พ่ีนอ้ งก็ตามไป ตอ่ มานนั้ พระเยซูกไ็ ดพ้ บอคั รสาวกตอ่ ไปอีก รวมเป็นอคั รสาวก 12 คน คือ 1.ซีมอนหรอื เปโตร 2.องั ดรูว์ 3.เจมสห์ รอื ยาโคโป (ยาคอบ) 4.จอหน์ หรอื โยฮนั 5.ฟิ ลิปส์ 6.บารโ์ ธโลยิว 7.มทั ธาย (มทั ธาย คนเก็บภาษี) 8.โธมสั (โธมา) 9.เจมสห์ รอื ยาโคโป (บตุ รอาละฟาย) 10เลบบายส์ หรอื อาดาย 11ซีมอน (ชาวคานารอ้ น) 12ยดู า (ผกู้ บฏ) ในระหวา่ งนนั้ กิตตศิ พั ทข์ องพระเยซไู ขจรขจายเล่อื งลอื ออกไปไกล ในฐานะไดท้ รง สนใจความทกุ ขย์ ากเดอื ดรอ้ น ของสามญั ชน และไดช้ ่วยเหลอื เขาเหลา่ นนั้ ไมว่ า่ จะ เป็นผเู้ จ็บป่วยตา่ ง ๆ เป็นผไู้ ดร้ บั ทกุ ขท์ รมาน ผทู้ ่ถี กู ผีสงิ หรอื คนเป็นลมบา้ หมู และคน ง่อยใหห้ ายจากโรคภยั นนั้ ๆ คราวหน่งึ ขณะท่ีพระเยซกู าลงั ยืนเทศนาใหค้ นทงั้ หลาย ฟังอยใู่ นหมบู่ า้ นแหง่ หน่งึ แควน้ กาลเิ ล ก็มีทหารโรมนั หน่งึ เดนิ ทางมาพบคนชมุ นมุ กนั
อยู่ เขา้ ไปดเู ห็นพระเยซกู าลงั ยืนเทศนาอวดอา้ งเกียรติคณุ ของพระเจา้ อยู่ เกิดความ เส่อื มใส ไดข้ อรอ้ งใหพ้ ระเยซูออกไปช่วยรกั ษาโรคใหล้ กู ชายซง่ึ กาลงั นอนป่วยอยทู่ ่ี บา้ น พระเยซไู ดต้ รสั ส่งั นายทหารโรมนั คนนนั้ เป็นความว่า ……….“ทา่ นจงกลบั ไปหาลกู ของท่านเถิด ถา้ ทา่ นเช่ือวา่ ลกู ชายของท่านจะหายจาก ความเจ็บป่วยดว้ ยอานาจของพระเจา้ ……….โรคก็จะอนั ตรายธานหายไปเอง” ……….นายทหารโรมนั คนนนั้ ก็รบี เดินทางกลบั บา้ นดว้ ยความเช่ือ พอถงึ บา้ นก็เห็น ลกู ชายหายจากความเจบ็ ป่วยเป็นปกติ อยา่ งน่าอศั จรรย์ ผลแห่งการเทศนาและการ เขา้ ใจชว่ ยนเหลือผเู้ ดอื ดรอ้ นตกทกุ ขไ์ ดย้ ากทงั้ หลายโดยไมเ่ ลือกหนา้ เชน่ นี้ จงึ ไดม้ ี ผคู้ นแตกต่ืนมาเฝา้ รุมลอ้ มพระองคเ์ ป็นจานวนมาก รวมทงั้ ไดต้ ิดตามไปดพู ระองค์ เป็นขวญั ตา นอกจากชาวแควน้ กาลิเลเองแลว้ ยงั มชี าวเมืองชาวแควน้ อ่ืน ๆ ไดด้ นั้ ดน้ มาเฝา้ พระองค์ แมจ้ ะตอ้ งคา้ งคืนคา้ งแรมก็ไมย่ อ่ ทอ้ : เทศนาบนภเู ขา (Sermon on the Mount ) : ……….เยน็ วนั หน่งึ พระเยซูไดเ้ สดจ็ ขนึ้ ไปบนยอดเขา้ พรอ้ มกบั อคั รสาวก 12 คน แตเ่ ชา้ ตรู่ คงดว้ ยมพี ระประสงคจ์ ะให้ อคั ร สาวกไดส้ มั ผสั กบั รสชาติแหง่ ความสงบ ในบรรยากาศ สว่ นตวั ไกลจากสงั คมมนษุ ย์ แตก่ ็ไมว่ ายท่ีมีฝงู ชนตดิ ตาม พระองคไ์ ป และบงั เอญิ วนั นนั้ ในชว่ งเยน็ มฝี งู ชนตดิ ตาม ขนึ้ มาเฝา้ พระองคเ์ ป็นจานวนมากมายเป็นพเิ ศษ พระองค์ จงึ เสด็จลงไปยงั ท่ีราบบน ภเู ขาซง่ึ มีหญา้ ขนึ้ เป็นหยอ่ ม ๆ มีโขดหนิ ระเกะระกะ ทรงถือเป็น โอกาสดีท่ีจะ พยายาม ทาความเขา้ ใจกบั ฝงู ชนท่ีมาชมุ นมุ กนั อยนู่ นั้ เก่ียวกบั ลกั ษณะ คาสอน ของ พระองคโ์ ดยพระองคไ์ ดต้ รสั วา่ ……….“อยา่ คิดวา่ เรามาทาลายพระบญั ญตั แิ ละคา สอนของศาสดาพยากรณเ์ ลย เรามิไดม้ าทาลาย ………แต่เรามาเพ่อื จะใหส้ าเรจ็ ประโยชน”์ กลา่ วคือพระเยซไู ดส้ ่งั สอนดาเนินตามคาสอนดงั้ เดมิ ของโมเลสในพระ คมั ภรี เ์ ก่า เพียงแต่แกไ้ ขใหด้ ีประเสรฐิ ลกึ ซงึ้ สมเหตสุ มผล มีความหมายย่งิ ขนึ้ กวา่ เดิม
เชน่ ………………โมเลสสอนวา่ หา้ มไมใ่ หฆ้ า่ มนษุ ย์ ………………แตพ่ ระเยซูสอน วา่ ไมใ่ ชแ่ ตไ่ มค่ วรฆา่ มนษุ ยเ์ ทา่ นนั้ แตไ่ มค่ วรโกรธใครดว้ ย ไมค่ วรดา่ ไมค่ วรกลา่ วคา หยาบตอ่ ใคร ๆ ดว้ ย ถา้ ผใู้ ดโกรธหรอื ด่า หรอื กลา่ วคาหยาบ ผนู้ นั้ จะตอ้ งมโี ทษถงึ พิพากษา เพราะผทู้ ่ีจะลา้ งบาปไดน้ นั้ จะตอ้ งทาใจใหบ้ รสิ ทุ ธิ์ ………………โมเสส สอนวา่ ใหท้ าการแกแ้ คน้ เทา่ เหตทุ ่ตี นไดเ้ สยี ไป ………………แต่พระเยซสู อนวา่ การ แกแ้ คน้ เป็นส่ิงไมบ่ งั ควรทาลาย แมน้ ใครเขาตบหนา้ เราขา้ งหนง่ึ ก็หนั อีกขา้ งหน่งึ ให้ เขาตบอกี ดีกวา่ หรอื เขาอยากไดเ้ สอื้ ชนั้ ในของเรา เราก็ควรใหเ้ สอื้ ชนั้ นอกแก่เขาดว้ ย และสอนใหอ้ ภยั มเี มตตา แมแ้ กศ่ ตั รู ………………โมเลสสอนวา่ หา้ มลว่ งประเวณี ทางกายและวาจา ………………แตพ่ ระเยซสู อนวา่ แมแ้ ต่ทางใจ (ความคดิ ) ก็หา้ ม ดว้ ยเช่นกนั ………………โมเลสสอนวา่ ไมค่ วรทราบสาบาน ………………แตพ่ ระ เยซูสอนว่า อย่าสาบานเลยดีกวา่ และคาสอนหนง่ึ พรเยซูทรงสอนท่ีนบั ถือวา่ สาคญั มาก ซง่ึ ปัจจบุ นั ถือวา่ เป็น “กฎทองคาจองครสิ ตศ์ าสนา” (Golden Rule) ก็คอื ………………………” จงปฏบิ ตั ติ อ่ ผอู้ ่ืนเหมือนอยา่ งท่ีเราตอ้ งการใหเ้ ขาปฏบิ ตั ิตอ่ เรา” ………นอกจากนีก้ ็ทรง สอนวา่ ทาบญุ ไมต่ อ้ งเอาหนา้ อยา่ สะสมทรพั ยใ์ นโลกนี้ ระวงั ผเู้ ป็นประปราชญแ์ ต่ใจเป็นสนุ ขั รูค้ นดว้ ย ผลของงานเชน่ เดียวกบั รูจ้ กั ตน้ ไม้ เพราะผลไม้ เป็นตน้ : ผลแหง่ เทศนาบนภเู ขา: ………. เม่ือคาสอนเหลา่ นีแ้ พรห่ ลายออกไป ทาใหค้ นบาง กลมุ่ บางพวกเห็นวา่ คาสอนของพระเยซหู ลายเร่อื งผิดจากคาสอนเดมิ ศาสนายวิ และ ย่งิ พระเยซกู ลา่ วตาหนิผนู้ าศาสนายิววา่ ทาตนไมเ่ หมาะสม เป็นพวกหนา้ ซ่ือใจคด จงึ ทาใหพ้ ระองคม์ ผี เู้ กลียดชงั มาก ทงั้ พวกนกั พรตยิวก็พาอิจฉา คาส่งั สอนใหมข่ องพระ เยซูกลา่ วโดยสรุปความลาบากของพระเยซใู นการส่งั สอนเกิดจากเหตุ 2 ประการ คือ 1. ชาวโรมนั ผมู้ ีอานาจปกครองในเวลานนั้ ไมพ่ อใจ
2. บรรดานกั พรตชาวยิวพากนั รษิ ยาความดขี องพระเยซู ดว้ ยเกรงวา่ พระเยซูจะ ประกาศศาสนาชิงเอาสาวกของตนไปเสยี ……….ในตอนหลงั ๆ ตอ่ มาพระเยซปู ระกาศวา่ จะพาคนทงั้ หลายไปสอู่ าณาจกั รแหง่ สวรรค์ ในทานองวา่ ตนเป็นบตุ รพระเจา้ พวกนกั พรตชาวยิวย่งิ ไมพ่ อใจ มากขนึ้ ไดต้ งั้ ขอ้ คดั คา้ นพระเยซูวา่ พระเยซไู ม่ใช่พระเมสสอิ าห์ (Messiah) ท่จี ะช่วยชาวยิวตาม ทานาย เพราะพระเมสสิอาหน์ นั้ จะตอ้ งเป็น ผแู้ กลว้ กลา้ สามารถเป็นนกั รบไมอ่ ่อนแอ ไมแ่ ตห่ ากมาเพ่ือยยุ งชาตชิ าวยวิ ใหแ้ ตกแยกกนั การท่ีพระเยซูสอนใหค้ นมีความ เมตตากรุณาเสียสละ และใหอ้ ภยั แมก้ ระท่งั แกศ่ ตั รู ผดิ ประเพณีนิยม พวกนักพรต ชาวยวิ จงึ ถือเอามาเป็นเหตสุ าคญั ในการกาจดั การรา้ ย เป็นกบฏตอ่ อาณาจกั รโรมนั เพ่มิ ขนึ้ จากขอ้ หาวา่ สอน ขดั แยง้ ตอ่ คาสอนของโมเลส และบงั อาจอา้ งตนเป็นบตุ ร ของพระเจา้ และเป็นพระเมสสิอาห์ : บนั้ ปลายชีวติ : ……….ภายหลงั ท่ีพระเยซูไดป้ ระกาศศาสนา ไดม้ ีโอกาสส่งั สอนให้ คนเป็นคนดมี ีเมตตา มีความรกั ตอ่ กนั และกนั รวมทงั้ ได้ อนเุ คราะหช์ ว่ ยเหลอื ผตู้ ก ทกุ ขไ์ ดย้ าก ผเู้ จ็บป่วย ผไู้ มม่ ีท่ีพง่ึ ทางใจ กาลงั ประสบผลสาเรจ็ อยา่ งน่าพอใจย่ิง โดย ใชเ้ วลามาเพียง 3 ปี ชีวิตของพระเยซกู ็จะมาถึงซง่ึ อวสาน การอวสานของพระเยซไู ด้ เก่ียวเน่ืองกบั พิธีกินเลยี้ ง (ขนมปังไมม่ เี ชือ้ ) ท่ีเรยี กวา่ เทศกาลปัสคาลส์ ( Pascals) เพ่ือเป็นอนุ สรณถ์ งึ วนั ท่โี มเสลพาชาวยิวหนีออกจากอียิปตพ์ น้ จากความเป็นทาสได้ อนั เป็นอาหารมือ้ สดุ ทา้ ย (the Last Supper) พระเยซูไดป้ ระทบั น่งั บนโตะ๊ ยาวพรอ้ ม อคั รสาวก 12 คน ดเู หมือนพระเยซู จะทรงรูล้ ว่ งหนา้ ดว้ ยวญิ ญาณวา่ จะมีคนมาตาม จบั พระองค์ และมีสาวกคนหน่งึ จะเป็นผทู้ รยศตอ่ พระองค์ ในขณะรบั ประทาน อาหาร กนั อยนู่ นั้ พระองคไ์ ดต้ รสั ปรารภเร่อื งนีใ้ หส้ าวกฟัง สาวกจงึ ไดท้ ลู ถามวา่ จะเป็นใครใน บรรดาพวกตน พระเยซจู งึ ไดร้ บั ส่งั
ก็ผทู้ ่เี อาขนมปังจิม้ ในชามเดยี วกบั พระองคน์ นั้ แหละจะเป็นทรยศ” ถึงกบั รบั ส่งั ตอ่ ไป วา่ “ คนเชน่ นนั้ เกิดมาก็เสียทีเกิด” ยดู าสาวกคนท่ี 12 ไดฟ้ ังเช่นนนั้ คงจะรูส้ กึ ตวั ถึงกบั ถามพระเยซวู า่ “ ทา่ นอาจารยห์ มายถึงขา้ พเจา้ หรอื ” พรเยซกู บั ตรสั วา่ “ ขนมปังนี้ เทา่ กบั เนือ้ รา่ งกายของพระองค”์ แลว้ ทรงหยิบแกว้ ไวนข์ นึ้ พรอ้ มกบั รบั ส่งั วา่ “เทา่ กบั โลหติ ของพระองคเ์ ป็นโลหติ แหง่ สญั ญา ขอใหท้ กุ คนจงทานและด่ืม เราจะไมไ่ ดเ้ สวย รว่ มกนั อีกจนกวา่ ไดร้ ว่ มกนั ใหมใ่ นอาณาตกั แหง่ พระเจา้ (Kingdom of god)” พอ รบั ประทานเสรจ็ ก็ไดพ้ รอ้ มกนั รอ้ งเพลงสรรเสรญิ เกียรติคณุ ของพระเจา้ แลว้ พระเยซูก็ ไดเ้ สด็จเดินทางพรอ้ มกบั สาวกไปยงั ภเู ขามะกอกเทศ (Mount of Olives) แต่ปรากฎ วา่ ระหวา่ งทาง ยดู าสาวกผทู้ รยศไดแ้ อบหนีไป พรเยซจู งึ ไดต้ รสั เตือนสาวกท่ีเหลือ 11 คน ใหร้ กั ซง่ึ กนั และกนั วา่ “เรารกั เจา้ ทงั้ หลายมาแลว้ ฉนั ใด เจา้ จงรกั ซง่ึ กนั และกนั ดว้ ยฉนั นนั้ คนทงั้ ปวงจะรูไ้ ด้ วา่ เจา้ เป็นเหลา่ สาวกของเรา กเ็ พราะวา่ เจา้ ทงั้ หลายรกั ซง่ึ กนั และกนั ” จากนนั้ ก็ไดท้ รง พาสากวเดินทางตอ่ ไปยงั ตาบลเกธเซเมน (Gethsemane) ในระหวา่ งทางกไ็ ดต้ รสั เลา่ ถงึ การท่ีจะมคี นมาทารา้ ยพระองค์ ซง่ึ สาวกตา่ งพากนั ประกาศแข็งขนั วา่ จะยอม ถวายชีวิต ถา้ ตายก็ตายดว้ ยกนั ในขณะท่ีทรงเจรญิ สมาธิอธิษบานจิตหาความสงบ ณ บรเิ วณแหง่ หน่งึ ในตาบลนี้ พรอ้ มทงั้ รบั ส่งั ใหเ้ ฝา้ รกั ษาดแู ลก็ไดม้ พี วกทหารโรมนั โดยยู ดาสาวกผทู้ รยศไดน้ าทางมา พรอ้ มทงั้ ชีต้ วั พระเยซใู หพ้ วกทหารโรมนั ไดเ้ ขา้ จบั พระ เยซู ขณะนนั้ ปิเตอรเ์ ปโตรอคั รสาวกคนสนทิ ของพรเยซู ไดช้ กั ดาบออกตอ่ สปู้ อ้ งกนั มี ผลทาใหท้ หารโรมนั คนหนง่ึ หขู าดไปขา้ งหน่งึ แตพ่ ระเยซหู า้ มวา่ “ผทู้ ่ชี กั ดาบจะพิจารณาเพราะดาบ” พระเยซูก็เลยถกู จบั โดยง่าย เพราะพระองคไ์ ม่ ตอ่ สปู้ อ้ งกนั ตวั ทงั้ ยงั มีสติปลอ่ ยใหจ้ บั ดว้ ยดี ฝ่ายสาวกเลา่ เห็นศาสดาของตนไมต่ อ่ สู้ และยอมใหเ้ ขาจบั ไปแลว้ ก็พาหลบหนีไปดว้ ยความกลวั แมป้ ิเตอรห์ รอื เปโตรก็กลวั
อนั ตราย ไดแ้ ตเ่ ดินติดตามไปในระยะท่หี า่ งไกล มีผถู้ ามวา่ เป็นสาวกของพระเยซไู มใ่ ช้ หรอื ยงั ไมก่ ลา้ ตอบวา่ ใช่ : พระเยซถู กู ตรงึ ไมก้ างเขน: ………. หลงั จากท่ีพระเยซูถกู จบั แลว้ พวกทหารโรมนั ก็ไดน้ าไปสทู่ ่พี ิพากษาโทษ คณะกรรมการ ศาสนาของนกั พรตยิว ไดพ้ พิ ากษาตดั สนิ ใหล้ งโทษประหารชีวติ โดย ตรงึ ไมก้ างเขนแตก่ ารประหารชีวิตนนั้ ตอ้ งนาเสนอขอความเหน็ ชอบตอ่ ปิลาต (Pilate) ผเู้ ป็นหวั หนา้ ปกครองโรมนั ชนั้ แรกปิลาต ……….ก็บา่ ยเบ่ียง แตใ่ นท่ีสดุ ก็ตอ้ ง ประหารชีวิตตามเสยี งสว่ นมาก เพราะประชาชนรอ้ งบอกวา่ “จะรบั บาปเอาเอง” ………. ต่อมาจากนนั้ ในรุง่ ซง่ึ เป็นวนั ศกุ ร์ พวกทหารโรมนั จงึ ใหพ้ ระเยซูแบกไม้ กางเขน เดินทางออกไปสตู่ าบลโกลโกธา (Golgotha) (ซง่ึ แปลวา่ ตาบลเนินหวั กะโหลกผี) อนั เป็นสถานท่ี ประหารคน พรอ้ มกนั นนั้ ก็ไดน้ านกั โทษของบา้ นเมอื งคน อ่ืน ……….อีก 2 คน เพ่ือไปประหารชีวติ โดยตรงึ ไมก้ างเขนเชน่ เดียวกบั พระเยซูเบอื้ งซา้ ย คนหนง่ึ เบอื้ งขวาอกี คนหนง่ึ ในระหวา่ งทางไปสทู่ ่ตี รงึ ณ เนินโกลโกธา นนั้ ไดผ้ ู้ เดนิ ทางตามไปดเู ป็นจานวนมาก มีคนผหู้ นง่ึ เดนิ ทางตามไปแลรอ้ งไหไ้ ปพลางดว้ ย ความสงสาร พรเยซทู รงรบั ส่งั วา่ ………………………“อยา่ รอ้ งไหส้ งสารเราเลย จง รอ้ งไหส้ งสารตวั เองเถิด” ………เม่อื เดินทางถึงตาบลโกลโกธาอนั เป็นเนินประหาร ชีวิตแลว้ พวกทหารโรมนั ก็ไดจ้ บั พระเยซูขนึ้ ตรงึ กบั ไมก้ างเขน เพ่ือเป็นการประจาน เอาตะปตู อกมือท่มี ือเหยียดยาวทงั้ สองขา้ ง สว่ นเทา้ ทงั้ สองขา้ งไขวต้ ดิ กนั แลว้ เอาตะปู ตอก โดยมีนกั โทษถกู ตรงึ ในลกั ษณะเดียวกนั ขา้ งซา้ ยคนหนง่ึ และขา้ งขวาอีกคนหนง่ึ นบั วา่ เป็นการประหาร ชีวติ ดว้ ยวิธีท่เี หีย้ มโหดและเหยียดหยามอยา่ งโจร ในระหวา่ งท่ี
ถกู ตรงึ นนั้ พระเยซู ไดร้ บั การทรมาน อยา่ งแสนสาหสั ในขณะนนั้ ก็ไดท้ รงขอนา้ ด่ืมแลว้ ทรงขอพรจากพระเจา้ และมคี าส่งั วา่ ……… “ขอทรงยกโทษใหเ้ ขาเพราะเขาไดท้ าไปในส่ิงเขาไมร่ ู”้ คาพดู ประโยคนีด้ ู เหมือนถือกนั วา่ เป็นปัจฉิมพจนข์ องพระเยซู ตงั้ แต่เท่ียงวนั ของวนั นนั้ จนถงึ บา่ ย 3 โมง มคี วามวปิ รติ ทางดนิ ฟา้ อากาศ โดยอากาศไดม้ ือครมื้ ท่วั ไปทงั้ แผน่ ดิน พอพระเยซตู รสั ปัจฉิมพจนด์ งั กลา่ วแลว้ ไมน่ าน มีพระโลหิตซมึ จากมือและเทา้ ท่ีถกู ท่ีตปุ ตู อก และพระ ศอ (คอ) ตกแลว้ ก็สิน้ พระชนมช์ ีพไปอยา่ งเหลอื ท่จี ะ ทนทรมานไดเ้ ม่อื พ.ศ. 575 มี พระชนมายุ ได้ 32 พรรษา ทงั้ ๆ ท่ี ยงั หน่มุ และยงั โสด …ตอ่ มาจากนนั้ พวกทหารโรมนั ก็ไดจ้ ดั การนาศพไปบรรจุ การบรรจนุ นั้ ไดเ้ จาะศลิ า เขา้ ไป แลว้ เอาศพบรรจุ เอาแผน่ หนิ กอ้ นใหญ่เป็นฝาปิดปากช่อง มีผคู้ นตามไปดกู าร บรรจศุ พเป็นจานวนมาก และหลายคนไดน้ าเอานา้ หอมไปประพรมหลมุ ศพบรรจศุ พ ดว้ ย พอถึงวนั อาทิตยม์ ีผคู้ นพากนั ไปสกั การะหลมุ บรรศพ แตก่ ลบั ไดพ้ บวา่ แผ่นดนิ ฝา หลมุ ศพไดเ้ คลื่อนออก และไมม่ ีศพอยภู่ ายใน เป็นความเช่ือถือกนั ในหมู่ ครสิ ตศ์ าสนิกชนสว่ นมากวา่ พระเยซูไดท้ รงกลบั ฟื้น คืนชีพเสด็จขนึ้ สวรรค์ อยา่ งไรก็ ตามการท่พี ระเยซูตอ้ งถกู ตรงึ ดว้ ยไมก้ างเขนสิน้ ชีพเช่นนี้ นิกายโรมนั คาทอลิกถือวา่ พระยะโฮวาผเู้ ป็นเจา้ เป็นผทู้ รงพระมหากรุณาธิคณุ อยา่ งหาท่ีสดุ มไิ ดแ้ กม่ วลชน มนษุ ยชาติ ไดป้ ระทานพระบตุ ร (พระเยซ)ู ลงมาเพ่อื เสยี สละ ชีวติ เป็นการไถ่ถอนโทษ บาป (Atonement) ของมนษุ ย์ โดยพลีชีวิตพระบตุ รของพระองคใ์ หเ้ ป็นทาสพลี ………เม่ือพระเยซไู ดถ้ กู ประหารชีวติ ดว้ ยวิธีท่เี หีย้ มโหด และสิน้ ชีพอย่างทรมานไป แลว้ สาวกท่ีเคยหลบหนีเอาตวั รอดนนั้ กลบั ไดค้ ิด โดยเปโตรหรอื ปิเตอร์ อคั ร มหาสาวก ไดป้ ระกาศตวั เป็นสาวกของพระเยซโู ดยเปิดเผยและไดท้ าการยอมสละ ชีวิต ประกาศเผยแพรค่ าส่งั สอนของพระเยซจู น ถกู จบั สง่ ไปกรุงโรม แตก่ ษัตรยิ ์
ผปู้ กครองกรุงโรมนั ตดั สนิ วา่ ไมผ่ ดิ เลยไดโ้ อกาสเผยแพรค่ าส่งั สอนเป็นการใหญ่จน แพรห่ ลายกลายเป็นศาสนา และปิเตอรห์ รอื เปโตรเองก็ได้ รบั ยกย่องว่าเป็นนกั บญุ (Saint) เท่ากบั เป็นอรหนั ตอ์ งคห์ น่งึ ของครสิ ตศ์ าสนาซง่ึ ชาวครสิ ตศ์ าสนิกชนไดพ้ ากนั เรยี กวา่ เซน็ ตป์ ิเตอร์ ตอ่ มาไดก้ ลายเป็น ช่ือของมาวหิ ารสาคญั คือ วิหารเซน็ ตป์ ิเตอร์ ตงั้ อยใู่ นบรเิ วณสานกั วาตกิ นั ในกรุงโรมทกุ วนั นี้ สว่ นยดู าสาวกผทู้ รยศรบั สินจา้ งเป็น เงินเพียง 30 แผน่ ใหท้ หารโรมนั มาจบั อาจารยข์ องตนไปประหารนนั้ ภายหลงั ก็กลบั ไดส้ านกึ ในความผดิ ของตน เสียใจทนอยใู่ นโลกดหู นา้ ใครไมไ่ ด้ จงึ นาเงนิ คา่ จา้ งฆา่ พระเยซูนนั้ ไปบรจิ าคอทุ ิศใหแ้ กค่ นยากจนในโบสถแ์ หง่ หนง่ึ แลว้ ไปผกู คอตาย ประเภทของศาสนาคริสต์ ศาสนาครสิ ตเ์ ป็นศาสนาประเภท “เอกเทวนิยม” คอื นบั ถือพระเป็นเจา้ องค์ เดียว คือ พระยะโฮวาห์ ผทู้ รงสรา้ งและปกครองสากลโลก ประทานพระบตุ ร(พระเยซ)ู ใหถ้ ือกาเนิดในเมืองมนษุ ย์ นิกายในศาสนาครสิ ต์ ในรชั สมยั ของจกั รพรรดิคอนสแตนติน (Constantine the Great) พระองคไ์ ดต้ งั้ ราช ธานีใหมใ่ นภาคตะวนั ออก แถบประเทศตรุ กีในปัจจบุ นั และไดพ้ ระราชทานนามราช ธานีนีว้ า่ \"คอนสแตนติโนเปิล\" (Constantinople) หรอื โรมนั ตะวนั ออกซง่ึ เป็น ศนู ยก์ ลางของอาณาจกั รไบแซนทนี (Byzantine) อาณาจกั รนีม้ ีความอิสระแยกออก จากโรมนั ตะวนั ตก ซง่ึ มีโรม (Rome) เป็นศนู ยก์ ลาง แตเ่ ม่อื นานวนั อาณาจกั รโรมนั ตะวนั ออกมีความเขม้ แข็งและเป็นอิสระในทกุ ดา้ น จงึ ตตี นออกห่างและแยกการ ปกครองเป็นเอกเทศรวมไปถึงการปกครองทางศาสนา มคี วามเป็นอิสระจากกรุงโรม ไมย่ อมรบั ในพระราชอานาจของพระสนั ตะปาปา จงึ ทาใหเ้ กิดการแตกแยกออกเป็น นกิ าย กลา่ วคอื อาณาจกั รโรมนั ตะวนั ตกนนั้ ไดร้ บั อิทธิพลคาสอนของปีเตอร์ ซง่ึ เขา้ ไป
มีสว่ นผสมกลมกลนื กบั บทบาททางสงั คมและการเมือง สว่ นอาณาจกั รโรมนั ตะวนั ออกไดร้ บั อทิ ธิพลทาง วฒั นธรรมของเอเชีย จากจดุ นีเ้ องทาใหศ้ าสนาครสิ ตต์ อ้ ง แยกออกเป็น 2 นิกาย คือ นิกายโรมันคาทอลิก (Roman Catholic) มีศนู ยก์ ลางอานาจอยทู่ ่สี านกั วาตกิ นั (Vatican) กรุงโรม ใชภ้ าษาละตินเป็นภาษา ทางศาสนา ประมขุ สงู สดุ คอื พระสนั ตะปาปา เนน้ วา่ ตอ้ งเป็นผสู้ ืบทอดคาสอนจาก พระเยซู • ประมขุ คือ สนั ตะปาปา และมพี ระท่ีเรยี กวา่ บาทหลวง • เป็นนิกายเดียวท่ีเช่ือเร่อื งนกั บญุ และแดนชาระวญิ ญาณผตู้ าย • รูปเคารพ คือ ไมก้ างเขนท่ีพระเยซถู กู ตรงึ อยู่ นิกายกรีกออรธ์ อดอกซ์ (Greek Orthodox) ไมม่ ศี นู ยก์ ลางอานาจในท่ีใดโดยเฉพาะ เพราะใหค้ วามสาคญั ตอ่ ประมขุ นิกายซง่ึ อยู่ ในประเทศตา่ ง ๆ อยา่ งเทา่ เทยี มกนั โดยเรยี กช่ือประมขุ เหมอื นกนั หมดวา่ ปาตรอิ ารค์ (Patriarch) หรอื อารค์ บชิ อบ (Archbishop) • แยกจากคาทอลิคเพราะเหตผุ ลทางการเมือง • รูปเคารพ คอื ภาพ 2 มติ ิ ตอ่ มาศาสนาครสิ ตน์ กิ ายโรมนั คาทอลคิ ไดแ้ ตกแยกออกไปอีก โดยบาทหลวง ชาว เยอรมนั ช่ือ มารต์ นิ ลเู ธอร์ (Martin Luther) ทา่ นเกิดความไมพ่ อใจตอ่ สภาพการ ปกครองของสานกั วาติกนั จงึ ทาหนงั สือถึงพระสงั ฆราชผเู้ ก่ียวขอ้ ง แตก่ ลบั ไดร้ บั
