Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 0042002-บทที่ 1-8

0042002-บทที่ 1-8

Published by surachat.s, 2020-07-15 10:09:35

Description: 0042002-บทที่ 1-8

Search

Read the Text Version

101 ขอ้ ควรระวงั - สุนขั ที่ฉดี วัคซนี แล้ว ยงั มีโอกาสติดเช้อื พิษสนุ ขั บา้ ได้ - แผลถลอกเพียงเลก็ น้อยก็อาจทำให้ติดเช้อื พษิ สนุ ขั บา้ ได้ 5.2 แมลงตอ่ ย แมลงต่อย สาเหตทุ พ่ี บบ่อยท่ีสุด เกดิ จากผงึ้ ตอ่ และแตน โดยทั่วไปแล้วแมลงตอ่ ย จะ ทำให้ เกิด การระคายเคอื งเฉพาะท่ี อาจมีอาการปวด บวม เป็นตุ่มนูนบรเิ วณที่ถูกตอ่ ย แต่มีผูป้ ่วยเจ็บบางราย อาจเกดิ อาการแพอ้ ยา่ งรุนแรง มีผ่นื ขึ้นตามตัว หรือเปน็ มากจนหายใจไมอ่ อก ทำให้เสียชีวิตได้ การปฐมพยาบาล 1. เคล่อื นย้ายผ้ปู ว่ ยเจบ็ ไปส่บู รเิ วณท่ปี ลอดภยั เพ่อื ปอ้ งกันการโดนตอ่ ยซ้ำ 2. หากเปน็ ผ้ึงตอ่ ย จะมเี หล็กในคา้ งอยู่ในแผล ต้องเอาเหลก็ ในออกให้เรว็ ท่สี ุด เน่ืองจาก ถุงพิษที่ติดมากับเหล็กในจะปล่อยพิษสู่แผลมากขึ้น ให้ใช้สันมีดด้านทีไ่ ม่คม หรือขอบบัตรพลาสติกแข็ง วางในแนวเกือบขนานกบั ผวิ หนังบริเวณที่ถูกต่อย แล้วกวาดผา่ นแผลเหล็กในจะหลุดออกมา หรือใช้เทป ปิดแล้วดึงออกในแนวตรง โดยถงุ พิษไม่แตก หา้ มใชป้ ากคีบ หรือน้วิ หยิบเหลก็ ในออก เพราะอาจไปหนีบ ถุงพษิ ทำให้พิษถูกปลอ่ ยออกสผู่ ิวหนังมากข้ึน 3. ลา้ งบรเิ วณที่ถูกต่อย โดยใช้นำ้ และนำ้ สบู่ 4. ใช้ความเย็นประคบ เพื่อลดอาการปวด บวม และยกบริเวณท่ีถูกต่อยให้อยู่สูงเพื่อลด บวม 5. ให้รบั ประทานยาแก้ปวด ยาแกแ้ พ้ 6. ในรายที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรง มีผื่นขึ้นตามตัว หายใจลำบาก หรือถูกรุมต่อยเป็น จำนวนมาก ใหป้ ฐมพยาบาลเชน่ เดียวกบั อาการช็อก และรีบนำสง่ สถานพยาบาล 5.3 งูพิษกัด การปฐมพยาบาลบาดแผลงพู ษิ งูกดั เกดิ จากงทู ัง้ ทีม่ พี ิษและไม่มพี ิษ โดยมากหากถกู งูพิษกัด จะเป็นรอยเข้ยี ว 2 จดุ พิษงอู าจมี ความรุนแรง ทำใหเ้ สยี ชวี ติ ได้ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ พษิ ตอ่ ระบบประสาทและระบบไหลเวยี นโลหิต การถกู งูกัด เปน็ ภาวะฉกุ เฉนิ เร่งด่วนอย่างหน่งึ ทีต่ ้องรีบใหก้ ารปฐมพยาบาล เพอ่ื ลดความรุนแรง หรือภาวะแทรกซ้อนจากพิษงู ทั้งยังเป็นการชะลอเวลาการออกฤทธิ์ของพิษงูเพ่ือนำส่งสถานพยาบาลได้ อย่างทนั ทว่ งที ในเมืองไทยเรางมู พี ษิ มีหลายชนดิ พษิ ของงูแบ่งออกครา่ วๆ เปน็ 3 แบบคอื 1.พิษงทู ่ที ำให้เกดิ การแข็งตัวของเลอื ดผิดปกติ เชน่ งแู มวเซา งเู ขียวหางไหม้ งูกะปะ 2. พษิ งทู ่ีทำให้เกิดเปน็ อัมพาตยับยงั้ การทำงานของระบบประสาท เชน่ งเู ห่า งูจงอาง 3. พิษงทู ท่ี ำใหเ้ กดิ การอกั เสบของกลา้ มเนือ้ อย่างรนุ แรง เชน่ งูทะเล การปฐมพยาบาล 1. กดปดิ แผลรอยเขย้ี วด้วยผ้าสะอาด 2. พนั ผา้ โดยรอบแผลให้แน่นพอควร แตใ่ ห้สอดนิ้วมอื ได้ 1 นิ้ว

102 3. หากมีผ้ายดื ใหพ้ ันรอบโดยเริม่ จากนวิ้ มือหรือเท้า ไล่ระดบั ถงึ รักแร้ หรือขาหนีบ ไม่แนน่ เกนิ ไป โดยตรวจสอบวา่ ปลายนวิ้ มือและเท้ายังมสี ชี มพแู ละไม่เปน็ เหนบ็ 4. ให้ใช้ไม้ดามแขนหรือขา หากเป็นแขนให้ใช้ผ้าแขวนแขน ให้แขนอยู่ในแนวตั้งฉากกับลำตัว เพอ่ื จำกัดการเคล่ือนไหว 5. ให้ผู้ป่วยเจบ็ อยนู่ ่งิ ไม่เคลือ่ นไหว หรือเคล่ือนไหวน้อยท่สี ดุ 6. รีบนำส่งสถานพยาบาล ข้อควรระวัง - หา้ มใชม้ ดี กรดี ไฟจ้ี พอกแผล หรือปากดดู บรเิ วณแผล - ห้ามดืม่ เครื่องดม่ื แอลกอฮอล์ ชา กาแฟ หรือเครือ่ งด่ืมชกู ำลงั - หลีกเล่ยี งการขนั ชะเนาะ - หากเปน็ ไปได้ใหน้ ำงูทีก่ ัดมาด้วย แต่ไมค่ วรเสยี เวลาไลจ่ บั งู 6. รับประทานสารพิษ สารพิษทีก่ ิน ได้แก่ ยาแก้ปวด ผงซกั ฟอก ยาฆ่าแมลง ยาลา้ งพื้น เปน็ ตน้ โดยผปู้ ่วยเจ็บจะมรี อย ไหม้หรอื แดงรอบ ๆ ปาก และภายในช่องปาก ลมหายใจมีกลิ่นสารเคมี เช่น ยาฆา่ แมลง ทนิ เนอร์ มีรอย ไหม้ สีหรือกลน่ิ ติดตามตัว เสื้อผา้ หรอื หกตามพื้น มีอาการผิดปกติ เชน่ คลนื่ ไส้ อาเจยี น ปวดทอ้ ง หายใจ ลำบาก สับสน หมดสติ การปฐมพยาบาล 1. ถา้ ผู้ปว่ ยรสู้ กึ ตัว ให้ถามวา่ ไดก้ นิ ยา สารเคมี หรอื ไม่ ชนดิ และปรมิ าณเทา่ ไหร่ 2. ควรหลกี เลี่ยงการทำให้อาเจียน 3. นำสง่ สถานพยาบาลทนั ที พรอ้ มภาชนะหรอื ฉลากสารพิษท่ีกนิ 4. หากผปู้ ว่ ยหมดสติแต่ยงั หายใจ ให้เปิดทางเดนิ หายใจ หรอื จดั ท่านอนตะแคง และมองดูใน ช่องปากวา่ มสี ิง่ แปลกปลอมหรือไม่ หากมใี หเ้ อาออก 5. ทำการช่วยชวี ิตข้ันพ้นื ฐาน หากผ้ปู ่วยไมร่ ู้สึกตัวและไมห่ ายใจ ขอ้ ควรระวงั ห้ามทำใหอ้ าเจียนในผปู้ ว่ ยเจบ็ ต่อไปน้ี - หมดสติ ซมึ - กินสารมีฤทธกิ์ ดั กรอ่ นเนือ้ เย่ือจำพวกกรด-ด่าง เชน่ นำ้ ยาล้างหอ้ งน้ำ โซดาไฟ กรดกัดยาง ฯลฯ ซึ่งสังเกตไดจ้ ากรอยไหม้แดงบริเวณปาก การอาเจยี นจะทำใหส้ ารพษิ ย้อนกลบั ข้ึนมา ทำอันตรายต่อเนือ้ เย่ือ ของหลอดอาหารและปากมากขึ้น - กนิ สารพิษพวกนำ้ มนั ปโิ ตรเลียม เช่น นำ้ มันกา๊ ด น้ำมนั เบนซิน นำ้ มันสน เปน็ ตน้ - มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เปน็ ตน้

103 5.4 การชว่ ยฟื้นคืนชีพข้นั พืน้ ฐาน การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน เป็นทักษะสำคัญที่ประชาชนทั่วไปควรปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เพราะจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นนอกโรงพยาบาลได้เป็นอย่าง มาก ปัจจุบันประเทศไทยเองได้มีการนำแนวทางในการช่วยฟื้นคืนชีพ ของ American Heart Association (AHA) ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2558 มาประยุกต์ใช้จนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้มีการพัฒนาและ ปรับปรุงแนวทางในการช่วยฟื้นคืนชีพอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ 5 ปี โดยมีการรวบรวมแนวปฏิบัติจาก การศึกษาทว่ั โลก แนวทางในการชว่ ยฟ้ืนคืนชพี นไี้ ด้กลา่ วถึงหลักการและขั้นตอนในการทำการนวดหัวใจ ผายปอดกู้ชีพ (cardiopulmonary resuscitation: CPR) โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ เพิ่มอัตราการรอด ชีวิตของผู้ป่วยที่มภี าวะหัวใจหยุดเต้นนอกโรงพยาบาล จากหลาย ๆ การศึกษาพบว่า การเริ่มต้นทำการ CPR ทันทีโดยผู้พบเห็นเหตุการณ์ (Bystanders CPR) ช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยที่มีภาวะ หัวใจหยุดเต้นนอกโรงพยาบาลได้ 2 – 4 เท่า นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่พบว่า การเข้าถึงระบบ การแพทย์ฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว และการเริ่มต้นใช้เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (Automated external defibrillator: AED) อย่างรวดเร็ว ยังช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วย ดังนั้น ในแนวทางการชว่ ยฟืน้ คืนชีพ ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2558 นี้ได้ให้ความสำคัญกับ 3 องค์ประกอบที่ นำมาส้กู ารรอดชวี ติ ของผูป้ ่วย ประกอบดว้ ย 1. การเร่มิ ต้น CPR โดยผู้พบเหน็ เหตุการณ์อยา่ งทันที ท้ังน้ี จึงต้องมีหลักสูตรที่อบรมให้ประชาชนทั่วไปสามารถทำการ CPR ได้อย่างถูกวิธีและหล้าที่จะเข้าให้การ ช่วยเหลือ 2. ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงระบบบรกิ ารการแพทย์ฉุกเฉนิ อยา่ งรวดเร็ว มีการแจ้งเหตุอย่าง ถูกต้องตามระบบ และ 3. สนบั สนุนให้ประชาชนรจู้ กั เครอื่ ง AED และใชง้ านเครอื่ งใหเ้ ปน็ โดยเคร่อื งน้ไี ด้ มีการติดตั้งไว้ในหลาย ๆ พื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยง เช่น ตามสนามบิน ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น เพื่อให้บุคคล ทั่วไปท่ีไม่ใชบ่ ุคลากรทางการแพทยเ์ ข้าใจขั้นตอน และแนวทางการทำ CPR ได้มากขึน้ มีแนวทางปฏิบตั ิ ตามขั้นตอนในเหตุการณ์ต่อเนื่องของการรอดชีวิต หรือ ห่วงโซ่การรอดชีวิต สำหรับภาวะหัวใจหยุด ทำงานที่เกดิ ขึน้ ทงั้ ในและนอกโรงพยาบาล ดงั นี้

104 รูปท่ี 5 เหตุการณ์ต่อเนอื่ งการรอดชีวติ สำหรบั ภาวะหัวใจหยดุ ทำงานท่เี กิดข้ึนในโรงพยาบาลและนอก โรงพยาบาล ทมี่ า: American Heart Association. แนวทางการนวดหวั ใจผายปอดกู้ชพี และการดแู ลผ้ปู ว่ ยโรคหวั ใจ ขาดเลอื ดในภาวะฉกุ เฉนิ ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2558, Texas: Greenville Ave, 2558. 5.4.1 ขนั้ ตอนการชว่ ยผายปอดก้ชู ีพ (CPR) ตามเหตุการณ์ตอ่ เนอ่ื งการรอดชีวติ สำหรับภาวะ หัวใจหยดุ เต้นนอกโรงพยาบาล 1) การรบั รูแ้ ละการแจ้งระบบตอบรบั ฉกุ เฉิน การรับรู้ถึงภาวะหวั ใจหยุดเต้นเป็นส่ิงท่ีจำเป็นมาก เพราะถ้ารับรู้ได้เร็ว ก็จะนำไปสูก่ ารช่วยทำ CPR ไดอ้ ย่างรวดเร็ว สง่ ผลใหผ้ ูป้ ่วยมีโอกาสในรอดชีวิตเพ่ิมขนึ้ การจะรบั รถู้ ึงภาวะหวั ใจหยดุ ทำงาน ได้นั้นผู้ที่พบเห็นเหตุการณจ์ ะต้องสามารถประเมินผู้ป่วยในเบือ้ งตน้ ได้ โดยการเข้าประเมินผู้ป่วยท่ี หมดสตินั้นจะตอ้ งคำนึงถงึ ความปลอดภัยของตนเองเป็นหลัก เพราะในบางเหตุการณ์อาจทำให้เกิด การบาดเจ็บต่อผู้ช่วยเหลือได้ เช่น ในกรณีที่มีไฟฟ้ารั่วไหล เป็นต้น ถ้าเหตุการณ์นั้นปลอดภัยแล้ว ค่อยเรม่ิ ตน้ เขา้ ประเมนิ ผปู้ ว่ ย โดยข้ันตอนการประเมินสามารถทำไดด้ ังนี้ • ตบที่ไหล่ของผู้ป่วยทั้ง 2 ข้าง พร้อมกับเรียกผู้ป่วย เพื่อประเมินระดับความรู้สึกตัวของ ผู้ป่วย หากผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว ไม่มีการตอบสนองให้สงสัยได้ว่าผู้ป่วยอาจมีภาวะหัวใจหยุด

105 ทำงาน ให้ผู้ช่วยเหลือรีบร้องขอความช่วยเหลือและโทรเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินทันที ท่ี เบอร์ 1669 • ประเมินการหายใจของผู้ป่วย โดยดูทรวงอกของผู้ป่วยว่ามีการขยับขึ้น – ลง ตามการ หายใจหรือไม่ ถ้าทรวงอกของผู้ป่วยไม่ขยับ หมายความว่าผู้ป่วยไม่หายใจ ให้สงสัยได้ว่า ผู้ป่วยอาจมีภาวะหัวใจหยุดทำงาน นอกจากนี้ความผิดปกติของการหายใจที่อาจพบได้ใน ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดทำงาน คือ การหายใจแบบ gasping หรือหายใจเฮือก ซึ่งมักพบ ในช่วงแรก ๆ ท่เี กิดภาวะหวั ใจหยดุ ทำงาน ดงั นัน้ ถา้ ประเมินพบวา่ ผูป้ ่วยไมร่ ู้สึกตัว ไมห่ ายใจ หรือหายใจเฮอื ก ใหผ้ ชู้ ว่ ยเหลือเร่ิมลงมือทำ การ CPR ได้เลยทันที หรือหากประเมินแลว้ ไม่แน่ใจว่าผู้ปว่ ยมภี าวะหวั ใจหยุดทำงานหรือไม่ มี ขอ้ แนะนำวา่ ให้เร่มิ ลงมือปฏิบตั กิ าร CPR ไดเ้ ลยทันทีเช่นกัน เพอื่ ลดการเสียโอกาสในการได้รับ การช่วย CPR ของผปู้ ่วยท่ีมีภาวะหัวใจหยดุ ทำงาน ท้ังน้ี การประเมนิ ดังกลา่ วข้างต้นจะต้องทำ โดยใช้เวลาในการประเมนิ ไมเ่ กิน 10 วนิ าทีเท่านั้น นอกจากน้ีการเข้าถึงระบบบริการการแพทย์ ฉุกเฉนิ อยา่ งรวดเร็วโดยการโทรแจ้งเหตุทีห่ มายเลข 1669 ยงั ชว่ ยเพิม่ โอกาสรอดชวี ิตของผู้ป่วย เพิ่มขึ้น เพราะหากผู้ช่วยเหลือไม่เคยผ่านการอบรมการทำ CPR มา เมื่อเข้าถึงระบบนี้จะมี คำแนะนำจากเจา้ หน้าท่ีใหเ้ ราปฏบิ ัตติ าม เพือ่ รอทีมช่วยเหลือไปถึงที่เกดิ เหตุ 2) การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพทมี่ ีคณุ ภาพสงู อย่างทนั ที การนวดหวั ใจผายปอดกชู้ ีพ หรอื การทำ CPR นัน้ เปน็ ขนั้ ตอนที่ควรปฏิบัติทนั ทีหลังจากรับรู้ได้ แลว้ ว่าผู้ป่วยมีภาวะหวั ใจหยดุ ทำงานระหว่างทีร่ อทมี กู้ชพี ไปถงึ ท่ีเกิดเหตุ ในกรณถี ้ามีผูช้ ่วยเหลือเพียงคน เดียวให้ปฏิบัติตามขั้นตอนการช่วยเหลือดังต่อไปนี้ในการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ คือ เริ่มกดหน้าอก (Chest compression) ช่วยเปิดทางเดินหายใจ (Airway) และช่วยหายใจ (Breathing) ในผู้ป่วยที่มี ภาวะหวั ใจหยดุ เตน้ ตามลำดบั โดยมรี ายละเอยี ดดงั ตอ่ ไปน้ี การกดหน้าอก (Chest compression) มีขัน้ ตอนปฏบิ ตั ดิ งั น้ี • จัดทา่ ผปู้ ว่ ยใหอ้ ยู่ในทา่ นอนหงาย บนพน้ื ราบท่ีแข็ง ไมท่ ำการกดหนา้ อกบนเตยี งนอน ทน่ี ุ่ม หลังจากนนั้ นั่งคกุ เข่าขา้ งผปู้ ่วย ดา้ นซา้ ยหรอื ขวากไ็ ด้ตามทีผ่ ชู้ ว่ ยเหลือถนัดและ สามารถทำไดใ้ นสถานการณน์ น้ั

106 • หาตำแหน่งในการวางสน้ มอื เพื่อทำการกดหนา้ อก ซึง่ ตำแหน่งท่ีแนะนำคอื ตรงกงึ กลาง ทอ่ นลา่ งของกระดกู หน้าอก (mid of lower sternum) ซงึ่ ตำแหนง่ น้ีจะอยู่ เหนอื บริเวณกระดกู ล้ินป่ขี นึ้ มาประมาณ 2 นว้ิ มอื หรือให้หาตำแหน่งทเ่ี ป็นจดุ ตดั ระหวา่ งเสน้ แนวตั้งกง่ึ กลางลำตวั ตัดกับเสน้ แนวนอนลากผา่ นหวั นม (Nipple Line) ดงั รูปที่ 6 รูปที่ 6 แสดงวธิ ีการวดั ตำแหนง่ ในการวางสน้ มือ เพอื่ การทำการกดหน้าอก ท่มี า: การช่วยชวี ติ ขนั้ พนื้ ฐานสำหรบั ประชาชนท่ัวไปและบคุ คลากรทางการแพทย์ ฉบบั ปรบั ปรงุ 2015 ศูนย์ฝึกทักษะการดแู ลผู้ปว่ ยในสถานการณ์เสมอื นจริง คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ จัดพิมพค์ ร้งั ท่ี 4 มกราคม พ.ศ. 2559 • วางสน้ มือขา้ งหน่งึ ลงบนตำแหนง่ และวางมืออกี ข้างประสานบนมอื แรก ต้องมน่ั ใจวา่ ไมว่ างบนกระดกู ซีกโครงของผปู้ ว่ ย พรอ้ มทงั้ วางแขนให้เหยยี ดตรง ต้งั ฉากกับตวั ผ้ปู ่วยดงั รปู ที่ 7

107 รูปท่ี 7 แสดงทา่ ทางในการกดหน้าอก ทม่ี า: สาขาปฏบิ ัติการฉุกเฉนิ การแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม ปี พ.ศ. 2563 • ทำการกดหนา้ อกด้วยอัตราเร็วท่ีอยใู่ นช่วงระหวา่ ง 100 – 120 ครง้ั ตอ่ นาที ระหวา่ ง กดหนา้ อกแขนของผูช้ ่วยจะตอ้ งเหยยี ดตรงตลอดเวลาไมง่ อแขน • กดหน้าอกให้ได้ความลกึ ในการกดอยู่ระหว่างชว่ ง 5 – 6 เซนติเมตร หรอื สงั เกตว่า หนา้ อกของผปู้ ว่ ยยบุ ลงประมาณ 1/3 ของความหน้าของหนา้ อกผปู้ ว่ ย • ปล่อยมอื ใหส้ ุดทกุ ครัง้ เพ่ือให้หนา้ อกขยายคืนปกติ (Chest Recoil) แล้วค่อยกด หนา้ อกครั้งต่อไป • ไม่หยดุ กดหนา้ อกบอ่ ยหรอื รบกวนการกดใหน้ อ้ ยกว่า 10 วนิ าที • กรณีมีผู้ชว่ ยเหลอื มากกวา่ 2 คน ให้เปล่ยี นคนกดหนา้ อกทกุ ๆ 2 นาที (หรอื กด หน้าอกด้วยอตั ราเร็ว 30 ครงั้ สลับกบั การชว่ ยหายใจ 2 ครง้ั จนครบ 5 รอบ ในผู้ปว่ ย ผใู้ หญ)่ โดยใหผ้ ้ชู ว่ ยเหลืออีกคนนงั่ อยฝู่ ง่ั ตรงขา้ มเพือ่ กดหนา้ อกต่อทันที อย่างตอ่ เน่ือง สลบั กนั ไปมา การเปดิ ทางเดนิ หายใจ (Airway) ในผปู้ ว่ ยทีห่ มดสตหิ รือมภี าวะหวั ใจหยุดทำงานนนั้ ปญั หาทพี่ บบอ่ ยคอื ทางเดนิ หายใจ อุดกนั้ ซึ่งเป็นผลมาจากล้นิ ทอ่ี ยู่ในปากเสยี การควบคมุ และตกไปด้านหลัง ปดิ ทางเดนิ หายใจ ทำ ใหผ้ ู้ป่วยขาดอากาศหายใจ ดงั นน้ั หลังทำการกดหน้าอกครบ 30 ครั้ง ผูช้ ่วยเหลอื อาจตอ้ งหยดุ กดหนา้ อกชั่วคราว เพือ่ ทำการช่วยหายใจใหผ้ ู้ป่วย 2 ครงั้ แตห่ ากไมม่ ีการเปิดทางเดินหายใจ กอ่ น อาจทำให้การช่วยหายใจไม่มีประสิทธภิ าพ ดังนน้ั ในขนั้ ตอนนผี้ ูช้ ว่ ยเหลือต้องทำการเปดิ ทางเดนิ หายใจใหผ้ ปู้ ว่ ย โดยใช้วธิ กี ดหนา้ ผากเชยคาง (head tilt chin lift) ดงั รูปท่ี 8 ในกรณที ่ี ผู้ปว่ ยไม่มกี ารบาดเจ็บของกระดูกสนั หลังสว่ นคอ แตถ่ า้ หากสงสยั การบาดเจ็บของกระดูกส่วน

108 คอร่วมดว้ ย ให้ผู้ชว่ ยเหลือใช้มอื ประคองศีรษะผปู้ ว่ ยทัง้ สองขา้ งไว้น่ิง ๆ เพ่ือลดการเคลื่อนไหว ของกระดูกสนั หลังส่วนคอ รปู ท่ี 8 แสดงการเปิดทางเดินหายใจแบบกดหนา้ ผางเชยคางในผู้ป่วยทไี่ มส่ งสยั การบาดเจบ็ ของกระดกู สนั หลังสว่ นคอ ท่มี า: สาขาปฏบิ ัตกิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ปี พ.ศ. 2563 การช่วยหายใจ (Breathing) ตามคำแนะนำของแนวทางการช่วยนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ ปี พ.ศ. 2558 ระบุว่า ถ้าผู้ ช่วยเหลือไม่เคยผ่านการอบรมการช่วยฟื้นคืนชีพมา ให้ทำการกดหน้าอกเพียงอย่างเดียว โดยฟัง คำแนะนำทางโทรศพั ทจ์ ากเจา้ หน้าที่ แตถ่ า้ เคยผา่ นการอบรมมาแลว้ ให้ทำการกดหน้าสลบั กบั การช่วยให้ ใจอย่างถูกวิธีถ้าทำได้ ทั้งนี้ การช่วยหายใจนั้นผู้ช่วยเหลืออาจต้องมีอุปกรณ์ในการป้องกันตัวเอง เช่น หน้ากากช่วยหายใจ หรือแผ่นกันน้ำลาย เพราะการช่วยหายใจมีความเสย่ี งในการสมั ผัสน้ำลายจากผู้ป่วย ซ่ึงอาจเป็นชอ่ งทางในการติดเช้อื โรคบางชนดิ จากผปู้ ว่ ยได้ ดงั นัน้ แนวทางปฏิบัตริ ะบไุ วอ้ ย่างชดั เจนว่า ถ้า ผูช้ ่วยเหลือไม่กลา้ เปา่ ปาก เพ่ือช่วยหายใจให้แก่ผปู้ ว่ ยทไี่ ม่ใช่ญาติ สามารถชว่ ยเพยี งกดหน้าอกอย่างเดียว ก็เพียงพอแล้ว แต่หากช่วยหายใจร่วมด้วยจะต้องทำสลับกับการกดหน้าอก โดยในผู้ป่วยผูใ้ หญ่อัตรากด หน้าอกต่อการช่วยหายใจเป็น 30:2 แต่ถ้าเป็นผู้ป่วยเด็ก (1 ปี ถึงวัยเจริญพันธุ์) เป็น 15:2 ซึงมีขั้นตอน ปฏบิ ัตดิ ังนี้ • เปิดทางเดินหายใจผู้ป่วย และใช้มือที่กดหน้าผากบีบจมูกของผู้ป่วยให้สนิทก่อนการ เปา่ ปากเพ่อื ชว่ ยหายใจ

109 • ผู้ช่วยเหลือหายใจเข้า ใช้ปากประกบปากของผู้ป่วย และเป่าลมผ่านอุปกรณ์ป้องกัน จนสังเกตเห็นหน้าอกผู้ป่วยขยับขึ้น ใช้เวลาประมาณ 1 วินาที แล้วขึ้นมาหายใจและ เปา่ อีกครั้ง รวม 2 คร้งั ดงั รูปท่ี 9 • หลังจากเป่าปากชวยหายใจครบ 2 ครั้ง เรม่ิ ตน้ ทำการกดหนา้ อกต่อทันที รูปที่ 9 แสดงการชว่ ยหายใจในผูป้ ่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดเตน้ ทมี่ า: สาขาปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ปี พ.ศ. 2563 3) การกระตุน้ หัวใจดว้ ยไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) นั้นถูกประกาศให้เป็นเครื่องมือในการปฐม พยาบาล ประชาชนสามารถใช้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น ถ้าพบเห็นผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุด ทำงาน ต้องรีบนำเครื่องนี้มาใช้ในการช่วยเหลือทันที หากบริเวณที่เกิดเหตุนั้นมีการติดตั้งเอาไว้อยู่ แต่ หากไม่ทราบสามารถสอบถามจากเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุขณะที่โทรเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินได้ ให้ผู้ ช่วยเหลือเริ่มต้นใช้งานเครื่อง AED ทันทีเมื่อเครื่องมาถึงที่เกิดเหตุ เพื่อให้เครื่อง AED นี้ช่วยในการ วิเคราะห์คลื่นไฟฟ้าหัวใจของผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดทำงาน เพราะบางกรณีผู้ป่วยอาจมีลักษณะของ คลื่นไฟฟ้าที่จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าจึงจะกลับมาเป็นปกติได้ โดยให้ปฏิบัติตามขั้นตอน ต่อไปนี้ • เมอื่ เครอื่ งมาถงึ ท่ีเกดิ เหตุ ทำการเปิดเครือ่ งทนั ที

110 • แปะแผ่นนำไฟฟ้าตามคำแนะนำของเครื่อง โดยตำแหน่งที่แปะนั้นแสดงบนแผ่นนำไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วย 2 แผ่น (กรณีมีผู้ช่วยเหลือ 2 คน ระหว่างแปะแผ่นให้ทำการกดหน้าอก อยา่ งตอ่ เนื่อง จนกระทั่งเคร่ือง AED สงั่ ใหห้ ยดุ กดหน้าอก) ดงั รูปท่ี 10 รปู ท่ี 10 แสดงการแปะแผ่นนำไฟฟ้าของเครอื่ งฟน้ื คืนคลนื่ หัวใจด้วยไฟฟา้ อตั โนมัติ ทมี่ า: สาขาปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ปี พ.ศ. 2563 • ภายหลังแปะแผ่นนำไฟฟ้าเรียบร้อย เครื่องจะบอกให้หยุดกดหน้าอกผู้ป่วย และเครื่องจะ ทำการวิเคราะห์คล่ืนไฟฟ้าหัวใจของผู้ป่วย ในขั้นตอนนี้ให้ปฏิบัติตามเครื่อง คือให้ผู้ ช่วยเหลอื หยุดกดหน้าอกและอย่าสัมผสั ตวั ผูป้ ว่ ย ดงั รูปท่ี 11 รปู ที่ 11 การไม่สมั ผสั ตัวผปู้ ่วยขณะท่ีเคร่ืองฟืน้ คนื คลนื่ หวั ใจดว้ ยไฟฟา้ อัตโนมตั ิกำลังวิเคราะห์ ที่มา: สาขาปฏิบตั ิการฉกุ เฉนิ การแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ปี พ.ศ. 2563

111 • หลังจากเครอ่ื งวเิ คราะหค์ ล่ืนไฟฟ้าหัวใจของผปู้ ว่ ยเรยี บรอ้ ย เครือ่ งจะบอกใหเ้ รากดปุม่ ช็อค ที่ตัวเครื่อง เพื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นหัวใจของผู้ป่วยในกรณีที่คลื่นไฟฟ้านั้น จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นด้วยไฟฟ้า ในขั้นตอนนี้ให้กดปุ่มชอ็ คที่ตัวเครื่อง โดยที่ปุ่มจะมี ไฟแจ้งเตือนให้กด แต่หากเครือ่ งวิเคราะห์แล้วว่าไม่จำเป็นต้องกระตุ้นด้วยไฟฟ้า เครื่องจะ บอกให้ทำการกดหนา้ อกต่อทนั ที • ในกรณีที่เครื่องให้ทำการกระตุ้นด้วยไฟฟ้า ก่อนกดปุ่มช็อคที่ตัวเครื่อง ผู้ช่วยเหลือต้อง มั่นใจว่าไม่มีใครสัมผัสตัวของผู้ป่วยอยู่ โดยนับ (1) ฉันถอย (2) คุณถอย และ (3) ทุกคน ถา่ ย แลว้ คอ่ ยกดป่มุ ช็อค ดังรูปท่ี 12 รูปที่ 12 การไมส่ มั ผสั ตัวผปู้ ่วยขณะทเี่ ครอ่ื งฟื้นคนื คลนื่ หวั ใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติแนะนำใหท้ ำ การช็อคไฟฟ้า ทม่ี า: สาขาปฏบิ ัตกิ ารฉุกเฉินการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม ปี พ.ศ. 2563 • ภายหลงั กดปมุ่ ชอ็ คเรียบร้อย หรือในกรณที ี่เครื่องไม่แนะนำใหท้ ำการชอ็ คไฟฟา้ ใหเ้ รม่ิ ต้น ทำการกดหน้าอก สลับการช่วยหายใจ 30:2 ทันทีจนครบ 2 นาที เครื่องจะสั่งให้หยุดกด หน้าอกอกี รอบ พร้อมวเิ คราะหค์ ลนื่ ไฟฟา้ หวั ใจของผู้ปว่ ยซ้ำอกี รอบ • ทำการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจนกระทั่งทมี แพทย์ฉุกเฉินมาถึงที่เกดิ เหตุให้เป็นหน้าที่ของ ทมี แพทยฉ์ กุ เฉินต่อไปในการดแู ลผู้ปว่ ยในกระบวนการต่อไป

112 เอกสารอา้ งองิ ณัฐสุรางค์ บญุ จนั ทร.์ 2559. ทกั ษะพืน้ ฐานทางการพยาบาล= Basic nursing skills. กรงุ เทพฯ: เอน็ พี เพรส. ทกั ษะพนื้ ฐานทางการพยาบาล= Basic nursing skills. กรุงเทพฯ: การพยาบาลพน้ื ฐาน: หลกั การและ แนวคดิ . กรุงเทพฯ: practice guidelines (2nd ed.). พลู สุข หงิ คานนท์.2555.ทกั ษะทางการพยาบาล. พิมพค์ รงั้ ที่ 1.พษิ ณุโลก: ดาวเงนิ การพมิ พ์ สุปาณี เสนาดิสัย.2560. การพยาบาลพน้ื ฐาน. พมิ พค์ รง้ั ท่ี 1 กรุงเทพมหานคร:โรงเรียนพยาบาล รามาธบิ ดี. สำนกั วชิ าพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟา้ หลวง In KM: Best Practice in Clinical Teaching อจั ฉรา พมุ่ ดวง.2559.การพยาบาลพน้ื ฐาน : ปฏบิ ตั กิ ารพยาบาล Nursing Practice .พิมพค์ รงั้ ท่ี 1 ฉบับ ปรบั ปรุง.กรงุ เทพฯ : ภาควชิ าการพยาบาลพนื้ ฐานและบรหิ ารการพยาบาล วทิ ยาลัยพยาบาล สภากาชาดไทย. American Heart Association. แนวทางการนวดหวั ใจผายปอดกู้ชีพและการดูแลผปู้ ว่ ยโรคหัวใจขาด เลอื ดในภาวะฉุกเฉนิ ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2558, Texas: Greenville Ave, 2558. การชว่ ยชีวิตขน้ั พนื้ ฐานสำหรับประชาชนทวั่ ไปและบุคคลากรทางการแพทย์ ฉบบั ปรบั ปรุง 2015 ศนู ย์ ฝกึ ทักษะการดแู ลผปู้ ่วยในสถานการณเ์ สมือนจริง คณะแพทยศ์ าสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น จดั พิมพค์ รั้งท่ี 4 มกราคม พ.ศ. 2559 European Resuscitation Council Guidelines for Resuscitation 2015 (www.erc.edu) คณะกรรมการมาตรฐานการช่วยชีวิตแหง่ ประเทศไทย สมาคมแพทย์โรคหวั ใจในพระบรมราชปู ถัมภ์. การช่วยชีวติ ขน้ั พน้ื ฐานสำหรบั ประชาชนทัว่ ไป (Basic Life Support for Non- Healthcare Provider: BLS-NHCP). (http://www.medilife.co.th/bls- nhcp#&gid=1&pid=1)

113 บทที่ 6 รเู้ ท่าทันเครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอล์ บุหร่ี และยาสบู วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม 1. นสิ ิตสามารถบอกถงึ ผลกระกระทบต่อสขุ ภาพจากการดืม่ แอลกอฮอล์ได้ 2. นิสิตสามารถบอกถึงผลกระทบตอ่ สุขภาพจากการสบู บุหรี่และพษิ ภยั ของควนั บุหรไ่ี ด้ 3. นสิ ิตสามารถอธบิ ายวธิ ีหลีกเล่ยี งผลกระทบจากเครอื่ งดมื่ แอลกอฮอลไ์ ด้ 4. นสิ ิตอธิบายวธิ ีหลีกเลี่ยงพิษภยั จากบหุ ร่ไี ด้ วิธีการสอน/กิจกรรมการเรยี นการสอน 1. บรรยาย และยกตัวอยา่ งประกอบ สอดแทรกแนวนดิ 2. สอนโดยใช้คลปิ วดี โี อ 3. อภปิ ราย/ซกั ถาม 4. ใบงาน /คำถามทา้ ยบท การประเมนิ ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ 1. ประเมนิ การเรียนรู้จากการทดสอบปลายภาค 2. ประเมินการเรยี นรู้จากใบงาน/คำถามทา้ ยบท

114 บทนำ การดมื่ สรุ าหรือเครื่องดมื่ แอลกอฮอล์ ไดม้ ีมาคกู่ ับสังคมโลกตง้ั แตย่ คุ ประวัตศิ าสตร์ โดยสรุ าหรือ เครื่องดื่มทมี่ ีแอลกอฮอล์ เปน็ สง่ิ เสพติด ดื่มเขาไปแล้วนอกจากไม่มปี ระโยชนต์ ่อร่างกายแลว้ หากดม่ื เปน็ ประจำจะทำให้เกดิ โรครา้ ยตามมามากมาย เช่น โรคทางระบบประสาท หวั ใจ และมะเรง็ เป็นต้น เม่ือดื่ม สรุ าใหม่ๆ จะทำให้รูส้ กึ กระปรก้ี ระเปร่า สดชนื่ และเมื่อดื่มมากขน้ึ หรอื ดื่มสุราเปน็ ประจำ จะทำใหส้ มอง และความจำเสือ่ ม รา่ งกายอ่อนแอ ทรุดโทรม มีกลนิ่ ตวั ขาดสติ ขาดความน่าเชื่อถอื ทำให้ความสามารถ ในการขบั ขรี่ ถยนต์ลดลง นอกจานีย้ งั มผี ลทำให้ตัวเองและครอบครัวเดือดร้อนแล้ว สงั คมกพ็ ลอย เดือดร้อนไปด้วย ซ่งึ จะมีแตค่ วามสูญเสียท่ีใคร ๆ กไ็ มอ่ ยากให้เกิด บุหรห่ี รือยาสูบ จะหมายถงึ บหุ รซี่ ิกาแลต บุหรีซ่ ิกการ์ บหุ รอ่ี ่นื ยาเสน้ หรือยาปรุงตามกฎหมาย ว่าดว้ ยยาสบู บหุ ร่ี ในทนี ้ีรวมถึงบหุ รี่ไฟฟา้ ดว้ ยการสบู บหุ รีเ่ ป็นอนั ตรายร้ายแรงตอ่ สุขภาพ เพราะในควนั บหุ รปี่ ระกอบไปดว้ ยสารพษิ ตา่ งๆมากมายหลายชนิดและมผี ลตอ่ สุขภาพท้ังโดยทางตรงและทางอ้อม ควนั บหุ รมี่ สี ารพษิ 40 กวา่ ชนดิ ก่อโรคมะเร็งปอด โรคหวั ใจ โรคถุงลมโปง่ พอง มะเร็งของผนังชอ่ งปาก มะเร็งหลอดลม และโรคอื่น ๆทเ่ี กีย่ วขอ้ งมากมาย โดยอนั ตรายทเี่ กิดขึ้นจะเกดิ กบั ผ้สู บู และผู้ทส่ี ดู ดมควัน บุหรี่จากผอู้ ่นื แม้ไมไ่ ดส้ บู กต็ าม ปจั จยั ทีท่ ำใหค้ นเราด่ืมสุรา หรอื สบู บหุ รี่ มหี ลายปจั จยั ร่วมกนั ต้ังแต่ปจั จัยเกี่ยวตัวบคุ คลซึ่งเปน็ ปัจจยั สำคัญทจี่ ะทำให้เกิดพฤติกรรมท้งั ดา้ นดแี ละดา้ นไม่ดีของบคุ คล เช่น ความรู้ ทัศนคติ ความเช่ือ ค่านิยม พฤตกิ รรมของบุคคล ฯลฯ ปจั จยั เก่ียวกับผลิตภณั ฑ์ อนั ไดแ้ ก่ สารและปริมาณสารในผลติ ภณั ฑ์ แอลกอฮอล์ หรอื บหุ ร่ี ท่ที ำให้ตดิ สาร และกอ่ ใหเ้ กดิ อันตรายได้ รวมถึงกลยุทธ์ทางการตลาดในการ สง่ เสรมิ การขายทหี่ ลากหลายฯลฯปัจจัยเกย่ี วกับส่งิ แวดล้อม ได้แก่ วัฒนธรรม ประเพณขี องแต่ละพ้นื ท่ี ซง่ึ เปน็ ตำกำหนดวถิ ีชวี ติ ของบุคคลในชมุ ชนทปี่ ฏบิ ัตสิ บื ทอดกนั มา ดังนนั้ ผผู้ ลิตเคร่อื งดม่ื แอลกอฮอล์ หรอื บหุ ร่ี จะใช้ประเพณหี รือวัฒนาธรรมเป็นตัวเช่อื มพฤตกิ รรมการดื่มแอลกอฮอล์ หรือการสบู บุหรี่ แอบแฝง ในประเพณหี รอื เทศกาลต่าง ๆ จนกลายเปน็ วิถชี ีวติ เกดิ พฤติกรรมตอ่ เนอ่ื งจน”ติดเหล้า”หรือ“ตดิ บุหรี่” แลว้ เกดิ ผลกระทบตามมามากมายท้งั ทางดา้ นสุขภาพ เศรษฐกจิ และสงั คม ดังนนั้ การรู้เทา่ ทนั อันตรายจากเคร่ืองดมื่ แอลกอฮอล์ บหุ รี่ และยาสูบ โดยขจดั ความร้แู ละความ เช่ือทผี่ ิดๆ โดยการไม่ด่มื สรุ า หรอื บหุ รี่ จึงเปน็ สิง่ ท่ดี ที ่สี ดุ ในคนที่ดม่ื หรอื สบู บหุ ร่ีอย่แู ล้วจำเปน็ ต้อง คอ่ ยๆ ลด ละ อยา่ งเป็นขนั้ เปน็ ตอนจนกระทงั่ เลิกการด่ืมเครอื่ งดม่ื ทีม่ แี อลกอฮอล์ หรอื เลิกสูบบหุ รไ่ี ด้ใน ที่สดุ

115 เนือ้ หา 1. เคร่ืองดืม่ แอลกอฮอล์ 2. บุหรีแ่ ละยาสบู 3. ผลกระทบเคร่อื งดื่มแอลกอฮอล์ บุหรแี่ ละยาสบู 4. รูเ้ ท่าทันกลยทุ ธท์ างการตลาดของเครือ่ งดืม่ แอลกอฮอล์ บหุ ร่ีและยาสูบ 6.1 เครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ 6.1.1 ความหมายของเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ พระราชบญั ญตั ิสุรา พ.ศ.2493 ไดน้ ยิ ามคำวา่ สุรา หมายความรวมถงึ วตั ถทุ ้งั หลายหรอื ของผสม ที่มแี อลกอฮอลซ์ ่งึ สามารถดืม่ กินได้ เช่น เดียวกบั นำ้ สรุ าหรอื ซง่ึ ด่มื กินไมไ่ ด แตเ่ มอื่ ไดผสมกบั น้ำหรือ ของเหลวอยา่ งอื่นแลว สามารถดม่ื กินได เชน่ เดียวกบั น้ำสุรา (สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา.2556) ในขณะท่พี ระราชบญั ญตั ิควบคมุ เครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ให้นิยามความ หมายของ เคร่อื งด่ืม แอลกอฮอล์ หมายความวา่ สุราตามกฎหมายวา่ ด้วยสรุ า ไมร่ วมถึงยา วตั ถุออกฤทธิต์ อ่ จิตและประสาท ยา เสพติดให้โทษตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการนัน้ (สำนักงานคณะกรรม การความคมุ เครือ่ งดม่ื แอลกอฮอล์บุหร่ี และยาสบู .2551) สุราหมายถึงเคร่ืองด่มื ที่มแี อลกอฮอล์ชนิดทด่ี ่ืมไดห้ รอื เอทลิ แอลกอฮอล(์ Ethyl Alcohol) ผสม อยู่ในปรมิ าณไม่เกิน60%ปรมิ าณดังกล่าวน้ีเป็นเกณฑ์มาตรฐานสากลสำหรบั ปรมิ าณทีค่ นสามารถด่มื ได้ 6.1.2 การแบง่ ประเภทสรุ า การแบ่งประเภทของเคร่อื งดื่มแอลกอฮอล์จะใชก้ ารแบ่งประเภทตามพระราชบัญญัตสิ ุรา โดย กรมสรรพสามติ ได้แบง่ ประเภทของสุราออกเป็น 2 ประเภทคือ 1.สุราแชห่ รอื สรุ าหมัก (Fermented liquors ) คือ สรุ าทไ่ี ด้จากการหมกั ส่าเหลา้ (ยสี ต)์ ทำให้ เกิดแอลกอฮอล์(น้ำเมา) มคี วามแรงแอลกอฮอล์มากหรือน้อยตามความตอ้ งการโดยไมม่ ีการกลนั่ แบ่งได้ 4 ชนิด 1) สุราหมักจากธญั พืช เป็นสุราทีไ่ ดจ้ ากการหมกั เมล็ดธัญพชื หรือแป้งจากเมล็ด หรอื แปง้ จากหัวธญั พืชเชน่ เบยี ร์ อุ สาโท ไวน์ขา้ ว 2) สรุ าหมกั จากน้ำหวาน เปน็ สรุ าท่ไี ด้จากการหมกั น้ำหวานและน้ำตาลจากพืชหรือสตั ว์ เชน่ น้ำตาลเมา กะแช(่ toddy) ไซเดอร์ (Cider) ไวนผ์ ลไม้ ไวน์นำ้ ผงึ้ 3) สุราหมักผสม เปน็ สุราท่ีใช้สรุ าชนิดท่ี 1 และ 2 ผสมกนั แล้วแตง่ กลน่ิ สี รสชาตดิ ้วยตวั ยา สมุนไพร หรอื ผลไม้ เช่น เวอรม์ ุธ (Vermouth) ไวนย์ า( Medicated wines )ไวนพ์ ้นั ซ์ (Punch wine ) 4) สรุ าหมักผสมสุรากล่นั เป็นเมรยั ทผี่ สมระหวา่ งเมรัยชนดิ ท่ี 1 กับชนิดที่ 2 แล้วปรับแรง แอลกอฮอล์ดว้ ยสุรากลน่ั เพื่อให้มแี รงแอลกอฮอล์สงู ข้นึ แต่ไมเ่ กิน 23 ดีกรี เช่น ไวนด์ กี รีสงู (Fortified wine ) เหลา้ เชอรี่ (Sherry ) ปอรต์ ไวน์( Port wine )

116 2. สุรากล่ัน(Distilled liquors /distilled spirits) คอื แอลกอฮอลก์ นิ ได้ ( Ethyl alcohol ) ท่ีได้ จากการหมกั สา่ ผลไม้ น้ำหวาน พืชและธัญพชื ให้เกดิ แรงแอลกอฮอล์แล้วนำมากลัน่ โดยบางชนิดมีการ บม่ ใหม้ รี สชาติและกลิน่ ดี แบ่งได้ 3 ชนดิ 1) สรุ ากลน่ั โดยตรง เพ่ือให้ไดร้ สและกลิ่นเฉพาะตัวของวัตถดุ บิ ทใ่ี ชใ้ นการหมกั อาจมีการปรุง แต่งกลน่ิ รส และปรับระดบั ความแรงแอลกอฮอลใ์ ห้พอเหมาะ เชน่ สรุ าขาว หรอื เหล้าโรง วอดกา้ (Vodka ) เตกิลา่ (Tequila ) เป็นตน้ 2)สุรากลน่ั ปรงุ หรือผสมพิเศษ เปน็ สรุ ากล่ันท่นี ำมาปรงุ แตง่ ระดบั แอลกอฮอล์ กลิ่นสี และ รสชาติดว้ ยสมุนไพรและวตั ถุดบิ ปรุงแตง่ อ่นื ๆ แบง่ ไดเ้ ปน็ 2 ชนดิ คือ สรุ าแช่สมนุ ไพร เช่น สรุ าจีนชนิด ตา่ ง ๆ และ สุราแชส่ มุนไพรกลน่ั ทบั แบง่ ไดอ้ อกเป็น 3 ชนดิ ยอ่ ยคือ 2.1) สุรากลนั่ แช่สมุนไพรและผลไมก้ ลั่นทบั เปน็ สุราท่แี ชผ่ ลไม้หรือสมนุ ไพรจนได้กลนิ่ ตามที่ ตอ้ งการจากนน้ั จงึ นำไปกลั่นซำ้ เอาแตก่ ล่ินไมไ่ ด้มุ่งเอารสชาติหรือสรรพคณุ ตวั ยา เชน่ เหล้ายนิ (Gin) สรุ าผสม หรือสรุ าผสมพิเศษ สรุ าปรุงพเิ ศษ 2.2) สรุ ากลน่ั ปรุงรส เปน็ สรุ ากลัน่ ปรงุ รส เป็นสุราทกี่ ลนั่ แลว้ นำมาปรงุ แตง่ รสให้หวาน หอม มสี ี ตา่ ง เชน่ สรุ าเปป๊ เปอรม์ ินท์ (Peppermint) สรุ ากาแฟ (Cream of coffee)เป็นตน้ 2.3) สุรากลนั่ ปรงุ และบ่ม เปน็ สรุ ากล่นั ทปี่ รุงแตง่ แรงแอลกอฮอล์ กลน่ิ สี และรสชาตดิ ้วยหัว เช้ือปรุงแล้วนำมาบม่ ในถังไมโ้ อ๊ก เช่น สกอ็ ตวิสกี้ (Scotch whisky) เบอรบ์ อน (Bourbon) บร่ันดี (Brandy) รมั (Rum) 3. สรุ าพิเศษ หมายถึงสรุ ากลนั่ ตามท่ีกำหนดในกฎกระทรวง ฉ.ที่ 46 (พ.ศ. 2513)ซึ่งทำโดยใช้ วัตถดุ บิ การกลน่ั การเก็บบม่ และการปรุงแตง่ ดงั นี้ วสิ ก้ี (Whisky)รมั (Rum)ว๊อดกา้ (Vodka)ลเิ คอร์ (Liqueur)บรนั่ ดี (Brandy)ยนิ (Gin) ลักษณะของสุราตามประกาศ กรมสรรพสามติ (2561) เรอื่ ง หลักเกณฑ์ วธิ ีการและเงอ่ื นไขใน การผลิตสรุ าและการนำสุราออกจากโรงอุตสาหกรรมเพ่อื ตรวจวเิ คราะห์ในขนั้ ตอนการผลติ จะมดี ังน้ี 1.เบียร์ เปน็ สุราท่ไี ด้จากการหมกั สารละลายทไ่ี ด้จากการตม้ สกัดมอลต์ข้าวบารเ์ ลยก์ ับ ฮอ๊ ป หรือผลิตภัณฑ์จากฮ็อป โดยอาจใช้คารโ์ บไฮเดรตจากวตั ถุดบิ อื่น ๆ เปน็ ส่วนผสมในการต้มสกดั ดว้ ย หรือไม่กไ็ ด้ 2.ไวน์ เปน็ สุราทไี่ ดจ้ ากการหมกั ผลไม้จาํ พวกอง่นุ หรอื ผลิตภณั ฑ์จากผลองนุ่ 3.สปาร์กลิ้งไวน์ เปน็ ไวนท์ ม่ี กี ารเติมก๊าซคารบ์ อนไดอ๊อกไซด์ หรือการเกิดก๊าซคารบ์ อนไดออ๊ ก ไซด์จากการหมักครัง้ ท่ีสองในขวดหรือภาชนะทป่ี ดิ สนทิ 4.สรุ าแชผ่ ลไม้ เปน็ สุราทไ่ี ด้จากการหมกั ผลไมอ้ ่นื หรือผลิตภณั ฑจ์ ากผลไม้อื่นนอกจากองนุ่ และ ให้หมายความรวมถงึ สรุ าแช่ผลไมท้ ีม่ ีสว่ นผสมขององุน่ หรอื ไวนด์ ว้ ย 5.สุราแชพ่ นื้ เมือง เปน็ สรุ าทไี่ ดจ้ ากการหมักวตั ถุดิบจำพวกนำ้ ตาล เชน่ กระแช่หรือน้ำตาลเมา หรอื จากวัตถุดบิ จําพวกขา้ ว เชน่ อุ น้ำขาว หรือสาโท หากผสมสุรากลนั่ ต้องมีแอลกอฮอล์ ไม่เกนิ 15 ดกี รี 6.สรุ าแช่อ่ืน เป็นสุราแชท่ ีไ่ ดจ้ ากการหมักวัตถุดบิ ทมี่ ิใชผ่ ลไมห้ รอื ผลติ ภณั ฑจ์ ากผลไมแ้ ละมใิ ช่ เบียรแ์ ละสุราแช่พ้นื เมอื ง

117 7.สุราแชช่ มุ ชน เป็น ไวน์ สปารก์ ล้งิ ไวน์ สุราแช่ผลไม้ สรุ าแช่พน้ื เมอื ง และสรุ าแช่อนื่ ทผี่ ลติ จาก โรงอุตสาหกรรมทใ่ี ชเ้ ครื่องจักรท่มี กี ําลังรวมต่ำกวา่ ห้าแรงม้าหรอื ใช้คนงานน้อยกว่าเจด็ คน หรอื กรณใี ช้ เคร่ืองจกั รและคนงาน เครื่องจักรต้องมี กําลงั รวมต่ำกว่าหา้ แรงมา้ และคนงานตอ้ งนอ้ ยกวา่ เจด็ คน ซึ่งมี แรงแอลกอฮอลแ์ ละคณุ สมบตั ิตามประกาศ 8.เอทานอล เปน็ สรุ ากลนั่ มคี วามแรงแอลกอฮอล์ (ดกี รี) ตั้งแต่ 99.5 ดกี รขี ึน้ ไปสำหรับนาํ ไปใช้ เป็นเชื้อเพลงิ และใหห้ มายความรวมถงึ สุราสามทบั เพ่ือสง่ ออกไปนอกราชอาณาจักรด้วย 9.สุราสามทับ เปน็ สุรากลน่ั ทมี่ แี อลกอฮอล์ตัง้ แต่ 80 ดกี รี ขึน้ ไป 6.1.3 สถานการณก์ ารบริโภคเคร่อื งด่ืมแอลกอฮอล์โลกและประเทศไทย องค์การอนามัยโลก (WHO.2018) ไดร้ ายงานวา่ ประชากรโลกประมาณ 2.3 พนั ล้านคนเปน็ ผู้ดม่ื สรุ าในปจั จุบนั ในปี 2010 ปรมิ าณแอลกอฮอล์ท่ีประชากรโลกด่มื หวั ตอ่ ปี(Total alcohol per capita consumption (APC)) โดยคดิ เป็นปริมาณเอธานอลบริสุทธ์ิ เฉลีย่ 19.4 ลิตรในผูช้ าย และ 7.0 ในผู้หญงิ และ ปี 2016 มีรายงานวา่ กวา่ 43 % ของประชากรโลกที่อายุ 15 ปีขึ้นไปเป็นผดู้ มื่ แอลกอฮอล์ ประเทศ ท่มี ีผดู้ มื่ เทยี บปรมิ าณเอธานอลบริสทุ ธ์ิเปน็ ลติ ร/คน/ปี 10 อันดับแรกของโลกได้แก่ (World Population Reviews.2020) 1. เบรารสุ (Belarus) 14.4 ลติ ร/คน/ปี 2. ลธิ ัวเนยี (Lithuania) 12.9 ลติ ร/คน/ปี 3. เกรนาดา(Grenada) 11.9 ลิตร 4. สาธารณรัฐเชค (Czech Republic) 11.8 ลิตร/คน/ปี 5. ฝร่ังเศส (France) 11.8 ลิตร/คน/ปี 6. รัสเซีย (Russia) 11.5 ลิตร/คน/ปี 7. ไอร์แลนด์ (Ireland) 11.4 ลิตร/คน/ปี 8. ลักเซมเบอร์ก (Luxembourg) 11.4 ลติ ร/คน/ปี 9. สโลวาเกีย (Slovakia) 11.4 ลติ ร/คน/ปี 10. เยอรมนี (Germany) 11.3 ลติ ร /คน/ปี สำหรบั ประเทศไทยปริมาณการดม่ื เครือ่ งดม่ื แอลกอฮอล์ในปี 2553 คดิ เปน็ ปรมิ าณเอธานอล บริสทุ ธ์ิ ต่อคน/ต่อปี เทา่ กบั 7.6 ลิตร/คน/ปี และในปี 2559 เท่ากบั 8.3 ลติ ร/คน/ปี ดมื่ มากเปน็ อันดบั ท่ี 41 ของโลก โดยนยิ มดืม่ สุรากลนั่ รอ้ ยละ 69 เบียร์รอ้ ยละ 28 ไวน์และอ่ืนๆ ร้อยละ 3 (WHO.2018) จากรายงานผลการสำรวจพฤตกิ รรมการสบู บุหรีแ่ ละการดม่ื สรุ าของประชากร พ.ศ. 2560 โดยสำนักงาน สถิตแิ ห่งชาติ โดยเกบ็ ขอ้ มลู จากกลุ่มอายุ 15 ปขี ึ้นไปทั้งสนิ้ 55.9 ลา้ นคน พบวา่ เปน็ ผู้ทดี่ มื่ สุราหรอื เคร่ืองดม่ื แอลกอฮอลใ์ นรอบปีทแี่ ล้วประมาณ 15.9 ล้านคน(รอ้ ยละ 28.4) มคี วามแตกตา่ งระหวา่ งเพศ ชดั เจน ประชากรเพศหญิง เป็นนกั ด่ืมปัจจบุ ันร้อยละ 10.62 สว่ นในประชากรเพศชายเป็นนักดมื่ ปจั จุบนั ร้อยละ 47.46 ในภาพรวมประชากรร้อยละ 43.94 ด่มื เปน็ ประจำ (สัปดาห์ละ 1 ครัง้ หรอื บอ่ ยกว่า) โดย

118 เป็นผู้ทดี่ มื่ สม่ำเสมอ 6.98 ล้านคน (ร้อยละ 12.5) และเปน็ ผู้ทด่ี ่มื นานๆครง้ั 8.91 ล้านคน (รอ้ ยละ 15.9) กลมุ่ อายุ 25-44 ปี มอี ัตราการด่ืมสุราสงู สดุ (รอ้ ยละ36.0) กลุม่ อายุ 20-24 ปี และ 45-49 ปี มอี ตั ราการ ด่มื สรุ าใกลเ้ คยี งกัน (ร้อยละ 33.5 และ 31.1 ตามลำดบั ) กลุ่มผู้สูงวยั (อายุ 60 ปขี ้ึนไป) มีอตั ราการดื่ม สรุ ารอ้ ยละ 15.2 สำหรบั กลุ่มเยาวชน (อายุ 15-19 ป)ี มอี ตั ราการดมื่ สรุ าตำ่ สดุ (รอ้ ยละ 13.6) และเมอ่ื พจิ ารณาพฤตกิ รรมการดมื่ สุราหรือเคร่อื งด่ืมแอลกอฮอล์อย่างสมำ่ เสมอในรอบปีที่แลว้ ในระดบั จังหวดั พบวา่ จงั หวดั ทมี่ อี ัตราผู้ด่ืมสรุ าหรอื เคร่อื งดื่มแอลกอฮอล์สม่ำเสมอ เกนิ กว่ารอ้ ยละ 40 มีจำนวน 5 จงั หวัด ไดแ้ ก่ จังหวัดเชยี งราย (รอ้ ยละ 45.3) จังหวัดลำพูน (ร้อยละ 44.1) จังหวัดพะเยา (รอ้ ยละ 44.0) จังหวดั นา่ น (รอ้ ยละ 42.4) และจงั หวัดสุรนิ ทร์ (ร้อยละ 40.6) สำหรบั แนวโน้มการดืม่ สรุ าในประชากรอายุ 15 ปี ขนึ้ ไป หากเปรยี บเทยี บกับผลสำรวจครั้งก่อนทผี่ า่ นมา ถือวา่ ลดลงอยา่ งเห็นไดช้ ัด โดยในภาพรวมลดลง รอ้ ยละ 5.6 สดั ส่วนผชู้ ายท่ีด่ืมลดลงมากกว่าผ้หู ญิง อัตราการดมื่ ของผูช้ ายจาก ปี 2558 รอ้ ยละ 56.6 เปน็ ร้อยละ 47.5 (ลดลงร้อยละ 9.1) อตั ราการดื่มของผู้หญิงจาก ปี 2558 ร้อยละ 13.0 เป็นรอ้ ยละ 10.6 (ลดลงร้อยละ 2.4) (สาวิตรี อษั ณางคก์ รชัย.2562) สำหรับประเภทของเครอ่ื งด่ืมแอลกอฮอล์ทีน่ ิยมดืม่ จากการสำรวจพบวา่ เปน็ เบยี ร์ ร้อยละ 47.43 สุรากลน่ั ร้อยละ 49.79 (สรุ าขาว/สรุ ากลน่ั ชมุ ชน ร้อยละ 26.64 สุราสี/สุราแดง รอ้ ยละ 21.97 ยา ดองเหลา้ /สุราจนี /วอดกา้ /อนื่ ๆ รอ้ ยละ 1.18) ไวน์องนุ่ /แชมเปญ/ไวน์ผลไม้ รอ้ ยละ 0.88 ไวนค์ ูลเลอร/์ สุราผสม ร้อยละ 1.58 นำ้ ผลไม/้ เหล้าป่ัน รอ้ ยละ และ สรุ าแช่พน้ื บ้าน ร้อยละ0.31 นกั ดมื่ ปัจจบุ ันบรโิ ภค เครอ่ื งด่มื แอลกอฮอล์รวมทุกชนดิ เทา่ กบั 46.47 ลติ ร/คน/ปหี รือคิดเป็นเอธานอลบริสุทธ์ิเทา่ กับ 8.22 ลิตร/คน/ปี และโดยเฉลยี่ ประชากรไทยบริโภคเครอ่ื งดื่มแอลกอฮอล์รวมทกุ ชนดิ เทา่ กับ 13.20 ลิตรตอ่ คน ตอ่ ปหี รือคดิ เปน็ เอธานอลบรสิ ทุ ธ์ิเท่ากบั 2.33 ลิตร/คน/ปี ซง่ึ มแี นวโนม้ ลดลงเม่ือเทียบกบั ปี 2557(12.5 ลติ ร)(สาวติ รี อัษณางคก์ รชยั .2562) สาเหตุของการเร่ิมด่มื เคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ของนักดม่ื ปจั จบุ ันหรือผเู้ คยด่ืมแตเ่ ลิกแลว้ ในการ สำรวจ พ.ศ. 2560 ซ่งึ จะเห็นได้ว่าสาเหตุหลกั ของการเริ่มดื่มมี 3 ประเด็น ได้แก่ ตามอยา่ งเพ่ือน/เพ่อื น ชวนด่มื มากทีส่ ดุ คิดเป็นรอ้ ยละ 38.85 รองลงมาคือ อยากทดลองดมื่ ร้อยละ 29.12 เพอื่ เข้าสงั คมและการ สงั สรรคร์ ้อยละ 20.82 และเหตผุ ลอ่ืนๆ ร้อยละ 11.21 ซงึ่ สาเหตทุ ัง้ 3 ข้อแรกมีสัดสว่ นรวมกนั สงู ถงึ ร้อย ละ 88 ของจำนวนนกั ดม่ื ปจั จบุ นั หรือผู้เคยด่ืมแต่เลกิ แล้วท้งั หมด 6.2 บุหร่ีและยาสูบ 6.2.1 ความหมายของบหุ รีแ่ ละยาสบู บหุ ร่ี หรือ ยาสบู เป็นผลิตภัณฑท์ ไ่ี ดจ้ ากใบยาสบู โดย บหุ ร่ี หมายถึง ยาเสน้ หรอื ยาเส้นปรุง ไม่ ว่าจะมีใบยาแห้งหรอื ยาอัดเจอื ปนหรอื ไม่ ซึ่งมวนดว้ ยกระดาษหรอื วสั ดทุ ่ีทำขน้ึ ใชแ้ ทน กระดาษ หรอื ใบ ยาแหง้ โดยเอายาสบู มาห่ันเป็นฝอย ๆ เรยี กว่า ยาเส้น แลว้ นำมามวลดว้ ยใบตองแห้ง ใบจาก หรือ กระดาษแลว้ จุดสูบเชน่ เดยี วกัน พระราชบญั ญตั คิ ุ้มครองสขุ ภาพของผูไ้ มส่ บู บหุ รี่ พ.ศ.2535 ไดใ้ ห้ ความหมายของบุหรี่ไว้วา่ บุหรี่ หมายถงึ บหุ รี่ซิกาแรต บุหรซ่ี กิ การ์ บหุ รอ่ี น่ื ยาเส้น หรอื ยาปรงุ ตาม

119 กฎหมายวา่ ด้วยยาสูบบุหรี่ หมายถึง ยาสบู ทีม่ ีลกั ษณะเปน็ มวน ยาเส้นท่มี วน สบู เองหรอื ยาเส้นทใ่ี ช้กล้อง ยาสบู (สำนกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา.2556) บหุ ร่ี หมายถงึ ใบยาสบู บดหรอื ซอยมวนด้วยใบยาแห้ง หรือกระดาษรวมทงั้ วตั ถุที่ใช้ แทนกระดาษเปน็ ทรงกระบอก ขนาดปกตจิ ะมคี วามยาวประมาณ 120 มลิ ลิเมตรและขนาดเสน้ ผา่ น ศนู ย์กลางไม่เกิน10 มลิ ลิเมตร มใี บยาสบู บดหรอื ซอยบรรจภุ ายในห่อกระดาษ ปลายดานหนึ่ง เป็นปลายเปดิ สาหรับจุดไฟ และปลายอีกด้านมไี ว้สำหรบั ใชป้ ากสบู ควัน บางยี่ห้อหอ้ อีกด้านหน่ึงจะมีตวั กรองควันหรือสารพิษบางอย่างท่ีเกิดจากการเผาไหม้บางส่วนแต่ความเปน็ พษิ หรือ อันตราย ัของบหุ ร่ี ยังคงมีเหมอื นเดิม (ประกติ วาทสี าธกกจิ , 2551) พระราชบญั ญัตคิ มุ้ ครองสุขภาพของผไู้ มส่ บู บหุ รี่ พ.ศ.2560 ได้ใหค้ วามหมาย “ผลิตภัณฑ์ ยาสูบ” หมายความวา่ ผลิตภณั ฑ์ทมี่ สี ว่ นประกอบของใบยาสบู หรอื พชื นโิ คเทียนาทาแบกกุ้ม (Nicotiana tabacum) และใหห้ มายความรวมถึงผลิตภัณฑ์อืน่ ใดทม่ี สี ารนโิ คตนิ เปน็ สว่ นประกอบซงึ่ บริโภคโดยวิธสี ูบ ดูด ดม อม เคยี้ ว กนิ เป่า หรือพ่นเขา้ ไปในปากหรอื จมูก ทา หรือโดยวธิ ีอนื่ ใดเพ่ือให้ ได้ผลเปน็ เชน่ เดียวกนั ท้ังนี้ ไมร่ วมถึงยาตามกฎหมายวา่ ดว้ ยยาบหุ รี่ (สำนักควบคุมการบรโิ ภคยาสูบ กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข.2560) บหุ รอ่ี เิ ลก็ ทรอนิกส์ (Electronic cigarette) ท่ีเรยี กโดยท่วั ไปวา่ บุหร่ีไฟฟา้ มชี อื่ อีกช่ือหนึ่งว่า Electronic Nicotine Delivery System (ENDS) เปน็ อุปกรณ์สบู บหุ รช่ี นิดหนง่ึ ซงึ่ ใช้กลไกไฟฟา้ ทำให้ เกดิ ความรอ้ นและไอนำ้ ทป่ี ระกอบไปด้วยสารเคมีตา่ ง ๆ โดยไมม่ ีควนั จากกระบวนการเผาไหมเ้ หมือน บุหรป่ี กติทัว่ ไป ประกอบด้วยสว่ นประกอบหลัก 3 สว่ น คอื แบตเตอร่ี ตัวทำใหเ้ กดิ ไอและความร้อน (Atomizer) และนำ้ ยา ( โรงพยาบาลกรงุ เทพ.2560) ดังน้ัน บหุ ร่ี หรือ ยาสบู หมายถงึ ยาสบู ท่มี ลี ักษณะเป็นมวน ยาเส้นหรือยาเส้นปรุง ซกิ าแรต ซิการ์ ไม่ว่าจะมใี บยาแหง้ หรือยาอัดเจือปนหรอื ไม่ ซ่งึ มวนด้วยกระดาษหรือวัตถุทีท่ ำขนึ้ ใชแ้ ทนกระดาษ หรือใบยาแหง้ หรือยาอดั วา่ ด้วยกฎหมายยาสูบ 6.2.2 ประเภทของบหุ รแ่ี ละยาสูบ การจำแนกประเภทของบุหรี่ ตามพระราชบญั ญัติ ยาสูบ พ.ศ.2509 ตามประกาศกรม สรรพสามติ ไดแ้ บง่ ประเภทบหุ รีด่ งั น้(ี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า.2556) 1. บุหร่ีซิกาแรต หมายความวา่ ยาเสน้ หรือยาเสน้ ปรงุ ไม่ว่าจะมใี บยาแห้งหรอื ยาอดั เจอื ปนหรอื ไม่ ซึ่งมวนด้วยกระดาษหรอื วตั ถุทีท่ าํ ขน้ึ ใชแ้ ทนกระดาษ หรือใบยาแหง้ หรอื ยาอัด 2. บุหรีซ่ ิการ์ หมายความวา่ ใบยาแห้งหรือยาอดั ซง่ึ มวนด้วยใบยาแห้งหรอื ยาอัด 3. บุหร่อี นื่ หมายความว่า ยาเสน้ หรือยาเส้นปรุง ซงึ่ มวนดว้ ยใบตอง กลบี บัว กาบหมาก ใบมะกา ใบจาก หรอื วัตถุอนื่ ทีม่ ใิ ชก่ ระดาษหรือวัตถทุ ที่ ําขนึ้ ใช้แทนกระดาษและท่มี ิใช่ใบยาแหง้ หรือยา อัดยาเส้นปรงุ หมายความวา่ ใบยาซง่ึ มใิ ช่ใบยาพันธย์ุ าสบู พน้ื เมอื งหรือยาอัด ซงึ่ ได้ห่นั เปน็ เสน้ และปรุงหรือปนดว้ ยวตั ถุอื่นนอกจากนำ้ 4. ยาเคยี้ ว หมายความวา่ สว่ นใดสว่ นหนง่ึ ของใบยาแหง้ นอกจากใบยาแห้งพันธุ์ 5. ยาสูบพน้ื เมือง ซง่ึ ไดป้ รุงหรือปนดว้ ยวตั ถอุ ่นื นอกจากน้ำเพอ่ื อมหรอื เคีย้ ว

120 ผลิตภัณฑย์ าสูบ (Tobacco products) อาจจำแนกตามลักษณะการใช้งานออกเปน็ 2 กลุ่ม ไดแ้ ก่ ( สำนักงานควบคมุ การบรโิ ภคยาสบู กรมควบคุมโรค.ออนไลน์ ) 1.ผลติ ภัณฑย์ าสบู ชนดิ มีควนั (Smoked tobacco) และไมม่ คี วนั (Smokeless tobacco) มี รายละเอยี ดดังนี้ 1.1 บุหรี่โรงงาน (Manufactured cigarettes) อาจรู้จักในช่ือเรียกอนื่ ที่มคี วามหมายเดยี วกนั อาทิ บุหรซ่ี อง บุหร่ีซิกาแรต เปน็ ตน้ โดยบุหรโี่ รงงานครอบคลุมทง้ั บหุ รี่ที่มแี ละไมม่ ีกน้ กรอง และทั้งจาก แหลง่ ผลติ ทีเ่ ปน็ 1.2 บุหรม่ี วนเอง (Hand-rolled cigarettes หรอื roll your own: RYO) เปน็ บุหร่ที ผี่ ู้สบู สามารถมวนได้ 1.3 ผลิตภณั ฑย์ าสบู ชนิดมีควนั อ่นื ๆ (Other smoked tobacco) ยาสูบกลุ่มนีท้ ีร่ ้จู ักโดยท่ัวไป จำแนกได้ 1) บหุ ร่ีซกิ าร์ ในพระราชบญั ญัติยาสบู พ.ศ. 2509 หมายถึง ใบยาแห้งหรือยาอดั ซึง่ มวน ด้วยใบยาแหง้ หรอื ยาอดั บหุ รซี่ กิ าร์ทีม่ จี ำหน่ายในประเทศสว่ นใหญ่ผลิตจากประเทศอเมรกิ าและประเทศ แถบยโุ รป ได้แก่ ประเทศเดนมาร์ก เนเธอรแ์ ลนด์ และอังกฤษ 2) ไปป์ เปน็ กล้องสบู บุหร่ที ่มี เี บา้ สำหรับใส่ยาเสน้ ไปป์ ส่วนมากทำมาจากเหงา้ ของตน้ ไม้ ทแ่ี ขง็ และทนความร้อนได้ อาจทำจากซังขา้ วโพดหรอื พลาสติกท่ที นความร้อนไดด้ ี 3) ยาสบู ที่สบู ผา่ นนำ้ ได้แก่ บาราก/ู่ ฮุกกา้ /ชชิ า การสบู ควันยาสบู ผา่ นนำ้ น้ี จะต้องมี อปุ กรณก์ ารสูบควันฯ หรอื ทีเ่ รยี กวา่ เตาบารากู่ และตัวยา ซึ่งมีสว่ นผสมของใบยาสบู กบั สารที่มีความ หวาน เชน่ กากนำ้ ตาล หรือน้ำผ้ึง และมักมกี ารเตมิ แตง่ กลน่ิ หอมของผลไม้ เชน่ สตรอเบอรี่ แอปเปิ้ล และ สมุนไพรบางชนดิ เป็นตน้ 4) อืน่ ๆ เชน่ บุหรขี่ ้โี ย ซึ่งเปน็ บหุ รพี่ ื้นเมืองท่นี ิยมมากในภาคเหนือของประเทศไทย 2.ผลติ ภณั ฑ์ยาสบู ชนดิ ไม่มีควนั (Smokeless tobacco) ผลติ ภัณฑ์ยาสบู กลุม่ น้ี สว่ นใหญ่ เป็นการนำยาเสน้ หรอื ยาเสน้ ปรงุ มาใชใ้ นรูปแบบตา่ ง ๆ อาทิ การอมหรือจุกยาฉุนทางปาก การสูดยานัตถุ์ ที่มสี ว่ นผสมยาสบู ทางจมูก และการเคย้ี วยาเสน้ เปน็ ตน้ บุหรอี่ ิเลก็ ทรอนิกส์/ บหุ ร่ไี ฟฟา้ เปน็ บหุ รที่ ท่ี ำงานด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมและไมโครชพิ เพ่อื ทำให้ มีไฟสแี ดงสว่างท่ีปลายมวน ประกอบเข้ากับแทง่ นโิ คตนิ ทภี่ ายในบรรจนุ ิโคตนิ และสารบางชนดิ ในรปู แบบ ของเหลว และมีไมโครชิพ ทำหน้าทเี่ ปล่ยี นของเหลวให้กลายเป็นละอองหมอกทอ่ี ุณหภูมปิ ระมาณ 70 องศาเซลเซียส ซ่งึ จะทำให้นิโคตนิ เหลวร้อนเมอื่ ผ้ใู ช้สูบ และกลายเปน็ ไอภายใน 2 วนิ าที สง่ ผลให้ผู้สบู ไดร้ ับสารนิโคตนิ ในเกือบจะทนั ที 6.2.3 สารประกอบในบุหร่ี บุหรี่มสี ารประกอบตา่ ง ๆอยู่ประมาณ ู 4,000 ชนิด มีสารกอมะเร็งไม่ตำ่ กวา่ 42 ชนิด ซึ่งสารบางชนิดเป็นอนั ตรายทสี่ ำคญั ไดแ้ ก่ (สำนกั สง่ เสริมสุขภาพ กรมอนามยั กระทรวง สาธารณสุข.2562)

121 1. นโิ คติน(Nicotine) เป็นสารท่ีทําใหคนติดบหุ ร่ี ออกฤทธ์โิ ดยตรงต่อสมองทั้งเป็นตัวกระตนุ้ และและกดประสาทส่วนกลาง ถาไดรับสารน้ีขนาดนอยๆ เช่นสูบบุหรี่ 1-2 มวนแรก อาจกระตุน้ ใหร้ ู้สึก กระปรกี้ ระเปรา แตถ่ ้าสูบมากหลายมวนก็จะไปกดประสาทสว่ นกลางกลาง ทาํ ทำให้ความรู้สกึ ตา่ ง ๆ ลดลง รอยละ 95 ของนิโคตนิ จะไปจบั อยูที่ปอด บางสวนจับอยทู ี่เยอ่ื หุ้ม ริมฝปาก และบางสวนถกู ดดู ซมึ เข้าสู่กระแสเลอื ดมีผลโดยตรงตอ่ ตอมหมวกไต ก่อให้เกิดการหล่ัง อีปิ เนฟรนิ (Epinephrine) ทาํ ใหความดันโลหติ สงู ขน้ึ หวั ใจเต้นเร็วกว่าปกติและไม่เปน็ จงั หวะ หลอดเลอื ดท่ี แขนและขาหด หลอดเลือดหดตัว เพม่ิ ระดบั ไขมนั ในเสนเลอื ด บหุ ร่ี 1 มวนจะมนี โิ คตนิ 0.8 -1.8 มลิ ลิกรัม (คามาตรฐานสากลกาํ หนดไว้ 1 มลิ ลกิ รัม) และ สำหรบั บหุ รท่ี ี่มกี ้นกรองก็ไม่ไดช้ ่วยให้ปริมาณ นิโคตินลดลงได 2.ทาร์ (Tar) สารคลา้ ยนำ้ มันดนิ ประกอบดว้ ยสารหลายชนดิ เกาะรวมกนั เปน็ สารสนี ้ำตาลเปน็ สารทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ มะเรง็ ไดเชน่ มะเร็งปอด กลองเสียงหลอดลม หลอดอาหาร ไต กระเพาะปสสาวะและอืน่ ๆ ซึง่ รอยละ 50 ของทารจ์ ะไปจบั ทีป่ อดทาํ ใหเกดการระคายเคืองอันเป็นสาเหตขุ องการไอเร้ือรังในคนท่ี สูบบหุ รว่ี นั ละซอง ปอดจะไดรับน้ำมันทารเข้าไปประมาณ 30 มลิ ลกิ รัม/มวน หรือ 110 กรัม/ป บุหรไ่ี ทย มสี ารทาร อยู่ระหว่าง 12 – 24 มิลลิกรัม/มวน 3. คารบอนมอนอกไซด (Carbon monoxide) เปน็ กา๊ ซทที่ ำลายการนำพาออกซเิ จนของเม็ด เลอื ดแดง ทาํ ใหเมด็ เลือดแดงไม่สามารถจับกบั ออกซเิ จนไดเท่ากับระยะเวลาปกติ ทาํ ใหเซลลร์ ่างกายเกิด อาการขาดออกซเิ จน จะรูสกึ มนึ งง ตัดสนิ ใจชา้ เหน่ือยง่ายซง่ึ สาเหตสุ ำคัญทำให้หัวใจทำงานหนักจน เปน็ โรคหวั ใจได 4. ไฮโดรเจนไซยาไนด (Hydrogen cyanide) เป็นกา๊ ซพษิ ทท่ี ำลายเย่ือบุหลอดลม สว่ นต้นทำ ใหเ้ กิดอาการไอเรอ้ื รังมีเสมหะเป็นประจำโดยเฉพาะ ในช่วงตนื่ นอนตอนเช้าจะมมี ากขึ้น 5. ไนโตรเจนไดออกไซด์(Nitrogen hydroxide) เป็นกา๊ ซพษิ ทท่ี ำลายเยอื่ บปุ ลายและถุงลม ทําใหผนังถงุ ลมบางและโปง่ พอง ถุงลมเลก็ ในปอดแตกกลายเปน็ ถงุ ขนาดใหญ่ ทาํ ใหลดพน้ื ทผี่ วิ ทจ่ี ะใช้จบั และแลกเปล่ยี นออกซิเจนทาํ ใหการยดื หยนุ่ ในการหายใจเข้าออกลดลง จนเกดิ อาการโรคถงุ ลมโปง่ พอง 6. แอมโมเนยี (Ammonia) มฤี ทธิ์ระคายเคอื งเน้อื เยือ่ ทาํ ใหแสบตาแสบจมูก หลอดลมอักเสบ ไอและมเี สมหะมาก 7. สารกัมมันตภาพรงั สี(Radiation agent) ในควนั บหุ รมี่ สี ารโพโลเนยี่ ม 210 ท่มี ีรงั สีแอลฟา อย่เู ป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็งปอดและควนบุหรี่ยังเป็นพาหะรา้ ยแรงในการนำสารกัม มันตภาพรังสี ทำให้ผทู้ อ่ี ยู่รอบข้างทไี่ มส่ บู บุหรีห่ ายใจเอาอากาศท่ีมีสารพิษ พวกนเี้ ข้าไป 6.2.4 สถานการณก์ ารสูบบหุ รท่ี ัว่ โลกและประเทศไทย องค์การอนามยั โลก ไดร้ ายงาน สถานการณก์ ารสบู บุหร่ที ่วั โลกโดยไดร้ ายงานอัตราชกุ ของการ สบู บหุ รใ่ี นประชากรโลกทีม่ ีอายุ 15 ปขี ้นึ ไป ปี 2010 มผี ู้สูบบหุ ร่ี ร้อยละ 27.3 (ชาย ร้อยละ 43.2, หญิง ร้อยละ 11.4) ปี 2015 มีผู้สูบบหุ ร่ี รอ้ ยละ 24.9 (ชายร้อยละ 40.3,หญงิ รอ้ ยละ 9.5) ปี 2018 มีผสู้ บู บหุ ร่ี รอ้ ยละ 23.6 (ชายร้อยละ 38.6,หญิงรอ้ ยละ 8.5) ปี 2020 มผี สู้ บู บุหรี่ รอ้ ยละ 22.8(ชายร้อยละ

122 37.5,หญิงร้อยละ 8.0) และคาดการณ์วา่ ปี 2025 มีผ้สู บู บหุ ร่ีรอ้ ยละ 20.9 (ชายรอ้ ยละ 35.1,หญงิ ร้อย ละ 6.7) ในขณะทีส่ ถานการณ์การสบู บุหรใ่ี นภูมิภาคอาเซียน ปี 2018 มผี ู้สบู บุหร่ีร้อยละ 29.1(ชายรอ้ ย ละ 43.7,หญิงร้อยละ 10.8) ข้อมูลผสู้ บู บุหร่ใี นประเทศไทย ปี 2018 มผี ู้สูบบุหร่ีรอ้ ยละ 22.8(ชายรอ้ ยละ 42.5,หญิงรอ้ ยละ 3.1) จะเหน็ วา่ ขอ้ มูลผสู้ บู บุหรี่ระดบั โลกมแี นวโน้มลดลง (WHO.2019). ศนู ยว์ ิจัยและควบคมุ การบรโิ ภคยาสูบ มหาวทิ ยาลัยมหิดล(2561)ได้รายงานสถิตกิ ารบริโภค ยาสูบของประเทศไทย จากการสำรวจเม่ือปี 2560 พบวา่ ประชากรอายุ 15 ปขี ้ึนไปเปน็ ผสู้ ูบบหุ ร่ี 10.7 ลา้ นคน(ร้อยละ 19.1) อตั ราการสบู บุหรต่ี ามกลมุ่ อายุ 15-18 ปี รอ้ ยละ 7.8 โดยภาพรวมมีแนวโนม้ ลดลง ยกเว้นกลุ่มอายุ 19-24 ปี เม่อื พิจารณาระดบั การศึกษาสงู สดุ พบว่ากลุ่มทีม่ ีการศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษา มอี ตั ราสูบบหุ ร่ีในปจั จบุ นั สงู สดุ รองลงมาคือระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น ผ้ทู ไี่ ม่เคยเรยี น ระดบั มัธยมศกึ ษา ตอนปลาย และระดบั อุดมศกึ ษาข้นึ ไป ร้อยละ 21.5 ,18.1 ,18.0, และ 7.7 ตามลำดับ เมื่อพจิ ารณา ภมู ิภาคท่อี าศัยพบวา่ ภาคใตม้ อี ตั ราการสูบบุหรสี่ ูงสุด รองลงมาคอื ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื กลาง เหนอื และกรงุ เทพมหานคร เท่ากับรอ้ ยละ 48.48, 39.54,39.51,23.34 ตามลำดบั เม่อื พจิ ารณาประเดน็ การ สบู บุหร่ีครั้งแรกของผสู้ ูบบุหร่ีเปน็ ประจำ คือ 18.1 ปี สูงกวา่ ปี 2557 เล็กนอ้ ย ท่มี อี ายุเฉล่ียเร่ิมสูบ 17.8 ปี เมื่อเปรียบเทยี บแตล่ ะกลมุ่ วยั พบวา่ กลุ่มเยาวชนมอี ายเุ ฉล่ยี ทเ่ี ริม่ สบู 16.2 ปี เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ทีม่ ี อายุเฉลี่ยเมอ่ื เรมิ่ สูบ คอื 15.6 ปี เม่อื พจิ ารณาประเภทบุหรีท่ สี่ บู พบวา่ กวา่ รอ้ ยละ 56 สบู บหุ รท่ี ่ีผลิตจาก โรงงาน รองลงมาคือละบุหร่มี วนเองรอ้ ยละ 49.3 ส่วนประเภทอืน่ มรี อ้ ยละ 0.1 จำนวนบหุ รีท่ ีส่ บู ตอ่ วัน ในปี 2560 พบวา่ สบู เฉลีย่ 10 มวนต่อวนั ลดลงจากปี 2557 ทส่ี บู เฉลย่ี 11.5 มวนต่อวนั จำนวนเงินคา่ บุหร่ี เฉลย่ี ต่อเดือนเท่ากับ 546 บาท มกี ารเคยสบู บหุ ร่ีในตัวบา้ น รอ้ ยละ 32.7 ส่วนการไดร้ บั ควนั บหุ รี่ มือสองในท่สี าธารณะพบวา่ ตลาดสด หรือตลาดนดั และรา้ นอาหาร/ภัตตาคาร /สถานทจ่ี ำหนา่ ยอาหาร และเครอื่ งดื่มเป็นสถานท่ีทมี่ ีการพบเหน็ /ไดก้ ลน่ิ /พบเหน็ การสูบบุหร่มี ากท่ีสุด โดยทจ่ี งั หวัดทม่ี ีอัตราการ สบู บุหรี่สูงสุด 10 จังหวดั ไดแ้ ก่ 1)กระบี่ 2)นครศรีธรรมราช 3)สตูล 4)สกลนคร 5)ระนอง 6)สงขลา 7) อดุ รธานี 8) สุราษฏร์ธานี 9) พทั ลุง และ10) ตรัง ตามลำดบั จากขอ้ มลู สถานการณก์ ารสบู บหุ รขี่ องไทยช้ใี หเ้ หน็ ว่ามีแนวโนม้ ที่ผู้สบู บุหรี่จะลดลง แตย่ ังมกี ลุ่ม อายุ 19-24 ป(ี อยใู่ นชว่ งการเปน็ นักเรียน นักศกึ ษา) ท่ยี ังคงไมล่ ดลงซึ่งยงั คงต้องมีการดำเนนิ กจิ กรรมลด ละเลิกบุหรี่ในกล่มุ น้ีอยา่ งต่อเนอื่ งต่อไป 6.3 ผลกระทบจากเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ บุหรแี่ ละยาสูบ 6.3.1 ผลกระทบจากการดื่มแอลกอฮอล์ 1.ผลกระทบจากการด่มื แอลกอฮอลด์ ้านสขุ ภาพ แอลกอฮอล์เป็นสารท่มี ีคณุ สมบตั ทิ ำให้เกิด การเสพตดิ ได้ โดยแอลกอฮอลจ์ ะไปกระตนุ้ สมอง ในส่วนท่เี ก่ียวขอ้ งกบั ความอยาก การเสพติดเป็นวงจร ของสมองทเ่ี กย่ี วกับความอยาก ความพงึ พอใจ ซ่ึงเปน็ ส่วนของสมอง ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การตดิ สารเสพติด ทำใหผ้ ูเ้ สพเกิดความพอใจ และมีความต้องการใช้ซ้ำอกี หกั หา้ มใจไมไ่ ด้ ซึ่งนำไปสู่การตดิ ในทส่ี ุด และใน หลายๆ ครั้ง ทำใหม้ ีการกลบั ไปใช้สารนีใ้ หมอ่ ีก เพราะความอยาก แอลกอฮอลเ์ ปน็ สารออกฤทธทิ์ างจิตท่ี

123 มคี ณุ สมบัตใิ นการพงึ่ พาซงึ่ มีการใชก้ นั อยา่ งแพร่ หลายในหลายวฒั นธรรมมานานหลายศตวรรษ การดมื่ แอลกอฮอล์เปน็ อนั ตรายทำให้เกดิ โรคภาระทางสังคมและเศรษฐกิจ การดมื่ แอลกอฮอล์อาจสง่ ผลให้เกิด อนั ตรายตอ่ ผูอ้ ืน่ เชน่ สมาชกิ ในครอบ ครวั เพอ่ื น เพื่อนรว่ มงานและคนอนื่ ๆ นอกจากนก้ี ารดม่ื แอลกอฮอลส์ ่งผลใหเ้ กิดภาระดา้ นสุขภาพสังคมและเศรษฐกิจทส่ี ำคัญตอ่ สังคมโดยรวม การดม่ื แอลกอฮอลเ์ ป็นปัจจัยทท่ี ำให้เกดิ โรคและการบาดเจ็บมากกว่า 200 ชนิด มคี วามเสีย่ งต่อการเกิดปญั หา สุขภาพ เชน่ ความผิดปกตทิ างจิตใจและ พฤตกิ รรมรวมถึงการตดิ แอลกอฮอล์ โรคไมต่ ดิ ต่อท่ีสำคัญ เช่น โรคตบั แข็ง โรคมะเรง็ บางชนิดและโรคหลอดเลอื ดหวั ใจรวมถงึ การบาดเจบ็ จากความรนุ แรง จาก อบุ ัติเหตบุ นทอ้ งถนนและ การกระทบกระท่งั กนั บนทอ้ งถนนเนอ่ื งจากการขบั ข่ี(WHO.2018) สดั ส่วนที่สำคัญของภาระโรคทเ่ี กิดจากการดม่ื แอลกอฮอลเ์ กดิ ข้ึนจากการบาดเจบ็ โดยไมเ่ จตนา และโดยเจตนารวมถึงการทีเ่ กดิ จากการจราจรบนท้องถนน ความรุนแรง และการฆา่ ตัวตายและการ บาดเจ็บ ความสมั พนั ธเ์ ชงิ สาเหตุลา่ สุดคอื ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งการดม่ื ท่ีเปน็ อนั ตรายและอุบตั กิ ารณ์ของ โรคติดเชอ้ื เชน่ วัณโรคตลอดจนอุบตั กิ ารณ์และแนวทางของเอชไอว/ี เอดสก์ ารบริโภคเครอ่ื งด่มื แอลกอฮอลโ์ ดยหญงิ ต้งั ครรภ์อาจทำใหเ้ กิดภาวะแอลกอฮอลใ์ นครรภแ์ ละภาวะแทรกซอ้ นในระยะแรก เกดิ องคก์ ารอนามัยโลกได้รายงานในปี 2561 ว่าทั่วโลกมผี ู้เสยี ชวี ิตปีละ 3 ลา้ นคนจากการดม่ื แอลกอฮอล์คิดเป็น 5.3% ของการเสยี ชีวติ ท้งั หมด ทกุ ๆนาทมี ผี เู้ สียชวี ิต 6 คน การดื่มแอลกอฮอลเ์ ป็น ปจั จัยเชิงสาเหตุสำคัญในการเกดิ โรคและการบาดเจบ็ โดยรวมแล้วท่วั โลก 5.1% ของภาระของโรคของ โลกและการบาดเจบ็ มสี าเหตุมาจากแอลกอฮอลซ์ ง่ึ วัดจากปที ่ีมกี ารปรบั ความพกิ าร (DALY) การดม่ื แอลกอฮอล์ทำใหเ้ สยี ชีวิตและทพุ พลภาพตง้ั แต่อายุยงั น้อย ในกลุ่มอายุ 20-39 ปปี ระมาณ 13.5% ของ การเสยี ชีวิตทง้ั หมดมคี วามสัมพนั ธ์เชงิ สาเหตรุ ะหวา่ งการดืม่ แอลกอฮอลแ์ ละความผดิ ปกตทิ างจิตและ พฤตกิ รรมหลายอย่างนอกเหนอื จากผลกระทบด้านสุขภาพแล้วการใชแ้ อลกอฮอลอ์ ย่างเป็นอันตรายนำ ความสูญเสยี ทางสงั คมและเศรษฐกิจที่สำคัญมาสบู่ ุคคลและสังคมโดยรวม(WHO.2018) ผู้ท่ดี ืม่ เป็นประจำทกุ วันในปริมาณ 20.0-39.9 กรมั ของแอลกอฮอลบ์ รสิ ุทธิ์ หรอื เทยี บได้กับ เบยี ร์ 1-2 ขวดต่อวันจะมีความเสีย่ งมากกวา่ ผู้ทีไ่ มด่ ื่มในเร่ืองต่าง ๆ ดังน้ี(กองสุขศึกษา กรมสนบั สนนุ บรกิ ารสขุ ภาพ กระทรวงสาธารณสุข.2558) 1. กลมุ่ โรคไมต่ ดิ ต่อเรอ้ื รัง หรือ กลมุ่ โรค NCDs (Non-Communicable Diseases) -โรคหวั ใจ -โรคความดนั โลหิตสูง เสีย่ ง 2.00 เท่า -โรคหลอดเลอื ดสมอง

124 -โรคตับแขง็ เสย่ี ง 9.50 เท่า -หัวใจเต้นผิดปกติ เสีย่ ง 2.23 เทา่ 2.กลมุ่ โรคมะเร็ง -โรคมะเร็งตับ เสยี่ ง 3.03 เทา่ -โรคมะเร็งปากและลำคอ เส่ียง 1.58 เท่า -โรคมะเรง็ หลอดอาหาร เส่ยี ง 2.38 เทา่ -มะเร็งเตา้ นม (อายนุ ้อยกวา่ 45) เส่ียง 1.41 เทา่ (อายมุ ากกว่า 45) เส่ียง 1.38 เทา่ -โรคมะเรง็ อื่น ๆ เส่ยี ง 1.30 เท่า 3. กลุ่มโรคทางจติ -หงดุ หงดิ จิตใจหดหู่ -โรคประสาท -โรคซมึ เศร้า -ฆ่าตัวตาย 2. ผลกระทบของการด่มื เคร่อื งดื่มท่มี แี อลกอฮอล์ต่อปญั หาสงั คม 2.1 ปัญหาอบุ ัติและการบาดเจบ็ การด่ืมแลว้ ขับมีโอกาสเพม่ิ ทงั้ ความเสย่ี งในการเกดิ อุบัตเิ หตุ ลดความสามารถในการหลีกเลี่ยงอุบตั เิ หตุ เพมิ่ ระดบั ความรุนแรงของอุบัตเิ หตุ และเพมิ่ ความรุนแรงและ ภาวะแทรกซอ้ นของผลกระทบจากอบุ ตั เิ หตุ สุราจะไปกดประสาทสว่ นกลาง ทำใหก้ ารรับรู้เร่ืองราวต่างๆ ชา้ ลง ส่งผลกระทบตอ่ ระบบการตดั สินใจ ทำใหไ้ มส่ ามารถควบคุมตนเองได้เต็มร้อย มรี ายงานว่าอบุ ัติเหตุ ที่มีความรุนแรง และพบได้บอ่ ยมักเกิดจากการด่ืมสรุ าแล้วขับข่ี จากการศกึ ษาพบวา่ ผผู้ ้บู าดเจบ็ จากอบุ ัติ เหตุจากการจราจรทัง้ ท่ีเสียชีวติ และไม่เสยี ชีวติ มากกวา่ รอ้ ยละ 60 เมือ่ ตรวจพสิ ูจน์แล้วจะพบแอลกอฮอล์ ในเลือดสูงกวา่ กฎหมายกำหนด ( 50 มลิ กิ รมั เปอร์เซน็ ต)์ ซง่ึ ระดบั แอลกอฮอลใ์ นเลือด 50 มิลกิ รัม เปอรเ์ ซ็นต์ขึ้นไปจะทำให้ผูด้ ่ืมไมส่ ามารถควบคุมการขับขไ่ี ด้ ยง่ิ มีระดบั แอลกอฮอล์สงู มากข้ึนเทา่ ได กจ็ ะ มผี ลตอ่ รา่ งกายมากขน้ึ สงู ขนึ้ มากตามมาด้วย ดงั รายละเอยี ดในตาราง 6.1 ตาราง 6.1 ระดบั แอลกอฮอลใ์ นเลอื ด กบั อาการแสดงของผู้ด่ืมสุรา ระดับแอลกอฮอลใ์ นเลือด(มลิ ลกิ รัม %) อาการและผลต่อรา่ งกาย 30 สนกุ สนาน รา่ เริง 50 ขาดการควบคุมการเคลอื่ นไหว 100 เดนิ ไม่ตรง

125 200 สับสน 300 งว่ ง งง ซมึ 400 สลบ อาจถึงตาย ที่มา: มูลนธิ ิเมาไมข่ ับ (2558) ผลของแอลกอฮอลต์ ่อสมรรถนะและโอกาสท่ีจะเกดิ อบุ ตั ิเหตุ ทร่ี ะดบั 50 มิลลิกรมั เปอร์เซน็ ต์ สมรรถนะในการขับรถลดลง ร้อยละ 8 และโอกาสท่ีจะเกดิ อบุ ตั ิเหตเุ ปน็ 2 เทา่ เมอ่ื เทยี บกับผู้ขับรถทไี่ ม่ ดื่ม ท่ีระดับ 80 มลิ ลิกรัมเปอรเ์ ซน็ ต์สมรรถนะในการขับรถลดลง รอ้ ยละ 12 และโอกาสทจี่ ะเกิดอบุ ตั เิ หตุ เปน็ 3 เท่า และที่ระดบั 100-150 มลิ ลิกรัมเปอร์เซ็นต์สมรรถนะในการขับรถลดลง รอ้ ยละ 15-33 และ โอกาสที่จะเกดิ อุบตั เิ หตุเปน็ 6-40 เท่า จะเหน็ ว่ายิ่งเมาหนักหรอื ดื่มหนัก โอกาสที่จะเกิดอุบตั ิเหตุจะ สงู ขนึ้ ตามด้วย ตาราง 6.2 ระดับแอลกอฮอลใ์ นเลือด กบั อาการแสดงของผู้ด่ืมสรุ า ระดับแอลกอฮอล์ สมรรถภาพในการขบั รถ โอกาสที่จะเกดิ อบุ ัตเิ หตเุ ม่ือเทยี บกับ ในเลอื ด(มิลลกิ รัม คนที่ไมด่ ืม่ %) 30 มีผลเลก็ น้อยเฉพาะบางคน ใกลเ้ คียงกบั คนไม่ดื่มสรุ า 50 ลดลงเฉล่ียรอ้ ยละ 8 โอกาสท่ีจะเกิดอบุ ตุ เิ หตเุ ป็น 2 เทา่ 80 ลดลงเฉลยี่ ร้อยละ 12 โอกาสที่จะเกิดอบุ ตุ ิเหตุเป็น 3 เท่า 100 ลดลงเฉลยี่ ร้อยละ 15 โอกาสทีจ่ ะเกิดอุบุตเิ หตุเป็น 6 เทา่ 150 ลดลงเฉลีย่ รอ้ ยละ 33 โอกาสท่ีจะเกดิ อบุ ุตเิ หตเุ ปน็ 40 เทา่ มากกว่า 200 ลดลงเปน็ สว่ นกลบั ของระดบั ไมส่ ามรถวัดได้เน่ืองจากการควบคมุ แอลกอฮอลใ์ นเลือด การทดลองเป็นไปไมไ่ ด้ ทีม่ า: มลู นิธิเมาไม่ขบั (2558)

