดั สง่ิ แวดล้อมศกึ ษาทปี่ ฏิบตั กิ นั อยใู่ นประเทศไทย โดยจะ กลา่ วถงึ ระบบการศกึ ษาทเ่ี หมาะสมในการจดั สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

60 ความเป็ นมาของส่ิงแวดล้อมศกึ ษา ลาวณั ย์ วจิ ารณ์(2550) ได้เขยี นความเป็ นมาของสง่ิ แวดล้อมศกึ ษาในเอกสารสมั มนา เรื่อง “ สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: เครื่องมือลดวิกฤตสงิ่ แวดล้อมโลก” โดยสรุปเนอื ้ หาสาระสาคญั ดงั นี ้ ปัญหาสิ่งแวดล้อมท่ีเกิดขึน้ ในปัจจุบนั ล้วนเป็ นผลพวงจากการประกอบกิจกรรมต่างๆของมวล มนุษย์จนเป็ นต้นเหตขุ องการเสียสมดลุ ของระบบนิเวศตามธรรมชาติ ซึ่งเป็ นสาเหตุของปัญหาการ ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติและความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม จากเดิมที่เป็ นเพียงปัญหาใน ระดบั ท้องถิ่นได้ขยายวงไปเป็ นปัญหาระดบั ประเทศ ระดบั ภูมิภาคและปัญหาระดบั โลกในปัจจุบนั จากสภาพการณ์ดงั กลา่ วจึงส่งผลให้การป้ องกัน และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมดงั กลา่ ว กลายเป็ นความจาเป็ นหรือภาระหลกั ที่มวลมนษุ ย์ในทกุ ภูมิภาคของโลกต่างให้ความสาคญั และ นาไปสู่ความร่วมมือของประชาคมโลก เช่น การประชุมสิ่งแวดล้อมระดบั นานาชาติ อีกทัง้ การ กระตุ้นเตือนถึงภยั จากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กาลงั คกุ คามมวลมนษุ ย์ชาติในรูปแบบต่างๆ เช่น การ กาหนดให้วนั ที่ 5 มิถุนายนของทุกปี เป็ นวนั สิ่งแวดล้อมโลก โดยแต่ละปี จะมีการกาหนดหวั ข้อหลกั ในประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมท่ีวิกฤต ณ ช่วงขณะนนั้ เพื่อกระต้นุ เตือนให้ประชาคมหนั มาให้ความ สนใจและร่วมมือกนั ป้ องกัน และแก้ไขวิกฤตสิ่งแวดล้อมเหลา่ นนั้ อย่างต่อเนื่อง จากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึน้ ในระดบั ท้องถ่ิน เมื่อขยายวงเป็ นปัญหาในระดบั ประเทศ จน กลายเป็ นวิกฤตส่ิงแวดล้อมโลกท่ีปรากฏให้เห็นดงั ปัจจุบนั ถึงแม้ว่าสาเหตหุ ลกั จะเกิดจากกิจกรรม ของมวลมนุษย์ในปัจจุบนั ก็ตาม แต่หากพิจารณาถึงต้นตอของปัญหาที่แท้จริง กลบั พบว่า ลกั ษณะ ของการเกิดวิกฤตสิ่งแวดล้อมโลกในปัจจุบนั เป็ นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการสะสมมาอย่าง ยาวนาน จากอดีต และกลายมาเป็ นปัญหาท่ีมีความรุนแรง จนยากต่อการแก้ไขในปัจจุบัน ดัง แผนภาพท่ี 16 ศตวรรษท่ี 18-19 การปฏิวตั ิ ปัญหา อตุ สาหกรรม ส่งิ แวดล้อม ปัญหาส่งิ แวดล้อม วกิ ฤตส่งิ แวดล้อมโลก สงครามโลก สงครามโลก 1960 1970 1980 1990 2000 2010 ครงั้ ท่ี 1 ครงั้ ท่ี 2 1910 1920 1930 1940 1950 ช่วงท่ี 1 ช่วงท่ี 2 ชว่ งท่ี 3 แผนภาพท่ี 16 ช่วงเวลาการเกิดปัญหาสงิ่ แวดล้อมโลกในอดีตจนปัจจบุ นั สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

61 แม้ว่าในอดีตจะมีกิจกรรมตา่ งๆเกิดขึน้ มากมาย แตห่ ากพิจารณาถึงภาพรวมของกิจกรรมที่ ก่อให้เกิดปัญหาส่งิ แวดล้อมที่วิกฤต กลา่ วโดยสรุปได้ว่า เกิดจากกิจกรรมใน 3 ช่วงเวลา คือ กิจกรรม ช่วงการปฏิวตั ิอตุ สาหกรรม ช่วงการเกิดสงครามโลก ช่วงการบรู ณะและฟื น้ ฟปู ระเทศภายหลงั สงครามโลก โดยปัญหาส่ิงแวดล้อมท่ีเกิดขนึ ้ แตล่ ะช่วงเวลา มีลกั ษณะท่ีแตกต่างกนั กลา่ วคือ ช่วงการปฏิวตั ิอตุ สาหกรรม (ศตวรรษท่ี 18-19) เป็ นช่วงเวลาท่ีประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศ องั กฤษ ซึ่งเป็ นผู้นาการปฏิวตั ิอตุ สาหกรรม ตลอดจนประเทศตา่ งๆในทวีปยโุ รป สหรัฐอเมริกา และ ญี่ป่ นุ ตา่ งดาเนินกิจกรรมการปฏิวตั ิอตุ สาหกรรมอยา่ งเร่งด่วน เพ่ือพฒั นาประเทศให้มีความมงั่ คงั่ ซึ่ง สง่ ผลให้เกิดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยา่ งมากมาย จนกลา่ วได้วา่ การปฏิวตั ิ อตุ สาหกรรมเป็ นสาเหตหุ ลกั ที่ส่งผลให้เกิดการทาลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่าง รุนแรงในช่วงเวลานัน้ จนนาไปสูก่ ารลา่ อาณานิคมของประเทศมหาอานาจ เพื่อแยง่ ชิง ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมจากประเทศท่ีเป็ นอาณานิคมมาเป็ นของตน สถานการณ์ดงั กลา่ วนีน้ อกจากจะสง่ ผลให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมในส่วนตา่ งๆของโลกแล้ว ยงั สง่ ผลให้ความขดั แย้งระหว่างประเทศต่างๆขยายวงกว้างออกไปในทกุ สว่ นของโลก จนกลายเป็ นต้น ตอของสงครามโลกทงั ้ สองครัง้ ในที่สดุ และผลพวงจากสงครามโลกจะเป็ นปัจจยั หนึ่งที่สร้างความ เสยี หายให้แก่ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมโดยเฉพาะในพืน้ ท่ีที่เกิดสงคราม หลงั สงครามโลกแตล่ ะครัง้ มีการบรู ณะและฟื น้ ฟูประเทศเกิดขนึ ้ ซง่ึ ดาเนินไปโดยปราศจากความ ตระหนกั และละเลยต่อการดแู ลรักษาสง่ิ แวดล้อม ทงั้ ระดบั ประเทศและระดบั โลก สง่ ผลให้เกิดการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมากมาย จนเป็ นท่ีมาของปัญหาสิง่ แวดล้อมท่ีสะสมมาจนถึงปัจจุบัน ดังนัน้ จึงกล่าวได้ว่า กิจกรรมท่ีเกิดขึน้ ในช่วงเวลาต่างๆดังกล่าวข้างต้น เป็ นปัจจัยสาคัญท่ี ก่อให้ เกิดการสะสมของปั ญหาสิ่งแวดล้ อมในส่วนต่างๆของโลก ทัง้ ปั ญหาการขาดแคลน ทรัพยากรธรรมชาติและปัญหาความเสอื่ มโทรมของสงิ่ แวดล้อม ซง่ึ สง่ ผลให้เกิดวิกฤตสง่ิ แวดล้อมที่ยาก ตอ่ การแก้ไขในปัจจบุ นั จากสภาพการณ์ดงั กลา่ ว จึงสง่ ผลให้ประชาคมโลกตา่ งให้ความสาคญั กบั วกิ ฤต สง่ิ แวดล้อมท่เี ป็ นอยู่ และนาไปสคู่ วามร่วมมอื ในการป้ องกนั และแก้ไขปัญหาสงิ่ แวดล้อม ดงั ในปัจจบุ นั วิกฤตของปัญหาส่ิงแวดล้อมท่ีเกิดขึน้ จากอดีตจวบจนปัจจุบัน ทงั้ ด้านความเส่ือมโทรมของ ทรัพยากรธรรมชาติท่ีเกิดจากการทาลายสมดลุ ของธรรมชาติ และการเกิดภาวะมลพิษ ซึ่งนอกจากจะ ทวีความรุนแรงขึน้ อย่างต่อเนื่องแล้ว ยงั ส่งผลกระทบต่อมวลมนุษย์ในระดบั ต่างๆ ทงั้ ระดบั ท้องถิ่น ระดับประเทศ ระดบั ภูมิภาค และระดบั โลก ผลจากวิกฤตของปัญหาส่ิงแวดล้อมที่เกิดขึน้ นี ้ จึงเป็ น แรงผลกั ดันให้เกิดความร่วมมือของประชาคมโลก เพ่ือหาแนวทางในการป้ องกันและแก้ไขปัญหา สิ่งแวดล้อม โดยมีการจัดประชุมสิ่งแวดล้อมระดับนานาชาติ เรื่องมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม (UN สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

62 Conference , Human Environment) ในปี ค.ศ.1972 โดยองค์การสหประชาชาติ (UN) ท่ีกรุงสต๊อก โฮม ประเทศสวเี ดน ผลการประชมุ ครัง้ นีก้ าหนดให้ “สิ่งแวดล้อมศกึ ษา” เป็ นกลยทุ ธ์ที่ประชาคมโลกใช้ เพ่ือตอ่ ส้กู บั วกิ ฤติสงิ่ แวดล้อมในขณะนนั้ จึงกลา่ วได้ว่า คาว่า “ ส่ิงแวดล้อมศึกษา” ถือกาเนิดขนึ ้ อย่าง เป็ นทางการเป็ นครัง้ แรกในการประชมุ ครัง้ นี ้ หลงั จากนนั้ ก็มีการจัดประชุมระดบั นานาชาติเร่ือยมา เช่น การประชุมสิ่งแวดล้อมศึกษาระดบั นานาชาติ ณ กรุงเบลเกรด (Belgrade) ประเทศยโู กสลาเวีย ในปี ค.ศ.1975 โดยผลการประชุมได้ ก่อให้เกิด“ กฎบตั รเบลเกรด”(The Belgrade Charter) ซึ่งกาหนดให้“ส่ิงแวดล้อมศึกษา”เป็ นพืน้ ฐาน ของการจดั การสง่ิ แวดล้อม โดยเร่ิมจากในระหวา่ งปี 1975-1977 องค์การยเู นสโกได้จัดให้มีการประชมุ ใหญ่ระดบั ภูมิภาค ใหญ่ 4 ภมู ิภาค และ 1 ภมู ิภาคยอ่ ย (คือ แอฟริกา เอเชีย ลาตินอเมริกาและแครินเบียน ภาคพืน้ ยโุ รป และ 1 ภมู ภิ าคยอ่ ย คอื รัฐอาหรับ ) เพอื่ กาหนดสงิ่ แวดล้อมศกึ ษาทีเ่ หมาะสมสาหรับแตล่ ะภมู ิภาค และ ตอ่ มาได้มกี ารจดั ประชมุ ระดบั นานาชาติ ที่เมอื ง ทบิลชิ ิ (Tbilisi) ประเทศสหภาพโซเวียต ขนึ ้ ในปี 1977 ซ่ึงผลจากการประชุมครัง้ นีไ้ ด้มีการประกาศเป้ าหมายสิ่งแวดล้อมศึกษาว่า เป็ นการจัดการศึกษาที่ สง่ เสริมให้บคุ คลเกิดการเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมเพือ่ นาไปส่กู ารป้ องกนั และแก้ไขปัญหาสง่ิ แวดล้อม ต่อมาในปี 1992 ได้มีการจัดประชุมสหประชาชาติว่าด้วยส่ิงแวดล้อมและการพฒั นาท่ียง่ั ยืน (World Summit on Sustainable Development) ณ กรุงริโอ เดอจาเนโร ประเทศบราซิล ซ่ึงในการ ประชุมครัง้ นี ้ ได้กาหนดแนวทางเพ่ือลดวิกฤตส่ิงแวดล้อมไว้หลายประการ โดยเฉพาะอย่างย่ิงใน “แผนปฏิบตั กิ าร 21” (Agenda 21) ซง่ึ กาหนดให้ “ส่งิ แวดล้อมศึกษา” เป็ นเคร่ืองมือพิทกั ษ์สง่ิ แวดล้อม อกี ทงั้ การประชมุ สงิ่ แวดล้อมระดบั นานาชาตใิ นปี ค.ศ.2002 เป็ นการประชมุ สดุ ยอดของโลกวา่ ด้วยการ พฒั นาท่ียง่ั ยืน (World Summit on Sustainable Development; WSSD) ณ นครโจฮนั เนสเบอร์ก สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ โดยสาระสาคญั ของการประชุมยงั คงเน้นยา้ ถึงความจาเป็ นที่ประชาคมโลก จะต้องดาเนินการอยา่ งจริงจงั เพือ่ ผลกั ดนั แผนปฏบิ ตั ิการ 21 และข้อตกลงตา่ งๆให้สามารถดาเนินการ ไปสผู่ ลสาเร็จทเ่ี ป็ นรูปธรรมมากย่งิ ขนึ ้ สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

63 ความหมายของส่งิ แวดล้อมศกึ ษา นาท ตณั ฑวริ ุฬห์ และพลู ทรัพย์ สมทุ รสาคร (2528)ได้กลา่ วไว้ในคานาของหนงั สอื “ วิทยาศาสตร์ สง่ิ แวดล้อมและการบริหารทรัพยากร ” ว่า...วิชาส่ิงแวดล้อมถกู มองด้วยสายตาท่ีแตกต่างกนั ไปอยา่ ง มากมายขนึ ้ อยกู่ บั ปมู หลงั ของแตล่ ะบคุ คล ซงึ่ ทาให้เป็ นการมองภาพเฉพาะสว่ น (Compartmentalized Picture) มิได้มองภาพรวม (Total Picture)ของทงั้ ระบบ ทานองเดียวกบั นิทานเร่ืองตาบอดคลาช้าง นั่นเอง ดังนัน้ ตาราด้านส่ิงแวดล้อมศึกษา....ส่วนใหญ่ในปัจจุบันจึงมักมีลักษณะเป็ นก่ึงๆตารา วิศวกรรมศาสตร์บ้าง ตาราชีววิทยาบ้าง ตาราเคมีบ้าง ตาราภมู ิศาสตร์บ้าง ตาราสงั คมศาสตร์บ้าง สดุ แต่วา่ ผ้เู ขียนจะมีความเชียวชาญในด้านไหน เม่ือเห็นช่ือตารา แตเ่ ม่ือพลกิ เข้าไปอา่ นเนือ้ หาข้างใน แล้ว ก็มกั เกิดความสบั สนวา่ “สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา” มนั คืออะไรกนั แน่ สว่ นกรมสง่ เสริมคณุ ภาพสง่ิ แวดล้อม (2551) ชีใ้ ห้เหน็ วา่ ....เราพยายามไมต่ ีกรอบวา่ อะไรใช่หรือ ไมใ่ ช่ ส่ิงแวดล้อมศกึ ษา แต่หวั ใจของสิ่งแวดล้อมศกึ ษา คือ กระบวนการ “พฒั นา” คนให้เติบโตเป็ น ประชากรโลกที่มีความสานึกและห่วงใยในปัญหาส่ิงแวดล้อมรวมทัง้ ปัญหาอ่ืนๆที่เก่ียวข้อง...... ส่ิงแวดล้อมศึกษาจึงถือเป็ นเคร่ืองมือสาคัญในการดารงชีวิตทว่ั ไป..เป็ นองค์ความรู้พืน้ ฐานในการ ประกอบอาชีพในทกุ สาขา และเป็ นความรู้เพ่ือการอยรู่ ่วมกนั ในชมุ ชน สงั คม ประเทศ และโลก สาหรับความหมายของ “ส่ิงแวดล้อมศึกษา” นนั้ นาท ตณั ฑวิรุฬห์ และพลู ทรัพย์ สมุทรสาคร (2528) ได้อ้างองิ การประชมุ ของสหประชาชาติวา่ ด้วยเรื่อง \"สงิ่ แวดล้อมของมนษุ ย์” ในปี ค.ศ.1972 ณ กรุงสตอกโฮล์ม วา่ ส่งิ แวดล้อมศึกษาเป็ นวิธีการหน่ึงที่จะนาไปส่คู วามสาเร็จในการป้ องกนั และแก้ไข ปัญหาสง่ิ แวดล้อม ผลจากการประชมุ ที่เมืองเบลเกรด ประเทศยโู กสลาเวียในปี ค.ศ.1975 ผ้เู ข้าร่วมประชุมได้ร่างคา จากดั ความเบอื ้ งต้นของสง่ิ แวดล้อมศกึ ษา ตอ่ มาในปี ค.ศ.1977 ตวั แทนจากกว่า 60 ประเทศทว่ั โลกได้ ร่วมประชมุ กนั ทเี่ มืองทบิลซี ิ ประเทศสาธารณรัฐโซเวียต เพอ่ื สานเรื่องตอ่ จากการประชมุ ท่ีเมอื งเบลเกรด โดยได้ให้คาจากดั ความของ “สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา” ไว้ดงั นี ้ .......“ ส่ิงแวดล้อมศึกษา คือ กระบวนการท่ีมุ่งสร้ างให้ประชากรโลกมีความสานึกและห่วงใย ปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมทงั้ ปัญหาท่ีเก่ียวข้องอื่นๆ และมีความรู้ ทศั นคติ ทกั ษะ ความตงั้ ใจจริง และความม่งุ มน่ั ท่ีจะหาทาง แก้ปัญหาท่ีเผชิญอยู่ และป้ องกนั ปัญหาใหม่ ทงั้ ด้วยตนเองและ ด้วยความร่วมมอื กบั ผ้อู นื่ ”.......... (กรมสง่ เสริมคณุ ภาพสง่ิ แวดล้อม, ม.ป.ป..) สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

64 จากความหมายของคาวา่ “สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา” ซ่งึ เป็ นผลจากการประชมุ ระดบั นานาชาติเพื่อใช้ สง่ิ แวดล้อมศกึ ษาเป็ นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาวิกฤตสง่ิ แวดล้อมโลกดงั กลา่ วข้างต้น ยงั ขาดความ ชดั เจน ดงั นนั้ จึงมีนกั วิชาการด้านสง่ิ แวดล้อมได้ให้ความหมายไว้หลากหลายด้วยสายตาที่แตกต่างกนั ขนึ ้ อยกู่ บั ปมู หลงั ของแตล่ ะบคุ คล สดุ แตว่ า่ ผ้เู ขยี นจะมีความเช่ียวชาญด้านไหน ถ้าพิจารณาตามหลกั การนิยามทางตรรกศาสตร์ของการให้คานิยามตามคณุ ลกั ษณะ (วิทยา, 2551) ซ่ึงเป็ นการนิยามที่นาสาระสาคญั ของตวั นิยามมานิยามแล้ว“สิ่งแวดล้อมศึกษา”จะต่างจาก วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้ างองค์ความรู้ทาง สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม ซึ่งมีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อสร้ างเครื่องมือในการจดั การสิง่ แวดล้อม สว่ นส่ิงแวดล้อมศึกษานนั้ เป็ นการศกึ ษาลกั ษณะหนง่ึ ทม่ี วี ตั ถปุ ระสงค์เพอื่ รักษาคณุ ภาพสงิ่ แวดล้อม ดงั นนั้ จึงสรุปความหมายของส่ิงแวดล้อมศึกษาได้ว่า “สิ่งแวดล้อมศึกษา เป็ นกระบวนการจัด ประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้เนือ้ หาความรู้สิ่งแวดล้อม เพื่อให้บคุ คลเป้ าหมาย(รายบคุ คล กลมุ่ บุคคล และประชาชนทว่ั ไป) เกิดการเปลยี่ นแปลงพฤติกรรมตามวตั ถปุ ระสงค์ทางการศึกษาด้านเจตคติ ด้าน ความรู้ และด้านทกั ษะ ท่ีจะนาไปสกู่ ารป้ องกนั และแก้ไขปัญหาสง่ิ แวดล้อม” ซึง่ เป็ นจดุ ม่งุ หมายหลกั ของสงิ่ แวดล้อมศกึ ษาในระดบั นานาชาติ เพ่อื ให้งา่ ยตอ่ การทาความเข้าใจความหมายของคาวา่ ”สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา”จึงขอขยายความโดยใช้ แผนภาพที่ 17 ดงั นี ้ การจดั ประสบการณ์เพ่อื การเรียนรู้ เนอื ้ หาความรู้สงิ่ แวดล้อมแกบ่ คุ คลเป้ าหมาย เกิดการเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมตามวตั ถปุ ระสงค์ทางการศกึ ษา ด้านเจตคติ ด้านความรู้ และด้านทกั ษะ เกดิ การป้ องกันและแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม แผนภาพที่ 17 ความหมายของคาวา่ สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

65 ปรัชญาส่งิ แวดล้อมศึกษา คาวา่ “ ปรัชญา ” มาจากคาภาษาองั กฤษวา่ “ Philosophy ” มีความหมายอยา่ งกว้างวา่ “ ความรักในความรู้ ” หรือ “Love of Wisdom” ศ.ดร..ดเิ รก ฤกษ์หร่าย ได้เขียนขยายความ ความหมาย ของ คาวา่ “ปรัชญา” ไว้ในหนงั สอื “หลกั การสง่ เสริมเกษตร” (2518) วา่ มีคนให้ความหมายของคาวา่ “ปรัชญา” ไว้มากมาย แตค่ วามหมายทีง่ ่ายตอ่ การทาความเข้าใจ คือ “หลักนาในการคิดการปฏิบัติ” หรืออาจจะกลา่ วได้วา่ “ปรัชญาเป็ นหลักการขัน้ พนื้ ฐาน(Basic Principle) เพือ่ จะทราบขอบขา่ ยอยา่ ง กว้างๆของหลกั นาในการคิดการปฏิบตั ิของงาน โดยได้กลา่ วถึงปรัชญาพืน้ ฐานของงานส่งเสริมของ KELSEY ซงึ่ เป็ นท่ียอมรับกนั ทวั่ ไปวา่ คอื การสอนบุคคลเป้ าหมาย ให้รู้จักช่วยตัวเองด้วยตัวเขา เอง” และได้ยกตวั อยา่ งสภุ าษิตจีนบทหนงึ่ วา่ “.... ถ้าท่านให้ปลาสอง สาม ตัวแก่ชาวนา ... .... ชาวนาจะกนิ ปลาหมดภายในมอื้ สองมอื้ .... ......แต่ถ้าท่านสอนให้ชาวนารู้จักวธิ ีการจบั ปลาหรือเลยี้ งปลา.. .....ชาวนาก็จะมีปลากินตลอดชวี ิต” สภุ าษิตจีนบทนอี ้ ธิบายให้ทราบเป็ นอยา่ งดวี า่ การช่วยชาวนาให้มอี าหารกินนนั้ ไมใ่ ชก่ ารเอาปลา ไปให้ แตเ่ ป็ นการสอนให้รู้จกั วิธีการหาอาหาร คือ รู้วิธีการจบั ปลาหรือวิธีเลยี ้ งปลา นนั่ เอง จึงเห็นได้วา่ งานด้านสง่ เสริมนนั้ ไม่ใช่งานในลกั ษณะของการประชาสงเคราะห์ คือ การนาสิ่งของไปแจกให้แก่ผู้ เดือดร้อนหรือผ้ปู ระสบภยั งานด้านสงิ่ แวดล้อมศกึ ษากบั งานด้านสง่ เสริม เป็ นงานที่มลี กั ษณะใกล้เคยี งกนั เพราะตา่ งก็เน้น ในตวั บุคคลเป้ าหมาย โดยใช้วิถีทางด้วยการสอน/การถ่ายทอดเพ่ือให้บรรลจุ ุดมุ่งหมายหลกั โดย จดุ มงุ่ หมายหลกั ของสงิ่ แวดล้อมศกึ ษา ก็คือ ป้ องกนั และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ดงั นนั้ เมื่อนาปรัชญา งานส่งเสริมมาประยุกต์ใช้ในการกาหนดปรัชญาส่ิงแวดล้อมศึกษาจะได้ว่า “ปรัชญาส่ิงแวดล้อม ศึกษา คอื ให้บุคคลเป้ าหมายเกิดการเรียนรู้ในการป้ องกันและแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม” นน่ั ก็ คือ การทาให้บคุ คล กลมุ่ บคุ คล และมวลชนเกิดการเปลยี่ นแปลงพฤติกรรม จากไมม่ คี วามรู้เร่ืองสงิ่ แวดล้อม ก็ทาให้มีความรู้สงิ่ แวดล้อม จากไมเ่ ห็นประโยชน์ของการรักษาสงิ่ แวดล้อม ก็หนั มารักษาสง่ิ แวดล้อม จากไมเ่ คยดแู ลรักษาคณุ ภาพสง่ิ แวดล้อม ก็หนั มาดแู ลรักษาคณุ ภาพสงิ่ แวดล้อมได้ สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

66 เพ่ือให้ปรัชญาสิ่งแวดล้อมศึกษามีความชัดเจนขึน้ จะต้องมีหลกั เกณฑ์อย่างไร ในการคิดและ ปฏบิ ตั เิ พ่อื เป็ นวิถีทางให้บรรลจุ ดุ มงุ่ หมายหลกั (ทาให้บคุ คลเป้ าหมายสามารถป้ องกนั และแก้ไขปัญหา สิ่งแวดล้อมได้ ) จึงจาเป็ นต้องมีการกาหนดหลกั การ ซ่ึงก็คือ หลกั รองลงมาจากปรัชญานน่ั เอง โดย หลกั การดงั กลา่ ว คือ แนวทางของการจดั ส่ิงแวดล้อมศึกษา 12 ข้อ ซ่ึงกาหนดไว้ในการประชมุ ระดบั นานาชาติทเี่ มืองทบลิ ซิ ิ ปี ค.ศ.1992 ดงั รายละเอียดซง่ึ จะกลา่ วถึงในหวั ข้อหลกั การท่ีเป็ นแนวทางของ สงิ่ แวดล้อมศกึ ษาตอ่ ไป สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

67 วัตถุประสงค์ของส่ิงแวดล้อมศกึ ษา จากการประชมุ ของสหประชาชาติ วา่ ด้วยเร่ือง สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา ทเ่ี มอื งทบิลซิ ิ ประเทศสหภาพ โซเวียต ในปี ค.ศ.1977 ได้กาหนดวตั ถปุ ระสงค์ของสงิ่ แวดล้อมศกึ ษาไว้ดงั นี ้ Awareness—to help social groups and individuals acquire an awareness and sensitivity to the total environment and its allied problems. การรับรู้- ชว่ ยให้แตล่ ะบคุ คลและกลมุ่ สงั คมตา่ งๆ ฝึ กฝนเรียนรู้ เพื่อให้เกิดการรับรู้และการต่ืนตวั ตอ่ สง่ิ แวดล้อมโดยรวม และปัญหาสงิ่ แวดล้อมตา่ งๆที่เก่ียวพนั กนั Knowledge—to help social groups and individuals gain a variety of experience in, and acquire a basic understanding of, the environment and its associated problems. ความรู้ - ช่วยให้แตล่ ะบุคคลและกลมุ่ สงั คมต่างๆ ได้รับประสบการณ์อนั หลากหลาย และฝึ กฝน เรียนรู้ เพือ่ ให้เกิดความเข้าใจพนื ้ ฐานสง่ิ แวดล้อม และปัญหาสงิ่ แวดล้อมตา่ งๆทเี่ ก่ียวเนอื่ งกนั Attitudes—to help social groups and individuals acquire a set of values and feelings of concern for the environment and the motivation for actively participating in environmental improvement and protection. เจตคติ - ช่วยให้แตล่ ะบคุ คลและกลมุ่ สงั คมต่างๆ ฝึ กฝนเรียนรู้เพื่อให้เกิดค่านิยมและความรู้สกึ หว่ งใยตอ่ สงิ่ แวดล้อม และแรงจงู ใจในการมีสว่ นร่วมอยา่ งกระตอื รือร้นในการปรับปรุงและปกป้ อง สง่ิ แวดล้อม Skills—to help social groups and individuals acquire the skills for identifying and solving environmental problems. ทกั ษะ – ชว่ ยให้แตล่ ะบคุ คลและกลมุ่ สงั คมตา่ งๆฝึกฝนเรียนรู้ เพอ่ื ให้เกิดความชานาญในการระบุ และแก้ไขปัญหาสง่ิ แวดล้อมตา่ งๆ Participation—to provide social groups and individuals with an opportunity to be actively involved at all levels in working toward resolution of environmental problems. การมีส่วนร่วม – ให้แต่ละบุคคลและกลุ่มสงั คมต่างๆ มีโอกาสเข้าไปร่วมดาเนินการอย่าง กระตอื รือร้นตอ่ การแก้ไขปัญหาสง่ิ แวดล้อมตา่ งๆ สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

68 จุดมุ่งหมายหลกั ของส่งิ แวดล้อมศึกษา วตั ถุประสงค์สิ่งแวดล้อมศึกษาในการประชุมนานาชาติท่ีเมืองทบิลิซิ เสมือนเป็ นกระจกส่องให้ มนุษย์ทุกคนบนโลกนีไ้ ด้เห็นว่า ปัญหาส่ิงแวดล้อมทงั้ หมดนนั้ เกิดจากตวั มนุษย์เอง ที่ขาดการรับรู้ ปัญหา ขาดความรู้ความเข้าใจ ขาดเจตคตคิ วามรู้สกึ หว่ งใย ขาดความชานาญ และขาดการมีสว่ นร่วม ของมนษุ ย์ด้วยกนั เองในการป้ องกนั และแก้ไขปัญหาสงิ่ แวดล้อมของโลก วตั ถปุ ระสงค์ดงั กลา่ วข้างต้นนนั้ ถ้าวิเคราะห์จะพบวา่ มลี กั ษณะเป็ นวัตถุประสงค์เชิงนโยบาย โดยปรารถนาจะให้มนษุ ย์บนโลกนีต้ ้องรับรู้วา่ ....สง่ิ แวดล้อมโลกกาลงั มีปัญหาวิกฤต ดงั นนั้ มนษุ ย์ทกุ คนจึงต้องมีความรู้ในเนอื ้ หาความรู้สงิ่ แวดล้อมและปัญหาท่เี ก่ียวเนือ่ งกนั มคี วามชานาญที่จะบง่ ชีแ้ ละ แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม มีความรู้สกึ ห่วงใยต่อส่ิงแวดล้อม และเข้ามามีส่วนร่วมในการป้ องกันและ แก้ไขปัญหาเหลา่ นนั้ ดงั นนั้ จึงต้องปรับวัตถุประสงค์เชิงนโยบายให้เป็ นวัตถุประสงค์ทางการศึกษา เพื่อนามา จดั การเรียนการสอน หรือทาการเผยแพร่กบั กลมุ่ บคุ คลเป้ าหมาย ดงั ตอ่ ไปนี ้ วตั ถปุ ระสงค์ของสงิ่ แวดล้อมศกึ ษาด้านการรับรู้ปัญหา ด้านเจตคติความรู้สกึ หว่ งใย และด้านการ มีส่วนร่วมของมนุษย์ด้วยกันเองในการป้ องกันและแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อมของโลก อาจจัดอยู่ใน วตั ถปุ ระสงค์ทางการศกึ ษาด้านเจตพสิ ยั ซง่ึ เป็ นด้านความรู้สกึ ความคดิ จิตใจ และอารมณ์ สาหรับวัตถุประสงค์ของส่ิงแวดล้อมศึกษาด้ านความรู้ความเข้ าใจในเนือ้ หาความรู้ทาง สงิ่ แวดล้อมและปัญหาทเี่ ก่ียวเน่อื ง อาจจดั อยใู่ นวตั ถปุ ระสงค์ทางการศกึ ษาด้านพทุ ธิพสิ ยั ซง่ึ เป็ นด้าน ความรู้และสติปัญญา ส่วนวัตถุประสงค์ของสิ่งแวดล้อมศึกษาด้านความชานาญในการป้ องกัน และแก้ ไขปัญหา สง่ิ แวดล้อมของโลก อาจจดั อย่ใู นวตั ถปุ ระสงค์การทางศกึ ษาด้านทกั ษะพิสยั ซงึ่ เป็ นด้านการกระทา/ การปฏิบตั ิ ผลจากการวิเคราะห์วตั ถปุ ระสงค์สงิ่ แวดล้อมศกึ ษาดงั กลา่ วข้างต้น เม่ือนามาสงั เคราะห์ จะพบวา่ “ การทาให้บคุ คลเป้ าหมาย สามารถป้ องกนั และแก้ไขปัญหาสง่ิ แวดล้อมได้นนั้ คือ จุดมุ่งหมายหลัก ของส่งิ แวดล้อมศกึ ษา ” นน่ั เอง สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

69 หลกั การท่เี ป็ นแนวทางของส่ิงแวดล้อมศกึ ษา หลกั การทีเ่ ป็ นแนวทางของสงิ่ แวดล้อมศกึ ษา ทีก่ าหนดไว้ในการประชมุ ระดบั นานาชาติ ที่เมอื ง ทบิลซิ ิ ในปี ค.ศ.1977 มีด้วยกนั ทงั้ หมด 12 ข้อ ประกอบด้วย Guiding principles—environmental education should 1. consider the environment in its totality—natural and built, technological and social (economic, political, cultural-historical, ethical, esthetic); ควรจะต้องคานงึ ถึงสง่ิ แวดล้อมในภาพรวม ทงั้ สงิ่ แวดล้อมธรรมชาติและมนษุ ย์สร้างขนึ ้ เทคโนโลยี และสงั คม(เศรษฐกจิ การเมือง วฒั นธรรม ประวตั ศิ าสตร์ จริยธรรม สนุ ทรียศาสตร์) 2. be a continuous lifelong process, beginning at the preschool level and continuing through all formal and non-formal stages; ควรจะต้องเป็ นกระบวนการอยา่ งตอ่ เนอ่ื งตลอดชีวิต เริ่มตงั้ แตร่ ะดบั เดก็ ในวยั ก่อนเรียน ตอ่ เนื่องไปทงั้ ในระบบและนอกระบบการศกึ ษา 3. be interdisciplinary in its approach, drawing on the specific content of each discipline in making possible a holistic and balanced perspective; ควรจะต้องยดึ หลกั การสหสาขาวชิ า โดยนาเนอื ้ หาเฉพาะของแตล่ ะสาขาวิชามาผสมผสาน ในมมุ มองทงั้ ท่เี ป็ นภาพรวมและในสดั สว่ นทีเ่ หมาะสม 4. examine major environmental issues from local, national, regional, and international points of view so that students receive insights into environmental conditions in other geographical areas; ควรจะต้องตรวจสอบประเด็นสาคญั ทก่ี าลงั ถกเถียงกนั อยใู่ นมมุ มองจากระดบั ท้องถิ่น ระดบั ชาติ ภมู ิภาค และระดบั นานาชาติ เพื่อนกั เรียนจะได้เข้าใจในสภาพแวดล้อมของสว่ นอ่นื ๆ ของโลกได้อยา่ งลกึ ซงึ ้ 5. focus on current and potential environmental situations while taking into account the historical perspective; ควรจะต้องมงุ่ ประเด็นไปยงั สถานการณ์สงิ่ แวดล้อมสาคญั ทเ่ี ป็ นอยู่ ขณะเดยี วกนั ต้องคานงึ ถงึ สภาพในอดีต สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

70 6. promote the value and necessity of local, national, and international cooperation in the prevention and solution of environmental problems; ควรจะต้องสนบั สนนุ /สง่ เสริม ถงึ คณุ คา่ และความจาเป็ นของชมุ ชน ประเทศ และนานาชาติ ท่จี ะร่วมมือกนั ป้ องกนั และแก้ไขปัญหาสงิ่ แวดล้อมตา่ งๆ 7. explicitly consider environmental aspects in plans for development and growth; ในแผนพฒั นาและความก้าวหน้าของสง่ิ แวดล้อมนนั้ จะต้องพจิ าณาแง่มมุ ตา่ งๆของ สงิ่ แวดล้อมอยา่ งชดั เจน 8. enable learners to have a role in planning their learning experiences and provide an opportunity for making decisions and accepting their consequences; ควรจะต้องทาให้ผ้เู รียนสามารถมีบทบาทในการวางแผนประสบการณ์การเรียนรู้ของตนเอง และให้โอกาสในการตดั สนิ ใจและยอมรับในผลที่จะเกิดขนึ ้ ตามมา 9. relate environmental sensitivity, knowledge, problem-solving skills, and values clarification to every age, but with special emphasis on environmental sensitivity to the learner's own community in early years; ควรจะต้องเชื่อมโยงสมั พนั ธ์การตน่ื ตวั ทางสงิ่ แวดล้อม ความรู้ ทกั ษะการแก้ไขปัญหา และ การแยกแยะคา่ นิยมให้แกค่ นทกุ วยั และให้มงุ่ เน้นเป็ นพเิ ศษตอ่ การตื่นตวั ทางสงิ่ แวดล้อมในชมุ ชน ของผ้เู รียนนบั แตช่ ่วงปี แรกๆ 10.help learners discover the symptoms and real causes of environmental problems; ควรจะต้องชว่ ยให้ผ้เู รียนค้นหาเหตกุ ารณ์ท่คี าดวา่ จะเป็ นปัญหาสงิ่ แวดล้อม และสาเหตทุ ี่ แท้จริงของปัญหาสง่ิ แวดล้อมเหลา่ นนั้ 11 .emphasize the complexity of environmental problems and thus the need to develop critical thinking and problem-solving skills; ควรจะต้องเน้นให้เห็นวา่ ปัญหาสง่ิ แวดล้อมนนั้ มีความซบั ซ้อน ดงั นนั้ จึงมคี วามจาเป็ นที่ จะต้องพฒั นาการคดิ เชิงวพิ ากษ์ และทกั ษะในการแก้ไขปัญหา สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

71 12 .utilize diverse learning environments and a broad array of educational approaches to teaching, learning about and from the environment with due stress on practical activities and first-hand experience. ควรจะต้องใช้ประโยชน์จากสงิ่ แวดล้อมทห่ี ลากหลายในการเรียนรู้ และวธิ ีการทางการศกึ ษาที่ หลากหลายในการสอน การเรียนรู้เกี่ยวกบั และจากสง่ิ แวดล้อม โดยเน้นการปฏิบตั ิจริงและ ประสบการณ์ตรง จากหลกั การท่ีเป็ นแนวทางของสง่ิ แวดล้อมศกึ ษาทกี่ าหนดไว้ ในการประชมุ ระดบั นานาชาติ ท่ี เมอื งทบลิ ซิ ิ ทงั้ 12 ข้อนนั้ เมอื่ นามาประมวลแล้วสามารถสรุปเป็นสาระสาคญั ได้ 3 ด้าน คือ 1) ด้าน การศกึ ษา 2) ด้านสง่ิ แวดล้อมเฉพาะ และ 3) ด้านการมสี ว่ นร่วม ดงั นี ้ 1. ด้านการศึกษา: สิ่งแวดล้อมศึกษาควรต้องมีลกั ษณะเป็ นสหสาขาวิชา ซ่งึ เป็ นการผสมผสาน องค์ความรู้หลากหลายสาขา ทงั้ นเิ วศวิทยา การเมือง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี สงั คม กฎหมาย วฒั นธรรม และสนุ ทรียศาสตร์ โดยต้องคานงึ ถงึ สงิ่ แวดล้อมในภาพรวมทเี่ กิดขนึ ้ ตามธรรมชาตแิ ละทีม่ นษุ ย์สร้ างขนึ ้ โดยจดั เป็ นกระบวนการศกึ ษาอยา่ งตอ่ เนือ่ งครอบคลมุ ทงั้ การศกึ ษาในระบบ และการศกึ ษานอกระบบ 2. ด้านสง่ิ แวดล้อมเฉพาะ: สง่ิ แวดล้อมศกึ ษาควรต้องมงุ่ ประเด็นไปยงั สถานการณ์สงิ่ แวดล้อมที่ เป็ นผลกระทบจากการพฒั นาต่อส่ิงแวดล้อม ซงึ่ เป็ นประเด็นสาคญั ที่กาลงั ถกเถียงกันอย่ใู นภาพรวม ระดบั โลก ควบคไู่ ปกบั การคานงึ ถงึ ความแตกตา่ งของแตล่ ะภมู ภิ าคด้วย 3. ด้านการมีสว่ นร่วม: สง่ิ แวดล้อมศึกษาต้องเน้นหนกั ให้ความสาคญั กบั การสนบั สนนุ สง่ เสริม คณุ คา่ และความจาเป็ นของชมุ ชน ประเทศ และนานาชาติ ให้มสี ว่ นร่วมในการป้ องกนั และแก้ไขปัญหา สงิ่ แวดล้อม จากข้อสรุปหลกั การจดั ส่งิ แวดล้อมศึกษาดงั กลา่ วข้างต้น จะพบว่าหลกั การที่สาคญั ยิ่งในการจดั สิ่งแวดล้อมศึกษา คือ ต้องมองสิ่งแวดล้อมศึกษาในลักษณะของการศึกษาตลอดชีวิต( Lifelong Education) ซงึ่ เป็ นแนวคดิ ทมี่ องการศกึ ษาในภาพรวมครอบคลมุ และผสมผสานการศกึ ษา 3 ระบบ ทงั้ การศกึ ษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั ให้มีความประสานสมั พนั ธ์กนั ตลอดช่วงชีวติ ของแตล่ ะบคุ คล ซง่ึ การมองสง่ิ แวดล้อมศกึ ษาในลกั ษณะของการศกึ ษาตลอดชีวิตนนั้ ก็ คอื หลักการจัดส่ิงแวดล้อมศกึ ษาเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร น่ันเอง สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

72 วธิ ีการส่งิ แวดล้อมศกึ ษา คาว่า ” วิธีการ ” ตามความหมายใน พจนานุกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติ พ.ศ.2530 ได้ให้ ความหมายไว้วา่ หมายถงึ แนวทางที่ปฏบิ ตั ,ิ แบบอยา่ งที่ทา ดงั นนั้ วิธีการสง่ิ แวดล้อมศกึ ษา จงึ หมายถงึ แนวทาง หรือแบบอยา่ งทป่ี ฏบิ ตั ิในการจดั สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา นน่ั เอง จากประสบการณ์ของผ้เู ขียนในการจดั สิ่งแวดล้อมศกึ ษา พบวา่ การท่ีจะทาให้บรรลจุ ดุ มงุ่ หมาย หลกั ของสงิ่ แวดล้อมศกึ ษา (คือ การทาให้คนเกิดการเรียนรู้เพอื่ ป้ องกนั และแก้ไขปัญหาส่งิ แวดล้อม) ได้ นนั้ จาเป็ นจะต้องเชื่อมโยงองค์ความรู้ 3 ด้าน คือ วิธีการสง่ เสริม(Extension Method) กระบวนการ ยอมรับนวตั กรรม (Adoption Process) และการจดั ประสบการณ์เพ่ือการเรียนรู้เข้าด้วยกนั จึงจะ สามารถกาหนดเป็ นวิธีการสง่ิ แวดล้อมศกึ ษาที่เหมาะสมได้ ดงั แผนภาพที่ 18 วิธีการส่งเสริม กระบวนการ การจดั วิธีการสงิ่ แวดล้อมศกึ ษา ยอมรับ ประสบการณ์ เพ่ือการเรียนรู้ นวตั กรรม แผนภาพที่ 18 ความสมั พนั ธ์เชอ่ื มโยงของวิธีการสง่ เสริม กระบวนการยอมรับนวตั กรรม และ การจดั ประสบการณ์เพ่อื การเรียนรู้เข้าด้วยกนั เพอื่ กาหนดเป็ นวธิ ีการ สง่ิ แวดล้อมศกึ ษาท่เี หมาะสมได้ วิธีการส่งเสริม ศ.ทานอง สิงคาลวณิช ได้อธิบายถึงวิธีการส่งเสริมที่ใช้ในการสง่ เสริมการเกษตรไว้ ในหนงั สือ “เกษตรไทย” พ.ศ.2517 เอาไว้วา่ ..... เน่อื งจากเป้ าหมายการปฏบิ ตั ิงานสง่ เสริมการเกษตรอยทู่ ต่ี วั เกษตรกร ฉะนนั้ วิธีการสง่ เสริมท่ี จะนามาใช้ได้ ก็คือ ระบบการเข้าถึงเกษตรกร ซ่ึงจาแนกออกได้เป็ นการสง่ เสริมแบบเป็ น รายบคุ คล การสง่ เสริมแบบเป็ นกลมุ่ บคุ คล และการสง่ เสริมแบบเป็ นมวลชน สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

73 บญุ ธรรม จิตต์อนนั ต์ (2540) และดิเรก ฤกษ์หร่าย (2528) นกั วิชาการทางสง่ เสริมการเกษตรได้ ขยายความถึงวิธีการสง่ เสริม โดยใช้ระบบการเข้าถงึ เกษตรกรทงั้ 3 ลกั ษณะ ซงึ่ ประมวลได้วา่ 1. วธิ ีการสง่ เสริมแบบเป็ นรายบคุ คล เป็ นวิธีการเข้าถงึ รายบคุ คล เช่น การเย่ียมเยียนท่ีบ้าน และ ไร่นา บคุ คลมาพบท่ีสานกั งาน การติดตอ่ ทางโทรศพั ท์ และการตดิ ตอ่ ทางจดหมาย เป็ นต้น 2. วธิ ีการสง่ เสริมแบบเป็ นกลมุ่ บคุ คล เป็ นวธิ ีการเข้าถึงกลมุ่ บคุ คล เชน่ การสาธิตวิธี การสาธิต ผล การประชมุ การบรรยาย การประกวด การจดั ดงู าน การฝึ กอบรม การสมั มนา และการจดั งานวนั เกษตร เป็ นต้น 3. วิธีการสง่ เสริมแบบเป็ นมวลชน เป็ นวธิ ีการเข้าถงึ คนกลมุ่ ใหญ่หรือประชาชนทวั่ ไป โดยเป็ นการ ตดิ ตอ่ ผา่ นทางส่อื มวลชน เชน่ ผา่ นวทิ ยุ สง่ิ ตีพมิ พ์ และโทรทศั น์ เป็ นต้น กระบวนการยอมรับนวัตกรรม บญุ ธรรม จิตต์อนนั ต์ (2540) และดิเรก ฤกษ์หร่าย (2518) ได้ให้ความหมายของนวตั กรรมและ กระบวนการยอมรับ ซง่ึ ประมวลได้วา่ นวตั กรรม (Innovation) หมายถึง ความคิด การปฏบิ ตั หิ รือวตั ถทุ ่ี บคุ คลรับรู้วา่ “ เป็ นสง่ิ ใหมส่ าหรับตน ” หรือ “ เป็ นสงิ่ ใหมท่ ่ีนาเข้าไปใช้ในระบบสงั คม ” ดังนัน้ ความคิด และการปฏิบัติทุกอย่างที่เป็ นสิ่งใหม่ของสังคม ณ ช่วงเวลาหนึ่งจึงถือได้ว่าเป็ น “ นวตั กรรม ” ของสงั คมนนั้ ๆ สว่ นกระบวนการยอมรับนวตั กรรมเป็ นกระบวนการเปลยี่ นแปลงทางจิตใจของบุคคลที่เกี่ยวกับ นวตั กรรมหรือสิ่งใหม่ที่บคุ คลได้รับรู้ ซึ่งประกอบด้วย 5 ขนั้ ตอน ได้แก่ ขนั้ รับรู้(Awareness) ขนั้ สนใจ (Interest) ขนั้ ประเมินหรือไตร่ตรอง(Evaluation) ขนั้ ทดลองทา (Trial) และขนั้ การยอมรับไปปฏิบตั ิ (Adoption) ซง่ึ แตล่ ะขนั้ ตอนมรี ายละเอียดดงั นี ้(ลาวณั ย์, 2552) 1. ขนั้ รับรู้ เป็ นขนั้ ตอนที่บคุ คลเริ่มรู้หรือรับรู้ว่ามีนวัตกรรมเกิดขึน้ แต่ยังขาดรายละเอียดทา ให้บุคคลยงั ไม่เกิดทัศนคติที่ดีต่อนวตั กรรมนนั้ ๆ 2. ขัน้ สนใจ เป็ นขัน้ ตอนที่บุคคลเริ่มสนใจหารายละเอียดของความรู้เกี่ยวกบั นวตั กรรม เพ่ิมเติมจากแหลง่ ข้อมลู ตา่ งๆ 3. ขนั้ ประเมินหรือไตร่ตรอง เป็ นขนั ้ ตอนที่บคุ คลนารายละเอียดความรู้เกี่ยวกับนวตั กรรมมา พิจารณาเพื่อประเมินผลดีผลเสียจนมีทศั นคตทิ ี่ชดั เจนตอ่ นวตั กรรม 4. ขนั้ ทดลองทา เป็ นผลจากการประเมนิ ของบคุ คลซึ่งนาไปสกู่ ารทดลองใช้นวตั กรรม 5. ขัน้ การยอมรับไปปฏิบตั ิ เป็ นขัน้ ตอนที่บุคคลตัดสินใจยอมรับนานวตั กรรมดงั กล่าวมา ปฏบิ ตั ิจนเป็ นวฒั นธรรมหรือวถิ ีชีวิตของตน สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

74 ในขนั้ ตอนสดุ ท้ายของกระบวนการยอมรับนวตั กรรม คือ ยอมรับไปปฏิบตั ินนั้ สามารถเกิดขนึ ้ ได้ ใน 2 ลกั ษณะด้วยกนั ได้แก่ ลกั ษณะท่ี 1 การยอมรับไปปฏิบตั ิจะเกิดขนึ ้ เมอื่ บคุ คลได้ผา่ นขนั้ ตอนการทดลองทามาก่อนแล้ว ลกั ษณะที่ 2 การยอมรับไปปฏิบตั ิจะเกิดขนึ ้ ภายหลงั ที่บคุ คลผ่านขนั้ ตอนการประเมิน(ไตร่ตรอง) โดยไมต่ ้องผา่ นขนั้ ตอนการทดลองทาก็ได้ ดงั แผนภาพที่ 19 Adoption Process แผนภาพท่ี 19 ขนั้ ตอนการยอมรบั นวตั กรรม การจัดประสบการณ์เพ่อื การเรียนรู้ สาหรับการจดั ประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้นนั้ ได้กลา่ วไว้โดยละเอียดแล้ว ในสว่ นที่ 2 ทวี่ า่ ด้วย การศกึ ษา ดงั แผนภาพที่ 20 ตารางการจดั ประสบการณ์เพือ่ การเรียนรู้ เนอื ้ หาความรู้ที่ สถานการณ์การเรียนรู้ สอ่ื ช่วย การประเมนิ ต้องการให้ผ้เู รียน วตั ถปุ ระสงค์ สอน กิจกรรมที่ กิจกรรมทใี่ ห้ ได้เรียนรู้ การเรียนรู้ ผ้สู อน กระทา ผ้เู รียนกระทา แผนภาพที่ 20 ตารางการจดั ประสบการณ์เพ่ือการเรียนรู้ สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

75 เม่ือนาองค์ความรู้ทงั้ 3 ด้านมาเช่ือมโยงกนั สามารถกาหนดเป็ นวิธีการสงิ่ แวดล้อมศกึ ษาได้โดย 1. ต้องจดั ประสบการณ์เพ่ือการเรียนรู้ให้กบั บคุ คลเป้ าหมาย ทงั้ ที่เป็ นรายบคุ คล กลมุ่ บคุ คล และ มวลชน 2. ต้องจดั ประสบการณ์เพอ่ื การเรียนรู้ โดยนากระบวนการยอมรับนวตั กรรม มาเป็ นองค์ประกอบ ในตารางจดั ประสบการณ์เพ่ือการเรียนรู้ ดงั ภาพท่ี 21 เนอื ้ หาความรู้ที่ วตั ถุ สถานการณ์การเรียนรู้ สอื่ ขัน้ ตอนการยอมรับ ต้องการให้ผ้เู รียน ประสงค์ กิจกรรมท่ี กิจกรรมท่ี ชว่ ย การ ได้เรียนรู้ การ ผ้สู อน ให้ผ้เู รียน สอน ประเมิน ัรบ ู้ร สนใจ เรียนรู้ กระทา กระทา ไต ่รตรอง ทดลอง ยอม ัรบ แผนภาพที่ 21 ตารางการจดั ประสบการณ์เพือ่ การเรียนรู้ สาหรับวธิ ีการสง่ิ แวดล้อมศกึ ษาในรายละเอียดนนั้ จะขอยกตวั อยา่ งการจดั ประสบการณ์เพ่ือการ เรียนรู้สง่ิ แวดล้อม เร่ือง ขนั้ ตอนการตรวจวดั DO โดย Test Kit ดงั นี ้ ตวั อยา่ ง การจดั ประสบการเพื่อการเรียนรู้สง่ิ แวดล้อม สาหรับรายบคุ คล ดงั ตารางท่ี 1 สาหรับราย กลมุ่ ดงั ตารางที่ 2 และสาหรับมวลชน ดงั ตารางที่ 3 สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

ตารางที่ 1 รูปแบบการจดั ประสบการณ์เพอื่ การเรียนรู้สง่ิ แวดล้อม เรื่อง ขนั้ ตอน เนือ้ หาความรู้ทตี่ ้องการให้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ วัตถุประสง ์ค สถา การเ ีรยน ู้ร กิจกรรมท ผ้สู อนกระท ขัน้ ตอนการตรวจวดั DO โดย Test Kit จดจา -อธิบายขนั้ ตอ 1.จดั หานา้ เพ่ือใช้ในการสาธิตการตรวจวดั คณุ ภาพนา้ การตรวจวดั D 2.รินสารละลายแมงกานีสซลั เฟต ลงไปในขวดจนหมดหลอด ปฏิบตั ไิ ด้ โดย Test Kit 3.รินสารละลายอลั คาไลดไ์ อโอไดด์เอไซด์ลงไปในขวดจนหมด ตาม -อธิบายการเล คาแนะนา เรียงภาพขนั้ ตอ หลอด ตรวจวดั DO 4.ปิดจกุ แก้วแล้วพลกิ ขวดไป-มา ประมาณ20ครัง้ จะเหน็ ตะกอน โดย Test Kit -สาธิต สนี า้ ตาลเกิดขนึ ้ ในขวด การตรวจวดั D 5.ตงั้ ทงิ ้ ไว้ให้ตะกอนตกกว่าครึ่งขวด แล้วเตมิ กรดซลั ฟูริกลงในขวด โดย Test Kit -จดั ผ้เู รียนเป็น จนหมดหลอดแล้วปิดจกุ แก้วพลกิ ขวดไป-มา 20 ครงั้ จนตะกอน ละ3 คน โดยท ละลายหมดจะได้สารละลายสเี หลอื ง ทาการตรวจวดั 6.เทสารละลายใสข่ วดรูปชมพจู่ นถงึ ขีดทขี่ ดี โดย Test Kit 7.ใช้กระบอกฉีดยา ดดู สารละลายมาตรฐานโซเดียมไธโอซลั เฟต 10 มิลลลิ ติ ร แล้วคอ่ ยๆหยดลงไปในขวดรูปชมพแู่ กวง่ ไปมาจน สารละลายสเี หลอื งจางลง สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ___________________________

นของการตรวจวดั DO โดย Test Kit สาหรับรายบุคคล านการณ์การเรียนรู้ ขนั้ ตอนการยอมรับ การประเมิน ที กิจกรรมท่ใี ห้ผ้เู รียน สื่อชว่ ยสอน ัรบ ู้ร ทา กระทา สนใจ ไต ่รตรอง ทดลอง ยอม ัรบ อนของ -ฟังคาอธิบาย -ภาพแสดงขนั้ ตอน -เรียงภาพ X DO ขนั้ ตอนของการ การตรวจวดั DO ขนั้ ตอนการ ตรวจวดั DO โดย Test Kit ตรวจวดั DO ลน่ เกม: โดย Test Kit (สาหรับอธิบาย โดยTest Kit อนการ -เลน่ เกมเรียงภาพ และเลน่ เกมเรียง ได้ถกู ต้อง ขนั้ ตอนการ ภาพ) -ตรวจวดั DO DO ตรวจวดั DO -Test Kit โดยTest Kit โดย Test Kit -ตวั อยา่ งนา้ ทใี่ ช้ ได้ถกู ต้อง นกลมุ่ ๆ -ดกู ารสาธิตการ สาหรับสาธิตการ ทกุ ขนั้ ตอน ทกุ คน ตรวจวดั DO ตรวจวดั DO ด DO โดย Test Kit โดย Test Kit -ทาการตรวจ -ตวั อยา่ งนา้ ที่ใช้ ตรวจวดั DO สาหรับตรวจวดั โดย Test Kit DO โดย Test Kit ________________ 76

ตารางที่ 2 รูปแบบการจดั ประสบการณ์เพ่อื การเรียนรู้สง่ิ แวดล้อม เร่ือง ขนั้ ตอน เนือ้ หาความรู้ทต่ี ้องการให้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ วัตถุประสง ์ค สถา การเ ีรยน ู้ร กิจกรรมท ผ้สู อนกระท ขนั้ ตอนการตรวจวดั คา่ DOโดย Test Kit -จดจา -อธิบายขนั้ ตอ 1จดั หานา้ เพ่ือใช้ในการสาธิตการตรวจวดั คณุ ภาพนา้ -ปฏบิ ตั ไิ ด้ การตรวจวดั D 2 รินสารละลายแมงกานีสซลั เฟต ลงไปในขวดจนหมดหลอด ตาม โดย Test Kit 3 รินสารละลายอลั คาไลด์ไอโอไดด์เอไซด์ ลงไปในขวด จนหมด คาแนะนา -อธิบายการเล หลอด เรียงภาพขนั้ ตอ 4.ปิดจกุ แก้วแล้วพลกิ ขวดไป-มา ประมาณ 20ครัง้ จะเหน็ ตะกอน ตรวจวดั DO โ Test Kit สีนา้ ตาลเกิดขนึ ้ ในขวด -สาธิตการตรว 5ตงั้ ทงิ ้ ไว้ให้ตะกอนตกกว่าครึ่งขวด แล้วเตมิ กรดซลั ฟรู ิกลงใน DOโดย Test -จดั ผ้เู รียนเป็น ขวดจนหมดหลอดแล้วปิดจกุ แก้วพลกิ ขวดไป-มา 20 ครัง้ จน ละ3 คน โดยท ตะกอน ละลายหมด จะได้สารละลายสเี หลอื ง ทาการตรวจวดั 6 เทสารละลายใสข่ วดรูปชมพจู่ นถงึ ขีดทขี่ ีด โดย Test Kit 7ใช้กระบอกฉีดยาดดู สารละลายมาตรฐานโซเดยี มไธโอซลั เฟต 10 มิลลลิ ติ ร แล้วคอ่ ยๆหยดลงไปในขวดรูปชมพแู่ กวง่ ไปมาจน สารละลายสีเหลืองจางลง สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ___________________________

นการตรวจคา่ DO โดย Test Kit สาหรับกลุ่มบุคคล านการณ์การเรียนรู้ สื่อชว่ ยสอน การประเมิน ขนั้ ตอนการยอมรับ ัรบ ู้ร X ที กิจกรรมท่ีให้ผ้เู รียน สนใจ ทา กระทา ไต ่รตรอง ทดลอง ยอม ัรบ อนของ -ฟังคาอธิบาย -ภาพขนั้ ตอนการ -เรียงภาพ DO ขนั้ ตอนของการ ตรวจวดั DO ขนั้ ตอนการ ตรวจวดั DO โดย Test Kit ตรวจวดั DO ลน่ เกม: โดย Test Kit (สาหรับอธิบาย โดย Test Kit อนการ -เลน่ เกม:เรียงภาพ และเลน่ เกม) ได้ถกู ต้อง โดย ขนั้ ตอนการ - Test Kit -ตรวจวดั DO ตรวจวดั DO - ตวั อยา่ งนา้ ทใ่ี ช้ โดย Test Kit วจวดั โดย Test Kit สาหรับสาธิตการ ได้ถกู ต้องทกุ Kit -ดกู ารสาธิตการ ตรวจวดั DO โดย ขนั้ ตอน นกลมุ่ ๆ ตรวจวดั DO Test Kit ทกุ คน โดย Test Kit -ตวั อยา่ งนา้ ทีใ่ ช้ ด DO -ทาการตรวจ สาหรับตรวจวดั ตรวจวดั DO DO โดย Test โดย Test Kit Kit สาหรับผ้เู รียน ________________ 77

ตารางที่ 3 รูปแบบการจดั ประสบการณ์เพอื่ การเรียนรู้สงิ่ แวดล้อม เรื่อง ขนั้ ตอน เนือ้ หาความรู้ที่ต้องการให้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ วตั ถปุ ระสงค์ การเรียนรู้ - การตรวจวดั DO โดย Test Kit เป็นการเฝ้ าระวงั คณุ ภาพนา้ วธิ ีหนง่ึ ซง่ึ ทา -เหน็ คณุ คา่ งา่ ย ใช้เวลาน้อยและอปุ กรณ์พกพาสะดวก การตรวจวดั DO -ขนั้ ตอนการตรวจวดั DO โดย Test Kit ประกอบด้วย 7 ขนั้ ตอน คอื โดย Test Kit 1.จดั หานา้ เพื่อใช้ในการสาธิตการตรวจวดั คณุ ภาพนา้ 2. รินสารละลายแมงกานีสซลั เฟต ลงไปในขวดจนหมดหลอด 3. รินสารละลายอลั คาไลด์ไอโอไดด์เอไซด์ ลงไปในขวด จนหมดหลอด 4. ปิดจกุ แก้วแล้วพลกิ ขวดไป-มา ประมาณ 20ครัง้ จะเหน็ ตะกอนสนี า้ ตาล เกิดขนึ ้ ในขวด 5. ตงั้ ทงิ ้ ไว้ให้ตะกอนตกกวา่ ครึ่งขวด แล้วเตมิ กรดซลั ฟรู ิกลงในขวดจนหมด หลอดแล้วปิดจกุ แก้วพลกิ ขวดไปมา 20 ครัง้ จนตะกอน ละลายหมด จะได้ สารละลายสีเหลอื ง 6. เทสารละลายใสข่ วดรูปชมพ่จู นถงึ ขีดทขี่ ีด 7. ใช้กระบอกฉีดยาดดู สารละลายมาตรฐานโซเดยี มไธโอซลั เฟต 10 มิลลลิ ติ ร แล้วคอ่ ยๆหยดลงไปในขวดรูปชมพแู่ กวง่ ไปมาจนสารละลายสเี หลอื งจางลง สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ___________________________

นการตรวจคา่ DO โดย Test Kit” สาหรับมวลชน สถานการณ์การเรียนรู้ ขนั้ ตอนการยอมรับ กิจกรรมที กิจกรรมที่ให้ สื่อการ การ ัรบ ู้ร ผ้สู อนกระทา ผ้เู รียน สอน ประเมิน สนใจ กระทา ไต ่รตรอง สร้ างสารคดี ทดลอง การตรวจวดั DO ไมส่ ามารถ ยอม ัรบ โดย Test Kit ตาม กาหนดได้ เนือ้ หาความรู้ อยา่ งชดั เจน โทรทศั น์ ยากตอ่ การ X X สงิ่ แวดล้อมท่ี ประเมนิ ต้องการเผยแพร่ ________________ 78

79 จากรูปแบบการจดั ประสบการณ์เพอื่ การเรียนรู้สงิ่ แวดล้อมในตารางที่ 1 สาหรับรายบคุ คล และตาราง ที่ 2 สาหรับกล่มุ บคุ คล จะเห็นได้ว่า เม่ือใช้กระบวนการยอมรับนวตั กรรมมาเป็ นองค์ประกอบในการจัด ประสบการณ์เพ่ือการเรียนรู้สงิ่ แวดล้อมดงั กลา่ ว จะพบวา่ การจดั ประสบการณ์เพือ่ การเรียนรู้สง่ิ แวดล้อม ทา ให้เกิดการยอมรับได้แคข่ นั้ การทดลองเทา่ นนั้ ดงั นนั้ หากต้องการจดั ประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้สงิ่ แวดล้อม สาหรับรายบคุ คลและกลมุ่ บคุ คลให้ บรรลถุ ึงขนั้ การยอมรับนวตั กรรม จะต้องดาเนนิ การโดยเพิ่มเตมิ รายละเอยี ดในตารางการจดั ประสบการณ์ เพือ่ การเรียนรู้ ดงั นี ้ 1. เพ่มิ เตมิ วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ ให้ผ้เู รียนต้องปฏบิ ตั ิจนเป็ นลกั ษณะนิสยั 2. เพิม่ เตมิ สถานการณ์การเรียนรู้ ท่ีผ้สู อนกระทา โดยผ้สู อนกาหนดให้ผ้เู รียนตรวจวดั DO ในนา้ 1 จดุ ตามจดุ ทกี่ าหนดในคลองของชมุ ชน เป็ นประจาทกุ เดอื นเป็ นเวลา 1 ปี 3. เพิม่ เติมสถานการณ์การเรียนรู้ ที่ผ้เู รียนกระทา โดยให้ผ้เู รียนแตล่ ะคน ตรวจวดั DO ในนา้ 1 จดุ ตามจดุ ทกี่ าหนดในคลองของชมุ ชน เป็ นประจาทกุ เดอื น เป็ นเวลา 1 ปี 4. เพม่ิ เตมิ สอ่ื ชว่ ยสอน โดยจดั อปุ กรณ์การตรวจวดั DO ในนา้ จานวน 12 ครัง้ ตอ่ คน 5. เพิ่มเติมการประเมนิ โดยกาหนดเกณฑ์ผ้ยู อมรับนวตั กรรม คือ ผ้เู รียนที่ทาการตรวจวดั DO ในนา้ 1 จุด ตามจุดที่กาหนดในคลองของชุมชน เป็ นประจาทกุ เดือนเป็ นเวลา 1 ปี ในการประเมินนี ้กรณีของ รายบคุ คลพจิ ารณาในแตล่ ะบคุ คล สว่ นการประเมินกลมุ่ บคุ คล พิจารณาในภาพรวมทงั้ กลมุ่ (สมาชิกคนใด คนหนงึ่ เป็ นตวั แทนของกลมุ่ ทาการตรวจวดั DO ในนา้ ก็ได้) ดงั ตารางที่ 4 สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

ตารางท่ี 4 รูปแบบการจดั ประสบการณ์เพ่อื การเรียนรู้สงิ่ แวดล้อม เร่ือง ขนั้ ตอ (เพ่ิมเติม)เพอื่ ให้บรรลถุ งึ ขนั้ การยอมรับนวตั กรรม เนือ้ หาความรู้ท่ตี ้องการ วตั ถปุ ระสงค์ สถานการณ์การเรียนร ให้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ การเรียนรู้ กิจกรรมทีผ่ ้สู อนกระทา กิจกรรม ขนั้ ตอนการตรวจวดั คา่ ทาการตรวจวดั DO กาหนดให้ผ้เู รียนทาการ ให้ผ้เู รียนแ DO โดย Test Kit โดย Test Kit เป็น ตรวจวดั DO โดย Test Kit ตรวจวดั D ประจาทกุ เดอื น เป็น ในนา้ 1 จดุ ตามจดุ ท่กี าหนด ในนา้ 1 จ เวลา 1 ปี ในคลองของชมุ ชน เป็น ในคลองข ประจาทกุ เดือน เป็นเวลา 1 ปี ประจาทกุ สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ___________________________

อนการตรวจวดั DO โดย Test Kit สาหรับรายบคุ คลและกลมุ่ บคุ คล รู้ ขัน้ ตอนการยอมรับ มทีใ่ ห้ผ้เู รียนกระทา สือ่ ช่วยสอน การประเมนิ ัรบ ู้ร สนใจ ไต ่รตรอ ทดงลอง ยอม ัรบ แตล่ ะคน ทาการ จดั อปุ กรณ์การ ผ้เู รียน X DO โดย Test Kit ตรวจวดั DO โดย ตรวจวดั DO ในนา้ จดุ ตามจดุ ทกี่ าหนด Test Kit ในนา้ 1 จดุ ตามจดุ ที่ ของชมุ ชน เป็น จานวน 12 ครัง้ กาหนดในคลอง กเดอื น เป็นเวลา 1 ปี ตอ่ คน ของชมุ ชน เป็น ประจาทกุ เดอื น เป็นเวลา 1 ปี ________________ 80

81 ขณะท่ีรูปแบบการจดั ประสบการณ์เพ่อื การเรียนรู้สง่ิ แวดล้อม ในตารางท่ี 3 ซง่ึ ใช้สาหรับมวลชนนนั้ ทา ให้เกิดการยอมรับในขนั้ ตอนของการรับรู้และสนใจได้เท่านนั้ ซึง่ สอดคล้องกบั ดิเรก ฤกษ์หร่าย (2518) และ บุญธรรม จิตต์อนนั ต์ (2540)ที่กลา่ วว่า วิธีการส่งเสริมมวลชนโดยการใช้ส่ือมวลชน เช่น โทรทศั น์เป็ น เครื่องมือท่ีทาให้มวลชนได้รับรู้และเกิดการตื่นตวั สนใจ เกี่ยวกบั สิ่งปฏิบตั ิความรู้ใหม่ๆ แต่ถ้าต้องการให้ มวลชน บรรลขุ นั้ ยอมรับนวตั กรรม ก็ต้องเสริมการจดั ประสบการณ์เพอื่ การเรียนรู้ส่งิ แวดล้อมแบบรายบคุ คล และหรือการจดั ประสบการณ์เพ่ือการเรียนรู้ส่งิ แวดล้อมแบบกลมุ่ บคุ คล ให้กบั มวลชนที่ได้รับการเรียนรู้การ ตรวจวดั DO ในนา้ ทผี่ า่ นการจดั ประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้สงิ่ แวดล้อมแบบมวลชน ในตารางท่ี 3 มาแล้ว ตวั อยา่ งเช่น มีการประกาศรับสมคั รผ้ทู ่ีรับรู้ เรื่อง การตรวจวดั DO ในนา้ จากสือ่ มวลชน เข้าฝึ กอบรม เร่ือง การตรวจวดั DO ในนา้ แบบรายบคุ คลหรือกลมุ่ บคุ คล ตามวนั เวลาท่ีกาหนด ซง่ึ จะทาให้บคุ คลเหลา่ นนั้ มีประสบการณ์เพอ่ื การเรียนรู้ทนี่ าไปสกู่ ารยอมรับนวตั กรรมได้ สาหรับในประเทศไทยการจัดส่งิ แวดล้อมศึกษาระดบั ประถมศึกษาและมัธยมศกึ ษา ในปัจจบุ นั มี การสอดแทรกเนอื ้ หาความรู้สงิ่ แวดล้อมอยใู่ นสาระการเรียนรู้กลมุ่ ต่างๆ ซึง่ เนือ้ หาความรู้ที่สอดแทรกอยนู่ นั้ มีลักษณะเป็ นเนือ้ หาความรู้ทางวิชาการ ซึ่งเนือ้ หาความรู้มีความเข้มข้นตามลาดับช่วงชัน้ ดังนัน้ จดุ มงุ่ หมายหลกั ท่ีจะบรรลไุ ด้นนั้ น่าจะอยู่ได้แค่ระดับพุทธิพิสัยขัน้ ต้นๆ(จดจา)เป็ นอย่างสูง การจดั สงิ่ แวดล้อมศกึ ษาในการศกึ ษาระดบั นี ้ จึงยงั ไมบ่ รรลจุ ดุ มงุ่ หมายหลกั ของสงิ่ แวดล้อมศกึ ษา คือ การป้ องกนั และแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม ดังนนั้ จึงควรจัดประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้สิ่งแวดล้อม (เนือ้ หาความรู้ ส่ิงแวดล้อมที่นาไปส่กู ารป้ องกนั และแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม) ท่ีนาไปสู่การยอมรับนวัตกรรม มิใช่เป็ น การจดั การเรียนการสอนทม่ี งุ่ เน้นเนอื ้ หาความรู้ทางวชิ าการ การจัดส่ิงแวดล้อมศึกษาระดับอุดมศึกษา (ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก) เป็ นการ จดั การเรียนการสอน ซ่งึ เนือ้ หาความรู้สงิ่ แวดล้อม มีลกั ษณะเป็ นเนือ้ หาความรู้ทางวิชาการที่ถกู กาหนดไว้ อย่างชัดเจนในแต่ละระดบั ของแต่ละหลกั สตู รเพ่ือนาไปส่จู ุดม่งุ หมายหลกั ของหลกั สตู ร คือ การผลิต นกั วิชาการทางสงิ่ แวดล้อม ซ่ึงมิใช่จุดม่งุ หมายหลกั ของสง่ิ แวดล้อมศึกษา คือ การป้ องกนั และแก้ไขปัญหา สงิ่ แวดล้อมโดยตรง ดงั นนั้ จึงควรบรรจุ “ การจดั ประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้สง่ิ แวดล้อมทน่ี าไปสกู่ ารยอมรับ นวัตกรรม ” เป็ นเนือ้ หาทางวิชาการหนึ่งในหลักสูตรสิ่งแวดล้อมในทุกระดับ เพ่ือให้นักวิชา การทาง ส่ิงแวดล้อมทุกระดับมีวิถีทางที่จะทาให้เกิดการเรียนรู้ ที่จะนาไปสู่ในการป้ องกัน และแก้ ไขปัญหา สงิ่ แวดล้อมของกลมุ่ เป้ าหมายตอ่ ไปได้ การจัดส่ิงแวดล้อมศึกษาสาหรับมวลชน จะเห็นได้วา่ การจดั สิง่ แวดล้อมศกึ ษาในระบบ ทงั้ ระดบั ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ยังไม่บรรลจุ ุดมุ่งหมายหลกั ของสิ่งแวดล้อมศึกษา คือ การ สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

82 ป้ องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เน่ืองจากเนือ้ หาความรู้สิ่งแวดล้อมมีลกั ษณะเป็ นวิชาการที่จัดขึน้ สาหรับกลมุ่ บคุ คลเป้ าหมายที่ศกึ ษาอยใู่ นระบบโรงเรียนเท่านนั้ ซ่งึ จดั ได้ว่ามีเป็ นจานวนน้อยมากเม่ือเทียบ กบั มวลชน(ประชาชนทว่ั ไป) ดงั นนั้ การจดั เนือ้ หาความรู้ส่ิงแวดล้อมให้กับมวลชนซึ่งเป็ นคนสว่ นใหญ่ของ สงั คมให้เกิดการรับรู้ ตื่นตัว และสนใจต่อเนือ้ หาความรู้ส่ิงแวดล้อมที่ไม่ใช่เป็ นวิชาการ แต่เป็ นเนือ้ หา ความรู้ท่นี าไปสู่การป้ องกนั และแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม จงึ มีความสาคญั เป็ นอยา่ งย่ิง การจดั ส่งิ แวดล้อมศกึ ษาสาหรับชุมชน การจดั สงิ่ แวดล้อมศกึ ษาให้บรรลจุ ดุ มงุ่ หมายหลกั คือ ทาให้บคุ คลเป้ าหมายเกิดการเรียนรู้ในการ ป้ องกนั และแก้ไขปัญหาสงิ่ แวดล้อม ตามหลกั การทกี่ าหนดไว้ในการประชมุ ระดบั นานาชาตทิ ่เี มอื งทบลิ ชิ ินนั้ จาเป็ นอยา่ งยิง่ ทจี่ ะต้องทาให้ชมุ ชนท้องถ่ินมสี ว่ นร่วมในการป้ องกนั และแก้ไขปัญหาสง่ิ แวดล้อมเหลา่ นนั้ ดงั นนั้ จะเห็นได้วา่ ชุมชนจงึ เป็ นพนื ้ ทเี่ ป้ าหมายที่สาคญั ในการจดั สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา คาว่า “ ชุมชน “ นัน้ ทานอง สิงคาลวณิช(2516) ได้ อธิบายความหมายของคาว่า “ชุมชน” (Community)ไว้วา่ ชมุ ชน แปลวา่ ชนกลมุ่ หนงึ่ (โดยไมค่ านงึ ถึงเชือ้ ชาติหรือศาสนา)ที่อาศยั อยใู่ นท้องถ่ินที่มี สภาพภมู ิประเทศ และส่ิงแวดล้อมเหมือนกนั มีความสนใจหรือความต้องการในการดารงชีวิตที่คล้ายคลงึ กนั ตลอดจนอย่ใู นข้อบงั คับหรือใช้กฎเกณฑ์เดียวกัน ถ้าจะขยายความให้ชดั ก็หมายถึง เป็ นกลมุ่ ชนซ่ึง รวมตวั กนั อยภู่ ายในขอบเขตท่มี ีลกั ษณะทางภมู ศิ าสตร์เหมือนกนั อยใู่ นกรอบของสงั คมเดยี วกนั ชนกลมุ่ นนั้ จะมคี วามสมั พนั ธ์ระหวา่ งกนั ในด้านวฒั นธรรม กิจการงานประจา ตลอดจนมคี วามรู้สกึ ตอ่ ผลกระทบทางใจ ใดๆ เชน่ การป้ องกนั อนั ตราย ความเจ็บ ตาย และรับเอาความรู้สกึ ของหมคู่ ณะมาเป็ นเสมอื นของตนด้วย.. เมื่อนาคาว่า “ส่ิงแวดล้อมศึกษา” และ “ชุมชน” มารวมกนั จะได้ คาว่า “สิ่งแวดล้อมศึกษาชุมชน” (Community Environmental Education) ซง่ึ สามารถอธิบายได้วา่ “สง่ิ แวดล้อมศึกษาชมุ ชน” หมายถึง การ จดั ประสบการณ์เพ่อื การเรียนรู้สง่ิ แวดล้อม เร่ือง ปัญหาสง่ิ แวดล้อมของชมุ ชน เพ่อื ให้คนในชมุ ชนได้เรียนรู้ถงึ การป้ องกนั และแก้ไขปัญหาสงิ่ แวดล้อมของชมุ ชน นน่ั เอง ขอยกตวั อยา่ ง “ชมุ ชน” จากประสบการณ์ของผ้เู ขียน ในการทาโครงการเฝ้ าระวงั คณุ ภาพนา้ ในจงั หวดั ปทมุ ธานี ซง่ึ ผ้เู ขียนเร่ิมจากการจดั ประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้สิ่งแวดล้อม เร่ือง การตรวจวดั DO ในนา้ ให้แก่ยวุ ชนท่ีอาศยั อยรู่ ิมคลองรังสติ ประยรู ศกั ดิ์ คลองเปรมประชากร(ฝ่ังใต้) ในตาบลหลกั หก ซงึ่ เป็ นคลองท่ี ประสบปัญหานา้ เสยี ในปี พ.ศ. 2554 (ดงั ภาพที่ 14) สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

83 ภาพที่ 14 การจดั ประสบการณ์เพ่อื การเรียนรู้สงิ่ แวดล้อม เรื่อง การตรวจวดั DO โดยใช้ Test kit จากตวั อยา่ งนา้ ในคลองเปรมประชากรฝั่งใต้และคลองรังสติ ประยรู ศกั ด์ิ ปี 2554 ที่มา: ลาวณั ย์, 2554. หลงั จากนนั้ ในปี พ.ศ. 2556 ผ้เู ขียนได้ขยายเครือขา่ ยการจดั ประสบการณ์เพ่ือการเรียนรู้สิง่ แวดล้อม เร่ืองการตรวจวดั DO ในนา้ ไปยงั ตาบลเชียงรากน้อยทม่ี ีประชาชนอาศยั อยรู่ ิมแมน่ า้ เจ้าพระยาช่วงเช่ือมต่อ กบั คลองโคกตาเขียว (คลองท่ีเช่ือมตอ่ กบั คลองเปรมประชากรช่วงไหลผ่านตาบลเชียงรากน้อย อาเภอสาม โคก) ซง่ึ ประสบปัญหานา้ เสยี เช่นเดียวกนั กบั ท่ีตาบลหลกั หก ทาให้ยวุ ชนในพืน้ ท่ีตาบลเชียงรากน้อยได้เข้า เรียนรู้ถึงการตรวจวดั DO ในนา้ ดงั ภาพที่ 15 ภาพท่ี 15 การจดั ประสบการณ์เพอ่ื การเรียนรู้สง่ิ แวดล้อม เร่ืองการตรวจวดั DO ในนา้ ให้แก่ยวุ ชนจติ อาสา เชยี งรากน้อย ริมแมน่ า้ เจ้าพระยาชว่ งไหลผา่ น อาเภอสามโคก จ.ปทมุ ธานี ท่ีมา: ลาวณั ย์ วิจารณ์. 2556. สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

84 ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2557 ผ้เู ขียนได้ขยายเครือขา่ ยไปยงั ตาบลบ้านปทมุ อาเภอสามโคก ที่มีโรงเรียนวดั ถวั่ ทองตงั้ อยู่ริมแม่นา้ เจ้าพระยาช่วงเชื่อมต่อกับคลองคู ซึ่งเป็ นคลองที่รับนา้ เสียจากการทานาในพืน้ ท่ี โดยรอบคลองคู และรับนา้ เสยี จากคลองเปรมประชากร ซึง่ ทางคณะครูและนกั เรียนเห็นความสาคญั ในการ เฝ้ าระวงั คณุ ภาพนา้ จึงเข้าร่วมโครงการเรียนรู้การตรวจวดั DO ในนา้ ของแมน่ า้ เจ้าพระยาและคลองคู ดงั ภาพที่ 16 ภาพท่ี 16 การจดั ประสบการณ์เพ่อื การเรียนรู้สง่ิ แวดล้อม เร่ืองการตรวจวดั DO ในนา้ ของแมน่ า้ เจ้าพระยา และคลองคขู องน้องๆนกั เรียน โรงเรียนวดั ถวั่ ทอง จงั หวดั ปทมุ ธานี ทมี่ า:ลาวณั ย์, 2558 หลงั จากนนั้ ในปี พ.ศ. 2558 ผ้เู ขยี นได้ขยายเครือขา่ ยการตรวจการตรวจวดั DO ในนา้ ให้แก่ยวุ ชน ใน 5 พืน้ ท่ีคือ ยวุ ชนในโรงเรียนเมตารางค์ (ใกล้เคียงคลองเชียงรากน้อยและแม่นา้ เจ้าพระยา) ยุวชนใน โรงเรียนศาลาพนั (ริมคลองเปรมประชากรฝั่งเหนือ ช่วงไหลผา่ น อาเภอสามโคก) ซึ่งนอกจากนา้ ในทงั้ สอง คลองจะมีปัญหาคณุ ภาพนา้ คล้ายคลงึ กบั คลองรังสิตประยูรศกั ด์ิ คลองเปรมประชากรฝั่งใต้ และคลองคู แล้ว คณุ ภาพนา้ ในสองคลองดงั กลา่ วยงั สง่ ผลกระทบตอ่ คณุ ภาพนา้ ในแม่นา้ เจ้าพระยาซ่ึงเป็ นแหลง่ นา้ ทีมี ความสาคญั ตอ่ คณุ ภาพนา้ ในคลองตา่ งๆของชมุ ชน จากปัญหาดงั กล่าวจึงทาให้ยวุ ชนในพืน้ ท่ีทงั้ สองคลอง เข้าร่วมโครงการเรียนรู้การตรวจวดั DO ในนา้ ดงั ภาพท่ี 17 – 18 ภาพท่ี 17 การจดั ประสบการณ์เพือ่ การเรียนรู้สง่ิ แวดล้อม เร่ืองการตรวจวดั DO ในนา้ ให้แกน่ ้องๆนกั เรียน โรงเรียนวดั เมตารางค์ จงั หวดั ปทมุ ธานี ท่มี า: ลาวณั ย์,2558 สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

85 ภาพท่ี 18 การจดั ประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้สง่ิ แวดล้อม เรื่องการตรวจวดั DO ในนา้ โดยยวุ ชนจิตอาสา เชียงรากน้อย ทาหน้าทเี่ ป็ นวทิ ยากรสาธิตการตรวจวดั DO ในนา้ ให้แก่น้องๆนกั เรียน โรงเรียน ศาลาพนั ริมคลองเปรมประชากรชว่ งไหลผา่ น ตาบลเชียงรากน้อย ท่ีมา: ลาวณั ย์, 2558. จะเหน็ ได้วา่ แตล่ ะพนื ้ ที่ทผี่ ้เู ขยี นได้จดั ประสบการณ์เพอ่ื การเรียนรู้สง่ิ แวดล้อม เร่ืองการตรวจวดั DO ใน นา้ เพอ่ื ให้ยวุ ชนพนื ้ ทไี่ ด้เรียนรู้ การตรวจวดั DOในนา้ นนั้ ตา่ ง มีสภาพทางภูมิศาสตร์ของพืน้ ท่ีที่คล้ายคลงึ กนั คือ เป็ นพนื ้ ที่ริมนา้ หรือใกล้แหลง่ นา้ (ทงั้ คลองและแมน่ า้ เจ้าพระยา) และประการสาคญั อีกประการหน่ึง คอื ทกุ พนื ้ ที่ ล้วนประสบกับปัญหาท่ีส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของยุวชนเหมือนกนั ซ่งึ สอดคล้อง กบั ความหมายของชุมชนตามท่ี ทานอง สงิ คาลวณิช ได้อธิบาย” ไว้วา่ ” ชมุ ชนเป็ นกลมุ่ ชนซง่ึ รวมตวั กนั อยู่ ภายในขอบเขตทม่ี ลี กั ษณะทางภมู ิศาสตร์เหมือนกนั อย่ใู นกรอบของสงั คมเดียวกนั มีปัญหาท่ีกระทบจิตใจ เชน่ เดยี วกนั ” ดงั นนั้ “ชมุ ชน”ในท่ีนี ้ จึงหมายถงึ พนื ้ ทท่ี ีอ่ ยรู่ ิมนา้ หรือใกล้แหลง่ นา้ ซึ่งตา่ งประสบกบั ปัญหา นา้ เสยี ในตาบลหลกั หก ตาบลบ้านปทมุ และตาบลเชียงรากน้อย ดงั ภาพที่ 19 สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

86 ต.เชยี งรากน้อย ต.บ้านปทมุ ต.หลกั หก ภาพท่ี 19 ชมุ ชนริมนา้ จงั หวดั ปทมุ ธานี ผลของการจดั ประสบการณ์เพ่ือการเรียนรู้ส่งิ แวดล้อม เรื่อง การตรวจวดั DO ในนา้ ของพืน้ ท่ี ตาบล หลกั หก ทาให้ได้ยวุ ชนที่สามารถทาการตรวจวดั DO ได้ จานวน 4 คน ซึง่ ยวุ ชนจานวน 1 คนในพืน้ ที่ตาบล หลกั หกได้ร่วมเป็ นวิทยากรเพ่ือขยายผลให้ยุวชนในตาบลเชียงรากน้อยจานวน 20 คน สามารถทาการ ตรวจวดั DO ในนา้ ได้อยา่ งถกู ต้อง หลงั จากนนั้ ยวุ ชนจากตาบลเชียงรากน้อยจานวน 5 คน (จาก 20 คน) ได้ ทาหน้าทเี่ ป็ นวทิ ยากรหลกั ในการขยายเครือขา่ ยให้ยวุ ชนในโรงเรียนวดั ถวั่ ทอง โรงเรียนเมตารางค์ โรงเรียน ศาลาพนั จานวน 50 คน สามารถทาการตรวจวดั คุณภาพนา้ ได้ ซ่ึงในการขยายเครือข่ายครัง้ นีท้ าให้ได้ ยวุ ชนจากโรงเรียนวดั ถวั่ ทอง จานวน 5 คน ที่สามารถทาหน้าที่เป็ นวิทยากรขยายเครือข่ายการตรวจวดั ค่า DO ในนา้ ของโครงการนี ้ สง่ ผลให้การจดั ประสบการณ์เพือ่ การเรียนรู้สิง่ แวดล้อม เร่ือง การตรวจวดั DO ใน สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________

87 นา้ มียวุ ชนท่สี ามารถทาหน้าท่ีเป็ นวิทยากรชุมชนได้ทัง้ หมด จานวน 10 คน (ยวุ ชนจากตาบลเชียงรากน้อย จานวน 5 คน และยวุ ชนจากโรงเรียนวดั ถวั่ ทองจานวน 5 คน) โดยวทิ ยากรดงั กลา่ ว ได้ทาหน้าที่เป็ นวิทยากร ขยายเครือขา่ ย ไปยงั ยวุ ชนในพืน้ ท่ตี าบลบางปรอก ตาบลบางโพธ์ิเหนอื ตาบลหลกั หก อีกจานวน 55 คน ให้ สามารถตรวจวดั DO ในนา้ ได้ ในปี พ.ศ.2558 ยวุ ชนจากตาบลเชียงรากน้อยและยวุ ชนจากโรงเรียนวดั ถว่ั ทอง ยงั ได้ทาหน้าที่เป็ น วิทยากรหลกั ขยายเครือข่ายการตรวจวดั ค่า DO นา้ ไปยงั ยุวชนในพืน้ ท่ีริมนา้ ในตาบลหลกั หก(รุ่นที่ 2 จานวน 10 คน) และชมุ ชนริมคลองใหญ่ วดั โสภาราม (จานวน 10 คน)ให้สามารถตรวจวดั DO ในนา้ ได้ ดงั ภาพที่ 20 ภาพที่ 20 ยวุ ชนจิตอาสาเชียงรากน้อย และน้องจากโรงเรียนวดั ถว่ั ทอง ทาหน้าทเ่ี ป็ นวทิ ยากรสาธิตการ ตรวจวดั DO ในนา้ ให้แกน่ ้องๆท่อี ยอู่ าศยั ริมคลองและแหลง่ นา้ ในพนื ้ ทีต่ า่ งๆ ท่ีมา: ลาวณั ย์, 2558 จะเห็นได้ ว่า การจัดประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้สิ่งแวดล้อมในบริบทของชุมชน ดังตัวอย่าง ประสบการณ์ท่ผี ้เู ขยี นได้เลา่ มาข้างต้นนนั้ สามารถตอบสนองวตั ถปุ ระสงค์ของสิ่งแวดล้อมศึกษา ท่ีเป็ นมติ ของการประชุมนานาชาติ เมืองทบิลิซิได้ คือ ช่วยทาให้บุคคลและกลุ่มบุคคลได้ฝึ กฝนเรียนรู้ในการ ป้ องกนั และแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม ซงึ่ เป็ นจดุ มงุ่ หมายหลกั ของสงิ่ แวดล้อมศกึ ษา ดงั นนั้ หวั ใจของการจดั สงิ่ แวดล้อมศกึ ษาท่ีจะทาให้ประสบความสาเร็จได้นนั้ ต้องมุ่งเน้นไปท่ีชุมชน เพราะปัญหาสง่ิ แวดล้อมในชมุ ชนเป็ นปัญหามคี วามสมั พนั ธ์ใกล้ชิดกบั การดาเนินชีวติ ของคนในชมุ ชน ซง่ึ จะ นาไปสกู่ ารป้ องกนั และแก้ไขปัญหาสงิ่ แวดล้อมได้อยา่ งตรงจดุ และทนั ตอ่ เหตกุ ารณ์ สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

88 ระบบการศกึ ษาท่เี หมาะสมในการจัดส่ิงแวดล้อมศกึ ษา การจดั สิง่ แวดล้อมศึกษาของประเทศไทยได้ เริ่มขนึ ้ ตงั้ แต่ปี การศกึ ษา 2517 ในระดบั อดุ มศกึ ษา โดย เปิ ดหลักสูตรต่างๆ ทัง้ ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยต่างๆ และ กระทรวงศึกษาธิการ ได้บรรจุวิชาการด้านทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ลงในหลกั สตู รของสถาบนั การอาชีวศกึ ษา รวมทงั้ ในระดบั ประถมศกึ ษาและมธั ยมศกึ ษา(นาท และพลู ทรัพย์ ,2528) การจดั สง่ิ แวดล้อมศกึ ษาในระดบั อดุ มศกึ ษา เป็ นหลกั สตู รท่ีผลติ ครู อาจารย์ นกั วิชาการและบคุ ลากร อื่นๆ ทางสิง่ แวดล้อมศึกษาให้มีจานวนมากขนึ ้ เช่น นกั การศึกษา นกั สง่ เสริมสงิ่ แวดล้อม นกั หนงั สอื พิมพ์ นกั จัดรายการวิทยุ โทรทัศน์ ฯลฯ ซ่ึงจะช่วยให้เกิดการศึกษาค้นคว้า และเผยแพร่ความรู้สิ่งแวดล้อมสู่ ประชาชนได้อย่างกว้างขวาง โดยระยะเวลาในการผลิตนนั้ เหมือนกับสาขาวิชาอื่นๆ คือ ปริญญาตรี 4 ปี ปริญญาโท 2 ปี และปริญญาเอก 3 ปี จะเห็นได้ว่าการให้การศึกษาในระบบทางส่งิ แวดล้อมศึกษา ใน ระดบั อดุ มศกึ ษานนั้ ต้องใช้ระยะเวลาคอ่ นข้างยาว ผ้เู รียนไมส่ ามารถนาสงิ่ แวดล้อมศึกษาไปประยกุ ต์ใช้ใน การเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมเพื่อป้ องกนั และแก้ไขปัญหาสงิ่ แวดล้อมของตนเองและสงั คมได้ในทนั ที สว่ นการจดั สงิ่ แวดล้อมศกึ ษาในระดบั ประถมศกึ ษาและมัธยมศึกษานนั้ มิได้มีการเปิ ดหลกั สตู รขนึ ้ เฉพาะ แตเ่ ป็ นการสอนเนอื ้ หาความรู้สงิ่ แวดล้อม โดยในระดบั ประถมศกึ ษาจะมีการสอดแทรกอยใู่ นรายวิชา ตา่ งๆของหลกั สตู ร ไมว่ า่ จะเป็ นสงั คมศึกษา วิทยาศาสตร์ สขุ ศึกษา เศรษฐศาสตร์ วรรณคดี ศิลปะ ดนตรี และคณิตสาสตร์ ขณะท่ีสง่ิ แวดล้อมศกึ ษาในระดบั มธั ยมศึกษาจะมีทงั้ การสอนเนือ้ หาความรู้สิ่งแวดล้อมท่ี สอดแทรกอยใู่ นรายวิชาตา่ งๆ และเป็ นรายวิชาทเี่ ก่ียวข้องกบั สง่ิ แวดล้อมโดยตรงอยใู่ นหลกั สตู ร การศึกษาทงั้ ในระดบั ประถมศึกษาและมธั ยมศึกษานนั้ มีลกั ษณะเป็ นการถ่ายทอดแบบ Transition (การถา่ ยโอน) มิใช่เป็ นการถ่ายทอดแบบ Indoctrination ซง่ึ หมายถึง การถ่ายทอดทก่ี อ่ ให้เกิดความเชื่อถือ ยอมรับ(ทานอง, 2517) จึงทาให้ไม่บรรลุจุดมุ่งหมายหลักของส่ิงแวดล้อมศึกษา คือ การเปล่ียนแปลง พฤตกิ รรมหนั มารับผดิ ชอบสงิ่ แวดล้อมของคนในสงั คม ซง่ึ สอดคล้องกบั Harold R Hungerford และ Trudi L Volk แห่งมหาวิทยาลยั Southern Illinois ...ที่กลา่ วว่า การที่จะบรรลจุ ดุ ม่งุ หมายหลกั ของสิ่งแวดล้อม ศกึ ษาได้นนั้ จะต้องใช้กลยทุ ธ์การศกึ ษานอกระบบธรรมดา (สรุ ชยั ,2541) การจดั ส่ิงแวดล้อมศึกษาท่ีมงุ่ เน้นการศึกษาในระบบเป็ นสรณะ หรือคิดว่า ได้จดั ส่ิงแวดล้อมศึกษา อย่างเต็มที่แข็งขนั แล้ว ถือได้ว่าเป็ นความคิดที่ผิดอยา่ งมหนั ต์ เพราะจะไม่สามารถป้ องกนั และแก้ไขวิกฤต สง่ิ แวดล้อมโลกได้อยา่ งแนน่ อน คากลา่ วเชน่ นคี ้ ล้ายกบั ข้อเขียนของ ดร.โกวทิ วงศ์สรุ วฒั น์ ที่ลงใน “ข่าว สอ. สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ__________________________________________

89 มก.”ฉบบั พฤษภาคม 2558 หน้า 5 ในช่ือว่า “คนไทยสมยั ก่อนกบั ภาษาองั กฤษ”ที่ชีใ้ ห้เห็นวา่ การจดั การ เรียนการสอนภาษาองั กฤษของคนไทยทีผ่ ิดฝาผิดฝ่ัง ทาให้ไมส่ ามารถนาคนไทยพดู สอ่ื สารกบั ฝร่ังได้ ดงั นี ้ …....ปัญหาหลกั ในการเรียนภาษาองั กฤษของคนไทยในสมยั นี ้คือ “ ความหวาดกลวั สารพดั ” อาทิ กลวั วา่ จะพดู ได้ไมเ่ หมือนฝร่ัง หรือกลวั วา่ เขียนองั กฤษแล้ว จะผิดไวยากรณ์ หรือกลวั ว่าอ่านออกเสยี ง ภาษาองั กฤษแล้วกลวั เพื่อนหวั เราะ หรือกลวั ว่าฟังฝร่ังพดู ไมร่ ู้เรื่องจะขายหน้า ประกอบกบั หลกั สตู ร การสอนภาษาองั กฤษในเมืองไทย ก็ดเู หมือนจะสง่ เสริมให้คนไทยเรียนภาษาองั กฤษแบบเอาศีรษะ เดนิ ตา่ งเท้า ด้วยการสอนภาษาองั กฤษแบบให้เขยี นก่อน แล้วจงึ อา่ น แล้วเน้นหลกั ไวยากรณ์ โดยละ ทิง้ การฟัง และการพดู ภาษาองั กฤษโดยสิน้ เชิง ทงั้ ๆท่ีการเรียนภาษาองั กฤษตามปกติทว่ั โลกนนั้ เขา เริ่มต้นด้วยการฟังและการพดู ตาม การอา่ น การเขียนและเรียนไวยากรณ์จงึ ตามมา ดงั นนั้ การสอนภาษาองั กฤษของเมืองไทย จึงควรสอนให้ฟังรู้เรื่องและพดู โต้ตอบให้รู้เร่ืองกนั ได้ เป็ นหลกั สว่ นเร่ืองการอา่ น เขยี น จงึ เป็ นเร่ืองรอง เพราะภาษามีเอาไว้ให้ส่อื สารเข้าใจกนั ไมใ่ ช่มีไว้ให้ เรียนให้สอนกนั เป็ นสบิ ปี แล้วใช้อะไรไมไ่ ด้เลย เชน่ ประเทศไทยของเรานใี ้ นปัจจบุ นั ... ถ้าอปุ มาอปุ มยั การจัดการเรียนการสอน “ส่งิ แวดล้อม” กบั การจดั การเรียนการสอนภาษาองั กฤษใน ประเทศไทย ก็กล่าวได้ว่า เป็ นการกระทาที่ผิดคล้ายกัน หรืออาจจะเหมือนกันก็ได้ พิสจู น์ได้จากความ ล้มเหลวของการจดั การเรียนการสอนทงั้ 2 อย่างนนั้ กลา่ วคือ คนไทยก็ไม่ประสบความสาเร็จกบั การเรียน ภาษาองั กฤษ สว่ นสง่ิ แวดล้อมศกึ ษานนั้ ก็ไมส่ ามารถป้ องกนั และแก้ไขปัญหาสง่ิ แวดล้อมของประเทศไทย ได้เลย นอกจากนนั้ จากงานเขียนเร่ือง “ ในท่ามกลางวิกฤต สิ่งแวดล้อมศกึ ษา ต้องเร่งรีบทกุ ย่างก้าว ” ของ เกือ้ เมธา ฤกษ์พรพิพฒั น์ (2551) ยงั กลา่ วว่า มีโรงเรียนจานวนไม่น้อยท่ีม่งุ เน้นความสาคญั กบั การพฒั นา สง่ิ แวดล้อมทางกายภาพ เช่น เน้นการจดั สภาพแวดล้อมและภูมิทศั น์ในโรงเรียนให้สะอาด สวยงาม โดย เข้าใจว่าเป็ นการสะท้อนความสาเร็จของส่ิงแวดล้อมศึกษา โดยละเลยการจัดกระบวนการเรียนรู้อันจะ นาไปส่กู ารให้ความรู้ สร้ างเจตคติที่ดี และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระยะยาว ขณะท่ีในมุมมองของนัก การศึกษา หลายท่านเห็นตรงกันว่า ความล้มเหลวของส่ิงแวดล้อมศึกษา คือ การขาดความเชื่อมโยง กระบวนการเรียนรู้และวิถีชีวติ ของนกั เรียนในสถานศกึ ษากบั นอกสถานศกึ ษา เช่น ขณะท่นี กั เรียนเรียนรู้และ ทากิจกรรมคดั แยกขยะในโรงเรียน แตท่ ่บี ้านและสงั คมโดยรวมยงั ไมเ่ ห็นความสาคญั ของการคดั แยกขยะ โดยสรุป ก็คือ การจดั สงิ่ แวดล้อมศกึ ษาในระบบการศกึ ษา ทเี่ รียกวา่ “ในระบบ”นนั้ ไมเ่ กิดประโยชน์อนั ใดมากนัก เพราะมีลกั ษณะว่างเปล่า ไม่สัมพันธ์กับชีวิตจริง อันเป็ นหัวใจของการเรียนการสอนด้าน สง่ิ แวดล้อมศกึ ษา: แนวทางสกู่ ารปฏิบตั ิ__________________________________________


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook