Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือรายวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย-ม.ปลาย

คู่มือรายวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย-ม.ปลาย

Published by nutthar.n, 2021-11-07 09:40:41

Description: คู่มือรายวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย-ม.ปลาย

Search

Read the Text Version

145 - เวยี ดนามใต้ ระหวา่ งวนั ท่ี 18-21 ธนั วาคม 2502 ซ่ึงเป็นการเสด็จพระราชดาํ เนินเยอื น ต่างประเทศคร้ังแรก ในรัชกาลปัจจุบนั - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหวา่ งวนั ท่ี 8-16 กมุ ภาพนั ธ์ 2503 - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นสหภาพพมา่ ระหวา่ งวนั ท่ี 2-5 มีนาคม 2503 - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นสหรัฐอเมริกา ระหวา่ งวนั ที่ 14 มิถุนายน - 15 กรกฎาคม 2503 - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นองั กฤษ ระหวา่ งวนั ท่ี 19-23 กรกฎาคม 2503 - เสด็จพระราชดาํ เนินเยอื นสหพนั ธ์สาธารณรัฐเยอรมนั ระหวา่ งวนั ที่ 25 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม 2503 - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นสาธารณรัฐโปรตุเกส ระหวา่ งวนั ท่ี 22-25 สิงหาคม 2503 - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นสวิตเซอร์แลนด์ ระหวา่ งวนั ท่ี 2ช-31 สิงหาคม 2503 - เสด็จพระราชดาํ เนินเยอื นเดนมาร์ก ระหวา่ งวนั ท่ี 6-9 กนั ยายน 2503 - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นนอร์เวย์ ระหวา่ งวนั ท่ี 19-21 กนั ยายน 2503 - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นสวเี ดน ระหวา่ งวนั ที่ 23-25 กนั ยายน 2503 - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นสาธารณรัฐอิตาลี ระหวา่ งวนั ที่ 28 กนั ยายน - 1 ตุลาคม 2503 - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นนครรัฐวาติกนั เม่ือวนั ท่ี 1 ตุลาคม 2503 - เสด็จพระราชดาํ เนินเยอื นเบลเยยี่ ม ระหวา่ งวนั ที่ 4-7 ตุลาคม 2503 - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นสาธารณรัฐฝร่ังเศส ระหวา่ งวนั ที่ 11-14 ตุลาคม 2503 - เสด็จพระราชดาํ เนินเยอื นลกั เซมเบอร์ก ระหวา่ งวนั ที่ 17-19 ตุลาคม 2503 - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นเนเธอร์แลนด์ ระหวา่ งวนั ท่ี 24-27 ตุลาคม 2503 - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นสเปน ระหวา่ งวนั ที่ 3-8 พฤศจิกายน 2503 - เสด็จพระราชดาํ เนินเยอื นสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน ระหวา่ งวนั ท่ี 11-22 มีนาคม 2505 - เสด็จพระราชดาํ เนินเยอื นสหพนั ธรัฐมลายา ระหวา่ งวนั ท่ี 20-27 มิถุนายน 2505 - เสด็จพระราชดาํ เนินเยอื นนิวซีแลนด์ ระหวา่ งวนั ที่ 18-26 สิงหาคม 2505 - ออสเตรเลีย ระหวา่ งวนั ท่ี 26 สิงหาคม - 12 กนั ยายน 2505 - เสด็จพระราชดาํ เนินเยอื นญ่ีป่ ุน ระหวา่ งวนั ท่ี 27 พฤษภาคม - 5 มิถุนายน 2506 - เสด็จพระราชดาํ เนินเยอื นสาธารณรัฐจีน ระหวา่ งวนั ท่ี 5-8 มิถุนายน 2506 - เสด็จพระราชดาํ เนินเยอื นสาธารณรัฐฟิ ลิปปิ นส์ ระหวา่ งวนั ท่ี 9-14 กรกฎาคม 2506 - เสด็จพระราชดาํ เนินเยอื นสาธารณรัฐออสเตรีย ระหวา่ งวนั ที่ 29 กนั ยายน - 5 ธนั วาคม 2507 - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นสาธารณรัฐเยอรมนั ระหวา่ งวนั ท่ี 22-28 สิงหาคม 2509 ซ่ึง เป็นการเสด็จพระราชดาํ เนินเยอื นคร้ังที่สอง - เสด็จพระราชดาํ เนินเยอื นสาธารณรัฐออสเตรีย ระหวา่ งวนั ท่ี 29 กนั ยายน - 2 ตุลาคม

146 2509 ซ่ึงเป็นการเสด็จพระราชดาํ เนินเยอื นคร้ังท่ีสอง - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นอิหร่าน ระหวา่ งวนั ที่ 23-30 เมษายน 2510 - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นสหรัฐอเมริกา ระหวา่ งวนั ที่ 6-20 มิถุนายน 2510 ซ่ึงเป็นการ เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นคร้ังท่ีสอง - เสด็จพระราชดาํ เนินเยอื น แคนาดา ระหวา่ งวนั ท่ี 21-24 มิถุนายน 2510 - เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยอื นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหวา่ งวนั ท่ี 8-9 เมษายน 2537 เมื่อเสร็จสิ้นการเสด็จพระราชดาํ เนินเยอื นประเทศตา่ ง ๆ แลว้ ก็ไดท้ รงตอ้ นรับพระราชอาคนั ตุกะ ท่ี เป็นประมุขของประเทศต่าง ๆ ท่ีเสด็จและเดินทางมาเยอื นประเทศไทยเป็นการตอบแทน และ บรรดาพระราชอาคนั ตุกะท้งั หลาย ตา่ งกป็ ระทบั ใจในพระราชวงศข์ องไทย ตลอดจนประชาชนชาว ไทยอยา่ งทวั่ หนา้ บาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั ไดเ้ สด็จพระราชดาํ เนินไปทรงเปิ ดโรงเรียนเหล่าน้นั พร้อมท้งั พระราชทานนามวา่ โรงเรียนร่มเกลา้ ซ่ึงในปัจจุบนั มีท้งั โรงเรียนระดบั ประถมศึกษา และ ระดบั มธั ยมศึกษา ด้านภาษาและวรรณกรรม “ ...ภาษาไทยน้นั เป็ นเครื่องมืออยา่ งหน่ึงของชาติ ภาษาท้งั หลายเป็นเครื่องมือของมนุษย์ ชนิดหน่ึง คือเป็ นทางสาํ หรับแสดงความเห็นอยา่ งหน่ึง เป็ นส่ิงท่ีสวยงามอยา่ งหน่ึง เช่นในทาง วรรณคดีเป็ นตน้ ฉะน้นั จึงจาํ เป็นตอ้ งรักษาไวใ้ หด้ ี ประเทศไทยน้นั มีภาษาของเราเองซ่ึงตอ้ งหวง แหนประเทศใกลเ้ คียงของเราหลายประเทศมีภาษาของตนเอง แต่วา่ เขาก็ไม่แขง็ แรง เขาตอ้ ง พยายามหาทางท่ีจะสร้างภาษาของตนเองไวใ้ หม้ นั่ คง เราโชคดีที่มีภาษาของตนเองแต่โบราณกาล จึงสมควรอยา่ งยง่ิ ท่ีจะรักษาไว.้ .. ” พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระอจั ฉริยภาพดา้ นภาษาและ วรรณกรรมเป็นอยา่ งยง่ิ แมว้ า่ พระองคจ์ ะทรงเจริญพระชนั ษาในต่างประเทศ ทรงศึกษา ภาษาต่างประเทศ แตพ่ ระองคย์ งั ทรงมีพระอจั ฉริยภาพในการใชภ้ าษาไทยไดอ้ ยา่ งยอดเยยี่ ม และยงั ทรงห่วงใยต่อภาษาไทยอีกดว้ ย พระอจั ฉริยภาพในการใชภ้ าษาไทยของพระองคแ์ สดงชดั ในดา้ น ต่าง ๆ ดงั น้ี ด้านภาษา พระราชดาํ รัสและพระบรมราโชวาทในวโรกาสต่างๆ เป็นท่ีประจกั ษช์ ดั วา่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงมีพระอจั ฉริยภาพในการใชภ้ าษาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ดงั เช่นพระราชดาํ รัสที่ พระราชทานแก่นกั ธุรกิจและนกั หนงั สือพิมพใ์ นนิวยอร์กเมื่อเสดจ็ พระราชดาํ เนินไปประเทศ สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ.2510 ดงั น้ี “… การแพร่ข่าวโดยขาดความระมดั ระวงั หรือแมแ้ ตค่ าํ พดู ตา่ ง ๆ เพยี งนิดเดียวกส็ ามารถจะทาํ ลาย งานท่ีผมู้ ีความปรารถนาดีท้งั หลายพยายามสร้างไวด้ ว้ ยความยากลาํ บากเป็นเวลาแรมปี ... เหมือน

147 ฟองอากาศนิดเดียว ถา้ เขา้ ไปอยใู่ นเส้นเลือดก็จะสามารถปลิดชีวติ คนไดท้ ้งั คน และน้าํ ตาลหวาน ๆ กอ้ นเลก็ นิดเดียว ถา้ ใส่ลงในถงั น้าํ มนั รถ กจ็ ะทาํ ใหเ้ คร่ืองจกั รดี ๆ ของรถเสียไดโ้ ดยสิ้นเชิง... ” จากพระราชดาํ รัสน้ีพระองคท์ รงอุปมา คาํ พูดเล็ก ๆ “นอ้ ย ๆ” เปรียบเทียบกบั “ฟองน้าํ ” และ “น้าํ ตาล ” วา่ สามารถทาํ ลายส่ิงที่สร้างมาดว้ ยความยากลาํ บากได้ เช่นเดียวกนั กบั ฟองอากาศ และน้าํ ตาลแมจ้ ะเป็นส่ิงเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ แตถ่ า้ ฟองอากาศเขา้ ไปอยใู่ นเส้นเลือด และน้าํ ตาลเขา้ ไปอยู่ ในเครื่องยนตแ์ ลว้ ท้งั เครื่องยนตแ์ ละเส้นเลือดกจ็ ะถูกทาํ ลายลงได้ นอกจากน้นั พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงศึกษาภาษาละติน ทรงสนพระทยั เก่ียวกบั เรื่องศพั ท์ ที่มาของศพั ท์ และรากศพั ท์ อีกท้งั ยงั สนพระทยั และคน้ ควา้ เกี่ยวกบั ศพั ทภ์ าษาบาลีและ สนั สกฤต เพราะทรงเขา้ พระทยั วา่ หากเขา้ ใจศพั ทแ์ ละท่ีมาของศพั ทแ์ ลว้ จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจความหมาย ของธรรมะไดอ้ ยา่ งลึกซ้ึงยงิ่ ข้ึน อีกท้งั พระองคท์ รงใชภ้ าษาในดา้ นการพระราชนิพนธ์ร้อยกรองคาํ อวยพรปี ใหม่ มอบแด่ พสกนิกรชาวไทยท้งั ประเทศซ่ึง ส.ค.ส. ฉบบั แรกปี พ.ศ. 2529 เพ่ือเป็ น ส.ค.ส. พระราชทานปี พ.ศ. 2530 โดยพระราชทานใหแ้ ก่หน่วยงานและเจา้ หนา้ ที่ผเู้ กี่ยวขอ้ งที่ทาํ งานรับใชใ้ ตเ้ บ้ืองพระยคุ ลบาท โดยทรงพริ้นตจ์ ากคอมพวิ เตอร์และส่งแฟกซ์พระราชทานไปยงั หน่วยงานโดยทว่ั ถึงกนั ส.ค.ส. พระราชทานแต่ละปี จะประมวลจากเหตุการณ์บา้ นเมืองในรอบ 1 ปี ท่ีผา่ นมา ดว้ ยถอ้ ยคาํ ที่ส้นั ๆ แตม่ ากดว้ ยคุณคา่ ทรงเนน้ ในการเตือนและใหก้ าํ ลงั ใจในการต่อสู้กบั อุปสรรคต่าง ๆ ซ่ึง ส.ค.ส. ส่วนใหญ่ลว้ นเป็ นสีขาว ‟ ดาํ ท้งั สิ้น ด้านวรรณกรรม ผลงานดา้ นวรรณกรรมของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีท้งั พระ ราชนิพนธ์ทรงแปลและพระราชนิพนธ์ทรงแต่งหลายเร่ืองดว้ ยกนั พระองคท์ รงพระราชนิพนธ์เรื่อง “ พระราชานุกิจรัชกาลท่ี 8 ” ตามคาํ กราบบงั คมทูลขอพระราชทานของหม่อมเจา้ หญิงพูนพิสมยั ดิศกุล ซ่ึงพระราชนิพนธ์เร่ืองน้ีอยใู่ นเร่ือง “ พระราชานุกิจ ” และทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้ พิมพพ์ ระราชทานในการพระราชกศุ ล 100 วนั พระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหา อานนั ทมหิดล ณ วนั ที่ 20 กนั ยายน 2489 วรรณกรรมทรงพระราชนิพนธ์ พระราชนิพนธ์เร่ือง พระราชานุกิจรัชกาลที่ 8 ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องราวกิจวตั รของ รัชกาลที่ 8 ท้งั กิจวตั รส่วนพระองค์ พระราชกิจ และพระราชานุกิจขณะเสด็จประพาสสถานท่ีตา่ ง ๆ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ิมพพ์ ระราชทานในการพระราชกศุ ล 100 วนั พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานนั ทมหิดล ณ วนั ที่ 20 กนั ยายน พ.ศ. 2489 ซ่ึงภาษาที่ทรงใชจ้ ะเป็นภาษาที่ส้ัน กระชบั และไดใ้ จความชดั เจน พระราชนิพนธ์เรื่อง “เม่ือขา้ พเจา้ จากสยามสู่สวติ เซอร์แลนด์” ทรงพระราชนิพนธ์เพือ่ พระราชทานเป็นพเิ ศษแก่หนงั สือวงวรรณคดี ฉบบั เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2490 เป็นพระราชนิพนธ์

148 รูปแบบบนั ทึกประจาํ วนั ต้งั แตเ่ สด็จฯ จากประเทศไทย เพอื่ ไปทรงศึกษาต่อ ณ ประเทศ สวติ เซอร์แลนด์ ช่วงก่อนเดินทางจากเมืองไทยไปยงั ตาํ หนกั วลิ ลาวฒั นา คือ ระหวา่ งวนั ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2489 - 22 สิงหาคม พ.ศ. 2489 ซ่ึงพระราชนิพนธ์น้ี ทรงพรรณนาความรู้สึกของ พระองคข์ ณะจากเมืองไทย สะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงความรัก ความผกู พนั และความห่วงใยในพสกนิกร ของพระองค์ พระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก หลงั จากที่พระองคไ์ ดท้ รงสดบั พระธรรมเทศนาของ สมเด็จพระมหาวรี วงศ์ แห่งวดั ราชผาติการาม เมื่อปี พ.ศ. 2520 เร่ืองพระมหาชนกเสด็จ ทอดพระเนตรพระราชอุทยานในกรุงมิถิลา พระองคท์ รงสนพระราชหฤทยั จึงทรงคน้ ควา้ เร่ืองพระ มหาชนเพ่ิมเติมในพระตรีปิ ฎก และทรงแปลเป็นภาษาองั กฤษ ในปี พ.ศ. 2539 และแปลเป็นภาษา สันสกฤตอีกภาษาหน่ึง ก่อนจะแปลเป็นฉบบั การ์ตูน ในปี พ.ศ. 2545 เพอื่ ใหอ้ ่านและเขา้ ใจไดง้ ่าย ข้ึน ซ่ึงจะทาํ ใหส้ ามารถพจิ ารณาหาแนวดาํ เนินชีวติ ที่เป็นมงคลได้ พระราชนิพนธ์เรื่องทองแดง พระราชนิพนธ์เรื่องน้ี ไดแ้ ฝงขอ้ คิดคติธรรมท่ีมีคุณค่า โดยเฉพาะความกตญั ํูรู้คุณของทองแดง สุนขั ทรงเล้ียง ตีพมิ พค์ ร้ังแรกเมื่อ พ.ศ. 2541 งานแปล ติโต ผลงานแปลชิ้นแรกของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยทรง แปลจากหนงั สือ Tito ของ Phyllis Auty ในปี พ.ศ. 2519 เพ่ือใหข้ า้ ราชบริพารไดท้ ราบถึงบุคคลท่ี น่าสนใจคนหน่ึงของโลก ติโต เป็นผทู้ ่ีทาํ ใหป้ ระเทศยโู กสลาเวยี ที่ประกอบดว้ ยประชาชนจาก หลากหลายชนเผา่ มีความแตกต่างกนั ท้งั ในเรื่องของเช้ือชาติ ศาสนา วฒั นธรรมและประวตั ิศาสตร์ สามารถรวมตวั กนั เป็นปึ กแผน่ ยามท่ีประเทศชาติตอ้ งพบกบั ภาวะวกิ ฤติ เพ่อื ร่วมกนั รักษาความอุดม สมบูรณ์ และความเจริญของประเทศไว้ หนงั สือติโตน้ีไดจ้ ดั พิมพเ์ ป็นเล่ม และวางจาํ หน่ายในปี พ.ศ. 2537 เศรษฐศาสตร์ตามนยั ของพระพุทธศาสนา บทท่ี 4 เล็กดีรสโต แปลจาก Small is Beautiful โดย E.F.Schumacher หนา้ 53-63 นายอินทร์ผปู้ ิ ดทองหลงั พระ เป็นงานแปลชิ้นท่ีสองของพระองค์ ท่านโดยทรงแปลจากหนงั สือ A Man Called Intrepid ของ William Stevenson ทรงเริ่มแปลหนา้ แรกเม่ือ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2520 และแปลหนา้ สุดทา้ ยเม่ือ 23 มีนาคม พ.ศ. 2523 โดยใชเ้ วลาในการ แปลรวมท้งั สิ้น 2 ปี 9 เดือน 3 วนั แตไ่ ดน้ าํ มาจดั พมิ พเ์ พอ่ื วางจาํ หน่ายก่อนหนงั สือติโต ซ่ึงทรงแปล เป็นเล่มแรก คือจดั พิมพใ์ นปี พ.ศ. 2536 บทความท่ที รงพระราชนิพนธ์แปลและเรียบเรียง “ข่าวจากวทิ ยเุ พื่อสันติภาพและความกา้ วหนา้ ” จาก “Radio Peace and Progress” ใน นิตยสาร Intelligence Digest 1 เมษายน พ.ศ. 2518 \"การคืบหนา้ ของมาร์กซิสต\"์ จาก \"The Marxist Advance\" Special Brief \"รายงานตามนโยบายของคอมมูนิสต\"์ จาก \"Following the Communist Line\"

149 \"ฝันร้ายไมจ่ าํ เป็ นจะตอ้ งเป็นจริง\" จาก \"No Need for Apocalypse\" ในนิตยสาร The Economist ฉบบั ลงวนั ที่ 17 พฤษภาคม พุทธศกั ราช 2518 \"รายงานจากลอนดอน\" จาก \" London Report\" ในนิตยสาร Intelligence Digest Weekly Review ฉบบั ลงวนั ที่ 18มิถุนายน พทุ ธศกั ราช 2518 \"ประเทศจีนอยยู่ ง\" จาก \"Eternal China\" ในนิตยสาร Intelligence Digest Weekly Review ฉบบั ลงวนั ที่ 13 สิงหาคม พทุ ธศกั ราช 2518 \"ทศั นะน่าอศั จรรยจ์ ากชิลีหลงั สมยั อาลเ์ ลนเด\" จาก \"Surprising Views from a Post Allende Chile\" ในนิตยสาร Intelligence Digest Weekly Review ฉบบั ลงวนั ที่ 20 สิงหาคม พทุ ธศกั ราช 2518 \"เขาวา่ อยา่ งน้นั เราก็วา่ อยา่ งน้นั \" จาก \" Sauce for the Gander...\" ในนิตยสาร Intelligence Digest Weekly Review ฉบบั ลงวนั ที่ 20 สิงหาคม พุทธศกั ราช 2518 \"จีนแดง ต้วั เฮียคา้ ยาเสพติดแห่งโลก\" จาก \"Red China Drug Pushers to the World \" ใน นิตยสาร Intelligence Digest Weekly Review ฉบบั ลงวนั ที่ 20 สิงหาคม พุทธศกั ราช 2518 \"วรี บุรุษตามสมยั นิยม\" จาก \"Fashion in Heroes\" โดย George F. Will ในนิตยสาร Newsweek ฉบบั ลงวนั ท่ี 6 สิงหาคม พุทธศกั ราช 2522 จากการท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระปรีชาสามารถใน หลายภาษา ทาํ ใหพ้ ระองคท์ รงเขา้ พระทยั ในการที่จะพระราชนิพนธ์หรือแปลไดอ้ ยา่ งผทู้ ่ีเขา้ ถึง ความรู้สึกนึกคิดของผเู้ ขียนตน้ ฉบบั สาํ หรับพระราชนิพนธ์แปล จะทรงแปลตามความมากกวา่ แปล ตามคาํ ดว้ ยเหตุท่ีทรงเลือกสรรถอ้ ยคาํ ใหส้ อดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมท่ีผอู้ ่านจะส่ือเร่ืองราวได้ ทาํ ให้ พระราชนิพนธ์แปลของพระองค์ มีอรรถรสแบบไทยแทรกพระอารมณ์ขนั ไวไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม ส่ิงที่แสดงใหเ้ ห็นถึงพระอจั ฉริยะดา้ นวรรณศิลป์ ของพระองคอ์ ยา่ งสมบูรณ์ คือพระ ราชนิพนธ์เร่ืองพระมหาชนก ซ่ึงพระองคท์ รงพระราชนิพนธ์ท้งั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษในเล่ม เดียวกนั และจะทรงเลือกใชภ้ าษาโบราณ ท้งั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ เพื่อคงความขลงั ของ เน้ือหาในบางตอน ซ่ึงในเร่ืองพระมหาชนกน้ี พระองคไ์ ดท้ รงแสดงพระอจั ฉริยภาพดา้ นทศั นศิลป์ ไวด้ ว้ ย นน่ั คือภาพประกอบฝี พระหตั ถข์ องพระองค์ โดยทรงใชค้ อมพิวเตอร์วาดภาพแสดงเส้นทาง เดินเรือของพระมหาชนก รวม 4 ภาพ คือภาพวนั ท่ีควรออกเดินทาง ภาพวนั เดินทาง ภาพวนั ท่ีเรือ ล่ม และภาพพระมหาชนกทรงวา่ ยน้าํ และนอกจากน้ี พระราชนิพนธ์แปลของพระองค์ จะทรง เลือกสรรคาํ โดยเฉพาะพระองคท์ รงโปรดท่ีจะใชค้ าํ แปลก ๆ เพื่อใหพ้ ระราชนิพนธ์ของพระองคม์ ี สีสัน ด้านวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอด 60 ปี ภายใตร้ ่มฉตั รแห่งพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พสก นิกรชาวไทยตา่ งซาบซ้ึงในพระมหากรุณาธิคุณและตา่ งรู้ซ้ึงถึงพระอจั ฉริยภาพรอบดา้ นของ

150 พระองค์ โครงการพระราชดาํ ริหลายโครงการนอกจากจะแสดงถึงความห่วงใยของพระองคท์ ่ีทรงมี ตอ่ ปวงชนชาวไทยแลว้ ยงั ยนื ยนั ถึงพระปรีชาสามารถดา้ นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยดี ว้ ย โครงการฝนหลวง ทฤษฎวี ่าด้วยการพฒั นาทรัพยากรแหล่งนา้ ในบรรยากาศ ในปี พ.ศ. 2498 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสดจ็ พระราช ดาํ เนินเพือ่ ทรงเยยี่ ม พสกนิกรในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ยา่ นบริเวณเทือกเขาภูพานทรงสังเกตวา่ มีปริมาณเมฆมากปกคลุมเหนือพ้นื ที่ระหวา่ งเส้นทางบิน แต่ไมสามารถรวมตวั จนเกิดเป็นฝนตกได้ ท้งั ท่ีเป็นช่วงฤดูฝน และทรงพบเห็นวา่ หลายแห่งประสบปัญหา พ้นื ดินแหง้ แลง้ ขาดแคลนน้าํ เพื่อ อุปโภค บริโภค และการเกษตร โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในฤดูเพาะปลูก เกษตรกรมกั ประสบความ เดือดร้อนจากภาวะฝนแลง้ หรือฝนทิ้งช่วง ในระยะวกิ ฤติของพชื ผล ทาํ ใหผ้ ลผลิตต่าํ หรืออาจไม่มี ผลผลิตเลย และอาจทาํ ให้ ผลผลิตท่ีมีอยเู่ สียหายได้ จึงเป็ นความเดือดร้อนอยา่ งสาหสั และ ก่อใหเ้ กิดความสูญเสีย ทางเศรษฐกิจ แก่เกษตรกรอยา่ งใหญ่หลวง นอกจากน้ีความตอ้ งการใชน้ ้าํ มี มากข้ึน เพราะการขยายตวั ทางดา้ นอุตสาหกรรมเกษตรกรรม และการเพม่ิ ข้ึนของประชากร ซ่ึงมีผล ใหป้ ริมาณน้าํ ตน้ ทุนจากทรัพยากรน้าํ ท่ีมีอยู่ ไม่เพียงพอ ซ่ึงเห็นไดช้ ดั จากปริมาณ น้าํ ในเข่ือนภูมิพล ท่ีลดลงอยา่ งน่าตกใจ ดว้ ยสายพระเนตรที่ยาวไกล และทรงความอจั ฉริยะของพระองคด์ ว้ ย คุณลกั ษณะของนกั วทิ ยาศาสตร์ ทรงสงั เกต วิเคราะห์ขอ้ มูลในข้นั ตน้ และไดม้ ีพระราชดาํ ริคร้ังแรก ในปี พ.ศ. 2498 แก่หม่อมราชวงศเ์ ทพฤทธ์ิ เทวกุล วา่ จะทรงคน้ หา วธิ ีการท่ีจะทาํ ใหเ้ กิดฝนตก นอกเหนือจากที่จะไดร้ ับจากธรรมชาติโดยการนาํ เทคโนโลยสี มยั ใหม่มาประยกุ ต์ กบั ทรัพยากร ที่มี อยใู่ หเ้ กิดมีศกั ยภาพของการเป็นฝนใหไ้ ด้ \"ฝนหลวง\" หรือ \"ฝนเทียม\" จึงกาํ เนิดข้ึนโดยประยกุ ต์ ผลการวจิ ยั คน้ ควา้ ทางวชิ าการดา้ นฝนเทียมของประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และ อิสราเอล พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงวเิ คราะห์การทาํ ฝนหลวงวา่ มี 3 ข้นั ตอน คือ ข้นั ตอนที่ 1 ก่อกวน เป็นการกระตุน้ ใหเ้ มฆรวมตวั เป็นกลุ่มแกน เพือ่ ใชเ้ ป็ น แกนกลางใน การสร้างกลุ่มเมฆฝนในระยะตอ่ มา สารเคมีท่ีใช้ ไดแ้ ก่ แคลเซียมคลอไรด์ แคลเซียมคาร์ไบด์ แคลเซียมออกไซด์ หรือสารผสมระหวา่ ง เกลือแกงกบั สารยเู รีย หรือสารผสม ข้นั ตอนที่ 2 เล้ียงใหอ้ ว้ น ข้นั ตอนน้ีใชส้ ารเคมี คือ เกลือแกง สารประกอบสูตร ท.1 สารยู เรีย สารแอมโมเนียไนเตรท น้าํ แขง็ แหง้ และอาจใชส้ ารแคลเซียมคลอไรดร์ ่วมดว้ ยเพ่ือเป็นการเพมิ่ แกนเมด็ ไอน้าํ (Nuclii) ใหก้ ลุ่มเมฆฝน มีความหนาแน่นมากข้ึน ข้นั ตอนที่ 3 โจมตี สารเคมีที่ใชใ้ นข้นั ตอนน้ีเป็นสารเยน็ จดั คือซิลเวอร์ไอโอได น้าํ แขง็ แหง้ เพื่อทาํ ใหเ้ กิดภาวะความไมส่ มดุลมากท่ีสุด ซ่ึงจะเกิดเป็นเมด็ น้าํ ท่ีมีขนาดใหญ่มาก และตกกลายเป็นฝนในที่สุด อยา่ งไรก็ดี ทุกข้นั ตอนจะตอ้ งอาศยั ความรู้และประสบการณ์ในการ

151 ตดั สินใจท่ีจะเลือกใชส้ ารเคมีในปริมาณที่พอเหมาะ โครงการแก้มลงิ กกั ตุนแล้วระบายนา้ ตามแรงโน้มถ่วง นอกจากปัญหาภยั แลง้ แลว้ “น้าํ ท่วม” ก็เป็นอีกภยั ธรรมชาติท่ีทาํ ใหน้ ้าํ ตาไทยเอ่อลน้ โครงการแกม้ ลิง เป็นอีกโครงการที่ช่วยซบั ความเดือดร้อนของประชาชนชาวไทย ซ่ึงดาํ เนินการ โดยระบายน้าํ จากตอนบนใหไ้ ปตามคลองในแนวเหนือใตส้ ู่คลองพกั น้าํ ขนาดใหญท่ ี่ชายทะเล เมื่อ ระดบั น้าํ ในทะเลลดต่าํ กวา่ ในคลองก็ระบายน้าํ ออกจากคลองทางประตูระบายน้าํ ดว้ ยหลกั การแรง โนม้ ถ่วงของโลก ท้งั น้ีโครงการแกม้ ลิงเปรียบเหมือนการกินกลว้ ยของลิงซ่ึงจะเก็บกลว้ ยไวท้ ี่แกม้ ก่อนจะ ค่อย ๆ นาํ มาเค้ียวและกินภายหลงั เมื่อนาํ มาใชแ้ กป้ ัญหาน้าํ ทว่ มก็ขดุ คลองต่างๆ เพ่ือชกั น้าํ มา รวมกนั ไวเ้ ป็ นบอ่ พกั ท่ีเปรียบไดก้ บั แกม้ ลิง แลว้ ค่อย ๆ ระบายน้าํ ลงทะเลเมื่อน้าํ ทะเลลดลง ผลจาก ดาํ เนินการโครงการดงั กล่าวจึงช่วยแกป้ ัญหาน้าํ ทว่ มในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลซ่ึงเป็นที่ลุ่มทาํ ใหร้ ะบายน้าํ ออกไดล้ ่าชา้ กงั หนั นา้ ชัยพฒั นา ป่ันนา้ เสียเติมออกซิเจน กงั หนั นา้ ชัยพฒั นา คือ เครื่องกลเติมอากาศที่เป็ นกงั หนั น้าํ แบบทุ่นลอยซ่ึงใชใ้ นการบาํ บดั น้าํ เสีย โดยใชก้ งั หนั วิดน้าํ ไปบนผวิ น้าํ แลว้ ปล่อยใหต้ กลงผวิ น้าํ ตามเดิม และน้าํ จะถูกสาดกระจาย สมั ผสั อากาศทาํ ใหอ้ อกซิเจนละลายในน้าํ น้าํ เสียจึงมีคุณภาพดีข้ึน สามารถนาํ ไปใชบ้ าํ บดั น้าํ เสียท้งั จากแหล่งชุมชน อุตสาหกรรมและการเกษตร ท้งั น้ีแนวทางของการพฒั นามาจากสภาพเน่าเสียของแหล่งน้าํ ตา่ ง ๆ ท่ีทวคี วามรุนแรงข้ึน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระราชดาํ ริวา่ จาํ เป็นตอ้ งบาํ บดั น้าํ เสียดว้ ย เครื่องกลเติมอากาศ จึงทรงโปรดเกลา้ ฯ ใหม้ ูลนิธิชยั พฒั นาสนบั สนุนงบฯ ศึกษาและวจิ ยั ร่วมกบั กรมชลประทานผลิตเครื่องตน้ แบบข้ึนในปี 2532 จากน้นั กม็ ีการพฒั นามาอีกหลายรุ่น และในปี 2536 กงั หนั น้าํ ชยั พฒั นาก็ไดร้ ับการพิจารณาและทูลเกลา้ ฯ ถวายสิทธิบตั รในพระปรมาภิไธย กงั หนั บาํ บดั น้าํ เสีย “สิทธิบตั รในพระปรมาภิไธย” เพอ่ื พฒั นาแหล่งน้าํ แก่ปวงชน ดว้ ยการหมุนปั่นเพ่ือเติม อากาศใหน้ ้าํ เสียกลายเป็นน้าํ ดี สามารถประยกุ ตใ์ ชบ้ าํ บดั น้าํ เสียจากการอุปโภคของประชาชน น้าํ เสียจากโรงงานอุตสาหกรรม รวมท้งั เพิม่ ออกซิเจนใหก้ บั บอ่ เพาะเล้ียงสตั วน์ ้าํ ทางการเกษตร ท้งั น้ี การเพ่มิ ออกซิเจนใหก้ บั น้าํ จะช่วยใหจ้ ุลินทรียย์ อ่ ยสลายส่ิงสกปรกในน้าํ เสียไดอ้ ยา่ ง มีประสิทธิภาพ ซ่ึงเป็นกระบวนการทางชีวภาพท่ีใชใ้ นการบาํ บดั น้าํ เสียที่ไดร้ ับความนิยมอยา่ งมาก เพราะเป็นวธิ ีท่ีมีประสิทธิภาพและใชค้ ่าใชจ้ า่ ยในการบาํ บดั น้าํ เสียนอ้ ย และแหล่งน้าํ เสียท่ีกระจาย ไปตามแหล่งตา่ ง ๆ จึงทาํ ให้ยากแก่การรวบรวมน้าํ เสียเพ่ือนาํ ไปบาํ บดั ในโรงบาํ บดั น้าํ เสีย และตอ้ ง เสียคา่ ใชจ้ ่ายสูง ตามทฤษฎีเครื่องกลเติมอากาศ นบั วา่ การเติมอากาศหรือออกซิเจนเป็ นหวั ใจของระบบ บาํ บดั น้าํ เสีย เพราะถา้ มีออกซิเจนอยมู่ ากจุลินทรียก์ ็สามารถบาํ บดั น้าํ ไดด้ ีและบาํ บดั น้าํ เสียไดม้ าก

152 ข้ึน แต่ที่ความดนั บรรยากาศซ่ึงเป็นความดนั ท่ีค่อนขา้ งต่าํ สาํ หรับออกซิเจนในการละลายน้าํ จึงตอ้ ง มีการเพ่ิมพ้นื ท่ีสัมผสั ระหวา่ งอากาศกบั น้าํ ใหไ้ ดม้ ากท่ีสุด กงั หนั นา้ ชัยพฒั นา คือส่ิงประดิษฐซ์ ่ึงเกิดจากพระปรีชาสามารถและพระราชดาํ ริของ พระบาทสมเดจ็ พระ เจา้ อยหู่ วั เพือ่ การแกม้ ลพิษทางน้าํ ซ่ึงทวคี วามรุนแรงมากข้ึนในหลายพ้ืนท่ี ซ่ึง สร้างเคร่ืองตน้ แบบไดค้ ร้ังแรกในปี 2532 การประยกุ ตใ์ ชง้ านสามารถใชป้ ระโยชน์เพ่ือเติมอากาศ ใหก้ บั น้าํ หรือใชเ้ พอ่ื ขบั เคลื่อนน้าํ ได้ โดยการใชง้ านท้งั ในรูปแบบที่ติดต้งั อยกู่ บั ท่ีและใชใ้ นรูปแบบ เคล่ือนที่ เพ่ือเติมอากาศใหก้ บั แหล่งน้าํ ขนาดใหญ่ หรือตามคลองส่งน้าํ ที่มีความยาวมาก ซ่ึง ดดั แปลงไดด้ ว้ ยการใชพ้ ลงั งานจากเครื่องยนตข์ องกงั หนั กงั หนั น้าํ ชยั พฒั นา ไดร้ ับสิทธิบตั รจากกรมทรัพยส์ ินทางปัญญา เม่ือวนั ที่ 2 กุมภาพนั ธ์ 2536 หลงั จากเลขาธิการมูลนิธิชยั พฒั นาซ่ึงเป็นหน่วยงานหลกั ที่สนองพระราชดาํ ริใน การพฒั นา กงั หนั น้าํ ไดร้ ับพระราชทานพระบรมราชานุญาตใหย้ นื่ ขอรับสิทธิบตั ร เม่ือวนั ที่ 2 มิถุนายน 2535 จึงนบั วา่ เป็ นสิทธิบตั รในพระปรมาภิไธยของพระมหากษตั ริยพ์ ระองคแ์ รกของไทย และคร้ังแรก ของโลก และถือวา่ วนั ท่ี 2 กุมภาพนั ธ์ของทุกปี เป็น “วนั นกั ประดิษฐ์” นบั แตน่ ้นั เป็นตน้ มา นอกจากน้ี “กงั หนั ชยั พฒั นา” ยงั ไดร้ ับรางวลั เหรียญทองจาก The Belgian Chamber of Inventor องคก์ รทางดา้ นนวตั กรรมที่เก่าแก่ของเบลเยยี ม ภายในงาน “Brussels Eureka 2000” ซ่ึง เป็นงานแสดงสิ่งประดิษฐใ์ หม่ของโลกวทิ ยาศาสตร์ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยยี ม หลกั การและวธิ ีการทางานของกงั หันนา้ ชัยพฒั นา กงั หนั น้าํ ชยั พฒั นาเป็นเคร่ืองกลเติมอากาศแบบทุน่ ลอย สามารถปรับตวั ข้ึนลงได้ ตาม ระดบั ข้ึนลงของผวิ น้าํ ในแหล่งน้าํ เสีย มีส่วนประกอบสาํ คญั คือ 1. โครงกงั หนั น้าํ รูป 12 เหลี่ยม 2. ซองบรรจุน้าํ ติดต้งั โดยรอบ จาํ นวน 6 ซอง รูซองน้าํ พรุนเพ่ือใหน้ ้าํ ไหลกระจายเป็นฝอย 3. ซองน้าํ จะถูกขบั เคลื่อนใหห้ มุนโดยรอบดว้ ยเกียร์มอเตอร์ ซ่ึงทาํ ใหก้ ารหมุนเคลื่อนท่ีของ ซองน้าํ วดิ ตกั น้าํ ดว้ ย ความเร็ว สามารถวดิ น้าํ ลึกลงไปจากใตผ้ วิ น้าํ ประมาณ 0.50 เมตร ยกน้าํ สาด ข้ึนไปกระจายเป็นฝอยเหนือผวิ น้าํ ไดส้ ูงถึง 1 เมตร ทาํ ใหม้ ีพ้นื ท่ีผวิ สมั ผสั ระหวา่ งน้าํ กบั อากาศมาก และส่งผลใหอ้ อกซิเจนสามารถละลายเขา้ ไปในน้าํ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว 4. ในขณะท่ีน้าํ เสียถูกยกข้ึนไปสาดกระจายสมั ผสั กบั อากาศแลว้ ตกลงไปยงั ผวิ น้าํ น้นั จะ ก่อใหเ้ กิดฟองอากาศ จมตามลงไปใตผ้ วิ น้าํ ดว้ ย ในขณะที่ซองน้าํ กาํ ลงั เคลื่อนที่ลงสู่ผวิ น้าํ แลว้ กดลง ไปใตผ้ วิ น้าํ น้นั จะเกิดการอดั อากาศภายในซองน้าํ ภายใตผ้ วิ น้าํ จนกระทง่ั ซองน้าํ จมน้าํ เตม็ ท่ีทาํ ให้ เพ่มิ ประสิทธิภาพในการถ่ายเทออกซิเจนไดส้ ูงข้ึน หลงั จากน้นั น้าํ ที่ไดร้ ับการเติมอากาศแลว้ จะเกิด การถ่ายเทของน้าํ เคล่ือนที่ออกไปดว้ ยการผลกั ดนั ของซองน้าํ

153 เข่ือนดิน อ่างเกบ็ นา้ ทไี่ ม่ใช้คอนกรีต เข่ือนดินเป็ นแนวทางการพฒั นาแหล่งน้าํ ผวิ ดินตามแนวพระราชดาํ ริ ตวั เขื่อนนิยม ก่อสร้างดว้ ยการถมดินและบดอดั จนแน่น สามารถส่งน้าํ ไปตามท่อส่งน้าํ ได้ เพอื่ ใชใ้ นการเกษตร และการอุปโภคบริโภค อีกท้งั ยงั ใชเ้ ป็นแหล่งเพาะพนั ธุ์สตั วน์ ้าํ ขนาดเลก็ อยา่ งปลาและกงุ้ น้าํ จืดได้ นอกจากน้ีเข่ือนดินยงั เป็ นปราการที่ไม่เพยี งบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้าํ หากแต่ยงั ป้องกนั น้าํ ท่วมได้ อีกดว้ ย ส่วนความจุของปริมาณข้ึนอยกู่ บั ความสูงของเข่ือน เม่ือพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสดจ็ พระราชดาํ เนินทอดพระเนตร อา่ งเก็บน้าํ แต่ละแห่งกจ็ ะทรงปล่อยลูกปลา ลูกกุง้ เพือ่ พระราชทานแก่ราษฎรในบริเวณน้นั ใหม้ ี แหล่งอาหารสาํ หรับบริโภค ท้งั น้ีมีการก่อสร้างอ่างเกบ็ น้าํ ในลกั ษณะดงั กล่าวทว่ั ประเทศเป็น จาํ นวนมาก อาทิ อ่างเก็บน้าํ แม่งดั สมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ อา่ งเก็บน้าํ ห้วยเดียก จ.สกลนคร อา่ งเกบ็ น้าํ หว้ ยซบั ตะเคียน จ.ลพบุรี อา่ งเก็บน้าํ คลองหลา จ.สงขลา รวมท้งั เข่ือนขนาดใหญ่ซ่ึงเป็นท่ีรู้จกั กนั ดี คือ เขื่อนป่ าสักชลสิทธ์ิ ใน จ.ลพบุรี และ จ.สระบุรี ซ่ึงเก็บน้าํ ไดม้ ากถึง 960 ลา้ นลูกบาศกเ์ มตร ไบโอดเี ซล จากปาล์มประกอบอาหารสู่เชื้อเพลงิ เครื่องยนต์ ดว้ ยสายพระเนตรอนั ยาวไกล พระองคท์ รงเป็นผนู้ าํ ทางดา้ นการพฒั นาพลงั งานทดแทน ผา่ นโครงการส่วนพระองคม์ าต้งั แต่ปี 2522 โดยมีโครงการผลิตแกส๊ ชีวภาพ เอทานอล แก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซลจากปาลม์ ซ่ึงในส่วนของพระราชดาํ ริดา้ นการพฒั นาน้าํ มนั ปาลม์ เพ่ือใชก้ บั เคร่ืองยนตด์ ีเซลน้นั การพฒั นาไบโอดีเซลจากน้าํ มนั ปาลม์ ในช่ือ “การใชน้ ้าํ มนั ปาลม์ กลน่ั บริสุทธ์ิ เป็นเช้ือเพลิงสาํ หรับเครื่องยนตด์ ีเซล” ไดจ้ ดสิทธิบตั รที่กระทรวงพาณิชยเ์ ม่ือวนั ท่ี 9 เมษายน พ.ศ. 2544 อีกท้งั ในปี 2546 ทรงไดร้ ับการทูลเกลา้ ฯ ถวายรางวลั จาก “โครงการน้าํ มนั ไบโอดีเซล สูตรสกดั จากน้าํ มนั ปาลม์ ” ในงาน “บรัสเซลส์ ยเู รกา” ซ่ึงเป็นงานแสดงสิ่งประดิษฐใ์ หม่ของโลก วทิ ยาศาสตร์ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยยี ม ท้งั น้ีปาลม์ เป็นพชื ที่ใหป้ ริมาณน้าํ มนั ต่อพ้นื ที่ปลูก สูง อีกท้งั เกษตรกรสามารถผลิตใชเ้ องไดภ้ ายในประเทศ ซ่ึงจะใชท้ ดแทนการนาํ เขา้ เช้ือเพลิงจาก ต่างประเทศได้ แหลมผกั เบยี้ -หนองหาร โครงการรักษ์สิ่งแวดล้อม สิ่งแวดลอ้ มเป็ นอีกปัญหาที่ไดร้ ับการแกไ้ ขดว้ ยโครงการพระราชดาํ ริ โดยส่วนของ โครงการศึกษาวจิ ยั และพฒั นาส่ิงแวดลอ้ มแหลมผกั เบ้ียเป็ นโครงการตามแนวพระราชดาํ ริในการ บาํ บดั น้าํ เสีย กาํ จดั ขยะมูลฝอย และรักษาสภาพป่ าชายเลน ท้งั น้ี แบ่งการบาํ บดั เป็น 2 ส่วนคือระบบ บาํ บดั หลกั และระบบบาํ บดั รอง สาํ หรับระบบบาํ บดั หลกั น้นั ซ่ึงมีบ่อสาํ หรับตกตะกอนและปรับ สภาพน้าํ เสียจาํ นวน 5 บ่อ โดยส่งน้าํ เสียผา่ นทอ่ ไปยงั บอ่ บาํ บดั และในบ่อสุดทา้ ยจะมีคณะวจิ ยั ตรวจสอบ คุณภาพน้าํ ก่อนส่งต่อ

154 ส่วนระบบบาบัดรองน้ันอาศัยการบาบดั โดยธรรมชาติ ประกอบด้วย 1.ระบบบึงชีวภาพ ซ่ึงจะปลูกพืชที่สามารถเจริญไดด้ ีในน้าํ ขงั เสีย ดูดซบั สารพษิ และ สารอินทรียไ์ ด้ เช่น กก ออ้ เป็นตน้ 2.ระบบกรองน้าํ เสียดว้ ยหญา้ เช่น หญา้ เนเปี ย หญา้ แฝก หญา้ นวลนอ้ ย หญา้ รูซี่ เป็นตน้ โดยจะส่งน้าํ เสียไปขงั ในแปลงหญา้ เป็นระยะ ๆ 3.ระบบกรองดว้ ยป่ าชายเลน โดยในพ้ืนท่ีป่ าชายเลนจะปลูกโกงกาง แสมขาว เป็นตน้ เพอ่ื ใหม้ ีสภาพใกลเ้ คียงธรรมชาติ น้าํ ท่ีผา่ นป่ าชายเลนก็จะไดก้ ารบาํ บดั ตามธรรมชาติ นอก จากน้ียงั มีโครงการตามพระราชดาํ ริเพ่อื บาํ บดั น้าํ เสียใน อ.เมือง จ.สกลนคร ท้งั น้ี พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงมีพระราชดาํ ริใหว้ จิ ยั และพฒั นาระบบ บาํ บดั น้าํ เสีย โดยไดท้ รง ทอดพระเนตรน้าํ เสียบริเวณหนองสนม ขา้ งโรงงานผลิตน้าํ ประปา ซ่ึงมีแนวทางแกค้ ือรวบรวมน้าํ เสียมาระบายลงหนองหารเป็ นจุดเดียวกนั เพื่อจดั ทาํ โครงการบาํ บดั น้าํ เสียโดยวธิ ีธรรมชาติรวมกบั การใชเ้ ทคโนโลยแี บบ ประหยดั น้าํ เสียจากตวั เมืองสกลนครจะถูกรวบรวมโดยระบบท่อส่งและผา่ นการบาํ บดั ใหด้ ีใน ระดบั หน่ึง ก่อนส่งต่อไปยงั แปลงพชื น้าํ บาํ บดั แลว้ ระบายลงสู่หนองหารต่อไป สาํ หรับพชื น้าํ ที่ใช้ บาํ บดั น้าํ เสีย ไดแ้ ก่ ธูปฤาษี กกเล็ก แพงพวยน้าํ บอน ผกั ตบชวา หญา้ ปลอ้ งละมาน เป็ นตน้ แกล้งดิน เร่งกามะถันทาปฏกิ ิริยา ไล่หน้าดินเปรี้ยว จาก ปัญหาดินเปร้ียวในบริเวณป่ าพรุที่ถูกน้าํ ทว่ มในจงั หวดั นราธิวาส เนื่องจากมีสารประกอบไพไรทซ์ ่ึงมีกาํ มะถนั เป็นองคป์ ระกอบ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั จึงมีพระราชดาํ ริใหท้ ดลอง “แกลง้ ดิน” ดว้ ยการทาํ ให้ดินแหง้ และ เปี ยกสลบั กนั ไป เพือ่ กระตุน้ ใหส้ ารไพไรทท์ าํ ปฏิกิริยากบั ออกซิเจนแลว้ ปลดปล่อยกาํ มะถนั ออกมา ทาํ ใหด้ ินเปร้ียวจดั จากน้นั ปรับปรุงดินดว้ ยการใชน้ ้าํ ร่วมกบั ปูนมาร์ลหรือปูน ฝ่ นุ แลว้ ไถพลิกกลบ ดิน ความเป็ นเบสของปูนจะทาํ ใหด้ ินซ่ึงเปร้ียวจดั ถูกกระตุน้ ให้ “ช็อก” จึงปรับสภาพสู่สภาวะปกติ จนกระทงั่ เพาะปลูกขา้ วได้ การ ปรับพ้ืนท่ีและยกร่องก็เป็นวธิ ีระบายกรดบนหนา้ ดินอีกทางหน่ึง ส่วนจะปลูกพชื ชนิด ใดน้นั ตอ้ งปรับพ้ืนที่ใหเ้ หมาะสม เช่น หากจะปลูกขา้ วตอ้ งปรับดินใหล้ าดเอียงเพ่ือใหน้ ้าํ ไหลออก หากจะปลูกผกั หรือพชื ไร่อ่ืนใหย้ กร่องและทาํ คูเพอื่ ป้องกนั น้าํ ทว่ ม นอกจากน้ียงั ตอ้ งใส่ปูนขาวเพือ่ ปรับใหด้ ินเป็นกลาง หรืออาจจะใชน้ ้าํ จืดชะลา้ งกไ็ ดแ้ ต่ใชเ้ วลานาน หญ้าแฝก รากฝังลกึ อนุรักษ์หน้าดนิ ดว้ ยระบบรากของ “หญา้ แฝก” ที่ฝังลึกไปในดินตรง ๆ และแผก่ ระจายเหมือนกาํ แพงจึง ช่วยชะลอความเร็วของน้าํ ท่ีไหลผา่ นหนา้ ดิน ช่วยเก็บความชุ่มช้ืนของดินไวแ้ ละป้องกนั การ พงั ทลายของหนา้ ดิน จึงมีการนาํ ไปใชป้ ระโยชนเ์ พอ่ื การอนุรักษด์ ิน เช่น ปลูกตามพ้ืนที่ลาดชนั หรือ บริเวณเข่ือนเพื่อป้องกนั การกดั เซาะของหนา้ ดิน ปรับปรุงดินท่ีเส่ือมโทรม และยงั ใชป้ ลูกป้องกนั สารพษิ ปนเป้ื อนลงแหล่งน้าํ เป็นตน้

155 ผลจากการดาํ เนินงานตามพระราชดาํ ริในการศึกษาใหท้ ราบพนั ธุ์และหาวธิ ีปลูกหญา้ แฝก ที่เหมาะสมเพ่ือเผยแพร่ในพ้ืนที่ ๆ ประสบปัญหาการชะลา้ งพงั ทลายของหนา้ ดิน ทาํ ใหส้ มาคม ควบคุมการกดั เซาะผวิ ดินนานาชาติ(International Erosion Control Association: IECA) มีมติถวาย รางวลั The International Erosion Control Association’s International Merit Award แด่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ที่ทรงเป็นแบบอยา่ งในการนาํ หญา้ แฝกมาใช้ อนุรักษด์ ินและน้าํ เมื่อ วนั ที่ 30 ต.ค.2536 นอก จากน้ีพระอจั ฉริยภาพทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยเี ป็นส่ิงที่คนในวงการ วทิ ยาศาสตร์ควรจะนอ้ มนาํ เป็นแบบอยา่ งและแนวทางเพื่อการพฒั นางานที่อยสู่ ู่การพฒั นาประเทศ ด้านส่ือสารอเิ ลก็ โทรนิค เม่ือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดาํ เนินกลบั มา ประทบั อยใู่ นประเทศไทยเป็ นการถาวร ในปี พ.ศ. 2495 พระองคไ์ ดท้ รงต้งั สถานีวทิ ยุ อ.ส. ข้ึนที่ พระราชวงั สวนดุสิต และช่ือสถานีวทิ ยดุ งั กล่าวไดท้ รงนาํ มาจากอกั ษรยอ่ ของพระที่นง่ั อมั พรสถาน ซ่ึงเป็นสถานท่ีที่ใชอ้ อกอากาศคร้ังแรก ตอ่ มาจึงยา้ ยสถานีวทิ ยุ อ.ส. เขา้ ไปต้งั ในบริเวณพระตาํ หนกั จิตรลดารโหฐาน เร่ืองท่ี 2 พระบรมวงศานุวงศ์ทม่ี บี ทบาทในการสร้างสรรค์ชาติไทย พระบรมวงศานุวงศไ์ ทยมีบทบาทสาํ คญั ในการสร้างสรรคแ์ ละพฒั นาชาติใหเ้ จริญรุ่งเรือง พระบรมวงศา นุวงศท์ ี่สาํ คญั มีดงั น้ี 1. สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส มีพระนามเดิมวา่ “พระองคเ์ จา้ มนุษยนาคมานพ” ทรงเป็น พระราชโอรสในพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และ เจา้ จอมมารดาแพทรงออกผนวชเม่ือพระชนม์20 พรรษา พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเลื่อนเป็ นสมเดจ็ พระสงั ฆราชสมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณ วโรรสทรงเป็นนกั ปราชญท์ ี่มีความรอบรู้ในดา้ นการศาสนา ทรงไดร้ ับการยกยอ่ งวา่ ทรงเป็ น “ดวงประทีปแกว้ ” แห่งคณะ สงฆไ์ ทยเชี่ยวชาญพระธรรมวนิ ยั และทรงเป็ นนกั การศึกษา ท่ีร่วมบุกเบิกการประถมศึกษาในหวั เมืองในรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั

156 พระกรณยี กจิ สาคัญทมี่ ีต่อการสร้างสรรค์ชาตไิ ทยมีดังต่อไปนี้ ด้านศาสนา 1. ทรงต้งั มหามกฎุ ราชวทิ ยาลยั เมื่อ พ.ศ. 2436 เพอี่ เป็นสถานศึกษาข้นั สูงของสงฆแ์ ละ ทรงนาํ วชิ าการแผนใหม่มาทดลองสอนและสอบ เช่น ภาษาบาลีสนั สกฤต ภาษาไทย และ ภาษาองั กฤษ รวมท้งั เรียนคณิตศาสตร์และวชิ าการสมยั ใหม่อื่น ๆ ทรงนาํ วธิ ีการวดั ผลการศึกษาดว้ ย การสอบขอ้ เขียนมาใชแ้ ทนการสอบปากเปล่าแบบเก่า 2. ทรงวางหลกั สูตรนกั ธรรมที่เป็ นการศึกษาข้นั พ้นื ฐานของสงฆ์ 3. ทรงวางระเบียบการปกครองคณะสงฆแ์ ละแยกการปกครองคณะสงฆ์จากฆราวาสโดย ใหค้ ณะสงฆป์ กครองกนั เอง 4. ทรงนิพนธ์หนงั สือสาํ คญั หลายเล่ม เช่น นวโกวาท พทุ ธประวตั ิเบญจศีลเบญจธรรม และ ธรรมวจิ ารณ์ ทาํ ให้เขา้ ใจพระพทุ ธศาสนาไดด้ ียงิ่ ข้ึน ด้านการศึกษา 1. ทรงทาํ งานร่วมกบั สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดาํ รงราชานุภาพ ในการจดั ต้งั โรงเรียนในหวั เมืองและทรงรับหนา้ ที่ในการฝึกอบรมพระภิกษุในกรุงเทพฯ และหวั เมืองเพ่ีอให้เป็นครูออกไป สอนตามโรงเรียนหวั เมือง 2. ทรงวางแบบแผนการจดั ต้งั โรงเรียนและการสร้างหลกั สูตรการศึกษา ซ่ึงทรงเนน้ วา่ การศึกษา ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของบา้ นเมืองเป็ นหลกั รวมท้งั ทรงใหค้ วามสาํ คญั กบั การสอน ศีลธรรมและจริยธรรม 3. ทรงแนะนาํ และชกั จูงให้ราษฎรเห็นผลประโยชน์ของการศึกษาและสนบั สนุนกิจการ ของโรงเรียนในทอ้ งถ่ิน 4. ทรงใหค้ วามสาํ คญั กบั การเดินทางตรวจราชการตามหวั เมือง เพี่อใหเ้ ห็นสภาพปัญหา จริงแทนการรับฟังรายงานเพียงอยา่ งเดียว 2. พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงวงษาธิราชสนิท พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท (พ.ศ. 2351-2414) มีพระนามเดิมวา่ “พระองคเ์ จา้ นวม” ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั กบั เจา้ จอมมารดาปรางใหญ่ และเป็นตน้ ราชสกลุ สนิทวงศท์ รงมีความรู้ทางดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย ทรง กาํ กบั กรมหมอและทรงมีบทบาทสาํ คญั ในการพฒั นาการ ต่างประเทศและการศึกษา ในวาระแห่งวนั คลา้ ยวนั ประสูติ ครบ 200 ปี ของพระองค์ องคก์ ารศึกษาวทิ ยาศาสตร์

157 และวฒั นธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยเู นสโก (UNESCO) ไดป้ ระกาศยกยอ่ งใหพ้ ระเจา้ บรมวงศ์ เธอกรมหลวงวงษาธิราชสนิท ทรงเป็นบุคคลสาํ คญั ของโลกในสาขาปราชญ์และกวี (Scholar and Poet)ประจาํ ปี พ.ศ. 2551-2552 และเป็นบุคคลที่มีผลงานดา้ นการศึกษาและวรรณกรรม การแพทย์ และการสาธารณสุข และการต่างประเทศ พระกรณยี กจิ สาคัญทมี่ ตี ่อการสร้างสรรค์ชาติไทยมดี งั นี้ ด้านการเมืองการปกครอง พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิททรงมีความคุ้นเคยกบั วฒั นธรรมตะวนั ตก และชาวตะวนั ตกเป็ นอยา่ งดี พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั จึงทรงแต่งต้งั ให้ดาํ รงตาํ แหน่ง ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ ายไทยร่วมกบั กลุ่มขุนนางตระกูลบุนนาค ในการเจรจาทาํ สนธิสัญญา กับชาติตะวนั ตกที่สําคญั ได้แก่ สนธิสัญญาเบาว์ริงทรงดาํ เนินนโยบายทางการทูตด้วยความ ประนีประนอมและผอ่ นปรนทาํ ใหค้ วามสมั พนั ธ์ระหวา่ งประเทศดาํ เนินไปดว้ ยดี ด้านการแพทย์ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิททรงนิพนธ์ “ตาํ ราสรรพคุณยาของกรม หลวงวงษาธิราชสนิท เล่ม 1 และเล่ม 2” นบั เป็ นตาํ ราสมุนไพรไทยเล่มแรกของไทยที่มีการจาํ แนก สรรพคุณของสมุนไพรตามแบบวทิ ยาศาสตร์การแพทยต์ ะวนั ตก ทรงเรียนรู้ในวิชาการแพทยแ์ ผน ตะวนั ตก ทรงเป็ นแพทยไ์ ทยพระองค์แรกที่ไดร้ ับการถวายประกาศนียบตั รและทรงได้รับการทูล เชิญใหเ้ ป็นสมาชิกของสถาบนั การแพทยแ์ ห่งนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้านวรรณกรรม พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิททรงมีพระปรีชาสามารถในการประพนั ธ์ โคลง ฉันท์กาพย์ กลอนพระนิพนธ์มีหลากหลายรูปแบบท้งั สาระและการบนั เทิง เช่น หนังสือ แบบเรียนจินดามณีเล่ม 2 และงานตรวจสอบชาํ ระเรื่องพระราชพงศาวดารฉบบั พระราชหตั ถเลขา เรื่องนิราศพระประธม เพลงยาวสามชาย ตาํ ราเพลงยาวกลบทสิงโตเล่นหาง โคลงภาพฤๅษีดดั ตน เป็ นตน้ 3. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวดั ตวิ งศ์ สมเด็จ ฯ เจา้ ฟ้ากรมพระยานริศรานุวดั ติวงศ์ ทรงมีพระนามเดิมวา่ \"พระองค์เจา้ จิตร เจริญ\" ทรงเป็ นพระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ ัวกบั พระสัมพนั ธวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ พรรณรายประสูติเมื่อวนั ท่ี28 เมษายน พ.ศ.2406 เป็ นตน้ ราชสกุลจิตรพงศ์ ทรงมีพระ ปรีชาสามารถในวทิ ยาการหลาย แขนง เช่น ดนตรี อกั ษรศาสตร์ ประวตั ิศาสตร์ งานช่าง และทรง มีผลงานสาํ คญั ในดา้ นการช่างและศิลปะ

158 - ทรงดาํ รงตาํ แหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ กระทรวงพระคลงั มหาสมบตั ิ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงวงั เพื่อวางรากฐานการบริหารราชการใหม้ ีความมน่ั คง - ทรงเป็ นอภิรัฐมนตรีที่ปรึกษาราชการแผน่ ดินในสมยั รัชกาลท่ี 7 - ทรงเป็ นผสู้ าํ เร็จราชการหลงั การเปล่ียนแปลงการปกครอง - ทรงมีพระปรีชาสามารถดา้ นการช่างและศิลปะ - ทรงไดร้ ับยกยอ่ งใหเ้ ป็นบรมครูแห่งการช่างและศิลปะ - องคก์ ารยเู นสโกไดป้ ระกาศเกียรติคุณของพระองคใ์ นฐานะ ผมู้ ีผลงานดีเด่นดน้ วฒั นธรรมระดบั โลกพ.ศ.2506 ด้านการเมืองการปกครอง 1. ในรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั สมเดจ็ ฯ เจา้ ฟ้ากรมพระยานริศรา นุวดั ติวงศ์ ทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ กระทรวงพระคลงั มหาสมบตั ิ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงวงั เพ่ือวางรากฐานการบริหารราชการใหม้ ีความมน่ั คง 2. ในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั สมเด็จ ฯ เจา้ ฟ้ากรมพระยานริศรานุวดั ติวงศท์ รงเป็นอภิรัฐมนตรีท่ีปรึกษาราชการแผน่ ดิน และหลงั จากเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ทรงเป็นผสู้ าํ เร็จราชการเม่ือพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสด็จประทบั นอกกรุงเทพฯ และนอกประเทศ ด้านสังคมและวฒั นธรรม สมเดจ็ ฯ เจา้ ฟ้ากรมพระยานริศรานุวดั ติวงศ์ ทรงเป็นพระบรมวงศานุวงศท์ ี่มีฝีมือทางดา้ น การช่างงานศิลปะเกือบทุกแขนง ทรงมีผลงานดา้ นจิตรกรรม สถาปัตยกรรม ประติมากรรม นาฏศิลป์ และดนตรี ทรงไดร้ ับการยกยอ่ งจากองคก์ ารศึกษาวทิ ยาศาสตร์และวฒั นธรรมแห่ง สหประชาชาติหรือยเู นสโก (UNESCO) ใหเ้ ป็นบุคคลผมู้ ีผลงานดีเด่นทางดา้ นวฒั นธรรมระดบั โลกประจาํ ปี พ.ศ. 2506 ผลงานท่ีมีคุณค่าและมีช่ือเสียงของพระองค์ เช่น ผลงานออกแบบพระอุโบสถวดั ราชาธิ วาสและสถูปเจดียห์ ลงั พระอุโบสถ ออกแบบพระอุโบสถวดั เบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ออกแบบ ตรากระทรวงต่าง ๆ อนุสาวรียท์ หารอาสาสงครามโลกคร้ังท่ี 1 องคพ์ ระธรณีบีบมวยผมท่ีเชิง สะพานผา่ นภพลีลา ภาพจิตรกรรมมจั ฉาชาดกท่ีหอพระคนั ธารราษฎรในวดั พระศรีรัตนศาสดา ราม ภาพสีน้าํ มนั ประกอบพระราชพงศาวดารสมยั อยธุ ยา ภาพร่างเร่ืองเวสสนั ดรชาดกสาํ หรับ เขียนลงบนผนงั อุโบสถวดั ราชาธิวาส ภาพเขียนพระสุริโยทยั ขาดคอชา้ ง อีกท้งั ทรงมีความรอบรู้ และมีฝีมือทางดนตรีไทยทรงประพนั ธ์เพลงต่าง ๆ มากมาย เช่น เพลงเขมารไทรโยค เป็นตน้

159 4. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาเทวะ วงศว์ โรปการ มีพระนามเดิมวา่ พระองคเ์ จา้ วญั อุไทยวงศ์ ประสูติเมื่อวนั ท่ี27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2401 เป็นพระเจา้ ลูกยาเธอองคท์ ่ีสองใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และเจา้ จอมมารดาเปี่ ยม เมื่อมีพระชนั ษา 17 ปี ทรงเขา้ รับราชการทาํ หนา้ ท่ีตรวจบญั ชีคลงั ร่วมกบั พระ เจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมพระนเรศร์วรฤทธ์ิในสมยั น้นั การเกบ็ ภาษีอากรของแผน่ ดินยงั ไมเ่ ป็น ระเบียบผลประโยชน์ของแผน่ ดินรั่วไหลมาก พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จึง ทรงปฏิรูปการปกครองแผน่ ดินดว้ ยการต้งั หอรัษฎกรพิพฒั น์อนั เป็นตน้ กาํ เนิดของ กระทรวงการคลงั ข้ึนมีการต้งั สาํ นกั งานออดิต ออฟฟิ ศ แลว้ โปรดเกลา้ ฯใหพ้ ระองคเ์ จา้ เทวญั อุไทยวงศ์ เป็นหวั หนา้ พนกั งาน ซ่ึงทรงปฏิบตั ิหนา้ ท่ีเป็นอยา่ งดี ทรงพระปรีชารอบรู้ท้งั ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ และวชิ าเลข ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จึงโปรดเกลา้ ฯใหไ้ ปรับ ราชการช่วยเจา้ พระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) ราชเลขาฝ่ ายตา่ งประเทศ หลงั จากน้นั ทรงดาํ รง ตาํ แหน่งเป็นราชเลขาธิการและไดร้ ับพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ สถาปนาใหท้ รงกรมเป็ นกรมหม่ืน เทวะวงศว์ โรปการ เม่ือ พ.ศ. 2424 กรมหม่ืนเทวะวงศว์ โรปการ ทรงริเร่ิมให้มีการต้งั ทูตไทยประจาํ ราชสาํ นกั ตา่ งประเทศ เพื่อความสะดวกในการเจรจากบั กงสุลต่างประเทศ และทรงดาํ ริที่จะทาํ สัญญากบั องั กฤษจดั ต้งั ศาลตา่ งประเทศข้ึนที่เชียงใหม่ อนั เป็นการเริ่มนาํ คนในบงั คบั ต่างประเทศมาไวใ้ น อาํ นาจศาลไทยใน พ.ศ. 2424 ตาํ แหน่งเสนาบดีกรมทา่ วา่ งลง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ แต่งต้งั กรมหม่ืนเทวะวงศว์ โรปการเป็ นเสนาบดีกรม ต่อมาพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ เล่ือนเป็นพระองคเ์ จา้ ตา่ งกรมช้นั ผใู้ หญเ่ ป็ นกรมหลวงเทวะ วงศว์ โรปการ ดาํ รงตาํ แหน่งเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ ทรงพยายามที่จะหาทางรักษาไมตรี ระหวา่ งไทยกบั ประเทศต่างๆ ใหด้ าํ เนินไปดว้ ยดี กรณีวกิ ฤตการณ์ ร.ศ. 112 มีการปะทะกนั ระหวา่ งเรือของฝร่ังเศสกบั ไทย พระองคท์ รงช่วยผอ่ นคลายสถานการณ์อนั ตึงเครียดถึงแมว้ า่ จะตอ้ งสูญเสียดินแดนไปบา้ ง แต่กย็ งั คงรักษา เอกราชของไทยไวไ้ ดใ้ นสมยั รัชกาลที่ 6 กรมหลวงเทวะวงศว์ โรปการทรงดาํ รงตาํ แหน่งเสนาบดี สืบมาและพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯเลื่อนพระอิสริยยศ เป็นกรมพระเทวะวงศว์ โรปการ

160 เม่ือ พ.ศ. 2459 ทรงเป็นมหาอาํ มาตยย์ ศเทียบเท่ากบั จอมพลสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาเทวะวงศว์ โรปการสิ้นพระชนมเ์ มื่อวนั ท่ี 28 มิถุนายน พ.ศ. 2466 พระชนั ษา 65 ปี ทรง เป็นตน้ ราชสกุล เทวกุล -ทรงมีบทบาทสาํ คญั ดา้ นการต่างประทศ -ประเทศไทยรอดพน้ จากการเป็นอาณานิคมของฝร่ังเศส ดว้ ยนโยบายทางการทูตของ พระองค์ -ทรงมีบทบาทสาํ คญั ในการเจรจาแกไ้ ขปัญหาระหวา่ ง ไทยกบั องั กฤษ -ทรงมีบทบาทสาํ คญั ดา้ นการเมืองการปกครอง -ทรงมีบทบาทสาํ คญั ในการจดั ต้งั รัฐมนตรีสภา 5. สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดารงราชานุภาพ สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดาํ รงราชานุภาพ เป็นพระโอรสในรัชกาลที่ 4 กบั เจา้ จอมมารดาชุ่ม มีพระนาม เดิมวา่ พระองคเ์ จา้ ดิศวรกุมาร ประสูติเม่ือวนั ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2405 ทรงไดร้ ับการศึกษาเบ้ืองตน้ ในพระบรมหมาราชวงั ในสมยั รัชกาลที่ 5 ไดร้ ับการสถาปนาเป็นกรมหม่ืนดาํ รงราชา นุภาพ แลว้ เล่ือนเป็นกรมหลวง ต่อมาในสมยั รัชกาลท่ี 6 ไดเ้ ล่ือนข้ึนเป็นกรมพระยาและเมื่อถึง สมยั รัชกาลที่ 7 ไดร้ ับการสถาปนาเป็น สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดาํ รงราชานุภาพ สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดาํ รงราชานุภาพทรงเป็ นกาํ ลงั สาํ คญั ในการพฒั นาบา้ นเมือง โดยเฉพาะการ ปฏิรูปประเทศในสมยั รัชกาลท่ี 5 ทรงปฏิบตั ิหนา้ ท่ีราชการดว้ นความวริ ิยะอุตสาหะมีความรอบรู้มี ความซื่อสัตยแ์ ละจงรักภกั ดีต่อพระมหากษตั ริยท์ ุกพระองค์ ผลงานสาคญั มี 3 ด้าน การศึกษา ใน พ.ศ. 2423 ทรงไดร้ ับแต่งต้งั ใหด้ าํ รงตาํ แหน่งผบู้ งั คบั การกรมทหารมหาดเลก็ จึงเก่ียวขอ้ งกบั การศึกษามาต้งั แต่น้นั เนื่องจากมีการต้งั โรงเรียนทหารมหาดเลก็ ข้ึนในกรมทหาร มหาดเลก็ ตอ่ มาเปล่ียนเป็นโรงเรียนพลเรือน จนถึง พ.ศ. 2433 ทรงเป็นอธิบดีกรมศึกษาธิการและ กาํ กบั กรมธรรมการ จึงปรับปรุงงานดา้ นการศึกษาใหท้ นั สมยั เช่น กาํ หนดจุดมุง่ หมายทางการ ศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของประเทศ คือ ฝึกคนเพื่อเขา้ รับราชการ กาํ หนดหลกั สูตร เวลาเรียนให้เป็นแบบสากล ทรงนิพนธ์แบบเรียนเร็วข้ึนใชเ้ พอื่ สอนให้อา่ นไดภ้ ายใน 3 เดือน มีการตรวจคดั เลือกหนงั สือเรียนกาํ หนดแนวปฏิบตั ิราชการในกรมธรรมการและริเริ่มขยาย การศึกษาออกไปสู่ราษฎรสามญั ชน เป็ นตน้

161 การปกครอง ทรงตาํ แหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยคนแรกเป็นเวลานานถึง 23 ปี ติดต่อกนั ต้งั แต่ พ.ศ. 2435 - 2458 ทรงมีบทบาทสาํ คญั ในการวางรากฐานระบบการบริหารราชการแผน่ ดินส่วน ภูมิภาคในแนวใหม่ โดยยกเลิกการปกครองที่เรียกวา่ ระบบกินเมือง ซ่ึงใหอ้ าํ นาจเจา้ เมืองมากมา เป็นการรวมเมืองใกลเ้ คียงกนั ต้งั เป็ นมณฑล และส่งขา้ หลวงเทศาภิบาลไปปกครองและจา่ ย เงินเดือนใหพ้ อเล้ียงชีพ ระบบน้ีเป็นระบบการรวมอาํ นาจเขา้ สู่ศูนยก์ ลาง นอกจากน้ีมีการต้งั หน่วยงานใหม่ข้ึนในกระทรวงมหาดไทย เพอ่ื ทาํ หนา้ ท่ีดูแลทุกขส์ ุขราษฎร เช่น กรมตาํ รวจ กรม ป่ าไม้ กรมพยาบาล เป็นตน้ ตลอดเวลาท่ีทรงดูแลงานมหาดไทยทรงใหค้ วามสาํ คญั แก่การตรวจ ราชการเป็ นอยา่ งมากเพราะตอ้ งการเห็นสภาพเป็นอยทู่ ่ีแทจ้ ริงของราษฎร ดูการทาํ งานของ ขา้ ราชการและเป็นขวญั กาํ ลงั ใจแก่ขา้ ราชการหวั เมืองดว้ ย งานพระนิพนธ์ ทรงนิพนธ์งานดา้ นประวตั ิศาสตร์ โบราณคดี และศิลปวฒั นธรรมไวเ้ ป็นจาํ นวนมากทรง ใชว้ ธิ ีสมยั ใหม่ในการศึกษาคน้ ควา้ ประวตั ิศาสตร์และโบราณคดีจนไดร้ ับการยกยอ่ งวา่ เป็นบิดาทาง โบราณคดีและประวตั ิศาสตร์ไทย สมเด็จฯ กรมพระยาดาํ รงราชานุภาพทรงลาออกจากตาํ แหน่ง เสนาบดี กระทรวงมหาดไทยเม่ือ พ.ศ. 2458 ในสมยั รัชกาลท่ี 6 เนื่องจากมีปัญหาดา้ นสุขภาพ แต่ ต่อมาเสด็จกลบั เขา้ รับราชการอีกคร้ังในตาํ แหน่งเสนาบดีมุรธาธร และเม่ือถึงสมยั รัชกาลท่ี 7 ทรง ดาํ รงตาํ แหน่งอภิรัฐมนตรีงานสาํ คญั อ่ืนๆท่ีทรงวางรากฐานไว้ ไดแ้ ก่ หอสมุดสาํ หรับพระนครและ งานดา้ นพพิ ิธภณั ฑแ์ ละหอจดหมายเหตุ สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดาํ รงราชานุภาพสิ้นพระชนมเ์ มื่อ พ.ศ. 2486 ทรงเป็นตน้ ราชสกุล ดิศกุลใน พ.ศ. 2505 ยเู นสโกประกาศยกยอ่ งพระองคใ์ หเ้ ป็ นผมู้ ีผลงาน ดีเด่นทางดา้ นวฒั นธรรมระดบั โลก นบั เป็นคนไทยคนแรกที่ไดร้ ับเกียรติจากสถาบนั แห่งน้ี 6. สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ สมเดจ็ เจา้ พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นบุตรชายคนใหญ่ของสมเดจ็ เจา้ พระยามหาประยรู วงศ์(ดิศ) กบั ทา่ นผหู้ ญิงจนั ทร์ เกิดเม่ือวนั ที่ 23 ธนั วาคม พ.ศ. 2351 ในวยั เด็กไดร้ ับการศึกษาจากวดั เมื่อเขา้ สู่วยั รุ่นในสมยั รัชกาล ที่ 2 บิดาซ่ึงขณะน้นั เป็นพระยาพระคลงั นาํ ไปถวายตวั เป็ น มหาดเลก็ และทาํ งานดา้ นพระคลงั และกรมทา่ อยกู่ บั บิดาตอ่ มา ในสมยั รัชกาลท่ี 3 รับราชการมีความชอบมากไดเ้ ลื่อนบรรดา ศกั ด์ิมาตามลาํ ดบั จนเป็นหมื่นไวยวรนาถ ใน พ.ศ. 2384 และเป็นพระยาศรีสุริยวงศใ์ นตอนปลาย รัชกาล คร้ันถึงสมยั รัชกาลที่ 4 ไดเ้ ลื่อนข้ึนเป็นเจา้ พระยาศรีสุริยวงศว์ า่ ท่ีสมุหกลาโหม เจา้ พระยา

162 ศรีสุริยวงศเ์ ป็ นผฝู้ ักใฝ่ สนใจศึกษาศิลปวทิ ยาของตะวนั ตกจึงจดั เป็ นพวกหวั สมยั ใหม่คนหน่ึงของ สมยั น้นั ท่านกบั บิดาของทา่ นไดค้ อยช่วยเหลือสนบั สนุนพวกมิชชนั นารีท่ีเขา้ มาสมยั รัชกาลท่ี 3 เพอ่ื ใหเ้ ผยแพร่วทิ ยาการและเทคโนโลยสี มยั ใหม่ออกไป เมื่อเซอร์จอห์นเบาวร์ ิง เขา้ มาทาํ สนธิสัญญาเบาวร์ ิงกบั ไทยในสมยั รัชกาลที่ 4 เจา้ พระยาศรีสุริยวงศท์ รงเป็น 1 ใน 5 ที่รัชกาลท่ี 4 ทรงแต่งต้งั ใหเ้ ป็ นท่ีปรึกษาขอ้ สัญญากบั เซอร์จอห์นเบาวร์ ิง ทาํ การทาํ สนธิสญั ญาสาํ เร็จลุล่วงได้ ดว้ ยดีและตอ่ มาท่านไดเ้ ป็นผูแ้ ทนฝ่ ายไทยในการทาํ สนธิสญั ญาลกั ษณะเดียวกนั กบั นานาประเทศ ในตอนปลายรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเดจ็ พระปิ่ นเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ซ่ึงเป็นวงั หนา้ หรือพระมหาอุปราช สวรรคต รัชกาลท่ี 4 ไม่ไดท้ รงต้งั ผหู้ น่ึงผใู้ ดข้ึนแทน คร้ันเมื่อรัชกาลที่ 4 สวรรคตใน พ.ศ. 411 ที่ ประชุมเสนาบดีและพระบรมวงศานุวงศจ์ ึงไดอ้ ญั เชิญเจา้ ฟ้าจุฬาลงกรณ์ข้ึนเสวยราชยเ์ ป็น พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และเชิญเจา้ พระยาศรีสุริยวงศข์ ้ึนเป็นผสู้ าํ เร็จราชการ แผน่ ดินโดยมีมติเป็นเอกฉนั ท์ นอกจากน้ียงั เชิญกรมหมื่นบวรวชิ ยั ชาญ พระโอรสองคใ์ หญข่ อง พระบาทสมเด็จพระป่ิ นเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ข้ึนเป็นกรมพระราชวงั บวงสถานมงคล แมจ้ ะมีผคู้ ดั คา้ นวา่ การต้งั ผดู้ าํ รงตาํ แหน่งกรมพระราชวงั บวรสถานมงคล ควรใหเ้ ป็ นพระราชอาํ นาจของ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั แตเ่ สียงส่วนใหญ่ก็เห็นวา่ ควงจะต้งั ไปเลย ท้งั น้ีอาจเพราะเกรงใจ เจา้ พระยาศรีสุริยวงศ์ ซ่ึงสนบั สนุนกรมหม่ืนบวรวชิ ยั ชาญนบั เป็ นคร้ังแรกในสมยั รัตนโกสินทร์ที่ พระมหากษตั ริยข์ ้ึนเสวยราชย์ ขณะพระชนมพรรษาเพียง 15 พรรษา และมีผดู้ าํ รงตาํ แหน่งผสู้ าํ เร็จ ราชการแผน่ ดินเป็นผใู้ ชอ้ าํ นาจแทนจึงมีผหู้ วนั่ เกรงวา่ อาจมีการชิงราชสมบตั ิดงั เช่น ท่ีพระยากลาโหมกระทาํ ในสมยั อยธุ ยา แต่เหตุการณ์เช่นน้นั กม็ ิไดเ้ กิดข้ึน เจา้ พระยาศรีสุริยวงศ์ ได้ บริหารราชการมาดว้ ยความเรียบร้อย พร้อมกนั น้นั กไ็ ดจ้ ดั ใหร้ ัชกาลที่ 5 ทรงไดร้ ับการฝึกหดั การ เป็นพระมหากษตั ริยต์ ามโบราณราชประเพณี และใหท้ รงเรียนรู้ศิลปวทิ ยาการสมยั ใหม่ควบคูไ่ ป ดว้ ย นอกจากน้นั ยงั จดั ให้เสด็จประพาสสิงคโปร์และชวาใน พ.ศ. 2431 อินเดียและพม่าใน พ.ศ. 2415 เพ่อื ทอดพระเนตรแบบแผนการปกครอง ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเจริญของประเทศท่ี อยใู่ นความปกครองของตะวนั ตก ซ่ึงรัชกาลที่ 5 ไดท้ รงนาํ แบบอยา่ งที่เหมาะสมมาปรับปรุง ประเทศใหเ้ จริญกา้ วหนา้ ในเวลาตอ่ มาเม่ือรัชกาลที่ 5 ทรงบรรลุนิติภาวะใน พ.ศ.2416 ไดม้ ีพระ ราชพธิ ีบรมราชาภิเษกเป็นคร้ังท่ี 2 ซ่ึงแสดงวา่ จะทรงวา่ ราชการบา้ นเมืองเอง ในพระราชพิธีคร้ังน้ี โปรดเกลา้ ฯใหเ้ ลื่อนบรรดาศกั ด์ิเจา้ พระยาศรีสุริยวงศ์ เป็นสมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ แมส้ มเดจ็ เจา้ พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศจ์ ะพน้ จากตาํ แหน่งผสู้ าํ เร็จราชกาลแผน่ ดินแลว้ แต่ก็คงทาํ หนา้ ท่ีท่ีปรึกษาราชการแผน่ ดินต่อมาจนถึงแก่พริ าลยั ใน พ.ศ.2425 รวมอายไุ ด้ 74 ปี

163 7. สมเดจ็ พระสุริโยไท สมเด็จพระสุริโยไท หรือ พระสุริโยไทวีรสตรีไทย สมยั อยุธยา เป็ นอคั รมเหสีในสมเด็จ พระหาจกั รพรรดิหรือพระเฑียรราชาพระมหากษตั ริยอ์ งคท์ ่ี 15 ของกรุงศรีอยุธยาราชวงศส์ ุพรรณ ภูมิ พระสุริโยไท ตามพงศาวดารหลวงประเสริฐฯ กล่าวเพียงแค่เป็ นอคั รมเหสีผูเ้ สียสละพระชนม์ ชีพเพื่อปกป้องพระราชสวามีในสงครามพระเจา้ ตะเบ็งชะเวต้ีในปี พ.ศ. 2091 พงศาวดารบางฉบบั กล่าววา่ พระสุริโยไท เป็นเจา้ นายเช้ือสายราชวงศพ์ ระร่วงเจา้ กรุงสุโขทยั โดยมิไดก้ ล่าวรายละเอียด ใดมากกวา่ น้ี พระราชประวตั ิ พระราชประวตั ิของสมเด็จพระสุริโยไท ยงั ไมเ่ ป็นท่ีทราบแน่ชดั แตส่ ันนิษฐานวา่ สืบเช้ือ สายมาจากราชวงศส์ ุโขทยั ซ่ึงดาํ รงตาํ แหน่งพระอคั รมเหสีในสมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ ในขณะที่ สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ ข้ึนครองราชยส์ มบตั ิกรุงศรีอยธุ ยาต่อจากขนุ วรวงศาธิราชไดเ้ พียง 7 เดือน เม่ือ พ.ศ.2091 พระเจา้ ตะเบง็ ชะเวต้ีและพระมหาอุปราชาบุเรงนองยกกองทพั พม่า-รามญั เขา้ มาลอ้ มกรุงศรีอยธุ ยาคร้ังแรก โดยผา่ นมาทางดา้ นด่านพระเจดียส์ ามองค์ จงั หวดั กาญจนบุรีและต้งั คา่ ยลอ้ มพระนคร การศึกคร้ังน้นั เป็นท่ีเลื่องลือถึงวีรกรรมของ สมเด็จพระศรีสุริโยไท ซ่ึงไสชา้ ง พระท่ีนงั่ เขา้ ขวางพระเจา้ แปรดว้ ยเกรงวา่ สมเด็จพระมหาจกั รพรรดิ พระราชสวามี จะเป็นอนั ตราย จนถูกพระแสงของา้ วฟันพระองั สาขาดสะพายแล่งสิ้นพระชนมอ์ ยบู่ นคอชา้ ง เพือ่ ปกป้องพระราช สวามี ไว้ เม่ือสงครามยตุ ิลง สมเด็จพระมหาจกั รพรรดิไดท้ รงปลงพระศพของพระนางและสถาปนา สถานท่ีปลงพระศพข้ึนเป็นวดั ขนานนามวา่ \"วดั สบสวรรค\"์ (หรือวดั สวนหลวงสบสวรรค)์ พระราชโอรสและพระราชธิดา สมเดจ็ พระสุริโยไท มีพระราชโอรส-พระราชธิดา 5 พระองค์ พระราเมศวรพระราชโอรส องคโ์ ต เป็นพระมหาอุปราช ถูกจบั เป็นองคป์ ระกนั แก่พม่า และสิ้นพระชนมร์ ะหวา่ งไปหงสาวดี พระบรมดิลกพระราชธิดา เสียพระชนมช์ ีพพร้อมพระมารดาในสงครามคราวเสียพระสุริโยไทพระ

164 สวสั ด์ิราช พระราชธิดา ต่อมาไดร้ ับการสถาปนาข้ึนเป็นพระวสิ ุทธิกษตั รีย์ อคั รมเหสีในสมเดจ็ พระ มหาธรรมราชาและเป็นพระชนนีของพระสุพรรณกลั ยา สมเด็จพระนเรศรมหาราช และสมเดจ็ พร เอกาทศรถพระมหินทร์ พระราชโอรสองคร์ อง ต่อมาไดข้ ้ึนครองราชยเ์ ป็ น สมเดจ็ พระมหินทราธิ ราช กษตั ริยอ์ งคส์ ุดทา้ ยก่อนเสียกรุงศรีอยธุ ยาคร้ังท่ี 1 ใน ปี พ.ศ. 2112 พระเทพกษตั รีพระราชธิดา ภายหลงั ถูกส่งตวั ถวายแด่พระไชยเชษฐาแห่งอาณาจกั รลา้ นชา้ ง ซ่ึงระหวา่ งการเดินทางถึงชายแดน สยามประเทศพระนางถูกพระเจา้ บุเรงนองกษตั ริยแ์ ห่งพม่าทาํ การชิงตวั ไปยงั กรุงหงสาวดี สาเหตุท่ี พระเจา้ บุเรงนองชิงตวั ไปก็เพราะพระเทพกษตั รีเป็นหน่อเน้ือของพระสุริโยไท ในปี พ.ศ. 2535 ได้ มีการก่อสร้างพระราชานุสาวรียส์ มเดจ็ พระสุริโยไท ที่บริเวณทุง่ มะขามหยอ่ ง ตาํ บลบา้ นใหม่ อาํ เภอพระนครศรีอยธุ ยา จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา เพือ่ เป็นพระอนุสาวรียป์ ระดิษฐานพระรูป สมเดจ็ พระสุริโยไท ความเป็นมาของสงครามระหวา่ งไทยกบั พม่าในคร้ังน้นั มีเหตุการณ์สืบเนื่องมาจากพระเจา้ หงสาวดี ตะเบงชะเวต้ี ไดร้ ู้ข่าวกรุงศรีอยธุ ยาเกิดเหตุวนุ่ วาย เมื่อสิ้นรัชกาลสมเด็จพระไชย ราชาธิราช เกิดการแยง่ ชิงราชสมบตั ิระหวา่ งพระแกว้ ฟ้า พระราชโอรส และขนุ วรวงศาธิราช และ อญั เชิญพระราชอนุชาต่างพระชนนีในสมเด็จพระไชยราชาธิราชข้ึนเสวยราชสมบตั ิทรงพระนามวา่ “สมเด็จพระมหาจกั รพรรดิ” เม่ือกองทพั พระเจา้ กรุงหงสาวดี ยกมาถึงกรุงศรีอยธุ ยาแลว้ กองทพั กรุง ศรีอยธุ ยาไดย้ กออกไป กองทพั ฝ่ ายกรุงศรีอยธุ ยาของสมเด็จพระมหาจกั รพรรดิ ซ่ึงมีสมเด็จพระ สุริโยไท พระอคั รมเหสี และสมเด็จพระเจา้ ลูกยาเธอท้งั สองพระองค์ เสด็จมาในทพั ดว้ ยน้ีไดป้ ะทะ กบั กองทพั พระเจา้ แปร ซ่ึงเป็ นทพั หนา้ ของพระเจา้ กรุงหงสาวดีไดท้ รงเขา้ ชนชา้ งกนั ความใน พงศาวดารไทยรบพมา่ พรรณนาไวว้ า่ “...ช้างพระที่นั่งสมเดจ็ พระมหาจักรพรรดิเสียที สมเดจ็ พระสุริโยไทเกรงพระราชสวามจี ะ เป็นอันตราย จึงขบั ช้างทรงเข้าขวางช้างข้าศึกไว้ พระเจ้าแปรได้ทีฟันสมเดจ็ พระสุริโยไท ด้วย สาคัญว่าเป็ นชายสิ้นพระชนม์ซบลงกับคอช้ าง…”

165 เร่ืองท่ี 3 ขุนนางและชาวต่างชาตทิ ม่ี บี ทบาทในการสร้างสรรค์ชาตไิ ทย 1.เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ออกญาโกษาธิบดี มีช่ือเดิมวา่ ป่ าน เป็ นบุตร ของเจา้ แมว่ ดั ดุสิต พระนมของสมเด็จพระนารายณ์ กษตั ริยอ์ งคท์ ี่ 27 ของอยธุ ยา และเป็นนอ้ งชายของ ออกญาโกษาธิบดี (เหล็ก) ซ่ึงดาํ รงตาํ แหน่งพระคลงั ระหวา่ งปี พ.ศ. 2200-2226 ต่อมาไดเ้ ล่ือนบรรดาศกั ด์ิ เป็นพระวสิ ุทธสุนทร (ป่ าน) ในสมยั ที่โกษาปาน ดาํ รงตาํ แหน่งเป็นพระวสิ ูตรสุนทรไดร้ ับแต่งต้งั ใหเ้ ป็นทูตออกไปเจริญสมั พนั ธไมตรีกบั ฝรั่งเศส ในสมยั ดงั กล่าวฝรั่งเศสมีอิทธิพลในราชสาํ นกั ของพระนารายณ์มาก จุดประสงคข์ องฝรั่งเศส คือ การเผยแพร่คริสตศ์ าสนา และพยายามให้ พระนารายณ์เขา้ รีตเป็นคริสตช์ นดว้ ย รวมท้งั ยงั พยายามมีอาํ นาจทางการเมืองในอยธุ ยา ดว้ ยการเจรจาขอต้งั กาํ ลงั ทหารของตนท่ีเมืองบางกอกและ เมืองมะริด ออกพระวสิ ุทธ์ิสุนทร (ป่ าน) ออกเดินทางไปฝรั่งเศส เมื่อธนั วาคม พ.ศ. 2228 ไดเ้ ขา้ เฝ้า พระเจา้ หลุยส์ที่ 14 เม่ือ 1 กนั ยายน พ.ศ. 2229 และเดินทางกลบั เมื่อ 27 กนั ยายน พ.ศ. 2230 รวม เดินทางไปกลบั อยธุ ยาฝรั่งเศสท้งั หมด 1 ปี 9 เดือน โกษาปานเป็นนกั การทูตท่ีสุขมุ ไม่พดู มาก ละเอียดลออในการจดบนั ทึกท่ีไดพ้ บเห็นในการเดินทางคร้ังน้นั สาํ หรับการเขา้ เฝ้าในคร้ังน้ี ออก พระวสิ ุทธ์ิสุนทร (ปาน) ไดก้ ระทาํ หนา้ ที่เป็ นผแู้ ทนของราชสาํ นกั อยธุ ยาอยา่ งถูกตอ้ งตาม ขนบธรรมเนียมประเพณีการเขา้ เฝ้า จนชาวฝร่ังเศสไดก้ ล่าวยกยอ่ งช่ืนชมคณะทูตไทย ซ่ึงถือวา่ การ ไปเจริญสมั พนั ธไมตรีคร้ังน้ีประสบความสาํ เร็จเป็นอยา่ งยง่ิ เพราะทาํ ใหค้ วามสัมพนั ธ์ระหวา่ งไทย กบั ฝร่ังเศสแน่นแฟ้นยง่ิ ข้ึน การเจริญสมั พนั ธไมตรีของพระวสิ ุทธ์ิสุนทร (ปาน) และคณะราชทูตใน คร้ังน้นั ไดส้ ร้างชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือในทวปี ยโุ รป เนื่องจากเป็นคร้ังแรกที่พระเจา้ แผน่ ดินทางดา้ น ตะวนั ออกแตง่ คณะราชทูตไปยงั สาํ นกั ฝร่ังเศสพระเจา้ หลุยส์ทรงจดั การรับรองคณะราชทูตจากกรุง ศรีอยธุ ยาอยา่ งสมเกียรติยศ และโปรดใหจ้ ดั ทาํ เหรียญท่ีระลึก และมีการเขียนรูปราชทูตไทยเขา้ เฝ้า พระเจา้ หลุยส์ที่14 ของฝรั่งเศสเป็นที่ระลึกดว้ ย

166 ในปลายสมยั ของพระนารายณ์มีความรู้สึกต่อตา้ นชาวตา่ งชาติ (โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ฝรั่งเศส) ในหมูข่ นุ นางไทยและพระสงฆ์ พระเพทราชา เจา้ กรมชา้ ง (ซ่ึงต่อมาเป็นกษตั ริยอ์ งคท์ ี่ 28 ของอยธุ ยา) ทรงเป็นผนู้ าํ ในการตอ่ ตา้ นคร้ังน้ี โกษาปานไดเ้ ขา้ เป็ นฝ่ ายของพระเพทราชา เม่ือพระ เพทราชาปราบดาภิเษกข้ึนเป็ นกษตั ริย์ โกษาปานไดร้ ับมอบหมายใหเ้ ป็นผูเ้ จรจากบั นายพลฝรั่งเศส ท่ีคุมป้อมอยทู่ ี่เมืองบางกอกใหถ้ อนทหารออกไปจากอาณาจกั รไทยไดส้ าํ เร็จ พระยาโกษาธิบดี (ปาน) เป็ นชายหนุ่มที่มีรูปงาม กิริยามารยาทเรียบร้อย มีไหวพริบดี รู้จกั โตต้ อบ ไดถ้ ูกเร่ืองราวและกาลเทศะ ไมม่ ีอาการประหมา่ สะทกสะเทิน้ เขินอาย เป็ นคนช่าง สังเกตจดจาํ สิ่งท่ีพบเห็นไดท้ ุกอยา่ งเม่ือเปลี่ยนแผน่ ดินเป็ นสมเดจ็ พระเพทราชาน้นั พระยาโกษาธิ บดี (ปาน ) น้นั ไดร้ ับแตง่ ต้งั เป็นเจา้ พระยาโกษาธิบดี แตด่ ว้ ยเหตุที่เป็ นคนซื่อสัตยต์ ่อสมเดจ็ พระ นารายณ์ฯ ดงั น้นั เม่ือเห็นวา่ สมเดจ็ พระเพทราชากระทาํ การไมส่ มควรกรณี แต่งต้งั ท้งั พระมเหสีและ พระขนิษฐาของสมเดจ็ พระนารายณ์เป็นพระมเหสี จึงทาํ ใหส้ มเด็จพระเพทราชาน้นั ทรงกริ้วเป็นอนั มาก จึงหาเหตุใหต้ อ้ งพระราชอาญา เม่ือ พ.ศ. 2243 ภรรยาตลอดจนทรัพยส์ มบตั ิของท่านก็ถูกริบ หมด และมีโทษโบยดว้ ยเชือกจนสลบ เล่ากนั วา่ หลงั น้นั ไมม่ ีเน้ือดีจนมีการกล่าวกนั วา่ เจา้ พระยา โกษาธิบดี (ปาน) น้นั มีความเกรงกลวั พระราชอาญาเสียจนไม่กลา้ ที่จะกราบทูลเร่ืองสาํ คญั ๆ จนใน ท่ีสุดถึงแก่อสญั กรรม ดว้ ยความโทมนสั ท่ีถูกพระราชอาญาและตอ้ งโทษโบยอยเู่ สมอ ส่วนครอบครัวของทา่ นก็ไดแ้ ตกฉานซ่านเซ็นไปอยคู่ นละทิศละทาง เมื่อกรุงศรีอยธุ ยา เสียแก่พม่าคร้ังสุดทา้ ย คุณทองดีซ่ึงเป็นหลานป่ ูของโกษาปานไดอ้ พยพไปอยกู่ บั เจา้ พระยา พิษณุโลก (เรือง) ตอ่ มาเม่ือเหตุการณ์สงบไดม้ าต้งั นิวาสสถานอยู่ ณ ตาํ บลสะแกกรัง เมืองอุทยั ธานี ทา่ นผนู้ ้ีปรากฏวา่ เป็ นบิดาของสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษตั ริยใ์ นราชวงศจ์ กั รี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ออกญาโกษาธิบดี (ปาน) ไดร้ ับการยกยอ่ งสรรเสริญในเร่ืองความสามารถทาํ ใหไ้ ทย เป็นที่รู้จกั ของชาวต่างชาติ และจากบุคลิกของท่านท่ีเฉลียวฉลาด มีมารยาทเรียบร้อย ช่างสงั เกต ช่าง จดจาํ พูดจาหลกั แหลมคมคาย ทาํ ใหท้ า่ นประสบความสาํ เร็จในการประกาศช่ือเสียง และเกียรติคุณ ของประเทศชาติ จากผลงาน การเป็นหวั หนา้ คณะราชทูตไทยไปเจริญสัมพนั ธไมตรีกบั ประเทศ ฝรั่งเศสจนประสบผลสาํ เร็จของออกญาโกษาธิบดี (ปาน) ทาํ ใหไ้ ทยรอดพน้ จากการคุกคามของ ฮอลนั ดา 2.หม่อมราโชทยั (หม่อมราชวงศก์ ระตา่ ย อิศรางกรู ) หมอ่ มราโชทยั นามเดิม หมอ่ มราชวงศก์ ระตา่ ย อิศรางกูร (12 มิถุนายน พ.ศ. 2363 - 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2410) เป็นบุตรของ พระวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ชอุม่ กรมหม่ืนเทวานุรักษ์ เป็นนดั ดาของ พระสมั พนั ธวงศเ์ ธอ เจา้ ฟ้าเกศ กรมขนุ อิศรานุรักษ์

167 และสมเดจ็ พระศรีสุริเยนทราบรมราชินีในรัชกาลที่ 2 เป็นปนดั ดาของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ซ่ึงเป็นพระพีน่ างในพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หม่อมราโชทยั นามเดิม หม่อมราชวงศก์ ระต่าย อิศรางกูร (12 มิถุนายน พ.ศ. 2363 - 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2410) เป็นบุตรของพระวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ชอุม่ กรมหม่ืนเทวานุรักษ์ เป็นนดั ดาของพระสมั พนั ธวงศเ์ ธอ เจา้ ฟ้าเกศ กรมขนุ อิศรานุรักษ์ และสมเดจ็ พระศรีสุริเยนทราบรมราชินีในรัชกาลท่ี 2 เป็นปนดั ดาของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ซ่ึงเป็นพระพ่ีนางใน พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หมอ่ มราชวงศก์ ระตา่ ย อิศรางกูร เกิดตอนปลาย สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั เม่ือเจริญวยั บิดาไดน้ าํ ไปถวายตวั อยกู่ บั พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ซ่ึงขณะน้นั ยงั ดาํ รงพระอิสริยยศเป็นเจา้ ฟ้ามงกุฎ สมมุติเทวา วงศ์ พงศาอิศวรกระษตั ริย์ ขตั ติยราชกมุ าร เมื่อเจา้ ฟ้ามงกุฎผนวช หม่อมราชวงศก์ ระต่ายก็ไดต้ าม เสด็จไปรับใช้ ต่อมาเม่ือเจา้ ฟ้ามงกฎุ ทรงสนพระราชหฤทยั ในภาษาองั กฤษ หม่อมราชวงศก์ ระต่ายก็ ไดศ้ ึกษาตามพระราชนิยม โดยมีมิชชนั นารีท่ีเขา้ มาสอนศาสนาเป็นผสู้ อนจนไดช้ ่ือวา่ เป็นผมู้ ีความรู้ ภาษาองั กฤษดี จนเจา้ ฟ้ามงกุฎทรงใชใ้ หเ้ ป็นตวั แทนเชิญกระแสรับสัง่ ไปพดู จากบั ชาวต่างชาติได้ เป็นอยา่ งดี คร้ันเม่ือเจา้ ฟ้ามงกุฎเสดจ็ เถลิงถวลั ยราชสมบตั ิข้ึนเป็ นพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั หมอ่ มราชวงศก์ ระตา่ ยกต็ ิดตามสมคั รเขา้ รับราชการ ความสามารถของหม่อมราชวงศ์ กระต่ายที่ช่วยราชกิจไดด้ ี จึงไดร้ ับพระราชทานเล่ือนอิสริยยศเป็น \"หม่อมราโชทยั \" และดว้ ยความรู้ ในภาษาองั กฤษดี พ.ศ. 2400 พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จึงโปรดเกลา้ ฯ ให้หมอ่ ม ราโชทยั เป็ นล่ามหลวงไปกบั คณะราชทูตไทยที่เชิญพระราชสาสน์และเครื่องมงคลราชบรรณาการ เดินทางไปถวายสมเด็จพระราชินีนาถวกิ ตอเรีย การเดินทางไปในคร้ังน้นั เป็นที่มาของหนงั สือนิราศ เมืองลอนดอน ซ่ึงแตง่ หลงั จากเดินทางกลบั ได้ 2 ปี ตอ่ มาพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหห้ มอ่ มราโชทยั ข้ึนเป็นอธิบดีพพิ ากษาศาลตา่ งประเทศเป็ นคนแรก ของไทย หมอ่ มราโชทยั ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อปี พ.ศ. 2410 ขณะมีอายุ 47 ปี พธิ ีพระราชทานเพลิง ศพจดั ข้ึนที่เมรุวดั อรุณราชวราราม เมื่อวนั ที่ 19 กนั ยายน พ.ศ. 2410 3. สมเดจ็ เจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) สมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นมหาบุรุษของไทยที่สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอยา่ ง ใหญห่ ลวงท่านเป็นศูนยร์ วมจิตใจของทุกคนในสถาบนั ราชภฏั บา้ นสมเด็จเจา้ พระยา และชุมชนใกลเ้ คียง เนื่องจากที่ต้งั ของสถาบนั ราชภฏั บา้ นสมเด็จเจา้ พระยา และบริเวณโดยรอบเคยเป็ นจวนและท่ีดิน ของท่านมาก่อน ทุก ๆ คนในสถาบนั ราชภฏั แห่งน้ีจึงเคารพเทิดทูนทา่ น

168 โดยขนานนามท่านวา่ \"เจา้ พ่อ\" และเรียกตนเองวา่ \"ลูกสุริยะ\" เนื่องจากท่านไดร้ ับพระราชทานตรา มหาสุริยมณฑล จากพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ซ่ึงเป็นตราประจาํ ตวั และยดึ ถือ เป็นสัญลกั ษณ์แทนตวั ทา่ นมาโดยตลอด สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็ นมหาบุรุษของไทยที่สร้าง คุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอยา่ งใหญ่หลวงท่านเป็ นศูนยร์ วมจิตใจของทุกคนในสถาบนั ราชภฏั บา้ นสมเด็จเจา้ พระยา และชุมชนใกลเ้ คียง เนื่องจากท่ีต้งั ของสถาบนั ราชภฏั บา้ นสมเด็จเจา้ พระยา และบริเวณโดยรอบเคยเป็ นจวนและท่ีดินของท่านมาก่อน ทุก ๆ คนในสถาบนั ราชภฏั แห่งน้ีจึง เคารพเทิดทูนท่านโดยขนานนามท่านว่า \"เจา้ พ่อ\" และเรียกตนเองว่า \"ลูกสุริยะ\" เนื่องจากท่าน ไดร้ ับพระราชทานตรามหาสุริยมณฑลจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัว ซ่ึงเป็ นตรา ประจาํ ตวั และยดึ ถือเป็นสัญลกั ษณ์แทนตวั ท่านมาโดยตลอด สมเดจ็ เจา้ พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศเ์ ป็นบุตรคนใหญ่ของสมเด็จพระยาบรมมหาประยรู วงศ์ (ดิศ บุนนาค) และทา่ นผหู้ ญิงจนั เกิดในตอนปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา โลกมหาราช เม่ือวนั ที่ 23 ธนั วาคม พ.ศ.2351 มีพนี่ อ้ งร่วมบิดามารดาเดียวกนั รวม 9 คน บรรพบุรุษ ของตระกูลบุนนาคเป็ นเสนาบดีคนสําคญั มาต้งั แต่สมยั อยุธยา และไดร้ ับราชการแผน่ ดินสืบทอด ต่อกนั มา สมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ไดร้ ับการศึกษาและฝึกฝนวชิ าการต่าง ๆ เป็ นอยา่ งดี เน่ืองจากบิดาของท่านเป็ นเจา้ พระยาพระคลงั เสนาบดีที่ว่าการต่างประเทศและว่าการปกครองหัว เมืองชายฝั่งทะเลมาก่อน สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์มีความสนใจในภาษาอังกฤษ สามารถพูด และอ่านตําราภาษาอังกฤษในสมัยน้ันได้อย่างคล่องแคล่ว ท่านได้คบหากับ ชาวตะวนั ตก ท่ีเขา้ มาในประเทศไทยในสมยั น้นั โดยเฉพาะหมอบรัดเลย์ ท่านยงั เป็ นบุคคลสําคญั ในการเจรจาและทาํ สัญญากบั ชาติตะวนั ตก ท่ีเขา้ มาติดต่อกบั ไทยในสมยั รัชกาลท่ี 3 และรัชกาลท่ี 4 โดยตลอด นอกจากน้ียงั มีความสามารถ ในการต่อเรือแบบฝรั่ง จนสามารถต่อเรือกาํ ป่ันขนาด ใหญเ่ ป็นจาํ นวนหลายลาํ ทา่ นยงั มีความสนใจในความรู้อ่ืน ๆ เช่น วรรณคดี การคา้ การปกครอง เป็ น ตน้ สมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศไ์ ดถ้ วายตวั เป็ นมหาดเล็ก ในสมยั รัชกาลท่ี 2 และ รับราชการมาโดยตลอดจนถึงสมยั รัชกาลที่ 5 มีตาํ แหน่ง ราชกาลในระดบั สูงคือ อคั รมหาเสนาบดี ท่ีสมุหกลาโหม ในสมยั รัชกาลที่ 4 และดาํ รงตาํ แหน่งผสู้ าํ เร็จราชการ แผน่ ดินเมื่อคร้ังรัชกาลท่ี 5 ยงั ทรงพระเยาว์ ภายหลงั จากท่ีลาออกจากราชกาลในบ้นั ปลายชีวิต ท่านยงั ไดร้ ับแต่งต้งั ให้เป็ นที่ ปรึกษาราชการแผน่ ดินจนถึงแก่พิราลยั นบั เป็ นมหาบุรุษคนสาํ คญั ของประเทศชาติที่ประกอบคุณ งามความดีจนเป็ นท่ีประจกั ษแ์ ก่คนท้งั ปวง ดงั บนั ทึกของ เซอร์จอห์น เบาวร่ิง ทูตองั กฤษที่เขา้ มา ติดตอ่ กบั ไทยในสมยั รัชกาลที่ 4 ซ่ึงกล่าวไวว้ า่ \"เจา้ พระยาศรีสุริยวงศค์ นน้ี ถา้ ไม่เป็ นคนเจา้ มารยา หรือคนรักบา้ นเมืองของตนกต็ าม ตอ้ งยอมรับวา่ ฉลาดล่วงรู้การล้าํ คนท้งั หลายท่ีเราไดพ้ บในที่น้ี ท้งั มีกริยาอชั ฌาสัย อย่างผูด้ ี และรู้จกั พูดจาเหมาะแก่การ\" พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว

169 ทรงตระหนักพระทยั และยกย่องเกียรติคุณของท่านว่า \"คร้ันถึงราชกาลปัจจุบนั ได้รับตาํ แหน่ง ผสู้ าํ เร็จราชการแผน่ ดิน ฉลองพระเดชพระคุณโดยอธั ยาศยั เที่ยงธรรม ซ่ือตรงมิไดแ้ ลเกรงผใู้ ด จะวา่ กล่าวตดั สินการส่ิงใดจะเป็นคุณประโยชนโ์ ดยทวั่ กนั และเป็นแบบอยา่ งตอ่ ไปภายหนา้ สิ้น กาลนาน\" สมเดจ็ เจา้ พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศส์ มรสกบั ทา่ นผหู้ ญิงกลิ่น มีบุตรและธิดารวมกนั 4 คน ในบ้นั ปลายชีวติ ของทา่ นมกั จะพกั อยทู่ ี่เมืองราชบุรี และถึงแก่พิราลยั ดว้ ยโรคลมบนเรือที่ปาก คลองกระทุ่มแบน ราชบุรี รวมอายุ 74 ปี เมื่อวนั ท่ี 19 มกราคม พ.ศ.2425 สถาบนั ราชภฏั บา้ นสมเดจ็ เจา้ พระยาจึงไดจ้ ดั พธิ ีรําลึกถึงทา่ นในวนั ที่ 19 มกราคม ของทุกปี เรียกวา่ วนั คลา้ ยวนั พิราลยั สมเด็จ เจา้ พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ จึงเป็นศูนยร์ วมของทุกคนในสถาบนั แห่งน้ีที่จะประกอบคุณความดี ท้งั ปวง และมีความสามคั คีต่อกนั เพ่ือเทิดทูนเกียรติของท่านตลอดไป 4. ลา ลแู บร์ (Simon de La Loubère) ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ (ฝรั่งเศส: Simon de La Loubère) (21 เมษายน พ.ศ. 2185-26 มีนาคม พ.ศ. 2272) เป็น ราชทูตจากประเทศ ฝร่ังเศส ไดเ้ ดินทางมาประเทศไทย พร้อมกบั เจา้ พระยาโกษาธิบดี (ปาน) เน่ืองดว้ ยเป็ น ราชทูตเจริญสมั พนั ธไมตรีกบั ไทย ของพระเจา้ หลุยส์ที่ 14 โดยเดินทางมาที่กรุงศรีอยธุ ยา พร้อมดว้ ยทหารของฝรั่งเศส จาํ นวนประมาณ 600 คน ในแผน่ ดินสมเด็จพระนารายณ์ มหาราชส่ิงท่ีสาํ คญั ของลา ลูแบร์ กค็ ือ จดหมายเหตุลา ซีมง เดอ ลา ลแู บร์ (ฝรั่งเศส: Simon de La Loubère) ลูแบร์บอกถึงชีวติ ความเป็นอยู่ สงั คม ประเพณี ประวตั ิศาสตร์ วฒั นธรรม หลายสิ่งหลายอยา่ งของ คนในสมยั กรุงศรีอยธุ ยาจึงนบั ไดว้ า่ เป็นหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ที่มีจารึกเป็ นลายลกั ษณ์อกั ษร อีกดว้ ย จดหมายเหตุลาลูแบร์ (ฝรั่งเศส: \"Du Royaume de Siam\" แปลตามตวั คือ \"วา่ ดว้ ย ราชอาณาจกั รสยาม\") เป็ นจดหมายเหตุพงศาวดารที่กล่าวถึงราชอาณาจกั รสยามในปลายรัชสมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พ.ศ. 2230 โดย มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์ อคั รราชทูตของพระเจา้ หลุยส์ท่ี 14 แห่งฝรั่งเศส ซ่ึงเขา้ มาทูลพระราชสาส์น ณ ประเทศสยาม ไดพ้ รรณาถึงกรุงศรีอยุธยาไว้ อยา่ งกวา้ งขวาง แมว้ า่ เขาจะอยเู่ พียง 3 เดือน 6 วนั จึงตอ้ งอาศยั ความรู้จากหนงั สือที่ชาวตะวนั ตกซ่ึง มากรุงสยามแต่ก่อนแต่งไวอ้ ยา่ งคลาดเคลื่อนบา้ ง สอบถามจากคนที่ไม่มีความรู้บา้ ง ฟังจากคาํ บอก เล่าซ่ึงจริงบา้ งไมจ่ ริงบา้ ง บางเร่ืองก็คาดเดาเอาเอง ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ (ฝร่ังเศส: Simon de La Loubère) (21 เมษายน พ.ศ. 2185-26 มีนาคม พ.ศ. 2272) เป็ นราชทูตจากประเทศ ฝรั่งเศส ไดเ้ ดินทางมาประเทศไทยพร้อมกบั เจา้ พระยาโกษาธิ บดี (ปาน) เนื่องดว้ ยเป็นราชทูตเจริญสัมพนั ธไมตรีกบั ไทย ของพระเจา้ หลุยส์ท่ี 14 โดยเดินทางมาท่ี

170 กรุงศรีอยุธยา พร้อมด้วยทหารของฝรั่งเศส จาํ นวนประมาณ 600 คน ในแผ่นดินสมเด็จพระ นารายณ์มหาราช สิ่งที่สําคญั ของลา ลูแบร์ ก็คือ จดหมายเหตุลา ลูแบร์บอกถึงชีวิตความเป็ นอยู่ สังคม ประเพณี ประวตั ิศาสตร์ วฒั นธรรม หลายส่ิงหลายอย่างของคนในสมยั กรุงศรีอยุธยาจึงนบั ไดว้ า่ เป็นหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ที่มีจารึกเป็นลายลกั ษณ์อกั ษรอีกดว้ ย จดหมายเหตุลาลูแบร์ฉบบั แปลในประเทศไทยมีอยู่ 2 ฉบบั คือ ฉบบั ท่ีพระเจา้ บรมวงศ์ เธอ พระองคเ์ จา้ วรวรรณากร กรมพระนราธิปประพนั ธ์พงศ์ ทรงพระนิพนธ์แปล โดยทรงแปลมา จากฉบบั ภาษาองั กฤษ และฉบบั แปลของสันต์ ท.โกมลบุตร จากตน้ ฉบบั ภาษาฝร่ังเศส จุดประสงค์ของการเขยี น มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์ไดอ้ อกเดินทางจากท่าเรือเมือง เบรสต์ เม่ือวนั ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2230 มาทอดสมอท่ีกรุงสยาม เมื่อวนั ที่ 27 กนั ยายน พ.ศ. 2230 เดินทางกลบั เมื่อวนั ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2231 ข้ึนบกท่ีทา่ เรือเมืองเบรสต์ เมื่อวนั ท่ี 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 ความมุ่งหมายในการเขียน เพ่งเล็งในดา้ นอาณาเขต ความอุดมสมบูรณ์ คุณภาพของดิน ในการกสิกรรม ภูมิอากาศเป็ นประการแรก ต่อมาเป็ นขนบธรรมเนียมประเพณีโดยทวั่ ๆ ไป เร่ือง เก่ียวกบั รัฐบาล และศาสนา และไดร้ วบรวมบนั ทึกความทรงจาํ เก่ียวกบั ประเทศน้ี ท่ีเขาไดน้ าํ ติดตวั มาดว้ ยไปผนวกไวต้ อนทา้ ย และเพื่อใหผ้ ูอ้ ่านไดร้ ู้จกั ชาวสยามโดยแจ่มชดั จึงไดเ้ อาความรู้เกี่ยวกบั อินเดีย และจีนหลายประการมาประกอบดว้ ย นอกจากน้นั ยงั ไดแ้ ถลงวา่ จะตอ้ งสืบเสาะใหร้ ู้เรื่องราว พจิ ารณาสอบถาม ศึกษาให้ถึงแก่นเท่าที่จะทาํ ได้ ก่อนเดินทางไปถึงประเทศสยาม ไดอ้ ่านจดหมาย เหตุท้งั เก่าและใหม่ บรรดาที่มีผูเ้ ขียนข้ึนไวเ้ ก่ียวกบั ประเทศต่าง ๆ ในภาคพ้ืนตะวนั ออกถา้ ไม่มีสิ่ง ดงั กล่าว เขาอาจใชเ้ วลาสักสามปี ก็คงไมไ่ ดข้ อ้ สงั เกต และรู้จกั ประเทศสยามดี 5. บาทหลวงปาลเลอกวั ซ์ พระสังฆราชปัลเลอกวั ซ์เกิดเมื่อวนั ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2348 ที่ เมืองโกต-ดอร์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อท่านอายไุ ด้ 23 ปี ทา่ นกไ็ ดต้ ดั สินใจบวชเป็นบาทหลวง เมื่อวนั ท่ี 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2371 ท่ีเซมินารีของ คณะมิสซงั ตา่ งประเทศแห่งกรุงปารีส จากน้นั ท่านกไ็ ดร้ ับ หนา้ ท่ีใหไ้ ปเผยแพร่ศาสนาคริสต์ ณ ประเทศไทย และทา่ น ไดอ้ อกเดินทางเม่ือวนั ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2371 ถึงประเทศ ไทยเมื่อวนั ท่ี 27 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2372 ในปี พ.ศ. 2381 ท่านไดร้ ับตาํ แหน่งอธิการโบสถค์ อนเซ็ปชญั ทา่ นไดป้ รับปรุง โบสถแ์ ห่งน้ี ซ่ึงสร้างข้ึนต้งั แต่ พ.ศ. 2217 ในสมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช แลว้ จากถูกทิง้ ร้างมานานแลว้ ยา้ ยไป อยทู่ ่ีโบสถอ์ สั สัมชญั ในปี พ.ศ. 2381

171 จนปี พ.ศ. 2378 มุขนายก ฌอ็ ง-ปอล-อีแลร์-มีแชล กูร์เวอซี (Jean-Paul-Hilaire-Michel Courvezy) ประมุขมิสซงั สยามในขณะน้นั ไดแ้ ต่งต้งั ท่านเป็ นอุปมุขนายก (Vicar general) แลว้ ให้ ดูแลดินแดนสยามในช่วงท่ีท่านไปดูแลมิสซงั ท่ีสิงคโปร์ เมื่อกลบั มากไ็ ดร้ ับอนุญาตจากสันตะสํานกั ให้อภิเษกท่านปาเลอกวั เป็ นมุขนายกรองประจาํ มิสซังสยาม (Coadjutor Vicar Apostolic of Siam) ในปี พ.ศ. 2381 พร้อมท้งั ดาํ รงตาํ แหน่งมุขนายกเกียรตินามแห่งมาลลอส เมื่อมีการแบ่งมิส ซงั สยามออกเป็นสองมิสซงั ท่านจึงไดร้ ับแต่งต้งั ให้เป็ นประมุขมิสซงั สยามตะวนั ออกเป็ นท่านแรก ในวนั ท่ี 10 ก.ย. พ.ศ. 2384 ผลงานสาคญั ทม่ี ีต่อการสร้างสรรค์ชาติไทยสามารถสรุปได้ดังนี้ 1. ด้านอกั ษรศาสตร์ บาทหลวงปาลเลอกวั ซ์ศึกษาภาษาไทยและบาลีจนมีความรู้ แตกฉาน และไดท้ าํ พจนานุกรมภาษาไทยข้ึน โดยมีวชิรญาณเถระ ไดท้ รงช่วยจดั ทาํ ดว้ ย และ บาทหลวงปาลเลอกวั ซ์ไดถ้ วายการสอนภาษาละตินใหพ้ ระองค์ ซ่ึงเป็นจุดเริ่มตน้ สาํ คญั ที่ทาํ ให้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงทราบความรู้และความคิดของชาวตะวนั ตก นอกจากน้ี บาทหลวงปาลเลอกวั ซ์ไดเ้ ขียนพจนานุกรมสี่ภาษา คือ ภาษาไทย ละติน ฝร่ังเศส องั กฤษ หรือสัพพะ พะจะนะ พาสาไท พมิ พข์ ้ึนใน พ.ศ. 2397 เขียนหนงั สือไวยากรณ์ ภาษาไทยเป็นภาษาฝรั่งเศส และแต่งหนงั สือเรื่อง \"เล่าเร่ืองเมืองสยาม\" ทาํ ใหช้ าวยโุ รปรู้จกั เมืองไทยดียง่ิ ข้ึน 2. ด้านวทิ ยาการตะวนั ตก บาทหลวงปาลเลอกวั ซ์มีความรู้ในดา้ นภูมิศาสตร์และ วทิ ยาศาสตร์ โดยเฉพาะดาราศาสตร์ ฟิ สิกส์ และเคมี และมีความรู้ความชาํ นาญทางดา้ นวชิ าการ ถ่ายรูป รวมท้งั เป็ นผนู้ าํ วทิ ยาการถ่ายรูปเขา้ มาในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2388 โดยสงั่ ซ้ือกลอ้ ง ถ่ายรูปมาจากฝร่ังเศส และมีฝีมือในการชุบโลหะ ซ่ึงบุตรหลานขา้ ราชการบางคนไดเ้ รียนรู้วชิ า เหล่าน้ีจากท่าน นอกจากน้ี บาทหลวงปาลเลอกวั ซ์ไดส้ ร้างโรงพิมพภ์ ายในวดั คอนเซ็ปชญั และ จดั พมิ พห์ นงั สือสวดมนต์ 3. ด้านศาสนา บาทหลวงปาลเลอกวั ซ์ไดส้ ร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่คริสตศาสนจกั ร คาทอลิกในประเทศไทย เช่น สร้างสาํ นกั พระสังฆราชเพื่อเผยแผค่ ริสตศ์ าสนาท่ีวดั อสั สมั ชญั บาง รัก และไดย้ า้ ยจากวดั คอนเซ็ปชญั ไปอยทู่ ี่วดั อสั สัมชญั จนกระทง่ั มรณภาพ 6. หมอบรัดเลย์ (ดร.แดน บชี บรัดเลย์) แดเนียล บีช บรัดเลย์ เป็นชาวเมืองมาร์เซลลสั (Marcellus) เกิดเมื่อ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2347 บุตรคนท่ีหา้ ของนายแดน บรัดเลย์ และนางยนู ิช บีช บรัดเลย์ สาํ เร็จการแพทยจ์ าก มหาวทิ ยาลยั นิวยอร์ก สมรสกบั ภรรยาคนแรก เอมิลี รอยส์ บรัดเลย์ และภรรยา

172 คนท่ีสอง ซาราห์ แบลคลี บรัดเลยแ์ ดเนียล บีช บรัดเลย์ ถึงกรุงเทพฯ ในวนั ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2378 ซ่ึงตรงกบั วนั เกิดปี ท่ี 31 พอดี โดยมาถึงพร้อมภรรยา เอมิลี เขา้ มาทาํ งานในคณะกรรมธิการ พนั ธกิจคริสตจกั รโพน้ ทะเล (American Board of Commissioners for Foreign Missions) ต้งั แต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2379 ในสมยั รัชกาลท่ี 3 พกั อาศยั อยูแ่ ถววดั เกาะ สาํ เพง็ (วดั สมั พนั ธวงศ)์ โดยอาศยั พกั รวมกบั ครอบครัวของศาสนาจารยส์ ตีเฟน จอห์นสัน หมอบรัดเลย์ เปิ ดโอสถศาลาข้ึนเป็นท่ีแรกในสยาม เพอ่ื ทาํ การรักษา จ่ายยาและหนงั สือเก่ียวกบั ศาสนาใหก้ บั คนไข้ แต่เนื่องจากในยา่ นน้นั มีชาวจีนอาศยั อยู่ กิจการน้ีจึงถูกเพง่ เลง็ วา่ อาจทาํ ใหช้ าว จีนกระดา้ งกระเด่ืองต่อรัฐบาลสยามได้ จึงกดดนั ใหเ้ จา้ ของท่ีดินคือนายกล่ิน ไม่ใหม้ ิชชนั นารีเช่า อีกตอ่ ไป ต่อมาจึงยา้ ยไปอยแู่ ถวกุฎีจีน ที่เป็นยา่ นของชาวโปรตุเกส เช่าบา้ นที่ปลูกใหฝ้ รั่งเช่าของ เจา้ พระยาพระคลงั ซ่ึงตอ่ มาคือสมเด็จพระยาบรมมหาประยรู วงศ์ (ดิศ บุนนาค) บริเวณหนา้ วดั ประยรุ วงศาวาส โดยหมอบรัดเลยแ์ ละคณะมิชชนั นารีดดั แปลงบา้ นเช่าที่พกั แห่งใหม่น้ีเป็นโอสถ ศาลา เปิ ดทาํ การเมื่อ 30 ตุลาคม 2378 ท่ีบา้ นพกั แห่งใหม่น้ี หมอบรัดเลยไ์ ดท้ าํ การผา่ ตดั คร้ังสาํ คญั ในประวตั ิศาสตร์การแพทยข์ อง ไทย โดยตดั แขนใหแ้ ก่พระภิกษุรูปหน่ึง เมื่อวนั ที่ 13 มกราคม 2380 พระภิกษุรูปน้นั ประสบ อุบตั ิเหตุจากกระบอกบรรจุดินดาํ ทาํ พลุแตก ในงานฉลองที่วดั ประยรุ วงศ์ ซ่ึงประสบความสาํ เร็จดี จนเป็นที่เล่ืองลือ เพราะแตก่ ่อนคนไทยยงั ไม่รู้วธิ ีผา่ ตดั ร่างกายมนุษยแ์ ลว้ ยงั มีชีวติ อยดู่ ี เม่ือ พ.ศ. 2395 จึงมาเช่าท่ีหลวง ต้งั โรงพมิ พอ์ ยบู่ ริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ ขา้ งป้อม วชิ ยั ประสิทธ์ิ ติดกบั พระราชวงั เดิม พกั อาศยั อยทู่ ี่นนั่ จนเสียชีวติ เมื่อวนั ท่ี 23 มิถุนายน พ.ศ. 2416 อายุ 69 ปี ผลงาน ทาํ การผา่ ตดั แผนใหมเ่ ป็นรายแรกของประเทศไทย ปลูกฝีป้องกนั ไขท้ รพษิ สาํ เร็จเป็ น รายแรกของประเทศไทยต้งั โรงพมิ พแ์ ละตีพมิ พป์ ระกาศห้ามสูบฝิ่น ซ่ึงเป็นประกาศทางราชการท่ี ใชว้ ธิ ีตีพมิ พเ์ ป็นคร้ังแรก ริเร่ิมนิตยสาร บางกอกรีคอเดอ (The Bangkok Recorder) หนงั สือพมิ พ์ ภาษาไทยฉบบั แรก พมิ พป์ ฏิทินสุริยคติเป็ นภาษาไทยข้ึนเป็นคร้ังแรก พมิ พห์ นงั สือคมั ภีร์ครรภท์ รักษา หนงั สือพระบญั ญตั ิสิบประการ (The 10 Commandments) ซ่ึงเป็นหนงั สือสอนคริสตศ์ าสนา มีท้งั หมด 12 หนา้ 7. พระยารัษฏานุประดิษฐมหศิ รภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ประวตั ิ พระยารัษฎานุประดิษฐ์ พระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซิมบ้ี) เกิดท่ีจงั หวดั ระนอง เมื่อวนั พธุ เดือน 5 ปี มะเส็ง พ.ศ. 2400 เป็นบุตรชายคน สุดทอ้ งของ พระยารัตนเศรษฐี (คอซูเจียง) จีนฮกเก้ียน ที่ได้

173 รับบรรดาศกั ด์ิเล่ือนฐานะจากพอ่ คา้ เป็นขนุ นาง พระยารัษฎานุประดิษฐฯ์ มีมารดาเป็ นชาวนา ชื่อกิ้ม มีพช่ี ายต่างมารดา 5 คนดงั น้ี 1. คอซิมเจง่ (หลวงศรีโลหภูมิพิทกั ษ์ ผชู้ ่วยราชการเมืองระนอง) 2. คอซิมก๊อง (พระยาดาํ รงสุจริตมหิศรภกั ดี สมุหเทศาภิบาลมณฑลชุมพร) 3. คอซิมจว๋ั (หลวงศกั ด์ิศรีสมบตั ิ ผชู้ ่วยราชการเมืองระนอง) 4. คอซิมขิม (พระยาอษั ฎงคตทิศรักษา ผชู้ ่วยราชการเมืองกระบุรี) 5. คอซิมเตก๊ (พระยาจรูญราชโภคากรณ์ ผชู้ ่วยราชการเมืองหลงั สวน) พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ เริ่มรับราชการ ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจา้ อยูห่ วั เม่ือ พ.ศ. 2425 โดยพ่ีชายคือ พระยารัตนเศรษฐี (คอซิมก๊อง) เจา้ เมืองระนองขณะน้นั เป็ น ผนู้ าํ ตวั ไปถวายเป็นมหาดเลก็ และไดร้ ับพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ป็ นท่ี หลวงบริรักษโ์ ลหะวไิ สย ผชู้ ่วยเมืองระนอง แลว้ เลื่อนเป็นท่ี พระวษั ฎงคตทิศรักษา เจา้ เมืองกระบุรี เมื่อพ.ศ. 2428 ไดแ้ สดง ความสามารถ สร้างบา้ นบาํ รุงเมืองใหเ้ ป็นท่ีปรากฏ จึงไดร้ ับ พระมหากรุณาธิคุณโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ป็นท่ี พระยารัษฎานุประดิษฐม์ หิศรภกั ดี เจา้ เมืองตรังในปี พ.ศ. 2433 และในปี พ.ศ. 2455 โปรดเกลา้ ใหเ้ ป็น สมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต ผลงาน 1. ด้านการปกครอง กุศโลบายหลกั ในการปกครองของท่านคือ หลกั พ่อปกครองลูก ทาํ นอง เดียวกบั ท่ีใชใ้ นยคุ สุโขทยั นอกจากจะยดึ หลกั พอ่ ปกครองลูกแลว้ ยงั ยดึ หลกั ในการแบ่งงาน และ ความรับผดิ ชอบแก่ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา ดงั จะเห็นไดจ้ าก การริเริ่มจดั ต้งั ท่ีวา่ การกาํ นนั ข้ึนเป็ นแห่งแรก ท่ีมณฑลภูเก็ต และไดจ้ ดั ระเบียบการประชุมผใู้ หญ่บา้ น กาํ นนั นายอาํ เภอใหเ้ ป็นที่แน่นอน 2. ด้านการส่งเสริมอาชีพราษฎร อาจจะเป็ นเพราะพระยารัษฎานุประดิษฐฯ์ เกิดในตระกูล พอ่ คา้ ท่านจึงมีโลกทรรศน์ ตา่ งจากขนุ นางอื่น ๆ คือ มีอุปนิสัยบาํ รุงการคา้ เม่ือเป็ นเจา้ เมืองตรัง ได้ ยา้ ยจากตาํ บลควนธานีไปอยตู่ าํ บลกนั ตงั ดว้ ยเหตุผลที่วา่ มีทาํ เลการคา้ ที่ดีกวา่ เรือกลไฟ เรือสินคา้ ใหญ่ สามารถเขา้ ถึงไดส้ ะดวก เหล่าน้ีเป็นตน้ 3. ด้านการคมนาคม พระยารัษฎานุประดิษฐฯ์ ใหค้ วามสาํ คญั เป็ นที่สุด โดยเฉพาะการสร้าง ถนน 4. ด้านการรักษาความสงบและปราบปรามโจรผูร้ ้าย พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ ไดส้ ร้าง ความคิดใหม่ข้ึนในหมู่ราษฎร กล่าวคือ ราษฎรทุกคนต้องถือเป็ นหน้าท่ี โดยเพื่อนบ้าน และ เจา้ หนา้ ที่ในการปราบปรามโจรผรู้ ้ายจะทอดธุระใหแ้ ก่เจา้ พนกั งาน บา้ นเมืองฝ่ ายเดียวไม่ได้ 5. ด้านการศึกษา แมพ้ ระยารัษฎานุประดิษฐ์จะเขียนหนงั สือไม่ได้ แต่ท่านก็ประจกั ษใ์ น คุณประโยชน์ของการศึกษาไดพ้ ยายามสนบั สนุนในทุกทาง เร่ิมแรกให้ใช้วดั เป็ นโรงเรียน จดั หา

174 ครูไปสอน บางคร้ังก็นิมนต์พระสงฆไ์ ปสอน นอกจากน้ี ยงั ไดค้ ดั เลือกบุตรหลานขา้ ราชการ ผดู้ ีมี สกลุ ในจงั หวดั ตา่ ง ๆ ไปเรียนภาษาองั กฤษที่ปี นงั เป็นตน้ 6. ด้านการสาธารณสุข นอกจากพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ จะรณรงค์เรื่องความสะอาด บงั คบั ใหร้ าษฎรดูแลบา้ นเรือน ใหส้ ะอาดเรียบร้อย ผลงานของพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ นับไดว้ ่า เป็ นเลิศกว่านกั ปกครองคนอ่ืน ๆ ในยุค เดียวกนั ท่านไดร้ ับการยกยอ่ ง แมใ้ นหมู่ชาวต่างประเทศและตลอดแหลมมลายู ยุคน้นั ว่า เป็ นผูม้ ี ความสามารถสูง มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ เป็นท้งั นกั ปกครอง และนกั พฒั นาในเวลาเดียวกนั เพื่อเป็นการแสดงกตญั ํูตอ่ พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ราษฎรและขา้ ราชการ จงั หวดั ตรังจึงได้ สละทรัพยส์ มทบ สร้างอนุสาวรีย์ พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภกั ดีข้ึนที่ตาํ บลทบั เที่ยง อาํ เภอ เมืองตรัง จงั หวดั ตรัง ในวนั ท่ี 10 เมษายน ของทุก ๆ ปี ซ่ึงเรียกกนั วา่ \"วนั พระยารัษฎานุประดิษฐ\"์ จะมีการวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ 8. พระยากลั ยาณไมตรี (ดร.ฟรานซิส บ.ี แซร์) พระยากลั ยาณไมตรี เกิดเมื่อ พ.ศ. 2428 ท่ี มลรัฐเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา สาํ เร็จการศึกษาจาก มหาวทิ ยาลยั ฮาร์วาร์ด และไดเ้ ป็นศาสตราจารยว์ ชิ า กฎหมายของมหาวทิ ยาลยั แห่งน้ี ก่อนท่ีจะเขา้ มารับ ราชการในประเทศไทยในตาํ แหน่งที่ปรึกษากระทรวง การตา่ งประเทศ ต้งั แต่ พ.ศ. 2466 ถึง พ.ศ. 2468 ดร.แซร์ มีบทบาทสาํ คญั ในการปลดเปล้ืองขอ้ งผูกพนั ตามสนธิสัญญาเบาวร์ ิงท่ีไทยทาํ ไว้ กบั ประเทศองั กฤษในสมยั รัชกาลที่ 4 และสนธิสัญญาลกั ษณะเดียวกนั ที่ไทยทาํ ไวก้ บั ประเทศอ่ืน ๆ ซ่ึงฝ่ ายไทยเสียเปรียบมากในเร่ืองที่คนในบงั คบั ต่างชาติไม่ตอ้ งข้ึนศาลไทย และไทยจะเก็บภาษีจาก ต่างประเทศเกินร้อยละ 3 ไม่ได้ ประเทศไทยพยายามหาทางแกไ้ ขสนธิสัญญาเสียเปรียบน้ีมาโดย ตลอด ต้งั แต่สมยั รัชกาลที่ 5 มาจนถึงสมยั รัชกาลท่ี 6 ปรากฏวา่ มีเพียง 2 ประเทศท่ียอมแกไ้ ขให้ โดยยงั มีขอ้ แมบ้ างประการ ไดแ้ ก่ สหรัฐอเมริกาเป็ นประเทศแรกท่ียอมแกไ้ ขใน พ.ศ. 2436 และ ญ่ีป่ ุนยอมแกไ้ ขใน พ.ศ. 2566 เมื่อ ดร.แซร์ เขา้ มาประเทศไทยแลว้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยูห่ วั ทรงแต่งต้งั ให้เป็ นผูแ้ ทนประเทศไทยไปเจรจาขอแก้ไขสนธิสัญญากบั ประเทศในยุโรป ดร.แซร์ เร่ิมออก เดินทางไปปฏิบตั ิงานใน พ.ศ. 2467 การเจรจาเป็ นไปอยา่ งยากลาํ บาก โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งการเจรจา กบั องั กฤษและฝร่ังเศสซ่ึงตา่ งกพ็ ยายามรักษาผลประโยชน์ของตนเต็มท่ี แต่เนื่องจาก ดร.แซร์ เป็ นผู้ มีวิริยอุตสาหะ มีความสามารถทางการทูต และมีความต้งั ใจดีต่อประเทศไทย ประกอบกับ สถานภาพส่วนตวั ของ ดร.แซร์ ที่เป็ นบุตรเขยของประธานาธิบดีวดู โรว์ วลิ สัน แห่งสหรัฐอเมริกา

175 จึงทาํ ให้การเจรจาประสพความสําเร็จ ประเทศในยุโรปที่ทาํ สนธิสัญญากบั ไทย ไดแ้ ก่ ประเทศ องั กฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สเปน โปรตุเกส เดนมาร์ก สวีเดน อิตาลี และเบลเยี่ยม ยินยอมแก้ สนธิสญั ญาใหเ้ ป็นแบบเดียวกบั ท่ีสหรัฐอเมริกายอมแกใ้ ห้ ดร.แซร์ ถวายบงั คมลาออกจากหนา้ ที่ กลบั ไปสหรัฐอเมริกาใน พ.ศ. 2486 แต่ก็ยงั ยนิ ดีที่จะ ช่วยเหลือประเทศไทย ดงั เช่นใน พ.ศ.2469 หลงั จากที่พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยูห่ วั ทรงข้ึน ครองราชย์ได้ไม่นาน ดร.แซร์ได้ถวายคาํ แนะนําเก่ียวกับสถานการณ์บา้ นเมือง และแนวทาง แกป้ ัญหาตา่ ง ๆ ตามที่ทรงถามไป และยงั ไดร้ ่างรัฐธรรมนูญถวายใหท้ รงพจิ ารณาดว้ ย จากคุณงามความดีที่ ดร.แซร์ มีต่อประเทศไทย จึงไดร้ ับพระราชทานบรรดาศกั ด์ิเป็ นพระ ยากลั ยาณไมตรี เม่ือ พ.ศ. 2470 และต่อมาใน พ.ศ. 2511 รัฐบาลไทยไดต้ ้งั ช่ือถนนขา้ งกระทรวง ต่างประเทศ (วงั สราญรมย)์ ว่าถนนกลั ยาณไมตรีพระยากลั ยาณไมตรีถึงแก่อนิจกรรมท่ีประเทศ สหรัฐอเมริกา เม่ือ พ.ศ. 2515 อายไุ ด้ 87 ปี 9. ศาสตราจารย์ศิลป์ พรี ะศรี ศาสตราจารย์ ศิลป์ พรี ะศรี (15 กนั ยายน พ.ศ. 2435 - 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2505) เดิมชื่อ คอร์ราโด เฟโรชี (Corrado Feroci) ชาวอิตาลี สัญชาติไทย เป็นประติมากร จากเมืองฟลอเรนซ์ท่ีเขา้ มารับราชการในประเทศไทย ต้งั แตส่ มยั พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั โดยถือเป็ นปูชนียบุคคลคนหน่ึงของไทยท่ีไดส้ ร้างคุณูปการ ในทางศิลปะและมีผลงานท่ีเป็นที่กล่าวขานจนเป็ นท่ีรู้จกั กวา้ งขวาง ท้งั ยงั เป็นผกู้ ่อต้งั และอาจารยส์ อนวชิ าศิลปะ ที่โรงเรียนประณีตศิลปกรรม ซ่ึงภายหลงั ไดร้ ับการยกฐานะ ใหเ้ ป็นมหาวทิ ยาลยั ศิลปากร โดยศาสตราจารยศ์ ิลป์ ไดด้ าํ รงตาํ แหน่งอธิการบดีคนแรกของ มหาวทิ ยาลยั มีความรักใคร่ ห่วงใยและปรารถนาดีต่อลูกศิษยอ์ ยตู่ ลอดจนเป็นท่ีรักและนบั ถือท้งั ใน หมู่ศิษยแ์ ละอาจารยด์ ว้ ยกนั ศาสตราจารยศ์ ิลป์ ยงั เป็ นผวู้ างรากฐานท่ีเขม้ แขง็ ใหแ้ ก่วงการศิลปะไทยสมยั ใหม่จากการท่ี ไดพ้ ร่ําสอนและผลกั ดนั ลูกศิษยใ์ ห้ไดม้ ีความรู้ความสามารถในวชิ าศิลปะท้งั งานจิตรกรรมและงาน ช่าง มีจุดประสงคใ์ หค้ นไทยมีความรู้ความเขา้ ใจในศิลปะและสามารถสร้างสรรคง์ านศิลปะไดด้ ว้ ย ความสามารถของบุคลากรของตนเอง การก่อต้งั มหาวิทยาลยั ศิลปากรจึงเปรียบเสมือนการหว่าน เมล็ดพนั ธุ์ใหแ้ ก่คนไทยเพ่ือท่ีจะออกไปสร้างศิลปะเพื่อแผน่ ดินของตน และถึงแมจ้ ะริเริ่มรากฐาน ของความรู้ด้านศิลปะตะวนั ตกในประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกนั ศาสตรจารยศ์ ิลป์ ก็ได้ศึกษา ศิลปะไทยอยา่ งลึกซ้ึง เนื่องจากตอ้ งการใหค้ นไทยรักษาความงามของศิลปะไทยเอาไว้ จึงไดเ้ กิดการ

176 สร้างลูกศิษยท์ ่ีมีความรู้ท้งั งานศิลปะตะวนั ตกและศิลปะไทยออกไปเป็ นกาํ ลงั สําคญั ให้แก่วงการ ศิลปะไทยเป็นจาํ นวนมาก และเกิดรูปแบบงานศิลปะไทยสมยั ใหม่ในที่สุด ผลงานประตมิ ากรรม ตลอดชีวิตการทาํ งานของศาสตราจารยศ์ ิลป์ ท่านไดส้ ร้างผลงานประติมากรรมไวม้ ากมาย โดยผลงานที่ยงั มีอยมู่ าจนถึงปัจจุบนั อาทิเช่น 1. สมเด็จเจา้ ฟ้ากรมพระยานริศรานุวดั ติวงศ์ (เฉพาะพระเศียร) - ทาํ จากสาํ ริด ถือเป็ นผลงานชิ้นแรกที่ทาํ ใหศ้ าสตราจายศ์ ิลป์ เป็ นที่รู้จกั 2. พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั (เฉพาะพระเศียร) - พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพอพระราชหฤทยั เป็นอยา่ งมากหลงั ไดเ้ ห็น พระบรมรูปของพระองค์ 3. พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (คร่ึงพระองค)์ - ทาํ ปูนปลาสเตอร์ ปัจจุบนั อยทู่ ่ีกองหตั ถศิลป์ กรมศิลปากร 4. พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั อานนั ทมหิดล 2 องค์ - ทาํ ปูนปลาสเตอร์ ปัจจุบนั อยทู่ ่ีกองหตั ถศิลป์ 5. พระพนั วสั สาอยั ยกิ าเจา้ - เป็นประติมากรรมนูนต่าํ ดว้ ยปูนปลาสเตอร์ ปัจจุบนั อยทู่ ่ีหอศิลปแห่งชาติ 6. สมเดจ็ กรมพระยาดาํ รงราชานุภาพ (คร่ึงพระองค)์ - ทาํ จากปูนปลาสเตอร์ ปัจจุบนั อยทู่ ่ีกองหตั ถศิลป์ กรมศิลปากร 7. สมเด็จพระพทุ ธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) วดั เทพศิรินทราวาส (คร่ึงองค)์ - ปัจจุบนั อยใู่ นกรมศิลปากร 8. พระญาณนายก (ปล้ืม จนั โทภาโส มณีนาค) วดั อุดมธานี จงั หวดั นครนายก - เป็นประติมากรรมนูนสูง ทาํ จากปูนพลาสเตอร์ 9. หลวงวจิ ิตรวาทการ (คร่ึงตวั ) - ทาํ จากปูนปลาสเตอร์ ปัจจุบนั อยทู่ ่ีกรมศิลปากร 10 ม.ร.ว.สาทิศ กฤดากร (เฉพาะศีรษะ) - ทาํ จากบรอนซ์ เจา้ ของคือ ม.จ.รัสสาทิศ กฤดากร นางมาลินี พีระศรี (เฉพาะศีรษะ) - ปัจจุบนั ต้งั อยทู่ ี่พิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ กรุงเทพมหานคร 11. โรมาโน (ลูกชาย ภาพร่างไมเ่ สร็จ) - ปัจจุบนั อยทู่ ่ีกรมศิลปากร 12. นางมีเซียม ยบิ อินซอย (รูปเหมือนคร่ึงตวั )

177 - ทาํ จากบรอนซ์ ปัจจุบนั อยทู่ ่ีหอศิลปแห่งชาติ 13. พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั อานนั ทมหิดล (เฉพาะพระเศียร) 14. พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดช - คร่ึงพระองค์ ป้ันไม่เสร็จ เพราะศาสตราจารยศ์ ิลป์ พรี ะศรี ถึงแก่อนิจกรรมเสียก่อน กล่าวโดยสรุป การที่ชาติไทยสามารถดาํ รงอยูไ่ ดแ้ ละมีพฒั นาการมาโดยลาํ ดบั น้นั เพราะมี บุคคลสําคญั จาํ นวนมากท้งั ชาวไทยและชาวต่างชาติไดส้ ร้างผลงานท่ีมีคุณประโยชน์ต่อชาติไทย บุคคลสําคญั ที่ยกตวั อย่างมาน้ี มีส่วนสําคญั ต่อการสร้างสรรคช์ าติไทยหลากหลายด้าน ซ่ึงคนรุ่น หลงั ควรถือเป็นแบบอยา่ งในการทาํ คุณประโยชน์ใหแ้ ก่ชาติบา้ นเมือง *********************************

178

บรรณานุกรม แถมสุข นุ่มนนท.์ เจาะเวลาหาอดีต หลกั ฐานประวตั ศิ าสตร์ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : อกั ษรเจริญทศั น,์ 2545 ธีระ นุชเป่ี ยม. ประวตั ิศาสตร์ชาตไิ ทย. กรุงเทพฯ : ก พล(1996), 2558 นิธิ เอียวศรีวงศ์ และอาคม พฒั ิยะ. หลกั ฐานประวตั ิศาสตร์ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : บรรณกิจเทรดดิ้ง, 2545 ณรงค์ พว่ งพิศ และวฒุ ิชยั มูลศิลป์ . ประวตั ศิ าสตร์ชาติไทย มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4-5. กรุงเทพฯ : ไทยร่มเกลา้ , 2554 ประวตั ิศาสตร์ชาตไิ ทย [On-line]. Available from https://th.wikipedia.org/ประวตั ิศาสตร์ไทย (วนั ท่ีสืบคน้ : 27 มิถุนายน 2560) ศาสนาสาคญั ในประเทศไทย [On-line]. Available from ttps://sites.google.com/site/sasnasakhayniprathesthiym41/ (วนั ที่สืบคน้ : 27 มิถุนายน 2560) พระมหากษตั ริย์ในสมัยรัตนโกสินทร์ [On-line]. Available from https://hilight.kapook.com/view/135022 (วนั ที่สืบคน้ : 27 มิถุนายน 2560) พระมหากษตั ริย์ในสมัยรัตนโกสินทร์ [On-line]. Available from https://th.wikipedia.org/wiki/ พระมหากษตั ริยไ์ ทย https://ponchai55.files.wordpress.com/...ประวตั ิศาสตร์ไทย ม.4-6 - สังคมแห่งการ เรียนรู้ (วนั ท่ีสืบคน้ : 27 มิถุนายน 2560) รัชกาลท่ี 1-10 [On-line]. Available from http://tententennnn.blogspot.com/ประวตั ิรัชกาลที่ 1-10 (วนั ที่สืบคน้ : 27 มิถุนายน 2560) ศิริพร ดาบเพชร คมคาย มากบวั และประจกั ษ์ แป๊ ะสกลุ .ประวตั ิศาสตร์ไทย ม.4-ม.6. กรุงเทพฯ : อกั ษรเจริญทศั น์, 2558 กรุงสุโขทยั (เอกสารออนไลน์) เขา้ ถึงไดจ้ ากกรุงศรีอยธุ ยา (เอกสารออนไลน์) เขา้ ถึงไดจ้ ากกรุงธนบุรี (เอกสารออนไลน์) เขา้ ถึงไดจ้ ากที่มา : http://slideplayer.in.th/slide/3074340/ (วนั ท่ีสืบคน้ : 27 มิถุนายน 2560) ท่ีมา : http://www.skoolbuz.com/library/content/ 1385 (วนั ที่สืบคน้ : 27 มิถุนายน 2560) https://th.wikipedia.org/wiki/ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (วนั ที่สืบคน้ : 27 มิถุนายน 2560 https://th.wikipedia.org/.../ พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหิดล (วนั ที่สืบคน้ : 27 มิถุนายน 2560)

www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/news/ 25734 (วนั ท่ีสืบคน้ : 27 มิถุนายน 2560) https://th.wikipedia.org/wiki/ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (วนั ท่ีสืบคน้ : 27 มิถุนายน 2560) http://vichiton.blogspot.com/2017/06/1.html=พระบรมวงศานุวงศท์ ี่มีบทบาทในการสร้างสรรคช์ าติไทย (วนั ท่ีสืบคน้ : 27 มิถุนายน 2560) www.trueplookpanya.com/learning/detail/19548/029810/พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท (วนั ท่ีสืบคน้ : 27 มิถุนายน 2560) https://www.google.co.th/search?q=ภาพสมเดจ็ พระสุริโยทยั (วนั ท่ีสืบคน้ : 27 มิถุนายน 2560) https://ponchai55.files.wordpress.com/...ประวตั ิศาสตร์ไทยม.4-6 – สงั คมแห่งการเรียนรู้ thebestkiki.blogspot.com/ (วนั ที่สืบคน้ : 27 มิถุนายน 2560)

คณะทป่ี รึกษา คณะผู้จัดทา 1. นางสาวประดินนั ท์ สดีวงศ์ 2. นายถาวร พลีดี ผอู้ านวยการ สานกั งาน กศน.จงั หวดั อานาจเจริญ 3. นางสุวราอรร์ สจั ธรรม รองผอู้ านวยการ สานกั งาน กศน.จงั หวดั อานาจเจริญ 4. นายรังสิทธ์ิ ประการแกว้ ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอเมืองอานาจเจริญ 5. นายหรรษา ใจภกั ด์ิ ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอหวั ตะพาน 6. นางนาถหทยั สิงหเลิศ ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอปทุมราชวงศา 7. นายเสรี ทิพจรุญ ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอพนา 8. นางพชั ราภรณ์ เหล็กกลา้ ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอเสนางคนิคม 9. นางเรณู สังขข์ าว ศึกษานิเทศกช์ านาญการพิเศษ 10. นางคมขา แกว้ น่วม ศึกษานิเทศกช์ านาญการพิเศษ 11. นางอรัญญา บวั งาม ขา้ ราชการบานาญ 12. นายยศวรรธน์ วรรณวงศ์ ขา้ ราชการบานาญ 13. นายวทิ ูร หาทอง ขา้ ราชการบานาญ ผทู้ รงคุณวฒุ ิ คณะผ้จู ัดทา 1. นางเรณู สังขข์ าว ศึกษานิเทศกช์ านาญการพิเศษ สานกั งาน กศน.จงั หวดั อานาจเจริญ 2. นางนุชรินทร์ วรโพธ์ิ ครูชานาญการพิเศษ โรงเรียนอานาจเจริญ 3. นางเพญ็ ศรี ผาลิวงศ์ ครูชานาญการพเิ ศษ โรงเรียนอานาจเจริญ 4. นางธิรัตฏิกานต์ สุวะพนั ธ์ ครูชานาญการ โรงเรียนอานาจเจริญ 5. นางระเบียบ ประการแกว้ ครูอาสาสมคั รการศึกษานอกโรงเรียน 6. นางมทั นา โฉมเฉลา ครูอาสาสมคั รการศึกษานอกโรงเรียน 7. นางศรีมาลา ใจเด็ด ครู กศน.ตาบล 8. นางสาวสิริวมิ ล นาซิว ครู กศน.ตาบล 9. นางสาวพชั ชาณญั ย์ ศรีมนั ตะ ครู กศน.ตาบล 10. นางสาวหทยั ชนก หลวงเทพ ครู กศน.ตาบล 11. นางสาวผอ่ งใส ศรีสุข ครู กศน.ตาบล 12. นายเครือณรงค์ ใจเด็ด ครู กศน.ตาบล 13. นายคมกฤษฏ์ิ กาบคา ครู กศน.ตาบล 14. นางสาวพลอย อุทิตสาร ครูศูนยก์ ารเรียนชุมชน 15. นายวชั ธิกร เดชชชั พงษ์ นกั จดั การงานทวั่ ไป 16. นางสาวศิรินทร อุดศรี เจา้ หนา้ ที่บริหารงานทว่ั ไป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook