Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วงจรไฟฟ้ากระแสตรงหลักสูตร2562

วงจรไฟฟ้ากระแสตรงหลักสูตร2562

Description: วงจรไฟฟ้ากระแสตรงหลักสูตร2562

Search

Read the Text Version

1. ตรวจความพร้อมของผ้เู รยี นโดยการเข้าแถวแล้วขานชือ่ 2. ซักถามผูเ้ รียนเพ่ือทบทวนในสง่ิ ทีผ่ เู้ รยี นในครั้งที่แลว้ 3. แจกแบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยท่ี 7 4. ครนู ำเขา้ สู่บทเรียนโดยถามนักเรียนว่า ถา้ จา่ ยกระแสใหก้ ับตวั ตา้ นทานผลทเี่ กิดข้นึ จะเป็น อยา่ งไร ประกอบการฉายซดี ี 5. ซักถามเกีย่ วกบั กำลังไฟฟา้ ทเ่ี กิดขึ้นกับโหลด เปน็ เชน่ ไร 6. สาธิตการปฏบิ ตั กิ ารทดลอง 7. แจกใบงานและควบคมุ การปฏิบัติการทดลอง 8. ครแู ละนักเรียนช่วยกันสรุปตอบข้อสงสยั 9. มอบหมายงานให้นักเรียนไปศึกษาในหน่วยที่ 8 ต่อไป 10. ครดู ูแลการทำความสะอาดจดั เครอ่ื งมอื ให้เรยี บร้อยและปดิ ห้องปฏบิ ตั งิ านเม่ือไม่ใช้ 11. ครูบนั ทกึ ขอ้ มูลเก่ียวกบั กิจกรรมการเรยี นหลงั การสอนเพ่ือใช้แกไ้ ขปัญหาท่ีเกดิ ขนึ้

ื (, ,) ก่อนเรยี น ใหศ้ กึ ษาฟังการอธบิ าย และมอบหมายงานกลุ่มมารายงานหนา้ ชน้ั เรียนในเรอ่ื งกำลังงานไฟฟา้ ขณะเรียน อธบิ ายวิธกี ารคำนวนหากำลงั ไฟฟา้ หลังเรียน สรปุ เน้อื หาจากท่ีนกั เรียนได้มารายงานหนา้ ชั้นเรยี นและประเมินผล

ื ำื ใใ ื้ ื ้ ื ื (, ,ำ ื ) 7 หนังสืออ้างอิง ชยั วฒั น์ ล้ิมพรวิจติ รวิไล , สมเกยี รติ พ่งึ อาตม์ และ จิราภรณ์ จันแดง,สมศักดิ์ แสงศรี.วงจรไฟฟา้ กระแสตรง. : ศนู ยส์ ่งเสริม-อาชวี ะ, 2562 . ส่ือ - ซีดกี ารบรรยายเรื่องกำลงั ไฟฟ้า - แบบฝกึ หัด

ัื ฑ 1.สงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ัติงานรายบุคคล/รายกลุ่ม 2.สังเกตและประเมินผลพฤติกรรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะ อันพงึ ประสงค์ 1.ให้นักเรยี นมีสว่ นรว่ มในการอธบิ ายโดยการสาธิตหน้าชัน้ เรยี น 2.ประเมินตามแบบพฤติกรรมการปฏิบตั ิงานรายบุคคล/รายกลมุ่ 1.ประเมินตามแบบพฤติกรรมการปฏิบตั งิ านรายบุคคล/รายกลุม่ 2.ประเมินตามแบบพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ , , ,ำ , ำ ฝึ , ,ฏ , ฯฯ Power Point กำลังงานไฟฟ้า ื นำเสนอหน้าชั้นเรียน คอมพิวเตอร์ ภาษาไทย วนั ท่.ี ....../........./......... สอนคร้งั ท.่ี ..........สัปดาหท์ ่.ี ...........เรอ่ื ง...................................................................

ำ็ ้้ ำ ื / ใ ใ ื ใ ื ใำ ำ ็ ำ้ ื ใใ 1. ทำการสอนไดค้ รบตามวัตถุประสงค์ 2. นำเข้าสู่บทเรยี นตรงตามที่กำหนด 3. สามารถดำเนินการสอนตามแผนการสอน 4. ใช้สื่อการสอนครบตามแผนการสอน 5. ใช้คำถามในระหวา่ งการสอนได้ครบ 6. อนื่ ๆ (โปรดระบุ)......................................... (ใ , ,) ....................................................................................................................................................... ...................... ............................................................................................................. ................................................................ ............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................ ............................. .............................................................................................................................................................. ็ PLC ...................................................... .................................................................................................... ................... ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .......................................

ื วงจรไฟฟา้ กระแสตรง 8 ื วงจรแบง่ แรงดนั ้8 4 ำ วงจรแบง่ แรงดันไฟฟ้าเรียกว่า โวลท์เตจ ดีไวเตอร์ ใช้หลกั การของวงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รม เนื่องจากวงจรอนุกรมมแี รงดันตกคร่อมตัวตา้ นทานหรือโหลดไม่เทา่ กัน วงจรแบ่งแรงดนั แบง่ ออกเปน็ 2 ชนิด คอื วงจรแบง่ แรงดันไฟฟ้าท่ีไม่มีโหลด และวงจรแบ่ง แรงดนั ไฟฟา้ แบบมีโหลด 1. ศึกษาเร่ืองวงจรแบ่งแรงดันไฟฟ้าท่ีไมม่ ีโหลด 2. ศกึ ษาเร่ืองวงจรแบ่งแรงดันไฟฟา้ ที่มโี หลด 3. ศกึ ษาสูตรท่ีใชใ้ นการคำนวณหาค่าแรงดนั 4. ศึกษาการคำนวณหาค่าแรงดนั จากวงจรแบง่ แรงดัน 5. เพ่ือปฏบิ ตั ิการทดลองวงจรแบ่งแรงดนั ฤ 1. อธิบายเรื่องวงจรแบ่งแรงดันไฟฟา้ ที่ไมม่ โี หลดได้ถกู ต้อง 2. อธิบายเร่อื งวงจรแบง่ แรงดันไฟฟ้าที่มีโหลดไดถ้ ูกต้อง 3. บอกสตู รท่ใี ช้ในการคำนวณหาคา่ แรงดันในวงจรแบง่ แรงดันไดถ้ ูกต้อง 4. สามารถคำนวณหาค่าแรงดันจากวงจรแบ่งแรงดัน ไดถ้ ูกตอ้ ง 5. ตอ่ วงจากแบง่ แรงดนั ทดลองได้ถกู ต้อง

้ื 8 ื วงจรแบง่ แรงดนั วงจรแบง่ แรงดนั ไฟฟา้ เรยี กวา่ “โวลตเ์ ตจ ดีไวเดอร์” ( Voltage Divider) ใช้หลักการของ วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม (Series Circuit) เนื่องจากวงจรอนุกรมมแี รงดันตกคร่อมตวั ต้านทานหรือโหลดไม่ เท่ากนั วงจรแบง่ แรงดันแบง่ ออกเป็น 2 ชนิด คือวงจรแบง่ แรงดันไฟฟ้าที่ไมม่ ีโหลด (Unloaded Voltage Divider) และวงจรแบ่งแรงดนั ไฟฟ้าแบบมโี หลด (Loaded Voltage Divider) 1. (Unloa วงจรการแบ่งแรงดันที่ไม่มโี หลด unloaded voltage divider ก็คือ วงจรแบบ อนุกรมทวั่ ๆ ไปน่ันเอง ซง่ึ เราสามารถที่จะแบง่ แรงดนั ได้หลาย ๆ คา่ เพื่อนำไปจ่ายให้กบั โหลดที่ต้องการ แรงดนั ในระดับต่าง ๆ ท่แี ตกตา่ งกนั ออกไป ซงึ่ ทั้งนแ้ี รดนั ทถ่ี กู แบ่งทง้ั หมดจะได้มาจากแหลง่ กำเนดิ แรงดนั เพียงตวั เดียวเทา่ นั้น วงจรแรงดันแต่ยังไมต่ ่อโหลด การคำนวณจึงไมต่ ้องนำโหลดมาพจิ ารณาดงั รูปวงจรท่ี 1

รปู ที่ 1 วงจรแบ่งแรงดนั ไฟฟ้าแบบไม่มีโหลด (Unloaded Voltage Divider) จากวงจรจะได้สตู ร V1, V2 ดังนี้ V1 = VT ( R R1 ) 1+ R 2 V2 = VT ( R R2 ) 1+ R 2 จากรปู ท่ี 1 เป็นวงจรไฟฟา้ แบบอนกุ รม (Series Circuit) การแบง่ แรงดนั ไฟฟ้า (Voltage Dividers) ตัวต้านทาน R1 และ R2 จะทำหน้าที่เป็นตวั แบ่งแรงดันไฟฟ้า เพราะแรงดนั ไฟฟ้าตกครอ่ มตวั ต้านทาน R1 และ R2 ไม่เทา่ กัน การหาค่าแรงดันไฟฟ้าตกคร่อม ถา้ จะใช้สูตรตามหลกั การของวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม (Series Circuit) จะทำใหเ้ กดิ ความย่งุ ยากและเสียเวลา ดงั นน้ั เพอ่ื การคำนวณทงี่ า่ ยและรวดเร็วขึ้นจึงมสี ูตรเฉพาะที่ ใชก้ ับวงจรแบ่งแรงดันไฟฟ้าแบบไม่มีโหลด V1 = VT  R1  R 1+ R  2  V2 = VT  R2  R 1+ R  2 

2. (Loaded Voltage Divider) ในวงจรอนุกรมท่ีคำนวณคา่ แรงดนั ตกคร่อมตวั ตา้ นทานตา่ งๆ เม่ือนำเอาโหลด (RL) มาต่อ คร่อมตัวตา้ นทานตวั ใดตัวหนึ่งกจ็ ะไดว้ งจรแบ่งแรงดนั ไฟฟ้าแบบมีโหลด อยา่ งไรกต็ ามจะต้องมีการคำนวณค่ากระแสของแหล่งจ่ายให้เพียงพอตอ่ การจ่ายกระแสให้ โหลดดว้ ย เพราะเน่อื งจากถ้าโหลดใชก้ ระแสมาก แรงดันท่ีจา่ ยให้โหลดจะลดลงจากกรณีทไ่ี ม่มีโหลด วงจร แบง่ แรงดันไฟฟ้าแบบมีโหลด (Loaded Voltage Divider) แสดงดังรปู ที่ 2 รูปที่ 2 วงจรแบง่ แรงดันไฟฟ้าแบบมีโหลด (RL) จากรูปวงจรท่ี 2 มีโหลด (RL) มาต่อคร่อมอยู่กบั ตัวต้านทาน R2 ดังนน้ั ในการหาค่าแรงดนั ไฟฟา้ ทแี่ บง่ มาให้โหลด (RL) เพ่ือการคำนวณทง่ี ่ายและรวดเรว็ ขนึ้ จงึ มีสูตรคำนวณเฉพาะท่ีใช้กับวงจรแบง่ แรงดันไฟฟ้า แบบมโี หลด (RL) ดังน้ี VL = VT  (R (R 2 //RL )   2//RL ) + R   1 

1 จากวงจรรูปท่ี 3 จงคำนวณหาคา่ แรงดันไฟฟ้าตกคร่อมตัวตา้ นทาน R1, R2 และ R3 รูปที่ 3 ำ V1 = VT  + R 1 + R  R R 2  1 3  V1 = 17 V2.5 2.5 kΩ 10 kΩ  kΩ+ 5 kΩ+   V1 = 17 V127.5. 5kkΩΩ    V1 = 2.428 V V2 = VT  + R 2 + R  R R 2  1 3  V2 = 17 V2.5 5 kΩ 10  kΩ+ 5 kΩ+ kΩ  V2 = 17 V175. kΩ  5 kΩ  

V2 = 4.857 V V3 = VT  + R 3 + R  R R 2  1 3  V3 = 17 V2.5 10 kΩ 10 kΩ  kΩ+ 5 kΩ+   V3 = 17 V1170. 5kkΩΩ    V3 = 9.714 V 2 จากรปู ท่ี4 จงคำนวณหาค่าแรงดันไฟฟ้าท่จี า่ ยใหโ้ หลด (RL) เม่ือแหลง่ จา่ ย แรงดันไฟฟา้ มคี ่าเทา่ กับ 20 V รูปที่ 4 ำ VL = VT  (R (R 2 //RL )   2//RL ) + R   1 

VL = 20   4 Ω 6 Ω   V  4 Ω+ 6 Ω    4 Ω 6 Ω  + 2 Ω 4 Ω+ 6 Ω   VL = 20 V 2. 4   4. 4   VL = 10.909 V

1. ตรวจความพรอ้ มของผู้เรยี นโดยการ เข้าแถวแล้วขานช่อื 2. แจกแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยท่ี 8 เก็บแบบทดสอบ 3. ทบทวนกอ่ นเรยี น โดยถามนักเรยี นเกย่ี วกับกำลงั ไฟฟา้ ที่เกดิ ขึ้นกับโหลดเป็นเชน่ ไร 4. ครนู ำเขา้ สบู่ ทเรียนโดยถามนักเรยี นวา่ ถา้ จา่ ยกระแสให้กับตวั ต้านทานผลท่เี กิดขึ้นจะเป็น อย่างไร ประกอบการฉายซดี ี/รบั ฟังความคดิ เห็น 5. ครูอธิบายวงจรแบง่ แรงดนั ไฟฟ้า พร้อมตวั อยา่ งการคำนวณ โดยใชส้ ่อื 6. ซักถามเกยี่ วกับกำลงั ไฟฟา้ ท่ีเกิดขน้ึ กับโหลด เปน็ เชน่ ไร / ตอบคำถาม 7. สาธิตการปฏบิ ัตกิ ารทดลองแจกใบงานและควบคุมการปฏิบัตกิ ารทดลอง 8. ครแู ละนักเรยี นช่วยกนั สรุปตอบข้อสงสัย 9. ประเมนิ ผลการเรยี นของนักเรียนในหนว่ ยท่ี 8 จากแบบทดสอบหนว่ ยที่ 8แบบประเมิน 10. ครดู แู ลการทำความสะอาดจัดเครอื่ งมือให้เรยี บร้อยและปดิ หอ้ งปฏบิ ัติงานเม่ือไม่ใช้ 11. ครบู ันทกึ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั กจิ กรรมการเรียนหลังการสอนเพ่ือใชแ้ ก้ไขปัญหาท่ีอาจเกดิ ขน้ึ กับ กลุม่ อน่ื ๆ ต่อไปหรือความรู้ใหมท่ ี่เกดิ ข้ึน

ื (, ,) ก่อนเรยี น จัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับการทดลอง และสภาพห้องเรียนให้สะอาดเรียบร้อย โดยจัดเวรรับผิดชอบทำ ความสะอาด ขณะเรยี น อธิบายหลักการในวงจรแบง่ แรงดนั และสาธิตวิธีการตอ่ วงจร หลงั เรียน ให้ผูเ้ รียนร่วมกนั สรปุ เน้ือหาจากการเรียนและการทดลองในครัง้ นี้ทัง้ หมด

ื ำื ใใ ้ื ื ้ ื ื (, ,ำ ื ) 8 หนงั สืออา้ งองิ ชยั วัฒน์ ลมิ้ พรวจิ ติ รวไิ ล , สมเกียรติ พง่ึ อาตม์ และ จิราภรณ์ จันแดง.วงจรไฟฟา้ กระแสตรง. : ศนู ย์ สง่ เสรมิ -อาชวี ะ, 2562 . สอ่ื - ซีดีการบรรยาย เรือ่ ง วงจรแบง่ แรงดัน - แบบฝึกหัด - เครอื่ งมือ วสั ดอุ ปุ กรณ์

ัื ฑ 1.สงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั ิงานรายบุคคล/รายกลมุ่ 2.สังเกตและประเมินผลพฤติกรรมดา้ นคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะ อันพึงประสงค์ 1.ใหน้ กั เรยี นมีสว่ นร่วมในการอธบิ ายโดยการสาธติ หน้าช้ันเรียน 2.ประเมนิ ตามแบบพฤติกรรมการปฏบิ ัตงิ านรายบคุ คล/รายกลุ่ม 1.ประเมนิ ตามแบบพฤติกรรมการปฏิบตั งิ านรายบคุ คล/รายกล่มุ 2.ประเมินตามแบบพฤติกรรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอัน พงึ ประสงค์ , , ,ำ , ำ ฝึ , ,ฏ , ฯฯ ื วจรแบง่ แรงดัน คณิตศาสตร1์ 4. คำนวนหาแรงดันในวงจร วนั ที่......./........./......... สอนครง้ั ที่...........สัปดาหท์ .่ี ...........เรอ่ื ง...................................................................

ำ็ ้้ ำ ื / ใ ใ ื ใ ื ใำ ำ ็ ำ้ ื ใใ 1. ทำการสอนได้ครบตามวัตถปุ ระสงค์ 2. นำเขา้ สู่บทเรียนตรงตามทก่ี ำหนด 3. สามารถดำเนนิ การสอนตามแผนการสอน 4. ใชส้ อ่ื การสอนครบตามแผนการสอน 5. ใช้คำถามในระหวา่ งการสอนได้ครบ 6. อ่ืน ๆ (โปรดระบุ)......................................... (ใ , ,) ............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................... ........................................................................ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ็ PLC ............................................................................................................................. ................................................ ...................................................................................................................................... ....................................... ....................................................................................................................................................................

ื วงจรไฟฟา้ กระแสตรง 9 ื วงจรแบง่ กระแส ้9 4 ำ วงจรแบ่งกระแสไฟฟ้าเรยี กว่า เคอรร์ ์เรนท์ ดไี วเตอร์ จะใชห้ ลักการของวงจรไฟฟ้าแบบขนาน เนื่องจากวงจรขนานมีกระแสไหลไมเ่ ทา่ กนั กระแสไฟฟา้ จะถูกแบง่ ใหไ้ หลผ่านไปสาขาต่าง ๆ ตามพิกัดความ ต้านทานของโหลดนั้น ๆ การแบง่ กระแสไฟฟา้ นยิ มใชก้ ันเฉพาะวงจร 2 สาขา และ 3สาขา 1. ศึกษาเรื่องวงจรแบง่ กระแสไฟฟา้ 2. ศึกษาเรื่องแบ่งกระแสไฟฟ้า 3. ศกึ ษาสตู รที่ใชใ้ นการคำนวณหาค่ากระแส 4. ศึกษาการคำนวณหาคา่ กระแสจากวงจรแบ่งกระแส 5. เพ่ือปฏิบัติการทดลองวงจรแบ่งกระแส ฤ 1. อธิบายเรอ่ื งวงจรแบง่ กระแสไฟฟ้า 2 สาขาไดถ้ ูกตอ้ ง 2. อธบิ ายเร่ืองวงจรแบ่งกระแสไฟฟ้า 3 สาขาไดถ้ ูกตอ้ ง 3. บอกสตู รที่ใช้ในการคำนวณหาคา่ กระแสในวงจรแล่ง กระแสได้ถกู ต้อง 4. สามารถคำนวณหาค่ากระแสไฟฟา้ ในวงจรแบ่งกระแสไฟฟา้ ไดถ้ ูกต้อง 5. ต่อวงจากแบ่งกระแสทดลองได้ถูกต้อง

ื้ 9 ื วงจรแบ่งกระแสไฟฟา้ วงจรแบง่ กระแสไฟฟา้ เรยี กวา่ “เคอร์เรนท์ ดีไวเดอร์” (Current Divider) จะใช้หลักการของ วงจรไฟฟ้าแบบขนาน (Parallel Circuit) เน่อื งจากวงจรขนานมกี ระแสไหลไม่เท่ากัน กระแสไฟฟ้าจะถูก แบ่งให้ไหลผ่านไปในสาขาต่างๆ ตามพิกัดความตา้ นทานของโหลดนน้ั ๆ ปกติวงจรแบบอนุกรมจะมีการแบ่งแรงดันให้เกือบทุก ๆ วงจร โดยแรงดนั ทถี่ ูกแบ่งนัน้ จะขนึ้ อยู่กับ ค่าของความต้านทานที่มอี ยู่ในแตล่ ะส่วนของวงจร สว่ นในวงจรแบบขนานก็มลี ักษณะในทำนองเดยี วกนั กลา่ วคอื วงจรแบบขนานจะมีการแบง่ การไหลของกระแส โดยกระแสที่ไหลในแต่ละส่วนหรือแตล่ ะสาขา จะขน้ึ อย่กู ับค่าของความต้านทานในส่วนหรือในสาขานนั้ ของวงจร และกระแสท่ีถกู แบ่งน้ีเมื่อนำมารวมกนั แล้วจะมีค่าเท่ากับกระแสรวมของวงจรน้ันเอง การแบ่งกระแสไฟฟา้ นิยมใชก้ นั เฉพาะวงจร 2 สาขาและ 3 สาขา 1. (Current Divider) 2 คอื วงจรที่ใช้ตัวตา้ นทาน 2 ตัวต่อขนานกันเพ่ือแบ่งกระแสออกเปน็ 2 สาขาแสดงดังรูปท่ี 1 รูปที่1 วงจรแบ่งกระแสไฟฟ้า 2 สาขา

จากวงจรดังรูปท่ี 1 กระแสไฟฟา้ (Current) จะถูกแยกออกเป็น 2 ทางคือ กระแสไฟฟา้ I1 ไหล ผา่ นตัวต้านทาน R1 และกระแสไฟฟา้ I2 ไหลผ่านตวั ต้านทาน R2 ในลกั ษณะดังกล่าวกระแสไฟฟ้าจะไหล ในสาขาใดมากหรือนอ้ ยจะขน้ึ อยูก่ ับค่าความต้านทาน ถ้าคา่ ความตา้ นทานในสาขาใดมคี ่าน้อยกว่า กระแสไฟฟา้ ก็จะไหลในสาขานั้นได้มาก คา่ ของกระแสไฟฟ้าสามารถคำนวณหาไดด้ ังต่อไปน้ี จากวงจรรูปที่ 1 จะได้ RT = R 1R 2 R1+ R2 IT =E RT =E  R 1R 2  R1 +R 2 แต่ E = I TR T E = I T  R 1R 2  R1 +R 2 โดย I1 = E R1 = IT  R 1R 2  R1 R1 +R 2 ดังนน้ั I1 = IT R2 R1+ R2 และ I2 = E R2

= IT  R 1R 2  R2 R1 +R 2 ดงั นัน้ I2 = IT R1 R1+ R2 หรอื I T = I 1 + I 2 I1 = I T − I2 I2 = I T − I1 2. (Current Divider) 3 คือวงจรที่ใชต้ วั ต้านทาน 3 ตวั ต่อขนานกนั เพื่อแบ่งกระแสออกเปน็ 3 สาขาแสดงดงั รูปท่ี 2 รปู ที่2 วงจรแบ่งกระแสไฟฟา้ 3 สาขา จากวงจรรูปท่ี 2 กระแสไฟฟ้าถูกแยกออกเป็นสามทางคือ I1 จะไหลผ่านตัวต้านทานตัวที่หน่งึ I2 จะไหลผา่ นตวั ตา้ นทานตวั ที่ 2 และ I3 จะไหลผา่ นตัวต้านทาน ตัวทส่ี ามคา่ ของกระแสไฟฟ้าสามารถหาได้ ดังตอ่ ไปนี้ จากวงจรรปู ที่ 2 จะได้ 1 =1+1+1 R T R1 R2 R3

RT = R 1R 2R 3 R 1R 2 + R 2R 3 + R 3R 1 IT =E RT =E  R 1R 2R 3  R 1R 2 + R 2R 3 + R 3R 1 แต่ E = I TR T โดย = I T  R 1R 2 R1R 2R 3 R 3R 1  + R 2R 3 + I1 = E R1 = I TR T R1 = I T  1  R 1R R1R 2R 3 R 3R 1  R1 + R 2R 3 + 2 <![endi

1. ตรวจความพรอ้ มของผเู้ รียนโดยการ เข้าแถวแลว้ ขานชอื่ 2. แจกแบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยที่ 9 แล้วเกบ็ แบบทดสอบ 3. ทบทวนกอ่ นเรียน ซกั ถามนกั เรยี นวา่ วงจรแบง่ แรงดันมีคุณสมบตั ิเหมอื นวงจรไฟฟา้ ใด 4. ครนู ำเข้าสบู่ ทเรยี นโดยถามนักเรียนว่า ถ้าตอ้ งการกระแสที่มีคา่ ตา่ ง ๆ กันหลายค่าจะทำ อยา่ งไรประกอบการฉายซดี ี 5. ครูอธิบายวงจรแบ่งแรงดนั ไฟฟ้า พรอ้ มตัวอยา่ งการคำนวณ 6. ซกั ถามเกีย่ วกบั กำลงั ไฟฟ้าทเ่ี กดิ ข้ึนกับโหลด เป็นเชน่ ไร / ตอบคำถาม 7. สาธติ การปฏบิ ตั ิการทดลอง 8. แจกใบงานและควบคมุ การปฏิบัตกิ ารลอง 9. ครแู ละนักเรียนช่วยกันสรุปตอบข้อสงสยั 10. มอบหมายงานให้นกั เรียนไปศึกษาในหน่วยที่ 10ตอ่ ไป 11. ครูดแู ลการทำความสะอาดจดั เคร่ืองมือให้เรยี บร้อยและปิดหอ้ งปฏิบัตงิ านเม่ือไม่ใช้ 12. ครบู ันทกึ ขอ้ มลู เกีย่ วกับกจิ กรรมการเรียนหลงั การสอนเพื่อใช้แก้ไขปัญหาท่ีอาจเกิดขึน้ กับ กลมุ่ อนื่ ๆ ต่อไปหรือความรู้ใหมท่ ่ีเกดิ ขน้ึ

ื (, ,) กอ่ นเรียน ให้ศึกษาและฟงั การอธบิ าย มอบหมายงานกลุ่มมารายงานหนา้ ช้ันเรยี นเกยี่ วกับ วงจรแบ่งกระแส ขณะเรยี น ให้นกั เรียนมารายงานหน้าชน้ั เรยี นเกี่ยวกับ วงจรแบง่ กระแส หลงั เรยี น สรุปเนอ้ื หาจากทน่ี กั เรียนไดม้ ารายงานหนา้ ชัน้ เรยี นและประเมนิ ผล

ื ำื ใใ ื้ ื ้ ื ื (, ,ำ ื ) 9 หนังสอื อา้ งอิง ชยั วฒั น์ ล้ิมพรวิจติ รวไิ ล , สมเกียรติ พงึ่ อาตม์ และ จิราภรณ์ จนั แดง,สมศักดิ์ แสงศรี.วงจรไฟฟา้ กระแสตรง. : ศนู ย์สง่ เสริม-อาชวี ะ, 2562 . สอื่ - ซดี ีการบรรยาย เรอื่ ง วงจรแบ่งกระแสไฟฟ้า - แบบฝึกหดั - เคร่อื งมือ วสั ดุอุปกรณ์

ัื ฑ 1.สังเกตพฤตกิ รรมการปฏิบัติงานรายบคุ คล/รายกลมุ่ 2.สงั เกตและประเมนิ ผลพฤติกรรมดา้ นคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ 1.ใหน้ ักเรยี นมสี ว่ นร่วมในการอธิบายโดยการสาธติ หนา้ ชั้นเรยี น 2.ประเมินตามแบบพฤติกรรมการปฏบิ ตั งิ านรายบุคคล/รายกล่มุ 1.ประเมนิ ตามแบบพฤติกรรมการปฏบิ ัติงานรายบคุ คล/รายกลุม่ 2.ประเมนิ ตามแบบพฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอัน พงึ ประสงค์ , , ,ำ , ำ ฝึ , ,ฏ , ฯฯ ื วงจรแบ่งกระแส คณิตศาสตร์ คำนวณคา่ ในวงจรแบง่ กระแส ภาษาไทย นำเสนอหน้าช้ันเรยี น วนั ท.่ี ....../........./......... สอนครั้งท่.ี ..........สัปดาห์ท่ี............เรอื่ ง...................................................................

ำ็ ้้ ำื / ใ ใ ื ใ ื ใำ ำ ็ ำ้ ื ใใ 1. ทำการสอนได้ครบตามวัตถุประสงค์ 2. นำเข้าสู่บทเรยี นตรงตามท่กี ำหนด 3. สามารถดำเนนิ การสอนตามแผนการสอน 4. ใช้สื่อการสอนครบตามแผนการสอน 5. ใช้คำถามในระหวา่ งการสอนได้ครบ 6. อนื่ ๆ (โปรดระบุ)......................................... (ใ , ,) ............................................................. ............................................................................................. ................... ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ็ PLC ............................................................................................................................. ................................................ ...................................................................................................................................... ....................................... ....................................................................................................................................................................

ื วงจรไฟฟา้ กระแสตรง 10 ื กฎกระแสไฟฟา้ ของเคอร์ชอฟฟ์ ้ 10 4 ำ กฎกระแสไฟฟา้ ของเคอรช์ อฟฟ์ เคอรช์ อฟฟ์ เคอเรนท์ ลอว์ จะกล่าวถงึ ความสมั พันธข์ อง กระแสไฟฟ้าท่ีไหลเขา้ และไหลออกจากจุดใดจุดหนึ่งในวงจรไฟฟา้ การแก้สมการของเคอรช์ อฟฟ์จะใชห้ ลกั การลดทอนทางพีชคณิต หรือใชเ้ มทริกซ์และดเี ทอร์ มิแนนท์ 1. ศึกษาเรื่อง กฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ 2. ศกึ ษาการใชเ้ มทริกซแ์ ละดีเทอร์มิแนนซ์ แกส้ มการ 3. ศึกษาตวั อย่างการแก้ปัญหาโจทย์ 4. เพอื่ ปฏบิ ัติการทดลองโดยใช้ กฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ ฤ 1. บอกนิยามกฎกระแสไฟฟา้ ของเคอรช์ อฟฟ์ได้ถกู ต้อง 2. เขียนสมการกระแสจากรปู วงจรไดถ้ ูกต้อง 3. ใชเ้ มทรกิ ซ์และดีเทอรม์ แิ นนทแ์ ก้สมการได้ถกู ต้อง 4. แกป้ ญั หาโจทยโ์ ดยใชก้ ฎกระแสไฟฟ้าของเคอรช์ อฟฟ์ได้ถกู ต้อง 5. ต่อวงจรทดลองตอมกฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ได้ถูกต้อง

้ื 10 ื กฎกระแสไฟฟา้ ของเคอรช์ อฟ ฎ์ การใช้กฎของโอห์มแก้ปัญหาในวงจรไฟฟา้ ทซ่ี ับซ้อนจะทำให้มคี วามยุ่งยากมากย่ิงข้ึน กฎของเคอร์ ชอฟฟ์เปน็ กฎหนงึ่ ท่ีใชแ้ ก้ปญั หาวงจรไฟฟา้ ท่ีซับซอ้ นได้ดี กฎกระแสไฟฟา้ ของเคอรช์ อฟฟ์ “เคอรช์ อฟฟ์ เคอร์เรนท์ ลอว์” (Kirchhoff Current Law) จะ กลา่ วถึงความสมั พันธ์ของกระแสไฟฟ้าท่ีไหลเข้าและไหลออกจากจดุ ใดจุดหน่ึงในวงจรไฟฟ้าการแกส้ มการ ของเคอรช์ อฟฟจ์ ะใชห้ ลักการการลดทอนทางพชี คณติ หรือใชเ้ มตรกิ ซแ์ ละดเี ทอร์มีแนนท์ 1 . ฎ ์ (Kirchhoff Current Law) กล่าวไวว้ า่ ณ จดุ ใดๆ ในวงจรไฟฟ้า ผลรวมทางพชี คณิตของกระแสไฟฟา้ ที่ไหลเขา้ และกระแสไฟฟ้า ทไ่ี หลออกมคี ่าเท่ากบั ศูนย์หรือกลา่ วในอีกทางหนึ่งก็คอื ณ จุดใดๆ ในวงจรไฟฟ้าผลรวมของกระแสทีไ่ หลเข้าจะมคี ่าเท่ากับผลรวมของกระแสที่ไหลออก ซึง่ สามารถเขียนเปน็ สมการไดด้ ังนี้ = รปู ที่ 1 กฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์

จากรูปท่ี 1 ให้จดุ A เป็นจุดใดๆ ในวงจรไฟฟา้ พจิ ารณาได้ว่ากระแสไฟฟา้ ที่ไหลเขา้ คือ I1,I3 และ I4 สว่ นกระแสไฟฟ้าทไ่ี หลออกคือ I2 และ I5 ปกติแล้วจะกำหนดใหก้ ระแสไฟฟ้าทไ่ี หลเข้าท้ังหมดเปน็ บวก (+) และกระแสไฟฟ้าท่ีไหลออกท้ังหมดมีค่าเปน็ ลบ (-) ดงั นั้นเมื่อเขยี นเป็นสมการจะได้ดงั นี้คือ I1+ I3+ I4 = I2+ I5 หรอื I 1 − I 2 + I 3 + I 4 − I 5 = 0 หรอื I = I 1 − I 2 + I 3 + I 4 − I 5 = 0  I = 0 ................................................. (1) 2. ำ ฎ ์ 1 จากวงจรรูปท่ี 2 จงคำนวณหาคา่ I1,I2,I3 โดยใชก้ ฎของเคอรช์ อฟฟ์ รปู ท่ี 2 จากกฎกระแสของเคอรช์ อฟฟ์ I = I1+ I2− I3 = 0

หรอื I1+ I2 = I3 จากวงจรรูปท่ี 2 เม่อื กำหนดทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้าจะเห็นวา่ กระแสไฟฟา้ I1 ไหลผา่ นตวั ตา้ นทาน R1 และแหล่งกำเนดิ แรงดนั E1 กระแสไฟฟ้า I2 ไหลผ่านตวั ต้านทาน R2 และแหลง่ กำเนดิ แรงดนั E2 ส่วนกระแสไฟฟา้ I3 ไหลผา่ นตัวต้านทาน R3 สามารถเขยี นสมการไดด้ ังนี้ E1 = R1I1 + R3I 3 ................................................ (1) E2 = R 2I 2 + R 3I 3 ……………………………... (2) แต่ I 1 + I 2 = I 3 แทนค่า I3 ลงในสมการท่ี (1) และ (2) จะได้ ( )E1 = R1I 1 + R 3 I 1 + I 2 = R1I1 + R 3I1 + R 3I 2 = (R1 + R 3 )I1 + R 3I 2 …………………………… (3) ( )E 2 = R 2I 2 + R 3 I 1 + I 2 = R 2I 2 + R 3I1 + R 3I 2 = (R 2 + R 3 )I 2 + R 3I1 …………………………… (4) แทนค่า E และ R (ในวงจรรูปที่ 2) ลงในสมการท่ี (3) และ (4) ( )E1 = R1 + R 3 I 1 + R 3I 2 16 = (1 + 4)I 1 + 4 I 2

16 = 5 I1 + 4 I 2 ……………………………………… (5) และ ( )E 2 = R 2 + R 3 I 2 + R 3I 1 10 = (2 + 4)I 2 + 4 I 1 10 = 6 I 2 + 4 I1 ……………………………………… (6) ใช้เมตริกซ์และดีเทอร์มีแนนท์แก้สมการ 2 ตัวแปร 1. นำสมการท่ี (5) และ (6) มาเขียนในรูปของเมตรกิ ซ์ จะได้ 5 4 I1  16         =   4 6 I2  10 ………………….. (7) 2. นำคา่ สัมประสทิ ธ์ขิ อง I1 และ I2 มาหาคา่ ของดเี ทอร์มีแนนท์ (D) โดยการคณู ไขว้นั้นคือคูณลงเป็น บวก คูณข้นึ เป็นลบโดยคูณให้ครบทกุ ตำแหน่ง 5 4     = (5  6) − (4  4) 4 6 = 30 − 16 D = 14 3. หาคา่ ตวั แปร I1 โดยการนำคอลัมน์ค่าคงที่ของสมการท่ี (7) แทนลงในคอลัมน์สัมประสทิ ธิ์ I1 และ หารด้วยดีเทอร์มีแนนท์ (D) ซึ่งการหาคา่ I1 จะอาศยั การคูณไขว้ 16 4 10 6 I 1 = 14

= (16)(6) − (10)(4) 14 = 96 − 40 14 = 56 14 = 4 A ( แอมแปร์ ) 4. หาค่าตัวแปร I2 โดยการนำคอลมั น์คา่ คงทีข่ องสมการที่ (7) แทนลงในคอลัมน์สัมประสทิ ธข์ิ อง I2 และหารด้วยดเี ทอร์มีแนนท์ (D) ซงึ่ การหาคา่ I2 จะอาศยั การคูณไขวเ้ ช่นกนั 5 16 4 10 I 2 = 14 = (5)(10) − (4)(16) 14 = 50 − 64 14 = − 14 14 = - 1 A ( แอมแปร์ ) คำนวณหาคา่ กระแส I3 จากสูตร I3 = I1 + I2 = 4 + (-1) = 3 A (แอมแปร์)

1. ตรวจความพรอ้ มของผเู้ รยี นโดยการเข้าแถวแลว้ ขานชอ่ื 2. แจกแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 10 3. ทบทวนกอ่ นเรียน ซกั ถามนกั เรียนว่าวงจรแบง่ กระแสไฟฟ้ามีคุณสมบัติเหมอื นวงจรไฟฟา้ ใด 4. ครนู ำเข้าสู่บทเรียนโดยถามนักเรียนว่า ถ้าวงจรไฟฟ้าทม่ี ีความสลับซบั ซ้อนมาก ๆ เราจะทำ อย่างไร 5. ครูอธิบายเรือ่ งกฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ การแก้สมการเมทรกิ ซ์พร้อมตวั อยา่ งการ คำนวณ 6. แจกใบงานและควบคมุ การปฏิบตั กิ ารทดลอง 7. ครแู ละนักเรยี นช่วยกนั สรุปตอบข้อสงสัย 8. มอบหมายงานให้นกั เรียนไปศึกษาในหน่วยท่ี 11 ตอ่ ไป 9. ครูดแู ลการทำความสะอาดจดั เครื่องมือให้เรียบร้อยและปดิ ห้องปฏิบัติงานเมื่อไม่ใช้ 10. ครูบันทึกข้อมูลเก่ยี วกับกิจกรรมการเรียนหลงั การสอนเพ่ือใช้แกไ้ ขปัญหาท่ีอาจเกิดขนึ้ กบั กล่มุ อ่ืน ๆ ต่อไปหรือความรู้ใหม่ทีเ่ กดิ ข้นึ

ื (, ,) กอ่ นเรียน ให้ศึกษาและฟังการอธิบาย มอบหมายงานกลุ่มมารายงานหน้าช้ันเรียนเก่ียวกับ กฎของกระแสไฟฟ้า เคอรช์ อฟ ขณะเรียน ใหน้ ักเรยี นปฏบิ ตั กิ ารทดลองแลว้ มารายงานหนา้ ช้ันเรียนเร่อื งกฎของเคอร์ชอฟ หลังเรยี น สรุปเนื้อหาจากทีน่ ักเรยี นไดม้ ารายงานหน้าชัน้ เรยี นและประเมนิ ผล

ื ำื ใใ ื้ ื ้ ื ื (, ,ำ ื ) 10 หนงั สอื อา้ งองิ ชยั วฒั น์ ล้มิ พรวิจิตรวไิ ล , สมเกียรติ พง่ึ อาตม์ และ จิราภรณ์ จันแดง,สมศักด์ิ แสงศร.ี วงจรไฟฟา้ กระแสตรง. : ศูนยส์ ง่ เสริม-อาชวี ะ, 2562 . ส่อื - ซดี กี ารบรรยาย เร่อื ง กฎของเคอรช์ อฟ - แบบฝกึ หดั

ัื ฑ 1.สังเกตพฤตกิ รรมการปฏิบัติงานรายบคุ คล/รายกลมุ่ 2.สังเกตและประเมนิ ผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ 1.ใหน้ กั เรยี นมีส่วนรว่ มในการอธบิ ายโดยการสาธติ หน้าช้นั เรยี น 2.ประเมินตามแบบพฤติกรรมการปฏบิ ัติงานรายบุคคล/รายกลมุ่ 1.ประเมินตามแบบพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล/รายกลมุ่ 2.ประเมินตามแบบพฤติกรรมด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอัน พึงประสงค์ , , ,ำ , ำ ฝึ , ,ฏ , ฯฯ นำเสนอผลงานกลมุ่ กฎของกระแสเคอรช์ อฟ ื ภาษาไทย วนั ท่.ี ....../........./......... สอนครง้ั ท่.ี ..........สปั ดาห์ที.่ ...........เรอื่ ง...................................................................

ำ็ ้้ ำ ื / ใ ใ ื ใ ื ใำ ำ ็ ำ้ ื ใใ 1. ทำการสอนได้ครบตามวตั ถุประสงค์ 2. นำเข้าสบู่ ทเรียนตรงตามท่กี ำหนด 3. สามารถดำเนนิ การสอนตามแผนการสอน 4. ใช้ส่ือการสอนครบตามแผนการสอน 5. ใช้คำถามในระหว่างการสอนได้ครบ 6. อ่นื ๆ (โปรดระบุ)......................................... (ใ , ,) ................................................................................................................... .......................................................... ...................................................................................................................................... ....................................... ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................ ................................................................. .............................................................................................................................................................. ็ PLC ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .......................................

ื วงจรไฟฟา้ กระแสตรง 11 ื กฎแรงดันไฟฟา้ ของเคอร์ชอฟฟ์ ้ 11 4 ำ กฎแรงดันต้นไฟฟ้าของเคอรช์ อฟฟเ์ รยี กวา่ เคอร์ชอฟฟ์ โวลท์เตจลอว์ จะกลา่ วถึง ความสัมพันธ์ของแรงดนั ไฟฟ้าในวงจรไฟฟา้ ปดิ ใด ๆ โดยกล่าวไวว้ ่า ในวงจรไฟฟา้ ปิดใด ๆ ผลรวมทาง พีชคณิตของแรงดนั ไฟฟ้ามีค่าเท่ากบั ศนู ย์ 1. ศึกษาเร่ือง กฎแรงดนั ไฟฟ้าของเคอรช์ อฟฟ์ 2. ศกึ ษาตวั อย่างการคำนวณ โดยใชก้ ฎแรงดนั ไฟฟา้ ของเคอรช์ อฟฟ์ 3. เพ่ือปฏบิ ัติการทดลองโดยใช้ กฎแรงดันไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ ฤ 1. อธบิ าย กฎแรงดันไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ได้ถูกต้อง 2. คำนวณปัญหาโจทยโ์ ดยใชก้ ฎแรงดันไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟไ์ ด้ถกู ต้อง 3. มีความสนใจใฝ่รู้ 4. ตอ่ วงจรทดลองตามกฎแรงดันไฟฟา้ ของเคอรช์ อฟฟ์ได้ถูกต้อง

้ื 11 ื กฏแรงดันไฟฟ้าของเคอรช์ อฟ 1. กฎแรงดนั ไฟฟา้ ของเคอร์ชอฟฟ์ (Kirchhoff Current Law) กฎแรงดนั ไฟฟ้าของเคอรช์ อฟฟ์ (Kirchhoff Current Law) กลา่ วไวว้ า่ “ในวงจรไฟฟ้าปดิ ใดๆ ผลรวมทางพชี คณติ ของแรงดันไฟฟา้ มีคา่ เทา่ กับศนู ย์” หรือกล่าวในอีกทางหนึ่งก็คือ ในวงจรไฟฟา้ ปดิ ใดๆ ผลรวมทางพชี คณติ ของแรงดันไฟฟา้ ทต่ี กคร่อมตวั ต้านทานแตล่ ะตัวจะเท่ากบั แรงดันทแ่ี หลง่ จา่ ย รูปที่ 3 จากวงจรรูปที่ 3 แรงดนั ไฟฟา้ ท่ีจ่ายใหก้ ับวงจรมีอยู่ 2 ตัวคอื แหล่งจ่ายไฟฟ้ากระแสตรงตัวที่ 1 (E1) และแหลง่ จา่ ยไฟฟ้ากระแสตรงตวั ท่ี 2 (E2) ส่วนแรงดันตกคร่อมตวั ต้านทานในวงจรคือ แรงดันตก ครอ่ มตัวต้านทานตัวท่ี1 (VR1) แรงดนั ตกคร่อมตวั ตา้ นทานตัวท่ี 2 (VR2) และแรงดนั ตกครอ่ มตวั ต้านทานตวั ที่ 3 (VR3) จากกฎแรงดนั ของเคอร์ชอฟฟ์ (Kirchhoff Current Law) สามารถเขียนสมการไดด้ ังนค้ี ือ

จากวงจรรปู ที่ 3 จะได้ E1 + E2 = แรงดนั ไฟฟ้าทจี่ า่ ยให้วงจร VR1 VR2 VR3 = แรงดันตกคร่อมตวั ตา้ นทาน ดงั น้ัน E1 + E 2 = VR1 + VR2 + VR3 หรอื E1 + E 2 - VR1 − VR2 − VR3 = 0 หรือ E = E1 + E 2 - VR1 − VR2 − VR3 = 0 E = 0

1 จากวงจรรปู ท่ี 4 ให้แหลง่ จ่ายไฟฟ้ากระแสตรงตวั ที่ 1 (E1) มคี ่าเท่ากับ 12 Vแหล่งจา่ ยไฟฟา้ กระแสตรงตวั ที่ 2 (E2) มีคา่ เท่ากับ 8 V และแรงดันไฟฟา้ ตกคร่อมตัวต้านทานตวั ท่ี 2 (VR2) มคี ่าเทา่ กับ 1.5 V ให้หาคา่ แรงดนั ไฟฟา้ ตกคร่อมตวั ตา้ นทาน ตัวท่ี 1 (VR1) รปู ท่ี 4 จากฎแรงดันของเคอร์ชอฟฟ์จะไดว้ า่ E1 − E 2 = VR1 + VR2 VR1 = E1 − E 2 - VR2 แทนคา่ = 10 – 8 – 1.5 ดงั นนั้ VR1 = 0.5 โวลต์

1. ตรวจความพรอ้ มของผเู้ รยี นโดยการเขา้ แถวแลว้ ขานชือ่ 2. ทบทวนก่อนเรยี น ซักถามนักเรยี นวา่ กฎกระแสไฟฟ้าของเคอรช์ อฟฟ์กล่าวว่าอยา่ งไร ครู อธบิ ายเสรมิ 3. ครูนำเขา้ สูบ่ ทเรยี นโดยถามนักเรยี นว่า ถ้าวงจรไฟฟ้ามีแหล่งจ่ายแรงดันมากกว่าหนึ่งแหล่งจะ คำนวณอยา่ งไรประกอบการฉายซดี ี 4. ครูอธิบายเรือ่ งกฎแรงดนั ไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์ พร้อมตัวอย่างการคำนวณ 5. สาธิตการปฏิบตั ิการทดลอง 6. แจกใบงานและควบคุมการปฏิบตั ิการทดลอง 7. ครูและนักเรยี นชว่ ยกันสรุปตอบข้อสงสัย 8. ประเมนิ ผลการเรยี นของนักเรียนในหน่วยที่ 11 จากแบบทดสอบหน่วยท่ี11 9. มอบหมายงานให้นักเรียนไปศึกษาในหนว่ ยท่ี 12 ตอ่ ไป 10. ครูดูแลการทำความสะอาดจดั เครอ่ื งมือให้เรยี บร้อยและปิดหอ้ งปฏิบตั ิเมื่อไมใ่ ช้ 11. ครูบันทกึ ขอ้ มูลเก่ียวกบั กิจกรรมการเรยี นหลังการสอนเพื่อใช้แกไ้ ขปัญหาท่ีอาจเกดิ ขึน้ กบั กลุม่ อ่นื ๆ ต่อไปหรือความรู้ใหม่ท่ีเกิดข้ึน

ื (, ,) กอ่ นเรยี น ให้ศกึ ษาและฟังการอธิบาย มอบหมายงานกลุม่ มารายงานหน้าช้นั เรยี นเกยี่ วกับ กฎของแรงดนั เคอรช์ อฟ ขณะเรยี น ใหน้ กั เรยี นมารายงานหนา้ ชน้ั เรยี นเก่ียวกับ แรงดนั ไฟฟา้ เคอร์ชอฟ หลงั เรยี น สรุปเนอื้ หาจากทน่ี กั เรยี นไดม้ ารายงานหน้าชั้นเรียนและประเมนิ ผล

ื ำื ใใ ื้ ื ้ ื ื (, ,ำ ื ) 11 หนงั สอื อา้ งองิ ชยั วฒั น์ ลิ้มพรวิจิตรวิไล , สมเกยี รติ พึ่ง อาตม์ และ จิราภรณ์ จันแดง,สมศักดิ์ แสงศรี.วงจรไฟฟ้า กระแสตรง. : ศูนยส์ ง่ เสรมิ -อาชีวะ, 2562 . ส่อื - ซดี กี ารบรรยายเร่อื งแรงดนั เคอรช์ อฟ - แบบฝกึ หดั

ัื ฑ 1.สังเกตพฤติกรรมการปฏิบตั ิงานรายบคุ คล/รายกลุ่ม 2.สงั เกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะ อันพึงประสงค์ 1.ใหน้ ักเรยี นมสี ่วนร่วมในการอธบิ ายโดยการสาธิตหน้าช้ันเรียน 2.ประเมินตามแบบพฤติกรรมการปฏบิ ตั งิ านรายบุคคล/รายกลุ่ม 1.ประเมนิ ตามแบบพฤติกรรมการปฏบิ ัติงานรายบุคคล/รายกล่มุ 2.ประเมนิ ตามแบบพฤติกรรมด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอัน พึงประสงค์ , , ,ำ , ำ ฝึ , ,ฏ , ฯฯ กฎแรงดนั ไฟฟ้าของเคอร์ชอฟ ื คณิตศาสตร์ คำนวนแรงดนั ไฟฟ้า วนั ที่......./........./......... สอนครั้งท่.ี ..........สัปดาหท์ ่.ี ...........เรอ่ื ง...................................................................

ำ็ ้้ ำ ื / ใ ใ ื ใ ื ใำ ำ ็ ำ้ ื ใใ 1. ทำการสอนได้ครบตามวตั ถุประสงค์ 2. นำเขา้ สู่บทเรยี นตรงตามทกี่ ำหนด 3. สามารถดำเนนิ การสอนตามแผนการสอน 4. ใช้ส่อื การสอนครบตามแผนการสอน 5. ใชค้ ำถามในระหวา่ งการสอนได้ครบ 6. อน่ื ๆ (โปรดระบุ)......................................... (ใ , ,) ............................................................................................................................. ................................................ ...................................................................................................................................... ....................................... ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ .............................................................................................................................................................. ็ PLC ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ ........................................................................................................................................... .........................

ื วงจรไฟฟ้ากระแสตรง 12 ื ทฤษฎีกระแสเมช ้ 12 4 ำ ทฤษฎีกระแสเมช เป็นการประยุกต์กฎของเคอร์ชอฟฟ์มาใช้แก้ปัญหาใหส้ ะดวกรวดเร็วยิง่ ขึ้น ทฤษฎีกระแสเมชจะกำหนดให้ ในวงจรปดิ ใด ๆ หนงึ่ วงจรปิด จะสมมตใิ ห้มกี ระแสไหลหนึ่งจำนวน และจะ สมมติทิศทางของกระแสไหลไปทิศทางใดก็ได้ โดยคา่ กระแสแตล่ ะวงจรปิดจะเปน็ อิสระต่อกัน 1. ศกึ ษาทฤษฎกี ระแสเมช 2. ศึกษาการสมมติกระแสไหลวน 3. รจู้ ักการต้ังสมการกระแส 4. ศึกษาตัวอย่างการคำนวณทฤษฎีกระแสเมช 5. เพ่อื ปฏิบตั กิ ารทดลองตามทฤษฎีกระแสเมช ฤ 1. บอกหลักการทฤษฎกี ระแสเมช 2. สมมติกระแสไหลวนได้ถูกตอ้ ง 3. ตงั้ สมการกระแสได้ถูกต้อง 4. คำนวณโดยใชท้ ฤษฎีกระแสเมชไดถ้ กู ต้อง 5. ตอ่ วงจรทดลองทฤษฎีกระแสเมชไดถ้ ูกต้อง

ื้ 12 ื ทฤษฎกี ระแสเมช ฤ ฎ (Mesh Current Theores) ทฤษฎกี ระแสเมช เรียกวา่ “เมชเคอรเ์ รนท์” (Mesh Current Theores) เปน็ การประยุกต์กฎ ของเคอร์ชอฟฟ์มาใชแ้ กป้ ญั หาให้สะดวกรวดเร็วยงิ่ ขนึ้ ทฤษฎกี ระแสเมชจะกำหนดให้ในวงจรปิดใดๆ หนึง่ วงจรปดิ จะสมมตใิ ห้มีกระแสไหลหนึง่ จำนวนและจะสมมติทศิ ทางของกระแสไหลไปทศิ ทางใดกไ็ ด้ โดย คา่ กระแสแต่ละวงจรปดิ จะเป็นอสิ ระต่อกนั 1 ฤฎ (Mesh Current Theores) ทฤษฎกี ระแสเมช (Mesh Current Theores) จะกำหนดใหใ้ นวงจรปดิ ใดๆ หนง่ึ วงจรปิดจะ สมมตใิ หม้ ีกระแสไหลหนง่ึ จำนวนและจะสมมตทิ ิศทางของกระแสไหลไปทิศทางใดก็ได้ โดยค่ากระแสแตล่ ะ วงจรปิดจะเป็นอสิ ระต่อกัน สามารถเขียนสมการกระแสเมชได้โดยมีข้อกำหนดเป็นขัน้ ตอนดังน้ี 1.สมมตกิ ระแสไหลวนในแต่ละวงจรปดิ พร้อมทัง้ กำหนดทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้าให้ครบ วงจรปิด ซงึ่ จะกำหนดให้กระแสไฟฟา้ ไหลในทศิ ทางใดกไ็ ด้ 2.เขยี นสมการโดยใช้กฎแรงดันของเคอรช์ อฟฟ์ (Kirchhoff Voltage Law) และแก้สมการหาตวั ท่ี ไมท่ ราบคา่ ถา้ กระแสไฟฟ้าที่ได้ออกมาเปน็ ลบ หมายความวา่ ทศิ ทางของกระแสไฟฟ้าไหลตรงกันข้ามกับที สมมตขิ ้นึ

รูปที่ 1 จากวงจรรปู ที่ 1 กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลในแต่ละสาขาของวงจรคือ กระแสไฟฟา้ ไหลวน I1 และ I2 นั่นเอง แต่กระแสไฟฟา้ ท่ีไหลในบางสาขาจะได้มาจากผลรวมระหวา่ งกระแสไฟฟ้าไหลวน I1 และ I2 ดงั จะ เห็นว่ากระแสไฟฟ้าท่ีไหลผา่ นตวั ความตา้ นทาน R1 มีคา่ เทา่ กับกระแสไฟฟ้า I1 กระแสไฟฟ้าท่ีไหลผา่ นตัว ต้านทาน R2 มีค่าเท่ากับกระแสไฟฟา้ I2 สว่ นกระแสไฟฟ้าท่ีไหลผ่านตวั ตา้ นทาน R3 มีค่าเทา่ กบั I1+I2 จากกฎแรงดนั ของเคอร์ชอฟฟ์ (Kirchhoff Voltage Law) สามารถเขียนสมการได้ดังน้ี ในวงท่ี 1 ใชก้ ระแสไฟฟ้าไหลวน I1 เปน็ หลกั ในการเขยี นสมการจะได้ ( )R1I 1 + R 3 I 1 +I 2 = E1 ( )R1 + R 3 I 1 + R 3I 2 = E1 ในวงที่ 2 ใชก้ ระแสไฟฟ้าไหลวน I2 เป็นหลักในการเขียนสมการจะได้ ( )R 2I 2 + R 3 I 1 +I 2 = E 2 ( )R 3I 1 + R 2 + R 3 I 2 = E 2 จากวงจรในรปู ที่ 1 ถา้ กำหนดให้ค่าของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตวั ต้านทาน R3 เพียงคา่ เดียวเราก็ เลือกกระแสไฟฟา้ ไหลวนใหม่ โดยสมมตใิ ห้กระแสไฟฟา้ ไหลวน I1 และ I2 มที ิศทางดงั รปู ท่ี 2


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook