51 โรคตดิ ต่อมกี ารถ่ายทอดโรคทง้ั โดยตรง และ โดยออ้ ม ดังน้ี 1. ถ่ายทอดโดยตรง (direct transmission) ได้แกก่ ารถ่ายทอดจาก บุคคลทเ่ี ปน็ แหล่งโรค ไปยังคนท่ีมภี ูมไิ วรบั โดยไมม่ สี ่อื กลาง เชน่ การติดต่อโดยการสมั ผสั การไอ จามรดกนั 2. ถา่ ยทอดทางอ้อม (indirect transmission) เป็นการถ่ายทอดผ่านสอื่ กลาง สามารถแบง่ ไดด้ ังนี้ 2.1 ถ่ายทอดโดยอาศัยส่อื นำโรค เชน่ ผ่านทาง อาหาร นำ้ กรณที ีเ่ ปน็ โรคติดต่อทางเดนิ อาหาร 2.2 ถ่ายทอดโดยอาศยั พาหะนำโรค เชน่ แมลงวนั ยงุ 3. ถา่ ยทอดทางอากาศ (airborne) เปน็ การถา่ ยทอดทางละอองฝอย เชน่ การ ไอ หรอื จามรดกนั และ ถ่ายทอดทางฝนุ่ เชน่ กรณีเชื้อวณั โรคทีอ่ อกมากบั เสมหะ แล้วตกลงสพู่ นื้ ดิน เม่อื แหง้ จะกลายเปน็ ฝนุ่ ละออง ทสี่ ามารถปลิวฟ้งุ กระจายเข้าสรู่ ่างกายได้ 3.2.1 ธรรมชาตขิ องการเกิดโรค การศึกษาธรรมชาตขิ องการเกิดโรค สามารถใช้อธิบายแบบแผนของการเกดิ โรค ซึง่ สามารถ อธบิ ายไดท้ ัง้ โรคติดเชือ้ และ โรคไมต่ ดิ เชือ้ โดยแบง่ ออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้ (ไพบลู ย์ โล่หส์ นุ ทร, 2552) 1. ระยะไวต่อการรับเชอื้ เปน็ ระยะทีม่ นษุ ย์เส่ียงต่อการสมั ผสั หรือ กำลงั สมั ผสั กบั ปัจจัยเสยี่ ง เชน่ เดก็ ที่มีภาวะทพุ โภชนาการ หรือ ขาดอาหาร มภี ูมไิ วรับตอ่ การติดเชือ้ โรค ซึง่ ทำใหเ้ กิด ปอดบวม หรอื อจุ จาระรว่ งได้โดยงา่ ย แต่ละโรคมคี วามแตกตา่ งกนั ในตามธรรมชาตขิ องโรค ปรมิ าณ ของเชือ้ โรค สาเหตทุ ่ีทำให้เกิดโรค และพฤติกรรมของมนุษย์ รวมทง้ั สง่ิ แวดล้อมที่สนบั สนนุ ใหเ้ กดิ โรค 2. ระยะก่อนปรากฏอาการ มีการเปล่ียนแปลงทางพยาธสิ ภาพ แตย่ ังไมป่ รากฏ อาการ ในโรคติดเชื้อเปน็ ระยะทเ่ี ชอื้ โรคเขา้ สู่ร่างกาย และมกี ารเพิ่มจำนวนของเช้ือโรค แต่ไมส่ ามารถ ตรวจพบอาการของการตดิ เช้อื จงึ เรียกระยะน้ีวา่ “ระยะฟกั ตวั ” ในโรคไมต่ ดิ ต่อ ระยะนีม้ รี ะยะเวลาไม่ แน่นอน ตา่ งจากโรคติดเช้อื ที่มรี ะยะเวลาทแ่ี นน่ อน 3. ระยะปรากฏอาการของโรค เปน็ ระยะที่รา่ งกายไม่สามารถทนตอ่ การรกุ รานของ เชือ้ โรค ได้ ทำใหร้ า่ งกายปรากฏอาการ และ อาการแสดง ผ้ปู ว่ ยในระยะนแ้ี บ่งเปน็ 3 กลุ่ม ไดแ้ ก่ 3.1 กลุม่ ที่หายไปได้เอง ในบางครง้ั โรคจะหายไปไดเ้ อง ต้งั แตอ่ ยู่ในระยะ ก่อนปรากฏอาการ ท้งั นี้ขนึ้ อยกู่ ับวา่ ผปู้ ่วยไดด้ ูแลตนเองจนสามารถปรับตวั ให้ผา่ นพน้ ภาวะทไี่ ม่สมดลุ นไี้ ด้ เร็วเพยี งใด 3.2 กลมุ่ ทีร่ ักษาด้วยวธิ ีการท่ีไมส่ ลับซบั ซ้อน เชน่ รบั ประทานยากห็ าย ผูป้ ว่ ยกลมุ่ นตี้ ้องได้รบั การวนิ ิจฉยั โรคแตเ่ ร่ิมแรก ก่อนที่พยาธสิ ภาพของโรคจะรนุ แรง การได้รบั การรกั ษา ทที่ ันท่วงที การหลกี เลยี่ งปจั จัยที่ทำใหอ้ าการผู้ป่วยเลวลง จะทำใหผ้ ู้ปว่ ยหายจากโรคได้เรว็ ข้ึน 3.3 กลุม่ ทต่ี ้องรักษาดว้ ยวธิ ีการทย่ี งุ่ ยาก เช่น การผ่าตัดรว่ มกบั การใหย้ า หรือรว่ มกับการฉายแสง หรือวธิ ีการอ่นื ๆ กลุ่มนี้มักเป็นกลมุ่ ที่ไมส่ นใจตัวเอง หรอื กลุ่มทด่ี ้อยโอกาสใน การเข้ารับบริการสุขภาพ ได้รับการตรวจวนิ จิ ฉัยชา้ ปลอ่ ยให้ตนเองมอี าการมากเขา้ จึงเข้ารับการตรวจ
52 วนิ ิจฉัย หรอื ในบางกรณีมกี ารดำเนินโรคเร็ว ทำให้มอี าการรุนแรง ในระยะสน้ั ๆ เชน่ โรคฉีห่ นู ที่เชือ้ โรค เขา้ ไปทำลาย ปอดตับ หรอื ไต ทำใหเ้ สียชีวิตไดโ้ ดยงา่ ย 4. ระยะไรค้ วามสามารถ เปน็ ระยะทโี่ รคเข้ามาสรู่ ะยะสดุ ทา้ ย ผลลัพธข์ องโรคใน ระยะน้ี ขึ้นอยู่กับชนิดของเชอ้ื โรค สาเหตขุ องโรค การไดร้ ับการรกั ษาท่มี ปี ระสทิ ธิภาพ และการรกั ษาท่ี ทนั ทว่ งที ตลอดจนการฟน้ื ฟสู ภาพ รวมทั้งพฤติกรรมของผูป้ ่วย ที่จะสง่ เสริม หรือ ยับย้ังความรุนแรงของ โรคด้วยตนเอง ผลที่เกิดในระยะน้ี ได้แก่ ตาย เจบ็ ปว่ ยเรื้อรงั มคี วามพิการ และทดี่ ีที่สุดคือ หายจาก โรค 3.3 หลกั และวธิ กี ารป้องกนั และควบคมุ โรค 3.3.1 ความหมายของการปอ้ งกนั และควบคุมโรค การปอ้ งกนั (Prevention) หมายถึง การป้องกันไมใ่ หเ้ กิดโรคข้ึนกบั บคุ คลหรอื ชมุ ชน โดยการ สง่ เสริมสุขภาพใหส้ มบรู ณ์ การมีสขุ วิทยาทีด่ ที ้ังบุคคลและชุมชน ปรบั สภาพแวดล้อมใหเ้ หมาะสม หาก เกดิ โรคขึ้นจะตอ้ งรีบคน้ หาใหพ้ บ ใหก้ ารรักษาอย่างถกู ต้องและปอ้ งกนั การเกดิ ความพิการ การควบคุมโรค (Disease Control) หมายถึง การลดอัตราการเกิดโรคใหต้ ่ำลงในระดบั ทไ่ี ม่ เป็นปญั หา หรือควบคุมไม่ใหเ้ กิดการแพรก่ ระจายของโรค ซึ่งจะเปน็ ผลทำใหเ้ กิดปัญหาทางสุขภาพที่ รนุ แรงข้ึนในชุมชน (เชดิ ลาภ วสุวตั . 2535: 21) โดยตามความหมายเดิมนั้น การป้องกันโรค หมายถึงมาตรการและกิจกรรมที่ดำเนินการกอ่ นท่ี จะเกิดโรคหรือภัย เพื่อไม่ได้เกิดโรค หรือภัยดังกล่าว ส่วนการควบคุมโรคนั้น หมายถึงมาตรการและ กิจกรรมที่ดำเนินการ หลังจากที่เกิดโรคหรือภัยขึ้นแล้ว โดยมีวัตถุประสงค์ที่ให้โรคหรือ ภัยนั้นสงบ โดยเร็ว ก่อให้เกดิ ความเสียหายต่อชวี ติ และความเปน็ อยู่ (เช่น ความเจ็บป่วย ความพกิ าร การตาย ความ สูญเสีย ทางสังคม และ ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ) น้อยที่สุด และไม่เกิดขึ้นอีก หรือหากเกิดขึ้น ก็ สามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิผล (effectively) และมีประสิทธภิ าพ (efficiently) มากขึ้น ในปัจจุบนั นิยามความหมายของ “การป้องกันโรค” ได้ครอบคลุม ความหมาย ของ “การควบคุมโรค” ไปด้วย ตั้งแต่กิจกรรมที่ดำเนินการก่อนเกิดโรค (primary prevention) เกิดโรคแล้ว แต่ยังไม่เกิดอาการ (secondary prevention) หรือเกิดอาการ แล้ว (tertiary prevention) ก็ได้ โดยแต่ละช่วงจะมี วตั ถปุ ระสงค์ที่แตกตา่ งกนั 3.3.2 หลักและวธิ กี ารปอ้ งกนั และควบคมุ โรค วธิ ีตา่ งๆท่ใี ชใ้ นการปอ้ งกนั และควบคมุ โรคที่ ไดผ้ ล ควรดำเนนิ การ 3 ข้นั ตอน ดังนี้ 1. Primary prevention กจิ กรรมทสี่ ำคญั ได้แก่ การส่งเสริมใหม้ สี ่งิ แวดลอ้ มทเี่ ออ้ื ต่อสขุ ภาพของ ประชาชน (healthy environment) การส่งเสรมิ ใหร้ า่ งกายมคี วามต้านทานต่อโรคต่างๆ และ การสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนมีพฤตกิ รรมสขุ ภาพทเ่ี หมาะสม (healthy behaviors)
53 2. Secondary prevention เป็นการปอ้ งกันในระยะท่ีโรคได้เกิดข้นึ แลว้ มวี ตั ถุประสงค์ท่สี ำคญั คือ การระงบั กระบวนการดำเนนิ ของโรค การป้องกนั การแพรเ่ ชอื้ และระบาด ของโรคไปยัง บคุ คลอ่ืนหรอื ชมุ ชนอน่ื โดยจะมุ่งเนน้ การคดั กรองโรคเพอื่ ใหพ้ บโรคโดยเร็วทสี่ ุดกอ่ นทจ่ี ะมี อาการ การวินิจฉยั โรคและใหก้ ารรกั ษาโดยทนั ที โดยเชือ่ ว่าการค้นพบโรคในระยะแรกและให้ การรกั ษาอยา่ งทนั ทว่ งทนี ัน้ จะมีผลการรกั ษาทดี่ กี วา่ การคน้ พบโรคในระยะหลงั ๆ และ/หรือ การให้การรกั ษาทชี่ า้ เพือ่ ลดความชุก ลดความรุนแรงและลดการแพร่กระจาย 3. Tertiary prevention มีวัตถุประสงคเ์ พือ่ ป้องกันความสญู เสยี จากโรค เชน่ ป้องกันความ พิการ หรือการสูญเสยี ชวี ติ กอ่ นวัยอนั สมควร เน้นการรักษาและฟื้นฟูสภาพนอกจากน้ี Tertiary prevention อาจจะหมายรวมถงึ การปอ้ งกนั การเกดิ โรคซ้ำ (recurrence) อีกด้วย ได้มีการเสนอใหม้ ี Primordial prevention หมายถงึ การดำเนนิ การ ปอ้ งกันไมใ่ ห้เกดิ ปัจจยั เสย่ี งขึน้ เลย เชน่ การป้องกนั ไม่ให้ร้านอาหารภายในโรงเรยี นจำหนา่ ยขนมกรบุ กรอบ และขนมประเภทลกู อม ลกู กวาด เพือ่ ป้องกันไมใ่ ห้เกิดโรคอ้วนในเด็ก และปัญหาเกีย่ วกบั สุขภาพฟัน ในเด็ก Primordial prevention ยังมีความหมายรวมถึงการจดั ใหม้ กี ิจกรรมทางดา้ นสังคม (Social movement) ต่างๆ เพ่ือให้เกดิ การเปล่ียนแปลงทศั นคตหิ รอื ค่านยิ มของสังคมเก่ียวกับเรือ่ งนนั้ ๆ ด้วย หากจะกลา่ วกนั โดย แทจ้ รงิ แลว้ Primordial prevention ก็คอื primary prevention อยา่ งหนง่ึ น่ันเอง การดำเนนิ มาตรการปอ้ งกันและควบคุมโรค มักจะต้องอาศัย “เทคโนโลยี” เปน็ เคร่อื งมอื เชน่ การ ป้องกันการบาดเจ็บในผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องอาศัย “หมวกกันน็อค” ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีหรือ มาตรการทางด้านการศึกษาเพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้และมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั้นก็ตอ้ งอาศัย เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการสื่อสารเพื่อการปรบั เปลีย่ นพฤติกรรม แสดงให้เห็นว่าความสำเร็จของมาตรการ ต่างๆ สัมพันธ์กับเทคโนโลยีที่ใช้เป็นอย่างมาก เทคโนโลยีที่ใช้ในการป้องกันและควบคุมโรคอาจจะเปน็ เทคโนโลยที จี่ ับตอ้ งไมไ่ ด้ (Disembodied technology) เช่น เทคนิคการให้ความร้แู ละการให้คำปรึกษา หรือ เทคโนโลยีที่จับต้องได้ (Embodied technology) เช่น อุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ยาและวัคซีน สำหรับโลกยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ แอพพลิเคชัน (Application) ในสมาร์ทโฟน สามารถใช้เป็น เครื่องมือในการป้องกันและควบคุมโรค เช่น แอพพลิเคชัน Fast track (Stroke KKU) พัฒนาโดยคณะ แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น มีวตั ถุประสงคห์ ลัก 2 ข้อ คอื การเรียกรถพยาบาลฉกุ เฉนิ มารับ ณ ที่เกิดเหตุ โดยทราบตำแหน่งที่เกิดเหตุแน่ชัดผ่านระบบจีพีเอส และการเผยแพร่ความรู้โรคอัมพาต โรค หลอดเลือดสมอง (Stroke) โรคหัวใจและภาวะเร่งด่วนที่เป็นอันตรายต่อชีวิต มีเครื่องมือคัดกรองด้าน สุขภาพ ภาพให้ความรู้ หนังสือและวีดีโอ เพื่อช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดในสมองตีบ หรือ แตก โดย อาการทมี่ ักจะพบก็คือ ปวดศีรษะ คล่นื ไส้ อาเจยี น แขน ขา ออ่ นแรงข้างใดข้างหนง่ึ พดู ไมช่ ดั ซ่งึ บางราย อาการจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วฉับพลัน แต่ว่าหากไปพบแพทย์ได้ทันเวลา ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการรักษา มากยิง่ ข้นึ สำหรับบุคคลทม่ี ีคนในครอบครัวมพี ฤติกรรมเส่ียงท่จี ะมีอาการหลอดเลือดในสมองแตก เช่นมี ความดันสูง สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ชอบทานอาหารทอด อาหารรสเค็ม น้ำหนักเกิน มีภาวะเครียด ไม่ค่อย
54 ชอบออกกำลังกาย ก็ควรที่จะดาวน์โหลด แอพพลิเคชั่น Fast track ติดเครื่องโทรศัพท์มือถือของบคุ คล ในครอบครัวเอาไว้เพื่อใช้ประโยชน์ และควรจะสอนการใช้งานในยามฉุกเฉินไว้ เพื่อที่จะได้ให้ผู้ป่วยเข้า รับการรักษาอย่างรวดเร็วในทันที หรือภายใน 4 ชั่วโมงครึ่ง (270 นาทีชีวิต) เพื่อลดอุบัติการณ์ของอัม พฤกษ์ อมั พาต หรอื เสยี ชีวิตจากโรคหลอดเลือดในสมอง 3.4 การปอ้ งกันโรคทีพ่ บบ่อยในชวี ติ ประจำวันและการดูแลเบ้อื งตน้ โรคแบ่งได้เปน็ 2 กล่มุ ใหญ่ๆ คอื โรคตดิ ต่อ (Communicable disease) และ โรคไม่ตดิ ต่อ (Non-Communicable disease; NCD) ในสงั คมปจั จบุ นั โรคติดตอ่ ที่จัดวา่ เปน็ โรคตดิ เชอื้ อบุ ตั ิใหม่หรือ อุบตั ซิ ้ำ (Emerging or Re-emerging infectious diseases) จัดเปน็ กลุ่มโรคทพ่ี บบ่อยในปัจจุบนั เชน่ โรคไขห้ วัดนก โรคติดเชือ้ ไวรัสอโี บลา โรคโควิด-19 โรคเหลา่ นี้แพร่กระจายไดเ้ ร็วมากและเปน็ โรคทมี่ ี ความรุนแรงถงึ ขนั้ เสยี ชวี ิต อย่างไรก็ตาม เราสามารถป้องกันและควบคุมโรคเหล่าน้ีได้เชน่ กนั โรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นไวรสั อุบตั ิใหมท่ ี่พบว่ามีการระบาดตั้งแต่เดอื น ธนั วาคม พ.ศ. 2562 โดยมีรายงานผูป้ ว่ ยพบครง้ั แรกที่มณฑลหเู ป่ย สาธารณรัฐประชาชนจนี เชื้อไวรสั COVID-19 สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านทางการไอ จาม สัมผัสโดยตรงกบั สารคัดหล่ัง เช่น นำ้ มกู นำ้ ลาย ผู้ติดเช้ือจะมีอาการหลายแบบตั้งแต่ตดิ เชื้อแตไ่ มแ่ สดงอาการ มีอาการเล็กน้อยคล้ายเปน็ ไขห้ วัดธรรมดา อาการปานกลางเป็นปอดอักเสบ และอาการรุนแรงมากจนอาจเสียชีวิต การแพรร่ ะบาด ของโรคโควิด-19 เกิดขนึ้ อย่างกว้างขวางในหลายประเทศทั่วโลก (pandemic) องค์การอนามัยโลกได้ ประกาศให้โรคโควดิ -19 เป็นภาวะฉุกเฉนิ ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern) เมอ่ื วันท่ี 30 มกราคม 2563 และแนะนำทุกประเทศให้เรง่ รดั การเฝ้าระวัง ปอ้ งกนั และควบคุมโรค สำหรับประเทศไทย ได้มีมาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคต้ังแต่เร่ิมพบการ ระบาดในประเทศจีน ตรวจพบผู้ป่วยรายแรกเป็นผู้เดินทางจากประเทศจีนในวันที่ 8 มกราคม 2563 ได้รับการตรวจยืนยันผลและแถลงสถานการณ์ในวันท่ี 14 มกราคม 2563 กลุ่มผู้ป่วยช่วงแรกเป็นผู้ เดินทางจากพื้นท่ีเส่ียง ช่วงต่อมาคือกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่มีการชุมนมุ ชน เช่น สถานที่เที่ยวกลางคืน สนาม มวย ซ่ึงทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จนต้องมีการประกาศให้โรคโควิด-19 เป็น โรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เม่ือวันท่ี 26 กุมภาพันธ์ 2563 และต่อมา เมอื่ วันที่ 25 มีนาคม 2563 นายกรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนดการบริหาร ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และวันที่ 26 มีนาคม 2563 ได้ประกาศข้อกำหนดตามความ ในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) โดยได้ ออกขอ้ กำหนดและข้อปฏิบัติแก่สว่ นราชการท่ีเกย่ี วข้อง เพอื่ ให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลง ได้โดยเร็วและป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์รา้ ยแรงมากข้ึน มาตรการป้องกันและควบคมุ โรคโควดิ -19 ของรัฐบาลไทย 1. การประกาศพื้นที่เขตติดโรค และการตรวจคัดกรองที่ด่าน ได้ปิดช่องทางการเดินทางเข้าสู่ ประเทศไทยทั้งทางอากาศ ทางน้ำ และทางบก ผู้ที่ได้รับการผ่อนปรนต้องมีใบรับรองแพทย์ท่ี
55 ยืนยันวา่ มีสขุ ภาพเหมาะสมตอ่ การเดินทางทางอากาศ (Fit to Fly Health Certificate) ที่ออก ให้ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยจะต้องปฏิบัติตัวตาม คำแนะนำในการควบคมุ ป้องกนั โรคอยา่ งเคร่งครดั สำหรบั ผู้เดนิ ทางกลบั มาจากต่างประเทศทุก คนจะถกู กกั กนั ตัวเพือ่ สงั เกตอาการ ณ สถานทกี่ กั กันโรค (State Quarantine) ไม่น้อยกวา่ 14 วัน ถัดจากวันที่เดินทางถึงประเทศไทย ส่วนผู้ที่อยู่ในประเทศที่ไปพื้นที่เสี่ยงก็ควรปฏิบัติตาม มาตรการแยกสงั เกตอาการ ณ ท่พี ักอาศัย (Home Quarantine) 2. แนวทางการเฝ้าระวังและสอบสวนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาในระดับประเทศและจังหวัด โดย การตรวจหาเชื้อในผู้ป่วยมีอาการและอาการแสดงดังน้ี อุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 37.3 องศา เซลเซียสขนึ้ ไปหรอื อาการของระบบทางเดนิ หายใจอย่างใดอยา่ งหนงึ่ ดังตอ่ ไปนี้ ไอ นำ้ มูก เจ็บ คอ หายใจเหนื่อยหรือ หายใจลำบาก ร่วมกับมีประวัติเดินทางไปยัง หรือ มาจากต่างประเทศ ทกุ เที่ยวบนิ ทุกชอ่ งทางระหว่างประเทศ สำหรบั แนวทางการปฏิบตั ดิ า้ นสุขวิทยาสว่ นบุคคล ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 เผยแพร่โดยกระทรวงสาธารณสขุ กลา่ วว่าแนวทางการดแู ลสขุ อนามัยสว่ นบุคคล เพ่อื ป้องกันและลดการ แพร่เชือ้ COVID-19 ปฏบิ ตั ิได้โดยอาศัยหลักการ 3 ล. “ลด เลย่ี ง ดแู ล” ดงั น้ี 1. ลดสมั ผัส ล้างมือให้สะอาดด้วยสบูแ่ ละนำ้ หรือเจลแอลกอฮอล์ทกุ ครัง้ ก่อนรบั ประทานอาหาร หลังใช้ส้วม หรือหลังจากไอ จาม หรือหลังสัมผัสจุดเสี่ยงที่มีผู้ใชง้ านร่วมกันในท่ีสาธารณะ เช่น กลอนหรือลูกบิดประตู ราวจับหรือราวบันได ลดการปนเปื้อนและแพร่กระจายเชื้อโรค โดยเฉพาะเมื่อไอหรือจาม ควรใช้ผา้ หรือกระดาษทิชชู ปดิ ปาก จมูก แลว้ น้าไปท้งิ ในถังขยะท่ีมี ฝาปิด หากไม่มี ให้จามใส่ข้อศอก โดยยกแขนข้างใดข้าง หนึ่งมาจับไหลต่ ัวเองฝั่งตรงข้าม และ ยกมมุ ขอ้ ศอกปิดปากและจมูกตนเองก่อน ไอ จามทุกคร้ัง เมอื่ เจบ็ ป่วยให้ใช้หนา้ กากอนามัย 2. เลี่ยงจุดเสี่ยง หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น แออัด หรือพื้นที่ปิด โดยเฉพาะ ผู้สูงอายุ เด็กและสตรีตั้งครรภ์หากจำเป็นให้ใส่หน้ากากตามความเหมาะสม เช่น หน้ากากผ้า หลีกเลี่ยง หรืออยู่ห่างจากผู้ที่มีอาการไอ จาม และมีความเสี่ยงว่าจะติดเชื้อระบบทางเดิน หายใจ อย่างน้อย 1 เมตร หลีกเล่ียงการใชม้ อื สัมผสั ใบหนา้ ตา ปาก จมูก โดยไมจ่ ำเป็น ผู้ท่ีเป็น กลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 70 ปี ผู้มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดัน โลหิตสูง โรคปอด และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ให้เลี่ยงการออกนอกบ้าน เว้นแต่จำเป็น ให้ออก นอกบ้านนอ้ ยท่ีสุด ในระยะเวลาสัน้ ท่ีสดุ โดยต้องสวมใส่หน้ากากผ้าหรอื หน้ากากอนามยั เม่ืออก นอกบา้ นทกุ คร้ัง 3. ดูแลสุขภาพตนเองและสังคม ดูแลตัวเองด้วยการเลือกทานอาหารที่ร้อนหรือปรุงสุกใหม่ๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอ หากเดินทางกลบั จากประเทศหรือพ้ืนท่ีท่ีมีการ แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้องถูกกักกันตัวเพื่อสังเกตอาการ ณ สถานที่กักกันโรค (State Quarantine) ไม่น้อยกว่า 14 วัน ถัดจากวันที่เดินทางถึงประเทศไทย และปฏิบัติตาม ประกาศของกระทรวงสาธารณสุข รักษาระยะห่างทางสังคม (Social distancing) ด้วยการอยู่
56 ทบ่ี ้านหรอื เลือกทำงานท่บี ้าน หากออกนอกบา้ นให้รักษาระยะหา่ งระหวา่ งบุคคลไม่น้อยกว่า 1- 2 เมตร ในทกุ ที่ทุกเวลา รวมท้งั เฝ้าระวงั อาการของตนเองเม่ือไปใกลช้ ิดกับผู้ป่วยยนื ยัน หรือไป สัมผัสจุดเสี่ยงมา โดยเฉพาะอาการไข้หรือทางเดินหายใจ หากมีอาการป่วยเล็กน้อย ควร พกั ผ่อนอย่ทู ่บี า้ น ถ้ามอี าการไข้ ไอ เจบ็ คอ หายใจเหนอื่ ย ควรรีบไปพบแพทย์ สำหรบั โลกยุคเทคโนโลยสี ารสนเทศ แอพพลเิ คชนั (Application) ที่สามารถใชเ้ ป็นเคร่ืองมอื ในการ ป้องกันและควบคมุ โรคโควดิ -19 เช่น 1. Covid Bot เป็นแอพพลิเคชันที่ใช้ประเมินอาการและความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัส COVID-19 ผา่ นทางแชท บอท (Chatbot) หรือหมอเสมือนจริง หากประชาชนเกิดข้อสงสยั หรอื มีคำถามใน อาการของตนเองก็สามารถสนทนาและสอบถามผา่ นทางแชทบอทไดโ้ ดยตรงและทางแชทบอท นั้นจะประเมินอาการ รวมถึงให้คำแนะนำเบื้องต้นแกผ่ ู้สอบถาม โดย Covid Bot นั้นถูกคิดค้น โดยคลัสเตอร์วิจัยนวัตกรรมอนาคต (Futuristic Research Cluster of Thailand) ร่วมกับ กลุ่มแพทย์ที่เป็นศิษย์เก่าของโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับเด็กและเยาวชน (Junior Science Talent Project) ซึ่งข้อมูลการสนทนาผ่านทางแช ทบอทนั้นใช้และอ้างอิงข้อมูลมาจากหน่วยงานสาธารณสุขของไทย ช่องทางการใช้งาน Covid Bot : https://www.facebook.com/covid19bot/ 2. ไทยรู้สู้โควิด เป็นแอพพลิเคชันทีพ่ ัฒนาโดยกระทรวงสาธารณสุข เข้าถึงได้จาก 4 แพลตฟอร์ม ออนไลน์หลัก ได้แก่ Line, Twitter, Facebook และ TikTok เพื่อให้ข้อมูลสถานการณ์การ ระบาดในปจั จุบัน ความรูเ้ กยี่ วกับ COVID-19 และการปอ้ งกนั ตัวเองในสถานการณ์เช่นนี้ให้กับ ประชาชน โดยกระทรวงสาธารณสุขจะรายงานยอดประจำวันจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้อยู่ในระหว่าง การรกั ษา ผ้ทู ่หี ายดีแลว้ และผ้เู สยี ชีวิต รวมถงึ จำนวนผู้ปว่ ยเขา้ เกณฑ์เฝ้าระวังโรคผ่านช่องทาง เหล่าน้ี และสำหรับผู้ที่ชอบการอ่านข้อมูลแบบรูปภาพ กระทรวงสาธารณสุขยังไดจ้ ัดทำอินโฟ กราฟฟิกเกยี่ วกับไวรัส COVID-19 เพอื่ เสรมิ สร้างความเขา้ ใจของประชาชนอกี ด้วย ช่องทางการ ใช้งาน ได้แก่ LINE : https://lin.ee/dAEig3e Twitter : https://twitter.com/thaimoph Facebook : https://www.facebook.com/thaimoph TikTok : https://vt.tiktok.com/jcvfwN/ สรุป การเจ็บปว่ ย เปน็ ภาวะที่แสดงออกถึงความไมส่ มดุลของรา่ งกาย ซึ่ง โรคที่เกิดจากการเจบ็ ป่วย จะมที ัง้ โรคติดต่อ และโรคไมต่ ดิ ตอ่ การมคี วามรเู้ กยี่ วกับธรรมชาติการเกิดโรค การถ่ายทอดโรค จะ นำไปสู่ การป้องกนั โรคท่ีถกู ตอ้ ง ซง่ึ การป้องกันโรคที่มปี ระสิทธภิ าพมากท่สี ดุ คือการปอ้ งกนั โรคปฐมภมู ิ
57 หรอื การปอ้ งกันโรค ต้ังแต่ที่ยังไม่เกดิ โรค แต่ เมื่อไมส่ ามารถปอ้ งกนั การเกดิ โรคได้ และมกี ารเกิดโรคใน บุคคลแลว้ ก็ตอ้ งมกี ารควบคมุ โรค เพ่ือไมใ่ ห้เกดิ การแพรก่ ระจายของโรค ซึ่งจะสง่ ผลกระทบทงั้ ในบคุ คล ครอบครัว ชมุ ชน และอาจสง่ ผลกระทบถึงการท่องเท่ียว เศรษฐกจิ และ สงั คมได้ในทส่ี ดุ เอกสารอ้างอิง คณาจารย์ผสู้ อนรายวชิ า 0034001. (2560). บทท่ี 4 การควบคมุ และปอ้ งกันโรค เอกสารประกอบการ สอน วิชา 0034001 Health Care Management. สำนักศกึ ษาทวั่ ไป มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข. (2563). แนวทางปฏบิ ัตดิ า้ นสาธารณสุข เพือ่ การจัดการภาวะระบาดของโรคโค วิด-19 ในข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แหง่ พระราชกำหนดการบรหิ ารราชการใน สถานการณ์ฉกุ เฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบบั ที่ 1). กองแผนงาน กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข. (2559). ยทุ ธศาสตร์การพฒั นา ระบบป้องกัน ควบคมุ โรคและภัยสขุ ภาพแห่งชาติ ภายใต้แผนพฒั นาสุขภาพแห่งชาติ ในชว่ งแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔. กรงุ เทพฯ : อักษรกราฟฟิคแอนด์ ดไี ซน์. วราลักษณ์ ตงั คณะกลุ . (3 มิถนุ ายน 2563). หลักการควบคมุ และป้องกนั โรค. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://interfetpthailand.net/femt/present/femt_2012_02_13chanulthong_0830.pdf สมาคมอาชีวอนามยั และความปลอดภยั ในการทำงาน. (3 มถิ ุนายน 2563) คูม่ ือการจัดการ COVID 19 สำหรบั สถานประกอบกจิ การ. เข้าถงึ ไดจ้ าก www.fti.or.th/wp-content/uploads/2020/04/ คูม่ อื การจัดการ-COVID-19_สอป..pdf เชดิ ลาภ วสวุ ัต. (2535). หลกั สตู รอบรมระยะสน้ั แนวทางวจิ ัยทางระบาดวทิ ยา ครง้ั ที่ 5. กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล. Techsauce Team. (5 มิถุนายน 2563). รวมแพลตฟอรม์ -แอปฯในสถานการณ์ COVID-19. เข้าถงึ ได้จาก https://techsauce.co/news/covid-19-tracking-application ฤทัยพร ตรตี รง และ ผจงศลิ ป์ เพิงมาก. ระบาดวทิ ยา : แนวคดิ พ้นื ฐาน และ แนวทางการนำไปใช้ ภาควิชาพยาบาลสาธารณสุข คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์,2550 . พันธท์ุ ิพย์ รามสูต. ระบาดวิทยาสังคม. กรุงเทพ : พ.ี เอ.ลฟิ วงิ่ , 2540. พิพฒั น์ ลกั ษมีจรสั กลุ . (2546). วทิ ยาการระบาด : ประยกุ ต์ในงานโรคติดเชอ้ื . พมิ พค์ รั้งท่ี 4. กรุงเทพ ฯ : เจรญิ ดกี ารพมิ พ์. ไพบลู ย์ โล่หส์ นุ ทร. ระบาดวทิ ยา . พมิ พค์ รงั้ ท่ี 7. กรงุ เทพ : โรงพมิ พแ์ ห่งจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ,2552. มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช. เอกสารประกอบการสอนชดุ วิชา การสาธารณสขุ ทว่ั ไป หนว่ ยท่ี 1– 7 พมิ พค์ รง้ั ที 8 .นนทบุรี : สำนักพมิ พ์ หาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช,2552.
58 สุพนิ ดา แซเ่ ตยี ว. การจดั การดา้ นสขุ ภาพอนามัย. กรงุ เทพ : โรงพมิ พป์ ระสานมิตร จำกดั ,2546. ใบงานท้ายบท ชือ่ -สกลุ ............................................................. รหัสประจำตัวนสิ ติ ................................................ ช่ือรายวชิ า ................................................................................. รหัสวิชา ..................................... กลุ่มที่ เรียน ..................ใบงานท่ี ............................. วันที่ ........................................................... อาจารย์ผู้สอน................................................................................................................................. 1) ใหน้ ิสิตบอกแนวปฏบิ ัติของตนเองเพ่ือปอ้ งกันโรคโควดิ -19 ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… 2) ให้นสิ ติ เลอื กใชแ้ อพพลเิ คชนั ทเ่ี กยี่ วข้องกับการป้องกันหรอื ควบคุมโรคทนี่ สิ ติ สนใจ และ บอกประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากการใช้แอพพลิเคชันนน้ั ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………
59 บทท่ี 4 เพศศึกษา วัตถปุ ระสงค์เชงิ พฤติกรรม 1. เพือ่ ให้นสิ ิตมคี วามรู้และความเขา้ ใจเกีย่ วกับความหมายและความสำคัญเพศศึกษา การ ดแู ลสขุ ภาพทางเพศ โรคติดต่อทางเพศสมั พนั ธ์ การวางแผนครอบครัวและการคมุ กำเนดิ 2. เพอื่ ให้นิสิตสามารถนำความรู้ไปประยุกตใ์ ชใ้ นการดแู ลสขุ ภาพทางเพศ ป้องกนั โรคตดิ ต่อ ทางเพศสมั พันธ์ วางแผนครอบครวั และการคุมกำเนิดได้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม วิธีการสอน/กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. การบรรยาย/ซกั ถาม 2. ใช้สอื่ / คลปิ สถานการณ์ความรู้ท่เี ปน็ ปัจจบุ ัน อภิปรายสรปุ ร่วมกนั ในชนั้ เรยี น 3. คำถามท้ายบท/ใบงาน การประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ 1. ผเู้ รยี นอธบิ ายเกี่ยวกบั ความหมายความหมายและความสำคญั เพศศกึ ษาและการดูแลสขุ ภาพ ทางเพศได้ 2. ผเู้ รยี นอธิบายเกีย่ วกบั กิจกรรมการการป้องกนั โรคตดิ ต่อทางเพศสมั พนั ธแ์ ละเอดส์ได้ 3. ผูเ้ รยี นสามารถบอกวิธีการการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิดได้ถูกต้อง เนือ้ หา 4.1 ความหมายและความสำคญั เพศศึกษา 4.2 การดแู ลสุขภาพทางเพศ 4.3 การปอ้ งกันโรคติดต่อทางเพศสัมพนั ธ์และเอดส์ 4.4 การวางแผนครอบครวั และการคมุ กำเนิด
60 แนวคิด ในปจั จบุ นั สถานการณโ์ รคติดตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์และการตดิ เชอ้ื เอชไอวี/เอดส์ จากพฤตกิ รรม เส่ียงทางเพศในวยั รนุ่ นบั เป็นปญั หาสขุ ภาพทางเพศท่ีสำคญั ยิ่ง ดังนั้น เน้ือหาในหน่วยท่ี 5 นี้ ประกอบด้วย สว่ นที่ 1. ความหมายและความสำคญั เพศศึกษา ส่วนที่ 2. การดแู ลสุขภาพทางเพศ สถานการณโ์ รคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ สว่ นท่ี 3. โรคตดิ ต่อทางเพศสมั พันธ์ทส่ี ำคญั ในปัจจบุ ัน และ สว่ น ท่ี 4. การวางแผนครอบครวั และการคมุ กำเนิด เพื่อให้นสิ ิตมีความรคู้ วามเขา้ ใจและสามารถความรู้ นำไปใชป้ ระโยชนใ์ นการดูแลสุขภาพทางเพศของตนเองเพื่อสรา้ งเสริมสุขภาวะทางเพศ ลดภาวะทีจ่ ะ นำไปสกู่ ารมีเพศสัมพนั ธ์ทไ่ี ม่ปลอดภัยและการเกิดโรค สามารถวางแผนครอบครัวและร้จู กั วธิ กี าร คุมกำเนิดทีเ่ หมาะสม ตลอดจนป้องกนั การเกดิ ผลกระทบจากการมเี พศสัมพนั ธ์ทไ่ี มป่ ลอดภัยด้วย 4.1 ความหมายและความสำคัญเพศศกึ ษา ความหมายของสุขภาพทางเพศและอนามยั การเจริญพันธุ์ องค์การอนามยั โลก (World Health Organization : WHO, 1975) ไดใ้ ห้คำจํากดั ความของสุขภาพทางเพศ (Sexual Health) วา่ เป็นองคร์ วมของสภาวะทางเพศทง้ั ในมิตขิ องสตปิ ัญญา อารมณ์ สงั คมและร่างกายในลกั ษณะของการส่งเสรมิ คุณภาพของบุคลิกภาพ การตดิ ตอ่ สอื่ สารและความ รัก โดยอนามัยเจริญพนั ธุ์ (Reproductive Health) เกิดจากการประชมุ ระดบั โลกด้านการประชากรและ การพฒั นา ณ กรงุ ไคโร ปี ค.ศ.1994 ไดก้ ่อให้เกดิ ความพยายามสง่ เสรมิ ให้ความสำคัญกบั อนามยั เจรญิ พันธ์ สิทธทิ างเพศ สทิ ธอิ นามยั เจริญพนั ธ์ของผู้หญงิ เนื่องจากเหน็ วา่ สุขภาพทางเพศของสตรมี ี ความสัมพนั ธก์ ับคุณภาพชีวิตประชากรและสขุ ภาพของสงั คม ประเทศตา่ ง ๆได้พยายามใหค้ วามสำคัญ ต่อการพัฒนาที่เน้นคนเปน็ ศนู ย์กลาง โดยยดึ หลกั ดงั น้ี (เออ้ื มพร ทองกระจาย, 2542 อา้ งใน สุทธพิ ร บญุ มาก, 2548) 1. มนุษย์ทกุ คนจะต้องมสี ทิ ธแิ ละเสรภี าพพน้ื ฐานทเี่ ท่าเทยี มกนั ในความเป็นมนษุ ย์ 2. ประชากรทกุ คนจะตอ้ งมพี ลงั อำนาจเพือ่ เพมิ่ ศักยภาพของตน 3. สทิ ธสิ ตรีคอื สิทธิมนุษยชน 4. บรุ ษุ จกั ต้องมีความรักผิดชอบร่วมกนั กบั สตรีในทุกด้านอยา่ งเทา่ เทียมและใหค้ วาม เคารพซ่งึ กันและกนั และ 5. สขุ ภาพและการศกึ ษาถือเปน็ หัวใจหลกั ในการพัฒนา อนามัยการเจรญิ พนั ธ์ุ (reproductive health) ใน พ.ศ. 2540 กระทรวงสาธารณสขุ ไดป้ ระกาศ นโยบายอนามยั การเจรญิ พันธุ์ โดยให้คำนิยามใหม่ใหเ้ ขา้ ใจได้ง่ายข้ึนวา่ “ภาวะความสมบรู ณ์ แข็งแรง ของร่างกายและจิตใจที่เปน็ ผลสมั ฤทธิ์อันเกดิ จากกระบวนการและหน้าทีข่ องการเจริญพันธท์ุ ่ีสมบูรณ์ ของท้งั ชายและหญงิ ทกุ ช่วงอายขุ องชีวิตซ่งึ ทำใหเ้ ขาเหลา่ นน้ั สามารถมีชวี ิตอย่ใู นสงั คมได้อยา่ งมี ความสขุ ” คำนิยามของอนามัยการเจรญิ พันธ์ุ เหมือนกับของสขุ ภาพอนามยั แต่เปน็ เรื่องของระบบ สบื พนั ธุ์ ทั้งในดา้ นหนา้ ท่กี ระบวนการเจริญพนั ธ์ุ และพฤตกิ รรมทางเพศที่รบั ผดิ ชอบ ประกอบดว้ ย ปัจจัยพน้ื ฐาน 3 อย่าง คอื
61 - มคี วามสามารถ (ability) ในการจะมีบุตรและควบคุมการเจรญิ พันธ์ุของตนเอง มีเสรภี าพที่จะ เลอื กวา่ จะมีบุตรเมอื่ ไร ถหี่ ่างเทา่ ไร ตลอดจนมคี วามพึงพอใจในเพศสมั พนั ธ์ - ประสบผลสำเรจ็ (success) โดยมีอตั ราตายของมารดาและทารกตำ่ ลูกเกดิ รอด แม่ปลอดภยั ลกู ท่เี กดิ มาได้รบั การพฒั นาใหส้ มบรู ณ์ทง้ั รา่ งกายและจติ ใจ - ปลอดภยั (safety) มโี อกาสเลอื กวธิ ีคุมกำเนดิ ท่ีปลอดภยั มปี ระสทิ ธภิ าพ ราคาถกู รวมทัง้ มี สทิ ธิทจ่ี ะได้รับบรกิ ารทางการแพทยท์ ่ที ำใหผ้ ูห้ ญงิ มีความปลอดภัยในด้านการต้งั ครรภ์ การคลอดบุตร และบตุ รทเ่ี กดิ มามีความแขง็ แรงสมบูรณ์ รวมทั้งมชี ีวิตทางเพศทปี่ ลอดภยั คำว่า “สุขภาพอนามัยการเจรญิ พันธ์”ุ หรือ “อนามยั การเจริญพันธ”์ุ ไม่ใช่เปน็ คำใหม่ หรือ เร่ืองใหม่ แต่เป็นคำที่มใี ช้ในวงการแพทย์และสาธารณสุขนานแลว้ ในปี 2537 มกี ารประชมุ นานาชาตวิ า่ ดว้ ยเรอื่ งประชากรและการพฒั นา (International Conference on Population and Development หรอื ICPD) ซ่ึงเปน็ การประชมุ ประชากรโลกครง้ั ลา่ สุด ณ กรงุ ไคโร ประเทศอยี ิปต์ ไดม้ ีการหยิบยกเอา เรอ่ื งอนามัยการเจริญพันธ์ุขึ้นมาเป็นหวั ขอ้ สำคัญทที่ ุกประเทศท่วั โลกนำไปพจิ ารณาดำเนินการตามมติ ของท่ีประชมุ เกี่ยวกับแผนปฏิบตั กิ ารเพ่อื การพัฒนาประชากร รฐั บาลไทยสง่ ผู้แทนเขา้ ร่วมประชุมและตก ลงที่จะพฒั นาคุณภาพประชากรให้มีอนามัยการเจรญิ พนั ธทุ์ ด่ี ี โดยประกาศนโยบายอนามัยการเจรญิ พนั ธุ์ วา่ คนไทยทุกคนทงั้ หญิงและชายทกุ กลุม่ อายตุ ้องมีอนามยั การเจรญิ พนั ธุ์ท่ดี ี ดงั น้ี สิทธิอนามัยเจรญิ พันธุ์ (reproductive rights) คอื สทิ ธทิ ่ีถกู ระบุไว้แลว้ ในกฎหมายและ ขอ้ ตกลงต่าง ๆ ทง้ั ในระดับประเทศและนานาชาติ เป็นสทิ ธพิ ืน้ ฐานของบุคคลและของคู่สมรส ประกอบดว้ ยสิทธิมนษุ ยชน 12 ประการ - สิทธใิ นชวี ิต - สิทธใิ นเสรภี าพและความปลอดภัยของบุคคล - สทิ ธใิ นความเสมอภาคและความเป็นอิสระจากการเลอื กปฏิบัตใิ นทกุ รปู แบบ - สทิ ธใิ นความเป็นสว่ นตัวสทิ ธิในเสรีภาพแหง่ ความคดิ - สทิ ธใิ นการไดร้ ับขอ้ มูลข่าวสารและการศกึ ษา - สทิ ธิในการเลอื กวา่ จะสมรสหรือไม่ - สทิ ธิในการวางรากฐานและการวางแผนครอบครัว - สิทธิในการตดั สนิ ใจวา่ จะมบี ตุ รหรือไม่ และจะมเี มอ่ื ใด - สิทธิในการดแู ลและป้องกนั สขุ ภาพ - สิทธใิ นการได้รับประโยชนจ์ ากความกา้ วหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร์ - สิทธใิ นเสรีภาพในการชุมนุมและการมีส่วนร่วมทางการเมือง - สิทธิในการปลอดจากการถูกทารณุ กรรมและการปฏิบัตมิ ิชอบ ดังน้ัน สุขภาพทางเพศและอนามัยเจริญพนั ธ์ จงึ เป็นสิง่ ทนี่ สิ ิตทกุ คนพงึ ร้แู ละเขา้ ใจ ในประเทศ ไทยขอบเขต ของอนามัยการเจรญิ พนั ธ์ุ ประกอบด้วย 10 เรอ่ื ง ดังนี้
62 1. การวางแผนครอบครวั เพ่ือสนับสนุนให้คนไทย มขี นาดครอบครวั ท่เี หมาะสมตามความตอ้ งการ หรือศกั ยภาพของแต่ละครอบครวั 2. การอนามยั แม่และเดก็ เพือ่ ดูแลสุขภาพของหญงิ ทง้ั ก่อนการตง้ั ครรภ์ ระหวา่ งการตง้ั ครรภ์ และหลงั คลอด เพ่ือใหแ้ ม่มีการตัง้ ครรภ์และการคลอดทป่ี ลอดภัย พรอ้ มท้ังมีลูกทีส่ มบรู ณแ์ ข็งแรงและ ไดร้ ับการเลย้ี งดอู ยา่ งมคี ุณภาพ 3. โรคเอดส์ ให้ความรู้ ให้คำปรกึ ษาแก่ประชาชนท่วั ไป โดยเฉพาะผทู้ ีม่ ีปัจจยั เสยี่ งต่อการเกดิ โรค ตลอดจนควบคุมป้องกันและใหก้ ารรักษาแก่ผู้ที่เป็นโรค 4. มะเรง็ ระบบสบื พันธุ์ เฝา้ ระวงั ผู้ทีม่ ีปัจจัยเส่ียงต่อการเกิดโรค ใหค้ วามรู้และใหบ้ รกิ ารตรวจ วนิ ิจฉัยโรคอย่างรวดเร็วและถูกต้อง 5. โรคติดเชอ้ื ในระบบสบื พนั ธุ์ ควบคมุ ป้องกนั และรักษาโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ และโรคติด เช้ืออน่ื ๆ ของระบบสบื พนั ธุ์ 6. การแท้งและภาวะแทรกซ้อน ป้องกนั และดูแลรกั ษาภาวะแทรกซ้อนทเี่ กิดจากการแท้งได้อย่าง เหมาะสม รวมท้ังจัดให้มกี ารแทง้ ทป่ี ลอดภัย และสามารถเขา้ ถงึ บริการนน้ั ด้วย 7. ภาวะการมบี ตุ รยาก ใหค้ วามรู้ ใหค้ ำแนะนำ และใหก้ ารปรึกษา ตลอดจนการให้ บรกิ ารแก่ผู้ท่ี มภี าวะการมบี ุตรยากต้ังแต่แรก 8. เพศศึกษา ใหค้ วามรู้ และให้การปรกึ ษา ที่เก่ียวข้องกบั เรอื่ งเพศศึกษาแก่ประชากรทุกกลุ่มอายุ ส่งเสรมิ การมีเพศสัมพันธท์ ป่ี ลอดภยั และการมีความสัมพันธ์ระหวา่ งเพศอย่างเหมาะสม 9. อนามยั วยั รนุ่ ให้ความรแู้ ละให้คำปรกึ ษา ในเรื่องเพศศกึ ษา บทบาทหญงิ ชาย การมี เพศสัมพันธอ์ ย่างรับผิดชอบและปลอดภยั เพื่อปอ้ งกนั การตง้ั ครรภ์อนั ไม่พึงประสงค์ และปอ้ งกัน โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ รวมท้ังการให้บรกิ ารอนามยั การเจรญิ พนั ธอ์ุ ย่างเปน็ มติ ร และตามความ ตอ้ งการของวัยรนุ่ 10. ภาวะหลังวยั เจริญพันธ์ุและผสู้ งู อายุ ให้ความรูแ้ ละคำแนะนำในการปฏบิ ัตติ น เพ่อื ให้ ประชากรกล่มุ น้ีมสี ุขภาพดี ใชช้ วี ิตยนื ยาว และใชช้ วี ิตให้เป็นประโยชน์แกส่ งั คมและครอบครัว ในบทน้ี จึงจะกลา่ วถึงสขุ ภาพทางเพศและอนามยั เจรญิ พนั ธ์ท่ีเกยี่ วเน่ืองตามขอบเขตของ อนามัยการเจรญิ พนั ธ์ุของประเทศไทย ดังน้ี 4.3 การดแู ลสุขภาพทางเพศ 1.1 การดูแลสขุ ภาพทางเพศ สขุ ภาวะทางเพศระดับบคุ คล หมายถึง การทบ่ี ุคคลมคี วามคดิ เชิงบวกต่อเรื่องเพศและ สัมพนั ธภาพทางเพศ สามารถแสดงออกทางเพศและตดั สินใจดว้ ยตนเองโดยอสิ ระและไม่เบยี ดเบียนผู้อน่ื มคี วามเคารพตอ่ วิถีทางเพศท่ีแตกต่างจากตน มีสมั พนั ธภาพทางเพศท่ีปลอดภัยและมคี วามพงึ พอใจ โดย ปราศจากการบงั คบั การเลอื กปฏิบัติ และความรุนแรง สุขภาวะทางเพศระดับสงั คม หมายถึง การท่สี ังคมมอี งคป์ ระกอบทส่ี ร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ ของคนในสงั คมนนั้ ประกอบด้วย การมีรฐั บาลทต่ี ระหนักวา่ สขุ ภาวะทางเพศเป็นสทิ ธิพน้ื ฐานของบุคคล และแสดงความรับผดิ ชอบท่จี ะสนบั สนนุ สุขภาวะทางเพศ โดยกำหนดนโยบายและกฎหมายทคี่ ุ้มครอง
63 สทิ ธิทางเพศของพลเมอื งอย่างชดั เจน การให้การศึกษาเรื่องเพศท่ีเหมาะสมกับวัยและเพศตลอดชว่ งอายุ การมโี ครงสรา้ งพน้ื ฐานทเี่ พยี งพอต่อการใหบ้ ริการทางสงั คมและสุขภาพ การศกึ ษาวจิ ยั และระบบเฝ้า ระวังทีร่ อบดา้ นและเพยี งพอให้เกิดการปอ้ งกนั ปญั หาสุขภาพอยา่ งเหมาะสมและเป็นสังคมท่มี ีวฒั นธรรม แบบเปิดและใหค้ วามสำคญั แกส่ ขุ ภาวะทางเพศของสมาชิกในสงั คม การดแู ลสขุ ภาพทางเพศเพอ่ื ให้มีสขุ ภาวะทางเพศ จงึ มคี วามสำคัญในการใชช้ วี ิตอยา่ งมีความสขุ ปราศจากโรค ตระหนักถึงความสำคัญท่ีจะเรยี นรู้เรอ่ื งเพศ ทำความเข้าใจธรรมชาติทางเพศ มีการปฏิบตั ิ ตวั และมสี ัมพนั ธภาพอยา่ งเหมาะสมกบั บคุ คลตา่ ง ๆ ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ทส่ี อดคล้องกบั วถิ ีชวี ิตของ ตนเอง รู้เท่าทนั เคารพสทิ ธซิ ง่ึ กันและกนั และมคี วามรับผิดชอบต่อพฤตกิ รรมทางเพศของตนเอง อันจะนำไปสู่ สุขภาวะทางเพศ 4.3 การป้องกนั โรคติดต่อทางเพศสมั พันธ์และเอดส์ 4.3.1 สถานการณ์โรคติดตอ่ ทางเพศสมั พันธ์ สำนกั โรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (2558) สรปุ สถานการณโ์ รคติดตอ่ ทางเพศสมั พนั ธท์ ัว่ โลก จากรายงานขององค์การอนามัยโลก ปี พ.ศ. 2551 พบวา่ มีผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพนั ธ์ทั้งหมด 498.9 ลา้ นราย โดยพยาธชิ ่องคลอดมจี ำนวน ผู้ปว่ ยสงู เปน็ อันดบั 1 ขณะทโ่ี รคอน่ื ๆ ก็มแี นวโน้มอัตราป่วยสงู ขนึ้ เชน่ กนั สอดคล้องกับรายงาน สถานการณ์แนวโน้มโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ของศนู ยค์ วบคมุ โรคประเทศสหรัฐอเมรกิ า (Centers for Disease Control and Prevention; CDC) พบวา่ ในปี พ.ศ. 2556 พบวา่ มีผปู้ ว่ ยหนองในเทยี ม คดิ เปน็ 446.6 ต่อประชากรแสนคน หนองใน 106.1 ตอ่ ประชากรแสนคน และซฟิ ลิ สิ 5.5 ตอ่ ประชากรแสนคน ซึง่ ซิฟิลิส เพิม่ ขึ้นถึง รอ้ ยละ 10 เมอ่ื เปรียบเทยี บกับปี พ.ศ. 2555 และสำหรบั สถานการณโ์ รคติดตอ่ ทาง เพศสมั พันธใ์ นประเทศไทย จากรายงานของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข พบวา่ อตั ราป่วยมแี นวโนม้ ลดลงจากอตั ราป่วย 19.49 ต่อประชากรแสนคนในปี 2552 เป็น 18.63 ต่อ ประชากรแสนคนในปี 2556 เมอื่ จำแนกรายโรคพบวา่ หนองในเป็นโรคทพี่ บบอ่ ยท่สี ุด 10.42 ต่อ ประชากรแสนคน รองลงมาได้แก่ ซิฟลิ สิ 3.67 ตอ่ ประชากรแสนคน หนองในเทยี ม 3.07 ตอ่ ประชากร แสนคน แผลริมออ่ น 0.94 และกามโรคของต่อมนำ้ เหลอื งและทอ่ นำ้ เหลือง 0.54 ตามลำดบั (กรม ควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ , 2557) จะเห็นได้วา่ สถานการณโ์ รคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธย์ งั คงเปน็ ปญั หาสำคัญของประเทศไทย เพราะการติดโรคทางเพศสัมพันธน์ ้ันได้ช้ีใหเ้ หน็ ถงึ การมีเพศสัมพันธ์ทีไ่ มป่ ลอดภยั ซงึ่ เปน็ ปจั จัยเส่ยี งทที่ ำ ให้เกดิ การติดเช้ือและการแพร่ระบาดของการตดิ เชื้อเอชไอวี/เอดส์ ซงึ่ เปน็ โรคทท่ี ำให้เกดิ การสญู เสียทาง เศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยเป็นอยา่ งมาก พบว่า ผปู้ ว่ ยโรคตดิ ต่อทางเพศสมั พนั ธจ์ ะมโี อกาสติด เช้อื เอชไอวีจากการมีเพศสมั พนั ธท์ ี่ไม่ปลอดภยั มากกวา่ ผทู้ ไี่ มป่ ่วยด้วยโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธป์ ระมาณ 3-5 เทา่ และที่สำคัญคือ พบผปู้ ว่ ยสงู ทีส่ ดุ อยใู่ นกลมุ่ อายุ 15-24 ปี ซ่ึงเป็นเยาวชนและอยู่ในวยั เรยี นใน สดั ส่วนทีม่ ากทสี่ ดุ และยงั คงมแี นวโน้มสูงข้ึนตอ่ ไป ดังน้ัน การดูแลรกั ษาและการป้องกันควบคุม
64 โรคติดต่อทางเพศสัมพนั ธ์จึงเปน็ เรอ่ื งสำคัญท่ีจะช่วยลดการแพรก่ ระจายเช้อื เอชไอวีไดอ้ กี ทางหนึง่ (สำนกั โรคเอดส์ วัณโรค และโรคตดิ ต่อทางเพศสัมพนั ธ์ กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข, 2558) 4.3.2 โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ (Sexually transmitted infections; STIs) เกดิ จากการตดิ ตอ่ ผ่าน ทางเพศสัมพนั ธ์ ไมว่ า่ จะเปน็ การร่วมเพศทางช่องคลอด ทางปาก หรอื ทางทวารหนกั กับผู้ที่เปน็ โรคหรอื ผูต้ ดิ เชื้อ โรคติดต่อทางเพศสัมพนั ธ์ 5 โรคหลกั ได้แก่ ซฟิ ลิ สิ หนองใน กามโรคของต่อมและทอ่ นำ้ เหลือง หนองในเทยี มและแผลริมออ่ น ส่วนโรคติดตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์อ่ืน ๆ ไดแ้ ก่ เรมิ ท่ีอวยั วะเพศและทวาร หนัก หูดอวัยวะเพศและทวารหนัก พยาธชิ ่องคลอด (สำนกั โรคเอดส์ วณั โรค และโรคตดิ ตอ่ ทาง เพศสมั พนั ธ์ กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข, 2558) ซ่ึง STIs สามารถติดตอ่ จากบคุ คลหนึ่งไปสู่ บุคคลอืน่ ๆโดยการมีเพศสมั พนั ธท์ มี่ ภี าวะเสี่ยงหรือไมใ่ ช้ถงุ ยางอนามัย และมักพบว่ามอี าการเหลา่ น้หี ลัง การมเี พศสมั พันธท์ เ่ี ส่ยี งแล้ว ไดแ้ ก่ มีปัสสาวะแสบขัด มีหนองหรือมูกปนหนอง มีผ่นื แผล ฝี หรือตุ่มขน้ึ บรเิ วณอวัยวะเพศ มีมกู ใสไหลออกมาหลงั การมเี พศสมั พนั ธ์ หรือมีขาหนบี บวม ซึง่ เปน็ อาการทสี่ งสัยได้ วา่ อาจติดโรคตดิ ต่อทางเพศสมั พันธ์แลว้ โดยในหน่วยนจี้ ะอธบิ ายสาระสำคัญของโรคตดิ ต่อทาง เพศสัมพนั ธ์ 5 โรคหลกั ไดแ้ ก่ ซฟิ ลิ ิส หนองใน กามโรคของตอ่ มและท่อน้ำเหลือง หนองในเทียมและแผล ริมออ่ น รวมทัง้ การติดเชอื้ เอชไอว/ี เอดส์ (1) ซฟิ ลิ สิ (Syphilis) เกดิ จาก: เชือ้ แบคทเี รยี ทริพโพนิมา พอลลิดัม (Treponema pallidum) อาการ: ในผู้ชาย มีแผลทอ่ี วยั วะเพศ มีผื่นขน้ึ ทวั่ ตวั ฝา่ มือ ฝ่าเทา้ หากไมไ่ ดร้ ับการรกั ษาโรคจะ ลกุ ลามทำลายอวยั วะสำคัญของร่างกาย เชน่ หัวใจ หลอดเลือด สมอง กระดกู ทำให้พกิ ารและตายได้ ใน ผหู้ ญงิ ปสั สาวะขัด และเจ็บอวยั วะเพศขณะรว่ มเพศ แบ่งออกเป็น 3 ระยะโรค ระยะแรก: สังเกตได้จากการมแี ผล อาจเปน็ แผลเด่ยี วหรือหลายแผลได้ ระยะเวลาต้งั แต่ติดโรค จนเกิดอาการใช้เวลานาน 10-90 วัน แผลไมน่ ่มิ กลม ขนาดเลก็ ไมเ่ จ็บ ขอบยกนนู แข็ง เรยี กแผลรมิ แขง็ โดยแผลทเี่ กิดนน้ั จะมเี ช้ือท่ีเข้าสู่รา่ งกาย และแผลจะอยนู่ าน 3-6 สปั ดาห์ หลงั จากน้นั จะหายไปเองโดย ไมร่ ักษา แมไ้ ด้รบั การรักษาแตร่ กั ษาไมถ่ ูกต้อง รกั ษาไม่ครบก็จะเข้าสซู่ ฟิ ิลิสระยะทส่ี อง ระยะท่ีสอง: จะมผี น่ื ตามผิวหนงั และเยื่อบุ ผ่ืนเกดิ ตามรา่ งกายหน่งึ หรือสองแหง่ ไมค่ ัน อาจเกิด ขณะท่แี ผลท่ีรมิ แข็งกำลงั จะหายหรอื หลังจากหายไปแลว้ 2-3 สปั ดาห์ ผน่ื มีลักษณะสแี ดง หรอื จดุ น้ำตาล แดง อาจเกดิ ทฝี่ ่ามือ และฝ่าเทา้ แตผ่ ืน่ อาจเกิดบริเวณอ่นื และมีลักษณะคลา้ ยโรคอ่ืน บางคร้งั ผ่ืนเปน็ จางๆ ทำใหไ้ ม่ไดส้ งั เกต อาการอื่นท่ีอาจเกิดไดแ้ ก่ มไี ข้ ตอ่ มน้ำเหลอื งโต เจบ็ คอ ผมรว่ งเป็นหยอ่ มๆ ปวด ศีรษะ น้ำหนกั ลด ปวดกลา้ มเนอื้ ไม่มแี รง อาการของระยะนจ้ี ะหายไดเ้ อง ระยะแฝง และระยะสุดทา้ ย: ระยะแฝงเรม่ิ ตน้ หลังจากอาการระยะหนึ่งและระยะทส่ี องผา่ นไป แล้ว หากไมไ่ ดร้ บั การรักษาเช้อื จะยงั คงอยใู่ นร่างกายแม้จะไมแ่ สดงอาการ ระยะแฝงของซิฟิลิสจะอยูน่ าน หลายปี สว่ นหน่ึงจะเข้าระยะสดุ ท้ายของโรคซฟิ ลิ สิ และแสดงอาการโดยเช้ือจะคอ่ ยๆ ทำลายอวยั วะ
65 ภายใน ไดแ้ ก่ สมอง เสน้ ประสาทตา หัวใจ เส้นเลอื ด ตับ กระดกู ขอ้ อาการและอาการแสดงของโรค ระยะท้ายอาจมตี ้งั แตก่ ารเคลอื่ นไหวของกลา้ มเนื้อไมส่ ัมพนั ธก์ นั อมั พาต ชา ตาบอด สมองเสื่อม และ อาจรุนแรงจนถงึ ข้นึ เสยี ชีวิต (2) หนองใน (Gonorrhea) เกิดจาก: เช้ือแบคทีเรีย นิสเซอร์เรีย โกโนเรีย (Neisseria gonorrhoeae) อาการ: ในผชู้ าย ปัสสาวะขดั แสบ พบมีหนองไหลจากท่อปัสสาวะ เปน็ ฝีท่อี วัยวะเพศ หรอื อณั ฑะอักเสบ ในผูห้ ญิง ตกขาวมีกลิน่ เหมน็ ไม่คนั มีอาการอักเสบท่ีท่อปสั สาวะ ปากมดลูกและทวาร หนกั (3) กามโรคของตอ่ มและท่อนำ้ เหลืองหรอื เรียกวา่ โรคฝมี ะมว่ ง (Lymphogranuloma Venereum: LGV) เกดิ จาก:เชื้อแบคทีเรีย คลามัยเดยี แทรคโคโมตสิ (Chlamydia trachomotis) อาการ: ในผู้ชาย จะมตี มุ่ หรอื แผลตน้ื ๆเป็นแผลเจบ็ เกิดขึ้นท่ีอวยั วะเพศ ตอ่ มนำ้ เหลอื งทข่ี าหนบี จะบวม (4) หนองในเทียม (Nongonococcal urethritis) เกิดจาก: ส่วนใหญ่เกดิ จาก เช้อื แบคทีเรีย คลามยั เดยี ทราโคโมตสิ (Chlamydia trachomatis) ถงึ รอ้ ยละ 50 ของจำนวนที่เปน็ โรคหนองในเทียมทัง้ หมด อาการ: ในผชู้ าย แสบท่ีปลายทอ่ ปัสสาวะ ปสั สาวะขดั มหี นองไหล หนองมกั เป็นมกุ ใสๆหรือมกู ขุ่น คนั ท่อปสั สาวะ ในผหู้ ญงิ สว่ นมากไมม่ อี าการ สว่ นนอ้ ยมอี าการตกขาว (5) แผลริมออ่ น (Chancroid) เกิดจาก: เชอ้ื แบคทีเรีย ฮีโมฟลิ สั ดคู รอิ ัย (Haemophilus ducreyi) อาการ: ในผู้ชาย จะมีตุ่มหนองเกดิ ขนึ้ ท่ีอวัยวะเพศ มีต่อมน้ำเหลอื งทข่ี าหนีบบวมเปน็ ฝี ในผหู้ ญงิ ตกขาว ปสั สาวะขัด หรือเจ็บเวลาร่วมเพศ (6)การตดิ เชื้อเอชไอว/ี เอดส์ (HIV/: AIDS) การติดเชอ้ื เอชไอว/ี เอดส์ (Human Immunodeficiency Virus: HIV/ Acquired Immunodeficiency Syndrome: AIDS) กอ่ ให้เกดิ สภาวะภมู คิ ้มุ กันบกพร่องในมนษุ ย์ ถา่ ยทอดจาก บุคคลหนึง่ ไปสบู่ คุ คลหนึง่ โดยเพศสมั พนั ธ์ ถึงรอ้ ยละ 80 ส่วนหน่ึงตดิ จากการใช้เขม็ ฉดี ยาร่วมกัน การให้ เลือด การปลูกถา่ ยอวัยวะ การผสมเทียม จากแมส่ ลู่ กู ขณะตง้ั ครรภ์และระยะใหน้ มบตุ ร เกิดจาก: เช้อื ไวรัสเอชไอวไี วรสั (HIV Virus) อาการ: ระยะติดเชือ้ ทไี่ ม่ปรากฏอาการ แบ่งไดเ้ ป็น 2 ระยะคอื 1. ระยะแรกของการติดเชือ้ HIV (acute retroviral syndrome) เปน็ ชว่ งระยะประมาณ 2-6 สัปดาห์ ในระยะนีอ้ าจจะพบอาการ มีไข้ ปวดเมอ่ื ยกลา้ มเน้ือ และอ่อนเพลีย อาจมตี ่อมนำ้ เหลอื งโต
66 บรเิ วณคอ รกั แร้ เจบ็ คอแตไ่ มม่ ีเสมหะ มีผื่นขนึ้ ผวิ หนงั ตามลำตัว เบอื่ อาหาร อุจจาระรว่ ง อาการจะ หายไปเมอ่ื ระดับของแอนตบิ อดี (antibody) ต่อเชือ้ HIV เร่ิมสงู ขึน้ ในระยะนีจ้ ะตรวจไม่พบ anti-HIV ในเลอื ด ซึ่งเรยี กว่า window period จะใชเ้ วลาประมาณ 2-3 เดือน 2. ระยะท่สี องเป็นระยะตดิ เช้อื ทไ่ี ม่ปรากฏอาการแตผ่ ลการตรวจเลอื ดและนำ้ ลายใหผ้ ลบวกตอ่ anti-HIV ระยะมอี าการของโรคเอดส์ อาจเริม่ มีอาการตดิ เชอื้ ราในชอ่ งปากและลำคอ ตอ่ มน้ำเหลืองโต บรเิ วณรกั แร้ คอ ขาหนบี เกิดอาการงูสวัด หรอื แผลลุกลาม มอี าการเรื้อรังต่างๆ เชน่ อจุ จาระรว่ งเรื้อรงั มไี ข้ไมท่ ราบสาเหตุ น้ำหนกั ลด มักมอี าการเรือ้ รังเกิน 1 เดือน และมกี ารติดเช้อื ฉวยโอกาส เชน่ โรคปวด บวมจากเช้ือนวิ โมซสิ ตสิ คารนิ ไิ อ (Pneumocystis carinii) วัณโรคที่ดอ้ื ตอ่ ยาปฏิชวี นะ รวมทง้ั โรคเยือ้ หุ้มสมองอักเสบจากเชือ้ ราเปน็ ตน้ ขนั้ นี้เรียกว่ามีอาการเอดส์ เนอ่ื งจากไวรัสเอชไอวจี ะทำลายสขุ ภาพ อยา่ งชา้ ๆ คนที่ตดิ เชื้อจึงอาจไมม่ อี าการเปน็ เวลาถึง 10 ปี หรืออาจนานกว่านัน้ ซึง่ เมื่อถึงขนั้ อาการโรค เอดส์ ผู้ป่วยมกั จะเสยี ชวี ิตภายในเวลา 2-4 ปี การรกั ษาเบือ้ งต้นและแนวทางการปอ้ งกนั สำหรบั โรคตดิ ต่อทางเพศสมั พันธ์ มคี วามสำคัญตอ่ การหยุดยัง้ การแพร่กระจายเชือ้ สามารถอธบิ ายสาระสำคัญดังนี้ การรกั ษาเบอ้ื งต้น: ผู้ทม่ี ีเพศสัมพันธท์ ่ีเสย่ี ง ควรตระหนักถึงอันตราย และมีการใสใ่ จตนเอง สงั เกตอาการผดิ ปกตไิ ด้ เรว็ คือหลังจากเรม่ิ มีอาการสงสัย ให้รีบไปพบแพทย์ เนน้ ตรวจเรว็ รักษาเร็ว โดยการรักษามแี นวทาง ดงั นี้ 1.เนอ่ื งจากการใช้ยา ต้องระมดั ระวงั อย่างมาก จงึ ไมค่ วรซือ้ ยารบั ประทานเอง อาจเกิด ภาวะแทรกซอ้ นจนยากจะเยียวยาได้ 2.ควรไปพบแพทยเ์ พ่ือรับการตรวจวินิจฉัยเพม่ิ เตมิ และได้รบั แนวทางการดูแลรักษาโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธอ์ ยา่ งถกู ต้อง ทงั้ ผตู้ ิดเชอ้ื และค่เู พศสมั พนั ธ์ และตอ้ งรบั ยา (ยาปฏิชีวนะ ยาฆา่ เชอื้ รา ยา ต้านไวรสั ฯลฯ) และมารับการรกั ษาอย่างตอ่ เนอ่ื ง 3.ควรขอรับการให้คำปรกึ ษาเรือ่ งโรคตดิ ต่อทางเพศสมั พนั ธ์ เพ่ือจะไดป้ ฏบิ ัตติ วั ในการดแู ล ตนเอง การ ปรับเปล่ียนพฤติกรรม และมีเพศสัมพนั ธ์ทป่ี ลอดภยั
67 แนวทางการปอ้ งกัน เน่อื งจากเปน็ โรคทต่ี ิดต่อจากบุคคลหนง่ึ ไปยงั บุคคลอน่ื ไดโ้ ดยการมีเพศสัมพันธ์เปน็ หลัก และ อาจมชี อ่ งทางอนื่ ที่สัมผสั สง่ิ คดั หล่ัง บาดแผล เลือด ฯลฯ การป้องกนั สามารถทำไดโ้ ดย: 1. ไม่ควรมเี พศสัมพันธก์ ับหญิง/ชายขายบริการ เปล่ียนคู่นอน/พฤตกิ รรมสำ่ สอ่ นทางเพศ หาก เลย่ี งไมไ่ ด้ ควรปอ้ งกนั โดยใช้ถุงยางอนามยั หรือวธิ กี ารทปี่ ลอดภยั ทุกครั้ง ในการมเี พศสมั พันธท์ กุ ชอ่ งทาง หากไมแ่ น่ใจในคเู่ พศสมั พันธ์ของตนเอง 2. หลังมเี พศสมั พนั ธ์ทเี่ สี่ยง หากมอี าการสงสยั ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรบั การตรวจวนิ จิ ฉยั โดยเร็ว 3. พาคู่เพศสมั พนั ธ์ไปรับการตรวจรกั ษาโดยเรว็ 4. พบแพทย์ตามนัดทุกคร้ังและปฏบิ ตั ติ ามคำแนะนำของแพทย์ 5. งดการมพี ฤตกิ รรมเส่ยี งทางเพศ หรือหลกี เล่ียงการไปอยใู่ นสถานการณ์ท่ีอาจนำมาสโู่ อกาส การมีเพศสมั พนั ธ์ เชน่ ด่ืมสุราหนัก เสพยาเสพตดิ ถกู ลอ่ ลวง เทีย่ วเตร่ อยสู่ องตอ่ สองในสถานทเี่ สีย่ งถกู ล่วงละเมดิ และอนื่ ๆ 6. งดร่วมเพศ หากหลีกเล่ียงไมไ่ ดใ้ หใ้ ช้ถุงยางอนามัยทกุ ครงั้ 7. ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ยารักษาควรอยูภ่ ายใต้การควบคมุ ของแพทย์ 8. มที ักษะการปฏเิ สธ และรเู้ ท่าทนั สามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์เสย่ี งต่อการเกิด พฤตกิ รรมเส่ียงทางเพศ 9. รกั ษาความสะอาดร่างกาย สขุ วทิ ยาสว่ นบุคคลและอวยั วะเพศอย่างสมำ่ เสมอ ผลกระทบจากการตดิ โรคติดตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ ผตู้ ิดเชอื้ อาจเปน็ หมนั มีการถ่ายทอดจากแมส่ ู่ ลกู ในครรภ์และเปน็ เหตุทำใหม้ โี อกาสที่จะรบั เช้อื เอชไอวไี ด้ง่าย และเกดิ อนั ตรายถึงแก่ชวี ติ หากไม่ไดร้ บั การรักษาท่ถี กู ตอ้ ง (สำนักโรคเอดส์ วณั โรค และโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ กรมควบคมุ โรค กระทรวง สาธารณสุข,2558; สวุ ทั นา อารพี รรค, 2550) ปีสขุ ภาวะจากการตายกอ่ นวัยอนั ควร (Disability-adjust life years :DALYs) DALYs เป็น ดชั นีวดั สุขภาพแบบองค์รวม ไดแ้ ก่ การพจิ ารณาความสญู เสยี ทเี่ กิดจากการตายกอ่ นวัยอันควรและความ สญู เสยี จากการปว่ ยหรือพิการ จากการสำรวจแตล่ ะคร้ัง พบวา่ การมเี พศสมั พนั ธท์ ไ่ี มป่ ลอดภยั เป็น ปัจจยั เสี่ยงสำคัญอนั ดบั หน่ึงทที่ ำใหป้ ระชาชนไทยสูญเสียปสี ขุ ภาวะ และเมอ่ื ปี 2550 รายงานจาก สำนกั งานนโยบายสขุ ภาพระหวา่ งประเทศ กระทรวงสาธารณสขุ พบวา่ เมือ่ จำแนกตามสาเหตุ การตดิ เชือ้ เอชไอวีและโรคเอดส์เป็นสาเหตุการตายอนั ดบั หนึง่ ของประชากรทง้ั เพศชายและหญิง โดยคิดเปน็ รอ้ ยละ 15.9 และรอ้ ยละ 10.6 ตามลำดับ ในวนั เอดส์โลก (World AIDS Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานวา่ ในปี 2559 ประเทศไทยมผี ตู้ ิด เชอ้ื เอชไอวรี ายใหม่ 6,304 คน ทำใหป้ ัจจุบนั มผี ู้ตดิ เชอื้ เอชไอวสี ะสมมีจำนวน 426,999 คน แนวโน้ม
68 ของผู้ติดเช้อื เอชไอวี ซึ่งสว่ นใหญ่เปน็ วยั แรงงาน อายุ 30-34 ปี และรองลงในชว่ งอายุ 25-29 ปี ถือวา่ ดี ขน้ึ มาก เพราะในปจั จุบนั ประชาชนมีความรูใ้ นการปอ้ งกนั ตวั เองใหป้ ลอดภัยจากการติดโรคทาง เพศสัมพันธ์ ผตู้ ดิ เชอ้ื รายใหมข่ องประเทศไทยกล็ ดลงเม่ือเทยี บกบั เดมิ เพราะว่าประชาชนมคี วามร้แู ล้วก็ รจู้ กั ปอ้ งกนั ตวั เองมากข้นึ วธิ ีการปอ้ งกนั ก็มตี งั้ แตก่ ารใช้ถงุ ยางอนามัย หรืออน่ื ๆ การทว่ี ัยแรงงานเปน็ กลุ่มวัยที่มีตัวเลขผตู้ ิดเชอ้ื มากทสี่ ุดนนั้ ถือวา่ เป็นสถานการณป์ กติ เพราะกล่มุ อายนุ เี้ ปน็ กลุม่ ท่ีมี เพศสัมพันธ์ โดยสาเหตกุ ารติดเช้อื มาจากการมเี พศสัมพนั ธ์ทีไ่ มป่ ลอดภัยมากท่สี ดุ และสาเหตรุ องลงมา คือ การใช้เข็มฉีดยาร่วมกนั ในกลุ่มผูใ้ ชย้ าเสพตดิ อย่างไรก็ตาม แมป้ ระเทศไทยจะมีแนวโน้มลดลง แต่ กรมควบคมุ โรคยังคงเปน็ หว่ งประชาชน โดยเฉพาะช่วงวัยรนุ่ เพราะกลุม่ วัยรนุ่ อาจไมเ่ ข้าใจถึงวธิ ีปอ้ งกนั โรคติดตอ่ ทางเพศทถ่ี ูกตอ้ ง โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 15-20 ปี อาจตดิ เช้ือทางเพศสัมพนั ธ์ เช่น หนองใน เพราะพฤติกรรมอาจตอ้ งระวงั เสย่ี งต่อการตดิ เชอ้ื เอดส์ในอนาคต สำหรบั มาตรการป้องกันและแนวทางในการประชาสัมพนั ธ์ใหป้ ระชาชนตระหนกั ถึงความ อนั ตรายของการตดิ เช้ือเอชไอวี เน้นใหป้ ระชาชนที่มพี ฤตกิ รรมเสย่ี งตรวจเลือด และหากพบวา่ ติดเช้ือให้ รีบเข้าสู่กระบวนการรกั ษา โดยเนน้ หลกั “ตรวจเรว็ รกั ษาเร็ว ยตุ เิ อดส์” เพราะจะยุติปัญหาเร็วไดก้ ต็ ้อง เปน็ เร่อื งของคนทค่ี ดิ ว่าตวั เองมคี วามเส่ียงท่ีจะติดเชอ้ื เอชไอวี ซงึ่ ในปจั จบุ ัน การรกั ษาสามารถรักษาไดใ้ น ระดับเมด็ เลอื ดขาว ปจั จบุ ัน สามารถรักษาได้ตง้ั แต่เนน่ิ ๆ ซึ่งถา้ รักษาเร็ว ผูป้ ่วยก็จะไมม่ ีเชอ้ื ไปแพรค่ น อ่ืน หากผตู้ ดิ เชอ้ื เอชไอวเี ขา้ ส่กู ระบวนการรักษาเร็ว และรบั ยาตา้ นเชื้อเป็นประจำต้ังแต่รบั เช้อื มาใน ชว่ งแรก ก็จะทำให้ผู้ตดิ เชอ้ื สามารถใช้ชวี ติ ปกติใกลเ้ คียงกับผ้ทู ่ีไมไ่ ด้ติดเช้ือได้ ดงั นน้ั หนว่ ยบรกิ าร สขุ ภาพ และโรงพยาบาลท่ัวประเทศ จัดบริการตรวจหาการตดิ เช้อื เอชไอวแี บบทราบผลการตรวจในวัน เดียว (Same day result) ภายใน 1-2 ช่วั โมง ซึง่ ผ้ทู ่มี ีบตั รประชาชนเลข 13 หลักทุกคน สามารถรับการ ตรวจหาการตดิ เช้ือเอชไอวี ฟรี ปลี ะ 2 ครง้ั และรบั การรกั ษาดว้ ยยาตา้ นไวรัสได้ โดยไมเ่ สยี ค่าใช้จา่ ย และส่งเสริมใหม้ กี ารใช้ยาเพรพ็ (PrEP) เป็นทางเลอื กหนึง่ ท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพในการปอ้ งกันการตดิ เชอ้ื เอช ไอวี พร้อมทัง้ ให้โอกาสผู้ท่มี อี ายตุ ำ่ กวา่ 18 ปี รบั บรกิ ารปรึกษาและตรวจหาการติดเชอ้ื เอชไอวฟี รีไดด้ ว้ ย ตนเอง โดยไม่ตอ้ งขอรับการยินยอมจากผู้ปกครอง (Benarnews, 2016) 2. การวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนดิ การวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนดิ มีความสำคญั อยา่ งมากในการเตรียมความพร้อมที่จะมี การสรา้ งครอบครวั ที่ดี มีความราบร่ืนในการใชช้ วี ติ คู่ ท่มี คี วามรกั ความเขา้ ใจซงึ่ กันและกันมเี ปา้ หมาย และค่านยิ มเหมอื นกัน ตลอดจนมีสุขภาวะที่สมบูรณใ์ นทกุ ดา้ น การวางแผนครอบครวั จงึ เปน็ การ ต้งั เปา้ หมายเพือ่ ให้ครอบครัวมีความพรอ้ มในดา้ นตา่ ง ๆ ตงั้ แตก่ ารเลือกค่คู รอง ความพร้อมด้านท่ีอยู่ อาศัยและอาชพี การงาน ความพรอ้ มในการแตง่ งาน การวางแผนทจ่ี ะมีบุตร การคุมกำเนิด การเวน้ ช่วง ระยะหา่ งของการมบี ตุ รที่เหมาะสม เตรียมความพร้อม กำหนดเพศของบตุ ร และการแก้ไขปญั หาการมี บุตรยากหรอื การไมม่ ีบุตร เพ่อื การเปน็ พ่อแม่ทดี่ เี พอ่ื เลย้ี งดบู ุตรให้เปน็ คนดมี ีคณุ ภาพ สง่ ผลตอ่ ความสุข
69 ความเหมาะสมทางสงั คม เศรษฐกิจ ดงั น้ัน การวางแผนครอบครวั เป็นเครอ่ื งมือสำคญั ในการ นำพา ครอบครวั ให้มีความสขุ และเปน็ แหลง่ สร้างคนท่ีมคี ณุ ภาพของสงั คม การวางแผนครอบครัว (Family planning) จึงต้องมกี ารเตรยี มตวั ก่อนสมรส การหาข้อมูล ความรูท้ จ่ี ำเปน็ การตรวจร่างกายกอ่ นแต่งงานเปน็ ส่ิงจำเปน็ ทัง้ ชายและหญิง เพ่ือไมใ่ หเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ ความสมั พนั ธ์ ชีวิตทางเพศ และการมีบุตร ทั้งนห้ี ากพบโรคหรอื ความพิการบางชนิดเปน็ อุปสรรคตอ่ การ รว่ มเพศ การตัง้ ครรภห์ รอื การคลอด นอกจากนีย้ งั มโี รคท่อี าจตดิ ต่อหรือถา่ ยทอดไปถงึ ทารกในครรภอ์ กี ดว้ ย (สวุ ัทนา อารีพรรค, 2550) การคมุ กำเนดิ (Contraception) คือ เทคนคิ หรอื วิธีการทใี่ ช้ในการป้องกันการตง้ั ครรภห์ รือ ขดั ขวางการตั้งครรภ์ โดยอาศัยกลไกในการปอ้ งกนั เชน่ การปอ้ งกนั ไมใ่ หอ้ สจุ กิ ับไข่เกดิ การปฏสิ นธิ การ ป้องกันไม่ให้มกี ารตกไข่ การป้องกันไมใ่ หม้ ีการฝังตวั อ่อนในโพรงมดลกู ของสตรี รวมไปถึงการทำแทง้ เพื่อ นำตัวอ่อนออกจากมดลูก การคุมกำเนดิ จงึ เปน็ การวางแผนครอบครวั อย่างหนง่ึ การคุมกำเนดิ แบ่ง ออกเปน็ การคุมกำเนดิ แบบถาวร และการคุมกำเนิดแบบช่ัวคราว แตล่ ะแบบมีหลากหลายวธิ ดี งั ต่อไปนี้ 1) การคุมกำเนดิ แบบถาวรหรอื การทำหมนั (Permanent contraception or sterilization) การคมุ กำเนิดเพื่อไม่ประสงค์จะมีบตุ รอีก ไดแ้ ก่ การทำหมันหญงิ และการทำหมันชาย ชนิดของกำรคมุ กำเนิด 1.1 การทำหมันหญงิ (Female sterilization or tubal ligation) การทำหมนั หญิง เป็นการคมุ กำเนดิ ถาวรท่ีทำโดยการผา่ ตดั เพอื่ ผูกและตัดท่อนำไขท่ ง้ั สองขา้ ง (tubal ligation and resection) เพ่อื ปอ้ งกนั ไมใ่ ห้ตวั อสุจเิ ดนิ ทางไปปฏสิ นธิกบั ไข่ในท่อนำไขไ่ ด้ การทำ หมนั หญงิ มหี ลายวิธี แตท่ นี่ ยิ มมี 2 วิธี คอื การผา่ ตัดเขา้ ทางผวิ หนงั หน้าทอ้ ง (minilaporotory method) และการใช้กลอ้ ง laparoscope (laparoscopic sterilization) แบง่ ไดเ้ ปน็ 2 ระยะ คอื ระยะหลังคลอดและระยะปกติ - ระยะหลังคลอด (puerperal period) เป็นการทำผา่ ตดั ทำหมนั หลงั คลอดใหม่ๆ ซ่งึ อาจจะเป็น การผ่าตดั ทำหมันทนั ทภี ายหลงั คลอดบุตร (delivery room tubal sterilization) ซ่งึ จะทำไดง้ า่ ย เพราะมดลกู อยู่สูงท่ีระดบั สะดอื แผลผา่ ตัดอยู่ท่ใี ต้ขอบสะดือ ทำให้ทำได้งา่ ย และไม่มีแผลเป็น ใช้ยาสลบ น้อย เพราะได้รับยาระงบั ปวดขณะคลอดอยูแ่ ลว้ สว่ นการทำหมนั ภายหลงั คลอดบุตร 24-48 ช่วั โมง (post-partum tubal resection) ยังเปน็ ช่วงที่มดลูกยังลอยตวั อยู่ และอยูใ่ นระดบั สะดอื หรือต่ำกว่า เลก็ นอ้ ย ทำใหท้ ำผา่ ตัดไดส้ ะดวกและขนาดแผลเล็ก นยิ มเรยี กวา่ “หมันเปยี ก” เนอื่ งจากเป็นชว่ งหลงั คลอดใหมๆ่ ยงั มีน้ำคาวปลาไหลออกมาจากมดลูก - ระยะปกติ (non-puerperal period/ interval sterilization) เรยี กวา่ หมันแห้ง ต้องทำใน โรงพยาบาลจึงไม่ค่อยนยิ มทำ 1.2 การทำหมันชาย (Male sterilization or vasectomy)
70 การทำหมนั ชาย เปน็ การคุมกำเนิดดว้ ยการทำใหท้ ่อน้ำอสจุ ทิ ง้ั สองขา้ งเกิดการอดุ ตนั หรือตดั ไม่ใหเ้ ช่อื มตอ่ กนั (vasectomy) ทำใหต้ ัวอสุจิผ่านไมไ่ ดก้ ารทำหมันชายเป็นวิธที ่ที ำไดง้ า่ ย ปลอดภยั มี ประสิทธิภาพสงู เกือบ 100 เปอรเ์ ซน็ ต์ และมีอาการแทรกซ้อนน้อยมาก การทำหมันชายไม่ใชก่ ารตอน และไมม่ ผี ลตอ่ ลูกอัณฑะ และไม่มีผลกระทบต่อความสามารถทางเพศ การทำหมันชาย สามารถแยก ได้ 2 วิธี คอื การทำหมันชายวธิ ดี ้งั เดมิ และการทำหมนั เจาะ -การทำหมันชายวธิ ีดงั้ เดมิ (conventional technique) เปน็ การผ่าตัดดว้ ยการกรดี ผิวหนงั ท่ี median raphe ยาวไม่เกิน 1 เซนติเมตร แลว้ แหวกเนอ้ื เยอื่ รอบๆท่ออสุจิ แล้วผูกและตดั ท่อนำอสจุ เิ พอื่ ป้องกันไมใ่ หอ้ สจุ ผิ า่ นได้ -การทำหมนั เจาะ (non-scalpel vasectomy technique) เปน็ การตัดทอ่ นำอสุจแิ ทรกทะลุ ผิวหนงั ของถุงอณั ฑะเพอื่ เข้าไปตัดทอ่ นำอสจุ แิ ทนการผา่ ตัดดว้ ยการใชใ้ บมีดทำใหเ้ ป็นแผลเพยี งเลก็ น้อย มภี าวะแทรกซ้อนน้อยกว่าแบบดงั้ เดิม 2) การคมุ กำเนดิ แบบชั่วคราว (Temporary contraception) เปน็ การคมุ กำเนิดเพื่อเว้น ระยะการมบี ตุ ร และสามารถมีบุตรไดเ้ มือ่ เลิกใชแ้ ลว้ ไดแ้ ก่ การคมุ กำเนิดแบบด้ังเดมิ /แบบวธิ ธี รรมชาติ และการคมุ กำเนิดแบบใชย้ าหรอื อปุ กรณ์ 2.1 การคุมกำเนดิ แบบดง้ั เดมิ /แบบวธิ ธี รรมชาติ (Traditional contraceptive methods) ประกอบด้วย 2.1.1 การหล่ังนำ้ อสจุ นิ อก (Coital interruption) หรือ “หล่งั ภายนอก” (withdrawal) การ ร่วมเพศกันตามปกติ ฝา่ ยชายถอนอวัยวะเพศออกจากช่องคลอดก่อนท่จี ะมกี ารหลัง่ นำ้ อสุจิและใหห้ ลง่ั นำ้ อสุจหิ ่างจากบริเวณอวัยวะสบื พันธุ์ภายนอกของฝา่ ยหญงิ เพอ่ื มใิ หต้ ัวอสุจเิ ข้าไปในช่องคลอดได้ ประสิทธิภาพของการคุมกำเนดิ วธิ ีนจี้ ะตำ่ เนื่องจากปกติแลว้ นำ้ เมอื กท่ชี ่วยหล่อล่นื ของผู้ชายอาจมตี ัว อสจุ ิปนอย่พู อสมควร และสว่ นปลายของท่อปสั สาวะกอ็ าจจะมตี วั อสจุ ิอยู่จำนวนไมน่ ้อยท่ีรอการขับออก นอกร่างกาย (วิธนี ้ไี มแ่ นะนำเพราะมโี อกาสในการต้งั ครรภส์ งู ) 2.1.2 การกล้ันไมห่ ลงั่ นำอสจุ ิ (Coital reservation) หมายถงึ การทีฝ่ า่ ยชายควบคุมตนเองมใิ ห้ หล่ังน้ำอสุจิ เม่ือใกล้จะถงึ จุดสุดยอดจะตอ้ งคอ่ ย ๆ บงั คับตนเอง ใหค้ วามต่นื เต้นทางเพศค่อย ๆ ผอ่ น คลายลงจนหมดไป ซ่ึงเปน็ วิธีทท่ี ำได้ยากและมโี อกาสพลาดสงู 2.1.3 การใหน้ มบตุ รในระยะนาน ๆ (Prolonged lactation) จะทำใหช้ ว่ งเวลาขาด ประจำเดือนหลังคลอดบุตร (postpartum amenorrhea) ยาวนานกวา่ มารดาผใู้ ห้นมบุตรในระยะส้นั หรือมารดาทไ่ี มไ่ ด้เลี้ยงบุตรดว้ ยนมมารดาเลย การท่ีลูกดูดนมทำให้ระดับของโปรแลคตนิ กจ็ ะสงู ข้ึนอยา่ ง รวดเร็วและสงู อยูต่ ลอดเวลาที่ถกู กระตุน้ โดยการดูด ระดบั ของโปรแลคตนิ ทส่ี งู จะไปยบั ย้งั การหลัง่ ของ ฮอรโ์ มนกระตุ้นการสร้างไข่ Folicular Stimulating Hormone (FSH) และฮอรโ์ มนกระตนุ้ การตกไข่
71 Lutinizing Hormone (LH) เมอื่ ระดับของ FSH และ LH ลดลงจะมีผลทำให้ไม่มไี ขต่ กและไมม่ ี ประจำเดอื น อย่างไรก็ตามขณะท่ีให้นมบุตรน้ันถึงแม้จะไม่มปี ระจำเดอื น แตก่ อ็ าจมีไขต่ กได้ ฉะน้นั การ ร่วมเพศในระยะนอี้ าจทำให้ตงั้ ครรภ์ได้ 2.1.4 การงดรว่ มเพศบางชว่ งเวลา (Periodic sexual abstinence) เป็นการงดรว่ มเพศใน ช่วงเวลาที่จะตง้ั ครรภไ์ ด้ (fertile period) หรือวันท่ีมีการตกไขข่ องแตล่ ะรอบประจำเดือน หลกั สำคัญ ของวิธกี ารคมุ กำเนิดแบบน้คี อื การหาวนั ท่ีมีการตกไขท่ ่แี นน่ อน เหมาะกบั ผู้ทีม่ ปี ระจำเดือนอย่าง สม่ำเสมอ สามารถคาดระยะเวลาทีจ่ ะเป็นประจำเดอื นครงั้ ตอ่ ไปไดอ้ ย่างแมน่ ยำ ในหน่วยนจี้ ะกล่าวถงึ วิธี ดงั ต่อไปน้ี (1) การคำนวณระยะปลอดภยั จากบนั ทกึ ประจำเดอื น หรอื วิธนี บั วัน (Calendar method, Calendar rhythm, Ogino-Knaus method) ตอ้ งมีปฏทิ ินประจำตัว เปน็ วิธีทงี่ ่ายและสะดวก เหมาะ กับผูห้ ญงิ ท่มี ีประจำเดือนสมำ่ เสมอ (28 วนั ) แต่ช่วงไข่ตกกต็ ้องใชว้ ธิ ีอ่ืนคมุ กำเนดิ การมีเพศสมั พันธ์ช่วง เจด็ วันแรกของการมปี ระจำเดอื นและในช่วงเจด็ วนั ก่อนมปี ระจำเดือนรอบถัดไป จะมโี อกาสตง้ั ครรภ์น้อย กว่าชว่ งระยะเวลาอนื่ ๆ (2) วธิ วี ัดอุณหภมู ขิ องร่างกายหลังตื่นนอน (Basal body temperature: BBT) ควรทำ ติดตอ่ กนั ลว่ งหนา้ 2-3 เดอื นเหมาะกบั ผู้มบี ตุ รยาก วดั อณุ หภมู ริ า่ งกายขณะตนื่ นอนตอนเช้า หลังหลบั สนทิ ติดตอ่ กนั อยา่ งน้อย5ชม. ควรวดั เวลาเดยี วกนั ทุกวนั นำมาplot กราฟทุกวันแล้วแปลผล เม่อื มีการ ตกไข่ร่างกายจะมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงท่ีสดุ จะมีอณุ หภูมริ ่างกายลดตำ่ สุด ก่อนไข่ตกจะมี อุณหภมู ริ า่ งกายต่ำ และตำ่ สดุ เมอ่ื ไขต่ ก หลังไขต่ กจะสงู ขึน้ ดงั นั้น ถา้ ไข่ตกวนั ท่ี 14 ควรมีเพศสัมพนั ธ์ ช่วงวันที่ 12-15 เผ่ือเวลาใหอ้ สุจเิ ดินทางอยา่ งน้อย6 ชม. จึงมโี อกาสตั้งครรภ์สงู นอกจากนวี้ ิธกี ารสังเกต อาการและวัดอณุ หภมู ิ (Sympto-thermal method หรือ STM) ตอ้ งวัดอุณหภูมิร่างกายทุกวนั ในชว่ ง เวลาเดยี วกันและในตำแหนง่ เดิม เพ่ือจะไดร้ วู้ ันไขต่ กที่แนน่ อน เพราะในระยะหนง่ึ ถึงสองวนั หลงั ไขต่ ก อุณหภมู ิของร่างกายจะขน้ึ สูงมากกวา่ 0.2 องศา ซ่งึ น่ันกค็ ือเป็นทปี่ ลอดภยั ข้อดีก็คือไมเ่ จบ็ ปวดและ ประหยดั ข้อเสยี คือ เหมาะสำหรบั ผหู้ ญิงมีรอบเดือนสมำ่ เสมอและไม่มไี ข้เท่านน้ั (3) วธิ ีสังเกตมกู ปากมดลกู (Cervical mucous method, Ovulatory method, Billings method) เปน็ วธิ คี ุมกำเนิดอย่างธรรมชาตแิ ละเปน็ วธิ ีที่ประหยดั โดยผหู้ ญิงต้องสงั เกตมกู ตกขาวจาก ปากมดลูก (Cervical Mucus) ทกุ วนั และจดโน้ตไว้เพอ่ื ดวู นั ทไ่ี ข่ตกและในระหว่างทม่ี ีการตกไข่กต็ อ้ ง คุมกำเนิดดว้ ยวธิ ีอืน่ แต่อาจคลาดเคลื่อนไดห้ รอื แปลผลผิด เชน่ ในกรณีทีม่ กี ารตดิ เช้ือหรอื อักเสบของ ช่องคลอด (4) วิธคี าดคะเนวนั ไข่ตก (Predictable ovulation method) เปน็ วิธีทดสอบปสั สาวะของ ผหู้ ญิงโดยการใชแ้ ทง่ ตรวจจุ่มลงไปในปัสสาวะเพอื่ ตรวจสอบฮอรโ์ มนในปัสสาวะและคำนวณวนั ทไ่ี ขจ่ ะ
72 ตก แตเ่ ปน็ วธิ ีทไ่ี ม่คอ่ ยปลอดภยั เพราะวดั เพียงไมก่ วี่ นั ของแต่ละเดอื น ส่วนใหญใ่ ชใ้ นกรณีตอ้ งการมีบตุ ร มากกวา่ คือรูว้ นั ตกไข่เพื่อมเี พศสมั พันธ์ใหต้ รงวนั + 2.2 การคมุ กำเนดิ โดยการใช้ยาหรือใช้อปุ กรณ์ (Barrier contraceptive methods) 2.2.1 ยาเม็ดคุมกำเนดิ (Contraceptive pills) เป็นยาเมด็ ทีฝ่ า่ ยหญิงใชก้ นิ ทกุ วนั เพ่อื ปอ้ งกนั การตั้งครรภ์ ปัจจบุ นั มกี ารสังเคราะห์ฮอร์โมนชนดิ ใหม่มกี ารลดขนาดของฮอรโ์ มนยาเมด็ คุมกำเนดิ และ การหาสูตรผสมที่แตกตา่ งกนั ไป ทงั้ นมี้ จี ุดมุง่ หมายเพื่อทจ่ี ะใหไ้ ด้ยาท่มี ีประสทิ ธิภาพในการป้องกันการ ตั้งครรภส์ งู สดุ โดยมผี ลขา้ งเคียงน้อยทสี่ ุดทัง้ ผลทางดา้ นคลินกิ และผลเก่ียวกับชวี เคมีตลอดจน กระบวนการเมตาโบลิซมึ ตา่ ง ๆ สว่ นผสมของฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน) มี คุณสมบตั ชิ ว่ ยปอ้ งกนั การต้งั ครรภโ์ ดยยับยัง้ การตกไข่ ทำใหเ้ ยอ่ื บโุ พรงมดลูกมีสภาพไม่พรอ้ มตอ่ การฝงั ตัวของตัวอ่อน และทำให้มกู ท่ีปากมดลกู มคี วามเหนยี วข้นขึน้ จนเป็นอุปสรรคตอ่ การเคล่อื นตวั ของอสุจิ ให้ไม่สามารถเข้าไปปฏสิ นธิกับไขไ่ ด้ ซ่งึ ยาเมด็ คุมกำเนดิ ที่ใชก้ นั อยู่ในปัจจุบนั จะมี มีทงั้ แบบฮอร์โมนรวม ฮอรโ์ มนเดี่ยว และยาเม็ดคมุ กำเนิดฉุกเฉิน ดงั นี้ 1. ชนิดท่ีมีฮอร์โมนรวม (combined form) ยาแต่ละเมด็ มฮี อรโ์ มน 2 ชนิดรวมกนั คอื มีทง้ั เอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน มีทัง้ ชนดิ ทีฮ่ อรโ์ มนเทา่ กันทกุ เมด็ และชนิดทฮี่ อร์โมนไม่เทา่ กนั ทุกเม็ด แบบ 2 ช่วง และแบบ 3 ช่วง โดย 2 แบบหลงั ลดขนาดของโปรเจสโตเจน เพื่อลดผลข้างเคียงทางเมตาโบ ลิซมึ 2. ชนดิ ท่ีฮอรโ์ มนตัวเดียว (progestogenonly pills, estrogen-free pills) ไดแ้ ก่ minipill ประกอบด้วยโปรเจสโตเจนขนาดน้อย ๆ เท่ากันทกุ เม็ด รบั ประทานติดต่อกนั ทุกวนั ยากลุ่มน้ีมี ประสิทธภิ าพในการป้องกนั การตกไข่ได้ร้อยละ 50 ถ้าต้งั ครรภ์จะมอี ุบัตกิ ารณต์ ัง้ ครรภ์นอกมดลูกเพมิ่ เล็กน้อย และมเี ลือดออกกะปรดิ กะปรอยระหวา่ งใช้ยาน้ี ไดบ้ ่อย ดังนน้ั จงึ เลอื กใชเ้ ฉพาะในกรณีที่มขี อ้ ห้ามในการใช้เอสโตรเจนหรือกรณีทร่ี ับประทานยาชนดิ ฮอรโ์ มนรวมแล้วมีอาการคลนื่ ไสอ้ าเจยี นมาก และกรณีที่เลย้ี งลกู ด้วยนมมารดาเพราะไม่ทำใหน้ ำ้ นมแหง้ ปัจจุบนั มียาคมุ กำเนิดชนดิ ฮอร์โมนเด่ียวชนดิ ใหมท่ ีม่ โี ปรเจสโตรเจนซ่งึ สามารถยบั ย้ังการตกไขไ่ ดส้ ูงถงึ รอ้ ยละ 97 ยาคมุ กำเนิดทนี่ ิยมใช้มากทสี่ ดุ คือ ฮอรโ์ มนรวมชนดิ monophasic เป็นยาคุมกำเนิดท่ีมี ปรมิ าณฮอร์โมนในแต่ละเม็ดเทา่ กันทกุ เมด็ ยาคมุ กำเนดิ ในปจั จบุ นั ท่ีมขี ายในรา้ นขายยาท่ัวไปจะมี ปรมิ าณฮอรโ์ มนรวมในปริมาณต่ำ มีประสทิ ธิภาพในการคมุ กำเนิดสงู และยังมคี ณุ สมบตั ิพิเศษเพม่ิ ในบาง ชนดิ คือ รักษาสิว รกั ษากลมุ่ อาการกอ่ นมปี ระจำเดือน เชน่ ปวดท้องน้อย ตึงคดั เตา้ นม เจ็บเตา้ นม ทอ้ งอดื บวม หงุดหงิดและซมึ เศรา้ และไม่มผี ลกระทบตอ่ นำ้ หนักตัว วิธรี ับประทาน
73 1. ยำเมด็ คมุ กำเนิดแบบฮอร์โมนรวม ให้เรมิ่ รับประทานยาเม็ดแรกภายในวนั ท่ี 1-5 ของรอบ เดอื น (นบั จากวนั แรกท่ีมีประจำเดือน) กนิ ยาเรยี งไปตามลกู ศรวันละ 1 เมด็ หลงั อาหารหรือก่อนนอนทกุ วันในเวลาใกล้เคียงกันจนหมดแผง ชนดิ 28 เมด็ หรอื ชนดิ 24+4 เม็ด ให้รบั ประทานจนหมดแผงแล้ว เริ่มแผงใหมท่ นั ทโี ดยไมต่ ้องรอให้ประจำเดือนมาหรือไม่ส่วนชนดิ 21-22 เมด็ รับประทานหมดแล้วให้ หยุดยา 7 และ 6 วนั (รวมกนั เป็น28 วัน) แลว้ จึงเร่มิ ยาแผงใหม่ การลมื กินยา หากลืมกนิ ยา 1 เมด็ ให้กินทันทีทน่ี กึ ไดแ้ ลว้ กนิ ตอ่ ไปเวลาเดมิ หากลมื กนิ ยา 2 เมด็ ให้กิน 1 เม็ดหลังอาหารเช้า 2 วัน และกนิ หลงั อาหารเย็นหรือก่อนนอนตามเดมิ และอาจจะเกิด เลอื ดออกกะปริดกะปรอย ควรใชถ้ ุงยางอนามยั ร่วมดว้ ยเม่ือมเี พศสัมพนั ธใ์ นรอบเดอื นนน้ั หากลมื รับประทานยามากกวา่ 2 เม็ด ให้หยดุ ยา ในระหวา่ งนี้ให้คุมกำเนิดโดยใชถ้ ุงยางอนามัย และเรม่ิ รบั ประทานยาแผงใหม่เมื่อมปี ระจำเดือนมา หากไม่มีประจำเดือนให้ปรกึ ษาแพทย์ 2. ยำเม็ดคุมกำเนดิ ชนดิ ฮอรโ์ มนเด่ียว เริ่มรับประทานภายในวนั ท่ี 1-5 ของรอบประจำเดือน เช่นกนั รบั ประทานครง้ั ละ 1 เมด็ หลังอาหารเยน็ รับประทานตดิ ตอ่ กนั โดยไม่ตอ้ งหยดุ ยาเลยจนหมดแผง 28 เม็ด แลว้ รบั ประทานแผงใหมต่ อ่ ได้เลย ไม่ควรรับประทานยาชา้ กวา่ เวลาท่ีกำหนดเกนิ 3 ชัว่ โมง เพราะจะทำให้ประสทิ ธิภาพลดลง สำหรบั ยาคุมกำเนิดยหี่ อ้ ซรี าเซท (cerazette) สามารถรับประทาน ยาไดล้ า่ ชา้ จากเวลาที่กำหนดไดถ้ งึ 12 ช่ัวโมง) ยาเมด็ คุมกำเนิดฉกุ เฉิน (Emergency contraception pill) คอื ยาคมุ กำเนิดที่ ประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในขนาดสงู โดยมีกลไกปอ้ งกันการตัง้ ครรภ์โดยการป้องกนั หรือ เลอื่ นระยะเวลาการตกไข่ จงึ ช่วยขดั ขวางการฝังตวั ของตัวออ่ น เป็นยาคมุ กำเนิดทใ่ี ชร้ ับประทานหลงั จาก มเี พศสมั พนั ธ์ในกรณที ่ลี ืมคมุ กำเนิด หรอื เกดิ เหตุฉกุ เฉินไมค่ าดฝนั ขณะมเี พศสมั พนั ธ์ เชน่ ถงุ ยางอนามัย รั่วหรือแตก มีเพศสัมพนั ธโ์ ดยไมไ่ ดป้ ้องกัน การรบั ประทานยาท่ถี กู ตอ้ งคอื รับประทานยาเม็ดแรกใหเ้ ร็วที่สุดหลงั จากมเี พศสัมพนั ธท์ ่ีไมไ่ ด้ ปอ้ งกัน โดยไมค่ วรเกนิ 72 ชั่วโมง และจะตอ้ งรบั ประทานยาเมด็ ท่สี องหลงั จากรบั ประทานยาเมด็ แรกไม่ เกนิ 12 ชั่วโมง หากมีการอาเจยี นภายใน 2 ช่วั โมงหลงั รบั ประทานยาแตล่ ะเมด็ ต้องรับประทานยา ใหม่ และไม่แนะนำให้รบั ประทานยาเกิน 4 เม็ด หรือ 2กล่อง ต่อเดอื น การรบั ประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชว่ั โมง หลงั การมเี พศสัมพนั ธด์ ังกลา่ วตามดว้ ยยาเมด็ ที่ สอง จะใหป้ ระสิทธภิ าพในการป้องกนั การต้งั ครรภไ์ ด้ 75% แตห่ ากเร่มิ ยาภายใน 24ชวั่ โมง หลังการมี เพศสมั พนั ธ์ จะให้ประสิทธภิ าพในการปอ้ งกันการตง้ั ครรภเ์ พมิ่ ข้ึนเปน็ 85% ดงั นนั้ จึงควรรบั ประทานยา เม็ดแรกหลงั การมีเพศสมั พันธใ์ ห้เรว็ ทสี่ ดุ ผลขา้ งเคยี งที่พบไดบ้ อ่ ยจากการใช้ยาคมุ ฉกุ เฉนิ มกั เปน็ อาการที่ไม่รนุ แรง ได้แก่ ปวดทอ้ ง มี เลอื ดออกกะปริดกะปรอย ประจำเดือนมาเรว็ หรอื ชา้ กวา่ ปกติ อาการข้างเคยี งเหล่านไี้ ม่จำเปน็ ต้องใช้ยา
74 รกั ษา การรับประทานในชว่ งเวลาสนั้ ๆ นน้ั ไมเ่ ปน็ อันตรายแตอ่ ยา่ งใด แตก่ ารใช้ยาติดต่อกนั เปน็ ระยะ เวลานานๆ นอกจากประสทิ ธภิ าพทด่ี ้อยกวา่ เมอ่ื เทียบกบั การรบั ประทานยาคุมกำเนิดแบบปกตชิ นิดเมด็ แลว้ ยงั อาจทำให้เกดิ ความผิดปกติที่รงั ไข่ เยอ่ื บุโพรงมดลกู รวมท้งั เพมิ่ ความเส่ยี งในการเกิดการตั้งครรภ์ นอกมดลูกถงึ 2% เป็นต้น ดงั นน้ั การใชย้ านจี้ งึ ควรใชเ้ มื่อจำเปน็ เทา่ นนั้ และไมแ่ นะนำใหร้ บั ประทานเกนิ 4 เมด็ หรือ 2 กล่อง ต่อเดือน (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหดิ ล, 2560) 2.2.2 ยาฉดี คมุ กำเนดิ (Injectable contraception) เปน็ การฉีดยาเขา้ กลา้ มเนื้อของสตรีในระยะเวลาตามทีแ่ พทยก์ ำหนด หลงั จากฉีดตัวยาจะคอ่ ย ๆ ขับฮอรโ์ มนออกมา เป็นวิธที นี่ ยิ มใชก้ ันมากในรายท่ตี อ้ งการเวน้ ระยะการมบี ุตร เนอ่ื งจากมี ประสทิ ธิภาพในการคมุ กำเนิดสงู ทำได้ง่าย สะดวก และมรี าคาถูก โดยแบง่ ออกเป็น 2 แบบ ดงั น้ี (1) ยาฉดี คมุ กำเนดิ ชนดิ ฮอร์โมนเดี่ยว ซึ่งเปน็ ยาฉีดคมุ กำเนดิ ทม่ี ฮี อรโ์ มนโปรเจสติน (Progestin) เพยี งอยา่ งเดียว คอื ยา Depot Medroxyprogesterone acetate (DMPA) ขนาด 150 มลิ ลกิ รมั (ใช้ฉีดเขา้ กล้ามทกุ 3 เดอื น) เปน็ ตวั ยาทีไ่ ดร้ บั ความนยิ มมากท่ีสดุ ในปัจจบุ ัน มชี ่อื ทางการคา้ วา่ Depo-Provera® และอีกชนิดคือยา Norethisterone Enanthate (NET-EN) ขนาด 200 มลิ ลกิ รมั มี ชอื่ ทางการค้าว่า Noristerat® (ใชฉ้ ีดเขา้ กล้ามทกุ 2 เดอื น) (2) ยาฉีดคมุ กำเนดิ ชนดิ ฮอร์โมนรวม เป็นยาฉีดคมุ กำเนดิ แบบใหม่ท่ผี ลติ มาเพือ่ ลดอาการ ผิดปกตขิ องประจำเดือน ในยาฉดี จะมีท้ังฮอรโ์ มนโปรเจสตนิ (Progestin) และฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ชนิดนีม้ ชี ่อื ทางการค้าว่า Cyclofem® และ Lunelle™ ถูกผลติ ขนึ้ มาเพอื่ แก้ไขข้อดอ้ ยของ ยาฉดี ชนดิ ฮอร์โมนเดีย่ วและเพอื่ เปน็ การเลียนแบบฮอร์โมนของรา่ งกาย (ใช้ฉีดเขา้ กล้ามทกุ ๆ 1 เดือน) ขอ้ ดีของการฉดี ยาคุมกำเนิด คอื สามารถรับบริการไดง้ า่ ย เน่อื งจากวธิ กี ารและอปุ กรณส์ ำหรบั การใหบ้ รกิ ารไม่ยงุ่ ยาก เป็นทีน่ ยิ มใช้ เพราะยาฉดี มขี อ้ หา้ มในการใช้ยานอ้ ย วิธีน้ีมปี ระสิทธภิ าพในการ คุมกำเนิดสูงมาก ราคาถูกเมอ่ื เทยี บกับวธิ คี ุมกำเนิดแบบอนื่ เชน่ ยาเมด็ คุมกำเนิด หรอื การใส่ห่วงอนามยั ให้ความสะดวก ใชง้ านงา่ ย ฉดี คร้งั เดียวกส็ ามารถคุมกำเนดิ ไดน้ านถึง 3 เดือน โดยไมต่ อ้ งใชท้ กุ วนั เหมือน ยาเมด็ คมุ กำเนดิ และไมข่ ดั ขวางขนั้ ตอนตา่ ง ๆ ของการร่วมเพศ สามารถใช้ได้ดีในขณะใหน้ มลกู เพราะ ไม่ทำให้นำ้ นมแหง้ ขอ้ เสียของยาฉีดคุมกำเนดิ คอื จะตอ้ งเสียเวลาไปสถานท่ีรบั บรกิ ารบา้ งและอาจทำให้ลืมเวลา นัดได้ต้องใหแ้ พทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางสาธารณสขุ เป็นคนฉดี ยาให้ เมอ่ื ใชย้ าฉดี ประจำเดอื นอาจ เปลี่ยนแปลง มาไม่สมำ่ เสมอ มากะปริดกะปรอย หรอื ไม่มีประจำเดอื น และหลาย ๆ รายมนี ้ำหนกั ตัว เพ่มิ ข้ึน เนอื่ งจากการที่มีเลือดออกแบบกะปรดิ กะปรอย เม่อื เกิดอาการขา้ งเคยี งจะตอ้ งรอจนกวา่ ยาคมุ จะหมดฤทธิ์ อาการถึงจะหายไปเอง เมื่อหยดุ ฉีดรา่ งกายจะยงั ไมพ่ รอ้ มมีลกู ได้ทันที โดยอาจจะต้องรอไป เกอื บ 1 ปี
75 2.2.3 ยาฝังคุมกำเนดิ (Contraceptive implant) ยาฝงั คมุ กำเนดิ (Contraceptive implant หรอื Implantable contraception) เปน็ การใช้ ฮอร์โมนชนดิ เดียว คอื โปรเจสตนิ (Progestin) ทบ่ี รรจเุ อาไวใ้ นหลอดหรอื แท่งพลาสตกิ เลก็ ๆ ขนาดเทา่ ไมจ้ ม้ิ ฟันชนิดกลม นำมาฝงั เข้าไปที่ใตผ้ วิ หนงั บรเิ วณใต้ทอ้ งแขนด้านทไ่ี มถ่ นัด ซง่ึ ฮอรโ์ มนจะค่อย ๆ ซึม ผ่านออกมาจากแทง่ ยาเข้าสูร่ า่ งกายและไปยบั ยงั้ การเจริญเติบโตของฟองไข่ ส่งผลทำใหไ้ มม่ ีการตกไข่ ตามมา จงึ ชว่ ยป้องกันการต้ังครรภ์ได้ ในอดตี ยาฝงั คมุ กำเนิดจะเปน็ ฮอร์โมนทีบ่ รรจุอย่ใู นแทง่ พลาสติก ขนาดเลก็ จำนวน 6 แทง่ ฝังเข้าไปทีใ่ ตผ้ วิ หนงั ใต้ท้องแขนเปน็ รูปพัด คมุ กำเนิดไดน้ าน 5 ปี ไมค่ ่อยนยิ ม มากนกั ปัจจบุ ันยาฝังคมุ กำเนดิ แบบใหมไ่ ดม้ ีการพัฒนาใหใ้ ช้งานได้งา่ ยและสะดวกมากยง่ิ ขึ้น โดยจะใช้ เพยี งแค่ 1 แทง่ ฝังเขา้ ท่ีใต้ผวิ หนงั ใต้ท้องแขน ทีใ่ ชใ้ นปจั จบุ นั ได้แก่ (1) Implanon® (อมิ พลานอน) มชี ดุ ฝังบรรจุเสรจ็ พรอ้ มใชง้ าน ทำให้ฝังไดส้ ะดวกขึ้นมาก แต่ จะคุมกำเนดิ ไดน้ ้อย เพยี ง 3 ปี เนอื่ งจากมีแค่หลอดเดียว เมื่อครบกำหนดกส็ ามารถถอดออกได้โดยง่าย ถา้ ตอ้ งการจะคุมกำเนดิ ดว้ ยวิธนี ้ีตอ่ ก็สามารถฝังแทง่ ใหมเ่ ข้าไปไดเ้ ลย (2) Jadelle® (จาเดลล์) สามารถใช้คมุ กำเนดิ ได้นานถึง 5 ปี มี 2 แท่ง ดว้ ยเหตุน้จี ึงทำให้ วิธีการคุมกำเนดิ แบบฝังไดร้ บั ความนิยมมากข้นึ เรอื่ ย ๆ สว่ นอาการข้างเคียงก็จะคล้าย ๆ กบั การฉีดยา คุมกำเนิด วธิ ีน้ีเหมาะกบั ผู้ที่ลมื รับประทานยาคมุ กำเนิดบ่อย ๆ ตอ้ งการวธิ ีการคุมกำเนิดทีม่ ปี ระสิทธภิ าพ สูงสุดและคุมกำเนดิ ได้ในระยะยาว 3-5 ปีขึ้นไป และมขี ้อหา้ มในการใช้ฮอรโ์ มนเอสโตรเจนจากการ คมุ กำเนดิ รปู แบบอนื่ เชน่ อยู่ในช่วงกำลงั ให้นมบุตร กอ่ นตดั สนิ ใจเลือกวธิ นี ้ีควรขอคำแนะนำจากแพทย์ (MedThai, 2016) 1. ยาฝังคมุ กำเนิด (contraceptive implants) ยาฝงั คมุ กำเนดิ เป็นวิธีการคุมกำเนดิ แบบกง่ึ ถาวร โดยการฝงั หลอดบรรจฮุ อร์โมนสังเคราะห์เข้าไปใตผ้ ิวหนงั บริเวณท้องแขนส่วนบน สามารถออก ฤทธป์ิ ้องกนั การตง้ั ครรภไ์ ดน้ าน 3 ปแี ละ 5 ปีตามชนิดของยาฝงั คมุ กำเนิด อาการข้างเคียงทเี่ กดิ ข้นึ ภายหลงั ฝงั ยาคุมกำเนดิ ได้แก่ ประจำเดือนไม่สมำ่ เสมอมีเลอื ดออก กะปริดกะปรอย และอาการจะลดนอ้ ยลงหลงั ฝังยาไปแลว้ ประมาณ 6 เดอื น สว่ นอาการข้างเคยี งทอ่ี าจ พบไดแ้ ตไ่ มบ่ ่อย เชน่ นำ้ หนักตวั เพิม่ เป็นสวิ ปวดศรี ษะ ข้อดีของยาฝังคมุ กำเนดิ เป็นวธิ คี ุมกำเนิดท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพสงู ทสี่ ุด/ ไมม่ ผี ลรบกวนตอ่ การมี เพศสมั พนั ธ์ ฝังคร้ังเดยี ว ใชไ้ ดน้ าน 3 ปีและ 5 ป/ี สามารถใช้ในสตรรี ะยะใหน้ มบตุ รโดยไมม่ ผี ลไป รบกวนปรมิ าณและคณุ ภาพของนำ้ นม/เม่อื หยุดใช้ยานี้แล้วสามารถมีบตุ รไดต้ ามปกติ 2.2.4 หว่ งอนามยั คุมกำเนดิ (Intra-uterine contraceptive device) เปน็ วิธคี มุ กำเนดิ ชนิดชั่วคราวทด่ี วี ิธหี นึง่ และนยิ มใช้กันแพร่หลาย เน่อื งจากมปี ระสิทธภิ าพใน การป้องกนั การต้ังครรภส์ ูง ประหยัด สามารถคมุ กำเนิดไดร้ ะยะเวลานาน ซึง่ สามารถป้องกันการตง้ั ครรภ์
76 ไดเ้ ปน็ เวลานาน 3-10 ปีขึ้นอย่กู บั ชนดิ ของหว่ งอนามัยท่ีใส่ เหมาะสำหรบั สตรีท่มี บี ตุ รแลว้ ซง่ึ เปน็ เครื่องมือทางการแพทย์ชน้ิ เลก็ ๆ ท่ีมไี วส้ ำหรบั ใส่เขา้ ไปในโพรงมดลกู เพอื่ ทำให้สภาพในโพรงมดลกู ไม่ เหมาะแก่การฝังตัวของตัวออ่ น จึงใช้ป้องกันการตงั้ ครรภช์ ั่วคราวไดด้ ี กลไกการทำงานของหว่ งอนามยั คาดว่า เกดิ จากการอกั เสบเม่ือมีวสั ดแุ ปลกปลอม กล่าวคือ การทำงานของหว่ งอนามยั น้ันไม่ใช่การ ป้องกันการฝงั ตัวของตวั อ่อนเทา่ น้ัน แตเ่ กิดจากการทีม่ ีวัสดแุ ปลกปลอม (ห่วงอนามยั ) เขา้ ไปอยู่ในโพรง มดลูก และทำใหเ้ กดิ การกระต้นุ กระบวนการอกั เสบภายในร่างกาย ซ่ึงกระบวนการเหลา่ นี้เป็นพษิ ต่อตวั อสุจิและขดั ขวางการฝงั ตวั ของตัวออ่ น นอกจากนใ้ี นหว่ งอนามยั ชนดิ ฮอร์โมนนน้ั จะเป็นการเพ่มิ กลไก การหนาตวั ของมกู บริเวณปากมดลกู เพ่อื ป้องกนั การเคลื่อนตัวของอสจุ ิ อสจุ ิไม่สามารถผ่านเขา้ ไปผสมกบั ไขไ่ ด้ ทำใหผ้ นังเยอื่ บโุ พรงมดลกู บางลงจนไม่เหมาะสำหรับการฝงั ตวั ออ่ น และชว่ ยยบั ยง้ั การจบั ตวั ของ อสจุ ทิ ผ่ี นงั ของไข่อกี ด้วย และหว่ งอนามยั ทีม่ ฮี อรโ์ มนโปรเจสตนิ ยงั สง่ ผลต่อการยบั ยง้ั การตกไข่ได้รอ้ ยละ 25 สว่ นหว่ งอนามัยชนดิ หมุ้ ทองแดงยังมกี ารปล่อยอนมุ ลู ทองแดงอสิ ระและเกลือของทองแดง ซึ่ง กระตนุ้ ให้เกิดกระบวนการอักเสบตอ่ เซลล์ในโพรงมดลูก โดยกระตนุ้ การสรา้ งโพรสตาแกลนดิน (prostaglandin) ซึง่ เปน็ พษิ ต่อตวั อสุจแิ ละไข่ นอกจากนน้ั ยงั ขดั ขวางการเคลือ่ นไหวของตัวอสจุ อิ ีกด้วย หว่ งอนามัยแบ่งออกเป็น 2 ชนดิ ดังนี้ 1. ห่วงอนามยั ชนิดธรรมดา (non-medicatedor inert) หมายถึง ห่วงอนามยั ทไ่ี ม่มี สารช่วยส่งเสริม ประสทิ ธิภาพในการป้องกนั การตง้ั ครรภไ์ ดแ้ ก่ Lippes Loop ซ่งึ เปน็ หว่ งรูปรา่ งคล้ายอกั ษร “S” ต่อกนั ทำมาจากสารจำพวกพลาสติก คือ โพลีเอธลิ ีน (polyethylene) 2. ห่วงอนามยั ชนิดมสี ารชว่ ยสง่ เสริมประสิทธภิ าพในการป้องกนั การตงั้ ครรภ์ (activeorbioactive or medicated) หมายถงึ หว่ งอนามยั ทม่ี สี ารบางอยา่ งท่ีออกฤทธิ์ช่วยป้องกันการ ต้ังครรภ์หรอื ชว่ ยลดอาการข้างเคยี ง ได้แก่ 2.1 หว่ งอนามัยทองแดง (copper bearing IUD) เป็น ห่วงอนามัยที่มสี ารทองแดงประกอบอยู่ดว้ ย 2.2 ห่วงอนามัยฮอร์โมน (hormone-releasing IUD) เปน็ ห่วงอนามยั ท่ีมสี ารฮอร์โมนโปรเจส เตอโรนสงั เคราะหอ์ ย่ดู ้วย อาการข้างเคียงจากการใสห่ ่วงอนามยั เชน่ เป็นลม (syncope) วงิ เวยี นศรี ษะ เหงอื่ ออก หัว ใจเต้นช้า และความดนั โลหิตตำ่ , หว่ งหลุด (expulsion) พบได้บอ่ ยในระยะ 3 เดอื นแรกของการใส่, เลือดออก ผิดปกติ (bleeding) เปน็ อาการข้างเคยี งท่พี บบอ่ ยที่สดุ จำนวนวนั ของการมรี ะดูจะนานขนึ้ อีกประมาณ 1-2 วนั ในแต่ละเดือนและมเี ลอื ดออกกะปรดิ กะปรอยระหวา่ งรอบระดู, ปวดทอ้ งน้อย อาการปวดอาจ เปน็ แบบ cramping pain ทบี่ รเิ วณท้องนอ้ ยสว่ นกลาง หรืออาจปวดรา้ วไปบรเิ วณหลังส่วนล่างสาเหตุ เนือ่ งจากมดลูกบบี ตวั , ตกขาว อาจมตี กขาวออกมากขนึ้ อาการตกขาวนเ้ี ชอื่ ว่าเกิดจากปฏกิ ริ ยิ าของเย่อื
77 บุมดลกู ทมี่ ีตอ่ ห่วงอนามยั ซง่ึ เปน็ วตั ถแุ ปลกปลอม แตม่ ักจะเปน็ อยู่เพียงในเดือนแรก ๆ หลงั ใส่ อาการจะ กลับเปน็ ปกตเิ องโดยไม่ตอ้ งใหก้ ารรักษา แตถ่ า้ ตกขาวบอ่ ยและมอี าการคัน มกั จะเกิดอาการอกั เสบจาก เช้อื ราตอ้ งไปรับการรักษา 2.2.5 วงแหวนคุมกำเนดิ (Vaginal contraceptive ring) วงแหวนคุมกําเนดิ หรอื วงแหวนช่องคลอด (Birth Control Ring) คอื วงแหวนสำหรบั ใสช่ ่อง คลอดทีเ่ รยี กว่า “นูวาริง” (NuvaRing®) มลี ักษณะเปน็ แหวนพลาสติก ภายในวงแหวนพลาสตกิ จะบรรจุ ไปดว้ ยฮอรโ์ มนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนคลา้ ยกับยาเม็ดคมุ กำเนดิ ชนดิ ฮอรโ์ มนรวมที่ใช้กนั อยู่ โดย จะประกอบไปด้วย Etonogestrel (โปรเจสโตรรเจน) 11.7 มลิ ลิกรัม และ Ethinyl estradiol (เอสโตร เจน) 2.7 มิลลกิ รมั ใชส้ ำหรบั ใสเ่ ขา้ ไปในช่องคลอดและฮอรโ์ มนจะดดู ซึมเขา้ สู่ร่างกายเพือ่ ชว่ ยปอ้ งกนั การต้งั ครรภ์ เหมาะสำหรับผู้หญิงทกุ คนท่ีตอ้ งการความสะดวกในการคุมกำเนิด หรือมักลืมรับประทาน ยาเมด็ คุมกำเนิดเปน็ ประจำ และเป็นอกี ทางเลอื กหนง่ึ แทนการใสห่ ่วงคุมกำเนดิ หรือใช้ยาฝงั คุมกำเนิด ผใู้ ช้สว่ นใหญจ่ ะรสู้ กึ เปน็ ปกติหลงั จากใชว้ งแหวนคมุ กำเนิด แตใ่ นบางรายกท็ ำใหเ้ กิดผลขา้ งเคยี งได้ เชน่ อาจมอี าการปวดศรี ษะ คลน่ื ไส้ อาเจียน รู้สึกเจ็บเตา้ นม แตอ่ าการเหลา่ นมี้ ักจะหายไปเองหลงั จาก 1-2 เดอื น ผลข้างเคียงรนุ แรงไม่คอ่ ยพบ อยา่ งไรก็ตาม ควรปรกึ ษาแพทยท์ นั ทหี ากมีอาการข้างเคียงเกดิ ขนึ้ แมใ้ นปจั จุบนั วงแหวนคุมกำเนิดจะมขี ายตามรา้ นขายยากต็ าม แตก่ ็ยงั จำเป็นต้องใช้ใบส่งั ของ แพทย์ในการซอื้ ในคร้งั แรกทใี่ สว่ งแหวนคุมกำเนดิ จะยงั ไมส่ ามารถคมุ กำเนิดได้ทนั ที จำเป็นตอ้ งใช้ วิธีการคมุ กำเนดิ แบบอนื่ ร่วมด้วย ในบางรายใสแ่ ลว้ อาจเกดิ การระคายเคืองชอ่ งคลอด ซ่งึ อาจเพิ่มโอกาส การตดิ เชอ้ื ในชอ่ งคลอดและทำใหม้ ตี กขาวมากข้ึนได้ (MedThai, 2016) 2.2.6 ยาฆา่ เช้ืออสุจิ (Spermicides) เป็นการใส่ยาเข้าไปในช่องคลอดก่อนที่จะมเี พศสัมพันธ์ เพือ่ ให้ตวั ยาทำลายหรอื ฆา่ เชื้ออสจุ ิ หลังจากการมีเพศสัมพนั ธ์และมกี ารหลัง่ นำ้ อสุจใิ นช่องคลอด ตวั ยาจะทำใหเ้ ช้ืออสจุ ิท่ีอยู่ในช่องคลอด ตาย ทำใหไ้ มส่ ามารถเข้าสู่มดลกู ไปผสมกบั ไขไ่ ด้ เมอื่ ไมม่ ีการผสมกับไข่ จงึ ไม่ทำใหเ้ กดิ การตั้งครรภ์ ซึ่งยา ฆา่ เช้อื อสจุ ิท่นี ำมาใช้กนั ในปัจจบุ ันก็มอี ยู่หลากหลายรปู แบบดว้ ยกนั เช่น ยาเหน็บช่องคลอด ยาเม็ดฟอง ฟู่ ฟองอดั ในกระปอ๋ ง ครีม เยลล่ี เป็นตน้ ขอ้ ดีคอื ใชไ้ ดง้ า่ ย สามารถใช้ไดด้ ว้ ยตนเองหรอื ค่นู อน ไมต่ อ้ ง อาศยั ความรว่ มมือจากบคุ ลากรทางการแพทย์ มีราคาไม่แพง หาซอ้ื ไดง้ า่ ยตามรา้ นขายยาท่ัวไป โดยไม่ จำเปน็ ตอ้ งปรกึ ษาแพทย์ ยานม้ี คี วามปลอดภัยสงู โอกาสเกิดอาการแทรกซ้อนมีนอ้ ย ไม่มีผลขา้ งเคยี ง จากการใช้ฮอรโ์ มนเหมอื นการคมุ กำเนดิ แบบอนื่ ใช้เฉพาะเวลารว่ มเพศเท่าน้ัน ขอ้ เสยี ของวธิ นี คี้ อื ประสิทธิภาพในดา้ นการคมุ กำเนดิ ยงั ไมส่ งู นัก จะมโี อกาสตง้ั ครรภไ์ ดม้ ากถ้าใสย่ าเขา้ ไปไม่ลึกพอ หรอื ยา ยังไมก่ ระจายตวั ดพี อ หรอื ใชย้ าไมส่ ม่ำเสมอ นอกจากนจ้ี ะใส่ยาไวร้ อก็ไมไ่ ด้ จะต้องใสย่ าในช่วงเวลาที่
78 จำกัดเท่านนั้ (10-15 นาท)ี ในรายทีแ่ พ้ยา อาจทำใหเ้ กดิ อาการคนั ระคายเคือง บวมแดง หรือแสบได้ (MedThai, 2016) 2.2.7 แผ่นแปะคุมกำเนิด แผน่ แปะคมุ กำเนดิ (Contraceptive patch หรอื Birth control patch) คอื ประกอบดว้ ย ฮอรโ์ มน 2 ชนดิ คอื ยาในกลมุ่ เอสโตรเจนสงั เคราะห์ (Synthetic estrogen) และยาในกลุ่มโปรเจสตนิ (Progestin) ใชส้ ำหรบั แปะบรเิ วณผวิ หนงั เพอ่ื ใหต้ วั ยาในแผน่ แปะดดู ซมึ เขา้ สู่กระแสเลือดไปออกฤทธ์ิ ป้องกนั การต้ังครรภ์ หลังจากแปะแผน่ ยาไปแลว้ ประมาณ 48 ชวั่ โมง ตวั ยาจะถูกดูดซมึ เขา้ สู่กระแสเลอื ด อย่างช้า ๆ และตอ่ เน่ือง ระดบั ตวั ยาทป่ี ล่อยออกมานี้จะใกลเ้ คยี งกนั ทกุ ตำแหน่งที่แปะ ไมว่ า่ จะแปะ บริเวณสะโพก หนา้ ทอ้ ง ตน้ แขนดา้ นนอก หรือแผ่นหลงั ด้านบนกต็ าม จึงทำใหย้ ามกี ารออกฤทธ์ไิ ด้นาน ชว่ ยปอ้ งกันการตกไข่ ปอ้ งกนั ไมใ่ หต้ วั อสจุ ิผา่ นเย่อื เมอื กบริเวณปากช่องคลอดเขา้ ไปปฏิสนธกิ บั ไข่ทีอ่ ยู่ บรเิ วณโพรงมดลกู และในท่อนำไขไ่ ด้ นอกจากนย้ี งั มผี ลทำใหเ้ ยอื่ บุโพรงมดลูกบางลงจนไม่เหมาะในการ ฝังตวั ของตัวอ่อนทเ่ี กิดจากการปฏสิ นธิ ควรระวงั ผลขา้ งเคยี งของการใช้ฮอร์โมนในระยะยาว หากใชว้ ิธีนี้ บ่อย ๆ วธิ นี ้เี หมาะกับผทู้ ไ่ี มช่ อบรบั ประทานยาเม็ดคมุ กำเนดิ แตค่ วรปรกึ ษาแพทยเ์ พ่ือขอคำแนะนำก่อน การใช้ (MedThai, 2016) นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์ท่ใี ชส้ ำหรับคมุ กำเนิดในสตรีแบบชว่ั คราวหลายชนดิ อาทิ หมวกครอบ ปากมดลกู (Cervical Cap) ฝาครอบปากมดลกู (Diaphragm) ฟองน้ำคุมกำเนิด (Contraceptive Sponge) ทไ่ี ม่ได้กลา่ วรายละเอยี ดในทน่ี ี้ สิง่ ที่ควรตระหนักอย่างย่งิ คือ วธิ กี ารคมุ กำเนิดทกี่ ลา่ วขา้ งต้น สามารถปอ้ งกนั การตั้งครรภ์และมปี ระสทิ ธภิ าพตา่ งกัน จงึ ควรปรึกษาแพทยห์ รอื บคุ ลากรทางการแพทย์ เพ่ือการเลือกใชอ้ ยา่ งปลอดภัย แต่หากยังมเี พศสมั พันธ์ท่ีเสี่ยงอยู่ การคมุ กำเนิดทกี่ ล่าวมากไ็ มส่ ามารถ ปอ้ งกนั โรคติดตอ่ ทางเพศสัมพันธ์ได้
79 2.2.8 ถงุ ยางอนามัย (condom) ถงุ ยางอนามยั สำหรับสำหรบั ผหู้ ญงิ และสำหรับผชู้ าย นอกจากจะชว่ ยคมุ กำเนิดแลว้ ยังสามารถ ชว่ ยปอ้ งกันโรคติดตอ่ ทางเพศสมั พนั ธด์ ว้ ย (1).ถงุ ยางอนามยั ของผู้หญิง เปน็ อปุ กรณท์ ม่ี ไี วใ้ ชส้ ำหรับสอดเขา้ ไปภายในชอ่ งคลอดของผู้หญิง ก่อนที่จะเริม่ มีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกนั ไม่ให้อสุจผิ า่ นเขา้ สโู่ พรงมดลกู มีความยาว 6.5 นวิ้ หรอื ยาว ประมาณ 15 เซนตเิ มตร ที่ปลายถงุ ทงั้ สองด้านมหี ่วงยางหรือวงแหวนยดื หยนุ่ 2 วง หว่ งจะมลี ักษณะแขง็ กว่าส่วนอน่ื มไี ว้เพอื่ ให้เกิดความกระชบั และเพื่อใหค้ งรปู ร่างไวไ้ ด้ในขณะใชง้ าน ปลายถุงดา้ นหนึ่งตันเพือ่ ใชส้ อดเขา้ ไปในชอ่ งคลอด ส่วนปลายถุงอีกด้านหน่งึ จะเป็นปลายเปิด ยน่ื ออกมานอกช่องคลอด ภายใน ถุงยางจะมนี ้ำยาหล่อลน่ื แตไ่ มม่ ยี าฆา่ เช้ืออสุจิ ไม่คอ่ ยเปน็ ทน่ี ยิ มใช้ (2).ถงุ ยางอนามยั ของผู้ชาย เปน็ เครื่องมือท่ีใชค้ มุ กำเนดิ ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพสงู กวา่ วธิ อี ่นื ๆ เมือ่ ใชอ้ ย่างถกู วิธี สามารถช่วยป้องกนั การตงั้ ครรภ์และโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธช์ นดิ ตา่ ง ๆ ได้ดี โดยเฉพาะอย่างย่งิ โรคเอดส์ ผชู้ ายบางคนยงั มคี วามเขา้ ใจผดิ ในการใชถ้ ุงยางอนามัย โดยเขา้ ใจวา่ การติด โรคหรอื ต้ังครรภ์จะเกิดตอ่ เม่อื มีการหลัง่ น้ำอสจุ ิ ดงั นน้ั การสวมถงุ ยางอนามยั เมื่อใกล้จะหลั่งน้ำอสจุ ิซ่ึง เปน็ ความเชือ่ ที่ผดิ เน่ืองจากโรคสามารถติดตอ่ ไดท้ ันทเี ม่ือสอดใส่โดยไมส่ วมถงุ ยางอนามยั รวมทง้ั นำ้ อสจุ ิ อาจจะเลด็ ลอดออกมาบางสว่ นกอ่ นการหล่ังทำใหต้ งั้ ครรภไ์ ด้ (สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคตดิ ตอ่ ทาง เพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ , 2558) การเลือกถุงยางอนามยั ควรพิจารณา ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. เลือกถุงยางอนามัยให้เหมาะกับขนาดอวยั วะเพศชาย (ถงุ ยางอนามยั ใหญเ่ กนิ ไปหลวมหลดุ งา่ ย/ถุงยางอนามยั เล็กเกินไป ทำให้แตก ฉีกขาดง่าย) 2. ควรใช้ถงุ ยางอนามยั ทผี่ ่านการรบั รองคณุ ภาพโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา 3. เลือกซ้ือจากรา้ นทเี่ กบ็ ถงุ ยางอนามัยไวใ้ นทเี่ ย็น ไมถ่ ูกแสงแดด หรือยู่ในท่ีทม่ี ีอุณหภูมิสูง เนือ่ งจากจะทำให้ถงุ ยางอนามยั เสอ่ื มคณุ ภาพ 4. ควรพกถงุ ยางอนามัยหลายชนิ้ (ถา้ เปน็ พนักงานบริการควรพกหลายขนาด) ใหเ้ พียงพอและ เหมาะสมกับการใช้ 5. ไม่เก็บถงุ ยางอนามัยในท่ีทถี่ กู แสงแดด หรืออยูใ่ นที่ทมี่ ีอณุ หภมู ิสงู เช่นในรถ หรือมีการกด ทบั หรือใส่รวมกบั ของอืน่ เชน่ กระเป๋ากางเกง เพราะจะทำใหค้ ณุ ภาพถงุ ยางอนามยั เสือ่ มคุณภาพ เทคนิคการใชส้ ารหล่อล่นื ใหใ้ ชส้ ารหลอ่ ล่นื ทม่ี นี ้ำหรือซลิ โิ คนผสมเทา่ นนั้ เชน่ กลีเซอรีน เค- วาย เจลล่ี เปน็ ต้น อาจหยดสารหล่อล่ืนเล็กนอ้ ยลงในกระเปาะถงุ ยางอนามยั เพ่อื ลดการเสียดสขี อง ถุงยางอนามยั กบั ปลายอวัยวะเพศ อาจใช้สารหล่อลน่ื หยดด้านนอกถงุ ยางอนามยั 1-2 หยด ทาให้ทว่ั เพอ่ื
80 ลดการเสยี ดสี ความฝืดกับชอ่ งคลอด หากร่วมเพศทางทวารหนกั ควรเพิม่ ปรมิ าณสารหลอ่ ลน่ื เพอื่ ป้องกนั การแตกของถงุ ยางอนามัย 12 วิธใี ชถ้ งุ ยางอนามยั ที่ถกู ต้อง (สำนักโรคเอดส์ วณั โรค และโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ กรม ควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ , 2558) 1. ตรวจสอบคณุ ภาพซองทีบ่ รรจถุ งุ ยางอนามยั ตอ้ งไม่มีรอยฉกี ขาดชำรดุ ไมม่ สี ารหล่อลนื่ ไหล เยมิ้ และตรวจสอบวนั เดือน ปี ทีผ่ ลิตไม่เกนิ 5 ปี 2. ใชน้ ิ้วไล่ขอบถุงยางอนามัยทอ่ี ยู่ในซองไปดา้ นใดด้านหนงึ่ ใหพ้ น้ บริเวณทจี่ ะฉกี 3. ฉีกซองอยา่ งระมดั ระวงั อยา่ ให้ถุงยางสัมผสั กบั เลบ็ หรือเคร่ืองประดับที่มคี ม และไม่ฉกี ซอง ผ่านถงุ ยางอนามยั 4. รูดถุงยางอนามัยลงมาเลก็ น้อยและตรวจสอบใหร้ อยมว้ นอย่ดู า้ นนอก 5. สวมถุงยางอนามยั ขณะท่ีอวยั วะเพศแขง็ ตัว โดยใชน้ ิ้วหวั แมม่ อื และน้ิวชบ้ี บี กระเปาะถุงยาง อนามัยเพอื่ ไล่ลมกอ่ นใส่ หากปล่อยให้มีลมอยูข่ ้างในจะทำให้ถุงยางอนามยั แตกขณะรว่ มเพศ 6. รูดถงุ ยางอนามัยให้สุดโคนอวยั วะเพศ ใส่ถุงยางอนามยั เพียงช้ันเดยี ว โดยใส่ตง้ั แต่แรกเร่มิ ของการมเี พศสัมพนั ธใ์ นทกุ ช่องทางไมว่ ่าจะเป็นทางชอ่ งคลอด ทางปาก และทวารหนกั 7. ถ้าระหว่างมีเพศสมั พนั ธ์ มถี งุ ยางอนามยั รัว่ แตก หลดุ ใหห้ ยดุ การมีเพศสมั พนั ธ์ หรือเปล่ยี น ถงุ ยางอนามยั ชน้ิ ใหมแ่ ลว้ ค่อยมเี พศสมั พนั ธต์ อ่ 8. ถ้าระหวา่ งการมีเพศสมั พันธร์ สู้ กึ ฝดื ไม่ราบรื่น ให้ใช้เจลหล่อลื่นประเภทน้ำ ไมค่ วรใชส้ าร หลอ่ ล่ืนที่มสี ว่ นประกอบที่มนี ำ้ มันเพราะจะทำใหถ้ งุ ยางอนามัยแตกได้งา่ ย 9. หลงั เสร็จกจิ ให้จับขอบถงุ ยางอนามยั บรเิ วณโคนอวัยวะเพศ เพื่อกนั น้ำอสจุ ไิ ม่ใหไ้ หลออกมา พร้อมทั้งถอนตัวออกจากคนู่ อน กอ่ นท่ีอวยั วะเพศชายจะอ่อนตวั 10. ตรวจสอบถงุ ยางอนามัยว่ามีแตก ร่ัว หลุด หรือไม่ 11. ถอดถงุ ยางอนามยั โดยใชก้ ระดาษชำระพนั รอบถุงยางอนามยั จบั กระดาษชำระแล้วรูดออก กรณไี มม่ ีกระดาษชำระใหใ้ ชน้ ้ิวช้ีสอดเขา้ ไปด้านในถุงยางอนามยั ขณะทอ่ี วยั วะเพศออ่ นตวั ลงเล็กนอ้ ยแล้ว รดู ออก 12. ห่อถุงยางอนามยั ดว้ ยกระดาษแล้วทง้ิ ในถงั ขยะที่มฝี าปิด ไม่ควรทิง้ ลงชกั โครก
81 บทสรปุ สุขภาวะทางเพศ เปน็ การดูแลสขุ ภาพทางเพศของตนเองและตดิ ตามสถานการณ์โรคติดตอ่ ทาง เพศสัมพันธท์ ่ีเปน็ ปัญหาสำคญั ในปจั จบุ ัน การรู้จกั โรคตดิ ต่อทางเพศสัมพนั ธ์ทส่ี ำคญั อาการ การรกั ษา เบื้องต้นและแนวทางการปอ้ งกนั อันจะนำมาสู่การสง่ เสรมิ สขุ ภาวะทางเพศทัง้ ในระดบั บคุ คลและระดบั สงั คม ลดความเสยี่ งของติดเช้ือและการแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะเอชไอว/ี เอดส์ ทที่ ำให้เกิดการสญู เสยี อนั สง่ ผลกระทบตอ่ บุคคล ครอบครัว และสังคมในวงกวา้ ง การเรยี นรู้การ วางแผนครอบครวั และการคุมกำเนิด ร้จู ักวิธีการคุมกำเนิดทเ่ี หมาะสมกับตนเอง โดยคำนงึ ถึงสขุ ภาพ ผลข้างเคียง ประสทิ ธภิ าพการปอ้ งกันการตง้ั ครรภ์ ตลอดจนความเสยี่ งจากการติดโรคติดต่อทาง เพศสมั พนั ธ์ ความรู้ความเขา้ ใจในเร่อื งดงั กล่าวน้ี มีความสำคญั อยา่ งยิ่งต่อผู้เรยี นที่กำลังอยู่ในชว่ งวัยที่ อยากรู้อยากลองและกำลังอยทู่ า่ มกลางสถานการณ์ท่ยี ากทจี่ ะหลีกเล่ยี งความเสี่ยงจากการมเี พศสัมพนั ธ์ และผลกระทบตา่ ง ๆที่อาจเกิดตามมาได้ เอกสารอา้ งอิง คณาจารยผ์ สู้ อนรายวชิ า 0034001. (2560). บทที่ 5 การดูแลสุขภาพทางเพศ การวางแผนครอบครัว และการคมุ กำเนดิ . เอกสารประกอบการสอน วชิ า 0034001 Health Care management. สำนกั ศกึ ษาท่วั ไป มหาวิทยาลยั มหาสารคาม กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ . 2557. รายงานผลการดำเนนิ งาน สำนักโรคเอดส์ วณั โรค และ โรคติดต่อทางเพศสมั พนั ธ์ ปี พ.ศ.2557. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย. กองอนามยั การเจรญิ พันธ์ุ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ . 2551. คู่มือการใหบ้ ริการวางแผน ครอบครัว สำหรบั เจ้าหนา้ ทส่ี าธารณสุข. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะหท์ หารผา่ oศกึ . คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหดิ ล. 2560. ยาคุมฉกุ เฉนิ ...เรื่องจริงทีผ่ ู้หญงิ ตอ้ งรู.้ (ออนไลน)์ .สบื ค้น วนั ที่ 5 กรกฎาคม 2560. ท่ีมา: http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/54/ แผนงานสรา้ งเสริมสขุ ภาวะทางเพศ สำนกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สุขภาพ (สสส.). 2551.
82 แผนงานสรา้ งเสรมิ สุขภาวะทางเพศ :สขุ ภาวะทางเพศ ชวี ิตทางเพศท่เี ป็นสขุ และปลอดภัย. กรงุ เทพฯ: มูลนิธิสรา้ งความเขา้ ใจเรอ่ื งสขุ ภาพผหู้ ญิง (สคส.). สำนกั โรคเอดส์ วณั โรค และโรคตดิ ต่อทางเพศสมั พันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. 2558. \\ แนวทางการดแู ลรักษาโรคติดตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ พ.ศ.2558. กรุงเทพฯ: หจก.สำนักพิมพ์อักษรกราฟ ฟคิ แอนด์ดไี ซน.์ สวุ ทั นา อารพี รรค. 2550. เรียนรู้เร่อื งเพศกบั คุณหมอ ภาค 1. กรุงเทพฯ: บริษัทบญุ ศิริการพิมพจ์ ำกดั . สวุ ัทนา อารพี รรค. 2550. เรยี นร้เู รอ่ื งเพศกับคุณหมอ ภาค 2. กรุงเทพฯ: บริษัทบุญศริ ิการพมิ พ์จำกดั . Benarnews. 2016. ข่าวจรงิ : ปี 2559 ผตู้ ดิ เชอื้ เอชไอวีรายใหมล่ ดลงเหลือ เพียง 6000 กวา่ ราย. (ออนไลน)์ . สบื คน้ วนั ที่ 5 กรกฎาคม 2560. ทม่ี า:http://www.benarnews.org/thai/news/TH-AIDS- 12012016172610.html. MedThai. 2016. การคุมกำเนิด. (ออนไลน)์ . สืบค้นวันที่ 4 กรกฎาคม 2560. ที่มา: https://medthai.com/ World Health Organization. 2004. Sexual health: A new focus for WHO. In Progress in Reproductive Health Research, No. 67. World Health Organization. 2001. Promotion of Sexual Health: Recommendations for action. Proceedings of a regional Consultation convened by Pan American Health Organization (PAHO), WHO, and World Association for Sexology (WAS) in Antigua Guatemala, May 19-22. Staff. Baltimore: Population Information Program. Johns Hopkins University.
83 ใบงานทา้ ยบท (เลอื กทำได)้ กิจกรรม 1. อาจารยเ์ ลอื กคลิปสถานการณ์ความรู้ทเ่ี ป็นปจั จุบนั เกยี่ วกบั : สถานการณโ์ รคติดต่อทาง เพศสัมพนั ธ/์ การใสถ่ งุ ยางอนามยั /ปัญหาสงั คมพฤตกิ รรมเสยี่ งทางเพศ การทอ้ ง/แท้ง ตดิ เชอ้ื เอชไอวี/ เอดส์ ใช้เวลา 5-10 นาที ให้นสิ ติ หลังชมสือ่ ความรู้ มกี ิจกรรมแบง่ กลุม่ อภิปรายสรปุ รว่ มกันในชน้ั เรียน ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. กจิ กรรม 2. ให้นสิ ิตแบง่ กลุม่ เลอื กประเด็น ความคิดเห็นเก่ียวกบั สอื่ ทางเพศมผี ลกบั พฤตกิ รรมเสยี่ งทางเพศใน วยั รุ่น เหน็ ดว้ ยหรือไม่ เพราะอะไร และจะมแี นวทางการจดั การท่ดี ีอย่างไรกับปญั หาเรื่องเพศใน มมุ มองของวัยรุ่น ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................
84 บทท่ี 5 การปฐมพยาบาลเบอื้ งต้น การปฐมพยาบาลเบอ้ื งตน้ วตั ถปุ ระสงค์ 1. ทราบความหมายของอบุ ตั ิเหตุและการปฐมพยาบาล 2. ทราบหลกั การปฐมพยาบาลเบ้ืองต้น 3. ทราบข้นั ตอนการปฐมพยาบาลในภาวะฉกุ เฉินต่าง ๆ 4. ทราบความสำคัญและขัน้ ตอนของการช่วยฟ้นื คืนชพี ข้นั พ้ืนฐาน วธิ กี ารสอน/กจิ กรรมการเรยี นการสอน 1. บรรยาย online แบบ live สด/ e-class room (เรียนแบบประสานเวลา: synchronous learning) โดยใช้สอ่ื online บน google drive 2. มอบหมายใหศ้ กึ ษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง (self-directed learning) 3. มอบหมายให้ทำกิจกรรมการเรียน online 4. มอบหมายใหส้ ง่ ช้นิ งาน online การประเมนิ ผลลัพธ์การเรียนรู้ 1. การสอบ MCQ กลางภาค และปลายภาค 2. ประเมินชิน้ งาน online ด้านเน้อื หาถูกต้องครบถ้วนและทันสมัย
85 บทนำ ภาวะฉุกเฉินตา่ ง ๆ เช่น โรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด (stroke) โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (myocardial infarction) ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (sudden cardiac arrest) หรืออุบัติเหตุ (trauma) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย และนำไปสู่การเสียชีวิตของประชากรโลก ซึ่งมีอัตรา การเสียชีวิตสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปีจากภาวะดังกล่าว อัตราการเสียชีวิตจะลดลงได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบุคลากร ทางการแพทย์เท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับผูท้ ีพ่ บเหตุเหตุการณ์เปน็ สำคัญ เราเองเป็นผู้ที่มีโอกาสเปน็ ทั้งผู้ที่พบ เห็นเหตกุ ารณน์ นั้ หรอื อาจเป็นผู้ปว่ ยเองก็ตาม หากเรามคี วามรใู้ นการปฐมพยาบาลเบ้ืองต้น และสามารถ ให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้อย่างถูกต้อง ทันเวลา เหล่านี้ย่อมนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในผู้ป่วย ดังน้ัน เน้อื หาในบทนจี้ ะกลา่ วถงึ หลกั การปฐมพยาบาล รวมไปถึงวธิ ีการปฐมพยาบาลในภาวะฉุกเฉินตา่ ง ๆ เนอื้ หา 5.1. ความหมายของอบุ ตั เิ หตุ และการปฐมพยาบาล 5.2. หลักการปฐมพยาบาล 5.3. การปฐมพยาบาลผปู้ ่วยในกรณีต่าง ๆ 5.4. การช่วยฟื้นคืนชีพขนั้ พ้นื ฐาน 5.1 ความหมายของอบุ ตั เิ หตุ และการปฐมพยาบาล ความหมายของอุบตั ิเหตุ คำว่า “อุบัติเหตุ” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้คำนิยามไว้ว่า อุบัติเหตุ หมายถงึ เหตทุ ่ีเกิดขึน้ โดยไม่ทนั คิด ความบังเอญิ เป็น อบุ ัตเิ หตุ หมายถงึ เหตุการณใ์ ดกต็ ามท่ีเกิดข้ึนมไิ ด้ตง้ั ใจ หรอื มไิ ด้คาดคดิ มาก่อน และเป็นผลให้ เกดิ ความเสียหายแกร่ า่ งกายและทรพั ย์สนิ ของคนเรา อบุ ัตเิ หตุ หมายถึง เหตกุ ารณ์ทเี่ กิดข้นึ โดยไม่ได้ไดต้ ง้ั ใจ และเหตกุ ารณ์นนั้ ต้องทำให้คนอื่นถึงแก่ ความตาย บาดเจบ็ หรอื ทรัพยส์ นิ เสยี หาย อุบัติเหตุ หมายถึง เหตุการณ์หรืออันตรายที่เกิดข้ึน โดยไม่ได้คาดคิดหรือตั้งใจมาก่อน ซึ่งมีผล ให้บุคคลได้รับบาดเจ็บ อันตราย ตาย หรือสูญเสียทรพั ย์สิน ส่วนคำว่า “อุบัติภัย” ซึ่งปัจจุบันนยิ มใชก้ นั อย่างกว้างขวางนั้น มีความหมายว่า “อันตรายหรือภัยที่เกิดขึ้นแก่ร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของ บุคคล” คำว่า “อบุ ัติเหตุ” หรือ “อุบตั ภิ ัย” จงึ มีความหมายคลา้ ยกนั คำว่า “อุบัติเหตุ” เป็นคำที่มีที่มาจากคำว่า “อุบัติ” ซึ่งแปลว่า เกิดขึ้น กับคำว่า “เหตุ” ดังนนั้ จริง ๆ แล้ว อุบัติเหตุ หมายความว่า เหตุที่เกิดขึ้น หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์นั้ นจะเป็น เหตกุ ารณ์ดี หรือเหตกุ ารณ์ร้ายกไ็ ด้ แตส่ ว่ นใหญ่แลว้ มกั จะนกึ ถึงเหตุการณร์ ้ายมากกว่าจะเป็นเหตุการณ์ ดี จึงตรงกับคำว่า Accidents ซึ่งจริง ๆ แปลว่าอุบัติภัย แต่คนนิยมใช้กันมาจนเป็นท่ียอมรับแล้วนั่นเอง ดงั น้ันเมอื่ พูดคำว่าอบุ ัตเิ หตุ เราจงึ จะนกึ ถึงคำว่า Accidents ในภาษาอังกฤษ
86 The World Health Organization (WHO) ให้ความหมายของอุบัติเหตุว่า \"An event, independence of the will of man, caused by a quickly action extraneous manifesting itself by injury to body or mind\" อุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุ 2 ประการต่าง ๆ คือ คน และสิ่งแวดล้อม แต่ถ้ากล่าวถึง สาเหตุขออุบัติเหตุจราจร อาจจำแนกสาเหตุออกเป็น 3 ประการ ประกอบด้วย คน (host), พาหนะ (agent), และสภาพแวดลอ้ ม (environment) ตามแนวทางของนายแพทย์ William Haddon ซ่ึงพัฒนา เครื่องมือที่มีบทบาทในการวิเคราะห์อุบัติเหตุและการบาดเจ็บ ในปี ค.ศ. 1970 ที่เรียกว่า “Haddon matrix” ซ่ึงใชก้ นั อยา่ งแพร่หลายจนถึงปัจจบุ ันนี้ โดยนำปัจจัยสาเหตุ มาวิเคราะหแ์ ยกเป็นช่วงเวลาของ การเกดิ เหตุ คอื ชว่ งก่อนชน ระหวา่ งชน และหลังชน เพือ่ หาแนวทางในการปอ้ งกนั อบุ ตั เิ หตุต่อไป ความหมายของการปฐมบาล คำว่า “การปฐมพยาบาล” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้คำนิยามไว้ว่า การ ปฐมพยาบาล หมายถึง การปฏบิ ตั กิ ารขั้นต้นยามฉุกเฉินตามวิธแี พทย์ ก่อนลงมอื รักษาพยาบาล สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ ความหมายของการปฐมพยาบาลว่า “การปฐมพยาบาล” หมายถึง การช่วยเหลือเบื้องต้น ให้แก่ ผู้ได้รับบาดเจ็บ หมดสติ เจ็บป่วยรุนแรงอย่างกะทันหัน ณ ที่เกิดเหตุ โดยใช้อุปกรณ์เท่าที่หาได้ใน ขณะนนั้ กอ่ นทีแ่ พทยจ์ ะมาถงึ หรือก่อนนำสง่ โรงพยาบาล พระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 ให้ความหมายของคำว่า “การปฐมพยาบาล” หมายถึง การปฏิบัติการฉุกเฉินที่เริ่มต้นกระทำเพื่อรักษาชีวิตหรือช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินขณะรอคอย ปฏิบัตกิ ารจากแพทย์ผปู้ ระกอบวชิ าชพี หรือผ้ชู ่วยเวชกรรม ซึ่งตอ้ งไมม่ ีการทำหตั ถการในร่างกาย เว้นแต่ การให้ยาสามัญประจำบ้านหรือยาของผู้ป่วยตามที่แพทย์สั่งไว้ และหมายรวมถึงการแจ้งการเจ็บป่วย ฉกุ เฉนิ การปฏิบตั ิการฉุกเฉนิ ทีก่ ระทำตามคำแนะนำของแพทยห์ รือผชู้ ว่ ยเวชกรรม และการช่วยบคุ ลากร สาธารณสขุ ที่ปฏิบัติการฉุกเฉิน ณ ที่เกิดเหตุการณ์และขณะเคล่ือนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน รวมทั้งการกระทำ อื่นใดที่คณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน (กพฉ.) กำหนดเพิ่มเติมให้เป็นการปฐมพยาบาล ตัวอย่างการ กระทำอื่นใดที่ กพฉ. กำหนดเพิ่มเติม เช่น การใช้เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (Automated external defibrillator: AED) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้น อุปกรณ์ถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษา ปี 2558 ให้เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฐมพยาบาล ดังน้ัน ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงและใช้ AED ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของ ผู้ป่วยหวั ใจหยดุ เต้นนอกโรงพยาบาล อย่างไรกต็ าม ความหมายโดยรวมของคำวา่ “การปฐมพยาบาล” คือ การปฏบิ ัตกิ ารขน้ั ต้น หรอื การช่วยเหลือเบื้องตน้ ในผู้ป่วย หรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก่อนเข้ารักษาทีโ่ รงพยาบาลโดยวิธที างการแพทย์ ตัวอย่างภาวะฉกุ เฉินที่ต้องการการปฐมพยาบาล ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อลดอัตราการเสยี ชีวติ เช่น ภาวะเสยี เลอื ดหรือตกเลือด ภาวะชอ็ กหรือหมดสติ ภาวะหยดุ หายใจหรือหายใจผดิ ปกติ ภาวะหวั ใจหยุดเต้น เป็น ต้น หากเราให้การปฐมพยาบาลผู้ปว่ ยอยา่ งถูกวธิ ี อาจสง่ ผลใหผ้ ้ปู ว่ ยพน้ ภาวะฉกุ เฉนิ ดงั กล่าวได้
87 5.2 หลกั การปฐมพยาบาลเบื้องตน้ ภาวะฉุกเฉินทั้งเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตุฉุกเฉิน สามารถเกิดขึ้นไดทุกเวลาและสถานท่ี โดยเฉพาะอุบัติเหตุ การปฐมพยาบาลตองกระทําอยางรวดเร็วและถูกตอง ดังนั้นจึงไมจําเปนวาผูใหการ ปฐมพยาบาลจะตองเปนแพทยหรือพยาบาลเทานั้น เมื่อมีการบาดเจ็บหรือเจ็บปวยเกิดขึ้น ผูประสบ เหตุการณสามารถใหการชวยเหลอื ไดอยางปลอดภัยหรอื บรรเทาความเจบ็ ปวยได ถาคนสวนมากมีความรู ในการปฐมพยาบาลซึ่งอาจจะชวยเหลือชีวิตผูบาดเจบ็ ไวไดหรือชวยบรรเทาความเจ็บปวย ปองกันไมให อาการของโรคเลวลงและยังชวยปองกันไมใหเกิดความพิการหรือโรคแทรกซอนตามมา เชน ผูบาดเจบ็ เสียชีวิตกอนนําสงโรงพยาบาล หรือเด็กเล็กรับประทานลกู อมติดคอทําใหเสยี ชวี ติ เปนตน สวนอุบัตเิ หตุ อ่ืนๆ เชน บาดแผลจากแมลงสตั วกัดตอย กินยาหรือสารพษิ ซ่งึ พบไดบอยเชนกัน ดงั นั้นจึงควรท่ีจะเรยี นรู ในการปองกันและการปฐมพยาบาลเพอื่ ทีจ่ ะชวยตนเองและผูอนื่ ได้ จดุ มงุ หมายของการปฐมพยาบาล 1. เพือ่ ชวยชวี ติ ยามฉุกเฉิน 2. เพ่อื ปองกันไมใหบาดเจ็บหรอื ไดรบั อนั ตรายมากขึ้น 3. เพ่ือปองกนั ไมใหเกดิ สิ่งแทรกซอนภายหลงั ภาวะฉกุ เฉนิ ทจ่ี ะทาํ ใหผปู วยเจบ็ เสียชีวิตไดอยางรวดเร็ว หากไมไดรับการปฐมพยาบาลทนั ที ไดแก 1. การหยุดหายใจ ทําใหรางกายขาดออกซเิ จน และจะเสียชวี ติ ภายในไมกี่นาที ผปู ฐมพยาบาล จงึ ตองรวู ิธกี าร ผายปอด ซ่งึ วธิ ที ง่ี ายและไดผลดที สี่ ดุ คือ การเปาลมหายใจเขาปอดทางปากหรอื จมูก 2. หัวใจหยุดทำงาน ทาํ ใหไมมีการสูบฉดี เลอื ดเพ่อื นำออกซิเจนไปเลยี้ งรางกาย ผปู ฐมพยาบาล จาํ เปนตองรูวิธสี ําหรับแกไข เพอ่ื ทาํ ใหมีกระแสเลือดไหลเวยี นในรางกาย 3. การเสียเลอื ดจากหลอดเลือดใหญขาด ทําใหเลือดไหลออกจากรางกายอยางรวดเรว็ และจะ ทาํ ใหเสยี ชวี ิต ผปู ฐมพยาบาลจึงตองรวู ธิ กี ารหามเลือด 4. ภาวะชอ็ ก เปนการตอบสนองของศนู ยประสาทสวนกลางในสมองของรางกายทีถ่ กู กระตนุ ด วยความรสู ึกท่ี สงมาจากตาํ แหนงท่บี าดเจ็บ ภาวะชอ็ กจะมคี วามรุนแรงมาก ถามีการสญู เสยี เลือดหรอื น้ำเหลือง (ในราย มีแผลไหม) ช็อกอาจทําใหเสียชวี ิตไดท้งั ท่ีบาดเจ็บไมรุนแรงนกั ดงั นั้นผู้ปฐมพยาบาลจงึ ตองรูวธิ กี ารปอง กันและรกั ษาชอ็ ก ขน้ั ตอนการแจง้ เหตุฉุกเฉิน 1. เมื่อพบเหตกุ ารณเ์ จ็บปว่ ยฉกุ เฉิน 2. ตง้ั สติ และกดหมายเลข 1669 แล้วโทรออก (โทรฟรที กุ เครอื ข่าย) 3. เมื่อเจ้าหนา้ ทป่ี ลายทางรับสาย เตรียมตอบคำถาม ดังต่อไปน้ี - เหตุการณท์ ่ีเกดิ ข้นึ เชน่ อบุ ตั ิเหตุ หรือปวดทอ้ งรุนแรง เปน็ ต้น - อาการผู้เจ็บปว่ ยฉุกเฉินเบ้ืองตน้ รู้สึกตัวหรือไม่
88 - จำนวนผบู้ าดเจบ็ กร่ี าย - สถานทเ่ี กิดเหตุ หรอื จดุ สงั เกตไดง้ า่ ย - ชื่อและเบอรโ์ ทรผู้แจง้ เพือ่ ให้เจ้าหนา้ ทสี่ อบถามอาการเพม่ิ เตมิ - เจา้ หนา้ อาจจะใหค้ ำแนะนำ การชว่ ยเหลือเบื้องต้น - รอรถพยาบาลมาถึง การเจ็บป่วยฉกุ เฉิน หมายถงึ การได้รับบาดเจ็บหรอื เจ็บป่วยกะทันหนั ซ่ึงเปน็ ภยันตรายต่อการ ดำรงชีวิต หรือการทำงานของอวัยวะจำเป็นต้องได้รับการประเมิน การจัดการและบำบัดรักษา อย่าง ทันท่วงที เพื่อป้องกนั การเสยี ชวี ิต หรอื อาการรุนแรงขึ้นของการบาดเจ็บ หรอื อาการเจ็บป่วยนัน้ ลักษณะ อาการฉุกเฉินที่ควรโทรแจ้ง 1669 เช่น หมดสติ ช็อก สะลึมสะลือ เจ็บแน่นหน้าอก หายใจเหนื่อยหอบ ชักเกรง ชักกระตุก มีสิ่งแปลกปลอมอุดตันทางเดินหายใจ เจ็บท้องคลอด คลอดฉุกเฉิน ตกเลือด เลือดออกทางชอ่ งคลอด ปวดท้องรนุ แรง อุจจาระร่วง บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร ได้รับสารพิษ ยาพษิ สัตว์พิษกัดต่อย มีอาการแพ้อย่างรุนแรง ไฟฟ้าช็อต หรือไฟไหม้รุนแรง อุบัติเหตุอื่นๆ เช่น ตกจากที่สูง ถกู ทำรา้ ยร่างกาย 5.3 การปฐมพยาบาลเบอื้ งตน้ กรณีต่างๆ ภาวะฉุกเฉินทําใหประชาชนไดรับการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพยสิน ซึ่งสาเหตุที่ทําให เกิด อุบัติเหตุอาจเกิดจากทั้งตัวบุคคลรวมกับการกระทํา เชน ความบกพรองของรางกาย ความเจ็บ ปวย เรื้อรัง สภาพจิตใจ ขาดความรู หรือขาดความระมัดระวัง เปนตน นอกจากนี้ยังมีสาเหตจุ ากสิง่ แวดลอม เชน สภาพแวดลอมทีอ่ ยูอาศัยอาจมี เศษแกว เศษตะปมู สี ตั วอนั ตราย เปนตน ซ่ึงในทบ่ี ทน้ีจะขอกลาวถึง ภาวะฉุกเฉินที่ตองไดรับการปฐมพยาบาลเบื้องตน เพื่อชวยเหลือชีวิต ผู้บาดเจ็บหรือชวยบรรเทาความ เจ็บปวย ปองกนั ไมใหเกดิ ความพิการหรือโรคแทรกซอนได ดังนี้ 1. บาดแผล และการหามเลือด 2. การหมดสติ เปนลม ชกั 3. การบาดเจบ็ ของกล้ามเนอ้ื และกระดกู ขอเคลด็ ขอเคล่ือน 4. ส่ิงแปลกปลอมอุดกนั้ ทางเดินหายใจ 5. สตั ว์มพี ิษ แมลงกัดตอย 6. รบั ประทานสารพษิ 1. บาดแผล และการหามเลือด บาดแผล บาดแผล (wounds) หมายถึง ลักษณะที่ผิวหนังหรือเยื่อเมือก (mucous membrane) และสวนที่อยูลงไปแยกออกจากกันโดยสาเหตุใด ๆ ก็ตาม ผิวหนังที่เกิดบาดแผล อาจพบ ลักษณะแผลได 2 ลักษณะ คอื
89 1.1 แผลปด (closed wound) เปนบาดแผลที่ไมมีรอยแยกของผิวหนังปรากฏใหเห็น เกิด จากแรงกระแทกของของแข็งทีไ่ มมีคม แตอาจมีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อและเสนเลือดฝอยใตผวิ หนังจึงทํา ใหมีเลือดออกค่งั อยูใตผิวหนัง ถามองจากภายนอกจะเห็นเปนลักษณะช้ำ เชน แผล ฟกชำ้ เปนตน การปฐมพยาบาล (1) ยกและประคองสวนที่บาดเจ็บใหอยู ในทาสบาย (2) ประคบใน 24 ชั่วโมงแรก เพื่อห้ามเลือด หลัง 24 ชั่วโมง ประคบด้วยความร้อน เพอ่ื ลดอาการช้ำบวม หรอื อาการปวด (3) ถามีขอเคลด็ หรอื กระดกู แตกหรอื หัก ใหรบี สงแพทย 1.2 แผลเปด (opened wound) เปนบาดแผลที่ทําใหเกิดรอยแยกของผิวหนัง เชน แผล ถลอก แผลฉีกขาด แผลตดั แผลถูกยิง แผลถกู แทง เปนตน ซึง่ แผลเปดเหลาน้มี กั มีเลอื ดออก บวม แดง ร อน และเจ็บปวด ในกรณีที่แผลอักเสบเนื่องจากการติดเชื้อจะทําให มีหนอง บางคนมีไขหรือตอม น้ำเหลืองบริเวณใกลเคียงโตรวมดวย ถาอักเสบรุนแรงเชื้ออาจลุกลามเขากระแสเลือด ทําใหเกิดภาวะ โลหิตเปนพษิ ได้ การปฐมพยาบาลผ้มู บี าดแผลเปิดแบ่งออกเปน็ 1) แผลถลอก แผลถลอกเป็นแผลเปิดชนิดตื้น ๆ ที่มีผิวหนังชั้นนอกหลุดลอกออก มี เลอื ดออกเล็กนอ้ ย การปฐมพยาบาล 1. ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่จนหมดสิ่งสกปรกเพื่อปองกัน การติดเชื้อ และการ อักเสบของแผล 2. ใชผ้ ้าสะอาดกดท่แี ผลเพือ่ ใหเ้ ลอื ดหยดุ 3. ใส่ยาสำหรบั แผลสด เช่น เบตาดนี อาจปดิ แผลหรอื ไม่กไ็ ด้ ขอ้ ควรระวงั - มโี อกาสเกิดรว่ มกบั การบาดเจบ็ ของอวยั วะภายใน เชน่ บรเิ วณศรี ษะ หนา้ อก หนา้ ท้อง - แผลถลอกที่มขี นาดใหญ่ หรอื แผลท่ีปนเปอ้ื นส่ิงสกปรก อาจตอ้ งรบั ประทานยา ปฏิชีวนะ เพ่ือป้องกนั การติดเชอ้ื - ไม่ควรให้แผลเปียกนำ้ จนกวา่ แผลจะแหง้ เพอ่ื ปอ้ งกันการติดเชอ้ื 2) แผลถูกของมีคมและแผลฉีกขาด เป็นแผลทม่ี กี ารเปิดของผวิ หนงั ถา้ เป็นแผลถูกของ มีคมจะมี ขอบเรียบ ส่วนแผลฉีกขาดเกิดจากของไม่มีคมบาดหรือกระแทกจะมีขอบแผลไม่เรียบ อาจมี เลอื ดออก มากหรือนอ้ ยขนึ้ กบั ขนาด ความลึก และตำแหน่งของแผล การปฐมพยาบาล 1. หา้ มเลือดตามขั้นตอนการหา้ มเลือด 2. ถ้าแผลกว้าง หรือลึก และมีก้อนเลือดหรือสิ่งแปลกปลอมภายในแผล ไม่ต้องล้าง แผล เพราะจะทำใหเ้ ลือดออกมาอกี นำส่งสถานพยาบาล
90 3. ถ้าแผลเล็ก ตื้น ให้ลา้ งแผลดว้ ยนำ้ สะอาดและสบู่ ซบั ให้แหง้ แล้วปดิ ด้วยผ้าปิดแผล หรือ พลาสเตอร์โดยใหข้ อบแผลชดิ กัน 3) แผลที่มีอวัยวะถูกตัดขาด แผลที่มีอวัยวะถกู ตัดขาดส่วนมากเกิดจากของมีคมตัดขาด หรอื เกดิ จากการถกู กระชากหรือกดทบั อยา่ งรนุ แรง การปฐมพยาบาล 1. ห้ามเลือดส่วนท่ถี กู ตดั ขาดโดยใช้ผ้าสะอาดกดลงบริเวณบาดแผลและพันทบั ดว้ ยผา้ ใหแ้ น่น พอควร ยกส่วนน้ันให้สงู ข้นึ 2. เกบ็ อวัยวะส่วนที่ขาดให้ใส่ถุงพลาสติกสะอาด มดั ปากถุงใหแ้ นน่ แลว้ แชใ่ นภาชนะท่ี ใส่น้ำแข็งผสมนำ้ ข้อควรระวัง - ไม่ควรหา้ มเลอื ดโดยใช้การขนั ชะเนาะ หรอื เครอ่ื งมือห้ามเลือด - ห้ามแช่อวยั วะส่วนทขี่ าดในน้ำเกลอื น้ำเปลา่ หรอื นำ้ ยาฆา่ เช้ือโดยตรง - ควรจดเวลาของการเกิดอุบัติเหตไุ ว้ด้วย - รบี นำผู้ปว่ ยเจบ็ สง่ สถานพยาบาลพร้อมอวยั วะสว่ นทขี่ าด 4) แผลเปิดบริเวณผนังทรวงอก แผลเปิดบริเวณทรวงอกเกิดจากของมีคมหรือแรง กระแทกอยา่ งแรง อาจมกี ารบาดเจบ็ ของ อวัยวะภายใน เชน่ ปอด หัวใจ หลอดลม รว่ มด้วย การปฐมพยาบาล 1. ถ้ามีแผลเปิดที่บริเวณผนังทรวงอกให้ใช้พลาสติกขนาดใหญ่กว่าแผลเล็กน้อยปิด แผลและใช้ พลาสเตอร์ปิดไว้ 3 ด้าน อีกด้านหนึ่งปล่อยไว้ให้ลมออกจากแผล เพื่อป้องกันลมคั่งใน ทรวงอก 2. ให้ผู้ป่วยเจ็บนอนตะแคงทับข้างที่มีแผลเปิด ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อ 1 ได้ 3. รีบนำสง่ สถานพยาบาลโดยเรว็ ข้อควรระวงั - หา้ มให้อาหาร ยา และน้ำทางปาก 5) แผลเปิดบริเวณช่องท้อง แผลเปิดบริเวณช่องท้องเกิดจากการถูกแทง ถูกฟัน ถูกยิง หรือถูกกระแทกอย่างแรงที่ท้อง อาจมีเลือดออกมาให้เห็นภายนอก หรือมีเลือดคั่งอยู่ภายในช่องท้อง ปริมาณมากก็ได้ บางครั้งอาจมีก้อนไขมันส่วนของลำไส้ หรืออวัยวะในช่องท้องทะลักออกมาบริเวณ ปากแผล การปฐมพยาบาล 1. ใหผ้ ้ปู ว่ ยเจ็บนอนราบ ชันเข่า เพือ่ ให้หนา้ ทอ้ งหยอ่ น 2. ใช้ผ้าสะอาดปิดแผล และใช้ผ้าอีกผืนพันรอบหน้าท้องระดับเดียวกับปากแผลให้ แนน่ พอควร
91 3. ถ้ามีลำไส้ทะลักออกมา ใช้ก็อซชุบน้ำเกลือล้างแผล หรือผ้าชุบน้ำสะอาด แล้วใช้ พลาสติกสะอาดคลุมปดิ ลำไสไ้ ว้ 4. ป้องกนั การชอ็ กโดยการหม่ ผา้ ให้ร่างกายอบอุ่น 5. รบี นำสง่ สถานพยาบาลโดยเรว็ ข้อควรระวัง - หา้ มให้อาหาร และน้ำทางปาก - ห้ามดันลำไสก้ ลับเข้าไปในชอ่ งทอ้ ง 6) แผลมวี ตั ถุปักคา แผลมวี ัตถุปกั คาอาจเกิดขึ้นไดก้ ับทุกส่วนของรา่ งกาย เชน่ แขน ขา หนา้ อก ชอ่ งทอ้ ง การปฐมพยาบาล 1. ใชผ้ ้าสะอาดวางรอบ ๆ วัตถนุ น้ั แลว้ พันผา้ รอบ ๆ วัตถุใหแ้ น่น เพื่อไม่ให้วัตถุขยบั เขา้ ไปขา้ งใน หรอื เลอ่ื นออกมา 2. รบี นำสง่ สถานพยาบาล ขอ้ ควรระวัง - หา้ มดงึ วัตถนุ ัน้ ออกจากแผล เพราะอาจจะทำให้เกดิ อันตรายต่ออวัยวะขา้ งเคียง หรอื ทำให้ เลือดออกมากขนึ้ - อาจจำเป็นต้องใช้เครื่องมือตัดวัตถุนั้นจากส่วนอื่น เพื่อให้ส่วนที่ติดกับผู้ป่วยเจ็บไม่ ถกู ดงึ ออก หรือขยบั 7) แผลจากสารเคมี แผลจากสารเคมี อาจเกิดจากกรด หรือด่างเข้มข้น ทำให้ผิวหนัง ถูกทำลาย และเกิดแผลที่รุนแรง ผู้ป่วยเจ็บมักมีอาการปวดแสบปวดร้อนมาก ผิวหนังอาจถูกทำลายลึก จนถงึ ชน้ั กล้ามเนื้อ การปฐมพยาบาล 1. ใช้นำ้ สะอาดไหลผา่ นบริเวณแผลมากๆ อย่างน้อย 10 นาที หรอื จนกว่าอาการปวด แสบ ปวดร้อนจะลดลง 2. ถา้ เปน็ บริเวณมอื หรอื ข้อมือ ให้ถอดเคร่ืองประดับออกท้งั หมด 3. ปดิ แผลดว้ ยผ้าสะอาด 4. นำสง่ สถานพยาบาล ขอ้ ควรระวงั - งดจบั ต้องแผลโดยไมจ่ ำเปน็ - หา้ มทายา โลชน่ั หรือครีมทุกชนดิ ลงบนแผล 8) แผลโดนความร้อน แผลโดนความร้อนอาจเกิดจากเปลวไฟ นำ้ ร้อน ไฟฟ้า วสั ดุหรือ เครื่องมอื เคร่ืองใช้ท่มี ีความรอ้ น ความรนุ แรงขน้ึ อยกู่ ับ ปริมาณความรอ้ น ระยะเวลาที่ไดร้ บั ขนาด และ ตำแหน่งของอวยั วะ ทโ่ี ดนความรอ้ น ความรนุ แรงของแผลโดนความร้อนแบง่ ไดเ้ ปน็ 3 ระดบั คอื ระดบั ท่ี 1 ผวิ หนงั เป็นสแี ดง ปวดแสบเลก็ น้อย เชน่ ผิวไหม้จากแดด
92 ระดับที่ 2 ผวิ หนงั พองมีนำ้ ใส ๆ อย่ขู ้างใน ปวดแสบรอ้ นมาก ส่วนมากแผลจะแห้ง และหาย ภายใน 7 - 14 วนั ระดับที่ 3 ผวิ หนงั จะถูกทำลายลกึ ตลอดชนั้ ของหนงั แท้ จนเห็นลักษณะไหมเ้ กรียม หรือเห็น เปน็ เน้อื สีขาว อาจลึกถึงกลา้ มเนอื้ และกระดกู จะไม่มคี วามรู้สกึ เจบ็ ปวด เนอื่ งจากเสน้ ประสาทถกู ทำลายไปหมด การปฐมพยาบาล 1. ใชน้ ้ำสะอาดราดหรือแชบ่ รเิ วณแผล เป็นเวลาอยา่ งนอ้ ย 10 นาที 2. ถอดเครอ่ื งประดบั บริเวณทีโ่ ดนความร้อนออก 3. ปดิ แผลด้วยผ้าสะอาด 4. ถา้ มแี ผลโดนความร้อนเปน็ บริเวณกวา้ ง หรอื บรเิ วณอวยั วะสำคัญ เชน่ ใบหน้า คอ อวัยวะเพศ รบี นำส่งสถานพยาบาล ขอ้ ควรระวงั - ผู้ป่วยเจบ็ ทโี่ ดนไฟคลอก โดนความรอ้ นบรเิ วณใบหน้า อาจมีปัญหาทางเดนิ หายใจ รว่ มด้วย - ผปู้ ว่ ยเจ็บท่ีโดนไฟฟา้ ช็อต ต้องระวังเร่อื งหัวใจเต้นผิดปกติหรอื หยดุ เต้น - ผปู้ ่วยเจบ็ ที่มีแผลบริเวณกว้าง อาจมีอาการช็อก - ห้ามใชน้ ำ้ เยน็ จดั หรือนำ้ แขง็ ราดลงบนแผล - หา้ มดึงสงิ่ ท่ตี ดิ แน่นออกจากแผล เชน่ เสอื้ กางเกง - งดจบั ต้องแผลโดยไมจ่ ำเปน็ - หา้ มทำให้ผวิ หนังที่พองน้ำแตก - ห้ามทายา ยาสฟี นั นำ้ ปลา หรือขี้ผึ้งลงบนแผล 9) บาดแผลถกู ยงิ ทาํ ใหเกดิ การบาดเจ็บภายในท่ีรุนแรง โดยตําแหนงทก่ี ระสุนเขาสรู าง กายบาดแผลจะเลก็ และมขี อบชดั เจน แตตาํ แหนงทกี่ ระสนุ ออก (อาจฝงใน) บาดแผลจะใหญกวาและฉกี ขาดมาก การปฐมพยาบาล - ใหทาํ การหามเลอื ด และรบี นาํ สงโรงพยาบาลโดยทันที เนื่องจากมีการเสยี เลอื ดค อนขางมาก 1.1 การหามเลอื ด วธิ ีการการหามเลือด 1. การกดลงบนบาดแผลโดยตรง วธิ ีน้เี ปนวธิ ีหามเลอื ดท่ไี ดผลดีทส่ี ุด อาจจะใชมอื กดหรือ ใชผาวางบนแผลกไ็ ด โดย (1) กดใหกดแนน ๆ นานประมาณ 10 – 30 นาที (2) เมื่อเลอื ดหยดุ ไหล ใหทาํ แผลและใชผาพัน
93 (3) อยาคลายผาหรือเปลี่ยนผาพันแผลเปนอันขาด เพราะอาจทําใหเลือดออกไดอีก และทําให้เพิ่มความบาดเจบ็ มากขน้ึ ถาเลือดโชกผาพัน ใหใชผาพันทับเขาไปอีกชั้นหน่งึ แทนที่จะเปล่ียนผ าใหม 2. การกดบนเสนเลือดแดงกรณีท่มี เี ลือดออกรนุ แรงใหใชวธิ ีการกดบนเสนเลือดแดงตามจดุ ทสี่ าํ คญั ๆ 4 จุด คอื เสนเลอื ดแดงไปเลี้ยงหนังศรี ษะ เสนเลือดแดงไปเลย้ี งหนา เสนเลือดแดงไปเล้ียงแขน และเสนเลือดแดงไปเลย้ี งขา 1.1.1 การปฐมพยาบาลผูท้ ม่ี เี ลอื ดกำเดาออก เลอื ดกำเดาออก คอื การมเี ลือดไหลออกจากจมกู ซ่งึ อาจเกดิ จากการกระแทกทบ่ี ริเวณจมูก หรือ การแคะจมูก จากการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ หรือมีเนื้องอก หรือเป็นโรคเลือดบางชนดิ พบในเด็ก มากกว่าผู้ใหญ่ 2 เท่า ในเด็กมักมีเลือดกำเดาออกจากด้านหน้าผนังกั้นจมูก ส่วนผู้ใหญ่เลือดจะออกจาก บริเวณผนงั กั้นจมูกหรอื ผนังกน้ั รอ่ งจมกู การปฐมพยาบาล 1. ให้ผทู้ ม่ี ีเลอื ดกำเดาออกน่ัง โน้มตัว หรอื กม้ หน้าเล็กนอ้ ย และให้หายใจทางปาก 2. บอกไมใ่ ห้สั่งน้ำมูก กลืน ไอ ถ่มน้ำลาย หรือสูดจมูก เพราะอาจทำให้เลอื ดกำเดาไหลออกมา อีก 3. ใช้มอื บบี จมูกให้แนน่ 10 นาที แล้วคลายน้ิวออก จะทำใหเ้ ลอื ดแข็งตัว และหยดุ ไหล ถ้าเลือด ยังไหลไม่หยุดให้บีบซ้ำอีก 10 นาที หรืออาจ ใช้กระเป๋าน้ำแข็งวางที่บริเวณดั้งจมูกและหน้าผาก 2- 3 นาที เลือดกำเดาจะหยุดไหลเอง แต่ถ้าเลือดกำเดายังไหลอยู่และนานเกิน 20 นาที หรือสงสัยว่าดั้ง จมูกหกั เพราะแรงกระแทกรุนแรงหรอื ถกู กระแทกบรเิ วณอื่น แล้วมเี ลอื ดออกจากจมูก ซึ่งอาจเปน็ อาการ ของการบาดเจบ็ อวัยวะสำคญั บริเวณอน่ื ได้ เชน่ กะโหลกศรี ษะ ตอ้ งรบี นำส่งโรงพยาบาล 1.2 การปฐมพยาบาลผูปวยหมดสติเน่อื งจากการช็อก อาการช็อก หมายถึง สภาวะทีเ่ ลือดไมสามารถนําออกซเิ จนไปเลี้ยงเนื้อเย่ือตาง ๆ ทั่วรางกาย ให้เพียงพอได สวนใหญการเสียเลือดจะเปนสาเหตุสําคัญที่ทําใหเกิดอาการช็อกได อาการแสดงภาวะ ช็อก คือ หนาซีด เหงื่อออก ตัวเย็นชื้น เหงื่อออกเปนเม็ด ๆ บนใบหนา ปลายมือ – ปลายเทา และ ผิวหนังเย็นชื้น อาจคลื่นไสอาเจียน ชีพจรเบาแตเร็ว หายใจหอบถี่ ไมสม่ำเสมอ รูมานตาขยายโตขึ้นท้งั สองขาง หากไมรบี ปฐมพยาบาลอาจเสยี ชีวิตได การปฐมพยาบาล 1. นําเขาพักในที่รม มีอากาศถายเทไดสะดวก คลายเสอื้ ผาใหหลวม 2. ใหนอนราบไมตองหนนุ ศรี ษะ และควรนอนยกปลายเท้าสูงในชวง 30 นาทีแรก 3. ในรายท่ไี มรสู ึกตวั ใหนอนตะแคงหนาไปขางใดขางหน่ึง
94 4. ทาํ การหามเลือดในกรณีทีม่ บี าดแผลเลอื ดออก 5. หามใหอาหารและนำ้ ทางปาก ควรสังเกตการหายใจเปนระยะ ๆ 6. รีบนาํ สงแพทยโดยดวน 2. การหมดสติ เปนลม ชัก ภาวะการหมดสตินั้นเกิดมาจากหลายสาเหตุ ดังนั้นการชวยเหลือผูปวยข้นั ตนเปนสิ่งสําคัญมาก จำเปนตองอาศัย ผูท่ีมีความรคู วามสามารถทีจ่ ะชวยรกั ษาชีวิตผูปวยไวได ซงึ่ มหี ลักควรปฏิบตั ิดังนี้ 1. ตรวจดใู นปากวามีสง่ิ อดุ ตันทางเดนิ หายใจหรอื ไม ถามตี องรีบนาํ ออกโดยเร็ว 2. จดั ใหผูปวยอยใู นทาทีเ่ หมาะสม โดยใหผปู วยนอนตะแคงไปดานใดดานหนง่ึ 3. คลายเครื่องนุงหมใหหลวม และหามใหนำ้ หรืออาหารทางปาก 4. ทําการหามเลือดในกรณีที่มเี ลือดออก ถามอี าการไมดีข้นึ ใหรบี นําสงโรงพยาบาล การปฐมพยาบาลผูปวยหมดสติเนอ่ื งจากเปนลม เปนลม คือ อาการหมดสติเพียงชั่วคราว เนื่องจากการท่ีเลือดไปเลีย้ งสมองไมพอ เกดิ จากหลาย สาเหตุ เชน เหน่ือยหรือรอนจัด หิวหรอื เครยี ด การปฐมพยาบาล 1. นําเขาพักในท่รี ม มอี ากาศถายเทไดสะดวก 2. ใหนอนราบ และคลายเสื้อผาใหหลวม 3. ใชผาชุบนำ้ เย็นเช็ดเหง่อื ทีห่ นาผาก มือ และเทา การปฐมพยาบาลผูปวยหมดสติเนื่องจากการชกั โรคลมชกั เปนโรคท่เี กดิ จากความผดิ ปกตขิ องเซลลสมองบริเวณผิว จะทาํ ใหผปู วยมีอาการ ผิดปกตทิ างระบบประสาท ตามมาจนไมสามารถควบคมุ ตวั เองได อยางเชน ถาเซลลสมองเกดิ ความ ผดิ ปกติบรเิ วณสวนของการควบคมุ กลามเนอื้ ผปู วยจะมอี าการชักเกร็งกระตกุ เหมือนถกู ไฟฟาชอต ชักแบบเปน ๆ หาย ๆ หรือบางคนอาจมี อาการ เกิดข้นึ เฉพาะสวนใดสวนหนึง่ ของ รางกาย อาจหมดสตหิ รอื ไมหมดสตกิ ็ได แตบางคนกอ็ าจมี พฤตกิ รรมน่ิง เหมอ ลอย การปฐมพยาบาล 1. ถาหากผูทชี่ กั กระตกุ อยูในทีอ่ นั ตราย เชน บนทส่ี ูง บนขน้ั บนั ได หรอื ที่อน่ื ใดอนั อาจกอใหเกิด อันตรายรายแรงได ตองพยายามใหพนจากจดุ อันตรายและหากมวี สั ดุรอบๆ ที่อาจกออันตรายไดให เคลื่อนยายออก 2. อยาพยายามไปล็อกตัวหรือผูกตวั คนทีก่ าํ ลังชักกระตุก ประคองผูปวยใหนอนหรอื นงั่ ลง สอด หมอน หรอื วสั ดุ ออนนมุ ไวใตศรี ษะ ตะแคงศรี ษะใหน้ำลายไหลออกทางมมุ ปาก 3. อยาใสสง่ิ ของเขาไปในปากหรอื งัดปากผูปวย เพราะปกตผิ ปู วยจะไมกัดลิ้นตวั เอง อกี ท้ังวสั ดุ ทใี่ สเขาไปอาจจะหกั หรือขาดหรอื ทําใหฟนหกั หลดุ ไปอุดหลอดลมจนหยดุ หายใจได
95 4. การชักกระตุกโดยปกตจิ ะเปนเวลา 1-2 นาที ถาหากชักกระตกุ นาน ๆ มากกวา 3 นาที หรอื ชักกระตกุ ติด ตอกันเรือ่ ย ๆ ควรรบี นําสงโรงพยาบาลเพอื่ ใหแพทยตรวจรกั ษา 3. การบาดเจ็บของกล้ามเนือ้ และกระดูก ขอเคลด็ ขอเคล่ือน รางกายคนเราประกอบดวยกระดูกจํานวน 206 ชิ้น การเคลอ่ื นไหวของรางกายตองอาศยั การ ทาํ งานของ กลามเน้ือ ถาปราศจากกลามเนอ้ื กระดูก และขอตอตาง ๆ จะไมสามารถเคลอ่ื นไหวไดเลย การบาดเจบ็ ตอกลามเน้อื และกระดกู ทาํ ใหมีการฉีกขาดของกลามเนอ้ื เอ็น ขอตอ เคลอื่ น และ กระดกู หัก ทาํ ใหอวยั วะตาง ๆ เสียหนาท่ีไปไมสามารถทํางานไดตามปกติ การปฐมพยาบาลทีถ่ ูกตอง จะทําใหกระดูกติดกนั ไดเรว็ กลับคนื เปนปกติไดภายหลังทไ่ี ดรับ การรกั ษาที่ถกู ตองจากแพทย ในทางตรงกันขามหากใหการชวยเหลือไมถกู วธิ ี อาจเกิดอันตรายตอชีวติ หรอื เกดิ ความพิการได เชน ผปู วย กระดกู สนั หลงั หัก อาการ ปวด บวม รอน บริเวณท่หี กั ถาจับกระดูกนัน้ โยกหรอื บิดเลก็ นอยจะมีเสยี งดัง กรอบแก รบเนอ่ื งจากปลายกระดกู ทห่ี ักนนั้ เสยี ดสกี นั การเคลือ่ นไหวผดิ ปกติ รปู รางของกระดกู ผิดปกติ อาจมี บาดแผลและพบปลายกระดกู โผลออกมาใหเห็นได จุดประสงคของการปฐมพยาบาลผบู าดเจ็บ กระดูกหัก เพื่อใหสวนทหี่ กั ไดพกั นงิ่ ๆ ไมให เคลื่อนไหว เพอ่ื ปองกันไมใหปลายกระดกู สวนทหี่ กั ไปเสยี ดสีกัน หรอื หลดุ แยกออกจากกนั อาจทําให อวัยวะขางเคยี งถูกทาํ ลาย และเพื่อลดความเจบ็ ปวด นอกจากนยี้ ังทาํ ใหเลอื ดออกนอยลง พยายามตรึง กระดกู สวนทหี่ กั ใหอยูกบั ท่ี โดยใช้วัสดุที่หาไดงาย เชน ไม หรือกระดาษหนงั สอื พิมพพับให้หนารวมทงั้ ผ าและเชอื กสําหรับพนั รัดดวย กระดูกหักโผลออกมานอกเน้อื หามดันกลบั เขาไปเป นอนั ขาด ถามีบาดแผลเลอื ดออกใหทําการหามเลือด และปดแผลกอนทําการเขาเฝอกช่ัวคราว การตรวจบรเิ วณที่หกั ตองทาํ ดวยความระมดั ระวัง เพราะอาจทําใหปลายกระดูกท่ีหกั เคลื่อนมา เกยกัน หรอื ทะลุออกมานอกผิวหนัง การถอดเสือ้ ผาผบู าดเจ็บควรใชวิธตี ัดตามตะเขบ็ อยาพยายามใหผู บาดเจ็บถอดเองเพราะจะทาํ ใหเจ็บปวดเพม่ิ ขึ้น การหกั ของกระดกู ชิน้ สาํ คญั เชน กระดกู เชิงกราน กระโหลกศีรษะ ขากรรไกร คอ และกระดกู สนั หลัง ตองการการดแู ลรักษาที่ถูกตอง เพราะการหักของกระดูกเหลานจ้ี ะทาํ อนั ตรายอยางรนุ แรงตอเนอ้ื เยือ่ ใกลเคยี ง กะโหลกศีรษะ แตก และสนั หลงั หักเปนอนั ตรายมากทีส่ ุด เพราะวาเนอื้ สมองและไขสันหลงั ถกู ทาํ ลาย ชนิดของกระดูกหกั โดยท่วั ไปแบง่ ออกได้ 2 ชนดิ คอื 1. กระดูกหักชนิดปิด คือ กระดูกหกั แลว้ ไมท่ ะลุผวิ หนงั และไม่มบี าดแผลบนผวิ หนงั ตรงบริเวณ ทห่ี กั
96 2. กระดกู หักชนิดเปดิ คอื กระดูกหกั แลว้ ทิม่ แทงทะลผุ วิ หนัง ทำให้มีแผลตรงบรเิ วณที่ กระดูกหัก โดยอาจไมม่ กี ระดูกโผลอ่ อกมานอกผวิ หนังกไ็ ด้ แตม่ แี ผลเหน็ ได้ชดั เจน หลักการดามกระดกู หรอื การเข้าเฝอื กชั่วคราว ( Splint ) โดยมหี ลักในการดามดงั นี้ 1. กระดูกทมี่ ีลกั ษณะหักแบบเปิด ให้ใช้ผ้าสะอาดปดิ คลมุ บริเวณทบี่ าดเจบ็ 2. ห้ามจดั หรอื ดึงกระดกู ใหเ้ ขา้ ท่ี ไม่ว่ากระดูกนั้นจะโก่ง งอ หรอื คด 3. ผูกเฝอื กใหแ้ นน่ พอควร เพ่ือใหเ้ ลอื ดไหลเวียนได้สะดวก 4. ใช้หลักการดังนี้ ” ดามให้เฝอื กอยสู่ งู กว่าส่วนท่ีหักขึน้ ไป 1 ขอ้ และดามใหเ้ ฝือกอยู่ต่ำกว่าสว่ นทห่ี ักลง ไป 1 ข้อ” เช่น กระดกู ปลายแขนหัก (กระดูกแขนที่อยรู่ ะหว่างขอ้ มือจนถงึ ขอ้ ศอก ) ตอ้ งดามใหเ้ ฝือก ยาวกวา่ ขอ้ ศอก และยาวกว่าขอ้ มือ 5. ถา้ มีบาดแผลเปิดร่วมด้วยใหใ้ ช้ผ้าสะอาดหรือผา้ กอ็ ซชปุ NSS ปดิ บรเิ วณกระดกู ท่โี ผล่ และใช้ผ้าพนั ไว้ หลวม ๆ กอ่ นทำการดามกระดกู 6. รีบนำส่งสถานพยาบาล อันตรายท่เี กดิ จากการดาม Splints ท่ไี ม่เหมาะสม 1) Splints และพันแนน่ จนเกนิ ไปจะทำใหร้ บกวนการไหลเวียนโลหติ และกดทับเสน้ ประสาท 2) ส่งตอ่ ลา่ ช้ามผี ู้บาดเจ็บท่มี สี ภาพทเ่ี ป็นอนั ตรายแกช่ วี ิต 3) เพม่ิ การบาดเจ็บตอ่ กระดูกและขอ้ 4) ทำให้เพ่มิ การบาดเจ็บต่อขอ้ ต่อ เสน้ เลือด เสน้ ประสาทและกลา้ มเน้อื การพับผ้าสามเหลย่ี มเพอื่ คลอ้ งแขน (Arm sling) 1. การคลอ้ งแขน (Arm sling) ในกรณที ม่ี ีกระดกู ต้นแขนหกั หรอื กระดูกปลายแขนหัก เม่ือ ตกแตง่ บาดแผลและเขา้ เฝอื กชว่ั คราวเรยี บร้อยแล้ว จะคล้องดว้ ยผ้าสามเหลี่ยมตามลำดบั ดงั นี้ 1.1 วางผา้ สามเหลย่ี มใหม้ มุ ยอดของสามเหลีย่ มอยใู่ ตข้ ้อศอกขา้ งทเี่ จ็บ ใหช้ ายผา้ ดา้ น พบพาดไปทีไ่ หลอ่ กี ขา้ งหน่งึ 1.2 จบั ชายผา้ ดา้ นลา่ งตลบกลบั ขึ้นข้างบน ใหช้ ายผา้ พาดไปท่ไี หลข่ า้ งเดียวกับแขนขา้ ง ที่เจบ็ 1.3 ผกู ชายทงั้ สองให้ปมอยตู่ รงรอ่ งเหนอื กระดูกไหปลาร้า ขอ้ เคลด็ ขอ้ เคลด็ เปน็ การฉีกขาดของเอ็นที่อยรู่ อบ ๆ ข้อและเยื่อหมุ้ ข้อ พบบอ่ ย บริเวณข้อเทา้ ขอ้ มอื และข้อเข่า สาเหตุ เกดิ จากการเคลือ่ นไหวอย่างรวดเร็ว มกี ารบิดหรือการเหวีย่ งอยา่ งแรงตรงบรเิ วณข้อตอ่ เกินกว่าขอ้ น้นั จะสามารถทำได้ เช่น เดินสะดุด หรือก้าวพลาดจากการลงจากทส่ี ูง
97 อาการและอาการแสดง ปวดมาก กดเจบ็ บวม อาจมอี าการชาและเคลือ่ นไหวขอ้ น้ันลำบาก หรือไม่ได้เลย การปฐมพยาบาล - งดการใช้ข้อหรืออวัยวะน้ัน เพอื่ ให้ข้อทีบ่ าดเจบ็ อย่นู ง่ิ ๆ หรอื เคลื่อนไหวนอ้ ยทส่ี ุด และจัดให้อยู่ในท่าทส่ี บาย โดยใชผ้ า้ ยดื พนั รอบข้อนั้นใหแ้ นน่ พอควร - ประคบด้วยความเย็น ใน 24 ชม. แรก หลงั จากนนั้ ใหป้ ระคบดว้ ยความรอ้ น - พยายามยกขอ้ นน้ั ใหส้ ูง ถา้ เปน็ ขอ้ มือ ข้อไหล่ ควรใช้ผ้าสามเหล่ยี มคล้องแขน เพื่อ ลดการบวม - นำสง่ สถานพยาบาล เพือ่ ตรวจให้แน่ใจวา่ เอน็ ยดึ ข้อฉีกขาดอย่างเดียวหรอื มี กระดกู หกั รว่ มด้วย ข้อเคลอ่ื น ขอ้ เคลื่อนเป็นภาวะท่ีหัวกระดูกท่ีประกอบเปน็ ข้อ เคลือ่ นออกจากตำแหน่งปกติ บรเิ วณท่พี บ ไดบ้ ่อย ได้แก่ ข้อมือ ข้อศอก ข้อไหล่ ขอ้ สะโพก กระดูกสะบา้ และขากรรไกร สาเหตุ เกิดจากการกระแทก การเหวยี่ ง การบิด หรอื การกระชากอย่างแรงทีข่ อ้ นนั้ อาการและอาการแสดง ปวดมาก บวมรอบ ๆ ขอ้ กดเจ็บ มีอาการฟกชำ้ ขอ้ ท่ีได้รับอันตราย จะผิดรปู ไปจากเดมิ และความยาวของแขนหรอื ขาข้างท่ไี ด้รบั บาดเจบ็ อาจสน้ั หรอื ยาวกวา่ ปกติ เคล่ือนไหว ข้อน้นั ไมไ่ ดต้ ามปกติ การปฐมพยาบาล - ใหพ้ ักขอ้ อยู่น่ิง ๆ อย่าพยายามดึงขอ้ ทีเ่ คล่อื นให้เขา้ ที่ - ใชผ้ ้าพยงุ ดาม หรือเขา้ เฝือกสว่ นนนั้ ให้อยใู่ นทา่ พกั - รบี นำสง่ สถานพยาบาลโดยเรว็ ขอ้ ควรระวงั หา้ มให้อาหาร ยา และนำ้ ทางปาก 4. ส่งิ แปลกปลอมอดุ ก้ันทางเดนิ หายใจ การสำลัก คือ การที่มสี ิ่งแปลกปลอมตกเขา้ ไปติดอยู่ในทางเดนิ หายใจ ทำใหเ้ กิดการอดุ กั้น ทางเดนิ หายใจอยา่ งกะทนั หนั โดยปกตเิ มอ่ื กลนื อาหาร โคนลน้ิ จะผลักอาหารให้เขา้ ไปอยู่ในคอหอย จากนั้นฝาปดิ กลอ่ งเสียงจะเคลอ่ื นตวั ลงมาปิดทางเขา้ ของกล่องเสยี ง เพื่อปดิ ทางเขา้ ของหลอดลมอยา่ ง อตั โนมัติ ทำให้อาหารทีก่ ำลังจะเคลอื่ นตวั ผา่ นลงไปในทางเข้าของหลอดอาหารไมส่ ามารถหลุดเขา้ ไปใน หลอดลมได้ จึงไม่เกดิ การสำลัก อาจเกดิ การอดุ ตนั ของระบบทางเดนิ หายใจขึ้นได้ หากกระบวนการไม่ เป็นไปอยา่ งปกติและประสาทอัตโนมตั พิ ยายามทีจ่ ะขจัดสงิ่ แปลกปลอมนน้ั ออกจากหลอดลม จึงทำให้ เกดิ อาการสำลกั ข้นึ
98 การเอาสิ่งแปลกปลอมทอี่ ดุ กัน้ ออกจากทางเดนิ หายใจ จะชวยเหลือในกรณีท่ีสง่ิ แปลกปลอมที่อุดกนั้ ออกจากทางเดนิ หายใจชนิดรุนแรงเทาน้ัน โดยจะ มีอาการ คือหายใจไมได หายใจลําบาก ไอไมได พูดไมมีเสียง พูดไมได หนาเริ่มซีด เขียว ใชมือกุมลําคอ ตวั เอง วิธีที่ 1 การรัดกระตุกที่ทองเหนือสะดือใตลิ้นป กรณผี ูปวยยงั ไมหมดสติ ใหผทู าํ การชวยเหลือเขาไปยนื หลังผูปวยท่ีกําลังยนื อยู มือขางที่ถนัดกําหมัดไวตรงหนาทองระหวางสะดือกับลิ้นป มืออีกขางโอบรอบ กําปนหรือใชวิธีประสานมือสองขางเขาดวยกันโดยหันนิว้ โปง เขาหาตัวผูปวย แลวรัดกระตุกเขาหาตวั ผู ทําการชวยเหลืออยางแรง 5 ครั้ง จนพูดออกมาไดหรือจนกระทั่งเห็นสิ่งแปลกปลอมหลุด ออกมาจาก ปาก รปู ที่ 1 แสดงการรดั กระตุกทท่ี องเหนือสะดือใตลิน้ ป่ี วธิ ที ่ี 2 การกระตุกทีห่ น้าอก (chest thrusts) เป็นเทคนิคเดียวกับการรดั กระตุกหรอื กดกระแทกทท่ี อ้ งแตเ่ ลอ่ื นขนึ้ มาทำที่หนา้ อกโดยวาง หมัดไว้ทก่ี ง่ึ กลางกระดูกหนา้ อกแทน ใชใ้ นคนอ้วนมากๆ ทที่ อ้ งมขี นาดใหญ่โอบไมร่ อบ หรอื ใช้ในคนท่ี ตั้งครรภ์
99 รปู ที่ 2 แสดงการกระตุกทีห่ นา้ อก ที่มา: https://meded.psu.ac.th/binlaApp/class01/388- 100/Foreign_Body_Airway/index.html กรณีเด็กโต ใหผูทําการชวยเหลือเขาไปขางนั่งคุกเข่าด้านหลังผูปวยที่กําลังยืนอยู โดยให้หลัง ของผู้ป่วยแบกับหน้าอกของผู้ช่วยเหลือ มือขางที่ถนัด กําหมัดไวตรงหนาทองระหวางสะดือกับลิน้ ป มือ อีกขาง โอบรอบกําปนหรือใชวิธีประสานมือสองขางเขาดวยกันโดยหันนิ้วโปง เขาหาตัวผูปวย แลวรัด กระตกุ เขาหาตัวผูทาํ การชวยเหลอื อยางแรง 5 คร้งั รูปท่ี 3 แสดงการรัดกระตุกทที่ องเหนือสะดอื ใตลน้ิ ปี่ในเดก็ โต การช่วยเหลือกรณเี ดก็ ทารกอายุนอ้ ยกวา่ 1 ปี ท่ียงั รสู้ ติ แต่ไมส่ ามารถไอได้ รอ้ งไมม่ ีเสียง วิธกี ารช่วยเหลือข้นั ตอนน้เี รียกว่า การตบหลงั 5 คร้งั (five back blow or back slap) และการกด หน้าอก 5 ครั้ง (five chest thrusts) ตามข้นั ตอนตอ่ ไปน้ี 1. ผชู้ ว่ ยเหลือนัง่ บนเก้าอ้ีหรอื น่งั คุกเข่า วางเดก็ บนตกั ของผชู้ ่วยเหลือ 2. หากสามารถทำได้ให้ถอดเสอื้ ผา้ เด็กเพื่อใหม้ องเหน็ ตำแหน่งในการตบหลงั และกดหน้าอก 3. ใช้มือข้างหนึ่งประคองศีรษะและกรามเด็กให้มั่นคงในท่าคว่ำหน้า วางตัวเด็กบนท่อนแขน ลักษณะศรี ษะต่ำกว่าลำตวั อาจพักแขนบนหนา้ ขา ระวังอย่ากดบรเิ วณใต้คางหรือคอของทารก 4. ใชส้ ้นมืออีกข้างตบกึ่งกลางระหว่างสะบักทั้งสองข้างในแนวเฉียงลงดว้ ยแรงที่มากเพียงพอให้สิ่ง แปลกปลอมหลดุ ออกได้ ทำซำ้ 5 ครั้ง
100 5. พลิกตัวเด็กทารกกลบั มาในทา่ นอนหงาย ใชม้ ือและแขนทั้งสองข้างประคองตัวเด็ก วางบนท่อน แขนของมืออกี ข้าง ประคองศรี ษะใหม้ ่นั คงลักษณะศรี ษะตำ่ กว่าลำตัว 6. กดหน้าอก 5 ครั้ง บริเวณกึ่งกลางหน้าอกบนกระดูกหน้าอกส่วนล่าง ใต้ต่อเส้นราวนมเล็กน้อย (ตำแหน่งท่ีทำการกดหน้าอกนวดหวั ใจหรอื ซพี ีอาร)์ 7. ตรวจดูว่ามีสิ่งแปลกปลอมออกมาในปากเด็กหรือไม่ หากมีและสามารถมองเห็นได้ชัดให้ใช้น้ิว กวาดส่ิงแปลกปลอมออกมา (finger sweep) แต่หากไม่แน่ใจหรอื มองไม่เหน็ หา้ มใช้นิว้ กวาด 8. หากยังคงมีการอุดกั้นอยู่ ให้ทำการช่วยเหลือซ้ำจนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะหลุดออกมาหรือเด็ก จะหมดสติ 9. หากเด็กหมดสติให้ขอความช่วยเหลือจากระบบการแพทย์ฉุกเฉิน และทำการกดหน้าอกทันที โดยไม่ต้องคลำชีพจร หากมีผู้ช่วยเหลือคนเดียวให้กดหน้าอก 30 ครั้งสลับกับการช่วยหายใจ 2 ครั้ง แต่ หากมีผู้ช่วยเหลือ 2 คน ให้กดหน้าอก 15 ครั้งสลับกับการช่วยหายใจ 2 ครั้ง ในช่วงที่ทำการช่วยหายใจ ใหส้ ำรวจหาส่ิงแปลกปลอมในปากของผู้ปว่ ยทกุ ครั้ง การตบหลงั ทารก 5 ครง้ั การกดหนา้ อกทารก 5 ครั้ง รปู ที่ 4 แสดงการช่วยเหลือกรณีเดก็ อายุน้อยกว่า 1 ปี ทีม่ า: https://meded.psu.ac.th/binlaApp/class01/388100/Foreign_Body_Airway/index.html 5. สตั ว์มพี ิษ แมลงกัดตอย 5.1 สนุ ัขกัด สุนัขกัด (รวมท้ังแมว และสัตว์เล้ียงลูกด้วยนมทกุ ชนิด) เมอ่ื เกิดบาดแผล มโี อกาสทำใหแ้ ผล อกั เสบ ตดิ เช้ือ และอาจตดิ เชอื้ พษิ สนุ ัขบา้ หรอื บาดทะยกั การปฐมพยาบาล 1. ลา้ งแผลใหส้ ะอาดดว้ ยน้ำ และสบู่ 10 – 15 นาที โดยล้างให้ถึงกน้ แผล 2. ทำแผลดว้ ยนำ้ ยาฆา่ เช้อื เชน่ เบตาดีน ถ้าไมม่ ใี ห้ใชแ้ อลกอฮอล์ 3. ปดิ แผลด้วยผ้าสะอาด 4. นำผปู้ ว่ ยเจบ็ สง่ สถานพยาบาล เพ่ือรักษาแผล ฉีดวัคซีนป้องกนั พิษสนุ ขั บา้ และ ป้องกันบาดทะยกั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186