หมายขบั ออกจากพระศาสนจกั รในปี ค.ศ. 1521 มารต์ ิน ลเู ธอร์ จงึ แยกตนเองออกมา ตงั้ นิกายใหม่ คอื โปรเตสแตนต์ (Protestant) นิกายโปรเตสแตนท์ เช่น ลัทธลิ ูเธอรน์ และแอกลิแคน • ไมพ่ อใจการกระทาคาสอนบางประการของสนั ตะปาปา • เนน้ คมั ภรี ์ ไมม่ ีนกั บวช • รบั ศลี ศกั ดสิ์ ทิ ธิ์เพียง 2 ศีล คอื ศีลลา้ งบาป และศีลมหาสนิท หลักคาสอนของศาสนา ศาสนาครสิ ตเ์ ป็นอีกศาสนาหนง่ึ ในโลกท่มี ปี ระวตั ิศาสตรย์ าวนานกวา่ พนั ปี ยงั คงเป็น ศาสนาท่คี นท่วั ไปใหค้ วามเคารพศรทั ธาในหลกั คาสอนเสมอมา ทกุ วนั นีเ้ รยี กไดว้ า่ เป็นศาสนาท่ีมผี คู้ นนบั ถือเยอะท่ีสดุ เป็นอนั ดบั ตน้ ๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ จะวา่ ไปแลว้ หลกั คาสอนของศาสนาครสิ ตก์ ็มอี ยดู่ ว้ ยกนั หลากหลายแตท่ ุกคาสอนของศาสนาก็ ตอ้ งการมงุ่ เนน้ ใหผ้ คู้ นประพฤติตวั อยใู่ นความดี ละเวน้ ความช่วั ทงั้ ปวงทาใหโ้ ลกเกิด สนั ติสขุ และความสงบสขุ อย่างสมบรู ณแ์ บบ ซง่ึ หลกั คาสอนท่ีน่าสนใจของศาสนา ครสิ ตเ์ องก็มดี ว้ ยกนั หลายประการดงั ท่ีจะระบตุ อ่ ไปนี้ หลักคาสอนทน่ี ่าสนใจของศาสนาคริสต์ แทจ้ รงิ แลว้ ศาสนาครสิ ตเ์ องมีรากฐานการกาเนิดมาจากศาสนายวิ ท่ีมโี มเสสเป็น ศาสดา รวมถงึ เป็นผยู้ ืนยนั วา่ พระผเู้ ป็นเจา้ หรอื พระยะโฮวาทรงไดร้ บั ประทานบญั ญตั ิ มาให้ ศาสนิกชนท่ีนบั ถือครสิ ตศ์ าสนาทกุ คนจะตอ้ งนบั ถือศรทั ธาในพระเยซูเป็นส่ิง สงู สดุ ในชีวิต นอกจากนีย้ งั ตอ้ งจงรกั ภกั ดตี อ่ เพ่ือนบา้ น เพ่ือนมนษุ ย์ ใหเ้ หมอื นด่งั การ รกั ตวั เอง หลักตรีเอกานุภาพ
เป็นหลกั คาสอนท่ีใหเ้ กิดการศรทั ธาในพระเจา้ เพยี งพระองคเ์ ดยี วแต่จะมีทงั้ หมด 3 สภาวะประกอบไปดว้ ย ▪ พระบดิ า เป็นองคพ์ ระเจา้ ผสู้ รา้ งโลกมนษุ ย์ ▪ พระบตุ ร เป็นผทู้ ่เี กิดมาเพ่ือทาการไถ่บาปใหก้ บั มนษุ ย์ ▪ พระจิตร เป็นพระวิญญาณอนั บรสิ ทุ ธิ์เพ่ือเป็นการมอบความรกั และมีการ บนั ดาลใหม้ นษุ ยม์ คี ณุ ภาพชีวิตท่ีดีมากขนึ้ หลักความรัก เป็นหลกั คาสอนเก่ียวกบั เรอ่ื งราวความรกั ในศาสนาครสิ ต์ หมายถงึ ตอ้ งการปรารถนา เพ่ือใหผ้ อู้ ่ืนมคี วามสขุ ใหม้ คี วามเมตตากรุณาตอ่ กนั มีความใหอ้ ภยั ซง่ึ กนั และกนั มี ความยินดเี ม่ือเป็นผอู้ ่ืนไดด้ ีกวา่ มีทงั้ ความรกั ระหวา่ งมนษุ ยก์ บั พระเจา้ และมนษุ ยก์ บั มนษุ ย์ วธิ ปี ฏิบตั ิในศาสนา บญั ญตั ิ 10 ประการ หมายถงึ พนั ธสญั ญาท่ีพระองคท์ รงกระทากบั พวกเขา บญั ญตั ิ สบิ ประการเป็นบญั ญัติท่สี าคญั สาหรบั ชาวครสิ ตด์ ว้ ย แมว้ า่ บญั ญตั สิ าคญั ท่ีสดุ คอื บญั ญตั แิ หง่ ความรกั แตบ่ ญั ญตั ิสบิ ประการเป็นหลกั การท่ีเป็นรูปธรรมเพ่ือการปฏบิ ตั ิ ในชีวิตประจาวนั แมว้ า่ จะเป็นหลกั การท่ีกวา้ งกต็ าม บญั ญตั สิ บิ ประการมีดงั นี้ 1.จงนมสั การพระเจา้ แต่ผเู้ ดยี ว 2. อยา่ ออกพระนามพระเจา้ โดยไมส่ มควร 3.วนั พระเจา้ ใหถ้ ือเป็นวนั ศกั ดสิ์ ทิ ธิ์ 4.จงนบั ถือบดิ ามารดา
5.อยา่ ฆา่ คน 6.อย่าลว่ งประเวณี 7.อยา่ ลกั ทรพั ย์ 8.อยา่ นนิ ทาวา่ รา้ ยผอู้ ่ืน 9.อยา่ คดิ โลภในประเวณี 10.อย่าคิดโลภในสิ่งของของผอู้ ่ืน คัมภรี ข์ องศาสนาคริสต์ คมั ภรี ข์ องศาสนาครสิ ต์ เรยี กวา่ \"คมั ภรี ไ์ บเบลิ (Bible)\" ถือเป็น คมั ภีรศ์ กั ดิส์ ทิ ธิ์ ท่ีเป็น พระวจนะของพระเจา้ แบง่ ออกเป็น 2 ภาค คอื พระคมั ภีรเ์ กา่ หรอื พนั ธสญั ญาเดมิ และพระคมั ภรี ใ์ หม่ หรอื พนั ธสญั ญาใหม่ 1. พันธสัญญาเดมิ (Old Testament) ภาคนี้ เป็นคมั ภีร์ ของศาสนายวิ จารกึ เป็น ภาษาฮิบรู เลา่ เร่อื ง พระเจา้ สรา้ งโลก จนถึงสมยั กอ่ นพระเยซปู ระสตู ิ มีอยู่ 46 คมั ภรี ์ เช่น ความเป็นมาของชนชาติยิว บญั ญตั ิ 10 ประการ ศาสดาพยากรณ์ ฯลฯ 2. พนั ธสัญญาใหม่ (New Testament) จารกึ เป็นภาษากรกี เลา่ เร่อื งตงั้ แตพ่ ระเยซู ประสตู ิ การเผยแพรศ่ าสนา รวมถึงเร่อื งราวของอคั รสาวก และสาวกดว้ ย ภาคนี้ ชาวยิวไมย่ อมรบั วา่ เป็นคมั ภีร์ ในศาสนาตน เพราะไมย่ อมรบั พระเยซูวา่ เป็นบตั รของ พระเจา้ มีอยู่ 27 คมั ภรี ์ พธิ กี รรมทางศาสนา พิธีกรรมสาคญั ในศาสนานีเ้ รยี กวา่ \"พธิ ีศกั ดสิ์ ทิ ธิ์\" มีดงั นี้
1. พิธีบพั ตศิ มาหรอื ศีลลา้ งบาป เป็นพิธีแรกท่ีครสิ ตชนตอ้ งรบั โดยบาทหลวงจะใชน้ า้ ศกั ดิส์ ิทธิ์เทลงบนศีรษะพรอ้ มเจิมนา้ มนั ครสิ มาท่ีหนา้ ผาก 2. พธิ ีมหาสนิทศกั ดิส์ ทิ ธิ์หรอื ศลี มหาสนิท เป็นพธิ ีกรรมรบั ศลี โดยรบั ขนมปังและเหลา้ อง่นุ มารบั ประทาน โดยความเช่ือวา่ พระกายและพระโลหิตของพระเยซู 3. ศลี อภยั บาป เป็นการสารภาพบาปกบั พระเจา้ โดยผา่ นบาทหลวง บาทหลวงจะเป็น ผตู้ กั เตือนส่งั สอนไมใ่ หท้ าบาปนนั้ อีก และทาการอภยั บาปใหใ้ นนามพระเจา้ 4. ศีลกาลงั เป็นพธิ ีรบั ศลี โดยการเจิมหนา้ ผาก เพ่ือยืนยนั ความเช่ือวา่ จะนบั ถือ ศาสนาครสิ ตต์ ลอดไปและไดร้ บั พระพรของพระจติ ทาใหเ้ ขม้ แขง็ ในความเช่ือมากขนึ้ 5. ศีลสมรส เป็นพิธีประกอบการแตง่ งาน โดยบาทหลวงเป็นพยาน เป็นการแสดง ความสมั พนั ธว์ า่ จะรกั กนั จนกวา่ ชีวติ จะหาไม่ 6. ศีลอนกุ รม เป็นพธิ ีสาหรบั การบวชเป็นนกั บวช ไดแ้ ก่ มขุ นายก บาทหลวง และ พนั ธบรกิ ร 7. ศลี เจมิ คนไข้ เป็นพิธีเจิมคนไขโ้ ดยบาทหลวงจะเจมิ นา้ มนั ลงบนหนา้ ผากและมือทงั้ สองขา้ งของผปู้ ่วย ใหร้ ะลกึ วา่ พระเจา้ จะอย่กู บั ตนและใหพ้ ลงั บรรเทาอาการเจบ็ ป่วย สาหรบั นิกายโรมนั คาทอลิกและนิกายออรท์ อดอกซ์ จะมพี ธิ ีกรรมทงั้ 7 พิธี แตส่ าหรบั นิกายโปรเตสแตนต์ จะมีเพียง 2 พธิ ี คือ พิธีบพั ตศิ มาและพิธีมหาสนิทศกั ดสิ์ ิทธิ์ ศาสนาคริสตใ์ นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครสิ ตศ์ าสนาไดเ้ ขา้ มาในยคุ จกั รวรรดนิ ิยมของชาตมิ หาอานาจท่ีชอบลา่ เมืองขนึ้ อนั เป็นการแผข่ ยายดินแดนและแสวงหาทรพั ยากรใหก้ บั ประเทศของตน
ในครสิ ศตวรรษท่ี 16 ดนิ แดนเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตม้ ีความสาคญั ตอ่ การคา้ โลก มากขนึ้ เน่ืองจากมีสินคา้ ท่ียโุ รปตอ้ งการ อีกทงั้ ยงั มีลกั ษณะภมู ปิ ระเทศท่เี ป็นเสน้ ทาง การเดนิ เรอื ระหวา่ งจีนกบั อินเดีย โดยมชี อ่ งแคบมะละกาเป็นสาคญั จงึ เป็นท่ีหมาย ปองของชาตติ ะวนั ท่ีเขา้ มาแสดงหาผลประโยชนใ์ นภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ซง่ึ ชาวตะวนั ตกท่ีเดนิ ทางเขา้ มายงั เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ สว่ นใหญ่จะเป็น บาทหลวง มชิ ชนั นารี พอ่ คา้ โดยมีเปา้ หมายเพ่ือทาการคา้ และแผศ่ าสนาครสิ ต์ โดยมีแรงจงู ใจตา่ ง ๆ ดงั นี้ – แรงจงู ใจทางดา้ นการคา้ เพ่ือแสวงผลประโยชนท์ างการคา้ เน่ืองจากเอเชีย ตะวนั ออกเฉียงใต้ อดุ มไปดว้ ยเคร่อื งเทศ พรกิ ไทย และสินคา้ จากป่า ซง่ึ เป็นสินคา้ ท่ี ชาติตะวนั ตกมีความตอ้ งการสงู – แรงจงู ใจทางดา้ นการคา้ เพ่อื ตอ้ งการคมุ เสน้ ทางทางการคา้ จากตะวนั ตกสู่ ตะวนั ออกโดยแข่งกบั พวกมสุ ลมิ โดยเนน้ เสน้ ทางการคา้ ทางทะเลระหวา่ งจีนและ อนิ เดยี ก็ยงั มแี รงจงู ใจในเรอ่ื งการเผยแพรศ่ าสนาและอดุ มการณท์ างการเมอื ง – แรงจงู ใจทางดา้ นศาสนา เพ่ือตอ้ งการเผยแพรศ่ าสนาไปในดินแดนไกล ๆ ความคไู่ ป กบั การทาการคา้ เป็นนยั ยะสาคญั เพ่ือใหป้ กครองคนพืน้ เมอื งใหง้ า่ ยขนึ้ แต่ก็มีปัญหา การตอ่ ตา้ นมากมายจากชนพืน้ เมือง – แรงจงู ใจทางดา้ นศาสนา สนั ตะปาปาท่ีกรุงโรม ทรงมนี โยบายสนบั สนนุ กษัตรยิ ข์ อง ประเทศในยโุ รป ซง่ึ นบั ถือครสิ ตศ์ าสนานิกายโรมนั คาทอลกิ โดยเฉพาะโปรตเุ กส สเปน และฝร่งั เศส ใหส้ ง่ มชิ ชนั นารเี ดินทางไปเผยแพรศ่ าสนาในตา่ งแดน – แรงจงู ใจในการเผยแพรอ่ ดุ มการณท์ างการเมอื ง เพราะมีความเช่ือม่นั วา่ ตนเป็น ชาติท่ีเจรญิ แลว้ เป็นหนา้ ท่ีหลกั ของคนผิวขาวท่ีจะนาพาความเจรญิ สคู่ นพนื้ เมือง
– อีกทงั้ ในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๘ ชาตติ ะวนั ตกมีความต่นื ตวั ในการพฒั นาอตุ สาหกรรม จงึ มีความตอ้ งการวตั ถดุ บิ และตลาดในการระบายสินคา้ เพ่อื ตอบสนองใหเ้ พียงพอ ตอ่ ความตอ้ งการท่ีสงู ขนึ้ ในบรรดานกั ลา่ อาณานิคมรุน่ แรก ๆ ท่เี ดนิ ทางเขา้ มาในแถบเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ไดแ้ ก่ พวกโปรตเุ กส สเปน เนเธอรแ์ ลนด์ หรอื พวกดดั โดยเฉพาะพวกโปรตเุ กสและ สเปนนนั้ นอกจากจะหาเมอื งขนึ้ แลว้ ยงั นาเอาครสิ ตศ์ าสนานกิ ายโรมนั คาทอลิกเขา้ มาเผยแพรด่ ว้ ย ทาใหฟ้ ิลปิ ปินส์ และมาเก๊า ฯลฯ ยอมรบั นบั ถือครสิ ตศ์ าสนา ต่อมา พวกฝร่งั เศสไดเ้ ขา้ มาลา่ อาณานิคมในแถบเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตไ้ ดเ้ มอื งขนึ้ เชน่ เวยี ดนาม กมั พชู า ลาว และไดป้ ฏบิ ตั ิเช่นเดียวกบั พวกโปรตเุ กสและสเปน คือ ลา่ เมืองขนึ้ ดว้ ยและเผยแพรศ่ าสนาดว้ ย แตไ่ มใ่ ครป่ ระสบผลสาเรจ็ มากนกั ทาใหอ้ ทิ ธิพล ของครสิ ตศ์ าสนาในประเทศเหลา่ นีม้ ีนอ้ ย สว่ นประเทศไทยนนั้ แมไ้ ดร้ อดพน้ จากการ เป็นเมืองขนึ้ แตต่ อ้ งใชอ้ สิ ระเสรแี ก่พวกตะวนั ตกในการเผยแพรศ่ าสนาไดท้ าใหค้ วาม รุนแรงทางการเมืองลดนอ้ ยลง โดยประเทศท่ีไดร้ บั อิทธิพลจากศาสนาครสิ ตจ์ นเป็นศาสนาประจาชาติ ในเอเชีย ตะวนั ออกเฉียงใตม้ ีดว้ ยกนั 2 ประเทศ คือ ฟิลปิ ปินส์ และติมอรต์ ะวนั ออกท่ีลว้ นแต่ ตกเป็นประเทศอาณานิคมของชาตติ ะวนั ตกมาอย่างยาวนาน ซง่ึ ในบรรดาประเทศใน เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ประเทศฟิลิปปินสเ์ ป็นประเทศท่ีมปี ระชากรนบั ถือศาสนา ครสิ ตม์ ากท่ีสดุ จากการนาศาสนาครสิ ตม์ าเผยแผโ่ ดยชาวสเปน ตงั้ แตค่ รสิ ศตวรรษท่ี 16 และดว้ ยการวางรากฐานของสเปน ทาใหอ้ ิทธิพลของศาสนาครสิ ตฝ์ ังรากลกึ ใน สงั คมกระท่งั ปัจจบุ นั การเผยแผ่ครสิ ตศ์ าสนาและการรับวทิ ยาการตะวันตกในประเทศ ไทย
ศาสนาครสิ ตถ์ ือกาเนิดขนึ้ ในประเทศอสิ ราเอล แลว้ เผยแผไ่ ปในยโุ รป กลายเป็น ศาสนาประจาอาณาจกั รโรมนั ตงั้ แตค่ รสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๔ จากนนั้ ไดแ้ พรห่ ลายออกไป ท่วั โลกในยคุ อาณานคิ ม นบั แตค่ รสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๕ เป็นตน้ มา ครสิ ตศ์ าสนาไดเ้ ขา้ มา ในยคุ จกั รวรรดนิ ิยมของชาติมหาอานาจท่ีชอบลา่ เมอื งขนึ้ อนั เป็นการแผข่ ยาย ดนิ แดนและแสวงหาทรพั ยากรใหก้ บั ประเทศของตน แตก่ ารท่ีชาติมหาอานาจจะ รุกรานไทยดงั เชน่ ประเทศอ่ืน ๆ ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตน้ นั้ เป็นไปไดย้ าก เพราะ ประเทศไทยในสมยั นนั้ มคี วามเจรญิ รุง่ เรอื งมีกองทหารท่ีเขม้ แขง็ และพระมหากษัตรยิ ์ ไทยทกุ พระองคท์ รงพระปรชี าสามารถมาก ทาใหป้ ระเทศไทยพน้ จากความเป็นอาณา นิคมของชาติมหาอานาจ ในประเทศไทยศาสนาครสิ ตไ์ ดเ้ ขา้ มาก่อนเม่ือปี พ.ศ. 2052 คอื เขา้ มาพรอ้ มกบั มชิ ช่นั นารใี นสมยั อยธุ ยา โดยบาทหลวงคนแรกช่ือบาทหลวงพอล มชิ ช่นั นารที ่เี ป็นท่รี ูจ้ กั คือหมอบรดั เลยผ์ นู้ าแทน่ พิมพเ์ ขา้ มาในประเทศไทย เป็นคน แรก, หมอแมคคอมคิ ผอู้ ทุ ิศตวั แก่ประชาชนในเมอื งเชียงใหม่ และตงั้ โรงพยาบาลแมค คอมิคในเมืองเชียงใหม่ มคี รสิ ตจกั รตา่ ง ๆ เชน่ ครสิ ตจกั รความหวงั ,ครสิ ตจกั รใจ สมาน, ครสิ ตจกั รสามคั คธี รรมกรุงเทพ, ครสิ ตจกั รรม่ เยน็ , ครสิ ตจกั รสืบสมั พนั ธวงศ,์ ครสิ ตจกั รนา้ พระทยั , ครสิ ตจกั รสะพานเหลือง, ครสิ ตจกั รไมตรจี ิต, ครสิ ตจกั รเทยี นส่งั , ครสิ ตจกั รอิมมานเู อล, ครสิ ตจกั รพระพร, ครสิ ตจกั รพระคณุ เต็มลน้ , ครสิ ตจกั รพระ กิตตคิ ณุ สมบรู ณ,์ ครสิ ตจกั รไทยสามคั คี เป็นตน้ ซง่ึ การเผยแพรศ่ าสนาครสิ ตใ์ น ประเทศไทยสามารถตงั้ ศนู ยศ์ าสนาครสิ ตต์ ่าง ๆใน เชียงใหมไ่ ดถ้ ึง 2000 กว่าศนู ย์ ศาสนาครสิ ต์ แบง่ ออกเป็น 3 นกิ ายใหญ่ คือ 1.นิกายโรมนั คาทอลิก เรยี กสนั้ ๆ วา่ “คาทอลิก” เน่ืองมาจากใชภ้ าษาละตนิ เป็นหลกั มพี ระสนั ตะปาปา เบเนดิกต์ ท่ี 16 เป็นประมขุ สงู สดุ เป็นองคท์ ่ี 265 และมพี ระคาร์
ดนิ ลั พระสงั ฆราช พระสงฆ์ นกั บวช ปกครองและเผยแผศ่ าสนา และมีศนู ยก์ ลางท่ี กรุงโรม มคี ณะนกั บวชทงั้ ชายและหญิง ก่อตงั้ ขนึ้ มาเพ่ือทาตามวตั ถปุ ระสงคข์ องแต่ ละคณะ 2.นิกายออรโ์ ธดอกซ์ สว่ นใหญ่จะยดึ พธิ ีกรรมแบบดงั้ เดมิ ใชภ้ าษากรกี สว่ นใหญ่อยู่ ในรสั เซยี กรกี มีผนู้ าสงู สดุ ของแต่ละประเทศ เรยี กวา่ พระอยั กา (Patriarch) เช่น พระอยั กาแหง่ รสั เซยี พระอยั กาแหง่ คอนสแตนตโิ นเปิล เป็นตน้ ไมม่ ีผนู้ าสงู สดุ ระดบั สากล ในประเทศไทยยงั ไมม่ ีอยา่ งเป็นทางการ บุคคลสาคญั แดน บชี บรดั เลย์ เป็นชาวเมอื งมารเ์ ซลลสั (Marcellus) รฐั นิวยอรก์ สหรฐั อเมรกิ า เกิดเม่ือ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2347 บตุ รคนท่ีหา้ ของนายแดน บรดั เลยแ์ ละนางยนู ชิ บชี บรดั เลย์ บิดาเกิดท่ีเมืองแฮมเดน รฐั คอนเนตทคิ ตั กอ่ นจะยา้ ยครอบครวั มายงั เมืองมารเ์ ซลลสั เม่ือ พ.ศ. 2288 บิดาของหมอบรดั เลยเ์ ป็นผหู้ นง่ึ ท่ีเรม่ิ กอ่ ตงั้ เมืองมาร์ เซลลสั สว่ นมารดา ยนู ิช ตายเม่ือ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2347 เม่ืออายุ 38 ปี หลงั จากท่ี คลอดหมอบรดั เลย์ ทา่ นจงึ ไดม้ ารดาเลีย้ งคอื แนนซี ดแู ลในวยั เด็ก หมอบรดั เลยเ์ ลือกศกึ ษาวชิ าแพทยเ์ พราะในสมยั นนั้ ตอ้ งการมชิ ชานารเี ป็นอยา่ งมาก ระยะแรกศกึ ษากบั ดร.เอ.เอฟ โอลเิ วอร์ ท่ีเมืองเพนนแ์ ยน โดยพยายามแกไ้ ขการพดู ติดอา่ งซง่ึ เป็นมาตงั้ แต่วยั รุน่ โดยการเขา้ กลมุ่ ฝึกพดู ทา่ นเคยไปฟังบรรยายทางการ แพทยท์ ่ฮี าเวริ ด์ ในปี ค.ศ. 1830 และกลบั ไปฝึกปฏบิ ตั ิงานการแพทย์ สลบั กบั การเป็น ครูในหมบู่ า้ น เม่ือสะสมเงนิ ไดเ้ พียงพอจงึ ไปโรงเรยี แพทยท์ ่กี รุงนิวยอรก์ เพ่ือเรยี นและ สอบไดร้ บั ปรญิ ญาแพทยใ์ นเดือนเมษายน ค.ศ. 1833 ระหวา่ งอยทู่ ่นี ิวยอรก์ ได้ ปฏบิ ตั งิ านหาความชานาญ จนสมคั รเป็นแพทยม์ ิชชนั นารกี บั คณะกรรมการพนั ธกิจ
ครสิ ตจกั รโพน้ ทะเล(American Board of Commissioners for Foreign Missions) เพ่ือทางานในเอเชีย หมอบรดั เลยเ์ ป็นผนู้ าแพทยแ์ ผนปัจจบุ นั (แบบตะวนั ตก) เขา้ มาหลายประการ ทงั้ การ ผา่ ตดั และการปอ้ งกนั โรค หมอบรดั เลยเ์ ปิดสถานพยาบาลรกั ษาผปู้ ่วยในบางกอก เป็นครงั้ แรกเม่อื วนั ท่ี 4 สิงหาคม พ.ศ. 2374 ในการรกั ษาโรคในระยะแรก ๆ หมอบ รดั เลยจ์ ะตรวจผปู้ ่วยไดเ้ ป็นจานวนมากเกือบ 70-100 คน ในเวลา 3-4 ช่วั โมง สว่ นมากในช่วงเชา้ มีคนชว่ ยจดั ยาและแจกใบปลิวขอ้ ความในพระคมั ภรี ด์ ว้ ย ในปีแรกเจา้ ฟา้ นอ้ ย (พระบาทสมเด็จพระป่ินเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ) ไดเ้ สด็จมาเย่ยี ม เลา่ ให้ ฟังเร่อื งประเพณีการอยไู่ ฟของมารดาหลงั คลอด หมอบรดั เลยไ์ ดเ้ สนออยากจะสอน ใหค้ นไทยบางคนรูจ้ กั ภาษาองั กฤษแลสอนวชิ าแพทยท์ ่มี ี โดยในชว่ งท่ีมกี ารปลกู ฝี มี หมอหลวงมาศกึ ษากบั หมอบรดั เลย์ และยงั เขียนหนงั สือเพ่อื สอนหมอชาวสยาม เขียนบทความอธิบายวธิ ีการปลกู ฝึ ในภายหลงั รชั กาลท่ี 3 ไดพ้ ระราชทานรางวลั ให้ 250 บาท (เทา่ กบั 145 ดอลลารอ์ เมรกิ นั ในสมยั นนั้ ) ตาราแพทยแ์ ผนปัจจบุ นั เลม่ แรก นีช้ ่ือวา่ ครรภท์ รกั ษา] มีความหนา 200 หนา้ มีภาพประกอบฝีมอื คนไทยประมาณ 50 ภาพ มเี นือ้ หาเก่ียวกบั อาการของโรคในการคลอดและวธิ ีการแกไ้ ขรกั ษา กบั พยายาม สอนใหค้ นไทยเลิกธรรมเนียมการอยไู่ ฟ ซง่ึ เป็นสาเหตสุ าคญั ท่ีทาใหม้ ารดาหลงั คลอด เสยี ชีวิต สิ่งท่สี รา้ งช่ือเสียงใหห้ มอบรดั เลย์ คือการผา่ ตดั มีการผา่ ตดั กอ้ นเนือ้ ท่ีหนา้ ผากของ ผปู้ ่วยรายหนง่ึ เม่อื วนั ท่ี 24 สงิ หาคม 1985 โดยไมม่ ยี าสลบ และอีกหนง่ึ การผา่ นตดั ท่ี ไดร้ บั การจารกึ ไวค้ อื เม่อื วนั ท่ี 13 มกราคม 1837 เกิดเหตรุ ะเบดิ ของปืนใหญ่ท่งี านวดั บรเิ วณวดั ประยรุ วงศาวาส มีคนตาย 8 คน และบาดเจบ็ จานวนมาก หมอบรดั เลยไ์ ด้ ตดั แขนของชายหนมุ่ คนหนง่ึ ถึงเหลอื หวั ไหล่ ในภายหลงั วนั ท่ี 7 กนั ยายน 1840
หมอบรดั เลยไ์ ดบ้ นั ทกึ ไวว้ า่ ไดต้ ดั แขนเด็กท่ีไดร้ บั อบุ ตั ิเหตบุ นเรอื ฝร่งั เศส นอกจากนี้ ยงั มกี ารบนั ทกึ วา่ วนั ท่ี 2 พฤศจิกายน 1837 หมอบรดั เลยไ์ ดใ้ ชเ้ วลาทงั้ วนั ในการแกไ้ ข กรามบนของชายท่ีกรามหกั ในงานวนั เม่อื 6 วนั กอ่ น ในบนั ทกึ ของหมอบรดั เลย์ ยงั บนั ทกึ การผ่าตดั รกั ษาตอ้ กระจกหลายครงั้ รวมถึงการ ผา่ ตดั ตอ้ เนือ้ เชน่ เม่อื วนั ท่ี 10 พฤศจิกายน 1836 มีพระภกิ ษุรูปหนง่ึ จากสโุ ขทยั เดนิ ทางมา 15 วนั พาพ่ีชายท่ตี าบอดเพราะการอกั เสบมาตรวจ แตช่ า้ เกินกวา่ จะ รกั ษา หลงั จากนนั้ 4 ธนั วาคม 1836 พระภิกษุรูปเดิมพาพระจากสโุ ขทยั 5 รูป มา ตรวจตา มีรูปหนง่ึ อายุ 80 ปี เป็นตอ้ เนือ้ ก็ไดร้ บั การผา่ ตดั ลอกตอ้ ออกได้ ยงั มีการ ผา่ ตดั ตอ้ กระจกขนุ นางผใู้ หญ่ เช่น เม่ือวนั ท่ี 18 มนี าคม 1844 ไดผ้ า่ ตดั ตอ้ กระจก เจา้ พระยาพลเทพ อายุ 73 ปี ซง่ึ อีก 2 เดอื นตอ่ มาไดใ้ หใ้ สแ่ วน่ ก็เห็นไดช้ ดั เจนดี บทท่ี 14 ศาสนาอสิ ลาม ประวตั ิศาสนา ศาสนาอสิ ลาม เป็นศาสนาท่ีถือกาเนิดขนึ้ ในนครมกั กะฮ์ ประเทศซาอดุ ิอาระเบีย หลงั พทุ ธศกั ราชประมาณ ๑,๑๑๓ ปี ผทู้ ่นี บั ถือ ศาสนาอิสลาม เรยี กวา่ มสุ ลิม แปลวา่ ผู้ แสวงหาสนั ติ หรอื ผนู้ อบนอ้ มตอ่ ประสงคข์ องพระเจา้ มสุ ลิม นบั ถือพระผเู้ ป็นเจา้ ท่ีย่งิ ใหญ่ ทรงพระนามวา่ พระอลั ลอฮ์ พระอลั ลอฮท์ รง เลอื กบคุ คลท่พี รอ้ มดว้ ยคณุ ธรรมอนั สงู สง่ ในแตล่ ะยคุ แตล่ ะสมยั ใหเ้ ป็นศาสนทตู ของ พระองค์ มหี นา้ ท่ีนาขอ้ บญั ญตั ทิ างศาสนามาเผยแพรแ่ กม่ วลมนษุ ย์ ศาสนทตู องค์ สดุ ทา้ ย คอื นบมี ฮุ มั มดั ทา่ นเป็นอาหรบั กาเนดิ ท่ีเมอื งมกั กะฮ์ มารดาช่ือ อามีนะฮ์ เป็นชนในเผา่ กรุ อ็ ยชฺ ทา่ นศาสดาเป็นกาพรา้ ตงั้ แต่เยาวว์ ยั ในเวลาตอ่ มาจงึ ตอ้ งไปอยู่ ในความอปุ การะของอาบฏู อลบิ ผเู้ ป็นลงุ โดยช่วยลงุ เลีย้ งปศสุ ตั ว์ คา้ ขาย และทางาน
อ่ืน ๆในครอบครวั เม่ือโตเป็นหนมุ่ ไดไ้ ปทางานกบั นางคอดญี ะฮ์ เศรษฐีมา่ ย โดยทา่ น ทาหนา้ ท่ีควบคมุ กองคาราวานสนิ คา้ ไปขายยงั ประเทศใกลเ้ คยี ง ซง่ึ ในเวลาตอ่ มาทงั้ สองก็ไดแ้ ตง่ งานกนั มีบตุ รธิดาดว้ ยกนั ๖ คน ในสมยั ท่ีทา่ นศาสดาถือกาเนิดนนั้ สงั คมอาหรบั อยใู่ นสภาพท่เี ส่อื มโทรมมาก ผคู้ นม่วั สมุ ด่ืมนา้ เมาและเลน่ การพนนั การละเมิดประเวณีเกิดขนึ้ เป็นประจา มีการฝัง เดก็ หญิงทงั้ เป็นเพราะถือวา่ เป็นสิ่งอปั มงคล การแกแ้ คน้ ดว้ ยการประหตั ประหารเป็น เรอ่ื งปกติผคู้ นงมงายกบั การบชู ารูปเคารพ และการประกอบพกี รรมตา่ ง ๆ ท่สี นิ้ เปลือง และไรส้ าระ ทา่ นศาสดาพยายามหาหนทางแกป้ ัญหาในสงั คมท่ีทา่ นพบเห็นอยเู่ สมอ จนกระท่งั วนั หนง่ึ ขณะท่ีทา่ นหลบไปหาความสงบวิเวกในถา้ บนภเู ขาอริ อฮ์ เทวทตู ญิบ รออีลก็ไดน้ าโองการของพระเจา้ (พระอลั ลอฮ)์ มาประทานแก่ทา่ น ทา่ นศาสดามฮุ มั มดั จงึ เรม่ิ ประกาศศาสนา คนแรกท่ีเขา้ รบั นบั ถือ ศาสนาอสิ ลาม ก็คือ นางคอดีญะฮ์ ผู้ เป็นภรรยา การประกาศศาสนาชว่ งแรกเต็มไปดว้ ยความยากลาบากและถกู ต่อตา้ น เพราะ ศาสนาอิสลาม ทาใหผ้ มู้ อี ทิ ธิพลเสียผลประโยชน์ รวมทงั้ ใหค้ นท่วั ไปซง่ึ นบั ถือ รูปเคารพตา่ ง ๆ ขดั เคือง หลงั จากประกาศศาสนาได้ ๑๓ ปี ทา่ นศาสดา และสาวกไดล้ ภี้ ยั จากการตามลา้ ง ผลาญของชาวเมืองมกั กะฮ์ โดยไปอยทู่ ่เี มืองมะดีนะฮ์ ปีท่ที า่ นศาสดามฮุ มั มดั อพยพ มาอยเู่ มอื งมะดีนะฮน์ ี้ ถือเป็นการเรม่ิ ตน้ นบั ศกั ราช อิสลาม เรยี กวา่ ฮิจเราะหศ์ กั ราช (ฮ.ศ.) จนกระท่งั ถึงปี พ.ศ.๑๑๗๓ ทา่ นศาสดาก็สามารถรวบรวมผคู้ นกลบั ไปยดึ เมือง มกั กะฮไ์ วไ้ ด้ โดยปราศจากการสรู้ บใหเ้ สยี เลอื ดเนือ้ ทา่ นศาสดาใหท้ าลายรูปเคารพ ตา่ ง ๆ และประกาศนริ โทษกรรมแก่ชาวเมอื งท่เี คยเป็นปฏปิ ักษต์ อ่ ท่าน หลงั จากนนั้ ทา่ นศาสดามฮุ มั มดั กไ็ ดก้ ลบั ไปเมอื งมะดนี ะฮ์ ตอ่ มาภายหลงั ชนอาหรบั เผา่ ตา่ ง ๆ และประเทศขา้ งเคียงกไ็ ดส้ ง่ ทตู เขา้ มาขอเป็นพนั ธมิตรบา้ ง เพ่อื ขอรบั นบั ถือ ศาสนา
อสิ ลาม ศาสนาอิสลาม จงึ ไดแ้ พรข่ ยายไปท่วั ดินแดนตะวนั ออกกลาง อินเดีย และท่ี อ่ืน ๆ นบั ตงั้ แต่บดั นนั้ ทา่ นศาสดามฮุ มั มดั ถงึ แก่กรรมเม่ือ พ.ศ. ๑๑๗๕ ตรงกบั ฮ.ศ. ๑๑ ในขณะท่ี ทา่ นศาสดามชี ีวติ อยตู่ งั้ แตเ่ ป็นเด็กเลยี้ งแพะ จนกระท่งั เป็นศาสดา และเป็นประมขุ แหง่ ประชาชาตอิ าหรบั ทา่ นไดด้ ารงตนเป็นผเู้ สมอตน้ เสมอปลาย อยงู่ ่าย กินง่าย มี เมตตากบั ทกุ คน โดยเฉพาะผทู้ ่ียากไร้ และต่าตอ้ ย ทา่ นไมถ่ ือยศถือศกั ดิ์ มีกาลงั ใจ เขม้ แข็ง มีความยตุ ิธรรม และความซ่ือสตั ยเ์ ป็นเลศิ จนไดร้ บั ฉายาตงั้ แตส่ มยั เป็นหนมุ่ วา่ “อลั ลามีน” ซง่ึ แปลวา่ ผซู้ ่อื สตั ย์ ประวัตศิ าสดา ศาสดาของศาสนาอสิ ลามคือทา่ น นบี มฮุ มั หมดั การเกดิ ทา่ นศาสดามฮุ มั หมดั เกิดท่นี ครมกั กะฮฺ ประเทศซาอดุ อิ ารเบีย ซง่ึ เป็นประเทศท่ีตงั้ อยู่ แถบตะวนั ออกกลาง เกิดเม่ือเวลาเชา้ ตรูข่ อง วนั ท่ี 12 เดอื น รอ่ บีอลุ้ เอาวลั ปีชา้ ง ซง่ึ ตรงกบั วนั ท่ี 22 เมษายน ค.ศ.571 หรอื พ.ศ.1114 เม่ือทา่ นอบั ดลุ มฏุ ฏอลิบ ผเู้ ป็นป่ไู ด้ ทราบข่าวการเกิด จงึ ไดร้ บี ไปเย่ียมและไดต้ งั้ ช่ือใหห้ ลานชายวา่ มฮุ มั หมดั ผไู้ ดร้ บั การ สรรเสรญิ เชือ้ สาย บิดาของท่านช่ือ อบั ดลุ ลอฮฺ เป็นบตุ รของอบั ดลุ มฏุ ฏอลิบ บตุ รของฮาชมิ บตุ รของอบั ดลุ มะนาฟ บตุ รของกศุ ็อย บตุ รของกิลาบ มารดาของทา่ นช่ือ อะมนี ะฮฺ บตุ รของวะฮบั บตุ รของอบั ดลุ มะนาฟ บตุ รของชรุ อฮฺ บตุ รของกิลาบ บิดาและมารดาของท่านศาสดา มฮุ มั หมดั เป็นตน้ ตระกลู เดียวกนั หรอื เผ่าเดยี วกนั คือเผา่ กเุ รช บิดาของทา่ น เสยี ชีวิต
ในขณะท่ที า่ นอยใู่ น ครรภม์ ารดา และตอ่ มามารดาของทา่ นก็เสียชีวิตอีก ในขณะท่ี ทา่ นมีอายไุ ด้ 6 ปี ทา่ นศาสดาจงึ ไดไ้ ปอยกู่ บั ป่ชู ่ือ อบั ดลุ มฏุ ฏอลบิ คุณลกั ษณะของทา่ นศาสดา ทา่ นศาสดามฮุ มั มดั เป็นบคุ คลท่เี พียบพรอ้ มไปดว้ ยความประเสรฐิ หลายดา้ น เชน่ ความสจั จะ ความซ่อื สตั ย์ ทา่ นไดร้ บั สมญานาม อซั ซอดิก ผมู้ วี าจาสจั จะ และ อลั อะมีน ผทู้ ่มี คี วามซ่อื สตั ย์ การสมรส ทา่ นไดร้ บั การยกย่องและขนานนามว่า ” อลั อามนี ” แปลวา่ ผซู้ ่อื สตั ย์ ความยตุ ิธรรม และการไดร้ บั ความ ไวว้ างใจของท่านนีเ้ องทาใหท้ า่ นหญิงคอ่ ดญี ะฮฺ ซง่ึ เป็นนายจา้ ง ของท่าน จงึ ไดข้ อแต่งงานกบั ทา่ น ซง่ึ ขณะนนั้ ทา่ นอายไุ ด้ 25 ปี สว่ นทา่ นหญิงคอ่ ดญี ะฮฺอายไุ ด้ 40 ปี ซง่ึ เป็นแมห่ มา้ ย ทา่ นหญิงคอ่ ดีญะฮฺไดส้ นิ้ ชีวิตลงก่อน ฮิจเราะฮฺ ประมาณ 3 ปีกวา่ ซง่ึ ขณะนนั้ ทา่ นศาสดามฮุ มั หมดั มีอายุ 50 ปีเตม็ ดงั นนั้ ทา่ นทงั้ สองจงึ ใชช้ ีวิตรว่ มกนั ไมน่ อ้ ยกว่า 25 ปี และตลอดเวลาอนั ยาวนานนนั้ ทา่ นศาสดามฮุ มั หมดั มีภรรยาเพียงคนเดยี วเทา่ นนั้ คือ ทา่ นหญิงคอดญี ะฮฺ ทงั้ ๆท่ีใน ประเทศอาหรบั ขณะนนั้ การมภี รรยาหลายคนจะเป็นเหตกุ ารณป์ กติหรอื เป็นเร่อื ง ธรรมดาสามญั ก็ตาม ประเภทของศาสนาอสิ ลาม ศาสนาอสิ ลามเป็ นศาสนาเอกเทวนิยม นับถือพระเจา้ องคเ์ ดยี ว คอื อลั ลอย์ นิกายของศาสนาอสิ ลาม
1. นิกายซุนนีห์ มาจากคาวา่ \"ซนุ นะห\" ซง่ึ หมายถงึ \"จารตี ท่ีนบั ถือกนั มาแตเ่ ดิม\" อนั ไดแ้ ก่ จรยิ วตั รและคาพดู รวมทงั้ คาชีข้ าดในปัญหาใดปัญหาหน่งึ ของศาสดาซง่ึ ท่าน รบั รอง นกิ ายนีจ้ งึ มลี กั ษณะแบบอนรุ กั ษน์ ิยม คณุ ประยรู ศกั ดิ์ ชลายนเดชะ (ประยรู ศกั ดิ์ ชลายนเดชะ.ม.ป.ป.:110-111 ) ไดก้ ลา่ ว วา่ นิกายนีเ้ ป็นพวกท่ีไมย่ อมออกเสียงเลือกอาลีเป็นผรู้ บั ช่วงอานวจการปกครอง ผนู้ บั ถือนิกายนีน้ ิยมสวมหมวกสีขาวเป็นสญั ลกั ษณ์ และเรยี กช่ือผปู้ กครองระดบั สงู สดุ ของ อิสลามวา่ \"คอลีฟะห\"์ หรอื ภาษาไทยออกเสยี งวา่ \"กาหลบิ \" มีผนู้ บั ถือนิกายนีเ้ ป็น จานวนมากประมาณกนั วา่ 85% โดยกระจายไปท่วั โลก โดยมีประชาชนตอนใตข้ อง ประเทศไทยนบั ถืออยดู่ ว้ ย 2. นิกายชีอะฮ (the Shia) ภาษาอาหรบั เรยี กนิกายนีว้ า่ \"ชีอะตลุ อาลี\" ซง่ึ เรยี กสนั้ ๆ วา่ \"ชีอะฮ\" แปลวา่ \"พรรคอาลีกลา่ วคือ เป็นพวกท่ียอมรบั อาลี (ซง่ึ เป็นบตุ รเขยของ ศาสดามฮุ มั มดั ) วา่ เป็นคอลฟี ะหต์ อ่ จากศาสดา ผนู้ บั ถือนิกายชีอะฮนิยมสวมหมวกสี แดง ตาแหน่งผปู้ กครองระดบั สงู สดุ ของศาสนาเรยี กวา่ \"อิหมา่ ม\" 3. นิกายซูฟี (Sufis) ชาวมสุ ลินบางคนในนิกายชีอะฮพยายามท่ีจะนาเอาความรู้ ความเขา้ ใจและประสบการณจ์ ากศาสนามาสมั พนั ธก์ บั ชีวติ ภายในเพ่ือคน้ หาความรู้ และความรกั ในอลั ลอฮจงึ เกิดกกลมุ่ ความเช่ือท่ีแยกตวั ออกมาจากนิกายชีอะฮ เรยี กวา่ \"ซูฟี\" คาวา่ \"ซฟู ี\" นี้ อาซมิ นนั จิ (Azim Nanji. 1988:341) ไดอ้ ธิบายวา่ มาจาก \"ซฟุ \" (sut) ท่แี ปลวา่ \"ขนสตั ว\"์ ซง่ึ มสุ ลิมผเู้ ครง่ ครดั ศาสนาในสมยั โบราณนิยมน่งุ เป็น เคร่อื งน่งุ หม่ อาจารยแ์ สง จนั ทรง์ าม (แสง จนั ทรง์ าม.2567: 63-64 ) ไดก้ ลา่ ววา่ พวกซูฟีนีจ้ ะจดั ให้ มีพิธีเตน้ ราศกั ดิส์ ิทธิ์ทกุ ปี ซง่ึ เป็นพิธีลกึ ลบั ท่ีจดั ขนึ้ มาเพ่ือราลกึ ถึงบรู พาจารยผ์ ใู้ ห้ กาเนิดคอื ดจาลลั ออดดนิ รูมิ (Djalal Od-din Rumi) ซง่ึ ถึงแก่กรรมท่ีกอนยา
(Konya) แหร่ ฐั อนาโตเลีย (Antolia) เม่ือ 700 ปีมาแลว้ เม่อื วนั เวลาผา่ นไป พธิ ีนีก้ ็มี การขยายเพ่มิ เตมิ และจดั ทาใหเ้ ป็นระเบยี บมากย่งิ ขนึ้ และเรยี กพธิ ีนีว้ า่ \"เซมา\" (Sema) นอกจากการเตน้ ราในพธิ ีเซมาแลว้ ซฟู ีอาจจะใชว้ ิธีการทาสมาธิและกระทา รุนแรงอกี หลายอยา่ ง เช่น การอดอาหาร การท่มิ แทงรา่ งกาย การกินถ่านรอ้ นจดั การ เคยี้ วแกว้ และใบมีดโกน การเอาใบหอกแทงใตต้ า ทงั้ หมดนีต้ งั้ อยบู่ นหลกั การท่ีสาคญั คือ ระเบียบวินยั ความยากจนและความความอดกลนั้ พวกซฟู ีก็ถกู มสุ ลิมกลมุ่ อ่นื ๆ กลา่ วหาวา่ เป็นพวกท่ที าใหศ้ าสนาอิสลามเล่อื มลงและไมย่ กย่องใหเ้ ป็นนิกายหน่ึง พวกท่นี บั ถือนิกายนีจ้ ะปรากฎอยทู่ ่วั ไปในตะวนั ออกกลาง บางสว่ นของประเทศตรุ กี อริ กั และอิหรา่ น เป็นตน้ 4. นิกายเคาะรจิ ติ (Kharijites) หรอื เคาะวารจิ (khwarij) นิกายนีแ้ ตกแยกออกมา เพราะความคิดเห็นทางการเมอื งเป็นพืน้ ฐาน กลา่ วคือ เป็นพวกท่ไี มย่ อมรบั วา่ อาลี เป็นเคาะรฟิ ะฮ จงึ ขอแยกตวั ออกไป การแยกตวั ไปเชน่ นีจ้ งึ ถกู เรยี กวา่ \"เคาะวารจิ \" เพราะคาวา่ \"เคาะวารจิ \" อาซิม นนั จิ (Azim Nanji.1988:334) ไดแ้ ปลความหมายวา่ \"ผจู้ ากไป\" หรอื \"ผแู้ ยกออกไป\" นิกายนีค้ อ่ นขา้ งเครง่ ศาสนามาก และนยิ มเรยี กตนเอง วา่ \"อบิ าด\"ี ( Ibadi) หลักคาสอนสาคญั ของศาสนาอิสลาม หลกั คาสอนสาคญั ของศาสนาอิสลาม จะเนน้ เรอ่ื งความศรทั ธาหรอื ความเช่ือโดย ปราศจากการระแวงสงสยั และการปฏิบตั ติ นอยา่ งเครง่ ครดั ๑. หลักศรัทธา ๖ ประการ ๑. ศรทั ธาตอ่ พระอลั เลาะฮ์ ผเู้ ป็นมสุ ลิมตอ้ งศรทั ธาตอ่ พระอลั เลาะฮเ์ พียง พระองคเ์ ดยี ว
๒. ศรทั ธาตอ่ เทพบรวิ ารของพระอลั เลาะฮ์ ผเู้ ป็นมสุ ลมิ ตอ้ งศรทั ธาวา่ เทวทตู มีจรงิ ๓. ศรทั ธาตอ่ พระคมั ภรี ท์ งั้ หลาย ผเู้ ป็นมสุ ลิมตอ้ งศรทั ธาตอ่ คมั ภีรท์ ่พี ระเจา้ ประทานมาให้ ๔. ศรทั ธาตอ่ บรรดาศาสนทตู ผเู้ ป็นมสุ ลมิ ตอ้ งศรทั ธาตอ่ บรรดาศาสนทตู ซง่ึ ถือ เป็นท่พี ระเจา้ เลอื กสรรวา่ เป็นคนดีเหมาะแก่การเป็นผปู้ ระกาศศาสนา ๕. ศรทั ธาในวนั พิพากษา ผเู้ ป็นมสุ ลมิ ตอ้ งเช่ือว่า เม่ือถึงวนั ท่โี ลกแตกดบั พระเจา้ จะเป็นผพู้ ิพากษามนษุ ยต์ ามกรรมดแี ละกรรมช่วั ท่ีไดท้ าไว้ ๖. ศรทั ธาในกฎสภาวะของพระเจา้ ผเู้ ป็นมสุ ลิมตอ้ งเช่ือวา่ พระเจา้ เป็นผลู้ ขิ ิตชีวติ มนษุ ย์ ๒. หลักปฏบิ ัติ ๕ ประการ ชาวมสุ ลมิ จะตอ้ งปฏบิ ตั พิ ธิ ีกรรมทางศาสนาดว้ ยกาย วาจา และใจ หลกั ปฏิบตั ิ ๕ ประการ ในศาสนาอิสลาม ไดแ้ ก่ ๑. การปฏิญาณตน เป็นการประกาศตนยอมรบั ดว้ ยความศรทั ธาและความ บรสิ ทุ ธิ์ใจวา่ พระอลั เลาะฮเ์ ป็นพระเจา้ สงู สดุ เพียงองคเ์ ดียวเทา่ นนั้ และยอมรบั วา่ ทา่ นนบีมฮุ มั มดั เป็นศาสนทตู ของพระเจา้ ๒. การละหมาด เป็นการนมสั การพระเจา้ ทงั้ ทางรา่ งกายและจติ ใจ โดยปฏิบตั ิวนั ละ ๕ เวลา คอื ย่ารุง่ กลางวนั เยน็ พลบค่า และกลางคืน ๓. การถือศีลอด เป็นการงดการบรโิ ภคอาหาร เครอ่ื งด่ืม และการมเี พศสมั พนั ธ์ ตงั้ แตพ่ ระอาทิตยข์ นึ้ จนถึงพระอาทติ ยต์ กดินเป็นเวลา ๑ เดอื น ตามกาหนด ซง่ึ จะมีใน
เดอื น ๙ เรยี กวา่ เดือนรอมาฏอน การถือศีลอดนีเ้ ป็นการฝึกฝนรา่ งกาย และจิตใจใหม้ ี ความอดทน การเข้ามาของศาสนาอสิ ลามในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ศาสตราจารยม์ ศั อดู อลั ฮซั ซนั ไดก้ ลา่ วถึงการเขา้ มาของศาสนาอิสลามในภมู ิภาค เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ในหนงั สอื History of Islam ไวด้ งั นี้ หมเู่ กาะตา่ ง ๆ ทางทะเลใต้ ซง่ึ รวมกนั อยใู นอาณาบรเิ วณท่ี เรยี กกนั ว่ า “มาลยั ทวีป” มาตงั้ แต่ตน้ พทุ ธศตวรรษท่ี 12 อนั ไดแ้ ก่ เกาะสมุ าตรา เกาะชวา เกาะบาหลี เกาะ บอรเ์ นียว เกาะสลุ าเลวี หรอื เกาะะเซเลเบส เกาะมะละกา และเกาะนิวกินี ในบรเิ วณ นนั้ ทงั้ หมด เดิมเคยไดร้ บั อารยธรรมแหง่ ศาสนาพราหมณ์ และศาสนาพทุ ธ นิกาย มหายาน จากอนิ เดยี มาตงั้ แต่ตน้ พทุ ธศตวรรษท่ี 12 จนกระท่งั ถงึ พทุ ธศตวรรษท่ี 19 ความเปล่ยี นแปลงท่เี ก่ียวกบั วฒั นธรรมทางศาสนา ไดเ้ กิดขนึ้ ในพทุ ธศตวรรษท่ี 14 เม่อื พ่อคา้ อาหรบั ไดน้ าเรอื สินคา้ ลาแรกของชนชาตอิ าหรบั มาตดิ ตอ่ ทาการคา้ ขาย และเผยแพรศ่ าสนาอสิ ลามเป็นครงั้ แรก ทางเกาะสมุ าตราเหนือ เม่ือพ.ศ.1389 โดย แวะจอดเรอื ขนึ้ ท่เี มืองทา่ “อาเจ๊ะ” (บนั ดาอาเจ๊ะ) แลว้ ตงั้ ศนู ยก์ ารคา้ และศนู ยก์ ลาง การแพรศ่ าสนาอิสลามขนึ้ ณ เกาะสมุ าตราเหนือ โดยมีครูสอนศาสนาอิสลามช่ือ “มาลกิ อลั ซอและห”์ ทาการสอนศาสนาอสิ ลามใหแ้ ก่ เจา้ เมอื ง และครอบครวั ของเจา้ เมืองปาลสั จนกระท่งั ปรากฏวา่ ธิดาคนหนง่ึ เจา้ ของ เมอื งเปอรล์ กั บงั เกิดความศรทั ธาอย่างแรงกลา้ ถงึ กบั สมรสกบั โตะ๊ ครูมาลิก อลั ซอ และห์ ในปีพ.ศ.1840 ปรากฏวา่ สลุ ตา่ นมสุ ลมิ คนแรกของเมืองปาไซไดว้ ายชนมล์ ง และไดม้ ีการฝังศพตามพิธีศาสนาอิสลาม และมีหลกั ศิลาจารกึ ดว้ ยอกั ษรอาหรบั ปักไว้ บนหลมุ ศพของทา่ นสลุ ตา่ น ซง่ึ แสดงวา่ ศาสนาอสิ ลามไดแ้ ผ่ขยายเขา้ มาสมู่ ลายใู น ตอนกลางพทุ ธศตวรรษท่ี 19 ซง่ึ นบั วา่ เป็นการแพรข่ ยายท่ีรวดเรว็ มาก
ซง่ึ นกั เผยแพรศ่ าสนาอสิ ลามคนสาคญั คือ อิบนีบาตเู ตาะห์ ชาวมอรอคโค เชือ้ สาย อาหรบั ทา่ นไดต้ งั้ ศนู ยก์ ารเผยแพรศ่ าสนาอิสลาม นกิ ายซนุ นี โดยมีเปา้ หมายท่ีจะทา ใหร้ าชาซอและห์ ผมู้ อี านาจอทิ ธิพลนบั ถือศาสนาอิสลาม ดว้ ยเหตนุ ีเ้ ม่อื ราชาซอและห์ เกิดความเสื่อมใสศรทั ธาในศาสนาอสิ ลามแลว้ พระองคก์ ็ไดท้ รงช่วยเผยแพรศ่ าสนา อสิ ลามไปในหมพู่ สกนิกรของพระองค์ ไดจ้ ดั ระบบเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง ตามพระบญั ญตั ิแหง่ พระคมั ภรี อ์ ลั กรุอาน อยา่ งครบถว้ นสมบรู ณ์ ทาใหอ้ าณาจกั รของ พระองคก์ ลายเป็น รฐั สลุ ตา่ นท่ีเขม้ แขง็ พระองคไ์ ดจ้ ดั คณะผเู้ ผยแพรอ่ อกไปยงั หมู่ เกาะตา่ ง ๆทางภาคทะเลตะวนั ออก ของเกาะสมุ าตราอีกดว้ ย ทาใหศ้ าสนาอสิ ลาม นกิ ายซนุ นีซง่ึ เป็นศาสนาใหมไ่ ดเ้ ขา้ ไปสมู่ าลายู และภาคใตข้ องสวุ รรณภมู ิ ตลอดจน ใชอ้ ิทธิพลทางการเมืองทาใหร้ ฐั ใกลเ้ คยี งกลายเป็นรฐั อิสลามไปดว้ ย การขยายตวั ของศาสนาอสิ ลามในระยะนี้ ไดแ้ ผข่ ยาย เขา้ มาสตู่ อนใตข้ องประเทศไทย และปรากฏหลกั ฐานวา่ เจา้ ผคู้ รองนครทางภาคใตข้ องประเทศไทยในระยะนนั้ จนถงึ เมืองนครศรธี รรมราช ปรากฏวา่ เป็นผนู้ บั ถือศาสนาอสิ ลาม ระยะเวลาเกือบ 700 ปี มาแลว้ ประกอบกบั ทางกรุงสโุ ขทยั ก็ปรากฏหลกั ฐานการคา้ กบั ประเทศกลม่ อุ าหรบั มหี ลกั การภาษาอิหรา่ นอยใู่ นศิลาจารกึ ของพ่อขนุ รามคาแหง สว่ นประเทศอหิ รา่ นก็ ปรากฏมีถว้ ยชามสงั คโลก สมยั กรุงสโุ ขทยั ปรากฏอยมู่ ากมาย จากหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ และวตั ถพุ ยานมากมาย เป็นเคร่อื งชีช้ ดั วา่ คากลา่ ว ของทา่ นอาจารย์ มรว.คกึ ฤทธิ์ ปราโมช ท่ีกลา่ วไวใ้ นตอนตน้ วา่ “สาหรบั ศาสนาอิสลาม หรอื คนท่นี บั ถือศาสนาอสิ ลามนนั้ มอี ยใู่ นดินแดนไทยตงั้ แตเ่ รม่ิ ประวตั ิศาสตรข์ องชาติ ไทย เพราะวา่ ศาสนาอิสลามไดเ้ ผยแพรเ่ ขา้ มาถึงอนิ โดนีเซียและในแหลมมลายนู นั้ ก่อนท่ีคนอีกเผา่ หนง่ึ จะไดเ้ คลือ่ นมาจากยนู านได…้ ..” นบั วา่ ในดนิ แดนสวุ รรณภมู ินี้ มี คนพนื้ เมืองเดิม ซง่ึ นบั ถือศาสนาอิสลามไดอ้ ยมู่ าก่อนแลว้ น่นั เอง
หากดจู ากหลกั สาคญั 5 ประการแตด่ งั้ เดิมของศาสนาอิสลามแลว้ จะเห็นไดว้ า่ มีหลกั บางอยา่ งท่ขี ดั แยง้ กบั ลกั ษณะของชาวเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ท่ยี งั นิยมนบั ถือ วญิ ญาณตา่ ง ๆ อยู่ ศาสนาอิสลามจงึ ไมน่ ่าท่ีจะมีอิทธิพลและแพรห่ ลายในดินแดนนี้ ได้ หลกั สาคญั ของศาสนาอสิ ลาม 5 ประการอนั เป็นการกาหนดหนา้ ท่ีของมสุ ลิม มี ดงั นีค้ อื 1. ตอ้ งมคี วามเช่ือวา่ ไมม่ พี ระเจา้ องคอ์ ่ืน นอกจากพระอลั เลาะห์ และพระมะหะหมดั คอื ศาสดาผนู้ าคาส่งั สอนของพระอลั เลาะหม์ าเผยแพรแ่ กม่ นษุ ย์ 2. มสุ ลมิ ตอ้ งสวดออ้ นวอนวนั ละ 5 ครงั้ คือ กอ่ นอาทิตยข์ นึ้ ตอนเท่ียง ตอนบา่ ย กอ่ น อาทิตยต์ กตอนเย็นและตอนกลางคนื กอ่ นสวดตอ้ งทาตวั ใหบ้ รสิ ทุ ธิ์ และเวลาสวดตอ้ ง หนั หนา้ ไปยงั เมืองเมกกะ และสวดเป็นภาษาอาหรบั ในวนั ศกุ รค์ วรไปสวดรว่ มกบั มสุ ลมิ อ่ืน ๆ ท่สี เุ หรา่ ซง่ึ ตามหลกั ของศาสนาอสิ ลามแลว้ ตา่ งเทา่ เทียมกนั หมด และมี ความสมั พนั ธต์ อ่ กนั ประดจุ พ่ีนอ้ ง 3. มสุ ลิมควรใหท้ านแกค่ นยากจน 4. มสุ ลิมควรอดอาหารในเดือนเกา้ ตามหลกั อสิ ลาม ซง่ึ เรยี กวา่ เดอื นรอมดอน มสุ ลิม จะด่มื นา้ หรอื รบั ประทานอาหารใด ๆ ไมไ่ ดเ้ ลย นบั แตพ่ ระอาทิตยข์ นึ้ จนพระอาทติ ย์ ตก รวมทงั้ ละเวน้ จากการหาความเพลดิ เพลินนานาประการดว้ ย 5. มสุ ลมิ ควรเดนิ ทางไปแสวงบญุ ท่ีเมืองเมกกะ ถา้ หากมีโอกาสท่ีจะทาไดอ้ ยา่ งนอ้ ยก็ ครงั้ หนง่ึ ในชีวิตจะเหน็ ไดว้ า่ หลกั สาคญั ๆ ของศาสนา เช่น ไมม่ พี ระเจา้ องคอ์ ่ืนใด นอกจากพระอลั เลาะหน์ นั้ ขดั ตอ่ ความเช่ือของชาวเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตท้ ่วั ๆ ไป ท่ี นิยมบชู าพระเจา้ หลายองคด์ ว้ ยกนั ทงั้ ในศาสนาพราหมณ์ และศาสนาพทุ ธ
แต่ชาวเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตส้ ว่ นใหญ่ในคาบสมทุ รมลายแู ละหมเู่ กาะอินโดนีเชีย สามารถรบั นบั ถือศาสนาอสิ ลามไดน้ นั้ ก็เพราะวา่ ภายหลงั ท่ีพระมะหะหมดั เสดจ็ ดบั ขนั ธไ์ ปแลว้ ศาสนาอิสลามก็มีการเปลี่ยนแปลงไปบา้ งตามกาลเวลาเพ่ือใหเ้ ขา้ กบั ความรูส้ กึ นึกคิดของคนในชาติตา่ ง ๆ ในดนิ แดนท่ีศาสนาอสิ ลามแพรห่ ลายเขา้ ไป เกิด มนี กิ ายตา่ ง ๆ แตกแยกออกไปหลายนิกาย เพ่ือท่ีชาวพืน้ เมอื งนนั้ จะไดน้ าไป ผสมผสานใหเ้ ขา้ กบั วฒั นธรรมประเพณีดงั้ เดมิ ของตนได้ ประเพณีความเช่ือถือดงั้ เดมิ ของชนชาติตา่ ง ๆ เหลา่ นี้ จงึ ถกู นามาผสมผสานเขา้ กบั หลกั ของศาสนาอิสลาม จนใน ท่สี ดุ ก็ยากท่จี ะแยกแยะออกไดว้ า่ หลกั ใด พิธีใด เป็นของศาสนาอิสลาม และหลกั ใด พิธีใด เป็นประเพณีดงั้ เดิมของชาวพืน้ เมือง อสิ ลามท่ีผา่ นการววิ ฒั นาการเช่นนีแ้ ลว้ น่นั เองท่ีเป็นอิสลามท่เี ผยแพรเ่ ขา้ มายงั เอเชีย ตะวนั ออกเฉียงใตใ้ นเมอื งชมุ ทางทางการคา้ ตา่ ง ๆ อย่างแพรห่ ลาย และไมม่ ีอปุ สรรค ใด ๆ ในทางศาสนาในการท่ีชาวเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตจ้ ะหนั มานบั ถือศาสนา อสิ ลามมีหลกั ฐานแสดงวา่ อิสลามท่ีแพรเ่ ขา้ มายงั ภมู ภิ าคสว่ นนีเ้ ป็นนกิ าย ‘ซฟู ี’ ซง่ึ เป็นนิกายท่ีนิยมพิธีตา่ ง ๆ ท่ลี กึ ลบั และนิยมอภินหิ าร ซง่ึ เขา้ กบั ความนิยมดงั้ เดิมของ ชาวเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตไ้ ดเ้ ป็นอย่างดี อิสลามไดแ้ พรเ่ ขา้ มายงั อนิ โดนีเซียก่อน ชาวอนิ โดนีเซียไดร้ บั เอาหลกั การของศาสนาอิสลาม เขา้ มาผสมผสานกบั ประเพณี ดงั้ เดมิ ของตน เชน่ เดียวกนั กบั ท่ีเคยกระทาเม่ือรบั เอาศาสนาพราหมณ์ หรอื ศาสนา พทุ ธมาก่อนแลว้ น่นั เอง ดงั นนั้ อนิ โดนีเซียจงึ รบั เอาหลกั การและการปฏิบตั ทิ างศาสนา อิสลามเขา้ ไปผสมผสานกบั ประเพณีความเช่ือแตเ่ ดมิ ของตน ความเช่ือดงั้ เดมิ ยงั มี บทบาทอยปู่ ระชาชนในแถบหมเู่ กาะอินโดนีเซีย และแหลมมลายู รบั เอาศาสนา อสิ ลามโดยมีปัจจยั สาคญั สนบั สนนุ ดงั นีค้ อื
1. ถึงแมห้ ลกั ศาสนาอสิ ลามประการหน่ึงจะบง่ ไวว้ า่ มสุ ลมิ ทกุ คนมคี วามเสมอภาค เท่าเทียมกนั หมดในสายตาของพระเจา้ แต่ในระยะหลงั หลกั ของศาสนาอิสลามมีการ เปล่ยี นไปบา้ งดงั กลา่ ว จงึ เกิดมีความเช่ือเรอ่ื งอานาจความศกั ดสิ์ ิทธิ์นอกเหนือจาก ธรรมชาติ ซง่ึ เป็นอานาจจากพระเจา้ ถ่ายทอดมายงั บคุ คลสาคญั ในสงั คมเชน่ กษัตรยิ ์ เรยี กอานาจเช่นนีต้ ามภาษาอาหรบั วา่ Karamat ความเช่ือเช่นนี้ สอดคลอ้ งกบั ชน ชนั้ สงู ของชาวอินโดนีเซีย เก่ียวกบั อานาจอนั ศกั ดสิ์ ิทธิ์ของเทพเจา้ ทางศาสนาฮินด-ู พทุ ธ ท่เี รยี กวา่ ‘ศกั ต’ิ ท่ถี า่ ยทอดมาสคู่ นสาคญั คอื กษัตรยิ ใ์ นระบอบเทวราชาและ สอดคลอ้ งกบั ความเช่ือเรอ่ื งความศกั ดสิ์ ิทธิ์ของวญิ ญาณ ตามลทั ธิ Animism ท่ี แพรห่ ลายอยใู่ นหมขู่ องสามญั ชนดว้ ย ชาวอินโดนีเชียจงึ รบั เอาความเช่ือเร่อื ง Karamat จากศานาอิสลามโดยไมม่ อี ปุ สรรคใด 2. ศาสนาอิสลามในระยะหลงั ไดเ้ กิดมีนกิ ายตา่ ง ๆ แตกแขนงออกไป และบางนิกายก็ รวมเอาความเช่ือเก่ียวกบั คาถาอาคม อภนิ ิหารตา่ ง ๆ ไวด้ ว้ ย ดงั เช่นนิกายซูฟี และ นกิ ายซฟู ีน่ีเองท่แี พรห่ ลายเขา้ มายงั หมเู่ กาะอินโดนีเซีย ซง่ึ ประชาชนสว่ นใหญ่ก็นบั ถือ อภนิ ิหาร คาถาอาคมอยแู่ ลว้ ชนชนั้ ผปู้ กครองก็นบั ถือลทั ธิตนั ตระ ซง่ึ เนน้ อภนิ ิหาร นิ กายซูฟีจงึ แพรห่ ลายอยา่ งรวดเรว็ 3. ศาสนาอิสลามเนน้ ความเสมอภาคและภราดรภาพในหมมู่ สุ ลิม จงึ เขา้ กนั ไดก้ บั ประชาชนในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ซง่ึ แมจ้ ะรบั เอาศาสนาพราหมณไ์ ว้ แต่ก็มิไดร้ บั เอาระบบวรรณะจากพราหมณด์ ว้ ย ประชาชนในสงั คมเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตแ้ บง่ ออกเป็นชนชนั้ ก็จรงิ แตช่ นชนั้ เหลา่ นีก้ ็เป็นการแบง่ ตามอานาจหนา้ ท่ีเป็นสว่ นใหญ่ แต่ ละชนชนั้ มคี วามสมั พนั ธแ์ ละมกี ารเคล่อื นไหวเขา้ หากนั อยา่ งสงบ มใิ ชอ่ ยกู่ นั คนละ สว่ นดงั เชน่ ระบบวรรณะในอนิ เดีย อิสลามจงึ แพรเ่ ขา้ มาในดนิ แดนนีอ้ ย่างสงบ ผดิ กบั
ในอินเดยี ท่ีมกี ารตอ่ ตา้ นจนกระท่งั กลายเป็นสงครามกลางเมืองอยบู่ อ่ ย ๆประชาชน ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตจ้ งึ ไมร่ งั เกียจท่ีจะนบั ถือศาสนาอสิ ลาม 4. ในการนบั ถือศาสนาอสิ ลามนี้ บรรดาเจา้ ผคู้ รองแควน้ และขา้ ราชการในราชสานกั เป็นผนู้ บั ถือก่อน แลว้ จงึ เผยแพรต่ อ่ ไปยงั ประชาชน เหตผุ ลท่เี จา้ ผคู้ รองเมืองในหมู่ เกาะอินโดนีเซยี หนั ไปนบั ถือศาสนาอสิ ลามนนั้ นอกจาก เพราะศาสนาอิสลามท่แี พร่ เขา้ มาไมม่ ีขอ้ บงั คบั อนั ใดท่ีขดั ตอ่ ความเช่ือถือหรอื สถาบนั ทางสงั คมแตเ่ ดิมแลว้ ก็ เพราะศาสนาอสิ ลามยงั ใหป้ ระโยชนใ์ นทางเศรษฐกิจและการเมอื งอีกดว้ ย กลา่ วคือ เจา้ เมอื งและชนชนั้ สงู ในราชสานกั เป็นผดู้ าเนินการคา้ ขายอยกู่ บั พ่อคา้ ตา่ งชาติ โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ กบั พอ่ คา้ มสุ ลมิ จากอนิ เดีย จงึ เห็นวา่ การติดตอ่ คา้ ขายสะดวกขนึ้ ถา้ หากหนั ไปนบั ถือศาสนาอิสลาม เพราะชาวมสุ ลมิ ถือวา่ มสุ ลิมดว้ ยกนั นนั้ คือพ่ีนอ้ ง กนั สว่ นผลประโยชนท์ างการเมืองก็คือ ในสมยั ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 14 นีบ้ รเิ วณเมืองทา่ ตา่ ง ๆ ในสมุ าตราและชายฝ่ังชวาภาคเหนือ ตอ้ งการปลีกตวั ออกจากอานาจของ อาณาจกั รมชั ปาหิต ซง่ึ ขณะนนั้ ยงั มีวฒั นธรรมแบบตนั ตระอยู่ ถา้ เจา้ เมอื งตา่ ง ๆ ตา่ ง หนั ไปนบั ถือศาสนาอสิ ลาม จะไดอ้ าศยั ศรทั ธาในศาสนาสรา้ งความกลมเกลียวขนึ้ ใน แวน่ แควน้ ของตน ประชาชนท่ีเป็นมสุ ลมิ จะตอ่ ตา้ นอานาจของมชั ปาหิต ซง่ึ เป็นพวก นอกศาสนาไดอ้ ย่างเขม้ แขง็ ย่งิ ขนึ้ ศาสนาอิสลามจะแพรห่ ลายไปอยา่ งกวา้ งขวาง ตงั้ แตส่ มยั ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 15 เป็นตน้ ไป ทงั้ นีโ้ ดยอาศยั การเผยแพรข่ องบรรดาพอ่ คา้ ในอาณาจกั รมะละกา ซง่ึ รุง่ เรอื งขนึ้ ในศตวรรษท่ี 15 และไดท้ าการคา้ ขายตดิ ตอ่ กบั เมอื งตา่ ง ๆ ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง พ่อคา้ เหลา่ นีจ้ ะนาศาสนา อสิ ลามไปเผยแพรต่ ามเสน้ ทางการคา้ ของตนดว้ ย ศาสนาอิสลามในประเทศไทย
ชาวมสุ ลิมท่ีอาศยั พกั อยใู่ นประเทศหรอื แถวๆประเทศไทยนนั้ รอ้ ยกว่าปีกอ่ นหนา้ นนั้ พวกเขามีสว่ นสนบั สนนุ ใหป้ ระเทศไทยเป็นดารงอยเู่ ป็นรฐั ชาติ โดยมีชาวมสุ ลมิ จาก มาเลเขา้ มาอพยพอยใู่ จกลางเมอื งหรอื แมแ้ ตท่ างตอนเหนือของประเทศไทยมาเป็น เวลาหลายรอ้ ยปีมาแลว้ จงึ ทาใหเ้ กิดชนกลมุ่ อิสลามขนึ้ มา ชาวมสุ ลิมเปอรเ์ ซยี เองก็ได้ เขา้ มาอพยพในช่วงศตวรรษท่ี 17 และกไ็ ดท้ าการเจรจาการคา้ ทาธุรกิจและเขา้ มา ควบคมุ การคา้ ขายและการสมรส วนั นีช้ าวมสุ ลิมกม็ ีประชากรคดิ เป็นสดั สว่ นประมาณ 12 % จากประชากรทงั้ หมดของ ประเทศไทย และกลายเป็นสว่ นหนง่ึ ของวฒั นธรรมทางสงั คมและโครงสรา้ งเศรษฐกิจ ภายในประเทศ มที งั้ ภตั ตาคารตา่ ง ๆ มธี รุ กิจตา่ ง ๆ และมีสเุ หรา่ มสั ยิดตา่ ง ๆท่วั ประเทศเช่นเดียวกบั วดั วาอารามของชาวพทุ ธ และกม็ ีธรุ กิจทางโลกและมสี ถาบนั ตา่ ง ๆ การใชค้ วามอดทนและการใหค้ วามเคารพซง่ึ กนั และกนั ถือเป็นเคร่อื งหมายท่ีแสดง ใหเ้ ห็นถึงความเป็นอนั หนึ่งอนั เดยี วกนั ระหวา่ งประชาชนคนไทย และประชาชนชาว ไทยตา่ งก็ใหค้ วามเคารพใหเ้ กียรติพวกเขาดว้ ยความเลอ่ื มใส ในทางกลบั กนั มีความเช่ือวา่ มีประชาชนกวา่ 7.5 ลา้ นในประเทศไทยท่เี ป็นชาวมสุ ลมิ และมเี พียงแค่ 1.4 ลา้ นท่ีอาศยั อยใู่ นจงั หวดั ท่ีมีความรุนแรงทางภาคใต้ อยา่ งไรก็ตาม ในภาคใตน้ นั้ มีชาวมสุ ลิมอาศยั กวา่ 70 % และสงั เกตไดว้ า่ ทงั้ วฒั นธรรมและจดุ ยืน ความคดิ ทางการเมอื งสว่ นหน่งึ ก็มาจากชาวมสุ ลมิ ท่ีอาศยั อยใู่ นประเทศสว่ นหนึ่ง ชาว มสุ ลิมบางสว่ นไมไ่ ดค้ ิดว่าพวกเขาเป็น “คนไทย” แตพ่ วกเขาเป็นสว่ นหน่งึ ของมาเล 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใตท้ งั้ ยะลา ปัตตานีกบั นราธิวาสนนั้ ถือเป็นพืน้ ท่ที ่มี ี สถานการณพ์ เิ ศษ ซง่ึ เป็นพืน้ ท่ที ่มี อี ิทธิพลความเช่ือทางดา้ นศาสนาสงู และรวมไปถึง ความพยายามแยกตวั เองออกจากประเทศไทยกบั มลายู (ตอนนีก้ ็คือมาเลเซีย)
เป็นเวลาหลายรอ้ ยปี 3 จงั หวดั ชายแดนใตเ้ ป็นท่ีรูจ้ กั กนั ในช่ือของรฐั ปัตตานี ซง่ึ มีการ รวมเขา้ ดว้ ยกนั ตามลกั ษณะสงั คมของประเทศไทย จงึ มแี นวคดิ การแบง่ แยกดินแดน และมีการใชค้ วามรุนแรงในการกอ่ กบฏ ความพยายามก่อการแบบนีถ้ ือเป็นเร่อื งปกตทิ างการเมือง และยงั มผี ฉู้ กฉวยโอกาส ในการแบง่ แยกเอกราช ผเู้ ลน่ ท่อี ยนู่ อกประเทศในแถบเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตก้ ็มกี าร ใชป้ ระเด็นนีใ้ นการกดดนั ประเทศไทยเชน่ กนั วนั นีค้ วามรุนแรงใน 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใตก้ ็มีเปา้ หมายในการสงั หารทงั้ ชาวพทุ ธ ชาวมสุ ลมิ และก็ประชาชนท่วั ไป มีการตดิ กองกาลงั อาวธุ โดยทางดา้ นวิกิลกี ก็มีการ เปิดเผยวา่ นอกจากจะมผี ทู้ ่มี แี นวคิดแบง่ แยกดนิ แดนแลว้ ยงั มีการใชศ้ าสนาบงั หนา้ ทางการเมอื งและบงการโดยอดีตนายกทกั ษิณ ชินวตั รท่ไี ดใ้ ชค้ วามรุนแรงโดยอา้ งถงึ ภยั ความม่นั คงประเทศและภมู ิภาค ในปี 2009 เอกสารภายใตช้ ่ือ “Southern Violence: Midday Bomb Attack in Narathiwat August 25 Meant to Send a Signal” ทางดา้ นเอกอคั รราชทตู อเมรกิ าก็ มตี ิดตอ่ กบั กลมุ่ เคลื่อนไหวและบง่ ชีว้ า่ ทกั ษิณมีการใชค้ วามรุนแรงเพ่ือปกปิดอะไร บางอยา่ ง (เพ่มิ เติมใจความสาคญั ) : การใชโ้ ปสเตอรต์ อ่ ตา้ น...ในงานวนั เกิดนนั้ ถือเป็นสถานการณท์ ่ผี ดิ ปกตแิ ละเป็นท่ี รบั รูไ้ ด้ แตค่ วามจรงิ ก็คอื โปสเตอรต์ า่ ง ๆทามาจากไวนิล มีการสรา้ งโปสเตอรม์ าจาก สว่ นกลางของไทยมากกวา่ ท่ีจะมาจากทอ้ งถ่ินมาเลและมปี ระเดน็ ตา่ ง ๆไมแ่ สดงให้ เห็นเลยวา่ ภาคใตอ้ ยเู่ บือ้ งหลงั แตเ่ ป็นลกั ษณะของตวั แทนมากกวา่ สว่ นใหญ่มกั จะมี การกลา่ วหาใหค้ นเสือ้ แดงวา่ อาจถกู วา่ จา้ งใหม้ ีการสรา้ งสถานการณโ์ จมตสี เุ หรา่ เพ่อื มงุ่ รา้ ยไปท่สี ถาบนั โดยเฉพาะ นอกจากนนั้ แลว้ เอกอคั รราชทตู อเมรกิ าก็มีการเปิดเผยอกี วา่
รองผวู้ า่ ยะลากฤษฎาพบกบั ความแปลกใจเม่ือพวกเราไดเ้ จอโปสเตอรต์ า่ ง ๆเม่อื วนั ท่ี 19 สิงหาคม แตเ่ ขาก็ยืนยนั วา่ โปสเตอรเ์ หลา่ นีถ้ กู ทาขนึ้ มาโดยสว่ นกลางของไทย และกลา่ วไดว้ า่ การทาแบบนีไ้ มไ่ ดส้ ง่ ผลตอ่ ภาคใตเ้ ลย เหมอื นกบั กรณีบลไู ดมอนด์ กฤษฎาไดก้ ลา่ ววา่ พระนาย สวุ รรณรฐั ผอู้ านวยการบรหิ ารจงั หวดั ชายแดนภาคใตก้ ็ ออกมายอมรบั วา่ โปสเตอรต์ า่ ง ๆเหลา่ นีด้ เู หมอื นจะเป็นของกลมุ่ คนเสือ้ แดงมากกวา่ ไมไ่ ดเ้ ป็นของผกู้ อ่ กบฏ สนุ ยั ก็ไดบ้ อกกบั พวกเราวา่ โปสเตอรท์ ่แี พรก่ ระจายตามท่ีตา่ ง ๆแสดงใหเ้ หน็ วา่ เป็นองคก์ รท่ีเขม้ แขง็ และมีความเป็นไปไดว้ า่ มีการสนบั สนนุ ทาง การเงนิ ใหก้ บั กลมุ่ คนเสือ้ แดงปัตตานี ความตงึ เครยี ดการรวมรฐั สยาม-ปัตตานีเขา้ ดว้ ยกนั มาจากการใชอ้ ทิ ธิพลของ จกั รวรรดิองั กฤษและก่อนหนา้ นนั้ พมา่ เป็นฝ่ายรุกราน แต่วนั นีป้ รากฏใหเ้ ห็นวา่ ประเทศอเมรกิ าและตวั แทนทางการเมืองซง่ึ รวมไปถึงอดตี นายกทกั ษิณ ชินวตั รก็มี เปา้ หมายในการสรา้ งเครอื ข่ายอานาจทอ้ งถ่ินและเปา้ หมายของพวกเขาในการ ปกครองตนเองก็สรา้ งแรงกดดนั ทางภมู ริ ฐั ศาสตรต์ อ่ กรุงเทพท่ีสดุ ทา้ ยกม็ กี ารรบั ใช้ ตนเอง เช่นกนั ก็มีหลกั ฐานท่ีบง่ ชีว้ า่ อเมรกิ าไดอ้ ยเู่ บอื้ งหลงั การเมอื งในการพยายามท่ีจะ สรา้ งความตงึ เครยี ดทางดา้ นศาสนาระหวา่ งชาวไทยพทุ ธกบั ชาวมสุ ลมิ ท่ีมงุ่ เนน้ ดารงชีวิตอยา่ งสนั ติในประเทศไทย มคี วามพยายามท่ีจะทาใหอ้ ดตี นายกทกั ษิณตงั้ กองบญั ชาการในการคดั เลือกกลมุ่ คนมสุ ลมิ และอตุ สาหกรรมฮาลาลกจ็ ะถกู นาไป บิดเบือนใหค้ ิดวา่ เช่ือมโยงกบั ความรุนแรงทางการเมืองในภาคใตอ้ ยา่ งลกึ สาหรบั ชาว มสุ ลมิ ท่ีอาศยั อยู่
กลยทุ ธแ์ บบนีก้ ็แสดงใหเ้ หน็ วา่ การเลน่ การเมืองของอดีตนายกทกั ษิณเองก็ไม่ สามารถท่จี ะทาใหเ้ กิดการแบง่ แยกหรอื สรา้ งความไดเ้ ปรยี บทางการเมอื งขนึ้ มาแต่ อยา่ งใด แมว้ า่ ความขดั แยง้ รากลกึ ในภาคใตถ้ ือเป็นปัญหาท่เี กิดมาจากผเู้ ลน่ ทงั้ สองฝ่าย การ แบง่ แยกทางศาสนาในสงั คมของอเมรกิ ากบั การใชต้ วั แทนทางการเมืองในประเทศ ไทยถือเป็นความพยายามท่จี ะทาใหป้ ระเทศเขา้ สจู่ ดุ ตกต่าเพ่อื ท่ีจะแสดงใหเ้ หน็ วา่ ประเทศกาลงั เผชิญกบั ภยั ความม่นั คง เม่ือความตงึ เครยี ดจดุ ตดิ ขนึ้ มาแลว้ การ ยกระดบั การกอ่ การรา้ ยกถ็ กู จดั ฉากขนึ้ มาโดยมีอเมรกิ าอยเู่ บือ้ งหลงั ในการจ่โู จม ตามท่ตี า่ ง ๆ ไมว่ า่ จะเป็นช่วงเวลาไหน ก็จะตอ้ งทาใหเ้ กิดภยั ความม่นั คงของประเทศ ทงั้ ทางเศรษฐกิจและบอ่ นทาลายความมีเสถียรภาพและการดารงชีวติ กลยทุ ธ์ คลา้ ยๆกนั นนั้ ก็ประสบความสาเรจ็ ในประเทศพมา่ ในการสรา้ งสงั คมใหเ้ กิดความ แตกแยกและกดั กรอ่ นประเทศไมใ่ หม้ ีเสถียรภาพจนกระท่งั คนของอเมรกิ าสามารถ เขา้ มาแทรกแซงได้ เป็นท่ีนา่ แปลกใจท่คี นไทยมีความต่ืนตวั ทางการเมอื งสงู จากการย่วั ยปุ ลกุ ป่ันและมี ความพยายามท่ีจะไมใ่ หป้ ระเทศเป็นอนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั ตลอดจนมีการย่วั ยปุ ลกุ ป่ัน ในลกั ษณะคลา้ ยๆกนั หวั ใจสาคญั ก็คอื การต่นื ตวั นีจ้ ะยงั คงอยตู่ อ่ ไปหรอื แมว้ า่ จะมี การปรบั เปลี่ยนโปรแกรมจากภาครฐั และเรม่ิ ดาเนินการควบคมุ สอ่ื ไทยในการสรา้ ง ความสบั สนอลหมา่ นจากเหตกุ ารณภ์ ายนอกเพ่ือใหป้ ระเทศเตรยี มรบั มือลว่ งหนา้ เป็น เวลาหลายเดือนหรอื เป็นปี คนไทยประสบความสาเรจ็ ในการใชค้ วามอดทนกบั ผคู้ นหลากหลายศาสนาและให้ ความเคารพกนั และกนั มาเป็นเวลาหลายรอ้ ยปีมาแลว้ จงึ เป็นประเทศหนง่ึ ท่ีมจี ดุ แข็ง มากในเร่อื งนี้ และประเดน็ ในเร่อื งภยั ความม่นั คงก็ยงั คงตอ้ งจบั ตาดกู นั ตอ่ ไป
อิทธิพลของศาสนาอิสลามต่อสงั คมไทย ตวั อยา่ งอิทธิพลของศาสนาอิสลามท่ีมีตอ่ สงั คมไทย ไดแ้ ก่ 1. เคร่อื งตน้ ของพระมหากษัตรยิ ท์ ่เี รยี กวา่ “ฉลองพระองคอ์ ยา่ งเทศ” มีลกั ษณะเป็น เสอื้ ยาวถึงเขา่ ซง่ึ ดงั้ เดมิ เกิดขนึ้ ในประเทศอหิ รา่ น หรอื เปอรเ์ ซยี เป็นแหง่ แรก เม่ือมาถงึ ประเทศไทยไดร้ บั ความนิยมใหเ้ ป็นเครอ่ื งทรงของพระมหากษัตรยิ ์ 2. ดนตรแี ละการฟอ้ นรารวมถึงการขบั รอ้ งท่ีเรยี กวา่ “ดเี กร”์ หรอื ท่ีกลายคามาเป็น ลิเก หรอื ย่ีเก ในปัจจบุ นั บคุ คลสาคญั เจา้ พระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมดั ) เจา้ พระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมดั ) เป็นมสุ ลมิ ชีอะหอ์ ิสนาอะชะรี เกิดเม่ือ พ.ศ. ๒๐๘๖ ณ ตาบลปานีเนะ ชาฮาร์ ในเมอื งกมุ ซง่ึ เป็นเมืองศนู ยก์ ลางของศาสนาอสิ ลาม ในประเทศอหิ รา่ น ปลายแผ่นดินสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ทา่ นเฉกอะหมดั และบรวิ ารไดเ้ ขา้ มายงั กรุง ศรอี ยธุ ยา ตงั้ บา้ นเรอื นและหา้ งรา้ นคา้ ขาย อยทู่ ่ตี าบลทา่ กายี ทา่ นคา้ ขายจนกระท่งั มี ฐานะเป็นเศรษฐีใหญ่ในกรุงศรอี ยธุ ยา ทา่ นสมรสกบั ทา่ นเชย มีบตุ ร ๒ คนและธิดา ๑ คน ปลายแผ่นดนิ สมเด็จพระเจา้ ทรงธรรม ทา่ นเฉกอะหมดั ไดช้ ว่ ยปรบั ปรุงราชการกรมท่า จนไดผ้ ลดี จงึ โปรดเกลา้ ฯใหเ้ ป็นพระยาเฉกอะหมดั รตั นราชเศรษฐีเจา้ กรมทา่ ขวาและ จฬุ าราชมนตรี นบั ไดว้ า่ ทา่ นเป็นปฐมจฬุ าราชมนตรแี ละผนู้ าศาสนาอสิ ลามนิกาย ชีอะหอ์ ะอิสนา อะชะรมี าสปู่ ระเทศไทย
ตอ่ มาทา่ นเฉกอะหมดั พรอ้ มดว้ ยมิตรสหาย รว่ มใจกนั ปราบปรามชาวตา่ งชาติกลมุ่ หน่งึ ท่กี อ่ การจลาจล และจะยดึ พระบรมมหาราชวงั จงึ โปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ป็นเจา้ พระยา เฉกอะหมดั รตั นาธิบดี สมหุ นายกอคั รมหาเสนาบดฝี ่ายเหนือ ในปลายแผน่ ดินสมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททองโปรดเกลา้ ฯ ใหท้ า่ นเฉกอะหมดั ซง่ึ มอี ายุ ๘๗ ปี เป็นเจา้ พระยาบวรราชนายกจางวางกรมมหาดไทย ทา่ นไดถ้ งึ แก่อสญั กรรม เม่ือ พ.ศ.๒๑๗๔ รวมอายุ ๘๘ ปี ท่านเฉกอะหมดั นีท้ า่ นเป็นตน้ สกลุ ของไทยมสุ ลมิ หลายนามสกลุ และสกลุ บนุ นาค สถานท่ีฝังศพของทา่ นเฉกอะหมดั ตงั้ อยใู่ นบรเิ วณสา บนั ราชภฏั พระนครศรอี ยธุ ยา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187