126 2.2.ปัญหาการใช้ความรนุ แรงในครอบครวั การดืม่ สุรามิไดเ้ ปน็ การสรา้ งปญั หาทัง้ ทางสขุ ภาพ รา่ งกายและสุขภาพจติ ให้แกต่ วั ผ้ดู ืม่ เท่านน้ั หากแตย่ ังสร้างปญั หาทางสุขภาพจติ และการใชค้ วามรุนแรง ใหแ้ กค่ รอบครวั หรือบคุ คลทอี่ ยู่รอบข้างดว้ ยเดก็ ทตี่ ้องอาศยั อย่รู ว่ มบ้านกบั ผู้ปกครองทดี่ มื่ สุราจะต้อง รองรบั อารมณท์ ่เี ปลยี่ นแปลงงา่ ยของพอ่ แม่ตอนเมา ทำใหเ้ ดก็ มีความ เครยี ดและความวิตกกงั วลจน กลายเปน็ คนขโ้ี มโห ซึมเศรา้ ไดง้ า่ ย รู้สกึ อบั อาย โดดเด่ยี ว รสู้ กึ ไรท้ ีพ่ ง่ึ ขาดภาคภมู ใิ จในตนเอง นอกนน้ั เกดิ ความรุนแรงในครอบครัว เกิดการทะเลาะเบาะแวง้ ทะเลาะวิวาท สุรามีผลกระทบตอ่ สมองสว่ นหนา้ เปน็ สว่ นท่คี วบคุมสติ และการตัดสนิ ใจ องค์การอนามยั โลก (WHO) ประมาณการว่าประมาณ 55% ของผทู้ ก่ี ระทำผดิ ในครอบครัวนน้ั กำลงั ด่มื สรุ าก่อนทจ่ี ะถกู ทำรา้ ยผหู้ ญิงท่ถี ูกทารณุ กรรมมีแนวโนม้ ทจ่ี ะดื่มสรุ ามากกว่า 15 เท่า 68%ของ เยาวชนท่ีกระทำผดิ ไดเ้ หน็ การลว่ งละเมิดของแม่หรอื ทำรา้ ยตนเอง (Cooper Smith. 2020) 2.3.ทำใหท้ ะเลาะววิ าทกบั ผอู้ นื่ ได้งา่ ยเพราะคนดื่มสุรากระทง่ั เมาจะทำให้ขาดสตไิ ม่ สามารถ ควบคมุ ตนเองได้ มรี ายงานวจิ ยั พบว่าการดื่มสรุ าทำให้เพ่ิมความเสี่ยงในการทะเลาะววิ าทเพมิ่ ขน้ึ ถงึ 6 เท่าในเพศชาย และ 14 เท่าในเพศหญิง ที่เป็นเชน่ น้ีเนอ่ื งจากการดม่ื สุราออกฤทธิ์ตอ่ สมองทำใหอ้ ารมณ์ ของผู้ด่ืมแปรปรวนในลักษณะกา้ วรา้ ว และมีการตัดสนิ ใจแยล่ ง ในกลมุ่ ทดี่ มื่ สรุ าเปน็ ประจำ เพศชายเกือบ ครึง่ หนึ่งและเพศหญงิ ประมาณ 1 ใน 3 เคยประสบเหตทุ ะเลาะวิวาทเน่ืองจากการดืม่ สรุ า (ทานตะวนั สุร เดชาสกุล.2556) 2.4.การก่ออาชญากรรม ฆาตกรรม ผลการศึกษาคดฆี าตกรรมจากการผ่าพสิ ูจนศ์ พ พบวา่ มากกวา่ 60% ของผเู้ สียชีวติ ตรวจพบแอลกอฮอลใ์ นรา่ งกาย เพราะการด่มื สรุ าจะชว่ ยให้ศูนย์ควบคุม จิตใจทำงานได้แย่ลง ทำให้ไม่สามารถปอ้ งกนั ตัวได้ ในสหรฐั อเมริกาพบว่าประมาณร้อยละ 40 ของฆาตกร ท่ีถูกตดั สนิ วา่ เคยด่ืมแอลกอฮอลม์ ากอ่ นหรอื ระหวา่ งการกอ่ อาชญากรรม การดืม่ มากเกินไปสามารถ นำไปสู่ความรุนแรงในรปู แบบทร่ี ุนแรงขึน้ ซ่งึ สามารถขยายไปสสู่ ถาน การณท์ อี่ ันตรายอยา่ งรวดเร็ว ผลกระทบระยะสนั้ และระยะยาวของแอลกอฮอลท์ ำใหบ้ ุคคลในจิตใจเบลอทำใหเ้ กดิ ความเสี่ยงเพิ่มข้ึนใน การกอ่ อาชญากรรมรุนแรง (Darke, S. 2010, Schofield, .P. & Denson, T.F.2013) ในประเทศไทยจาก การรวบรวมคดอี าญาในจงั หวัดลพบุรี ในจำนวนคดอี าญาเก่ียวกับความผิดทำให้เสยี ทรพั ยก์ วา่ ครึง่ (59.1%) มีความเกยี่ วขอ้ งกบั การดื่มสุรา รองลงมาไดแ้ ก่ ความผดิ เกี่ยวกบั เพศ (34.8%) และความผิดตอ่ ร่างกาย (20.8%) (ทานตะวนั สุรเดชาสกุล, 2556) ในการสำรวจอนั ตรายต่อผอู้ ่ืนจากการด่ืมสรุ า (The Harm to Others from Drinking) ซ่งึ เปน็ ความรว่ มมือระหวา่ งองคก์ ารอนามยั โลก และสำนกั งาน กองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.)รายงานว่า กล่มุ ตัวอย่างกวา่ 80% บอกวา่ เคยไดร้ บั ความ เดอื ดรอ้ นจากการดม่ื สรุ าของผู้อนื่ ในรอบ 1 ปที ผี่ ่านมาซ่งึ เปน็ ตวั เลขท่ีสงู มาก และท่ียง่ิ นา่ ตกใจไปกว่านน้ั ผตู้ อบแบบสอบถามที่เป็นผปู้ กครองของเดก็ และเยาวชนมีถึง 25% ท่ตี อบว่า เดก็ และเยาวชนทอ่ี ยู่ใน ความดแู ลเคยไดร้ บั ความเดอื ดร้อนจากการดม่ื สรุ าของผู้อ่ืนในรอบ 1 ปีท่ีผ่านมา (Waleewong et al., 2015) 2.5.การฆ่าตัวตาย มรี ายงานการวจิ ยั พบวา่ ในจำนวนคนกวา่ 50% ของผู้

127 ที่เคยฆา่ ตวั ตาย ตอ้ งดม่ื สรุ าเพอ่ื เรียกความกล้าก่อนเสมอ เช่น เดียวกับการศึกษาของ จุฑามาศ หน่อตุ่น และคณะ(2559)ท่ีได้ศกึ ษาความชกุ และปจั จยั ที่สัมพนั ธ์กับพฤตกิ รรมการฆ่าตัวตายในผปู้ ่วยทม่ี ปี ญั หา สุขภาพจิตทีเ่ ก่ียวข้องกับสรุ าพบว่า การดม่ื สุราขาวมีความสัมพนั ธก์ ับการคดิ คา่ ตวั ตายสูงถึงถงึ 3 เทา่ เม่ือ เทยี บกบั ผไู้ ม่ด่ืม 6.3.2 ผลกระทบจากการสบู บหุ รี่และยาสูบ องคก์ ารอนามยั โลก (WHO.2020) ไดร้ ายงานวา่ บุหร่ที ำใหผ้ ู้สูบเสยี ชีวติ กว่าครึ่งหนงึ่ ของผสู้ บู หรอื มากกว่า 8 ลา้ นคนในแตล่ ะปี และมากกวา่ 7 ลา้ นคนเสียชวี ติ จากการบุหร่ีโดยตรง ขณะทีผ่ ูเ้ สียชวี ติ อกี 1.2 ล้านคนไมใ่ ชผ่ ู้สบู แต่เปน็ ผ้ไู ดร้ ับควนั บุหร่ีมือสอง (Second hand smoke) โดยท่ีกวา่ 80% ของ 1.3 พนั ล้านคนทส่ี บู บุหรีอ่ าศัยในประเทศทมี่ รี ายได้ตำ่ ถึงปานกลาง ( Low- and middle-income countries) ก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบทางเศรษฐกิจ และการดูแลสุขภาพจากบุหรี่ ทำให้สญู เสยี ทรัพยากร มนษุ ย์ซงึ่ เปน็ ผลจากการเจบ็ ป่วยและเสียชวี ติ จากบุหร่ี โรคตดิ เชือ้ โคโรน่าไวรสั 2019(COVID-19) กับการสบู บุหร่ี การสบู บหุ รี่เป็นปัจจยั เสย่ี งทีท่ ราบ กันดสี ำหรบั การตดิ เช้อื ทางเดินหายใจและเพิม่ ความรุนแรงของโรคระบบทางเดนิ หายใจ การทบทวน การศึกษาโดยผเู้ ชย่ี วชาญด้านสาธารณสุขขององคก์ ารอนามัยโลกจดั โดย WHO เม่อื วันท่ี 29 เมษายน 2563 พบว่าผสู้ ูบบหุ รม่ี แี นวโนม้ ที่จะเปน็ โรครนุ แรงดว้ ย COVID-19 มากกวา่ ผูไ้ มส่ บู บุหร่ี COVID-19 เป็น โรคติดเช้อื ท่โี จมตีปอดเปน็ หลกั การสบู บหุ ร่ที ำให้การทำงานของปอดแย่ลงทำใหร้ า่ งกายต่อสูก้ บั coronaviruses และโรคอืน่ ๆ ได้ยากข้นึ ยาสบู ก็เปน็ ปจั จัยเสี่ยงทสี่ ำคัญสำหรบั โรคทไ่ี มต่ ดิ ต่อเชน่ โรคหัวใจและหลอดเลือดมะเร็งโรคทางเดินหายใจและโรคเบาหวานซึ่งทำให้ผู้ท่ีมีภาวะเหลา่ นี้มคี วาม เส่ียงสงู ในการพฒั นาโรคท่รี นุ แรงเม่ือได้รบั ผลกระทบจาก COVID-19 การวจิ ยั ทมี่ อี ยชู่ ้ีใหเ้ หน็ ว่าผสู้ บู บุหร่ี มีความเสีย่ งสงู ตอ่ การเกิดโรคและการเสยี ชวี ติ อย่างรนุ แรง องคก์ ารอนามยั โลกกำลังประเมนิ งานวิจัยใหม่ อยา่ งต่อเนื่องรวมถึงงานวจิ ยั ทต่ี รวจสอบความเชอ่ื มโยงระหว่างการใชย้ าสบู การใชน้ โิ คตนิ และ COVID- 19 องค์การอนามยั โลกเรยี กรอ้ งใหน้ ักวจิ ัยนกั วิทยาศาสตรแ์ ละส่ือตา่ ง ๆ ระมดั ระวงั ในการขยายการอ้าง วา่ ไมไ่ ด้รบั การพิสจู นว์ า่ ยาสบู หรอื นิโคตินสามารถลดความเส่ียงของ COVID-19 ขณะนย้ี ังมขี ้อมลู ไมเ่ พียง พอท่จี ะยืนยนั ความเช่อื มโยงระหว่างยาสบู หรือนโิ คตนิ ในการปอ้ งกนั หรอื รักษา COVID-19 ศูนย์ควบคมุ และป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention) สหรฐั อเมริกา ได้รายงานผลกระทบของการสบู หรีต่ อ่ สุขภาพ.การสูบบุหรี่และความเสีย่ งต่อสขุ ภาพทเี่ พิ่มขึน้ ผู้สูบบหุ ร่มี ี แนวโน้มมากกวา่ ผไู้ ม่สบู บุหรี่จะเป็นโรคหัวใจโรคหลอดเลอื ดสมองและมะเร็งปอด การสบู บหุ รเ่ี พม่ิ ความ เส่ียงดังนี้ 1) โรคหลอดเลือดหัวใจ 2 ถงึ 4 เท่า 2) โรคหลอดเลือดสมอง 2 ถึง 4 เท่า 3) มะเรง็ ปอดในผชู้ าย ถึง 25 เทา่ 4) มะเรง็ ปอดในผหู้ ญงิ เพ่ิมข้นึ 25.7 เท่า

128 การสบู บหุ รที่ ำใหส้ ขุ ภาพโดยรวมลดลงการขาดงานเพ่มิ ขึน้ การใชบ้ ริการดา้ นสขุ ภาพและ ค่าใชจ้ า่ ยเพ่ิมขน้ึ การสูบบุหร่แี ละโรคหลอดเลือดหัวใจ ผูส้ บู บหุ ร่ีมีความเสย่ี งมากข้ึนสำหรบั โรคทม่ี ีผลต่อ หัวใจและหลอดเลือด (โรคหลอดเลอื ดหัวใจ) การสูบบุหร่ีเปน็ สาเหตทุ ี่สำคัญของการเกดิ โรคท่เี ปน็ อันตราย ทง้ั ผู้สบู บุหรีเ่ องโดยตรงและผู้ท่ี ไมไ่ ดส้ บู บหุ ร่ี อนั ตรายของบุหรตี่ อ่ สขุ ภาพของผสู้ ูบบุหร่ี มดี งั นี้(นิภาวรรณ หมีทอง.2551) 1.โรคมะเร็ง พบมากทสี่ ดุ คอื มะเร็งปอด โดยพบวา่ ผทู้ ่ีสบู บุหรีม่ โี อกาสเปน็ มะเร็งมากกวา่ ผไู้ ม่ สูบบหุ รีถ่ งึ 10 เท่า ซ่งึ ข้ึนอยูก่ บั จานวนบหุ รี่ท่สี บู ต่อวัน ลกั ษณะของการสบู บหุ รแี่ ละระยะเวลาท่ีสูบบหุ รี่ สถาบนั มะเรง็ แหง่ ชาติ พบวา่ โรคมะเรง็ ปอด เป็นโรคมะเร็งทเี่ ปน็ กันมาก และสูงเปน็ อันดบั หนง่ึ 2. โรคหวั ใจและหลอดเลือด การสบู บุหรท่ี าใหก้ รดไขมันอสิ ระในพลาสมามากขึ้น การจบั กลุม่ ของเกลด็ เลอื ดมากข้นึ เปน็ ผลให้ผูส้ ูบบหุ รีเ่ ป็นโรคหวั ใจและหลอดเลอื ดสูงกว่าผูไ้ มส่ ูบบหุ ร่ี 2 เทา่ ซ่ึงทา ใหเ้ กดิ การ ตายอยา่ งเฉยี บพลนั สูงกวา่ ผไู้ ม่สบู บุหร่ี 3 เท่า ในผู้หญงิ สบู บหุ รี่และกินยาคุมกำเนิดจะมี โอกาสตายดว้ ยโรคหัวใจมากกวา่ หญิงท่สี บู บหุ ร่แี ตไ่ ม่กินยาคุมกำเนดิ ถงึ 10 เทา่ 3. โรคระบบทางเดินหายใจ ควนั บหุ รีจ่ ะทาใหเ้ กดิ การระคายเคอื งต่อเยอ่ื บุผิวของหลอดลมและ ถงุ ลม ทำให้เกิดอาการไอ และเป็นสาเหตุที่ทาให้เกิดโรคหลอดลมอกั เสบและถงุ ลมโปง่ พองถึงรอ้ ยละ70 4. โรคระบบทางเดินอาหาร สารเคมใี นบุหร่เี ป็นสาเหตทุ ีท่ าให้กรดเพ่ิมข้นึ ในกระเพาะอาหาร ทาใหเ้ กดิ ความระคายเคือง การอักเสบของเย่ือบุกระเพาะและเกิดแผลในกระเพาะอาหาร พบวา่ ผูส้ บู บหุ ร่จี ะตายด้วยโรคแผลในกระเพาะอาหารถงึ 3 เทา่ ของผู้ทไี่ มส่ ูบบุหร่ี 5. ระบบสืบพันธุ์ ในผูห้ ญงิ ทส่ี บู บหุ รม่ี ากจะเขา้ ส่วู ยั หมดประจาเดอื นเรว็ กวา่ ปกติในผชู้ าย และ พบว่าการตบี ตันของหลอดเลอื ดแดงที่ไปเลย้ี งอวัยวะเพศบางสว่ นจะทาให้สมรรถภาพทางเพศลดลง 6. เหงือกและฟนั ผู้ทส่ี ูบบุหรีจ่ ะเกิดโรคของเหงือกและฟนั มากกวา่ ผู้ทไ่ี มส่ บู บุหร่ี ทาให้ฟันมีสี เหลอื งและผูท้ ี่สบู บหุ รีน่ านๆฟนั จะมีสีดา ทาให้เกิดกลิน่ ปากและฟันผุกร่อน 6.4 รเู้ ทา่ ทนั กลยุทธ์ทางการตลาดของบรษิ ทั เครอื่ งด่ืมแอลกอฮอล์ และบุหรี่ 6.4.1 ร้เู ทา่ ทันกลยุทธท์ างการตลาดของบรษิ ทั เครอื่ งดืม่ แอลกอฮอล์ เครอ่ื งด่มื แอลกอฮอล์ เปน็ สนิ คา้ ที่มีการแขง่ ขันกันในตลาดทเี่ ข้มข้น ทำใหผ้ ปู้ ระกอบการ พฒั นา กลยทุ ธ์ตา่ ง ๆเพือ่ เพ่ิมยอดขายใหก้ บั ผลติ ภณั ฑข์ องตนเองท่หี ลากหลายและแยบยลดว้ ยการโฆษณาผ่าน ส่ือต่าง ๆ เพอื่ จงู ใจผบู้ รโิ ภค จนอาจทำให้ผ้บู รโิ ภคเข้าใจผดิ ปัจจุบนั น้สี ื่อตา่ ง ๆ มีอิทธิพลตอ่ วิถชี วี ิตของ คนอย่างมาก และในเร่ืองที่เกยี่ วกับแอลกอฮอล์ จะเห็นว่า มกี ารแขง่ ขนั ทางการค้ากนั สูงมาก โฆษณาที่ เกี่ยวกบั เครือ่ งด่มื แอลกอฮอลม์ อี ย่มู ากมาย ซง่ึ เปน็ กลยุทธข์ องบรษิ ัทผลติ เคร่ืองด่มื แอลกอฮอล์ ทจี่ ะต้อง พยายามสร้างสอื่ โฆษณาขนึ้ เปน็ จำนวนมาก เพอื่ ให้ผบู้ ริโภคเกิดความร้สู กึ อยากลอง และรู้สกึ วา่ การ บริโภคแอลกอฮอล์นน้ั เปน็ เรือ่ งทด่ี ีงาม หรอื เป็นเร่ืองท่ีควรจะภูมใิ จ ในฐานะทเี่ กดิ เปน็ คนไทย (ซงึ่ จริง ๆ แลว้ ไมม่ คี วามเกย่ี วข้องกันเลย) หรอื เป็นเร่อื งที่ผชู้ ายควรจะตอ้ งลอง เพื่อแสดงความเปน็ ลูกผชู้ ายอยา่ ง แท้จรงิ บางผลิตภณั ฑ์จะเจาะจง กลุ่มเปา้ หมายพเิ ศษ เชน่ กลมุ่ สภุ าพสตรี ให้หนั มามคี ่านยิ มในการดื่ม

129 แอลกอฮอล์เพมิ่ ขึ้น นอกจากสือ่ โฆษณาสนิ ค้าเครอ่ื งดื่มแลว้ สื่อในลกั ษณะบันเทงิ เชน่ ภาพยนตร์ ละคร หรอื แมก้ ระทง่ั เพลงกม็ สี ่วนจงู ใจผ้ชู มใหเ้ กดิ ความรู้สึกคล้อยตามได้ สง่ิ ตา่ ง ๆ เหล่าน้ี รวมทง้ั สนิ ค้าท่ี สะดวกตอ่ การซอื้ หา ท่ีมอี ยอู่ ยา่ งมากมาย กม็ สี ว่ นอย่างมาก ตอ่ การส่งเสรมิ การบริโภคเครื่องดม่ื ประเภท น้ี เครือข่ายเฝา้ ระวังธุรกิจสุรา และ เครอื ข่ายองคก์ รงดเหลา้ (2562) ได้รายงานผลการวจิ ัยเร่อื ง การรับรขู้ องประชาชนต่อการโฆษณาเครือ่ งด่ืมแอลกอฮอล์ผา่ น “แบรนด์ DNA” และสญั ลักษณท์ ีม่ คี วาม คลา้ ยคลงึ กนั โดยกลยทุ ธ์การตลาดธุรกิจนำ้ เมาใช้เครื่องหมายการค้าผลติ ภัณฑ์นำ้ ดมื่ นำ้ แร่ โซดา ตรา บรษิ ทั แอบโฆษณาเครอื่ งดม่ื แอลกอฮอลห์ วงั หลกี เล่ียงกฎหมาย โดยเฉพาะชว่ งเทศกาลส่งทา้ ยปีจะพบ ผูป้ ระกอบการธรุ กจิ นำ้ เมาใช้กลยทุ ธก์ ารส่อื สารการตลาดแบนรด์ DNA จงู ใจผู้บรโิ ภคร่วมกจิ กรรมลาน เบียร์ หรือ งานสตรีทฟดู้ กลยุทธ์ทางการตลาดของบรษิ ัทเครอื่ งด่มื แอลกอฮอลเ์ พอื่ กระตุ้นยอดขาย (นษิ ฐา หรุ่นเกษม. 2556) 1) ใช้บคุ คลผมู้ ชี อ่ื เสียง (Celebrity marketing)กลยทุ ธ์การสอื่ สารการตลาดในลกั ษณะนถี้ ูก ใชเ้ พอ่ื โนม้ น้าวใจผบู้ รโิ ภค กลุ่มเปา้ หมายท่มี ลี ักษณะอยากอยูก่ บั กลุ่มคนท่ีทำ ให้ตัวเองมคี วามร้สู กึ ดขี ้ึน รวมถึงผบู้ รโิ ภคทพี่ ยายามจะเลยี นแบบพฤตกิ รรมและการใช้ชีวติ ตาม iconท่ีตนเองนยิ มและชน่ื ชอบ วิธกี ารเจาะเขา้ ถึงผบู้ รโิ ภคกลุ่มเปา้ หมายกลมุ่ นี้ คอื ใชว้ ิธีการเจาะไปที่วถิ ชี วี ติ (Lifestyle) ดังนน้ั ช่องทาง ในการเข้าถงึ จึงนยิ มทำกิจกรรมผ่านสื่อออนไลน์เปน็ หลกั เช่น “เจมส์ บอนด์” กบั ‘Heineken : Crack the Case’ 2) ตลาดประสบการณ์(Experiential marketing) เป็นการตลาดเชิงประสบการณ์ เปน็ กลยุทธก์ ารตลาดรปู แบบหนึ่ง ทเี่ ชือ่ ว่าประสบการณ์ทผ่ี ู้บริโภคกลมุ่ เปา้ หมายได้ ”สัมผสั ”และมปี ระสบการณก์ ับผลติ ภณั ฑ์จะส่งผลต่อตราสินค้าในกรณขี องกลมุ่ ธรุ กจิ แอลกอฮอล์น้ี มกั เป็นกจิ กรรมพเิ ศษในลักษณะของ Company-sponsored event การทำกจิ กรรมในลักษณะนจ้ี ะทำให้ ผบู้ รโิ ภคกล่มุ เปา้ หมายไดม้ ปี ฏิสมั พนั ธ์กบั ตราสนิ คา้ และตัวผลติ ภัณฑ์ ผลก็คอื เกดิ ความเช่อื มโยงทาง อารมณแ์ ละความรู้สกึ ทีจ่ ะสง่ ผลตอ่ พฤติกรรม การบรโิ ภค การซื้อ และความจงรักภักดตี อ่ ตราสนิ คา้ เชน่ “ชวี ิตเปน็ ของเรา” กบั “ชีวิตของเรา...ใช้ซะ” ภายใตม้ วิ สคิ แคมเปญ “Chang Music 2012” 3) การตอบแทนสงั คม (Publicity on CSR) เป็นลักษณะของการทำกิจกรรมเพอ่ื สังคมที่ ธรุ กิจแอลกอฮอล์ไดจ้ ดั ข้นึ โดยมคี วามมงุ่ หมายพิเศษเพื่อประชาสมั พนั ธ์หรอื เสริมสรา้ งภาพลักษณ์ สรา้ ง ความทรงจำในตราสนิ ค้าหรอื องคก์ ร รวมถงึ เพอื่ สร้างความผูกพัน กบั ผู้มสี ่วนไดส้ ่วนเสียกบั องค์กรเน่ือง ด้วยมกี ารซอ้ื พ้ืนทเี่ พือ่ เผยแพร่ภาพหรือโฆษณาการทำกจิ กรรมเพ่ือแสดงความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม ใน ลักษณะของการใชก้ ิจกรรม CSR เปน็ ตัวเดินเรอื่ งข้อสังเกตสำคญั คือ กจิ กรรมในลักษณะนกี้ อ่ ใหเ้ กิด newsworthy ทสี่ ง่ ผลให้“สื่อมวลชน” นำภาพกิจกรรมมาเผยแพรต่ ่อดว้ ย “ปากคำ” ของส่ือเอง เชน่ “ดื่มไม่ขบั กลบั TAXI” 4) ปากต่อปาก (Viral marketing via online network)เปน็ ลักษณะ ของการทำ กจิ กรรมของกลมุ่ ธรุ กจิ แอลกอฮอล์ในการใชช้ อ่ งทางการส่ือสารแบบออนไลน์เพอ่ื สรา้ งปฏิสมั พนั ธ์กับกลุ่ม

130 ลูกค้า/ผบู้ รโิ ภคเป้าหมายโดยขยายทะลมุ ติ ิด้านเวลาและมติ ดิ า้ นสถานที่ พรอ้ มท้ังสร้างกระแสสร้างการ รบั รู้ตราสินคา้ ประชาสัมพันธ์การจดั กจิ กรรมพิเศษ รวมถึงสรา้ ง Brand loyalty ผ่านการมีสว่ นรว่ มใน ลักษณะตา่ ง ๆ เช่น“แชะภาพสปาย โมฮิโต้ ล้นุ ยกลงั ” เปน็ การสรา้ งกิจกรรมให้คนมีส่วนร่วมและรับรู้ ตราสนิ คา้ ดว้ ยการถา่ ยภาพ SPY Cocktail Mojito แลว้ สง่ มาทางอินสตาแกรม หรอื เฟสบคุ๊ 5) การออกแบบหีบหอ่ บรรจุท่ีมีสสี นั (Packaging design)กลุม่ ธุรกิจแอลกอฮอล์ใช้ วิธกี ารออกแบบหบี หอ่ และบรรจุภณั ฑผ์ ่านลวดลาย สสี นั ฉลาก โลโก้ ภาพ และลวดลายกราฟฟกิ (Iconographic)เพื่อใหเ้ กิดความหมายในเชิงสญั ลักษณท์ ส่ี นิ คา้ ต้องการจะสื่อถึง นอก จากนนั้ แลว้ ยังทำ ให้เกดิ ภาพท่ีสวยงามเมอ่ื วางอยบู่ นชน้ั วางสนิ ค้าอกี ดว้ ย รวมถึงเปน็ การสรา้ งจุดสะดุดทางใจเพอื่ กระตุ้น ให้เกดิ การซื้อสินคา้ เมอ่ื เห็นภาพสนิ คา้ เปรียบเทียบกับผลิตภัณฑอ์ นื่ ๆ นอก จากน้ันแล้ว ยงั กอ่ ใหเ้ กดิ ผล ต่อเน่ืองในดา้ นของการสร้างบคุ ลกิ ลักษณะ หรอื character ให้กับสินคา้ ดว้ ยการดำเนนิ กลยทุ ธน์ ้ีควบคู่ ไปกับการโฆษณาและการใชพ้ นกั งานขาย เชน่ การออกแบบโดยเช่ือมโยงกบั กลยุทธ์การจดั กิจกรรม พเิ ศษ ตัวอยา่ งของเบียร์ไฮเนเกน้ กับการออกแบบโดยใช้ภาพทแ่ี ทนสญั ลักษณก์ ารเปน็ สปอนเซอร์ สนับสนนุ การจัดแขง่ ขันกีฬาฟตุ บอลUEFA Champions League ท่ีมอสโก 2008 และท่ี มวิ นคิ 2012 เป็นต้น กลยทุ ธท์ างการตลาด มีผลกระทบในดา้ นของการโฆษณาชวนเช่ือทม่ี ีผลทง้ั ทางตรงและ ทางออ้ มต่อการเร่ิมต้นพฤติกรรมการบรโิ ภคเคร่ืองดม่ื แอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในกลุม่ วัยรุ่นและเยาวชน หรือกล่มุ นกั ดมื่ หน้าใหม่รวมถงึ ความตั้งใจทีจ่ ะซ้ือและ/หรือพฤตกิ รรมบริโภคเครื่องดม่ื แอลกอฮอล์ที่ มากขนึ้ ในกลุ่มนักด่มื หนา้ เกา่ ดังนนั้ เราจะต้องรู้เทา่ ทนั เพื่อไม่ให้ตกเปน็ เหยื่อโฆษณาของธรุ กจิ ดังกลา่ ว ตวั อยา่ งเช่น เบยี ร์ไรแ้ อลกอฮอล์ เลียนแบบเบยี ร์จริงทงั้ สญั ลักษณต์ ราสนิ ค้า ขวด สี หรอื วางจำหนา่ ย ในบริเวณทใี่ กลเ้ คียงกัน เม่ือเห็นโฆษณาเบยี ร์ไรแ้ อลกอฮอลแ์ ลว้ อยากซอื้ เบียรท์ ี่มีแอลกอฮอลย์ ีห่ ้อนน้ั ด่มื 6.4.2 รูเ้ ทา่ ทันกลยุทธ์ทางการตลาดของบหุ รี่ การรกุ คบื ของเหล่าบริษัทผู้ผลติ ทงั้ หลายก็ไม่เคยหยดุ นงิ่ ย่ิงปจั จบุ นั มกี ารนำเทคโนโลยแี ละกล ยทุ ธก์ ารตลาดรูปแบบใหม่ๆ ที่พยายามโนม้ นา้ วใจให้คนเราเดินเข้าสู่วงจรเหล่านี้อยา่ งแยบยลมากขนึ้ โดยเฉพาะกลมุ่ นกั สูบนักดืม่ หนา้ ใหม่ ที่ไม่มีความรู้เทา่ ทนั ต่อกลยุทธ์ทางการขาย และไม่ทราบขอ้ มูล แท้จริง อาจติดกับดกั จากลูกเล่นเหลา่ นี้โดยง่าย เชน่ การโฆษณาวา่ บหุ รไ่ี ฟฟ้า มอี ันตรายนอ้ ยกวา่ บหุ ร่ี โดยบางบริษทั กลา่ ววา่ การพฒั นาผลติ ภัณฑ์ใหมเ่ หล่านเ้ี ปน็ การเสนอทางเลือกให้กบั ผ้สู บู เพอ่ื ทผี่ สู้ บู จะ สามารถเลอื กสูบผลิตภัณฑ์ที่มคี วามเสีย่ งนอ้ ยกวา่ (Reduced risk product) และเปน็ การลดอนั ตราย จากการสบู บหุ รท่ี ่วั ไป (Harm reduction)ข้อสรุปจากงานประชมุ วชิ าการโรคหลอดเลอื ดสมองระดับ นานาชาตยิ ังพบขอ้ มูลวา่ ผู้สบู บุหร่ีไฟฟ้าเสยี่ งเกิดโรคเส้นเลอื ดสมองตบี สงู ขึ้นถึงร้อยละ 71 เกดิ โรคหวั ใจ วายเฉียบพลนั สูงขนึ้ รอ้ ยละ 59 และกลา้ มเน้ือหวั ใจขาดเลอื ดสูงขนึ้ รอ้ ยละ 40 นอกจากน้ใี นปี 2015 ถึง 2017 เกดิ เหตุบุหร่ีไฟฟา้ ระเบิดในสหรัฐอเมริกาประมาณ 2,035 ครงั้ ซึง่ ผูไ้ ดร้ บั บาดเจบ็ เขา้ รักษาตัวใน แผนกฉุกเฉินส่วนใหญเ่ ป็นเยาวชน ท้ังนี้จากงานวจิ ัยในหลายประเทศ เช่น ไตห้ วัน เกาหลใี ต้ พบขอ้ มูลว่า

131 เยาวชนทเี่ คยสูบบหุ ร่ีไฟฟา้ มโี อกาสสบู กญั ชามากกวา่ 3.47 เทา่ โดยในไต้หวันพบว่านกั เรียนทเี่ คยใชบ้ ุหรี่ ไฟฟ้ามีแนวโน้มสบู บหุ รจ่ี ริงมากกวา่ คนทไี่ ม่เคยใช้ และมีแนวโนม้ ใช้ทง้ั บหุ รี่ไฟฟา้ และบหุ รจ่ี ริงเพิม่ จาก รอ้ ยละ 0.9 ในปี 2014 เป็นรอ้ ยละ 1.6 ในปี 2016 (ประกติ วาทสี าธกกิจ.2556) กลยทุ ธท์ ี่สำคญั ในการเพิ่มการขายของบริษทั บหุ ร(่ี มูลนิธริ ณรงคเ์ พ่ือการไมส่ บู บุหร.ี่ 2551) โดย 1.พุ่งเป้าไปทีต่ ลาดวยั รุน่ เพือ่ ทดแทนลกู คา้ เก่าที่ทยอยเสยี ชีวติ ไป เนือ่ งจากเสยี ชีวิต เพราะสบู บหุ รแ่ี ละการเลิกสูบบหุ ร่ี เนอื่ งจากวยั รนุ่ เปน็ ชว่ งทอี่ อ่ นไหวงา่ ย จงึ ทำใหต้ ดิ บหุ ร่ไี ด้งา่ ย บรษิ ทั บหุ รม่ี ีความ พยายามอยา่ งสูง ในการเข้าถงึ เยาวชน เพอ่ื ใหก้ ลายเปน็ ลูกคา้ สบู บหุ ร่ขี าประจำ เพราะนโิ คตนิ ทำใหต้ ิดได้ ง่าย ขอ้ เท็จรงิ ท่คี วรรเู้ ท่าทนั 1) บรษิ ทั บหุ รีม่ กี ารวางแผนอยา่ งดใี นการชกั จงู เยาวชนให้สูบบหุ ร่ี 2) บรษิ ทั บหุ รี่มีใหค้ วามสนใจพิเศษในการเพิ่มจำนวนผสู้ บู บุหร่ีและสว่ นแบ่งตลาดในแต่ ละยี่ห้อ 3) บริษทั บหุ รใี่ ช้มาตรการทคี่ รบวงจร โดยการโฆษณาเป็นเพียงชอ่ งทางหนง่ึ และยงั มีวิธี อืน่ รวมถงึ การออกแบบซองบุหรี่ การโฆษณา ณ จุดขาย การสอ่ื สารทางไปรษณยี ์ และอนิ เตอรเ์ น็ต 4) บรษิ ัทบหุ รี่วางเปา้ หมายลกู ค้าดว้ ยบุหรย่ี ่ีหอ้ เฉพาะ ราคาบหุ รี่ และวธิ กี ารเขา้ ถึงลกู คา้ เปา้ หมายเพือ่ ให้ลกู คา้ พอใจ เพื่อทีจ่ ะเพิ่มยอกขายและสูบบหุ รี่ต่อไอย่างตอ่ เน่ือง ประธานบรษิ ัทเวคเตอรโ์ ฮลด้ิงกรูป เจา้ ของบหุ ร่หี ลายย่ีหอ้ เคยกล่าววา่ “ ถ้าหาก บรษิ ทั บหุ รีต่ อ้ งหยดุ ทำการตลาดทพี่ ุง่ เป้าไปยงั เด็กๆ บรษิ ัทบุหรกี่ ็จะลม้ ละลายภายใน 25-30 ปเี พราะจะ ไมม่ ลี ูกคา้ เพียงพอทธี่ รุ กจิ จะอยไู่ ด้” 2.การออกแบบผลติ ภณั ฑใ์ หจ้ งู ใจวยั รุ่น บรษิ ัทบหุ ร่ีจะทำทกุ วถิ ที างในดารออกแบบเพ่อื ชกั จูงใจวยั รนุ่ ใหเ้ ริ่มสบู บุหรไ่ี ด้งา่ ยและเพ่มิ โอกาสเสพตดิ บุหร่ีอย่างรวดเรว็ โดยการออกแบบจะครอบคลุม ตวั ผลิตภณั ฑย์ าสบู กลนิ่ รส แบบซองบุหรี่ และช่องทางการกระจายสนิ ค้า ▪ตวั ผลติ ภัณฑ์ -จะทำให้ลดการละคายเคืองขณะสูบ -เพิ่มสารปรุงแตง่ กลน่ิ รส ชนิดตา่ งๆ -อา้ งว่ามสี ารพษิ (ทาร์หรือนโิ คตนิ ตำ่ ) ▪ซองบหุ ร่ี -มีการออกแบบเพื่อเปน็ ส่อื โฆษณา -เป็นสื่อใหก้ ลับวยั รุน่ ใชบ้ ง่ บอกถงึ รสนยิ มตน ▪ยหี่ อ้ สนิ ค้า -ตราสนิ คา้ หรอื ยีห่ อ้ ทำอยา่ งพถิ ีพิถันเพือ่ เขา้ ถงึ เป้าหมายและมงุ่ หวังใหผ้ ู้สบู ยหี่ ้อนั้นสอ่ื ถึงคน อนื่ ๆใหน้ ิยมตาม ▪ลักษณะและสสี ันของซองบหุ รี่

132 -ลักษณะเฉพาะ -มีสีสัน -การใส่ใบแทรกเอกสารไว้ภายในซองบุหรี่ เพือ่ โฆษณาสรรพคณุ ของบุหรี่ ▪ ใช้สนิ ค้าบหุ ร่ีเปน็ เครื่องมอื สรา้ งความเช่อื ทำใหว้ ยั รนุ่ มีความเชอื่ ทผี ิดและ หลงกลใชบ้ ุหร่ีในการแกป้ ญั หาต่างๆ ได้แก่ -บรษิ ัทบุหรร่ี ู้วา่ วยั รุ่นใชบ้ ุหรใี่ นการสรา้ งความมนั่ ใจ แสดงความเป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญวัยร่นุ อยากแสดงว่าโตแล้ว หรอื เทา่ เทียมผู้ใหญ่ -วัยรุ่นเข้าใจผดิ วา่ บหุ ร่สี ามารถช่วยลดน้ำหนักได้ -วัยรุ่นเขา้ ใจผดิ ว่าบหุ ร่ีทำใหม้ ีสมาธมิ ากขนึ้ ▪การใชส้ ารปรุงแตง่ กล่ิน รส โดยใช้สารเคมีต่างๆเพื่อ -ใหร้ ะคายเคืองนอ้ ยลงเวลาสบู -ใหเ้ สพติดไดง้ ่ายขึน้ -ดับกล่นิ บหุ รม่ี ือสอง -ให้วยั รนุ่ อยากลองและคดิ ว่าปลอดภัยเหมือนกินขนม โดยทำเป็นรสผลไม้ เชน่ รส สับปะรด มะพรา้ ว กาแฟ รสนม เชน่ วานลิ า เชอร่ี ชอ็ กโกแลต เป็นต้น “ โดยสารเคมีเหล่านมี้ ีวัตถปุ ระสงค์เพือ่ ทำให้เสพตดิ งา่ ย ทำใหอ้ ยากทดสองสบู และทำให้ วัยรนุ่ เขา้ ใจผิดว่าเปน็ บุหรที่ ปี่ ลอดภยั เพราะสือ่ ไปถงึ สง่ิ ของต่างๆท่อี ร่อย น่ารบั ประทานนอกจากน้ียงั ทำ ใหอ้ ยากสบู บหุ รมี่ ากขึ้นซง่ึ ผลทต่ี ามมาคอื เกิดการเสพติดและได้รบั สารพษิ มากขึ้น” 3.พยายามให้มจี ดุ ขายมากท่สี ดุ เพ่ือให้เยาวชนเข้าถึงบุหรีไ่ ดง้ า่ ย ▪ ช่องทางให้เยาวชนเข้าถึงบหุ รไี่ ดง้ า่ ย -ใชเ้ ทคนคิ ทที่ ำให้มีจุดขายมากท่สี ุด ทุกแห่งหน -อาศยั จุดขายทำการโฆษณาและสง่ เสรมิ การขาย -วางสนิ คา้ ในตำแหน่งเด่นๆ และสามารถหยิบไดง้ า่ ย -อาศยั ชอ่ งทางผดิ กฎหมาย เชน่ แผงลอย ขายตามถนน ขายเปน็ มวน ▪ เพมิ่ ชอ่ งทางขายผี่ ดิ กฎหมายในทที่ ม่ี ีเยาวชนอยู่เปน็ จำนวนมาก -ขายในโรงเรียน มหาวทิ ยาลยั -เคร่ืองขายอัตโนมัติ -สนามกฬี า ▪ ช่องทางขายทีผ่ ดิ กฎหมาย การขายชา้ งทางท่ไี มไ่ ด้รบั อนุญาตหรือตามถนนเพมิ่ ความ เส่ยี งต่อเยาวชน เพราะ -อาจเป็นการขายบหุ รห่ี นีภาษี ซงึ่ จะมรี าคาถูกทำให้เดก็ ๆสามารถซ้อื ได้ -มักจะมกี ารขายบหุ ร่หี นีภาษีเปน็ มวน -บหุ รีห่ นีภาษมี ักเป็นย่ีห้อทค่ี นรจู้ ักกันดี และเปน็ การสง่ เสริมยหี่ อ้ เดยี วกนั ท่ถี ูกกฎหมาย -บุหรีห่ นีภาษีสว่ นใหญ่ไมม่ คี ำเตอื นผูส้ ูบ

133 ▪ การขายดว้ ยเคร่ืองอตั โนมัติ -ทำใหเ้ ด็กๆเข้าถึงได้ง่าย -มักจะอยู่ใกลท้ างเขา้ โรงเรยี น ▪ การขายทางอนิ เตอร์เนต็ บริษทั สุราใชช้ อ่ งทางน้มี ากขึน้ ๆเพราะ -ทำให้วยั รุ่นเข้าถึงง่าย -สามารถใชเ้ วบ็ ไชต์เผยแพรค่ ่านยิ มสบู บุหรี่ -แนะนำวธิ ีสบู บหุ ร่แี ก่วัยรุ่น -เผยแพร่ภาพผมู้ ชี ือ่ เสียง หรอื ภาพยนตร์ทด่ี าราดงั สบู บุหร่ี การขายบหุ รี่ทางอินเตอรเ์ นต็ ก่อใหเ้ กิดปัญหาต่อการควบคมุ การสูบุหร่ีที่สำคัญ 4 ประการ คอื 1. อาจกลายเปน็ แหล่งขายทส่ี ำคัญของวัยรนุ่ 2. อาจเปน็ แหล่งของบหุ รร่ี าคาถูกจากการหลบเล่ียงภาษี 3. เปน็ ช่องทางขายแกว่ ยั รุน่ ท่ีควบคุมยาก 4. เปน็ ชอ่ งทางให้เขา้ ถงึ บุหรี่ได้งา่ ย ▪ การรว่ มมอื กบั ผ้คู า้ ปลกี -ขุดขายปลกี มีความสำคญั มากขน้ึ เร่อื ยๆเมอื่ ประเทศต่างๆห้ามโฆษณาบุหรอี่ ย่าง เขม้ งวดย่งิ ข้ึน -บริษทั บหุ รใี่ หเ้ งินและให้ผลประโยชน์ตา่ งๆแก่ผู้ค้าปลีกเพื่อให้ผู้ค้าปลีกร่วมมอื ในการ ส่งเสรมิ การขายเป็นแนวร่วมและโชวส์ นิ คา้ -สถานทท่ี ่เี ยาวชนชอบไป เช่น ไนต์คลับ และสถานบันเทิงเปน็ สถานท่ีทบ่ี รษิ ัทบุหรีใ่ ช้ ในการส่งเสริมการขาย 4.บรษิ ทั บุหรี่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ราคาบุหร่ีถกู เพอ่ื เยาวชนจะไดซ้ อ้ื สูบได้งา่ ยขึน้ -ราคาบุหรเ่ี ป็นสว่ นประกอบทีส่ ำคญั ของมาตรการทางตลาด -ราคาบุหร่สี ูงขน้ึ จะทำใหส้ ูบนอ้ ยลง -ราคาทส่ี งู ขนึ้ จะทำใหเ้ ยาวชนสบู นอ้ ยลงกวา่ ผ้ใู หญ่ถึง 3 เท่า เนอ่ื งจากเยาวชนมีกำลงั ซือ้ ท่นี ้อยกว่า และมเี พ่อื นทสี่ บู น้อยกวา่ กลยุทธบ์ รษิ ทั บุหรใี่ นการรับมือกับการขนึ้ ภาษบี ุหรี่ มดี ังนี้ 4.1 วิ่งเต้นคดั ค้านการข้นึ ภาษีทกุ วิถที าง 4.2 นำกลยุทธก์ ารแจกแถมมาใช้เชน่ ซื้อ 1 แถม 1 4.3 ผลิตซองบุหร่ขี นาดนอ้ ยกวา่ 20 มวน หรือสนับสนุนใหแ้ บง่ ขายเป็นมวนๆ 4.4 การแจกบหุ ร่ใี ห้กับวัยรุ่น โดยงานวจิ ยั ขององค์การอนามัยโลกพบวา่ 1 ใน 10 ของ วยั รุ่นทว่ั โลกตอบวา่ เคยไดร้ บั แจกบหุ รจี่ ากผแู้ ทนบรษิ ทั บุหรี่ 5.การส่งเสรมิ การขาย การสง่ เสรมิ การขายมหี ลายรูปแบบทง้ั ทางตรง ได้แก่ การโฆษณา และทางอ้อมใชก้ ับประเทศท่ีมกี ฎหมายหา้ มโฆษณาทีเ่ ขม้ แขง็ โดยผ่านการสนบั สนนุ ศิลปะ ดนตรี และ กฬี า

134 ▪การโฆษณาตรง -การโฆษณาทำให้เยาวชนสบู บหุ ร่มี ากขน้ึ -การวิจัยขององคก์ ารอนามัยโลกพบว่า ร้อยละ 56.5 ของวัยรุ่นท่วั โลก เหน็ การโฆษณาบหุ รี่ บนปา้ ยโฆษณาขยาดใหญ่ หรือบิลบอร์ดในชว่ ง 30 วันก่อน และรอ้ ยละ 50.0 เหน็ การโฆษณาบุหรใ่ี น หนงั สอื พิมพ์ และนติ ยสาร -งานวจิ ยั พบวา่ เดก็ จำการโฆษณาบหุ รี่ได้มีอตั ราการตดิ บุหรีเ่ ปน็ สองเทา่ ของเดก็ ทจี่ ำโฆษณา บหุ รี่ไมไ่ ดห้ ลังจาก 4 ปี ▪ การสนับสนุนศลิ ปะและกฬี า -ส่งผลตอ่ การยอมรับการสบู บุหรี่ และการยอมรับบุหร่ใี นสงั คม -สรา้ งความสัมพันธ์กบั ผกู้ ำหนดนโยบาย -สรา้ งภาพลักษณ์ที่ดีใหแ้ ก่บรษิ ทั “ในประเทศที่หา้ มโฆษณาและสง่ เสริมการขาย บริษัทบุหร่ีใช้วธิ ีที่เรยี กวา่ การคืนกำไรสู่ สังคม(CSR) โดยการบรจิ าคเงนิ สงิ่ ของและสนับสนนุ กิจกรรมตา่ งๆ เช่น ศลิ ปะ สถาบัน การศึกษา และ กจิ กรรมที่ทำกับเยาวชน โดยใชช้ ่ือบริษัท ▪ การโฆษณาทางอ้อม -ผา่ นการสนบั สนุนกีฬาและศลิ ปะ -การติดตราสัญลักษณย์ ี่หอ้ บุหร่ี หรอื ตราสินคา้ บหุ รีล่ งบนสนิ คา้ อนื่ เช่น เส้ือผ้า หมวก สติ๊กเกอรต์ ิดรถยนต์ โดยผู้ใช้สนิ ค้าเหล่านเี้ ท่ากบั เปน็ สอื่ โฆษณาเคลือ่ นที่ให้แกบ่ หุ รฟี่ รๆี งานวจิ ยั ของ องคก์ ารอนามัยโลกพบวา่ 2 ใน 10 ของวยั ร่นุ ทว่ั โลกใชข้ องทตี่ ดิ โลโกบุหรี่ -การวางสนิ ค้าในภาพยนตร์ โทรทัศน์ และการแสดงอืน่ ๆ โดยตดิ บนฉาก รถยนต์ รวมทัง้ รายการตา่ งๆในโทรทศั น์ ซึง่ เข้าถึงผู้บรโิ ภคจำนวนมากทั่วโลก ▪ การแสดงสินค้า ณ จดุ ขาย -บรษิ ัทบุหรีว่ างจดุ ขายท่วี นั ร่นุ เหน็ ไดง้ ่าย การวจิ ัยพบวา่ ร้านที่วยั รนุ่ เข้ามาก จะมพี น้ื ท่ขี าย บหุ รส่ี ามยห่ี อ้ แรกที่วยั รุน่ ชอบมากเปน็ สองเทา่ ของรา้ นทัว่ ไป (ประเทศไทยกำหนดให้มกี ารห้ามโฆษณา บุหร่ี ณ จุดขายในปี พ.ศ.2548) 6.อทิ ธพิ ลของภาพยนตรต์ อ่ การตดิ บุหรขี่ องเด็ก รายงานของปอ้ งกันและควบคุมโรค สหรัฐอเมรกิ าระบุวา่ การสูบบหุ รีใ่ นภาพยนตร์เปน็ สาเหตุสำคัญอย่างหน่ึงท่ีทำใหว้ ยั รุ่นเสพตดิ บหุ ร่ี และการสูบบุหร่ใี นภาพยนตรเ์ ทา่ กบั • สอนใหว้ ัยร่นุ รู้จกั วิธีสบู บุหร่ี • สอนใหว้ ัยรุ่นเลยี นแบบดารา • ทำให้วัยรุ่นเขา้ ใจผิดวา่ คนส่วนใหญย่ อมรับการสูบบหุ รี่ ขอ้ พสิ จู นว์ ่าบรษิ ทั บุหรี่ใชภ้ าพยนตร์เพอ่ื ใหว้ ัยร่นุ สบู บุหร่มี ากขึน้ -ภาพยนตร์ตา่ งๆ มีฉากสบู บุหรมี่ ากขึ้นเรอ่ื ยๆ

135 -จากการสำรวจข้อมลู พบว่า • บริษทั ฟิลปิ มอร์ริส จ่ายเงนิ จำนวน 42,500 ดอลลารใ์ ห้ภาพยนตรเ์ รอ่ื ง ซเู ปอร์แมนภาค 2 เพอ่ื ให้มบี ุหร่ีมารล์ โบโร่ปรากฏในเร่ือง และจา่ ยเงิน 350,00 ดอลลาร์ เพื่อให้มีบุหรี่ ลารค์ ในเร่ือง เจมส์ บอนด์ 007 ตอน License to Kill. • บรษิ ทั ลิคเก็ต ผผู้ ลิตบหุ ร่ยี ี่หอ้ อฟี จ่ายเงินจำนวน 30,000 ดอลลารใ์ ห้หนัง ซูเปอรเ์ กิร์ล • บริษทั อาร์ เจ เรโนลด์ ผผู้ ลติ บหุ รีล่ คั ก้สี ไตร์ท จา่ ยเงินจำนวน 5,000 ดอลลาร์ ใหห้ นังเร่อื ง เบเวอรฮี่ ิล คอรป์ 7.การประชาสมั พนั ธ์ผ่านสือ่ -บรษิ ทั บุหรี่ใช้ส่ือต่างๆในการเขา้ ถงึ คนสว่ นใหญ่ เขา้ ถึงผกู้ ำหนดนโยบายและ ลดกระแสการควบคุมยาสูบ -มีการสรา้ สมั พนั ธภาพทดี่ กี บั สอ่ื เพื่อให้ส่อื มที ศั นคติทดี่ ี ตอ่ บริษทั บุหร่ี -พาส่ือไปเยี่ยมชมโรงงานและกจิ การของตน 8.สร้างภาพบรษิ ัทด้วยโครงการป้องกนั เยาวชนไมใ่ หส้ บู บหุ รี่ -บรษิ ัทบหุ ร่ีลงทนุ จำนวนมากเพอื่ สร้างภาพพจนข์ องตัวเองโดยสนับสนนุ โครงการปอ้ งกันวยั รุ่นไมใ่ ห้สูบบหุ ร่ี แต่โครงการเหลา่ น้ีลว้ นพสิ ูจน์แลว้ ว่าไมไ่ ดผ้ ล -โครงการเหล่านีไ้ มไ่ ด้มงุ่ หวงั ทจ่ี ะต่อตา้ นการสบู บุหรอี่ ยา่ งจริงจงั แตก่ ลับ สอ่ื สารการสบู บุหร่เี ป็นเรือ่ งของผ้ใู หญ่ ซ่ึงกลับทำใหว้ ยั รุน่ อยากสบู บุหรี่มากข้ึน -เอกสารภายในของบรษิ ทั บหุ รรี่ ะบวุ า่ โครงการปอ้ งกันวยั รนุ่ ไม่ให้สูบบหุ ร่ีมี วัตถุประสงคเ์ พื่อสรา้ งภาพลักษณ์ใหแ้ ก่บรษิ ัท ไม่ใชเ่ พ่ือป้องกันวยั รุ่นไมใ่ ห้สูบบุหร่ี โดยสรปุ จะเห็นได้วา่ ท้ังบริษทั บุหร่ี และบรษิ ทั เครอื่ งดื่มแอลกอฮอล์ มคี วามพยายามอยา่ ง สงู ในการเขา้ ถึงกลุม่ เปา้ หมาย โดยกระทำทกุ วถิ ีทางกบั ผเู้ ป้าหมายทกุ ในทุกระดบั โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ กับ ความพยายามที่จะเพิ่มนกั สูบหรอื นักดม่ื หนา้ ใหม่โดยมุ่งเปา้ ทว่ี ยั รนุ่ ซ่ึงเป็นวยั ทก่ี ำลงั สร้างเอกลกั ษณ์ หรอื แสวงหาตัวตนของตนเอง ซึ่งบริษทั เหลา่ นี้จะโจมตี จดุ นี้ โดยการโฆษณาชวนเช่ือรปู แบบตา่ ง ๆ หาก ผู้เกีย่ วข้องรวมถึงกลุ่มเปา้ หมายหากไมร่ ู้เท่าทนั ก็อาจจะตกเปน็ เหยื่อและอยู่ในอนั ตรายทั้งต่อสขุ ภาพ เศรษฐกจิ และสงั คม การสรา้ งคา่ นิยมไม่สบู ไม่ดืม่ การมองปญั หาการสบู บุหรี่ การด่ืมสุราเปน็ ปญั หาสงั คม ไม่ใช่ปัญหาระดับปจั เจกบุคคลจะทำให้สงั คมร่วมกนั แก้ปัญหาทยี่ ่ังยนื ได้

136 เอกสารอ้างองิ กรมสรรพสามติ (2561) ประกาศกรมสรรพสามติ เรือ่ ง หลกั เกณฑ์ วิธีการและเง่อื นไขในการผลิตสุรา และการนาํ สุราออกจากโรงอุตสาหกรรมเพอื่ ตรวจวเิ คราะหใ์ นขนั้ ตอนการผลติ .ราชกจิ จา นเุ บกษา เลม่ 135 ตอนพิเศษ 119 ง (เลม่ ท่ี 2) วันที่ 24 พฤษภาคม 2561 หน้า 160 ออนไลน์ เข้าถงึ ไดจ้ าก http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/E/119_2/160.PDF กองสขุ ศกึ ษา กรมสนับสนุนบรกิ ารสุขภาพ กระทรวงสาธารณสขุ (2558).การปรับเปลย่ี นพฤติกรรมการ ด่ืมสุราในวัยทำงาน. กองสุขศกึ ษา. เครือข่ายเฝา้ ระวังธุรกจิ สุรา และ เครือข่ายองคก์ รงดเหล้า (2562) ตแี ผ่กลยุทธธ์ รุ กจิ นำ้ เมา แอบแฝงใช้ แบรนด์ DNA โฆษณาเหล้า-เบยี ร์ รุกหนักช่วงปี ใหมh่ ttps://www.hfocus.org/content/2019/12/18226 จฑุ ามาศ หนอ่ ตนุ่ และคณะ (2559) ความชกุ และปจั จัยทีส่ ัมพันธก์ ับพฤตกิ รรมการฆา่ ตวั ตายในผ้ปู ่วย ทีม่ ปี ัญหาสุขภาพจติ ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับสุรา. วารสารวจิ ัยระบบสุขภาพ. 10(2) : 137-151. มูลนิธเิ มาไมข่ ับ(2558).สุรากับอบุ ตั ิเหตทุ างจราจร. ออนไลน์ เข้าถึงไดจ้ าก https://www.ddd.or.th/Contents/view/3662 มูลนธิ ิรณรงค์เพอื่ การไมส่ ูบบหุ รี่(2551).เยาวชนรุ่นใหม่ รว่ มใจต้านภยั บุหร่ี : Tobacco Free Youth. เข้าถงึ ไดจ้ าก http://resource.thaihealth.or.th/library/hot/12987 ทานตะวนั สุรเดชาสกลุ .(2556). แอลกอฮอลก์ ับความรุนแรง.เชยี งใหม่: วนดิ าการพมิ พ.์ นิษฐา หรุ่นเกษม.(2556).จับได้ คาหนงั คาเขา กลยทุ ธก์ ารสื่อสารการตลาดของกล่มุ ธุรกิจแอล กอฮอล์. ศูนย์วิจยั ปญั หาสุรา (ศวส.)และสำนักงานกองทนุ สนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.). นิภาวรรณ หมีทอง. (2551).ปัจจยั เชงิ สาเหตทุ ่เี กี่ยวขอ้ งกับพฤตกิ รรมการสูบบุหรี่ของนกั ศึกษา อาชวี ศึกษาหญงิ ในเขต กรุงเทพมหานคร. ปรญิ ญานิพนธ์ วท.ม.,มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวิ โรฒ. พระไพศาล วิสาโล (2563).เปิดโลกสรุ าในไทย บนั ทึกฝรั่งว่าสยามนิยมด่มื แตน่ อ้ ย ทำไมกระดกกัน อ้อื สมัยรัตนโกสินทร:์ ศิลปะวฒั นาธรรม (ธนั วาคม 2536). ออนไลน์ เขา้ ถงึ ไดจ้ าก https://www.silpa-mag.com/history/article_25141 ประกิต วาทสี าธกกจิ .(2551).2 ทศวรรษ การรณรงค์เพ่ือการไม่สบู บหุ ร่ี.กรุงเทพฯ: มลู นธิ ิรณรงค์เพื่อ การไมส่ บู บุหรี่. ประกติ วาทสี าธกกจิ (2556).บหุ รีไ่ ฟฟ้า คำถามทท่ี กุ คนอยากรู้. มูลนิธริ ณรงค์เพ่ือการไม่สบู บหุ ร่ี http://www.ashthailand.or.th/smartnews/upload/attach/719d0a25167c1e5dac2a 72f2cddd0f42.pdf โรงพยาบาลกรุงเทพ (2560). บหุ รไ่ี ฟฟ้า.ออนไลน์ เข้าถงึ ได้ที่ https://www.bangkokhospital.com/th/disease-treatment/electric-cigarette

137 สาวติ รี อษั ณางค์กรชยั . บรรณาธกิ าร.(2562) รายงานสถานการณ์การบริโภคเคร่ืองดมื่ แอลกอฮอล์ใน สังคมไทย ประจำปี พ.ศ. 2560.พมิ พ์ครัง้ ท่ี 1.กรุงเทพฯ: สหมิตรพัฒนาการพมิ พ์ (1992). สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครือ่ งดม่ื แอลกอฮอล์ และยาสบู .กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (2551).พระราชบัญญตั ิควบคมุ เครื่องดื่มแอกอฮอล์ พ.ศ.2551. กรุงเทพฯ : สำนกั กจิ การโรง พิมพอ์ งคก์ ารสงเคราะหท์ หารผา่ นศกึ . สำนักงานควบคุมการบริโภคยาสูบ กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ (2560). พระราชบญั ญัติ ควบคมุ ผลิตภัณฑ์ยาสบู พ.ศ. 2560. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์. สำนักงานควบคุมการบรโิ ภคยาสบู กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (มปป).ความรู้พ้ืนฐานและ ประเภทของผลติ ภณั ฑย์ าสบู . ออนไลน์ เขา้ ถึงได้จาก http://e- lib.ddc.moph.go.th/pdf/eb282/eb282.pdf สำนกั งานคณะกรรมการกฏษฎกี า (2556). พระราชบญั ญตั ิสรุ า พ.ศ.2493 ออนไลน์ เขา้ ถึงไดจ้ าก http://web.krisdika.go.th/data/law/law2/%CA35/%CA35-20-9999-update.pdf สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า (2556). พระราชบญั ญตั ิยาสบู พ.ศ.2509. ออนไลน์ เขา้ ถึงไดจ้ าก http://web.krisdika.go.th/data/law/law2/%C206/%C206-20-9999-update.pdf สำนักสง่ เสริมสขุ ภาพ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข (2562).องคค์ วามรทู้ ีจ่ ำเป็นในการส่งเสริม สขุ ภาพประชากรวยั ทำงานทีม่ มี าตรฐานสำหรับบคุ ลากรสาธารณสุข. https://multimedia.anamai.moph.go.th/associates/hp-ebook_12/ สถาบนั บัณฑติ บริหารธุรกจิ ศศนิ ทร์แห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย(2557).โครงการศึกษาผลกระทบของ บหุ ร่ไี ฟฟา้ ท่ีมีตอ่ ผู้มีสว่ นไดส้ ่วนเสยี ในประเทศไทยและข้อเสนอแนะในการบริหารจดั การ จากภาครฐั .รายงานการวิจัย ออนไลน์ เข้าถึงไดจ้ าก http://www.thaitobacco.or.th/th/wp-content/ uploads /2015/07/ 140305_ECIG- Report-Template_V28.pdf อรวรรณ ห่นุ ดี (2542).บุหรกี่ บั มะเร็ง.กาญจนบรุ ี : คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบนั ราชภฏั กาญจนบรุ .ี Centers for Disease Control and Prevention: Health Effects of Cigarette Smoking. Accessed on https://www.cdc.gov/tobacco/data_statistics/fact_sheets/health_effects/effects_ cig_smoking/index.htm Center on Alcohol Marketing and Youth (CAMY) at the Johns Hopkins Bloomberg School of Public Health. Alcohol and Violence .Online http://www.camy.org/resources/fact-sheets/alcohol-violence/ Cooper Smith. (2020) Alcohol and Domestic Abuse. Accessed at https://www.alcoholrehabguide.org/alcohol/crimes/domestic-

138 abuse/#:~:text=Alcohol%20and%20Domestic%20Abuse%20Statistics,more%20li kely%20to%20abuse%20alcohol. Darke, S. (2010). The Toxicology of Homicide Offenders and Victims: A review. Drug and Alcohol Review, 29(2):202-215. Sara J. Markowitz (2001) Alcohol and Violence . https://www.nber.org/reporter/fall01/markowitz.html Schofield, T.P. & Denson, T.F. (2013). Alcohol Outlet Business Hours and Violent Crime in New York State. Alcohol and Alcoholism, 48(3):363-369. Accessed November 22, 2015 at: http://alcalc.oxfordjournals.org/content/48/3/363.full Waleewong, O., Jankhotkaew, J., &Thamarangsi, T. (2015). Preliminary findings from the scoping and assessment study of Thailand Harm to Others’ drinking Project WHO (2016) Global Alcohol/Country Profile /Thailand. Online: Accessed on https://www.who.int/substance_abuse/publications/global_alcohol_report/profil es/tha.pdf?ua=1 WHO (2018).Factsheets/Alcohol (21 September 2018). Online: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/alcohol WHO (2019).Global status report on alcohol and health 2018: World Health Organization. Online, Accessed on https://www.who.int/publications/i/item/global-status-report-on-alcohol-and- health-2018 WHO (2018).WHO global report on trends in prevalence of tobacco use 2000-2025. https://www.who.int/publications/i/item/who-global-report-on-trends-in- prevalence-of-tobacco-use-2000-2025-third-edition WHO (2019).Tobacco. Accessed on https://www.who.int/news-room/fact- sheets/detail/tobacco WHO (2020). WHO statement: tobacco use and covid-19 https://www.who.int/news- room/detail/11-05-2020-who-statement-tobacco-use-and-covid-19 World Population Reviews (2020). Alcohol Consumption by Country 2020 Accessed on https://worldpopulationreview.com/countries/alcohol-consumption-by- country/

139 ใบงาน/ใบกจิ กรรม/แบบทดสอบทา้ ยบท ชื่อ-สกุล............................................................. รหัสประจำตัวนสิ ติ ................................................ ช่อื รายวชิ า ................................................................................. รหัสวชิ า ..................................... กลุม่ ที่ เรียน .................. ใบงานที่ ............................. วนั ท่ี ........................................................... อาจารย์ผู้สอน................................................................................................................................. 3) ให้นสิ ติ บอกผลกระทบจากเครอื่ งด่ืมแอลกอฮอล์มาพอสังเขป ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………… 4) ให้นิสติ บอกผลกระทบจากการสบู บุหรี่มาพอสงั เขป ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………. 5) นิสิตจะมวี ธิ กี ารหลกี เลย่ี งผลกระทบจากการดมื่ เครอื่ งด่ืมแอลกอฮอล์อยา่ งไรจงอธบิ ายมา พอสงั เขป ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………

140 6) นิสิตจะมวี ิธีการหลีกเลย่ี งผลกระทบจากการสบู บหุ รไ่ี ด้อยา่ งไรจงอธิบายมาพอสงั เขป ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… 5) ใหย้ กตัวอยา่ งการโฆษณาชวนเช่ือท่ีเก่ยี วกบั ผลติ ภัณฑเ์ ครือ่ งดมื่ แอลกอฮอล์ และ ผลิตภณั ฑบ์ ุหร่ี มาอยา่ งละ 1 ตวั อย่าง ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………

141 บทที่ 7 ขอ้ มลู ข่าวสารทางด้านสุขภาพ วัตถุประสงค์เชิงพฤตกิ รรม 1. นสิ ิตสามารถอธิบายสิทธทิ างสขุ ภาพประเภทตา่ งๆ ของประชาชนไทยได้ 2. นิสติ สามารถอธบิ ายทักษะการรเู้ ท่าทนั สื่อสุขภาพและขอ้ มูลข่าวสารทางดา้ นสุขภาพได้ 3. นสิ ิตสามารถเลอื กใชแ้ อพลเิ คชันทางสขุ ภาพ เพือ่ การตัดสนิ ใจดา้ นการดูแลสขุ ภาพเบอื้ งตน้ และการเลือกเข้ารับบรกิ ารสขุ ภาพ วิธกี ารสอน/กจิ กรรมการเรยี นการสอน 1. บรรยาย/ ยกตวั อย่าง/ สอดแทรกแนวคิด 2. ยกตัวอย่าง สิทธิทางสุขภาพและการเลอื กใชบ้ รกิ ารสุขภาพตามสิทธปิ ระโยชน์ 3. PowerPoint / VDO 4. แอปพลเิ คชนั่ ทางด้านสขุ ภาพ เช่น MSU Health Care การประเมินผลลพั ธ์การเรียนรู้ 1. การทำกจิ กรรมในใบงานทา้ ยบท 2. การทำกจิ กรรมในการใชแ้ อพลิเคชนั MSU Health Care 3. การทดสอบปลายภาค

142 บทนำ สิทธิทางสุขภาพและการเลือกใช้บริการสุขภาพตามสิทธิประโยชน์ ของประชาชนไทย มี การดำเนินงานตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ โดยมีการจัดการหลักประกันสุขภาพของภาครัฐ ได้แก่ สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สิทธิประกันสังคม สิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการ สทิ ธิสวัสดิการพนกั งานส่วนท้องถ่นิ และสทิ ธหิ น่วยงานรัฐอนื่ ๆ การรเู้ ทา่ ทันสือ่ สุขภาพและข้อมลู ข่าวสารทางดา้ นสขุ ภาพ เปน็ ความสามารถ และทกั ษะในการ วิเคราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ ค่าสอื่ ความสามารถในการเข้าถงึ ส่อื นำเสนอส่อื ในแบบฉบบั ของตนเอง และผลิตส่อื เพอื่ สอ่ื สารทางสุขภาพและขอ้ มูลข่าวสารทางดา้ นสขุ ภาพ แอปพลิเคชนั่ ทางดา้ นสุขภาพ เปน็ สงิ่ ท่มี ีความสำคัญมาก ในการนำไปใช้ประโยชน์ในการรับ บริการเกยี่ วกบั ขอ้ มูลขา่ วสารทางด้านสุขภาพ การใชบ้ รกิ ารทางสขุ ภาพ และการเลือกใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ สุขภาพ เปน็ ตน้ สำหรับประชาชน และผใู้ ชบ้ ริการทางสขุ ภาพ นำไปสกู่ ารเขา้ ถงึ บรกิ ารสาธารณสุขได้ ครอบคลมุ ไดร้ บั การบรกิ ารสขุ ภาพที่มคี วามเสมอภาค และเปน็ ธรรมมากขึ้น เน้อื หา 7.1 การรับร้สู ทิ ธ์ทิ างสขุ ภาพและการเลือกใช้บริการสขุ ภาพตามสทิ ธิประโยชน์ 7.2 การรเู้ ทา่ ทนั ส่ือสขุ ภาพและข้อมลู ขา่ วสารทางด้านสขุ ภาพ 7.3 การเลือกใช้แอพลิเคชนั ทางด้านสุขภาพ 7.1 การรับรสู้ ิทธทิ์ างสขุ ภาพ และการเลือกใช้บรกิ ารสขุ ภาพตามสทิ ธิประโยชน์ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ตามบทบัญญัติมาตรา 47 บุคคลย่อมมีสิทธิ ได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ บุคคลผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสีย ค่าใช้จา่ ยตามทกี่ ฎหมายบัญญัติ บุคคลย่อมมสี ทิ ธิได้รับการป้องกนั และขจดั โรคตดิ ตอ่ อนั ตรายจากรัฐโดย ไมเ่ สียคา่ ใช้จา่ ย โดยมีการดำเนินงานดังน้ี ก. สิทธิทางสุขภาพของคนไทย ในปจั จบุ ันประเทศไทย มีการดำเนินงานตามสทิ ธิ์ทางสุขภาพของประชาชนไทย โดยมี การจดั การหลกั ประกันสุขภาพของภาครฐั แบง่ ออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้ 1) สิทธหิ ลกั ประกนั สขุ ภาพแห่งชาติ 2) สิทธิประกันสังคม 3) สทิ ธิสวสั ดกิ ารการรกั ษาพยาบาลของขา้ ราชการ 4) สทิ ธิสวัสดกิ ารพนกั งานสว่ นทอ้ งถ่ิน 5) สทิ ธิหน่วยงานรัฐอน่ื ๆ

143 1. สิทธิหลักประกันสุขภาพแหง่ ชาติ (Universal Coverage Scheme, UCS) หรอื ทน่ี ยิ มเรยี กกนั ในช่ือ “สิทธิ 30 บาท หรือสิทธบิ ตั รทอง” โดยมสี ำนกั งานหลักประกันสขุ ภาพ แหง่ ชาติ (สปสช.) หนว่ ยงานของรฐั ภายใตก้ ารกำกบั ดูแลของรัฐมนตรี ทำหนา้ ท่บี รหิ ารกองทุนใหเ้ ป็นไป ตามระเบยี บทค่ี ณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกำหนดเพ่ือส่งเสริมให้คนไทยเข้าถึงบรกิ ารดา้ น การแพทย์และสาธารณสขุ เพื่อการสรา้ งเสริมสุขภาพ การป้องกนั โรค การตรวจวนิ ิจฉยั โรค การ รกั ษาพยาบาล และการฟน้ื ฟสู มรรถภาพท่ีจำเปน็ ต่อสขุ ภาพและการดำรงชวี ติ รวมถึงบรกิ ารการแพทย์ แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื กตามกฎหมายประกอบโรคศลิ ปะ ประชาชนคนไทยทีม่ ีเลขประจำตัว ประชาชน 13 หลกั ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยและไมม่ สี ิทธิประกนั สขุ ภาพจากหน่วยงาน รัฐ มีสทิ ธิลงทะเบียนเลอื กหน่วยบรกิ ารประจำเพ่อื ใช้สิทธหิ ลักประกนั สขุ ภาพแห่งชาตเิ ข้ารบั บริการ สาธารณสุขไดโ้ ดยไม่ต้องจา่ ยคา่ บรกิ ารตามประกาศของคณะกรรมการหลกั ประกนั สขุ ภาพแห่งชาติ 2. สิทธปิ ระกนั สงั คม โดยสำนกั งานประกนั สงั คม (สปส.) กระทรวงแรงงาน และสวัสดกิ ารสงั คมทำหน้าท่ดี แู ลระบบการเบกิ จ่ายคา่ รกั ษาพยาบาลใหก้ บั ผูป้ ระกนั ตนทส่ี ง่ เงินสมทบ กองทนุ ประกนั สงั คม สามารถเข้ารบั บรกิ ารรักษาพยาบาลไดท้ โ่ี รงพยาบาลท่ีเลอื กลงทะเบยี น 3. สทิ ธิสวัสดกิ ารการรกั ษาพยาบาลของขา้ ราชการ โดยมีกรมบญั ชีกลางกระทรวงการคลงั ทำ หน้าทดี่ ูแลระบบออกกฎระเบยี บ และขอ้ บงั คบั ดูแลสทิ ธิการรกั ษาพยาบาลใหก้ ับขา้ ราชการและบุคคลใน ครอบครัว (บดิ า มารดา คสู่ มรสและบุตรที่ถูกตอ้ งตามกฎหมาย) เมอื่ เจ็บปว่ ยสามารถเขา้ รับบริการ รักษาพยาบาลไดท้ โ่ี รงพยาบาลของรัฐ 4. สทิ ธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลของพนกั งานส่วนทอ้ งถิ่น โดยมีกระทรวงมหาดไทย ทำ หน้าทีด่ ูแลระบบออกกฎระเบยี บ และข้อบงั คบั เพอ่ื ดแู ลสิทธริ ักษาพยาบาลให้กบั ข้าราชการทอ้ งถิ่น ข้าราชการการเมอื งพนกั งาน ลกู จา้ งประจำขององค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ และบคุ คลในครอบครวั เม่อื เจ็บป่วยสามารถเขา้ รบั บรกิ ารรกั ษาพยาบาลไดท้ โ่ี รงพยาบาลของรฐั 5. สทิ ธิหน่วยงานรัฐอืน่ ๆ คุ้มครองบริการรักษาพยาบาลใหก้ บั พนักงานหนว่ ยงานรฐั ต่าง ๆ เช่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หน่วยงานรัฐทจ่ี ดั ตั้งตาม พระราชบญั ญัติเฉพาะ ฯลฯ และอาจคุ้มครองถงึ บคุ คลในครอบครวั ดว้ ย ท้งั นี้ขึ้นกบั ระเบยี บของแตล่ ะหน่วยงาน ข. สทิ ธิตามพระราชบัญญตั ิ หลักประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ.2545 พระราชบัญญัติ หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 กำหนดให้คนไทยทุกคนมีสิทธิ ได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพ โดยจัดให้มี “กองทุนหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ” เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย สนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ ส่งเสริม ใหค้ นไทยสามารถเข้าถึงบรกิ ารสาธารณสขุ ไดอ้ ยา่ งท่วั ถึง และมีประสิทธิภาพ “สทิ ธหิ ลักประกนั สุขภาพแห่งชาติ” จึงเปน็ สทิ ธิตามกฎหมายทีร่ ฐั บาลจัดให้คนไทยทุกคน ตั้งแต่แรกเกิดและตลอดช่วงชีวิต (ไม่ใช่สิทธิเพื่อการสงเคราะห์เฉพาะกลุ่ม) และมักเรียกว่า “สิทธบิ ัตรทอง หรอื สิทธิ 30 บาท” คณุ สมบัติของผู้มีสิทธหิ ลกั ประกันสุขภาพแห่งชาติ 3 ขอ้ คอื 1. เปน็ บุคคลทม่ี ีสญั ชาตไิ ทย

144 2. มีเลขประจำตวั ประชาชน 13 หลัก ของกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย 3. ไม่มีสิทธิประกันสุขภาพจากหน่วยงานรัฐ (ที่ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณของรัฐ) ไดแ้ ก่ สิทธิตามกฎหมายประกันสังคม สิทธสิ วสั ดิการรกั ษาพยาบาลของขา้ ราชการ/ พนกั งานสว่ นทอ้ งถนิ่ หรือ สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลของหน่วยงานรัฐอื่นๆ เช่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน ข้าราชการ การเมอื ง (ตัวอยา่ ง) บคุ คลท่มี สี ทิ ธหิ ลกั ประกันสขุ ภาพแห่งชาติ เชน่ 3.1 เด็กแรกเกดิ ทไ่ี มม่ ีสทิ ธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลขา้ ราชการจากบิดามารดา 3.2 บุตรข้าราชการที่บรรลุนิติภาวะ (อายุ 20 ปีขึ้นไป หรือ สมรส) และไม่มีสิทธิ ประกันสุขภาพจากหนว่ ยงานรฐั 3.3 บุตรข้าราชการคนที่ 4 ขึ้นไป และไม่มีสิทธิประกันสุขภาพจากหน่วยงานรัฐ เช่น สทิ ธิข้าราชการค้มุ ครองบตุ รเพียง 3 คน 3.4 ผู้ประกันตนที่ขาดการส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคม (หมดสิทธิ ประกันสังคม) 3.5 ข้าราชการทีเ่ กษยี ณอายุ หรือออกจากราชการโดยมิไดร้ ับบำนาญ 3.6 ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และไม่ได้เป็นผู้ประกันตน กลุ่มคนเหล่านี้มีสิทธิ หลักประกันสุขภาพแห่งชาติตามกฎหมาย และสามารถลงทะเบียนเพื่อเลือกหน่วยบริการประจำ โดยไมเ่ สียค่าใช้จ่าย 3.7 คนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศติดต่อกันมากกว่า 2 ปีขึ้นไป (ข้อมูลจาก สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) หรือผู้ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งในต่างประเทศ (ข้อมูลจากสำนักบริหารการ ทะเบยี น กรมการปกครอง) จะสามารถใชส้ ทิ ธิหลักประกนั สุขภาพแห่งชาติ ตอ่ เมอ่ื เดนิ ทางกลับมาอาศัย อยู่ในประเทศไทยแล้ว โดยประชาชนติดต่อแก้ไขสถานะบุคคล ณ หน่วยบริการในระบบหลักประกัน สขุ ภาพแห่งชาติท่ีอยู่ใกล้บ้าน ค. การตรวจสอบสทิ ธแิ ละการลงทะเบยี นใช้สทิ ธบิ รกิ ารสขุ ภาพ คนไทยทุกคน มีสิทธิประกันสุขภาพภาครัฐตามกฎหมาย เพื่อความสะดวกในการใช้ สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้อย่างถูกต้อง จึงควรตรวจสอบสิทธิของตนเองและบุคคลใน ครอบครัว ซึ่ง สำนักงานหลักประกันสขุ ภาพแห่งชาติ (สปสช.) ไดพ้ ฒั นาระบบทะเบยี นสามารถตรวจสอบ สิทธไิ ด้ 3 วิธี ดังนี้ 1. ตดิ ต่อด้วยตนเอง ในวนั เวลาราชการ 1.1 ตา่ งจังหวัด 1.1.2 หนว่ ยบริการในระบบหลกั ประกนั สขุ ภาพแห่งชาติ เช่น โรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพ ตำบล(รพ.สต.) หรอื ทค่ี ้นุ เคยในชื่อสถานีอนามัยศูนย์บริการสาธารณสุข คลินกิ ชุมชนอบอุ่น ศูนย์สุขภาพ ชุมชนเมืองโรงพยาบาลของรัฐ 1.1.3 สำนักงานสาธารณสุขจงั หวดั 1.1.4 สำนักงานหลกั ประกันสุขภาพแหง่ ชาติ เขต 1 - 12

145 1.2 กรงุ เทพมหานคร 1.2.1 สำนักงานหลักประกันสขุ ภาพแหง่ ชาติ เขต 13 กทม. 1.2.2 จุดรับลงทะเบียนสทิ ธิหลักประกันสุขภาพแหง่ ชาตใิ นพืน้ ท่ี กทม. ไดแ้ ก่ 1. สำนักงานเขต 19 เขตของกรุงเทพมหานคร 2. สถานรี ถไฟกรงุ เทพ (หัวลำโพง) 2. ทางโทรศพั ท์ สายด่วน สปสช. โทร. 1330 ตรวจสอบสิทธิอัตโนมัติ โทร.1330 กด 2 ตามด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก กด # กดโทรออก 3. ผา่ นระบบอนิ เทอรเ์ น็ต ไดแ้ ก่ www.nhso.go.th และ Appication สปสข. ข้อมลู สทิ ธิหลกั ประกันสขุ ภาพแหง่ ชาตใิ นระบบตรวจสอบสทิ ธอิ ตั โนมตั ิ จะปรบั ปรงุ ใหเ้ ปน็ ปจั จบุ นั ทุกวนั ท่ี 15 และวนั ท่ี 28 ของทุกเดอื น ง. การลงทะเบยี นเลอื กหน่วยบริการประจำ เพื่อให้ประชาชนสิทธิหลักประกนั สุขภาพแห่งชาติมหี น่วยบริการประจำ สปสช. จัดระบบ ลงทะเบยี นสิทธหิ ลกั ประกันสขุ ภาพแหง่ ชาติ ของประชาชน ดังน้ี 1. การลงทะเบียนรายบคุ คล แยกเป็น 2 กรณี 1.1 กรณียื่นแบบคำร้องด้วยตนเอง ของผู้มีสิทธิที่ยังไม่ได้รับการลงทะเบียน (สิทธิว่าง) และผมู้ สี ิทธขิ อเปลี่ยนหน่วยบรกิ ารประจำ 1.2 กรณหี น่วยบริการลงทะเบียนใหผ้ มู้ ีสิทธเิ ขา้ รับการรักษาพยาบาลคร้ังแรก หาก ผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติยังไม่ได้รับการลงทะเบียน (สิทธิว่าง) เข้ารับบริการรักษา พยาบาล ครงั้ แรกทีห่ น่วยบริการใดในระบบหลักประกนั สขุ ภาพแห่งชาติ ใหห้ น่วยบรกิ ารที่ให้การรักษาพยาบาลจัด ให้ผู้มีสิทธิลงทะเบียนและเลือกหน่วยบริการประจำ โดยบันทึกข้อมูลตามโปรแกรมการลงทะเบียน ออนไลนแ์ ละแจ้ง สปสช. ภายใน 30 วนั นบั ตัง้ แต่วันท่ใี ห้บรกิ าร 2. การลงทะเบียนในกลมุ่ เฉพาะ เชน่ 2.1 กลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่ศึกษา หรือพักในหอพักของสถานศึกษาที่เห็นชอบ และสมคั รใจลงทะเบียนเลือกหนว่ ยบริการประจำตามขอ้ บังคบั สปสช. 2.2 กลุ่มทหารกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) ดำเนินการโดยกรมการแพทย์ทหาร กระทรวงกลาโหม 3. การลงทะเบยี นแทนผมู้ ีสทิ ธิ ตามมติคณะกรรมการหลักประกันสขุ ภาพแหง่ ชาติ ไดแ้ ก่ 3.1 กรณี เด็กแรกเกดิ 0-5 ปี 3.2 กรณี บุคคลสิ้นสุดสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ /รัฐวิสาหกิจหรือ สิน้ สุดสิทธิประกนั สังคม หรอื สิ้นสดุ สิทธิประกนั สุขภาพอื่นทีร่ ัฐจัดให้ 3.3 กรณี หน่วยบริการประจำที่บุคคลได้ลงทะเบียนไว้แล้วถอนตัว หรือพ้นจาก การเป็นหนว่ ยบรกิ ารประจำ

146 3.4 กรณี เปลี่ยนหน่วยบริการประจำสำหรับนกั ศึกษาทีส่ ำเร็จการศึกษาแล้วแต่ยัง ไม่ได้เปลี่ยนหน่วยบริการประจำกลับไปยังภูมิลำเนา/ผู้พำนักในราชทัณฑ์ท่ีพ้นโทษ (ผู้พ้นโทษตอ้ งขังใน เรือนจำ) / ทหารเกณฑ์ทป่ี ลดประจำการ หมายเหตุ : บคุ คลที่ได้รบั การลงทะเบยี นแทน สามารถยืน่ คำรอ้ งพร้อมเอกสารลงทะเบียน ขอเปล่ยี นหนว่ ยบริการประจำได้ที่ สถานทรี่ บั ลงทะเบยี น 4. การลงทะเบียนสิทธิคนพิการ ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติคนพิการผู้ใช้สิทธิ หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนสิทธิคนพิการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ต้องนำใบรับรองความพิการจากแพทย์ หรือแสดงบัตรคนพิการตาม พ.ร.บ ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพ ชีวติ คนพิการแหง่ ชาติ พ.ศ. 2550 ลงทะเบียน ณ สถานท่รี บั ลงทะเบียน เพอ่ื รับสทิ ธิฟ้นื ฟูสมรรถภาพ สิทธิเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ ผู้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสามารถขอเปลี่ยน หนว่ ยบริการประจำได้ไม่เกนิ 4 ครั้ง/ปี (รอบปีงบประมาณนับต้ังแตว่ ันที่ 1 ตุลาคมถงึ วันที่ 30 กันยายน ของปีถัดไป) 1. นำบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมเอกสารแสดงการพักอาศัยจริงติดต่อสถานที่รับ ลงทะเบียน ในวนั เวลาราชการ 2. การเปล่ียนแปลงหน่วยบริการประจำระหว่างการรักษาพยาบาลในหน่วยบริการ (ผูป้ ว่ ยใน) ให้มีผลหลงั จากส้นิ สุดการรักษาในหนว่ ยบริการครง้ั นัน้ 3. ผู้ขอเปลี่ยนหน่วยบริการประจำสามารถใช้สิทธิเข้ารับบริการ ณ หน่วยบริการ ประจำแหง่ ใหม่ หลงั แจ้งยื่นเอกสารครบถ้วนประมาณ 1 เดอื น เอกสารลงทะเบยี น 1. บัตรประจำตัวประชาชน สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ถ้าไม่มีบัตรประจำตัว ประชาชน ให้ใช้สตู ิบัตร (ใบเกิด) 2. หนังสือรับรองการพักอาศัย (กรณีที่อยู่ไม่ตรงตามบัตรประจำตัวประชาชน) พร้อมสำเนาบัตรประจำตวั ประชาชนของเจา้ บ้าน หรือหลักฐานอ่ืนทแ่ี สดงว่าตนเองนั้นอาศัยอยู่จริง เช่น ใบเสรจ็ คา่ นำ้ คา่ ไฟ สญั ญาเชา่ ที่พัก ฯลฯ 3. แบบคำร้องขอลงทะเบยี น (ขอได้ ณ จุดรับลงทะเบียน) กรณีมอบใหผ้ อู้ นื่ ลงทะเบียน แทน ต้องเพ่มิ หนงั สือมอบอำนาจ และสำเนาบตั รประจำตัวประชาชนของผรู้ ับมอบอำนาจด้วย สถานท่ีลงทะเบยี น 1. ต่างจังหวัด ติดตอ่ ในวันเวลาราชการ ไดท้ ่ี 1.1 หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เช่น โรงพยาบาลส่งเสริม สุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือที่คุ้นเคยในชื่อ สถานีอนามัยศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง โรงพยาบาลของรฐั 1.2 สำนกั งานสาธารณสขุ จงั หวดั 1.3 สำนักงานหลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ เขต 1 - 12 2. กรงุ เทพมหานคร

147 2.1 สำนักงานหลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ เขต 13 กทม. ในวนั เวลาราชการ 2.2 สำนักงานเขต 19 เขตของกรุงเทพมหานคร เปิดให้บริการในวันเวลาราชการ (เวลา 8.00 น. - 16.00 น.) หนว่ ยบรกิ ารและการใชส้ ิทธิ หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หมายถึง สถานบริการ ที่ขึ้น ทะเบียนเปน็ หน่วยบริการในระบบหลักประกนั สุขภาพแห่งชาติ เชน่ โรงพยาบาลศนู ย์ โรงพยาบาลท่ัวไป โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพตำบล (รพ.สต.) หรือที่คุ้นเคยในชื่อสถานีอนามัย คลินิก ชมุ ชนอบอ่นุ ศูนยบ์ รกิ ารสาธารณสขุ ศนู ยส์ ขุ ภาพชุมชนเมอื ง เป็นต้น จ. การใชส้ ิทธิรับบริการสาธารณสขุ ผใู้ ช้สทิ ธิหลักประกนั สุขภาพแห่งชาตสิ ามารถเข้ารบั บริการสาธารณสขุ ดงั นี้ กรณที ่ัวไป 1. ติดต่อรับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิ/หน่วยบริการประจำตามสิทธิของผู้มีสิทธิ หลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ 2. แจ้งความจำนงใชส้ ทิ ธิหลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติกอ่ นรบั บริการ 3. แสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือ บัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายและเลขประจำตัว ประชาชน ที่ทางราชการออกให้ สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ถ้าไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนแสดง สำเนาสูติบัตร (ใบเกิด) สำหรับผู้ลงทะเบียนสิทธิคนพิการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกรณีที่จำเป็น สามารถรับบรกิ ารสาธารณสุขไดท้ ่หี นว่ ยบรกิ ารของรฐั ท่ขี ึ้นทะเบียนในระบบหลกั ประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ทกุ แหง่ กรณีอบุ ัติเหตุ หรอื เจ็บปว่ ยฉกุ เฉนิ ถ้าผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเกิดอุบัติเหตุหรือภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉินอยู่ไกล จากหน่วยบริการประจำตามสิทธิ สามารถใช้สิทธิเข้ารับบริการได้ที่หน่วยบริการในระบบหลักประกัน สุขภาพแหง่ ชาตทิ ีอ่ ยใู่ กลท้ ่สี ุด ได้ตามความจำเป็นโดยไม่จำกัดจำนวนครัง้ ผูเ้ จ็บปว่ ยฉกุ เฉนิ ถงึ แกช่ วี ติ จำเปน็ ต้องไดร้ ับการรักษาอย่างทันท่วงที เพ่ือการรอดชีวิต สามารถเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนเพ่ือแสดงตนในการ เข้ารับบริการ จะได้รับการรักษาจนอาการพ้นวิกฤติ จากนั้น โรงพยาบาลที่ให้การรักษาจะส่งตัวผู้ป่วย กลับไปยังหน่วยบรกิ ารประจำหรือหน่วยบรกิ ารในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติท่พี รอ้ มใหก้ ารรกั ษา ตอ่ ไป ผู้ป่วยเจบ็ ป่วยฉุกเฉินถึงแก่ชวี ิต หมายถึง ผู้ป่วยหรือผู้ท่ีได้รบั บาดเจบ็ ซึ่งมีอาการบ่งช้ี ว่าจะเป็นอาการที่คุกคามต่อการทำงานของอวัยวะสำคัญ ได้แก่ หัวใจสมอง การหายใจ ต้องได้รับการ รักษาและดแู ลติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจทำให้เสียชีวิตได้รวดเรว็ ยกตัวอย่าง เช่น หัวใจหยุดเต้น / หอบรุนแรง /มีอาการเขียวคล้ำ /หมดสติไม่รู้สึกตัว /สิ่งแปลกปลอมอุดกั้นหลอดลม /มีอาการวิกฤติจาก

148 อุบัติเหตุ /มีเลือดออกมากห้ามไม่หยุด /ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง /แขน ขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว พูด ลำบาก / ชกั /มีอาการวิกฤติจากไขส้ ูง เป็นตน้ บรกิ ารท่ีค้มุ ครองคา่ ใช้จ่าย ผู้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจะได้รับการคุ้มครองค่าใช้จ่าย บริการ สาธารณสขุ ดงั นี้ 1. การสรา้ งเสริมสุขภาพ การป้องกนั โรค 2. การตรวจ การวินิจฉัย การรักษาพยาบาล ตั้งแต่โรคทั่วไป เช่น ไข้หวัดจนถึงการ รักษาโรคเรื้อรัง โรคเฉพาะทางที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น เบาหวานความดันโลหิตสูง มะเร็ง ไตวายเรื้อรัง โรคหวั ใจ เอดส์ วัณโรค ฯลฯ รวมถงึ การฟื้นฟูสมรรถภาพ ตามข้อบ่งชีท้ างการแพทย์ 3. การคลอดบุตร ใชส้ ิทธิได้ไม่จำกัดจำนวนครงั้ 4. บริการทันตกรรม ได้แก่ อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน การให้ฟลูออไรด์เสริมในกลุ่ม เสยี่ งตอ่ โรคฟนั ผุ การรกั ษาโพรงประสาทฟันน้ำนม การเคลือบหลุมรอ่ งฟัน ผา่ ฟนั คุด ใสเ่ พดานเทียมเด็ก ปากแหวง่ เพดานโหว่ และการทำฟนั ปลอมฐานพลาสตกิ 5. ค่ายาและเวชภัณฑ์ ตามกรอบบัญชียาหลักแห่งชาติ และยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง ตาม ประกาศของคณะกรรมการหลกั ประกันสุขภาพแห่งชาติ 6. ค่าอาหารและค่าห้องสามญั ระหว่างพักรักษาตัว ณ หน่วยบรกิ าร 7. การจัดการสง่ ต่อ เพอื่ การรกั ษาระหว่างหนว่ ยบริการ 8. บริการแพทย์แผนไทย ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ได้แก่ ยาสมุนไพร หรือยาแผน ไทย การนวดเพ่อื การรักษา การอบหรอื ประคบสมุนไพรเพื่อการรักษา การฟ้นื ฟสู ขุ ภาพแมห่ ลังคลอด 9. บริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการแพทย์ ให้แก่คนพิการ ผู้สูงอายแุ ละผู้ที่จำเป็นต้อง ได้รับการฟื้นฟู เช่น กายภาพบำบัด จิตบำบัด พฤติกรรมบำบดั กิจกรรมบำบดั ฟื้นฟูการได้ยิน ฟื้นฟูการ มองเห็น และรบั อุปกรณ์เครอื่ งช่วยตามประเภทความพกิ ารได้ตามเกณฑท์ ่ี สปสช. กำหนด บริการทไ่ี ม่อยใู่ นความคมุ้ ครอง 1. การรกั ษาภาวะมีบตุ รยาก / การผสมเทยี ม 2. การแปลงเพศ / การกระทำใด ๆ เพ่ือความสวยงามโดยไมม่ ขี อ้ บง่ ช้ีทางการแพทย์ 3. การตรวจวนิ จิ ฉัยและรักษาใดๆ ท่ีเกนิ ความจำเป็นจากข้อบ่งชท้ี างการแพทย์ 4. การรกั ษาที่อย่รู ะหวา่ ง การค้นควา้ ทดลอง วิจัย 5. การบาดเจ็บจากการประสบภัยจากรถ ซึ่งอยู่ในความคุ้มครองตามกฎหมายวา่ ด้วย การคุ้มครองผปู้ ระสบภยั จากรถ เฉพาะสว่ นที่บรษิ ทั หรอื กองทนุ ตามกฎหมายนัน้ ต้องเป็นผู้จ่าย 6. การบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาและสารเสพติดตามกฎหมายว่าด้วยสารเสพติด ยกเว้น บางกรณตี ามประกาศคณะกรรมการหลกั ประกันสุขภาพแหง่ ชาติ 7. โรคเดียวกันที่ต้องใช้ระยะเวลารักษาตัวในโรงพยาบาลประเภทผู้ป่วยในเกินกว่า 180 วัน ยกเวน้ กรณมี คี วามจำเป็นต้องรักษาต่อเน่ืองจากภาวะแทรกซ้อนหรือขอ้ บง่ ชี้ทางการแพทย์

149 8. การปลูกถ่ายอวัยวะ (Organ Transplantation) ยกเว้น บางกรณีตามประกาศ คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เช่นการปลูกถ่ายไตเพื่อรักษาโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย การปลกู ถา่ ยตับในเด็ก (อายไุ มเ่ กิน 18 ป)ี ทีเ่ ป็นโรคทอ่ นำ้ ดีตีบตันแตก่ ำเนดิ เปน็ ตน้ การรักษาพยาบาลโรคเรือ้ รังและบรกิ ารกรณีเฉพาะ สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ และไม่ต้อง ล้มละลายจากคา่ รกั ษาพยาบาลโรคเร้ือรงั โรคทม่ี ีคา่ ใชจ้ า่ ยสูง ตวั อย่างเช่น 1. บริการดแู ลรักษาพยาบาล โรคมะเรง็ 2. การตรวจคัดกรองและวินิจฉยั โรคมะเร็ง ตามทีแ่ พทยส์ ง่ั 3. การรกั ษาอาการทั่วไปและการรักษาเฉพาะทาง เชน่ การผา่ ตดั การฉายแสง การ ให้ยาเคมีบำบดั 4. การดูแลแบบประคับประคองทีบ่ า้ น (Palliative Care) 5. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล (เฉพาะผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยเคมี บำบัด) 6. บรกิ ารดแู ลรกั ษาพยาบาล กรณีผ้ตู ิดเช้อื เอชไอวแี ละผู้ปว่ ยเอดส์ 7. ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงและต้องการทราบสถานะ การติดเชื้อเอชไอวี สามารถ ขอรับบริการให้คำปรึกษาและตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายไดท้ ี่หน่วยบริการใน ระบบหลกั ประกนั สขุ ภาพแห่งชาติ 8. ผู้ท่ตี รวจเลือดพบการตดิ เชื้อเอชไอวี จะไดร้ ับการประเมินเพือ่ เร่ิมการรักษาด้วย ยาต้านไวรัส และติดตามการรักษา รวมถึงการให้ยารักษาภาวะไขมันในเลือดสูงจากการรับประทานยา ต้านไวรสั โดยไม่ต้องเสยี คา่ ใชจ้ า่ ย รวมถึงการตรวจคัดกรองและตรวจยนื ยนั หาการตดิ เชอ้ื ไวรัสตับอกั เสบ ซี ตามข้อบง่ ชีท้ างการแพทย์ 9. ผใู้ ชส้ ิทธิหลักประกันสขุ ภาพแหง่ ชาติ ควรรับบรกิ ารกับหน่วยบริการประจำตาม สิทธิเพื่อความสะดวก แต่หากมีความจำเป็นก็สามารถรับบริการกับหน่วยบริการอื่นที่ไม่ใช่หนว่ ยบริการ ประจำตามสทิ ธิได้ บริการทดแทนไตสำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ขั้นตอนการเข้ารับบริการ ผปู้ ว่ ยไตวายเร้อื รังระยะสุดท้ายตอ้ งไปใชส้ ทิ ธหิ ลกั ประกันสุขภาพแหง่ ชาตทิ ีห่ น่วยบริการตามสิทธิ หน่วย บริการจะลงทะเบียนและให้คณะกรรมการฯ ระดับเขต พิจารณาการให้บริการทดแทนไตที่เหมาะสม สำหรบั ผ้ปู ว่ ยในแตล่ ะราย โดยเป็นไปตามเกณฑม์ าตรฐานของสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย ไดแ้ ก่ 1. การลา้ งไตผ่านทางชอ่ งท้องอยา่ งตอ่ เนือ่ ง 2. การฟอกเลอื ดด้วยเครอื่ งไตเทียม 3. การผ่าตัดปลูกถ่ายไต สำหรบั การล้างไตผา่ นทางชอ่ งทอ้ งอยา่ งต่อเนอ่ื ง สปสช. ได้จัดบริการสง่ น้ำยาลา้ งไตให้ ผปู้ ว่ ยถงึ บ้านโดยไมม่ ีค่าใช้จ่าย เพอ่ื ใหเ้ ข้าถึงบริการทดแทนไตได้ง่ายขนึ้ ลดภาระคา่ ใชจ้ ่ายในการเดินทาง และไดร้ บั การทดแทนไตอยา่ งต่อเนอื่ ง ซึง่ จะสง่ ผลถึงคุณภาพชวี ติ ทด่ี ขี ้นึ ของผปู้ ่วย

150 บรกิ ารกรณเี ฉพาะ บรกิ ารรกั ษาพยาบาลทจ่ี ำเป็นตอ้ งบริหารจดั การเป็นกรณเี ฉพาะ ในหนว่ ยบรกิ ารทร่ี ว่ ม โครงการ เช่น 1. การให้สารเมทาโดนระยะยาว เพื่อการบำบัดรักษาผู้ป่วยติดสารเสพติดในกลุ่ม ฝิ่น และอนุพนั ธ์ของฝน่ิ (เช่น เฮโรอนี ) ท่ีสมัครใจ 2. การให้ยาละลายลิ่มเลือดเพื่อการรักษาเร่งด่วน สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือด สมองตีบหรืออุดตัน และผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดชนิดเฉียบพลันชนิดที่มีการยกขึ้นของ คลน่ื ไฟฟา้ หวั ใจส่วน ST 3. การสวนหัวใจ การผ่าตัดหัวใจ 4. การปลกู ถา่ ยเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหติ 5. การผา่ ตดั รักษาข้อเขา่ เสือ่ ม การผ่าตดั เปลย่ี นกระจกตา การผ่าตัดเปล่ยี นหัวใจ 6. การปลูกถา่ ยตบั ในเด็ก (อายุไม่เกนิ 18 ปี) ทีเ่ ป็นโรคทอ่ นำ้ ดตี บี ตันแตก่ ำเนิด 7. การรกั ษาเฉพาะโรคทีเ่ กดิ จากการดำน้ำ (Decompression Sickness) บริการสรา้ งเสรมิ สุขภาพและบรกิ ารป้องกันโรค เพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพให้กับคนไทยทุกคนมีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง ป้องกันการเจ็บป่วย คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจึงกำหนดให้ สปสช. จัดบริการสร้าง เสริมสุขภาพและบริการป้องกันโรคตามกลุ่มวัย (ประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เร่ือง ประเภทและขอบเขตของบรกิ ารสาธารณสุข ฉบับที่ 10 พ.ศ.2559) ชอ่ งทางบรกิ ารข้อมลู หลักประกันสุขภาพแหง่ ชาติ สปสช. พัฒนาช่องทางเพิ่มความสะดวกให้ผู้สนใจต้องการข้อมูลเกี่ยวกับหน้าที่และสิทธิ หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ขั้นตอนการใช้บริการ หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในระบบหลักประกัน สขุ ภาพแหง่ ชาติ สามารถตดิ ต่อและสบื ค้นข้อมลู ได้ ดงั นี้ 1. บรกิ ารทางโทรศัพท์ สายด่วน สปสช. โทร.1330 มเี จ้าหนา้ ทใ่ี หบ้ ริการ 24 ชว่ั โมง 2. บริการตรวจสอบสิทธิหลกั ประกันสขุ ภาพ ด้วยระบบอตั โนมัติ 3. บรกิ ารข้อมูล ใหค้ ำแนะนำเก่ียวกบั การใชส้ ทิ ธิหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ 4. รับเรอื่ งร้องเรียน ร้องทกุ ข์ 5. บริการขอ้ มูลทางส่อื สังคมออนไลน์ เพม่ิ ความสะดวก รวดเร็ว ไดแ้ ก่ 5.1 เวบ็ ไซด์ สปสช. www.nhso.go.th 5.2 ศนู ย์ข้อมูลกฎหมาย สปสช. http://law.nhso.go.th/ 5.3 ศนู ยบ์ ริการสารสนเทศประกนั สุขภาพ http://eis.nhso.go.th/ 5.4 ขอ้ มูลกองทุนหลกั ประกนั สขุ ภาพในระดบั ท้องถน่ิ หรอื พ้ืนที่ http://obt.nhso.go.th/ 5.5 รายงานวิจัย / คู่มือ /หนังสือวิชาการด้านหลักประกันสุขภาพ http://e- library.nhso.go.th/


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook